194 คมู่ ือวชิ าการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจ้าหนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) 3. การทำ�ลายตวั แกข่ องแมลงวนั การฆา่ หรอื ท�ำ ลายตัวแก่ของแมลงวัน แบ่งเปน็ 2 วิธีใหญๆ่ ดงั นี้ 3.1 วธิ ีกล ได้แก่ 1) ใชก้ บั ดกั แมลงวนั โดยอาศยั คณุ สมบตั ขิ องแมลงวนั ทช่ี อบอยใู่ นทท่ี มี่ แี สงสวา่ งและไวตอ่ กลน่ิ อาหาร วธิ ีการท�ำ ได้โดยน�ำ เหยือ่ เชน่ เศษปลา วางในถาด ใหต้ �่ำ กวา่ และมืดกว่าส่วนท่ีเป็นกบั ดัก เมอ่ื แมลงวัน ลงไปกนิ เหย่อื จนอิม่ จะบินขน้ึ กรงดักด้านบนซงึ่ มีแสงสวา่ งแล้วไมส่ ามารถบินลงมาได 2) ใช้กาวจับแมลงวัน เน่ืองจากแมลงวันมีนิสัยชอบเกาะพักตามส่ิงของท่ีเป็นเส้นหรือห้อง แขวนตามแนวด่ิงสำ�หรับจับทำ�กาวจับแมลงวัน (ไปแขวนหอยตามหน้าต่างทาบนเส้นลวดหรือเชือกหรือเพดาน ที่แมลงวนั บนิ ผา่ น) โดยใช้ ยางขนุน กาวดักแมลงวนั หรือกาวดักหนู 3) ใชไ้ มต้ แี มลงวัน วิธนี ้เี หมาะกบั บ้านที่แมลงวนั น้อยๆ 4) ใชเ้ ชอื กหอ้ ยแขวนจากเพดานให้แมลงวันเกาะ แลว้ ใช้ถุงพลาสตกิ ครอบจบั 3.2 ใช้สารเคมี โดยควรคำ�นึงถึงสภาพแวดล้อมและความปลอดภัยของมนุษย์ เน่ืองจากอาจมี อันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงรวมท้งั อาจปนเปือ้ นสู่สิ่งแวดลอ้ มได้ ได้แก่ 1) การพ่นสารเคมีแบบมีฤทธิ์ตกค้าง เป็นการใช้สารเคมีเฉพาะท่ีตามแหล่งเกาะพักหรือ แหล่งเพาะพันธ์ของแมลงวนั เชน่ คอกสัตว์ มูลสตั ว์ กองขยะมลู ฝอย เป็นตน้ โดยใช้ Dipterex 1%, Malathion 2-5%, Diazinon 0.5-1%, DDVP 0.5%, Ronnel 1% ฉีดพน่ ตามแหล่งท่ีมีแมลงวัน วธิ ีนีส้ ามารถลดความชุกชุม ของแมลงวันได้อยา่ งรวดเร็ว 2) การพ่นสารเคมีแบบฟุ้งกระจายในอากาศ (space treatment) เป็นวิธีลดความชุกของ แมลงวันในสถานทีท่ ่ตี ้องควบคุมไมใ่ หม้ ีแมลงวนั เชน่ หอ้ งอาหาร ร้านคา้ เปน็ ตน้ โดยจะกำ�จดั แมลงวนั ท่ีบินมา สัมผัสกับสารเคมีที่ฉีดพ่นทันที โดยสามารถสารเคมีแบบภาชนะบรรจุชนิดกระป๋องสเปรย์ ซึ่งสะดวกปลอดภัย ต่อการใช้ เชน่ สารออกฤทธิ์ประเภทเพราทรนิ (Pyrethrin) 0.1-0.4% 3) การวางเหยื่อพิษ เป็นการผสมสารเคมีกับเหย่ือล่อแมลงวันเพ่ือดึงดูแมลงวัน เช่น การใช้ เหยือ่ พษิ พวก Proproxur 0.1-2% ผสมเหย่อื ลอ่ แมลงวนั เช่น นำ�้ ตาล หรอื ขา้ วโพดป่น ใสภ่ าชนะลอ่ ให้แมลงวัน มาตอม วิธีนี้มขี อ้ ดีคือ ไม่เคยมีการดื้อยาเกดิ ขนึ้ และยงั สามารถฆา่ แมลงวันทีด่ ้ือยาบางประเภทได้ โดยบริเวณทีม่ ี การวางเหยอ่ื พษิ อาจใชก้ รงดกั แถบกาว หรอื เชอื กกาวจบั แมลงวนั ควบคไู่ ปดว้ ย เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หแ้ มลงวนั ทสี่ มั ผสั สารเคมไี ปสมั ผัสอาหาร น้ำ� และส่งิ แวดลอ้ มอืน่ ๆ 4) การใช้เชือกชุบยาฆ่าแมลงวันแขวนห้อยเป็นราว ในบริเวณท่ีแมลงวันชอบมาเกาะ เม่ือแมลงวันมาเกาะก็จะสัมผัสถูกสารเคมี แมลงวันก็จะตายวิธีนี้เป็นวิธีท่ีมีประสิทธิภาพเหมาะกับนิสัยหรือ พฤติกรรมของแมลงวนั ราคาถกู แตม่ ขี ้อเสยี คอื จ�ำ นวนแมลงวนั จะค่อยๆ ลดลงจะไมล่ ดลงอย่างรวดเรว็ เหมอื น วธิ ีการใชส้ ารเคมี
คู่มือวิชาการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจ้าหน้าท่ี 195 (Principles of Food Sanitation Inspector) แมลงสาบ (Cockroaches) แมลงสาบ เป็นแมลงพาหะนำ�โรคชนิดหนึ่งที่มักพบได้ในอาคารบ้านเรือนท่ัวไป ชอบอาศัยอยู่ร่วมกับ มนุษย์และก่อให้เกิดความรำ�คาญความเดือดร้อน โดยแมลงสาบชอบออกหากินในเวลากลางคืนและสามารถ กนิ อาหารไดท้ กุ ประเภทโดยเฉพาะอาหารพวกแป้งและนำ�้ ตาล รวมถึงพวกใยผ้าต่างๆ จึงมักพบ สมดุ กระดาษ หนังสือ เส้ือผ้าที่มีความช้ืน อาหารแห้งต่างๆ จะถูกแมลงสาบทำ�ลายเสียหาย นอกจากนี้แมลงสาบยังก่อให้ เกิดความสกปรกและกล่ินเหม็นอีกด้วยเพราะเม่ือกัดกินหรือเดินผ่านอาหารแมลงสาบจะสำ�รอกหรือถ่ายลงบน อาหาร ซงึ่ ท�ำ ใหม้ เี ชอ้ื โรคตา่ งๆ รวมทงั้ พยาธปิ นลงสอู่ าหาร แมลงสาบทว่ั โลกมกี ารคน้ พบถงึ 4,000 ชนดิ โดยชนดิ ที่เก่ียวข้องกับมนุษย์และก่อปัญหาด้านสาธรณสุขมีเพียง 4 ชนิด คือ แมลงสาบเยอรมัน แมลงสาบอเมริกัน แมลงสาบตะวนั ออก และแมลงสาบลายน้ำ�ตาล แต่มกั พบกนั โดยท่ัวไปเปน็ จำ�นวนมากคือ แมลงสาบอเมริกัน ลกั ษณะทั่วไป แมลงสาบ เปน็ สตั วอ์ ารโ์ ทรปอด มลี กั ษณะแบนราบ ถา้ มองจากดา้ นบนลงมาจะมรี ปู รา่ งทรงกลมรคี ลา้ ย แบบรูปไข่ รูปร่างประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนหัว (Head) ส่วนอก (Thorax) และส่วนท้อง (Abdomen) มีหนวดยาว 1 คู่ ใชส้ ำ�หรับดมกลิ่นและสมั ผัสน�ำ ทาง มขี า 6 ขา บรเิ วณขาจะมขี นคลา้ ยหนาม มีปกี 2 คู่ โดย ปีกคู่แรกมีลักษณะเหนียวยาวและเหยียดตรงอยู่ด้านนอก ใช้ปกป้องปีกอีกคู่หนึ่งซ่ึงเป็นเย่ือบางๆ ถึงแม้ว่า แมลงสาบจะมีปีก แตพ่ บวา่ แมลงสาบชอบไต่คลานตามพืน้ และผนังจะใช้ปกี บินเฉพาะในกรณีทีต่ ้องการหนี วงจรชวี ติ และการแพรพ่ ันธ์ุ แมลงสาบ มกี ารเจรญิ เตบิ โตแบบ Gradual metamorphosis คอื มกี ารเจรญิ เตบิ โต โดยวธิ กี ารลอกคราบ แบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะไข่ (Egg) ตัวอ่อน (Nymph) และตัวเต็มวัย (adult) โดยตัวเมียเต็มวัยจะ ผสมพันธุ์และวางไข่จำ�นวนประมาณ 10-40 ฟอง ซึ่งบรรจุอยู่ภายในเปลือกบรรจุไข่ที่เรียกว่า Capsule หรือ Octheca การฝงั ตัวของไขภ่ ายในเปลอื กบรรจไุ ขจ่ ะแตกตา่ งกันไปตามชนดิ ของแมลงสาบ ไขข่ องแมลงสาบ จะฟักตัวออกมาเปน็ ตวั อ่อน (nymph) ซ่งึ มรี ูปร่างและลักษณะเหมือนตวั แกเ่ พยี งแตอ่ วยั วะสืบพันธ์ุและสว่ นปกี ยงั ไม่เจรญิ เท่านัน้ โดยตวั ออ่ นจะมีการเจริญเติบโตการลอกคราบ (Molting) ซ่ึงจะลอกคราบหลายๆ ครัง้ ขึน้ อยู่ กับชนิดของแมลงสาบเม่ือลอกคราบใหม่ๆ ลำ�ตัวมีสีขาวครีม ซ่ึงต่อมามันจะสร้างสารไคตินหุ้มตัวทำ�ให้ลำ�ตัว มสี ีนำ�้ ตาล ตวั อ่อนทีเ่ จรญิ เติบโตใกล้จะเปน็ ตัวแกจ่ ะมตี ุ่มปีก (Wing pap) เกิดขนึ้ และตุ่มนี้จะคอ่ ยๆขยายใหญ่ขน้ึ จนลอกคราบครง้ั สดุ ทา้ ยกลายเปน็ ตวั แก่ เพอ่ื พฒั นาการเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งเปน็ ตวั เตม็ วยั ทม่ี ปี กี และอวยั วะสบื พนั ธ์ุ ท่สี มบูรณเ์ ตม็ ท่ี จงึ จะเจริญเปน็ ตัวแก่ทส่ี มบูรณ์ วงจรชวี ิตของแมลงสาบแต่ละชนิดจะไมเ่ ท่ากัน โดยทวั่ ไปจะอยู่ ในชว่ ง 1 – 3 ปี ซง่ึ สามารถสรปุ วงจรชวี ติ ของแมลงสาบแตล่ ะชนิดได้ ดงั น้ี
196 ค่มู อื วชิ าการสุขาภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจ้าหน้าที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) 1. แมลงสาบอเมริกัน (American Crockroach) เป็นแมลงสาบที่พบได้ตามอาคารทั่วไป ในประเทศไทยพบแมลงสาบชนิดนี้มากท่ีสดุ สว่ นใหญ่มกั พบตามท่อน้ำ� ท่อระบายน้ำ� บริเวณท่ีเกบ็ อาหารพวก แป้ง เสื้อผา้ เป็นตน้ เป็นแมลงสาบขนาดใหญ่ มคี วามประมาณ 35-40 มลิ ลิเมตร การแพรพ่ ันธุต์ ัวเมีย 1 ตัว เมือ่ ผสมพันธ์ุแล้ว 4-10 วนั ตวั เมียจะออกไขเ่ ปน็ Capsule ซง่ึ ใน Capsule หนงึ่ อนั จะมไี ข่ 15 ฟอง ตวั เมียแตล่ ะ ตวั สามารถออก Capsule ได้ 21-59 Capsule ทอี่ อกมาจะตดิ อยกู่ บั สว่ นกน้ ประมาณ 24 ชวั่ โมง จากนน้ั แมลงสาบ จะนำ� Capsule ไปเกาะตดิ ตามท่เี หมาะสม เพ่อื ฟกั ไข่เปน็ ตวั ออ่ นใช้เวลา 30-45 วัน (Nymph) จะลอกคราบ 7-13 คร้ัง กินเวลา 5-15 เดอื นกลายเปน็ ตวั แก่ (Adult) ตัวแก่จะมอี ายไุ ด้ประมาณ 440 วัน รวมระยะเวลาตลอด วงจรชวี ติ ใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี 2. แมลงสาบตะวันออก (Oriental cockroach) เป็นแมลงสาบปีกส้ัน ตัวเมียจะมีปีกสั้นกุด สว่ นตวั จะมปี กี ยาวกวา่ เลก็ นอ้ ย สนี �้ำ ตาลเขม้ หรอื ด�ำ สว่ นใหญท่ พี่ บในประเทศไทยจะมสี ดี �ำ แมลงสาบชนดิ นช้ี อบ อากาศเยน็ จึงมกั พบไดต้ ามใต้ดนิ ตามท่ีชื้นแฉะ เช่นห้องนำ้� ท่อระบายน้ำ�หรอื ภายนอกอาคาร เช่น ใตก้ องไม้ ก้อนหนิ เป็นต้น ตวั เตม็ วัยจะมีความยาวประมาณ 27–33 มิลลเิ มตร การแพร่พันธุ์ตวั เมยี ผสมพันธแ์ุ ล้ว 1 ตวั สามารถออก Capsule แต่ละอันมีไข่บรรจุอยู่ภายใน 14 ฟอง ตัวอ่อนลองคราบ 7-10 คร้ัง กลายเป็นตัวแก่ ตวั แกม่ อี ายไุ ดป้ ระมาณ 96 วนั รวมระยะเวลาตลอดวงจรชวี ติ ของมนั 215-991 วนั และแมลงสาบชนดิ นสี้ ามารถ แพรพ่ ันธ์ุ โดยไมต่ ้องมกี ารผสมพันธ์ุ เรียกว่า Parthenogenesis 3. แมลงสาบเยอรมัน (German cockroach) เป็นแมลงสาบท่ีมักพบตามบ้านเรือน ห้องครัว ร้านอาหาร หอ้ งน้�ำ เนื่องชอบอากาศอบอุ่นอุณหภมู ิ 30 องศาเซลเซยี ส มนี สิ ยั ชอบหลบซ่อนตามกลอ่ งกระดาษ หรอื ตดิ ไปกบั กลอ่ งใสอ่ าหารสด อาหารแหง้ แผงไข่ เปน็ แมลงสาบขนาดเลก็ มคี วามยาวประมาณ 12–16 มลิ ลเิ มตร มปี กี ยาว บนิ เกง่ รวดเรว็ วอ่ งไวกวา่ แมลงสาบชนดิ อน่ื ๆ ลกั ษณะส�ำ คญั คอื ทรวงอกทอ่ นแรกจะมแี ถบสนี �้ำ ตาลเขม้ หรือดำ� 2 แถบ การแพร่พันธ์ุตัวเมียที่ผสมพันธุ์แล้ว 1 ตัว สามารถออกไข่ได้ประมาณ 7 Capsule ในแต่ละ Capsule มีไขป่ ระมาณ 30 ฟอง ตัวออ่ นจะลอกคราบ 5-7 คร้ังจึงกลายเปน็ ตัวแก่มอี ายุอยู่ได้ประมาณ 140 วัน รวมระยะเวลาตลอดวงจรชีวิต 64-251 วัน 4. แมลงสาบลายนำ�้ ตาล (Brown banded cockroach) เป็นแมลงสาบขนาดเล็กประมาณ 10-14 มลิ ลิเมตร มลี ักษณะสนี �ำ้ ตาลออ่ นคล้ายแมลงสาบเยอรมนั มปี กี ยาว มีลักษณะส�ำ คญั คือ มีแถบสีน้ำ�ตาลพาดบน ปกี ขา้ งละ 1 แถบ และสามารถพบแมลงสาบชนดิ นต้ี ามกลอ่ งสนิ คา้ ทอ่ี บั ชนื้ หอ้ งครวั หอ้ งอาหาร หอ้ งน�้ำ ตเู้ สอ้ื ผา้ ช้ันวางของ เป็นต้น แมลงสาบชนิดน้ีมีความว่องไวสามารถบินหรือว่ิงหลบหนีอย่างรวดเร็วเม่ือถูกรบกวน การแพร่พันธ์ตุ ัวเมียทผี่ สมพันธุ์แล้ว 1 ตวั ออก Capsule ได้ประมาณ 10 อัน ในแตล่ ะ Capsule มีไข่บรรจุอยู่ ภายในประมาณ 16 ฟอง ไขท่ ่ถี กู ผสมแล้วจะสเี ขยี วทพ่ี น้ื ผิว Capsule ตัวอ่อนลอกคราบ 7-9 คร้งั จึงกลายเปน็ ตวั แก่ ตัวแก่มอี ายุอยู่ได้ประมาณ 115 วนั รวมระเวลาตลอดวงจรชีวิตของมนั 143-379 วัน
คู่มอื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรบั เจ้าหนา้ ท่ี 197 (Principles of Food Sanitation Inspector) สรปุ การเปรียบเทยี บลักษณะของแมลงสาบแตล่ ะชนดิ Family (สกุล) Blattidae Blattellidae Blattellidae Blattellidae ชอื่ สามัญ แมลงสาบอเมริกนั แมลงสาบเยอรมนั แมลงสาบตะวนั แมลงสาบนำ�้ ตาล Periplaneta Blattella ออก Blatta ชื่อวทิ ยาศาสตร์ americana Germanica Supella orientalis Supellectilium รปู ระยะตวั แก่ ขนาด 30 – 40 มลิ ลเิ มตร 12 – 16 มลิ ลเิ มตร 22 – 27 มิลลิเมตร 10 – 14 มิลลเิ มตร ลักษณะส�ำ คัญ สีน้�ำ ตาลทองแดง สนี ำ�้ ตาลออ่ น สนี �ำ้ ตาลคอ่ นขา้ งด�ำ สนี �ำ้ ตาล ทป่ี กี ปีกยาว รอบคอ ทที่ รวงอกทอ่ นแรก สว่ นอก มลี ายสเี หลอื ง มีสีน�้ำ ตาลออ่ น ระยะไข่ มีแถบสีเหลอื ง มแี ถบสนี �้ำ ตาล หรอื ขาว ปีกส้นั พาดผา่ น 2 แถบ อยูใ่ นแคปซลู หรอื ด�ำ 2 แถบ 1 แคปซลู มไี ข่ 1 แคปซลู มไี ข่ 1 แคปซลู มไี ข่ 1 แคปซลู มไี ข่ ประมาณ 15 ฟอง ประมาณ 30 ฟอง ประมาณ 14 ฟอง ประมาณ 16 ฟอง ระยะตวั ออ่ น ลักษณะเหมือนตวั แก่ แต่ปกี และอวยั วะสืบพนั ธุ์ยังไม่เจรญิ เตม็ ที่ nymph จะลอกคราบหลายครง้ั เป็นตวั แก่ จำ�นวนครง้ั 7 – 13 ครง้ั 5 - 7 ครง้ั 7 – 10 ครงั้ 7 – 9 ครั้ง ของการลอกคราบ จนเปน็ ตวั แก่ ทอี่ ยอู่ าศัยและแหลง่ เพาะพันธุ์ แมลงสาบทงั้ 4 ชนดิ มกั มแี หลง่ ทอี่ ยอู่ าศยั และหากนิ อยภู่ ายในบา้ นเรอื นตลอดชว่ งชวี ติ ของมนั เนอ่ื งจาก แมลงสาบมีลักษณะรูปร่างลำ�ตัวแบน เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว บางชนิดมีปีกบินได้ทำ�ให้สามารถหลบซ่อนตัวตาม รอยแยกหรือตามซอกมุมต่างๆ ท่ีพบได้ทั่วไปในบ้านเรือน แมลงสาบจึงสามารถปรับตัวเข้ากับส่ิงแวดล้อมได้ดี จงึ สามารถแพร่พันธ์ุไดท้ ัว่ ไปในอาคาร โดยเฉพาะทล่ี ับตา มืด อับชน้ื เช่น ตามหอ้ งน�้ำ ห้องส้วม ทอ่ ระบายน�ำ้ บอ่ เกรอะบ่อซมึ บริเวณขยะห้องเกบ็ ของ กล่อง หรอื ตามรอยซอกมมุ ตา่ งๆ ตามช่องว่างภายในทอ่ น้ำ� หรอื ตามท่ี หมกั หมมต่างๆ เป็นตน้
198 คู่มือวิชาการสุขาภบิ าลอาหารส�ำ หรบั เจา้ หนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) ความสำ�คัญในทางสาธารณสขุ แมลงสาบเป็นแมลงมีปากเป็นแบบกดั เคยี้ ว (Chewing) มนี ิสยั ชอบกัดทำ�ลายสง่ิ ของเครือ่ งใชภ้ ายในบา้ น มีกล่ินเหม็นเฉพาะตัวซึ่งขับออกมาจากต่อมกล่ิน (Scent gland) ลักษณะเหลวคล้ายน้ำ�มันก่อให้เกิด ความน่ารำ�คาญ ขณะกินอาหารจะส�ำ รอกน�้ำ ลายและนำ�้ ยอ่ ยในกระเพาะอาหาร ออกมาช่วยย่อยละลายอาหาร สามารถกินอาหารได้เกือบทุกชนิดต้ังแต่อาหารท่ีสกปรก เน่าเสียตามกองขยะจนถึงอาหารของมนุษย์ ทำ�ให้ เช้ือโรคท่ีติดมาตามตัวหรืออยู่ในกระเพาะของแมลงสาบสามารถปนเปื้อนลงในอาหารเม่ือแมลงสาบมากินหรือ เดินผ่านอาหาร โดยจะส�ำ รอกน้ำ�ลายหรือนำ้�ย่อยขณะกินอาหาร หรือถ่ายลงบนอาหารน้ัน ทำ�ให้ผู้รับประทาน อาหารนนั้ ไดร้ บั เชอื้ โรคและเจบ็ ปว่ ยได้ แมลงสาบเปน็ พาหะส�ำ คญั ทสี่ ามารถน�ำ เชอื้ โรคตดิ ตอ่ มาสคู่ นไดห้ ลายชนดิ โดยมคี วามสำ�คญั ในการแพร่โรค ดังนี้ 1. แมลงสาบเปน็ พาหะนำ�โรคต่างๆ เชน่ - พวกแบคทีเรีย ได้แก่ อหวิ าตกโรค แอนแทรกซ์ วณั โรค ซลั โมเนลลา่ เป็นต้น - พวกโปรโตซวั ได้แก่ Giardia lambia บิดมีตัว (Entanoeba histolytica) เป็นต้น - พวกพยาธิ ได้แก่ พยาธิปากขอ พยาธิเสน้ ดาย พยาธไิ สเ้ ดือน พยาธิตืดวัว เป็นตน้ - พวกไวรัส ได้แก่ โปลิโอ เปน็ ตน้ 2. แมลงสาบเป็นโฮสตก์ ง่ึ กลาง (Intermediate host) ของพยาธบิ างชนิด เช่น พยาธติ ัวตืด Hyme- nolepe diminuta พยาธิเข็มหมุด เปน็ ต้น 3. ทำ�ให้เกิดอาการแพ้ (Allergic reaction) เนื่องจากมูลและสารบางอย่างบนตัวของแมลงสาบ อาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ โรคภมู แิ พแ้ ละหอบหดื ได้ โดยเฉพาะในเดก็ หรอื พวกเศษของปกี หรอื ชนิ้ สว่ นตา่ งๆ ของแมลงสาบ ถา้ หายใจเขา้ ไปอาจเกดิ การแพไ้ ด้ การสำ�รวจและประเมนิ ความชกุ แมลงสาบ การส�ำ รวจความชกุ ของแมลงสาบนยิ มใชว้ ธิ กี บั ดกั กาว (Trapping Method) ซงึ่ เปน็ วธิ กี ารหาความชกุ ของแมลงสาบโดยใช้อุปกรณ์ คือ บ้านแมลงสาบทากาวและวางเหยื่อนำ�ไปวางดักในบริเวณท่ีทำ�การสำ�รวจ โดยมีขนั้ ตอนการด�ำ เนนิ การดงั นี้ 1. ทดสอบหาเหย่อื ทีแ่ มลงสาบชอบมากที่สุด โดยส่มุ ตัวอยา่ งพ้นื ทท่ี ี่จะทำ�การทดสอบ 10 จดุ แตล่ ะ จุดให้วางเหยอื่ ทีจ่ ะท�ำ การทดสอบทุกชนดิ ชนดิ ละ 50 กรัม ในกบั ดักแมลงสาบ หรอื บ้านแมลงสาบ วางท้งิ ไว้ 1 คืน จากนัน้ น�ำ เหย่อื แมลงสาบที่เหลือมาช่งั เพอ่ื หาร้อยละของเหย่อื ทหี่ มดไป ในการควบคุมกำ�จัดแมลงสาบจะใช้เหยื่อชนิดท่ีแมลงสาบชอบมากท่ีสุดแต่ถ้าร้อยละของเหย่ือที่หมด ไปมีจำ�นวนใกล้เคียงกันแสดงว่าแมลงสาบชอบเหยื่อเหล่านั้นพอๆกัน ในการควบคุมกำ�จัดแมลงสาบในพ้ืนท่ีน้ัน อาจจะต้องเหยอ่ื หลายชนิด 2. วางกับดักแมลงสาบหรือบ้านแมลงสาบโดยใช้เหยื่อท่ีแมลงสาบชอบ 1 อัน ต่อพ้ืนที่ประมาณ 10 ตารางเมตร โดยเลือกวางบริเวณแหลง่ เพาะพนั ธ์ุ แหลง่ ทพี่ บมูลแมลงสาบ ตามทีม่ ดื อบั ช้ืน หรือซอกมุมหอ้ ง เป็นเวลา 3 วัน พร้อมทั้งทำ�การเปล่ียนเหย่ือ และบันทึกจำ�นวนแมลงสาบต่อพ้ืนที่ท่ีทำ�การสำ�รวจ (ประมาณ 10 ตารางเมตร)
คู่มอื วิชาการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจ้าหนา้ ท่ี 199 (Principles of Food Sanitation Inspector) การควบคุมและกำ�จัด ในการควบคุมและป้องกันแมลงสาบ มีแนวทางหลักในการควบคุมกำ�จัดแมลงสาบ 2 แนวทาง คือ 1.การทำ�ลายแมลงสาบและไข่ของแมลงสาบ และ 2.การปรับปรุงสุขาภิบาลส่ิงแวดล้อมเป็นการทำ�ลาย และควบคมุ แหล่งเพาะพันธ์ุ ทหี่ ลบซ่อนและแหลง่ อาหารของแมลงสาบ โดยในการควบคมุ ก�ำ จดั แมลงสาบใหไ้ ด้ผล อยา่ งถาวรน้ันต้องด�ำ เนนิ การทงั้ 2 วิธคี วบคกู่ ันไป มีรายละเอยี ดดงั นี้ 1. การท�ำ ลายแมลงสาบและไข่ของแมลงสาบ การทำ�ลายแมลงสาบ ทำ�ได้ 2 วิธี คือ การใช้กับดักและการใช้สารเคมี ซ่ึงเป็นแนวทางที่จะ ลดจ�ำ นวนแมลงสาบได้อย่างรวดเรว็ มีรายละเอยี ดดงั นี้ 1.1 การใช้กับดัก เป็นวิธีการท่ีศึกษาจากนิสัยของแมลงสาบซึ่งชอบกัดทำ�ลายและชอบอาหาร ประเภทแปง้ และน้ำ�ตาล จงึ ทำ�ให้มีการประดษิ ฐก์ บั ดกั แมลงสาบ โดยมลี กั ษณะเป็นกล่องซงึ่ มแี ผน่ โลหะบางเบา สามารถเปิดเข้าภายในแต่ดันออกไม่ได้ ภายในวางเหย่ือท่ีแมลงสาบชอบ เช่น ข้าวเกรียบ ข้าวค่ัว หรืออาหาร ประเภทแปง้ อนื่ ๆ ลอ่ ให้แมลงสาบเขา้ มากนิ แลว้ ตดิ กบั ดกั เมือ่ จับไดจ้ �ำ นวนมากอาจน�ำ ไปฆา่ โดยการแชน่ ้ำ�หรือ น�ำ ไปตากแดด นอกจากนี้ ยังสามารถดัดแปลงน�ำ ขวดปากแคบ เช่น ขวดน้ำ�หวาน ขวดเหลา้ กลม มาวางเรยี งบน แทน่ ไมใ้ สเ่ หยอ่ื ลอ่ ภายในให้แมลงสาบเขา้ ไปกินเมื่อแมลงสาบตกลงไปก็ไมส่ ามารถปีนขนึ้ มาได้เชน่ กนั 1.2 การใช้สารเคมี โดยอาจฉีดพ่นหรือโรคผงเคมีหรืออาจใช้การวางเหยื่อพิษสารเคมีที่ใช้ เช่น สารเคมปี ระเภทคาร์บาเมต 2% หรอื ออรก์ าโนฟอสเฟต เช่น คลอเดน 2-2.5% Malathion เขม้ ขน้ 2% ถา้ เปน็ ในอาคารบา้ นเรอื นโดยเฉพาะในห้องครัว ห้องเก็บอาหารควรใช้สารประเภทไพเรธรนิ 0.5% ในการพน่ สารเคมี ควรฉีดพ่นตามแนวผนังและพืน้ เป็นแถบกวา้ งระยะ 30-50 เซนตเิ มตร เนอ่ื งจากแมลงสาบเปน็ สัตว์ทไี่ ตต่ ามพน้ื และผนงั (Creeping Insect) จะท�ำ ใหม้ ันไดร้ บั สารเคมีและตายในท่สี ดุ ไมค่ วรฉดี พน่ สารเคมีให้ฟุง้ กระจายไปใน อากาศ นอกจากน้คี วรฉดี พ่นสารเคมตี ามซอกตู้ รอยแตก ทอ่ น�้ำ ทิง้ กองขยะ ซอกห้องน้ำ�-ห้องสว้ ม ทมี่ ดื อบั ชืน้ นอกจากจะฉดี พน่ สารเคมแี ลว้ อาจใชส้ ารเคมผี สมกาวแปง้ เปยี กทาตามดา้ นหลงั ตู้ เครอื่ งเรอื น หรืออาจใช้เหย่ือพิษกำ�จัดแมลงสาบโดยใช้บอแรกซ์ 3 ส่วน ผสมกับแป้งมันหรือแป้งข้าวเจ้า 1 ส่วน โรยตาม ซอกตรู้ อยแตกและทีห่ ลบซอ่ นของแมลงสาบ การทำ�ลายไขข่ องแมลงสาบ เป็นวิธีตัดวงจรชีวิตและลดจำ�นวนของแมลงสาบได้อย่างรวดเร็ว คือ เม่ือทำ�ลายแคปซูล 1 แคปซูล สามารถทำ�ลายไข่หรือตัวอ่อนได้คราวละ 14-30 ตัว โดยขึ้นอยู่กับชนิดของแมลงสาบวิธีน้ีทำ�ได้โดยหมั่นตรวจ ซอกตู้ เครอ่ื งเรือน กล่อง ลัง หีบหอ่ ส่ิงของ ใต้โตะ๊ หลังตู้ ทีวี หากพบแคปซลู ของไขแ่ มลงสาบให้น�ำ ไปกำ�จดั หรอื ทำ�ลายโดยการเผาทง้ิ กช็ ว่ ยลดจ�ำ นวนแมลงสาบได้ นอกจากนี้เพ่ือป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาอาศัยในอาคารก่อนที่จะนำ�ลังสินค้า กล่องกระดาษ ถาดใสไ่ ข่ หรอื หีบห่อของเข้ามาในอาคาร ควรตรวจส่งิ ของเหลา่ นัน้ อย่าให้มีไขแ่ มลงสาบหรือตัวแมลงสาบติดเขา้ มาในอาคาร
