ความรอบรู้ด้านสขุ ภาพ: การวัดและการพัฒนา (Health Literacy: Measurement and Development) รองศาสตราจารย์ ดร.อังศินันท์ อนิ ทรกาแหง สถาบันวิจัยพฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพ: การวัดและการพัฒนา ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของหอสมดุ แหง่ ชาติ อังศนิ ันท์ อนิ ทรกาแหง. (2560). ความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ: การวัดและการพัฒนา. กรุงเทพฯ: บรษิ ัท สุขุมวทิ การพิมพ์ จากดั . จานวน 292 หน้า 1. ความรอบร้ดู ้านสุขภาพ 2. เครือ่ งมอื วดั 3. การพฒั นาสขุ ภาพ 4. พฤตกิ รรมสุขภาพ 5. การรู้หนงั สือ ราคา 380 บาท ISBN : 978-616-296-158-8 พิมพ์คร้งั ที่ 1 กันยายน 2560 จานวนท่พี มิ พ์ 1,000 เล่ม ผู้จัดทาเนอื้ หา องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง ออกแบบปก วาสนา วงษเ์ พชร รูปภาพปก ได้รบั อนเุ คราะห์จาก Marlene Bonner, Trainer of Zumba Club, Palmerston North, NZ จดั ทาโดย สถาบันวจิ ยั พฤติกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ จดั พิมพ์ บริษัท สุขุมวทิ การพิมพ์ จากัด 300 ซอยสขุ มุ วิท 97/1 ถนนสขุ มุ วทิ แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260
คานา ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ในมุมมองทั่วโลกเร่ิมให้ความสาคัญอย่าง จริงจังมากว่า 20 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 โดยสามีภรรยาสกุล Doak จากผลงานเขียน แต่เคยถูก นาเสนอครั้งแรกโดย Simonds เม่ือปี ค.ศ. 1974 ในบทความหลังประชุมวิชาการสุขศึกษาและ ในปี ค.ศ. 1998 WHO ได้ให้ความหมายของ Health Literacy ว่า “เป็นทักษะทางปัญญาและทักษะ ทางสังคมของบุคคล ที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจและสมรรถนะท่ีจะเข้าถึง เข้าใจและใช้ข้อมูลข่าวสารและ บริการสุขภาพเพื่อส่งเสริมและคงดารงรักษาสุขภาพตนเองให้ดี” ท้ังน้ี Health Literacy ยังเป็น ประเด็นร้อนในเวทกี ารประชุมส่งเสริมสุขภาพโลกมาต่อเนื่องจนถึงครง้ั ที่ 9 ปี ค.ศ. 2016 สาหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข เห็นความสาคัญอย่างย่ิงว่า ความรอบรู้ด้าน สขุ ภาพ เป็นท้ังเครื่องมอื พัฒนาสุขภาพท่ีย่ังยืนของคนไทย เป็นกลไกการปฎิรูปสุขภาพคนไทย ในการขับเคลอ่ื นแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซ่ึง เนื้อหาท่ีผู้เขียนนาเสนอต้ังแต่บทที่ 1 – 6 เป็น แนวคิดทฤษฎี เคร่ืองมือวัด รูปแบบการพัฒนา โปรแกรมกิจกรรมและผลลัพธ์ของความรอบรู้ ด้านสุขภาพ และบทที่ 7 – 9 เป็นสาระสาคัญท่ีเก่ียวข้องในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพ ซึง่ บคุ ลากรทางการแพทย์การสาธารณสขุ ทางการศึกษาและทุกภาคส่วนในประแทศควรเข้ามา มีส่วนร่วมในการสร้างพลังอานาจให้ประชาชนมีทักษะทางปัญญาและทางสังคมท่ีจะประยุกต์ใช้ ความรอบรู้ด้านสุขภาพที่นาไปสู่การดารงอยู่อย่างมีสุขภาวะทดี่ ีได้ท้งั ในภาวะปกตแิ ละเมือ่ เจบ็ ป่วย ในหนังสือเล่มนี้ มีคาตอบให้ จากสาระท่ีได้จากการศึกษาประสบการณ์ท่ีดาเนินการมา ยาวนานของนักวิจัย นักวิชาการและนักปฎิบัติการในหลายประเทศ รวมทั้งประสบการณ์ตรง ของผู้เขียนเอง ท่ีจะเติมเต็มให้มีสาระมากพอสาหรับผู้อ่านได้ศึกษาและใช้เป็นแนวทาง การพฒั นาความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพและพฤตกิ รรมสุขภาพคนไทยได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ทา้ ยนีผ้ ู้เขียนขอขอบคุณท่านผู้ทรงคุณวุฒิได้แก่ 1) ศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์พรรณ ศิลป สุวรรณ ด้านการสาธารณสุข จากมหาวิทยาลัยมหิดล 2) ศาสตราจารย์ พญ.อารีรัตน์ สุพุทธิ ธาดา ด้านการแพทย์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3) รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิวรรณ พีร ศักด์ิโสภณ ด้านเคร่ืองมือวัด จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ 4) ด้านการพัฒนา สุขภาพได้แก่ นายชาญยุทธ พรหมประพัฒน์ ผู้อานวยการกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการ สุขภาพ ท่ีให้ข้อเสนอแนะเพื่อให้งานเขียนมีความสมบูรณ์ข้ึน และผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสอื เล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจทุกคนและหากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยใน ณ ท่นี ดี้ ้วย อังศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง
สารบัญ หนา้ บทที่ 1 แนวคิดความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ 1 สถานการณค์ วามรอบรู้ด้านสขุ ภาพทว่ั โลก 2 ความหมายของความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพ 11 องค์ประกอบของความรอบรู้ดา้ นสุขภาพ 15 แนวคดิ การวิเคราะห์เชิงเหตุและผลของความรอบรดู้ ้านสุขภาพ 21 เอกสารอ้างองิ 35 บทท่ี 2 เครื่องมือวดั ความรอบร้ดู า้ นสขุ ภาพ 41 เครื่องมือวดั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพในตา่ งประเทศ 42 เครอื่ งมือวัดความรอบรดู้ า้ นสุขภาพในประเทศไทย 51 การพฒั นาเครอื่ งมอื วัดความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพของเด็กไทย 57 ตัวอย่างเคร่อื งมอื วดั ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพสาหรับเด็กวยั เรียนอายุ 9-14 ปี 62 งานวิจัยทเี่ กี่ยวข้องความรอบร้ดู า้ นสขุ ภาพกับพฤติกรรมสขุ ภาพในเดก็ 68 เอกสารอ้างองิ 72 บทท่ี 3 การพฒั นาความรอบรู้ด้านสุขภาพ 77 แผนยุทธศาสตร์ดา้ นความรอบรดู้ ้านสุขภาพ 77 การพฒั นาความรอบร้ดู า้ นสขุ ภาพ: แนวทางการดาเนินการในตา่ งประเทศ 81 กลยทุ ธ์การดาเนนิ งานเพือ่ การพัฒนาความรอบรู้ด้านสขุ ภาพ 83 เครอ่ื งมอื และวธิ กี ารท่ีใชใ้ นการพัฒนาความรอบรู้ด้านสขุ ภาพ 85 รูปแบบการดาเนนิ งานเพือ่ พฒั นาความรอบรู้ด้านสุขภาพในตา่ งประเทศ 91 เอกสารอา้ งองิ 100 บทท่ี 4 แนวคดิ ทฤษฎีการพัฒนาสุขภาพ 104 ทฤษฎีแบบแผนความเชอ่ื ด้านสุขภาพ (Health Belief Model - HBM) 106 แบบจาลองการวางแผนส่งเสริมสุขภาพ (PRECEDE – PROCEED Model) 107 ทฤษฎกี ารกระทาตามแผน (Theory of Planned Behavior: TPB) 110 แบบจาลองการสง่ เสริมสุขภาพของเพนเดอร์ (Pender’s Health Promotion Model) 112 ทฤษฎกี ารเรยี นรทู้ างปัญญาสังคม (Social Cognitive Theory) 114 แนวคดิ การปรับเปลยี่ นพฤติกรรมสุขภาพ (Health Behavior Modification) 116 โมเดลทรานส์ทโิ อเรทคิ อล (Transtheoretical Model: TTM) 129 เอกสารอ้างองิ 145 บทที่ 5 โปรแกรมเพอ่ื พัฒนาความรอบรดู้ ้านสุขภาพ 153 ทฤษฎีทีใ่ ชใ้ นโปรแกรมเพ่ือการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพ 154 ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ (Learning Theory) 154 ทฤษฎีการเรยี นรผู้ ู้ใหญ่ (Adult Learning Theory - Andragogy) 155 ทฤษฎที างพฤติกรรมสุขภาพ (Health Behavior Theories) 157
สารบญั หนา้ 158 การพฒั นาความรอบรูด้ ้านสุขภาพในแผนงานส่งเสริมสุขภาพ 160 โปรแกรมเพื่อเพิม่ ความรอบรูด้ ้านสุขภาพของกลมุ่ เป้าหมาย 166 งานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้องกบั โปรแกรมเพ่ือพฒั นาความรอบรู้ด้านสุขภาพ 176 เอกสารอา้ งอิง 181 บทที่ 6 ผลลัพธ์ทางสุขภาพของความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ 182 กลุม่ ปัจจัยความสาเรจ็ ท่ีมีตอ่ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ 183 ผลลพั ธ์ทางสขุ ภาพของความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ 186 ผลลัพธท์ างสุขภาพ-ด้านการดาเนินชีวิตอย่างมีสขุ ภาวะทดี่ ี 194 ผลลพั ธท์ างสขุ ภาพ-ด้านการจดั การและเผชิญปญั หา 198 ผลลัพธท์ างสขุ ภาพ-ด้านความฉลาดทางสุขภาพ 204 เอกสารอา้ งอิง 209 บทที่ 7 โรคเมตาบอลกิ 211 สถานการณโ์ รคเมตาบอลิก 216 สถานการณโ์ รคอ้วน 217 สถานการณ์โรคความดนั โลหิตสงู 218 สถานการณ์โรคเบาหวาน 220 สถานการณโ์ รคหลอดเลอื ดสมอง 223 เอกสารอ้างอิง 227 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพ 3-Self 227 แนวคดิ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self ดว้ ยหลัก PROMISE Model 230 หลักการปรับเปลี่ยนเพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self ด้วยหลกั PROMISE Model 232 โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self ด้วยตนเอง 232 ตัวอย่างโปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพกลมุ่ เด็กโรคอ้วน 240 ตัวอยา่ งโปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพกลุ่มผู้ใหญ่โรคอ้วน 243 ตัวอย่างโปรแกรมปรับเปลยี่ นพฤติกรรมสุขภาพกลมุ่ ผู้ปว่ ยโรคเบาหวาน 261 เอกสารอา้ งอิง 263 บทที่ 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ 264 ประสบการณข์ องผู้จดั โครงการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ 268 ประสบการณ์ของผรู้ ับการปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรมภายหลังวกิ ฤต 268 มลู เหตจุ ูงใจทีท่ ี่นามาส่คู วามสนใจดแู ลสุขภาพตนเอง 271 วิธีการปฏิบตั ิตนเพอ่ื คงรกั ษาสขุ ภาพท่ดี ี 272 บทเรียนท่ีได้จากประสบการณ์การปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพ 273 แนวทางการปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมสุขภาพตนเองอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 277 เอกสารอ้างองิ 279 ดชั นี (Index)
สารบญั ตาราง ตาราง หน้า 1-1 แสดงรอ้ ยละของคนไทยแตล่ ะกลุ่มวัยทีม่ ีระดับความรอบรูด้ ้านสขุ ภาพทตี่ ่างกัน 8 1-2 แสดงคาจากดั ความของความรอบร้ดู ้านสุขภาพของนกั วชิ าการทวั่ โลกต้งั แตป่ ี ค.ศ. 1998 12 1-3 สรุปองคป์ ระกอบและผลลัพธ์ทางสขุ ภาพตามแนวคิดของนักวิชาการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 16 1-4 แสดงเมทริกซใ์ น 4 มิตขิ องการนาความรอบรดู้ ้านสุขภาพไปใชใ้ น 3 ขอบเขตงานดา้ นสขุ ภาพ 30 2-1 คา่ คณุ ภาพของแบบวัด HLQ ของ Osborne et al. (2013) 50 2-2 ค่าคุณภาพของแบบวดั The ABCDE-health literacy scale for Thai adults 53 2-3 ค่าคณุ ภาพของแบบวดั Health literacy scale for Thai childhood overweight 53 2-4 ค่าคณุ ภาพของแบบวดั Health literacy scale for unwanted pregnancy prevention of Thai female adolescents 54 2-5 คา่ คณุ ภาพของแบบวัดความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพตามหลักหลกั สขุ บญั ญตั ิแห่งชาติสาหรับเด็ก วยั เรยี นอายุ 7-14 ปี 55 2-6 คา่ คุณภาพของแบบวดั ความรู้แจ้งแตกฉานด้านสขุ ภาพสาหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและ ความดันโลหติ สงู 56 2-7 ค่าคุณภาพของแบบวดั General Thai health literacy scales 57 2-8 เกณฑม์ าตรฐานการจาแนกระดบั ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพของเด็กไทยเพือ่ ป้องกนั โรคอว้ น ของแต่ละองคป์ ระกอบในการวัด 59 2-9 เกณฑม์ าตรฐานจาแนกระดับคะแนนความรอบรดู้ ้านสุขภาพในภาพรวม 61 2-10 พิจารณาเกณฑ์คะแนนความรอบรดู้ ้านสุขภาพใน 3 ระดบั ของการรู้หนงั สือ 61 3-1 ลกั ษณะกิจกรรมและรูปแบบการดาเนินการตามองค์ประกอบของความรอบรู้ด้านสุขภาพ 98 4-1 สรุปความสอดคลอ้ งของปัจจัยทางจิตสงั คมในทฤษฎีดา้ นสขุ ภาพท่กี าหนดพฤติกรรมสขุ ภาพ115 4-2 แสดงแนวทางการจัดกิจกรรมปรับพฤตกิ รรมตาม Stage of change 136 5-1 สรุปผลการสังเคราะห์จากความหมายของความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ 153 5-2 โครงการตัวอยา่ งการพัฒนาความรอบรู้ด้านสขุ ภาพบนฐานทฤษฎสี ุขภาพ 157 5-3 สรุปการนาความรอบรู้ด้านสุขภาพไปใชใ้ นแผนงานสง่ เสรมิ สขุ ภาพ 159 5-4 สรปุ โปรแกรมเพื่อเพิ่มความรอบรู้ดา้ นสุขภาพตามโมเดล the I-ABC Model 160
สารบญั ตาราง ตาราง หน้า 5-5 สรปุ แผนการดาเนินกิจกรรมโดยบูรณาการแนวคิดการศึกษาผใู้ หญ่ 162 5-6 สรปุ กจิ กรรมเพือ่ พัฒนาความรอบร้ดู า้ นสุขภาพ 170 5-7 สรุปงานวิจัยทศ่ี กึ ษาปจั จัยเงอื่ นไขที่มีความสัมพันธ์กบั ความรอบรู้ด้านสุขภาพ 173 6-1 แบบสอบถามพฤติกรรมการดารงอยู่อย่างมีสุขภาวะที่ดี 192 6-2 แบบประเมินเพือ่ วัดภาวะวกิ ฤตชีวิตของบุคคล 196 6-3 แบบสอบถามความฉลาดทางสขุ ภาพ 200 6-4 เกณฑ์การประเมินระดับความฉลาดทางสุขภาพจาแนกตามองค์ประกอบ 202 6-5 เกณฑ์การประเมินระดับความฉลาดทางสุขภาพในภาพรวม 203 7-1 เกณฑก์ ารวินิจฉยั ในกลุ่มโรคเมตาบอลิกของตา่ งประเทศ 210 7-2 เกณฑ์การวินิจฉัยในกลุ่มโรคเมตาบอลกิ ของประเทศไทย 211 7-3 จานวนและอัตราการตายต่อประชากรไทยทุกกลมุ่ วยั 100,000 คนด้วยโรคไมต่ ิดตอ่ เรอ้ื รัง 214 8-1 ภาพรวมกิจกรรมในโปรแกรม Eat-3S 234 8-2 ภาพรวมกิจกรรมในโปรแกรม Exercise-3S 234 8-3 แสดงกิจกรรม ตัวชวี้ ัด แนวคดิ /เทคนคิ ที่ใช้และวธิ ดี าเนินกิจกรรมของโปรแกรม Eat-3S 235 8-4 แสดงกจิ กรรม ตวั ชว้ี ดั แนวคิด/เทคนิคที่ใช้และวธิ ดี าเนนิ กิจกรรมของโปรแกรม Exercise-3S 237 8-5 แผนการดาเนนิ กิจกรรมปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพสาหรบั โรคอ้วนในผใู้ หญ่ 241 8-6 ภาพรวมกิจกรรมในโปรแกรมการปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมเกี่ยวกับโรคเบาหวาน (โปรแกรมD) 246 8-7 ภาพรวมกิจกรรมในโปรแกรม E1 247 8-8 ภาพรวมกิจกรรมในโปรแกรม E2 248 8-9 แสดงกจิ กรรม ตัวชีว้ ดั แนวคดิ /เทคนิคทใ่ี ช้และวิธีดาเนนิ กิจกรรมของโปรแกรม D 250 8-10 แสดงกจิ กรรม ตวั ชี้วดั แนวคิด/เทคนิคทใี่ ชแ้ ละวิธีดาเนินกจิ กรรมของโปรแกรม E1 251 8-11 แสดงกจิ กรรม ตัวชวี้ ดั แนวคิด/เทคนิคท่ใี ช้และวธิ ีดาเนินกิจกรรมของโปรแกรม E2 253
สารบัญภาพประกอบ หน้า 1-1 โมเดลเชิงเหตผุ ลเพอ่ื การวิเคราะหก์ ารศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพ 23 1-2 โมเดลผลลพั ธ์ของความรอบรูด้ ้านสุขภาพจากการส่งเสริมสุขภาพ (Nutbeam, 2000) 25 1-3 กรอบแนวคิดในการศึกษาความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพในวยั รุ่นเพ่ือการวิจัยในอนาคต 26 1-4 กรอบแนวคดิ ความรอบรดู้ ้านสุขภาพในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (Schillinger, 2004) 27 1-5 โมเดลเชงิ เหตผุ ลโปรแกรมความรอบรดู้ ้านสุขภาพของมลรัฐมิสซูรี่ (Ross et al., 2009) 28 1-6 โมเดลบูรณาการของความรอบร้ดู ้านสุขภาพ (Sørensen et al., 2013) 29 1-7 กรอบแนวคดิ ความรอบรดู้ ้านสุขภาพ (ประเทศไทย) 31 1-8 ข้อเสนอระบบพัฒนาความรอบรดู้ ้านสุขภาพไทยแบบบรู ณาการ 3 มติ ิ (Health literacy system – Thai HL Matrix – 3 Dimensions) (วชิระ เพ็งจันทร์, 2560) 32 2-1 รูปแบบเส้นทางอิทธพิ ลระหวา่ งองคป์ ระกอบของความรอบรดู้ ้านสุขภาพที่มีต่อ พฤติกรรมการปอ้ งกันโรคอ้วน 58 2-2 ความสัมพันธโ์ ครงสร้างเชงิ สาเหตดุ ้านความรอบรดู้ ้านสุขภาพทม่ี ตี ่อพฤตกิ รรม การป้องกนั โรคอ้วน 59 3-1 Intersectoral approach เพ่ือพฒั นาความรอบรูด้ ้านสุขภาพของ Vamos (2012) 82 3-2 โมเดล 3 ข้ันตอนเพอ่ื ความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาพท่ีดกี ว่า (A three-step model for better health literacy (Health Quality & Safety Commission New Zealand, 2015) 89 3-3 โมเดลการเปลย่ี นพฤตกิ รรมตามหลกั 5A (Glasgow et al., 2002; Whitlock et al., 2002) 94 4-1 แบบจาลอง Health Belief Model (ดดั แปลงจาก Rosenstock, Strecher & Becker, 1988) 107 4-2 PRECEEDE-PROCEED Model (ดดั แปลงจาก Green & Kreuter, 1999) 109 4-3 ทฤษฎพี ฤติกรรมตามแผน (Theory of planned behavior) 111 4-4 แบบจาลองการส่งเสริมสขุ ภาพของเพนเดอร์ (Pender et al., 2006: 50) 113 4-5 แสดงการกาหนดซึ่งกนั และกนั ของปัจจัยท้ัง 3 ดา้ น (Bandura, 1989) 114 4-5 แสดงเหตกุ ารณ์การให้การเสริมแรงทีไ่ ม่เหมาะสม 117 5-1 พฤตกิ รรมตามพุทธิพสิ ยั (Cognitive domain) ปรบั ปรุงโดย Anderson & Krathwohl (2001) 155 6-1 รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของจติ วิทยาเชิงบวกและบรรทดั ฐานทางสังคม วัฒนธรรมทม่ี ีต่อสุขภาวะครอบครัวโดยส่งผ่านความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ของค่สู มรสในชุมชนก่งึ เมือง (อังศนิ ันท์ อินทรกาแหง และฉัตรชัย เอกปัญญาสกุล ,2560) 185 8-1 กรอบแนวคิดการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self ด้วยหลกั PROMISE Model 229
1 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ บทที่ 1 แนวคิดความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ จากความรนุ แรงของปัญหาสขุ ภาพทวั่ โลกทเ่ี กดิ จากพฤตกิ รรมใน 3 อนั ดบั แรก ไดแ้ ก่ การสูบบุหร่ี พฤตกิ รรมโรคอ้วนและพฤตกิ รรมเสย่ี งทางเพศ และความเสย่ี งทไ่ี ปส่สู าเหตุความ ตายในลาดบั ต้นคอื ความดนั โลหติ สูง การสูบบุหร่ี น้าตาลในเลอื ดสูง ขาดการออกกาลงั กาย และภาวะอว้ น คดิ เป็นรอ้ ยละ 13, 9, 6, 6 และ 5 ตามลาดบั ของสาเหตุการตายทงั้ หมดทวั่ โลก และเป็นสาเหตุท่นี าไปสู่โรคเร้อื รงั คอื โรคหวั ใจ เบาหวานและโรคมะเร็ง ซ่งึ เกิดข้นึ กับทงั้ ประเทศทม่ี รี ายไดส้ งู ปานกลางและต่า (WHO, 2009) สาหรบั ประเทศไทย การใชช้ วี ติ ประจาวนั ของคนไทยท่มี คี วามเส่ยี งทงั้ การบรโิ ภคอาหารเกนิ ความจาเป็น มพี ฤตกิ รรมการกนิ อาหารรส จดั ทงั้ หวาน มนั เคม็ เพม่ิ ขน้ึ เป็นสาเหตุของการเกดิ โรคอ้วน เบาหวาน ระดบั ไขมนั และความ ดนั โลหติ สูง ซง่ึ ในอนาคตอกี 10-20 ปี รฐั บาลตอ้ งจา่ ยค่ารกั ษาอาการแทรกซอ้ นจาก \"นิสยั การ กนิ เกนิ \" เป็นเงนิ มหาศาลมากกว่าปีละ 1 แสนลา้ นบาท (สานักโรคไม่ตดิ ต่อ กรมควบคุมโรค, 2555) ปัจจุบนั ประเทศทวั่ โลก กาลงั ใหค้ วามสนใจและใชค้ วามพยายามในการลดภาวะความ รนุ แรงของโรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รงั (Non Communicable Disease – NCD) ทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ โรคหวั ใจ และหลอดเลอื ด โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคเบาหวาน และโรคความดนั โลหติ สูง โดยมุง่ ไปทก่ี าร ส่งเสรมิ ควบคุม ป้องกันปัจจยั เส่ียงได้แก่ ลดการสูบบุหร่ี งดการด่ืมสุรา จดั การอารมณ์ ส่งเสรมิ พฤตกิ รรมสุขภาพดา้ นอาหารและโภชนาการดว้ ยการลดอาหารหวาน มนั เคม็ และเพม่ิ ผกั ผลไม้ ส่งเสรมิ การออกกาลงั กายและใหม้ กี จิ กรรมทางกายเพมิ่ มากขน้ึ เพ่อื ควบคุมป้องกนั โรคอ้วนตลอดจนการสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มใหม่ กาหนดมาตรการทางกฎหมายเพ่อื ควบคุมวถิ ีชวี ติ เสย่ี ง โดยเน้นกจิ กรรมทท่ี าใหพ้ ลงั งานในร่างกายสมดุลกนั ระหว่างการรบั เขา้ มาในรา่ งกายกบั การใชไ้ ป ฉะนนั้ แนวทางการควบคมุ และแก้ไขดว้ ยการส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมใหม่ ทเ่ี กดิ จาก ความตงั้ ใจและให้ความร่วมมอื อย่างดขี องประชาชนในการดูแลสุขภาพตนเอง เรมิ่ ด้วยการ พฒั นาทกั ษะทางสุขภาพท่ถี ูกต้องและเพยี งพอกบั ตนเองเพ่อื ใช้ในการดาเนินชวี ติ ประจาวนั อยา่ งต่อเน่อื ง ซง่ึ เป็นการเพม่ิ พนู ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ (Health literacy) นนั่ เอง ในทป่ี ระชุมส่งเสรมิ สุขภาพโลกครงั้ ท่ี 7 เม่อื วนั ท่ี 26-30 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา องค์การอนามยั โลก (World Health Organization) ได้ประกาศให้ประเทศสมาชกิ ใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาใหป้ ระชาชนมคี วามรอบรดู้ ้านสุขภาพ (Health Literacy-HL) และได้ ให้ความหมายของ Health literacy ว่า เป็นทกั ษะทางปัญญาและทกั ษะทางสงั คมของบุคคล ที่ ก่อให้เกิดแรงจูงใจและสมรรถนะทจี่ ะเข้าถึง เขา้ ใจและใช้ข้อมูลข่าวสารและบรกิ ารสุขภาพเพอื่ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
