Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาภาษาไทย ป.3

วิชาภาษาไทย ป.3

Published by juthamanee.suksawai, 2023-02-18 15:17:46

Description: วิชาภาษาไทย ป.3

Search

Read the Text Version

29 ๕. ครูใหน้ กั เรยี นสังเกตคำทีอ่ อกเสยี งเหมือนกันแตค่ วามหมายต่างกัน เชน่ คำวา่ ศุกร์ กับ สขุ , การ กับ กาลโจทย์ กบั โจทก,์ พัก กบั พรรค เราเรยี กว่า คำพ้องเสยี ง ๖. ใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะการเรียนรู้ โดยเลือกคำอา่ นนำไปเขียนใหส้ มั พนั ธก์ ับภาพ และ ขดี เส้นใตค้ ำทม่ี เี สยี งเหมือนกันในประโยคเม่ือทุกคนทำเสรจ็ แลว้ ขออาสาสมัครอา่ นนำ ให้เพอื่ น ๆ อา่ นตามพรอ้ มกัน ๗. ใหน้ ักเรยี นนำคำจากเร่ืองบนกระดานที่เป็นคำพ้องรูปและคำพ้องเสียง เขียนคำอา่ นและความหมาย ดัง ตาราง คำ คำอา่ น ความหมาย เพลา เพ – ลา เวลา เพลา แกนล้อหมนุ ปรัก ปะ – หรกั หกั ปรัก เงนิ เสมา เส – มา เครอื่ งหมายบอกเขตโบสต์ สะ – เหมา หญา้ ศุกร์ สกุ วันท่ี ๖ ของสปั ดาห์, ดาวเคราะห์ สุข สุก ความสบาย, ความสำราญ การ กาน งาน สิ่งหรือเร่ืองที่ทำ กาล กาน เวลา โจทก์ โจด บคุ คลผฟู้ ้องคดีต่อศาลผู้กล่าวหา โจทย์ โจด คำถามในวิชาคณติ ศาสตร์ พัก พกั หยุดช่วั คราว พรรค พัก หมคู่ นที่เขาร่วมกันเป็นพวกเป็น ฝา่ ย ๘. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของคำอ่านและความหมาย แล้วอ่านออกเสียงคำอีกครั้ง หนึ่ง ๙. ให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดงั น้ี ๏ คำพ้องรปู และคำพ้องเสียงเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร ส่อื การเรยี นรู้ แผนภมู ิ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้

30 ๑. วธิ กี ารวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครอ่ื งมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓. เครื่องมอื การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น

แผนการจัดการเรียนรู้ 31 กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 เรื่องคำพอ้ ง ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรือ่ งรจู้ ักคำพอ้ งรปู สอนวันท่ี 11 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นำไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หา ในการดำเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรักการอา่ น ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ ป. ๓/๑ อ่านออกเสยี งคำ ข้อความ เรื่องสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว ท ๑.๑ ป. ๓/๒ อธิบายความหมายของคำและข้อความท่ีอา่ น จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธิบายลกั ษณะของคำพ้องรูป (K) ๒. อ่านคำพ้องรปู ได้ถูกต้องตามความหมาย (P) ๓. เหน็ ความสำคัญของคำพ้องรปู (A) สาระสำคญั คำพ้องรูป เป็นคำทเี่ ขียนเหมือนกนั แต่อ่านออกเสียงตา่ งกันและความหมายต่างกนั สาระการเรียนรู้ ลกั ษณะของพยัญชนะที่ไม่ออกเสยี ง สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๓. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๔. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตผุ ล - การจำแนก

32 - การสรุปความรู้ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวช้ีวัดที่ ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ ช้ินงาน/ภาระงาน ผลงานการเขียนคำอา่ นจากประโยคทีเ่ ปน็ คำพ้องรปู คำถามท้าทาย คำพ้องรปู ใช้ทำอะไรได้บา้ ง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ คำพอ้ งรูปใชท้ ำอะไรได้บ้าง ๒. ครูให้นักเรียนดูบตั รคำบนกระดาน ดังน้ี สระผม สระอา ๓. ให้นักเรียนอ่านคำในบัตรคำ และรว่ มกันสนทนา โดยครูใช้คำถาม ดงั นี้ ๐ คำสองคำน้ีมีอะไรทเ่ี หมอื นกัน ( เขียนเหมือนกนั ) ๐ คำวา่ สระผม อ่านอยา่ งไร (สะ – ผม) ๐ คำวา่ สระอา อ่านอย่างไร (สะ – หระ – อา) ๐ คำสองคำนี้มีอะไรที่ตา่ งกัน ( อา่ นออกเสียงตา่ งกัน ความหมายตา่ งกัน) ๔. ครูติดบัตรคำหรอื เขยี นบนกระดาน และใหน้ กั เรียนฝึกอ่าน โดยให้นักเรยี นลองอา่ นดกู อ่ น ถ้านกั เรียนอ่าน ไม่ถูก ครูอ่านใหฟ้ ังและใหน้ กั เรยี นอา่ นตาม ดงั นี้ กรีเชอื กนนั้ กรีกงุ้ อา่ นว่า กะ – รี – เชอื ก – นน้ั อ่านวา่ กรี – กงุ้ ตน้ เสมา ใบเสมา

33 อ่านวา่ ต้น – สะ – เหมา อา่ นว่า ใบ – เส – มา ครุตกั นา้ ครุศาสตร์ อ่านว่า ครุ – ตกั น้ำ อา่ นวา่ คะ – รุ –สาด หวงแหน จอกแหน อ่านวา่ หวง – แหน (หอ –แอ –นอ) อา่ นว่า จอก – แหน (หอ –นอ – แอ ) ๕. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สนทนาถงึ ความหมายของคำแต่ละคำทเ่ี ขียนเหมือนกนั แต่อ่านออกเสียงไม่ เหมือนกัน และความหมายก็ไมเ่ หมือนกนั ๖. ให้นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เร่ือง คำพ้องรูป นักเรยี นอ่านในใจ ๑ เทย่ี ว ขออาสาสมัครอา่ นนำ ใหเ้ พื่อน ๆ อ่านตามพรอ้ มกัน ๗. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปวา่ คำพอ้ งรูป คือ คำที่เขียนเหมือนกัน แต่อ่านออกเสียงตา่ งกัน และ ความหมายต่างกนั ๘. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันคิดคำพ้องรูปเพ่ิมเตมิ แลว้ อธบิ ายความหมายของคำ ๙. ใหน้ กั เรยี นเขยี นคำอ่านจากประโยคที่เป็นคำพอ้ งรปู ต่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง ๑) ร้ิวขบวนเปน็ ทวิ ยาว ๒) เทวดาและนางฟ้าอยบู่ นทวิ ๓) โกฐเขมาใช้ทำยา ๔) ย่ารสู้ ึกเขมาเม่ือกลบั มาบ้าน ๕) น้ำในสระสะอาด ๖) ครสู อนให้อา่ นออกเสียงสระเสียงสน้ั ๗) ยาถ่ายพยาธิ ๘) น้องฉนั เปน็ คนโรคพยาธิ ๙) เดินวนรอบตน้ ไม้ ๑๐) ชายทะเลเป็นเขตวนอุทยาน สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. บตั รคำ ๒. แถบประโยค การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล

34 ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เคร่อื งมอื ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง

แผนการจัดการเรยี นรู้ 35 กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรอ่ื งคำพ้อง ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แผนการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ืองคำพ้องเสียง สอนวนั ที่ 14 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพอื่ นำไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดำเนิน ชวี ติ และมีนิสัยรกั การอ่าน ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๑ อา่ นออกเสียงคำ ข้อความ เรื่องสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกต้องคลอ่ งแคลว่ ท ๑.๑ ป. ๓/๒ อธบิ ายความหมายของคำและข้อความท่ีอ่าน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายลักษณะคำพ้องเสียง (K) ๒. เขียนคำพ้องเสียงได้ถกู ต้องตามความหมาย (P) ๓. เห็นความสำคัญของคำพ้องเสียง (A) สาระสำคัญ คำพ้องเสยี ง เปน็ คำทอี่ อกเสียงเหมอื นกนั แตเ่ ขยี นต่างกัน ความหมายต่างกัน สาระการเรียนรู้ ลักษณะของคำพ้องเสยี ง สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๕. ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพดู ๖. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล - การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ

36 - การจำแนก - การปฏบิ ตั ิ - การสรปุ ความรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตัวชีว้ ดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ รกั ความเป็นไทย ตัวชวี้ ดั ที่ ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ชิน้ งาน/ภาระงาน การเขยี นคำพ้องเสียงตามคำบอก คำถามท้าทาย คำพ้องเสยี งใชท้ ำอะไรไดบ้ ้าง การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครตู ดิ แผนภูมิบทร้อยกรอง หรือเขยี นบนกระดาน และอ่านใหน้ ักเรยี นฟัง ดังน้ี วันศุกรม์ คี วามสขุ เสารส์ นุกไปหายา่ เรือนไมเ้ สามะค่า สนามหญ้ากวา้ งใหญ่ครัน ปลกู พนั ธ์ไุ ม้หลากหลาย นำไปขายได้เงินพนั มะม่วงรสหวานมนั สว่ นจนั ทนเ์ ทศใช้ทำยา มะละกอน้อยหนา่ อีกพทุ ราผลนา่ รกั คณุ ยา่ ทา่ นฟูมฟัก หมนั่ รดน้ำใส่ปุย๋ เอย จรุ พี ร มุนีโมไนย ๒. ให้นักเรียนอา่ นบทร้อยกรอง กาพยย์ านี ๑๑ พร้อมกัน ๑ – ๒ เทย่ี ว ให้อ่านครง้ั ละ ๔ – ๕ คน และสุ่มให้ อา่ นคนเดยี ว จนนักเรียนอ่านถูกต้อง คล่องแคล่ว ใหน้ กั เรยี นสงั เกตจงั หวะการอา่ นบทร้อยกรอง ทั้งรอ้ ยแก้ว และทำนองเสนาะ ๓. ให้นักเรียนสงั เกตคำจากบทร้อยกรอง โดยครใู ชค้ ำถาม ใหน้ กั เรียนตอบทลี ะคน ดังนี้ ๐ บทร้อยกรองน้ีบอกใหร้ เู้ ร่ืองอะไร (ความสขุ ทีไ่ ปบา้ นสวนของย่า) ๐ จากบทรอ้ ยกรองน้ีมีคำอะไรบ้างทอ่ี อกเสียงเหมือนกัน (ศกุ ร์กบั สุข, ย่ากบั หญา้ , เสารก์ บั เสา, พนั ธ์ุกับพนั , รสกบั รด)

37 ๐ จากบทร้อยกรองน้ีมีคำอะไรอีกบ้างที่ออกเสียงเหมือนกัน (ดวงจันทร์กับตน้ จนั ทน์, หนา้ กับนา่ , ฆา่ คา่ และข้า ฯลฯ) ๔. ให้นักเรียนอา่ นคำท่ีเขยี นไมเ่ หมือนกัน แต่ออกเสียงเหมือนกันจากบทร้อยกรอง โดยครตู ดิ บตั รคำบน กระดานดังน้ี ศกุ รก์ บั สุข, ย่ากบั หญ้า,เสารก์ ับเสา, พันธุ์กับพนั , รสกบั รด ๕. ให้นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ รื่อง คำพอ้ งเสยี ง นกั เรยี นอ่านในใจ ๑ เท่ยี ว ขออาสาสมัครอ่านนำ ให้เพื่อน ๆ อา่ นตามพร้อมกัน ๖. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปว่า คำพอ้ งเสยี ง คือ คำที่อา่ นออกเสยี งเหมือนกัน แต่เขยี นต่างกัน และความหมายตา่ งกัน ๗. ใหน้ ักเรยี นคัดบทรอ้ ยกรองตวั บรรจงเตม็ บรรทัด ๘. ให้นกั เรียนเขียนคำพ้องเสียงตามคำบอกจำนวน ๑๐ คำ ดงั น้ี ๑) สรา้ งสรรค์ ๒) เลอื กสรร ๓) สมั พันธ์ ๔) ผูกพัน ๕) ตกั บาตร ๖) บณิ ฑบาต ๗) ฤดกู าล ๘) เหตกุ ารณ์ ๙) อนญุ าต ๑๐) ญาตมิ ติ ร ๙. ใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ โดยจบั คคู่ ำกับความหมายให้สัมพนั ธ์กัน และร่วมกัน ตรวจสอบความถูกต้อง ๑๐. ให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ คำพ้องเสยี งใชท้ ำอะไรได้บ้าง สื่อการเรียนรู้ ๑. บตั รคำ ๒. แผนภูมบิ ทร้อยกรอง การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม

38 ๒) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครือ่ งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ๓. เคร่อื งมอื การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น

39 แผนการจัดการเรยี นรู้ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 3 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 13 เร่ืองคำพ้อง เวลา 1 ช่ัวโมง แผนการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่ืองสนุกกบั การอ่านออกเสียงคำพ้องรูปและคำพอ้ งเสยี ง ภาคเรียนที่ 2 สอนวนั ที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคดิ เพือ่ นำไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในกดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรักการอ่าน ตัวชว้ี ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๑ อ่านออกเสยี งคำ ข้อความ เรื่องส้ัน ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกต้อง คล่องแคลว่ ท ๑.๑ ป. ๓/๒ อธิบายความหมายของคำและข้อความท่ีอ่าน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ยกตวั อย่างและอธิบายความหมายคำพ้องรปู และคำพอ้ งเสยี ง (K) ๒. อา่ นออกเสยี งและเขยี นคำพ้องรูปและคำพ้องเสยี ง (P) ๓. เหน็ ความสำคญั ของการอ่านออกเสียงคำพ้องรูปและคำพ้องเสียง (A) สาระสำคญั คำพ้องรปู ส่ือความหมายด้วยเสยี งจงึ ตอ้ งอา่ นออกเสียงให้ถกู ต้อง สว่ นคำพ้องเสยี ง สอ่ื ความหมายดว้ ยรปู จึงต้องเขียนใหถ้ ูกต้อง สาระการเรียนรู้ การสอ่ื ความหมาย คำพอ้ งรูป และคำพ้องเสียง สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ๗. ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๘. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล - การจำแนก

40 - การสรุปความรู้ ๙. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๑๐.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มุง่ มัน่ ในการทำงาน ตัวชี้วดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ีการงาน ตวั ชว้ี ัดท่ี ๖.๒ ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนอดเพ่อื ให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย รกั ความเปน็ ไทย ตวั ชว้ี ัดท่ี ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน กจิ กรรมการอ่านคำและบอกความหมายของคำพ้องรูปและคำพอ้ งเสียง คำถามท้าทาย นกั เรยี นจะใช้คำพ้องรปู และคำพ้องเสียงโต้ตอบกนั ได้อย่างไร การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูให้นักเรียนเล่นเกมแขง่ กนั บอกคำ โดยแบ่งกล่มุ นกั เรียนเป็น ๒ กลุ่ม ให้นักเรยี นทง้ั สองกล่มุ ออกมายืนหนา้ ชัน้ เรียน สง่ ตวั แทนออกมาเปา่ ยิงฉบุ ใครชนะได้เป็นผเู้ ริ่มเลน่ ก่อนครูบอกกติกาการเลน่ ครงั้ แรก ใหน้ ักเรยี นคิดคำพ้องรปู กลุ่มทไี่ ด้เลน่ ก่อนเปน็ คนบอกคำ เชน่ บอกว่าเพ – ลา กลมุ่ ต่อไปตอ้ งบอกว่า เพลา รอบที่สอง กลุ่มที่สอง เปน็ คนบอกคำ กลุ่มแรกจะต้องบอกคำพ้องรปู ของกลมุ่ ท่ีสอง เลน่ สลับกันจนครบ ๑๐ คำ ให้สมาชกิ ในกลมุ่ ตกลงกันว่าใครจะเปน็ ผบู้ อกคำ เม่อื บอกคำ ใครเปน็ ผูเ้ ขยี นกระดาน สลบั กนั จนครบ สมาชิก ครูและนักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง รวมคะแนน ใครได้คะแนนมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ๒. เลน่ เกมแข่งกันบอกคำ แตเ่ ปลี่ยนจากคำพอ้ งรูปเป็นคำพอ้ งเสียง ครูแบง่ กระดานเป็นสองส่วน โดยกล่มุ ท่เี รมิ่ ก่อนเขียนบนกระดาน เชน่ เขยี นว่า รถยนต์ อีกกล่มุ เขียนว่า รสชาติ หรือรดน้ำ เลน่ จนครบ ๑๐ คำ ครูและนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง รวมคะแนน ใครได้คะแนนมากกวา่ เป็นฝา่ ยชนะ ๓. ให้นักเรียนอา่ นออกเสียงคำพอ้ งรูปและคำพ้องเสียง ครูชวนสนทนาถึงความหมายของคำทีละคำ ดงั นี้ ๑) อ่านคำและบอกความหมายของคำพอ้ งรูปดังต่อไปน้ี คำ คำอา่ น ความหมาย แขม

41 สมาธิ ปรกั พลี ปาน ๒) เขยี นคำพ้องเสียงจากคำต่อไปน้ี (คำตอบอาจจะมากกวา่ ๑ คำ) ๑) พธุ ๒) สัตว์ ๓) นาค ๔) พกั ๔. ใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะการเรยี นรู้ โดยเขียนคำพอ้ งเสียงกบั คำท่ีกำหนดให้ แลว้ รว่ มกนั ตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง ๕. ให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นโดยครใู ชค้ ำถามทา้ ทายดังน้ี ๏ นักเรียนจะใชค้ ำพ้องรปู และคำพอ้ งเสยี งโตต้ อบกันได้อย่างไร สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. เกมแข่งขันบอกคำ ๒. ปากกาเคมี ๓. บตั รคำ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ๓. เครือ่ งมือ