200 คมู่ ือวชิ าการสุขาภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจ้าหนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) 2. การปรับปรงุ สุขาภิบาลส่ิงแวดล้อม การปรบั ปรงุ สขุ าภบิ าลสงิ่ แวดลอ้ มภายในอาคารหรอื ทพี่ กั อาศยั เปน็ การทำ�ลายแหลง่ เพาะพนั ธแ์ุ ละ แหลง่ ท่ีหลบซ่อนและแหลง่ อาหารของแมลงสาบที่สำ�คญั และยัง่ ยืน ดังน้ี 1. ทำ�ความสะอาดห้องครัว หอ้ งรบั ประทานอาหาร อยา่ ใหม้ ีเศษอาหารตกคา้ งซึ่งอาจเป็นอาหาร ของแมลงสาบต้องมีตู้เก็บอาหารหรอื มภี าชนะปกปิดมดิ ชดิ ป้องกนั ไมใ่ ห้แมลงสาบมากินอาหารได้ เช่น อาหาร แห้งต่างๆ เชน่ แปง้ น�้ำ ตาล ควรบรรจใุ นขวดโหลหรือกระปอ๋ งที่มฝี าปดิ ชิดและเกบ็ ใส่ตูป้ อ้ งกันแมลงสาบ 2. ทำ�ความสะอาดห้องน้�ำ ห้องส้วม ไมใ่ หม้ คี ราบซง่ึ เปน็ อาหารของแมลงสาบได้ 3. เสอื้ ผา้ ตอ้ งหมั่นซักใหส้ ะอาด อยา่ หมักหมมไว้จนเกดิ คราบ ซึ่งจะเปน็ อาหารของแมลงสาบได้ 4. ตรวจตราไม่ให้แมลงสาบและไข่แมลงสาบตดิ เข้ามากับลงั สินคา้ หรอื หีบห่อต่างๆ 5. ตรวจตราและทำ�การซ่อมแซมรอยแตก รอยแยกต่างๆ เพ่ือทำ�ลายแหล่งหลบซ่อนและ แหล่งเพาะพันธ์ขุ องแมลงสาบ 6. ตดิ ต้งั ตะแกรงถ่ๆี ท่ที ่อระบายน้ำ� เพื่อปอ้ งกันไม่ให้แมลงสาบเขา้ สู่บา้ นเรือนทางทอ่ ระบายนำ�้ 7. เกบ็ รวบรวมและกำ�จัดขยะมลู ฝอยท่ีถูกหลักสุขาภบิ าล โดยควรมถี งั ขยะท่ีมีฝาปดิ มิดชดิ ไม่รว่ั ไมซ่ ึม ทำ�ความสะอาดงา่ ย และน�ำ ขยะไปก�ำ จัดอยา่ งถกู วิธที ุกวนั หนู หนูเปน็ สัตวก์ ดั แทะชนิดหน่งึ ซงึ่ เปน็ สตั วเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยนม มีฟนั หนา้ 2 คู่ (Incisor Teeth) คอื ฟนั บน 2 ซี่ ฟนั ลา่ ง 2 ซี่ โดยฟนั หนา้ สามารถงอกยาวได้ตลอดชวี ิตมีลักษณะโคง้ ยน่ื เพื่อใชก้ ัดแทะสิ่งของต่างๆ เพื่อลับฟนั ให้คมและมขี นาดพอเหมาะ โดยสามารถจ�ำ แนกหนูออกเป็นชนดิ ต่างๆ ได้ตามลักษณะทอ่ี ยอู่ าศัยการหากิน คือ 1. พวกทอ่ี าศยั และหากินอยใู่ นป่า (Wild rodents) เชน่ Rattas rajah 2. พวกที่อยู่อาศัยตามทุ่งนาและชายป่ารอบๆบ้าน โดยขุดรูทำ�รังอาศัยอยู่ (Field rodent) เช่น หนูพุกใหญ่ หนพู กุ เลก็ 3. พวกทห่ี ากินตามบา้ นแตไ่ มอ่ าศยั ในบ้าน (Commensal rodent) เช่น หนนู อรเ์ วย์ 4. พวกที่อาศัยทำ�รังและหากินอยูใ่ นบา้ นคน (Domestic rodent) เช่น หนุทอ้ งขาว หนูจี๊ด หนหู รง่ิ ลักษณะทั่วไป หนูเป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วยนม ท่ีสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี มีความว่องไวโดย เฉพาะในช่วงพรบคำ่�ไปจนก่อนเที่ยงคืน โดยจะสัมพันธ์โดยตรงกับความหิว การบีบตัวของกระเพาะอาหาร หนเู ปน็ สตั วท์ มี่ คี วามระมดั ระวงั ตอ่ สงิ่ ทไี่ มค่ นุ้ เคย เชน่ แสง เสยี ง อาหาร ฯลฯ มปี ระสาทไวมาก โดยเฉพาะประสาท สมั ผสั ทเี่ คราและขน (Guard hair) ดังนน้ั มนั จงึ ชอบวิง่ ใกลฝ้ าให้หนวดเคราระตามฝา แตห่ นูมีประสาทการมองเห็น ทไี่ มค่ อ่ ยดี มองเหน็ ไมค่ ่อยไกลและตาบอดสี โดยเห็นเฉพาะสีขาวไดด้ ี จงึ ท�ำ ให้สามารถมองเห็นในเวลากลางคืน ดกี วา่ กลางวนั หนเู ปน็ สตั วท์ ม่ี กี ารทรงตวั ดมี ากถา้ ตกจากทสี่ งู กส็ ามารถเอาเทา้ ลงถงึ พนื้ กอ่ นเสมอและพรอ้ มทจ่ี ะ วิ่งตอ่ ได้ทนั ที สามารถดมกลน่ิ ไดด้ ี ว่ายน�ำ้ ได้เกง่ กระโดดและปนี ป่ายได้เก่ง หนูบ้านที่สามารถพบเห็นได้บ่อย โดยทั่วไปมี 4 ชนิด ที่มักเก่ียวข้องกับมนุษย์และก่อให้เกิดปัญหา ทางสาธารณสุข ได้แก่
คู่มอื วชิ าการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจ้าหน้าท่ี 201 (Principles of Food Sanitation Inspector) 1. หนหู รงิ่ (Mus musculus) บางครง้ั เรยี กหนบู า้ นหรอื หนผู ี เปน็ หนทู พี่ บมากตามบา้ นมขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ โดยขนาดความยาวของหัวและลำ�ตวั รวมกนั 60-90 มิลลิเมตร เป็นหนทู ี่ปนี ป่ายได้คล่องแคลว่ อกี ชนิดหน่ึง - ลักษณะ ขนหลังสีเทา บางตัวมีสีน้ำ�ตาลหรือสีน้ำ�ตาลปนเทา ขนด้านท้องสีขาว อ่อนนุ่ม ทางด้านบนสีดำ� ด้านล้างสีจางกว่า มีเต้านม 3 คู่ ท่ีอก และ 2 คู่ที่ท้อง ความยาวของส่วนหางจะยาวกว่า ความยาวส่วนหวั และล�ำ ตัวรวมกันเพยี งเล็กน้อย หางด้านบนจะมสี ดี �ำ ส่วนด้านลา่ งจะมสี จี างกว่า - ที่อยูอ่ าศยั ชอบอยู่ตามชอ่ ง โพรงของฝาผนงั ก�ำ แพง ซอกตู้ หรือเครื่องเรอื นภายในบา้ น - อาหาร กนิ อาหารทุกชนดิ แตช่ อบกินเมลด็ พืช ขา้ ว โดยเฉพาะอาหารท่มี นี �้ำ ตาลเป็นสว่ นผสม - ลักษณะมูล ขนาดเล็ก กลมยาว ปลายแหลม ความยาว ประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร - การแพร่พันธ์ุ ออกลูกคร้ังละ 5-6 ตัว ปีละ 8 ครอก - ระยะหากนิ ไมเ่ กิน 10 เมตร 2. หนูจดี๊ (Rattus exulans) เป็นหนูท่ีเรยี กตามเสียงรอ้ งในเวลา ออกหากินตอนกลางคืน มีขนาดค่อนข้างเล็ก จะมีลักษณะตัวโตกว่าหนูหร่ิง ความยาวของหวั และลำ�ตัวรวมกนั 100-130 มิลเิ มตร - ลักษณะ มีขนออ่ นน่มุ และมีขนแข็งแซมบา้ งเลก็ นอ้ ย ขนด้านหลงั สีน้ำ�ตาล ด้านทอ้ งสีเทา หาง สีด�ำ มเี ตา้ นม 2 ค่ทู ่ีอก และ 2 คทู่ ี่ท้อง ตาโต หใู หญ่ จมกู แหลม หางยาวเรียบมีสดี ำ�ตลอด - ทอี่ ยู่อาศัย อยตู่ ามบา้ น เวลากลางคนื จะร้องจด๊ี ๆ ตามซอก ตามเพดาน ปีนป่ายเกง่ ชอบอาศัย อยตู่ ามท่สี งู ตามซอกมมุ ท่ีลับตาของอาคารบนเพดาน - อาหาร กนิ อาหารทกุ ชนดิ โดยเฉพาะผลผลิตจากพชื - ลักษณะมูล เป็นรูปกระสวย ความยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร - การแพร่พนั ธ์ุ ออกลูกครัง้ ละ 8 – 12 ตัว - ระยะหากิน ไมเ่ กนิ 10 เมตร 3. หนูท้องขาว (Rattus rattus) หรือหนหู ลงั คา เป็นหนขู นาดกลาง ความยาวของหัวและลำ�ตัวรวม กนั 140-190 มิลลิเมตร ความยาวของหางจะยาวกวา่ ความยาวของส่วนหัวและล�ำ ตวั รวมกัน - ลักษณะ จมูกแหลม หูใหญ่ ขนด้านหลังมีโคนสีเทา ปลายสีน้ำ�ตาล ไม่มีขนแข็ง ด้านท้องมี ขนสีขาว เทา เหลือง ทางสดี ำ�มเี กล็ดละเอียด มเี ตา้ นม 2 คู่ที่อก (บางตวั อาจมี 3 คู่) และ 3 คู่ท่ที ้อง - ทอ่ี ยอู่ าศยั มกั อาศยั ตามบา้ น โดยมกั ท�ำ รงั ตามชอ่ งวา่ งในเพดานหรอื ใตห้ ลงั คาหรอื ตามธรรมชาติ เช่น ใต้กองเศษใบไมห้ รอื บนตน้ ไม้สงู ปีนป่ายเกง่ คล่องแคลว่ ไตเ่ ข้าออกทางชอ่ งลม หนา้ ตา่ งเพดานใต้หลงั คา ช้ันเก็บของสงู ๆ - อาหาร กนิ อาหารทุกชนดิ รวมท้งั ผัก ผลไม้ เมล็ดพชื - ลกั ษณะมูล เป็นรปู กระสวย ปลายแหลมท้ัง 2 ข้าง ขนาดความ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร - การแพรพ่ นั ธ์ุ ออกลกู คร้ังละ 6-8 ตวั ปีละ 4-6 ครอก - ระยะหากนิ ไม่เกนิ 50 เมตร
202 คู่มือวิชาการสขุ าภิบาลอาหารส�ำ หรับเจ้าหนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) 4. หนูนอร์เวย์ (Rattus norvegicus) บางคร้ังเรียกว่า หนูขยะ หนูท่อ หรือหนูสีนำ้�ตาล ตามสี ของขนและแหลง่ ท่พี บตวั หนู เปน็ หนูขนาดใหญ่ ความยาวของหวั และลำ�ตัวรวมกัน 150-200 มิลลิเมตร - ลักษณะ มขี นหยาบ สีน้�ำ ตาลปนเทา ทอ้ งสขี าว จมูกทู่ ใบหูเลก็ ตาเล็ก หางสัน้ หางด้านบนสดี �ำ แล้วจางลงทางด้านล้าง เกลด็ หางหยาบ มีเต้านม 3 ค่ทู ่อี ก และ 3 ค่ทู ีท่ อ้ ง - ท่อี ยอู่ าศัย จะอยูไ่ ม่สูงกว่าระดบั พนื้ ดิน มักอยูต่ ามรู ทอ่ น้ำ� ใตถ้ ุนตกึ กองขยะ - อาหาร ชอบอาหารประเภทอาหารสด เช่น เนื้อ ปลา ผักสด อาหารพวกแป้ง และอาหารบูดเน่า - ลกั ษณะมลู มขี นาดใหญค่ ล้ายแคปซลู ความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร - การแพร่พนั ธุ์ ออกลกู ครั้งละ 8-12 ตัว ปลี ะ 4-7 ครอก - ระยะหากิน ไม่เกนิ 50 เมตร วงจรชวี ติ และการแพร่พันธ์ุ หนูเป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมที่มีความสามารถในการผสมพันธุ์และแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว ได้มีผู้ศึกษา พบว่าหนูนอร์เวย์และหนูท้องขาวสามารถมีลูกครั้งแรกได้เมื่ออายุ 3-5 เดือน เม่ือผสมพันธ์ุจะใช้เวลาต้ังท้อง ประมาณ 21-22 วัน ส่วนหนูหริ่งหลังผสมพันธุ์แล้วจะใช้เวลาต้ังท้องประมาณ 19 วัน หลังจากคลอดลูกแล้ว ภายใน 48 ช่ัวโมง หนตู วั เมยี ก็สามารถผสมพนั ธ์ไุ ด้อีก หนูทอ้ งขาวสามารถผสมพนั ธไุ์ ดท้ ุก 4 วัน ถงึ แม้หนตู วั เมยี สามารถผสมพันธ์ุและตั้งท้องออกลูกได้ตลอดเวลาแต่จำ�นวนหนูกลับไม่ได้เพิ่มรวดเร็วตามความสามารถในการ แพรพ่ นั ธขุ์ องมนั ทง้ั นเี้ พราะมปี จั จยั ทางสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ ตวั ปรบั ดลุ ธรรมชาตจิ ำ�กดั การแพรพ่ นั ธุ์ เชน่ ลกู ออ่ นอาจ ถูกแม่กินบางส่วนหรือทั้งหมดแม่หนูอาจคาบลูกหนูหนีการรบกวนและการบุกรุกจากหนูอื่น ซ่ึงการขนย้ายน้ี ทำ�ให้ลูกอ่อนตายลงไปเป็นจ�ำ นวนมาก ลูกหนูท่ีเกิดใหม่จะมีตัวสีแดง ตาปิดสนิท หางสั้นกว่าลำ�ตัวมากภายใน 8 วัน จะมีขนขึ้นคลุมตัว อายุ 10-16 วนั ตาเรม่ิ เปิดและเรมิ่ เดนิ ไปมาภายในรังเมอ่ื อายุได้ประมาณ 15-18 วัน หนูจะเรมิ่ กินอาหารแขง็ ได้ เมอ่ื อายปุ ระมาณ 17-23 วัน เริม่ ออกเดนิ ส�ำ รวจรอบรัง และหาทางกลบั รงั ได้ ความสำ�คญั ในทางสาธารณสุข หนูเป็นพาหะนำ�โรคมาสู่คนได้ท้ังจากการท่ีหนูหมัดหนูหรือไรจากหนูกัดคนและจากการท่ีฉ่ีหนูมูลหนู หรือเชื้อโรคที่ติดตามขนตามตัวหนูปนเปื้อนในอาหารหรือเข้าไปทางบาดแผลของคนโรคที่มีหนูเป็นรังเก็บโรค (Reservoir) และเป็นพาหะนำ�โรคมาสู่คนมีหลายโรคที่สำ�คัญหลายชนิด และสามารถทำ�ให้เกิดการระบาดของ โรคบางชนิดมาสู่คนและสัตว์เล้ยี งได้ เช่น กาฬโรค (Plaque) โรคไข้หนกู ดั (rat bite fever) โรคเลปโตสไปโรคซสี (Leptospirosis) โรคพิษสุนัขบ้า โรคบิดมีตัว (amoebic dysentery) โรคพยาธิต่างๆ เช่น พยาธิตัวตืดหนู โรคพยาธิแส้ม้า เปน็ ต้น
ค่มู ือวิชาการสขุ าภิบาลอาหารส�ำ หรบั เจ้าหนา้ ท่ี 203 (Principles of Food Sanitation Inspector) การส�ำ รวจและประเมินความชุกหนู การส�ำ รวจและประเมนิ ชนดิ และความชกุ ของหนู ตลอดจนการส�ำ รวจสงิ่ แวดลอ้ มทอี่ าจเปน็ แหลง่ อาศยั แหลง่ อาหารและแหลง่ เพาะพนั ธขุ์ องหนู ซง่ึ เปน็ สงิ่ ส�ำ คญั ตอ่ การส�ำ รวจเพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ส�ำ หรบั การวางแผนควบคมุ ป้องกันอันตรายจากหนูได้อย่างมีประสิทธิภาพและควรมีการติดตามการสำ�รวจเป็นระยะๆ เพ่ือประเมิน ประสทิ ธภิ าพของมาตรการในการควบคมุ ปอ้ งกนั และเพอื่ เปน็ การเฝา้ ระวงั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ในคมู่ อื เลม่ นขี้ อน�ำ เสนอ วธิ ใี นการส�ำ รวจประชาหนู จ�ำ นวน 3 วธิ ี (ส�ำ นกั อนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม คมู่ อื อนามยั สงิ่ แวดลอ้ มพนื้ ฐานฯ, 2551) ดงั นี้ 1) วธิ มี าคร์-รีแคพเจอร์ (Mark-recapture method) การสำ�รวจวธิ นี ี้จะใชก้ รงดักจับหนเู ปน็ ๆ มาท�ำ เครื่องหมายบนตัวกอ่ นทจี่ ะปล่อยไป แลว้ นำ�กรงไป วางดกั จับหนูต่ออกี เป็นเวลา 3 วนั 5 วัน หรือ 7 วนั จากนั้น จึงน�ำ จำ�นวนหนูทจ่ี ับได้ไปคำ�นวนหาความชุกชุมของ หนู โดยใช้สตู ร lincoln-peterson ดังนี้ จ�ำ นวนประชากรหน = N ± 2 S.E. โดยท่ ี N = n1 n2 m S.E. = n12n22 (n2 - n1) n3 เมือ่ N = จ�ำ นวนหนทู ่ีจบั ได้ทั้งหมด n1 = จ�ำ นวนหนทู ่ีจบั ได้และท�ำ เคริง่ื หมายแลว้ ปลอ่ ยไปวันแรก n2 = จำ�นวนหนูท่ีจบั ไดใ้ นวันถัดมา (วันที่ 2 ถึงวนั ที่ 3, 5 หรอื 7 ) m = จ�ำ นวนหนทุ ่มี ีเครอื่ งหมายแล้วถกู จบั ซ้ำ� 2) วธิ ีมูฟวอล (Removat method) การส�ำ รวจวิธีนี้ จะน�ำ กรงหรอื กบั ดกั แบบตตี ายมาใชด้ ักจบั หนู เปน็ เวลา 3 วนั หรอื 5 วนั หนูทีจ่ ับ ไดจ้ ะถูกนำ�มาศึกษาทัง้ หมด (ไมม่ กี ารปลอ่ ยคนื กลบั ไป) โดยจดรายละเอยี ดเก่ียวกบั ชนดิ เพศ วัย การเจรญิ พันธุ์ (จำ�นวนลูกหนูในครรภ์) และจำ�นวนลูกหนูท่ีเกิดจากหนูท่ีจับได้ (นับจำ�นวนจุดดำ�ในมดลูกของหนู) จากนั้นนำ� ขอ้ มูลุ ทไี่ ดม้ าคำ�นวณหาประชากรของหนู 3) การส�ำ รวจรอ่ งรอยของหนู ตามลักษณะนิสัยของหนูจะออกหากินในเวลากลางคืน และไม่ค่อยออกมาให้เห็นตัวในเวลา กลางวัน ดังนั้น จึงจำ�เป็นต้องอาศัยการสังเกตร่องรอยท่ีเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของหนู เช่น เสียง มูลหนู คราบปัสสาวะ รอยแทะ รอยทางเดิน โพรง เพ่ือเป็นขอ้ มูลเบือ้ งต้นในการประเมนิ วา่ ยังมหี นอู าศัยอยใู่ นอาคาร หรือไม่ ตวั อย่างเช่น - การพบเหน็ ตวั หนหู รือซากหนู (Live rats and dead rats) เปน็ ส่งิ ยืนยนั ไดว้ ่ามหี รือเคยมหี นู เขา้ มาภายในบ้าน โดยปกติหนจู ะออกหากนิ ตอนกลางคืนและหลบซ่อนตัวในเวลากลางวนั ดงั น้ัน ถา้ พบเหน็ หนู ว่งิ ในอนกลางวันก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามปี ระชากรหนูเปน็ จำ�นวนมาก
204 ค่มู อื วชิ าการสขุ าภิบาลอาหารสำ�หรับเจา้ หน้าที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) - เสียง (sound) หนูมักจะสง่ เสียงร้องให้ได้ยินในตอนกลางคนื หรอื บริเวณที่เงยี บๆ นอกจากนนั้ ขณะทมี่ ันออกหากิน อาจจะท�ำ ให้เกดิ เสียงจากการวง่ิ ชนสง่ิ ของ การเกา ขดู ขดี หรือกัดแทะวัสดสุ ่ิงของตา่ งๆ - มูลและปัสสาวะ (Dropping and urine) หนูมักจะถ่ายมูลและปัสสาวะได้ตามทางเดินและ แหลง่ อาหารของมนั เปน็ รอ่ งรอยอนื่ และอาจเลอื กจดุ ทพี่ บมลู และปสั สาวะหนเู ปน็ จดุ ทใ่ี ชว้ างกบั ดกั หนไู ด้ รปู รา่ ง และลกั ษณะของมลู หนจู ะชว่ ยแยกชนดิ ของหนไู ด้ มลู หนใู หมจ่ ะมลี กั ษณะออ่ นชนื้ มสี ดี ด�ำ และเปน็ มนั วาว แตถ่ า้ เปน็ มลู เกา่ ทถ่ี า่ ยทงิ้ ไวน้ านมกั จะมสี เี ทา มฝี นุ่ จบั และรว่ น (crumdle) การสงั เกตคราบปสั สาวะของมลู จะมองเหน็ ได้จากการเรอื งแสงของคราบปัสสาวะเมือ่ สอ่ งดูด้วยหลอดยูวี (Utraviolet Iights) ถา้ เปน็ คราบปสั สาวะใหมจ่ ะ เปน็ สีฟา้ ออ่ น (Blue-white) - รอยกัดแทะ (Gnawed odjects) หนูมีนิสัยชอบกัดแทะเพื่อลับฟันให้คม และมีความยาว พอเหมาะอยตู่ ลอดเวลา ดงั น้นั จงึ สังเกตดรู อยกดั แทะไดจ้ ากวัสดุ ส่ิงของ อาหาร (เมล็ดพชื ) รวมถึงรหู รอื ช่องที่ หนูเจาะเขา้ เป็นช่องทางเขา้ มาหาอาหาร ลักษณะของรอยกัดแทะท่ียงั ใหม่อยจู่ ะมสี ีฟา้ ออ่ น (Iight-colored) ขอบคม แตถ่ า้ เป็นรอยเกา่ จะมีสีดำ� - รอยทางเดิน (Runways) หนูจะว่ิงไปหาอาหารหรือน้ำ�โดยใช้เส้นทางเดิมเป็นประจำ�และ สงิ่ สกปรกทเ่ี กดิ จากรอยเทา้ การแกวง่ หาง และการทขี่ นตามลำ�ตวั ของหนคู รดู ไปตามพน้ื ทางเดนิ ทม่ี นั วงิ่ ผา่ นกจ็ ะ สะสมจนปรากฎเป็นรอยเปื้อนดำ�ท่ีมีลกษณะเป็นมันเงา (dark greasy rubmark) แต่ถ้าเป็นรอยเป้ือนเก่า ทถ่ี ูกท้งิ ไว้นานๆ กจ็ ะมีลกั ษณะรอ่ นหลดุ ลอกเปน็ แผ่นได้ - โพรง (Burrows) โพรงหรือช่องท่ีหนูเจาะใช้เป็นช่องทางเข้ามาภายในบ้าน มักพบตามขอบ ฝาผนงั ตามรอยแยกหรอื รอยแตกตา่ งๆ ถา้ หนใู ชเ้ ปน็ ชอ่ งเปน็ ชอ่ งทางเขา้ ออกอยู่ ปากโพรงจะมลี กั ษณะเปยี กชนื้ เรียบเป็นมนั และอาจมขี นติดอยู่ การควบคมุ และกำ�จดั ควบคุมและป้องกันหนูจำ�เป็นต้องรู้หลักในการสังเกตร่องรอยต่างๆ ของหนูโดยสังเกตจากรอยแทะ โพรงหรอื รตู ามขอบรวั้ บา้ นถา้ ยงั มหี นอู ยปู่ ากโพรงจะเปยี กชน้ื เรยี บเปน็ มนั อาจมขี นตดิ อยู่ นอกจากนนั้ ยงั สามารถ สังเกตได้จากรอยถูซึ่งเกิดจากการแกว่งหางและลำ�ตัวตามทางที่หนูผ่านนานวันเข้าสิ่งสกปรกสะสมจนเกิดเป็น ร่องรอยดำ�ท่ีสังเกตเห็นได้ง่ายและควรสังเกตมูลหนูโดยรูปร่างและขนาดของมูลหนูจะช่วยแยกชนิดของหนูได้ มลู หนใู หมจ่ ะมลี กั ษณะออ่ นชน้ื เปน็ มนั วาวจะสามารถบอกไดว้ า่ ยงั มหี นอู ยบู่ รเิ วณนน้ั หรอื อาจพบรอยเทา้ ตามทาง เดินของหนูโดยเฉพาะบริเวณท่ีมีฝุ่นมาก ส่วนบริเวณท่ีเห็นได้ไม่ชัดเจนอาจใช้ผงแป้งโรยจากนั้นใช้ไฟฉายทำ�มุม กบั ระดบั พนื้ ทโ่ี รยแปง้ จะพบรอยเทา้ หรอื รอยลากหาง ซงึ่ หนอู ายมุ ากจะเดนิ ลากหาง นอกจากนย้ี งั มรี อ่ งรอยอน่ื ๆ เชน่ กลนิ่ หนู คราบปัสสาวะ หรอื ซากหนตู าย เป็นตน้ โดยหลกั ในการดำ�เนินการควบคุม ปอ้ งกนั และการกำ�จดั จำ�เปน็ ตอ้ งเตรยี มความพร้อมในด้านตา่ งๆ 4 ประการ ดังน้ี