2 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ส่งเสรมิ และคงดารงรกั ษาสุขภาพตนเองใหด้ ี (WHO, 1998) และยงั ใหค้ วามสาคญั กบั ความรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาพอยา่ งต่อเน่อื งจากการประชุมส่งเสรมิ สุขภาพโลกครงั้ ท่ี 9 เมอ่ื วนั ท่ี 21-24 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2559 ท่ีเมืองเช่ียงไฮ้ ประเทศจีน เร่ือง เป้ าหมายการพัฒนาท่ียัง่ ยืน (Sustainable Development Goal - SDG) ซ่งึ ในเวทขี องการประชุมสุขภาพโลกในครงั้ น้ี มปี ระเด็นสาคญั ท่วี ่า “ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพสามารถช่วยสนบั สนุนความสาเรจ็ ในการทางานดา้ นสุขภาพและการเขา้ ถงึ คุณภาพในการดแู ลสุขภาพของประชาชนไดอ้ ย่างไร” และยงั ไดใ้ หค้ วามหมายของความรอบรดู้ า้ น สุขภาพโดยทวั่ ไปว่า เป็นความสามารถของบุคคลในการเข้าถงึ ในการทาความเข้าใจและใช้ ขอ้ มูลสารสนเทศในทางส่งเสรมิ และคงไวซ้ ง่ึ การมสี ุขภาพท่ดี เี พ่อื ตนเอง ครอบครวั และชุมชน เช่น ความเขา้ ใจในขอ้ มูลดา้ นสุขภาพ การอ่านฉลากยา ฉลากอาหารให้เขา้ ใจ การเจรจาและ ปฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ ของแพทยไ์ ด้ เป็นต้น (WHO, 2016) และในการประชุมครงั้ น้ียงั มคี าประกาศท่ี ต่อเน่ืองให้ชาตสิ มาชกิ ทวั่ โลก เน้นให้ประชาชนสามารถควบคุมสุขภาพไดด้ ว้ ยตนเองตามวถิ ี การดาเนินชีวิตอย่างมีสุขภาวะท่ีดี (Healthy lifestyle) โดยบทบาทของภาครัฐทัง้ ใน ระดบั ประเทศและชุมชนยงั ตอ้ งสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมคี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพอยา่ งต่อเน่อื ง เช่น ผ่านนโยบายกาหนดราคาสนิ คา้ สุขภาพ การใหข้ อ้ มลู ดา้ นสุขภาพทโ่ี ปรง่ ใส การมฉี ลากสนิ คา้ ท่ี ชดั เจน ส่วนระดบั ชุมชนเน้นการใหป้ ระชาชนตระหนกั รวู้ ธิ กี ารดาเนินชวี ติ อย่างมสี ุขภาวะทด่ี ี มี การเรยี นรใู้ ชป้ ระโยชน์จากขอ้ มลู ขา่ วสารและเทคโนโลยเี พ่อื สามารถควบคุมสุขภาพทด่ี ไี ดด้ ว้ ย ตนเอง เป็นต้น (WHO, 2016) เพราะจากหลายรายงานทศ่ี กึ ษา พบสอดคลอ้ งกนั ว่า ประชาชน ทม่ี คี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพต่า จะส่งผลใหอ้ ตั ราการตาย การเขา้ รกั ษาตวั ในโรงพยาบาลและการ ใชจ้ ่ายในการรกั ษาสูง เพราะมคี วามรเู้ ร่อื งโรคและการดูแลสุขภาพตนเองต่า มกี ารส่อื สารกบั ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นสุขภาพและเขา้ ถงึ บรกิ ารสุขภาพต่าดว้ ยเช่นกนั (Osborne et al., 2013) จงึ เป็น ความท้าทายในการทางานเชงิ รุกของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ีจะส่งเสริม ป้องกนั และพฒั นาให้ประชาชนมศี กั ยภาพคงดูแลสุขภาพทด่ี ไี ด้ดว้ ยตนเอง นอกจากน้ี Health Literacy ยงั มเี ป้าหมายท่ีสาคญั ของทุกประเทศสมาชิกทวั่ โลกคือ การเป็นเมอื งแห่งการมี สุขภาพทด่ี ที วั่ หน้า (Healthy city) ต่อไป (WHO, 2013) สถานการณ์ความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพทวั่ โลก ความรอบรู้ด้านสุขภาพหรือ Health Literacy-HL ในองค์กรต่างๆ ของประเทศ สหรฐั อเมรกิ านัน้ เรม่ิ จากงานเขยี นหนังสอื ของ Doak, Doak, & Root (1996) ท่เี ผยแพร่โดย School of Public Health, Harvard T.H. Chan และสองสามีภรรยา Cecelia and Leonard Doak โดย Cecelia ซง่ึ มปี ระสบการณ์การทางานท่ี the US Public Health Service มากว่า 20 ปี ส่วน Leonard อดตี วศิ วกรกองทพั สหรฐั อเมรกิ า ไดท้ างานอาสาสมคั รในการสอนและพฒั นา ด้านสุขภาพของประชาชนโดยใช้แนวคิดการศึกษาผู้ใหญ่ และร่วมกันเขยี นหนังสือ เร่อื ง องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
3 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ การสอนผู้ป่ วยท่ีมีทักษะการรู้หนังสือต่า (Teaching patients with low literacy skills) ท่ีมี เน้ือหาจากประสบการณ์เชงิ คุณภาพกบั ผปู้ ่วยกว่า 100 คน และใชเ้ ป็นค่มู อื ใหก้ บั สมาพนั ธก์ าร เรียนรู้ของผู้ป่ วยสาหรับองค์กรไม่หวังผลกาไร ( Non-profit business patient learning associates) ไดน้ าไปใช้จดั ฝึกอบรมดา้ นการพฒั นาความรอบรดู้ ้านสุขภาพมากกว่า 200 ครงั้ ใหก้ บั ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นสุขภาพหลายพนั คน ต่อมาหลายประเทศเรม่ิ ใหค้ วามสาคญั และได้มกี าร สารวจความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของประชาชนในประเทศ ดงั สถานการณ์ในประเทศต่างๆ ดงั น้ี สานักงานส่งเสรมิ สุขภาพและป้องกนั โรค ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (Office of Disease Prevention and Health Promotion, 2015) ไดใ้ ห้ความสาคญั และมกี ารสารวจความรอบรดู้ ้าน สขุ ภาพในปี ค.ศ. 2003 เกย่ี วกบั การรบั รแู้ ละความเขา้ ใจในการอ่านฉลากยา ฉลากอาหาร ใบสงั่ แพทย์ สทิ ธกิ ารรกั ษาและเอกสารความรดู้ า้ นสุขภาพกบั กลุ่มผใู้ หญ่อายุ 16 ปีขน้ึ ไป ในประเทศ พบวา่ 77 ลา้ นคนในวยั ผใู้ หญ่หรอื รอ้ ยละ 35 มคี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพต่า (Low health literacy) โดยผลสารวจพบว่า มีเพียงร้อยละ 12 ท่ีมีความรอบรู้ด้านสุขภาพท่ีสูง (Proficient health literacy) ส่วนใหญ่อยรู่ ะดบั ปานกลาง (Intermediate health literacy) คดิ เป็นรอ้ ยละ 53 และอยู่ ในระดบั พ้นื ฐานและต่ากว่า (Basic and below health literacy) คดิ เป็นรอ้ ยละ 35 และอตั รา ของผทู้ ม่ี คี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพต่าน้ี จะพบสูงขน้ึ ในประชาชนบางกลุ่มไดแ้ ก่ ผสู้ งู อายุ ชนกลุ่ม น้อย ชนผวิ สี ผทู้ ม่ี รี ะดบั การศกึ ษาต่ากวา่ มธั ยมศกึ ษา ผอู้ พยพและผทู้ ม่ี ฐี านะยากจน และพบว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดบั ต่ามคี วามสมั พนั ธ์กับผลลพั ธ์ทางสุขภาพท่ไี ม่ดี โดยเฉพาะ ความรอบรู้ด้านสุขภาพท่วี ดั จาก ทกั ษะการอ่านมคี วามสมั พนั ธ์กบั ความรู้ความเข้าใจด้าน สุขภาพ อัตราการเข้ารกั ษาพยาบาล (Hospitalization rates) ผลการวดั สุขภาพระดับโลก (Global health measures) และโรคเรอ้ื รงั บางชนิด (Some chronic diseases) นอกจากน้ี ผลสารวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของประเทศแคนาดา (Rootman & Gordon-El-Bihbety, 2008) เผยแพร่โดย สมาพันธ์สาธารณสุขแห่งชาติแคนาดา ( The Canadian Public Health Association) ไดท้ าการสารวจความรอบรดู้ ้านสุขภาพของประชาชน แคนาดาวยั ผูใ้ หญ่อายุ 16 ปีขน้ึ ไปจานวน 23,000 คน พบว่า รอ้ ยละ 55 หรอื ประมาณการว่า ผใู้ หญ่ชาวแคนาดา 11.7 ลา้ นคน มรี ะดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพต่ากว่าในระดบั ทเ่ี พยี งพอหรอื ต่ากว่าระดบั 3 จาก 5 ระดบั และในจานวนน้ีส่วนใหญ่อย่ใู นกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี ถงึ รอ้ ยละ 88 และขาดความรอบรใู้ นดา้ นความรเู้ กย่ี วกบั สขุ ภาพเมอ่ื ยามเจบ็ ป่วย ความรเู้ รอ่ื งโรคและการ ค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพจากหน่วยบรกิ ารสุขภาพและยงั พบว่า ผู้ท่มี รี ะดบั ความรอบรู้ด้าน สุขภาพต่า จะมีผลลพั ธ์ทางสุขภาพต่าด้วย และในรายงานน้ีได้เสนอวิสัยทศั น์ประเทศว่า ประชาชนแคนาดาทุกคนควรมคี วามสามารถและมโี อกาสท่ไี ด้รบั การสนับสนุนด้านสุขภาพท่ี จาเป็นและใช้ข้อมูลทางสุขภาพได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ สามารถถ่ายทอดข้อมูล ต่อคนอ่ืน สามารถดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้ทัง้ ในครอบครัวและชุมชน จัดตัง้ เครือข่ายหรือกลุ่ม องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
4 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ปฏสิ มั พนั ธร์ ว่ มกนั เพ่อื การมสี ุขภาวะทด่ี ี โดยภาครฐั ใชก้ ลยทุ ธใ์ นการเพมิ่ โอกาสในการพฒั นา และปรบั ปรุงความรอบรดู้ า้ นสุขภาพผ่านหลกั สูตรชวี ติ ทม่ี คี วามหลากหลายตามกลุ่มวยั ได้แก่ วยั ก่อนเรยี น วยั เดก็ วยั รนุ่ วยั ผใู้ หญ่และวยั สงู อายุ ผลสารวจความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเทศนิวซีแลนด์ ตามท่ี Korero Marama (2010) ไดร้ ายงานผลสารวจความรอบรดู้ า้ นสุขภาพในกลุ่มผใู้ หญ่ชาวเมารเี ปรยี บเทยี บกบั กลุ่ม ไม่ใช่ชาวเมารี ซง่ึ ขอ้ มลู นาเสนอไว้ในรายงานการสารวจทกั ษะชวี ติ และการรหู้ นังสอื ในผู้ใหญ่ (Adult literacy and life skills survey - ALL) ในกลุ่มอายุ 16-65 ปี เก็บข้อมูลกับทุกกลุ่มท่ี หลากหลายไดแ้ ก่ เชอ้ื ชาติ อายุ ระดบั การศกึ ษาอาชพี และระดบั รายไดท้ ่ตี ่างกนั ขอ้ คาถามใน แบบสอบถามเป็นการวดั ความสามารถและความเขา้ ใจในขอ้ มลู และการเขา้ ถงึ บรกิ ารสุขภาพ แบ่งเป็น 3 ระดบั ตงั้ แต่ มจี ากดั พอเพยี ง ถงึ ระดบั ทกั ษะท่เี ขม้ แขง็ (Limited, adequate and strong) ในแต่ละแบบวดั จะครอบคลุม ความเขา้ ใจสารสนเทศและการเขา้ ถงึ บรกิ ารในกจิ กรรม 5 ด้านคอื การส่งเสรมิ สุขภาพมจี านวน 60 ขอ้ การควบคุมสุขภาพมจี านวน 64 ขอ้ การป้องกนั โรคมจี านวน 18 ข้อ การคงอยู่ในการดูแลสุขภาพมีจานวน 16 ข้อ และระบบการให้ข้อมูล สุขภาพมจี านวน 32 ขอ้ และผลการสารวจไดร้ ายงานว่า มจี านวนรอ้ ยละ 56.2 ของผใู้ หญ่ชาว นิวซแี ลนดม์ ที กั ษะความรอบรดู้ ้านสุขภาพอยใู่ นระดบั ต่า และพบความรอบรดู้ ้านสุขภาพต่าใน กลุ่มดงั น้ี 4 ใน 5 เป็นชาวเมารเี พศชาย และ 3 ใน 4 เป็นชาวเมารเี พศหญงิ และเป็นผทู้ อ่ี าศยั อยนู่ อกเขตเมอื ง มอี ายใุ นช่วง 50-65 ปี ระดบั การศกึ ษาต่ากวา่ มอี าชพี แรงงานและไมไ่ ดท้ างาน ผลการสารวจความรอบรดู้ ้านสุขภาพใน 8 ประเทศของยุโรป (HLS-EU Consortium, 2012) รวม 7,795 คน ประกอบด้วย กลุ่มตัวอย่างในประเทศเยอรมนั กรีซ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรยี เสปน ไอรแ์ ลนด์ บลั แกเรยี และโปแลนด์ คดิ เป็น จานวน 1,045, 998, 993, 979, 974, 959, 925 และ 922 คน ตามลาดบั ด้วยแบบวดั The HLS-EU-Q47 ตามเกณฑก์ ารแบ่ง ระดบั การวดั เป็น 4 ระดบั คอื ระดบั ดเี ยย่ี ม พอเพยี งเป็นปัญหา และไม่พอเพยี ง (Excellent, Sufficient, Problematic and Inadequate) ในภาพรวมพบว่า ประชาชนในยุโรปมรี ะดบั ความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพส่วนใหญ่ อยใู่ นระดบั พอเพยี งคดิ เป็นรอ้ ยละ 36.0 รองลงมาอยใู่ นระดบั ทเ่ี ป็น ปัญห ระดบั ดเี ยย่ี ม และระดบั ไมพ่ อเพยี ง คดิ เป็นรอ้ ยละ 35.2, 16.5 และ 12.3 ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ทงั้ หมด ตามลาดบั หรอื กล่าวได้ว่า จานวนประชาชนยุโรปมรี ะดบั ความรอบรู้ด้านสุขภาพใน กลุ่มท่พี อเพยี งขน้ึ ไปกบั ระดบั ท่เี ป็นปัญหาลงไปใกล้เคยี งกนั คดิ เป็นรอ้ ยละ 52.4 และ 47.6 ตามลาดบั และเมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายประเทศพบว่า ประเทศทม่ี รี ะดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพอยู่ ในระดบั ดเี ยย่ี มและพอเพยี งรวมกนั จากสูงสุดตามลาดบั คอื ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ ไอรแ์ ลนด์ โปแลนด์ กรซี เยอรมนั ออสเตรยี เสปนและบลั แกเรยี คดิ เป็นรอ้ ยละ 71.4, 60.0, 55.4, 55.2, 53.7, 43.6, 41.7 และ 37.9 ตามลาดบั และประเทศทม่ี รี ะดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพอยใู่ นระดบั ทเ่ี ป็นปัญหาและไมพ่ อเพยี งรวมกนั จากสูงสุดตามลาดบั คอื ประเทศบลั แกเรยี เสปน ออสเตรยี องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
5 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ เยอรมนั กรซี โปแลนด์ ไอรแ์ ลนดแ์ ละเนเธอรแ์ ลนด์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 62.1, 58.3, 56.4, 46.3, 44.8, 44.6, 40.0 และ 28.7 ตามลาดบั และพบว่า ประชาชนในยุโรปถงึ แมจ้ ะมีระดบั การศกึ ษา ทอ่ี ่านออกเขยี นได้ครบ 100% แต่ยงั เป็นขอ้ จากดั ของประชาชนกลุ่มป่ วยทพ่ี บว่า มปี ัญหาใน การรบั รแู้ ละส่อื สารกบั แพทยใ์ หเ้ ขา้ ใจถงึ การปฏบิ ตั ติ นทถ่ี กู ตอ้ ง ผลการตรวจสอบคุณภาพแบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มประเทศในเอเชีย ในช่วงปื ค.ศ. 2013 - 2014 โดย Duong Tuyen et al. (2017) มกี ารเกบ็ ขอ้ มลู ความรอบรดู้ า้ น สุขภาพผู้ใหญ่ท่มี อี ายุ 15 ปี ขน้ึ ไปใน 6 ประเทศ จานวน 10,024 คน ประกอบด้วย ประเทศ อนิ โดนีเซยี คาซคั สถาน มาเลเซยี พม่า ไต้หวนั และเวยี ดนาม จานวน 1,029, 1,845, 462, 1,600, 3,015 และ 2,073 คน ตามลาดบั มกี ระจายตามอายุ เพศ ระดบั การศกึ ษา ความสามารถ ในการจ่ายค่ารกั ษาพยาบาล และสถานภาพทางสงั คม โดยประยุกต์ใช้แบบวดั the HLS-EU- Q47 ของ Sørensen (2013) และแปลเป็น 7 ภาษาและเกบ็ ขอ้ มลู ผ่านการสมั ภาษณ์ของผู้ช่วย วจิ ยั ทไ่ี ดร้ บั การฝึกจากคณะกรรมการ the Asian Health Literacy Survey Consortium (AHLS) ทม่ี าจากผแู้ ทนแต่ละประเทศ ใชก้ ารสุ่มหลายขนั้ ตอน เพ่อื ใหก้ ระจายในแต่ละเมอื งและภูมภิ าค ของแต่ละประเทศ แบบวดั มจี านวน 47 ขอ้ และปรบั มาตรวดั ตาม likert scale เป็น 4 ระดบั คอื ใหค้ ะแนน 1 หมายถงึ ยากมาก 2 ยาก 3 งา่ ย และ 4 คอื ง่ายมาก โดยมอี งคป์ ระกอบการวดั 4 ด้านคอื การเข้าถึง (Access/obtain) ความเขา้ ใจ (Understand) การตรวจสอบ ประเมนิ และ ตัดสินใจ (Appraise/evaluate/judge) และการนาข้อมูลไปประยุกต์ใช้ (Apply/use health information) ในบรบิ ท 3 มติ ิคอื การดูแลรกั ษา การป้องกนั โรคและการส่งเสรมิ สุขภาพ ผล การศึกษาพบว่า แบบวดั ความรอบรู้ด้านสุขภาพมคี วามเช่อื มนั่ อยู่ในระดบั ดี (Cronbach's alpha มากกว่า 0.90, item-scale correlation มากกว่าหรอื เท่ากบั 0.40) ความเท่ยี งตรงเชิง โครงสรา้ งดว้ ยการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบเชงิ ยนื ยนั (Confirmatory factor analysis - CFA) อยู่ ในระดบั ท่ยี อมรบั ไดข้ องทงั้ 6 ประเทศ และในการศกึ ษาครงั้ น้ีไม่มกี ารรายงานค่าระดบั ความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพทงั้ 6 ประเทศ แต่รายงานผลการศกึ ษาทว่ี ่า ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพครงั้ น้ี มคี วามสมั พนั ธก์ บั ระดบั การศกึ ษาและระดบั สถานภาพทางสงั คมอยา่ งมนี ัยสาคญั (P < 0.05) ผลการสารวจในประเทศญ่ปี ุ่น ตามท่ี Kazuhiro Nakayama et al. (2015) ได้รายงาน การสารวจความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพทวั่ ไป (General health literacy; GEN-HL) ของคนญป่ี ่นุ โดย เปรยี บเทยี บกบั ผลสารวจในประเทศยุโรป ในกลุ่มอายุ 20 - 69 ปี จานวน 1,054 คน มรี ะดบั การศกึ ษาสงู สุดตงั้ แต่ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นถงึ ปรญิ ญาเอก มรี ายได้ ตงั้ แต่ต่ากว่า 2.5 ไป จนถงึ มากกว่า 12.5 ล้านเยน็ ต่อปี อาชพี ทงั้ ในกลุ่มไม่มงี านทา เป็นแม่บ้าน ทางานนอกเวลา ทางานบรหิ าร ทางานวชิ าชพี เป็นนกั เรยี นนักศกึ ษา ทก่ี ระจายอยใู่ นเมอื งขนาดเลก็ กลาง ใหญ่ และใหญ่มาก โดยเปรยี บเทยี บกบั ผลสารวจใน 8 ประเทศยุโรปขา้ งต้น ใชแ้ บบสอบถามในการ ประเมนิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพทวั่ ไปจานวน 47 ขอ้ ทม่ี รี ะดบั ความเช่อื มนั่ Cronbach’s alpha องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
6 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ เท่ากบั 0.97 และค่าอานาจจาแนก Pearson’s correlation coefficients เท่ากบั 0.18 - 0.22 และแบ่งระดับการวัดเป็น 5 ระดับคือ ดีเย่ียม (Excellent) พอเพียง (Sufficient) มีปัญหา (Problematic) ไมพ่ อเพยี ง (Inadequate) และมจี ากดั (Limited) ผลการสารวจพบว่า คนญ่ปี ุ่นมี ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพอยใู่ นระดบั ทต่ี ่ากว่าคนยุโรปคอื คะแนนเฉลย่ี อยทู่ ่ี 33.8 + 8.0 ใน ยโุ รป และ 25.3 + 8.2 ในญ่ปี ่นุ และเมอ่ื พจิ ารณาในแต่ละระดบั พบว่า ในระดบั ดเี ยย่ี ม มจี านวน รอ้ ยละ 2.0 - 4.2 ในญป่ี ่นุ และรอ้ ยละ 15.6 - 21.3 ในยโุ รป ระดบั พอเพยี งมจี านวนรอ้ ยละ 10.2 -18.3 ในญ่ปี ุ่นและรอ้ ยละ 33.5 - 39.1 ในยุโรป และระดบั ไม่พอเพยี งมจี านวนร้อยละ 40.9 - 60.1 ในญ่ปี ุ่นและรอ้ ยละ 12.1 - 20.1 ในยุโรป และเม่อื พจิ ารณาโดยรวมทงั้ ท่ไี ม่พอเพยี ง มี ปัญหาและมจี ากดั มากพบวา่ มจี านวนรอ้ ยละ 85.4 ในญป่ี ่นุ และรอ้ ยละ 47.9 ในยโุ รป ผลการสารวจความรอบรดู้ า้ นสุขภาพในประเทศไตห้ วนั ตามท่ี Van Tuyen Duong, I - Feng Lin, & Sorensen (2015) ทาการสารวจความรอบรดู้ ้านสุขภาพทวั่ ไปของคนไต้หวนั ท่มี ี อายุ 15 ปีขน้ึ ไปจานวน 2,989 คน โดยใช้แบบวดั ของยุโรปแปลเป็นภาษาจนี (The Mandarin version of the European Health Literacy Survey Questionnaire -HLS-EU-Q) ในการสารวจ พบว่า ความรอบรดู้ ้านสุขภาพทวั่ ไปอย่รู ะดบั ปานกลางโดยเฉลย่ี อย่ทู ่ี 34.4 ± 6.6 ของคะแนน เตม็ 50 และความรอบรดู้ า้ นสุขภาพท่ีอย่ใู นระดบั สงู คอื ประชาชนมคี วามสามารถในการจา่ ยค่า ยา มกี ารรบั รตู้ ่อสถานะทางสงั คมสูง มคี วามถใ่ี นการดูรายการโทรทศั น์ทเ่ี ก่ยี วกบั สุขภาพสงู มี ส่วนรว่ มในกจิ กรรมเพ่อื สุขภาพสงู และการวดั ความรอบรดู้ ้านสุขภาพจะครอบคลุมถงึ สภาวะ ทางสุขภาพ พฤตกิ รรมสุขภาพ การเขา้ ถงึ และใชบ้ รกิ ารสุขภาพรว่ มดว้ ย สาหรบั สถานการณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเทศไทย เรมิ่ มกี ารใช้คาว่า “Health Literacy - HL” ในภาษาไทยทแ่ี ตกต่างกนั แต่ได้ให้ความหมายใกลเ้ คยี งกนั คอื 1) สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสุข (2541) ใชค้ าว่า “ความแตกฉานดา้ นสุขภาพ” จากการให้นิยามครงั้ แรกของ องค์การอนามยั โลก 2) สานักงานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (2559) ได้ใช้คาว่า “การรเู้ ท่าทนั ดา้ นสุขภาพ” ทค่ี รอบคลุมหลกั การสาคญั 4 ขอ้ คอื การเขา้ ถงึ ขอ้ มูล การค้นหา ข้อมูลได้ การประเมินและเข้าใจข้อมูลได้อย่างถูกต้องและนาไปประยุกต์ได้ 3) สานักงาน เลขาธกิ ารสภาการศึกษา (2553) ใช้คาว่า “ความฉลาดทางสุขภาวะ” 4) กองสุขศึกษา กรม สนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ (2553) ใชค้ าว่า “ความฉลาดทางสุขภาพ” ทเ่ี คยเผยแพร่ใชก้ นั ในวง วชิ าการทางดา้ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ และ กองสุขศกึ ษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ (2556) ได้ เปลย่ี นมาใชค้ าว่า “ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ” ในคมู่ อื ประเมนิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของคนไทย อายุ 15 ปีขน้ึ ไป ในการปฏบิ ตั ติ ามหลกั 3อ.2ส. และ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข (2560) ใชค้ าวา่ “ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ” เชน่ กนั และเสนอหลกั การสาคญั 6 ดา้ นคอื การเขา้ ถงึ ความ เขา้ ใจ การโตต้ อบ/ซกั ถาม/แลกเปลย่ี น การตดั สนิ ใจ การเปลย่ี นพฤตกิ รรมและการบอกต่อ ทงั้ น้ี สาหรบั การสารวจความรอบรดู้ า้ นสุขภาพสาหรบั คนไทยทวั่ ประเทศ มรี ายงานผลไวด้ งั น้ี องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