42 ๑) การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น ๒) การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คะแนน ๙ – ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดบั ควรปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ 43 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 13 เรือ่ งคำพอ้ ง ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 แผนการเรียนรูท้ ี่ 5 เรอื่ งเรียนร้คู วามหมายของคำพ้องเสียงรอบตวั เรา สอนวนั ท่ี 16 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชีวิต และมนี ิสยั รกั การอา่ น ตัวชีว้ ดั ท ๑.๑ ป. ๓/๑ อ่านออกเสียงคำ ข้อความ เร่ืองสน้ั ๆ และบทร้อยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกต้องคล่องแคล่ว ท ๑.๑ ป. ๓/๒ อธบิ ายความหมายของคำและข้อความที่อา่ น จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. บอกประโยชนข์ องการอ่านออกเสียงและเขยี นคำพ้องรูปและคำพ้องเสยี ง (K) ๒. อ่านออกเสยี งและอธบิ ายความหมายคำ คำพ้องรูป และคำพ้องเสียง (P) ๓. เหน็ ความสำคัญการอ่านออกเสยี งและรู้ความหมายของคำท่ีอย่รู อบตัวเรา (A) สาระสำคญั อ่านออกเสยี งคำ ข้อความ เรื่องสน้ั และบทร้อยกรอง โดยใชค้ ำพอ้ งรปู และพ้องเสยี งได้ถูกตอ้ งทำให้ สอ่ื ความหมายได้ชดั เจนย่ิงขนึ้ สาระการเรียนรู้ ความหมายของคำและข้อความ คำพ้องรูป และคำพ้องเสียงทีอ่ ยรู่ อบตวั เรา สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑๑.ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๑๒.ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตผุ ล - การจำแนก

44 - การปฏบิ ัติ - การสรปุ ความรู้ ๑๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา ๑๔.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน ตวั ชว้ี ดั ที่ ๖.๑ ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัตหิ น้าท่ีการงาน ตัวช้ีวัดท่ี ๖.๒ ทำงานด้วยความเพยี รพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมาย รักความเปน็ ไทย ตวั ชี้วดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชน้ิ งาน/ภาระงาน ผลงานการแตง่ ประโยคท่ีมีคำพอ้ งรูปและคำพ้องเสยี ง คำถามทา้ ทาย คำพ้องรปู และคำพอ้ งเสยี งมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวนั อยา่ งไร การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูให้นักเรียนทำวงกลมหน้าชั้นเรียน รอบที่ ๑ให้คิดคำพ้องรูปที่อยู่รอบตัว โดยเริ่มจากคนที่อยู่ ขวามือครู เช่น คนที่ ๑ พูดว่า กรอด คนที่ ๒ ต้องบอกว่า กะ – หรอด คนที่ ๓ ต้องเริ่มคำใหม่ไปเรื่อย ๆ จน ครบทุกคน เพอื่ นคนไหนท่คี ดิ ไมไ่ ด้ให้ครแู ละเพอ่ื นช่วยกระตุ้น ให้กำลงั ใจ ๒. รอบที่ ๒ ให้คิดคำพ้องเสียงที่อยู่รอบตัวโดยเริ่มจากคนที่อยู่ขวามือครู เช่น คนที่ ๑ พูดว่ารถยนต์ คนที่ ๒ อาจจะพูดว่า รดน้ำ คนที่ ๓ พูดว่า รสหวาน ถ้าคิดไม่ได้ คนต่อไปขึ้นคำใหม่ ไปเรื่อย ๆ จนครบทุก คน เพ่อื นคนไหนท่ีคดิ ไมไ่ ดใ้ หค้ รูและเพ่ือนชว่ ยกระตุ้น ใหก้ ำลงั ใจ ๓. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาถึงคำพ้องรูปและคำพอ้ งเสยี งทอ่ี ยู่รอบตวั เรา ๔. ให้นักเรียนศึกษาคำศัพท์พื้นฐาน...ฝึกอ่านฝึกเขียน โดยให้นักเรียนอ่านในใจ ๑ เที่ยวและครูขอ อาสาสมคั รนักเรยี นออกมาอา่ นนำให้เพ่ือนอ่านตามพรอ้ มกัน ๕. ครูชวนคุยถึงการอ่านคำและความหมาย ให้นักเรียนลองฝึกแต่งประโยคจากคำทั้ง ๘ คำ อาสาสมัครออกมาเขยี นบนกระดาน ฝึกอา่ นพร้อมกันและอธบิ ายความหมายของประโยคท่เี ขยี น ๖. ครูให้นักเรียนช่วยกันแต่งประโยคจากคำพ้องรูป ๕ ประโยค และคำพ้องเสียง ๕ ประโยค ขีดเส้น ใต้ท่คี ำพอ้ งรปู เขยี นคำอา่ นและขีดเส้นใตค้ ำพ้องเสียง ตวั อย่าง สวนหลังบา้ นมีเสมารกไปหมด (สะ – เหมา) ๗. ใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดังน้ี

45 ๏ คำพอ้ งรูปและคำพ้องเสียงมคี วามสำคัญต่อชีวติ ประจำวนั อยา่ งไร ส่ือการเรยี นรู้ - การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ กี ารวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เครือ่ งมือ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๓. เครื่องมอื การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน

แผนการจัดการเรยี นรู้ 46 กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 13 เร่ืองคำพ้อง ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 6 เรื่องฝึกฝน อ่าน เขียน คำพอ้ งรูปและพ้องเสยี ง สอนวันท่ี 17 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชีวิต และมีนสิ ยั รกั การอา่ น ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป. ๓/๑ อ่านออกเสียงคำ ข้อความ เร่ืองสนั้ ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกต้องคลอ่ งแคล่ว ท ๑.๑ ป. ๓/๒ อธบิ ายความหมายของคำและข้อความท่ีอ่าน มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่อื งราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธภิ าพ ตัวช้ีวดั ท ๒.๑ ป. ๓/๑ คัดลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. เขา้ ใจและอธบิ ายความหมายของคำพอ้ งรปู และพ้องเสียง (K) ๒. อ่านออกเสียง คำ ข้อความ เรื่องสน้ั และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ (P) ๓. มั่นใจในการอ่านออกเสยี งคำและข้อความของคำพ้องรูปและพ้องเสยี ง (A) สาระสำคัญ คำพ้องรปู และคำพอ้ งเสยี งรอบตวั เราทกุ คำมคี วามหมาย คำเดียวกนั ท่ใี ชใ้ นประโยคตา่ งกนั มีความหมายไม่ เหมอื นกนั สาระการเรยี นรู้ นำคำพ้องรูปและพ้องเสียงมาใช้ในการอ่านออกเสียงคำ ข้อความ และบทร้อยกรอง สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๑๕.ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน

47 - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๑๖.ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตผุ ล - การจดั ระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ - การคดิ วิเคราะห์ - การจำแนก - การปฏบิ ตั ิ - การสรุปความรู้ ๑๗.ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๑๘.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มุง่ ม่นั ในการทำงาน ตัวชว้ี ัดท่ี ๖.๑ ต้ังใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทกี่ ารงาน ตวั ชว้ี ัดที่ ๖.๒ ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนอดเพือ่ ให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตัวชี้วัดท่ี ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ชิ้นงาน/ภาระงาน ๑. ใบงาน เร่ือง การเลอื กใชค้ ำพ้องต้องสงั เกต ๒. ใบงาน เรอื่ ง การคดั ลายมือคำพอ้ ง คำถามท้าทาย คำพ้องรปู และพ้องเสียงมีความจำเป็นในการอ่านออกเสียงอยา่ งไร การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครตู ดิ แถบประโยคบนกระดาน ให้อาสาสมัครอา่ นแถบประโยคคนละประโยค ให้เพอื่ น ๆ อา่ นตาม ดงั นี้ ๑) ครูเรยี นจบครุศาสตร์ ๒) พระสงฆฉ์ ันภัตตาหารเพลาเพล ๓) เต่าตนเุ ป็นเตา่ ทะเลทีม่ ีอายยุ ืน ๔) ฉนั มีความสขุ ท่ีได้ไปเท่ียวในวันศกุ ร์