คมู่ ือวิชาการสขุ าภิบาลอาหารส�ำ หรบั เจา้ หน้าท่ี 205 (Principles of Food Sanitation Inspector) 1. ชนดิ ของหนู หนแู ตช่ นดิ มคี วามแตกตา่ งกนั ทง้ั ทอี่ ยอู่ าศยั การแพรพ่ นั ธ์ุ ลกั ษณะและชว่ งเวลาในการ หากนิ ชนดิ และปรมิ าณอาหารทก่ี นิ เปน็ ตน้ โดยชนดิ ของหนสู ามารถสงั เกตไดจ้ ากรอ่ งรอยของหนู หรอื ขอ้ มลู จาก การส�ำ รวจประชากรหนู 2. ปริมาณของหนูการประมาณการประชากรของหนูในพ้ืนท่ีท่ีจะดำ�เนินการควบคุมกำ�จัดจะเป็น ประโยชน์ในการวางเป้าหมายของการควบคุมกำ�จัดและการหาวิธีการที่เหมาะสม โดยปริมาณของหนูสามารถ สังเกตจากรอ่ งรอยของหนหู รือข้อมูลจากการส�ำ รวจประชากรหนู 3. การก�ำ หนดเขตพนื้ ที่ ในการดำ�เนนิ งานควบคุม ป้องกัน และกำ�จดั หนู จะต้องมกี ารกำ�หนดของเขต พื้นท่ีท่ีจะดำ�เนินการให้ชัดเจนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดเตรียมอุปกรณ์การจัดเตรียมบุคลากร การประชาสมั พันธ์ การสร้างแนวทางปอ้ งกนั เป็นต้น และพน้ื ทคี่ วบคมุ จะตอ้ งครอบคลมุ บรเิ วณกว้าง เน่อื งจาก หนูสามารถเคล่ือนย้ายได้อย่างรวดเร็วและไกล 4. วิธีการท่ีใช้ควบคุม ควรมีการพิจารณาให้เหมาะสมกับชนิดและปริมาณของหนูและควรใช้วิธีการ ในการควบคมุ หลายๆ วธิ รี ว่ มกนั และควรด�ำ เนนิ การเปน็ ประจ�ำ และตอ่ เนอ่ื ง เพราะหนเู พมิ่ จ�ำ นวนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ แนวทางในการควบคมุ ป้องกนั และการกำ�จัดหนูโดยทัว่ ไป ประกอบดว้ ย 3 แนวทาง คือ 1. ป้องกนั หนูเขา้ สอู่ าคารท่พี ักอาศยั ด�ำ เนนิ การส�ำ รวจชอ่ งทางทห่ี นสู ามารถกดั แทะหรอื สามารถแทรกตวั เขา้ มาในอาคาร เชน่ ขอบประตู หน้าต่างชอ่ งวา่ งหรอื รอยแยกตามฝาผนังทอ่ ระบายน�้ำ ช่องระบายอากาศตา่ งๆ เปน็ ตน้ เมือ่ มกี ารสำ�รวจพบวา่ มีชอ่ งทางผ่านของหนู ควรกรชุ อ่ งหรือทางทห่ี นจู ะเขา้ ด้วยวัสดุที่ป้องกนั การกดั แทะของหนูได้ เชน่ คอนกรตี อฐิ หนิ เหลก็ และกระเบื้องหนาๆ การปอ้ งกันการขุดรูเข้าสู่ตวั อาคารควรคำ�นงึ ถึง ผนงั รากตึกต้องสร้างเปน็ รปู ตัว L ฝงั รากลงในดนิ อย่างน้อย 2 ฟตุ ปลายยื่นในแนวนอนออกนอกตวั อาคาร 1 ฟุต เทพนื้ ด้วยซเี มนทมี่ ีความหนา อย่างนอ้ ย 4 น้ิว ทีข่ อบมุมของประตูไม้ควรหอ่ หุ้มด้วยโลหะเพ่ือปอ้ งกันหนกู ัดแทะ การก่อสรา้ งภายในบ้านอยา่ ง ให้มีช่องตาย ซึ่งเป็นซอกหรือมุมอับและไม่ควรปล่องให้มีก่ิงไม้ สายไฟ หรือสิ่งที่วางทอดจากภายนอกเข้าสู่ ตัวอาคาร หรือที่พกั อาศัย และควรมีการสำ�รวจและซอ่ มแซมกรณีเกิดรอยแตกหรอื เกดิ ชอ่ งทางทห่ี นูสามารถเขา้ มาในอาคารหรือทีพ่ ักอาศัยเป็นประจ�ำ 2. การปรบั ปรงุ สขุ าภิบาลส่ิงแวดลอ้ ม ด�ำ เนนิ การก�ำ จดั แหลง่ อาหารและทพี่ กั อาศยั ของหนซู ง่ึ เปน็ มาตรการส�ำ คญั ในการด�ำ เนนิ งานควบคมุ ปอ้ งกนั และก�ำ จดั หนทู ่ไี ด้ผลในระยะยาวโดยดำ�เนินการ ดังนี้ - รวบรวมและก�ำ จดั ขยะมลู ฝอย เพอื่ ท�ำ ลายแหลง่ อาหาร และทอี่ ยอู่ าศยั ของหนเู พราะขยะเปยี ก เป็นแหล่งอาคารที่หนูชอบคุ้ยเขี่ย ส่วนขยะแห้ง หนูใช้ทำ�รัง จึงควรเก็บขยะให้ถูกต้อง ทำ�ความสะอาดไม่ให้มี เศษอาหาร หรือกล่ินอาหารอยู่ตามท่อนำ้�ทิ้ง การกำ�จัดขยะและเศษอาหารอาจนำ�ไปเผา ถมที่ หรือ เล้ียงสัตว์ อาหารแห้งซงึ่ เปน็ แหล่งอาหารและแหลง่ ทีอ่ ยอู่ าศยั ของหนู ตอ้ งเห็บให้เป็นระเบยี บ สะอาด และถูกตอ้ ง โดยวาง ไว้ในทส่ี งู จากพ้ืนอยา่ งน้อย 12-18 นวิ้ ไม่วางชิดฝาหรอื ซอ้ นกันจนถึงเพดาน - จดั บา้ นเรอื นและบรเิ วณบา้ นใหส้ ะอาด เปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยอยเู่ สมอเกบ็ วสั ดทุ ห่ี นใู ชท้ �ำ รงั เชน่ กองกระดาษ ตู้เสื้อผ้ากล่องกระดาษท่ีไม่ใช้แล้วให้เป็นระเบียบเพ่ือป้องกันไม่ให้เป็นท่ีหลบซ่อนหรือเป็นแหล่งที่ อยอู่ าศยั ของหนู
206 คูม่ ือวชิ าการสุขาภิบาลอาหารส�ำ หรบั เจา้ หน้าที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) - ปกปิดแหล่งอาหารให้มิดชิด โดยเก็บอาหารไว้ในตู้อาหารหรือมีภาชนะปิดมิดชิด ในส่วนของ อาหารแห้งเก็บไว้ในวสั ดุท่ปี ้องกันการกัดแทะของหนแู ละจัดให้เป็นระเบียบ สะอาด ในสว่ นของเศษอาหารควรมี การกำ�จดั ใหถ้ ูกวิธี ซึง่ จะช่วยลดปริมาณแหลง่ อาหารและทอ่ี ยู่อาศัยของหนูได้ - การท�ำ ความสะอาดท่อระบายนำ้�ใหส้ ะอาด และไมม่ เี ศษอาหารค้างท้ิงไว้ เพอ่ื ปอ้ งกันการเปน็ แหล่งทอ่ี ยู่อาศัยและแหลง่ อาหารของหนู 3. การก�ำ จัดหนู เปน็ วิธกี ารควบคมุ จำ�นวนประชากรหนโู ดยการกำ�จัดหนโู ดยตรง มอี ยูห่ ลายวิธคี ือ 1) การใช้กับดักหนู เช่น กับดัก กรงดัก ที่นิยมใช้ได้แก่ กับดักแบบตีตาย และกับดักแบบกรง โดยเหยื่อท่ีใช้ล่อควรเป็นเน้ือปลา เนื้อมะพร้าวอ่อน ฯลฯ วางกับดักหนูไว้ในท่ีที่หนูมาหาอาหารหรือทางเดินของหนู โดยควรเปลี่ยนเหยือ่ ลอ่ บอ่ ยๆ ข้อควรระวงั ในการใชก้ ับดัก คอื กับดกั ต้องดีดทนี ทีทห่ี นกู นิ เหยื่อ สว่ นกรงดกั ต้อง ใช้ชนดิ รูถ่หี นลู อดไมไ่ ด้และควรใช้มอื จบั กบั ดกั ให้น้อยทีส่ ุด เพราะหนจู มูกไว ถา้ ไดก้ ลิน่ คนมนั จะไม่กินเหยอ่ื และ ก่อนนำ�กับดกั ไปใชใ้ หม่ควรกำ�จดั กลิน่ ของหนู โดยล้างให้สะอาดและใช้นำ้�รอ้ นลวก 2) การใช้สารเคมี มีวธิ กี ารใช้สารเคมีอยู่ 2 วธิ ี ได้แก่ 2.1) การรมควัน นิยมใช้ทำ�ลายหนูในเรือหรือโกดังสินค้า โดยจะใช้สารเคมีท่ีในพิษร้ายแรง การใช้จะต้องระมัดระวังเปน็ พเิ ศษ แตไ่ มน่ ิยมใชใ้ นครวั เรือนเพราะมีอันตรายร้ายแรงตอ่ คน 2.2) การวางสารเคมกี ำ�จดั หนู หรือวางยาเบ่ือ จะตอ้ งพจิ ารณาเวลาและการควบคุมใหเ้ หมาะสม เช่น การวางสารเคมีเบื่อหนูในช่วงเวลาที่หนูกำ�ลังอดอาหาร โดยต้องเลือกวางในสถานที่ที่หนูเดินผ่าน และหนู หาพบไดง้ า่ ย เชน่ ควรวางเหยอื่ ลอ่ บรเิ วณชดิ ขอบกำ�แพง ควรวางในเวลากลางคนื มากกวา่ กลางวนั โดยวางพรอ้ มๆ กันหลายจุด ควรใช้เหย่ือท่ีหนูชอบ เช่น ปลา เนื้อมะพร้าวเผา และต้องเก็บอาหารไว้ในบริเวณอ่ืนๆ ให้มิดชิด เพอ่ื ไม่ใหห้ นมู ีแหลง่ อาหารอนื่ และเลอื กกนิ อาหารได้ ภาชนะท่ใี ชใ้ สเ่ หยือ่ ต้องแขง็ แรง หาง่าย ราคาถูก ป้องกันนำ�้ ได้ มีขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุสารพิษได้ในปริมาณมากพอและหนูทุกขนาดเข้าไปได้ โดยจะต้องมีการปรับปรุง สุขาภบิ าลสิ่งแวดลอ้ มควบคู่กันไปด้วยเพ่ือเปน็ การกำ�จดั หนูทถ่ี าวร สารเคมีก�ำ จดั หนู แบง่ ได้เปน็ 2 ประเภทใหญๆ่ ดงั นี้ 1) ชนิดออกฤทธ์ิเฉียบพลัน สารเคมีชนิดน้ีเมื่อหนูกินเข้าไปจะตายทันทีหรือจะตาย ภายใน 1-2 วนั เช่น ซิงคฟ์ อสไฟด์ เรค็ สควลิ สารหนู แอนทูทางเล่ียม การใช้สารเคมชี นดิ นีเ้ หมาะกับบรเิ วณทม่ี ี หนจู �ำ นวนมากและมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ลดปรมิ าณหนอู ยา่ งรวดเรว็ แตไ่ มค่ วรใชบ้ อ่ ยครงั้ เนอื่ งจากหนจู ะเรยี นรแู้ ละ เขด็ ขยายตอ่ เหยอื่ พษิ ไดง้ า่ ยซงึ่ อาจจะเกดิ ขน้ึ ในกรณที หี่ นไู ดร้ บั สารเคมเี ขา้ ไปแตย่ งั ไมต่ ายและจะสารเคมชี นดิ นน้ั โดยควรทิ้งชว่ งไมน่ อ้ ยกวา่ 30 วัน 2) ชนดิ ออกฤทธชิ์ า้ สารเคมชี นดิ นเี้ มอื่ หนกู นิ เขา้ ไปครงั้ เดยี วจะไมต่ ายตอ้ งกนิ ซ�้ำ หลายครงั้ เมื่อสารเคมีเข้าไปสะสมในตัวหนูจะทำ�ให้เลือดไม่แข็งตัวหรือทำ�ลายวิตามินเคในเลือดเมื่อหนูได้รับบาดเจ็บ เลอื ดกจ็ ะไหลไมห่ ยดุ และตายในทสี่ ดุ ถงึ แมห้ นจู ะไมเ่ กดิ บาดแผลแตผ่ ลของสารเคมที ำ�ใหเ้ กดิ เลอื ดตกในและตาย ในท่สี ุดยาพวกนไ้ี ดแ้ ก่ วอรฟ์ าริน ราคูมนิ เปน็ ต้น ข้อดีของสารเคมีชนดิ นี้ คอื หนูไม่เข็ดขยายต่อเหยื่อพษิ และหนู จะตายในรหู รอื รงั ของมนั หรอื ใกลๆ้ รงั โดยจะตอ้ งมกี ารตรวจสอบเหยอ่ื พษิ จะตอ้ งมกี ารเตมิ หรอื เปลยี่ นใหมท่ นั ที เมอ่ื พบวา่ หมด ในกรณที ห่ี นไู ดร้ บั สารเคมไี มเ่ พยี งพอ หรอื ไมถ่ งึ ระดบั ทท่ี �ำ ใหห้ นตู ายได้ หนอู าจจะสรา้ งภมู ติ า้ นทาน ข้นึ มาใหม่กไ็ ด้
ค่มู ือวชิ าการสุขาภิบาลอาหารส�ำ หรับเจ้าหนา้ ที่ 207 (Principles of Food Sanitation Inspector) การใช้ยาเบื่อหนูควรผสมตามอัตราส่วนที่เหมาะสม ถ้าผสมมากเกินไปจะมีกล่ินฉุน รสจัด หนูไม่กินและห้ามใช้ยาทั้งสองประเภทผสมกัน เพราะหนูจะเข็ดเหย่ือท้ังสองชนิด และการควบคุมกำ�จัด หนใู นชมุ ชนใหญๆ่ เชน่ หมบู่ า้ นตดิ ๆ กนั จะตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ความรว่ มมอื ของประชาชน โดยมกี ารก�ำ จดั อยา่ งสม�ำ่ เสมอ เพอ่ื ป้องกนั หนูอพยพไปยงั บรเิ วณใกลเ้ คยี ง นก นกเป็นสัตว์ปีกที่มักอยู่รวมกันเป็นฝูง มักมีแหล่งอาศัยตามต้นไม้ใหญ่ใกล้ท่ีอยู่อาศัย และอาคาร สถานทตี่ า่ งๆ โดยเฉพาะสถานที่ผลิตอาหาร นกสามารถเขา้ สอู่ าคารได้ทางช่องทางเปดิ ของอาคาร เชน่ หน้าต่าง ประตู ช่องใตห้ ลังคา ช่องระบายอากาศ และเม่ือเข้ามาในอาคารกจ็ ะท�ำ รงั อยู่อย่างถาวรและแพรพ่ ันธ์ุสถานทท่ี ี่ เปน็ อาคารสูงจะเปน็ แหลง่ ซุกซอ่ นของนกไดด้ แี ละยากแก่การก�ำ จดั ความส�ำ คัญในทางสาธารณสุข นกสามารถเปน็ พาหะน�ำ โรคต่างๆ เช่น Salmonellosis, Psittacosis, Campylobacteriosis, bird flu (Subltype H5N1 ของ Influenza A virus), giardiasis, cryptosporidiosis, toxoplasmosis, histoplas- mosis, systemic fungus, Aspergillosis, cryptococcosis โดยเฉพาะขนและมลู ของนกเปน็ แหลง่ ของเช้ือโรค ที่สามารถปนเปื้อนสู่อาหารได้ และนอกจากนกจะเป็นพาหะนำ�โรคโดยตรงแล้ว ปรสิตที่มากับนกก็ยังนำ�โรค มาสคู่ นอกี ดว้ ย ตวั อย่างโรคท่ีมีนกเป็นพาหะ 1. Histoplasmosis เปน็ โรคระบบทางเดนิ หายใจทเี่ ป็นอนั ตรายถงึ ชวี ิตสาเหตมุ าจากเชื้อราทเี่ จริญอยู่ ในมูลนกแหง้ 2. Salmonellosis เปน็ แบคทเี รยี ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ อาหารเปน็ พษิ พบอยใู่ นมลู นก เชน่ นกพริ าบ นกกระจอก ฝนุ่ ละออง ของมลู นกจะถกู ดดู เขา้ ไปทางชอ่ งลมและเครอ่ื งปรบั อากาศไปปนเปอ้ื นสอู่ าหาร ผวิ สมั ผสั ของอปุ กรณ์ เคร่ืองใช้ในรา้ นอาหาร บา้ นเรือน และโรงงานผลิตอาหาร 3. Candidiasis เป็นโรคท่ีเกิดจากการติดเชื้อราที่มีลักษณะคล้ายยีสต์ที่เรียกว่า Candida ซงึ่ แพรก่ ระจายโรคไดโ้ ดยนกพริ าบ โรคนม้ี ผี ลตอ่ ผวิ หนงั ปาก ระบบหายใจ ล�ำ ไส้ และระบบทางเดนิ ปสั สาวะ และ อวยั วะเพศ (โดยเฉพาะชอ่ งคลอด) 4. Cryptococcosis เกิดจากยีสต์ที่พบในทางเดินอาหารของนกพิราบอาการป่วยเริ่มต้นคล้ายกับ โรคปอดและอาจมผี ลตอ่ ระบบประสาทส่วนกลางในเวลาตอ่ มา การควบคุมก�ำ จัด 1. ดแู ลโครงสรา้ งอาคารให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ปิดทางเข้าออกของนก เช่น ประตู หนา้ ต่าง ช่องลม และช่องเป2ดิ .ใ นปทรส่ีบั งูมโมุดขยอตบดิ ผตน้ังตงั ทาขน่ี ่ากยเกมา้งุ ะลใวหดเ้ อซยี ่งึ งต≥้องด4ูแ5ล ํCตรวจสอบใหอ้ ยู่ในสภาพทีส่ มบูรณแ์ ละสะอาดอย่เู สมอ 3. ใชเ้ จลไล่ ซง่ึ ท�ำ ใหพ้ นื้ ผวิ ของอาคารไม่ดึงดดู ให้นกมาเกาะ
208 คูม่ ือวชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจา้ หนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) 4. กำ�จัดแหลง่ อาหาร โดยท�ำ ความสะอาดเศษอาหารที่หกตามพ้นื 5. ใช้มา่ นพลาสติกก้นั ประตู 6. ก�ำ จัดตน้ ไม้ และสิ่งกอ่ สรา้ งบริเวณรอบนอกอาคารการผลิตทจ่ี ะเปน็ ทอ่ี ยู่อาศัยของนก 7. ใชอ้ ปุ กรณ์ดักจบั เช่น กาว กรงดกั ตาข่าย เปน็ ต้น 8. ใช้สารเคมี เช่น Alphachloralose ผสมในอาหารใช้เป็นเหย่ือพิษ แต่ต้องควบคุมไม่ให้มีโอกาส ปนเปื้อนในอาหาร 9. ใช้เสยี งหรอื แสงขใู่ ห้ตกใจ ซ่งึ จะใชไ้ ดเ้ พียงชว่ั ระยะหนงึ่ เพราะนกจะเกดิ ความเคยชิน 10. ฆ่าทำ�ลายโดยการใช้ปนื ยิง มด มดเปน็ สตั วข์ นาดเลก็ ทสี่ ามารถเปน็ พาหะนำ�โรคได้ เนอ่ื งจากมดมมี ากมายหลายชนดิ มกั อยใู่ กลช้ ดิ กบั คน มนี สิ ยั การกนิ อาหารไมเ่ ลอื กและเดนิ ไปทกุ หนแหง่ มดจงึ อาจเปน็ พาหะน�ำ เชอ้ื โรคตดิ ตามล�ำ ตวั และขา มาปนเปอื้ น ในอาหารได้ จึงจำ�เป็นตอ้ งควบคมุ และป้องกันไมใ่ หม้ ดมาไต่ตอมอาหารท่ีจะรบั ประทาน มดท่ีมกั พบวา่ เกีย่ วขอ้ ง กบั มนุษย์ ได้แก่ 1. มดละเอยี ดหรือมดข้าวสาร 2. มดคันไฟ 3. มดเคียดหรอื มดดำ�ตัวใหญ่ 4. มดดำ� วงจรชวี ติ และการแพร่พันธ์ุ มดเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นสังคม (Community) ในรังมดจะแบ่งเป็นราชินีมดและมดงาน โดยมดราชนิ จี ะมหี นา้ ทอี่ อกไข่ มดตวั ผมู้ หี นา้ ทผ่ี สมพนั ธุ์ สว่ นมดงานจะมหี นา้ ทที่ �ำ รงั หาอาหารและคมุ้ ครองรงั มด บางชนดิ อาจมีอายยุ ืนถงึ 40 ปี แตโ่ ดยท่ัวไปมอี ายเุ ฉลย่ี ประมาณ 7 ปี มดราชนิ อี อกไข่ครัง้ ละประมาณ 400 ฟอง ไขจ่ ะฟกั เปน็ ตวั ออ่ นในระยะเวลาประมาณ 28-31 วนั ทงั้ นขี้ นึ้ อยกู่ บั ความอบอนุ่ และความชน้ื และจะอยใู่ นลกั ษณะ ตวั ออ่ นประมาณ 30 วัน ความสำ�คญั ในทางสาธารณสุข เนอื่ งจากมดมนี สิ ยั กนิ อาหารไมเ่ ลอื ก และมกั เดนิ ตามกนั ไปเรอื่ ยๆ ในทกุ ที่ ทงั้ ตามพนื้ ดนิ กองขยะ หรอื ท่ีอื่นๆ เช้ือโรคจึงอาจติดตามขาและตัวของมด เม่ือมาไต่ตอมอาหารก็จะนำ�เช้ือโรคมาปนเป้ือนอาหารได้และ มดบางชนดิ จะส�ำ รอกน�ำ้ ยอ่ ยมาชว่ ยละลายอาหารแลว้ จงึ ดดู กนิ อาหารเขา้ ไปได้ จงึ ท�ำ ใหอ้ าหารนน้ั ปนเปอ้ื นไดอ้ กี วธิ ีหนึ่ง มดสามารถเปน็ พาหะของโรคตา่ งๆ ไดห้ ลายชนดิ เช่น บิด ไทฟอยด์ อหวิ าตกโรค เปน็ ต้น นอกจากน้ี มดยังสรา้ งความรำ�คาญ ท�ำ ใหบ้ ้านเรือนสกปรก คนทถี่ ูกมดกดั ยงั เกดิ อาการแพเ้ ปน็ ผ่ืนคัน บวมได้
คมู่ อื วิชาการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรบั เจ้าหน้าท่ี 209 (Principles of Food Sanitation Inspector) การควบคุมและก�ำ จัด การควบคุมปอ้ งกนั มด 1. การก�ำ จัดรัง ตามซอกอาคารบา้ นเรอื น และหมัน่ ทำ�ความสะอาดบ่อยๆ เพื่อปอ้ งกนั มดท�ำ รงั 2. หมนั่ สำ�รวจภายนอกอาคาร เพอ่ื หารงั มด ทางเดินมด หากพบใหท้ �ำ ลายโดยใช้ - นำ�้ มนั เครอ่ื ง น้�ำ ผงซักฟอกราดบริเวณรงั ทางเดินของมด - ผสมสารเคมกี �ำ จัดมด เช่น ดิบเทอรแ์ รกซผ์ สมน้�ำ หวานวางเพ่อื กำ�จัดมดตามขอบบวั รอยแตก ของผนังอาคาร หรอื ฉดี พน่ เพ่ือก�ำ จัดมด และเปน็ การปอ้ งกันมิใหม้ ดเขา้ สูอ่ าคารบ้านเรือน (การใช้สารเคมตี อ้ งใช้ ความระมดั ระวงั ให้ห่างจากเดก็ สัตว์เล้ียง และการปนเปอื้ นอาหารน้�ำ ดม่ื ) 3. หมน่ั สำ�รวจ ตามซอกมุมในอาคารท่ีเย็นๆ และทำ�ความสะอาดเพือ่ ปอ้ งกนั มดท�ำ รัง 4. หาจดุ ทเี่ ปน็ ทางเขา้ มาในอาคารของมด และปอ้ งกนั โดยปดิ หรอื อดุ รอยแตก และปรบั ปรงุ โครงสรา้ ง อาคาร 5. ท�ำ ความสะอาดครวั และทเ่ี กบ็ อาหาร เพอื่ มใิ หเ้ ปน็ แหลง่ อาหารของมด ควรใชถ้ ว้ ยใสน่ �ำ้ ผงซกั ฟอก/ นำ้�เกลือ/น้ำ�มันเครื่อง/น้ำ�มันยาง หล่อขาตู้กับข้าว หรือทาจารบีที่ขาตู้กับข้าว เพ่ือกันมดไต่ขึ้นตู้กับข้าว นอกจากนี้จะต้องไม่วางตู้ติดฝาหรือสิ่งอ่ืนท่ีจะเป็นทางเดินของมดมาสู่ตู้เก็บอาหารได้ อาจให้ผ้าชุบนำ้�มัน เช่น น้ำ�มันเครื่อง นำ้�มนั ยาง พันตามขาตกู้ ับข้าวหรอื ขาตะอาหารเพ่ือกันมดไต่ 6. เก็บอาหารให้มิดชิด มิให้เป็นอาหารของมด เช่น นำ้�ตาลต้องใส่ในภาชนะที่ฝาปิดแน่น และ ท�ำ ความสะอาดเศษอาหารหรือเคร่ืองดืม่ ทหี่ กปนเป้อื นให้หมด เพ่ือก�ำ จดั แหลง่ อาหารของมด การก�ำ จัดมด 1. ใชเ้ หยอ่ื ล่อ เช่น ใชป้ ูนขาวผสมนำ�้ ตาลวางลอ่ 2. ใช้สารซิลิกา (สารกันความชนื้ บดโรยตามรงั ทางเดินมดในอาคารบา้ นเรือน) 3. ใชย้ าสีฟันทม่ี สี ่วนผสมซลิ ิกา้ เจล ผสมนำ้� 1:1 ฉดี พ่นตามรงั ทางเดิน หรอื ใต้โตะ๊ อาหาร 4. กรณีทีม่ มี ดชกุ ชุมจงึ ใช้สารเคมี เชน่ ใชส้ าร Propoxur ชือ่ การคา้ คือ ไบกอน ไดอะซนิ อน ไพเรทริน ฉีดพ่นรัง ทางเดินของมด เช่น ของผนงั รอยแตกของผนงั อาคาร หรอื อัดสารเคมลี งดนิ รอบอาคารหากมดทำ�รัง นอกบา้ นอาจใชส้ ารเคมพี น่ รอบๆ บา้ น หรอื ใชส้ ารเคมผี สมน�ำ้ ราดลงไปในรงั อาจใชย้ าเบอื่ พวก ดบิ เทอแรกซ์ หรอื ไบกอนผสมนำ�้ หวาน ลอ่ มดในบริเวณท่มี มี ดชกุ ชุม แตต่ ้องห่างจากเดก็ และสตั วเ์ ล้ยี ง 5. ใช้เครอื่ งดูดฝนุ่ ดูดมดแลว้ น�ำ ไปกำ�จดั สุนขั สนุ ขั เปน็ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม มหี ลายชนดิ หลายสกลุ ในวงศ์ Canidae ออกลกู เปน็ ตวั ล�ำ ตวั มขี นปกคลมุ มเี ขีย้ ว 2 คู่ ตีนหน้ามี 5 น้วิ ตีนหลังมี 4 น้วิ ซอ่ นเล็บไมไ่ ด้ อวยั วะเพศของตวั ผ้มู กี ระดกู อยูภ่ ายใน 1 ชน้ิ สุนขั ที่ ยงั คงเป็นสัตว์ป่า เช่น หมาใน (Cuon alpines) ท่ีเลย้ี งเป็นสตั วบ์ ้าน คอื ชนิด Canis familiaris สุนขั เป็นสตั ว์ที่ มีหลายสายพนั ธุม์ ีท้ังขนาดใหญ่และขนาดเลก็ ดุและไม่ดุ พันธท์ุ ีม่ ขี นาดใหญ่ เชน่ โกลเด้น ลาบาดอร์ ท่มี ีขนาดเลก็ เชน่ ชิวาวา ชิสุ สุนขั แต่ละพันธุ์ จะมนี สิ ยั แตกตา่ งกัน
