แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 301 แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทสี่ รา้ งความสามัคคปี รองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ โรงเรยี น 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามที่โรงเรยี น จัดข้นึ 2. ซ่อื สตั ย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ งและเปน็ จรงิ 3. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถี่ กู ตอ้ ง 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครวั มี ความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวนั 4.1 รจู้ กั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้ 4.2 รูจ้ กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟงั คำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ต้ังใจเรียน 5. อย่อู ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และส่ิงของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ ค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเรจ็ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รูจ้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน 8.2 รจู้ กั การดแู ลรักษาทรพั ยส์ มบัติและสง่ิ แวดลอ้ มของห้องเรียนและ โรงเรียน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน 51-60 ดีมาก พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี 30-40 พอใช้ ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรุง กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจต๊ิบ
แผนการจดั การเรียนร้รู ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 302 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื งการเคลือ่ นทแ่ี นวโคง้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17 เรื่องการเคลอื่ นที่แบบวงกลม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รายวชิ าฟิสิกส์ 1 รหัสวิชา ว31201 ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 7 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ *********************************************************************************** ***************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ผลการเรียนรู้ สาระฟิสกิ ส์ 1.เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคล่ือนท่แี นวตรง แรงและกฎการเคล่ือนท่ี ของนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตัม และกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตมั การเคลอื่ นท่ีแนวโคง้ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 1. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่ือนที่แบบวงกลมในระนาบระดับรวมท้ังคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ เก่ียวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียมได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมาย ลักษณะของการเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลมได้ (K) 2. ปฏบิ ัติการทดลอง และสรุปความสัมพันธร์ ะหว่างแรงสูศ่ ูนยก์ ลาง รศั มวี งกลม อัตราเร็วของการ เคลื่อนทเ่ี ป็นวงกลมได้ (P) 3. สามารถคดิ การคำนวณหาปริมาณที่เกยี่ วข้องกบั การเคล่ือนที่แบบวงกลมได้ (P) 4. ยกตัวอย่างการเคล่อื นท่ีแบบวงกลมไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้ (P) 5. ใฝ่เรียนรู้ ทำงานร่วมกับผู้อืน่ และมเี จตคติทางวิทยาศาสตร์ (A) 3. สาระการเรียนรู้ วัตถุท่ีเคล่อื นทเ่ี ป็นวงกลมหรือสว่ นของวงกลม เรียกว่า วตั ถนุ ้ันมกี ารเคล่ือนท่ีแบบวงกลม ซ่ึงมแี รงลัพธ์ที่กระทำ กับวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า แรงสู่ศูนย์กลาง ทำให้เกิดความเร่งสู่ศูนย์กลางที่มีขนาดสัมพันธ์กับรัศมีของการ เคลอื่ นทแี่ ละอัตราเร็วเชงิ เส้นของวตั ถุ ซึง่ แรงสศู่ นู ย์กลางคำนวณได้จากสมการ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจต๊บิ
แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 303 mv2 Fc = r นอกจากนกี้ ารเคลอื่ นท่ีแบบวงกลมยงั สามารถอธบิ ายได้ดว้ ยอัตราเรว็ เชิงมุม ซ่ึงมีความสัมพันธ์กับอัตราเร็ว เชิงเส้นตามสมการ v = ωr และแรงสู่ศูนยก์ ลางมีความสัมพันธก์ ับอัตราเร็วเชิงมุมตามสมการ Fc = mω2r 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเคลอื่ นทีข่ องวัตถจุ ะมีลักษณะเป็นแนวตรง หรือแนวโคง้ ขึน้ อยกู่ บั ทศิ ของแรงทีม่ ากระทำกับทิศของ การเคลื่อนที่ โดยทิศของแรงอยู่ในแนวเดียวกับทิศการเคล่ือนที่ วัตถุจะเคลื่อนที่เป็นแนวตรง ทิศของแรงทำมุม ใด ๆกับทิศการเคล่อื นทต่ี ลอดเวลา วัตถุจะเคลอื่ นท่ีเป็นแนวโค้ง ส่วนการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมน้นั แรงจะทามุมตั้ง ฉากกับทิศการเคลื่อนที่ตลอดเวลาการเคลื่อนที่ และแรงที่กระทาจะมีทิศเข้าสู่ศูนย์กลางเรียกแรงนี้ว่า แรงสู่ ศนู ย์กลาง 5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5E (5E Instructional Model) รว่ มกบั เทคนคิ การแกโ้ จทยป์ ญั หาของโพลยา ชว่ั โมงท่ี 1 ขนั้ นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ เรื่อง ลักษณะการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ เช่ือมโยงเนือ้ หาโดยนักเรยี นรว่ มกันสนทนา เกี่ยวกบั การเคล่ือนที่ในลักษณะการเคลื่อนที่แบบวงกลม กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรียนร้รู ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 304 ลองยกตัวอย่าง (ทิ้งช่วงให้นักเรียนคิด) เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานนาไปสู่การศึกษา เรื่อง การเคลื่อนที่ แบบวงกลม 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยพูดคุยสนทนาประสบการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่หลายอย่าง รอบตัวเรา เช่น รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์กำลังเลี้ยวโค้ง การเคลื่อนที่ของรถไฟเหาะตีลังกาในสวน สนุก การเคลอ่ื นที่ของชิงช้าสวรรค์ นกั เรียนคิดว่าการเคล่อื นทลี่ ักษณะน้วี า่ เป็นการเคลื่อนท่ีแบบใด 2. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรียนจากคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนว่า การหมุนของเข็ม นาฬิกาเป็นการเคล่ือนที่แบบใด (เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นโดยไม่เน้นถูกผิด) (แนวตอบ : เป็นการเคลื่อนที่ที่มีแนวการเคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม เรียกการเคลื่อนท่ี ลักษณะนว้ี ่า การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลม (circular motion)) 3. นกั เรยี นช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเหน็ คำตอบจากคำถาม เพือ่ เช่อื มโยงไปสู่การจัดการเรียนรู้ เรื่องการเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลม 4. ครูกล่าวกับนักเรียนว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และดาวเทียม เคลื่อนที่ในแนววงกลมหรือส่วนของ วงกลมไดอ้ ยา่ งไร หรอื ทำไมการเคลอ่ื นที่จึงเปน็ แบบน้ัน นักเรียนจะไดท้ ำการศกึ ษาต่อไป ชว่ั โมงที่ 2 ข้ันสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ กั เรียนจับคู่กนั เพื่อช่วยกันตอบคำถามจากทค่ี รถู าม 2. ครถู ามคำถามกับนักเรียนว่า ลกั ษณะการเคลื่อนท่ีของรถไฟเหาะตลี ังกาในสวนสนกุ การเคลื่อนท่ีของ ชิงช้าสวรรคเ์ ปน็ อย่างไร โดยครูให้นักเรยี นดภู าพลกั ษณะการเคลือ่ นท่ี ในหนงั สอื เรียน (แนวตอบ : การเคลอื่ นท่ขี องวัตถใุ นลักษณะเปน็ แนววงกลม หรือแบบวงกลม) 3. ครูถามนักเรยี นต่อว่า วตั ถุสามารถเคล่ือนที่เป็นวงกลมได้อย่างไร (แนวตอบ : วตั ถมุ กี ารเคลือ่ นที่ตามแนวโค้ง โดยมีแรงทมี่ แี นวทางตัง้ ฉากกบั ความเรว็ มากระทำ ตลอดเวลา วัตถุจงึ เคล่ือนท่ีแบบวงกลม) 4. ครูยกตัวอย่างวา่ ถ้าเราใช้เชอื กผูกวตั ถุก้อนหน่งึ ไว้ แลว้ จบั ปลายอีกด้านหนึ่งของเชือกเหวี่ยงให้วัตถุท่ี ผูกไว้เคลื่อนที่ตามแนวโค้งจนอยู่ในลกั ษณะวงกลม ครูถามนักเรียนว่าเกิดแรงอะไรบ้าง และมีทิศทาง ใด (แนวตอบ : ขณะทว่ี ัตถุเคล่ือนทีเ่ ปน็ วงกลม จะมีแรงตึงในเสน้ เชอื กดึงวัตถเุ ขา้ หาตัวเรา ถ้าเชอื กที่ผกู วัตถขุ าดขณะเหวยี่ ง วตั ถุจะเคลื่อนท่ีพ่งุ จากตวั เราเปน็ เสน้ ตรง แสดงวา่ แรงตึงในเส้นเชือกมที ิศเข้าสู่ ศูนยก์ ลางทำใหว้ ตั ถเุ คลื่อนทเี่ ป็นวงกลมได้) กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจต๊บิ
แผนการจดั การเรียนรูร้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 305 5. ครูถามนักเรียนต่อว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมจะมีแรงกระทำต่อวัตถุในทิศพุ่งเข้าหาศูนย์กลางของ การเคลือ่ นที่ เรียกแรงน้วี ่าแรงอะไร (แนวตอบ : แรงสศู่ ูนย์กลาง) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงสู่ศูนย์กลาง คือ ความเร่งที่เกิดจากทิศทางของความเร็วตามแนว เส้นรอบวงท่ีเปลี่ยนแปลง โดยแรงสู่ศูนย์กลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็วของวัตถุตลอดเวลา 2. ครูอธิบายต่อว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่าง สม่ำเสมอ และการเคล่ือนทแี่ บบวงกลมอย่างไมส่ มำ่ เสมอ 3. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นไดส้ อบถามในส่วนทมี่ ีขอ้ สงสัยเกย่ี วกบั การเคลื่อนที่แบบวงกลมในเบอื้ งต้น ข้ันสรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนำนักเรียนอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม ว่าเป็นการเคลื่อนที่มีการเปลี่ยน ทิศทางตลอดเวลา ขณะวัตถุเคลื่อนที่ในแนววงกลม ต้องมีแรงกระทำกับวัตถุในทิศพุ่งเข้าหาจุด ศูนยก์ ลาง ซึ่งเรยี กแรงลัพธน์ ้วี ่า แรงสศู่ นู ย์กลาง (F⃑ c) โดยแรงสู่ศนู ยก์ ลางมีทศิ ตงั้ ฉากกับความเร็วของ วตั ถตุ ลอดเวลา 2. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาเร่ือง การเคลื่อนที่แบบวงกลม ว่ามสี ว่ นไหนท่ยี ังไม่เข้าใจและ ให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อเป็นความรู้นำไปสู่การศึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไงของการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในลกั ษณะตา่ ง ๆ 3. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั เฉลยคำถามจาก Unit Question 4 และทำแบบฝึกหัด เร่อื ง การเคล่อื นท่ีแบบ วงกลม ชั่วโมงท่ี 3 ขนั้ นำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เกยี่ วกับลกั ษณะของการเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม 2. ครตู ั้งคำถามเพื่อกระต้นุ กบั นกั เรียนว่า • การเคลอ่ื นท่แี บบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอ มีลกั ษณะการเคลอ่ื นท่ีอยา่ งไร • การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอสามารถอธิบายไดโ้ ดยอาศยั กฎของนิวตนั ได้อยา่ งไร 3. แจ้งให้นกั เรยี นทราบวา่ จะได้ศึกษาเกย่ี วกับการเคลอื่ นที่แบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจตบ๊ิ
แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 306 ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนสืบค้นขอ้ มูลเพื่อหาคำตอบจากรายละเอียดในหนังสือเรียน เพื่อสรุปเป็นความ เข้าใจของตนเอง 2. ครูชี้ในนักเรียนเห็นวา่ การเคลื่อนที่แบบวงกลมสม่ำเสมอ คือ การเคลื่อนที่ท่ีมขี นาดของความเร็วเท่า เดิม สม่ำเสมอแต่ทิศทางเปลี่ยนไปทีละน้อย และเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มีอัตราเร็วคงตัว ดัง ภาพประกอบ หนา้ 162 แสดงวตั ถุเคล่ือนทจ่ี ากตำแหนง่ A ไป B ในแนวรศั มวี งกลมอัตราเรว็ คงตวั 3. ครูให้นักเรียนพิจารณาการเคลื่อนที่ของวัตถุจากตำแหน่ง A ไปยังตำแหน่ง B ในช่วงเวลา ∆t ตาม รายละเอยี ดในหนงั สือ หนา้ 162 เพอื่ หาความสัมพนั ธข์ องความเรง่ สศู่ ูนยก์ ลาง 3. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ เกย่ี วกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอ t อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายว่าการเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ สามารถอธิบายได้โดยอาศัยกฎของนิวตัน ดังนี้ • จากกฎข้อที่หนึ่ง อธิบายได้ว่า มวลยังคงหมุนไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีแรงมากระทำ ดังน้ัน มวลกย็ ังคงสภาพหมุนต่อไป • จากกฎข้อที่สอง อธิบายได้ว่า แรงและความเร่งจำเป็นต้องรักษาตำแหน่งในการเคล่ือนที่ เม่ือ มวลเคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ (ความเร็วคงตัว) ความเร่งมีทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า ความเร่งสู่ศูนย์กลาง ดังนั้นต้องมีแรงกระทำสู่ศูนย์กลางเพื่อทำให้มวลเคลื่อนที่เป็นวงกลมใน กรณีนี้แรงสู่ศูนย์กลาง คือ แรงตึงเชือก และจากนิยามของความเร่ง ∆v นักเรียนจะได้ ∆t v2 ความสัมพนั ธข์ องสมการคอื ac = r ซง่ึ r คอื รศั มกี ารเคลอ่ื นทใ่ี นแนววงกลม • แรงเข้าสู่ศูนย์กลาง (Fc) คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุในการเคลื่อนที่แบบวงกลมมิทิศเดียวกับทิศ ของความเรง่ • จากกฎข้อที่สอง ถ้ามีแรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุกับความเร่งของวัตถุจะมีทิศทางเดียวกัน คือ ทศิ พงุ เข้าหาจดุ ศูนย์กลาง สามารถเขยี นเป็นสมการไดว้ า่ Fc = mac = mv2 r 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาเร่ือง การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ว่ามีส่วนไหนที่ ยงั ไมเ่ ข้าใจและให้ความรู้เพ่ิมเติมนสว่ นนั้น เพื่อเปน็ ความรู้นำไปสกู่ ารศึกษาเก่ียวกับการเคลื่อนที่แบบ วงกลมแบบไมส่ มำ่ เสมอ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปที ่ี 4 307 ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง เกี่ยวกับการคำนวณหาความเร่งสู่ศูนย์กลาง พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้ โจทย์ปญั หาในหนังสอื เรยี น ตามขน้ั ตอนการแกโ้ จทย์ปญั หา ดังน้ี • ขน้ั ท่ี 1 ครใู ห้นักเรียนทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขน้ั ที่ 2 ครูถามนักเรียนว่า สิ่งทโ่ี จทยต์ อ้ งการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ทโี่ จทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ข้นั ที่ 3 ครใู ห้นักเรียนดวู ิธีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อยา่ งว่าถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาเรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ความเร่งสู่ ศูนยก์ ลาง และแรงเขา้ สศู่ ูนย์กลาง ว่ามสี ว่ นไหนทีย่ งั ไมเ่ ข้าใจและให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนัน้ 3. ครูให้นักเรยี นตอบคำถามจาก Unit Question 4 และทำแบบฝึกหดั เรอื่ ง การเคล่ือนท่แี บบวงกลม 4. ครูยกตัวอย่างแรงสู่ศูนย์กลางในชีวิตประจำวัน เช่น การขี่จักรยาน เมื่อเลี้ยวจักรยานไปทางซ้าย เรา จะรู้สกึ ว่ามีแรง F ดึงเราไปทางขวา เรยี กวา่ แรงเฉ่อื ย เราจงึ ต้องเอียงรถไปทางซ้ายเพ่ือสร้างสมดุลกัน แรงเฉื่อยที่เกิดขึ้น ทำให้แรง F กับน้ำหนัก W เกิดเป็นแรงลัพธ์ R ผ่านล้อรถไปสัมผัสกับพื้น ในเวลา นั้นเราจะรู้สึกเหมือนนั่งตัวตรงเป็นแนวดิ่งกดลงบนอานรถ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเอียง และจักรยานรักษา ความเอยี งเป็นมุม θ เล้ยี วไปตามทางโคง้ ไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง ชั่วโมงท่ี 4 ขัน้ นำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ความเร่งสู่ศูนย์กลาง และแรงเข้าสู่ ศูนย์กลาง เพื่อนำไปสู่การเรียนเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) 2. ครูเน้นให้นักเรียนทราบว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ คือ การเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มี อัตราเร็วคงตัว นั่นคือการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของความเร็วเท่าเดิมสม่ำเสมอ แต่ทิศทางเปลี่ยนไปทีละ น้อย 3. ครถู ามคำถามกระตนุ้ กบั นักเรียน ดังนี้ • อัตราเรว็ เชิงเสน้ (v) และอัตราเรว็ เชิงมุม (ω) มคี วามหมายแตกต่างกนั อย่างไร กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 308 (แนวตอบ : อัตราเร็วเชิงเส้น (v) คือระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ตามแนวเส้นรอบวงในหน่ึง หน่วยเวลา ส่วนอัตราเร็วเชิงมุม (ω) คือ มุมที่รัศมีของการเคลื่อนที่กวาดไปในหนึ่งหน่วย เวลา) • คาบ (T) และความถ่ี (f) เกย่ี วข้องกับการเคล่อื นที่แบบวงกลมอย่างไร (แนวตอบ : เวลาที่วัตถุใช้ในการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ เรียกว่า คาบ มีหน่วยเป็นวินาที ส่วน ความถี่จำนวนรอบท่ีวัตถุเคลอื่ นท่ีได้ (จะกร่ี อบก็ตาม) ใน 1 วินาที มีหน่วยเป็นรอบต่อวนิ าที) 4. แจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็ว เชิงมมุ (ω) ของการเคลื่อนทีแ่ บบวงกลม ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) ตาม รายละเอียดจากหนังสือเรียน 2. นกั เรยี นร่วมกันสบื ค้นข้อมลู จากหนงั สือเรยี น หรอื จากแหล่งเรียนร้ตู า่ ง ๆ เช่น อินเตอรเ์ น็ต อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. สมุ่ นักเรียนให้ออกมาอภปิ รายรว่ มกบั ครูเกี่ยวกับความแตกตา่ งของอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็ว เชิงมุม (ω) โดยพิจารณาวัตถุที่เคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบด้วยอัตราเร็วคงตัว และมีรัศมีการ เคลอื่ นทใี่ นแนววงกลมเท่ากับ r ดังภาพจากหนงั สือเรยี น 2. ครนู ำนักเรียนอภปิ ราย ดังนี้ • เมื่อวัตถุมีการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ และช่วงเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่ใน 1 รอบ คือ T ดังนั้น เมื่อนำระยะทางเชิงเส้นที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ใน 1 รอบไปเทียบกับเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่จะ เกดิ ปรมิ าณท่เี รยี กว่า อตั ราเร็วเชิงเส้น (v) เป็นระยะทางตามแนวเสน้ รอบวงของวงกลมท่ีวัตถุ เคลอื่ นทไ่ี ดใ้ นหนง่ึ หนว่ ยเวลา สามารถเขยี นในรูปสมการ คือ ������ = 2������rf • เมื่อเราพิจารณาที่ระยะเชิงมุมที่เปลี่ยนไปต่อเวลาจะเกิดปริมาณที่เรียกว่า อัตราเร็วเชิงมุม (ω) เป็นมุมท่ีจุดศูนยก์ ลางของวงกลมทร่ี ัศมีกวาดไปได้ในหน่งึ หน่วยเวลา สามารถเขียนในรูป สมการ คอื ω = θ = 2π = 2πr = v TT r 3. ครูอธิบายว่า การบอกมุมนอกจากจะมีหน่วยเป็นองศาแล้ว ยังอาจใช้หน่วยเรเดียน (radian) ซ่ึง นักเรยี นจะได้ศึกษาความรเู้ พิม่ เติมไดจ้ ากกรอบ Physics Focus เรอื่ ง เรเดียน 4. ครยู กตวั อยา่ งจากหนงั สือเรียน เพื่อเสริมความเขา้ ใจในการใช้สมการที่ใช้สำหรับคำนวณทเี่ รยี นมา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจต๊ิบ
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 309 5. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสอบถามเน้ือหาเร่ือง อัตราเร็วเชิงเสน้ (v) และอัตราเรว็ เชิงมมุ (ω) ว่ามีส่วน ไหนที่ยังไม่เข้าใจและให้ความรเู้ พ่ิมเติมในสว่ นน้นั 6. ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามจาก Unit Question 4 เรือ่ ง การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลม ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนำอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) ของการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมท่ีมอี ตั ราเร็วคงตัว 2. จากนั้นครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง การคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ ปญั หาในหนงั สอื เรยี น ตามขนั้ ตอนการแกโ้ จทย์ปัญหา ดงั นี้ • ข้นั ท่ี 1 ครูให้นกั เรียนทุกคนทำความเขา้ ใจโจทยต์ วั อย่าง • ข้นั ท่ี 2 ครถู ามนกั เรยี นว่า ส่งิ ทีโ่ จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาส่งิ ทโ่ี จทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ข้นั ที่ 3 ครูให้นักเรยี นดวู ธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อย่างวา่ ถกู ต้อง หรอื ไม่ 3. ครสู ุ่มนกั เรียน 1 คนมาอธบิ ายวธิ กี ารคำนวณหน้าช้นั เรียน 4. ครูให้นกั เรยี นตอบคำถามจาก Unit Question 4 ชั่วโมงท่ี 5 ขั้นนำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเกยี่ วกับเร่ือง การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอ 2. ครูนำเขา้ สบู่ ทเรียน โดยครถู ามคำถาม ดังน้ี • การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมอยา่ งไมส่ ม่ำเสมอ มลี กั ษณะการเคลื่อนท่อี ยา่ งไร (แนวตอบ : การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลมด้วยความเร็วไม่คงท)่ี • ให้นกั เรียนยกตัวอยา่ งการเคลอื่ นที่แบบวงกลมอยา่ งไมส่ ม่ำเสมอ (แนวตอบ : การเคลือ่ นทีข่ องสเกตบอร์ดบนอุปกรณ)์ 3. ครูแจง้ ให้นกั เรยี นทราบวา่ การเคล่ือนทีแ่ บบวงกลมอยา่ งไมส่ มำ่ เสมอ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 310 ข้ันสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรียนจับคกู่ ัน และปรกึ ษากนั ว่า การเคล่ือนท่ีแบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอกับการเคลื่อนที่แบบ วงกลมอย่างไมส่ ม่ำเสมอ แตกต่างกันอย่างไร 2. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษารายละเอยี ดของสมการจากหนังสือเรียน 3. นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาวิเคราะห์และเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อใช้สำหรับการนำเสนอโดย แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กันในแต่ละคู่ จากนั้นอธบิ ายซกั ถามกันจนเขา้ ใจตรงกัน 4. ครูส่มุ เรียกนกั เรียนมา 1 คู่ ออกมาวิเคราะห์และนำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างไม่สม่ำเสมอว่า เป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมด้วย อัตราเร็วไมค่ งตัว ซ่ึงขนาดและทิศของความเรว็ ของวัตถุจะไม่คงตัว 2. ครูให้นกั เรยี นพิจารณาภาพการเคลื่อนท่ีของสเกตบอรด์ บนอปุ กรณ์ทมี่ ีลักษณะเป็นห่วงแนวตั้ง ซ่ึงเม่ือ พจิ ารณา free-body diagram จะมแี รงอยา่ งน้อย 2 แรงกระทำตอ่ วัตถตุ ลอดเวลา คอื - แรงเนือ่ งจากนำ้ หนกั ของวัตถุ W = mg - แรงตง้ั ฉาก N ข้ันสรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจ ทย์ปัญหาใน หนังสอื เรียน ตามขน้ั ตอนการแกโ้ จทยป์ ญั หา ดังนี้ • ข้นั ท่ี 1 ครูให้นกั เรยี นทกุ คนทำความเข้าใจโจทย์ตวั อยา่ ง • ขั้นที่ 2 ครถู ามนักเรยี นว่า สิ่งทีโ่ จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาสิ่งทโ่ี จทยต์ ้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขัน้ ที่ 3 ครใู หน้ ักเรียนดูวธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขัน้ ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อยา่ งวา่ ถกู ต้อง หรอื ไม่ 2. ครูถามคำถาม H.O.T.S กบั นกั เรยี นว่า ปัจจยั ใดบ้างที่มีผลทำให้อตั ราเร็วของการเคลื่อนท่ีแบบวงกลม ไม่สามารถรกั ษาสภาพการเคลือ่ นที่ให้คงท่อี ยู่ได้ (แนวตอบ: แรงลพั ธ์ทม่ี ากระทำต่อวตั ถุ) 3. ครูใหน้ กั เรียนตอบคำถามจาก Unit Question 4 เรือ่ งการเคล่ือนทแ่ี บบวงกลม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจต๊บิ
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปที ี่ 4 311 ช่วั โมงท่ี 6 ข้ันนำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกีย่ วกับการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอและไมส่ มำ่ เสมอ 2. ครูถามคำถามเพื่อเป็นการกระตุ้นนักเรียนว่า การที่เราขับรถไปเมื่อถึงทางโค้งแล้วเลี้ยวโค้งได้ เนือ่ งจากแรงใด 3. ครูแจ้งหัวข้อในการเรียนให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของรถยนต์บนถนนโค้ง โดยบอกนักเรียนว่า นักเรียนต้องสรปุ ใหไ้ ด้ว่า รถเลย้ี วโค้งได้เน่อื งจากแรงใด ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูสนธนาพูดคุยกับนักเรียนว่า ในชีวิตประจำวันของนักเรียนคงคุ้นเคยกับการนั่งรถ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถประจำทาง หรอื รถจกั รายานยนต์ ในขณะท่ีรถว่งิ ไปบนถนนที่เป็นทางโคง้ คนขับจะต้องลด ความเร็วลงเพื่อให้เข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย นักเรียนอาจสังเกตเห็นว่า รถจักรยานยนต์บ างคันต้อง เอียงทำมุมกับถนนราบในขณะที่เข้าโค้ง หรืออาจสังเกตเห็นบริเวณทางโค้งพื้นถนนจะยกตัวให้ลาด เอียง เนือ่ งจากรถวงิ่ บนทางโค้งเป็นการเคลื่อนทแี่ บบวงกลม จึงมีแรงส่ศู ูนยก์ ลางมากระทำตอ่ รถ 2. ครชู ี้แจงให้นักเรียนทราบว่า นกั เรยี นจะไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกับแรงทเี่ ก่ียวข้องกับการเคล่ือนท่ีบนทางโค้ง และ การขบั ขี่ทีป่ ลอดภัยบนทางโคง้ 3. ครถู ามนักเรยี นวา่ รถยนตเ์ ล้ยี วโคง้ ไดเ้ นอ่ื งจากแรงใด โดยครูใหน้ ักเรียนศกึ ษารายละเอยี ดจากหนังสอื เรยี น (แรงเสียดทานระหว่างยางถนนในแนวดา้ นขา้ ง) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ขณะรถยนต์เลี้ยวโค้งบนถนนโค้งราบ ซึ่งมีแนวทางการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ขณะที่รถยนต์ว่ิงบนทางโค้ง ซึ่งเป็นการเคลื่อนทีแ่ บบวงกลม ดังนั้นต้องมแี รงสูศ่ ูนย์กลางกระทำต่อรถ เมื่อพจิ ารณาแรงท่ีกระทำต่อรถ พบวา่ ขณะทีร่ ถยนต์เลยี้ วโค้งรถจะพยายามไถลออกจากโค้ง จึงมีแรง เสียดทานที่พื้นกระทำต่อล้อรถในทิศทางพุ่งเข้าในแนวผ่านจุดศูนย์กลางความโค้ง ดังนั้น แรงเสียด ทานที่พนื้ กระทำต่อลอ้ รถคือแรงสศู่ ูนย์กลาง 5. ครถู ามนกั เรยี นตอ่ วา่ แรงเสยี ดทานทเี่ กดิ ข้นึ คอื แรงเสยี ดทานชนิดใด (แรงเสียดทานสถติ ) 6. ครูให้นักเรียนพิจารณาภาพรถยนต์เล้ียงบนพ้ืนถนนเอียงโดยไม่มีแรงเสียดทาน โดยถามนักเรียนวา่ มี แรงอะไรเกิดขนึ้ บ้าง 7. นักเรียนชว่ ยกันตอบคำถาม กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 312 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู ่มุ นักเรียนเพือ่ ตอบคำถาม โดยครอู ธิบายความรเู้ พม่ิ เติม เพือ่ ให้นกั เรยี นเกิดความเข้าใจข้นึ 2. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า ขณะเลี้ยวรถแรงกระทำต่อรถมีน้ำหนักของรถและคนขับ (mg) และแรง ปฏิกิริยาตั้งฉาก (N) รถจะเลี้ยวได้เร็วหรือช้าอย่างปลอดภัย ขึ้นอยู่กับค่าสัมประสิทธิ์ของความเสียด ทานระหว่างพื้นกับล้อ ถ้ามีมากรถเลี้ยวได้ด้วยอัตราเร็วสูง แต่ถ้ามีน้อย รถเลี้ยวด้วยอัตราเร็วต่ำและ ถ้าสมั ประสทิ ธ์ิของความเสียดทานระหวา่ งพืน้ เอียงกับล้อเปน็ ศนู ย์ รถไม่สามารถเลี้ยวโคง้ ได้เลย ดงั นั้น จึงมีการแก้ไขโดยการเอียงพื้นถนน เพื่ออาศัยแรงปฏิกิริยาท่ีพื้นกระทำต่อรถเป็นแรงสูศ่ ูนย์กลาง โดย ไม่อาศยั แรงเสยี ดทาน 3. ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา่ ไมว่ ่ารถจะเล้ียวโค้งแลว้ เอียงรถ หรอื โค้งบนพน้ื เอียงลื่น แล้วทำมุม θ ท่ีเกิดจาก การเอยี งของทั้งสองกรณคี ือมมุ เดยี วกัน จะใช้สมการเดียวกัน คอื tan θ = v2 gr ขัน้ สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหาใน หนังสอื เรยี น ตามขนั้ ตอนการแก้โจทย์ปัญหา ดังน้ี • ขัน้ ที่ 1 ครใู หน้ ักเรียนทุกคนทำความเข้าใจโจทย์ตัวอย่าง • ขั้นท่ี 2 ครูถามนกั เรียนว่า สิ่งทีโ่ จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสิ่งที่โจทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขัน้ ท่ี 3 ครูให้นักเรียนดูวธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ วั อยา่ งวา่ ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และส่ือ animation จากหนังสอื เรยี น 3. ครูใหน้ ักเรยี นตอบคำถามจาก Unit Question 4 4. ครใู ห้นกั เรยี นต้ังคาถามที่นกั เรยี นอยากรเู้ พิ่มเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจตบิ๊
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 313 ชวั่ โมงท่ี 7 ข้นั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกีย่ วกับการเคลือ่ นที่ของรถยนต์บนถนนโค้ง 2. ครถู ามคำถามเพ่ือเปน็ การกระต้นุ นกั เรยี น ดังนี้ • ดาวเทียม คอื อะไร (แนวตอบ : ดาวเทียม คือ สิ่งที่เกดิ จากการประดิษฐ์ขึ้นของมนุษย์ เป็นการเลียนแบบดาวบรวิ าร ของดาวเคราะห์ สามารถลอยอยู่ในอวกาศและโคจรรอบโลกโดยไม่หลุดจากวงโคจร มีอุปกรณ์ สำหรับรวบรวมข้อมูลเก่ยี วกบั อวกาศ และถ่ายทอดขอ้ มลู นัน้ มายงั โลก) • เหตใุ ดดาวเทียมจึงโคจรรอบโลกได้โดยไมต่ กลงสพู่ ้ืนผวิ โลก (แนวตอบ : ดาวเทียมโคจรรอบโลกได้โดยแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดาวเทียมให้ตกลงพื้น แต่ ดาวเทียมมีความเร็วในแนวขนานพื้นโลกมาก มากจนแนวตกของดาวเทียมมันโค้งพอดีกับส่วน โคง้ ของโลกดาวเทยี มจงึ มีแนวการเคลอ่ื นทข่ี นานกบั พื้นตลอดเวลา ทำใหม้ ันโคจรรอบโลกได้) 3. ครูแจ้งหัวข้อในการเรียนให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเก่ียวกับการเคลื่อนที่ของดาวเทียม โดยบอก นกั เรียนวา่ นกั เรยี นต้องสรปุ ให้ได้ว่า ดาวเทยี มเคลือ่ นทอ่ี ยา่ งไร แลว้ ทำไมไม่ตกลงมาสพู่ นื้ ผวิ โลก ขนั้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ เพื่อศึกษาความรูจ้ ากหนังสือเรยี น หรือจาก แหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ ตามประเดน็ ทีค่ รูกำหนด ดงั นี้ • ดาวเทียม คอื อะไร มปี ระโยนชอ์ ย่างไร • เพราะเหตุใดดาวเทยี มจึงขึน้ ไปโคจรรอบโลกได้ 2. ใหน้ กั เรยี นแต่ละคูร่ ว่ มกันแสดงความคิดเห็นและสรปุ ความรทู้ ี่ได้ศึกษาจนเกิดความเข้าใจที่ถกู ตอ้ ง แลว้ เขา้ รวมกลุม่ ใหญต่ ามเดิม เพ่อื สรปุ ประเดน็ ความรแู้ ละแลกเปลีย่ นความรู้ที่ได้ศึกษา 3. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทยี มรอบโลก 4. ครูตง้ั ประเดน็ คำถามเพื่อประเมนิ ความรู้ความเข้าใจของนักเรียนในเบื้องต้น อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเลือกตวั แทนกลุ่มละ 1 คน ออกมารว่ มกันอภิปราย และสรุปประเด็นความรู้ ทนี่ ักเรียนได้รว่ มกันศึกษา 2. ครูรว่ มแสดงความคิดเหน็ และเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ในส่วนที่ยังมคี วามไม่ชดั เจนอยู่ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจตบ๊ิ
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 314 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การโคจรของดาวเทียมรอบโลกว่า ดาวเทียมโคจรรอบโลกได้ โดยแรงโนม้ ถ่วงของโลกดึงดาวเทยี มให้ตกลงพ้นื แต่ดาวเทียมมคี วามเร็วในแนวขนานพื้นโลกมาก มาก จนแนวตกของดาวเทียมมันโค้งพอดีกับส่วนโค้งของโลกดาวเทียมจึงมีแนวการเคลื่อนที่ขนานกับพ้ืน ตลอดเวลา ทำใหม้ ันโคจรรอบโลกได้ ขัน้ สรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูอธบิ ายว่า จากกฎข้อทส่ี องของนิวตนั แรงเนอ่ื งจากความโนม้ ถ่วงก็คือ แรงสูศ่ นู ย์กลาง ท่ีกระทำต่อ ดาวเทียมให้เคลื่อนที่เป็นวงกลมอยู่ได้ ดังสมการ v2 = GME โดยสมการแสดงถึงความเร็วของ r ดาวเทียมที่ใช้โคจรรอบโลก สังเกตว่า ณ ตำแหน่งที่ดาวเทียมอยู่ห่างจากผิวโลกขึ้นไป ความเร็วของ ดาวเทยี มที่ใช้ในการโคจรรอบโลกจะลดลง 2. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทียม พร้อมทั้งให้ นกั เรยี นฝกึ แกโ้ จทย์ปญั หาในหนงั สอื เรียน ตามขน้ั ตอนการแกโ้ จทย์ปญั หา ดงั นี้ • ข้ันท่ี 1 ครูให้นกั เรยี นทุกคนทำความเข้าใจโจทย์ตวั อยา่ ง • ขน้ั ท่ี 2 ครถู ามนกั เรยี นว่า ส่ิงทีโ่ จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ท่ีโจทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขั้นท่ี 3 ครใู ห้นกั เรยี นดูวธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขนั้ ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอยา่ งวา่ ถกู ต้อง หรือไม่ 3. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และสื่อ animation จากหนังสอื เรยี น 4. ครูให้นกั เรียนตอบคำถามจาก Unit Question 4 เรอื่ ง การเคล่ือนทข่ี องดาวเทียม 5. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เร่อื ง การเคลื่อนทีข่ องดาวเทยี ม 6. ครใู หน้ กั เรียนต้งั คาถามทีน่ ักเรียนอยากรเู้ พิ่มเตมิ ขั้นนำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกีย่ วกบั การเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลม ดงั น้ี การเคลื่อนที่แบบวงกลม คือ การเคลื่อนที่ที่มีเส้นทางการเคลื่อนที่เป็นรูปวงกลม เนื่องจาก แรงที่มีทิศเข้าสู่ศูนยก์ ลางของการเคล่ือนท่ี เรียกแรงนี้ว่า แรงสู่ศูนย์กลาง แรงนี้ทำให้ความเร็วของวตั ถุ เปลย่ี นทิศตลอดเวลาโดยที่ความเร็วมีทิศตามเส้นสมั ผัสเส้นโคง้ 2. ครูถามคำถามก่อนทำกิจกรรมการทดลอง เพ่อื เปน็ การกระตุน้ นักเรียน ดังน้ี กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจต๊บิ
แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 315 • การเคลอ่ื นทีแ่ บบวงกลมมีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร • ปรมิ าณการเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลมมีอะไรบา้ ง และแต่ละปรมิ าณมคี วามสมั พนั ธก์ ันอยา่ งไร ข้ันสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครใู หค้ วามรูก้ ับนกั เรยี นเร่ือง แรงสศู่ ูนยก์ ลาง คาบ ความถ่ี ความสัมพนั ธร์ ะหว่างคาบกับความถ่ี อัตราเร็วกับคาบ และอัตราเร็วกบั ความถี่ 2. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ซึ่งครูอาจใชเ้ ทคนิคการแบ่งกลุ่มผลสมั ฤทธ์ิ (STAD) คอื การจดั กิจกรรมการ เรยี นรทู้ ่มี ีสมาชกิ กลุ่ม 4–5 คน มรี ะดบั สติปัญญาแตกต่างกัน คอื เกง่ 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: ออ่ น 1 คน พรอ้ มท้ังเลือกประธานกล่มุ รองประธานกลุม่ เลขานุการกล่มุ และสมาชกิ กลมุ่ โดยมีหนา้ ท่ี ดงั นี้ - ประธานกล่มุ มีหนา้ ท่ีควบคุมการทำกจิ กรรมการทดลอง - รองประธานกลุ่ม มหี นา้ ท่ี วางแผนในการทำกจิ กรรมทดลอง - เลขานกุ ารกลุ่ม มหี น้าที่ อำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมการทดลอง - สมาชกิ กลุ่ม มหี น้าที่ นำเสนอผลการทำกิจกรรม - สมาชิกกลุม่ มหี นา้ ที่ รวบรวมองคค์ วามรู้และผลงานกลมุ่ 3. ครูชแ้ี จงจุดประสงค์การทดลองใหน้ ักเรยี นทราบ ดังนี้ • เพ่ือศึกษาลักษณะการเคลื่อนทีแ่ บบวงกลม • เพื่อสงั เกตความสัมพนั ธ์ของแรงสู่ศูนย์กลางคาบและรัศมีของการเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม 4. ครูให้ความรู้ที่จำเป็นต่อการทดลอง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองตามขั้นตอนและ รายละเอียดในในหนงั สือเรียน 5. ครูอาจถามกระตุ้นใหน้ กั เรยี นไดค้ ดิ ดว้ ยตวั อย่างคำถามต่อไปนี้ • เมอ่ื ขนาดของแรงดึงในเสน้ เชือกและรศั มีของการเคล่อื นทเี่ พ่ิมขน้ึ ชว่ งเวลาในการเคลื่อนท่ี ครบรอบของจุกยางเป็นอย่างไร • เพราะเหตุใดนกั เรยี นจึงไม่ควรทำปมบนเสน้ เชือกที่อยู่ติดกับปลายล่างของท่อพวี ีซีเพื่อให้รัศมี เท่าเดิมตลอดการปฏิบัติกิจกรรม • เมอื่ ขนาดของแรงดึงในเสน้ เชือกเพิ่มขน้ึ ชว่ งเวลาในการเคล่ือนทีค่ รบรอบของจุกยางเป็นแบบ ใด 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์สรุปผลการทดลอง ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายการทดลองตามแนว คำถามท้ายการทดลอง และสรุปผลการเรียนรู้จากการทดลอง กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจตบิ๊
แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปที ่ี 4 316 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครใู หส้ มาชิกแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลการทดลอง และสรปุ ร่วมกนั 2. ครแู ละนกั เรียนจะสรปุ ผลการทดลองร่วมกันวา่ ตอนที่ 1 เมื่อรัศมีของการเคลื่อนที่คงตัว ขนาดของแรงสู่ศูนย์กลางเพิ่มขึ้น คาบของการ เคลื่อนที่ของจุกยางจะลดลง และกราฟระหว่างขนาดของแรงดึงในเส้นเชือก F กับส่วนกลับของคาบ กำลงั สอง 1 เป็นกราฟเส้นตรงผ่านจุดกำเนิด แสดงวา่ F แปรผนั ตรงกับ 1 T2 T2 ตอนท่ี 2 ขณะแรงดงึ ในเสน้ เชือกคงตัว คาบของการเคล่ือนท่ีของจุกยางจะเพิ่มขึ้น ถ้ารัศมีของ การเคลื่อนที่เพิ่ม และกราฟระหว่างรัศมี r ของการเคลื่อนที่กับคาบกำลังสอง T2 เป็นกราฟเส้นตรง แสดงวา่ r แปรผนั ตรงกบั T2 ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของการเคลื่อนที่แบบวงกลมใน ชีวิตประจำวัน เชน่ การเคล่อื นท่บี นทางโค้ง การโคจรของดาวเทยี มรอบโลก รถไต่ถงั เป็นตน้ 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการการเคลื่อนที่แบบวงกลม โดยใช้สื่อ power point และส่ือ animation 3. ครใู ห้นักเรยี นสรปุ เป็นแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เรือ่ ง การเคลือ่ นทแี่ บบวงกลม 4. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคำถามจาก Unit Question 4 5. ครูใหน้ ักเรยี นตั้งคาถามทนี่ กั เรียนอยากรู้เพิ่มเติม ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 3. ครสู ังเกตความสนใจ ความกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ของนกั เรยี น 4. ครวู ัดและประเมนิ ผลจากแบบฝกึ หดั ที่ 1 เรื่อง การเคล่อื นท่ีแบบวงกลม 5. ครตู รวจการทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question 4 เรือ่ ง การเคล่อื นท่แี บบวงกลม 6. ครูตรวจแบบฝึกหดั เรือ่ ง การเคลือ่ นที่แบบวงกลม 7. ครูประเมนิ ผลงานจากแผนผงั มโนทศั น์ (Concept Mapping) ท่นี ักเรียนได้สร้างขึ้นจากขั้นขยาย ความเข้าใจของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปีที่ 4 317 8. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วิธวี ัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ 1.อธิบายความหมาย ลักษณะของการเคลอ่ื นท่ี -สังเกตพฤติกรรม -แบบฝึกหดั รอ้ ยละ 70 ผ่าน แบบวงกลมได้ ระหวา่ งกิจกรรมการ -แบบทดสอบหลัง เกณฑ์ เรยี นรายบุคคล เรยี น ดา้ นทักษะ/กระบวนการ 1.ปฏิบัติการทดลอง และสรปุ ความสัมพนั ธ์ -สงั เกต ประเมนิ จาก -แบบประเมนิ ดา้ น ระดบั คณุ ภาพ 2 ระหว่างแรงสศู่ นู ยก์ ลาง รศั มีวงกลม อัตราเรว็ กิจกรรมระหวา่ งเรียน ทักษะ/กระบวนการ ผ่านเกณฑ์ ของการเคลอ่ื นท่ีเป็นวงกลมได้ รายบคุ คลและกลุม่ -แบบฝกึ หดั 2.สามารถคดิ การคำนวณหาปริมาณท่ีเกีย่ วขอ้ ง กบั การเคล่อื นท่ีแบบวงกลมได้ 3.ยกตัวอย่างการเคล่อื นทแ่ี บบวงกลมไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั ได้ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1.มีวินัย - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต ระดบั คณุ ภาพ 2 2.ใฝ่เรยี นรู้ การทำงานรายบคุ คล พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์ 3.ม่งุ มั่นในการทำงาน การทำงาน 4.มีความซ่อื สตั ย์ รายบคุ คล ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต ระดบั คณุ ภาพ 2 2. ความสามารถในการคดิ การทำงานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา รายบุคคล 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน รายวชิ าเพม่ิ เติม ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 2) แบบฝึกหดั ท่ี 1 เรือ่ ง การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม 3) PowerPoint เร่ือง การเคล่ือนทแ่ี บบต่าง ๆ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) หอ้ งสมุด 10. กิจกรรมเสนอแนะ/งานทมี่ อบหมาย ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรียนรูร้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปีท่ี 4 318 แบบฝึกหัดที่ 1 เร่อื ง การเคลอ่ื นท่แี บบวงกลม ตอนท่ี 1 คำชี้แจง : ใหเ้ ติมข้อความหรอื ความหมายของคำต่อไปน้ใี หส้ มบรู ณ์ 1. ลกั ษณะของการเคลื่อนท่ีแบบวงกลม 2. ความถี่ (frequency: f) 3. คาบ (period: T) 4. อัตราเร็วเชงิ เส้น (linear speed: v) 5. อัตราเร็วเชิงมุม (angular speed: ω) ตอนที่ 2 คำชแี้ จง : จงแสดงวิธีทำอยา่ งละเอยี ด 1. วัตถุผูกเชอื กยาง 1.2 m แกว่งเปน็ วงกลมมีความถี่ 14 Hz ความเร็วเชงิ เส้นของวตั ถุมคี า่ เทา่ ไร 2. แผน่ เครอื่ งเสยี งหมุนดว้ ยความถ่ี 14 รอบ/วินาที จะมีอตั ราเร็วเชงิ มมุ เทา่ ไร กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจต๊บิ
แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 319 3 เชอื กเส้นหนึ่งยาว 2 เมตร ทนแรงดึงไดส้ งู สุด 200 นวิ ตัน เมื่อนามวล 4 กโิ ลกรัม มาผูกท่ีปลายเชือกข้างหน่ึง สว่ นปลายอีกข้างของเชือกตรงึ ไวก้ ับจุดบนพืน้ ที่ไม่มแี รงเสียดทาน ถ้าทาให้มวลน้ีเคล่ือนท่ีเป็นวงกลมบนพ้ืนราบ นี้ จงหาความเร็วสูงสดุ ของวัตถุท่เี ชอื กยงั ไม่ขาด 4. รถยนตค์ นั หนง่ึ กำลงั วิ่งเลี้ยวโค้งบนถนนระดับ ซ่ึงมรี ศั มคี วามโคง้ ท่ากบั 5 เมตร ถ้าจุดศูนยถ์ ว่ งของรถยนต์อยู่ สูงจากถนน 0.5 เมตร ปรากฏว่ารถยนต์วิ่งด้วยอัตราเร็วสูงสุดที่จะไม่พลิกคว่ำเท่ากับ 10 เมตร/วินาที อยาก ทราบว่ารถคนั น้จี ะมีระยะห่างระหวา่ งลอ้ ทงั้ สองเปน็ เทา่ ใด 5. ดาวเทียมดวงหนึ่งโคจรรอบโลกที่ความสูง 600 กิโลเมตร จากผิวโลกและมีอัตราเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วง เป็น 8.2 เมตรต่อวนิ าที2 จงหาอัตราเร็วของดาวเทียม (กำหนดให้รศั มขี องโลกคือ 6,400 กิโลเมตร) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจตบ๊ิ
แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปที ่ี 4 320 เฉลยแบบฝกึ หัดที่ 1 เร่อื ง การเคล่อื นที่แบบวงกลม ตอนที่ 1 คำช้ีแจง : ใหเ้ ตมิ ข้อความหรือความหมายของคำต่อไปนีใ้ ห้สมบูรณ์ 1. ลกั ษณะของการเคล่ือนทีแ่ บบวงกลม ลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีแรงกระทำตัง้ ฉากกับเวกเตอรค์ วามเร็วเสมอตลอดการเคลื่อนที่ วัตถุ จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวในแนววงกลม แต่ยังคงมีความเร่งเกิดขึ้น ซึ่งความเร่งจะขึ้นกับการเปลี่ยน เวกเตอรค์ วามเรว็ ซึง่ เวกเตอรค์ วามเรว็ จะมีทศิ สัมผัสกับเสน้ ทางการเคลื่อนท่ีของวตั ถุและมที ิศตงั้ ฉากกับแนว รัศมวี งกลม 2. ความถี่ (frequency: f) จำนวนรอบที่วตั ถุเคลื่อนท่ีไดใ้ นเวลา 1 วินาที มหี นว่ ย รอบต่อวนิ าที หรือเฮริ ตซ์ (Hz) 3. คาบ (period: T) เวลาที่วัตถุใช้ในการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ มีหน่วย วินาที (s) ความสัมพันธ์ระหว่างความถี่กับคาบของ การเคลอื่ นท่ี 4. อตั ราเรว็ เชงิ เส้น (linear speed: v) ระยะทางทว่ี ตั ถุเคล่อื นทไี่ ดต้ ามแนวเสน้ รอบวงในหนึ่งหน่วยเวลา 5. อัตราเร็วเชิงมุม (angular speed: ω) มมุ ท่ีรัศมีของการเคล่ือนที่กวาดไปในหนง่ึ หน่วยเวลา อัตราเร็วเชิงมมุ มหี นว่ ย เรเดยี นตอ่ วนิ าที (rad/s) ตอนท่ี 2 คำชแี้ จง : จงแสดงวธิ ีทำอยา่ งละเอยี ด 1. วัตถผุ กู เชือกยาง 1.2 m แกว่งเป็นวงกลมมีความถี่ 14 Hz ความเร็วเชิงเส้นของวตั ถุมคี า่ เทา่ ไร จากสมการ V = 2πRf = (2)(3.14)(1.2)(14) = 105.60 m/s ดงั นน้ั ความเรว็ เชงิ เสน้ ของวัตถุเทา่ กับ 105.60 เมตรต่อวินาที 2. แผน่ เคร่อื งเสยี งหมุนด้วยความถ่ี 14 รอบ/วนิ าที จะมีอัตราเร็วเชงิ มมุ เท่าไร จากสมการ ω = 2πf = (2)(3.14)(14) = 77.92 เรเดียน/วนิ าที ดังนั้น อัตราเร็วเชงิ มมุ เท่ากบั 77.92 เรเดียน/วนิ าที กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจตบ๊ิ
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 321 3 เชอื กเสน้ หนง่ึ ยาว 2 เมตร ทนแรงดึงไดส้ งู สดุ 200 นิวตนั เมอื่ นามวล 4 กโิ ลกรัม มาผูกทีป่ ลายเชือกข้างหน่ึง สว่ นปลายอีกข้างของเชือกตรงึ ไว้กับจุดบนพ้ืนท่ีไม่มแี รงเสียดทาน ถา้ ทาใหม้ วลนเ้ี คล่ือนท่ีเป็นวงกลมบนพื้นราบ น้ี จงหาความเร็วสูงสุดของวัตถุทเี่ ชอื กยังไมข่ าด จากสมการ T = Fc T = mv2 r 200 = 4v2 2 v2 = 200 = 100 m/s 2 ดงั นั้น ความเร็วสงู สุดของวตั ถุที่เชอื กยงั ไมข่ าดมคี ่าเท่ากบั 100 เมตรต่อวนิ าที 4. รถยนต์คันหนึ่งกำลังวงิ่ เล้ียวโค้งบนถนนระดบั ซึ่งมรี ศั มีความโคง้ ท่ากบั 5 เมตร ถา้ จดุ ศนู ย์ถ่วงของรถยนต์อยู่ สูงจากถนน 0.5 เมตร ปรากฏว่ารถยนต์วิ่งด้วยอัตราเร็วสูงสุดที่จะไม่พลิกคว่ำเท่ากับ 10 เมตร/วินาที อยาก ทราบว่ารถคันน้จี ะมรี ะยะหา่ งระหวา่ งลอ้ ท้ังสองเปน็ เทา่ ใด จากสมการ v = √LRg 2h 10 = √L(25()0(.51)0) 10 = 5L L= 2 ดังนนั้ ระยะห่างระหว่างล้อทัง้ สอง 2 เมตร 5. ดาวเทียมดวงหนึ่งโคจรรอบโลกที่ความสูง 600 กิโลเมตร จากผิวโลกและมีอัตราเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วง เป็น 8.2 เมตรต่อวินาที2 จงหาอตั ราเร็วของดาวเทียม (กำหนดใหร้ ศั มขี องโลกคอื 6,400 กโิ ลเมตร) รศั มวี งโคจร = 6,400 + 600 km = 7000 km = 7000 x 103 m จาก Fเขา้ = Fออก mg = mv2 gr = r v2 v = √gr v = √(8.2)(7,000)(103) = 7,580 m/s = 7.58 km/s ดังนน้ั อัตราเรว็ ของดาวเทยี มทโี่ คจรรอบโลกเทา่ กับ 7.58 กิโลเมตรตอ่ วินาที กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจตบ๊ิ
แผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปที ี่ 4 322 เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบฝกึ หัด เกณฑ์การพจิ ารณา คะแนน ข้ันตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหา เปล่ียนปริมาณเป็นสัญลักษณ์ได้ถูกต้อง 2 ชดั เจนทุกข้อ ขั้นท่ี 1 ทำความเขา้ ใจปญั หา เปลย่ี นปรมิ าณเปน็ สัญลักษณ์ไดถ้ ูกต้องไม่ 1 ครบถว้ น ขัน้ ท่ี 2 วางแผนแก้ปญั หา ไมต่ อบหรอื เปลี่ยนปริมาณเป็นสญั ลกั ษณ์ 0 ขั้นท่ี 3 ดำเนนิ การแกป้ ัญหา ไม่ถูกตอ้ งเลย กำหนดสตู รทเ่ี ลอื กใชไ้ ด้ถกู ต้อง 1 ข้นั ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบ กำหนดสูตรทีเ่ ลือกใช้ไมถ่ ูกต้อง 0 แทนคา่ ในสตู รและคิดคำนวณเปน็ ไป 2 ตามลำดบั ขัน้ ไดถ้ ูกต้อง แทนค่าในสูตรได้ถูกต้องแต่คิดคำนวณไม่ 1 เปน็ ไปตามลำดับขั้นท่ีถกู ต้อง ไม่ตอบ หรือแทนค่าในสูตรผิดและคดิ 0 คำนวณไม่เป็นไปตามลำดบั ข้ันทถี่ ูกต้องเลย คำตอบและหนว่ ยถูกต้องชดั เจน 2 คำตอบถกู ต้องแตห่ น่วยไมถ่ ูกตอ้ ง 1 ไม่ตอบ หรอื คำตอบและหนว่ ยไมถ่ ูกต้อง 0 เกณฑก์ ารประเมนิ /ระดบั คณุ ภาพของแบบฝกึ หัด ชว่ งคะแนน ร้อยละ ระดบั คุณภาพ ดีมาก 8 – 10 ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป ดี พอใช้ 6 – 7 รอ้ ยละ 60 – 79 ต้องปรับปรงุ 4 – 5 ร้อยละ 40 – 59 0 - 3 นอ้ ยกว่าร้อยละ 40 เกณฑ์การผ่านของผู้เรียน ระดบั ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คะแนน 6 - 10 คะแนน ระดับไมผ่ ่านเกณฑ์ ระดบั คะแนน 0 – 5 คะแนน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติ๊บ
แผนการจดั การเรียนร้รู ายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 323 แบบประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรียนตามรายการทกี่ ำหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งที่ตรง กับระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 4321 1 การปฏิบตั กิ ารทำกิจกรรม 2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม 3 การบนั ทึก สรปุ และนำเสนอผลการทำกิจกรรม รวม เกณฑก์ ารประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรม ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1.การปฏบิ ตั ิ ทำกิจกรรมตามขั้นตอน ทำกิจกรรมตามข้ันตอน ตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื ตอ้ งให้ความช่วยเหลอื กิจกรรม และใช้อุปกรณไ์ ด้อย่าง และใช้อปุ กรณไ์ ดอ้ ยา่ ง บ้างในการทำกิจกรรม อยา่ งมากในการทำ ถกู ต้อง ถูกต้อง แตอ่ าจตอ้ งไดร้ ับ และการใชอ้ ปุ กรณ์ กจิ กรรม และการใช้ 2.ความ คำแนะนำบ้าง อปุ กรณ์ คล่องแคล่วในขณะ มคี วามคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่ว ขาดความคล่องแคล่ว ทำกิจกรรมเสรจ็ ไม่ ปฏิบัตกิ จิ กรรม ในขณะทำกจิ กรรมโดยไม่ ในขณะทำกิจกรรมแต่ ในขณะทำกิจกรรมจงึ ทำ ทนั เวลา และทำอปุ กรณ์ ตอ้ งไดร้ บั คำชีแ้ นะ และ ตอ้ งได้รับคำแนะนำบา้ ง กจิ กรรมเสร็จไมท่ ันเวลา เสียหาย ทำกิจกรรมเสรจ็ ทนั เวลา และทำกจิ กรรมเสรจ็ ทนั เวลา 3.การบนั ทกึ สรปุ บันทกึ และสรุปผลการทำ บันทึกและสรุปผลการทำ ตอ้ งใหค้ ำแนะนำในการ ต้องให้ความช่วยเหลอื และนำเสนอผล กจิ กรรมไดถ้ กู ตอ้ ง รดั กมุ กิจกรรมได้ถกู ต้อง แต่ บันทกึ สรุป และนำเสนอ อยา่ งมากในการบนั ทึก การปฏบิ ตั ิกิจกรรม นำเสนอผลการทำ การนำเสนอผลการทำ ผลการทำกจิ กรรม สรุป และนำเสนอผลการ กิจกรรมเปน็ ข้นั ตอน กจิ กรรมยังไมเ่ ปน็ ขน้ั ตอน ทำกจิ กรรม ชัดเจน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 10-12 ดีมาก 7-9 ดี 4-6 พอใช้ 0-3 ปรับปรงุ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจติบ๊
แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศึกษาปที ่ี 4 324 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจตบิ๊
แผนการจดั การเรียนร้รู ายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 325 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื 3 การทำงานตามหน้าที่ทไ่ี ด้รับมอบหมาย 4 ความมนี ำ้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรับปรุง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อัมรา ใจตบ๊ิ
แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 326 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ คำชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ท่ี ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การ ความมี การมี รวม ของนกั เรยี น ความ ยอมรับฟัง ทำงาน นำ้ ใจ ส่วนรว่ ม 15 คดิ เห็น ตามที่ ในการ คะแนน คนอ่ืน ได้รับ ปรบั ปรุง มอบหมาย ผลงาน กลมุ่ 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจตบิ๊
แผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 327 แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามัคคปี รองดอง และเป็นประโยชน์ ตอ่ โรงเรยี น 1.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถือ ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมที่เก่ยี วกบั สถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามที่โรงเรยี น จัดข้นึ 2. ซ่อื สตั ย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ งและเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถี่ กู ตอ้ ง 3. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครัว มี ความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รจู้ กั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รูจ้ กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟงั คำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ต้ังใจเรียน 5. อย่อู ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และส่ิงของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ คา่ 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รูจ้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน 8.2 รจู้ กั การดแู ลรักษาทรพั ยส์ มบัติและสง่ิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี นและ โรงเรียน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน 51-60 ดีมาก พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน 41-50 ดี 30-40 พอใช้ พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครงั้ ให้ 1 คะแนน ตำ่ กวา่ 30 ปรบั ปรงุ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อมั รา ใจต๊ิบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327