48 ๕) พี่รบี ทานอาหารเช้าเพื่อไปลงคะแนนเลือกประธานนักเรียน ๖) แม่ไปซื้อไก่สบั ท่หี า้ งสรรพสนิ ค้าใกล้บา้ น ๒. หลงั จากอ่านประโยคจบครชู วนสนทนาถงึ ความหมายของคำแต่ละประโยค และใชค้ ำถาม ดังน้ี ๐ คำใดบา้ งที่เปน็ คำพ้องเสียง (ครู, เพลา, ตน)ุ ๐ จากความหมายของประโยค คำว่า “ คร”ุ อ่านอย่างไร มีความหมายอย่างไร ( อา่ นว่า คะ – รุ หมายถึง หนกั ) ๐ จากความหมายของประโยค คำว่า “ เพลา” อา่ นอย่างไร มีความหมายอย่างไร ( อ่านว่า เพ – ลา หมายถงึ เวลา) ๐ จากความหมายของประโยค คำวา่ “ ตนุ” อ่านอย่างไร มคี วามหมายอยา่ งไร ( อา่ นว่า ตะ – หนุ หมายถึง เตา่ ทะเลชนิดหนง่ึ ) ๐ คำใดบ้างทเี่ ปน็ คำพ้องเสียง ( สขุ กับ ศกุ ร์, ทาน กบั ธาน, สับ กับ สรรพ) ๓. ครูและนกั เรียนสรุปความรไู้ ด้วา่ คำพ้องรปู และคำพอ้ งเสียงรอบตัวเราทกุ คำมีความหมายคำเดยี วกันทใ่ี ช้ ในประโยคต่างกนั มีความหมายไมเ่ หมือนกัน ๔. ให้นักเรียนทำใบงานท่ี ๒๘ เรื่อง การเลอื กใช้คำพ้องต้องสังเกต และใบงานท่ี ๒๙ เรอ่ื ง การคัดลายมือคำ พ้อง แลว้ ร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง ๕. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ คำพอ้ งรปู และพ้องเสยี งมีความจำเป็นในการอา่ นออกเสียงอยา่ งไร สื่อการเรียนรู้ ๑. แถบประโยค ๒. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจใบงานท่ี ๒๘-๒๙ ๒. เครื่องมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ๓. เครอื่ งมือ การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน

แผนการจัดการเรยี นรู้ 49 กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 13 เรื่องคำพอ้ ง ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 แผนการเรยี นรู้ท่ี 7 เรือ่ งสรปุ ผลเรยี นรู้ คำพ้องรปู และพอ้ งเสียง สอนวันที่ 18 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิดเพือ่ นำไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดำเนิน ชีวติ และมนี สิ ยั รกั การอา่ น ตัวช้วี ัด ท ๑.๑ ป. ๓/๑ อา่ นออกเสียงคำ ข้อความ เร่ืองสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ได้ถกู ต้องคล่องแคลว่ ท ๑.๑ ป. ๓/๒ อธิบายความหมายของคำและข้อความท่ีอา่ น มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตวั ช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๓/๑ เขยี นสะกดคำและบอกความหมายของคำ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. สรปุ ความรูเ้ ร่อื งคำพ้องรูปและพ้องเสียง (K) ๒. นำคำพ้องรปู และพอ้ งเสยี งไปใชใ้ นการส่ือสารอยา่ งถกู ต้อง (P) ๓. ปฏิบตั ติ นในการอา่ นออกเสยี งได้ถูกต้อง (A) สาระสำคญั การใชค้ ำพอ้ งรปู และพ้องเสียงได้อย่างถูกต้อง ชว่ ยทำใหก้ ารสื่อสารมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึน สาระการเรียนรู้ การใช้คำพอ้ งรูปและพ้องเสียงในการส่อื สาร สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ๑๙.ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน

50 - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด ๒๐.ความสามารถในการคิด - การจัดระบบเปน็ แผนภาพ - การจำแนก - การสรุปความรู้ ๒๑.ความสามารถในการแก้ปัญหา ๒๒.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตวั ชวี้ ดั ท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ รักความเป็นไทย ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ชิ้นงาน/ภาระงาน ชิ้นงาน เร่ือง การแต่งประโยคโดยใช้คำพอ้ งเสียง คำถามท้าทาย ถ้าไม่มคี ำพ้องรูปและพ้องเสยี งจะทำใหภ้ าษาไทยเปล่ยี นแปลงอย่างไรบ้าง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ ถ้าไม่มีคำพ้องรปู และพ้องเสยี งจะทำใหภ้ าษาไทยเปลย่ี นแปลงอยา่ งไรบา้ ง ๒. ใหน้ กั เรียนเลน่ เกมนทิ านประโยคเดียว โดยครูแบง่ กลุ่มนักเรียนเปน็ ๖ กลุ่ม แต่ละกลมุ่ ไดบ้ ัตรคำ ดงั น้ี กล่มุ ที่ ๑ วน (อ่านว่า วน) กลุ่มท่ี ๒ วน (อ่านวา่ วะ - นะ) กลุม่ ที่ ๓ เหลา ( อา่ นวา่ เหลา) กลมุ่ ที่ ๔ ทา่ กลมุ่ ที่ ๕ ถ้า กลมุ่ ท่ี ๖ สาป ๓. แจกกระดาษให้กลุ่มที่ ๑ เขยี นประโยคท่ีมีคำทกี่ ำหนดให้ ๑ ประโยค จากนัน้ สง่ ต่อให้กล่มุ ที่ ๒ เขยี นประโยคท่ีมีคำท่ีกำหนดให้ ๑ ประโยค โดยพยายามให้เร่ืองสัมพนั ธ์กบั ประโยคของกล่มุ ที่ ๑ ทำเชน่ นี้

51 จนครบ ๖ กลุ่ม กลมุ่ ที่ ๖ ออกมาอ่านนทิ านทช่ี ว่ ยกนั แต่ง และชว่ ยกนั ต้ังช่ือเร่ือง นำเสนอในหอ้ งเรยี น ทีละ กลุ่ม เขยี นกระดานและอ่านใหเ้ พือ่ นฟัง ครูและนักเรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง สนทนาถึงความหมาย ของคำ ๔. ใหน้ ักเรียนทำชิน้ งานท่ี ๕ เร่ือง การแตง่ ประโยคโดยใช้คำพ้องเสียงผลดั กันอ่านประโยคท่ี ตนเองแต่ง ครูและนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๕. ให้นักเรยี นเขียนสรุปความรเู้ ร่อื งคำพ้อง สือ่ การเรียนรู้ ๑. บตั รคำ ๒. กระดาษ ๓. ชนิ้ งาน การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครือ่ งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓. เครื่องมือ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ – ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ – ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดับ ควรปรับปรุง

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑๔ 52 ชนิดของคา…ทาหลายหน้าท่ี เวลา ๗ ช่วั โมง แผนผงั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ วทิ ยาศาสตร์ • คาท่เี ป็นสิง่ แวดลอ้ ม รอบตวั คณติ ศาสตร์ ชนิดของคา...ทาหลายหน้าท่ี สุขศกึ ษาและพลศึกษา • การแบง่ กล่มุ • ระเบยี บแถว • การจาแนก • เกม จานวน สังคมศกึ ษา ศาสนา ศลิ ปะ และวัฒนธรรม • การวาดภาพระบาย • ประเพณี วฒั นธรรม สี ตวั ชีว้ ัด • การเคาะจงั หวะ • การรอ้ งเพลง • ระบุชนิดและหน้าทข่ี องคำในประโยค (ท ๔.๑ ป. ๓/๒)

แผนการจดั การเรียนรู้ 53 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 14 เร่ืองชนดิ ของคำ...ทำหลายหนา้ ที่ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 แผนการเรียนรูท้ ี่ 1 เรื่องลักษณะของคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา สอนวันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ตวั ชวี้ ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบุชนดิ และหน้าท่ีของคำในประโยค จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกลกั ษณะของคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา (K) ๒. จำแนกคำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าได้ (P) ๓. กระตือรอื ร้นในการรว่ มกิจกรรม (A) สาระสำคญั ประโยคท่ใี ชส้ ่อื สารในชีวติ ประจำวันจะต้องมีคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา เพอื่ บอกให้ทราบ วา่ ใครทำอะไร สาระการเรยี นรู้ ลกั ษณะของคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๑๙.ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๒๐.ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตผุ ล - การจำแนก

54 - การสรุปความรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวช้วี ัดที่ ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน ผลงานการจำแนกชนิดของคำ คำถามท้าทาย คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าเกิดขึ้นได้อยา่ งไร การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครตู ดิ แถบข้อความบนกระดานให้นกั เรียนอา่ นในใจ ๑ เทยี่ ว และขออาสาสมัครอา่ นนำให้ เพอ่ื น ๆ อ่านตามพร้อมกนั ดงั น้ี ฉันเห็นพอ่ มดแดงกับแม่มดแดง กำลังหาอาหารอยู่รมิ น้ำ เพ่อื จะเอาไปใหล้ ูกท่ีอยใู่ นรงั มนั กไ็ ด้พลัดตกลงไปบนใบไม้ท่ลี อยอยู่ในน้ำ ๒. เมื่อนักเรยี นอ่านจบ ครใู ห้สงั เกตคำทข่ี ีดเสน้ ใต้ และครใู ชค้ ำถาม ดังน้ี ๐ คำไหนบา้ งท่ีใชเ้ รียกชือ่ คน สัตว์ สิ่งของ (พ่อมดแดง, แมม่ ดแดง, ลกู , ใบไม้) ๐ คำท่ใี ช้เรยี กช่อื คน สตั ว์ สงิ่ ของเราเรยี กว่าอะไร (คำนาม) ๐ คำไหนบ้างทีใ่ ช้แทนบุคคล (ฉัน, มัน) ๐ คำทใ่ี ช้แทนบคุ คลซึง่ ใชแ้ ทนคำนามในการพูดสนทนาเราเรียกวา่ อะไร (คำสรรพนาม) ๐ คำไหนบา้ งท่แี สดงอาการหรอื การกระทำของนามและสรรพนาม (หาอาหาร, เอาไป, พลดั ) ๓. ใหน้ กั เรยี นเติมคำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าลงในชอ่ งวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยคท่ีถูกต้อง เม่ือ นกั เรยี นทำเสร็จแล้วช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของคำที่เติม และขออาสาสมัครอ่านนำใหเ้ พ่ือน ๆ อา่ น ตามพร้อมกนั ๔. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกันสรปุ วา่ ประโยคทใ่ี ชส้ อื่ สารในชีวิตประจำวันจะต้องมีคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา เพ่ือบอกให้ทราบวา่ ใครทำอะไร ๕. ให้นกั เรยี นบอกชนดิ ของคำทข่ี ีดเส้นใต้วา่ เป็นคำนาม คำสรรพนาม หรอื คำกรยิ า ดงั น้ี ประโยค ชนิดของคำ นกบิน คำนาม ๑ เขาวงิ่ เร็วมาก ๒. มาลีปลูกต้นไม้ ๓ พลอยเลา่ เรอ่ื งเรอื ล่ม