210 ค่มู อื วชิ าการสขุ าภิบาลอาหารส�ำ หรับเจ้าหนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) ความส�ำ คญั ในทางสาธารณสุข สุนัขเป็นสัตว์พาหะนำ�โรคพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ยังเป็นตัวแพร่ไวรัส แบคทีเรีย และปรสิต เช่น โรคอุจจาระร่วงจากเชือ้ Sallmonella จากรายงานการตรวจหาเช้ือ Sallmonella จากสนุ ัขในกรุงเทพมหานคร โดยการทำ� Rectal swab culture จากสุนัข 218 ตัว พบว่า มีเชื้อ Sallmonella 44 ตัว (ร้อยละ 20.6) การเลีย้ งสนุ ขั จงึ อาจท�ำ ใหต้ ิดเช้อื Sallmonella ได้ นอกจากน้สี นุ ขั ยงั เปน็ พาหะของโรค เลปโตสไปโรซสี และ พยาธิตัวตดื สนุ ัข วิธกี ารแพร่โรค มลู สนุ ัข ปสั สาวะน้�ำ มูกและนำ�้ ลาย เป็นแหลง่ ของเชือ้ โรคท่สี ามารถปนเป้อื นมากบั อาหารและน้ำ� โดย การกินอาหารท่ีปนเปื้อนของสุนัขท่ีมีเช้ือโรคหรือสัมผัสปัสสาวะที่ปนเป้ือนเชื้อโรคได้โดยตรงทำ�ให้เกิดโรคเลปโต- สไปโรซสี และการคลกุ คลกี ับสนุ ขั ทม่ี ีเชือ้ Sallmonella ก็จะปว่ ยเปน็ อจุ จาระร่วงไดโ้ ดยเฉพาะเด็กเมอ่ื หยบิ จบั อาหารโดยไม่ล้างมอื การควบคุมและปอ้ งกัน 1. ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนให้หลีกเล่ียงการสัมผัสสุนัข มูลและปัสสาวะสุนัข หากมีการสัมผัสต้อง ล้างมือทุกครง้ั ก่อนและหลงั การสัมผสั และกอ่ นสัมผัสอาหาร 2. หลีกเลี่ยงการสมั ผัสสุนขั และลดจ�ำ นวนสนุ ขั ให้เหลือเท่าทีจ่ �ำ เป็น 3. แยกบรเิ วณไมใ่ ห้สุนขั อยใู่ นบริเวณท่ีพกั อาศัย และสถานทปี่ ระกอบอาหาร แมลงหวี่ เมลงหว่ี เป็นพาหะนำ�โรคทีพ่ บเหน็ ได้ทั่วไป โดยเฉพาะตามบริเวณกองขยะ แหล่งอาหาร เศษเปลอื ก ผลไม้ ผลไม้เน่า ผกั เน่า ถงั หมกั น้ำ�ผลไม้ ถงั หมักเหล้าไวน์ โรงงานนำ�้ สม้ สายชู อาหารหมกั ดอง น้�ำ เล้ียงที่ออกจาก แผลตามลำ�ต้นพชื ลกั ษณะท่วั ไป แมลงหวี่เป็นแมลงขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ลำ�ตัวมีความกว้าง 1 มิลลิเมตร ตัวผมู้ ขี นาดเล็กกวา่ ตวั เมยี เลก็ นอ้ ย รปู ร่างประกอบด้วยส่วนหวั อก และท้อง ขา 3 คู่ หนวด 1 คู่ มขี นเสน้ เล็กตาม ลำ�ตัวและขา ตาของแมลงหว่ีชนิด D.melanogaster มสี ีนำ�้ ตาลแดง วงจรชีวิตและการแพรพ่ นั ธุ์ แมลงหวม่ี กี ารเจรญิ เตบิ โตแบบสมบรู ณ์ (Complete metamorphosis) คอื มกี ารเปลยี่ นแปลงรปู รา่ ง ทกุ ขนั้ ตอนของการเจรญิ เตบิ โตทง้ั 4 ระยะ คอื จากไข่ (EGG) ไปเปน็ ตวั หนอน (Larva) จากนนั้ จะมกี ารเปลย่ี นแปลง รูปร่างเป็นดักแด้หรือตัวโม่ง (Pupa) ภายในดักแด้จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นตัวแก่ (Adult) จากไข่ถึง ตวั แก่ใชเ้ วลา 9 วัน
คูม่ ือวิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรับเจ้าหนา้ ท่ี 211 (Principles of Food Sanitation Inspector) เม่ือตัวแก่จะมีการผสมพันธ์ุในวันแรกและตัวเมียจะเร่ิมวางไข่ในวันที่ 2 จำ�นวนไข่คร้ังละประมาณ 70-100 ฟอง โดยปกตไิ ขจ่ ะฟกั เปน็ ตวั 95% ภายใตส้ ภาวะทเี่ หมาะสมตวั หนอนกนิ อาหารทอ่ี ยใู่ นธรรมชาติ ไดแ้ ก่ แบคทเี รีย ยสี ต์ เชอื้ ราต่างๆ เศษปฏกิ ูล แมลงหวีม่ อี ายยุ นื ประมาณ 10 สปั ดาห์ และตัวเมยี วางไข่ได้ประมาณ 3,000 ฟองตอ่ ตัว (หรือจากหอ้ ง ปฏบิ ัตกิ าร พบว่า แมลงหว่จี ะวางไข่ไดป้ ระมาณ 30 รุ่น) ความสำ�คญั ในทางสาธารณสขุ เนอ่ื งจากแมลงหวเ่ี พาะพนั ธุ์ ตามแหลง่ ขยะ ผกั ผลไมห้ มกั ดอง/เนา่ เปอื่ ย เชอื้ รา สงิ่ ปฏกิ ลู มลู สตั ว์ และ ตามลำ�ตัว ขา มีขนทำ�ให้เชื้อโรคต่างๆ เช่น บดิ ไทฟอยด์ มีโอกาสตดิ มากับแมลงหว่ที ่ีมาตอมอาหารทำ�ให้เกดิ การ ปนเปอ้ื นของเชอ้ื โรคต่างๆ ในอาหารของคน ทำ�ให้สามารถา่ ยทอดโรคทางเดนิ อาหารสคู่ นได้ นอกจากน้ีแมลงหว่ี เปน็ แมลงขนาดเลก็ มีนิสยั ชอบบินเป็นกลมุ่ ตอมตามท่ีชื้น เช่น ตาของคนทำ�ให้แพรเ่ ชอื้ โรคตาแดงสคู่ นได้ การควบคุมและก�ำ จดั ในการดำ�เนินการควบคุมกำ�จัดแมลงหว่ีให้มีประสิทธิภาพน้ัน ควรสำ�รวจหาแหล่งเพาะพันธ์ุและ ความชุกของแมลงหว่ี เพื่อนำ�มาวางแผนในการควบคุมและกำ�จัด และควรให้ความรู้เรื่องวงจรชีวิตและการ แพรพ่ นั ธุ์ในการควบคมุ ก�ำ จดั ด้วย ซึ่งแนวทางการควบคมุ ก�ำ จดั แมลงหวีม่ หี ลัก 3 ประการ คือ 1. การปรบั ปรุงสขุ าภบิ าลส่งิ แวดล้อม 1.1 ทิ้งเศษอาหาร เศษผกั ผลไม้ ขยะตา่ งๆ ในถังขยะที่มีฝาปิดมดิ ชดิ ไมร่ ว่ั หรอื ซึมน้�ำ และน�ำ ขยะ ไปก�ำ จดั โดยการเผา ฝัง หมกั ท�ำ ปยุ๋ ถมท่ี หรือเลยี้ งสตั ว์ และต้องนำ�ถังขยะไปทำ�ความสะอาดอย่างสมำ่�เสมอ 1.2 กำ�จดั มูลสัตว์ สิ่งปฏกิ ลู โดยการฝัง หมกั ทำ�ปุ๋ย หมกั ในถงั หมกั แกส๊ ชวี ภาพ 1.3 ควรเกบ็ ผกั ผลไม้ ของหมกั ดองในภาชนะ ตเู้ กบ็ อาหาร หรอื มฝี าชตี าละเอยี ด ไมใ่ หแ้ มลงหวต่ี อม 1.4 บรเิ วณสถานทป่ี ระกอบอาหาร หอ้ งครวั ภตั ตาคาร รา้ นอาหาร ควรกรดุ ว้ ยมงุ้ ลวด/ลวดตาขา่ ย ป้องกนั มิให้แมลงหวีเ่ ขา้ ไปรบกวนหรอื ตอมอาหาร 2. การท�ำ ลายตัวอ่อนของแมลงหวี่ 2.1 น�ำ มลู สัตวไ์ ปผ่งึ แดดท�ำ ลายไข่/หนอนของแมลงหวี่ 2.2 ใช้สาเคมีทำ�ลายหนอนแมลงหวี่ตามคำ�แนะนำ�การใช้ฉลาก เช่น ใช้สารไพเรทรินไดอะซิมอน คลอไพริฟอส มาลาไทออน 3. การท�ำ ลายตวั แกข่ องแมลงหวี่ วิธกี ล - ใชย้ างขนนุ หรือกาวจบั แมลงวันทาเชอื กนำ�ไปแขวนเหนอื ผลไม้เน่า เพอื่ ดักจบั แมลงหวี่ - วธิ ีสารเคมี - ใชส้ ารเคมชี นิดท่ีมอี ันตรายน้อยต่อมนุษย์ เช่น ไพเรทริน (pyretrin) 0.1-0.4% ฉดี พน่ ในอาคาร บ้านเรอื น
212 คู่มอื วิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรับเจ้าหน้าท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) - ใชส้ ารเคมีพน่ ตามแหลง่ เพาะพนั ธุ์นอกบ้านเรอื น เชน่ Malathion 2-5% Diaazinon 0.5-1% Fenetrothion 0.5-1% Ronel 1% - ใช้ของหมักดอง เชน มะนาวดอง ผักเส้ียนดอง หรือสัปปะรด ผสมกับ Proproxur 0.1-2% ผสมเหย่อื ล่อแมลงหว่ี ทั้งนต้ี อ้ งท�ำ ด้วยความระมัดระวัง แมว แมวเป็นสัตว์ที่มีชีวิตใกล้ชิดกับมนุษย์ นอกจากเป็นสัตว์เล้ียงแล้วมนุษย์ยังเลี้ยงแมวไว้เพ่ือประโยชน์ ในการจบั หนูในบ้านเรือน ความส�ำ คญั ในทางสาธารณสขุ แมวเปน็ สตั วท์ มี่ ขี นาดเลก็ จงึ ดเู หมอื นวา่ เปน็ สตั วท์ ไ่ี มอ่ นั ตรายตอ่ มนษุ ย์ แตภ่ ยั ทเี่ กดิ จากแมวกค็ อื โอกาส ที่จะท�ำ ให้เกิดการติดเชื้อโรคจากแมวสู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้าท่ีเกิดจากการกัดหรือข่วนและก่อให้เกิดปฏิกิริยา ภมู แิ พ้ในคน Toxoplasmosis ซึ่งเป็นโรคทางปรสติ เกดิ จาก Toxoplasma gondii การติดต่อโดยแมวไปกนิ หนู ที่มีปรสิตน้ีอยู่ ส่วนคนที่เป็นโรคนี้เกิดจากการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ หรือสัมผัสกับมูลแมว และผทู้ ี่เสีย่ งตอ่ การเกิดโรคนี้คอื ผู้ท่ีมีความไวตอ่ การรบั เชอ้ื และหญงิ มคี รรภ์ ซง่ึ จะแพร่ต่อไปยงั ทารกในครรภ์โย ผ่านทางรก การควบคมุ และการปอ้ งกัน - ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแมว มูลแมวและปัสสาวะแมว หากมีการสัมผัส ต้องมกี ารลา้ งมือทกุ ครง้ั หลงั การสมั ผสั และกอ่ นสัมผัสอาหาร - หลีกเล่ยี งการสมั ผัสแมว และลดจ�ำ นวนแมวใหเ้ หลือเทา่ ทีจ่ ำ�เป็น - แยกบริเวณไม่ใหแ้ มวอยูใ่ นบรเิ วณทพ่ี ักอาศัย และสถานทปี่ ระกอบอาหาร จงิ้ จก ลักษณะท่วั ไป จิ้งจกเป็นสัตว์เล้อื ยคลานชนดิ หนึง่ และในบรรดาสตั วเ์ ล้ือยคลานอ่นื ๆ ได้แก่ จระเข้ แย้ จงิ้ เหลน ตุ๊กแก เนื่องจากสัตว์กลุม่ นี้จะเคลือ่ นท่ีโดยอาศยั การเลอ้ื ยหรอื คลานไป จิ้งจกเป็นสัตวเ์ ลอื ดเย็น ลักษณะตวั เรียวยาว มี ขนาดความกว้างประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 10 เซนตเิ มตร จง้ิ จกประกอบด้วย หัว ล�ำ ตัว หาง และ ขา 4 ขา หางยาวเท่าๆความยาวของล�ำ ตวั หัวมีลักษณะสามเหลีย่ ม ตาโปน ท�ำ ใหม้ องเห็นไปในมุมกวา้ ง และ รอบตวั มลี น้ิ สน้ั แตย่ ดื ออกไดค้ อยตวดั จบั แมลงตา่ งๆ เปน็ อาหาร องุ้ เทา้ ของจงิ้ จกเปน็ สญุ ญากาศท�ำ ใหจ้ งิ้ จกเกาะ ฝ้าเพดานหรือพนังได้แน่นโดยไม่ตกลงมาไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวที่แห้งหรือเปียก หรอแก้วและสามารถเปล่ียนสีเป็น สดี �ำ หรือนำ�้ ตาลออ่ นข้นึ อยู่กับสภาพแวดล้อมหรือผนงั ทีเ่ กาะอยู่ เชน่ จะมสี ซี ีดเมอ่ื เกาะบนฝ้าเพดาน สขี าว
คมู่ อื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจา้ หน้าที่ 213 (Principles of Food Sanitation Inspector) วงจรชีวิตและการแพรพ่ นั ธุ์ เนอื่ งจากจง้ิ จกเปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็ มนั ไมส่ ามารถปรบั อณุ หภมู ขิ องรา่ งกายใหเ้ ขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มได้ ในหนา้ หนาวมันมักจะขุดรูอยู่ในดิน หลบซ่อนตามมุมซอกของบ้าน ในฤดูร้อนมักจะพบจิ้งจกตามที่เย็น ช้ืน ห้องนำ้� ฝา้ ใต้หลังคา หอ้ งครัวทม่ี ดื ชน้ื เย็น ใต้กองหิน ใตต้ น้ ไม้ในสวน จง้ิ จกกนิ แมลงขนาดใหญ่ เช่น แมลงปอ ขนาดเลก็ เช่น มด ปลวก แมลงวัน ยุง ตัวสามง่าม แมลงเต่าทอง หนอนผีเสื้อ หนอนไหม จ้ิงจกจะลอกคราบประมาณ 3-4 คร้ัง/ปี จงิ้ จกจะผสมพนั ธุ์และวางไขค่ รงั้ ละ 3-5 ฟอง ตามตกู้ ับขา้ ว ลนิ้ ชกั ความสำ�คญั ในทางสาธารณสุข จ้ิงจกมีประโยชนใ์ นการเป็นศัตรูธรรมชาติ ท่ชี ว่ ยทำ�ลายมด ปลวก ศัตรูพืช แต่จงิ้ จกกเ็ ป็นสตั ว์ทีน่ ำ�โรค มาสู่คน โดยการที่มันหาอาหารและขับถ่ายไปท่ัวบ้าน นอกจากทำ�ให้บ้านเรือนสกปรกแล้วยังเป็นพาหะนำ�โรค เช่น บิด ไข้รากสาด Salmonellosis ซึ่งเกดิ จากเชื้อ Salmonella spp. จากรายงานการวจิ ยั เรอื่ งการวิเคราะห์ เซอโรวาของซาลโมเนลล่าในจิ้งจก เม่ือปี พ.ศ. 2532 โดยอรุณ บ่างตระกลู นท์ และคณะการวิเคราะห์ serovar ของ Salmonella ในจ้งิ จกจากหมบู่ า้ นชวนประมงตำ�บลแสนสขุ อำ�เภอเมอื ง จังหวดั ชลบรุ ี และหอพักนิสิตชาย มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ บางแสน จำ�นวน 300 ตวั อย่างพบ Salmonella 152 ตัวอยา่ ง (50.67%) จำ�นวน 17 เซโรวาร์ ได้แก่ S. Weltevreden, S. Brunei, S. Lexington, S. I 8,20:y :-, S. Newport, S. Havana, S. Derby, S. Typhimurium, S. IV. 43: z4, z23 :-, S. Stanley, S. Panama, S. Anatum, S. Saintpaul, S. Agona, S. Montevideo, S.Virchow, S. I 8, 20: y:- ส่วนผลการวิเคราะห์ Salmonella จากอจุ จาระของคน ในพื้นท่เี ดียวกนั รวม 140 ตวั อยา่ ง พบ Salmonella 15 ตัวอยา่ ง จำ�นวน เซโรวาร์ คือ S. Weltevreden, S. I 8,20:-:-, S. Derby, S. Bredeney, S.Singapore, S. Blockley, S. Brunei, S. Panama, S. Lexington และ S. Havana ผลการทดลองเหล่าน้ีแสดงให้เห็นว่า Salmonella ที่พบในจ้ิงจกและในมนุษย์มีความสัมพันธ์กัน จนกลา่ วไดว้ า่ จง้ิ จกเปน็ พาหะน�ำ Salmonella สมู่ นษุ ยไ์ ด้ เนอื่ งจากจงิ้ จกท�ำ ใหอ้ าหารและน�้ำ ดมื่ ของมนษุ ยป์ นเปอื้ น Salmonella นนั่ เอง ดงั นน้ั การปรงุ อาหารใหส้ กุ จนเดอื ด 100 องศาเซลเซยี ส จงึ สามารถท�ำ ลายเชอ้ื โรคไดด้ ี ท�ำ ให้ มีความปลอดภัยในการบริโภคมากขึ้น จากข้อมูลดังกล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่าการป้องกันและการควบคุมการ แพร่ระบาดของ Salmonella ซึง่ อาจมจี ้งิ จกเป็นพาหะสามารถท�ำ ได้ โดยการที่ประชาชนให้ความรว่ มมอื ในการ ระวงั ไมใ่ ห้เกิดการปนเป้อื นของ Salmonella จากจง้ิ จกดังกลา่ วแล้วถ้าประชาชนให้ความรว่ มมือจะสามารถลด การแพรร่ ะบาดของ Salmonella ที่มีจิ้งจกเป็นพาหะไดเ้ ป็นอย่างดี ทง้ั ยงั ชว่ ยลดการเกดิ โรคอจุ จาระรว่ งซึ่งเปน็ ปญั หาทางสาธารณสุขที่สำ�คญั ของประเทศอีกดว้ ย การควบคุมและปอ้ งกัน เนอ่ื งจากจงิ้ จกเปน็ สตั วเ์ ลอ้ื ยคลานทม่ี ปี ระโยชนเ์ ปน็ ศตั รธู รรมชาตชิ ว่ ยกำ�จดั มด ปลวก แมลงอนื่ ๆ โดย การจับแมลงกินเป็นอาหารจึงควรใช้มาตรการควบคุมจำ�นวนจิ้งจกให้มีจำ�นวนสมดุลธรรมชาติและป้องกันไม่ให้ จิง้ จกเขา้ มาในอาคาร หรือกอ่ ให้เกดิ การปนเปอื้ นอาหารและน้�ำ 1. การควบคมุ ปรมิ าณจ้ิงจก 1.1 ก�ำ จดั อาหารของจิง้ จก เช่น มด ปลวก 1.2 กำ�จดั ที่อยอู่ าศัยหลบซอ่ นของจงิ้ จก เช่น กองหิน รงั ตามพน้ื
214 คู่มอื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจ้าหน้าที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) 1.3 ก�ำ จัดไขจ่ ง้ิ จก ซ่งึ มลี ักษณะเหมือนไขเ่ ปด็ จิ๋วทรงรี ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ย์กลาง 0.5 เซนตเิ มตร 1.4 ท�ำ ความสะอาดบา้ นเรอื น หอ้ งน�้ำ หอ้ งสว้ ม เพอ่ื มใิ หเ้ ปน็ แหลง่ เพาะพนั ธยุ์ งุ ซง่ึ เปน็ แหลง่ อาหาร และช่วยลดที่หลบซ่อนของจ้ิงจก 2. การป้องกนั มใิ ห้จิง้ จกเขา้ มาในอาคารบ้านเรือน 2.1 ประตู หน้าต่าง ควรติดมุ้งลวด และติดขอบยางและพลาสติกเพ่ือปิดช่องว่างระหว่างประตู หนา้ ต่างกบั ตัวอาคารบ้านเรอื น นอกจากนี้ยงั มีแถบโลหะใช้ปดิ ชอ่ งวา่ งดังกลา่ ว แทนที่จะใช้มุ้งลวด หรืขอบยาง ซ่งึ เสยี หายได้ง่าย ต้องซ่อมแซมบ่อย 2.2 สำ�รวจอาคารบ้านเรอื น เพอ่ื ปดิ ทางของจิง้ จกอยา่ งถาวร 2.3 ติดมุ้งลวดบริเวณช่องว่าง รู ท่ีจะทำ�ให้จิ้งจกเข้ามาอาศัยในอาคารหรือคลานเข้ามาทำ�รัง และอาศยั ใต้หลงั คา 2.4 แหล่งทีอ่ ยอู่ าศยั ทีส่ ำ�คญั อีกแห่ง คือ โรงรถจะตอ้ งปิดชอ่ งทางมใิ หจ้ ้ิงจกเข้ามาอาศยั และวางไข่ เช่น ใช้ผ้าเทปปิดตามช่องเล็กๆ ปิดช่องว่างระหว่างหัวก๊อกนำ้�กับกำ�แพง หรืออาจจะประยุกต์หรือนำ�โฟมหรือ แผ่นพลาสตกิ กันกระแทกกลบั มาใช้ประยกุ ต์อดุ ตามชอ่ งตา่ งๆ 2.5 ใช้สาร non-toxic repellents สำ�หรบั ไลจ่ ้งิ จกซงึ่ เป็นสารทีไ่ มม่ ีพษิ ฉีดพน่ หรอื ทาบน ผนงั เพดาน เพอื่ ให้พ้ืนผิวน้นั ล่นื ทำ�ใหเ้ ทา้ ของจิง้ จกเกาะไม่ตดิ 2.6 ใช้แผน่ กาว (ทม่ี ีเหยอ่ื ) ดักจบั จง้ิ จก 2.7 ใช้ไมก้ วาดไล่ 2.8 ไม่วางเฟอร์นเิ จอร์ชิดผนงั ควรเวน้ ระยะหา่ งจากฝาผนงั และไม่ควรแขวนรปู ภาพหรอื กระจก บานใหญท่ ี่ผนัง เพื่อไมใ่ หเ้ ป็นท่อี าศยั หลบซอ่ นของจ้งิ จก 2.9 เฟอร์นิเจอร์ทีใช้ควรเลือกแบบท่ีไม่มีขา(วางติดพ้ืน) หรือถ้ามีขาก็ควรเป็นแบบท่ีมีขาสูงซ่ึง สงู พอที่จะมองเหน็ ส่งิ ทอ่ี ยขู่ า้ งใต้ 2.10 ช็อลค์ ส�ำ หรบั ปอ้ งกนั แมลงสาบและมด ก็สามารถใชไ้ ด้ผลกับจิ้งจกเชน่ กัน 2.11 ใชเ้ ครอื่ งดดู ฝนุ่ ทม่ี ถี งุ เกบ็ ฝนุ่ ทม่ี กี �ำ ลงั แรงพอทจ่ี ะดดู จง้ิ จกออกจากผนงั ได้ และน�ำ เอาไปปลอ่ ย นอกบ้าน 3. การป้องกนั มิใหอ้ าหารถกู ปนเป้อื นด้วยจิ้งจก 3.1 เกบ็ อาหารใหม้ ดิ ชดิ เชน่ ใสต่ กู้ บั ขา้ วมฝี าปดิ ใชฝ้ าชคี รอบอาหาร เพอ่ื มใิ หจ้ ง้ิ จกน�ำ เชอื้ ทตี่ ดิ ตาม ล�ำ ตัว หาง ขา และโดยเฉพาะข้ีจงิ้ จกมาปนเป้อื นอาหารได้ 3.2 ปอ้ งกนั มใิ ห้จง้ิ จกเข้าสอู่ าคารบา้ นเรอื นดงั กล่าวแล้วข้างต้น การควบคุมและแมลงสตั วน์ ำ�โรคน้ี สารเคมีที่ใช้ต้องไดร้ ับการรบั รองว่าเปน็ สารเคมที ี่อนญุ าตใหใ้ ช้ ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารได้ ซ่ึงหนว่ ยงานทีจ่ ะให้การรบั รองน้นั อาจเป็นหน่วยงานภายในประเทศหรอื ตา่ ง ประเทศกไ็ ด้ เช่น สำ�นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมปศสุ ัตว์, USDA, USFDA, EPA (Environ- mental Protect Agency) เปน็ ต้น สารเคมีท่ีต้องใชต้ ้องมี MSDS (Material Safety Data Sheet) แสดงวธิ ีใช้ อย่างถูกตอ้ งพร้อมทัง้ แสดงถงึ พษิ ของสารเคมี รวมท้งั วิธีการแก้ไขกรณที ่เี กดิ เหตุอนั ตรายตอ่ ผู้ใช้
คูม่ ือวชิ าการสุขาภิบาลอาหารสำ�หรบั เจา้ หนา้ ท่ี 215 (Principles of Food Sanitation Inspector) ในกรณที ม่ี กี ารจดั จางบรษิ ทั ก�ำ จดั แมลงและสตั วน์ �ำ โรค ควรมหี ลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณาและหารคดั เลอื กบรษิ ทั ดังน้ี 1. ความสามารถของบริษทั ในการให้บรกิ ารท่ีครอบคลมุ ปญั หาทท่ี างสถานประกอบการประสบอยู่ 2. ประสบการณ์ของบรษิ ัท 3. รายละเอยี ดและแผนการด�ำ เนนิ การสารเคมีท่ใี ช้ 4. ความรู้และประสบการณ์ของพนักงาน 5. การให้ค�ำ แนะน�ำ และบรกิ ารในกรณีมีปัญหาเร่งดว่ น
คู่มอื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรบั เจา้ หนา้ ที่ 217 (Principles of Food Sanitation Inspector) บทท่ี 8 กฎหมายเก่ยี วข้องกับ งานสขุ าภิบาลอาหาร
คู่มือวิชาการสขุ าภิบาลอาหารสำ�หรับเจ้าหน้าที่ 219 (Principles of Food Sanitation Inspector) บทท่ี 8 กฎหมายเกย่ี วข้องกบั งานสขุ าภบิ าลอาหาร กฎหมาย เป็นกฎกติกาของสังคม เพ่ือให้คนอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขและเป็นเคร่ืองมือสำ�คัญในการ ปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสังคมปัจจุบันสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงจากสังคม เกษตรกรรมเป็นสังคมก่ึงอุตสาหกรรมหรืออุตสาหกรรม ประชาชนเริ่มหันไปประกอบอาชีพรับจ้างในโรงงาน อุตสาหกรรมมากข้ึน ทำ�ให้ไม่มีเวลาในการปรุง ประกอบอาหารรับประทานเองในครอบครัว จึงต้องใช้บริการ จากสถานทปี่ รงุ ประกอบ และจ�ำ หนา่ ยอาหาร ไมว่ า่ จะเปน็ ตลาด รา้ นอาหาร แผงลอย รถเร่ รวมไปถงึ การบรกิ าร อาหารส่งตามบ้าน (Delivery) ซึ่งปัจจุบันธุรกิจจำ�หน่ายอาหารได้มีการขยายตัวเพ่ิมจำ�นวนผู้ประกอบการมาก ข้ึนอยา่ งรวดเร็ว รวมไปถึงพฒั นารูปแบบการให้บรกิ ารทหี่ ลากหลายขน้ึ นอกจากนน้ั การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น ในปี พ.ศ.2558 จะย่ิงกระตุ้นให้มีการขยายตัวในการประกอบกิจการค้าอาหารมากย่ิงข้ึน จึงจำ�เป็นที่จะต้องมี การควบคุม ก�ำ กบั ดูแล การประกอบกจิ การดังกลา่ วใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง ทงั้ น้เี พอ่ื เปน็ การส่งเสริม และค้มุ ครองสุขภาพของประชาชนให้ได้รับการบริการอาหารทีส่ ะอาด ปลอดภัย กระบวนการไดม้ าของอาหารนนั้ เรมิ่ จากการเกษตรกรรมและปศสุ ตั ว์ ผา่ นมายงั สถานทผ่ี ลติ และแปรรปู ก่อนจะไปส่สู ถานที่กระจายสนิ ค้า สถานที่ปรงุ ประกอบ และจำ�หนา่ ยอาหาร กอ่ นจะไปถึงมือผบู้ ริโภคเปน็ ล�ำ ดบั สดุ ท้าย ซ่ึงตลอดกระบวนการได้มาของอาหารน้ันมกี ฎหมายท่เี กี่ยวข้องอยหู่ ลายฉบบั ไดแ้ ก่ พระราชบัญญัติการ สาธารสขุ พ.ศ. 2535 พระราชบญั ญตั อิ าหาร พ.ศ.2522 พระราชบญั ญตั ริ กั ษาความสะอาดและความเปน็ ระเบยี บ เรยี บรอ้ ยของบา้ นเมอื ง พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัตโิ รคตดิ ตอ่ พ.ศ. 2523 ตามแผนภูมทิ ี่ 1