7 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ผลสารวจความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพทกุ จงั หวดั ในประเทศไทยเรมิ่ ตน้ ในปี พ.ศ. 2557 ของ คนไทยวยั ผู้ใหญ่อายุ 15 ปีข้นึ ไป ท่เี ส่ยี งต่อโรคเบาหวานและความดนั โลหิตสูงรวมจานวน 30,793 คน สารวจโดย กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกบั สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ดว้ ยแบบสอบถามทพ่ี ฒั นาขน้ึ ในปี พ.ศ. 2556 จากแนวคดิ ความรอบรูด้ ้านสุขภาพของ Nutbeam (2008) จานวน 3 ระดบั คอื ระดบั พ้นื ฐาน (Basic level) ระดบั ปฏสิ มั พนั ธ์ (Interaction level) และระดบั วจิ ารณญาณ (Critical level) ซง่ึ มี 6 องคป์ ระกอบไดแ้ ก่ 1) ความรแู้ ละความเขา้ ใจทางสุขภาพ 2) การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู และบรกิ าร 3) การสอ่ื สารเพมิ่ ความเชย่ี วชาญ 4) การจดั การเงอ่ื นไขทางสุขภาพตนเอง 5) การรเู้ ท่าทนั ส่อื และ สารสนเทศและ 6) การตดั สนิ ใจเลอื กปฏบิ ตั ทิ ถ่ี ูกต้อง ซง่ึ มคี ่าความเช่อื มนั่ (Cronbach’s alpha) ทงั้ 6 ด้านอยู่ในช่วง 0.674 - 0.912 รวมจานวน 36 ข้อ คะแนนรวมเต็ม 114 แบ่งระดบั การ ประเมนิ 3 ระดบั คอื ไมด่ ี พอใช้ ดมี าก ผลสารวจในปี พ.ศ. 2557 พบว่า คนไทยวยั ผใู้ หญ่ส่วน ใหญ่ มคี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพอยใู่ นระดบั ไม่ดี คดิ เป็นรอ้ ยละ 59.4 รองลงมาอย่ใู นระดบั พอใช้ และดีมากเท่ากับ 39.0 และ 1.6 ตามลาดับ และมีพฤติกรรมผลลัพธ์ทางสุขภาพได้แก่ พฤตกิ รรมการดูแลสุขภาพ และการมสี วนร่วมกจิ กรรมสุขภาพในชุมชนอย่ใู นระดบั ทไ่ี ม่ดี คดิ เป็นรอ้ ยละ 53.5 ส่วนผลสารวจทุกจงั หวดั ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2559 กบั คนไทยอายุ 15- 59 ปี จานวน 15,278 คน โดยใชแ้ บบสอบถามชดุ เดมิ พบวา่ ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพสูงขน้ึ เลก็ น้อยเมอ่ื เทยี บกบั ปี พ.ศ. 2557 โดยผลสว่ นใหญ่ ยงั คงมคี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพอยใู่ นระดบั ไมด่ ี คดิ เป็นรอ้ ยละ 49.0 รองลงมาอยใู่ นระดบั พอใช้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 45.50 และระดบั ดมี าก รอ้ ย ละ 5.5 ตามลาดบั และมพี ฤตกิ รรมซง่ึ เป็นผลลพั ธท์ างสุขภาพอย่ใู นระดบั ทไ่ี มด่ ี คดิ เป็นรอ้ ยละ 63.0 (Intarakamhang & Kwanchuen, 2016) จะเหน็ ได้ว่า ระดบั ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพของ คนไทยวยั ทางานยงั น่าเป็นห่วง และขอ้ มูลผลสารวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทยวยั ทางานในปี พ.ศ. 2559 น้ี เม่อื พจิ ารณาจาแนกตามลกั ษณะชวี สงั คมยงั พบว่า คนไทยในกลุ่ม เพศชาย ระดบั การศกึ ษาต่ากว่าประถมศึกษา และไม่ได้ประกอบอาชพี หรอื เป็นแม่บ้าน จะมี ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับไม่ดี จานวนมากกว่าในกลุ่มเพศหญิง การศกึ ษาสูงกว่าประถมศกึ ษาและทป่ี ระกอบอาชพี ส่วนการพจิ ารณาระดบั เขตสุขภาพทงั้ 12 เขต ในประเทศไทยพบว่า มคี ะแนนรวมเฉลย่ี ของระดบั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของประชาชนใน เขตสขุ ภาพท่ี 1 - 12 เทา่ กบั 66.97, 68.26, 67.16, 68.10, 68.11, 64.07, 82.90, 76.48, 69.95, 72.56 และ 68.15 ตามลาดบั เขตจากคะแนนเตม็ 114 และพบว่าประชาชนในเขตท่ี 6 มคี ะแนน ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพต่าสุดเท่ากบั 64.07 แต่ทงั้ น้ี คะแนนรวมเฉล่ยี ของคะแนนความรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาพของประชาชนในแต่ละเขต ไมแ่ ตกต่างกนั มาก องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
8 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ นอกจากน้ใี นปี พ.ศ. 2557 กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข รว่ มกบั สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ยงั ได้ทาการสารวจความรอบรู้ ดา้ นสุขภาพเพ่อื ป้องกนั การตงั้ ครรภก์ ่อนวยั อนั ควรในสตรไี ทยวยั รุ่นอายุ 15 - 21 ปีทเ่ี ป็นกลุ่ม เสย่ี ง จากกลุ่มตวั อยา่ งจานวน 2,001 คน ผลสารวจพบว่า ส่วนใหญ่อย่ใู นระดบั ไม่ดสี ูงถงึ รอ้ ย ละ 95.5 ระดบั พอใช้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 4.5 และดมี ากไม่พบ และผลสารวจระดบั ความรอบรดู้ า้ น สุขภาพเพ่อื ป้องกนั โรคอ้วนสาหรบั กล่มุ เดก็ ทม่ี ภี าวะน้าหนักเกนิ หรอื รปู รา่ งทว้ มทม่ี อี ายุ 9 - 14 ปี พบว่า ส่วนใหญ่ อย่ใู นระดบั ไมด่ ี คดิ เป็นรอ้ ยละ 60.4 พอใช้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 38.3 และระดบั ดี มากคดิ เป็น รอ้ ยละ 1.3 ของกลุ่มตวั อยา่ งจานวน 2,000 คน จากผลการประเมนิ ความรอบรดู้ า้ น สุขภาพ ในปี พ.ศ. 2559 สาหรบั ในกลุ่มวยั เรยี นอายุ 7 - 14 ปี ในกลุ่มตวั อยา่ งทม่ี กี ารกระจาย ครบทุกภมู ภิ าคจานวน 15,156 คน พบว่า มรี ะดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพตามสุขบญั ญตั ิ อย่ใู น ระดบั พอใช้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 63.2 รองลงมาอยใู่ นระดบั ดมี าก คดิ เป็นรอ้ ยละ 31.8 และระดบั ไมด่ ี คดิ เป็นรอ้ ยละ 3.8 ตามลาดบั ดงั แสดงระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของคนไทย ดงั ตาราง 1-1 ตาราง 1-1 แสดงรอ้ ยละของคนไทยแต่ละกลุ่มวยั ทม่ี รี ะดบั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพทต่ี ่างกนั ระดบั ความรอบรู้ ปี พ.ศ.2557คิดเป็นรอ้ ยละของจานวนตวั อยา่ ง ปี พ.ศ. 2559 คิดเป็นรอ้ ยละ ด้านสขุ ภาพ สตรวี ยั ร่นุ ท่ี กลุ่มวยั เรยี น กลมุ่ ผใู้ หญ่ วยั เรียน วยั ทางานตาม แบง่ เป็น 3 ระดบั เสี่ยงตงั้ ครรภ์ ท่ีมีภาวะอ้วน ตาม 3อ.2ส. ตามสขุ บญั ญตั ิ หลกั 3อ.2ส. ตามเกณฑร์ ะดบั ก่อนวยั 15-21 ปี อายุ 7-14 ปี อายุ15 ปี ขนึ้ ไป อายุ 7-14 ปี อายุ 15-59 ปี การเรียนรขู้ อง Bloom (1986) 2,001 คน 2,000 คน 31,200 คน 15,156 คน 15,278 คน ตา่ (มคี ะแนนเฉลย่ี 95.5 60.4 59.4 3.8 49.0 < 60% ของคะแนนเตม็ ) พอใช้ (มคี ะแนนอยใู่ น 4.5 38.3 39.0 63.2 45.50 ชว่ ง 60% - < 80% ) ดีมาก - 1.3 1.6 31.8 5.5 (มคี ะแนน > 80%) นอกจากน้ี กองสุขศกึ ษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล ดาเนินการสารวจความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มผู้ป่ วยทัว่ ประเทศ ดาเนินการโดย ชะนวนทอง ธนสุกาญน์ และนรมี าลย์ นีละไพจติ ร (2559) ทาการสารวจความรู้ แจง้ แตกฉานดา้ นสุขภาพ (Health literacy) ในกลุ่มผปู้ ่วยโรคเบาหวานและโรคความดนั โลหติ สูง โดยทาการสารวจในองคป์ ระกอบ 4 ดา้ นคอื 1) การอ่านและทาความเขา้ ใจตวั หนังสอื และ ตวั เลข 2) ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั เบาหวานและความดนั โลหติ สูง 3) การปฏบิ ตั สิ ่อื สารการ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
9 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ โตต้ อบ และ 4) การตดั สนิ ใจทถ่ี ูกตอ้ งในการปฏบิ ตั ใิ นอนาคตหรอื เงอ่ื นไขในการใชช้ วี ติ โดยทา การทดสอบกบั ประชาชนอายุ 15 ปีขน้ึ ไป ทไ่ี ด้รบั การวนิ ิจฉัยจากแพทยว์ ่าเป็นโรคเบาหวาน และความดนั โลหติ สงู ทม่ี ารบั บรกิ ารในสถานบรกิ ารสุขภาพทม่ี คี ลนิ ิกโรคเรอ้ื รงั ใน 76 จงั หวดั ๆ ละ 1 แห่งรวม 3,676 คน จงั หวดั ละ 40 - 50 คน ผลการศกึ ษาพบว่า กลุ่มเป้าหมายในภาพรวม มรี ะดบั ความรแู้ จง้ แตกฉานอย่ใู นระดบั รู้จกั (คอื คะแนน < 75%) ทงั้ กลุ่มป่ วยเบาหวานท่อี ยู่ ระดบั ความรุนแรงในการเจบ็ ป่วยตามเกณฑป์ ิงปอง 7 สี (สเี ขยี วเขม้ ) และกลุ่มป่วยระดบั 1 - 3 และป่วยรนุ แรง (สเี หลอื ง สม้ แดง ดา) คดิ เป็นรอ้ ยละ 88.0 และ 90.0 มเี พยี งรอ้ ยละ 10.0-12.0 เท่านนั้ ทม่ี รี ะดบั การรแู้ จง้ (คะแนน > 75%) และเมอ่ื พจิ ารณารายเขตทงั้ 12 เขตพบวา่ ในกลุม่ ท่เี ป็นโรคเบาหวานในกลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่ ในทุกเขตอย่ใู นระดบั รจู้ กั คอื มคี ะแนนน้อยกว่า 75% คดิ เป็นรอ้ ยละ 79.2 - 97.7 มเี พยี งรอ้ ยละ 2.3 - 20.8 เท่านนั้ ทอ่ี ยใู่ นกลุ่มระดบั รแู้ จ้ง และ การพจิ ารณาความสมั พนั ธร์ ะหว่างปัจจยั คุณลกั ษณะไดแ้ ก่ เพศ อายุ การศกึ ษา การมบี ทบาท ในชุมชน การรบั รู้สุขภาพและภาวะสุขภาพกับระดบั การรูแ้ จ้งพบว่า เพศ การศึกษา การมี บทบาทในชุมชน มคี วามสมั พนั ธ์กบั ระดบั รแู้ จง้ อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (P< 0.05) ทงั้ น้ียงั พบว่า การศกึ ษาสงู กว่า ป.6 มรี ะดบั การรแู้ จง้ มากกวา่ ผทู้ ม่ี กี ารศกึ ษาต่าถงึ 1.5 เท่า จากสถานการณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพทวั่ โลกดังกล่าวพบว่า แต่ละประเทศชาติ สมาชกิ ของ WHO ได้เหน็ ความสาคญั ต่นื ตวั กบั การดาเนินการตามนโยบายเพ่อื การพฒั นา ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของประชาชนในประเทศใหค้ รอบคลุมทวั่ หน้า ดงั ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ในปี ค.ศ. 2010 โดยกรมสุขภาพและบริการมนุษย์ (Department of Health and Human Services: HHS) ได้กาหนดแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพ่ือพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพ นอกจากนัน้ ในหลายปีท่ีผ่านมาน้ี องค์กรแห่งชาติและบริษัทหลายแห่ง เช่น Institute of Medicine, American Medical Association, National Institutes of Health, and HHS ไ ด้ใ ห้ ความสาคญั ในการสง่ เสรมิ และทาวจิ ยั เกย่ี วกบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพเป็นจานวนมาก และในปี ค.ศ. 2004 หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องด้านคุณภาพและการวิจัยการดูแลสุขภาพ (Agency Healthcare Research and Quality - AHRQ) ไดม้ อบหมายให้ มหาวทิ ยาลยั นอรท์ แคโรไลน่า ( The RTI International - Evidence- based Practice Center – EPC, University of North Carolina) ทาการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั โปรแกรมการพฒั นาความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพและผลลพั ธท์ างสุขภาพ (Health literacy interventions and outcomes: An updated systematic review) สามารถสรปุ หลกั ฐาน วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหข์ อ้ มลู ทม่ี อี ยู่ ตงั้ แต่ อดตี จนถงึ ปัจจุบนั โดยมีการศกึ ษาวจิ ยั ท่สี าคญั (Berkman et al, 2011) คอื 1) ทกั ษะความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพมคี วามสมั พนั ธก์ บั การใชบ้ รกิ ารดแู ลสุขภาพ (Use of health care services) ผลลพั ธท์ างสุขภาพ (Health outcomes) ค่าใชจ้ ่ายในการดูแลสุขภาพ (Costs of health care) และผลลพั ธ์ทางสุขภาพหรือการใช้บรกิ ารดูแลสุขภาพ (Health outcomes or health care องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
10 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ service use) และ 2) สาหรบั ผู้ท่ีมีทกั ษะความรอบรู้ด้านสุขภาพต่า การจดั โปรแกรมให้มี ประสทิ ธภิ าพเพอ่ื พฒั นาการใชบ้ รกิ ารดแู ลสุขภาพ (Use of health care services) ผลลพั ธท์ าง สุขภาพ (Health outcomes) ค่าใชจ้ า่ ยในการดูแลสุขภาพ (Costs of health care) และการใช้ บริการดูแลสุขภาพและ/หรอื ผลลัพธ์ทางสุขภาพ (Health care service use and/or health outcomes) ในกล่มุ ทม่ี คี วามแตกต่างทางเชอ้ื ชาติ ชนชาติ วฒั นธรรม หรอื กลุม่ อายุ อย่างไรก็ตาม ในการทบทวนวรรณกรรมของ Berkman ครงั้ น้ี เน้นความรอบรู้ด้าน สขุ ภาพ (Health literacy) ระดบั พน้ื ฐานและปฏสิ มั พนั ธเ์ น่อื งจาก 1) แนวคดิ ของความรอบรดู้ า้ น สุขภาพครอบคลมุ ความสามารถในการอ่านและเขยี น (Print literacy) การคานวณ (Numeracy) และความสามารถในการส่อื สารด้วยคาพูด (Oral literacy) และ 2) เคร่อื งมอื วดั ท่ีถูกพฒั นา เพม่ิ ขน้ึ ในบรบิ ทของสุขภาพและทกั ษะทจ่ี าเป็นมากขน้ึ และ 3) การวดั ความสามารถในการอ่าน และเขยี น และการคานวณมคี วามสมั พนั ธ์กนั สูงในกลุ่มตวั อย่างระดบั ประเทศ ผลการศึกษา พบว่า ในบทความ 95 เรอ่ื ง มี 86 เรอ่ื งเป็นการสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และ 16 เรอ่ื ง การวดั ความรอบ รดู้ า้ นสุขภาพเชงิ ตวั เลข 42 เร่อื ง เป็นการพฒั นาโปรแกรมความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ และในบาง เร่อื ง ศึกษาทงั้ การวัดและโปรแกรม ผลวิจยั พบว่า ระดบั ของความรอบรู้ด้านสุขภาพต่ามี ความสมั พนั ธก์ บั การไปโรงพยาบาลเพมิ่ ขน้ึ การใชบ้ รกิ ารฉุกเฉินสูง การตรวจเตา้ นมต่า การ รบั วคั ซนี ไข้หวดั ใหญ่ต่า การรบั ประทานยาท่เี หมาะสมต่า ความสามารถในการตคี วามจาก ฉลากยาและข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพต่า และในกลุ่มผู้สูงอายุพบว่า สภาวะทางสุขภาพ โดยรวมไม่ดี และอตั ราการตายก่อนวยั สงู สาหรบั การศกึ ษาความรอบรดู้ า้ นสุขภาพเชงิ ตวั เลข มอี ทิ ธพิ ลต่อการใชบ้ รกิ ารการดูแลสุขภาพและผลลพั ธ์ทางสุขภาพ และในงานวจิ ยั เชงิ ทดลอง เพ่อื พฒั นาโปรแกรม มี 27 เร่อื ง ท่ใี ช้การสุ่มอย่างง่ายและมกี ลุ่มควบคุม 2 เร่อื ง เป็นการสุ่ม แบบกลมุ่ และ 13 เรอ่ื ง เป็นการวจิ ยั กง่ึ ทดลอง ทงั้ น้ีทุกงานวจิ ยั ทาการทดลองกบั กลุม่ ทม่ี รี ะดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพต่าหรอื ไมเ่ พยี งพอ และเกอื บทกุ โปรแกรมไดผ้ ลในการเพม่ิ ขน้ึ ของระดบั ความรอบรดู้ ้านสุขภาพ มเี พยี ง 2 - 3 เรอ่ื ง ทไ่ี มไ่ ดผ้ ล โดยทโ่ี ปรแกรมการพฒั นาเป็นลกั ษณะ กิจกรรมการจดั การตนเอง การจดั การโรค การส่งเสรมิ ป้องกันโรค ความรู้เร่อื งโรค การ พฒั นาการรบั รคู้ วามสามารถของตนเอง ส่งเสรมิ คุณภาพชวี ติ และศกึ ษาตน้ ทุนการดแู ลรกั ษา สรปุ ไดว้ ่า สถานการณ์ของการศกึ ษาวจิ ยั เกย่ี วกบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพมมี ากขน้ึ โดย มกี ารศกึ ษาตามกรอบแนวคดิ ท่แี ตกต่างกนั และแต่ละแนวคดิ ยงั มมี ติ ิทเ่ี ป็นส่วนประกอบของ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพทห่ี ลากหลาย ดงั นนั้ เพ่อื เป็นการเตรยี มพรอ้ มในการพฒั นาความรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาพ ผเู้ ขยี นขอนาเสนอความหมาย องคป์ ระกอบ และกรอบแนวคดิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพ ก่อนทจ่ี ะนาไปสู่การสรา้ งเคร่อื งมอื วดั เพ่อื ใช้ประเมนิ ระดบั ความรอบรู้ด้าน สุขภาพของประชาชน และก่อนทน่ี กั ปรบั พฤตกิ รรมสุขภาพจะดาเนินกลยทุ ธใ์ นการพฒั นาเพ่อื เพม่ิ ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพสาหรบั ประชาชนต่อไป องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
11 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ความหมายของความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ เรม่ิ ต้นจากความเขา้ ใจในความหมายของคาว่า การรหู้ นังสอื (Literacy) ซง่ึ Kickbusch (2001) ได้กล่าวถึงอุปสรรคท่สี าคญั ในการพฒั นาสุขภาพของประชากรทวั่ โลกก็คอื การไม่รู้ หนังสือ (Illiterate) และมปี ระมาณร้อยละ 25 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทวั่ โลกท่ีไม่รู้หนังสือ โดยเฉพาะกลุ่มผหู้ ญงิ เดก็ และผสู้ ูงอายุ ทงั้ น้ีระดบั การรหู้ นังสอื ไมจ่ าเป็นตอ้ งสมั พนั ธก์ บั ระดบั การศกึ ษาเสมอไป แต่มคี วามสาคญั ต่อการทานาย การไดง้ านทา การมสี ่วนร่วมในชุมชนและ สภาวะทางสุขภาพ ตลอดจนเป็นตวั ช้วี ดั ความสาเรจ็ ในการพฒั นาท่สี าคญั ของประเทศชาติ ทงั้ น้ี จากนิยาม การรหู้ นังสอื ทเ่ี ขยี นไว้ในวกิ พิ เี ดยี ว่า หมายถงึ ความสามารถเขา้ ใจภาษาใน ระดับท่ีเหมาะกับการติดต่อส่ือสาร และมาตรฐานสาหรบั การรู้หนังสือมคี วามหลากหลาย ระหว่างสงั คม เชน่ คนจานวนมากอ่านตวั หนังสอื ไม่ได้ แต่อ่านตวั เลขได้ อาจไมจ่ าเป็นตอ้ งอ่าน ออก เขยี นไดด้ ี แต่รบั รไู้ ดจ้ ากวธิ ที ห่ี ลากหลายทท่ี าใหเ้ ขา้ ใจในสารสนเทศนนั้ ตามแนวความคดิ ของการรหู้ นงั สอื นอกจากน้ี The Canadian Public Health Association ไดใ้ หค้ วามหมายของ คาว่า Literacy ว่า เป็นความสามารถของบุคคลในการเขยี น การอ่าน การพดู ภาษาองั กฤษและ การใชค้ อมพวิ เตอร์ และความสามารถในการแกป้ ัญหาในระดบั ทจ่ี าเป็นต่อการทางาน และการ อยู่ร่วมกันในสงั คมท่นี าไปสู่การบรรลุเป้าหมายและการพัฒนาความรู้และศักยภาพ ตนเอง (Rootman & Gordon-El-Bihbety, 2008) ตามท่ี Mancuso (2009) ไดร้ ายงานไวใ้ นบทความปรทิ ศั น์เรอ่ื ง การประเมนิ และการวดั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพดว้ ยการทบทวนวรรณกรรมว่า แนวคดิ Health literacy ไดถ้ ูกนาเสนอ ครงั้ แรกโดย Simonds (1974) ในบทความหลงั การประชุมวชิ าการสุขศกึ ษาในเรอ่ื ง “สุขศกึ ษา ในนโยบายเพ่อื สงั คมทส่ี ่งผลต่อระบบการดูแลสุขภาพ การส่อื สารสุขภาพและระบบการศกึ ษา” และมกี ารศกึ ษาต่อเน่อื งมาน้อยมากในชว่ ง 25 ปี จนในปี ค.ศ. 1999 ทางการแพทยข์ องประเทศ สหรฐั อเมรกิ า เริม่ ให้ความสาคญั และให้นิยาม Health literacy ว่าเป็นกลุ่มทักษะทางด้าน สขุ ภาพของบคุ คลทร่ี วมถงึ ความสามารถทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการอ่านและการคานวณเชงิ ตวั เลข ในขนั้ พน้ื ฐานท่จี าเป็นต่อการดูแลสุขภาพของบุคคล (American Medical Association, 1999) ซง่ึ เป็นการประเมนิ ระดบั ความสามารถของบุคคลในการไดร้ บั เขา้ ถงึ และเขา้ ใจสุขภาพพน้ื ฐาน ทจ่ี าเป็นต่อสภาพแวดลอ้ มในการดแู ลสุขภาพตนเอง และในช่วงระหว่างศตวรรษท่ี 21 น้ีมกี าร เติบโตในการศึกษา ความรอบรู้ด้านสุขภาพกันอย่างมาก ดังรายงานบทความทบทวน วรรณกรรมของ Paasche-Orlow, Wilson & McCormack (2010) ท่ีพบว่า บทความในฐาน วารสารสุขภาพทวั่ โลกหรอื PubMed พบว่า ในช่วงปี ค.ศ. 1986 - 1990 มกี ารศกึ ษา Health literacy จานวน 129 เร่อื ง และเพม่ิ ขน้ึ มาเป็น 1,576 เร่อื ง ในช่วงปี ค.ศ. 2006 - 2010 และ สาหรบั ในช่วงปีต่อจากน้ีผเู้ ขยี นพบว่า มจี านวนมากถงึ 4,853 เร่อื ง ในช่วงปี ค.ศ. 2011 จนถงึ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