55 ๔. เธอชอบดูรายการมวยไทย ๕. มะพร้าวเกาะสมุยมีช่ือเสยี ง ๖. ในป่ามีเสอื ๗. แม่ไปซอ้ื ปลา ๘. อง่นุ เปรี้ยว ๙. ขา้ พเจ้ารู้สึกยนิ ดี ๑๐. เรอื ล่มในหนอง ๖. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๗.. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร สื่อการเรยี นรู้ ๑. แถบข้อความ ๒. แถบประโยค การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เคร่อื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น

แผนการจัดการเรียนรู้ 56 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 14 เรอื่ งชนิดของคำ...ทำหลายหน้าท่ี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรทู้ ่ี 2 เรือ่ งคำนาม... เรียกตามหนา้ ที่ สอนวนั ที่ 22 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบุชนิดและหน้าทขี่ องคำในประโยค จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธิบายลักษณะของคำนามท่ีเป็นชอ่ื เฉพาะและคำนามทไ่ี มช่ ้ีเฉพาะ (K) ๒. จำแนกคำนามที่เปน็ ช่ือเฉพาะและคำนามท่ีไมช่ เี้ ฉพาะ (P) ๓. เห็นความสำคญั ของคำนามและนำไปใชไ้ ด้อย่างถูกต้อง (A) สาระสำคัญ คำนาม เป็นคำทใ่ี ช้เรียกช่ือคน พชื สัตว์ ส่งิ ของ สถานที่ แบง่ เปน็ คำนามทเ่ี ปน็ ช่อื เฉพาะ และคำนามที่ไมช่ ีเ้ ฉพาะ สาระการเรียนรู้ คำนามทเ่ี ปน็ ชื่อเฉพาะและคำนามที่ไม่ช้ีเฉพาะ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ๒๑.ความสามารถในการสอื่ สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒๒.ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล - การจำแนก

57 - การสรุปความรู้ ๒๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา ๒๔.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ รักความเปน็ ไทย ตัวชว้ี ัดที่ ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ชิน้ งาน/ภาระงาน ๑. ผลงานการเขียนคำนามที่เปน็ ช่ือเฉพาะ และคำนามที่ไม่ช้เี ฉพาะ ๒. การอา่ นออกเสยี งเรื่องคำนาม คำถามทา้ ทาย คำนามใช้ทำอะไรได้บา้ ง การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑.ให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดังนี้ ๏ คำนามใชท้ ำอะไรไดบ้ ้าง ๒.ครใู ห้นักเรียนเล่นปริศนาคำทาย โดยครูอา่ นใหฟ้ งั และใหน้ ักเรยี นตอบทลี ะข้อ และ ออกมาเขียนคำตอบท่ีถกู บนกระดาน ดงั น้ี ๐ ส่งิ นใ้ี ห้แสงสว่าง พภิ พกวา้ งสวา่ งไสว เยน็ ดบั ลบั แสงไป เช้าวนั ใหมส่ อ่ งแสงพลนั (ดวงอาทติ ย์) ๐ สงิ่ น้มี แี สงสวา่ ง อยู่ทา่ มกลางดาวน้อยใหญ่ บางคนื ดแู หว่งไป เต็มดวงใหญเ่ มื่อคืนเพ็ญ (ดวงจนั ทร์) ๐ สิ่งนไี้ ม่มแี สง แตค่ นแยง่ กนั อยู่กิน มีนำ้ มีแผน่ ดิน มอี ากาศคืออะไร (โลก) ๐ ตวั ฉนั คอื ใคร บนิ ในท้องฟ้า มปี ีกมขี า ชอบมาเปน็ ฝูง (นก) ๐ ฉันคอื อะไร เอาไว้สอ่ งหน้า สะทอ้ นภาพมา เห็นหน้าเด่นชัด (กระจก) ๐ ตัดเย็บจากผ้า นำมาสวมใส่ หญิงชายใชไ้ ด้ บอกใบ้มีแขน (เสื้อ)

58 ๓. ใหน้ ักเรยี นอ่านคำตอบทเี่ ขียนบนกระดานอีกครั้งหน่ึง ให้สังเกตคำตอบและชวนสนทนา โดยครูใช้คำถาม ดังน้ี ๐ คำทง้ั ๖ คำมลี กั ษณะอย่างไร ( เป็นชื่อเรียกส่ิงตา่ ง ๆ) ๐ คำใดบ้างที่มีอยสู่ ง่ิ เดียว (ดวงอาทติ ย,์ ดวงจันทร์, โลก) ๐ คำใดบ้างทม่ี ีอยทู่ ่วั ไป (นก, กระจก, เสื้อ) ๐ คำท้งั ๖ คำ เราเรยี กว่าอะไร (คำนาม) ๐ ดังน้นั นกั เรียนคดิ วา่ คำนามแบง่ ไดเ้ ปน็ กี่กลุม่ ( ๒ กลุ่ม) ๐ นักเรียนคดิ วา่ คำนามท่มี ีอยู่สิง่ เดยี วเราเรียกว่าอะไร (คำนามที่เปน็ ชื่อเฉพาะ) ๐ นักเรียนคิดวา่ คำนามที่มีอยู่ทวั่ ไปเราเรยี กว่าอะไร (คำนามท่ีไม่ช้เี ฉพาะ) ๔. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปความหมายของคำนามได้วา่ คำนามเป็นคำทใ่ี ชเ้ รียกช่ือคน พืช สตั ว์ สงิ่ ของ สถานที่ แบง่ เป็นคำนามที่เปน็ ชื่อเฉพาะและคำนามที่ไม่ช้ีเฉพาะ ๕. ให้นักเรียนศึกษาความร้เู ร่ือง คำนาม นกั เรยี นอ่านในใจ ๑ เท่ยี ว ขออาสาสมคั รอ่านนำ ใหเ้ พอ่ื น ๆ อ่านตามพรอ้ มกัน ๖. ให้นกั เรียนออกมายืนเปน็ วงกลมหน้าชัน้ เรยี น นักเรียนคิดคำนามทเี่ ปน็ ชื่อเฉพาะ คนละ ๑ คำ โดย เรม่ิ จากขวามือครูจนครบทุกคน และเรม่ิ ใหมจ่ ากซ้ายมอื ครูบอกคำนามท่ีไมช่ ้เี ฉพาะคนละ ๑ คำจนครบทุกคน จากกิจกรรมทีน่ กั เรียนเล่นจะทำใหม้ ีความเข้าใจเร่ืองคำนามทเี่ ป็นช่อื เฉพาะและคำนามที่ ไมช่ ้ีเฉพาะได้มากขนึ้ ๗. ให้นักเรียนทำกจิ กรรมเสริมทกั ษะการเรยี นรู้ โดยเขียนคำนามทีไ่ ม่ชเ้ี ฉพาะและคำนามท่เี ป็น ช่ือเฉพาะตามหวั ขอ้ ท่กี ำหนด แลว้ รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ส่อื การเรียนรู้ ปริศนาคำทาย การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครอ่ื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน

แผนการจดั การเรียนรู้ 59 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 14 เรือ่ งชนิดของคำ...ทำหลายหนา้ ท่ี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 แผนการเรียนร้ทู ่ี 3 เรอื่ งคำสรรพนาม...ใชแ้ ทนชอ่ื สอนวนั ท่ี 23 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบชุ นิดและหนา้ ทีข่ องคำในประโยค จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. อธิบายลกั ษณะคำสรรพนาม (K) ๒. จำแนกคำสรรพนามแทนผู้พูด ผฟู้ งั และผทู้ ี่กล่าวถงึ (P) ๓. เหน็ ความสำคัญของคำสรรพนามและนำไปใชอ้ ย่างถกู ต้อง (A) สาระสำคญั คำสรรพนาม เป็นคำทใ่ี ช้แทนคำนาม มี ๓ ชนดิ คือ คำสรรพนามท่ีใช้แทนผพู้ ูด ผูฟ้ งั และผ้ทู ี่กลา่ วถึง สาระการเรียนรู้ คำสรรพนามใช้แทนคำนาม สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๒๕.ความสามารถในการสือ่ สาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขยี น - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๒๖.ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล - การจดั ระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ - การจำแนก