220 คู่มอื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรับเจา้ หนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) แผนภมู ิท่ี 1 กระบวนการไดม้ าซึง่ อาหาร แหล่งเลีย้ งสตั ว์ แหลง่ ปลูกพืช พรบ. ฆา่ & โรงฆา่ สัตว์ สถานทผ่ี ลติ อาหาร จ�ำ หน่าย เนอ้ื สตั ว์ ตลาด/รา้ นสะสมอาหาร พรบ. ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย ครวั เรอื น อาหาร พรบ. การสาธารณสุข อาหารสะอาด พรบ. โรคตดิ ตอ่ พรบ. รักษา ผู้บริโภคปลอดภยั ความสะอาดฯ 1. พระราชบญั ญตั ิการสาธารสขุ พ.ศ. 2535 เจตนารมณ์ของกฎหมาย พระราชบญั ญตั ิการสาธารสุข พ.ศ. 2535 เปน็ กฎหมายท่ีกระจายอำ�นาจให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ควบคุมดูแลเพื่อคุ้มครองประชาชนด้านสุขลักษณะและการอนามัยสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการและการ กระทำ�ทกุ อยา่ งทีม่ ีผลกระทบตอ่ สขุ ภาพของประชาชน ขอบเขต ตามพระราชบัญญัติการสาธารสุข พ.ศ. 2535 ได้บัญญตั ใิ ห้ “องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น” มอี �ำ นาจ ในการจดั การและควบคมุ ดแู ลกจิ การ “ตลาด” “สถานทจ่ี �ำ หนา่ ยอาหาร” “สถานทสี่ ะสมอาหาร” และ “แผงลอย จำ�หน่ายอาหาร” หรือ “การขายอาหารในท่ีหรือทางสาธารณะ” เพ่ือให้ประชาชนได้บริโภคอาหารท่ีสะอาด ปลอดภยั โดยก�ำ หนดให้ 1) องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ มีอำ�นาจออกขอ้ กำ�หนดของทอ้ งถนิ่ 2) เจ้าพนกั งานท้อง ถ่นิ มีอ�ำ นาจในการอนญุ าตหรอื ไม่อนญุ าต การประกอบกจิ การ “ตลาด” “สถานท่ีจำ�หน่ายอาหาร” “สถานท่ี สะสมอาหาร” และ “แผงลอยจ�ำ หนา่ ยอาหาร” 3) เจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ มอี �ำ นาจในการออกค�ำ สง่ั ใหแ้ กไ้ ข/ปรบั ปรงุ หยดุ กจิ การ พกั ใชใ้ บอนญุ าตหรอื เพกิ ถอนใบอนญุ าต 4) เจา้ พนกั งานสาธารณสขุ มบี ทบาทหนา้ ทใี่ นการตรวจตรา ดแู ลสถานประกอบการ ใหค้ �ำ แนะนำ� ปรบั ปรงุ /แกไ้ ขใหถ้ กู สขุ ลกั ษณะและเสนอเจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ออกคำ�สง่ั ให้ แก้ไข พักหรอื เพิกถอนใบอนุญาตและหยุดกิจการหากไม่ปฏบิ ัติตามข้อแนะน�ำ
คู่มือวิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจา้ หนา้ ท่ี 221 (Principles of Food Sanitation Inspector) แผนภมู ทิ ่ี 2 แสดงขอบเขตการคุม้ ครองของพระราชบัญญตั กิ ารสาธารสขุ พ.ศ. 2535 การคุ้มครองประชาชนของกฎหมายสาธารณสขุ กิจการทต่ี อ้ งควบคมุ ตามกฎหมาย กิจการทัว่ ไป l กิจการตลาด l สถานทส่ี ะสมอาหาร l บ้าน/ครวั เรือน/ชุมชน l โรงเรยี น/สถานศึกษา ll กสถจิ กานา รทเจี่กำ�บ็ ห ขนน่าย/กอ�ำาจหัดาสร ิ่งปฏlกิ ลู ก/ามรลู เฝลอี้ยยงส(ัตธวุรก์หิจร)ือปล่อยสัตว์ l วัด/ศาสนสถาน l สถานีขนสง่ /สถานรี ถไฟ l กิจการที่เปน็ อันตรายต่อสุขภาพ (133 ประเภท) l สถานพยาบาล l การขายสนิ ค้าในที่/ทางสาธารณะ l สถานประกอบกจิ การอื่นๆ ประกาศเพ่ิม กอ่ นประกอบการ ตอ้ งขอ ต้องปฏิบัติ ต้องก�ำ จัด ต้องดูแล ตอ้ งไม่กอ่ อนญุ าต/แจง้ ใหถ้ กู สง่ิ ปฏกิ ลู / อาคารใหถ้ กู เหตรุ �ำ คาญ มูลฝอย สุขลักษณะ สุขลักษณะ ขอ้ กำ�หนดของท้องถ่นิ เจ้าพนกั งานทอ้ งถิน่ ราชการสว่ นท้องถ่ิน ความหมาย ตลาด หมายความว่า สถานที่ซ่ึงปกติจัดไว้ให้ผู้ค้าใช้เป็นท่ีชุมนุม เพ่ือจำ�หน่ายสินค้าประเภทสัตว์ เนอ้ื สัตว์ ผกั ผลไม้ หรอื อาหารอนั มีสภาพเป็นของสด ประกอบหรือปรงุ แลว้ หรือของเสียงา่ ยหรอื สนิ คา้ ประเภท อ่ืนด้วยหรือไม่ก็ตาม และหมายความรวมถึงบริเวณซ่ึงจัดไว้สำ�หรับให้ผู้ค้าใช้เป็นที่ชุมนุม เพื่อจำ�หน่ายสินค้า ประเภทดังกล่าวเป็นประจำ�หรือเป็นคร้ังคราวหรือตามวันท่ีกำ�หนด (จากการประชุมคณะกรรมการสาธารณสุข คร้งั ท่ี 40-4/2548 วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2548 คณะกรรมการสาธารณสุขมีมติวา่ การพิจารณาว่าการประกอบ กจิ การในลักษณะใดจะถือว่าเป็น “ตลาด” ตามกฎหมายสาธารณสุขน้ัน ต้องยดึ ถอื องค์ประกอบตามนยิ ามคำ�วา่ “ตลาด” เป็นสำ�คัญ โดยไม่จำ�เป็นต้องพิจารณาจำ�นวนแผงของการจำ�หน่ายอาหารสดว่ามีเท่าใด หากลักษณะ และองค์ประกอบกิจการเป็นไปตามคำ�นิยาม ย่อมถือได้ว่าเป็น “ตลาด” ตามพระราชบัญญัติการสาธารสุข พ.ศ. 2535”)
222 คมู่ อื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจ้าหน้าท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) ตามกฎกระทรวงว่าดว้ ยสขุ ลกั ษณะของตลาด พ.ศ.2551 แบง่ ตลาดออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ 1. ตลาดประเภทท่ี 1 หมายถงึ ตลาดท่ีมโี ครงสร้างอาคาร 2. ตลาดประเภทท่ี 2 หมายถึงตลาดที่ไมม่ โี ครงสรา้ งอาคาร สถานที่จ�ำ หนา่ ยอาหาร หมายความวา่ อาคาร สถานทห่ี รอื บริเวณใดๆ ท่ีมิใชท่ ห่ี รอื ทางสาธารณะทจ่ี ัดไว้ เพอื่ ประกอบอาหาร หรอื ปรงุ อาหารจนส�ำ เรจ็ และจ�ำ หนา่ ยใหแ้ กผ่ ซู้ อื้ สามารถบรโิ ภคไดท้ นั ที ทง้ั นไ้ี มว่ า่ จะเปน็ การ จ�ำ หนา่ ยโดยจดั ใหม้ บี ริเวณไวส้ ำ�หรบั บริโภค ณ ท่นี ัน้ หรือนำ�ไปบริโภคทีอ่ ื่นก็ตาม (ซง่ึ ครอบคลุมถงึ ร้านอาหาร ภัตตาคาร สวนอาหาร ห้องอาหารในโรงแรม โรงอาหารและศูนย์อาหาร) สถานทส่ี ะสมอาหาร หมายความว่า อาคาร สถานที่ หรือบรเิ วณใด ๆ ทมี่ ใิ ชท่ ห่ี รอื ทางสาธารณะท่จี ัด ไวส้ �ำ หรบั เกบ็ อาหารอนั มสี ภาพเปน็ ของสดหรอื ของแหง้ หรอื อาหารในรปู ลกั ษณะอนื่ ใด ซง่ึ ผซู้ อ้ื ตอ้ งน�ำ ไปประกอบ หรือปรุงเพอื่ บริโภคในภายหลัง (ซ่ึงครอบคลุมถึงรา้ นขายของช�ำ มินมิ ารท์ ซุปเปอรม์ ารเ์ ก็ต) ท่หี รอื ทางสาธารณะ หมายความวา่ สถานทห่ี รอื ทางซงึ่ มใิ ช่เปน็ ของเอกชนและประชาชนสามารถใช้ ประโยชน์หรือใช้สญั จรได้ ความหมายตามที่สำ�นกั สุขาภบิ าลอาหารและน�ำ้ ไดน้ ยิ ามเพ่อื ใชป้ ฏบิ ัติงาน สินค้า หมายความว่า ข้าวของ วัสดุทุกชนิด ที่นำ�มาขาย จำ�หน่ายได้ ซึ่งรวมถึงอาหารและนำ้�ดื่ม น้ำ�แข็งดว้ ย แผงลอยจำ�หน่ายอาหาร หมายถึง แคร่ แท่น โต๊ะ แผง รถเข็น หรือพาหนะอื่นใดท่ีขายอาหาร เครอ่ื งดม่ื น�้ำ แขง็ โดยตงั้ ประจ�ำ ทใี่ นบรเิ วณทท่ี างราชการอนญุ าตหรอื บรเิ วณทไี่ มใ่ ชท่ ที่ างสาธารณะซง่ึ อาจจะมกี าร จัดต้ังแบบถาวรหรอื เคลื่อนยา้ ยไดต้ ามช่วงเวลาท่กี �ำ หนด (โดยอาจหมายถงึ สถานทีเ่ อกชนทีจ่ ดั เตรยี มบรเิ วณไว้ ให้ตง้ั แผงลอยและเจ้าของแผงซ่ึงเป็นผเู้ ช่าไดข้ ออนุญาตจากหน่วยงานราชการส่วนทอ้ งถ่นิ แลว้ ) แผนภมู ิท่ี 3 บคุ ลากรท่ีเก่ยี วข้องตาม พรบ. สาธารณสขุ พ.ศ. 2535 รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสุข ออกกฎกระทรวง คณะกรรมการ สธ. ออกค�ำ แนะนำ� กรมอนามัย คณะกรรมการอาหาร ปลอดภัยระดบั จงั หวัด จพง. สาธารณสขุ จพง.ทอ้ งถน่ิ (สสจ./สสอ./สอ.) (นายกเทศมนตร/ี ผู้ประกอบกจิ การ นายก อบต.) ตลาด/ร้านอาหาร/รา้ นของชำ�/หาบเรท่ ่สี าธารณะ
คู่มือวชิ าการสขุ าภิบาลอาหารส�ำ หรับเจ้าหน้าท่ี 223 (Principles of Food Sanitation Inspector) อ�ำ นาจหน้าที่และขัน้ ตอนการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตามกฎหมายสาธารณสขุ เจา้ พนกั งานท่มี ีอำ�นาจตามกฎหมายการสาธารณสขุ เจ้าพนักงานท่ีมีอำ�นาจในการควบคุมดูแลกิจการตลาด สถานท่ีจำ�หน่ายอาหาร สถานที่สะสมอาหาร และแผงลอยจำ�หนา่ ยอาหารในทเ่ี อกชนและท่ีหรอื ทางสาธารณะ ตามกฎหมายการสาธารณสุข แบง่ ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. เจ้าพนกั งานทอ้ งถนิ่ หมายความว่า 1.1 ผู้วา่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ส�ำ หรบั ในเขตกรุงเทพมหานคร 1.2 นายกเมอื งพทั ยา ส�ำ หรับในเขตเมอื งพัทยา 1.3 นายกเทศมนตรี สำ�หรบั ในเขตเทศบาล 1.4 นายก อบต. สำ�หรับในเขตองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล ซึง่ เจ้าพนักงานทอ้ งถ่นิ มอี �ำ นาจหนา้ ท่ี ดงั น้ี (1) เสนอร่างข้อบัญญตั ขิ องทอ้ งถิน่ (2) พิจารณาอนุญาต (3) ตรวจตราดูแลและแนะน�ำ ให้เป็นไปตามขอ้ บัญญัติของทอ้ งถน่ิ (4) ออกคำ�สั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไข หยุดกิจการ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี (5) เปรยี บเทยี บคดี (ปรับ) (6) แต่งต้ังให้ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าพนักงาน (ผู้ซ่ึงได้รับการแต่งตั้งจาก เจา้ พนกั งานทอ้ งถิน่ ) 2. เจา้ พนกั งานสาธารณสขุ หมายความวา่ เจา้ พนกั งานซง่ึ ไดร้ บั แตง่ ตงั้ จากรฐั มนตรวี า่ การกระทรวง สาธารณสุขใหป้ ฏิบตั ิการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 โดยมอี ำ�นาจหน้าท่ี ดังนี้ 2.1 ตรวจตราแนะน�ำ 2.2 แจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่น กรณีที่พบว่ามีการปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง พระราชบญั ญตั นิ ห้ี รอื กฎกระทรวง หรอื ขอ้ บญั ญตั ขิ องทอ้ งถนิ่ ใหแ้ จง้ เจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ เพอ่ื ด�ำ เนนิ การตามอ�ำ นาจ หนา้ ทีโ่ ดยไม่ชกั ชา้ (ตามมาตรา 46 วรรคหนึ่ง) 2.3 ออกค�ำ สง่ั กรณที ก่ี ารปฏบิ ตั ไิ มถ่ กู ตอ้ งหรอื การฝา่ ฝนื นนั้ จะเปน็ อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรงตอ่ สขุ ภาพ ของประชาชนเปน็ สว่ นรวม ซง่ึ สมควรแกไ้ ขโดยเรง่ ดว่ น ใหเ้ จา้ พนกั งานสาธารณสขุ มอี �ำ นาจออกค�ำ สง่ั ใหป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขได้ตามสมควร แล้วแจ้งให้เจ้าพนกั งานทอ้ งถน่ิ ทราบดว้ ย (ตามมาตรา 46 วรรคสอง) 3. ผไู้ ดร้ บั การแตง่ ตงั้ จากเจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ ไดแ้ ก่ บคุ คลทเ่ี ปน็ ขา้ ราชการหรอื พนกั งานของราชการ สว่ นทอ้ งถนิ่ ซง่ึ ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั จากเจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ เปน็ หนงั สอื ตามมาตรา 44 วรรคสอง เพอ่ื ใหป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ตามมาตรา 44 วรรคหนึง่ ในเขตอำ�นาจของราชการส่วนทอ้ งถิ่นนั้น ในเรอื่ งใดหรอื ทกุ เรื่องกไ็ ด้ เชน่ มอี �ำ นาจใน การตรวจตราแนะนำ� กรณีที่ตรวจพบว่ามีการปฏิบัติไม่ถูกต้อง หรือเสนอเร่ืองให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น เพ่ือ พิจารณาออกคำ�สั่งตามอำ�นาจหนา้ ทต่ี อ่ ไป
224 คู่มอื วิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจ้าหนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงานของเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย ในการควบคุมกิจการตลาดสด สถานที่จำ�หน่ายอาหาร สถานท่ีสะสมอาหาร และแผงลอยจำ�หน่าย อาหารในท่ีเอกชนและในทีห่ รือทางสาธารณะตามพระราชบัญญตั ิการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ของเจ้าพนักงาน อาจแบง่ ออกเปน็ 3 ข้ันตอน คอื 1. ข้นั ตอนการพิจารณาอนญุ าตและออกหนงั สือรับรองการแจง้ 2. ขน้ั ตอนการตรวจตราแนะนำ�และออกคำ�สง่ั 3. ข้ันตอนการลงโทษ/ด�ำ เนนิ คดที างศาล 1. ขั้นตอนการพจิ ารณาอนุญาตและออกหนงั สอื รบั รองการแจง้ 1.1 ผทู้ ป่ี ระสงคจ์ ะจดั ตง้ั ตลาดสด สถานทจ่ี �ำ หนา่ ยอาหาร สถานทส่ี ะสมอาหาร และแผงลอยจ�ำ หนา่ ย อาหารในที่เอกชนและในท่ีหรือทางสาธารณะ ให้ยื่นคำ�รับขอรับใบอนุญาตและหนังสือรับรองการแจ้ง แล้วแต่ กรณี (หนงั สอื รบั รองการแจง้ ส�ำ หรบั กรณใี ชส้ ถานทเี่ อกชนเปน็ ทจี่ �ำ หนา่ ยอาหารและสะสมอาหารทมี่ พี น้ื ทไี่ มเ่ กนิ 200 ตารางเมตร) ต่อเจ้าพนักงานทอ้ งถน่ิ ณ ส�ำ นักงานเทศบาล/ส�ำ นกั งาน อบต./ส�ำ นักงานเขต กทม./สำ�นักงาน เมืองพทั ยา แล้วแต่กรณี ตามแบบคำ�ขอรับใบอนุญาต/หนังสอื รับรองการแจง้ 1.2 เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ จะตรวจสอบค�ำ ขอ (ซงึ่ ปกตจิ ะเปน็ เจา้ หนา้ ทฝ่ี า่ ยสาธารณสขุ และสงิ่ แวดลอ้ ม ของท้องถิน่ เปน็ ผู้ตรวจสอบ) ใน 2 เรอื่ ง คอื 1.2.1 ความถกู ตอ้ งครบถว้ นในดา้ นเอกสาร ตามขอ้ บญั ญตั ขิ องทอ้ งถน่ิ หรอื ไม่ ซง่ึ ปกตจิ ะตอ้ ง บัญญัติไว้ในข้อบัญญัติของท้องถ่ิน แต่กรณีท่ียังมิได้มีการตราข้อก�ำ หนดเร่ืองดังกล่าว ให้พิจารณาเอกสารตาม ความจำ�เป็น อันได้แก่ สำ�เนาบัตรประจ�ำ ตัวและสำ�เนาทะเบียนบ้านของผู้ย่ืนค�ำ ขอ และเอกสารแสดงถึงการมี สิทธกิ ารใช้สถานที่ประกอบกจิ การนัน้ ดว้ ย กรณีท่ีไม่ครบถว้ น ถา้ เป็นการย่ืนขอรับใบอนุญาตเจ้าหน้าทจ่ี ะแจง้ ขอ เอกสารเพิ่มเติมภายใน 15 วนั นบั แตว่ นั ที่ได้รบั คำ�ขอ และผูย้ ืน่ ต้องส่งเอกสารเพิม่ เติมภายใน 15 วนั นบั แต่วัน ทไี่ ด้รบั แจง้ แตถ่ ้าเปน็ การยนื่ ขอหนงั สือรบั รองการแจ้ง เจ้าหนา้ ทจ่ี ะแจ้งขอเอกสารเพ่ิมเติมภายใน 7 วัน ท�ำ การ นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ค�ำ ขอ และผยู้ นื่ ตอ้ งสง่ เอกสารเพม่ิ เตมิ ภายใน 7 วนั ท�ำ การนบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั แจง้ หากไมส่ ง่ ภายใน ก�ำ หนด กฎหมายจะถือวา่ ผู้ยื่นค�ำ ขอฯ สละสิทธิก์ ารขอรับใบอนญุ าตหรือหนงั สือรับรองการแจง้ เปน็ อนั สิ้นผล 1.2.2 ความถูกต้องในเร่ืองสุขลักษณะของสถานท่ีตามข้อบัญญัติของท้องถิ่นรวมถึง กฎกระทรวงท่ีบัญญัติตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ซึ่งในปัจจุบันมีเพียงกรณีการประกอบ กจิ การตลาด ทต่ี ้องปฏบิ ตั ใิ หถ้ ูกตอ้ งตามกฎกระทรวงวา่ ด้วยสขุ ลักษณะของตลาด พ.ศ. 2551 ซง่ึ จะมีผลบังคับ ในเขตเทศบาล เมืองพทั ยา และกรุงเทพมหานคร สว่ นองคก์ ารบริหารส่วนตำ�บล กฎกระทรวงฯ ฉบับน้ีไม่มผี ล บงั คบั ดงั นน้ั ส�ำ หรบั การประกอบกจิ การตลาดในพน้ื ทเ่ี ทศบาล เมอื งพทั ยา และกรงุ เทพมหานคร ตอ้ งตรวจสอบ ดา้ นสุขลกั ษณะของตลาดตามข้อกำ�หนดในกฎกระทรวงฯ ฉบับดงั กลา่ วดว้ ย ในการตรวจสอบด้านสุขลักษณะของสถานประกอบการน้ัน เจ้าพนักงานท้องถิ่นและ เจา้ พนักงานสาธารณสขุ มอี �ำ นาจเขา้ ไปตรวจสอบสถานประกอบการไดต้ ามมาตรา 44 ส่วนผูท้ ไี่ ด้รับแต่งต้งั จาก เจ้าพนักงานท้องถิ่นน้ันต้องได้รับแต่งต้ังให้มีอำ�นาจเข้าไปตรวจสอบสถานประกอบการจึงจะสามารถเข้าไป ตรวจสอบได้ หลังจากตรวจสอบแล้วต้องเสนอความเห็นว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาต โดยกำ�หนดเง่ือนไขใดบ้างไว้ในใบอนญุ าต เพ่ือเสนอใหเ้ จา้ พนักงานท้องถนิ่ พจิ ารณาต่อไป
คมู่ ือวชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรับเจ้าหนา้ ท่ี 225 (Principles of Food Sanitation Inspector) สำ�หรับกิจการที่ต้องแจ้งก่อนประกอบกิจการ เม่ือผู้ประกอบการมาแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นต้อง ออกใบรับแจ้งให้ก่อน และหากการแจ้งถกู ตอ้ ง (เอกสารถกู ตอ้ งครบถว้ น) เจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ต้องออกหนงั สอื รบั รองการแจง้ ภายใน 7 วนั ท�ำ การนบั แตว่ นั ไดร้ บั แจง้ โดยยงั ไมต่ อ้ งตรวจสอบดา้ นสขุ ลกั ษณะของสถานทเี่ หมอื น เช่นการขออนญุ าต 1.3 ใหเ้ จ้าพนกั งานท้องถิ่นพิจารณาข้อเสนอของเจา้ พนกั งานสาธารณสุข และออกค�ำ ส่ังอนุญาต/ ไมอ่ นญุ าต กรณที มี่ คี �ำ สงั่ อนญุ าต ใหอ้ อกใบอนญุ าตตามแบบใบอนญุ าต โดยอาจระบเุ งอื่ นไขไดด้ ว้ ย แลว้ ท�ำ หนงั สอื แจง้ ใหผ้ ู้ย่นื คำ�ขอฯ มารบั แต่ในกรณีทจี่ ะมีคำ�ส่ังไมอ่ นญุ าต จะตอ้ งด�ำ เนินการ ดังนี้ คือ 1.3.1 ใหท้ �ำ หนงั สอื แจง้ ใหผ้ ยู้ น่ื ค�ำ ขอฯ ทราบถงึ เหตผุ ลทจี่ ะพจิ ารณาไมอ่ นญุ าต เพอ่ื เปดิ โอกาส ใหผ้ ยู้ น่ื คำ�ขอฯ ไดโ้ ตแ้ ยง้ หรอื แสดงหลกั ฐาน หากไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั เหตผุ ลทเ่ี จา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ แจง้ ใหท้ ราบ (เพอื่ ให้ เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มาตรา 30) ทั้งนี้ต้องโต้แย้งภายในระยะเวลาท่ีเจ้า พนักงานท้องถิ่นแจ้งไวใ้ นหนังสอื น้นั 1.3.2 กรณีท่ีผู้ย่ืนคำ�ขอฯ มิได้โต้แย้ง ภายในระยะเวลาที่กำ�หนด ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมี ค�ำ สงั่ ไมอ่ นุญาตเปน็ หนังสือแจ้งผยู้ ่นื ค�ำ ขอฯ อกี คร้ังหนง่ึ พร้อมแจง้ สิทธิการอทุ ธรณ์ใหผ้ ยู้ ่นื ค�ำ ขอฯ ทราบด้วย 1.3.3 กรณีที่ผูย้ ื่นคำ�ขอฯ ได้โต้แยง้ มา ให้เจา้ พนกั งานทอ้ งถ่นิ พิจารณาค�ำ โต้แยง้ นัน้ หากเห็นด้วย กับคำ�โต้แย้งนั้นและคำ�โต้แย้งน้ันมีเหตุผลเพียงพอที่จะพิจารณาอนุญาตได้ ก็ให้ออกคำ�สั่งอนุญาตตาม ข้อ 1.3 แตถ่ ้าพจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ คำ�โต้แยง้ น้ันไมม่ เี หตุผลเพียงพอ เจ้าพนักงานทอ้ งถ่นิ ก็สามารถออก คำ�สัง่ ไม่ อนุญาตเป็นหนงั สอื ถงึ ผู้ยืน่ ค�ำ ขอฯ ได้ ตามข้อ 1.3.2 1.4 การพิจารณาอนุญาต/ไม่อนุญาต ของเจา้ พนักงานทอ้ งถนิ่ จะตอ้ งดำ�เนนิ การภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันท่ีได้รับคำ�ขอท่ีถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ กรณีที่จำ�เป็นต้องขยายระยะเวลาดังกล่าว จะต้องมี หนังสือแจ้งให้ผู้ยื่นคำ�ขอฯ ได้ทราบเหตุผลด้วย ซึ่งการขยายเวลาจะขยายได้ครั้งละไม่เกิน 15 วันและไม่เกิน 2 ครั้ง สำ�หรับการพจิ ารณาออกหนังสอื รับรองการแจง้ เจา้ พนักงานทอ้ งถ่นิ จะตอ้ งด�ำ เนนิ การภายในระยะเวลา 7 วนั ทำ�การนับแตว่ นั ทีไ่ ด้รับแจง้ ซ่ึงมีรายละเอยี ดถูกตอ้ ง 2. ขัน้ ตอนการตรวจตราแนะนำ� และออกคำ�สง่ั ผปู้ ระกอบกจิ การตลาดทไ่ี ดร้ บั ใบอนญุ าตแลว้ รวมทง้ั ผขู้ ายของ ผชู้ ว่ ยขายของในตลาด มหี นา้ ทต่ี อ้ ง ดแู ล และด�ำ เนนิ กจิ การใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั สขุ าภบิ าลอาหารทก่ี �ำ หนดไวใ้ นขอ้ บญั ญตั ทิ อ้ งถน่ิ และกฎกระทรวงวา่ ดว้ ยสขุ ลกั ษณะของตลาด พ.ศ. 2551 สว่ นผปู้ ระกอบกจิ การสถานทจี่ ำ�หนา่ ยอาหาร สถานทส่ี ะสมอาหาร แผงลอย จำ�หน่ายอาหาร ท่ีได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้งแล้วน้ัน ก็มีหน้าที่ต้องดูแลและดำ�เนินกิจการของ ตนเองใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การสขุ าภบิ าลอาหารทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นขอ้ ก�ำ หนดทอ้ งถนิ่ เพอื่ ใหก้ ารประกอบกจิ การไมก่ อ่ ใหเ้ กิดความสกปรกหรอื มีการปนเปอ้ื นในอาหาร รวมท้ังเกิดสภาวะแวดล้อมท่ีมผี ลกระทบตอ่ สขุ ภาพจนเปน็ เหตุ รำ�คาญ โดยเจา้ พนักงานฯ สามารถดำ�เนินการ ควบคมุ ตามอำ�นาจหน้าทเ่ี ป็นข้นั ตอนได้ ดงั น้ี