12 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ กลางปี ค.ศ. 2017 แสดงว่า มนี กั วชิ าการทวั่ โลกใหค้ วามสาคญั กบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพเพมิ่ มากขน้ึ เพราะเป็นแนวทางทน่ี าไปส่กู ารพฒั นาศกั ยภาพดา้ นสุขภาพของทรพั ยากรยม์ นุษยไ์ ด้ อย่างยงั่ ยนื ได้ ทงั้ น้ีผู้เขยี นได้รวบรวม การให้ความหมายของความรอบรู้ด้านสุขภาพของ นกั วชิ าการดา้ นสุขภาพทวั่ โลกไวด้ งั ตาราง 1-2 ตาราง 1-2 แสดงคาจากดั ความของความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของนกั วชิ าการทวั่ โลกตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1998 แหล่งอ้างอิง คาจากดั ความของความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ WHO (1998) กระบวนการทางปัญญาและทกั ษะทางสงั คม ทก่ี อ่ เกดิ แรงจงู ใจและความสามารถของ ปัจเจกบุคคลท่ีจะเข้าถึง เข้าใจและใช้ข้อมูลข่าวสารเพ่ือส่งเสริมและดารงรักษา สขุ ภาพทด่ี ี Baker, Williams, ความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นปัจจยั หน่ึงทส่ี ่งผลตรงต่อความตงั้ ใจหรอื ความสามารถ Parker, Gazmararian, ของแต่ละคนในการเกาะตดิ กบั ขอ้ มลู สารทจ่ี าเป็นเพอ่ื การดแู ลสขุ ภาพตนเอง & Nurss (1999) American Medical คณะกรรมการด้านความรอบรู้ดา้ นสุขภาพเพ่อื กจิ การทางวทิ ยาศาสตร์ของสมาคม Association (1999) การแพทย์แห่งชาติสหรฐั อเมรกิ า ได้ให้คาจากดั ความว่าเป็นกลุ่มทกั ษะท่รี วมถึง ความสามารถพน้ื ฐานในการอ่านขอ้ ความและการคานวณเชงิ ตวั เลข เพ่อื การปฏบิ ตั ิ ตนในการสง่ เสรมิ และรกั ษาสขุ ภาพใหด้ อี ยเู่ สมอ Ratzan & Parker ระดบั ความสามารถของแต่ละบุคคลทจ่ี ะเขา้ ถงึ มวี ธิ กี าร และทาความเขา้ ใจในขอ้ มลู (2000) พน้ื ฐานทางสุขภาพและบรกิ ารทจ่ี าเป็นเพ่อื การตดั สนิ ใจทางสุขภาพทเ่ี หมาะสมของ ตนเอง US Department of ระดบั ความสามารถทบ่ี คุ คลจะแสวงหา ตคี วาม หรอื ทาความเขา้ ใจขอ้ มลู พน้ื ฐานหรอื Health and Human ข้อมูลบริการท่ีจาเป็นต่อการตัดสินใจในการดูแลสุขภาพในโครงการประชาชน Services (2000) สขุ ภาพดขี องประเทศสหรฐั อเมรกิ าใน ปี ค.ศ. 2000 Nutbeam (2000) ไดใ้ ห้ความหมายเช่นเดยี วกบั WHO คอื ทกั ษะทางปัญญาและทกั ษะทางสงั คม ท่ี เป็นตัวกาหนดความสามารถของปัจเจกบุคคลในการเข้าถึง เข้าใจและใช้ขอ้ มูล สารสนเทศนนั้ เพอ่ื สง่ เสรมิ และดารงรกั ษาสขุ ภาพทด่ี ขี องตนเองไว้ Lee, Arozullahb, ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพมคี วามเช่อื มโยงกบั สภาวะทางสุขภาพ และการใชป้ ระโยชน์ & Cho (2004) จากบรกิ ารสุขภาพ โดยมี 4 ปัจจยั ขนั้ กลางทเ่ี กย่ี วขอ้ งไดแ้ ก่ 1) ความรเู้ ร่อื งโรคและ การดูแลตนเอง 2) พฤติกรรมเสย่ี งทางสุขภาพ 3) การดูแลป้องกนั ตนเองและการ ตรวจสุขภาพเป็นประจา และ 4) การปฏบิ ตั ิตามการรกั ษา เม่อื บุคคลมคี วามรอบรู้ ด้านสุขภาพต่ากจ็ ะส่งผลใหข้ าดความรูด้ ้านสุขภาพ พฤตกิ รรมสุขภาพไม่ดี ไม่รู้จกั ดูแลตนเองเพ่อื ป้องกนั โรค ไม่ไปตรวจร่างกาย ไม่ปฏบิ ตั ติ ามการรกั ษาของแพทย์ โดยปัจจยั เหล่าน้ที าใหล้ ่าชา้ ในแสวงหาหนทางในการดแู ลตนเองทเ่ี หมาะสม สุขภาพ ทรดุ โทรม และทาใหเ้ พม่ิ อตั ราการใชบ้ รกิ ารฉุกเฉนิ และรกั ษาในโรงพยาบาล องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
13 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ แหล่งอ้างอิง คาจากดั ความของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ Institute of ระดบั ความสามารถของแต่ละบุคคลท่มี ีวธิ กี ารในการเขา้ ถึงและทาความเขา้ ใจใน Medicine: IOM ขอ้ มูลขา่ วสารและบรกิ ารทางสุขภาพทจ่ี าเป็นในการตดั สนิ ใจทางสขุ ภาพทเ่ี หมาะสม (2004) นอกเหนอื ไปจากความสามารถของบคุ คล ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพยงั ขน้ึ อย่กู บั ทกั ษะ ความพึงพอใจ และความคาดหวงั ของข้อมูลข่าวสารทางสุขภาพและผู้ให้บริการ สขุ ภาพ เช่น แพทย์ พยาบาล ผบู้ รหิ าร ผดู้ แู ลเยย่ี มบา้ น สอ่ื สารมวลชน และปัจจยั อน่ื Kickbusch, Wait ความสามารถในการตดั สนิ ใจไดด้ ใี นชวี ติ ประจาวนั ทงั้ ท่บี า้ น ในชุมชน ท่ที างาน ใน & Maag (2005) ระบบสุขภาพ ในภาคการตลาดธุรกจิ และการเมอื ง และเป็นกลยุทธใ์ นการเสรมิ พลงั อานาจใหป้ ระชาชนไดใ้ ชว้ จิ ารญาณเพ่อื ควบคุมสุขภาพตนเองดว้ ยความสามารถใน การแสวงหาขอ้ มูลสารสนเทศและความสามารถในการแสดงความรบั ผดิ ชอบด้าน สขุ ภาพของตนเอง Zarcadoolas, ทกั ษะทค่ี รอบคลุมความสามารถ ของบุคคลในการประเมนิ ขอ้ มลู ขา่ วสารสาธารณสขุ Pleasant & Greer และนาแนวคิดท่ีได้มาเป็น แนวทางในการลดปัจจัยเส่ียงด้านสุขภาวะและเพิ่ม (2005) คณุ ภาพชวี ติ Barrett & Puryear ความสามารถของผปู้ ่วยทจ่ี ะทาความเขา้ ใจผใู้ หบ้ รกิ ารดแู ลสขุ ภาพถงึ เง่อื นไขทาง (2006) สขุ ภาพและแนวทางการรกั ษา ซง่ึ หมายความวา่ บคุ คลตอ้ งว่าจะไปรบั บรกิ ารทใ่ี ด แสวงหาความชว่ ยเหลอื ดา้ นสขุ ภาพจากใคร สามารถรบั ประทานยาไดถ้ กู ตอ้ งและ สามารถปฏบิ ตั ติ วั เมอ่ื อยทู่ บ่ี า้ นตามคาแนะนาของแพทยไ์ ด้ ถอื เป็นการเพม่ิ คณุ ภาพ ในระบบการดแู ลสขุ ภาพ Kwan, Frankish & ระดบั ทป่ี ระชาชนสามารถเขา้ ถงึ เขา้ ใจ ประเมนิ และส่อื สารขอ้ มูลสุขภาพไดต้ รงกบั Rootman (2006) ความตอ้ งการในบรบิ ททแ่ี ตกต่างกนั เพ่อื สง่ เสรมิ และคงรกั ษาสขุ ภาพทด่ี ตี ลอดชวี ติ Kickbusch (2006) ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพคอื การกระทาทเ่ี ป็นพลวตั รและมพี ลงั จงู ใจตนเอง และเป็น ทกั ษะชวี ติ ทส่ี าคญั ในการเขา้ สสู่ งั คมสมยั ใหม่ได้ และเป็นทางเลอื กในชวี ติ ประจาวนั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อสขุ ภาพและความสขุ ใจ Paasche-Orlow & ทักษะจาเป็นของบุคคลเพ่ือการตัดสินใจ จึงมีความจาเป็นท่ีต้องมีกระบวนการ Wolf (2007) ตรวจสอบสารสนเทศในบรบิ ทของปัญหาดา้ นสขุ ภาพทม่ี คี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพต่า EU (2007) ความสามารถในการอ่าน กลนั่ กรองและเขา้ ใจในขอ้ มูลสารสนเทศด้านสุขภาพเพ่อื นาไปสกู่ ารตดั สนิ ใจทด่ี ี Nutbeam (2008) ทกั ษะทางปัญญาและทางสงั คมทช่ี น้ี าก่อใหเ้ กดิ แรงจงู ใจและความสามารถของแต่ละ บุคคลใหเ้ ขา้ ถงึ เขา้ ใจและใชข้ อ้ มูลข่าวสารในวถิ ที างเพ่อื การส่งเสรมิ และคงรกั ษา สขุ ภาพทด่ี ขี องตนเองอย่างต่อเน่อื ง Ishikawa et al. ความสามารถเฉพาะบุคคลในการเขา้ ถงึ เขา้ ใจ และใชข้ อ้ มลู ทางสุขภาพ เพ่อื ทาให้ (2008) เกดิ การตดั สนิ ใจทางสขุ ภาพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม Pavlekovic (2008) ความสามารถในการเขา้ ถงึ ตคี วามและเขา้ ใจขอ้ มูลและบรกิ ารสุขภาพขนั้ พ้ืนฐาน และศกั ยภาพในการใชข้ อ้ มลู สารสนเทศนนั้ เพ่อื เพม่ิ สขุ ภาพทด่ี ขี องตนเอง องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
14 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ แหลง่ อ้างอิง คาจากดั ความของความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ Rootman & ควาสามารถในการเขา้ ถงึ เขา้ ใจ ประเมนิ และส่อื สารขอ้ มูลสุขภาพเพ่อื การส่งเสรมิ Gordon-Elbihbety ดารงรกั ษาและปรบั ปรุงสุขภาพตนเองดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลายตลอดหลกั สตู รชวี ติ (2008) ของตนเอง Ishikawa & Yano ความรู้ ทกั ษะและความสามารถในการปฏิสมั พันธ์ท่ีเก่ียวข้องในระบบการดูแล (2008) สขุ ภาพทงั้ หมด Mancuso (2008) กระบวนการท่เี ก่ยี วขอ้ งตลอดชวี ิตเพราะเป็นการรวมทงั้ หมดของคุณลกั ษณะใน ความสามารถ ความเขา้ ใจและการส่อื สารของบุคคล ดังนัน้ สมรรถนะท่จี าเป็นของ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพจงึ มาจากการบรู ณาการทงั้ ทกั ษะ กลยุทธ์และความสามารถ ของบุคคล Australian Bureau ความรแู้ ละทกั ษะทจ่ี าเป็นในการทาความเขา้ ใจและใชข้ อ้ มูลสารสนเทศดา้ นสุขภาพ of Statistics เช่น การใช้สารเสพติด การด่มื สุรา การป้องกนั โรค การรกั ษา การป้องกนั ภยั และ (2008) อุบตั เิ หตุการปฐมพยาบาล การชว่ ยในภาวะฉุกเฉนิ และการมสี ภุ าพทด่ี ใี นภาวะปกติ Pleasant & ความสามารถในการคน้ หา ทาความเขา้ ใจ วเิ คราะห์ และใชข้ อ้ มลู ทางสุขภาพในการ Kuruvilla (2008) ตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เพอ่ื ใหม้ สี ขุ ภาพดี และ ลดความไมเ่ สมอภาคทางสขุ ภาวะ Yost et al. (2009) ระดบั ความสามารถของบุคคลในการอ่าน การเขา้ ใจในส่อื สง่ิ พมิ พด์ า้ นสุขภาพ การ ระบุและแปลความขอ้ มูลสารสนเทศทน่ี าเสนอดว้ ยกราฟ ตาราง การคานวณตวั เลข เพอ่ื นาไปสกู่ ารตดั สนิ ใจในดา้ นการดแู ลรกั ษาสขุ ภาพทเ่ี หมาะสม Adkins et al. ความสามารถในการเขา้ ใจขอ้ มูลสุขภาพท่ีได้รบั มาจากการส่อื สารในรูปแบบต่างๆ (2009) โดยใชท้ กั ษะทห่ี ลากหลายเพ่อื ใหบ้ รรลุความสาเรจ็ ของวตั ถุประสงคด์ า้ นสขุ ภาพ Adams et al. ความสามารถในการเขา้ ใจและแปลความหมายของขอ้ มูลสารสนเทศดา้ นสขุ ภาพใน (2009) รูปของสอ่ื สงิ่ พมิ พ์ คาพดู และเทคโนโลยดี จิ ติ ลั เพ่อื จงู ใจใหค้ นทไ่ี ม่ใส่ใจสขุ ภาพใหม้ ี การกระทาพฤตกิ รรมเพอ่ื ดแู ลสขุ ภาพตนเองต่อไป Freedman et al. ระดบั ความสามารถของบคุ คลและกลุ่มคนในการเขา้ ถงึ เขา้ ใจ ประเมนิ และแสดงออก (2009) ดา้ นสขุ ภาพทจ่ี าเป็นเพอ่ื การตดั สนิ ใจดา้ นสาธารณะสขุ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อชุมชน Rootman (2009) ทกั ษะทค่ี รอบคลุมถงึ ความจาเป็นเพ่อื การคน้ หา เพ่อื การประเมนิ และการบรู ณาการ ขอ้ มลู ข่าวสารทางสขุ ภาพท่มี คี วามหลากหลายของบรบิ ท และยงั เป็นตอ้ งการในดา้ น การรคู้ าศพั ทท์ างสขุ ภาพและวฒั นธรรมของระบบสขุ ภาพนนั้ ดว้ ย Parker & Ratzan ระดบั ความสามารถของการได้มาและกระบวนการในการเข้าถึงข้อมูลทางด้าน (2010) สุขภาพ และความสามารถในการทาความเข้าใจเก่ียวกบั ข้อมูลและบริการด้าน สุขภาพขนั้ พ้นื ฐานท่จี าเป็น เพ่อื นามาใช้ในการตดั สนิ ใจเก่ยี วกบั สุขภาพได้อย่าง เหมาะสม ความรอบรู้ด้านสุขภาพจดั ว่าเป็นกลุ่มของทกั ษะท่ีจาเป็นสาหรบั ในการ ดแู ลสขุ ภาพและการเขา้ ถงึ ขอ้ มูลในการดแู ลสขุ ภาพทเ่ี หมาะสม ทกั ษะเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ ความสามารถในการแปลขอ้ มลู การอ่านและเขยี น การใชข้ อ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ และการ พดู และการฟังอยา่ งประสทิ ธภิ าพ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
15 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ แหล่งอ้างอิง คาจากดั ความของความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ Chin et al. (2011) เป็นประเดน็ หน่ึงท่ตี ่างออกมาในการตีความถึงผลลพั ธท์ างสุขภาพท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั ความรู้ด้านสุขภาพ และความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ ซง่ึ ทงั้ 2 คา มคี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั โดยความรู้ด้านสุขภาพเป็นสงิ่ จาเป็นท่สี นับสนุนให้เกดิ ความรอบรู้ด้าน สขุ ภาพ หากมคี วามรดู้ า้ นสขุ ภาพจะทาใหม้ คี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ Edwards, Wood, ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพเกดิ จากการไดร้ บั การถ่ายทอด และผมู้ สี ่วนร่วมสรา้ งใหเ้ กดิ Davies, & ความสามารถเหล่าน้ี กจ็ ะกลายเป็นผู้มคี วามรอบรู้ทางสุขภาพในการจดั การภาวะ Edwards (2012) เง่อื นไขทางสขุ ภาพของเขาดว้ ย ใหส้ ามารถเขา้ ถงึ และเกาะตดิ กบั ขอ้ มลู ข่าวสารและ บรกิ าร มกี ารปรกึ ษาหารอื กบั ผู้เชย่ี วชาญดา้ นสุขภาพและเจรจาต่อรองและเขา้ ถงึ การรกั ษาไดอ้ ย่างเหมาะสม และมกี ารเปลย่ี นแปลงในความสามารถเหล่าน้ีระหว่าง สมาชกิ ในกลุ่มสขุ ภาพ บางคนมคี วามรแู้ ละทกั ษะในการจดั การตนเองดี แต่บางคนมี การแสวงหาขอ้ มลู น้อย และมกี ารสอ่ื สารเพ่อื ปรกึ ษาหารอื กนั น้อย HLS-EU เป็นการรหู้ นงั สอื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ความรทู้ จ่ี าเป็น แรงจูงใจ และสมรรถนะในการเขา้ ถงึ Consortium เข้าใจ ประเมนิ และการประยุกต์ใช้ขอ้ มูลข่าวสารทางสุขภาพเพ่อื การตัดสนิ ใจใน (2012) ชวี ติ ประจาวนั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การดแู ลสขุ ภาพ การป้องกนั โรคและการสง่ เสรมิ สุขภาพ เพ่อื การคงอย่ใู นการดแู ลสขุ ภาพตนเองและมคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ตี ลอด กระทรวงสาธารณสขุ ความรอบรู้และความสามารถด้านสุขภาพของบุคคลในการทจ่ี ะกลนั่ กรอง ประเมนิ ประเทศไทย และตดั สนิ ใจ ท่จี ะปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม เลอื กใชบ้ รกิ ารและ ผลติ ภณั ฑส์ ุขภาพ ได้ (2560) อย่างเหมาะสม (ตามมตกิ ารประชุมผู้บรหิ ารระดบั สูงของกระทรวงสาธารณสุข เม่อื วนั ท่ี 8 กุมภาพนั ธ์ 2560) จากตารางจะเหน็ ไดว้ ่า ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ มคี วามหมายครอบคลุมถงึ การกระทา อยา่ งต่อเน่อื งตลอดชวี ติ ของบุคคลดว้ ยการใชท้ กั ษะและความสามารถทางปัญญาและทกั ษะการ ปฏสิ มั พนั ธ์ ในการเขา้ ถงึ ทาความเขา้ ใจและประเมนิ ขอ้ มลู ข่าวสารและบรกิ ารสุขภาพท่ไี ดร้ บั จากส่อื สุขภาพในรูปแบบต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมรอบด้าน ซ่งึ ทาให้บุคคลนัน้ เกดิ การจูงใจ ตนเองใหม้ กี ารตดั สนิ ใจเลอื กวถิ ที างในการดแู ลสุขภาพตนเอง พรอ้ มจดั การสุขภาพตนเองและ เงอ่ื นไขสภาพแวดลอ้ มเพอ่ื ป้องกนั โรคและคงรกั ษาสุขภาพทด่ี ขี องตนเอง ครอบครวั และชุมชน องคป์ ระกอบของความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ ตามท่ี กองสุขศกึ ษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (2556) และ Intarakamhang & Kwanchuen (2016) ได้ทาการสงั เคราะห์องค์ประกอบการวดั ความรอบรู้ ดา้ นสุขภาพและสรา้ งเครอ่ื งมอื ประเมนิ ความรอบรดู้ ้านสุขภาพของคนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป ใน การปฏบิ ตั ติ ามหลกั 3อ.2ส. (อาหาร ออกกาลงั กาย อารมณ์ สบู บุหรแ่ี ละด่มื สุรา) จากบทความ วิจยั ในฐาน Pubmed and Science Direct ท่ีตีพิมพ์เผยแพร่ฉบบั เต็มในช่วงปี ค.ศ. 1999 - 2013 จานวน 154 เรอ่ื ง และทาการอ่านพรอ้ มคดั เลอื กเฉพาะบทความวจิ ยั ทศ่ี กึ ษาและมกี ารวดั องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
16 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ในเชงิ พฤตกิ รรมเท่านนั้ จงึ เหลอื จานวนบทความวจิ ยั ฉบบั เตม็ 12 เรอ่ื ง ทส่ี งั เคราะหเ์ ชงิ เน้ือหา เพ่อื กาหนดองคป์ ระกอบการวดั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของคนไทย ดงั สรปุ ไวใ้ นตาราง 1-3 ตาราง 1-3 สรปุ องคป์ ระกอบและผลลพั ธท์ างสุขภาพตามแนวคดิ ของนกั วชิ าการตงั้ แต่ปี ค.ศ. 2000 องคป์ ระกอบ ผลลพั ธ์ แนวคดิ ของ Nutbeam (2000) ประกอบดว้ ย 3 ระดบั ดงั น้ี ประโยชน์ต่อบคุ คล ระดบั 1 Basic/Functional Literacy หรอื ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ไดแ้ ก่ 1) พฒั นา ความรู้ ป้องกนั ความ ระดบั พน้ื ฐาน ได้ แก่ สมรรถนะในการอา่ นและเขยี น เพอ่ื ใหส้ ามารถเขา้ ใจถงึ เสย่ี ง 2) มมี าตรฐาน เน้อื หาสาระดา้ นสขุ ภาพ จดั เป็นทกั ษะพน้ื ฐาน ดา้ นการอา่ นและเขยี นทจ่ี าเป็น ต่อการดแู ลตนเอง 3) สาหรบั บรบิ ทดา้ นสขุ ภาพ เชน่ การ อา่ นใบยนิ ยอม (Consent Form) ฉลากยา เพม่ิ ความสามารถใน (Medical Label) การเขยี นขอ้ มลู การดแู ลสขุ ภาพ ความทาความเขา้ ใจต่อ การปฏบิ ตั ติ น 4) รปู แบบการใหข้ อ้ มลู ทงั้ ขอ้ ความเขยี นและวาจาจากแพทย์ พยาบาล เภสชั กร สรา้ งแรงจงู ใจใหเ้ กดิ รวมทงั้ การปฏบิ ตั ติ วั ตามคาแนะนา เช่น การรบั ประทานยา กาหนดการนดั ความมนั่ ใจ 5) เพม่ิ หมาย เป็นตน้ ความทนทานต่อการ เผชญิ ปัญหา ระดบั 2 Communicative/Interactive Literacy หรอื ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ประโยชน์ต่อสงั คม ไดแ้ ก่ 1) เพมิ่ การมี ขนั้ การมปี ฏสิ มั พนั ธร์ ว่ มกนั ไดแ้ ก่ สมรรถนะในการใชค้ วามรแู้ ละการสอ่ื สาร สว่ นร่วมในการดแู ล เพอ่ื ใหส้ ามารถมสี ว่ นรว่ มในการดแู ลสขุ ภาพ เป็นการรเู้ ท่าทนั ทางปัญญา สขุ ภาพ 2) พฒั นา (Cognitive Literacy) และทกั ษะทางสงั คม (Social Skill) ทท่ี าใหส้ ามารถมี ปัจจยั เพ่อื ปรบั ปรุง สว่ นร่วมในการดแู ลสขุ ภาพของตนเอง เชน่ การรจู้ กั ซกั ถามผรู้ ู้ การถ่ายทอด บรรทดั ฐานทางสงั คม อารมณ์ ความรทู้ ต่ี นเองมใี หผ้ อู้ น่ื ไดเ้ ขา้ ใจ เพ่อื นามาสกู่ ารเพม่ิ พนู ความสามารถ และการสอ่ื สารทาง ทางสขุ ภาพมากขน้ึ สงั คม 3) เขา้ ถงึ ปัจจยั ทางสขุ ภาพทน่ี าไปสู่ ระดบั 3 Critical Literacy หรอื ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพขนั้ วจิ ารณญาณไดแ้ ก่ การพฒั นาสงั คมและ 4) เพมิ่ ขดี ความ สมรรถนะในการประเมนิ ขอ้ มลู สารสนเทศดา้ นสขุ ภาพทม่ี อี ยู่ เพอ่ื ใหส้ ามารถ สามารถของชมุ ชน ตดั สนิ ใจและเลอื กปฏบิ ตั ใิ นการสรา้ งเสรมิ และรกั ษาสขุ ภาพของตนเองใหค้ งดี อยา่ งต่อเน่อื ง แนวคดิ ของ Kickbusch (2001) ใหค้ วามสาคญั กบั การศกึ ษา เพราะทาให้ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ประชาชนสามารถอ่านออกเขยี น ทเ่ี ป็นทกั ษะพน้ื ฐานในการพฒั นาสขุ ภาพใน ในทศั นะน้ี ใหค้ วาม ระยะยาว ในการวดั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพอย่างมคี ุณภาพ น่าเชอ่ื ถอื ของสงั คม สาคญั กบั การศกึ ษาท่ี ตอ้ งสามารถวดั ไดจ้ รงิ สะทอ้ นผลลพั ธด์ า้ นการสง่ เสรมิ สขุ ภาพของประชาชน จะชว่ ยลดผลกระทบ แทจ้ รงิ และนาผลทไ่ี ดม้ าจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พ่อื เพมิ่ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ดา้ นสขุ ภาพของ ใหก้ บั ประชาชน จงึ ไดม้ กี ารเสนอระดบั การวดั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ซง่ึ ถูก ประชาชนทม่ี าจาก พฒั นามาจากองคป์ ระกอบความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของ Nutbeam และไดม้ กี าร อทิ ธพิ ลของขอ้ มลู ดา้ น ปรบั ใหม้ คี วามชดั เจนในการวดั มากขน้ึ โดยแบ่ง 3 องคป์ ระกอบคอื 1) การเขา้ ถงึ สขุ ภาพจากหลากหลาย ขอ้ มลู และความรดู้ า้ นสขุ ภาพ (Access to information and knowledge) 2) แหลง่ ขอ้ มลู และถอื ความสามารถในการใชภ้ าษาในการกรอกแบบแสดงความยนิ ยอมดว้ ยความสมคั ร เป็นกลยทุ ธท์ ส่ี าคญั ใน ใจ (Informed consent) 3) ทกั ษะการเจรจาต่อรอง (Negotiating skill) เพอ่ื จะได้ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ มที างเลอื กในการรกั ษาทห่ี ่างไกลจากความเสย่ี ง ป้องกนั โรคในระยะยาว องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