60 - การสรปุ ความรู้ ๒๗.ความสามารถในการแก้ปญั หา ๒๘.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ รักความเปน็ ไทย ตวั ช้วี ัดท่ี ๗.๑ ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตัญญ กตเวที ช้ินงาน/ภาระงาน ผลงานการใช้คำสรรพนาม คำถามท้าทาย คำสรรพนามใชท้ ำอะไรได้บ้าง การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูตดิ แผนภูมิบทร้อยกรองคำสรรพนามบนกระดาน และอ่านใหน้ กั เรียนฟงั ใหน้ ักเรียนอา่ นตาม ดังน้ี ฉัน ผม ขา้ พเจ้า เรานยิ มใชแ้ ทนชือ่ คุณ เธอ ท่าน นน้ั หรือ ใชเ้ ป็นสอื่ แทนผู้ฟงั เรา มนั ท่าน พระองค์ เรียกเจาะจงผู้อยูห่ ลัง การใช้ตอ้ งระวงั ให้สมดังสรรพนาม ๒. ครชู วนสนทนาถงึ เนือ้ หาของบทรอ้ ยกรอง โดยครใู ชค้ ำถาม ใหน้ กั เรยี นตอบทีละคน ดังน้ี ๐ ฉัน ผม ข้าพเจ้าใช้แทนชื่ออะไร (ช่ือผู้พูด) ๐ คณุ เธอ ท่าน ใชแ้ ทนช่ืออะไร (ชอื่ ผู้ฟัง) ๐ เขา มนั ทา่ น พระองค์ เรยี กเจาะจงผู้อยู่หลงั “ผู้อยู่หลัง ” หมายถึงอะไร (ผถู้ ูกกล่าวถึง) ๐ ดังน้ัน เขา มัน ทา่ น พระองค์ ใช้แทนอะไร (ผู้ที่เรากล่าวถึง) ๐ คำทั้งหมดเหลา่ น้ีเราเรียกวา่ อะไร (คำสรรพนาม) ๐ เราใชค้ ำสรรพนามแทนคำอะไร (คำนาม)

61 ๓. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรจู้ ากคำสรรพนาม นกั เรยี นอา่ นในใจ ๑ เที่ยว ขออาสาสมัครอ่านนำให้ เพื่อน ๆ อ่านตามพร้อมกัน ๔. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปว่า คำสรรพนาม เป็นคำทใี่ ช้แทนคำนาม มี ๓ ชนดิ คอื คำสรรพนามท่ี ใชแ้ ทนผพู้ ดู ผูฟ้ ัง และผู้ท่ีกล่าวถึง ๕. ครูติดแผนภมู เิ รื่อง บนกระดาน ดงั นี้ ทบ่ี ้านของมาลีมสี วนผลไม้ คุณแม่ของมาลี อนุญาตให้เพ่ือน ๆ มาวิง่ เล่นในสวนผลไมไ้ ด้ คุณแมจ่ ะทำอาหาร และขนมมาเลย้ี งทุกครงั้ ท่ีบ้านของมาลมี แี มวน่ารักช่ือปุยฝ้าย ปุยฝา้ ยจะวง่ิ เขา้ มาเล่นในสวนดว้ ย วนั เสาร์น้ี เพอื่ นของมาลี ๓ คน คือ เจเจ สม้ จกุ และผงิ ผงิ จะมาเลน่ ท่ีบ้าน เด็ก ๆ อยากมาเล่นกบั พวกเจเจ ส้มจกุ และ ผิงผิงดว้ ยไหม ๖. นักเรียนอ่านข้อความพร้อมกนั แล้วเปลย่ี นคำนามที่ขีดเสน้ ใตเ้ ปน็ คำสรรพนาม ๗. ให้นักเรียนทำกิจกรรมเสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ โดยเติมคำสรรพนามให้ข้อความสมบูรณ์ แล้วรว่ มกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๘. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี ๏ คำสรรพนามใชท้ ำอะไรไดบ้ ้าง สื่อการเรียนรู้ ๑. แผนภมู บิ ทร้อยกรอง ๒. แผนภมู เิ รอ่ื ง การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครือ่ งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมิน การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น

แผนการจดั การเรยี นรู้ 62 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 14 เรื่องชนดิ ของคำ...ทำหลายหน้าท่ี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 แผนการเรียนร้ทู ่ี 4 เรอื่ งคำกรยิ า...ส่อื อาการ สอนวันท่ี 24 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชีว้ ดั ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบชุ นิดและหน้าที่ของคำในประโยค จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธิบายลกั ษณะของคำกรยิ าทีต่ อ้ งมกี รรมและกรยิ าท่ีไม่ต้องมีกรรม (K) ๒. จำแนกคำกริยาจากคำชนิดอ่ืนได้ (P) ๓. จำแนกคำกริยาทีต่ อ้ งมกี รรมและคำกรยิ าท่ีไมต่ ้องมกี รรม (P) ๔. เหน็ ความสำคัญของคำกริยาและนำไปใช้ได้อยา่ งถกู ต้อง (A) สาระสำคญั คำกริยา เป็นคำท่แี สดงอาการหรือการกระทำของนามและสรรพนาม แบง่ เปน็ ๒ ประเภท คอื คำกรยิ าที่ไมต่ ้องมกี รรม และคำกริยาท่ีต้องมีกรรม สาระการเรยี นรู้ คำกริยาท่ีไมต่ ้องมกี รรม และคำกริยาที่ตอ้ งมีกรรม สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ๒๙.ความสามารถในการส่อื สาร - ทักษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๓๐.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตผุ ล - การจำแนก

63 - การสรุปความรู้ ๓๑.ความสามารถในการแก้ปญั หา ๓๒.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวช้วี ดั ท่ี ๔.๑ ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ รักความเปน็ ไทย ตวั ชีว้ ัดท่ี ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน ผลงานการแตง่ ประโยคโดยใชค้ ำกรยิ าท่ีกำหนดให้ คำถามท้าทาย คำกรยิ าใช้ทำอะไรได้บา้ ง การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑.ใหน้ ักเรียนเลน่ เกมใบ้คำ โดยใหน้ ักเรียนอาสาสมัครออกมา ๔ คน แสดงท่าทางใหเ้ พ่ือนทาย ตามบตั รคำท่ีครูให้ คำท่ีครูกำหนดให้ ดังนี้ รอ้ งไห้ หวั เราะ เตะ ด่ืม รอ้ งเพลง ๒. เม่ือเพ่ือน ๆ ทายถูก ครูติดบตั รคำบนกระดานหรือเขียนบนกระดานใหน้ กั เรยี นอ่าน ๓. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้คำกรยิ า นกั เรียนอ่านในใจ ๑ เท่ียว ขออาสาสมัครอา่ นนำ ให้เพอื่ น ๆ อ่านตาม พร้อมกัน ๔. ใหน้ ักเรียนเล่นปรศิ นาคำทาย โดยครอู ่านให้ฟงั และใหน้ ักเรยี นตอบทีละข้อ และออกมาเขียน คำตอบท่ถี ูกบนกระดาน ดังนี้ ๐ อะไรเอย่ นำ้ ไหลจากตา เพราะวา่ เสยี ใจ (ร้องไห้) ๐ อะไรเอ่ย เสียงฮะ ๆ ฮา่ ๆ เพราะว่าขำขัน (หวั เราะ) ๐ อะไรเอย่ เสยี งโฮง่ ๆ โกง่ คอขู่คน (เหา่ ) ๐ อะไรเอย่ คนนั่งตวั ตรง ก้มหัวลงจับแท่งไม้ มีกระดาษอยู่ขา้ งใตแ้ ลว้ ทำใหเ้ กดิ อกั ษร (เขียน หนังสอื ) ๐ อะไรเอย่ กวักนำ้ ใส่มือ ถือก้อนสบู่ เอามือถู ๆ ดูแล้วสะอาด (ล้างมือ)

64 ๐ อะไรเอย่ ตกั ข้าวใส่ปาก ฝากฟันเคี้ยวแลว้ กลืน (กินขา้ ว) ๕. ให้นกั เรยี นอ่านคำตอบที่เขียนบนกระดานอีกครง้ั หนึง่ ให้สงั เกตคำตอบและชวนสนทนา โดยครใู ชค้ ำถาม ดังน้ี ๐ คำทัง้ ๖ คำมลี กั ษณะท่แี สดงอาการได้ นกั เรยี นคิดวา่ เป็นคำประเภทใด ( คำกรยิ า) ๐ คำใดบา้ งท่ีเป็นคำกริยาทีไ่ ม่ตอ้ งมกี รรม (รอ้ งไห้, หัวเราะ, เห่า) ๐ คำใดบ้างที่เป็นคำกรยิ าทีต่ ้องมีกรรม (เขียน, ล้าง, กนิ ) ๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปความหมายของคำกรยิ าได้ว่า คำกรยิ า เป็นคำทแ่ี สดงอาการ หรอื การกระทำของนามและสรรพนาม แบง่ เป็น ๒ ประเภท คอื คำกริยาท่ีไมต่ ้องมีกรรม และคำกริยาทตี่ ้องมี กรรม ๗. ใหน้ กั เรียนแต่งประโยค โดยใชค้ ำกรยิ าต่อไปนี้ ๑) เดนิ ๒) หอน ๓) หกล้ม ๔) โกรธ ๕) ตาย ๖) เกบ็ ๗) หลับ ๘) ชกมวย ๙) กระโดด ๑๐) เกาหลงั ๘. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามทา้ ทาย ดังน้ี ๏ คำกริยาใชท้ ำอะไรได้บา้ ง สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. เกมใบค้ ำ ๒. ปริศนาคำทาย ๓. บตั รคำ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครอื่ งมือ

