Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ลูกเสือวิสามัญ2 ม5_6

ลูกเสือวิสามัญ2 ม5_6

Description: ลูกเสือวิสามัญ2 ม5_6

Search

Read the Text Version

คมู่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5 - 6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2 - 3 สำ� นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 1 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วิสามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3

ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3 ปีทีพ่ มิ พ์ พ.ศ. 2562 จำ�นวนพิมพ์ 200 เล่ม จัดทำ�โดย สำ�นักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร พิมพ์ท ่ี โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำ กัด 79 ถนนงามวงศว์ าน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรงุ เทพมหานคร 10900 โทร. 0-2561-4567 โทรสาร 0-2579-5101 นายโชคดี ออสวุ รรณ ผู้พมิ พผ์ ู้โฆษณา

คำนิ ยม นับว่าเป็นโอกาสและประโยชน์ที่สาคัญ อีกเร่ืองหน่ึงที่สานักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการ นักเรียน ซึ่งเป็นหน่วยงานหน่ึงในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผลิตตารา ในลักษณะคู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษาชุดน้ีข้ึน ซ่ึงมีเนอื้ หาท่ีสอดคลอ้ ง กับปัญหาตามวัยและพัฒนาการของผู้เรียน และมีการบูรณาการกิจกรรมการเรียนการสอน เข้ากับวิธีการ ลูกเสอื ครู อาจารย์ ผู้กากับลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสอื จะได้นาไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ประเทศไทยกาลังกา้ วสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ดังนัน้ ความถกู ต้องและชัดเจนในเรื่องการจัด กจิ กรรมลูกเสอื จึงเป็นตาราและคู่มือทางการวิชาการ สาหรับกิจกรรมลูกเสือเพื่อจะใชเ้ ป็นเครื่องมอื ในการ พัฒนาเยาวชนใหเ้ ป็นพลเมอื งดี มีความรอบรู้ สามารถช่วยตนเองได้ อันจะเป็นแรงผลักดันให้การศึกษาของ ประเทศไทยมคี วามเจรญิ เท่าเทียมกับประเทศสมาชิกอาเซยี น และอารยประเทศอน่ื ๆ ท่ัวโลก ขอขอบคุณ และให้กาลงั ใจตอ่ ผู้ทรงคุณวุฒิทางการลกู เสือ และผ้มู ีสว่ นรว่ มในการจัดทาคมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรม ลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาเล่มนี้ทุกท่าน ที่ได้เสียสละ กาลังความคิด จนทาให้เสร็จส้ินโดยสมบูรณ์ อันจะเป็นประโยชน์ต่อกจิ การลกู เสืออย่างมาก ทั้งในปจั จุบนั และอนาคต (นายการณุ สกุลประดษิ ฐ)์ ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร นายการุณ สกุลประดษิ ฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

คำนิ ยม คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา เป็นเครื่องมือสาคัญสาหรับ ครูผู้สอน ลูกเสือ เนตรนารี ท่ีจะใช้สาหรับวางแผนการสอน การวัดและการประเมินผู้เรียน จัดทาข้นึ โดยมี เป้าหมายสาคัญ คือ เสนอแนวทางท่ีเหมาะสมในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ สาหรับ ครูผู้สอนนาไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน โดยสามารถพัฒนาและปรับปรุงให้ดีข้ึนตาม ความรู้ ความสามารถของครผู ู้สอน ตามบรบิ ทแตล่ ะภูมภิ าค หลักสาคัญของเอกสารชุดนี้ นอกเหนือจากเสนอแนวทางด้านเนื้อหาสาระสาคัญ วิธีสอน ท่ีเหมาะสม การวัดและประเมินผล ตัวอย่างแบบทดสอบ วิธีทดสอบ แล้วยังสามารถต่อยอดทางความคิด ของครูผู้สอนได้ เน่ืองจากเป้าหมายท่ีต้องการคือ การนาเอากระบวนการลูกเสือมาจัดการเรียนรู้ให้แก่ ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ในการทากิจกรรมอย่างครบวงจร เพื่อให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ตามกระบวนการของลกู เสือ จงึ เชอื่ ได้ว่า หากผู้เรยี นเข้าใจและปฏิบตั ิได้แล้ว จะเป็นคนดีในสังคมตอ่ ไป ขอขอบคุณ ผู้ร่วมดาเนินการในการจัดทาคู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิต ในสถานศึกษาทุกภาคส่วน ท่ีเล็งเห็นประโยชน์ในการทาเอกสารชุดนี้จนสาเร็จเรียบร้อย สามารถเผยแพร่ได้ ซ่งึ นา่ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ เด็กและเยาวชนในทส่ี ดุ (นายประเสรฐิ บุญเรอื ง) รองนปาลยดัเปลกรขรระะาอเธทสงกิรรปวาิฐลงรบศดัสึกญุกำ� ษนรเระากั อืทธงงิกราาวนรงลศกู กึ เสษอืาแธหกิ าง่ รชาติ เลขาธกิ ารสานักงานลูกเสือแหง่ ชาติ

คำ�นำ� ส�ำนักการลูกเสอื ยุวกาชาดและกิจการนักเรยี น ส�ำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ ารร่วมกบั สมาคมวางแผนครอบครวั แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์สมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี พฒั นาโครงการสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื เสรมิ สรา้ ง ทกั ษะชวี ติ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนในสถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการลกู เสอื โดยใหเ้ ดก็ และเยาวชนลงมอื ปฏบิ ตั ิ ดว้ ยตนเอง ในการทำ� กจิ กรรมอยา่ งครบวงจร ตงั้ แต่การศกึ ษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ติ ามแผน ประเมนิ และปรบั ปรงุ การจดั กจิ กรรม รวมถงึ การทำ� งานเป็นระบบหมตู่ ามกระบวนการลกู เสอื ซง่ึ กจิ กรรมดงั กลา่ ว เป็นการพฒั นาความเป็นมนุษยแ์ บบองคร์ วม ทงั้ ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ สงั คม และสตปิ ัญญา ทำ� ใหเ้ ดก็ และ เยาวชนมรี ะเบยี บวนิ ยั มจี ติ สำ� นึกในการทำ� ความดเี พอ่ื ทำ� ประโยชน์ใหก้ บั ครอบครวั ชุมชน สงั คม และ ประเทศชาติ ต่อไป เรม่ิ จากการศกึ ษาความเป็นไปได้ ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งทงั้ ในและต่างประเทศ จดั ประชมุ ผเู้ ชย่ี วชาญทงั้ ดา้ นลกู เสอื ดา้ นทกั ษะชวี ติ รวมทงั้ ดา้ นการพฒั นาเดก็ และเยาวชน เพอ่ื กำ� หนด กรอบโครงสรา้ งหลกั สตู รลกู เสอื เสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ ทส่ี อดคลอ้ งกบั ปัญหาตามวยั และพฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ ของลกู เสอื แตล่ ะประเภท คู่มือการจดั กิจกรรมลูกเสือเสริมสร้างทกั ษะชีวิต ฉบับทดลอง สมาคมวางแผนครอบครวั แหง่ ประเทศไทยฯ ไดเ้ รม่ิ ใชใ้ นปี พ.ศ. 2553 มโี รงเรยี นจากทกุ ภมู ภิ าคของประเทศเขา้ รว่ มโครงการ จำ� นวน 26 โรงเรยี น โดยไดด้ ำ� เนินการควบคไู่ ปกบั การวจิ ยั และประเมนิ ผลการใชค้ มู่ อื และท�ำการปรบั ปรุงคมู่ อื ครงั้ แรกเมอ่ื เมษายน พ.ศ. 2554 โดยไดเ้ พมิ่ เตมิ เพลง เกม นิทาน เรอ่ื งสนั้ และเน้ือหาใหค้ รบถว้ นยง่ิ ขน้ึ การปรบั ปรงุ ครงั้ ทส่ี อง มถิ ุนายน พ.ศ. 2559 เกดิ ขน้ึ ตามขอ้ เสนอแนะจากการประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร “การขบั เคล่อื นกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นดว้ ยกระบวนการลูกเสอื ” ซ่งึ จดั โดยสำ� นักการลูกเสอื ยุวกาชาด และกจิ การนักเรยี น ส�ำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยยดึ ขอ้ บงั คบั คณะลูกเสอื แห่งชาตวิ ่าดว้ ย การปกครอง หลกั สูตรและวชิ าพเิ ศษลูกเสอื และเพมิ่ จ�ำนวนแผนการจดั กจิ กรรมให้ครบ 40 ชวั่ โมง เพอ่ื ครอบคลมุ สาระทจ่ี ำ� เป็นอยา่ งครบถว้ น เป็นการเตรยี มการขยายผลในโรงเรยี นสงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (สพฐ.) ทวั่ ประเทศ และไดแ้ บ่งคู่มอื ออกเป็น 11 เล่ม ส�ำหรบั ลูกเสอื แต่ละชนั้ ปี เพอ่ื ความสะดวกของผสู้ อน รวมทงั้ ทางสำ� นกั การลกู เสอื ยวุ กาชาดและกจิ การนกั เรยี นไดด้ ำ� เนินการวจิ ยั และประเมนิ ผลการใชค้ มู่ อื การจดั กจิ กรรมลกู เสอื เสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ จำ� นวน 53 โรงเรยี น คขู่ นานกบั สมาคมวางแผนครอบครวั แหง่ ประเทศไทยฯ ดว้ ย สำ� นกั การลกู เสอื ยวุ กาชาดและกจิ การนกั เรยี น และสมาคมวางแผนครอบครวั แหง่ ประเทศไทยฯ ขอขอบพระคณุ หน่วยงานและบุคลากรทุกทา่ นทม่ี สี ว่ นรว่ มในโครงการใหส้ �ำเรจ็ ลุล่วง ณ โอกาสน้ี ตงั้ แต่ การริเร่ิมโครงการการจดั ท�ำหลกั สูตรและคู่มือ การทดลองวิจยั และประเมินผลการใช้คู่มือ รวมทงั้ การปรบั ปรงุ คมู่ อื ทงั้ 2 ครงั้ หวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ คมู่ อื ชดุ น้ีจะชว่ ยสง่ เสรมิ ใหก้ จิ การลกู เสอื ของประเทศไทย ซง่ึ ดำ� เนินมาครบวาระ 108 ปี ในปี พ.ศ. 2562 น้ี ไดเ้ ป็นเครอ่ื งมอื สำ� คญั และก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ ต่อการพฒั นาเดก็ และเยาวชนของชาตติ ่อไป สำ� นักการลกู เสือ ยวุ กาชาดและกิจการนักเรียน สำ� นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ



สารบัญ คาํ นยิ ม หนา้ คาํ นํา คําชี้แจงการใชค้ ่มู อื 1 แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวสิ ามัญชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 - 6 4 และประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2 - 3 7 หนวํ ยท่ี 1 ปฐมนเิ ทศ 26 แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 1 การปฐมนิเทศ(วิชาพิเศษลูกเสือวสิ ามญั ) 31 หนวํ ยท่ี 2 วิชาโครงการ 37 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 2 การอนุรกั ษ๑และรํวมแก๎ไขทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ๎ ม 42 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 3 การอนรุ กั ษ๑และสืบสานวฒั นธรรม แผนการจัดกจิ กรรมที่ 4 ชวํ ยกนั ดูแลรกั ษาสาธารณสมบัติชุมชน ชาติ 63 หนํวยที่ 3 วิชาบริการ แผนการจดั กจิ กรรมที่ 5 บรกิ าร 98 หนํวยที่ 4 วิชาสงั คมสงเคราะห๑ แผนการจดั กจิ กรรมที่ 6 สังคมสงเคราะห๑ 125 หนวํ ยท่ี 5 วิชาเดินทางไกลและอยูํคาํ ยพกั แรม 136 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 7 เดนิ ทางไกลและอยคํู ํายพักแรม หนวํ ยท่ี 6 สขุ ภาพ อนามยั 140 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 8 คาํ นิยมทางสุขภาพทผี่ ิด 143 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 9 เพศสมั พนั ธป๑ ลอดภยั ดว๎ ยถงุ ยางอนามยั 150 หนํวยท่ี 7 ดาํ เนินชีวติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง แผนการจัดกจิ กรรมที่ 10 การใชเ๎ งนิ อยาํ งมคี ณุ คาํ 152 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 11 การวางแผนการใช๎เงนิ สวํ นตวั 159 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 12 การหารายได๎ระหวาํ งเรยี น 171 หนวํ ยที่ 8 การคิดวิเคราะห๑ ตดั สินใจ แกไ๎ ขปญั หา แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 13 ความเสย่ี งท่ีเลยี่ งได๎ 176 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 14 การแกไ๎ ขความขดั แย๎งด๎วยสนั ติ แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 15 การตดิ เกมและ IT มผี ลอยํางไรตอํ เยาวชน หนวํ ยท่ี 9 จดุ ดี จดุ ดอ๎ ย และการพัฒนาตนเอง แผนการจัดกจิ กรรมที่ 16 ศรทั ธา....สํูการพฒั นาตนเอง 6 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3

สารบญั (ตอ่ ) หนา้ แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 17 ลมใตป๎ กี 184 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 18 สกูํ ารยอมรบั และชยั ชนะ (ให๎โอกาสการเป็นผู๎นาํ ) 191 หนํวยท่ี 9 จุดดี จุดดอ๎ ย และการพฒั นาตนเอง (ตํอ) แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 19 รู๎จกั ตนเอง 197 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 20 ศักดิศ์ รขี องความเป็นมนษุ ย๑ 210 หนวํ ยท่ี 10 รักและศรัทธาสถาบันชาติ ศาสน๑ กษัตรยิ ๑ แผนการจดั กจิ กรรมที่ 21 ประวตั ิการเสยี ดินแดนไทย 217 หนวํ ยที่ 11 คณุ ธรรม จริยธรรม แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 22 รกั ษเ๑ มืองไทยโตไปไมํโกง 229 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 23 รักทร่ี บั ผดิ ชอบและปลอดภัย 235 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 24 ประพฤติชอบด๎วยกาย วาจา ใจ 242 หนํวยท่ี 12 สมั พันธภาพและการสอื่ สาร แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 25 การพูดจาสุภาพ 246 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 26 การเลอื กคูํครอง 250 หนวํ ยที่ 13 ประเมินผล แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 27 การประเมนิ ผล 255 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แนวคดิ เรอื่ งทักษะชีวิต 270 ภาคผนวก ข กิจกรรมลูกเสือเสรมิ สร๎างทกั ษะชีวิต 281 บรรณานกุ รม 284 ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 7