17 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ องคป์ ระกอบ ผลลพั ธ์ แนวคดิ ของ Lee, Arozullah, & Cho (2004) ประกอบดว้ ย 4 ดา้ นหลกั สถานภาพทางสขุ ภาพ ไดแ้ ก่ 1) ความรเู้ รอ่ื งโรคและการดแู ลตนเอง 2) พฤตกิ รรมเสย่ี งทางสขุ ภาพ 3) และการใชบ้ รกิ าร การดแู ลป้องกนั และการตรวจสขุ ภาพและ 4) การปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนาของแพทย์ สขุ ภาพ (Health เม่อื บุคคลมคี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพต่าจะสง่ ผล พฤตกิ รรมสขุ ภาพไม่ดี ไม่รจู้ กั status and health ดแู ลตนเองเพ่อื ป้องกนั โรค ไม่ไปตรวจรา่ งกาย และไม่ปฏบิ ตั ติ ามการรกั ษาของ service utilization) แพทยโ์ ดยปัจจยั เหล่าน้ที าใหล้ ่าชา้ ในแสวงหาการดแู ลตนเองทเ่ี หมาสม สขุ ภาพ ทรดุ โทรม และทาใหเ้ พมิ่ อตั ราการใชบ้ รกิ ารฉุกเฉนิ และรกั ษาในโรงพยาบาล แนวคดิ Zarcadoolas, Pleasant, and Greer (2005) ศกึ ษาเพ่อื ตรวจสอบ เป็นประโยชน์ในการ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการรหู้ นงั สอื ต่า สขุ ภาพไมด่ แี ละความตายทเ่ี กดิ ขน้ึ จาก วเิ คราะหร์ ปู แบบการ ขอ้ มลู ทางระบาดวทิ ยาในประเทศสหรฐั อเมรกิ า และเสนอองคป์ ระกอบของความ สอ่ื สารสขุ ภาพเพ่อื รอบรดู้ า้ นสขุ ภาพไว้ 4 ดา้ นคอื 1) ความรพู้ น้ื ฐาน เป็นระดบั ความสามารถในการ ช่วยใหป้ ระชาชนมี อ่านการพดู การเขยี นและการแปลความหมายของตวั เลข 2) ความรดู้ า้ น ความเขา้ ใจดา้ น วทิ ยาศาสตร์ เป็นระดบั ความสามารถดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมถงึ สขุ ภาพมากขน้ึ และมี การรบั รขู้ องกระบวนการของวทิ ยาศาสตรบ์ างสว่ น ประกอบดว้ ย 2.1) ความรู้ ความเหมาะสมทจ่ี ะ เกย่ี วกบั แนวคดิ ทาง วทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน 2.2) ความสามารถในการเขา้ ใจความ นาไปสมู่ าตรการ ซบั ซอ้ นทางเทคนิค 2.3) ความเขา้ ใจในเทคโนโลยี และ 2.4) ความเขา้ ใจของ พฒั นาและประเมนิ ความไม่แน่นอนทางวทิ ยาศาสตรท์ เ่ี ปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ 3) อา่ นออกเขยี น ความรอบรดู้ า้ น ไดข้ องประชาชน เป็นความสามารถทช่ี ว่ ยใหป้ ระชาชนตระหนกั ถงึ ปัญหาตนเอง สขุ ภาพในแต่ละ และการมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจดา้ นสขุ ภาพ ประกอบดว้ ย 3.1) ทกั ษะการรเู้ ท่า บคุ คลได้ ทนั สอ่ื 3.2) ความรใู้ นกระบวนการประชาสงั คมและภาครฐั และ 3.3) การรบั รวู้ า่ การตดั สนิ ใจสขุ ภาพของแต่ละบคุ คลสามารถสง่ ผลกระทบต่อสขุ ภาพของ ประชาชน 4) ความรทู้ างวฒั นธรรม เป็นความสามารถในการรบั รแู้ ละใชค้ วาม เชอ่ื ทางสงั คมเพ่อื การตคี วามและดาเนินการกบั ขอ้ มลู สขุ ภาพ รวมถงึ การรบั รแู้ ละ ทกั ษะในสว่ นผสู้ อ่ื สารของกรอบขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพเพอ่ื รองรบั ความเขา้ ใจทาง วฒั นธรรมทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพของวทิ ยาศาสตร์ ขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพและการกระทา ของแต่ละบคุ คล แนวคดิ ของ Rootman & Ronson (2005); Rootman (2009) ประกอบดว้ ย สภาวะทางสขุ ภาพ 2 ดา้ นหลกั ไดแ้ ก่ 1) การรหู้ นงั สอื ดา้ นทวั่ ไป (General literacy) เช่น สมรรถนะ และคุณภาพชวี ติ ในการอ่านออก คานวณ การพดู การฟัง การทาความเขา้ ใจ การต่อรอง การ วพิ ากษ์ และการตดั สนิ ใจ 2) การรหู้ นงั สอื ดา้ นอน่ื ๆ เช่น วทิ ยาศาสตร์ วฒั นธรรม คอมพวิ เตอร์ และสอ่ื ต่างๆ เป็นตน้ แนวคดิ น้ีเช่อื มโยงความสมั พนั ธ์ ระหว่าง ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ (Health literacy) กบั การรหู้ นงั สอื (Literacy) ในดา้ นอ่นื ๆ ไดแ้ ก่ การรหู้ นงั สอื ดา้ นทวั่ ไป เชน่ สมรรถนะในการอา่ นออก คานวณ การพดู การฟัง การทาความเขา้ ใจ การต่อรอง การวพิ ากษ์ และการ ตดั สนิ ใจ และ การรหู้ นงั สอื ดา้ นอน่ื ๆ เชน่ วทิ ยาศาสตร์ วฒั นธรรม คอมพวิ เตอร์ และสอ่ื ต่างๆ เป็นตน้ โดยการรหู้ นงั สอื ทต่ี ่าหรอื สงู ในทุกดา้ นจะสง่ ผลต่อสถานะ สขุ ภาพและคณุ ภาพชวี ติ ทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม ผลทางตรง ไดแ้ ก่ การใชย้ าท่ี ถูกตอ้ งตามคาสงั่ ของแพทย์ ความสม่าเสมอของการกนิ ยา การปฏบิ ตั ติ วั ใหเ้ กดิ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
18 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ องคป์ ระกอบ ผลลพั ธ์ ความปลอดภยั สว่ นผลทางออ้ มอนั เกดิ จากความสามารถในการรหู้ นงั สอื อาจจะ ก่อใหเ้ กดิ 1) การใช้ ไม่เหน็ ผลตรงๆ แต่กลบั มผี ลกระทบต่อสขุ ภาพตามมาอยา่ งมาก ไดแ้ ก่ บรกิ ารสขุ ภาพ ราคา ความเครยี ด สง่ิ แวดลอ้ มในการทางาน รายได้ การรจู้ กั เลอื กรบั บรกิ าร และวถิ ี บรกิ ารสขุ ภาพ 2) การดารงชวี ติ ในแนวทางในการเพมิ่ หรอื พฒั นาใหเ้ กดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพคอื พฤตกิ รรมสขุ ภาพ 1) การสอ่ื สารสขุ ภาพ (Health communication) การสอ่ื สารผ่านชอ่ งทางต่างๆ ผลลพั ธท์ างสขุ ภาพ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 2) การพฒั นาศกั ยภาพ (Capacity 3) การมสี ว่ นรว่ มทาง development) ดว้ ยการจดั โปรแกรมใหก้ ารศกึ ษาและอบรม (Education and สขุ ภาพ การ training) 3) การพฒั นาชมุ ชน (Community development) โดยเพม่ิ พลงั อานาจ เสรมิ สรา้ งพลงั ทาง แกช่ มุ ชนโดยใหช้ มุ ชนสามารถดแู ลตนเองในการดาเนินชวี ติ ตามบรบิ ทของแต่ละ สขุ ภาพและ 4) ความ ชุมชน 4) การพฒั นาองคก์ ร (Organizational development) โดยการพฒั นา เท่าเทยี มทางสขุ ภาพ สถานทต่ี ่างๆ (Settings) เช่น ทอ่ี ย่อู าศยั สถานศกึ ษา ทท่ี างาน เพ่อื ให้ และความยงั่ ยนื สงิ่ แวดลอ้ มดขี น้ึ 5) การพฒั นานโยบาย (Policy development) โดยการนา นโยบาย กฎหมาย กฎ ขอ้ บงั คบั ใหเ้ กดิ การบงั คบั ใช้ และ 6) การผสมผสาน (Combined approach) เป็นการนาวธิ กี ารต่างๆ ทก่ี ลา่ วมา เพอ่ื ปรบั ใชด้ ว้ ยกนั และแนวทางต่างๆ จะนาไปสกู่ ารเกดิ สงั คมแหง่ การเรยี นรดู้ า้ นสขุ ภาพ แนวคดิ ของ Paasche-Orlow & Wolf (2007) “Integrated Model of Health Literacy” ประกอบดว้ ย 3 ดา้ นหลกั ไดแ้ ก่ 1) เขา้ ถงึ และการใชป้ ระโยชน์ จากระบบการดแู ลสขุ ภาพ (Access and utilization of health care) 2) ปฏสิ มั พนั ธข์ องผใู้ หแ้ ละผรู้ บั บรกิ ารสขุ ภาพ (Provider-patient interaction) และ 3) การดแู ลตนเอง (Self-care) ซง่ึ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพจะถกู กาหนดโดย ปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เชน่ การศกึ ษา เชอ้ื ชาติ เพศ อายุ อาชพี รายได้ วฒั นธรรม ภาษา การสนบั สนุนทางสงั คม และปัจจยั ทางกายภาพ เช่น ความสามารถในการ มองเหน็ และการไดย้ นิ โดยปัจจยั ทงั้ สามไดแ้ ก่ เขา้ ถงึ และการใชป้ ระโยชนจ์ าก ระบบดแู ลสขุ ภาพ การมปี ฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผใู้ หแ้ ละผรู้ บั บรกิ ารสขุ ภาพ และการ ดแู ลตนเอง มอี ทิ ธพิ ลทม่ี คี วามสาคญั ต่อการทบ่ี คุ คลจะเขา้ ใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ ใชว้ ธิ ี พดู คยุ โตต้ อบกบั ผใู้ หบ้ รกิ ารสขุ ภาพ จนนาไปสกู่ ารจดั การสขุ ภาพดว้ ยตนเอง แนวคดิ Manganello (2008) ศกึ ษาความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพในกลมุ่ วยั รนุ่ เน้นขอ้ มลู ดา้ น ซง่ึ กลุม่ น้มี กั ใชบ้ รกิ ารหรอื เขา้ สรู่ ะบบบรกิ ารสขุ ภาพน้อย จงึ ตอ้ งมกี ารทางานเชงิ สขุ ภาพผา่ นทาง รกุ ในการสง่ เสรมิ ใหว้ ยั ร่นุ หน็ ความสาคญั เพอ่ื จะชว่ ยลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการเขา้ สู่ สอ่ื ทคโนโลยแี ละ ระบบบรกิ ารสขุ ภาพเมอ่ื เขา้ สวู่ ยั ผใู้ หญ่และสงู อายุ วยั รนุ่ ในปัจจุบนั มกี ารใชส้ อ่ื ออนไลน์ ใหค้ วาม เทคโนโลยมี าก ดงั นนั้ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถงึ และไดข้ อ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสม สาคญั ทม่ี งุ่ เน้นพฒั นา จงึ ไดก้ าหนดไว้ 4 องคป์ ระกอบคอื 1) ระดบั พน้ื ฐาน (Functional) เป็นความ ทกั ษะการเรยี นรดู้ า้ น สามารถในการอา่ นและเขยี น 2) ระดบั ปฏสิ มั พนั ธ์ (Interactive) เป็นความ สขุ ภาพในโรงเรยี น สามารถในการอา่ นและเขยี นไดแ้ ละมที กั ษะการสอ่ื สารขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพและมี และเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพ สว่ นร่วมทากจิ กรรมดา้ นสขุ ภาพ 3) ระดบั วจิ ารณญาน (Critical) เป็นความ ในการตดั สนิ ใจในการ สามารถในการประเมนิ ขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพ และ 4) ระดบั การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื (Media ดแู ลสขุ ภาพตนเอง literacy) เป็นความสามารถในการวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ขอ้ มลู จากสอ่ื สารมวลชน ตงั้ แต่กอ่ นสวู่ ยั ผใู้ หญ่ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
19 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ องคป์ ระกอบ ผลลพั ธ์ แนวคดิ ของ Nutbeam (2008) โมเดลความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ มกี ารควบคุมสขุ ภาพ ประกอบดว้ ย 6 ดา้ นไดแ้ ก่ 1) การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู (Access) 2) ความรคู้ วามเขา้ ใจ และปรบั เปลย่ี นปัจจยั (Cognitive) 3) ทกั ษะการสอ่ื สาร (Communication skill) 4) การจดั การตนเอง เสย่ี งต่อสขุ ภาพ (Self-management) 5) การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื (Media literacy) และ 6) ทกั ษะการ ตดั สนิ ใจ (Decision skill) แนวคดิ น้ีพฒั นามาจากการดแู ลรกั ษาทางคลนิ ิก (Clinical care) และการพฒั นาสขุ ภาพของประชาชน (Public health) ซง่ึ สะทอ้ น ใหเ้ หน็ ถงึ \"ความเสย่ี งต่อการเกดิ โรค\" ในกรณีบคุ คลมคี วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพต่า จะสง่ ผลต่อการปฏบิ ตั ติ วั และการจดั การทางสขุ ภาพ โดยแนวความคดิ น้ีมรี ากฐาน มาจากการรหู้ นงั สอื (Literacy) ทเ่ี กย่ี วกบั การเรยี นรขู้ องผใู้ หญแ่ ละสง่ เสรมิ สขุ ภาพ จะใหค้ วามสาคญั ต่อการพฒั นาทกั ษะและศกั ยภาพทส่ี ง่ ผลใหบ้ ุคคลมกี าร ควบคุมสขุ ภาพ และปรบั เปลย่ี นปัจจยั ทส่ี ง่ ผลใหป้ ระชาชนมสี ขุ ภาพดขี น้ึ แนวคดิ ของ Wagner et al. (2009) ไดอ้ ธบิ ายความสามารถในใชค้ วามรู้ ทาใหม้ ี 1) การเขา้ ถงึ ทกั ษะและ การคานวณ เม่อื บุคคลจะตอ้ งแกป้ ัญหา (Ability to rely on literacy และใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ and numeracy skills when they are required to solve problems) กรอบ 2) การปฏสิ มั พนั ธ์ แนวคดิ น้ี พฒั นาจากรปู แบบของการรคู้ ดิ ทางปัญญาและสงั คม (Social ระหว่างผรู้ บั บรกิ าร cognition models) เพ่อื อธบิ ายถงึ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของทกั ษะพน้ื ฐาน เช่น และผใู้ หบ้ รกิ าร 3) การอ่าน การคานวณ ทใ่ี ชส้ าหรบั แปลความหมายทาความเขา้ ใจกบั ขอ้ ความ การจดั การสขุ ภาพ ต่างๆ ซง่ึ มคี วามจาเป็นระดบั ของความรคู้ ดิ ในขนั้ ทส่ี งู ขน้ึ และความเจบ็ ป่วย แนวคดิ ของ Chin et al. (2011) “Process-Knowledge Model of health ทาใหม้ กี ารดแู ลตนเอง literacy” ประกอบดว้ ย 3 ดา้ นหลกั ไดแ้ ก่ 1) กระบวนพฒั นาศกั ยภาพ (Self-care) ในระดบั (Processing capacity) คอื ปัจจยั ทส่ี ง่ เสรมิ ความสามารถ เช่น ความจา 2) บคุ คลและสงั คม ความรทู้ วั่ ไป (General knowledge) คอื ความสามารถในการวเิ คราะหแ์ ละ สงั เคราะห์ และ 3) ความรเู้ ฉพาะเรอ่ื ง (Specific health knowledge) เป็นกรอบ แนวคดิ ทอ่ี ธบิ ายถงึ กระบวนการของความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของบคุ คลวยั ผใู้ หญ่ แนวคดิ ของ Edwards, Wood, Davies & Edwards. (2012) “The Health กอ่ ใหเ้ กดิ การตดั สนิ ใจ Literacy Pathway Model” ประกอบดว้ ย 1) ความรทู้ างสขุ ภาพ (Health ทางสขุ ภาพ knowledge) 2) ประสทิ ธภิ าพในการสบื หาและใชข้ อ้ มลู สารสนเทศ (Active (Decision making) information seeking and use) 3) ประสทิ ธภิ าพในการสอ่ื สารกบั ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ น เพอ่ื การจดั การ สขุ ภาพ (Actively communicating with health professionals) 4) ทกั ษะการ สขุ ภาพตนเอง (Self- จดั การตนเอง (Self- management skills 5)การแสวงหาและการเจรจาต่อรอง management) เลอื กในการรกั ษา (Seeking and negotiating treatment options) 6) การ ตดั สนิ ใจ (Decision making) มอี ทิ ธพิ ลต่อความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ (Influences on health literacy) และ 7) ผลลพั ธข์ องความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ (Health literacy outcomes) โดยมขี นั้ ตอนทน่ี าไปสกู่ ารตดั สนิ ใจสขุ ภาพ 5 ขนั้ คอื ขนั้ ท่ี 1 สรา้ งความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกบั สขุ ภาพทวั่ ไปทบ่ี ุคคลมคี วามกงั วลใน เร่อื งสขุ ภาพของตวั เอง โดยความรพู้ น้ื ฐานน้จี ะเกดิ ขน้ึ โดยผ่านการอา่ น การมี องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
20 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ องคป์ ระกอบ ผลลพั ธ์ ปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นสขุ ภาพหรอื ผใู้ หค้ วามรดู้ า้ นสขุ ภาพ การปรกึ ษา หารอื เรอ่ื งสขุ ภาพกบั เพอ่ื นและครอบครวั การรบั สอ่ื สขุ ภาพ ขนั้ ที่ 2 การพฒั นาทกั ษะ การปฏบิ ตั ิ ดา้ นการความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ซง่ึ แสดงออกถงึ ความสามารถในการฟัง พดู การคานวณ การแกป้ ัญหาและการ ตดั สนิ ใจดว้ ยการแสวงหาและการใชข้ อ้ มลู (เชน่ การใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการ แสวงหา ขอ้ มลู และการวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของขอ้ มลู ) และทกั ษะการจดั การ ตนเอง เชน่ การฉดี ยาดว้ ยตนเอง การวดั ระดบั น้าตาล ซง่ึ ความรทู้ างสขุ ภาพจะ พฒั นาความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพใหเ้ พมิ่ ขน้ึ ขนั้ ที่ 3 การแสดงถงึ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพเป็นทกั ษะเกย่ี วกบั การสอ่ื สาร กบั ผเู้ ชย่ี วชาญทางสขุ ภาพและบรกิ าร เมอ่ื ตอ้ งการสอบถามเกย่ี วกบั การรกั ษา การบรกิ าร รวมไปถงึ การเจรจาต่อรอง เกย่ี วกบั การรกั ษา การขอคาปรกึ ษาเพ่อื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขนั้ ท่ี 4 ผใู้ หบ้ รกิ ารหรอื ผเู้ ชย่ี วชาญทางสขุ ภาพผลติ ขอ้ มลู ทางสขุ ภาพเพ่อื เพม่ิ ศกั ยภาพของทางเลอื กในการรกั ษา หรอื บางคนสามารถผลติ ขอ้ มลู ทาง สขุ ภาพของตวั เอง หลงั จากการพดู คุยกบั เพอ่ื นและครอบครวั รวมไปถงึ การ คน้ หาความรทู้ างสขุ ภาพดว้ ยตนเอง ทไ่ี ดจ้ ากทกั ษะขนั้ ตอนท่ี 3 ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการผลติ สอ่ื สขุ ภาพเพ่อื เป็นทางเลอื กและนาไปเป็นขอ้ มลู ประกอบการตดั สนิ ใจดว้ ยตนเองต่อไป ขนั้ ที่ 5 การใชข้ อ้ มลู เพ่อื ตดั สนิ ใจทางสขุ ภาพในขนั้ ตอนน้สี รา้ งใหเ้ กดิ ความ เขม้ ขน้ ในการตดั สนิ ใจทางสขุ ภาพ เพอ่ื ทาใหเ้ กดิ การจดั การตนเองทางสขุ ภาพ โดยบุคคลทม่ี พี ฤตกิ รรมในขนั้ น้จี ะมพี ฤตกิ รรมจากขนั้ ท่ี 1 ผ่านขนั้ ต่างๆมาถงึ ขนั้ ท่ี 5 อย่างไรกต็ ามการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมในแต่ละขนั้ ตอนอาจมกี ารสลบั ขนั้ ตอนกนั ได้ แนวคดิ ของ Sørensen et al. (2012) “Integrated model of health มกี ารปรบั ปรุงเพม่ิ ขดี literacy” ประกอบดว้ ย 4 ดา้ นไดแ้ ก่ 1) การเขา้ ถงึ (Access) เป็นความสามารถท่ี ความสามารถของ จะแสวงหาคน้ หาและไดร้ บั ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สขุ ภาพ 2) การเขา้ ใจ (Understand) บคุ คลในการดแู ล เป็นความสามารถทจ่ี ะแสวงหาคน้ หาและไดร้ บั ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สขุ ภาพ 3) การ สขุ ภาพ การป้องกนั ประเมนิ (Appraise) เป็นความสามารถในการอธบิ าย การตคี วาม การกลนั่ กรอง โรคและการสง่ เสรมิ และประเมนิ ขอ้ มลู สขุ ภาพทไ่ี ดร้ บั จากการเขา้ ถงึ และ 4) การประยกุ ตใ์ ช้ (Apply) สขุ ภาพ เป็นความสามารถในการสอ่ื สารและใชข้ อ้ มลู ในการตดั สนิ ใจในการรกั ษาและ ปรบั ปรุงสขุ ภาพตนเอง แนวคดิ Osborne et al. (2013) พฒั นาเครอ่ื งมอื วดั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ใชใ้ นการสารวจความ ทวั่ ไปสาหรบั ประชาชนทกุ กลุ่มมี 9 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) รสู้ กึ เขา้ ใจและการ รอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของ สนบั สนุนจากผใู้ หบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพ (Feeling understood and supported by ประชาชน ประเมนิ ผล healthcare providers) 2) ขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพเพยี งพอในการจดั การสขุ ภาพ การจดั กจิ กรรมการ ตนเอง (Having sufficient information to manage my health) 3) ความ เรยี นรู้ และศกึ ษา กระตอื รอื รน้ ในการจดั การสขุ ภาพของตนเอง (Actively managing my health) 4) ความตอ้ งการการ แรงสนบั สนุนทางดา้ นสขุ ภาพ (Social support for health) 5) ประเมนิ ขอ้ มลู ดา้ น พฒั นาความรอบรู้ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
21 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ องคป์ ระกอบ ผลลพั ธ์ สขุ ภาพได้ (Appraisal of health information) 6) ความสามารถในการเขา้ มามี ดา้ นสขุ ภาพของ สว่ นรว่ มกบั ผเู้ ชย่ี วชาญ (Ability to actively engage with healthcare providers) ประชาชนเป็น 7) การแสวงหาขอ้ มลู ระบบบรกิ ารสขุ ภาพ (Navigating the healthcare system) รายบุคคล 8) ความสามารถในการหาขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพ (Ability to find good information) 9) เขา้ ใจความรดู้ า้ นสขุ ภาพเพยี งพอในดา้ นการอ่านและการเขยี นขอ้ มลู ดา้ น ภายในปี พ.ศ. 2564 สขุ ภาพ (Understanding health information well enough to know what to do) คนไทยมคี วามรอบรู้ ดา้ นสขุ ภาพเพม่ิ ขน้ึ แนวคดิ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ นาเสนอโดย วชริ ะ เพง็ จนั ทร์ รอ้ ยละ 25 (2560) ไดก้ าหนดกรอบแนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพตามรปู แบบ V shape model ไว้ 6 ดา้ นคอื การเขา้ ถงึ ความเขา้ ใจ การโตต้ อบซกั ถามแลกเปลย่ี น การ ตดั สนิ ใจ การเปลย่ี นพฤตกิ รรมและการบอกต่อ จากตาราง จะเหน็ ไดว้ ่า ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพเป็นกลุ่มของทกั ษะและความสามารถ ของบุคคลท่มี กี ารจาแนกเป็นองค์ประกอบได้ตงั้ แต่ 3 ถงึ 9 องค์ประกอบแล้วแต่เน้ือหาและ บรบิ ทของงานวิจยั ดงั กล่าว แต่ทงั้ น้ีสามารถกาหนดเป็นระดบั ได้เพ่อื สะดวกในการวัดและ ประเมนิ ระดบั และเพ่อื จาแนกประเภทของบุคคลและสงั คมท่เี ก่ียวข้องกับความรอบรู้ด้าน สุขภาพได้ ทงั้ น้ีงานวจิ ยั ส่วนใหญ่จะแบ่งระดบั ตามนิยามของ WHO ทว่ี ่าเป็นทกั ษะทางปัญญา และสังคมท่ีประกอบด้วย ความรู้ ความสามารถในการรู้หนังสือหรืออ่านออกเขียนได้ ความสามารถในการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู และบรกิ าร ในการเขา้ ใจ วเิ คราะห์ ประเมนิ และตดั สนิ ใจเลอื ก กระทาพฤตกิ รรม ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ขนั้ การเรยี นรตู้ ามหลกั Bloom’s Taxonomy (Bloom, 1956) ทป่ี ระกอบดว้ ย ทกั ษะทางปัญญา (Cognitive skills) ในระดบั ของ ความรคู้ วามจา ความ เขา้ ใจ การนาความรไู้ ปใช้ การวเิ คราะหส์ งั เคราะหแ์ ละประเมนิ ส่วนทกั ษะทางสงั คม (Social skills) คอื บุคคลมกี ารปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผู้อ่นื ในสงั คมประกอบด้วย การได้รบั การสนับสนุนทาง สงั คมจากเพอ่ื น ครอบครวั ชุมชนและผใู้ หบ้ รกิ ารสุขภาพ การส่อื สารกบั ผเู้ ชย่ี วชาญทางสุขภาพ และการมที กั ษะการเจรจาต่อรองกบั บุคลากรทางการแพทย์ เป็นตน้ แนวคิดการวิเคราะหเ์ ชิงเหตแุ ละผลของความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ การวเิ คราะหส์ าเหตุของพฤตกิ รรมสุขภาพ (Health behavior) และผลลพั ธท์ างสุขภาพ (Health outcomes) ได้แก่ การเจบ็ ป่ วย และคุณภาพชวี ติ โดยส่งผ่านความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (Health literacy) ในครงั้ น้ี ผเู้ ขยี นนาเสนอ 7 โมเดลทม่ี บี รบิ ทและมมุ องแตกต่างกนั ดงั น้ี 1. โมเดลเชิงเหตผุ ลเพ่ือการวิเคราะหก์ ารศึกษาความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ (A Logic model for analyzing studies of health literacy) ขององค์กรเพ่ือคุณภาพและการวิจัย การดแู ลสุขภาพ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (Berkman et al., 2011) องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
22 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ เป็นแนวคิดท่ีได้มาจากการสงั เคราะห์และบูรณาการหลายทฤษฎีขององค์กรเพ่ือ คุณภาพและการวจิ ยั การดูแลสุขภาพ (Berkman et al., 2011) ซง่ึ เป็นโมเดลเส้นทางอิทธพิ ล เชงิ สาเหตุ (Causal pathway model) ท่มี ตี ่อผลลพั ธ์ทางสุขภาพ เช่น การเกดิ โรคและความ รุนแรงของโรค คุณภาพชีวิต มีสาเหตุมาจาก การใช้บรกิ ารสุขภาพ (Use of health care services) ความยดึ มนั่ ในพฤติกรรม (Adherence behavior) เจตนาในการกระทาพฤติกรรม สุขภาพ (Intent for health behavior) รวมไปถึง ทักษะการกากับตนเอง (Self-monitering) เจตคติ (Attitudes) บรรทดั ฐานทางสงั คม (Social norms) การรบั รูค้ วามสามารถของตนเอง (Self-efficacy) ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (Health literacy level) โมเดลน้ี Berkman et al. (2011) ได้พฒั นามาจากการวจิ ยั เชงิ สงั เคราะหอ์ ย่างมรี ะบบ (Systematic Review) ในหวั ขอ้ เรอ่ื ง Health literacy interventions and outcomes: an updated systematic review โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื ทบทวนงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การใชบ้ รกิ ารสุขภาพ และผลลพั ธท์ างสุขภาพในกลุ่มทม่ี รี ะดบั ความรอบรูด้ า้ นสุขภาพความแตกต่างและการออกแบบ โปรแกรมหรือกิจกรรมเพ่ือการพฒั นาสาหรบั ผู้ท่ีมีความรอบรู้ด้านสุขภาพต่า และอธิบาย ประสทิ ธผิ ลของโปรแกรมทต่ี ่างกนั ตามกลุ่มเป้าหมายท่มี ชี วี สงั คมต่างกนั โดยการศกึ ษาจาก รายงานการวิจยั ท่ใี ช้ keywords ว่า Health Literature ท่เี ผยแพร่ในช่วงปี ค.ศ. 2003 ถึง 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในฐาน MEDLINE โดยการพจิ ารณาเกณฑ์คุณภาพของงานวจิ ยั และ ความเขม้ แขง็ ของหลกั ฐานขอ้ มลู ตามนิยามของความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ ผลการคดั เลอื กคุณภาพ งานวจิ ยั ทน่ี ามาศกึ ษาจากระดบั น้อยถงึ ระดบั ดมี าก และเป็นการศกึ ษาถงึ ผลลพั ธท์ างสุขภาพ 81 เร่อื ง จากรายงานวจิ ยั ทงั้ หมดท่ศี กึ ษาการวดั และสารวจระดบั ของความรอบรดู้ ้านสุขภาพ 86 เร่อื ง พบว่า กลุ่มเป้าหมายมรี ะดบั ความรอบรดู้ ้านสุขภาพอย่ใู นระดบั ต่าในเร่อื ง การใชบ้ รกิ าร การแพทย์ฉุกเฉิน การใช้บรกิ ารตรวจเต้านมแบบ mammography การรบั บรกิ ารฉีดวคั ซีน ไขห้ วดั ใหญ่ การอ่านฉลากยา การอ่านคาสงั่ แพทย์ อ่านข่าวสารทางด้านสุขภาพ ทกั ษะการ ส่อื สาร การสอบถามเก่ยี วกบั ขอ้ มูลด้านสุขภาพ สภาวะทางสุขภาพต่า และอตั ราการตายสูง เป็นต้น และในจานวนรายงานการวจิ ยั อกี 42 เร่อื ง เป็นการศกึ ษาโปรแกรมการพฒั นาความ รอบรู้ด้านสุขภาพ โดยท่ี 27 เร่ือง เป็นงานวิจัยเชิงทดลองท่ีใช้การสุ่มและมกี ลุ่มควบคุม (Randomized controlled trials -RCTs) มี 2 เรอ่ื ง เป็นการวจิ ยั เชงิ ทดลองทใ่ี ชก้ ารสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster RCTs) และ 13 เรอ่ื ง เป็นงานวจิ ยั กง่ึ ทดลอง และผลจากการสงั เคราะหง์ านวจิ ยั น้ีทาให้ ทราบว่า ในงานวจิ ยั เพ่อื จดั กิจกรรมสาหรบั ผู้ท่มี คี วามรอบรู้ด้านสุขภาพต่า และเพ่อื ทดสอบ ประสิทธผิ ลของการจดั กิจกรรมและพฒั นาผลลพั ธ์ทางสุขภาพในผู้ป่ วยท่มี คี วามรอบรู้ด้าน สขุ ภาพต่า การจดั กจิ กรรมสว่ นใหญ่จดั ขน้ึ เพยี งรอบเดยี ว และมงุ่ เตรยี มพรอ้ มขอ้ มลู ดา้ นสุขภาพ ให้กบั ผู้ป่ วยท่มี คี วามรอบรู้ด้านสุขภาพต่า ซ่งึ งานวจิ ยั บางเร่อื งเป็นการเปรยี บเทยี บระหว่าง เอกสารความรทู้ ม่ี อี ย่เู ดมิ ตามมาตรฐานกบั เอกสารความรทู้ ถ่ี ูกเขยี นขน้ึ ใหม่ดว้ ยเน้ือหาทง่ี า่ ยต่อ การอ่าน หรอื เปรยี บเทยี บระหว่างเอกสารมาตรฐานกบั แผนภูมิ แผ่นพบั หนังสอื เล่มเลก็ เทป องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
23 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ วดิ โี อ หรอื แผ่นซดี ี ทถ่ี ูกออกแบบพเิ ศษ เพ่อื ผูท้ ม่ี คี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพต่า มงี านวจิ ยั จานวน น้อยทม่ี กี ารจดั กจิ กรรมทห่ี ลากหลายวธิ ี สว่ นใหญ่เป็นการประเมนิ ถงึ ผลลพั ธข์ องพฤตกิ รรมโดย วดั ความรู้ และมงี านวจิ ยั จานวนน้อยทจ่ี ดั กจิ กรรมเพ่อื พฒั นาความรอบรดู้ ้านสุขภาพเป็นราย องค์ประกอบหรอื รายกลุ่มย่อย และงานวจิ ยั หลายเร่อื งยงั มขี อ้ บกพร่องทางวธิ กี ารจงึ ทาให้มี ขอ้ จากดั ทย่ี งั หาขอ้ สรุปไมไ่ ดว้ ่า โปรแกรมหรอื กจิ กรรมใดบา้ งทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพต่อการพฒั นาผทู้ ่ี มคี วามรอบรู้ด้านสุขภาพต่า และจากผลการวจิ ยั น้ีได้ใหข้ อ้ เสนอแนะว่า 1) ควรศกึ ษาเพม่ิ เตมิ และต่อเน่ืองในการจดั กจิ กรรมเพ่อื พฒั นาความรดู้ า้ นสุขภาพ 2) ควรพฒั นาเทคนิคใหม่ๆ เพ่อื วดั ประสทิ ธผิ ลของการจดั กจิ กรรมสาหรบั กลุ่มทม่ี คี วามรดู้ า้ นสุขภาพทต่ี ่างกนั และ 3) ควรมกี าร ตรวจสอบไปถงึ ผลลพั ธจ์ ากการจดั กจิ กรรมพฒั นาความรอบรดู้ า้ นสุขภาพให้มากขน้ึ จากผลสงั เคราะห์งานวจิ ยั ท่เี ป็นการดาเนินการเพ่อื เพม่ิ ความเข้าใจและการใชบ้ รกิ าร สุขภาพอย่างเท่าทนั ใช้การจดั การตนเองเพ่อื ปรบั พฤตกิ รรมสุขภาพ การจดั การและควบคุม ความชุกของโรค และผลของโปรแกรมทม่ี ตี ่อผลลพั ธ์ทางสุขภาพทค่ี รอบคลุม ความรู้ การรบั รู้ ความสามารถของตนเอง การยึดมนั่ ในพฤติกรรม และคุณภาพชีวิต ของ Berkman et al. (2011) จงึ ไดข้ อ้ สรปุ ทน่ี าเสนอในรปู ของโมเดลเชงิ เหตุผลเพ่อื การวเิ คราะห์การศกึ ษาความรอบ รดู้ า้ นสขุ ภาพ (A Logic model for analyzing studies of health literacy ดงั ภาพประกอบ 1-1 ทกั ษะ: การใช้บริการดแู ลสุขภาพ: - การใชย้ า - การใชบ้ รกิ ารหอ้ งฉุกเฉนิ - การตดิ ตามตนเอง - การใชบ้ รกิ ารในสถานทท่ี างาน - การรบั รถู้ งึ ภาวะฉุกเฉนิ - โรงพยาบาล - การคน้ หาขอ้ มลู สขุ ภาพเพม่ิ เตมิ - การป้องกนั - การเขา้ ถงึ การดแู ลสุขภาพ การสนบั สนุนจากผใู้ หบ้ รกิ าร การรว่ มตดั สนิ ใจ ความ ความรทู้ ่ี ทศั นคติ เจตนาใน พฤตกิ รรม การคงอย่ใู น รอบรู้ ถกู ตอ้ ง การกระทา สุขภาพ พฤตกิ รรม ดา้ น และการ บรรทดั ฐาน พฤตกิ รรม เรมิ่ ตน้ สขุ ภาพ สุขภาพ รบั รู้ ของสงั คม สุขภาพ ความเสย่ี ง การรบั รู้ ความสามารถ ผลลพั ธท์ างสขุ ภาพ: ของตนเอง ทรพั ยากร: ความสามารถในการ โรค, ความรนุ แรงของโรค ใชจ้ ่าย การเขา้ ถงึ การดแู ลสุขภาพ คุณภาพชวี ติ , ความตาย ภาพประกอบ 1-1 โมเดลเชงิ เหตุผลเพอ่ื การวเิ คราะหก์ ารศกึ ษาความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (A Logic model for analyzing studies of health literacy) (Berkman et al., 2011: ES3) โมเดลเชงิ เหตุผลน้ี ถูกนามาใชใ้ นการกาหนดการศกึ ษาท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั ผลลพั ธส์ ุขภาพ และความสมั พนั ธ์ของตวั แปรต่างๆ สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในการทดสอบโมเดลอย่างชดั เจน องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
24 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ในดา้ นอทิ ธพิ ลของระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพในแต่ละกลุม่ ประชากร นอกจากน้ี โมเดลยงั ให้ ความสาคญั กบั “ผลลพั ธท์ ด่ี ”ี เชน่ มคี วามเสมอตน้ เสมอปลายในการพฒั นา มกี ารตรวจคดั กรอง ได้มากทส่ี ุด มกี ารลดลงของการเขา้ รกั ษาตวั ในโรงพยาบาลและการตายก่อนวยั เป็นต้น ส่วน คาว่า “ผลลพั ธส์ ขุ ภาพ” นนั้ ครอบคลุมทงั้ ผลลพั ธต์ อนตน้ ตอนกลางและตอนปลาย ไดแ้ ก่ ความร้:ู ให้พจิ ารณาความรู้ว่า เป็นผลลพั ธ์ตอนต้นท่เี ก่ยี วเน่ืองกบั ระดบั คะแนนเชงิ ตวั เลข การคานวณค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ ประมาณค่าบรกิ ารดูแลสุขภาพเป็นตัวเงนิ ตน้ ทุนทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม และประเมนิ จากค่าใชจ้ า่ ยของการจดั กจิ กรรม เป็นตน้ ความสามารถของตนเอง: คอื ความเชอ่ื มนั่ ในตนเองทส่ี ามารถควบคุมพฤตกิ รรมทาง สุขภาพ ซ่งึ เป็นผลลพั ธ์ตอนกลางทส่ี าคญั ในทฤษฎีทางพฤติกรรม โดยเป็นปัจจยั บ่งช้ใี นการ ทานายการเกดิ พฤตกิ รรม เจตนาในการกระทาพฤติกรรม: การทบ่ี ุคคลมแี นวโน้มทจ่ี ะกระทาพฤตกิ รรม เป็นตวั แปรคนั่ กลางทส่ี าคญั ในเชงิ เหตุและผล ระหว่างระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพและผลลพั ธส์ ดุ ทา้ ย ทกั ษะและพฤติกรรม: เป็นผลลพั ธข์ องความรอบรดู้ ้านสุขภาพ โดยทกั ษะหมายถึง ความสามารถของบุคคล ในอนั ทจ่ี ะรบั รูถ้ งึ สถานการณ์ฉุกเฉิน แสวงหาขอ้ มลู สุขภาพเพมิ่ เตมิ หรอื เขา้ ถงึ การดูแลสุขภาพท่จี าเป็น พฤตกิ รรมหมายถงึ การกระทา เช่น การใช้ยารกั ษาโรค การเปลย่ี นแปลงวถิ กี ารดาเนินชวี ติ ของตนเอง หรอื การเฝ้าระวงั สขุ ภาพของตนเอง เป็นตน้ การคงอย่ใู นการกระทาพฤติกรรมสขุ ภาพ: เป็นการกระทาท่เี สมอตน้ เสมอปลายใน การดแู ลสุขภาพตนเองในชว่ งเวลาทส่ี าคญั เชน่ การใชย้ าสม่าเสมอตามแพทยส์ งั่ การออกกาลงั กายไดส้ ม่าเสมอในช่วงระยะหน่งึ ซง่ึ ถอื เป็นปัจจยั บ่งชท้ี ส่ี าคญั ของผลลพั ธส์ ุขภาพ เป็นตน้ อบุ ตั ิการณ์ของโรค ความถ่ี ความเจบ็ ป่ วย และการตาย: หมายถงึ สภาวะสุขภาพ ร่างกายและจติ ใจ ระดบั ขนั้ ความรุนแรงของในโรค เช่น มะเรง็ ระยะสุดท้าย ความรุนแรงของ อาการ มาตรการในการควบคุมโรคและภาวะแทรกซ้อน และอตั ราการตายก่อนวยั วดั จากขอ้ บง่ ชท้ี างชวี ภาพ การตรวจสอบเครอ่ื งมอื สารวจ รายงานผลดว้ ยตนเองของผปู้ ่วย การบนั ทกึ การ เสยี ชวี ติ หรอื รายงานอ่นื ๆ ทใ่ี ชแ้ ทนได้ สถานะทางสุขภาพ: หมายถึง ตวั ช้ีวดั สภาวะในการดารงชีวติ หรอื คุณภาพชีวิตท่ี เก่ียวข้องกบั สุขภาพท่ีเก่ียวข้องกบั ความสามารถในการทางานของร่างกายและจติ ใจ เช่น ความสามารถดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ ความเจบ็ ปวดหรอื ความอ่อนลา้ และรวมไปถงึ การดารง อยใู่ นสงั คมและมเี ครอื ขา่ ยทางสงั คม ซง่ึ มกั ประเมนิ จากแบบสอบถามรายงานดว้ ยตนเอง สรุปได้ว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสัมพนั ธ์กบั ผลลพั ธ์ทางสุขภาพโดยผ่าน ผลลพั ธค์ นั่ กลางทห่ี ลากหลายทงั้ ดา้ นคุณลกั ษณะบุคคล เชน่ ความรู้ การรบั รคู้ วามสามารถ การ ควบคุมกากบั ตนเอง ทกั ษะพฤตกิ รรม เป็นตน้ และสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม เช่น บรรทดั ฐาน องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
25 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ทางสังคม ระบบบรกิ ารสุขภาพ การสนับสนุนจากผู้ให้บริการสุขภาพ เป็นต้น และยงั มี ความสมั พนั ธข์ องความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของบุคคลระหว่าง อายุ เชอ้ื ชาติ เผา่ พนั ธุ์ หรอื ภมู หิ ลงั ทางวฒั นธรรม และประสทิ ธิภาพของการจดั กิจกรรม ท่เี ป็นตวั แปรกากบั ให้ความรอบรู้ด้าน สุขภาพมอี ทิ ธพิ ลต่อผลลพั ธส์ ุดทา้ ยทแ่ี ตกต่างกนั ไดต้ ามทไ่ี ดอ้ ธบิ ายในภาพประกอบของโมเดล 2. โมเดลผลลพั ธ์ของความรอบร้ดู ้านสุขภาพจากการส่งเสริมสุขภาพ (Health literacy as an outcome of health promotion: An outcome model for health promotion) ของ Nutbeam (2000) ท่ไี ด้เสนอไว้ด้วยเหตุผลว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพ เป็นการให้พลงั อานาจแก่ประชาชนเพ่อื ความเข้มแขง็ เขา้ ใจสทิ ธหิ น้าทข่ี องตนและสามารถนาตนเองในด้าน การสง่ เสรมิ และป้องกนั โรคผ่านระบบการดแู ลสุขภาพทส่ี ่อื สารใหป้ ระชาชนเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความ เสย่ี งต่อสุขภาพในผลติ ภณั ฑแ์ ละบรกิ ารสุขภาพรวมไปถงึ เง่อื นไขในการใหบ้ รกิ าร และผลลพั ธ์ เกดิ ขน้ึ มาจากการทป่ี ระชาชนมคี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพทเ่ี พยี งพอ ดงั นนั้ ในการวางแผนเรมิ่ ต้น ในงานสรา้ งเสรมิ สุขภาพจงึ ต้องคานึงถงึ ผลลพั ธด์ ว้ ยเหตุผลว่า ผทู้ ม่ี คี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพต่า จะส่งผลกระทบ ดงั เช่น 1) กว่าครง่ึ เขา้ รบั บรกิ ารฉุกเฉนิ 2) มอี ตั ราการตายก่อนวยั สงู 3) มอี ตั รา ป่วยโรคเรอ้ื รงั สงู 4) ตน้ ทนุ คา่ ใชจ้ า่ ยในการรกั ษาพยาบาลสงู เป็นตน้ ดงั ภาพประกอบ 1-2 ดงั น้ี ผลลพั ธ์ทาง ผลลพั ธ์ทางสขุ ภาพ (Health ผลลัพธ์ทางสงั คม (Social สุขภาพ outcomes) วดั จาก การลดลง outcomes) วดั จาก และสังคม - อตั ราการตาย อตั ราการพกิ าร/ - คณุ ภาพชีวิต ความเหลือ่ มลา้ ทุพพลภาพ อตั ราตายแรกเกดิ ความเทา่ เทียมทางสังคม ผลลัพธ์ การดารงอยอู่ ย่างมีสขุ ภาวะ ประสทิ ธิผลในบริการ อ(Hนeาaมlัยthสงิ่yแeวnดvลi้อroมnทm่ีดี ent) ทางสขุ ภาพ ที่ดี (Healthy lifestyes) สุขภาพ (Effective - คกวาารมสปนลบั อสดนภุนยัทดาา้งนสรงั คา่ งมกาย ในระยะ - พฤตกิ รรมออกกา้ ลงั กาย health services) - มอี าหารท่ีปลอดภยั จา้ กัด กลาง - บรกิ ารปอ้ งกนั โรคเชิง อาหาร อารมณ์ ไม่ด่ืมสุรา การเขา้ ถงึ บหุ ร/ี่ สรุ า ไม่สูบบหุ รแี่ ละสง่ิ เสพตดิ รกุ ใหเ้ ข้าถึงบรกิ าร ผลลพั ธจ์ าก ความรอบรู้ด้านสุขภาพ a-ทกcากาพบtรงารลiกสรoรังรมังnทอะคีส้าัดทaมว่นฐาnนาา(แdรนจSล่วใoทiมหะncาอช้ faงกิทlมุสiาulธชงัรeคิพนเสnมลรcมิe) นโยบายสาธารณและ การสง่ เสรมิ (Health literacy) ประชาพจิ ารณ์ แนวทางปฏบิ ัติในองค์กร สขุ ภาพ - ความรู้ เจตคติ แรงจงู ใจ – นโยบาย กฎหมาย การปฏิบตั ใิ น เจตนาในการกระท้า มาตรการทางสังคม การสง่ เสรมิ พฤตกิ รรม ทกั ษะบคุ คล จัดหาทรพั ยากรแนวทาง สขุ ภาพ การรบั ร้คู วามสามารถของตน ปฎบิ ตั ิขององค์กร การใหก้ ารศึกษา (Education) - สุขศกึ ษาในโรงพยาบาล การเคลื่อนไหวทางสังคม ใหก้ ารสนบั สนนุ (Advocacy) ในโรงเรียน การสื่อสาร -(Sกกoาาcรรiพจaัดlฒั กmนิจาoกชbรุมรiชlมiนzกaลtมุ่ ion) - การชักชวน/ประชาสมั พนั ธ์ สขุ ภาพผา่ นส่ือ สอื่ สารสุขภาพเฉพาะ การทา้ กิจกรรมการเมือง กจิ กรรมองคก์ ร รณรงค์ ภาพประกอบ 1-2 โมเดลผลลพั ธข์ องความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพจากการส่งเสรมิ สุขภาพ (Nutbeam, 2000) องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
26 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ 3. กรอบแนวคิดความรอบร้ดู ้านสุขภาพในวยั ร่นุ เพ่ือการวิจยั ในอนาคต (Health literacy and adolescents: A framework and agenda for future research) ข อ ง Manganello (2008) เป็นแนวคดิ ทพ่ี ฒั นามาจากแนวคดิ ของสถาบนั การแพทย์ (The Institute of Medicine-IOM) สหรฐั อเมริกาโดย Nielsen-Bahlman et al. (2004) ในรายงานเร่ือง Health Literacy: A Prescription to End Confusion และทฤษฎเี ชงิ นเิ วศวทิ ยา (Ecological Model -EM) ของ Bronfenbrenner (1979) และ Sallis et al. (2002) ซง่ึ ช้แี นะถงึ ระดบั ความแตกต่างของผมู้ ี อทิ ธพิ ลต่อการพฒั นาการของบุคคลและพฤตกิ รรม ดงั ภาพประกอบ 1-3 คณุ ลกั ษณะสว่ นบุคคล อทิ ธิพลจากเพื่อน ผลลัพธท์ างสุขภาพ และครอบครวั อายุ เพศ การศกึ ษา พฤติกรรมสขุ ภาพ เชื้อชาติ ภาษา ความรอบรู้ด้านสขุ ภาพ ตน้ ทนุ ทางสขุ ภาพ วฒั นธรรม - ระดับพนื ฐาน การใช้บรกิ ารสขุ ภาพ ทกั ษะทางสงั คม - ระดับปฎิสมั พนั ธ์ ทกั ษะทางปญั ญา - ระดบั วิจารณญาณ - การรูเ้ ทา่ ทันส่อื ความสามารถทางกาย การใช้สื่อ ระบบการศึกษา ระบบสขุ ภาพ ภาพประกอบ 1-3 กรอบแนวคดิ ในการศกึ ษาความรอบรดู้ ้านสุขภาพในวยั รุ่นเพ่อื การวจิ ยั ใน อนาคต (Manganello, 2008; Zarcadoolas et al, 2006; Nielsen-Bohlman, 2004) เน่ืองจากมกี ารศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพจานวนมากในผู้ใหญ่ท่เี น้นการส่อื สาร ระหว่างผูใ้ ห้บรกิ ารทางการแพทยก์ บั ผูร้ บั บรกิ ารหรอื ผู้ป่ วยวยั ผูใ้ หญ่ แต่สาหรบั เดก็ และวยั รุ่น โอกาสทจ่ี ะเขา้ รบั บรกิ ารทางสุขภาพมจี านวนน้อย ดงั นนั้ โมเดลในเชงิ เหตุและผลของความรอบ รดู้ า้ นสขุ ภาพจงึ ต่างออกไป และเครอ่ื งมอื ในการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ของเดก็ และวยั รุน่ มกั เป็นในรปู ของ ส่อื สารมวลชน สอ่ื ออนไลน์และเทคโนโลยี ซง่ึ วยั รนุ่ มรี ะยะทส่ี าคญั ของพฒั นาการทใ่ี ช้ทกั ษะการ เรยี นรู้ท่ตี ้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซ่งึ กรอบแนวคิดน้ีได้อธบิ ายถึง 3 แนวคดิ หลกั คอื 1) ในการ พฒั นาความรอบรู้ด้านสุขภาพต้องพจิ ารณาระบบท่เี ก่ยี วข้อง 3 ระดบั คอื ระดบั บุคคล ระดบั ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างบุคคลและระดบั ระบบทางสงั คม 2) รปู แบบของการพฒั นาความรอบรดู้ า้ น องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
27 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ สุขภาพมคี วามหลากหลายเป็นแบบพหุวธิ ี และ 3) ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพมอี ทิ ธพิ ลต่อผลลพั ธ์ ทางสขุ ภาพทค่ี รอบคลุมถงึ พฤตกิ รรมสุขภาพ การใชบ้ รกิ ารและตน้ ทุนการรกั ษาสุขภาพ กรอบ แนวคดิ น้ีสามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นพฤตกิ รรมเสย่ี งต่างๆ หรอื ทฤษฎีอ่นื ๆ เช่น ทฤษฎที างปัญญา สงั คม (Social Cognitive Theory) สามารถอธิบายการพฒั นาทกั ษะความรอบรู้ด้านสุขภาพ วยั รนุ่ เชน่ ปัจจยั ดา้ นบุคคล เช่น ขอ้ มลู ชวี สงั คม ทกั ษะทางปัญญา ความสามารถ เป็นตน้ ส่วน ปัจจยั ทางสงั คม เช่น อทิ ธพิ ลจากเพ่อื น พ่อแมแ่ ละสอ่ื สารมวลชน เป็นตน้ 4. กรอบแนวคิดความรอบร้ดู ้านสุขภาพในการดูแลผ้ปู ่ วยโรคเรือ้ รงั (Improving chronic disease care: A framework based on health literacy) เป็นโมเดลในบรบิ ททาง การแพทย์ ทเ่ี น้นการส่อื สารระหว่างผปู้ ่วยโรคเรอ้ื รงั กบั บุคลากรทางการแพทยใ์ นตกึ ผปู้ ่วยนอก ซง่ึ มหี ลายปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เช่น ความถก่ี ารมาพบแพทย์ ความกลา้ ซกั ถาม อุปสรรคทางภาษา ความไว้วางใจ ความแตกต่างระหว่างแพทย์กับผู้ป่ วย รูแปบบก ารส่ือสาร ข้อจากัดของ ระยะเวลาทพ่ี บแพทย์ ชนิดของโรคทป่ี ่วย เป็นตน้ ดงั ภาพประกอบ 1-4 นโยบายด้านสุขภาพ/สง่ิ จงู ใจ นโยบายสังคม นโยบายด้านสขุ ภาพ/สิง่ จงู ใจ การสื่อสารระหว่าง สนบั สนุนทางคลนิ กิ แพทยก์ ับผ้ปู ว่ ย ตดิ ตามเยยี่ มบ้าน ปัจจัยส่งเสรมิ ทางสังคม - เสริมสรา้ งพลงั อ้านาจ - มีปฏิสมั พนั ธ์รว่ มกนั - การเข้าถึงข้อมลู และบรกิ าร กับผู้ป่วยและครอบครัว - เปดิ การอภปิ รายรว่ มกนั - ทรัพยากรเศรษฐกจิ - เข้าร่วมกจิ กรรมการ (Open discussion) - การศึกษาผ้ใู หญ่ เรียนรู้และฝึกทกั ษะ - การตงั เปา้ หมายร่วมกนั ทางสขุ ภาพ - ทบทวนความร้ผู ้ปู ว่ ย (Recall) - สภาพแวดล้อมด้านอาหาร - ฝกึ ทกั ษะการปก้ปัญหา - สร้างความเขา้ ใจด้วยการสอน อากาศ กิจกรรมทางกาย และการตัดสนิ ใจ ความปลอดภยั ความเส่ียง - ความสามารถนา้ ตนเอง และแนะน้า - ยงั คงสอื่ สารดา้ นสขุ ภาพ - สร้างความข้าใจให้ผู้ปว่ ยร้ถู งึ - ความไว้วางใจในระบบสขุ ภาพ อย่างตอ่ เน่อื งในชุมชน - อทิ ธิพลทางสงั คมและนโยบาย - การรบั ร้คู วามสามารถของ กระบวนการเกดิ โรคและ - การเผยแพร่ข่าวสารสุขภาพ ตนเอง เงอื่ นไขในการรักษา - กิจกรรมส่งเสรมิ สุขภาพ - สรา้ งความไว้วางใจกนั และกัน ผลลัพธ์ทางคลนิ ิกและคณุ ภาพชวี ติ ดขี ้ึน ภาพประกอบ 1-4 กรอบแนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพในการดแู ลผปู้ ่วยโรคเรอ้ื รงั (Schillinger, 2004) องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
28 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ 5. โมเดลเชิงเหตุผลโปรแกรมความรอบร้ดู ้านสุขภาพของมลรฐั มิสซูรี่ ประเทศ สหรฐั อเมริกา (Health literacy Missouri program logic model) เป็นโมเดลของ Ross et al. (2009) ท่ีตอบสนองนโยบายเมืองแห่งความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy city) ท่ี พฒั นาขน้ึ จาก ทมี สหสาขาของชุมชนและนักวชิ าการทเ่ี ก่ยี วขอ้ งตามโมเดลเชงิ ระบบนิเวศ ท่ี อธบิ ายการเพมิ่ ระดบั ความรอบรดู้ ้านสุขภาพโดยผ่านระบบการศกึ ษา การมสี ่วนร่วมในชุมชน การสรา้ งการเปลย่ี นแปลงในระบบสุขภาพ และการเรมิ่ ต้นการส่อื สารทด่ี รี ะหว่างผใู้ หบ้ รกิ ารกบั ผรู้ บั บรกิ ารสขุ ภาพ ดงั แสดงในภาพประกอบ 1-5 สมมติฐาน ปจั จัยนาเขา้ กจิ กรรม ผลผลติ ผลลัพธ์ - ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ - ชาวมิสซรู ี่ - ประเมินความ - จัดล้าดับปญั หา/ ระยะสนั้ สัมพันธก์ บั คุณภาพชวี ติ - ระบบ ตอ้ งการจา้ เปน็ ความต้องการ - เพิ่มความตระหนกั การศกึ ษา - เพ่ิมความพงึ พอใจใน - ประชาชนมิสซรู ่ี มีความ - สถาบนั ทีน่ บั ถือ - พัฒนาแหล่ง - รวบรวมแหลง่ รอบรดู้ ้านสขุ ภาพต่า้ - องค์กรเพ่ือ เรียนรู้ เรียนรู้ ขอ้ มูลและบริการ สงั คม - เพ่ิมทักษะส่อื สาร - ประชากรชายขอบ ดอ้ ย - ชุมชน - ประเมนิ - ความเท่าเทยี ม โอกาสมีความรอบรู้ดา้ น การแพทย์ ทรพั ยากรใน การศกึ ษาเพอื่ สุขภาพ สขุ ภาพตา่้ และสุขภาพ ชุมชน ประชาชน ระยะกลาง - อตุ สาหกรรม - ชมุ ชนมสี ่วนรว่ มในความ - สา้ นกั นโยบาย - สรา้ งหลักสตู ร - โปรแกรม - เลือกใชบ้ รกิ ารสุขภาพ รบั ผดิ ชอบ การเพิ่มของ ทางวชิ าการ สขุ ภาพอย่าง ฝึกอบรม ได้เหมาะสม ความรอบรู้ด้านสขุ ภาพ - ภาครัฐ/รัฐบาล มอื อาชีพ สขุ ภาพอยา่ ง มอื อาชีพ - นกั เรียนและชาวมิสซรู ่ี - รณรงค์ มี HL เพิม่ การศึกษาเพอ่ื - หลักสตู รความ ประชาชน รอบรู้ดา้ น - ผใู้ หบ้ รกิ ารมีทกั ษะ สุขภาพใน ส่อื สารและ HL เพ่มิ ขึน - กลยุทธใ์ นการ โรงเรยี น สอ่ื สารสุขภาพ - ชุมชนมีศักยภาพเพ่มิ ระยะยาว - ลดรายจ่ายคา่ รักษา - เพม่ิ ศักยภาพหน่วยงาน และโครงสร้างพืนฐาน ในสังคม ภาพประกอบ 1-5 โมเดลเชงิ เหตุผลโปรแกรมความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของมลรฐั มสิ ซรู ่ี (Ross et al., 2010) 6. โมเดลบูรณาการของความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Integrated model of health literacy) เป็นโมเดลท่ใี ช้ในการสารวจความรอบรูด้ ้านสุขภาพของชาวยุโรป (the European Health Literacy Survey) (Sørensen K et al., 2013) ซ่ึงเป็ นโมเดลท่ีมีการผสมผสา น องคป์ ระกอบทงั้ ทางดา้ นการแพทยแ์ ละการสาธารณสุขทม่ี รี ากฐานมาจากโมเดลของ Nutbeam (2000) และโมเดลของ Manganello (2008) ซง่ึ องคป์ ระกอบของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพนัน้ อยู่ ในมติ ิของทกั ษะทางปัญญาในด้านความรอบรู้ทางการแพทย์ (Medical health literacy) เป็น พน้ื ฐานของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพทางการสาธารณสุข (Public health literacy) ทถ่ี กู พฒั นาขน้ึ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
29 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ มาจากแนวคดิ ทฤษฎที างดา้ นการส่งเสรมิ สุขภาพ (Health promotion theory and model) โดย ชใ้ี หเ้ หน็ ว่า ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพนนั้ เป็นพลวตั รและเป็นกระบวนการเขา้ ถงึ เขา้ ใจ ประเมนิ และการนาขอ้ มูลสุขภาพไปใช้ (The process of accessing, understanding, appraising and applying health-related information) ท่ีเริ่มต้นจาก 1) การเข้าถึง (Access) หมายถึง ความสามารถในการค้นหาและรบั ข้อมูลสารสนเทศ 2) การเข้าใจ (Understand) หมายถึง ความสามารถในการทาความเขา้ ใจและอธบิ ายขอ้ มลู สารสนเทศนัน้ ไดถ้ ูกตอ้ ง 3) การประเมนิ (Appraise) หมายถงึ ความสามารถในการตคี วาม กลนั่ กรอง ตดั สนิ ขอ้ มูลทไ่ี ด้รบั มา และ 4) การนาข้อมูลสารสนเทศด้านสุขภาพไปใช้ (Apply) และแป็นโมเดลเชิงเหตุและผลท่ีเป็น แนวทางสนับสนุนการทางานในยโุ รปไดแ้ ก่ 1) การสารวจประเมนิ ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ ให้ครอบคลุมพรอ้ มเปรยี บเทยี บขอ้ มูลทจ่ี าเป็นขอภาครฐั ในยุโรป 2) สนับสนุนการก่อตงั้ ศูนย์ ความเป็นเลศิ ในยุโรป และ 3) แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ร่วมกนั ดงั แสดงในโมเดลเส้นทางอิทธพิ ล (Path model) ทร่ี ะบุถงึ ปัจจยั เชงิ สาเหตุทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อความรอบรดู้ ้านสุขภาพ และมผี ลกระทบ ต่อการใชบ้ รกิ ารสุขภาพ ตน้ ทนุ ทางสขุ ภาพและผลลพั ทธท์ างสุขภาพ ดงั ภาพประกอบ 1-6 ภาพประกอบ 1-6 โมเดลบรู ณาการของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (Sørensen et al., 2013) นอกจากน้ี ในโมเดลบูรณาการของความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Integrated model of health literacy) ของ Sørensen et al. (2013) ยงั กลา่ วถงึ กระบวนการในการแปรเปลย่ี นความรู้ และทกั ษะดา้ นสุขภาพในขนั้ ตอนของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพจนนาไปส่ผู ลลพั ธข์ องการเจบ็ ป่วย ในระบบการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงบุคคลท่มี คี วามเส่ยี งและประชาชนท่รี บั บรกิ ารส่งเสริม สุขภาพในชุมชน องคก์ ร หน่วยงาน สถานประกอบการ ภาคธุรกจิ ระบบการศกึ ษาและกลุ่ม องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
30 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ การเมือง โดยกระบวนการของความรอบรู้ด้านสุขภาพในการนาความรู้ไปใช้ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ทงั้ น้ีขน้ึ อย่กู บั การพฒั นาทกั ษะทางจติ สงั คมและปัญญาโดยผ่านหลกั สูตรชวี ติ ท่ี เก่ยี วเน่ืองกบั การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ (Cognitive and psychosocial skills development during the life course and are linked to life-long learning) และจากกรอบแนวคดิ ทเ่ี ช่อื มโยงจากการ พฒั นาระดบั บุคคลไปสู่มุมมองการเปลย่ี นแปลงของประชากรตามโมเดลบูรณาการของความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพ ท่ใี ชใ้ นการทางานดา้ นความรอบรูด้ ้านสุขภาพในประเทศยุโรป โดยบูรณา การแนวคดิ ความรอบรู้ด้านสุขภาพในบรบิ ททางการแพทย์ (Medical health literacy) ไปสู่ บรบิ ททก่ี วา้ งขน้ึ ของมุมมองด้านสาธารณสุข (Public health health literacy perspective) ดงั โมเดลน้ีทเ่ี น้นผลลพั ธห์ รอื ผลกระทบจากการพฒั นาความรอบรดู้ า้ นสุขภาพท่มี ตี ่อการส่งเสรมิ และป้องกนั ความเสย่ี งทางสุขภาพและลดความกดดนั ในระบบสุขภาพ ซง่ึ ความเช่อื มโยงใน 4 มติ ขิ องการถ่ายโอนขอ้ มลู สารสนเทศในระบบสขุ ภาพ ดงั แสดงในตาราง 1-4 ตาราง 1-4 แสดงเมทรกิ ซ์ใน 4 มติ ขิ องการนาความรอบรู้ดา้ นสุขภาพไปใชใ้ น 3 ขอบเขตงาน ดา้ นสขุ ภาพ (Sørensen et al., 2013) ขอบเขต การเข้าถึง การเข้าใจ การประเมินข้อมลู การนาขอ้ มลู ไปใช้ งานสุขภาพ ขอ้ มูลสขุ ภาพ ในข้อมลู สุขภาพ สุขภาพ เพ่อื ดแู ลสขุ ภาพ การดแู ล ความสามารถเขา้ ถงึ ความสามารถทา ความสามารถในการ ความสามารถในการ สขุ ภาพ ขอ้ มลู และบรกิ าร ความเขา้ ใจขอ้ มลู ตคี วามและประเมนิ ตดั สนิ ใจเลอื กเชอ่ื และ (Health ทางการแพทย์ ทางการแพทยแ์ ละ ขอ้ มลู ทางการแพทย์ ใชบ้ รกิ ารบนสถานการณ์ care) สถานการณ์การ เจบ็ ป่วย เขา้ ใจความหมายท่ี การเจบ็ ป่วยและดแู ล ถูกตอ้ ง สขุ ภาพ การป้องกนั ความสามารถใน ความสามารถทา ความสามารถในการ ความสามารถในการ โรค การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ความเขา้ ใจขอ้ มลู ตคี วามและประเมนิ ตดั สนิ ใจเลอื กเช่อื หรอื (Disease ปัจจยั เสย่ี งต่อ ความเสย่ี งต่อ ขอ้ มลู ปัจจยั เสย่ี งต่อ กระทาการดแู ลสขุ ภาพ prevention) สขุ ภาพ สขุ ภาพและเขา้ ใจ สขุ ภาพ บนฐานขอ้ มลู ปัจจยั ความหมายถูกตอ้ ง เสย่ี งต่อสขุ ภาพ การสง่ เสรมิ ความสามารถใน ความสามารถทา ความสามารถในการ ความสามารถในการ สขุ ภาพ การเพม่ิ ความรทู้ ่ี ความเขา้ ใจขอ้ มลู ตคี วามและประเมนิ ตดั สนิ ใจบนฐานขอ้ มลู (Health ทนั สมยั ดา้ น ดา้ นสภาพแวดลอ้ ม ปัจจยั ดา้ น การวเิ คราะหป์ ัจจยั promotion) สภาพแวดลอ้ มทาง ทางกายภาพและ สภาพแวดลอ้ มทาง ดา้ นสภาพแวดลอ้ ม กายภาพและทาง ทางสงั คมทก่ี าหนด กายภาพและทาง ทางกายภาพและทาง สงั คมทเ่ี ป็น ปัญหาสขุ ภาพและ สงั คมทเ่ี ป็น สงั คมทเ่ี ป็น ตวั กาหนดปัญหา ตวั กาหนดปัญหา เขา้ ใจความหมายท่ี ตวั กาหนดปัญหา สขุ ภาพประชาชน สขุ ภาพประชาชน ถูกตอ้ ง สขุ ภาพ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
31 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ 7. โมเดลกรอบแนวคิดความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ ประเทศไทย (Conceptual model of health literacy, Thailand) เป็นกรอบการดาเนินงานของบุคลากรดา้ นสุขภาพและใหค้ วาม หมายความรอบรดู้ า้ นสุขภาพว่า เป็นความรอบรแู้ ละความสามารถดา้ นสุขภาพของบคุ คลในการ ท่จี ะกลนั่ กรอง ประเมนิ และตดั สนิ ใจทจ่ี ะปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม เลอื กใช้บรกิ ารและผลติ ภณั ฑ์ สขุ ภาพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตามโมเดล V shape 6 องคป์ ระกอบคอื การเขา้ ถงึ ความเขา้ ใจ การ โต้ตอบซกั ถามแลกเปลย่ี น การตดั สนิ ใจ การเปลย่ี นพฤตกิ รรมและการบอกต่อ โดยมเี ป้าหมาย ในปี พ.ศ. 2564 ว่า คนไทยมคี วามรอบรู้ด้านสุขภาพเพิ่มข้นึ ร้อยละ 25 ทงั้ น้ี กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข (2560) ได้นาเสนอโมเดล โดยปรบั ปรุงจากโมเดลบูรณาการของความ รอบรดู้ า้ นสุขภาพของ Sørensen K et al. (2013) มาปรบั ใช้ในเชงิ นโยบายเพ่อื การขบั เคล่อื น ความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ครอบคลุมคนไทยทุกกลุ่มวัยและทุกมติ ิของการดาเนินงานด้าน สุขภาพ ดงั ภาพประกอบ 1-7 และ 1-8 ภาพประกอบ 1-7 กรอบแนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ (ประเทศไทย) ปรบั ปรงุ จาก Sørensen et al. & Consortium Health Literacy Project European (2012 อา้ งใน กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ , 2560) องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
32 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ ภาพประกอบ 1-8 ขอ้ เสนอระบบพฒั นาความรอบรดู้ า้ นสุขภาพไทยแบบบูรณาการ 3 มติ ิ (Health literacy system – Thai HL Matrix – 3 Dimensions) (วชริ ะ เพง็ จนั ทร,์ 2560) จากโมเดลแนวคดิ ความรอบรูด้ ้านสุขภาพทงั้ 7 โมเดลดงั กล่าวขา้ งต้น จะเห็นไดว้ ่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพและใช้บริการสุขภาพท่ี สอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาและส่งผลต่อการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธท์ ด่ี ี และลดผลกระทบ ของผลลพั ธท์ างลบ เช่น ค่าใชจ้ ่ายการรกั ษา ความรุนแรงของโรค การตายก่อนวยั เป็นต้น ถา้ กลุ่มเป้าหมายในระดบั บคุ คลมที กั ษะในกระบวนการของความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพสงู และในระดบั ประชากรมสี ่วนร่วมในกระบวนการของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพตงั้ แต่การเขา้ ถงึ เขา้ ใจ ประเมนิ และตดั สนิ ใจไดใ้ นกระบวนการโดยเฉพาะการสอ่ื สารสุขภาพทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข ทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละความเช่อื ทางวฒั นธรรมไดถ้ ูกต้องซ่งึ จะเกดิ ประโยชน์ต่อการดาเนินชวี ติ ของ บุคคลทัง้ ท่ีบ้าน ท่ีทางานและในชุมชนสังคม (Zarcadoolas et al., 2005, 2006) เพราะ กระบวนการในความรอบรดู้ ้านสุขภาพดว้ ยการเพม่ิ พลงั อานาจในการดแู ลรกั ษาสุขภาพไดด้ ว้ ย ตนเองใหก้ บั ประชาชน จะเป็นส่วนหน่ึงของการพฒั นาทรพั ยากรบุคคลทจ่ี ะลดความเสย่ี งและ เพมิ่ คุณภาพชวี ติ ทด่ี ี ซง่ึ ถอื เป็นการเปลย่ี นพฤตกิ รรมทย่ี งั่ ยนื ของทรพั ยากรบุคคลในประเทศ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
33 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ นอกจากน้ี ในการศึกษาโมเดลแนวคิดท่ีเก่ียวข้องกับความรอบรู้ด้านสุขภาพใน ต่างประเทศขา้ งตน้ สามารถสรปุ ปัจจยั ของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพแบง่ เป็น 3 กลมุ่ ระดบั ดงั น้ี 1. ปัจจยั ระดบั บคุ คล ประกอบดว้ ย 1.1 ความรู้ ประกอบด้วย การรู้หนังสือทวั่ ไป (General literacy) เช่น การอ่าน ตัวเลข ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การรู้หนังสือในเร่ืองอ่ืนๆ เช่น วิทยาศาสตร์ คอมพวิ เตอร์ วฒั นธรรม ส่อื สทิ ธิ และความรเู้ กย่ี วกบั โรคและการดแู ลตนเอง เป็นตน้ 1.2 คุณลกั ษณะส่วนบุคคล เช่น อายุ เพศ การศึกษา อาชพี รายได้ วฒั นธรรม ภาษา สภาพรา่ งกาย 1.3 ความเชอ่ื เจตคติ (Belief & attitude) และพฤตกิ รรมเสย่ี งทางสุขภาพ (Health risk behavior) 1.4 ทกั ษะและความสามารถส่วนบุคคล (Personal skills) ได้แก่ ทกั ษะในการ เจรจาต่อรอง ทักษะในการจดั การตนเอง ความสามารถในการประเมินส่ือทางสุขภาพ ความสามารถในการตดั สนิ ใจเลอื กปฏบิ ตั ิ ความสามารถในการสบื คน้ ขอ้ มลู สุขภาพ 1.5 พฤติกรรมสุขภาพ ประกอบไปด้วย การปฏบิ ตั ิตามคาสงั่ แพทย์ การตรวจ สุขภาพเป็นประจา ความร่วมมอื ในการใชย้ าตามคาสงั่ แพทย์ (Compliance with medications) การเปล่ยี นแปลงรูปแบบการบรโิ ภค (Changed patterns of consumption) การปรบั เปล่ียน พฤตกิ รรมสขุ ภาพ (Changed health behaviors) การดแู ลสขุ ภาพตนเอง (self - care) 1.6 รูปแบบการใช้ชีวิต (Life style) ในการจัดการสุขภาพและความเจ็บป่ วย (Manage of health & illness) 1.7 ระดับความเครียด (Stress level) และการจัดการความเครียด (Stress management) 1.8 สถานะทางสุขภาพ (Health status) และคุณภาพชวี ติ (Quality of life) 1.9 การปรับปรุงโอกาส ทางเลือกและผลลัพธ์ทางสุขภาพ (Improved health outcomes, healthy choices and opportunities) 2. ปัจจยั ระดบั ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล 2.1 ทกั ษะส่วนบุคคล ประกอบดว้ ย ความสามารถในการวเิ คราะห์สถานการณ์และ ประยุกต์ใช้ความรู้ ทกั ษะการส่อื สารและปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผู้อ่นื และทกั ษะการพทิ กั ษ์สทิ ธติ นเอง (Self-advocacy) 2.2 สงิ่ แวดล้อม (Environment) ทางกายภาพในบ้านและคอบครวั ท่เี อ้อื ต่อการดูแล สขุ ภาพ 2.3 ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผปู้ ่วยและผใู้ หบ้ รกิ าร (Patient provider interaction) องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
34 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ 3. ปัจจยั ระดบั สงั คม 3.1 การจดั ระเบยี บชุมชน (Community organizing) ไดแ้ ก่ การวางแผน การกาหนด เป้าหมาย จดั ลาดบั ความสาคญั 3.2 ความเท่าเทียมทางสังคมด้านสุขภาพ และโครงสร้างทางการเมอื ง (Social equality in health and political structure) 3.3 การกระทาทางสงั คมเพ่อื การมสี ่วนร่วมในหนทางแห่งประชาธปิ ไตยดา้ นสุขภาพ (Social action for health democratic participation) 3.4 การพฒั นา (Development) ได้แก่ การพฒั นาความรู้ การพฒั นาชุมชนโดยให้ ชุมชนดูแลตนเอง การพฒั นาศกั ยภาพโดยจดั โปรแกรมใหส้ ุขศกึ ษา การพฒั นาองคก์ รโดยจดั ท่ี อยอู่ าศยั สถานทท่ี างาน จดั สงิ่ แวดลอ้ มใหด้ ขี น้ึ และการพฒั นานโยบายโดยใชก้ ฎหมาย นโยบาย มขี อ้ บงั คบั ใหเ้ กดิ การบงั คบั ใช้ 3.5 การเขา้ ถงึ และใช้บรกิ ารทางสุขภาพ (Access and used health care) ทร่ี วมถงึ การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู สขุ ภาพ การเขา้ ถงึ การรกั ษาและการดแู ลสุขภาพ 3.6 การมีส่วนร่วมในการเปล่ียนแปลงบรรทัดฐานของสังคมและการปฏิบัติ (Participation in changing social norms and practices) 3.7 การเพมิ่ ขน้ึ ของผลลพั ธท์ างสุขภาพ ทางเลอื กและโอกาสทางสุขภาพ (Improved health outcomes, healthy choices and opportunities) 3.8 ความยดึ มนั่ ผูกพนั ในการกระทาทางสงั คมเพ่อื สุขภาพ (Engagement in social action for health) 3.9 คา่ ใชจ้ า่ ยทางสุขภาพ (Health care cost) สรุปไดว้ ่า แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ เป็นแนวคดิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการใหค้ วามสาคญั ขององคก์ ารอนามยั โลกเพ่อื ใชเ้ ป็นกรอบในการพฒั นาเครอ่ื งมอื วดั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของ ประชาชนในชาติสมาชกิ พรอ้ มทงั้ เป็นกรอบการพฒั นาให้ประชาชนมคี วามรอบรู้ด้านสุขภาพ สูงขน้ึ ทวั่ หน้า ซง่ึ มคี วามเหมอื นกนั ทวั่ โลกคอื ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพนนั้ เป็นผลลพั ธร์ ะยะแรก ของการดาเนินการส่งเสรมิ ป้องกนั และดูแลสุขภาพประชาชนใหพ้ ง่ึ ตนเองได้ ดว้ ยการใชท้ กั ษะ ทางปัญญาและทกั ษะทางสงั คมของบุคคลเอง อนั นาไปส่กู ารมผี ลลพั ธท์ ่ดี ที างสุขภาพทงั้ ระดบั บุคคล ครอบครวั ชุมชน สงั คมและระดบั ประเทศ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
35 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ เอกสารอ้างอิง กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . (2560). การขบั เคลอื่ นความรอบรดู้ า้ นสุขภาพและการ สอื่ สารสุขภาพ. เอกสารเผยแพรโ่ ดย อรรถพล แกว้ สมั ฤทธิ ์รองอธบิ ด.ี สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี 12 พฤษภาคม 2560 จาก http://www.anamai.moph.go.th/ppf2017/Download/ 29/%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2/32.pdf. กองสุขศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ. (2553). ผลการสารวจ Health Literacy ในกลุ่ม เยาวชนอายุ 12-15 ปี. นนทบุร.ี กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. กองสุขศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ. (2556). ค่มู อื ประเมนิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของ คนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป ในการปฏบิ ตั ติ ามหลกั 3อ.2ส. นนทบรุ :ี กองสขุ ศกึ ษา กรม สนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์ และ นรมี าลย์ นีละไพจติ ร. (2559). การสารวจความรแู้ จง้ แตกฉาน ดา้ นสุขภาพ Health Literacy ผปู้ ่วยโรคเบาหวานและโรคความดนั โลหติ สงู . กรงุ เทพฯ: กองสขุ ศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ . วชริ ะ เพง็ จนั ทร.์ (2560). ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (Health literacy). เอกสารกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข.สบื คน้ เมอ่ื 12 พฤษภาคม 2560 จาก http://hpc.go.th/director/data/HL/HL_Workshop25012560.pdf. สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสุข. (2541). นิยามศพั ทส์ ่งเสรมิ สุขภาพ. ฉบบั ปรบั ปรงุ แปลโดย พสิ มยั จนั ทวมิ ล นนทบุร.ี สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ. (2559). รทู้ นั ภยั ขอ้ มลู สุขภาพออนไลน์. กรงุ เทพฯ: สานกั งานวจิ ยั และพฒั นาเพอ่ื การแปรงานวจิ ยั สุขภาพส่กู ารปฏบิ ตั ,ิ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2553). พฒั นาความฉลาดทางสขุ ภาวะ. โครงการพฒั นา ความฉลาดทางสขุ ภาวะ (Health Literacy) ของเดก็ เยาวชน และครอบครวั ดว้ ยพลงั เครอื ขา่ ยการศกึ ษา. สกศ. สบื คน้ เมอ่ื 12 มกราคม 2558 จาก http://www.thaihealth.or.th/Content/230149D%20.html สานกั โรคไมต่ ดิ ต่อ กรมควบคมุ โรค. (2555). รทู้ นั มหนั ตภยั โรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รงั ภยั เงยี บใกลต้ วั . นนทบุร:ี โรงพมิ พม์ ตชิ นปากเกรด็ . Adams RJ, Stocks NP, Wilson DH, Hill CL, Gravier S, Kickbusch I, & Beilby JJ. (2009). Health literacy. A new concept for general practice?. Aust Fam Physician, 38 (3), 144-147. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
36 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ Adkins NR, Corus C. (2009). Health literacy for improved health outcomes: effective capital in the marketplace. J Consum Aff, 43 (2), 199-222. doi: 10.1111/j.1745- 6606.2009.01137.x. American Medical Association. (1999). Health literacy: Report of the Council on Scientific Affairs. Ad Hoc Committee on Health Literacy for the Council on Scientific Affairs. Journal of the American Health Association, 281, 552–557. Australian Bureau of Statistics. (2008). Adult literacy and life skills survey. Summary results., Australia, Canberra: Australian Bureau of Statistics, 88. Baker DW, Williams MV, Parker RM, Gazmararian JA, Nurss J. (1999). Development of a brief test to measure functional health literacy. Patient Education and Counseling, 38,33–42. doi: 10.1016/S0738-399(98)00116-5. Barrett, S. E., & Sheen Puryear, J. (2006). Health literacy: Improving quality of care in primary care settings. Journal of Health Care for the Poor and Underserved, 17, 690-697. Berkman ND, Sheridan SL, Donahue KE, Halpern DJ, Viera A, Crotty K, Holland A, Brasure M, Lohr KN, Harden E, Tant E, Wallace Ina, & Viswanathan M. (2011). Health literacy interventions and outcomes: An updated systematic review. RTI International–University of North Carolina Evidence-based Practice Center Research Triangle Park, North Carolina, AHRQ Publication. Bloom BS. (1956). Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. New York: Longmans, Green. Bloom BS. (1968). Learning for mastery. Evaluation Comment, 1(2), 29-62. Bronfenbrenner U. (1979). The Ecology of human development. Cambridge: MA Harvard University Press. Chin J, Morrow DG, Stine-Morrow EAL, Garcia TC, Graumlich JF, & Murray MD. (2011). The process-knowledge model of health literacy: Evidence from a componential analysis of two commonly used measures. Journal Health Community, 16, 222–241. Doak CC, Doak, LG, & Root JH. (1996). Teaching patients with Low literacy skills, 2nd ed. Harvard University School of Public Health’s Health Literacy Studies. Retrieved on June 20, 2016 from http://www.hsph.harvard.edu/healthliteracy/resources/doak-book/. Duong Tuyen V, Aringazina A, Baisunova G, Nurjanah, Pham Thuc V, Pham Khue M, Truong Tien Q, Nguyen Kien T, Win Myint Oo, Mohamad E, Tin Tin Su, Hsiao- องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
37 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ Ling Huang, Sørensen K, Pelikan Jürgen M, Van den Broucke S, & Wushou Chang P. (2017). Measuring health literacy in Asia: Validation of the HLS-EU-Q47 survey tool in six Asian countries. J Epidemiol, 27(2), 80–86. Edwards M, Wood F, Davies M, & Edwards A.(2012).The development of health literacy in patients with a long-term health condition: The health literacy pathway model. BMC Public Health, 12(130), 1-15. European Commission. (2007). Together for health: a strategic approach for the EU 2008-2013. Com 630 final, Commission of the European Communities. Freedman DA, Bess KD, Tucker HA, Boyd DL, Tuchman AM, & Wallston KA. (2009). Public health literacy defined. Am J Prev Med, 36 (5), 446-451. doi: 10.1016/j.amepre.2009.02.001. HLS-EU Consortium (2012). Comparative report on health literacy in eight EU member states. The European Health Literacy Survey HLS-EU, Online publication from www.HEALTH-LITERACY.EU. Institute of Medicine-IOM. (2004). Health สiteracy: A prescription to end confusion. Retrieved on May 20, 2016 from http://www.iom.edu/Reports/2004/health-literacy- a-prescription-to-end-confusion.aspx. Intarakamhang U & Kwanchuen Y. (2016). The development and application of the ABCDE-health literacy scale for Thai adults. Asian Biomedicine, 10(6), 587-594. Intarakamhang U & Intarakamhang P. (2017). Health literacy scale and model of childhood overweight. Journal of Research in Health Science, 17(1), 1-8. Ishikawa H, Nomura K, Sato, M, & Yano E. (2008). Developing a measure of communicative and critical health literacy: a pilot study of Japanese office workers. Health Promotion International, 23(3), 269-274. Ishikawa H, Yano E. (2008). Patient health literacy and participation in the health-care process. Health Expect., 11 (2), 113-122. doi: 10.1111/j.1369-7625.2008.00497.x. Kazuhiro Nakayama, Wakako Osaka, Taisuke Togari, Hirono Ishikawa, Yuki Yonekura, Ai Sekido & Masayoshi Matsumoto. (2015). Comprehensive health literacy in Japan is lower than in Europe: a validated Japanese-language assessment of health literacy. BMC Public Health, 15, 505. doi: 10.1186/s12889-015-1835-x. Kickbusch IS.(2001).Health literacy: Addressing the health and education divide. Health Promotion International, 16(3), 289-297. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
38 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ Kickbusch I. (2006). The need for a European strategy on global health. Scand J Public Health, 34, 561–565. Kickbusch I, Wait S, Maag D, & Banks I. (2006). Navigating health: The role of health literacy. Alliance for Health and the Future, International Longevity Centre, UK. Korero Marama. (2010). Health literacy and Maori: Results from the 2006 adult literacy and life skills survey. Wellington: Ministry of Health, New Zealand. Kwan B, Frankish J, & Rootman I. (2006). The development and validation of measures of health literacy in different populations. Vancouver: Centre for Population Health Promotion Research. Retrieved on June 20, 2016 from www.ihpr.ubc.ca. Lee S.-Y.D., Arozullah AM.& Cho YI. (2004). Health literacy, social support, and health: A research agenda. Social Science & Medicine, 58,1309-1321. doi:10.1016/S0277-9536(03)00329-0. Mancuso JM. (2008). Health literacy: a concept/dimensional analysis. Nurs Health Sci., 10, 248-255. doi: 10.1111/j.1442-2018.2008.00394.x. Mancuso JM. (2009). Assessment and measurement of health literacy: An integrative review of the literature. Nursing & Health Science, 11(1), 77–89. doi: 10.1111/j.1442- 2018.2008.00408.x Manganello JA.(2008). Health Literacy and adolescents: a framework and agemda for future research.Health Education Research, 23(5), 840-847. doi: 10.1093/her/cym069. Nielsen-Bohlman L, Panzer AM, Kindig DA, eds. (2004). Health literacy: A prescription to end confusion. Washington, DC: National Academies Press. Nutbeam D. (2000). Health literacy as a public health goal: A challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259-267. doi: 10.1093/heapro/15.3.259. Nutbeam D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine, 67(12), 2072-8. Office of Disease Prevention and Health Promotion. (2015). America's Health Literacy: Why We Need Accessible Health Information, health.gov. Washington DC: U.S. Department of Health & Human Service. Osborne RH, Batterham RW, Elsworth GR, Hawkins M, & Buchbinder R. (2013). The grounded psychometric development and initial validation of the health literacy questionnaire (HLQ). BMC Public Health, 13, 1-17. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
39 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ Paasche-Orlow MK, Wilson EA, & McCormack L. (2010). The evolving field of health literacy esearch. Journal of Health Communication, 15, 5-8. doi: org/10.1080/10810730.2010.499995. Paasche-Orlow M & Wolf MS.(2007).The causal pathways linking health literacy to health outcomes. American Journal of Health Behavior, 31, 19-26. Parker RM & Ratzan SC. (2010). Health Literacy: A second decade of diatinction for Americans. Journal of Health Communication: Interanational Perspectives, 15(S2), 20-33. Pavlekovic G. (2008). Health Literacy. Programmes for training on research in public health for South Eastern Europe, 4. Pleasant, A. & Kuruvilla S. (2008). A tale of two health literacies: Public health and clinical approaches to health literacy. Health Promotion International, 23(2), 152-159. Ratzan SC & Parker RM. (2000). Introduction. In: National library of medicine current bibliographies in medicine: Health literacy. Selden CR, Zorn M, Ratzan SC, Parker RM, Editors. NLM Pub. No. CBM 2000-1. Bethesda, MD: National Institutes of Health, U.S. Department of Health and Human Services. Rootman I. (2009). Health literacy, what should we do about it? Presentation the faculty of education at the university of victoria. Columbia: Canada Personal Communication. Rootman Irving & Gordon-El-Bihbety Deborah. (2008). A Vision for a health literate Canada report of the expert panel on health literacy. Ottawa: Canadian Public Health Association. Rootman I & Ronson B. (2005). Literacy and health research in Canada. Revue Canadienne de Sante publique, 96(2), 562-577. Ross W, Culbert A, Gasper C, & Kimmey J. (2010). A theory-based approach to improving health literacy. Retrieved on Feb 24, 2017 from file:///C:/Users/asus/ Downloads/A_Theory-Based_Approach_to_Improving_Health_Litera.pdf. Sallis JF, Owen N, Glanz K, Rimer BK, & Lewis FM. (2000). Ecological models of health behavior, Health behavior and health education, 3rd ed. San Francisco; CA Jossey-Bass Schillinger D. (2004). Improving chronic disease care for populations with limited health literacy. By Nielsen-Bohlman L, Panzer AM, Kindig DA, eds. Health literacy: A prescription to end confusion. Washington, DC: National Academies Press. Simonds SK. (1974). Health education as social policy. Health Education Monograph, 2, 1-25. Sørensen K, Van den Broucke S, Fullam J, Doyle G, Pelikan J, Slonska Z, & Brand H. (HLS-EU) Consortium Health Literacy Project European. (2012). Health literacy องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
40 บทท่ี 1 แนวคดิ ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ and public health: A systematic review and integration of definitions and models. BMC Public Health, 12(80), 1-13. doi: 10.1186/1471-2458-12-80. Søorensen K & Brand H. (2013). Health literacy lost in translations: introducing the European Health Literacy Glossary. Health Promotion International. US Department of Health and Human Services-HHS. (2000). Healthy People 2010: Understanding and Improving Health. Washington, DC: U.S. Government Printing Office. Retrieved on June 20, 2016 from www.healthypeople/gov. Van Tuyen Duong, I-Feng Lin, &. Kristine Sorense. (2015). Health literacy in Taiwan: A population-based study. Asia Pacific Journal of Public Health, 27(8), 871–880. Wagner CV, Steptoe A, Wolf MS, & Wardle J.(2009). Health literacy and health actions: A review and a framework from health psychology. Health Education & Behavior, 36(5), 860-877. doi: 10.1177/1090198108322819. WHO. (1998). Health promotionGlossar. Geneva: WHO Publications. WHO. (2013). Health literacy The solid facts: WHO Regional Office for Europe. WHO. (2009). Global Health Risks: Mortality and burden of disease attributable to selected major risks. Geneva: WHO Press. Retrieved on June 2, 2015 from http://www.who.int/ healthinfo/global_burden_disease/ GlobalHealthRisks_ report_full.pdf?ua=1&ua=1. WHO. (2013). Health literacy: The solid facts. the results of the European health literacy survey. Editors: Ilona Kickbusch, Jürgen M. Pelikan, Franklin Apfel & Agis D. Tsouros. Publications WHO Regional Office for Europe UN City, Copenhagen, Denmark. WHO. (2016). The mandate for health literacy. 9th Global Conference on Health Promotion. Shanghai. Retrieved on July 3, 2016 from http://who.int/healthpromotion/conferences/9gchp/health-literacy/en/. Yost KJ, Webster K, Baker DW, Choi SW, Bode RK, & Hahn EA.( 2009). Bilingual health literacy assessment using the Talking Touchscreen/la Pantalla Parlanchina: development and pilot testing. Patient Educ Couns, 75 (3), 295-301 doi: 10.1016/j.pec.2009.02.020. Zarcadoolas C, Pleasant A, & Greer, D. (2005). Uderstanding health literacy: An expanded model. Health Promotion International, 20(2), 195-203. doi:10.1093/heapro/dah609. Zarcadoolas C, Pleasant A, & Greer D. (2006). Advancing health literacy: A framework for understanding and action. Jossey Bass: San Francisco, CA. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
41 บทท่ี 2 เคร่อื งมอื วดั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ _______________________________________________________________ บทท่ี 2 เครือ่ งมือวดั ความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ จากการสบื คน้ คาว่า “health literacy” ในฐานออนไลน์ จะพบว่า นกั วชิ าการสขุ ภาพทวั่ โลกใหค้ วามสนใจในการศกึ ษา health literacy จานวนมากถงึ 6,243 เรอ่ื งตงั้ แต่ปี ค.ศ.1985 - มถิ ุนายน ค.ศ.2017 ใน PubMed/Medline และงานวจิ ยั เหล่าน้ีเป็นการศกึ ษาในบรบิ ททต่ี ่างกนั คอื ทงั้ ต่างกลุ่มเป้าหมาย ต่างกลุ่มวยั ต่างโรค ต่างระดบั ต่างวตั ถุประสงค์ในการออกแบบ งานวจิ ยั ดงั ปรากฏได้จากคาสาคญั ในฐานขอ้ มลู ทงั้ น้ี แต่ละบทความวจิ ยั อาจจะมคี าสาคญั ได้ มากกว่า 1 คา แต่เมอ่ื พจิ ารณาความถ่ขี องจานวนบทความวจิ ยั จาแนกตามคาสาคญั ตามลาดบั ได้ดังน้ี health literacy patient (5,379 เร่ือง) health literacy elderly (3,972 เร่ือง) health literacy outcome ( 1,116 เ ร่ือ ง ) health literacy cancer ( 1,056 เ ร่ือ ง ) health literacy medication (987 เร่ือง) health literacy chronic (950 เร่ือง) health literacy diabetes (743 เรอ่ื ง) health literacy order (670 เรอ่ื ง) low health literacy (662 เรอ่ื ง) mental health literacy (485 เร่ือง) functional health literacy (425 เร่ือง) health literacy prescription (302 เร่ือง) health literacy cardiovascular (273 เร่ือง) oral health literacy (133 เร่ือง) health literacy assessment (89 เร่ือง) health literacy Scale (63 เร่ือง) health literacy questionnaire (52 เร่อื ง) health literacy intervention (32 เร่อื ง) และ health literacy education (23 เร่อื ง) เม่อื พจิ ารณาบทความวจิ ยั ท่มี วี ตั ถุประสงค์หลกั เพ่อื พฒั นาเคร่อื งมอื วดั สรา้ งแบบวดั และทาการ ประเมนิ ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ (Health literacy) จะพบว่า มจี านวนรวมทงั้ สน้ิ 204 เรอ่ื ง และในจานวนน้ีมผี ลงานวจิ ยั ในการสรา้ งเคร่อื งมอื ประเมนิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของคนไทย โดยกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกบั สถาบนั วิจยั พฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซ่ึงดาเนินการโดย Intarakamhang & Kwanchuen (2016) เป็นการวจิ ยั เพ่อื พฒั นาเครอ่ื งมอื และการนาไปใชใ้ นการประเมนิ ความรอบ รูด้ ้านสุขภาพของคนไทยวยั ผู้ใหญ่ ส่วน Intarakamhang & Intarakamhang (2017) เป็นการ ศกึ ษาวจิ ยั เพ่อื พฒั นาเคร่อื งมอื วดั ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฒั นาโมเดลความสมั พนั ธ์เชงิ สาเหตุของเด็กไทยท่มี ภี าวะน้าหนักเกิน และ องั ศินันท์ อินทรกาแหงและธญั ชนก ขุมทอง (2560) การประเมนิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ เพ่อื ป้องกนั การตงั้ ครรภก์ ่อนวยั อนั ควรสาหรบั สตรี ไทยวยั รนุ่ อายุ 15-21 ปี เพอ่ื เป็นเครอ่ื งมอื สาหรบั บุคลากรสาธารณสุขใชใ้ นการวดั และประเมนิ ระดบั ความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพของคนไทยในแต่ละกลมุ่ วยั ต่อไป องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293