226 คู่มือวชิ าการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจ้าหนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) 2.1 การตรวจตรา เจ้าพนักงานฯ (หมายถึง เจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือผู้ได้รับการแต่งต้ังจาก เจ้าพนกั งานท้องถิ่น) อาจตรวจตราตลาดสด สถานท่ีจ�ำ หน่ายอาหาร/สะสมอาหาร และแผงลอยจ�ำ หนา่ ยอาหาร ตามแผนงานประจ�ำ ของทอ้ งถน่ิ หรอื ตามการรอ้ งเรยี นของผใู้ ชบ้ รกิ ารกไ็ ด้ ซงึ่ การตรวจตราสถานประกอบกจิ การ ให้เจ้าพนักงานฯ ใช้แบบสำ�รวจ ส.ต.1 (สำ�หรับตลาดประเภทท่ี 1) แบบตรวจร้านอาหาร แบบตรวจแผงลอย จำ�หน่ายอาหาร กรณีที่พบว่ามีการปฏิบัติตามข้อกำ�หนด ควรชมเชยและเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการตลาดสด นา่ ซอื้ หรอื โครงการอาหารสะอาด รสชาตอิ รอ่ ย เพอื่ พฒั นายกระดบั ดา้ นสขุ าภบิ าลอาหารของสถานประกอบการ ต่อไป 2.2 การออกค�ำ แนะนำ� กรณีที่พบว่ามีการปฏิบตั ิไมถ่ กู ต้องตามกฎกระทรวงฯ หรือข้อบัญญัตขิ องทอ้ งถน่ิ และเป็นเหตุ ใหเ้ กดิ สภาวะทเี่ ปน็ อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรงตอ่ สขุ ภาพ ใหเ้ จา้ พนกั งานฯ ออกค�ำ สง่ั ใหป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขไดเ้ ลย หรอื ตอ้ ง รีบแจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินออกคำ�ส่ัง (โปรดดูในข้ันตอนการออกคำ�ส่ัง ข้อ 2.3.5) โดยไม่ต้องมีข้ันตอนการ แนะน�ำ แตถ่ า้ ไมถ่ งึ ขนาดทเี่ ปน็ อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรง ใหอ้ อกค�ำ แนะน�ำ โดยเจา้ พนกั งานฯ (เจา้ พนกั งาน สาธารณสขุ หรอื ผไู้ ด้รับการแต่งตง้ั ) ตามอ�ำ นาจหนา้ ทีใ่ นมาตรา 44(3) ทง้ั นี้ ควรจะให้ผรู้ ับค�ำ แนะน�ำ ลงนามไว้ด้วยตามแบบ ตรวจแนะน�ำ 3 ตอน และควรถ่ายภาพขอ้ ปฏิบตั ทิ ่ีไมถ่ กู ตอ้ งน้นั ไว้เปน็ หลกั ฐานดว้ ย 2.3 การออกคำ�สัง่ การออกค�ำ ส่งั เปน็ มาตรการทางปกครองทห่ี วังผลให้มีการบังคับใหเ้ กิดการปฏบิ ตั ิ เพราะเป็น ค�ำ สง่ั ทางปกครองทม่ี ผี ลใหผ้ ทู้ ไ่ี ดร้ บั ค�ำ สง่ั ตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม หากไมป่ ฏบิ ตั ติ ามหรอื ขดั ค�ำ สงั่ กอ็ าจตอ้ งไดร้ บั โทษเพมิ่ ขนึ้ จากโทษในฐานความผดิ ทฝี่ า่ ฝนื ขอ้ บญั ญตั ขิ องทอ้ งถนิ่ หรอื กฎกระทรวง ตามมาตรา 73 มาตรา 78 หรอื มาตรา 68 แล้วแต่กรณีอีก ดังนั้น การออกคำ�ส่ังจึงต้องมีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้อำ�นาจในการออกคำ�สั่งน้ันไว้ด้วย เสมอ ซง่ึ ตามกฎหมายการสาธารณสขุ กำ�หนดใหเ้ ปน็ อำ�นาจของเจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ เปน็ หลกั และใหเ้ จา้ พนกั งาน สาธารณสุขออกคำ�สงั่ ได้เฉพาะกรณที ีเ่ ป็นอนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรงเท่านั้นซงึ่ การออกคำ�ส่ังสามารถพิจารณาดำ�เนนิ การได้ ดังน้ี 2.3.1 กรณที ี่ออกค�ำ แนะนำ�แลว้ ไม่ปฏบิ ตั ติ าม ใหเ้ จ้าพนักงานฯ ด�ำ เนินการ (ก) สง่ เรือ่ งให้เจ้าพนกั งานท้องถิน่ หรอื คณะกรรมการเปรยี บเทยี บคดี (ปรับ) ดำ�เนินการ เปรียบเทียบปรบั ตามอ�ำ นาจหน้าท่ี (มาตรา 85) ในฐานความผิดท่ีฝ่าฝนื กฎกระทรวง หรอื ข้อบญั ญตั ิของทอ้ งถนิ่ ตามมาตรา 68 มาตรา 73 และมาตรา 78 ตามลำ�ดบั แลว้ แตก่ รณี (รายละเอียดดใู นขัน้ ตอนท่ี 3 เรอ่ื งการลงโทษ/ ด�ำ เนินคดที างศาล) และ/หรอื * (ข) เสนอให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกค�ำ สั่งเป็นหนังสือให้ปรับปรุงแก้ไข ภายในระยะ เวลาทก่ี ำ�หนด (ท้ังนีต้ อ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 7 วนั ) ตามมาตรา 45 (ดตู ัวอยา่ งแบบคำ�ส่ังให้ปรบั ปรุงแก้ไข) กรณที ฝ่ี า่ ฝนื ไม่ปฏิบัตติ ามค�ำ สัง่ นี้ โดยไม่มเี หตุหรอื ข้อแกต้ ัวอนั สมควร ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกนิ 6 เดือนหรือ ปรบั ไมเ่ กิน 10,000 บาท หรือทง้ั จำ�ท้ังปรบั และปรบั อีกวนั ละไมเ่ กนิ 5,000 บาทตลอดระยะเวลาทยี่ งั ไมป่ ฏิบตั ิตาม คำ�ส่งั (มาตรา 80) ซึ่งจะเป็นกระทงความผิดท่ี 1 * กรณที ล่ี งโทษโดยการปรบั ตามขอ้ (ก) แลว้ ผปู้ ระกอบกจิ การเขด็ หลาบและแกไ้ ขตาม ค�ำ แนะนำ�ขา้ งต้น ยอ่ มถอื วา่ ได้บรรลตุ ามเจตนารมณข์ องกฎหมายแล้ว ยอ่ มไมจ่ ำ�เป็นต้องออกค�ำ สัง่ ตามขอ้ (ข) อกี
คู่มอื วิชาการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจา้ หน้าที่ 227 (Principles of Food Sanitation Inspector) 2.3.2 กรณีที่ไม่ปฏิบัติตามค�ำ สั่งของเจ้าพนักงานท้องถ่ินตามข้อ 2.3.2 (ข) ให้เจ้าพนักงาน ทอ้ งถิ่นออกคำ�สั่งให้หยุดกจิ การ จนกว่าจะมีการปรับปรุงแกไ้ ข ตามมาตรา 45 หรอื ออกคำ�สง่ั พักใชใ้ บอนญุ าต (ครง้ั หนง่ึ ตอ้ งพกั ใชไ้ มเ่ กิน 15 วนั ) ตามมาตรา 59 ก็ได้ กรณีที่ไมป่ ฏิบตั ติ ามคำ�สง่ั ข้างต้น ทง้ั 2 กรณี โดยไม่มเี หตุ หรือขอ้ แก้ตัวอนั สมควร จะตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไม่เกิน 6 เดือนหรือปรบั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรือทั้งจ�ำ ทง้ั ปรับ และปรบั อกี วันละไม่เกนิ 5,000 บาทตลอดระยะเวลาท่ียังไม่ปฏบิ ัตติ ามค�ำ สงั่ น้ัน (มาตรา 80 และมาตรา 84) ซง่ึ จะเป็นความผิดในกระทงความผิดท่ี 2 2.3.3 กรณีท่ีออกคำ�ส่ังให้พักใช้ใบอนุญาตและผู้ได้รับค�ำ ส่ังไม่ปฏิบัติตามค�ำ สั่งนั้น เม่ือครบ กำ�หนดตามที่กำ�หนดไว้ในค�ำ สัง่ พกั ใช้ฯ ให้เจา้ พนกั งานท้องถน่ิ ออกคำ�สง่ั พักใชใ้ บอนญุ าตอีกครง้ั หน่ึง ท้งั น้ตี อ้ งให้ เวลาไมเ่ กิน 15 วันเช่นกนั ซ่งึ ถา้ ฝ่าฝืนไม่ปฏบิ ัตติ ามอกี จะมีโทษความผดิ เชน่ เดียวกบั ขอ้ 2.3.2 แตเ่ ปน็ กระทง ความผดิ ที่ 3 2.3.4 กรณีท่ีไม่ปฏิบัติตามคำ�สั่งพักใช้คร้ังท่ี 2 ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกคำ�ส่ังเพิกถอน ใบอนุญาตได้ตามมาตรา 60 ซึ่งจะมีผลให้ผู้ท่ีได้รับค�ำ ส่ังไม่อาจขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการได้อีกเป็นเวลา 1 ปี นบั แตว่ นั ทถี่ กู เพกิ ถอนใบอนญุ าต ตามมาตรา 62 และการฝา่ ฝนื ไมห่ ยดุ ประกอบกจิ การจะมโี ทษฐานประกอบ กิจการโดยไม่มีใบอนญุ าตตามมาตรา 71 คือ จ�ำ คุกไมเ่ กนิ 6 เดอื นหรือปรบั ไม่เกิน 10,000 บาท หรอื ทงั้ จำ�ทงั้ ปรบั (สำ�หรับกิจการตลาด) มาตรา 72 วรรคแรก คือ จ�ำ คุกไม่เกนิ 6 เดอื นหรอื ปรับไม่เกิน 10,000 บาท (ส�ำ หรับ กจิ การสถานท่ีจำ�หน่ายอาหารหรอื สะสมอาหาร ซง่ึ มพี นื้ ท่ีเกนิ สองร้อยตารางเมตร) เป็นกระทงความผดิ ท่ี 4 2.3.5 ส่วนกรณีที่เป็นอันตรายอย่างร้ายแรงและต้องแก้ไขโดยเร่งด่วนน้ัน เช่น กรณีท่ีตรวจ พบวา่ อาหารสดหรอื เขยี งหมหู รอื บรเิ วณในตลาดมเี ชอื้ จลุ นิ ทรยี ์ Vibrio chlolera ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ โรคอจุ จาระรว่ งอยา่ ง แรงได้ เป็นต้น หากผู้ตรวจพบนัน้ เป็นผู้ซ่งึ ได้รับแตง่ ตัง้ จากเจา้ พนักงานท้องถ่ินจะตอ้ งแจง้ ให้เจ้าพนักงานทอ้ งถิ่น ออกคำ�ส่ังทันที แต่หากเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุขตรวจพบสามารถออกคำ�สั่งได้เอง ดังนั้นในกรณีที่ตรวจพบ เหตทุ ม่ี ผี ลกระทบตอ่ สภาวะความเปน็ อยทู่ เี่ หมาะสมกบั การดำ�รงชพี ของประชาชนหรอื เปน็ อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรง ตอ่ สขุ ภาพของประชาชนเปน็ สว่ นรวมซงึ่ จะต้องด�ำ เนินการแกไ้ ขโดยเรง่ ดว่ นน้นั จะสามารถออกค�ำ สัง่ ได้ดังน้ี (ก) ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ออกคำ�ส่ังเป็นหนังสือส่ังให้หยุดกิจการทันทีเป็นการ ชั่วคราวเพือ่ การปรับปรุงแก้ไขได้ จนกว่าเหตุนั้นจะไดร้ ับการระงับ (ตามมาตรา 45) กรณีท่ีฝ่าฝนื ไม่ปฏบิ ัตติ าม ค�ำ สงั่ น้ี โดยไมม่ เี หตหุ รอื ขอ้ แกต้ ัวอนั สมควร ต้องระวางโทษจ�ำ คุกไม่เกนิ 6 เดอื นหรือปรับไมเ่ กิน 10,000 บาท หรือทง้ั จำ�ทง้ั ปรบั และปรับอีกวนั ละไม่เกิน 5,000 บาท ตลอดระยะเวลาท่ยี งั ไม่ปฏิบัตติ ามคำ�สง่ั (มาตรา 80) (ข) ใหเ้ จา้ พนกั งานสาธารณสขุ ออกค�ำ สง่ั เปน็ หนงั สอื สง่ั ใหป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขหรอื ระงบั เหตนุ น้ั ไดต้ ามแตจ่ ะเหน็ สมควร และแจง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ ทราบดว้ ย (ตามมาตรา 46 วรรคสอง) กรณที ฝี่ า่ ฝนื ไม่ปฏิบตั ติ ามคำ�สงั่ น้ี โดยไม่มเี หตหุ รือขอ้ แก้ตัวอันสมควร ตอ้ งระวางโทษจำ�คุกไม่เกนิ 2 เดอื น หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือท้งั จ�ำ ทง้ั ปรบั (มาตรา 81)
228 คู่มือวิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจา้ หนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) 3. ข้นั ตอนการลงโทษ/ดำ�เนนิ คดีทางศาล เมอื่ เจ้าพนกั งานสาธารณสขุ หรอื ผไู้ ด้รับการแต่งต้งั ฯ พบการปฏบิ ัติทไี่ มถ่ ูกตอ้ งตามข้อบญั ญัตขิ อง ท้องถน่ิ หรอื กฎกระทรวงฯ และได้ออกคำ�แนะน�ำ ตามแบบ 3 ตอน โดยใหเ้ วลาในการปรับปรงุ แก้ไขแล้วแตย่ งั คง ไม่ไดป้ รับปรุง ย่อมถอื วา่ ผู้ประกอบการทีไ่ ดร้ บั ค�ำ แนะน�ำ ฝ่าฝนื ข้อบัญญตั ิท้องถ่ินหรอื กฎกระทรวงฯ ซึง่ ต้องระวางโทษ ตามท่ีกฎหมายก�ำ หนด ขน้ั ตอนต่อไปจงึ เป็นการลงโทษโดยการเปรียบเทียบปรบั หรอื โดยการด�ำ เนนิ คดที างศาล ทง้ั น้ี บทบัญญัติมาตรา 85 ไดก้ �ำ หนดใหอ้ ำ�นาจในการเปรียบเทยี บปรับกรณที เ่ี หน็ วา่ ผู้กระทำ�ความผิดไม่สมควร ตอ้ งไดร้ บั โทษจำ�คุก หรือไมค่ วรถูกฟ้องร้อง ดงั นี้ (ก) คณะกรรมการเปรยี บเทยี บคดี ซง่ึ มอี �ำ นาจเปรยี บเทยี บปรบั ไดใ้ นทกุ คดคี วามผดิ ตามกฎหมาย การสาธารณสุข โดยแบ่งออกเปน็ 2 คณะ คือ ในเขตกรงุ เทพมหานคร ประกอบดว้ ย ผแู้ ทน 3 ฝา่ ย คือ ผู้แทน กรงุ เทพมหานคร ผ้แู ทนส�ำ นักงานอัยการสูงสุด และผ้แู ทนส�ำ นกั งานต�ำ รวจแห่งชาติ ในเขตต่างจังหวดั ประกอบด้วย ผู้วา่ ราชการจงั หวัด อัยการจังหวัด และผ้บู งั คบั การตำ�รวจภูธรจังหวดั (ข) เจ้าพนักงานท้องถ่ิน หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น มีอำ�นาจในการ เปรียบเทียบปรับได้เฉพาะความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือความผิดที่มีโทษจ�ำ คุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับ ไม่เกิน 2,000 บาทหรือทงั้ จ�ำ ทัง้ ปรับ ท่เี กนิ กว่านีเ้ ปน็ อ�ำ นาจของคณะกรรมการเปรยี บเทียบคดี ขนั้ ตอนในการเปรียบเทยี บปรับสามารถดำ�เนนิ การได้ ดงั น้ี 3.1 เมอ่ื มกี ารกระท�ำ ความผดิ เกดิ ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ กรณที ปี่ ระกอบกจิ การโดยไมม่ ใี บอนญุ าต/หนงั สอื รับรองการแจ้งหรือฝ่าฝืนข้อกำ�หนดในกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติของท้องถ่ิน หรือไม่ปฏิบัติตามคำ�ส่ังของเจ้า พนักงานท้องถิ่น ให้เจ้าพนักงานฯ รวบรวมหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำ�เนินคดี (อันได้แก่ นิติกร หรือเจา้ หนา้ ทฝ่ี ่ายเทศกิจ หรือปลดั ฯ หรอื เจา้ หน้าท่ผี ไู้ ด้รบั มอบอ�ำ นาจจากเจา้ พนักงานทอ้ งถน่ิ แลว้ แตก่ รณี) ซ่งึ ประกอบด้วย 3.1.1 รายงานการตรวจสอบของเจา้ หนา้ ที่ ตามแบบ ปท.1 หรือแบบตรวจคำ�แนะน�ำ 3 ตอน กไ็ ด้ (ดูตวั อย่างหนา้ 230) 3.1.2 ค�ำ สงั่ ทางปกครองของเจ้าพนักงานทอ้ งถนิ่ หรอื ของเจ้าพนักงานสาธารณสุข แล้วแต่ กรณี ที่ได้ส่ังตามอำ�นาจแหง่ พระราชบัญญตั กิ ารสาธารณสุข พ.ศ.2535 อันเปน็ เหตุแห่งความผิด 3.1.3 พยานหลกั ฐานทเี่ กีย่ วกบั การกระท�ำ ผดิ (ถ้ามี) 3.1.4 หลักฐานเกี่ยวกับตัวผู้กระทำ�ความผิด เช่น สำ�เนาบัตรประจำ�ตัว ใบทะเบียนการค้า หนงั สือรบั รองการจดทะเบียนหา้ งร้าน ห้างหนุ้ ส่วนจ�ำ กดั ทะเบยี นใบอนุญาต การสอบสวนจากเจา้ หน้าท่ีต�ำ รวจ การสอบถามจากผอู้ ยรู่ อบขา้ ง แล้วแต่กรณี เปน็ ตน้ 3.1.5 ประวตั ผิ กู้ ระท�ำ ความผดิ (ตามแบบ ปท.7) ยกเว้นกรณีทีเ่ ป็นความผิดคร้ังแรก 3.2 ใหเ้ จา้ หนา้ ทผี่ รู้ บั ผดิ ชอบด�ำ เนนิ คดี ตรวจสอบหลกั ฐานและประเดน็ ขอ้ กฎหมาย แลว้ ท�ำ หนงั สอื เรยี กตวั ผกู้ ระท�ำ ความผดิ มาพบเพอ่ื เปรยี บเทยี บปรบั ตามแบบหนงั สอื เรยี กตวั ผกู้ ระท�ำ ความผดิ มาเปรยี บเทยี บ ปรับ (แบบ ปท.2)
คูม่ ือวิชาการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรับเจา้ หนา้ ท่ี 229 (Principles of Food Sanitation Inspector) 3.3 ในกรณีที่ผู้กระทำ�ความผิดไม่มาพบตามกำ�หนดในหนังสือเรียก (แบบ ปท.2) ให้เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบดำ�เนินคดี ดำ�เนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตามข้อ 3.7 แต่ถ้าผู้กระทำ�ความผิด มาพบตามหนังสือเรียก ให้เจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบดำ�เนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำ�ความผิด และจัดให้มี การบันทกึ คำ�ใหก้ ารตามแบบบนั ทึกใหก้ ารผู้กระท�ำ ความผิด (แบบ ปท.3) ซงึ่ จะมผี ลเปน็ 2 กรณี คือ กรณที ี่ 1 ผ้กู ระทำ�ความผดิ ยอมรบั วา่ กระทำ�ความผดิ ตามข้อกล่าวหา ให้ดำ�เนนิ การตามขอ้ 3.4 และ ข้อ 3.5 กรณีท่ี 2 ผู้กระทำ�ความผิดปฏิเสธ ไม่ยอมรับว่ากระทำ�ความผิดตามข้อกล่าวหา ให้ดำ�เนิน การแจง้ ความร้องทุกขต์ ่อพนักงานสอบสวนตามขอ้ 3.7 3.4 ใหเ้ จา้ หนา้ ทผี่ รู้ บั ผดิ ชอบด�ำ เนนิ คดสี รปุ ส�ำ นวนเอกสาร (แบบบนั ทกึ ค�ำ ใหก้ ารผกู้ ระท�ำ ความผดิ ) เสนอให้ผู้มอี �ำ นาจในการเปรียบเทยี บคดพี จิ ารณากำ�หนดอัตราโทษท่จี ะปรบั 3.4.1 กรณีความผิดที่ต้องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีพิจารณา (อยู่ในเขตต่างจังหวัด) ให้เสนอให้เจ้าพนกั งานท้องถ่ินลงนามแจง้ เรอ่ื งตามแบบแจง้ เรื่องใหเ้ ปรียบเทยี บคดี (แบบ ปท.4) ถงึ ผวู้ ่าราชการ จงั หวดั เพ่อื ด�ำ เนินการพจิ ารณาตอ่ ไป 3.4.2 กรณีความผิดท่ีเป็นอำ�นาจของเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ให้เสนอให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น พิจารณากำ�หนดอตั ราโทษทจี่ ะปรบั ในขนั้ ตอนข้อ 3.5 3.5 ถา้ ผมู้ อี ำ�นาจในการเปรยี บเทยี บคดี (ตามขอ้ 3.4.1 และ 3.4.2) เหน็ วา่ ผตู้ อ้ งหาไมส่ มควรไดร้ บั โทษถึงจำ�คุก หรือไม่ควรถูกฟ้องร้องให้ทำ�การเปรียบเทียบปรับตามแบบเปรียบเทียบคดี (กำ�หนดค่าปรับ) (แบบ ปท.5) 3.6 เมอื่ ก�ำ หนดอตั ราคา่ ปรบั แลว้ ใหแ้ จง้ ใหผ้ กู้ ระท�ำ ความผดิ เสยี คา่ ปรบั และเมอ่ื เสยี แลว้ เจา้ หนา้ ที่ ทอ้ งถนิ่ ต้องออกใบรับเงินคา่ ปรบั ใหไ้ วเ้ ปน็ หลักฐานด้วย และน�ำ เงินค่าปรับส่งเปน็ รายได้ของราชการส่วนท้องถ่ิน (ตามมาตรา64) หากผู้กระท�ำ ความผดิ ไมย่ ินยอมเสยี ค่าปรับ ภายในระยะเวลา 30 วันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รับแจ้งอตั รา คา่ ปรบั ทผี่ มู้ อี ำ�นาจในการเปรียบเทยี บคดีก�ำ หนด ให้ด�ำ เนนิ การแจง้ ความร้องทกุ ข์ตามข้อ 3.7 ตอ่ ไป 3.7 การแจง้ ความรอ้ งทกุ ขต์ อ่ พนกั งานสอบสวนใหเ้ จา้ หนา้ ทด่ี �ำ เนนิ การ ในกรณที ผ่ี กู้ ระท�ำ ความผดิ ไม่มาพบตามกำ�หนดในหนังสือเรียกตัวตามข้อ 3.3 หรือกรณีที่ผู้กระทำ�ความผิดปฏิเสธข้อกล่าวหาตามข้อ 3.3 กรณที ่ี 2 หรอื กรณที ผี่ กู้ ระท�ำ ความผดิ ไมช่ �ำ ระคา่ ปรบั ตามทผี่ มู้ อี �ำ นาจในการเปรยี บเทยี บปรบั ก�ำ หนดตามขอ้ 3.6 หรือกรณที ี่ผมู้ ีอำ�นาจในการเปรียบเทียบคดมี คี วามเห็นวา่ ปรบั แลว้ จะไม่เกิดผลในทางปฏบิ ัติ เหน็ ควรด�ำ เนนิ คดี ทางศาล ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินหรือเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบดำ�เนินคดีท่ีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ตามแบบหนังสือร้องทุกข์ (ปท.6) โดยขอคัดบันทึกประจำ�วันของ พนักงานสอบสวนไวเ้ ปน็ หลักฐานดว้ ย เพือ่ ประโยชน์ในการตดิ ตามเรื่อง และดำ�เนนิ คดใี นชน้ั ศาลต่อไป 3.8 เม่ือได้ทำ�การเปรียบเทียบปรับผู้กระท�ำ ความผิดเรียบร้อยแล้ว หรือคดีทางศาลสิ้นสุดแล้วให้ เจา้ หนา้ ทีส่ าธารณสุข หรอื เจ้าพนกั งานสาธารณสขุ หรือผ้ไู ดร้ ับแต่งตงั้ ฯ ท่รี ับผิดชอบต้ังแต่เรม่ิ ต้น บนั ทกึ ประวตั ิ ผ้กู ระท�ำ ผดิ ลงในแบบประวตั ผิ ้กู ระท�ำ ความผิด (แบบ ปท.7) รายละเอยี ดการด�ำ เนนิ งานและแบบฟอรม์ ตา่ งๆ ดเู พมิ่ เตมิ ไดจ้ ากหนงั สอื “แนวทางปฏบิ ตั ติ ามพระราช บัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535” พิมพ์คร้ังท่ี 2 พ.ศ. 2553 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ “ค่มู ือการปฏบิ ัตงิ านตามกฎหมายการสาธารณสุข” กลุ่มบรหิ ารกฎหมายสาธารณสุข กรมอนามยั
(ตวั อย่างแบบ 3 ตอน) 230 (ส�ำ หรบั ผู้ประกอบการ) (สำ�หรบั เจา้ พนักงานท้องถิ่น) (สำ�หรับเจ้าพนักงานผู้ตรวจ) คู่มอื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรบั เจา้ หนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) แบบตรวจแนะนำ�ของเจ้าพนกั งาน แบบตรวจแนะน�ำ ของเจา้ พนักงาน แบบตรวจแนะน�ำ ของเจ้าพนกั งาน ตาม พรบ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ตาม พรบ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ตาม พรบ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ----------------- ------------------ ------------------- 1. วันที่ …...… เดอื น …………..........……พ.ศ. .…............. 1. วนั ที่ …......... เดือน ………….....…………พ.ศ..….......… 1. วนั ที่ ….……เดือน ……...………………… พ.ศ………… 2. ชือ่ เจา้ ของ/ผู้ครอบครอง ………………....................... 2. ช่อื เจ้าของ/ผู้ครอบครอง ….................………………… 2. ชื่อ เจา้ ของ/ผู้ครอบครอง ………...…………………… 3. สถานประกอบการ ชื่อ ……………………..................... 3. สถานประกอบการ ชอื่ …...………………………………… 3. สถานประกอบการ ชอ่ื …………………………………… กจิ การ ………………… ตัง้ อย่บู า้ นเลขที่ ………............ กจิ การ ……………...……ตัง้ อยู่บา้ นเลขที่.........………… กจิ การ …………………ต้ังอยบู่ า้ นเลขท่ี……………… ถนน………… ตำ�บล …....………อำ�เภอ…………............ ถนน….....……… ต�ำ บล …….......……อ�ำ เภอ………....… ถนน………....… ตำ�บล …....………อำ�เภอ…..……… จังหวัด ……….....……… โทรศพั ท์ ………………............ จงั หวดั ……....……… โทรศพั ท์ ……................………… จังหวัด ………....……… โทรศพั ท์ .......……………… 4. ข้อแนะนำ� (เพอ่ื การปรับปรุงแก้ไข) 4. ขอ้ แนะน�ำ (เพ่อื การปรบั ปรุงแกไ้ ข) 4. ข้อแนะน�ำ (เพอ่ื การปรบั ปรงุ แก้ไข .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................ .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................ .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................ .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................ 5. คำ�สั่งใหป้ รับปรุงแก้ไข (กรณีเปน็ อนั ตรายร้ายแรง) 5. ค�ำ ส่งั ให้ปรบั ปรงุ แกไ้ ข (กรณีเปน็ อันตรายรา้ ยแรง) 5. ค�ำ สง่ั ใหป้ รบั ปรงุ แกไ้ ข (กรณเี ปน็ อนั ตรายรา้ ยแรง) .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................ .................................................................................. ................................................................................. ............................................................................ ลงชื่อ ………….......……… ลงช่ือ ………………............... ลงช่อื ……….....……..…… ลงช่ือ ……………........……… ลงช่อื ……………….....… ลงชอ่ื …………...........…… (…………..............… ) (….......………..…………) (………………….……) (…………………………) (………...........………) (…….......……………) เจ้าของ/ผ้คู รอบครอง เจา้ พนักงาน……............ เจา้ ของ/ผคู้ รอบครอง เจา้ พนักงาน……...……… เจา้ ของ/ผคู้ รอบครอง เจา้ พนกั งาน……………
บทบัญญัติ (ดา้ นหลังแบบ 3 ตอน) บทบัญญตั ิ ค่มู อื วิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรบั เจา้ หน้าที่ พระราชบัญญตั กิ ารสาธารณสขุ พ.ศ.2535 (โดยสรุป) พระราชบัญญตั กิ ารสาธารณสุข พ.ศ.2535 (โดยสรุป) (Principles of Food Sanitation Inspector) บทบญั ญัติ ---------- พระราชบญั ญัตกิ ารสาธารณสุข พ.ศ.2535 (โดยสรุป) ---------- 231 มาตรา 44 เจ้าพนักงานท้องถ่ิน เจ้าพนักงานสาธารณสุขและ ---------- มาตรา 44 เจ้าพนักงานท้องถ่ิน เจ้าพนักงานสาธารณสุขและ ผู้ไดร้ บั การแตง่ ต้ังจากเจา้ พนักงานท้องถ่ิน มอี ำ�นาจ ดังตอ่ ไปน้ี ผไู้ ดร้ ับการแตง่ ตัง้ จากเจา้ พนกั งานท้องถิน่ มีอ�ำ นาจ ดังตอ่ ไปน้ี (1) มีหนังสือให้เรียกบุคคลให้แจ้งข้อเท็จจริงส่งเอกสาร มาตรา 44 เจ้าพนักงานท้องถิ่น เจ้าพนักงานสาธารณสุขและ (1) มีหนังสือให้เรียกบุคคลให้แจ้งข้อเท็จจริงส่งเอกสาร หลักฐานเพ่ือตรวจสอบได้ ผ้ไู ด้รบั การแต่งต้ังจากเจา้ พนกั งานทอ้ งถิน่ มีอ�ำ นาจ ดังต่อไปนี้ หลักฐานเพื่อตรวจสอบได้ (2) ขา้ ไปในอาคารหรอื สถานทใ่ี ดๆ ในระหวา่ งพระอาทติ ย์ (1) มีหนังสือให้เรียกบุคคลให้แจ้งข้อเท็จจริงส่งเอกสาร (2) ขา้ ไปในอาคารหรอื สถานทใ่ี ดๆ ในระหวา่ งพระอาทติ ย์ ขนึ้ ถงึ พระอาทิตยต์ กหรือในเวลาท�ำ การเพ่อื การตรวจสอบได้ หลักฐานเพื่อตรวจสอบได้ ขนึ้ ถึงพระอาทติ ยต์ กหรอื ในเวลาทำ�การเพอ่ื การตรวจสอบได้ (3) แนะนำ�ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข หรือตามข้อ (2) ขา้ ไปในอาคารหรอื สถานทใ่ี ดๆ ในระหวา่ งพระอาทติ ย์ (3) แนะนำ�ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเง่ือนไข หรือตามข้อ ก�ำ หนดของทอ้ งถิ่น หรอื กฎ/ประกาศกระทรวง ตาม พรบ. นี้ ได้ ขน้ึ ถงึ พระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำ�การเพ่อื การตรวจสอบได้ ก�ำ หนดของทอ้ งถน่ิ หรอื กฎ/ประกาศกระทรวง ตาม พรบ. น้ี ได้ (4) ยดึ หรอื อายดั สนิ คา้ หรอื สงิ่ ของใดๆ ทอี่ าจเปน็ อนั ตราย (3) แนะนำ�ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเง่ือนไข หรือตามข้อ (4) ยดึ หรอื อายดั สนิ คา้ หรอื สงิ่ ของใดๆ ทอ่ี าจเปน็ อนั ตราย เพื่อประโยชนใ์ นการด�ำ เนินคดี หรือท�ำ ลายในกรณีจำ�เป็นได้ ก�ำ หนดของทอ้ งถิ่น หรอื กฎ/ประกาศกระทรวง ตาม พรบ. น้ี ได้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการด�ำ เนินคดี หรอื ท�ำ ลายในกรณจี �ำ เปน็ ได้ (5) เก็บหรือนำ�สินค้าหรือส่ิงของใดๆ ในปริมาณพอ (4) ยดึ หรอื อายดั สนิ คา้ หรอื สง่ิ ของใดๆ ทอี่ าจเปน็ อนั ตราย (5) เก็บหรือนำ�สินค้าหรือสิ่งของใดๆ ในปริมาณพอ สมควรเพอ่ื เปน็ ตวั อยา่ งในการตรวจสอบตามความจ�ำ เปน็ โดยมติ อ้ ง เพอ่ื ประโยชน์ในการดำ�เนนิ คดี หรอื ทำ�ลายในกรณจี ำ�เปน็ ได้ สมควรเพอ่ื เปน็ ตวั อยา่ งในการตรวจสอบตามความจ�ำ เปน็ โดยมติ อ้ ง ใชร้ าคา (5) เก็บหรือนำ�สินค้าหรือส่ิงของใดๆ ในปริมาณพอ ใชร้ าคา มาตรา 45 เจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ มอี �ำ นาจออกค�ำ สงั่ ใหผ้ ทู้ ไ่ี มป่ ฏบิ ตั ิ สมควรเพอ่ื เปน็ ตวั อยา่ งในการตรวจสอบตามความจ�ำ เปน็ โดยมติ อ้ ง มาตรา 45 เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ มอี �ำ นาจออกค�ำ สงั่ ใหผ้ ทู้ ไ่ี มป่ ฏบิ ตั ิ พรบ. กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อกำ�หนดของท้องถ่ิน ใช้ราคา พรบ. กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อกำ�หนดของท้องถิ่น เงือ่ นไขในใบอนญุ าตหรือค�ำ สงั่ ปรบั ปรงุ แก้ไข ถ้าไม่ปฏบิ ัตติ ามคำ� มาตรา 45 เจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ มอี �ำ นาจออกค�ำ สงั่ ใหผ้ ทู้ ไี่ มป่ ฏบิ ตั ิ เง่อื นไขในใบอนญุ าตหรือคำ�ส่ัง ปรับปรงุ แกไ้ ข ถา้ ไม่ปฏิบตั ิตามคำ� สั่งหรอื การฝ่าฝนื นั้น เปน็ อันตรายรา้ ยแรง ให้เจา้ พนักงานทอ้ งถ่นิ พรบ. กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อกำ�หนดของท้องถิ่น สั่งหรือการฝ่าฝืนนั้น เป็นอันตรายรา้ ยแรง ใหเ้ จา้ พนักงานทอ้ งถ่ิน มอี ำ�นาจสัง่ ให้หยุดกิจการได้ เงอื่ นไขในใบอนญุ าตหรอื คำ�สง่ั ปรับปรุงแกไ้ ข ถ้าไม่ปฏิบัติตามค�ำ มอี �ำ นาจส่งั ใหห้ ยดุ กจิ การได้ มาตรา 59 เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอำ�นาจออกคำ�ส่ัง ให้พักใช้ ส่ังหรอื การฝา่ ฝืนนั้น เปน็ อันตรายร้ายแรง ให้เจา้ พนกั งานทอ้ งถิ่น มาตรา 59 เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำ�นาจออกคำ�ส่ัง ให้พักใช้ ใบอนญุ าตได้ เม่ือผไู้ ดร้ บั ใบอนุญาตไมป่ ฏบิ ัติตาม พรบ. กฎกระทรวง มอี ำ�นาจส่ังใหห้ ยดุ กจิ การได้ ใบอนุญาตได้ เม่ือผไู้ ดร้ ับใบอนญุ าตไมป่ ฏบิ ตั ติ าม พรบ. กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ขอ้ ก�ำ หนดของทอ้ งถน่ิ หรอื เงอื่ นไขในใบอนญุ าต มาตรา 59 เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำ�นาจออกคำ�ส่ัง ให้พักใช้ ประกาศกระทรวง ขอ้ ก�ำ หนดของทอ้ งถนิ่ หรอื เงอ่ื นไขในใบอนญุ าต มาตรา 80 มาตรา 84 ก�ำ หนดโทษทผ่ี ฝู้ า่ ฝนื ค�ำ สง่ั ของเจา้ พนกั งาน ใบอนุญาตได้ เมือ่ ผูไ้ ดร้ บั ใบอนญุ าตไม่ปฏิบัตติ าม พรบ. กฎกระทรวง มาตรา 80 มาตรา 84 ก�ำ หนดโทษทผ่ี ฝู้ า่ ฝนื ค�ำ สงั่ ของเจา้ พนกั งาน ทอ้ งถิน่ ตามมาตรา 45 มาตรา 59 มีโทษจ�ำ คกุ ไมเ่ กิน 6 เดอื น ปรับ ประกาศกระทรวง ขอ้ ก�ำ หนดของทอ้ งถน่ิ หรอื เงอื่ นไขในใบอนญุ าต ทอ้ งถน่ิ ตามมาตรา 45 มาตรา 59 มีโทษจ�ำ คุกไมเ่ กนิ 6 เดือน ปรบั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรอื ทง้ั จ�ำ ทง้ั ปรบั และปรบั อกี ไมเ่ กนิ 5,000 บาท มาตรา 80 มาตรา 84 ก�ำ หนดโทษทผ่ี ฝู้ า่ ฝนื ค�ำ สงั่ ของเจา้ พนกั งาน ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรอื ทงั้ จ�ำ ทงั้ ปรบั และปรบั อกี ไมเ่ กนิ 5,000 บาท ตอ่ วนั ตลอดระยะเวลาท่ีฝ่าฝนื คำ�สง่ั นั้น ทอ้ งถน่ิ ตามมาตรา 45 มาตรา 59 มโี ทษจ�ำ คกุ ไม่เกนิ 6 เดือน ปรับ ตอ่ วันตลอดระยะเวลาทฝี่ า่ ฝืนคำ�สงั่ นน้ั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรอื ทงั้ จ�ำ ทงั้ ปรบั และปรบั อกี ไมเ่ กนิ 5,000 บาท ตอ่ วันตลอดระยะเวลาทีฝ่ า่ ฝืนคำ�สงั่ นน้ั
232 ค่มู ือวชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจา้ หนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) 2.พระราชบัญญตั อิ าหาร พ.ศ. 2522 พระราชบญั ญตั อิ าหาร พ.ศ. 2522 มเี จตนารมณ์ เพอื่ เปน็ กฎหมายทใ่ี ชใ้ นการควบคมุ อาหารใหม้ คี ณุ ภาพ และความปลอดภยั ในการบรโิ ภค ซงึ่ จะควบคมุ โดยมกี ารก�ำ หนดประเภทอาหาร มาตรฐานการผลติ การขออนญุ าต การแสดงฉลาก บรรจุภัณฑ์ การโฆษณา การนำ�เข้าอาหารต่างๆ พระราชบัญญัติฉบับน้ีได้ตราข้ึนเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 โดยยกเลกิ พระราชบญั ญตั ิควบคมุ คณุ ภาพอาหาร พ.ศ. 2507 และประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ 49 ลงวนั ท่ี 18 มกราคม พ.ศ. 2515 พระราชบญั ญตั ิอาหาร พ.ศ. 2522 แบ่งเป็น 8 หมวดและหมวดเฉพาะกาล รวม 78 มาตรา ดงั น้ี หมวดที่ 1 คณะกรรมการอาหาร เปน็ บทบญั ญตั ทิ เ่ี กยี่ วกบั การแตง่ ตง้ั คณะกรรมการอาหาร บทบาท หนา้ ทขี่ องคณะกรรมการอาหาร วาระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ การประชมุ คณะกรรมการ อ�ำ นาจการแตง่ ตงั้ อนกุ รรมการ (มาตรา 7-13) หมวดท่ี 2 การขออนญุ าตและการออกใบอนญุ าต เปน็ บทบญั ญตั ทิ เี่ กยี่ วกบั การจดั ตงั้ โรงงานผลติ อาหาร การน�ำ เขา้ อาหารเพอ่ื จ�ำ หน่าย การออกใบอนุญาตจดั ตงั้ โรงงานผลติ อาหาร หรอื น�ำ เขา้ (มาตรา 14-19) หมวดที่ 3 หนา้ ทข่ี องผรู้ บั อนญุ าตเกยี่ วกบั อาหาร เปน็ บทบญั ญตั ทิ เี่ กย่ี วกบั หนา้ ทต่ี า่ งๆ ของผไู้ ดร้ บั อนุญาตจัดตัง้ โรงงานผลิตอาหาร (มาตรา 20-24) หมวดท่ี 4 การควบคมุ อาหาร เป็นบทบญั ญตั ิท่เี กีย่ วกับอาหารที่หา้ มผลติ หรือน�ำ เข้า คอื อาหาร ไม่บริสุทธ์ิ อาหารปลอม อาหารผิดมาตรฐาน อาหารอื่นท่ีรัฐมนตรีกำ�หนด อำ�นาจหน้าท่ีในการออกคำ�สั่งของ คณะกรรมการอาหาร เกี่ยวกับการควบคุมอาหาร (มาตรา 25-28) หมวดท่ี 5 การข้ึนทะเบียนและการโฆษณา เก่ียวกับอาหาร เป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการขอข้ึน ทะเบียนและการออกใบส�ำ คัญการข้ึนทะเบียนต�ำ หรับอาหาร การโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณ ของอาหาร (มาตรา 31-42) หมวดท่ี 6 พนักงานเจ้าหน้าท่ี เป็นบทบัญญัติท่ีเก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เก่ียวกบั การควบคมุ ดูแลการผลติ อาหารใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญัติอาหาร (มาตรา 43-45) หมวดที่ 7 การพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาต เป็นบทบัญญัติที่เก่ียวกับการที่ผู้รับ อนญุ าตไมป่ ฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั อิ าหาร คณะกรรมการมอี �ำ นาจสงั่ พกั หรอื เพกิ ถอนใบอนญุ าตได้ (มาตรา 46) หมวดท่ี 8 บทกำ�หนดโทษ เป็นบทบัญญัติท่ีเกี่ยวกับบทกำ�หนดโทษ เก่ียวกับการไม่ปฏิบัติตาม พระราชบัญญตั อิ าหาร ซึง่ มบี ทลงโทษปรบั ไม่เกิน สองหม่นื บาท หรอื ทงั้ จ�ำ ทัง้ ปรบั แลว้ แต่ลักษณะของความผดิ ทีไ่ ด้บญั ญัติไวใ้ นมาตราตา่ งๆ ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี (มาตรา 47-75) บทเฉพาะกาล เปน็ บทบญั ญตั ทิ เ่ี กยี่ วกบั การสน้ิ สดุ อายใุ บอนญุ าตและการดำ�เนนิ การขอใบอนญุ าต ใหม่ (มาตรา 78)
ค่มู ือวิชาการสุขาภบิ าลอาหารสำ�หรับเจ้าหน้าที่ 233 (Principles of Food Sanitation Inspector) พระราชบญั ญตั อิ าหาร พ.ศ. 2522 ได้ให้คำ�นิยามของ “อาหาร” หมายความของกินหรือเครอื่ งค้�ำ จุน ชีวิต ได้แก่ (1) วตั ถทุ กุ ชนิดทีค่ นกนิ ดื่ม อม หรือนำ�สรู่ า่ งกายไม่ว่าด้วยวิธใี ดๆ หรือในรปู ลกั ษณะใดๆ แตไ่ มร่ วมถึง ยา วตั ถอุ อกฤทธิ์ตอ่ จติ และประสาท หรือยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ตามกฎหมายว่าด้วยการนนั้ แล้วแต่กรณี (2) วัตถุที่มุ่งหมายสำ�หรับใช้หรือใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารรวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร สี และ เครอ่ื งปรุงแตง่ กล่ินรส นอกจากนี้สำ�นักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ให้แนวทางในการพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อ จ�ำ หน่าย ที่คาบเกย่ี วหรอื ไมแ่ นใ่ จว่าจะเปน็ อาหารหรือยา ดังน้ี 1. มีส่วนประกอบเป็นวัตถุที่มีในตำ�รายา ท่ีรัฐมนตรีประกาศไว้ตามพระราชบัญญัติยาและโดยสภาพ ของวัตถุทีเ่ ปน็ ไดท้ ง้ั ยาและอาหาร 2. มีขอ้ บง่ ใชเ้ ปน็ อาหาร 3. ปรมิ าณการใช้ไม่ถึงขนาด ท่ใี ชใ้ นการป้องกันหรอื บ�ำ บดั รกั ษาโรค 4. การแสดงขอ้ ความในฉลาก และการโฆษณาอาหารตอ้ งไมม่ กี ารแสดงสรรพคณุ ในการปอ้ งกนั บรรเทา บำ�บดั รักษาโรคต่างๆ พระราชบัญญัตอิ าหาร พ.ศ. 2522 นน้ั เปน็ กฎหมายแมท่ ว่ี างกรอบไว้เพอ่ื ให้มีการตรากฎหมายรองไป ได้แก่ กฎกระทรวงหรือประกาศกระทรวงสาธารณสุขท่ีจะสามารถนำ�ไปปฏิบัติงานได้ ดังนั้น ถ้าจะศึกษาราย ละเอยี ดเพอ่ื น�ำ ไปใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านจะตอ้ งศกึ ษาจากกฎกระทรวง หรอื ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ตา่ งๆ ซงึ่ มกี ารปรบั ปรุง ยกเลกิ บญั ญตั ิใหม่อยู่เสมอ โดยสามารถคน้ หาหรือ Download ได้จาก website ของสำ�นัก อาหารคณะกรรมการอาหารและยา http://newsser.fda.moph.go.th/food/Law.php มาตรฐานอาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ที่ออกตามพระราชบัญญตั อิ าหาร พ.ศ. 2522 นน้ั แบ่งอาหารออกเปน็ 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. อาหารควบคมุ เฉพาะ มีจำ�นวน 14 รายการ ตามประกาศดงั น้ี ประเภทของประกาศ (ฉบบั ท.ี่ ..) พศ. .... เรือ่ ง 1. อาหารควบคุมเฉพาะ (265) พ.ศ. 2545 และ นมโค 1 (282) พ.ศ. 2547 2 (222) พ.ศ. 2544 และ ไอศกรีม (257) พ.ศ. 2545 3 4 (266) พ.ศ. 2545 นมปรงุ แตง่ (Flavoured Milk) 5 (267) พ.ศ. 2545 ผลิตภณั ฑข์ องนม (Other Milk Products) (289) พ.ศ. 2548 นมเปรี้ยว
234 คูม่ ือวชิ าการสขุ าภิบาลอาหารสำ�หรบั เจ้าหนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) ประเภทของประกาศ (ฉบบั ท.่ี ..) พศ. .... เรื่อง 6 (214) พ.ศ. 2543, เคร่อื งด่ืมในภาชนะบรรจุที่ปดิ สนทิ 7 (230) พ.ศ. 2544 และ 8 (290) พ.ศ. 2548 9 ฉบับปี พ.ศ. 2554 (328) 10. 113 (พ.ศ. 2531) โซเดยี มซยั คลาเมตและอาหารทม่ี โี ซเดยี มชยั คลาเมต 11. 121 (พ.ศ. 2532) อาหารสำ�หรบั ผทู้ ่ีต้องการควบคมุ น้�ำ หนกั ฉบบั ปี พ.ศ. 2554 (331) 12. 13. 144 (พ.ศ. 2535), อาหารในภาชนะบรรจุท่ีปิดสนิท 14. (179) พ.ศ. 2540, (253) พ.ศ. 2545 และ (301) พ.ศ. 2549 156 (พ.ศ. 2537), นมดัดแปลงสำ�หรับทารกและนมดัดแปลงสูตรต่อ (167) พ.ศ. 2538, เนอ่ื งส�ำ หรับทารกและเดก็ เล็ก (286) พ.ศ. 2547 และ (307) พ.ศ. 2550 157 (พ.ศ. 2537), อาหารทารกและอาหารสูตรต่อเน่ืองสำ�หรับทารก (168) พ.ศ. 2538, และเดก็ เล็ก (171) พ.ศ. 2539, (287) พ.ศ. 2547 และ (308) พ.ศ. 2550 158 (พ.ศ. 2537) และ อาหารเสริมสำ�หรับทารกและเด็กเล็ก (169) พ.ศ. 2538 (262) พ.ศ. 2545 สตวิ ิโอไซด์และอาหารทม่ี สี ว่ นผสมของสติวิโอไซด์ (281) พ.ศ. 2547 วตั ถเุ จอื ปนอาหาร
คู่มือวชิ าการสขุ าภิบาลอาหารสำ�หรับเจา้ หนา้ ท่ี 235 (Principles of Food Sanitation Inspector) 2.อาหารทกี่ ำ�หนดคณุ ภาพหรือมาตรฐาน มีจำ�นวน 35 รายการ ตามประกาศ ดังน้ี ประเภทของประกาศ (ฉบบั ท.่ี ..) พศ. .... เรื่อง 2. อาหารทก่ี ำ�หนด คณุ ภาพหรอื มาตรฐาน 23 (พ.ศ.2522) กำ�หนดนำ้�มันถั่วลิสงเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ และ (233) พ.ศ.2544 และกำ�หนดคุณภาพหรือมาตรฐาน วิธีการผลิต 1. และฉลากสำ�หรับน�ำ้ มนั ถวั่ ลิสง 56 (พ.ศ. 2524), น้ำ�มันปาลม์ 2. (184) พ.ศ. 2542 และ (234) พ.ศ. 2544 น�ำ้ มันมะพร้าว 3. 57 (พ.ศ.2524) และ ช็อกโกแล็ต 4. (235) พ.ศ. 2544 ข้าวเตมิ วติ ามิน 5. 83 (พ.ศ.2527) เกลือบริโภค 6. ฉบบั ปี พ.ศ. 2554 (327) 7. 150 (พ.ศ. 2536) 8. ฉบับปี พ.ศ. 2554 (333) 9. (195) พ.ศ. 2543 เคร่ืองดื่มเกลอื แร่ ฉบับปี พ.ศ. 2554 (332) ชา 10. (196) พ.ศ. 2543 11. และ (277) พ.ศ. 2546 12. ฉบบั ปี พ.ศ. 2554 (329) 13. 14. (197) พ.ศ. 2543 และ กาแฟ (276) พ.ศ. 2546 ฉบับปี พ.ศ. 2554 (330) น�ำ้ นมถ่ัวเหลอื งในภาชนะบรรจุที่ปิดสนทิ (108) พ.ศ. 2543 นำ้�แรธ่ รรมชาติ (199) พ.ศ. 2543 (201) พ.ศ. 2543 ซอสบางชนดิ ฉบับปี พ.ศ. 2553 (317) ผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถ่ัว ฉบบั ปี พ.ศ. 2553 (322) เหลอื ง น้�ำ ปลา (203) พ.ศ. 2543 ฉบบั ปี พ.ศ. 2553 (323)
236 ค่มู อื วิชาการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรับเจา้ หนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) 15. (204) พ.ศ. 2543 น�้ำ สม้ สายชู 16. (205) พ.ศ. 2543 น�้ำ มันและไขมัน 17. (206) พ.ศ. 2543 นำ�้ มนั เนย 18. (207) พ.ศ. 2543 เนยเทียม 19 (208) พ.ศ. 2543 ครีม 20. (209) พ.ศ. 2543 เนยแข็ง 21. (210) พ.ศ. 2543 อาหารก่งึ ส�ำ เร็จรปู 22. (211) พ.ศ. 2543 นำ้�ผง้ึ 23. (213) พ.ศ. 2543 แยม เยลลี และมาร์มาเลค ในภาชนะบรรจุทป่ี ิด สนิท 24. (266) พ.ศ. 2544 เนยใสหรอื กี (Ghee) 25. (227) พ.ศ. 2544 เนย 26. (236) พ.ศ. 2544 ไขเ่ ยี่ยวมา้ 27. (314) พ.ศ. 2552 สรุ า 28. (280) พ.ศ. 2547 ชาสมนุ ไพร 29. (283) พ.ศ. 2547 กำ�หนดปริมาณสารโพลาร์ในน้ำ�มันท่ีใช้ทอดหรือ ประกอบอาหารเพื่อจำ�หน่าย 30. 61 (พ.ศ. 2524), นำ�้ บริโภคในภาชนะบรรจุทปี่ ดิ สนทิ 135 (พ.ศ.2534), (220) พ.ศ.2544, (256) พ.ศ.2545, (284) พ.ศ. 2547 และ (316) พ.ศ. 2553 น�้ำ แข็ง 31. 78 (พ.ศ. 2527), 137 (พ.ศ. 2534), (254) พ.ศ. 2545 และ (285) พ.ศ. 2547 32. (293) พ.ศ.2548 และ ผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหาร (309) พ.ศ. 2550 33. (294) พ.ศ. 2548 รอยลั เยลล่แี ละผลิตภณั ฑร์ อยัลเยลลี่ 34. ฉบับปี พ.ศ.2553 (324) นำ�้ เกลอื ปรุงอาหาร 35. (348) พ.ศ. 2556 เนยเทียม เนยผสม ผลิตภัณฑ์เนยเทียม และ ผลติ ภัณฑเ์ นยผสม
คู่มอื วิชาการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจ้าหน้าที่ 237 (Principles of Food Sanitation Inspector) 3. อาหารที่ตอ้ งมีฉลาก มจี ำ�นวน 11 รายการ ตามประกาศ ดังนี้ ประเภทของประกาศ (ฉบับท่.ี ..) พศ. .... เร่อื ง 3. อาหารท่ีตอ้ งมีฉลาก แป้งขา้ วกลอ้ ง 1. 44 (พ.ศ.2523) การแสดงฉลากของวุ้นเสน้ ส�ำ เร็จรูปและขนมเยลลี่ 2. 100 (พ.ศ.2529) อาหารฉายรังสี 3. ฉบบั ปี พ.ศ. 2553 (325) ซอสในภาชนะบรรจุท่ีปดิ สนทิ 4. (200) พ.ศ. 2540 วัตถแุ ต่งกลนิ่ รส 5. (223) พ.ศ.2554 ขนมปงั 6. (224) พ.ศ.2544 หมากฝรัง่ และลูกอม 7. (228) พ.ศ.2544 การแสดงฉลากของอาหารพร้อมปรุงและอาหาร 8. (237) พ.ศ.2544 ส�ำ เร็จรปู ท่ีพรอ้ มบริโภคทนั ที อาหารมวี ัตถุประสงค์พิเศษ 9. (238) พ.ศ.2544 ผลิตภณั ฑ์จากเนอ้ื สัตว์ 10. (243) พ.ศ.2544 การแสดงฉลากอาหารท่ีได้จากเทคนิคการดัดแปลง 11. (251) พ.ศ.2545 พันธกุ รรมหรือพนั ธวุ ิศวกรรม 4. อาหารท่ัวไป หมายถึง อาหารที่ไม่ได้จดั อยใู่ นประเภท 1-3 ดงั กลา่ วขา้ งตน้ ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ทอี่ อกตามพระราชบญั ญตั อิ าหารนนั้ นอกจากมเี รอ่ื งอาหารแลว้ ยงั มี เรื่องเก่ยี วกบั ภาชนะบรรจอุ าหาร โดยปัจจุบนั มีอยู่ 2 ฉบับ ได้แก่ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2528) เรื่อง กำ�หนดคุณภาพหรือมาตรฐานของ ภาชนะบรรจุ การใช้ภาชนะบรรจุและการห้ามใชว้ ัตถใุ ดเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ประกาศฯ ฉบบั นไี้ ดน้ ยิ ามค�ำ ว่า ภาชนะบรรจไุ วว้ ่า “วตั ถทุ ่ใี ช้บรรจุอาหารไม่ว่าดว้ ยการใส่หรอื ห่อ หรอื ด้วยวิธใี ดๆ และใหห้ มายความรวมถึงฝา หรอื จุกดว้ ย” และก�ำ หนดคณุ ภาพมาตรฐานของภาชนะบรรจไุ ว้ดงั นี้ คือ 1.1 สะอาด 1.2 ไมเ่ คยใชบ้ รรจหุ รอื ใสอ่ าหารหรอื วตั ถอุ น่ื ใดมากอ่ น เวน้ แตภ่ าชนะบรรจทุ เ่ี ปน็ แกว้ เซรามกิ โลหะ เคลอื บหรอื พลาสติก แตท่ ้ังนี้ต้องไมม่ ลี ักษณะตอ้ งหา้ มตามขอ้ 7 และข้อ 8 (ขอ้ 7 หา้ มมใิ หใ้ ช้ภาชนะบรรจทุ เ่ี คย ใชบ้ รรจหุ รอื หุ้มหอ่ ปุ๋ย สารมีพษิ หรอื วตั ถุทอ่ี าจเปน็ อนั ตรายต่อสขุ ภาพเป็นภาชนะบรรจอุ าหาร ข้อ 8 ห้ามมิให้ ใชภ้ าชนะบรรจทุ ท่ี �ำ ขน้ึ เพอ่ื ใชบ้ รรจสุ ง่ิ ของอยา่ งอน่ื ทมี่ ใิ ชอ่ าหาร หรอื มรี ปู รอยประดษิ ฐห์ รอื ขอ้ ความใดทที่ �ำ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจผดิ ในสาระส�ำ คญั ของอาหารทบี่ รรจอุ ยใู่ นภาชนะนั้นเป็นภาชนะบรรจอุ าหาร)
238 คู่มอื วิชาการสุขาภิบาลอาหารสำ�หรับเจา้ หนา้ ท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) 1.3 ไมม่ ีโลหะหนักหรอื สารอืน่ ออกมาปนเป้ือนกบั อาหารในปริมาณทอ่ี าจเป็นอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ 1.4 ไมม่ ีจุลินทรยี ์ทีท่ ำ�ใหเ้ กดิ โรค 1.5 ไม่มสี ีออกมาปนเปอ้ื นกบั อาหาร 2. ประกาศกระทรวงฯ ฉบับท่ี 295 พ.ศ.2548 เร่อื ง กำ�หนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุ ทท่ี �ำ จากพลาสติก โดยกำ�หนดไว้ว่าภาชนะบรรจุที่ผลิตจากพลาสติกน้ัน ต้องมคี ุณภาพหรอื มาตรฐาน ดังนี้ 2.1 สะอาด 2.2 ไม่มสี ารอื่นออกมาปนเปอื้ นกบั อาหาร ในปรมิ าณที่อาจเป็นอันตรายตอ่ สขุ ภาพ 2.3 ไมม่ ีจลุ นิ ทรีย์ท่ที �ำ ให้เกดิ โรค 2.4 ไมม่ ีสีออกมาปนเป้อื นกบั อาหาร นอกจากน้ียังมีข้อบังคับและข้อห้ามเฉพาะได้แก่ ภาชนะบรรจุที่ทำ�จากพลาสติกซ่ึงใช้บรรจุนมหรือ ผลิตภัณฑ์นม ต้องเป็นพลาสติกชนิด พอลิเอทิลีน, เอทิลีน 1-แอลคีน โคพอลิเมอร์ไรซด์เรซิน, พอลิพรอพิลีน, พอลิสไตรีน หรือพอลิเอทิลีนเทเรฟทาลเลต และห้ามมิให้ใช้ภาชนะบรรจุท่ีทำ�จากพลาสติกที่มีสีบรรจุอาหาร ยกเวน้ ในกรณีดงั ตอ่ ไปนี้ (1.) พลาสติกชนิดลามเิ นต (Laminate) เฉพาะชน้ั ทไ่ี ม่สัมผสั โดยตรงกับอาหาร (2.) พลาสติกท่ีใชบ้ รรจผุ ลไม้ชนดิ ท่ีไม่รับประทานเปลือก (3) กรณอี ่นื ตามท่ไี ดร้ ับความเหน็ ชอบจากส�ำ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา และก�ำ หนดขอ้ หา้ มมิใหใ้ ช้ภาชนะบรรจทุ ่ีทำ�ขึ้นจากพลาสตกิ ทีใ่ ชแ้ ลว้ บรรจอุ าหาร เวน้ แต่ใช้เพ่ือบรรจผุ ลไม้ชนดิ ที่ไมร่ ับประทานเปลือก นอกจากนี้ ยังมีเร่ืองประกาศกระทรวงสาธารณสุขท่ีออกตามพระราชบัญญัติอาหาร อีกหลายเรื่อง ไดแ้ ก่ อาหารทห่ี า้ มผลติ น�ำ เขา้ หรอื จำ�หนา่ ย อาหารทหี่ า้ มนำ�เขา้ หรอื จำ�หนา่ ย วตั ถทุ หี่ า้ มใชใ้ นอาหาร หลกั เกณฑ์ วิธกี ารท่ดี ีในการผลติ มาตรฐานอาหารสำ�หรับอาหารทุกชนิด ดังน้ี ประเภทของประกาศ (ฉบบั ...) พ.ศ. ... เร่อื ง 1. อาหารที่ห้ามผลติ น�ำ เขา้ หรือจำ�หนา่ ย โซเดยี มชยั คลาเมตและอาหารที่มโี ซเดียมซัยคลาเมต (โซเดียมซัยคลาเมตและอาหารท่ีมีโซเดียมซัยคลาเมตต้อง 1. 113 (พ.ศ. 2531) เป็นการผลิตเพอ่ื การสง่ ออกเท่านั้น) ก�ำ หนดอาหารทหี่ า้ มผลติ นำ�เขา้ หรือจำ�หนา่ ย (คัลซลิ , 2. (292) พ.ศ. 2548 กรดซัยคลามิคและเกลอื ของกรดซยั คามคิ , เอ เอฟ 2 (ฟรู ลิ ฟราไมด)์ โพแทสเซยี มโบรเมต, อาหารทมี่ สี ารดงั กลา่ ว มาแลว้ เปน็ สว่ นผสม อาหารทม่ี คี ลั ซลิ เอเอฟ2 โพแทสเซยี ม โปรเมต หรอื กรดซยั คลามคิ และเกลอื ของกรดซยั คามคิ เปน็ ส่วนผสม, อาหารท่ีมีดามินไซด์ (ซันซินิคแอซิค 2, 2-ไดเมทธลิ -ไฮดราไซด์ และสารสกดั หยาบทมี่ ิไดส้ กดั ดว้ ย นำ้�และอนุพันธ์ของสารสกัดหยาบจากหญ้าหวาน ยกเว้น เพอ่ื การส่งออก
คมู่ อื วชิ าการสขุ าภิบาลอาหารส�ำ หรับเจ้าหน้าท่ี 239 (Principles of Food Sanitation Inspector) ประเภทของประกาศ (ฉบับ...) พ.ศ. ... เรื่อง 3. (263) พ.ศ. 2545 ก�ำ หนดอาหารทห่ี า้ มผลติ น�ำ เขา้ หรอื จ�ำ หนา่ ย (วนุ้ ส�ำ เรจ็ รปู และขนมเยลลท่ี ม่ี สี ว่ นประกอบของกลโู คแมนแนนหรอื แปง้ 4. (264) พ.ศ. 2545 จากหัวบุกในภาชนะบรรจุขนาดเล็ก) 5. (310) พ.ศ. 2551 ก�ำ หนดอาหารทห่ี า้ มผลติ น�ำ เขา้ หรอื จ�ำ หนา่ ย (ปลาปกั เปา้ ทกุ ชนดิ และอาหารทีม่ เี นื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม) 6. (344) พ.ศ. 2555 การหา้ มผลิต นำ�เข้า หรอื จ�ำ หน่ายอาหารทีม่ ีการบรรจสุ ิ่ง อื่นหรือวัตถุอื่นท่ีมิใช่อาหารในภาชนะบรรจุอาหารและ 2. อาหารทห่ี า้ มน�ำ เขา้ หรอื จ�ำ หน่าย หีบห่อ 1. (174) พ.ศ. 2539 กำ�หนดอาหารที่ห้ามผลิต นำ�เขา้ หรอื จ�ำ หน่าย (อาหารที่ ตรวจพบสารเมลามนี (Melamine) และสารในกลมุ่ เมลา มีน (กรดซัยยานรู กิ (Cyanuric acid) กำ�หนดอาหารที่ห้ามนำ�เข้าหรือจำ�หน่าย (อาหารท่ีพ้น ก�ำ หนดหมดอายหุ รอื พน้ ก�ำ หนดทค่ี วรบรโิ ภค ไดแ้ ก่ อาหาร ทารกและอาหารสูตรต่อเน่ืองสำ�หรับทารกและเด็กเล็ก, อาหารเสรมิ ส�ำ หรบั ทารกและเดก็ เลก็ , นมดดั แปลงส�ำ หรบั ทารกและนมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำ�หรับทารกและเด็ก เลก็ , นมเปร้ียว, นมโคทผี่ า่ นกรรมวธิ พี าสเจอรไ์ รส,์ อาหาร ที่มีวัตถุประสงค์พเิ ศษ) 2. (345) พ.ศ. 2555 กำ�หนดอาหารท่ีห้ามนำ�เข้าหรือจำ�หน่าย (อาหารท่ีมีการ ปนเปือ้ นสารพันธุกรรมครายไนนซ์ ,ี Cry 9C DNA Sequence)
240 ค่มู ือวิชาการสุขาภิบาลอาหารสำ�หรับเจ้าหน้าท่ี (Principles of Food Sanitation Inspector) ประเภทของประกาศ (ฉบับ...) พ.ศ. ... เร่ือง 3. (296) พ.ศ. 2548 กำ�หนดอาหารท่ีห้ามนำ�เข้าหรือจำ�หน่าย (เนื้อโคและ ผลิตภัณฑ์จากโคท่ีมีแหล่งกำ�เนิดจากประเทศสหราช อาณาจักรโปรตุเกส ฝร่ังเศส ไอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เนเธอแลนด์ เดนมาร์ก อิตาลี ลิกเตนสไตล์ ลักเซมเบิร์ก สเปน สาธารณรฐั เช็ค กรซี ญ่ปี ุ่น สาธารณรัฐฟินแลนด์ รฐั อสิ ารา เอลสาธารณรฐั โปแลนด์ แคนาดาและสหรัฐอเมรกิ า) ยกเว้น นมและผลิตภัณฑ์นม หนังสัตว์ เจลลาติน และคอลลาเจนท่ที �ำ จากหนัง เจลาตินและคอลลาเจนที่ทำ� จากกระดกู ทมี่ หี นงั สือรับรอง, ไขมนั สกัดทไี่ ม่มโี ปรตนี , ได แคลเซยี่ มฟอสเฟสทไ่ี มม่ โี ปรตนี ทมี่ หี นงั สอื รบั รองหรอื ไขมนั ทมี่ หี นงั สอื รบั รอง, เนอื้ โคถอดกระดกู และผลติ ภณั ฑท์ ผ่ี า่ น การตรวจรับรองและมีหนังสือรับรอง, เลือดโคและ ผลติ ภณั ฑพ์ ลอยไดจ้ ากเลอื ดโคทผ่ี า่ นการตรวจรบั รองและ มีหนงั สือรบั รอง 3 วตั ถุท่ีห้ามใชใ้ นอาหาร 1. 151 (พ.ศ. 2536) และ ก�ำ หนดวตั ถทุ หี่ า้ มใชใ้ นอาหาร (น�้ำ มนั พชื ทผ่ี า่ นกรรมวธิ เี ตมิ (247) พ.ศ. 2544 โบรมนี , กรดซาลซิ ิลคิ , กรดบอร์ริค, บอแรกซ,์ แคลเซยี ม ไอโอเดท หรือ โพแทสเซียมไอโอเดท, ไนโตรฟูราโซน, โพรแทสเซยี มคลอเรท, ฟอรม์ าลดไี ฮด,์ เมทธลิ แอลกอฮอล,์ คมู าริน, ไดไฮโดรคมู ารนิ ไดเอธิลนี ไกลคอล) ยกเวน้ การใชเ้ มธลิ แอลกอฮอลเ์ ปน็ สารชว่ ยในการผลติ เพอ่ื การส่งออก 4. หลกั เกณฑว์ ิธกี ารท่ีดใี นการผลิต 1. (193) พ.ศ.2543 วิธีการผลิต เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ในการผลิต และการเก็บ และ (239) พ.ศ. 2544 รักษาอาหาร ฉบบั ปี พ.ศ. 2553 (318) น�้ำ บรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ี่ปดิ สนทิ (ฉบับที่ 3) 2. (220) พ.ศ.2544 ฉบบั ปี พ.ศ.2553 (319) 3. (298) พ.ศ. 2549 วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต ผลิตภัณฑ์นม ฉบับปี พ.ศ. 2553 พรอ้ มบรโิ ภคชนดิ เหลวทผี่ า่ นกรรมวธิ ฆี า่ เชอ้ื ดว้ ยความรอ้ น (320) โดยวธิ พี าสเจอรไ์ รส์
คู่มอื วชิ าการสุขาภบิ าลอาหารส�ำ หรับเจ้าหนา้ ที่ 241 (Principles of Food Sanitation Inspector) ประเภทของประกาศ (ฉบับ...) พ.ศ. ... เร่ือง 4. ฉบบั ปี พ.ศ.2553 (325) อาหารฉายรงั สี 5. (342) พ.ศ. 2555 วิธีการผลิต เครื่องมือเคร่ืองใช้ในการผลิต และการเก็บ รกั ษาอาหาร แปรรูปทีบ่ รรจใุ นภาชนะพรอ้ มจ�ำ หนา่ ย 6. (347) พ.ศ. 2555 วิธีการผลติ อาหารท่ใี ชน้ �ำ้ มันทอดซ�ำ้ 7. (349) พ.ศ. 2556 วธิ กี ารผลติ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นการผลติ และการเกบ็ รกั ษา 5. มาตรฐานอาหารสำ�หรับอาหารทกุ ชนดิ อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิทชนิดท่ีมีความเป็นกรดตำ่� และชนดิ ทปี่ รับกรด 1. 96 (พ.ศ.2529) และ มาตรฐานอาหารท่ีมสี ารปนเป้อื น (273) พ.ศ. 2546 2. (341) พ.ศ. 2555 ก�ำ หนดเงอื่ นไขการนำ�เขา้ อาหารทมี่ คี วามเสยี่ งจากการปน เปอ้ื นสารกมั มันตรังสี 3. ฉบับปี พ.ศ. อาหารทม่ี ีสารพษิ ตกค้าง 2554 (337) 4. (303) พ.ศ. 2550 อาหารทีม่ ยี าสตั ว์ตกค้าง 5. (268) พ.ศ. 2546 มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปอ้ื นสารเคมบี างชนดิ (299) พ.ศ. 2549 6. (269) พ.ศ. 2546 มาตรฐานอาหารทีม่ กี ารปนเปอื้ นสารเคมกี ล่มุ เบตา้ อะโกนิสต์ 7. ฉบับปี พ.ศ. 2552 มาตรฐานอาหารดา้ นจลุ นิ ทรยี ์ทที่ �ำ ใหเ้ กดิ โรค (313)
242 คู่มือวิชาการสุขาภิบาลอาหารสำ�หรบั เจา้ หนา้ ที่ (Principles of Food Sanitation Inspector) โดยอาหารแตล่ ะประเภทนนั้ ตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ งตามพระราชบญั ญตั อิ าหาร พ.ศ. 2552 และประกาศ กระทรวงสาธารณสขุ ที่เก่ยี วข้องโดยมีรายละเอียดดงั น้ี ประเภทอาหาร เขา้ ขา่ ยเปน็ โรงงาน ไม่เขา้ ขา่ ยเป็นโรงงาน ใบอนุญาตผลิต เลขสาระบบ ใบอนุญาตผลติ เลขสาระบบ อาหารควบคุม ขอใบอนุญาตผลิต ขอข้ึนทะเบยี น ขอรบั เลขประจำ� ขออนุญาตใช้ฉลาก เฉพาะ (สถานท่ีได้ ต�ำ รบั อาหาร สถานที่ อาหาร (เลขสา อาหารก�ำ หนด มาตรฐานตาม GMP) (เลขสาระบบ ระบบอาหาร) คณุ ภาพหรอื อาหาร) จดทะเบยี นผลติ ภณั ฑ์ มาตรฐาน (เลขสาระบบอาหาร) ขอใบอนุญาตผลิต จดทะเบยี นผลติ ภณั ฑ์ ขอรับเลขประจำ� (สถานที่ได้ (เลขสาระบบอาหาร) สถานท่ี มาตรฐานตาม GMP) อาหารทตี่ อ้ งมฉี ลาก ขอใบอนญุ าตผลติ แจ้งรายละเอียด ขอรบั เลขประจ�ำ แจ้งรายละเอียด (สถานที่ได้ ผลิตภัณฑ์ สถานที่ ผลติ ภณั ฑ์ มาตรฐานตาม GMP) (เลขสาระบบอาหาร) (เลขสาระบบอาหาร) อาหารท่ัวไป ขอใบอนุญาตผลติ ไมต่ อ้ งยนื่ ขอแตต่ อ้ ง ไมต่ อ้ งขอใบอนญุ าต ไม่ตอ้ งขอแต่ตอ้ ง (สถานท่ไี ด้ แสดงฉลาก ผลติ แสดงฉลาก มาตรฐานตาม GMP เฉพาะอาหารแชแ่ ขง็ )
คมู่ อื วชิ าการสขุ าภบิ าลอาหารสำ�หรับเจา้ หนา้ ที่ 243 (Principles of Food Sanitation Inspector) ในการผลิตอาหาร เพ่ือจำ�หน่าย ต้องรู้ว่าอาหารน้ันจัดอยู่ในกลุ่มใด ต้องขออนุญาตหรือไม่และมี มาตรฐานหรอื ควบคมุ ก�ำ หนดคุณภาพหรือไม่ เชน่ GMP รวมทงั้ สถานที่ผลิตเขา้ ข่ายโรงงานหรือไม่ ดังแผนภมู ิ แผนภูมทิ ี่ 5 แสดงเรอ่ื งทต่ี ้องอนญุ าตเม่อื ตอ้ งการผลติ อาหารจ�ำ หนา่ ย การขออนุญาตผลิตอาหาร สถานท่ี ผลติ ภัณฑ์ โฆษณา (ขออนญุ าต ทกุ ผลิตภณั ฑ)์ เขา้ ข่ายโรงงาน ไม่เข้าข่ายโรงงาน หนว่ ยงานท่ีติดตอ่ หนว่ ยงานท่ีตดิ ตอ่ กลมุ่ ท่ีไมต่ ้องขอ เครือ่ งหมาย อย. 1. หนว่ ยงานท้องถิน่ 1. หนว่ ยงานท้องถ่นิ (ต้องแสดงฉลากครบถว้ น) 2. กรมโรงงาน 2. ส�ำ นักงาน กล่มุ ทต่ี ้องขอเคร่อื งหมาย อย. อุตสาหกรรม คณะกรรมการ (ไมต่ อ้ งส่งตัวอย่างตรวจ) หรือส�ำ นกั งาน อาหารและยา กลุ่มท่ีต้องขอเคร่อื งหมาย อย. อตุ สาหกรรมจงั หวดั หรอื สำ�นักงาน ท่ีต้องมีรายงานผลการตรวจ 3. สำ�นักงาน สาธารณสุขจังหวัด วิเคราะห์ไว้ให้ คณะกรรมการ กลมุ่ ทีต่ ้องขอ เคร่อื งหมาย อย. อาหารและยา (ต้องส่งตัวอยา่ งตรวจ) หรอื ส�ำ นักงาน สาธารณสขุ จงั หวดั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390