คาํ ชี้แจงการใชค้ ูม่ อื คู่มํ ือส่ํงเสริมแแลละะพพัฒัฒนนาากกิจิจกกรรรมมลลูกูกเสเืสอือททักักษษะชะีวชิตีวใิตนใสนถสาถนาศนึกศษึกาษชาุดชนุด้ี น้ีจัดจัดททําข�ำ้ึนขส้ึนําสห�ำรหับรผับู๎ ผกกู้ํากำ� กบั บัลลูกกู เสเสืออืใชใช๎เปเ้ ปน็ ็นแแนนววททาางงใในนกกาารรจจัดดั กกิจจิ กกรรรรมมลกู เสือื มมจี จี ํา�ำนนววนน111เลเมํ ล่มแยแกยตกาตมาชม้นั ชปนั้ ี ปสีาํ สหำ�รหับรลบัูกลเสกู อืเส4อื 4ปรปะรเะภเทภทคอื คอืลกู ลเกู สเือสสอื าํสรำ� อรงองลกูลเกู สเือสสอื าสมาญัมญั ลูกลเกู สเอืสสอื าสมามญั ญั รุนํรนุ่ใหใหญญํ แ่ แลละละลกู กูเสเสอื อืววิสสิามามญั ญั หลักสูตรลูกเสือเสริมสร๎างทักษะชีวิต มีเน้ือหาท่ีสอดคล๎องกับปัญหาตามวัยและพัฒนาการ ด๎านตําง ๆ ของลูกเสือแตํละประเภท นอกจากน้ียังมีเนื้อหาครบถ๎วน เป็นไปตามข๎อบังคับคณะ ลูกเสือแหํงชาติ วําดว๎ ยการปกครองหลกั สตู รและวิชาพิเศษลูกเสอื สํารอง ลกู เสอื สามัญ ลกู เสือสามัญ รนุํ ใหญํ และลูกเสอื วสิ ามญั อกี ด๎วย แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสร๎างทักษะชีวิตในคูํมือชุดนี้ ได๎ออกแบบโดยบูรณาการ กิจกรรมที่เสริมสร๎างทักษะชีวิตเข๎ากับวิธีการลูกเสือ คือการใช๎ระบบหมูํหรือกลํุมยํอย โดยให๎เด็กเป็น ศนู ยก๑ ลาง และมผี ๎ใู หญทํ ําหน๎าทช่ี วํ ยเหลือและสํงเสรมิ ให๎เกิดกระบวนการเรยี นร๎ูในกลํุม แนะนํา สั่งสอน และฝึกอบรมให๎สามารถพงึ่ ตนเองได๎ มีจิตอาสา รับผิดชอบตํอสํวนรวม ยึดมั่นในคําปฏิญาณและกฎของ ลูกเสอื เสรมิ สรา๎ งคุณคําในตนเอง รวมทง้ั ใช๎ระบบเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ๑ทางลูกเสือและเครื่องหมาย วิชาพิเศษ เปน็ แรงกระตนุ๎ ไปสูํเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง การเรียงลาํ ดบั แผนการจดั กจิ กรรม จดั เรยี งลําดบั เนอื้ หาสาระตามหลักสูตรในข๎อบังคับคณะ ลูกเสือแหํงชาติ วําด๎วยการปกครองหลักสูตรและวชิ าพิเศษลูกเสอื สาํ รอง ลกู เสอื สามญั ลูกเสือสามัญ รนํุ ใหญํ และลกู เสอื วสิ ามัญ การนาํ ไปใชข๎ ้นึ กับดุลยพินิจของสถานศึกษาในการเลือกวําแผนการจัด กิจกรรมใดควรใช๎เม่ือใด องค๑ประกอบในการประชุมกอง เน๎นการใช๎ชีวิตกลางแจ๎ง นอกห๎องเรียน ใกล๎ชิดธรรมชาติ เรียนร๎ูจากการลงมือปฏบิ ตั ดิ ว๎ ยตนเอง เกม และการบริการผู๎อื่น ซึ่งถือเป็นหัวใจของกิจกรรมลูกเสือ ทกุ ประเภท โดยกิจกรรมทีใ่ ช๎ แบํงออกเป็น 5 ประเภท คอื การแสดงออก การสาํ รวจและการรายงาน การวิเคราะห๑และการประเมิน เกมและการแขํงขัน การบําเพ็ญประโยชน๑ มีการออกแบบกิจกรรม เพอ่ื ใหล๎ ูกเสอื ได๎ใชก๎ ระบวนการกลุํมในการแลกเปล่ียนประสบการณ๑ แลกเปลี่ยนความคิดความเชื่อ สรา๎ งองค๑ความรแ๎ู ละสรปุ ความคดิ รวบยอด รวมท้ังเปิดโอกาสให๎ลูกเสือได๎ประยุกต๑ใช๎สิ่งที่ได๎เรียนรู๎ ในชีวิตจริงอกี ด๎วย เน้ือหาสาระในแผนการจดั กจิ กรรมประกอบดว๎ ย 1. กิจกรรมตามข๎อบังคับของคณะลูกเสือแหํงชาติ (ไมํรวมกิจกรรมทดสอบเพื่อรับ เครือ่ งหมายหรือสัญลกั ษณท๑ างลูกเสอื และเครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ) 2. กจิ กรรมตามข๎อบังคับของคณะลูกเสือแหํงชาติที่ชํวยเสริมสร๎างทักษะชีวิตด๎านคุณธรรม จรยิ ธรรม ความภาคภมู ิใจในตนเอง ความรบั ผดิ ชอบตํอสวํ นรวม 3. กิจกรรมเสริมสรา๎ งทักษะชวี ติ เพือ่ สรา๎ งภูมิคุ๎มกันทางสังคมตอํ เหตกุ ารณแ๑ ละสภาพปัญหา ของเด็กแตลํ ะวยั 8 คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 1 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3

คมํู ือแตํละเลํม ได๎จดั ทาํ ตารางหนวํ ยกิจกรรม และแผนการจัดกิจกรรม 40 ชว่ั โมง เพือ่ ใหเ๎ หน็ ภาพรวมของการจัดกจิ กรรมลูกเสอื เสรมิ สรา๎ งทักษะชวี ิตของลกู เสอื ในแตํละระดบั ชนั้ และมหี มายเหตุ บอกไว๎ในตารางชํองขวาสุด วาํ เป็นแผนการจดั กิจกรรมเสรมิ สร๎างทกั ษะชีวิต แผนการจดั กิจกรรมประกอบดว๎ ย จุดประสงคก๑ ารเรยี นร๎ู เนอื้ หา ส่ือการเรยี นรู๎ กจิ กรรม การ ประเมินผล องค๑ประกอบทักษะชีวิตสําคัญที่เกิดจากกิจกรรม และภาคผนวกประกอบแผนการจัด กจิ กรรม (เพลง เกม ใบงาน ใบความร๎ู เร่อื งทเ่ี ปน็ ประโยชน๑) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ผู๎สอนควรทําความเข๎าใจให๎ชัดเจนวําเป็นจุดประสงค๑การเรียนรู๎ด๎านความร๎ู เจตคติ หรือ ทกั ษะ เพื่อจัดกิจกรรมไดต๎ รงตามจุดประสงคก๑ ารเรียนรู๎แตลํ ะดา๎ น จุดประสงค๑การเรียนร๎ูด๎านความร๎ู มีจุดเน๎นท่ีการตั้งประเด็นให๎วิเคราะห๑ สังเคราะห๑เน้ือหา ความร๎ู ใหเ๎ ข๎าใจอยาํ งถอํ งแท๎ และสามารถนาํ ไปใชไ๎ ดใ๎ นชีวติ จรงิ จุดประสงค๑การเรยี นรูด๎ า๎ นเจตคติ มีจดุ เนน๎ ทอ่ี ารมณค๑ วามรู๎สึก และการตั้งประเด็นให๎ผ๎ูเรียน ได๎แลกเปลีย่ นและตรวจสอบความคิดความเช่อื ของตนเองกับสมาชกิ กลุํมคนอ่นื ๆ จดุ ประสงคก๑ ารเรยี นรดู๎ า๎ นทักษะ เน๎นที่การทาํ ความเข๎าใจในขั้นตอนการลงมอื ทาํ ทกั ษะ และ ได๎ทดลองและฝกึ ฝนจนชํานาญ บางแผนการจัดกิจกรรมมีจุดประสงค๑การเรียนร๎ูซ๎อนกันมากกวํา 1 ด๎าน ให๎เน๎นด๎านที่เป็น จดุ ประสงคห๑ ลกั ของแผนการจดั กจิ กรรม เนื้อหา เป็นผลการเรียนร๎ูท่ีเกิดข้ึนหลังการสอน ผู๎สอนควรตรวจสอบวําผู๎เรียนได๎เน้ือหาครบถ๎วน หรือไมํ สอ่ื การเรยี นรู้ เปน็ สื่อ อุปกรณ๑ ท่ใี ช๎ในการจดั กจิ กรรม เชนํ แผนภูมิเพลง เกม ใบงาน ใบความรู๎ และเร่ืองท่ี เปน็ ประโยชน๑ ซึง่ มีรายละเอียดอยใูํ นภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรม กิจกรรม กิจกรรมลูกเสือยังคงแบบแผนของลูกเสือไว๎ คือ การเปิดประชุมกอง/ปิดประชุมกอง และ เพลง เกม นทิ าน เร่ืองทเี่ ป็นประโยชน๑ ซงึ่ ใสํไว๎ในทุกแผนการจดั กจิ กรรม โดยผก๎ู าํ กับลกู เสอื สามารถ ปรบั เปลย่ี นไดต๎ ามความเหมาะสม ผส๎ู อนควรจัดกิจกรรมตามท่ีได๎ออกแบบไว๎เรียงตามลาํ ดับขั้นตอน การจดั กจิ กรรม นอกจากนีก้ อํ นการจดั กจิ กรรมควรศึกษาแผนการจัดกิจกรรมให๎เข๎าใจอยํางถํองแท๎ ทกุ ข้นั ตอน ศึกษาใบความรู๎สําหรับผส๎ู อน และใบงานสําหรบั ผเู๎ รยี น เพ่ือท่ีผูส๎ อนจะไดจ๎ ดั กจิ กรรมการ เรียนการสอนให๎ไดเ๎ นอื้ หาตรงตามจุดประสงคก๑ ารเรียนรมู๎ ากที่สดุ ท้ังน้ีผ๎ูกาํ กับควรทาํ ความเขา๎ ใจแนวคดิ เรือ่ งทกั ษะชวี ติ และกิจกรรมลกู เสือเสริมสรา๎ งทักษะชีวติ ใหถ๎ อํ งแท๎ด๎วย โดยศึกษาไดจ๎ ากภาคผนวก ก และภาคผนวก ข คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 9 2 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

การประเมนิ ผล สามารถประเมินได๎ทั้งระหวํางการจัดกิจกรรม และหลังการสอนจบแล๎ว ตามแนวทางที่ได๎ให๎ไว๎ ในแตลํ ะแผนการจดั กิจกรรม องคป์ ระกอบทักษะชวี ติ สาํ คัญท่ีเกดิ จากกิจกรรม ทักษะชีวิตเกิดขึ้นได๎หลายองค๑ประกอบในการจัดกิจกรรมแตํละครั้ง ในที่น้ีได๎ระบุเพียง องค๑ประกอบทักษะชีวิตสาํ คญั ท่ีเกิดขึน้ เทาํ นนั้ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรม เปน็ สื่อ อปุ กรณ๑ ตามรายการท่ีระบุไว๎ในสื่อการเรียนร๎ู เชํน เพลง เกม บัตรคํา ใบงาน ใบความร๎ู และเรื่องทเ่ี ปน็ ประโยชน๑ ฯลฯ หากมีข๎อเสนอแนะเพื่อการปรบั ปรุงคํูมอื ชุดนี้ กรุณาตดิ ตํอที่ • สสำ� มนากั คกมาวรลางกู แเสผอืนคยรวุ อกบาชคารดวั แแลหะงํ กปจิ รกะาเทรนศกัไเทรยยี นฯ สเำ�ลนขกั ทง่ี า8นวปภิ ลาดั วกดรรีะงัทสรติ วง4ศ4กึ ษแาขธวกิ งาลรากดรยะาทวรวเงขศตกึ จษตาจุ ธักกิ รารกรุงเทพฯ 10900 ถโนทนรรศาพั ชทด๑ำ� เ0น-2ิน9น4อ1ก-2เ3ข2ต0ดสุ ตติ ํอก1ร5งุ 1เทพโทฯร1ส0า3ร00-2561-5130 โทรศพั ท์ 02-628-6365 โทรสาร 02-628-6402 10 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 3 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 - 6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2 - 3 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 11 4 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และปวช.2- 3 ชื่อหน่วยกิจกรรมตาม ช่อื แผนการจดั กิจกรรม จาํ นวน หมายเหตุ ข้อบังคบั คณะลกู เสือแหง่ ชาติ ชั่วโมง 1. ปฐมนิเทศ 1. การปฐมนเิ ทศ (วิชาพเิ ศษลกู เสือวสิ ามญั ) 1 2. วิชาโครงการ 2. การอนุรักษ๑และรํวมแกไ๎ ข 4 วิชาพเิ ศษ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อม 3. การอนุรกั ษแ๑ ละสบื สานวัฒนธรรม 2 ทกั ษะชีวิต 2 ทักษะชวี ติ 4. ชํวยกนั ดแู ลรักษาสาธารณสมบัติ 3. วิชาบริการ ชมุ ชน ชาติ 2 วิชาพเิ ศษ 2 วิชาพเิ ศษ 5. บรกิ าร 2 วชิ าพเิ ศษ 4. วชิ าสงั คมสงเคราะห์ 6. สงั คมสงเคราะห๑ 5. วิชาเดนิ ทางไกล 7. เดินทางไกลและอยคูํ ํายพักแรม และอย่คู า่ ยพักแรม 6. สุขภาพ อนามัย 8. คํานยิ มทางสขุ ภาพทผี่ ิด 2 ทกั ษะชวี ติ 2 ทักษะชวี ิต 9. เพศสัมพันธป๑ ลอดภัยดว๎ ยถุงยางอนามัย 1 ทักษะชีวิต 1 ทักษะชีวิต 7. ดาํ เนินชวี ติ ตามหลกั 10. การใช๎เงินอยาํ งมคี ุณคํา 1 ทกั ษะชีวติ ปรชั ญาของเศรษฐกิจ 11. การวางแผนการใชเ๎ งินสํวนตัว พอเพียง 12. การหารายได๎ระหวํางเรยี น 1 ทกั ษะชีวติ 1 ทักษะชีวติ 8. การคดิ วเิ คราะห์ ตัดสนิ ใจ 13. ความเสี่ยงทเี่ ล่ยี งได๎ 1 ทักษะชีวิต แกไ้ ขปญั หา 14. การแก๎ไขความขัดแยง๎ ดว๎ ยสนั ติ 15. การตดิ เกมและ IT มผี ลอยาํ งไร ตอํ เยาวชน 12 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 5 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื วสิ ามัญชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และปวช.2-3 ชือ่ หนว่ ยกิจกรรมตามข้อบงั คบั ชือ่ แผนการจดั กิจกรรม จาํ นวน หมายเหตุ คณะลกู เสอื แห่งชาติ ชว่ั โมง ทักษะชีวิต 9. จดุ ดี จุดด้อย 16. ศรทั ธา...สํูการพัฒนาตนเอง 1 ทกั ษะชวี ติ 1 ทกั ษะชีวติ และการพฒั นาตนเอง 17. ลมใตป๎ กี 2 18. สูํการยอมรบั และชัยชนะ (ให๎โอกาสการเป็นผ๎ูนาํ ) 19. รู๎จักตนเอง 2 ทกั ษะชีวติ 2 ทักษะชวี ิต 20. ศกั ด์ศิ รีของความเปน็ มนษุ ย๑ 3 ทักษะชีวิต 10. รกั และศรทั ธาสถาบนั ชาติ 21. ประวตั ิการเสยี ดินแดนไทย ศาสน์ กษัตริย์ 11. คณุ ธรรม จริยธรรม 22. รักษเ๑ มอื งไทยโตไปไมํโกง 2 ทกั ษะชีวติ 23. รักทร่ี ับผิดชอบและปลอดภัย 2 ทกั ษะชวี ิต 2 ทักษะชีวติ 24. ประพฤตชิ อบดว๎ ยกาย วาจา ใจ 2 ทกั ษะชวี ติ 2 ทักษะชีวิต 12. สัมพนั ธภาพ 25. การพดู จาสุภาพ และการสือ่ สาร 26. การเลอื กคคูํ รอง 2 13. ประเมนิ ผล 27. การประเมินผล 48 รวม 13 หนว่ ยกจิ กรรม รวม 27 แผนการจัดกจิ กรรม หมายเหตุ แผนกิจกรรมน้เี ป็นแผนทางเลอื กให๎ลกู เสือเลอื กตามความสนใจและความตอ๎ งการ ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 13 6 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6,ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ(ปวช.2–3) หนว่ ยที่ 1 ปฐมนิเทศ เวลา 1 ช่ัวโมง แผนการจดั กจิ กรรมที่ 1 การปฐมนิเทศ (วชิ าพิเศษลกู เสือวิสามญั ) 1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถเลอื กเรยี นวิชาพิเศษ ตามความถนัดและความสนใจของตนเองได๎ 2. เน้ือหา หลกั สูตรเครอื่ งหมายวชิ าพเิ ศษลกู เสอื วิสามญั จาํ นวน 11 วชิ า 3. ส่อื การเรียนรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง 3.2 ใบความร๎ู 4. กจิ กรรม 4.1 ผ๎ูกาํ กับลกู เสอื และลูกเสอื รอ๎ งเพลง 4.2 ผกู๎ ํากบั ลูกเสือสนทนาซักถามถงึ ประสบการณ๑ ความสนใจ และความถนัดของลกู เสอื แตลํ ะ คน เพอ่ื พจิ ารณาเลือกวชิ าพเิ ศษตามหลกั สตู รตามขอ๎ บงั คบั ของคณะลูกเสอื แหํงชาติ วาํ ด๎วย การปกครอง หลกั สูตร และวิชาพเิ ศษลกู เสอื วสิ ามญั (ฉบบั ท่ี 15) พ.ศ. 2529 4.3 ผ๎กู ํากับลกู เสอื ใหล๎ กู เสอื แตลํ ะหมํศู กึ ษาใบความรู๎ และเลอื กวิชาพิเศษทส่ี นใจ คนละ 2 วิชา(ไมซํ าํ้ กบั วิชาบังคบั ตามหลกั สูตร) 4.4 ผ๎กู าํ กับลูกเสือจัดกลมุํ ลูกเสอื ตามความสนใจของลกู เสือ 4.5 ผ๎กู าํ กับลกู เสือสรปุ และนัดหมายเพ่อื ชแี้ จงรายละเอยี ดการจัดกิจกรรมตาม หลกั สูตรวชิ าพิเศษ 5. การประเมนิ ผล สังเกตความรวํ มมอื ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 14 คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 7 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 1 เพลง เกียรตศิ กั ดลิ์ กู เสือ ลูกเสือ ลกู เสอื ไวศ๎ ักดิซ์ ลิ กู เสอื ชาย ลูกเสอื ลกู เสือ ไว๎ลายซลิ ูกเสือไทย รกั เกยี รติ และวินยั แขง็ แรง และอดทน เราจะบาํ เพญ็ ตนใหเ๎ ป็นประโยชน๑ตอํ ผอ๎ู ืน่ แมล๎ ําบากตรากตรําก็จะทําใหส๎ าํ เรจ็ ทาํ ทํา ทํา ข๎าสัญญาวาํ จะทาํ เสยี ชพี อยาํ เสยี สตั ย๑ รักชาติใหม๎ ั่นไว๎ ดงั นามอันเกรียงไกรพระมงกุฎทรงประทาน ใบความรู้ การฝกึ อบรมลกู เสอื วิสามัญ ในเบอื้ งตน๎ เป็นการฝึกอบรมหลักสตู รเตรยี มลกู เสือวิสามญั ซงึ่ ใช๎ ระยะเวลาไมคํ วรเกิน 6 เดือน จากนน้ั ลกู เสือจะเขา๎ พิธีประจาํ กอง และเรยี นตามหลกั สูตรโดยจะมีวิชาพเิ ศษ ตามขอ๎ บังคับคณะลูกเสอื แหํงชาติ วาํ ด๎วยการปกครอง หลักสตู ร วิชาพเิ ศษ ลกู เสอื วิสามัญวสิ ามัญ ซึ่งมี จาํ นวน 11 วชิ า เพื่อรับเครอ่ื งหมาย ดังนี้ 1. วชิ าการลูกเสือ หลกั สตู ร (1) ได๎รับการฝกึ อบรมวิชาผ๎ูกํากบั ลกู เสอื ขน้ั ความรเ๎ู บือ้ งตน๎ ประเภทลกู เสอื สาํ รองหรอื ลูกเสอื สามัญอยํางใดอยํางหนงึ่ (2) ได๎ทดลองปฏิบัตหิ นา๎ ท่ีผ๎ูกาํ กับลูกเสอื สาํ รอง หรือลูกเสอื สามญั ในกองลูกเสอื เปน็ ที่พอใจ ของผูก๎ าํ กับลกู เสอื ใน กองนน้ั ๆ เปน็ เวลาไมนํ อ๎ ยกวํา 3 เดือน วตั ถุประสงคเ์ พือ่ ให้ลกู เสอื วิสามญั สามารถ 1. บรรยายแนวการฝกึ อบรมลูกเสอื สาํ รองหรอื สามญั ได๎ 2. สามารถปฏบิ ตั ิหน๎าท่ีผก๎ู าํ กบั หรอื ลรองผกู๎ าํ กับลกู เสอื วสิ ามัญได๎อยาํ งมคี ณุ ภาพ 3. ทําหนา๎ ทเ่ี ปน็ ผู๎ชวํ ยผู๎กํากบั หรอื รองผ๎ชู ํวยผ๎กู าํ กบั ลกู เสือสามญั หรอื สํารองได๎ แนวการจดั ฝกึ อบรม คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 15 8 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3

แนวการจดั ฝึ กอบรม 1. สํงลกู เสือวิสามญั ไปเข๎ารับการฝกึ อบรมวชิ าผก๎ู าํ กบั ลูกเสอื สาํ รองหรือสามญั กับหนํวยงานอน่ื ๆ ทเ่ี ปิดการฝึกอบรม 2. กองลูกเสือวิสามญั เปดิ การฝึกอบรมวิชาผ๎ูกาํ กบั ลูกเสือสํารองหรอื ลกู เสอื สามญั ให๎กับลกู เสอื วสิ ามัญในกองลกู เสอื นน้ั ๆ 3. ใหล๎ กู เสอื วิสามญั ปฏิบตั ิหนา๎ ทใี่ นการฝกึ อบรมลกู เสือสาํ รอง หรือลกู เสือสามญั ไมนํ อ๎ ยกวาํ 3 เดอื น จนเป็นทเ่ี ช่ือไดแ๎ นํวาํ ลกู เสือวิสามัญผ๎นู นั้ ปฏบิ ัติหนา๎ ท่ไี ดอ๎ ยํางมคี ุณภาพ ท้งั นี้การฝกึ อบรมวิชาผ๎กู าํ กบั ลกู เสอื สาํ รองหรือสามัญนน้ั สาํ นักงานลูกเสอื แหํงชาตไิ ดก๎ าํ หนด หลักสตู รและตารางการฝกึ อบรมตลอดจนวิธีการฝึกอบรมไวใ๎ นคูํมอื การฝกึ อบรมวิชาผูก๎ าํ กบั ลกู เสือแตํละ ประเภท ดงั นน้ั ผทู๎ จ่ี ดั การฝกึ อบรมจะตอ๎ งดาํ เนนิ การฝึกอบรมไปตามหลกั การวชิ าการฝึกอบรมอยาํ ง ครบถว๎ น จงึ จะถอื ได๎วาํ เปน็ การฝึกอบรมทีส่ มบูรณ๑ 2. วชิ าเดินทางไกลและอยคู่ ่ายพกั แรม หลกั สูตร เดนิ ทางไกลไปกับลูกเสอื วสิ ามัญเปน็ เวลา 4 วัน ตดิ ตอํ กนั (อยํทู ค่ี าํ ยพกั แรม 3 คืน) หรือเดนิ ทางไกลไปกบั ลูกเสอื วสิ ามัญ 2 ครั้ง แตลํ ะครงั้ ใช๎ เวลา 48 ช่ัวโมง โดยอยคํู ํายพกั แรม 2 คนื ไมํนบั เวลาเดนิ ทางไปและกลบั การเดนิ ทางไกลดงั กลาํ ว ลกู เสือจดั การเองโดยตลอด ทง้ั นี้ ด๎วยความ เหน็ ชอบของผ๎กู าํ กับลกู เสอื วสิ ามัญ การเดิน ทางไกลและแรมคนื ตอ๎ งไดม๎ าตรฐานสงู การเดินทางไกลทางบก หรอื ทางนา้ํ ภายในประเทศหรอื ตํางประเทศกไ็ ด๎ ตอ๎ งแสดงวําในการเดนิ ทางต๎องใช๎ ความอดทน การพง่ึ ตนเอง ความคิดริเรม่ิ ความมานะและการเป็นผ๎นู าํ กับตอ๎ งทาํ สมดุ ปมู รายงานการ เดินทางยน่ื ตอํ ผกู๎ าํ กบั ลกู เสอื วสิ ามัญดว๎ ย วตั ถุประสงคเ์ พ่ือให้ลูกเสือวสิ ามัญสามารถ 1. อธิบายถงึ ความสาํ คญั ของการเดินทางไกลและอยูํคาํ ยพกั แรมได๎ 2. วางแผนการเดนิ ทางไกลและอยคูํ าํ ยพกั แรมได๎ 3. ปฏบิ ตั ิและสอบวชิ าพิเศษการเดนิ ทางไกลและอยูํคาํ ยพักแรมได๎ 16 คคูม่ อืู่มสอื ่งสเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะฒั พนัฒานกิจากกริจรกมรลรูกมเลสกูอื เทสกั อื ษทะักชษวี ิตะชในีวสิตถใานนสศถึกาษนาศปกึ ษระาเภลทูกลเสกู เอื สวอื สิ วาิสมาญัมญั ชช้นั น้ั มมธั ธั ยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทที ่ี่ี 55--66 และ ปวช.2-3 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3 9

แนวการจดั การฝึกอบรม ภาคทฤษฎี ผ๎บู ังคับบญั ชาลกู เสอื ท่ีใชค๎ มูํ ือหลักสตู รวาชิ ชาพาพเิ ศเิ ศษษนน้ี ้ีควรจดั แบํงเนอื้ หาไว๎ให๎เหมาะสมใน การสอนประจาํ คาบเรยี น ปกตใิ นภาคทฤษฎโี ดยใชว๎ ิธสี อนด๎วยการบรรยายหรอื อภปิ รายกลมํุ หรือสาธติ ฯลฯ ตามแตํผบ๎ู งั คับบญั ชาจะเหน็ สมควรและเหมาะสม ภาคปฏิบัติ ผบ๎ู งั คบั บัญชาลกู เสอื ควรใหล๎ กู เสอื วิสามญั รํวมกนั กําหนดและวางแผนดาํำ� เนดนิ การปฏบิ ตั ิ จรงิ เพอ่ื ทาํ การทดสอบวชิ าพเิ ศษเดนิ ทางไกลและอยูํคํายพักแรม การประเมินผล ผู๎บังคับบัญชาลกู เสอื ทมี่ อบเคร่อื งหมายวิชาพเิ ศษลูกเสอื วสิ ามญั วิชาเดนิ ทางไกล และการอยคูํ าํ ยพักแรมใหก๎ บั ลูกเสอื วิสามญั ใหป๎ ฏบิ ตั ติ ามขอ๎ บงั คับคณะลูกเสอื แหงํ ชาติ วําดว๎ ยการปกครอง หลกั สตู รและวิชาพิเศษลกู เสอื วสิ ามญั ของสาํ นกั งานลูกเสือแหงํ ชาติ 3. วิชาโครงการ หลักสตู ร (1) เลือกวางโครงการและสละเวลาทาํ งานตามโครงการอยาํ น๎อง 6 เดอื น และบันทกึ กจิ กรรมตาํ งๆไวด๎ ๎วยให๎เสนอรายงาน ความกา๎ วหนา๎ ตามโครงการตํอผกู๎ าํ กบั ลกู เสอื วสิ ามญั อยาํ ง น้๎อย 3คครร้งั งั้ พรอ๎ มท้งั บนั ทึกกิจกรรมตาํ งๆ และอาจเสนอ แผนภูมแิ ผนทป่ี ระกอบด๎วยกไ็ ด๎ (2) โครงการหมายถึงงานทจ่ี ดั ทําขนึ้ เองโดยใชท๎ กั ษะมี ผลประโยชนไ๑ ด๎ ลูกเสอื เปน็ ผ๎ูเลอื กเองลกู เสอื เลอื กเรอ่ื งใด จะตอ๎ งไดร๎ บั ความเหน็ ชอบจากผู๎กาํ กับลกู เสอื วิสามัญกอํ น (3) เมือ่ ลกู เสอื ได๎ปฏบิ ัตสิ ําเร็จตามโครงการแลว๎ ใหแ๎ สดงผลงานวํา ได๎มาตรฐานและเป็นที่พอใจผ๎กู ํากบั ลูกเสอื วิสามญั วัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ใหล้ ูกเสอื วสิ ามัญสามารถ 1. บอกความหมาย ประเภท และประโยชนข๑ องโครงการได๎ 2. เลอื กโครงการทเี่ หมาะสมกบั กจิ การลกู เสือไดถ๎ กู ต๎อง 3. การเสนอโครงการ การบนั ทกึ การปฏบิ ัตงิ าน และการปรับปรุงแก๎ไขในการดําเนินการตาม โครงการ ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 17 10 ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

แนวการจดั การฝึกอบรม (การเปิดประชุมกอง 6 ครั้ง) 1. เปิด – ปดิ ประชมุ กองในการจัดกจิ กรรมแตํละครั้งตามข้ันตอน 2. กลวธิ ใี นการฝกึ อบรม 2.1.บรรยาย Lecture 2.2.อภปิ รายกลมุํ Group Discussion 2.3.อภปิ รายเปน็ คณะ Panel Discussion 2.4.ระดมสมอง Brain Storming 3. วัสดอุ ปุ กรณ๑ 3.1.แผนภูมิ แผนํ โปรํงใส “โครงการ” 4. วชิ าผฝู้ ึกสอน หลกั สูตร (1) ผาํ นการฝกึ อบรมข้นั ความรู๎เบ้อื งตน๎ ประเภท ใดประเภทหนงึ่ ของหลักสูตรลูกเสอื สํารอง สามญั สามญั รุนํ ใหญํ (2) สามารถทาํ การฝกึ สอนวิชาลกู เสอื ตามประเภท ท่ตี นรับการอบรมมาแล๎วอยาํ งน๎อย 2 วิชา (3) ไดท๎ าํ การสอนเปน็ ทพ่ี อใจของผ๎กู ํากบั กอง น้ัน ๆ เป็นเวลา 3 เดอื น โดยสอนอยาํ งนอ๎ ย 2 วิชา วิชาละ 3 ครง้ั วัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ใหล้ กู เสอื วิสามัญสามารถ 1. อธิบายเนอ้ื หาหลกั สูตรผู๎กาํ กับลูกเสือสาํ รอง สามัญหรอื สามญั รนุํ ใหญํ ขั้นความร๎เู บ้ืองตน๎ ประเภทใดประเภทหนึ่ง 2. ทําการสอนวิชาลูกเสือตามประเภทท่ีตนผาํ นการฝึกอบรมมาไดอ๎ ยํางน๎อย 2 วชิ า 3. ปฏบิ ัตหิ นา๎ ทเ่ี ปน็ รองผู๎กาํ กบั ในกองลูกเสอื สาํ รอง สามญั สามญั รุํนใหญํ ประเภทใดประเภทหนึ่ง ไดเ๎ ป็นอยํางดี แนวการจัดการฝึกอบรม 1. ลกู เสือวิสามญั ท่ีจะขอรับเครอ่ื งหมายวิชาพเิ ศษ “วชิ าผฝ๎ู กึ สอน” จะต๎องสมัครเข๎ารับการ ฝึกอบรม และผาํ นการฝึกอบรมผก๎ู าํ กับลูกเสอื สาํ รอง สามญั สามัญรนุํ ใหญํ ขน้ั ความร๎เู บื้องต๎น ประเภทใดประเภทหนึ่ง 18 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 11 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3

2. การสมคั รเข๎ารับการฝึกอบรมผู๎กาํ กับลูกเสอื สามารถสมคั รไดด๎ งั นี้ 2.1.โรงเรียนในส่วนกลาง สามารถสมคั รเขา๎ รับการฝึกอบรมไดท๎ ่ี - สาํ นกั งานลูกเสอื แหงํ ชาติ - หนํวยราชการตาํ งๆ เชนํ สาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สาํ นักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน ฯลฯ หรอื สโมสรลกู เสอื ตาํ งๆ ที่ขออนุญาตเปิด การฝึกอบรม 2.2.โรงเรยี นในส่วนภูมิภาค สมามาารรถถสสมมคั คั รรเขเขา๎ า้ รรบั บั กกาารรฝฝกึ ึกออบบรรมไดท๎้ ่ี - สํานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาตาํ งๆ - จังหวัดตํางๆ - สโมสรลกู เสอื ของจัดหวดั หรือโรงเรยี น ฯลฯ 3. โรงเรยี นใดที่มีลกู เสอื วสิ ามัญเลอื กสอบวิชาพเิ ศษผู๎ฝกึ สอนเปน็ จํานวนมาก(40 คน)ก็สามารถขอ อนุญาตเปิดอบรมผ๎ูกาํ กับลกู เสอื ขน้ั ความรูเ๎ บอื้ งต๎น ประเภทใดประเภทหนง่ึ 4. ลกู เสือวิสามญั ท่ผี ํานการฝกึ อบรมผ๎ูกาํ กับลกู เสอื ขน้ั ความร๎เู บอื้ งตน๎ ประเภทใดแล๎วจะตอ๎ งไป สมัครเปน็ รองผกู๎ าํ กับลูกเสอื ในโรงเรียนตาํ งๆ ท่มี กี องลกู เสอื ตามประเภททต่ี นผํานการฝกึ อบรม 5. การสมคั รเปน็ รองผ๎กู าํ กบั ลกู เสอื นนั้ ใหเ๎ ขยี นใบสมัครตามแบบใบสมคั ร (ล.ส.2) 6. หลงั จากได๎รับการแตงํ ตง้ั เป็นรองผ๎ูกาํ กับลกู เสอื แล๎ว จะตอ๎ งได๎รบั มอบหมายจากผ๎ูกํากบั ลกู เสอื ให๎สอนวชิ าตาํ งๆ 1 ภาคเรยี น อยาํ งนอ๎ ย 2 วชิ า วิชาละ 3 คร้งั 7. ผลการสอนวชิ าตาํ งๆ ทไี่ ด๎รบั มอบหมายจะต๎องเปน็ ท่ีพอใจของผก๎ู ํากบั ลกู เสอื โดยมคี ะแนนผําน เกณฑก๑ ารประเมินผลทกี่ าํ หนดไวไ๎ มตํ ่ํากวํา 40 คะแนน จึงถอื วาํ ผาํ น 5. วชิ าขับรถยนต์ หลักสตู ร 1. มคี วามรค๎ู วามสามารถในเรื่องตอํ ไปนี้ ก. ขบั รถยนตไ๑ ด๎ ข. ซํอมเครอ่ื งหรือขอ๎ บกพรอํ งเล็กนอ๎ ยและเปลยี่ น ยางรถยนตไ๑ ด๎ 2. สามารถผํานการทดสอบและไดร๎ บั ใบอนุญาตขบั รถยนต๑ สํวนบุคคลจากนายทะเบียนจงั หวดั 3. รจ๎ู ักและสามารถปฏิบัติตามกฎจราจรได๎ ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 19 12 คูม่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3

วตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อใหล้ กู เสอื วิสามัญสามารถ 1. สามารถปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได๎ถูกตอ๎ ง 2. สามารถใชแ๎ ละบาํ รงุ รกั ษารถยนตเ๑ บ้อื งตน๎ ได๎ 3. สามารถขบั รถยนตแ๑ ละผํานการทดสอบไดร๎ ับใบอนญุ าตขับรถยนต๑สํวนบุคคลได๎ แนวทางการฝึกอบรม 1. ใหก๎ ารอบรมใหม๎ ีความร๎ตู ามพระราชบญั ญัติการจราจรทางบก 2. ให๎มีความร๎ูเรื่องเครือ่ งหมายและสัญญาณจราจรทางบก 3. ใหม๎ คี วามร๎ู การใช๎และการบาํ รงุ รักษารถยนต๑ 6. วชิ ายิงปืน หลักสูตร (1) รู๎จักกฎแหงํ ความปลอดภยั เกยี่ วกบั การยงิ ปืนวาํ ต๎องมากํอนอืน่ ใด ร๎ูจักสํวนตํางๆของปืนและวิธใี ช๎ การรักษาและการทาํ ความ สะอาด (2) แสดงเป้าตามกาํ หนดทย่ี งิ ไดด๎ ๎วยตนเองภายใน 6 สปั ดาหท๑ ีแ่ ล๎ว สําหรบั การทดสอบได๎ทาํ แตม๎ ไมนํ ๎อยกวาํ ทกี่ ําหนดไว๎ เปา้ ทยี่ ิง จะต๎องได๎รับการรับรองจากผ๎สู อนตามทไ่ี ด๎รับแตํงตัง้ ไว๎ (3) ภาคปฏบิ ัตกิ ารยงิ ใชป๎ ืนยาวอดั ลมและปืนไรเฟลิ ลกู กรด ก. ปนื ยาวอัดลม ระยะยงิ 25 ฟุต ทาํ ยิง ทํานอน ทําน่งั ทาํ คุกเขาํ ทํายนื ใช๎เป้ามาตรฐานของเอน็ .อาร๑. เอ.ชนดิ ละ 5 ตาวัว ยงิ ตาววั ละ 5 นดั รวมยงิ ทาํ ละ 25 นดั กาํ หนดเวลายงิ นัดละ 1 นาที การตดั สิน โดยนบั เป้าตาวัวท่ไี ด๎แต๎มตา่ํ สุดของแตํละเป้าตาววั ต๎องไมํต่าํ กวํา 1. ทาํ นอน 40 แต๎ม 2. ทาํ น่ัง 35 แตม๎ 3. ทาํ คุกเขาํ 35 แตม๎ 4. ทาํ ยืน 30 แต๎ม ข. ปนื ไรเฟิลลกู กรด ระยะยงิ 50 ฟุต ทํายงิ ทํานอน ทําน่งั ทาํ คุกเขํา ทาํ ยืน ใชเ๎ ปา้ มาตรฐานของ เอ็น.อาร.๑ เอ. ชนิดละ 5 ตาวัว ยงิ ตาวัวละ 2 นดั รวมยิงทาํ ละ 10 นดั กําหนดเวลายิงนัดละ 1 นาที การตดั สิน โดยนับเปา้ ตาววั ที่ไดแ๎ ตม๎ ตา่ํ สดุ ของแตลํ ะเป้าตาววั ต๎องไมํต่ํากวาํ 1. ทํานอน 16 แต๎ม 2. ทํานั่ง 14 แตม๎ 3. ทําคกุ เขํา 14 แต๎ม 4. ทํายนื 12 แต๎ม หมายเหตุ การยิงตอ๎ งยิงตามลาํ ดับทาํ 20 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 13 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3

(4) ลักษณะปนื ที่ใช๎ในภาคปฏิบัติ ก. ปนื ที่ใชห๎ า๎ มตดิ ศูนย๑กลอ๎ ง ข. การบรรจุกระสนุ ใชบ๎ รรจยุ งิ ทลี ะ 1 นดั (5) ต๎องทําการสอบขอ๎ เขียนไดไ๎ มตํ าํ่ กวํา 80% และภาคปฏบิ ตั ิได๎แตม๎ ไมํตาํ่ กวาํ ทกี่ าํ หนดไว๎ วตั ถุประสงค์วชิ ายิงปนื ลกู เสือวิสามัญสามารถ 1. บรรยายสวํ นตาํ งๆของปืน และวิธกี ารใชป๎ นื ได๎ 2. อธิบายกฎแหํงความปลอดภัยเกย่ี วกบั การยงิ ปนื ได๎ 3. ยงิ ปนื ยาวอดั ลมและปนื ไรเฟิลลูกกรดได๎ 4. สาธิตทํายงิ ปนื ตามลาํ ดับทําไดถ๎ ูกตอ๎ ง ตามหลักสตู รกําหนด แนวการจดั ฝกึ อบรม ลูกเสือวสิ ามัญทจี่ ะขอรับเครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ “วชิ ายงิ ปนื ” จะตอ๎ งศึกษาหลักสูตรเนอื้ หาวิชาการ ใหท๎ ราบขัน้ ตอนและนําไปปฏิบตั ดิ ังนี้ 1. ไดท๎ าํ การทดสอบการยิงเป้าตาววั และทาํ แต๎มใหไ๎ ดต๎ ามที่คณะกรรมการผู๎รับผดิ ชอบได๎ กําหนดไวภ๎ ายใน 6 สปั ดาห๑ โดยแผํนน้ันจะตอ๎ งไดร๎ บั คํารบั รองจากผสู๎ อนหรอื หนํวยงานท่ี มีผู๎รบั รอง 2. ไดผ๎ ํานการยงิ ปืนยาวอัดลม ปืนไรเฟิลลูกกรดในทาํ ยิงตาํ งๆกนั และไดแ๎ ตม๎ ตามทกี่ ําหนดไว๎ ในหลกั สูตร โดยมหี นังสอื รบั รองจากหนํวยงานที่ได๎ไปฝกึ และปฏิบตั ิ 3. ทําข๎อสอบขอ๎ เขียนไดไ๎ มํตาํ่ กวํา 80% โดยผกู๎ ํากบั ผู๎รับผดิ ชอบ จะเป็นผ๎ูออกตรวจให๎ 4. เม่อื ลกู เสือวิสามัญปฏิบัติผาํ นครบ 3 ข้ันตอนแลว๎ ทางโรงเรยี นจะทําเรือ่ งขออนมุ ตั ิคณะ กรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหํงชาติ เพือ่ ขออนมุ ัตวิ ชิ าพิเศษ วชิ ายงิ ปนื ให๎ลูกเสอื วสิ ามญั จงึ จะ มสี ิทธ์ติ ดิ เคร่ืองหมายวชิ าพิเศษนไี้ ด๎ 7.วิชาศลิ ปประยุกต์ หลักสูตร ใหเ๎ ลือกปฏิบัติ 5 ขอ๎ ใน 9 ขอ๎ จนเปน็ ทพ่ี อใจของผ๎กู ํากบั ลกู เสือ วสิ ามญั (1) สามารถออกแบบตัวอักษรชนิดตาํ ง ๆ ท่ีใชใ๎ นงาน พาณิชยศลิ ป์ ตามความเหมาะสมของการโฆษณาประกอบการ ใช๎สีจาํ นวน 2 ภาพ ตามขนาดและขอ๎ ความตามท่ีผก๎ู าํ กบั กําหนด (2) สามารถออกแบบปกหนงั สอื และปกงานพมิ พ๑ตําง ๆ จาํ นวน 2 ภาพ ตามขนาดและข๎อความทผี่ ก๎ู ํากบั กําหนด คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 21 14 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3

(3) สามารถเขียนภาพประกอบเรอ่ื ง ตามจินตนาการและความร๎สู ึกดว๎ ยวธิ กี ารตาํ งๆ และ เครอื่ งมือ ตําง ๆ เชนํ ดนิ สอ สเี มจกิ ฯลฯ จํานวน 2 ภาพ ตามขนาดทผี่ ก๎ู ํากบั กาํ หนด (4) สามารถเขยี นภาพการต๑ นู เกยี่ วกบั ลูกเสือดว๎ ยลายเส๎น สเี ดยี วและหลายสี อยํางละ 1 ภาพ ตาม ขนาดท่ผี กู๎ ํากับกาํ หนด (5) สามารถออกแบบเครื่องหมาย สัญลักษณ๑ สอ่ื ความหมาย หรอื รูปแบบประกอบตวั อักษรท่ี เกี่ยวกบั ลูกเสอื หรอื เอกลักษณข๑ องไทย จาํ นวน 2 ภาพ ตามขนาดทผี่ ก๎ู าํ กบั กาํ หนด (6) สามารถสร๎างรูปจําลอง การจดั ตกแตํงสวนและบริเวณ โดยสรา๎ งความสมั พันธ๑ระหวํางวสั ดุ และ สงิ่ ของ เพอื่ นํามาตกแตํง ปฏบิ ัติการขนาดเลก็ ตามที่ผ๎กู ํากับกาํ หนด (7) สามารถประยกุ ตง๑ านหัตถกรรมพื้นบ๎าน หรอื เครอ่ื งใชส๎ อยในครัวเรอื น ให๎เกดิ ความเหมาะสมกับ สังคมปัจจุบนั ตามทผ่ี กู๎ าํ กับกําหนด (8) สามารถป้ัน ทาํ แมพํ ิมพช๑ น้ิ และแมํพิมพ๑ทุบ และการหลํอด๎วยปนู ปลาสเตอร๑ เป็นเครือ่ งเลนํ เคร่อื งประดบั อาคารบ๎านเรือนได๎ จํานวน 2 ชน้ิ ดว๎ ยแมพํ ิมพท๑ บุ 6 ช้นิ และแมพํ มิ พช๑ ิ้น 1 ชิ้น ตามที่ผ๎ูกํากบั กาํ หนด (9) สามารถทําภาพพมิ พ๑โดยการออกแบบ งานพิมพ๑ แมํพมิ พ๑ การพมิ พ๑แมพํ ิมพ๑ไม๎ การพมิ พ๑ แมพํ ิมพ๑ผา๎ ไทย เทคนิคการทําแมพํ มิ พ๑ด๎วยนํา้ ยาไวแสง การถํายดว๎ ยแสงแดด สปอทไลท๑ และแสงนีออน อยาํ งใดอยาํ งหนง่ึ 1 ชน้ิ ตามขนาดและสที ่ผี กู๎ ํากบั กาํ หนด วตั ถุประสงคเ์ พ่ือให้ลูกเสือวสิ ามัญสามารถ 1. บรรยายความหมายและขอบขาํ ยของการฝกึ อบรมวิชาศลิ ปประยุกตไ๑ ด๎ 2. อธิบายหลกั การและวิธีการในการออกแบบงานศลิ ปะในหัวขอ๎ ตํางๆตามหลกั สตู รได๎ 3. ปฏิบตั ิการในการออกแบบเกย่ี วกับศิลปะตามหลักสตู รในการฝึกอบรมได๎ แนวการจดั การฝกึ อบรม 1. บรรยายความหมาย หลักการและวธิ ีการในการฝกึ อบรมในหัวข๎อตํางๆ ตามหลกั สูตรวิชาศลิ ป ประยกุ ต๑ได๎ 2. สาธติ ให๎ผ๎เู ขา๎ รบั การฝกึ อบรมได๎เหน็ ถึงการออกแบบศลิ ปะในหัวข๎อตํางๆตามหลกั สตู ร 3. ให๎ผเ๎ู ข๎ารับการฝกึ อบรมไดป๎ ฏิบัติจริงในการฝกึ อบรมแตํละเร่ืองในหลักสูตร 4. จดั นทิ รรศการเกีย่ วกบั ศิลปะใหล๎ กู เสอื วสิ ามัญไดเ๎ กดิ ความสนใจและแนวคิดตลอดจนทศั นคติทด่ี ีตํอ วิชาศลิ ปประยกุ ต๑ วัสดอุ ุปกรณใ์ นการฝกึ อบรม 1. ภาพตาํ งๆเชํน ตัวอกั ษรแบบตํางๆงานพมิ พ๑ หนุํ จําลอง งานปนั้ 2. วัสดุอุปกรณ๑ กระดาษวาดเขยี น แผนํ ใส สไลด๑ ภาพยนตร๑ สีชนดิ ตาํ งๆของดนิ ฯลฯ 22 คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 15 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3

8. วิชาปฐมพยาบาล หลักสูตร (1) รแู๎ ละสามารถปฏิบตั ติ ามหลักท่วั ไปของการปฐมพยาบาลและ ข๎อควรจาํ ของการปฐมพยาบาล (2) รู๎และสามารถสาธติ เรือ่ งตอํ ไปนวี้ ิธกี ารห๎ามเลือดวธิ ีแก๎ไขอาการ ชอ็ ค (Shock)วธิ ีการชํวยหายใจหรือผายปอด นวดหัวใจ วธิ ีการ ขนเคลื่อนย๎ายผป๎ู ว่ ย หรือผ๎บู าดเจบ็ รู๎จกั อาการของเรอื่ งกระดูกหกั ในสวํ นตํางๆ ของราํ งกายวิธกี ารเขา๎ เฝอื กชว่ั คราว วธิ ีแกบ๎ าดแผล มพี ิษ (3) เรยี นรู๎ถึงโรคบางชนิดทีพ่ บบํอยๆในการเขา๎ คํายพักแรมงานชมุ นมุ และยาท่ีใชใ๎ นการรักษา อยํางสังเขป (4) การทดสอบวชิ าปฐมพยาบาล ใหม๎ ภี าคปฏบิ ตั แิ ละทดสอบด๎วย คือ สามารถปฏบิ ัตไิ ด๎ สาธติ ได๎ จน เปน็ ที่พอใจของคณะกรรมการสอบ วตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ใหล้ ูกเสือวสิ ามัญสามารถ 1. บรรยายหลกั การท่ัวไปเกีย่ วกบั การปฐมพยาบาลได๎ 2. อธิบายวธิ กี ารปฐมพยาบาลและการใชย๎ าท่จี าํ เปน็ ในเบอื้ งตน๎ ให๎กับผู๎ป่วยไดพ๎ อสงั เขป 3. ปฏิบัติการปฐมพยาบาลใหผ๎ ๎ปู ่วยในกรณีตํางๆได๎ แนวการจัดการฝกึ อบรม 1. บรรยายเกยี่ วกับหลกั การทวั่ ไปของการปฐมพยาบาลในเร่อื งตาํ งๆตามหัวข๎อในหลักสูตร 2. สาธิตการปฏบิ ัตพิ ยาบาลในหัวข๎อตํางๆตามหลกั สตู ร 3. ใหผ๎ เ๎ู ข๎ารับการฝกึ อบรมได๎ปฏบิ ัตจิ ริงในการฝึกอบรม 4. ให๎ลูกเสอื วิสามัญได๎ออกปฏิบัติจรงิ ในภาคสนาม คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 23 16 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3

9. วชิ าอเิ ลก็ ทรอนิกส์ หลกั สูตร (1) สามารถเขียนวงจรเคร่อื งรับวทิ ยุ เอฟ.เอ็ม. อยาํ งงําย และจดั ทําเปน็ (Printed Circuit) กบั ใสอํ ุปกรณ๑ทกุ อยํางใหเ๎ ข๎าท่ี ครบถ๎วน และใช๎ เครอื่ งรบั วิทยทุ ส่ี ร๎างข้ึนนน้ั อยาํ งได๎ผล (2) มีความรเู๎ กย่ี วกบั อุปกรณท๑ เี่ รียกวาํ Integrated Circuit. (IC.) และสามารถนําไปใช๎งานใน เครอื่ งรบั วิทยุ หรอื เครอ่ื งอปุ กรณ๑ ทางอิเลก็ ทรอนิกส๑ อยาํ งน๎อย 1 อยําง (3) สามารถติดตงั้ เสาอากาศโทรทัศน๑ เพ่อื ใชก๎ บั เครื่องรบั โทรศพั ท๑ ขาวดําและสโี ดยใหร๎ บั สญั ญาณ ภาพไดอ๎ ยํางมปี ระสทิ ธภิ าพ ทกุ สถานี วัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ให้ลูกเสือวสิ ามญั สามารถ 1. เขียนวงจรเครอื่ งรับวทิ ยุ เอฟ.เอม็ . อยาํ งงํายได๎และสามารถจดั ทาํ เปน็ แผนํ วงจรพมิ พไ๑ ด๎ 2. สามารถประกอบอปุ กรณเ๑ ครื่องรบั วิทยุ เอฟ.เอ็ม. และนาํ ไปใช๎ไดอ๎ ยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 3. มีความร๎เู กยี่ วกับอปุ กรณ๑ IC. และสามารถนําไปใช๎กับอปุ กรณ๑ทางอเิ ล็กทรอนิกสไ๑ ด๎อยาํ งน๎อย 1 อยําง 4. สามารถตดิ ตั้งเสาอากาศวิทย-ุ โทรทัศน๑ ไดแ๎ ละสามารถรับสัญญาณไดอ๎ ยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ แนวการจดั การฝึกอบรม 1. บรรยายนําเกี่ยวกบั เครื่องรับวทิ ยุระบบ เอฟ.เอม็ . และเสาอากาศรับสญั ญาณ โทรทัศนช๑ นดิ ตํางๆ 2. สาธติ การนาํ อุปการณ๑ IC. ไปประกอบกับเคร่อื งอุปกรณ๑ทางอเิ ลก็ โทรนิกสห๑ รอื ในเคร่อื งรับวิทยุ 3. สาธิตการตดิ ต้งั เสาอากาศเพ่อื รบั สัญญาณภาพท้ังเครอ่ื งรับสีและขาวดํา 4. ให๎ผ๎ูรบั การฝึก สามารถประกอบและติดตง้ั อปุ กรณ๑ IC. ในอุปกรณ๑อเิ ลก็ โทรนิกสห๑ รอื ในวทิ ยุอยาํ ง น๎อย 1 อยําง 5. ให๎ผเ๎ู ขา๎ รับการฝกึ สามารถประกอบและติดตั้งอปุ กรณเ๑ สาอากาศรับสญั ญาณภาพได๎อยํางมี ประสทิ ธภิ าพทกุ สถานี 6. เสนอรายงานการปฏิบตั ติ ํอท่ปี ระชมุ 24 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 17 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3

10. วิชาบริการ หลักสูตร (1) ทาํ หนา๎ ท่พี เี่ ลยี้ งของลูกเสือวิสามญั ที่เขา๎ ใหมํ (2) ทาํ หนา๎ ทเ่ี ปน็ กรรมการของกอง (3) บาํ เพญ็ ประโยชนต๑ ํอกองลูกเสอื ของตนไมํ นอ๎ ยกวาํ 9 ครงั้ (4) บําเพญ็ ประโยชนต๑ อํ กองลูกเสืออ่ืนไมนํ ๎อยกวาํ 6 คร้ัง (5) บําเพ็ญประโยชนต๑ ํอชมุ ชนไมนํ อ๎ ยกวํา 3 ครง้ั วัตถปุ ระสงคเ์ พื่อใหล้ ูกเสอื สามญั สามารถ 1. อธบิ ายถงึ หนา๎ ทข่ี องพ่ีเลี้ยงไดถ๎ ูกตอ๎ งและปฏิบัตขิ องลูกเสือวสิ ามญั ท่ีเขา๎ ใหมไํ ด๎ 2. อธบิ ายถงึ หน๎าทข่ี องคณะกรรมการประจาํ กองได๎ถูกต๎อง และปฏิบตั ิหนา๎ ทใี่ นคณะกรรมการประจาํ กอง 3. อธบิ ายความหมายของการบรกิ ารและประเภทของการบรกิ ารได๎ 4. อธิบายหลกั ในการใหบ๎ ริการได๎ 5. อธิบายงานและโอกาสทจ่ี ะใหบ๎ รกิ ารหรือบําเพญ็ ประโยชนต๑ อํ ตนเอง ขบวนการลกู เสือและชมุ ชนได๎ 6. ปฏิบตั ติ นได๎ตามคตพิ จนข๑ องลกู เสือวสิ ามญั ทั้งน้ี แนวทางในการดําเนนิ การจดั กิจกรรมไดจ๎ ดั ทําเป็นแผนการสอน แผนเป็นการเฉพาะเพ่อื ให๎ผู๎ กาํ กบั ลกู เสอื ไดศ๎ กึ ษาและนาํ ไปใชต๎ อํ ไป 11. วชิ าสงั คมสงเคราะห์ หลักสูตร มีความรแ๎ู ละสามารถชแี้ จงเรื่องราวตามหวั ขอ๎ ตอํ ไปนี้ไดด๎ พี อสมควร (1) ปัญหาสงั คม (2) ความรู๎เบอ้ื งตน๎ เกี่ยวกบั กรมประชาสงเคราะห๑ และการสังคม สงเคราะห๑ (3) การสร๎างความสมั พนั ธ๑กบั ผรู๎ บั การสงเคราะห๑ (4)บทบาทและหน๎าท่ขี องงานประชาสงเคราะห๑ (5) การสงเคราะหเ๑ ด็กและบคุ คลวยั รํนุ (6) การสงเคราะหค๑ รอบครวั คนชรา คนพกิ าร คนขอทาน และคนไรท๎ พี่ ง่ึ คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 25 18 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3

(7) การสงเคราะห๑ผป๎ู ระสบภยั (8) องค๑การสังคมสงเคราะหเ๑ อกชนกบั งานสงเคราะหผ๑ ป๎ู ระสบภยั (9) การออกหนํวยชวํ ยเหลอื ผู๎ประสบภัย (10) บทบาทและหนา๎ ทีข่ องลกู เสอื ในสงเคราะห๑ผ๎ปู ระสบภัย อคั คภี ยั อุทกภยั และวาตภยั (11) การจัดท่ีพกั ชวั่ คราวสาํ หรับผ๎ปู ระสบภัย (12) การรบั บรจิ าคส่งิ ของเหลอื ใชส๎ ําหรบั ผ๎ปู ระสบภยั ทง้ั น้ี แนวทางในการดําเนนิ การจดั กจิ กรรมไดจ๎ ดั ทําเปน็ แผนการสอน แผนเปน็ การเฉพาะเพอ่ื ใหผ๎ ู๎ กาํ กบั ลูกเสือได๎ศึกษาและนําไปใช๎ตํอไป 12. เคร่ืองหมายวชิราวุธ หลักสูตร (1) ได๎รบั เครอื่ งหมายวชิ าพิเศษลูกเสือวิสามญั อยาํ งน๎อย 5 วิชา (2) ผู๎กํากับลูกเสอื หรอื ผก๎ู าํ กบั ลูกเสอื วสิ ามญั รบั รองวาํ เป็นผู๎ ดาํ เนนิ ชวี ติ ตามแบบลูกเสอื และปฏบิ ัติตามคตพิ จนว๑ ํา“บริการ” โดยเครํงครัด (3) เลขาธิการคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงํ ชาติ ผอู๎ าํ นวยการลูกเสอื จังหวดั ผอ๎ู ํานวยการ ลูกเสืออาํ เภอ แลว๎ แตํกรณี เป็นผแู๎ ตงํ ตง้ั บุคคลทม่ี ีคุณวุฒิเหมาะสมทําการสมั ภาษณ๑ เมอ่ื เหน็ วําเป็นผเ๎ู หมาะสมกใ็ ห๎ รายงานไปตามลําดับ จนถงึ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงํ ชาตเิ พ่ือขออนุมตั ิ วัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื ใหล้ ูกเสอื วสิ ามัญสามารถ 1. เพอ่ื แสดงถงึ ความสามารถของลกู เสือวิสามัญทไี่ ดร๎ ับเครือ่ งหมายสูงสดุ 2. เปน็ พ่เี ลีย้ งลกู เสอื วิสามัญทม่ี ีประสทิ ธิภาพได๎ 3. เปน็ รองผก๎ู ํากบั ลกู เสือวิสามญั ได๎ 26 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 19 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3

แนวการจดั การฝึกอบรม ผ๎ูทจ่ี ะได๎รบั เครอื่ งหมายวชริ าวุธจะตอ๎ งสอบไดว๎ ชิ าพเิ ศษลกู เสอื วิสามัญอยํางนอ๎ ย 5 วิชาซึง่ ควรจะมี วิชาเหลําน้คี อื 1. วิชาการลูกเสอื 2. วชิ าเดินทางไกลและอยคูํ าํ ยพกั แรม 3. วิชาบรกิ าร 4. วิชาผู๎ฝกึ สอน 5. วิชาปฐมพยาบาล วิชาเหลาํ นถ้ี อื เปน็ วิชาหลกั ในการท่จี ะบรกิ ารผอู๎ ่นื ได๎ตามวัตถปุ ระสงคข๑ องเคร่ืองหมายวชิราวุธ ผ๎ูกาํ กบั ลกู เสอื วิสามัญจะตอ๎ งจดั การสอนและฝึกอบรม เพือ่ สอบวชิ าพิเศษเหลําน้ี เนอื้ หาวชิ าประกอบการฝึกอบรมตามหลักสตู ร 1. วิชาการลูกเสือ หลักสตู ร 1. ไดร๎ บั การฝกึ อบรมวิชาผก๎ู าํ กับลูกเสอื ขน้ั ความรูเ๎ บือ้ งตน๎ ประเภทของลกู เสอื สาํ รอง หรอื ลกู เสือ สามญั อยํางใดอยํางหน่งึ 2. ไดท๎ ดลองปฏิบัติหนา๎ ทผ่ี ก๎ู าํ กับลกู เสือในกองนน้ั ๆ ไมนํ อ๎ ยกวํา 3 เดอื น วธิ ปี ฏบิ ัติ จากข๎อ 1. - สํงลูกเสือวิสามัญเข๎ารบั การอบรมผ๎ูกาํ กบั ลกู เสอื สํารอง หรือสามัญชน้ั ความรูเ๎ บ้อื งตน๎ ตามทห่ี นํวยงานตําง ๆ ท่เี กยี่ วข๎องเปดิ การฝึกอบรมขนึ้ หรือ - จดั ฝกึ อบรมผก๎ู าํ กับลกู เสือสํารอง หรอื ลกู เสือสามัญ ขน้ั ความรเู๎ บอื้ งต๎น ขน้ึ ในกองลกู เสือวสิ ามัญน้นั เอง ให๎ครบทุกวชิ าแล๎วประเมนิ ผลแตลํ ะวชิ าจน ผํานหมดทุกวิชา ซึ่งผส๎ู อนจะตอ๎ งไดร๎ ับเครื่องหมายวดู แบดจว๑ สิ ามญั 2 ทอํ น เป็นอยํางน๎อย หรอื - จัดฝึกอบรมผกู๎ าํ กบั ลูกเสือสํารอง หรอื ลกู เสือสามัญ ขัน้ ความร๎ูเบือ้ งต๎น ให๎แกํลูกเสือวิสามัญ แบบการอยํูคํายพักแรม คือจัดเหมือนอบรมขั้นความรู๎ เบอ้ื งต๎น (B.T.C.) จริง ๆ แตํไมไํ ด๎รบั วุฒิบัตร จากข๎อ 2. - สํงลกู เสือวิสามญั เขา๎ ไปปฏิบตั หิ น๎าที่ผก๎ู าํ กบั ลกู เสือสาํ รอง หรอื ผก๎ู ํากับ ลูกเสือสามัญในกองลูกเสือสํารอง หรือกองลูกเสือสามัญจริง ๆ จนครบ 3 เดอื น และไดร๎ ับคาํ รับรองจากผก๎ู าํ กับลกู เสือของกองลกู เสอื น้นั ๆ หรือ - ทดลองปฏิบัติหน๎าทีใ่ นกองลูกเสอื วสิ ามญั นนั้ เอง ในกรณีท่ีไมํสามารถจะสงํ ลกู เสือวสิ ามญั ไปปฏิบตั หิ น๎าที่ผกู๎ ํากับลูกเสือสาํ รอง หรือสามญั ได๎ โดยผ๎ู คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 27 20 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3

หรอื - ทดลองปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นกองลกู เสอื วสิ ามญั นนั้ เอง ในกรณที ไ่ี มส่ ามารถจะสง่ ลกู เสอื วกสิาํ กามับญัลูกไปเสปือฏวบิสตาั มหิ ัญน้ารบัทรผ่ี อูก้ ง�ำผกลบั กลงูกาเนสใอื หสก๎ ำ� ไ็ รดอ๎ ง(ในหฐราอื นสะาพมีเ่ญั ลไีย้ ดง้ปโฏดิบยตัผหิูก้ น�ำก๎าบทั ลี่ ูกเสอื วสิ แามทญันรผบักู๎ ราํ อกงบัผลกูงาเนสใือหวก้ิสไ็าดม้(ญั ในเฐปาน็ นเะวพลเ่ีาลย้3ี งเปดฏอื บิ นตั )หิ นา้ ทแ่ี ทนผกู้ ำ� กบั ลกู เสอื วสิ ามญั เป็นเวลา 3 เดอื น) 2. วิชาเดนิ ทางไกลและอย่คู ่ายพกั แรม หลักสูตร เดินทางไกลไปกับลูกเสือวสิ ามัญเปน็ เวลา 4 วนั ติดตํอกนั (อยํูที่คาํ ยพักแรม 3 คนื ) หรือเดนิ ทางไกลไปกับลูกเสือวิสามัญ 2 คร้ัง แตํละคร้ังใช๎เวลา 48 ช่ัวโมง โดยอยํูคํายพักแรม 2 คืน ไมํนับเวลา เดินทางไปและกลับ การเดินทางไกลดังกลําว ลูกเสือจัดการเองโดยตลอด ท้ังนี้ด๎วยความเห็นชอบของผู๎ กาํ กับลูกเสอื วิสามัญ การเดนิ ทางไกลและแรมคืน ต๎องได๎มาตรฐานสูง การเดินทางไกล จะไปทางบก หรือ ทางนํ้า ภายในประเทศหรอื ตํางประเทศกไ็ ด๎ ตอ๎ งแสดงวําในการเดินทางต๎องใช๎ความอดทน การพ่ึงตนเอง ความคิดริเริ่ม ความมานะ และการ เปน็ ผน๎ู ํา กับต๎องทําสมุดปมู รายงานการเดนิ ทางยืน่ ตอํ ผูก๎ าํ กับลกู เสือวิสามญั ด๎วย วิธปี ฏิบัติ การเดนิ ทางไกลและอยํูคํายพักแรมของลูกเสือวิสามัญ เพื่อให๎ได๎มาตรฐานตามหลักสูตรนี้ ลูกเสือ วิสามญั เลอื กการเดินทางได๎ 2 วิธี คอื 1. เดินทางไกลและอยคํู าํ ยพกั แรมไปกบั ลูกเสอื วิสามญั อนื่ ๆ ท้ังกอง เปน็ เวลา 4 วันตดิ ตํอกัน และ อยคํู ํายพักแรม 3 คนื ทาํ กจิ กรรมของการอยํูคํายพักแรมดงั น้ี - สร๎างคํายพักแรมดว๎ ยตนเอง ไมํวาํ จะเปน็ การกางเตน็ ท๑ หรือสร๎างเพิงจากวัสดุธรรมชาติให๎ ปอ้ งกนั ลม ฝน ได๎ - จดั บริเวณคํายให๎สวยงาม สะอาด มีการทําอุปกรณ๑การอยูํคํายพักแรม เชํน เตาลอยที่เก็บ อปุ กรณ๑ครัว ที่นง่ั รบั ประทนอาหาร ท่เี กบ็ แก๎วนํา้ และอาหารสดตาํ ง ๆ ตลอดทข่ี ุดหลมุ เปยี ก หลมุ แห๎ง ฯลฯ - มกี ารทดสอบการผจญภัยตามหลักเกณฑ๑การอยูํคาํ ยพักแรม และวิชาบกุ เบิกดว๎ ย - มกี ารฝกึ การทําแผนทแ่ี ละการเดนิ ทางสํารวจเป็นระยะทางไมนํ อ๎ ยกวาํ 8 กิโลเมตร เพื่อใหม๎ ี การเขยี นรายงานการเดนิ ทาง 2. เดนิ ทางไกลกบั ลูกเสอื วสิ ามญั 2 คร้งั คร้ังละไมํน๎อยกวํา 48 ชั่วโมง อยํูคํายพักแรม 2 คีน อาจ ไปโดยรถจักรยาน หรอื ทางนํา้ (พายเรือไป) โดยทํากิจกรรมเหมอื น ข๎อ 1 ท้ัง 2 ขอ๎ น้ี ผูก๎ ํากับลกู เสอื วสิ ามัญจะตอ๎ งทราบวาํ ลูกเสอื วิสามัญจะไปอยคํู าํ ยพักแรมทไี่ หน? ไปโดย วิธกี ารอยํางไร? ไปทํากิจกรรมอะไรบา๎ ง? มีความปลอดภัยมากน๎อยเพียงใด? (ถ้าเห็นว่าไม่ปลอดภัยต้อง สง่ั งดโดยเดด็ ขาด) และตอ๎ งลงนามรับรองผลการเดินทางทุกครง้ั 3. วิชาบริการ 28 คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 21 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3

3. วิชาบริการ หลักสูตร (1) ทําหน๎าท่ีพ่เี ล้ียงของลูกเสือวิสามัญท่ีเขา๎ ใหมํ (2) ทาํ หน๎าทเ่ี ป็นกรรมการของกอง (3) บาํ เพ็ญประโยชนต๑ อํ กองลกู เสือของตนไมํนอ๎ ยกวํา 9 ครั้ง (4) บําเพญ็ ประโยชน๑ตํอกองลกู เสอื อน่ื ไมนํ ๎อยกวาํ 6 ครง้ั (5) บําเพ็ญประโยชน๑ตํอชุมชนไมนํ ๎อยกวํา 3 ครั้ง วธิ ีปฏิบัติ ให๎ลูกเสือวิสามัญทําหน๎าที่ตําง ๆ ดังกลําว ในหลักสูตรทุกข๎อ โดยมอบหมายให๎ดําเนินการตาม ขั้นตอนท่เี หมาะสม แล๎วให๎ผกู๎ าํ กับลูกเสือลงนามรับรองในสมุดบนั ทึกผลงานของลูกเสอื วิสามัญคนน้นั ในกรณีที่ลกู เสอื วิสามญั มาจากกองอื่น ให๎พิจารณาจากสมุดบันทึกประจําวันของลูกเสือวิสามัญคน น้ันอยํางละเอยี ด ตลอดท้ังการลงนามรับรองของผูก๎ ํากบั ลกู เสือดว๎ ย หากมขี ๎อสงสยั อาจให๎ทดลองปฏิบัติจริง กไ็ ด๎ตามเหมาะสม 4. วิชาผฝู้ ึกสอน หลกั สูตร (1) ผํานการฝึกอบรมข้ันความรู๎เบ้ืองต๎น (B.T.C.) ประเภทใดประเภทหน่ึงของหลักสูตรลูกเสือ สาํ รอง สามญั สามัญรนํุ ใหญํ (2) สามารถทาํ การสอนวิชาลูกเสอื ตามประเภททตี่ นรบั การอบรมแลว๎ อยาํ งนอ๎ ย 2 วชิ า (3) ได๎ทาํ การสอนเป็นทพ่ี อใจของผ๎ูกาํ กับกองน้นั ๆ เปน็ เวลา 3 เดอื น โดยใหส๎ อนอยาํ งนอ๎ ย 2 วชิ า วชิ าละ 3 ครงั้ วธิ ีปฏิบตั ิ จากขอ้ 1 ให๎ดูจากวุฒิบัตรวําผํานการฝึกอบรมจริงหรือไมํ หากไมํผํานการฝึกอบรมดังกลําว ให๎ผู๎ กํากับลูกเสือจัดฝึกอบรมข้ึนภายในกองให๎ครบทุกวิชาเหมือนการจัดการฝึกอบรมของวิชาผู๎กํากับลูกเสือ สาํ รอง สามญั หรือสามญั รนํุ ใหญํ ขั้นความรเ๎ู บือ้ งต๎น ประเภทใดประเภทหนึ่ง แลว๎ ลงนามรบั รองให๎ จากข้อ 2 ใหท๎ ําการสอนให๎ดู 2 วชิ า โดยให๎สอนจริง ๆ หรอื สมั ภาษณ๑ หรือใหเ๎ ขียนแผนการสอนให๎ ดู อยาํ งหนง่ึ ตามทผี่ ก๎ู าํ กบั ลกู เสือเหน็ สมควร จากข้อ 3 สํงไปชวํ ยทาํ การสอนในกองลูกเสอื ทอ่ี ยใํู กลเ๎ คยี งเป็นเวลา 3 เดือน ตามกําหนดแล๎วขอดู ใบรับรองผลงานจากผ๎ูกํากับลูกเสือกองนั้น ๆ หรือให๎สอนในกองลูกเสือวิสามัญของตนเองโดยมีผู๎กํากับ ลูกเสือควบคมุ อยํางใกล๎ชิด 5. วชิ าปฐมพยาบาล 29 หลักสูตร คมู่ อื 2ส2ง่ เสริมแลคปมู่ะรพะอื กสัฒาง่ นศเสนารกียมิ บจิ แกัตลรระรวพมิชัฒลาชนูกีพเาสก2อืจิ -ทก3รักรษมะลชูกีวเสิตอืในทสักษถาะชนวีศติ ึกใษนาสถลากู นเศสึกอื ษวสาิ าปมรญั ะเภชทั้นลมกู เัธสยอื มวศิสกึามษัญาปชีท้นั ่ี 5ม-ัธ6ยแมลศะกึ ษปาวปชที .2ี่ -53-6

5. วิชาปฐมพยาบาล หลกั สตู ร (1) รแ๎ู ละสามารถปฏบิ ัติตามหลกั ทั่วไปของการปฐมพยาบาลและข๎อควรจําของการปฐมพยาบาล (2) รู๎และสามารถสาธติ เรอ่ื งตอํ ไปน้ี วิธีการหา๎ มเลอื ด วิธแี ก๎ไขอาการงัน (Shock) วิธกี ารชํวยหายใจ หรอื ผายปอด นวดหวั ใจ วิธีการขน เคล่ือนย๎ายผป๎ู ่วย หรือผู๎บาดเจ็บ ร๎ูจกั อาการของเรื่องกระดูกหักในสํวนตําง ๆ ของราํ งกาย วธิ ีการเข๎าเฝอื กชัว่ คราว วธิ แี กบ๎ าดแผลมพี ษิ (3) เรียนร๎ูถึงโรคบางชนิดที่พบบํอย ๆ ในการเข๎าคํายพักแรมงานชุมชน และยาท่ีใช๎ในการรักษา อยํางสังเขป (4) การทดลองวิชาปฐมพยาบาล ให๎มีภาคปฏิบัติและทดสอบด๎วย คือ สามารถปฏิบัติได๎ สาธิตได๎ จนเปน็ ทพ่ี อใจของคณะกรรมการสอบ วธิ ปี ฏบิ ตั ิ จากขอ้ 1 อาจทําการฝึกอบรมข้ึนในกองลูกเสือวิสามัญเอง หรือสํงไปเข๎ารับการฝึกอบรมตามท่ีมี การฝกึ อบรมวชิ าปฐมพยาบาล หรอื ดูจากหนงั สอื สําคญั วําผํานการฝึกอบรมมาแลว๎ (ถ๎าลูกเสือคนน้ันเคยรับ การฝกึ อบรมมาแลว๎ ) จากขอ้ 2 ให๎สาธิตให๎ดู หรอื ตอบคาํ ถามในกระดาษ โดยอธิบายให๎เข๎าใจ จากขอ้ 3 สัมภาษณ๑หรอื ให๎เขยี นบรรยายให๎ดู แลว๎ ซกั ถามตามความเหมาะสม จากข้อ 4 ใหส๎ าธติ ให๎ดูจนเปน็ ทพี่ อใจของคณะกรรมการ หากลูกเสือวสิ ามญั ผน๎ู ัน้ ได๎เคยผํานวชิ าการตาํ ง ๆ ทีไ่ ดก๎ ําหนดไว๎ อาจจะทงั้ หมดหรือบางวิชา ก็ใหผ๎ ู๎ กํากับลูกเสือสัมภาษณ๑หรือให๎คณะกรรมการผู๎ซ่ึงเป็นผู๎เช่ียวชาญเฉพาะวิชา ทําการสัมภาษณ๑ตามแบบ สมั ภาษณด๑ งั น้ี แบบสัมภาษณล์ ูกเสือวิสามัญเพื่อรบั เครื่องหมายวชิราวุธ ชื่อ (ลูกเสอื ) ...............................................................นามสกลุ ........................................................ 30 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ป2ว3ช.2-3 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามปญั ระชกา้ันศมนัธยี ยบมัตศรกึวษิชาชปีพีที่ 25-36

แบบสมั ภาษณ์ลกู เสือวิสามญั เพื่อรบั เคร่อื งหมายวชิราวธุ ชอ่ื (ลกู เสอื )......................................................นามสกุล....................................................................... กองลกู เสอื วิสามัญ (โรงเรียน, วิทยาลยั )................................................................................................ ท่ี วิชาทีส่ มั ภาษณ์ วัน เดอื น ปี ความเหน็ ของผู้ หมายเหตุ สัมภาษณ์ วิชา………………………… ภาคทฤษฎี 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ภาคปฏิบัต/ิ ทกั ษะ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. เสนอคณะกรรมการสอบเครอื่ งหมายวิชาพิเศษ เคร่อื งหมายวชิราวธุ 31 คู่ม2ือ4สง่ เสรมิ ปคแู่มรละอื ะกสพาง่ ฒัศเสนนรยี าิมบกแัติจลรกะวพรชิ รฒั ามชนลพีาูกกเ2จิส-กือ3รทรกัมษลูกะชเสีวอื ติ ทใกันษสะถชาีวนติ ศในกึ ษสถาาลนกูศเกึ สษือาวสิปารมะเัญภทลชูก้นั เมสัธือยวสิมาศมึกญั ษาชป้นั ที ม่ี ัธ5ย-6มศแกึลษะาปปวีทช่ี 5.2--63

เสนอคณะกรรมการสอบเครื่องหมายวิชาพิเศษ เครื่องหมายวชิราวธุ ข๎าพเจ๎าไดท๎ าํ การสอบสัมภาษณท๑ งั้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ัติของลูกเสือวสิ ามญั ………………………………………..…………แล๎วเหน็ วาํ สมควร  ได๎รบั เครื่องหมายวิชาพเิ ศษ /  ยังไมํควรได๎รบั เครื่องหมายวิชาพเิ ศษ (ลงช่ือ)................................................ (................................................) ผ๎ทู าํ การสัมภาษณ๑ แผนการจัดการกิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6,ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ(ปวช.2-3) หนว่ ยท่ี 2 วชิ าโครงการ 32 คคมู่ อืมู่ สอื ง่ สเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะัฒพนัฒานกิจากกรจิ รกมรลรูกมเลสกูือเทสกั อื ษทะกัชษวี ติะชในีวสิตถใานนสศถกึ าษนาศปกึ ษระาเภลทกู ลเสูกเือสวือสิ วาสิ มาัญมัญชช้ัน้ันมมธั ัธยยมมศศกึกึ ษษาาปปีทีที่่ี 55--66 และ ป2ว5ช.2-3 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

แผนการจดั การกิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5-6, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 2-3) หน่วยที่ 2 วิชาโครงการ แผนการจดั กจิ กรรมที่ 2 การอนรุ ักษแ์ ละรว่ มแกไ้ ขทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม เวลา 4 ช่ัวโมง 1. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1.1 ลูกเสอื สามารถบอกความหมาย ประเภท และประโยชน๑ของโครงการได๎ 1.2 ลูกเสือสามารถเลือก เขยี น และนาํ เสนอโครงการอนรุ กั ษท๑ รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ๎ มได๎ อยํางเหมาะสม 2. เนอื้ หา 2.1 ความหมายของโครงการ 2.2 การวางแผนโครงการมีความจาํ เป็นตอํ แผนปฏิบัตงิ าน 2.3 ลักษณะของโครงการท่ดี ี 2.4 รูปแบบ(Form) หรอื โครงสรา๎ ง (Structure) ของการเขยี นโครงการ 2.5 สิ่งสําคญั ทคี่ วรคํานงึ ถงึ ในการเขียนโครงการ 2.6 ขั้นตอนการเสนอโครงการ 3. ส่ือการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง/เกมส๑ 3.2 ใบความร๎ู วิชาโครงการ (ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ จากใบความรู๎วิชาการเขยี นโครงการ ลูกเสอื วสิ ามญั ชั้น มธั ยมศกึ ษา ปีที่ 4 และ ปวช. 1 แผนการจดั กิจกรรมท่ี 21) 3.3 แผนภูมิ/แผนโปรงํ ใส/ PowerPoint 3.4 เร่ืองส้นั ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 กจิ กรรมครั้งที่ 1 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต๑ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรือเกม 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก๑ ารเรียนร๎ู (1) ผก๎ู าํ กับลกู เสอื และลกู เสือรํวมกันสนทนาวิธกี ารทํางานกลมุํ ให๎ประสบความสําเรจ็ (2) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสอื บรรยายประกอบแผนภมู ิ หรอื แผํนโปรํงใสหรอื PowerPoint เก่ียวกับ ความหมายของโครงการ ความสาํ คญั ของโครงการตํอแผนปฏบิ ัติงาน ลกั ษณะของโครงการทด่ี ี และ โครงสรา๎ งของการเขยี นโครงการ(จากใบความรว๎ู ิชาโครงการ) คู่มือ2ส6ง่ เสรมิ แลคปู่มะรพะือกสฒั า่งนศเสนารกยี มิ บจิ แกัตลรระรวพมิชัฒลาชนูกีพเาสก2ือิจ-ทก3รกั รษมะลชกู ีวเสิตือในทสักษถาะชนวีศติ กึ ใษนาสถลากู นเศสกึือษวสาิ าปมรัญะเภชทัน้ ลมกู เธั สยอื มวศิสึกามษัญาปชที ั้น่ี 5ม-ธั 6ยแมลศะกึ ษปาวปชที .2ี่ -53-6 33

(3) ผกู๎ าํ กับลูกเสือมอบหมายใหล๎ ูกเสอื แตลํ ะหมํู ออกสาํ รวจสถานทีภ่ ายในสถานศกึ ษาเพ่อื จัดทําแผนเสนอโครงการอนุรักษ๑ และรวํ มแกไ๎ ขทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ๎ มของสถานศกึ ษา ตามแบบฟอร๑มที่แจกให๎ (เวลา 20 นาท)ี (4) ผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื มอบหมายให๎ลูกเสอื แตลํ ะหมูํ อภิปรายกลมุํ ผลของการสาํ รวจสถานท่ี เพอ่ื เขยี นโครงการตามแบบฟอร๑ม (5) ผก๎ู ํากับลกู เสือบรรยายเร่ืองเสนอโครงการ แล๎วมอบหมายใหแ๎ ตลํ ะหมไูํ ปดาํ เนนิ งานตาม โครงการภายในระยะเวลา 10 สปั ดาห๑ โดยใช๎เวลาวาํ งนอกเวลาเรยี น แลว๎ บนั ทกึ ผลการปฏิบัตงิ าน โดยมีผ๎กู ํากบั ไปนิเทศการดําเนนิ งานเป็นระยะ (6) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสือนดั หมายเวลาในการนาํ เสนอผลงาน 4) ผ๎ูกาํ กับลูกเสอื เลําเร่อื งส้ันท่เี ป็นประโยชน๑ “มดงาํ มกับนกพิราบ” 5) พธิ ีปิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 4.2 กิจกรรมครง้ั ที่ 2 หลงั จากลกู เสอื ดําเนนิ งานตามโครงการแล๎วไมนํ อ๎ ยกวาํ 4 สปั ดาห๑ 1) พิธีเปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขึน้ สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลงหรือเกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงค๑การเรยี นรู๎ (1) ผ๎กู าํ กับลกู เสือมอบหมายใหล๎ ูกเสอื แตํละหมนูํ ําเสนอผลการดาํ เนินงานตามโครงการ ด๎วยวิธใี ดวธิ ีหนงึ่ ดังตํอไปนี้ โดยระหวํางการนาํ เสนอมอบหมายแตํละหมูํประเมนิ ผลงานดว๎ ย (2) ผู๎กาํ กับลูกเสือนาํ เสนอโครงการเรยี บร๎อยแล๎ว นําไปจัดนิทรรศการดว๎ ยแผนภูมิ (3) ผ๎ูกํากับลูกเสอื สรปุ ประเมนิ ผลใหข๎ อ๎ เสนอแนะและช่นื ชมผลงาน (4) ผ๎ูกํากบั ลกู เสือมอบหมายใหล๎ ูกเสอื แตลํ ะหมสูํ รุปรายงานผลการดาํ เนนิ โครงการ 4) ผก๎ู ํากบั ลกู เสอื เลาํ เรือ่ งส้นั ทีเ่ ป็นประโยชน๑ 5) พิธีปดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรวํ มมือในการปฏิบัตกิ ิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการสรุปรายงานผลการดาํ เนนิ โครงการ เพลง ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 2 34 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 27 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 2 เพลง ในหมู่ลูกเสอื ในหมลูํ กู เสือ เมอื่ เรารํวมอยํู ตาํ งคนตาํ งร๎ูกันดใี นหน๎าทีท่ กุ อยาํ ง ตํางชวํ ยกันทาํ ทําไมเํ ว๎นวําง งานทกุ อยําง งานทุกอยําง จะเสรจ็ โดยงาํ ยดาย ในหมูเํ นตรนารี ท่เี ราจะรวํ มอยํู ตํางคนตํางร๎ูกันดใี นหนา๎ ท่ีทกุ อยาํ ง ตํางชวํ ยกันทาํ ทําไมํเวน๎ วําง งานทุกอยําง งานทุกอยาํ ง จะเสร็จโดยงํายดาย เกม ทาํ งานกลมุ่ ใชผ๎ ๎เู ลํน 6 คน ถอื เชอื กคนละเสน๎ ใหด๎ ึงเส๎นเชือกให๎ตงึ แลว๎ นํากระป๋องใบเล็ก ทผ่ี กู เชือก 6 เสน๎ น้ไี ปวาง ไวบ๎ นกระปอ๋ งใบใหญํ มกี ตกิ าวําหา๎ มไมใํ ห๎เชอื กแตํละเส๎นหยอํ น ตอํ ไปใชเ๎ พยี ง 3 คน ถอื เสน๎ เชอื กแลว๎ ทํา อยํางเดมิ ตอํ ไปใช๎เพยี งคนเดียวใหจ๎ บั เวลาไว๎แตลํ ะครัง้ ดว๎ ย ประโยชน๑จากการเลนํ เกมนี้ ผูเ๎ ลํนจะไดป๎ ระโยชน๑มากจากเกมน้ี เพราะทาํ ให๎ทราบวํา งานเลก็ ๆ ใช๎คนมาก จะเสยี เวลามาก ถา๎ ใชค๎ น นอ๎ ยๆ จะเสร็จเร็วกวํา 28 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3 คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 35

วิธเี ล่น หาตวั เลข 1. เขยี นตวั เลข 1-50-100 ปนเปลงไปบนนาํ้ กระดาษที่เตรยี มไวแ๎ ลว๎ โดยการเขียนเลขนน้ั คนเขยี น จะเปน็ คนจดั ตวั เลขไวแ๎ ยกจากกัน คือ เลขคูํ อยํูครึ่งกระดาษอกี ซกี หนงึ่ เลขคอี่ ยอูํ ีกครง่ึ กระดาษอกี ด๎านหนึง่ หรอื ไว๎ขา๎ งลํางเป็นเลขคํู ขา๎ งบนเป็นเลขคก่ี ไ็ ด๎ (การวางเลขคคูํ จ่ี ะไมํมกี ารบอกผเ๎ู ลนํ วํา เลขคํูอยูํตรงไหน เลข คี่อยตํู รงไหน) 2. ผูเ๎ ลนํ ทัง้ 3 คน จะนงั่ ลอ๎ มวงอยํูรอบๆ กระดาษทมี่ ีตารางตัวเลขอยแํู ล๎ว ใหท๎ ง้ั 3 ชวํ ยกนั หาเลข 1-50 โดยจะมคี นๆ หน่ึงเตรียมกากบาททบั เลขท่ี 2 คนคอยเป็นคนบอก 3. กลมุํ ไหนหาตัวเลขเสรจ็ กอํ นจะเปน็ ผช๎ู นะ สรปุ แนวคิด 1. การทํางานเป็นทมี เมอ่ื เราทํางานเป็นทมี เราก็จะรูจ๎ ักหน๎าทแี่ ละรวดเร็วในการทาํ งาน 2. การแบงํ งานออกเป็นกลมุํ 3. การร๎ูจกั สงั เกต 4. ความรวํ มมอื ของกลมุํ เร่อื งสน้ั ท่เี ป็นประโยชน์ หมวดวิชยั นักปลกู ตน้ ไม้ จากชีวิตจริงของ ร.ต.ต.วิชัย สรุ ยิ ทุ ธ 30 กวําปีท่ีแล๎ว ตาํ รวจนายหนงึ่ พากเพียรปลกู ตน๎ ไม๎เพ่ือหวังใหบ๎ ๎านเกดิ ทีต่ นเองอยูํนัน้ อดุ มสมบูรณม๑ าก ข้ึน และจนถงึ วันน้ีทช่ี วี ติ ก๎าวสํวู ยั เกษยี ณ เขากย็ ังเพยี รปลูกตน๎ ไม๎ ซงึ่ นบั จากวันน้นั จนถึงวนั นี้ นับไดห๎ ลาย ล๎านต๎น และบอก “ผมจะปลูกตน้ ไม้ไปจนกวา่ ผมจะตาย” โครงการแผนํ ดินธรรมแผนํ ดนิ ทอง ซง่ึ เปน็ โครงการพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยหํู วั นบั เปน็ แรงบันดาลใจครั้งแรกท่ีทําให๎นายดาบตาํ รวจ ทถี่ งึ แมป๎ จั จุบันจะได๎เลอื่ นขนั้ เป็นผหู๎ มวดแลว๎ ก็ตาม ยึดถอื และดาํ เนินรอยตามมาโดยตลอด ตง้ั แตวํ นั ท่ี 1 พฤษภาคม 2531 เป็นตน๎ มา เขาคอื ผ๎ทู ีท่ าํ ให๎ถนนหลายสายในอําเภอปรางคก๑ ํู ทใ่ี นอดตี 36 ค่มู ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 29 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3

เคยจดั วาํ เปน็ อาํ เภอทยี่ ากจนทสี่ ดุ ในจงั หวัดศรสี ระเกษ เรมิ่ มคี วามอดุ มสมบรู ณ๑เตม็ ไปดว๎ ยต๎นไม๎ทีข่ น้ึ เรียง ราย เนอ่ื งจากนํา้ พักนา้ํ แรงและความตัง้ ใจของเขาเอง ปจั จุบนั ตน๎ ไมท๎ ห่ี มวดวิชัยปลูกเกิดขนึ้ มากมายเป็นหลายล๎านตน๎ และคาดวํากจ็ ะคงดําเนนิ ตอํ ไปดงั คํา หมวดวิชัยเคยต้งั ปณิธานไวว๎ ํา “จะปลูกตน้ ไมจ้ นกวา่ จะตาย” และก็เหน็ วําจะเปน็ จรงิ เชนํ นนั้ เพราะตลอด ระยะ 30 ปีที่เขาทํามา ผห๎ู มวดวยั เกษยี ณคนนไ้ี มเํ คยบํนสกั คาํ วาํ เสยี เปรียบใคร เรื่องนสี้ อนให้รวู้ า่ การที่สงั คมจะดขี ึน้ ได๎น้นั ต๎องเร่ิมทตี่ วั เรา มดง่ามกับนกพิราบ มดงาํ มตวั หนึง่ เหน็ นายพรานยกปืนขนึ้ มาเพ่อื สํองจอ๎ งยงิ นกพริ าบ แตํมดงํามไมํอยากใหน๎ กพิราบต๎อง ถูกกระสนุ ปนื นายพราน จงึ ไตํขึน้ ไปบนขาของนายพรานแลว๎ คอยทที ่ีนายพรานจะเหน่ียวไกปนื มดงํามก็กัด ทเ่ี ท๎าของนายพราน ทําใหน๎ ายพรานสะด๎งุ ยงิ ปืนพลาดไปถกู ก่งิ ไม๎ และนกพิราบไมถํ กู ยิง ตํอมาไมนํ านมดงํามร๎ูสึกกระหายน้ําจึงเดินไปท่ีบํอน้ํา แตํขณะที่จะกินน้ําก็พลัดตกลงไปในบํอนํ้า มด งํามจึงตะโกนรอ๎ งขอความชํวยเหลือ นกพิราบซึ่งเกาะอยํทู ่ีกิง่ ไม๎ ใกลๆ๎ ไดย๎ นิ เสยี งก็เลยเอาปากคาบใบไมม๎ า ทิง้ ไว๎ใกล๎มดงําม มดงํามจึงรีบปีนข้ึนบนใบไม๎ทันที ทําให๎รอดตายได๎ในที่สุด สํวนนกพิราบนั้นก็ดีใจที่ได๎มี โอกาสตอบแทนบุญคุณของมดงาํ ม เรอื่ งน้ีสอนใหร้ ู้วา่ การชวํ ยเหลือผ๎ูอ่นื ยอํ มกอํ ให๎เกดิ ผลดีตอํ ตนเองอยูํเสมอ คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 37 30 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วิสามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.2-3) หน่วยท่ี 2 วชิ าโครงการ เวลา 2 ช่วั โมง แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 3 การอนุรกั ษแ์ ละสืบสานวฒั นธรรมไทย 1.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสือสามารถอธิบายความหมายและวธิ ีการอนรุ กั ษว๑ ัฒนธรรมไทยได๎ 1.2 ลกู เสือสามารถสรา๎ งเครอื ขําย เพอื่ สบื สานวฒั นธรรมไทยได๎ 2.เนอื้ หา 2.1 ความหมายการอนรุ กั ษแ๑ ละสืบสานวัฒนธรรมไทย 2.2 วธิ ีการอนุรักษส๑ บื สานวัฒนธรรมไทย 2.3 การสรา๎ งเครอื ขําย/แนวรํวมอนุรกั ษส๑ ืบสานวฒั นธรรมไทย 3.สื่อการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบความร๎ู 3.3 เรอ่ื งสน้ั ท่ีเป็นประโยชน๑ 4.กจิ กรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชักธงขึ้น สวดมนต๑ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงค๑การเรยี นรู๎ 1) ผกู๎ ํากับลูกเสือบรรยาย ทาํ การอภปิ รายถึงปจั จุบนั ที่คนวัยหนมุํ สาว มคี วามจาํ เป็นทไ่ี ดเ๎ รียนรู๎ สอดแทรกวฒั นธรรมประเพณีไทย ใหม๎ คี ํานยิ มรกั และหวงแหนวัฒนธรรมของชาติ โดยให๎ร๎ูวํา - วัฒนธรรม คอื อะไร - วฒั นธรรม มีก่ีประเภท - วฒั นธรรม มอี งค๑ประกอบท่สี าํ คัญอยํางไร - วฒั นธรรม มกี ารเปลี่ยนแปลงได๎- การแสดงคุณคําทางสุนทรีภาพ และอารมณ๑สะเทือนใจที่มี ตํอวฒั นธรรมไทย (โดยใช้ใบความรู้ “วฒั นธรรมไทย”ประกอบประเดน็ การบรรยายและอภปิ ราย) 2) ให๎ลูกเสือแตํละหมํูหรือกลํุมกําหนดการแสดงวัฒนธรรมประเพณีของภาคใดภาคหนึ่ง หมํู หรือกลุํมละ 1 ภาค 38 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 31 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3

- ภาคเหนอื - ภาคกลาง - ภาคใต๎ - ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ - ภาคตะวันออก แลว๎ จัดการแสดงใชเ๎ วลาหมํูละ 3-5 นาที 3) ให๎แตลํ ะหมหูํ รือกลุํม อภิปรายหาข๎อสรุปทางด๎านสถาปัตยกรรมไทยของโบสถ๑ หรือวิหารมี ลักษณะสําคัญอยํางไร แตํละตําแหนํงมีช่ือวําอะไร อยํูท่ีไหนของโบสถ๑หรือวิหาร เชํน ชํอฟ้า ใบระกา คัน ทวยหรือหูช๎าง ซุ๎มประตู หน๎าบัน ซุ๎มหน๎าตําง ฯลฯ โดยศึกษานอกสถานท่ีและนํามาเสนอหมํูหรือกลุํมละ 3 นาที 4) ผ๎กู ํากบั ลูกเสอื และลูกเสือรํวมกันสรุปพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัย อนุรักษ๑สืบสานวัฒนธรรม ไทย 4.4 ผู๎กํากับเลาํ เร่ืองสนั้ ที่เปน็ ประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตความรํวมมือในการปฏิบตั กิ ิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย 6.องคป์ ระกอบทักษะชวี ติ ทไี่ ด้จากกจิ กรรม คอื ความคดิ วิเคราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ เหน็ คุณคาํ ภาคภมู ใิ จหวงแหนและรวํ มสืบสาน วฒั นธรรมไทย ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 39 32 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 3 เพลง ชาวไทย ใบความรู้ ชาวไทยเราเอ๐ย ขออยาํ ละเลยในการทาํ หนา๎ ท่ี ยามเมอ่ื เราได๎เลํนสนุก เปลอ้ื งทกุ ขส๑ บายอยาํ งน้ี เพราะชาตเิ ราไดเ๎ สรี มีเอกราชสมบรู ณ๑ เราจึงควรชํวยชชู าตใิ ห๎ เกํงกาจเจดิ จาํ รญู เพอ่ื ความสขุ เพิม่ พนู ของชาวไทยเราเอย วัฒนธรรมไทย วฒั นธรรมคอื อะไร เมอื่ พดู ถึงเรือ่ งวฒั นธรรม กํอนอน่ื อยากจะใหเ๎ ขา๎ ใจความหมายของวัฒนธรรมเสยี กอํ นเพราะ ความหมายของวัฒนธรรมนนั้ ไดม๎ ผี ูจ๎ าํ กดั ความไว๎มากมาย ซ่ึงพอจะสรุปไดว๎ าํ วัฒนธรรมเปน็ สํวนทง้ั หมดที่ ซับซ๎อน ประกอบด๎วย ความรู๎ ความเชอ่ื ศลิ ป์ ศลี ธรรม กฎหมาย ประเพณีและความสามารถอ่ืนๆ ทม่ี นุษย๑ ไดม๎ าในฐานะท่ีเปน็ สมาชกิ ของสังคม สํวนความหมายของวัฒนธรรมในภาษาไทยน้นั ตามพระราชบัญญัติ วัฒนธรรมแหงํ ชาติ พุทธศักราช 2405 ได๎ให๎ความหมายไว๎ดงั นี้ “วฒั นธรรม” หมายถงึ ลกั ษณะทแี่ สดงถึงความเจรญิ งอกงาม ความเปน็ ระเบียบ ความกลมเกลยี ว ก๎าวหน๎าของชาติ และศีลธรรมอันดขี องประชาชน (เป็นการชช้ี วน เชิญชวน วงิ วอน) ใหป๎ ระชาชนรํวมกนั ทาํ ความเจรญิ งอกงามใหม๎ คี วามดงี ามขน้ึ ไมํใชํเพยี งรบั มรดกกันมาเทําน้นั แตตํ อ๎ งรกั ษาของเดมิ ทม่ี ี (Conservative) แกไ๎ ขดัดแปลงของเดมิ ทคี่ วรแกห๎ รอื ดดั แปลงวางมาตรฐานความดงี ามข้ึนใหมํ แล๎วสงํ เสรมิ ใหเ๎ ป็นลักษณะทด่ี ีประจาํ ชาตสิ บื ตอํ ไปจนถึงอนชุ นรุํนหลงั (Progressive) จากขอ๎ ความขา๎ งตน๎ พอจะกลําวได๎วาํ วฒั นธรรมเปน็ มรดกทางสังคมทีค่ รอบคลุมทกุ สิง่ ทกุ อยําง ท่ี แสดงออกถงึ วิถีชวี ิตของมนุษย๑ โดยแตลํ ะสงั คมมีวฒั นธรรมเฉพาะของตน เพราะเปน็ วถิ ีชีวิตท่แี ตกตํางกัน ของแตลํ ะกลํุมสงั คม การทม่ี นุษยม๑ คี วามแตกตํางกนั อาจเปน็ ผลสบื เนอ่ื งมาจากวัฒนธรรม เชํน พวกชาวเขาปกิ มี พวก เอสโมและพวกโรมนั โบราณ หรอื พวกนกั บริหาร นกั บญั ชี กเ็ ปน็ มนุษยด๑ ว๎ ยกนั ทง้ั นน้ั วฒั นธรรมทเี่ ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร๑ ไมวํ าํ ชาติทเ่ี จรญิ แล๎วหรอื ลา๎ หลังกต็ าม มีความเปน็ วัฒนธรรมเทาํ กนั ในแงํที่เป็นแบบแผนของ การดาํ รงชีวติ 40 คค่มู อืู่มสอื ง่ สเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะัฒพนัฒานกจิากริจรกมรลรกูมเลสกูือเทสกั อื ษทะกัชษวี ิตะชในีวสิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสูกเอื สวือสิ วาิสมาัญมัญชช้ัน้ันมมธั ัธยยมมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ป3ว3ช.2-3 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3

สรปุ แล๎ว วฒั นธรรมมีความหมายครอบคลมุ ถึงทุกสงิ่ ทกุ อยาํ งทีแ่ สดงอออกถงึ วิถีชีวิตของมนุษย๑ใน สังคมกลํมุ ใดกลุํมหนงึ่ มนุษยไ๑ ดค๎ ดิ สรา๎ งเกณฑ๑ วิธใี นการปฏิบัติ การจดั ระเบียบ ตลอดจนระบบความเชอ่ื ถือ ความนยิ ม ความร๎ู และเทคโนโลยตี ํางๆ ในการควบคุมและใช๎ประโยชนจ๑ ากธรรมชาติ ในด๎านวฒั นธรรมน้นั เราอาจแบงํ ประเภทของวัฒนธรรมออกไดเ๎ ป็น 2 สวํ น ได๎แกํ - วฒั นธรรมที่เป็นวตั ถุ เชนํ บ๎าน โบสถ๑ วิหาร หอประชมุ เป็นต๎น - วัฒนธรรมท่ีเกย่ี วกบั จิตใจ เชนํ อุดมการณ๑ คาํ นิยม แนวความคดิ ประเพณแี ละการปฏบิ ัตสิ ืบตอํ กนั มาจนเปน็ ทยี่ อมรับในชุมชนของตนวําดีงามเหมาะสม เชนํ ศาสนา ความเชอื่ เจตคติ ซ่งึ เปน็ นามธรรมท่ีมองเหน็ ไมไํ ด๎ องค์ประกอบของวฒั นธรรม มี 4 องค์ประกอบท่ีสําคญั ไดแ้ ก่ 1.องค๑วตั ถุ วัฒนธรรมวตั ถทุ ่สี ามารถจบั ต๎องได๎ เชํน โรงเรยี น โรงงาน ภาพเขยี น ภาพปั้น โบสถ๑ วหิ าร หอดดู าว 2.องค๑การ หมายถึง กลมุํ ทอ่ี งค๑การจัดอยํางมรี ะเบียบ หรือมโี ครงสร๎างอยํางเปน็ ทางการ มกี ารวาง กฎเกณฑ๑ระเบียบเรียบร๎อย และมีวัตถปุ ระสงคไ๑ วอ๎ ยํางแนนํ อน เชนํ สมาพนั ธ๑ สมาคม กรรมการลกู เสือ สภากาชาด วัด สภาประชาชาติ ซงึ่ เป็นองคก๑ ารทใ่ี หญทํ ี่สดุ 3.องคพ๑ ิธกี าร เปน็ ขบธรรมเนียมประเพณที ย่ี อมรับกนั โดยท่ัวไป เชํน พธิ กี รรมตาํ งๆ ต้ังแตํเรอ่ื งการ เกดิ การหมนั้ การแตํงงาน การบวชนาค การตาย การปลกู บา๎ นขนึ้ บา๎ นใหมํ ฯลฯ ซงึ่ ศาสนามอี ทิ ธพิ ลอยํู บ๎างไมมํ ากกน็ อ๎ ย รวมทัง้ การแตํงกาย และรบั ประทานอาหารดว๎ ย เชนํ หญงิ แตํงชุดไทย ชายแตงํ ชดุ เตม็ ยศ เชํน รับประทานอาหารแบบบฟุ เฟต่ ๑ ดนิ เนอร๑ ขนั โตก เปน็ ต๎น พิธกี ารเหลาํ นี้เปล่ียนแปลงไปบา๎ งตามสภาพ ของสังคม 4.องคค๑ ติ หมายถงึ ความเขา๎ ใจ ความเชื่อ ความคดิ เหน็ ตลอดจนอดุ มการณ๑ตาํ งๆ เชนํ เชอ่ื วาํ กรรม เปน็ เครื่องชีช้ ะตา ความเชือ่ ในเร่อื งการมผี ัวเดยี วเมียเดยี ว ความเชอื่ ในเรอื่ งการตายแลว๎ เกดิ ใหมํ หรอื เรา เชอื่ กันวาํ อดุ มการณข๑ องขบวนการลกู เสอื เปน็ สงิ่ คา้ํ จุนโลก เป็นต๎น ถงึ แมว๎ ําเราจะทราบวาํ ลักษณะของวัฒนธรรมนนั้ เปน็ สง่ิ ทไ่ี ดม๎ าโดยการเรยี นรกู๎ ็ดสี ืบเนอื่ งมาจาก มรดกทางสังคมกด็ ี หรอื เปน็ วิถชี ีวิตหรือแบบของการดาํ รงชวี ิตกด็ ี ยํอมจะเป็นส่ิงทไ่ี มคํ งท่ี ทั้งน้ีเพราะมนุษย๑ มกี ารคิดคน๎ สง่ิ ใหมๆํ หรอื ปรับปรุงของเดมิ ใหเ๎ หมาะสมกับสถานการณท๑ ี่เปลยี่ นแปลงไปจนทาํ ให๎วฒั นธรรม มีการเปล่ยี นแปลงอยํูเสมอ เชนํ เดิมชาวไทยมคี วามคดิ วาํ ผูห๎ ญงิ ควรอยกูํ ับบ๎านเลีย้ งลกู ดูแลบา๎ นเรือน ปจั จุบันผห๎ู ญิงทํางานเคยี งบําเคยี งไหลกํ บั ชายมากขน้ึ หรอื เดมิ ชายไทยคดิ วาํ การเตน๎ กนิ ราํ กนิ ของ หญิงไทยเป็นส่ิงไมสํ มควร แตํปัจจุบันเป็นทน่ี ิยมกันมากและมรี ายได๎สงู หรือเรอื่ งความคิดทางการเมอื ง เสรีภาพ ฯลฯ กต็ าม การเปลยี่ นแปลงนอี้ าจจะมีคนทมี่ ีความคดิ แบบเกําๆ คัดค๎านบา๎ ง ซ่งึ เปน็ ธรรมดาของ คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 41 34 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3

สงั คมทพี่ ัฒนาหรอื กาํ ลงั พฒั นาไมจํ ําเปน็ ตอ๎ งเปล่ยี นแปลงเหมือนกนั ทกุ คน ซง่ึ ถ๎าเราเข๎าใจถึงขอ๎ ทขี่ ัดกนั นไี้ ด๎ กจ็ ะเปน็ แนวทางในการชวํ ยสรา๎ งวฒั นธรรมทเี่ ปน็ ประโยชน๑แกคํ นสวํ นใหญํไดม๎ าก แตํอยาํ งไรก็ตาม ในสํวนท่ีเป็นวฒั นธรรมดว๎ ยกนั แล๎ว ศิลป์กเ็ ปน็ สํวนหนึ่งของวัฒนธรรมหรอื บางท่ีก็ ชอบเรยี กรวมๆกนั วํา “ศิลปวฒั นธรรม” ซงึ่ สิ่งนเี้ ปน็ เครื่องชี้บํงความเป็นชาติ ประเทศใดชาติใดจะเส่อื มหรอื จะเจรญิ กด็ ไู ดท๎ ่ศี ลิ ปะและวัฒนธรรมน้แี หละ ของไทยเราก็มคี วามเสอื่ มและความเจริญเหมอื นกนั เราจะ สงั เกตวํา ยคุ ใดสมยั ใดองค๑พระมหากษตั รยิ ๑ใหค๎ วามสนใจสนบั สนุนเรอ่ื งศลิ ปะแล๎ว วฒั นธรรมของชาตินน้ั ก็ เจริญรุํงเรอื งในยคุ นน้ั เรือ่ งส้ันท่เี ปน็ ประโยชน์ 42 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 35 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3

เร่อื งสนั้ ที่เป็นประโยชน์ ขาด ๆ เกิน ๆ มีคนถามขงจือ้ วาํ “ชาย 4 คนนัน้ ตาํ งกม็ อี ะไรดกี วําทําน แตทํ าํ ไมพวกเขาจงึ ยอมเป็นศิษย๑รับใชท๎ ําน?” “เขามดี อี ยํางไร?” ขงจอื้ ถาม แลว๎ ผูถ๎ ามขงจอื้ กต็ อบวาํ “ชายคนท่ี 1 นั้นพดู เกํงกวําทาํ น ชายคนท่ี 2 นั้นมีเมตตาดีกวําทําน ชายคนที่ 3 มที าํ ทางสงาํ งามกวําทาํ น ชายคนที่ 4 มคี วามกล๎าหาญกวําทําน” เมอื่ ขงจอื้ ไดฟ๎ งั เชนํ น้นั จึงกลําววํา “เหตทุ ีช่ ายทงั้ 4 คน ยอมเป็นศิษย๑รับใชข๎ ๎าพเจา๎ น้นั เป็นเพราะวํา ชายคนที่ 1 พดู เกํงก็จริง แตํไมํรจู๎ กั สาํ รวมปาก ชายคนท่ี 2 มเี มตตาจริง แตบํ างครง้ั ก็เมตตามากเกินไปจนสรา๎ งความเดอื ดรอ๎ นใหก๎ ับตนเอง ชายคนท่ี 3 กว็ างทาํ สงาํ เสยี จนไมํร๎จู กั ถํอมตน ชายคนที่ 4 กก็ ล๎าเสียจนบา๎ บิ่น ถา๎ จะยกสง่ิ ทีช่ ายท้ัง 4 มีรวมกันมาใหข๎ า๎ พเจ๎า ข๎าพเจา๎ ก็จะไมขํ อรบั เพราะส่ิงทพ่ี วกเขาขาดนนั้ มอี ยํูใน ตัวข๎าพเจ๎า พวกเขาจงึ มอบตวั เปน็ ศษิ ยร๑ บั ใชข๎ า๎ พเจา๎ ” เรอื่ งน้สี อนใหร้ ูว้ ่า การทจ่ี ะใหผ๎ ๎ูอน่ื ยอมรบั นบั ถือและศรทั ธาในตัวเรานนั้ ยํอมเกดิ จากความดแี ละ ความสามารถในตวั เราน้ันเอง คมู่ อื 3ส6ง่ เสรมิ แลปคมู่ะรพะอื กสฒั าง่ นศเสนารกยี ิมบจิ แกตั ลรระรวพมิชฒั ลาชนูกพีเาสก2อืิจ-ทก3รักรษมะลชกู ีวเสิตือในทสกั ษถาะชนีวศติ กึ ใษนาสถลาูกนเศสึกอื ษวสาิ าปมรญั ะเภชท้นั ลมูกเธั สยอื มวศสิ กึามษัญาปชที ั้น่ี 5ม-ธั 6ยแมลศะกึ ษปาวปชีท.2่ี -53-6 43

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือวิสามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6, ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ(ปวช. 2,3) หนว่ ยที่ 2 วิชาโครงการ แผนการจัดกิจกรรมท่ี 4 ช่วยดูแลรักษาสาธารณสมบตั ิ ชุมชน ชาติ เวลา 2 ช่วั โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสือสามารถดาํ เนินการโครงการดูแลรกั ษาสาธารณสมบัติ ชุมชน และชาติได๎ 2. เนือ้ หา โครงการบรกิ าร ดูแล รักษา สาธารณสมบตั ิ ชมุ ชน ชาติ 3. สือ่ การเรยี นรู้ 3.1 เกม 3.2 ใบความรู๎ 1) แบบสํารวจสาธารณสถานทีใ่ กลบ๎ ๎าน ท่วี ดั ทโี่ รงเรยี น (สถานศกึ ษา) 2) แบบรายงานผลกการปฏิบตั ิงานตามโครงการ 3.3 เรื่องสั้นท่ีเป็นประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 4.2 เกม หรอื เพลง 4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื และลกู เสอื รํวมกันอภิปรายรปู แบบโครงการ 2) ผู๎กํากับลูกเสอื มอบหมายใหห๎ มูํลูกเสอื ดาํ เนนิ การสํารวจสาธารณสมบัติในชุมชนใกล๎ สถานศกึ ษา 3) ลูกเสือแตํละหมจูํ ดั ทาํ โครงการดแู ลรักษาสาธารณสมบัตใิ นชมุ ชน หมูํละ 1 โครงการ 4) ลกู เสอื แตํละหมนํู ําเสนอโครงการโดยผาํ นความเหน็ ชอบของผ๎ูนาํ ชมุ ชน 5) หมํูลกู เสอื ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามโครงการ 6) ลูกเสือสรุปรายงานผลการดําเนนิ โครงการ และนําเสนอผลการปฏบิ ตั งิ านตํอกองลกู เสือ 4.4 ผ๎ูกํากบั เลาํ เร่ืองสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 4.5 พิธปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 44 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 37 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3

5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรํวมมอื ในการปฏิบัติกจิ กรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการดําเนินงานตามโครงการ 6. องคป์ ระกอบทักษะชวี ติ สาํ คัญทเี่ กดิ จากกจิ กรรม คอื ความคิดวิเคราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ ตระหนักถงึ ความสาํ คญั ของการดแู ละรักษาสาธารณ สมบัตขิ องชมุ ชน และของชาติ ตามคติพจนข๑ องลูกเสอื วสิ ามัญ “บรกิ าร” ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 4 เกม กระซบิ ใช๎ผเ๎ู ลํนประมาณ 10 คน ให๎สงํ ขําวโดยกระซบิ ทีห่ ใู หไ๎ ดย๎ ินคนเดียวแลว๎ กระซิบตํอๆกันจนครบ 10 คน แล๎วใหค๎ นสุดทา๎ ยเขยี นหรอื พดู ออกมาดงั ๆวาํ ได๎ยนิ มาวาํ อยาํ งไร แล๎วใหค๎ นแรกพดู ขอ๎ ความเดิม เชนํ ข๎อความเดมิ มีวาํ “พรงํุ นีเ้ ราชํวยกนั ทํางานของชุมชนนะ เชนํ กาํ จัดนํ้าเนาํ สรา๎ งศาลาพกั รอ๎ น แล๎วเราจะมี ความสขุ และอายยุ นื ” ประโยชนจ์ ากเกมน้ี จะเห็นวาํ เม่ือกระซบิ ถงึ คนที่ 10 แลว๎ จะเหลอื ขอ๎ ความสนั้ นิดเดียว ทาํ ใหเ๎ ราทราบ ธรรมชาตขิ องมนุษย๑น้ันจะรบั และถํายทอดขาํ วสารไดไ๎ มทํ ้งั หมด ถ๎าเปน็ ครูจะไดไ๎ มโํ มโหนกั เรยี น ถา๎ สอน แล๎วนักเรียนจาํ ไมไํ ด๎ คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 45 38 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

ใบความรู้ แบบสํารวจสาธารณสมบตั ิ ทีบ่ ้าน ทวี่ ัด ทโ่ี รงเรียน ชอ่ื .....................................................................เลขท.่ี ..................หม.ูํ ........................กอง....................... สถานทต่ี ้ังสาธารณสมบตั ิ กจิ กรรมโครงการ คณุ ประโยชนข๑ องโครงการ ท่ใี กล๎บ๎าน 1. .................................... 1. 2. .................................... 2. ท่วี ัด 1. .................................... 1. 2. .................................... 2. ท่ีโรงเรยี น/แผนก 1. ..................................... 1. 2. ..................................... 2. ลงชอ่ื ................................................. ผ๎ูสาํ รวจ -----------/-------------------------/------------- 46 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 39 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3

แบบรายงานผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมโครงการ ชือ่ ...................................................................................เลขที.่ ....................หมํู.......................... วัน เดอื น ปี กิจกรรมโครงการ หมายเหตุ ลงชือ่ ................................................. ผป๎ู ฏิบัติงาน -----------/-------------------------/------------- ขอรบั รองวําเปน็ ความจริง ลงชื่อ.......................................................... ผู๎นําชมุ ชน ความเหน็ ผู๎กํากับลกู เสอื …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................ผ๎ูกาํ กับลกู เสอื (..........................................) -----------/-------------------------/------------- ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 47 40 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3

เร่ืองสัน้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ นกกระจาบ นกกระจาบฝงู หนง่ึ ถูกนายพรานใชต๎ าขํายจบั ไป หัวหนา๎ นกกระจาบและนกทเี่ หลอื ได๎หาวธิ ีเพอ่ื ให๎ รอดพ๎นจากตาขําย เมอื่ ฝงู นกถกู นายพรานดับจบั ไดใ๎ ช๎กลวธิ คี วามสามคั คี ทาํ ใหร๎ อดพน๎ จากตาขาํ ย นายพรานไดอ๎ ยาํ งปลอดภัย เร่ืองนี้สอนให้รวู้ า่ คนเดยี วหวั หาย สองคนเพอื่ นตาย สามคนกลบั บา๎ นได๎ 48 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 41 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3