65 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน

แผนการจดั การเรยี นรู้ 66 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หน่วยการเรียนรู้ที่ 14 เรอ่ื งชนิดของคำ...ทำหลายหนา้ ที่ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 แผนการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่อื งคำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าใชใ้ นการเขียน สอนวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวช้วี ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบชุ นดิ และหน้าท่ขี องคำในประโยค จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ยกตวั อยา่ ง คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาแตล่ ะประเภทได้ (K) ๒. แต่งเรอ่ื งโดยใช้คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา (P) ๓. เหน็ ความสำคญั ของคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาในการแตง่ เรื่อง (A) สาระสำคญั การแต่งเร่ืองต้องใชค้ ำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า สาระการเรยี นรู้ แต่งเรอื่ งโดยใช้คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๓๓.ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๓๔.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตุผล - การคดิ สังเคราะห์ - การปฏิบัติ

67 - การสรุปความรู้ ๓๕.ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๓๖.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มุ่งม่นั ในการทำงาน ตัวชีว้ ดั ที่ ๖.๑ ต้ังใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั หิ น้าท่กี ารงาน ตวั ชว้ี ัดที่ ๖.๒ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพือ่ ใหง้ านสำเรจ็ ตามเป้าหมาย รกั ความเป็นไทย ตัวช้ีวดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. การแต่งเร่ืองจากคำที่กำหนดให้ ๒. การอ่านบทรอ้ ยกรอง คำถามทา้ ทาย นกั เรยี นจะใช้คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาโตต้ อบกันได้อยา่ งไร การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครตู ดิ แผนภูมบิ ทร้อยกรองบนกระดาน ดงั นี้ ฉันไปโรงเรยี น หดั เขยี นหดั อา่ น ครูเล่านทิ าน เรือ่ งหา่ นทองคำ กลบั บา้ นตอนเย็น เหน็ แขกตัวดำ พดู จานา่ ขำ มือกำตะปู จุรีพร มุนโี มไนย ๒. นักเรียนอ่านพร้อม ๆ กัน และให้นักเรยี นสังเกตคำในบทกลอนโดยครูใชค้ ำถาม ดังน้ี ๐ คำใดบ้างทีเ่ ปน็ คำนาม (ครู, โรงเรียน, หา่ นทองคำ, แขกตัวดำ, มือ , ตะป)ู ๐ คำใดบา้ งที่เปน็ คำสรรพนาม ( ฉัน) ๐ คำใดบา้ งท่เี ป็นคำกรยิ า ( ไป, เขยี น, อา่ น, เล่านทิ าน, เหน็ , พดู , กำ) ๓. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสนทนาถงึ คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าที่อยู่รอบตวั เรา ๔. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเปน็ ๔ กลุ่ม ครแู จกกระดาษแผ่นใหญ่ ใหน้ กั เรยี นแตง่ เรื่องกลุ่มละ ๑ เรื่อง ในเรือ่ งให้มคี ำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาใช้เวลากลมุ่ ละ ๒๐ นาที นำเสนอเรอื่ งทแ่ี ต่งทลี ะกลุ่ม ครแู ละเพอื่ นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๕. ครูใหน้ ักเรยี นนำคำที่กำหนดให้มาแตง่ เรื่องโดยต้องใชค้ ำทคี่ รใู หห้ มดทุกคำ

68 สนุ ขั เฝา้ บา้ น พ่อชอบ นอ้ งไม่ ฝนตกหนกั อาหารเป็นพษิ ตกปลา สบาย ๖. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้อีกคร้งั วา่ การแต่งเรื่องต้องใช้นาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า ๗. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดงั น้ี ๏ นักเรยี นจะใชค้ ำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาโตต้ อบกันได้อยา่ งไร ส่อื การเรยี นรู้ ๑. แผนภมู บิ ทรอ้ ยกรอง ๒. บตั รคำ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง

แผนการจัดการเรยี นรู้ 69 กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 14 เรอ่ื งชนิดของคำ...ทำหลายหนา้ ที่ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 แผนการเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื งใฝ่ใจเรยี นรู.้ ..ปรศิ นาคำทาย สอนวันที่ 28 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวชีว้ ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบชุ นดิ และหน้าทขี่ องคำในประโยค จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายความหมายและประเภทของคำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า (K) ๒. รวบรวมปริศนาคำทายท่มี ีคำตอบเปน็ คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา (P) ๓. เหน็ คุณค่าของการนำปริศนาคำทายมาใชใ้ นการเรียนและการเลน่ (A) สาระสำคญั คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า เปน็ คำตอบของปรศิ นาคำทาย สาระการเรยี นรู้ ปริศนาคำทาย มีคำตอบเปน็ คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ๓๗.ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพูด ๓๘.ความสามารถในการคิด - การให้เหตุผล - การจดั ระบบความคดิ เป็นแผนภาพ - การคิดวิเคราะห์

70 - การจำแนก - การปฏิบัติ - การสรปุ ความรู้ ๓๙.ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔๐.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๑ ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ทกี่ ารงาน ตัวชวี้ ดั ท่ี ๖.๒ ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อใหง้ านสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย รกั ความเปน็ ไทย ตวั ชีว้ ดั ที่ ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ชิน้ งาน/ภาระงาน ใบงาน เร่อื ง การระบุชนิดและหน้าท่ีของคำในประโยค คำถามท้าทาย คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ ามคี วามสำคญั ต่อชวี ติ ประจำวันอยา่ งไร การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครตู ิดแถบประโยคบนกระดาน ให้นักเรยี นอ่านพร้อมกัน ดังนี้ สวัสดคี รบั นิด นิดจะไปเลน่ ฟุตบอลกับน้อยไหม ให้นกั เรียนสงั เกตคำท่ีขดี เสน้ ใต้ โดยครูใชค้ ำถาม ดังน้ี ๐ คำทข่ี ีดเสน้ ใตเ้ ป็นคำอะไร (คำนาม) ๐ ถา้ เปลย่ี นคำทขี่ ีดเสน้ ใตใ้ ห้เปน็ คำสรรพนาม จะเขยี นประโยคอยา่ งไร (สวัสดคี รบั นดิ เธอจะไปเลน่ ฟตุ บอลกับฉนั ไหม) ๐ คำว่า “เธอ” เปน็ คำสรรพนามอะไร (คำสรรพนามทีใ่ ช้แทนผฟู้ งั ) ๐ คำวา่ “ฉนั ” เปน็ คำสรรพนามอะไร (คำสรรพนามที่ใช้แทนผ้พู ูด) ๐ จากประโยคคำใดเป็นคำกริยา (เลน่ ) ๐ คำว่า “เล่น” เป็นคำกริยาที่เป็นอย่างไร (คำกรยิ าทีต่ ้องมีกรรม กรรมคือฟตุ บอล) ๒. ครูแบ่งกลุ่มนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ละ ๔ - ๕ คน ให้นักเรยี นแตง่ ปริศนาคำทายท่มี คี ำตอบ เปน็ คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าอย่างละ ๒ ข้อ ใชเ้ วลา ๒๐ นาที แตล่ ะกลมุ่ ออกมารายงานและทาย ปริศนาให้เพ่ือนตอบ เก็บรวบรวมปริศนาคำทายของแตล่ ะกลุ่ม

71 ๓. ครูและนักเรียนสรุปความรู้ไดอ้ ีกครง้ั หน่งึ วา่ คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยา สามารถเป็น คำตอบของปรศิ นาคำทาย ๔. ใหน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี ๓๐ เรื่อง การระบชุ นดิ และหน้าท่ีของคำในประโยค แลว้ รว่ มกันตรวจสอบ ความถูกต้อง ๕. ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ ๏ คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันอยา่ งไร สื่อการเรียนรู้ ๑. แถบประโยค ๒. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ ๓) ตรวจใบงานท่ี ๓๐ ๒. เครอ่ื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านต้ังแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ – ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ – ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดับ ควรปรับปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ 72 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 14 เรอ่ื งชนดิ ของคำ...ทำหลายหนา้ ที่ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 แผนการเรียนรทู้ ่ี 7 เรอื่ งสรุปผลเรียนรู้ ชนดิ ของคำ...ทำหลายหน้าที่ สอนวันท่ี 29 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ช่ัวโมง ภาคเรียนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ช้วี ัด ท ๔.๑ ป. ๓/๒ ระบชุ นดิ และหน้าท่ีของคำในประโยค จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. สรปุ ความรู้เร่ืองคำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า (K) ๒. ใชค้ ำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาในการสื่อสารได้ถูกตอ้ ง (P) ๓. เห็นความสำคญั ในการใช้คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ า (A) สาระสำคัญ คำนาม คำสรรพนาม และคำกรยิ าตอ้ งใช้ในการส่ือสาร สาระการเรียนรู้ การใช้คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาในการส่ือสาร สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๔๑.ความสามารถในการสือ่ สาร - ทักษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด ๔๒.ความสามารถในการคดิ - การให้เหตผุ ล - การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ - การปฏิบตั ิ

73 - การสรุปความรู้ ๔๓.ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔๔.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชี้วดั ที่ ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ รักความเป็นไทย ตวั ช้วี ดั ที่ ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ชนิ้ งาน/ภาระงาน ๑. ผลงานการสรปุ ความร้เู รอื่ ง ชนิดของคำ ๒. ผลงานการแตง่ ประโยค คำถามทา้ ทาย ถ้าไม่มคี ำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาจะทำให้ภาษาไทยเปล่ยี นแปลงอย่างไรบา้ ง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นี้ ๏ ถ้าไมม่ ีคำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาจะทำให้ภาษาไทยเปลย่ี นแปลงอยา่ งไรบา้ ง ๒. ครูติดแถบประโยคท่ี ๒ หรือเขียนบนกระดาน ให้นักเรียนอา่ นพร้อมกนั ดังนี้ สะพานชารุด นกั เรยี นเขยี นหนงั สือ หลังจากอ่านประโยคจบครชู วนสนทนา โดยให้สงั เกตคำต่าง ๆ ในประโยค และใช้คำถาม ดงั น้ี ๐ คำใดเป็นคำนาม (สะพาน, นักเรียน) ๐ คำใดเปน็ คำสรรพนาม ( ไม่มี) ๐ คำใดเปน็ คำกริยา (ชำรดุ , เขียน) ๐ คำใดเปน็ คำกริยาท่ีไมต่ ้องมกี รรม (ชำรุด) ๐ คำใดเปน็ คำกริยาที่ต้องมีกรรม กรรมคือคำอะไร (เขียนหนังสือ)

74 ๓. ใหน้ ักเรียนเล่นเกมนิทานประโยคเดยี ว โดยครแู บ่งกลุ่มนักเรียนเปน็ ๓ กลมุ่ แตล่ ะกลุ่มไดบ้ ัตรคำ ดังน้ี กลมุ่ ที่ ๑ ดวงจันทร์, กระตา่ ย กล่มุ ที่ ๒ ฉัน, เธอ, เขา กลมุ่ ท่ี ๓ ร้องไห้, มอง ๔. แจกกระดาษให้กล่มุ ที่ ๑ เขยี นประโยคที่มีคำที่กำหนดให้ จากน้ันส่งตอ่ ให้กลมุ่ ท่ี ๒ เขียน ประโยคทม่ี ีคำท่ีกำหนดให้ โดยพยายามใหเ้ ร่ืองสมั พันธก์ ับประโยคของกลมุ่ ท่ี ๑ ทำเช่นน้จี นครบทง้ั ๓ กลมุ่ กลุ่มท่ี ๓ ออกมาอา่ นนิทานท่ีช่วยกันแต่ง และชว่ ยกันตง้ั ชอ่ื เรอื่ ง นำเสนอในห้องเรยี นทีละกลุ่ม เขียนกระดาน และอ่านใหเ้ พ่ือนฟัง ครูและนักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง สนทนาถึงความหมาย ของคำ ๕. ใหน้ กั เรียนเขียนสรปุ ความรู้เรือ่ งชนิดของคำ ๖. นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรไู้ ด้อกี ครั้งหน่งึ ว่า คำนาม คำสรรพนาม และคำกริยาเปน็ คำท่ี ต้องใชใ้ นการสื่อสาร สอื่ การเรยี นรู้ ๑. บัตรคำ ๒. กระดาษ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑.วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครอื่ งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ – ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ – ๘ ระดับ ดี

75 คะแนน ๕ – ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๕ 76 การใชพ้ จนานุกรม เวลา ๗ ช่วั โมง แผนผังการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ วิทยาศาสตร์ • คาท่เี ป็น สงิ่ แวดลอ้ ม รอบตวั คณติ ศาสตร์ การใช้พจนานุกรม สุขศึกษาและพลศกึ ษา • การแบ่งกล่มุ • ระเบียบแถว • การจาแนก • เกม จานวน สงั คมศึกษา ศาสนา ศลิ ปะ และวฒั นธรรม • การวาดภาพระบายสี • ประเพณี วฒั นธรรม • การเคาะจงั หวะ • การรอ้ งเพลง ตวั ชวี้ ัด • ใช้พจนานกุ รมค้นหาความหมายของคำ (ท ๔.๑ ป. ๓/๓)

แผนการจดั การเรยี นรู้ 77 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 15 เร่ืองการใชพ้ จนานุกรม ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 แผนการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื งลักษณะการใชพ้ จนานุกรม สอนวนั ที่ 30 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2565 เวลา 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๓/๓ ใชพ้ จนานกุ รมค้นหาความหมายของคำ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกลกั ษณะการใช้พจนานกุ รม (K) ๒. เรียงคำศพั ท์ตามพจนานกุ รมได้ถูกต้อง (P) ๓. กระตือรือร้นในการรว่ มกิจกรรม (A) สาระสำคัญ การใชพ้ จนานุกรม จะชว่ ยใหเ้ ราค้นหาความหมายของคำ อ่าน และเขยี นคำไดอ้ ย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยงั ทำให้ร้วู า่ คำนั้นเป็นคำชนดิ ใด สาระการเรยี นรู้ การค้นหาความหมายของคำจากพจนานุกรม สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๔๕.ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๔๖.ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตผุ ล - การสรปุ ความรู้ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

78 ใฝ่เรยี นรู้ ตัวชว้ี ัดที่ ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน กิจกรรมการเรียงลำดบั คำตามพจนานุกรม คำถามท้าทาย พจนานุกรมมีประโยชน์อย่างไร การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑.ครูนำพจนานุกรมมาให้นักเรียนดแู ลว้ ใชค้ ำถาม เพ่อื ให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็น ดังน้ี ๐ สง่ิ ทคี่ รูนำมาใหน้ ักเรียนดเู รียกว่าอะไร (พจนานุกรม) ๐ นักเรียนเคยใชพ้ จนานุกรมบ้างหรอื ไม่ (เคย) ๐ นักเรียนเคยใชพ้ จนานุกรมทำอะไรบ้าง (ค้นหาความหมายของคำต่าง ๆ) ๐ นอกจากคน้ หาความหมายของคำแลว้ นักเรยี นคิดวา่ พจนานกุ รมมปี ระโยชน์อย่างอนื่ หรอื ไม่ อย่างไร (มี ใชเ้ รยี งคำศพั ท์ ใช้คน้ หาทมี่ าและประเภทของคำต่าง ๆ ท่สี นใจ) ๒. ให้นักเรยี นทำกิจกรรมเสริมทกั ษะการเรยี นรูโ้ ดยเขยี นคำให้ตรงกบั ภาพ แล้วสังเกตการเรียงลำดบั คำ เมอื่ นักเรยี นทำเสร็จแลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคำทีเ่ ติม และสงั เกตการเรยี งลำดับของคำขอ อาสาสมัครอ่านนำ ใหเ้ พอื่ น ๆ อา่ นตามพรอ้ มกนั ๓. ครตู ิดบัตรคำบนกระดานหรอื เขียนบนกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นอา่ นบตั รคำ ดังนี้ มหาชน มหมึ า มหศั จรรย์ มหิดล มหาดเล็ก ๔. นกั เรยี นชว่ ยกนั พิจารณาเรยี งคำจากบัตรคำทั้ง ๕ คำ โดยไม่ใช้พจนานุกรม แลว้ เขียนบนกระดาน จากนั้นครใู หน้ ักเรียนช่วยกนั เรยี งคำในบัตรคำโดยใช้พจนานกุ รมใหถ้ ูกต้องตามลำดับก่อนหลัง ให้อาสาสมัคร ออกมาติดบัตรคำหรือเขียนตามทใ่ี ชพ้ จนานุกรมให้ถกู ต้องตามคำตอบของนักเรยี น ดังน้ี มหศั จรรย์ มหาชน มหาดเลก็ มหิดล มหมึ า ตรวจสอบการเรยี งบัตรคำครั้งแรกที่ไมใ่ ช้พจนานกุ รมและเรยี งบัตรคำโดยใชพ้ จนานุกรม ๕. ใหน้ ักเรียนกำหนดคำขน้ึ มาชดุ ละ๕ คำ และช่วยกนั เรยี งคำดังกล่าวโดยใชพ้ จนานุกรมจนถูกต้อง ปฏบิ ตั ิเชน่ นีป้ ระมาณ ๔ – ๕ ครัง้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook