285 ส่วนท่ีเป็นโลหะนั้น เพื่อให้สำมำรถต่อลงดินมำยังตู้เมนสวิตซ์โดยผ่ำนทำงข้ัวสำยดินของเต้ำเสียบ เต้ำรับจึงต้องใช้เต้ำเสียบท่ีมขี ้ัวสำยดิน เครื่องใช้ไฟฟ้ำประเภทนี้หำกผู้ผลิตไม่ได้ต่อสำยดนิ มำให้ถือว่ำ เปน็ เคร่ืองใช้ไฟฟำ้ ประเภท 0 ในปัจจบุ นั มำตรฐำนสำกลไมร่ ับรองหรือยินยอมใหผ้ ลติ มำใชง้ ำน 7.3.2.11 เครื่องใช้ไฟฟ้ำประเภท 2 หมำยถงึ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้ำท่ีมีกำรหมุ้ ฉนวนท่ีมีไฟฟ้ำ ด้วยฉนวนที่มีควำมหนำเป็น 2 เท่ำของควำมหนำท่ีใชส้ ำหรับเครอื่ งใช้ไฟฟ้ำทั่ว ๆ ไป โดยมีสัญลักษณ์ ของเครอ่ื งใช้ไฟฟ้ำประเภท 2 เปน็ รปู สีเ่ หล่ยี มจัตุรัสซ้อนกนั ติดอยู่ ดงั สญั ลกั ษณ์ในรปู ที่ 7.7 ข้ำงลำ่ งน้ี รปู ท่ี 7.7 สัญลกั ษณเ์ ครอื งใชไ้ ฟฟำ้ ประเภท 2 ท่มี ำ : (https://thailandsurf.net/blog/เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ำประเภท-2/) 7.3.2.12 เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำประเภท 3 หมำยถึง เครื่องใช้ไฟฟ้ำท่ีใช้กับแรงดันไฟฟ้ำ กระแสสลับไม่เกิน 50 โวลต์ (หรือ 120 โวลต์กระแสตรง, V.d.c ) เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำน้ีไม่ต้องมีสำยดิน สัญลกั ษณ์เคร่อื งใชไ้ ฟฟำ้ ประเภทนเี้ ป็นดงั รูปท่ี 7.8 รปู ที่ 7.8 สัญลักษณเ์ ครืองใช้ไฟฟ้ำประเภท 3 ทม่ี ำ : (https://thailandsurf.net/electric/wp-content/uploads/sites/5/2017/10/...) 7.3.2.13 หลอดฟลูออเรสเซนต์ คือ หลอดไฟฟ้ำท่ีมีลักษณะเป็นหลอดยำวสีขำว มี ขนำดกินไฟ 20 W และ 40 W แต่ถ้ำเป็นหลอดผอมจะกินไฟขนำด 18 W และ 36 W หลอด ตะเกียบหรอื หลอดคอมแพคกจ็ ัดวำ่ เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนดิ หน่งึ ท่มี ีขนำดเล็ก
286 7.3.2.14 มำตรฐำนสขี องสำยไฟ สขี องสำยไฟจะถูกกำหนดใหเ้ ป็นมำตรฐำนเพื่อให้มี กำรติดต้ังเดินสำยอยำ่ งถูกต้องโดยอำ้ งองิ มำตรฐำน มอก. 11 ดงั น้ี รูปท่ี 7.9 มำตรฐำนสขี องสำยไฟ ทีม่ ำ : (กำรไฟฟำ้ นครหลวง, 2556) 7.4 หลกั ความปลอดภยั ในการใชไ้ ฟฟา้ และมปี ระสทิ ธิภาพ กำรใช้ไฟฟ้ำมีควำมจำเป็นต่อกำรใช้ชีวิตประจำวันเพ่ือควำมสะดวกสบำย ถึงแม้ไฟฟ้ำจะมี ประโยชน์มำกมำยแต่ในขณะเดยี วกันไฟฟ้ำอำจเป็นอันตรำยถ้ำหำกไม่มคี วำมรู้ควำมระมดั ระวงั ในกำร ใช้ ดงั น้ันกำรใช้ไฟฟำ้ จึงต้องศกึ ษำเพื่อใหม้ ีควำมรู้พืน้ ฐำน ควำมเข้ำใจ และใชอ้ ยำ่ งถูกต้องจงึ จะทำให้ เกดิ ควำมปลอดภัยและไดร้ ับประโยชนส์ ูงสุดจำกกำรใช้ไฟฟ้ำ อันตรำยจำกไฟฟ้ำแบ่งเป็นอนั ตรำยต่อ ชีวิต ทำให้ได้รับเพียงบำดเจ็บหรืออำจทำให้เสียชีวิตหำกกำรไหลของกระแสไฟฟ้ำนั้นผ่ำนอวัยวะท่ี สำคญั เชน่ หวั ใจ อันตรำยท่ีเกิดขึ้นกบั ร่ำงกำยได้แก่ กล้ำมเน้อื แข็งตัว หวั ใจเตน้ เรว็ กวำ่ ปกติและหยุด ทำงำน เซลล์ในร่ำงกำยและระบบประสำทถูกทำลำย ทำอันตรำยต่อทรัพย์สิน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และระเบิด โดยปกติสภำพร่ำงกำยของคนในแต่ละส่วนจะมีควำมต้ำนทำนกระแสไฟฟ้ำไม่เท่ำกัน หำกผิวแห้งสนิทจะมีควำมต้ำนทำนประมำณ 100,000-600,000 โอห์ม แต่ถ้ำมีควำมชื้นจะมีควำม ต้ำนทำนลดลงเหลือเพียง 800-1000 โอห์ม ดังน้ันกระแสไฟฟ้ำจึงสำมำรถผ่ำนร่ำงกำยได้โดยง่ำย ส่วนควำมรุนแรงที่ได้รับจำกกระแสไฟฟ้ำที่ไหลผ่ำนร่ำงกำยข้ึนอยู่กับปริมำณของกระแสไฟฟ้ำดัง ตำรำงท่ี 7.1และ 7.2
287 ตำรำงที่ 7. 1 อันตรำยที่เกดิ ข้ึนแก่รำ่ งกำยจำกจำนวนกระแสไฟฟำ้ จานวนกระแสไฟฟา้ อาการหรืออนั ตรายทีเ่ กิดขึ้นแกร่ า่ งกาย 1-3 มลิ ลิแอมแปร์ กลำ้ มเนือ้ กระตกุ เลก็ น้อย ไมถ่ ึงอันตรำยแต่ก็อำจดิ้น 8 มลิ ลิแอมแปร์ ไมห่ ลุด 10 มิลลแิ อมแปร์ กล้ำมเนื้อกระตุกรุนแรงเป็นเหตุให้ล้มฟำดหรือตก จำกท่สี ูง กล้ำมเนื้อกระตุกรุนแรงมำกขึ้นและอำจได้รับ บำดแผลไหมพ้ องดว้ ย ตำรำงที่ 7.2 ระยะเวลำทจี่ ะทำใหไ้ ด้รบั อันตรำยถึงชีวติ 15 มิลลแิ อมแปร์ นำนกวำ่ 2 นำที 20 มลิ ลิแอมแปร์ นำนกว่ำ 1 นำที 30 มิลลแิ อมแปร์ นำนกวำ่ 35 วนิ ำที 100 มิลลแิ อมแปร์ นำนกวำ่ 3 วนิ ำที 500 มิลลแิ อมแปร์ นำนกวำ่ 11/100 วนิ ำที 1,000 มิลลแิ อมแปร์ นำนกวำ่ 1/100 วินำที 7.4.1 หลกั ในการเลือกซื้อเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า กำรพจิ ำรณำเลือกซื้อเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำอยำ่ งมหี ลกั เกณฑ์จะชว่ ยใหเ้ กดิ กำรประหยัดไฟฟ้ำ ซ่ึงมขี อ้ เสนอแนะในกำรเลือกซื้อดงั นี้ (กำรไฟฟ้ำนครหลวง, 2556) 7.4.1.1 ควรทรำบปรมิ ำณกำรกินไฟของเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้ำน้นั ๆ 7.4.1.2 มีควำมเหมำะสมในกำรใชง้ ำนหรือไม่ 7.4.1.3 สะดวกในกำรใชส้ อย คงทน ปลอดภยั หรือไม่ 7.4.1.4 ภำระกำรติดตงั้ และกำรบำรุงรกั ษำ 7.4.1.5 พิจำรณำคุณภำพ คำ่ ใชจ้ ่ำย อำยกุ ำรใช้งำน เพ่อื ประเมินออกมำเปน็ ตัวเงนิ 7.4.2 ข้อควรปฏบิ ัติในการใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งปลอดภยั 7.4.2.1 ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ำช่ำงที่จะดำเนินกำรออกแบบและเดินสำยติดต้ัง ระบบไฟฟำ้ วำ่ มคี วำมรู้ ควำมชำนำญ 7.4.2.2 อุปกรณ์กำรติดต้ังทำงไฟฟ้ำต้องเป็นชนดิ ท่ีได้รบั กำรรับรองจำกมำตรฐำนตำ่ ง ๆ เชน่ สำนกั งำนมำตรฐำนผลิตภณั ฑอ์ ตุ สำหกรรม (สมอ.) UL VDE IEC เป็นตน้ 7.4.2.3 กำรเดินสำยและติดต้งั อุปกรณ์ไฟฟ้ำต้องเปน็ ไปตำมกฎกำรเดินสำยและติดต้ัง อุปกรณไ์ ฟฟ้ำของกำรไฟฟ้ำนครหลวงฉบบั ล่ำสุด 7.4.2.4 ก่อนใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ ผู้ใช้ต้องอ่ำนและศึกษำคู่มือแนะนำกำรใช้งำนให้เข้ำใจ และปฏบิ ัติตำมคำแนะนำอย่ำงเครง่ ครดั
288 7.4.2.5 เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำท่ีมีเปลือกหุ้มภำยนอกทำด้วยโลหะทุกชนิดหรือเครื่องใชไ้ ฟฟ้ำ ที่อำจมไี ฟฟ้ำรว่ั มำกับน้ำ หำกไมใ่ ช่เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำประเภท 2 และประเภท 3 แลว้ จำเปน็ ตอ้ งมีกำรต่อ สำยดินของเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำเข้ำกับระบบสำยดิน หมำยถึง กำรติดต้ังระบบสำยดินที่ถูกต้องภำยในบ้ำน และใช้เต้ำเสียบชนิดมีข้ัวสำยดินกับเต้ำรับชนิดมีข้ัวสำยดินที่เป็นมำตรฐำนเดียวกัน เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ ประเภทนี้ ไดแ้ ก่ ตเู้ ย็น เตำรีด หม้อหงุ ขำ้ ว เตำไมโครเวฟ เครอ่ื งปรบั อำกำศ เป็นต้น 7.4.2.6 ห้ำมแตะต้องส่วนท่ีมีไฟฟ้ำหรอื เครื่องใช้ไฟฟ้ำอย่ำงเด็ดขำดหำกร่ำงกำยเปียก ชื้นเพรำะอำจมีไฟร่ัวและควำมต้ำนทำนต่อไฟฟ้ำของผิวหนังที่เปียกช้ืนจะลดลงอย่ำงมำก ทำให้ กระแสไฟฟ้ำสำมำรถไหลผ่ำนร่ำงกำยได้โดยสะดวกเป็นอันตรำยถึงชีวิตได้ ดังน้ันหำกร่ำงกำยเปียก ช้ืน เช่น กำรใช้เคร่ืองทำน้ำอุ่นในกำรอำบน้ำนอกจำกติดต้ังสำยดินแล้วจะต้องติดต้ังเครื่องตัดไฟรั่ว เพือ่ เสริมกำรทำงำนของสำยดนิ ให้ปลอดภยั ยิง่ ขึ้น 7.4.2.7 กำรเดินสำยไฟหรือลำกสำยไฟไปใช้นอกอำคำรเป็นกำรช่ัวครำวหรือถำวร เช่น งำนก่อสร้ำง ต่อเติม ปรับปรุงนอกอำคำร ซึ่งนอกจำกอุปกรณ์และสำยไฟจะต้องเป็นชนิดกันน้ำ ทนแสงแดดและทนทำนต่อสภำวะแวดล้อมแล้ววงจรไฟฟ้ำหรือเต้ำรับต้องมีเครื่องตัดไฟร่ัวเพ่ือควำม ปลอดภัย 7.4.2.8 แยกวงจรไฟฟ้ำที่น้ำอำจท่วมถึง เพื่อให้สำมำรถปลดไฟออกได้ทันทีหำกเกิด ปัญหำนำ้ ท่วมหรอื ปอ้ งกนั วงจรทแ่ี ยกออกมำนด้ี ้วยเครื่องตัดไฟร่ัวได้ 7.4.2.9 ตรวจสอบอุปกรณ์และเครือ่ งใชไ้ ฟฟำ้ เปน็ ประจำอย่ำงนอ้ ยปลี ะครง้ั 7.4.2.10 สังเกตควำมผิดปกติ เช่น กลิ่น เสียง และกำรสัมผัสอุณหภูมิ รวมถึงกำรใช้ เครื่องมือง่ำย ๆ เช่น ไขควงลองไฟ สิ่งท่ีสังเกตได้ เช่น สีของสำยไฟเปลี่ยน มีกล่ินไหม้ มีรอยเขม่ำ หรือรอยไหม้ เมื่อจับสวิตซ์ไฟหรือปล๊ักไฟแล้วรู้สึกอุ่น ล้วนเป็นควำมผิดปกติที่เกิดขึ้นเนื่องจำกจุดต่อ ตำ่ ง ๆ ไมแ่ น่น เต้ำเสยี บหรอื เตำ้ รับหลวม 7.4.2.11 ไม่เปิดสวิตซ์ไฟฟ้ำ เช่น พัดลมระบำยอำกำศในบริเวณท่ีมีไอของสำรระเหย หรอื กำ๊ ซท่ีไวไฟ เช่น ก๊ำซหงุ ต้ม ทนิ เนอร์ หรอื ไอน้ำมันเบนซนิ กระจำยปกคลุมพนื้ ท่ี 7.4.2.12 อุปกรณ์ไฟฟ้ำที่ใช้ต้องเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้ำที่ได้มำตรฐำนเท่ำน้ัน ถ้ำเป็น อปุ กรณท์ ไ่ี ม่ไดม้ ำตรฐำนแล้วจะมอี ำยุกำรใชง้ ำนสัน้ และไมป่ ลอดภยั 7.4.2.13 อุปกรณ์ที่ต้องเสียบปล๊ักทิ้งไว้นำน ๆ เช่น หลอดไฟทำงเดินหรือบันได หม้อแปลงไฟฟ้ำขนำดเล็ก เครือ่ งชำร์จแบตเตอรีขนำดเลก็ ให้หลกี เล่ียงบรเิ วณท่มี ีวสั ดุทต่ี ดิ ไฟได้ 7.4.2.14 กำรปิดเคร่ืองใช้ท่ีถูกต้อง ต้องปิดสวิตซ์ท่ีเครื่องใช้ไฟฟ้ำก่อนแล้วถอดปลั๊ก ออกจำกเตำ้ รบั เพือ่ ป้องกันกำรชำรุดของเครื่องใช้ไฟฟำ้ 7.4.2.15 ไม่ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้ำเองโดยท่ีไม่มีควำมรู้ควำมชำนำญท่ีเพียงพอ เพรำะ เครื่องใช้ไฟฟ้ำต้องอำศัยอุปกรณ์ตรวจสอบด้ำนควำมปลอดภัย เช่น เตำไมโครเวฟ ต้องมีกำร ตรวจสอบกำรรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟไม่ให้มีมำกเกินท่ีกำหนดหรือเครื่องใช้ท่ีมีสำยดินต้อง ตรวจสอบควำมตอ่ เน่อื งและฉนวนของสำยดนิ กบั สำยศูนย์ 7.4.2.16 หลีกเลี่ยงกำรใช้ไฟฟ้ำขณะที่มีฝนฟ้ำคะนองโดยเฉพำะอย่ำงย่ิงอุปกรณ์ อิเลก็ ทรอนิกส์ เพือ่ ป้องกันไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟำ้ ชำรดุ เสียหำย และถำ้ มฟี ำ้ ผ่ำเกิดข้ึนในบริเวณใกล้เคียง ใหป้ ดิ เคร่ืองและถอดปลกั๊ ไฟ
289 7.4.2.17 อย่ำเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้ำหลำยเคร่ืองจำกเต้ำรับอันเดียวกัน เพรำะจะทำให้ เต้ำรับมีกระแสมำกจนเกินพิกัดทำให้เต้ำรับมีควำมร้อนสูงซ่ึงอำจเกิดไฟลุกไหม้ได้ ควรจะแยกเสียบ เตำ้ รบั สำหรับเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำแตล่ ะเคร่อื งซ่ึงจะทำใหป้ ลอดภัยมำกกว่ำ 7.4.2.18 เม่ือจะเสียบปลัก๊ ใช้เครือ่ งใช้ไฟฟ้ำ ต้องดูให้แนใ่ จว่ำสวติ ซ์ของเครอ่ื งใช้ ไฟฟ้ำไม่ได้เปิดอยู่เพ่ือไม่ให้เกิดอันตรำยจำกประกำยไฟขณะเสียบซ่ึงอำจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ำชำรุด และเม่ือเลิกใช้ให้ปิดสวิตซ์ที่เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำก่อนแล้วจึงถอดปลั๊กออกจำกเต้ำรับ ทุกครั้งเพื่อป้องกัน อันตรำยไม่ให้ถกู ประกำยไฟและช่วยป้องกันไมใ่ หเ้ คร่ืองใช้ไฟฟำ้ ชำรุด 7.4.2.19 หำกสำยไฟชำรดุ ให้รีบแกไ้ ขโดยกำรเปล่ียนโดยผมู้ ีควำมรู้ ควำมเช่ียวชำญ 7.4.2.20 หำกพบสำยไฟขำดห้อยหรือตกลงมำอยำ่ เข้ำไปแตะเพรำะสำยไฟท่ีขำดห้อย ลงมำนั้นอำจมีกระแสไฟฟ้ำอยู่ควรรีบแจ้งกำรไฟฟ้ำนครหลวงหรือหน่วยงำนสำธำรณภัยให้เข้ำมำ ดำเนนิ กำร 7.4.2.21 อย่ำก่อสร้ำงใกลแ้ นวสำยไฟแรงสูง เพรำะกำรทำงำนก่อสร้ำงใกลส้ ำยไฟแรง สูงอำจจะสมั ผัสกบั สำยไฟฟ้ำแรงสูงได้ 7.4.2.22 แจ้งกำรไฟฟำ้ ให้มำดำเนินกำรตัดก่ิงไม้ใกล้สำยไฟแรงสูงเพื่อควำมปลอดภัย ไมค่ วรตดั เอง และไมเ่ ข้ำใกลต้ ้นไม้ที่อย่ใู กลส้ ำยไฟแรงสงู นน้ั ดว้ ย ตำรำงที่ 7.3 อนั ตรำยจำกกำรใชไ้ ฟฟ้ำและขอ้ พิจำรณำเพื่อควำมปลอดภัย ส่วนทอี่ าจเกิดอนั ตรายในการใชไ้ ฟฟ้า ขอ้ ควรพจิ ารณาเพ่อื ใหเ้ กดิ ความปลอดภัย 1. กำรติดตง้ั ทำงไฟฟำ้ เช่น สำยไฟฟ้ำ กำร - ใช้อุปกรณ์ตดิ ตั้งทำงไฟฟ้ำที่ได้มำตรฐำน เดนิ สำย กำรต่อสำย อุปกรณ์ประกอบต่ำง ๆ เชน่ -มกี ำรออกแบบท่ีถูกต้องและปลอดภยั ตำม สวิตซ์ เต้ำรบั อุปกรณ์เพ่ือควำมปลอดภัย เชน่ มำตรฐำน สำยดิน เครอื่ งตดั ไฟรั่วและอุปกรณป์ ้องกนั กระแส - ติดตงั้ โดยผทู้ ี่มีควำมรู้ ควำมสำมำรถอยำ่ ง เกิน เป็นตน้ ถกู ต้อง - มรี ะบบกำรตรวจสอบกำรติดตง้ั ท่ถี ูกต้อง และปลอดภยั ตำมมำตรฐำน 2. เคร่อื งใช้ไฟฟำ้ ตำ่ ง ๆ เตำ้ เสยี บ และเตำ้ รบั (ชุด - มกี ำรกำหนดมำตรฐำนควำมปลอดภยั ใน สำยพ่วง) ทซ่ี ื้อมำใช้งำนภำยหลังรวมทัง้ ส่วนท่ีมี เครอื่ งใช้ไฟฟ้ำทุกชนดิ โดยหน่วยงำนท่ี กำรตดิ ตง้ั เพ่มิ เติมเพื่อประกอบกำรใช้งำน เกีย่ วข้อง (สมอ.) เครื่องใช้ไฟฟ้ำเท่ำนนั้ - ควบคุมกำรผลติ และนำเขำ้ สนิ ค้ำใหเ้ ป็นไป ตำมมำตรฐำนและมีระบบกำรตรวจสอบท่ี เขม้ แข็งของหน่วยงำนที่เกี่ยวขอ้ ง เช่น ตรวจจับสนิ คำ้ ทไี่ ม่ได้มำตรฐำน - ต้องใหค้ วำมรู้กบั ผซู้ อ้ื ให้ร้ใู นกำรเลอื กใช้ สนิ คำ้ (ค่มู ือ) ทม่ี ำ : (กำรไฟฟ้ำนครหลวง, 2556)
290 7.4.3 เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ที่ตอ้ งมแี ละไมม่ สี ายดิน 7.4.3.1 ระบบกำรทำงำนของสำยดนิ ธรรมชำตขิ องไฟฟำ้ จะเคลื่อนท่ีจำกบริเวณท่ีมีศักย์ทำงไฟฟำ้ สูงไปยังบริเวณท่ี มีศักย์ไฟฟ้ำน้อยกว่ำหรือบริเวณท่ีมีศักย์ไฟฟ้ำเป็นศูนย์ (พ้ืนดิน) และในระบบผลิตและจำหน่ำย กระแสไฟฟ้ำสว่ นหน่งึ นัน้ ก็ได้มีกำรต่อลงดนิ เพื่อเทียบศักย์ไฟฟ้ำให้เป็น 0 เทียบเท่ำกับพน้ื ดิน เม่อื เรำ ไปสัมผัสกับพ้ืนผิวหรือโครงเครื่องใช้ไฟฟ้ำท่ีมีกระแสไฟฟ้ำรั่วออกมำและเท้ำของเรำยืนอยู่บนพ้ืนซ่ึง เกิดค่ำควำมต่ำงศักย์ทำงไฟฟ้ำระหว่ำงจุดสองจุดที่ร่ำงกำยเรำสัมผัสอยู่ในขณะน้ัน ไฟฟ้ำจะใช้ ร่ำงกำยของเรำเป็นสื่อเพ่ือเดินทำงผ่ำนไปลงสู่ดิน แต่ถ้ำมีกำรติดตั้งสำยดินที่โครงเครื่องใช้ไฟฟ้ำ เอำไว้ หำกมีกระแสไฟฟ้ำร่ัวลงมำท่ีโครงเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ กระแสไฟฟ้ำท่ีรั่วออกมำจะเดินทำงลงสู่ดิน ผ่ำนทำงสำยดิน จึงทำให้เรำจับโครงเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำท่ีมีกำรติดตั้งสำยดินจะไม่ได้รับอันตรำยจำก กระแสไฟฟ้ำ เพรำะกระแสไฟฟ้ำจะไหลผ่ำนทำงสำยดินแทนกำรไหลผ่ำนร่ำงกำยมนุษย์ เมื่อเทียบ กันแล้วสำยดินมีควำมต้ำนทำนต่ำกว่ำร่ำงกำยมนุษย์หลำยเท่ำ กระแสไฟฟ้ำจึงเลือกเดินทำงผ่ำนสำย ดินแทนท่ีจะผ่ำนร่ำงกำยเรำ ดังนั้นสำยดินจึงมีประโยชน์ในกำรป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ไฟฟ้ำถูกไฟฟ้ำดูด กรณีมีกระแสไฟฟ้ำร่ัวไหลจำกเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำเน่ืองจำกกระแสไฟฟ้ำจะไหลลงดินทำงสำยดินโดยไม่ ผ่ำนร่ำงกำยผู้สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้ำจึงเป็นผลให้อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ำลัดวงจรหรือไฟฟ้ำร่ัวตัด กระแสไฟฟ้ำออกทันที 7.4.3.2 เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำประเภทท่ีต้องมีสำยดิน คือ เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำรวมทั้งอุปกรณ์ ติดต้ังทำงไฟฟ้ำที่มีโครงหรือเปลือกหุ้มเป็นโลหะซึ่งบุคคลมีโอกำสสัมผัสได้ต้องมีสำยดิน เช่น ตู้เย็น เตำรีด เครื่องซักผ้ำ หม้อหุงข้ำว เคร่ืองปรับอำกำศ เตำไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้ำ กระติกน้ำร้อน เครื่องทำน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น เคร่ืองปิ้งขนมปัง รวมถึงเคร่ืองมือช่ำงบำงชนิด เป็นต้น เรียก เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำเหล่ำนี้วำ่ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ำประเภท 1 ตำมที่ได้กล่ำวไว้ในหัวข้ออุปกรณ์ไฟฟ้ำภำยใน บ้ำนท่ีควรรู้จักแล้ว 7.4.3.3 เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำประเภทท่ีไม่ต้องมีสำยดิน ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ำที่มี แรงดันต่ำกว่ำ 50 V (เครื่องใช้ไฟฟ้ำประเภท 3) หรือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ำที่ลักษณะทำงกำยภำพมี ฉนวนห่อหุ้มมิดชิดในกำรใช้งำนปกติไม่มีโอกำสท่ีผู้ใช้งำนจะสัมผัสโดนส่วนที่มีไฟฟ้ำซึ่งจะเรียก เครื่องใช้ไฟฟ้ำท่ีไม่ต้องมีสำยดินว่ำ เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำประเภท 2 ซ่ึงมีสัญลักษณ์แสดงไว้อย่ำงชัดเจนว่ำ ไม่ตอ้ งมสี ำยดิน ตัวอย่ำงของเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำประเภท 2 เชน่ วิทยุ โทรทัศน์ พดั ลมตงั้ พื้น/โตะ๊ โคมไฟ แสงสวำ่ งชนิดต้งั โตะ๊ เปน็ ต้น 7.5 ข้อแนะนาในการใชเ้ ครื่องใชไ้ ฟฟา้ ภายในบ้าน กำรใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำภำยในบ้ำนให้ปลอดภัย สำมำรถยืดอำยุกำรใช้งำนและเกิดควำม ประหยดั มขี ้อแนะนำในกำรใชง้ ำนดังตอ่ ไปนี้ 7.5.1 หลอดไฟ แสงสว่ำงในบ้ำนมคี วำมสำคญั เพรำะชว่ ยให้มองเหน็ และสำมำรถทำงำนตำ่ ง ๆ ได้ กำร ใช้ไฟฟ้ำเพื่อแสงสว่ำงในบ้ำนจะใช้หลอดชนิดต่ำง ๆ กัน เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดฟลูออเรส เซนต์ชนิดพิเศษและหลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์
291 7.5.1.1 หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือบำงทีเรียกว่ำ หลอดนีออน ลักษณะเป็นหลอดยำว มีขนำด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ หรือถ้ำเป็นขดวงกลมจะมีขนำด 32 วัตต์ หลอดชนิดนี้ให้แสงสว่ำง มำกกว่ำหลอดไส้ประมำณ 4-5 เทำ่ และอำยกุ ำรใชง้ ำนนำนกว่ำประมำณ 7 เท่ำ 7.5.1.2 หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดพิเศษหรือหลอดซุปเปอร์ เป็นหลอดกินไฟเท่ำกับ หลอดผอมและให้กำลังส่องสว่ำงมำกกว่ำหลอดท่ัว ๆ ไป เช่น หลอดผอมธรรมดำ 36 วัตต์ ให้ควำม สว่ำง 2,600 ลูเมน แต่หลอดซปุ เปอรใ์ ห้ควำมสว่ำง 3,300 ลูเมน 7.5.1.3 หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดตะเกียบ เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ ขนำดเลก็ ที่พัฒนำให้เกดิ ควำมประหยดั พลงั งำน อำยกุ ำรใช้งำนยำวนำนกว่ำหลอดไส้ 8-10 เท่ำ และ ใช้ไฟน้อยกว่ำหลอดไส้โดยจะประหยัดไฟได้ถึง 75-85 % มี 2 ประเภท คือ (1) หลอดคอมแพคบัล ลำสต์ภำยในหรือเรียกกันว่ำหลอดประหยัดไฟ สำมำรถนำไปใชแ้ ทนหลอดไสช้ นิดเกลียวได้ไดยไม่ต้อง มีอุปกรณ์เพ่ิมใด ๆ และ (2) หลอดคอมแพคบัลลำสต์ภำยนอก มีหลักกำรใช้งำนเช่นเดียวกับหลอด คอมแพคแบบบลั ลำสตภ์ ำยในแต่สำมำรถเปลยี่ นหลอดได้ง่ำยกว่ำหลอดคอมแพคแบบบัลลำสตภ์ ำยใน ตัวหลอดมีลกั ษณะโค้งเปน็ รูปตัวยูและมสี ตำรเ์ ตอร์อยู่ภำยใน กำรใช้หลอดไฟให้ประหยัดพลังงำนสำมำรถทำได้โดยกำรหมั่นทำควำมสะอำดขั้ว หลอดและตัวหลอด ทำสีห้องให้สว่ำงไม่ควรใช้สีทึบเพรำะสีทึบจะดูดแสง ใช้บัลลำสต์ประหยัดไฟฟ้ำ ควบคู่กับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซ่งึ ในกำรเลอื กซ้ือหลอดไฟใหส้ ังเกตปริมำณกำรส่องสว่ำงที่กล่องด้วย เพรำะแต่ละรุ่นอำจมีค่ำลูเมนไม่เท่ำกัน ส่งผลต่อรำคำท่ีแตกตำ่ งกันออกไป และควรพิจำรณำกำรกนิ ไฟของบัลลำสตด์ ้วยหำกเปน็ บลั ลำสต์แกนเหลก็ ธรรมดำจะกนิ ไฟมำก สว่ นบลั ลำสต์อิเลก็ ทรอนิกส์จะ กินไฟน้อยมำก กำรใช้บัลลำสต์ประหยัดไฟช่วยให้เกิดควำมปลอดภัยเพ่ิมข้ึนเพรำะอุณหภูมิขณะ ทำงำนไม่เกิน 75 องศำเซลเซียส ส่วนบัลลำสต์ธรรมดำมีควำมร้อนจำกขดลวดและแกนเหล็กถึง 110-120 องศำเซลเซียสและบัลลำสต์ประหยัดไฟมีอำยุกำรใช้งำนมำกกว่ำแบบธรรมดำ 1 เท่ำตัวแต่ รำคำกจ็ ะสูงกว่ำบัลลำสตแ์ บบธรรมดำ 7.5.2 โทรทศั น์ โทรทัศน์ที่มีรีโมทคอนโทรลจะกินไฟมำกกว่ำโทรทัศน์ท่ีไม่มีรีโมทคอนโทรลในขนำด เดยี วกันเพรำะมีวงจรเพ่มิ เติมและกินไฟตลอดเวลำถึงจะไม่ได้ใชเ้ คร่ืองรโี มทคอนโทรล โทรทศั น์ขนำด ใหญ่จะกินไฟมำกกว่ำขนำดเล็ก โทรทัศน์ท่ีมีขนำดใหญ่ข้ึนย่ิงกินไฟมำกขึ้น ไม่เสียบปลั๊กโทรทัศน์ท้ิง ไว้เพรำะอำจเกิดอันตรำยขณะฟ้ำผำ่ ไดเ้ พรำะนอกจำกจะกินไฟแลว้ ยังทำให้โทรทศั น์ชำรุดได้ง่ำยดังนั้น ควรปิดและถอดปลกั๊ ทนั ทีเม่ือไมไ่ ด้ใช้งำนและไม่ควรปรบั จอภำพใหส้ วำ่ งมำกเกนิ ไป 7.5.3 ตู้เย็น ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ำในบ้ำนท่ีใช้พลังงำนตลอด 24 ช่ัวโมง กำรเลือกใช้ตู้เย็นให้ เหมำะสมจะช่วยประหยัดพลังงำนได้มำก เมื่อเสียบปลั๊กไฟฟ้ำให้กับตู้เย็น คอมเพรสเซอร์จะดูดและ อัดไอสำรทำควำมเย็นให้มีควำมดันสูงข้ึนและไหลไปยังแผงระบำยควำมร้อนเพ่ือถ่ำยเทควำมร้อนสู่ สิ่งแวดล้อมภำยนอกแล้วเปล่ียนสถำนะเป็นของเหลว หลังจำกน้ันจึงไหลผ่ำนวำล์วควบคุมสำรทำ ควำมเย็นเพ่อื ลดควำมดันและไหลต่อไปยังแผงทำควำมเยน็ เพ่ือดูดควำมร้อนจำกอำหำรและเคร่ืองดื่ม ท่อี ยู่ในต้เู ยน็ แล้วสำรทำควำมเย็นก็จะเปลี่ยนสถำนะเป็นไอและกลับไปยงั คอมเพรสเซอร์เพื่อเร่ิมวงจร ทำควำมเย็นใหม่อีกครั้ง ในกำรใช้ตู้เย็นให้ประหยัดพลังงำนไม่ควรใส่อำหำรจนแน่นตู้มำกเกินไป
292 เพรำะจะทำให้อุณหภูมิในตู้เย็นไม่สม่ำเสมอ กำรเปิด-ปิดตู้เย็นแต่ละครั้งทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงำน หนักมำกข้ึนเพ่ือรักษำอุณหภูมิภำยในให้คงเดิม ไม่ควรใส่อำหำรท่ีมีอุณหภูมิสูงเพรำะหำกตู้เย็นกำลัง ทำงำนเต็มท่ีจะทำให้ไอสำรทำควำมเย็นก่อนเข้ำเครื่องอัดร้อนจนไม่สำมำ รถทำหน้ำที่หล่ อ เย็น คอมเพรสเซอร์ได้เพียงพอและจะส่งผลต่ออำยุของคอมเพรสเซอร์ให้สั้นลงด้วย หมั่นทำควำมสะอำด แผงระบำยควำมร้อนตู้เย็นอย่ำงสม่ำเสมอ ตรวจสอบขอบยำงประตูอย่ำให้เสื่อมสภำพโดยวิธีกำร อย่ำงง่ำย ๆ คือ ลองเสียบกระดำษระหว่ำงขอบยำงประตูแล้วปิดประตู ถ้ำสำมำรถเล่ือนกระดำษได้ แสดงวำ่ ขอบยำงเสอ่ื มสภำพควรตดิ ต่อช่ำงซ่อมมำเปลี่ยนขอบยำง 7.5.4 เคร่ืองปรับอากาศ เคร่ืองปรับอำกำศพัฒนำให้เป็นเคร่ืองลดอุณหภูมิและได้ในปัจจุบันได้มีกำรพัฒนำต่อ ให้มีควำมสำมำรถในด้ำนอื่น ๆ อีก เช่น ปรับอุณหภูมิให้ได้ตำมควำมต้องกำร กำรกรองอำกำศเพื่อ กำรปอ้ งกันเชือ้ รำ มรี ะบบประหยัดไฟฟ้ำ ในเครอื่ งปรบั อำกำศมีส่วนประกอบหลัก 2 สว่ นคอื ตัวที่ให้ ควำมเย็นที่อยู่ภำยในบ้ำนหรืออำคำรและตัวคอมเพรสเซอร์ (Compressor)ที่อยู่นอกบ้ำนหรอื อำคำร ทั้งสองส่วนมีท่อเป็นตัวเช่ือมในกำรทำงำน ในระบบทำควำมเย็นของเครื่องปรับอำกำศ จะมี คอมเพรสเซอร์ที่มีบทบำทสำคัญในกำรทำควำมเย็นโดยควำมเย็นจะถูกดูดจำกกำรหมุนเวียนของ ระบบทำควำมเย็น คอนเดนเซอร์ (Condensor) ทำหน้ำท่ีนำควำมร้อนออกจำกระบบทำควำมเย็น ระบบระเหย (Evaporator) เป็นตัวดูดซับควำมร้อนในระบบกำรทำควำมเย็น และหลอดแคพิลลำรี (Cabpillary tube) เปน็ ตัวลดควำมดนั ของตัวทำควำมเย็น กำรเลือกซื้อเคร่ืองปรับอำกำศจะพิจำรณำจำกบีทียู (British Thermal Unit ; BTU) ซง่ึ หมำยถึง หน่วยทีใ่ ชว้ ัดปริมำณควำมร้อน สำมำรถใช้เทยี บกบั หน่วยแคลอรีหรือหนว่ ยจูล ควำมร้อน 1 บีทียู คือปริมำณควำมร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศำฟำเรนไฮด์ แต่ สำหรบั เครื่องปรับอำกำศจะวดั กำลังควำมเย็นหรือควำมสำมำรถในกำรดึงควำมร้อนออกจำกห้องปรับ อำกำศในหน่วยบีทียูต่อช่ัวโมง ซ่ึงเทียบกับหน่วยวัตต์ในระบบสำกล เช่น เครื่องปรับอำกำศขนำด 12,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมำยควำมว่ำ เคร่ืองปรับอำกำศน้ันมีควำมสำมำรถในกำรดึงควำมร้อนออก จำกห้องปรับอำกำศ 12,000 บีทียูภำยในเวลำ 1 ช่ัวโมง ส่วนประสิทธิภำพของเครื่องปรับอำกำศจะ พิจำรณำจำกค่ำ EER ( Efficiency Ratio) หมำยถึง ค่ำที่ใช้วัดประสิทธิภำพในกำรใช้พลังงำนของ เคร่ืองปรับอำกำศว่ำเป็นอย่ำงไร มีหน่วยเป็น BTU/W จำกอัตรำส่วนคือค่ำควำมเย็นท่ี เครื่องปรับอำกำศสำมำรถทำไดจริงกับกำลังไฟฟ้ำท่ีเคร่ืองปรับอำกำศต้องใช้ในกำรทำควำมเย็น นั้น หมำยถึงถ้ำค่ำ EER ยิ่งสูงเคร่ืองปรับอำกำศน้ันยิ่งมีประสิทธิภำพในกำรพลังงำนท่ีดีหรือเป็น เครอื่ งปรับอำกำศทป่ี ระหยดั พลงั งำนไฟฟำ้ (ศักดิ์ณรงค์ ตัวลอื , มปป.) กำรเลือกเครื่องปรับอำกำศควรเลือกขนำดของเคร่ืองปรับอำกำศให้เหมำะสมกับ ขนำดของพ้ืนท่ีหรือห้องท่ีต้องกำรติดตั้งเครื่องปรับอำกำศ โดยมีขนำดของเครื่องปรับอำกำศที่จะ ตดิ ตั้งในหอ้ งทมี่ คี วำมสงู ไมเ่ กนิ 3 เมตร ควรเลอื กขนำดตำมตำรำงตอ่ ไปน้ี
293 ตำรำงที่ 7.4 ขนำดของเครื่องปรับอำกำศทีเ่ หมำะกับพืน้ ท่หี ้อง พ้ืนท่หี ้องตามความสงู ไมเ่ กนิ 3 เมตร ขนาดของเครอ่ื งปรบั อากาศ (ตร.ม.) (บที ียู/ช่ัวโมง) 13-14 7,000-9,000 16-17 9,000-12,000 20 11,000-13,000 23-24 13,000-16,000 30 18,000-20,000 40 24,000 ท่ีมำ : (กำรไฟฟำ้ นครหลวง, 2556) เครอื่ งปรบั อำกำศทม่ี จี ำหน่ำยในตลำดแบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ ได้แก่ 7.5.4.1 เครื่องปรับอำกำศแบบชนิดติดหน้ำต่ำง เหมำะสำหรับห้องท่ีติดต้ังวงกบ หนำ้ ตำ่ งตดิ กระจก ช่องแสงตดิ ตำย บำนกระทุ้ง บำนเกลด็ มขี นำดต้งั แต่ 9,000-24,000 บที ีย/ู ชม. 7.5.4.2 ชนิดแยกส่วนติดฝำผนังหรือแขวน เหมำะกับห้องท่ีมีลักษณะทึบจะติดตั้งได้ สวยงำมแต่รำคำจะแพงกว่ำเม่ือเทียบกับเครื่องปรับอำกำศชนิดอื่น ๆ ท่ีมีขนำดเท่ำกัน และส่วนใหญ่ จะมสี วติ ซค์ วบคมุ อุณหภมู อิ ตั โนมัติแบบอเิ ล็กทรอนิกส์ 7.5.4.3 เครื่องปรับอำกำศแบบแยกส่วนต้ังพื้น เหมำะกับห้องที่เป็นกระจกทั้งหมด ผนังทึบไม่สำมำรถเจำะช่องเพื่อติดตั้งได้ และเม่ือเปรียบเทียบกับเครื่องปรับอำกำศชนิดอ่ืน ๆ ท่ีมี ขนำดเทำ่ กนั เคร่อื งปรบั อำกำศชนดิ นี้จะมปี ระสิทธภิ ำพตำ่ กว่ำ กำรใช้เครื่องปรับอำกำศให้ประหยัดพลังงำนทำได้โดยกำรตั้งเครื่องปรับอำกำศในที่ที่ เหมำะสม สำมำรถให้ควำมเย็นเป่ำออกจำกเคร่ืองได้หมุนเวียนภำยในห้องทั่วถึง ทำควำมสะอำด แผน่ กรองอำกำศ อปุ กรณ์ในระบบปรับอำกำศและตะแกรงเพ่ือให้อำกำศผำ่ นเข้ำออกได้สะดวก ไม่ใช้ เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำท่ีให้ควำมร้อนในห้องที่มีเครื่องปรับอำกำศ และกำรดูแลไม่ให้ชุดคอนเดนเซอร์ท่ีใช้ ระบำยควำมร้อนสู่ภำยนอกถูกแสงแดดและให้มีทิศทำงกำรระบำยอำกำศได้สะดวก และต้องติดตั้ง ระบบสำยดินกับเคร่ืองปรับอำกำศ ติดตั้งเบรกเกอร์หรือสวิตซ์อัตโนมัติและควบคุมวงจรโดยเฉพำะ ถ้ำหำกกรณีไฟดับต้องรีบปิดเครื่องทันทีก่อนที่ไฟจะมำถ้ำไม่มีสวิตซ์ปลดสับเองและควรรอประมำณ 3-5 นำทกี ่อนทีจ่ ะสบั สวิตซใ์ หม่ 7.5.5 พดั ลม พั ด ล ม เ ป็ น เ ค รื่ อง ใ ช้ ไ ฟ ฟ้ ำ ที่ ช่ ว ย ใ น ก ำ ร ห มุ น เ วี ย น อำ ก ำ ศแ ล ะร ะ บ ำ ย คว ำ ม ร้ อ น ส่วนประกอบของพัดลมประกอบด้วยใบพัด ตะแกรงคลุมใบพัด มอเตอร์ไฟฟ้ำ สวิตซ์ควบคุมกำร ทำงำนและกลไกควบคุมกำรหมนุ และสำ่ ย กำรใชพ้ ัดลมอยำ่ งถกู วธิ จี ะชว่ ยประหยัดพลังงำนและช่วย ยืดอำยุกำรใช้งำน โดยกำรใช้ควำมแรงของพัดลมให้เหมำะกับควำมต้องกำร อย่ำเสียบปลั๊กทิ้งไว้ เพรำะจะมีไฟฟ้ำหล่อเล้ียงอุปกรณ์ตลอดเวลำ วำงพัดลมในที่ที่มีอำกำศถ่ำยเทสะดวกเพรำะพัดลมจะ ดดู อำกำศจำกบริเวณรอบ ๆ ทำงดำ้ นหลงั ของตวั ใบพัดแล้วปล่อยออกทำงด้ำนหน้ำ ถำ้ อำกำศบริเวณ
294 รอบพัดลมมีกำรถ่ำยเทดีก็จะทำให้ได้รับลมเย็นและยังช่วยทำให้มอเตอร์ร ะบำยควำมร้อนได้ดีด้วย นอกจำกนี้ควรหมันทำควำมสะอำดพัดลมอย่ำงสม่ำเสมอ อย่ำให้มีฝุ่นละอองจับโดยเฉพำะใบพัด ตะแกรงครอบใบพัด และช่องลมตรงฝำครอบมอเตอร์ของพัดลมซ่ึงเป็นช่องระบำยควำมร้อนของ มอเตอร์ อยำ่ ใหม้ ีครำบน้ำมันหรือฝ่นุ ละอองเกำะจับ นอกจำกควำมสะอำดแล้วควรต้องตรวจสอบกำร รั่วของไฟด้วยกำรใช้ไขควงไฟและถ้ำหำกเปิดพัดลมแลว้ ไม่หมุนให้รีบปิดและถอดปลั๊กออกและไม่เปิด พัดลมเพื่อระบำยอำกำศในบริเวณที่มีสำรระเหยที่ไวไฟ เช่น ก๊ำซหุงต้ม ทินเนอร์ หรือไอน้ำมัน เชือ้ เพลงิ 7.5.7 เตาไฟฟา้ กำรเลือกใช้เตำไฟฟ้ำชนิดท่ีมีประสิทธิภำพสูงควรเป็นเตำแม่เหล็กไฟฟ้ำ หรือเตำ เหนี่ยวนำที่จะมีประสิทธิภำพมำกกว่ำเตำไฟฟ้ำแบบขดลวด เตำแบบแม่เหล็กไฟฟ้ำจะให้พลังงำน ควำมร้อนได้รวดเร็วกว่ำเตำแบบธรรมดำที่ให้ประสิทธิภำพเพียง 40-70 % เสียพลังงำนน้อยกว่ำ เพรำะไม่มีควำมร้อนที่แผ่เข้ำไปในอำกำศเหมือนเตำควำมร้อนทั่วไป แต่พลังงำนจะถ่ำยทอดไปยัง ภำชนะโดยตรง ให้ใช้ภำชนะท่ีเป็นโลหะท่ีออกแบบมำสำหรับเตำไฟฟ้ำที่มีก้นแบนพอดีกับเตำ และ ควรระวังไม่ให้ควำมร้อนจำกเตำไฟฟ้ำสัมผัสกับสำยไฟฟำ้ เพรำะจะทำให้เปลือกสำยไฟเสยี หำยได้และ จำเป็นต้องมีสำยดินเพรำะควำมร้อนจำกเตำไฟฟ้ำจะทำให้ฉนวนเส่ือมได้ง่ำยและต้องหมั่นตรวจสอบ ไฟรวั่ ดว้ ยไขควงลองไฟอยำ่ งสมำ่ เสมอ 7.5.8 เครอ่ื งซักผ้า เคร่ืองซักผ้ำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ำที่ช่วยอำนวยควำมสะดวก ประหยัดเวลำและแรงงำน ในกำรทำควำมสะอำดเส้ือผ้ำได้อย่ำงดี เครื่องซักผ้ำแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ เคร่ืองซักผ้ำแบบ กง่ึ อตั โนมัติและเครื่องซักผ้ำแบบอตั โนมตั ิ 7.5.8.1 เคร่ืองซักผ้ำแบบกึ่งอัตโนมัติ เป็นเครื่องที่ทำงำนแบบแยกกำรซักและกำร สลัดน้ำออกจำกกัน ในขณะท่ีเคร่ืองทำงำนจะมีกำรเติมน้ำและผงซักฟอก ตัวเคร่ืองจะป๊ัมน้ำใส่ถังซกั และดูดน้ำออกทำงก้นถัง เม่ือซักเสร็จจะต้องนำผ้ำออกจำกถังซักไปใส่ในถังสลัดน้ำเพ่ือสลัดน้ำและ ปัน่ หมำด แต่ถำ้ ผู้ใช้บดิ ผำ้ ท่ซี ักเองจะช่วยประหยดั ไฟฟำ้ ได้ ข้อดขี องเคร่อื งซกั ผ้ำแบบนค้ี ือ มรี ำคำถูก กวำ่ เครอื่ งซักผำ้ แบบอตั โนมัติ 7.5.8.2 เคร่อื งซักผ้ำแบบอตั โนมัติ เครื่องซกั ผ้ำแบบนม้ี ี 2 แบบย่อย ดังนี้ (1) เคร่ืองซักผ้ำแบบเปิดฝำบน เป็นเครื่องซักผ้ำที่สำมำรถทำงำนทุกอย่ำงใน ถังเดียว คือ ซักผ้ำ และสลัดน้ำในถังเดียว มีถังในแนวตั้ง โดยกำรทำงำนของเคร่ืองจะมีถังซักหมุน กลับในทศิ ทำงตรงข้ำมสลับไปมำทำใหเ้ กิดแรงเหวี่ยงภำยในถังและเกิดกำรกระแทกระหว่ำงผำ้ และน้ำ ที่มีผงซักฟอก จึงทำให้ควำมสกปรกหลดุ ออกมำจำกผ้ำได้ แต่กำรทำงำนนี้ทำให้ต้องใช้มอเตอร์กำลัง สูงกว่ำเคร่ืองซักผ้ำแบบอ่ืนและมีบำงรุ่นท่ีได้ออกแบบเป็นระบบน้ำวนภำยในถังเพื่อลดปัญหำผ้ำพัน กนั เวลำซกั (2) เครอ่ื งซกั ผ้ำแบบเปิดขำ้ ง เครื่องซักผ้ำแบบน้มี ีกำรทำงำนตั้งแต่กำรซักผ้ำ สลัดนำ้ หรอื ปัน่ หมำดในถังเดียว ในตัวเครอ่ื งจะมีถัง 2 ชน้ั ติดต้ังในแนวนอน ถังชน้ั นอกเป็นถังอยู่กับที่ ใช้เกบ็ น้ำและถังช้ันในท่ใี สผ่ ้ำ กำรทำงำนของเครื่องใช้หลกั กำรเหวยี่ งตวั ถงั ในแนวด่ิงคือเครื่องจะหมุน ให้เส้ือผ้ำในถังถูกเหวีย่ งข้ึนไปข้ำงบนและตกลงมำและแช่อยใู่ นน้ำที่มีผงซักฟอกผสมอยู่ด้วยแรงดึงดูด
295 ของโลกตลอดระยะเวลำของกำรซักจึงไม่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์กำลังสูงและปรมิ ำณน้ำในกำรซักผ้ำแต่ ละโปรแกรมเพียง 1 ใน 3 ของถงั จึงชว่ ยประหยดั ผงซักฟอก กำรเหวีย่ งทำให้ผำ้ เสยี ดสไี ปมำเหมือนซัก ด้วยมือ มีระบบกำรปั่นผ้ำโดยกำรกระจำยไปรอบ ๆ ถังอย่ำงสมดุลทำให้ผ้ำไม่พันกันในระหว่ำงกำร ปั่น ท้ังนี้ควรแช่ผ้ำก่อนซักหรือตั้งโปรแกรมแช่ผ้ำเพ่ือทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกจำกเนื้อผ้ำได้ง่ำยข้ึน ไม่ควรใช้โปรแกรมกำรทำให้ผ้ำแห้งและเพ่ือเป็นกำรยืดอำยุกำรใช้งำนของเคร่ืองซักผ้ำควรติดต้ัง เครอ่ื งซกั ผ้ำในท่แี หง้ ไมอ่ ยูใ่ นท่ที ีม่ คี วำมชื้นเพรำะจะทำใหเ้ ครื่องซักผำ้ ผุเรว็ ขน้ึ กำรเลือกใช้เคร่ืองซักผ้ำควรเลือกขนำดให้เหมำะสมกับกำรใช้งำนและซักผ้ำ ตำมพิกัดของเครื่องไม่ใส่ผ้ำจนอัดแน่นเกินไป ควรต่อสำยดินและหม่ันตรวจสอบกำรรั่วของไฟอย่ำง สม่ำเสมอและปฏิบัติตำมข้อควรปฏิบัติในกำรใช้เคร่ืองซักผ้ำอย่ำงเคร่งครัด ควรหลีกเลี่ยงกำรซักผ้ำ นอ้ ยช้นิ และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องอบผำ้ แหง้ ด้วยไฟฟำ้ จะทำใหป้ ระหยัดพลังงำนไดม้ ำก 7.5.9 กระตกิ นา้ ร้อนไฟฟ้า/หมอ้ ต้มนา้ ร้อน กระติกน้ำร้อนไฟฟ้ำเป็นอุปกรณ์ในบ้ำนชนิดหนึ่งท่ีส้ินเปลืองไฟฟ้ำสูง ส่วนประกอบ หลักของกระติกน้ำร้อนไฟฟ้ำประกอบด้วยขดลวดควำมร้อน (Electric heater) อยู่ด้ำนหลังของ กระตกิ และอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ (Thermostat) เปน็ อปุ กรณค์ วบคุมกำรทำงำน โดยมีหลักกำร ทำงำนคือ เมอ่ื กระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนขดลวดจะเกิดควำมร้อนและถำ่ ยเทไปให้น้ำในกระติก ทำให้น้ำมี อุณหภูมิสูงขึ้นจนถึงจุดเดือด อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิจะตัดกระแสไฟฟ้ำในวงจรหลักออกไปแต่ กระแสไฟฟ้ำยังคงไหลผ่ำนขดลวดควำมร้อนไปยังหลอดไฟสัญญำณอุ่นทำให้หลอดไฟสัญญำณสว่ำง ขึ้นจนกระทั่งอุณภูมิน้ำในกระติกลดลงถึงจุดหนึ่งอุปกรณ์ควบคุมกำรทำงำนจะทำงำนโ ดยปล่อยให้ กระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนขดลวดควำมร้อนเต็มที่ทำให้น้ำเดือดอีกครั้ง กำรใช้กระติกน้ำร้อนต้องต่อสำย ดิน วำงกระติกนำ้ ร้อนบนพน้ื ที่ไม่ตดิ ไฟ และใสน่ ำ้ ให้พอเหมำะกบั ควำมต้องกำร ถอดปลั๊กทันทีเม่ือน้ำ เดอื ดและอย่ำเสียบปลัก๊ ทงิ้ ไว้โดยไมม่ ีคนอยู่ 7.5.10 หม้อหงุ ขา้ วไฟฟา้ หม้อหุงข้ำวไฟฟ้ำเป็นเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำท่ีมีกันทุกบ้ำน หลักกำรทำงำนของหม้อหุงข้ำว ไฟฟ้ำมหี ลักกำรเชน่ เดยี วกับเครื่องใช้ไฟฟำ้ ทใี่ ห้ควำมร้อน คอื มขี ดลวดนิโครมท่ีจะเกิดควำมร้อนเม่ือมี กระแสไฟฟ้ำผ่ำน ควำมรอ้ นท่ีเกิดข้ึนจะสง่ ต่อไปยังแผน่ ควำมรอ้ นท่ีอยู่ดำ้ นในของก้นหม้อช้ันนอกและ ส่งต่อไปยังหม้อชั้นในเพื่อทำให้ข้ำวสุก เปรียบเสมือนหม้อช้ันนอกเป็นเตำ หม้อชั้นในเป็นหม้อข้ำว และแผน่ ควำมร้อนเป็นเช้ือเพลิง หมอ้ หุงข้ำวจะตัดสวิตซ์ปดิ อัตโมมตั ิเมื่อข้ำวสุกหรือตัดไปท่ีสวิตซ์กำร อุ่ น ข้ ำ ว โ ด ย ก ำ ร ท ำ ง ำ น น้ี เ ป็ นก ล ไ ก ก ำ ร ท ำ ง ำ น ข อ ง อุ ป ก ร ณ์ ค ว บ คุ ม อุ ณ ห ภูมิ ห รื อ เ ท อ ร์ โ มสตัท (Thermostat) อุปกรณค์ วบคุมอุณหภมู ิทใ่ี ช้ในหม้อหุงข้ำวจะอยู่ทีบ่ ริเวณกน้ หม้อของตัวหม้อชั้นนอก และจะเป็นแบบเทอร์โมสตัทแบบแม่เหล็กถำวร ประกอบด้วยโลหะสองชนิดคือ แท่งแม่เหล็กถำวร และแท่งแม่เหล็กเฟอร์ไรต์ (สำรแม่เหล็ก) แท่งแม่เหล็กเฟอร์ไรต์เป็นปุ่มกลมแบนอยู่ตรงกลำงแผ่น ควำมร้อนกับก้นหม้อช้ันในและมีสปริงอยู่ เม่ือกดสวิตซ์เพื่อหุงข้ำวคำนบังคับจะดันสปริงขึ้นไป แท่ง แม่เหลก็ ซึ่งอยทู่ ำงดำ้ นลำ่ งของสปรงิ จะดูดแท่งแมเ่ หลก็ เฟอรไ์ รต์ท่ีอยู่ดำ้ นบนของสปรงิ ในขณะนจี้ ะมี กระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนหน้ำสัมผัสเข้ำสูว่ งจรหุงถึงแผ่นควำมร้อน แผ่นควำมร้อนจะร้อนขึ้นและส่งผ่ำน ควำมร้อนไปยังหม้อข้ำวและข้ำวทำให้ข้ำวสุก ปริมำณน้ำที่ใส่ลงไปพอดีสำหรับกำรหุงข้ำวจะ กลำยเป็นไอน้ำและกลำยเป็นไอดงอยู่ในหม้อตัวในซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของตัวหม้อช้ันในสูงมำกข้ึน
296 และทำให้แท่งแม่เหล็กเฟอร์ไรต์เสื่อมสภำพเป็นสำรแม่เหล็กทำให้แรงดึงดูดระหว่ำงแท่งแม่เหล็กกับ แท่งแม่เหล็กเฟอร์ไรต์ลดน้อยลงกว่ำแรงดันของสปริงจึงหลุดออกจำกกันโดยแรงของสปริงและวงจร ไฟหุงข้ำวจะตัดเข้ำวงจรไฟอุ่นซึ่งเป็นวงจรขนำดเล็กกว่ำเกิดควำมร้อนน้อยกว่ำจึงเหมำะกับกำรอุ่น และเม่ือหม้อหุงข้ำวเย็นลงแท่งแม่เหล็กเฟอร์ไรต์จะคืนสภำพดังเดิม อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิจะ สำมำรถทำงำนไดอ้ กี ครงั้ กำรเลือกใช้หม้อหุงข้ำวไฟฟ้ำให้ประหยัดพลังงำนควรเลือกขนำดให้เหมำะสมกับ จำนวนสมำชิกในบ้ำนตำมตำรำงแนะนำที่ 7.5 และมีวิธีกำรใช้งำนหม้อหุงข้ำวท่ีถูกต้อง ควรหม่ัน ตรวจสอบกำรรวั่ ของไฟโดยกำรใช้ไขควงไฟทดสอบอยเู่ สมอและต้องต่อสำยดินกบั หมอ้ หุงข้ำว ตำรำงท่ี 7.5 ขนำดและกำรกินไฟของหม้อหุงข้ำว จานวนคน ขนาดหมอ้ หงุ ข้าวท่คี วรใช้ การกนิ ไฟ (คน) (ลติ ร) (วัตต์) 1-3 1 450 4-5 1.5 550 6-8 2 600 8-10 2.5 1,000 10-12 3 1,350 ท่มี ำ : (กำรไฟฟำ้ นครหลวง, 2556) 7.5.11 เคร่อื งทาน้าอุ่น เคร่ืองทำน้ำอุ่นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ำท่ีช่วยอำนวยควำมสบำยให้กับทุกคนในบ้ำน เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้ำทำงำนโดยอำศัยหลักกำรพำควำมร้อนจำกขดลวดควำมร้อน ในขณะที่ กระแสน้ำไหลผ่ำน ส่วนประกอบหลักของเคร่ืองทำน้ำอุ่น คือ ตัวถังน้ำที่จะบรรจุน้ำทำให้ร้อน ขด ลวดควำมร้อน (Heater) ทจี่ ะร้อนขึน้ เมื่อเปิดสวิตซ์เครื่องทำนำ้ อุ่น ลวดควำมรอ้ นโดยมำกส่วนในสุด จะเป็นลวดนิโครม ส่วนตรงกลำงจะเป็นผงแมกนเี ซียมออกไซด์ซ่ึงมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้ำและทน อุณหภูมิสูง ชั้นนอกสุดจะเป็นท่อโลหะที่อำจทำด้วยทองแดงหรือสเตนเลสและอุปกรณ์ควบคุม อุณหภูมิ (Thermostat) ที่ทำหน้ำท่ีตัดกระแสไฟฟ้ำที่ไหลผ่ำนขดลวดควำมร้อนเม่ืออุณหภูมิของน้ำ ถึงระดับท่ีตั้งไว้ กำรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้ปลอดภัยทำได้โดยรีบปิดเครื่องเม่ือใชเ้ สร็จและไม่เปิดสวติ ซ์ ท้ิงไว้ ไมป่ รับปุ่มควำมร้อนเกินควำมจำเป็นและตอ้ งติดตั้งสำยดินและเครอ่ื งตดั ไฟรว่ั ท่ีได้มำตรฐำนกับ วงจรไฟฟ้ำสำหรบั เคร่ืองทำน้ำอุ่น นอกจำกน้คี วรหมนั่ ตรวจสอบกำรทำงำนของเคร่ืองให้มีสภำพดีอยู่ เสมอ ตรวจสอบอย่ำให้มีกำรร่ัวซึมของระบบท่อน้ำ และถ้ำหำกพบปัญหำน้ำท่ีออกมำจำกเคร่ืองเป็น น้ำเย็นอำจมีสำเหตุมำจำกไม่มีกระแสไฟฟ้ำเข้ำสู่ขดลวดควำมร้อนเพรำะฟิวส์อำจขำด หรือถ้ำหำก ไฟสัญญำณติดแต่ขดลวดควำมร้อนไม่ทำงำน ทำให้น้ำไม่อุ่นอำจเกิดจำกขดลวดควำมร้อนขำดหรือ อุปกรณ์ควบคุมอณุ หภูมเิ สียซึ่งควรรีบใหช้ ่ำงชำนำญกำรมำดำเนนิ กำรแก้ไข
297 7.5.12 เคร่อื งดดู ฝ่นุ เคร่ืองดูดฝุ่นเป็นอุปกรณ์ทำควำมสะอำดบ้ำนที่เกือบทุกบ้ำนเลือกซ้ือมำใช้เพ่ือควำม สะดวกในเครอ่ื งดูดฝนุ่ มสี ว่ นประกอบหลัก 5 ส่วนคอื พดั ลมดูด มอเตอรไ์ ฟฟ้ำขับเคลอ่ื นพัดลม ถงุ ผ้ำ หรือกล่องเก็บฝุ่น หัวดูดที่มีหลำยแบบ ท่อดูดที่สำมำรถขยำยควำมยำวได้ตำมประโยชน์ใช้สอยและ ส่วนแผ่นกรองหรือตะแกรงดักฝุ่นละอองไม่ให้ผ่ำนเข้ำมอเตอร์ เม่ือเปิดสวิตซ์เคร่ืองดูดฝุ่นจะดูดเอำ ละอองเข้ำมำตำมท่อดูดและเก็บท่ีถงุ เก็บหรอื กล่องเก็บฝุ่น ควรเลอื กใชเ้ คร่อื งดูดฝุ่นใหเ้ หมำะสมตำม ควำมจำเป็นในกำรใช้งำน เช่น วสั ดทุ เี่ ป็นพรมหรือผ้ำทีฝ่ ุ่นสำมำรถเกำะอย่ำงหนำแนน่ ควรใชเ้ คร่ืองที่ มีขนำดกำลังไฟฟ้ำมำก ส่วนท่ีเป็นพ้ืนไม้หรือพื้นหินอ่อนที่ทำควำมสะอำดง่ำยควรใชเ้ ครื่องดูดฝุ่นท่ีมี กำลังไฟฟ้ำต่ำ ควรถอดตัวกรองหรือตะแกรงดักฝุ่นออกมำทำควำมสะอำดเพรำะหำกเกิดกำรอุดตัน จะทำให้ประสทิ ธภิ ำพกำรดดู ฝุ่นไมเ่ ตม็ ที่และเพิ่มเวลำกำรดดู ฝุ่นซ่ึงจะเปน็ กำรเพิ่มปริมำณกำรใช้ไฟฟ้ำ ของมอเตอร์ให้ทำงำนหนักมำกข้ึนและอำจไหม้ได้ ไม่ควรใช้ดูดวัสดุท่ีมีส่วนประกอบของน้ำรวมถึง ส่ิงของมีคมหรือกำลังติดไฟ เมื่อดูดฝุ่นแล้วควรเอำฝุ่นผงในถุงทิ้งออกทุกคร้ังเพ่ือให้เคร่ืองมีแรงดูดดี และยังชว่ ยประหยดั ไฟฟ้ำ 7.5.6 เตารดี ไฟฟ้า เตำรีดเป็นเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำที่มีในแทบทุกครัวเรือน เตำรีดที่มีจำหน่ำยในตลำดแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เตำรีดแบบธรรมดำ เตำรีดแบบไอน้ำ และเตำรีดแบบอัตโนมัติ ซึ่งแต่ละแบบจะมี กำลังไฟฟ้ำแตกต่ำงกันไป กำรเลือกใช้เตำรีดให้ประหยัดพลังงำนและปลอดภัยควรปฏิบัติตำม คำแนะนำคู่มือกำรใช้งำน และกำรใช้เตำรีดควรมีสำยดินและต่อลงดินผ่ำนทำงเต้ำเสียบ-เต้ำรับท่ีมี สำยดินดว้ ยและหมัน่ ตรวจสอบไฟรัว่ ด้วยไขควงลองไฟเสมอ 7.5.13 เครอื่ งปนั่ ผลไม้ เครอ่ื งผสมอาหาร ควรเลอื กขนำดใหพ้ อเหมำะไมค่ วรใชใ้ ห้เกนิ กำลังและไมค่ วรใชต้ ดิ ต่อกันเปน็ เวลำนำน ควรเป็นเครื่องใชไ้ ฟฟำ้ ประเภท 2 มิฉะน้ันตอ้ งมีสำยดนิ มำด้วย 7.5.14 เครื่องเป่าผม ก่อนใช้เคร่ืองเป่ำผมควรเช็ดผมให้เกือบแห้ง ใช้ลมร้อนเท่ำที่จำเป็นและเป็น เครอื่ งใชไ้ ฟฟำ้ ประเภท 2 7.5.15 เครื่องปิ้งขนมปัง ควรต้ังระดับควำมร้อนให้พอดีกับควำมต้องกำร ขณะใช้งำนควรวำงบนพ้ืนท่ีทนไฟ และไม่ติดไฟ ต้องติดต้ังสำยดินและควรตรวจสอบกำรร่ัวของไฟโดยกำรใช้ไขควงลองไฟทดสอบ สม่ำเสมอ 7.5.16 ไมโครเวฟ ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำท่ีมีควำมถี่สูงมำกถึง 2,450 ล้ำนรอบต่อวินำที มี ลักษณะคล้ำยกับคลื่นวิทยุแต่มีควำมถ่ีส้ันกว่ำ ในเตำไมโครเวฟจะมีแม็กนิตรอนที่เป็นตัวเปลี่ยน พลังงำนไฟฟ้ำเป็นคล่ืนไมโครเวฟซึ่งไม่เป็นอันตรำยต่อมนุษย์เพรำะคลื่นไมโครเวฟเป็นคล่ืนควำมถสี่ ูง ไม่ใช่รังสีจึงไม่กระจำยและสะสมในร่ำงกำยมนุษย์ คลื่นไม่โครเวฟจะพุ่งไปสู่อำหำรโดยรอบของผนัง เตำด้ำนในแล้วแพร่กระจำยไปสู่อำหำร เม่ือคลื่นไปกระทบอำหำรจึงทำให้โมเลกุลของอำหำรเกิดกำร ส่ันและเสียดสีกัน ทำให้เกิดเป็นพลังงำนควำมร้อนขึ้นอำหำรจึงสุก หลักกำรให้ควำมร้อนของเตำ
298 ไมโครเวฟจะแตกต่ำงจำกเตำอบธรรมดำเพรำะเตำอบธรรมดำให้พลงั งำนควำมร้อนโดยกำรให้เปลวไฟ แบบเตำอบแก๊สหรือควำมร้อนจำกขดลวดไฟฟ้ำซ่ึงทำให้อำหำรสกุ โดยกำรถ่ำยเทควำมร้อน คือ กำร นำและกำรแผ่รังสี แต่เตำไมโครเวฟทำให้อำหำรสุกโดยคล่ืนไมโครเวฟควำมถ่ีสูงทำให้โมเลกุลของนำ้ ในอำหำรเกิดกำรส่ันสะเทือนและชนโมเลกุลอื่นต่อจนเป็นพลังงำนจลน์และพลังงำนน้ีเป ล่ียนสภำพ เป็นพลังงำนควำมร้อนทำให้อำหำรสุกอย่ำงรวดเร็วโดยไม่เสียพลังงำนควำมร้อน ในกำรประกอบ อำหำรด้วยเตำไมโครเวฟช่วยเพ่ิมควำมสะดวกและประหยัดเวลำ แต่ควรเลือกภำชนะและวัสดุที่ใช้ กับเตำไมโครเวฟเท่ำนนั้ เพรำะหลักกำรทำงำนของคลื่นไมโครเวฟก่อให้เกิดควำมร้อนภำชนะที่ใสจ่ ึง ต้องมีลักษณะพิเศษและมีข้อจำกัดที่ไม่กระทบตอ่ ระบบกำรทำงำน ประสิทธิภำพและคลน่ื ไมโครเวฟ เช่น ใช้ภำชนะกระเบ้ือง ภำชนะแก้ว ภำชนะกระดำษที่ใชส้ ำหรบั อำหำรท่ใี ช้ควำมร้อนไม่มำก ภำชนะ พลำสติกท่ีทนควำมร้อนหรือที่ออกแบบมำสำหรับเตำไมโครเวฟ ควรหลีกเล่ียงภำชนะโลหะหรือขอบ โลหะ เงนิ ทอง อลูมิเนียมฟรอยด์ และภำชนะไม้ (ชวน คลำ้ ยปำน, มปป.) 7.5.17 เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ติดต้ังคอมพิวเตอร์ในที่ที่มีอำกำศถ่ำยเทสะดวกและระบำยควำมร้อนได้ดีและควร ติดต้ังระบบ Screen Server เพื่อรักษำคุณภำพของหน้ำจอและยังชว่ ยประหยดั พลังงำนในกรณีท่ยี งั ไม่ปิดเคร่ือง ส่วนกำรใช้งำนเพ่ือควำมปลอดภัย ควรใช้เต้ำเสียบและต่อเข้ำกับเต้ำรับชนิดท่ีมีสำยดิน ไม่ปดิ ผ้ำคลุมหรือเกบ็ เคร่อื งโน้ตบุ๊คใสก่ ระเปำ๋ ขณะทเี่ คร่ืองยังร้อนอยู่ 7.6 การเลอื กเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าและการคานวณค่าไฟฟา้ 7.6.1 การเลอื กซอื้ เคร่อื งใช้ไฟฟา้ กำรประหยัดไฟฟ้ำต้องเร่ิมจำกกำรเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ำอย่ำงมีหลักเกณฑ์โดยมี ข้อพิจำรณำเพ่ือช่วยประเมินก่อนกำรตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ำดังต่อไปนี้ (กำรไฟฟ้ำนครหลวง, 2556) 7.6.1.1 ควรทรำบว่ำเครอื่ งใช้ไฟฟ้ำน้ันกินไฟมำกน้อยเพียงใด 7.6.1.2 มคี วำมเหมำะสมในกำรใชง้ ำนหรือไม่ 7.6.1.3 สะดวกในกำรใช้สอย คงทน ปลอดภัยหรือไม่ 7.6.1.4 ภำระกำรตดิ ต้งั และคำ่ บำรงุ รักษำ 7.6.1.5 พิจำรณำคณุ ภำพ ค่ำใชจ้ ำ่ ย อำยุกำรใช้งำน มำประเมนิ เป็นตัวเงนิ ดว้ ย 7.6.2 การคานวณค่าไฟฟา้ กำรคำนวณคำ่ ไฟฟ้ำจำเป็นต้องทรำบว่ำเครื่องใช้ไฟฟ้ำน้ันมกี ำลังไฟฟำ้ เท่ำไหร่ ใช้เปน็ เวลำนำนเท่ำใด ค่ำไฟฟ้ำมีหน่วยเป็นกิโลวัตต์-ชั่วโมง (หน่วย/ยูนิต) โดยโครงสร้ำงอัตรำค่ำไฟฟ้ำ ประกอบดว้ ย 3 ส่วนคือ 7.6.2.1 ค่ำไฟฟ้ำฐำน คือ ค่ำไฟฟ้ำที่คิดจำกต้นทุนกำรก่อสร้ำงโรงไฟฟ้ำ ระบบสำยสง่ สำยจำหน่ำยและกำรผลิตพลังงำนไฟฟ้ำ ภำยใต้สมมติฐำนควำมต้องกำรใช้ไฟฟ้ำ รำคำเชื้อเพลิง อตั รำ แลกเปลยี่ นและอัตรำเงนิ เฟอ้ ท้ังนค้ี ่ำไฟฟ้ำฐำนจะมกี ำรปรบั ทุก 3 - 5 ปี 7.6.2.2 คำ่ ไฟฟำ้ ตำมสตู รกำรปรบั อตั รำค่ำไฟฟำ้ โดยอัตโนมัติ (Fuel tariff, Ft) คอื คำ่ ไฟฟ้ำที่ถูกกำหนดขึ้นเพ่ือให้สะท้อนกำรเปล่ียนแปลงของต้นทุนท่ีอยู่เหนือกำรควบคุมของกำร ไฟฟ้ำ
299 คือ ค่ำใช้จ่ำยด้ำนเชื้อเพลิง ค่ำซื้อไฟฟ้ำและผลกระทบจำกค่ำใช้จ่ำยตำมนโยบำยของรัฐที่ เปลี่ยนแปลงไปจำกค่ำไฟฟำ้ ฐำนโดยใหป้ รบั ทกุ 4 เดอื น 7.6.2.3 ภำษีมูลค่ำเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) คือ ภำษีประเภทหน่ึงตำม ประมวลรัษฎำกรซ่ึงจัดเก็บจำกมูลค่ำของกำรซื้อขำยสินค้ำหรือกำรให้บริกำรในประเทศและกำร นำเข้ำสินค้ำโดยมีกรมสรรพำกรเป็นหน่วยงำนรับผิดชอบในกำรจัดเก็บ ปัจจุบันผู้บริโภคจ่ำย ภำษมี ูลคำ่ เพมิ่ อย่ใู นอตั รำคงท่รี อ้ ยละ 7 7.6.2.4 กำรคำนวณค่ำไฟฟ้ำ ผู้ใช้ไฟฟ้ำสำมำรถคำนวณค่ำไฟฟ้ำได้ด้วยตนเอง (กำร ไฟฟ้ำนครหลวง, 2561) อันดับแรกต้องทรำบว่ำเครือ่ งใช้ไฟฟ้ำแต่ละเคร่ืองมีกำลงั ไฟฟ้ำท่ีมีหนว่ ยเปน็ วัตต์เท่ำไร ซ่ึงเครื่องใช้ไฟฟ้ำภำยในบ้ำนจะมีกำลังไฟฟ้ำตำมตำรำงท่ี 7.6 ถ้ำหำกเครื่องใช้ไฟฟ้ำท่ีมี จำนวนวัตต์มำกก็หมำยควำมว่ำจะใช้ไฟฟ้ำมำกข้ึนตำมไปด้วยดังนั้นก่อนที่จะทำกำรคำนวนค่ำใช้ ไฟฟ้ำจึงต้องสำรวจก่อนว่ำภำยในบ้ำนมีเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำอะไรบ้ำงและเปิดใช้งำนประมำณเดือนละกี่ ชั่วโมง จำกนัน้ จึงนำมำคำนวณคำ่ ใชไ้ ฟฟ้ำตำมสูตรดงั ต่อไปนี้ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์ ) x จำนวนเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ ÷ 1,000 x จำนวนชั่วโมงที่ใช้ใน 1 วัน = จำนวนหน่วย ตอ่ วัน (กโิ ลวัตต์-ช่ัวโมง หรอื ยนู ิต) ตัวอย่าง กำรคำนวณค่ำไฟฟ้ำของบ้ำนพักนำยสะอำด รักประหยัด ซ่ึงมีเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ ทั้งหมด 8 ชนดิ ดังนี้ 1. หลอดไฟขนำด 50 วตั ตจ์ ำนวน 5 ดวงเปิดใชง้ ำนวนั ละประมำณ 6 ชวั่ โมง วิธีคำนวณ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์) ของหลอดไฟ คือ 50 วัตต์ x มีจำนวนทั้งหมด 5 ดวง ÷ 1000 x 6 ชม. = 1.5 หนว่ ย/วัน (เดอื นละ 45 หน่วย) 2. ไมโครเวฟขนำด 600 วัตต์จำนวน 1 เครอ่ื ง เปดิ ใช้งำนวนั ละ 15 นำที วธิ คี ำนวณ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์) คือ 600 วตั ต์ x มีจำนวนทง้ั หมด 1 เครอ่ื ง ÷ 1000 x 0.25 ชม. = 0.15 หนว่ ย/วัน (เดือนละ 4.5 หน่วย) 3. ตู้เย็นขนำด 145 วตั ต์หน่งึ ตู้เปิดใชง้ ำนตลอด 24 ชวั่ โมง วธิ คี ำนวณ กำลงั ไฟฟ้ำ (วัตต)์ คอื 145 วตั ต์ x มจี ำนวนท้ังหมด 1 ตู้ ÷ 1000 x 24 ชม. = 3.48 หน่วย/วนั (เดอื น ละ 104.4 หนว่ ย) 4. เแอร์ขนำด 2,000 วตั ตจ์ ำนวน 2 เครอ่ื งเปิดใช้งำนวันละ 6 ช่ัวโมง วธิ คี ำนวณ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์) คือ 2,000 วัตต์ x มีจำนวนทั้งหมด 2 เคร่ือง ÷ 1000 x 6 ชม. = 24 หน่วย/วัน (เดอื นละ 720 หน่วย)
300 5. เตำอบ ขนำด 850 วัตต์ จำนวน 1 เคร่อื ง เปิดวนั ละ 30 นำที วิธีคำนวณ กำลังไฟฟำ้ (วัตต์) คือ 850 วตั ต์ x มจี ำนวนทั้งหมด 1 เคร่อื ง ÷ 1000 x 0.5 ชม. = 0.425 หน่วย/วัน (เดือนละ 12.75 หนว่ ย) 6. หม้อหุงขำ้ ว ขนำด 450 วตั ต์ จำนวน 1 เครือ่ ง เปดิ 30 ชั่วโมง วิธคี ำนวณ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์) คือ 450 วัตต์ x มีจำนวนทั้งหมด 1 เคร่ือง ÷ 1000 x 0.5 ชม. = 0.225 หน่วย/ วนั (เดอื นละ 6.75 หน่วย) 7. ทวี ี ขนำด 180 วตั ต์ จำนวน 1 เคร่ือง เปดิ ใชง้ ำนวนั ละ 5 ชั่วโมง วธิ ีคำนวณ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์) คือ 180 วัตต์ x มีจำนวนทั้งหมด 1 เคร่ือง ÷ 1000 x 5 ชม. = 0.8 หน่วย/วัน (เดอื นละ 27 หน่วย) 8. เคร่ืองทำนำ้ อุ่น ขนำด 2500 วัตต์ จำนวน 1 เครอื่ ง เปดิ ใชง้ ำนวนั ละ 30 นำที วธิ คี ำนวณ กำลังไฟฟ้ำ (วัตต์) คือ 2,500 วัตต์ x มีจำนวนทั้งหมด 1 เคร่ือง ÷ 1000 x 0.5 ชม. = 1.25 หน่วย/ วนั (เดอื นละ 37.5 หน่วย นำขอ้ 1-8 มำรวมกนั สรุปได้วา่ บำ้ นพกั นำยสะอำด รักประหยัด จะใช้ไฟฟำ้ ทงั้ หมด 957.9 หนว่ ยตอ่ เดอื น บ้ำนพัก นำยสะอำด รักประหยัด ใช้ไฟฟ้ำไปประมำณ 957.9 หน่วยต่อเดือน ดังนั้นจะ สำมำรถคำนวณคำ่ ไฟฟำ้ ทอี่ ้ำงอิงจำกกำรไฟฟำ้ นครหลวง (กฟน.) ได้ดังนี้ 1. 35 หนว่ ยแรก เหมำรวมทัง้ สน้ิ เป็นจำนวนเงนิ 85.21 บำท 2. 115 หนว่ ยตอ่ ไป หนว่ ยละ 1.1236 บำท = 115 x 1.1236 บำท รวมท้งั สิ้น 129.21 บำท 3. 250 หน่วยต่อไป หนว่ ยละ 2.1329 บำท = 250 x 2.1329 บำท รวมทง้ั สิ้น 533.23 บำท 4. ส่วนทีเ่ กิน 400 หน่วย หน่วยละ 2.4226 บำท = (957.9 - 400) = 557.9 x 2.4226 บำท รวมทั้งส้ิน 1,351.56 บำท รวมเปน็ เงนิ (85.21 + 129.21 + 533.23 + 1,351.56) = 2,099.21 บำท 5. ภำษีมูลค่ำเพม่ิ 7% เทำ่ กบั 146.94 6. ดังน้ันรวมเปน็ เงินทง้ั สิ้น 2,099.21+146.94 = 2,246.15 บำท
301 ตำรำงที่ 7.6 ปริมำณกำรกินไฟ (กำลังไฟฟ้ำ) ของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ำประเภทตำ่ ง ๆ เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ กาลงั ไฟฟ้า (วัตต์) พัดลมตั้งพ้ืน 20-75 พดั ลมเพดำน 70-100 โทรทศั น์ 28-150 โทรทัศนส์ ี 80-180 เคร่ืองเลน่ วดิ ีโอ 25-50 ตูเ้ ยน็ 7-10 70-145 หมอ้ หุงขำ้ ว หม้อหุงตม้ ไฟฟ้ำ 450-1,500 หมอ้ ชงกำแฟ 200-1,500 เตำไมโครเวฟ 200-600 เครอ่ื งปิง้ ขนมปัง 100-1,000 เครื่องทำน้ำอนุ่ /รอ้ น 800-1,000 เคร่ืองเปำ่ ผม 2,500-12,000 เตำรีดไฟฟำ้ 400-1,000 เคร่ืองซกั ผ้ำแบบมเี คร่อื งอบผ้ำ 750-2,000 เครื่องปรบั อำกำศ เครอ่ื งดูดฝุน่ 3,000 มอเตอรจ์ กั รเย็บผำ้ 1,200-3,300 750-1,200 40-90 ที่มำ : (กำรไฟฟ้ำนครหลวง, 2556) 7.7 การช่วยเหลอื ผู้ประสบอันตรายจากไฟฟา้ กำรช่วยเหลอื ผปู้ ระสบอันตรำยจำกไฟฟ้ำมวี ิธปี ฏบิ ตั ิดังน้ี 1. อยำ่ ใช้มือเปลำ่ แตะตัวผ้ทู ต่ี ดิ อยูก่ บั กระแสไฟฟ้ำหรือตัวนำเหตใุ หเ้ กดิ อันตรำยเป็นอันขำด 2. หำวิธตี ดั กระแสไฟฟ้ำอยำ่ งฉับไวโดยกำรถอดปลั๊ก 3. ใช้วัสดุท่ีไม่เป็นส่ือไฟฟ้ำ เช่น ผ้ำ ไม้แห้ง เชือกแห้ง สำยยำง พลำสติกที่แห้งสนิท ถุงมือ ยำง หรือผำ้ แหง้ ฟนั มือให้หนำแล้วผลกั หรอื ฉดุ ดึงตวั ผปู้ ระสบภยั ให้หลุดออกมำ 4. อย่ำลงไปในน้ำกรณีที่มีกระแสไฟฟ้ำอยู่ในบริเวณน้ำขัง ต้องหำทำงเข่ียสำยไฟฟ้ำออกให้ พ้นหรือตัดกระแสไฟฟ้ำก่อน ผู้ช่วยเหลือผู้ประสบอันตรำยจำกไฟฟ้ำต้องกระทำด้วยควำมรวดเร็ว รอบคอบและระมัดระวังอยำ่ งมำก 7.8 การปฐมพยาบาลเบื้องตน้ เพือ่ ช่วยเหลอื ผปู้ ระสบอนั ตรายจากไฟฟา้ กำรปฐมพยำบำลเบื้องต้นสำหรบั ผ้ปู ระสบภยั จำกไฟฟ้ำ ทำตำมขั้นตอนดังน้ี 7.8.1 การเคลื่อนยา้ ย
302 เคลื่อนย้ำยผู้ป่วยออกจำกบริเวณท่ีถูกไฟดูด ไฟช๊อตให้เร็วที่สุดและที่สำคัญท่ีสุดคือ ต้องป้องกันอันตรำยไฟฟ้ำดูดผู้ที่จะเข้ำไปช่วยเหลือด้วย ต้องพยำยำมตรวจดูให้ละเอียดถึงบำดเจ็บท่ี อำจเกิดร่วมกับผู้ป่วยที่ถูกไฟฟ้ำดูดได้ เช่น อำจพลัดตกจำกท่ีสูง อำจมีอำกำรบำดเจ็บท่ีศีรษะ หรือ กระดกู ส่วนตำ่ ง ๆ เช่น กระดกู คอ กระดูกแขนขำ กระดูกสันหลงั หักร่วมด้วยเพรำะฉะน้ันต้องให้ควำม ใจใส่และระมัดระวังให้มำกโดยเฉพำะกำรเคล่ือนย้ำยผู้ป่วยออกจำกท่ีเกิดเหตุเพรำะถ้ำทำไม่ถูกต้อง อำจเกดิ ควำมพิกำรอมั พำตตำมมำได้ (พรพรหม เมอื งแมน, 2553) 7.8.2 ตรวจการเตน้ ของหวั ใจ ตรวจดูหัวใจว่ำหยุดเต้นหรือไม่ เพรำะกระแสไฟฟ้ำแรงสูงที่ไหลผ่ำนหัวใจอำจทำให้ คล่ืนหัวใจหยุดเต้นได้โดยใช้นิ้วมือคลำดูจำกกำรเต้นของชีพจรบริเวณคอ ถ้ำหัวใจหยุดเต้นต้องรีบ ทำกำรนวดหัวใจไปพร้อม ๆ กับกำรผำยปอดโดยมีวิธีกำรดังน้ี (กำรไฟฟ้ำนครหลวง, มปป.,หมอ ชำวบำ้ น(มปป.) 7.8.2.1 ให้ผู้ป่วยนอนรำบจัดท่ำให้เหมำะสมโดยผู้ปฐมพยำบำลอยู่ทำงด้ำนขวำหรือ ทำงซำ้ ยบริเวณศรี ษะของผู้ป่วย ใช้มอื ข้ำงหน่งึ ดึงคำงผู้ป่วยมำข้ำงหนำ้ พรอ้ มกบั เอำมืออีกขำ้ งหนึ่งดัน หน้ำผำกไปด้ำนหลังเพ่ือป้องกันไม่ให้ลนิ้ ตกไปปิดทำงเดินหำยใจ แต่ต้องระวังไม่ให้นิ้วมือท่ีดึงคำงนน้ั กดลึกลงไปในสว่ นเนื้อใต้คำงเพรำะจะทำให้อุดกนั้ ทำงเดินหำยใจไดโ้ ดยเฉพำะอย่ำงยง่ิ เด็กเล็ก ๆ รูปท่ี 7.10 วิธเี ปดิ ทำงหำยใจและตรวจกำรหำยใจ ทีม่ ำ : (https://www.doctor.or.th/doctorme/first-aid/12513) 7.8.2.2 อ้ำปำกผู้ป่วยออก เช็ดน้ำมูก น้ำลำย และล้วงเอำสิ่งแปลกปลอมออกจำก ปำก 7.8.2.3 ผชู้ ่วยหำยใจ หำยใจเข้ำเตม็ ปอดของตน 7.8.2.4 อ้ำปำกคร่อมไปบนปำกผู้ป่วยจนสนิท (ถ้ำไม่รู้จักผู้ป่วย หรือผู้ป่วยมีโรคที่ ตดิ ต่อได้ ต้องใช้แผน่ พลำสตกิ เจำะรเู ลก็ ๆ วำงครอ่ มปำกและจมกู ผ้ปู ่วยก่อน) 7.8.2.5 บีบจมกู ผู้ปว่ ยให้แน่น
303 รูปที่ 7.11 วธิ ีกำรใชน้ ้วิ เกยี่ วสิ่งแปลกปลอมในปำก ทม่ี ำ : (https://www.doctor.or.th/doctorme/first-aid/12513) 7.8.2.6 เป่ำลมเข้ำไปในปำกผู้ป่วยช้ำ ๆ (1-1.5 วินำที) สังเกตท่ีหน้ำอกจะยกขึ้นตำม จงั หวะกำรเปำ่ 7.8.2.7 ผู้ช่วยหำยใจถอนปำกออก แล้วเร่ิมทำต้ังแต่ข้อ 4-8 ใหม่ ทำซ้ำประมำณ 10- 12 ครง้ั /นำทใี นผ้ใู หญ่ หรือ 12-20 ครงั้ /นำทใี นเด็กโต หรือ 20-24 ครัง้ /นำทใี นเด็กเล็ก 7.8.3 นาสง่ โรงพยาบาล รีบนำส่งโรงพยำบำลโดยเร็วที่สุด ส่วนในกรณีท่ีถูกไฟฟ้ำบ้ำนดูด ผู้ป่วยอำจไม่ได้รับ อันตรำยรุนแรงมำกนักเพรำะเป็นไฟฟ้ำแรงต่ำ สิ่งสำคัญอีกประกำรหน่ึงที่จะทำให้เกิดควำมรุนแรง ของกำรบำดเจ็บจำกไฟฟ้ำดูด ไฟช๊อต คือ ระยะเวลำที่สัมผัสกับกระแสไฟฟ้ำเพรำะถ้ำร่ำงกำยสัมผัส กับกระแสไฟฟ้ำนำนก็จะเกิดกำรทำลำยเน้ือเยอ่ื ของร่ำงกำยมำกข้ึน (พรพรหม เมืองแมน, 2553) 7.9 การใช้ไฟฟา้ กับผลกระทบต่อส่งิ แวดล้อม ยุคที่โลกมีปัญหำกำรเปล่ียนแปลงสภำพภูมิอำกำศ กำรใช้พลังงำนทำให้เกิดกำรปล่อย คำร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊ำซเรือนกระจกอ่ืน ๆ ภำคพลังงำนจึงหำแนวทำงในกำรลดปัญหำ แนวทำงหน่ึงคือ กำรใช้เชอ้ื เพลิงจำกพลังงำนหมนุ เวียนและลดกำรพ่ึงพำกำรใช้เชือ้ เพลิงจำกฟอสซิล ถงึ แม้ว่ำเช้อื เพลงิ จำกฟอสซลิ จะส่งผลกระทบต่อคุณภำพดำ้ นส่งิ แวดล้อมสงู กว่ำพลังงำนหมุนเวียนอื่น ๆ แตเ่ ชอ้ื เพลิงประเภทนีม้ รี ำคำถูกและมคี วำมม่นั คงในกำรผลติ ไฟฟ้ำมำกกว่ำ ปัจจบุ นั ได้มกี ำรพัฒนำ เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้ำที่ทันสมัย มีประสิทธิภำพในกำรผลิตไฟฟ้ำสูง คือ กำรใช้เช้ือเพลิงในกำรผลิต ไฟฟ้ำน้อยแต่ให้ค่ำพลังงำนสูง และสำมำรถลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมได้ มีค่ำกำรปล่อยมลสำรที่ ดีกว่ำเกณฑ์มำตรฐำนสำกล เช่น โรงไฟฟ้ำถ่ำนหินในประเทศญ่ีปุ่น ท่ีใช้เทคโนโลยีกำรผลิตไฟฟ้ำ แบบ Ultra Supercritical (USC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้ำในเชิงพำณิชย์ท่ีทันสมัยที่สุดในโลก มี กำรปลอ่ ยมลสำรทตี่ ่ำมำกเม่ือเทียบกับโรงไฟฟำ้ พลงั ควำมร้อนอนื่ ๆ ทำให้โรงไฟฟำ้ สำมำรถอยู่ร่วมกับ ชุมชนและส่ิงแวดล้อมได้อย่ำงลงตัว ในขณะเดียวกันกำรใช้เชื้อเพลิงจำกขยะโดยแปลงเป็นพลังงำน ไฟฟ้ำแม้จะเป็นกำรบริหำรทรัพยำกรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่กำรควบคุมปัญหำด้ำนกลิ่นไม่ให้
304 รบกวนกับชุมชนโดยรอบตลอดจนกำรจัดกำรด้ำนสิ่งแวดล้อมเป็นส่ิงท่ีต้องคำนึงถึง เช่นเดียวกับแผง โซลำร์เซลล์ ทแี่ มก้ ระบวนกำรผลติ ไฟฟ้ำจะไม่ก่อใหเ้ กิดมลพษิ แต่กระบวนกำรกำจัดแผงโซลลำร์เซลล์ ที่หมดอำยุกำรใช้งำนอย่ำงผิดวิธีจะก่อให้เกิดกำรปนเป้ือนใน ส่ิงแวดล้อม ดังน้ันควรมีกำรออก กฎหมำยควบคุมและมีมำตรกำรป้องกนั อย่ำงชดั เจน (ศูนยข์ ่ำวพลังงำน, 2562) ตัวอยำ่ งกรณีผลกระทบจำกกำรใช้เครอ่ื งใช้ไฟฟำ้ ต่อสิง่ แวดล้อม มีนักวิจัยได้วัดกำรปล่อยก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ในยุโรป นับต้ังแต่กำรผลิตเตำไมโครเวฟไป จนกระทงั่ หมดอำยุกำรใช้งำน พบว่ำคำ่ เฉล่ียอำยุกำรใชง้ ำนประมำณ 8 ปี เฉพำะในประเทศองั กฤษมี กำรใช้เตำไมโครเวฟถึง 23 ลำ้ นเคร่ือง พบกำรปล่อยกำ๊ ซคำร์บอนไดออกไซด์ 1,200 ลำ้ นกโิ ลกรัมต่อ ปี (เทียบเท่ำกำรปล่อยก๊ำซจำกรถยนต์ 1,300 ล้ำนคัน) และเม่ือสำรวจท่ัวยุโรปพบว่ำ มีกำรปล่อย ก๊ำซดังกล่ำวถึง 7,700 ล้ำนกิโลกรัมต่อปี (เทียบเท่ำรถยนต์ 6,800,000 คัน) โดยมีกำรใช้พลังงำน 9,400,000 ล้ำนวัตต์ต่อช่ัวโมงเทียบเท่ำกับโรงไฟฟ้ำพลังงำนก๊ำซขนำดใหญ่ 3 แห่ง และกำรใช้ไฟฟ้ำ ในปริมำณมำกก็ต้องเพ่ิมกำรใช้เช้ือเพลิงในกำรผลิตไฟฟ้ำและก่อให้เกิดมลภำวะทำงอำกำศเพ่ิมขึ้น นักวิจัยแนะนำว่ำผู้บริโภคควรใช้เตำไมโครเวฟอย่ำงมีประสิทธิภำพด้วยกำรปฏิบัติตำมคำแนะนำใน กำรปรุงอำหำร เช่น ต้ังเวลำให้เหมำะสมกับประเภทอำหำรและลดควำมถี่ในกำรใช้งำน เนื่องจำก ขั้นตอนในกำรผลิตเตำไมโครเวฟเป็นสำเหตุของกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศและกำรทำลำย ทรัพยำกรธรรมชำติถึง 20 % ซึ่งแต่ละปียอดกำรขำยเตำไมโครเวฟจะมีมำกกว่ำเครื่องใช้ไฟฟ้ำชนิด อ่นื (ไทยรัฐออนไลน์, 2561) บทสรปุ ไฟฟ้ำ คือ พลังงำนในรูปแบบต่ำง ๆ ส่ิงมีชีวิตต่ำงต้องกำรพลังงำนในกำรดำรงชีวิตทั้งส้ิน ไฟฟ้ำแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ไฟฟ้ำสถิตและไฟฟ้ำกระแส ระบบไฟฟ้ำที่เก่ียวข้องกับบ้ำนคือกำร เช่ือมต่อระบบไฟฟำ้ ของบำ้ นเขำ้ กบั กำรไฟฟ้ำซึง่ สำยไฟท่เี หน็ ตำมเสำไฟฟำ้ จะแบง่ เปน็ 3 เส้นที่เรียกว่ำ สำย Line และมีอีกหนึ่งเส้นที่ไม่กระแสไฟฟ้ำเรียกว่ำสำย Neutral ซึ่งสำย Line จะแบ่งปริมำณ กระแสไฟฟ้ำมำจ่ำยให้แก่บ้ำนเรือนท่ีเจ้ำของได้ขอไว้ ระบบไฟฟ้ำที่มีกำรขอใช้ได้แก่ ระบบไฟฟ้ำ 1 เฟส และระบบไฟฟ้ำ 3 เฟสซึ่งระบบไฟฟ้ำ 3 เฟสมีข้อดีคือสำมำรถจ่ำยไฟได้มำกกว่ำ 1 เฟสถึง 3-4 เท่ำ จึงเหมำะกับอำคำรพำณิชย์หรือโรงงำนอุตสำหกรรม ปกติขนำดมิเตอร์มีขนำด5(15) 15(45) 30(100) และ 50(150) บ้ำนขนำดเล็กท่ีมีกำรติดตั้งดวงไฟและปล๊ักไฟไม่ก่ีจุดอำจใช้มิเตอร์ขนำด 15(15) ก็เพียงพอแต่ถ้ำมีเคร่ืองปรับอำกำศอำจต้องเพิ่มขนำดมิเตอร์ กำรเชื่อมต่อระบบไฟฟ้ำเข้ำ บ้ำนมีอุปกรณ์สำคัญหลำยอย่ำงที่ต้องศึกษำหน้ำท่ีและกำรใช้งำนอุปกรณ์แต่ละอย่ำงให้ถูกวิธี เช่น เมนสวิตซ์ เบรกเกอร์ ฟิวส์ เคร่ืองตดั ไฟรัว่ สำยดิน หลักดิน เป็นตน้ เพือ่ ใหเ้ กิดควำมปลอดภัยและมี ประสิทธิภำพ แต่ถึงอย่ำงไรอำจเกิดอุบัติเหตุข้ึนได้ตลอดเวลำ เช่น กระแสไฟฟ้ำรั่ว กำรเกิดไฟฟ้ำ ลัดวงจร ซ่ึงอันตรำยจำกไฟฟ้ำเหล่ำนี้อำจเป็นอันตรำยเพียงได้รับบำดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิต หรืออำจ ทำลำยทรัพย์สินสร้ำงควำมเสียหำยจำกกำรเกิดไฟไหม้ ดังน้ันผู้ใช้ไฟฟ้ำควรระมัดระวังกำรใช้ไฟฟ้ำ ด้วยกำรเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้ำที่มีฉลำกรับรองคุณภำพและปฏิบัติตำมคำแนะนำ กำรใช้อย่ำงเคร่งครัด เช่น เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำที่ต้องต่อสำยดินถ้ำไม่ต่ออันตรำยถึงเสียชวี ิต นอกจำกน้ีควร หม่ันตรวจสอบสภำพของอุปกรณ์ไฟฟ้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้ำในบ้ำนอย่ำงสม่ำเสมอหำกพบกำรชำรุด
305 เสียหำยควรเรียกช่ำงท่ีมีประสบกำรณ์เข้ำมำดำเนินกำรแก้ไขและควรศึกษำอบรมเก่ียวกับกำร ช่วยเหลือผู้ประสบอันตรำยจำกไฟฟ้ำ วิธีกำรปฐมพยำบำลผูป้ ระสบภัยจำกไฟฟ้ำทั้งน้ีควรตระหนักว่ำ กำรใช้ไฟฟ้ำมีคุณอนันต์แต่ไฟฟ้ำก็สำมำรถทำอันตรำยถึงแก่ชีวิตได้และกำรใช้ไฟฟ้ำและอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้ำต่ำง ๆ ล้วนแต่สร้ำงผลกระทบให้สิ่งแวดล้อมท้ังสิ้นดังนั้นจึงควรใช้อย่ำงประหยัดและ เกดิ ประสิทธิภำพสูงเพื่อเปน็ กำรอนุรักษท์ ั้งพลังงำนและสิง่ แวดล้อมไปดว้ ยกัน
306 คาถามทบทวนทา้ ยบทเรยี น 1.จงอธิบำยควำมหมำยและประเภทของไฟฟำ้ 2. จงอธิบำยวำ่ ระบบไฟฟ้ำแบบ 1 เฟส และ 3 เฟสมลี กั ษณะเป็นอยำ่ งไร 3. ระบบไฟฟำ้ แบบ 3 เฟสมีขอ้ ดีอยำ่ งไร 4. จงบอกหนว่ ยของไฟฟำ้ ว่ำมีหนว่ ยอะไรบำ้ ง 5. จงบอกหน้ำทีแ่ ละควำมสำคัญของอปุ กรณ์ต่อไปน้ี เมนสวติ ซ์ เบรกเกอร์ ฟิวส์ 6. จงอธบิ ำยว่ำเคร่อื งใชไ้ ฟฟำ้ ประเภท 1 ประเภท ประเภทมลี ักษณะเป็นอย่ำงไร 7.จงอธิบำยว่ำสภำพควำมชุ่มชื้นของผิวหนังหรือสภำพร่ำงกำยมีควำมสัมพันธ์อย่ำงไรกับควำม ตำ้ นทำนกระแสไฟฟ้ำ 8. จงบอกหลกั เกณฑ์ในกำรเลือกซ้อื เครื่องใช้ไฟฟ้ำท่ีถูกต้อง 9. จงบอกวธิ ีกำรปฏบิ ตั ใิ นกำรใช้ไฟฟำ้ อยำ่ งถกู ต้อง 10. จงยกตัวอย่ำงเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำที่ต้องต่อสำยดินและถ้ำหำกไม่มีกำรต่อสำยดินจะเกิดอันตรำย อย่ำงไร 11. จงแนะนำกำรเลอื กใช้หลอดไฟใหป้ ระหยดั และมีประสิทธิภำพ 12. จงบอกวิธีกำรใชเ้ คร่อื งปรบั อำกำศให้ถูกวิธีและประหยัดพลังงำน 13. จงบอกวิธกี ำรชว่ ยเหลอื ผู้ประสบอนั ตรำยจำกไฟฟำ้ รั่ว 14. จงอธิบำยว่ำกำรใช้ไฟฟ้ำและเคร่อื งใช้ไฟฟำ้ ส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ มอย่ำงไร 15. จงคำนวณหน่วยไฟฟ้ำและค่ำไฟฟ้ำในบ้ำน ในเวลำ 1 เดือน โดยสมมติให้บ้ำน 1 หลัง มี เครื่องใช้ไฟฟ้ำต่อไปน้ี (1) เครื่องปรับอำกำศ 2 เคร่ือง ขนำด 2,000 วัตต์ เปิดใช้งำนเฉลี่ยวันละ 6 ช่ัวโมง (2) ตู้เย็น 1 เครื่อง ขนำด 145 วัตต์ ใช้งำน 24 ช่ัวโมง (3) โทรทัศน์ 180 วัตต์ ใช้งำน เฉลย่ี วันละ 3.50 ช่ัวโมง (4) เครอ่ื งทำนำ้ อุ่น ขนำด 2,500 วัตต์ จำนวน 1 เคร่ือง ใชง้ ำนเฉลีย่ วนั ละ 45 นำที
307 เอกสารอา้ งองิ กองทนุ เพ่ือสง่ เสรมิ กำรอนรุ ักษพ์ ลงั งำน. (มปป.) เครอื่ งซกั ผ้าและเครอื่ งอบผ้า. กระทรวงพลงั งำน. -----------. (มปป.) หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้า. กระทรวงพลังงำน. กำรไฟฟำ้ นครหลวง. (2556). กำรใช้ไฟฟ้ำอยำงมีประสทิ ธภิ ำพและปลอดภยั .มปท. กระทรวงมหำดไทย. -----------. (2561). วธิ คี านวณคา่ ไฟฟา้ ด้วยตนเองสามารถทาไดอ้ ยา่ งไร. คน้ เมอื่ มีนำคม 30, 2563, จำก https://www.mea.or.th/content/detail/3293/3317/3926. ----------. (มปป.). ความปลอดภยั ในการใชไ้ ฟฟ้า. มปท.:กระทรวงมหำดไทย. ชวน คลำ้ ยปำน. (มปป.). เตาอบไมโครเวฟ. คน้ เมื่อ มนี ำคม 31, 2563, จำก http://www.dss.go.th/images/st-article/pep_2_2546_microwave.pdf. ไทยรฐั ออนไลน.์ (2561). เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ท่ีสง่ ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม. คน้ เมื่อ เมษำยน 1, 2563, https://www.thairath.co.th/news/foreign/1185707. พรพรหม เมืองแมน.(2553). อันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต. ค้นเม่ือ มีนำคม 30, 2563,จำก https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=419. ภำษมี ูลค่ำเพมิ่ . (มปป.). ค้นเมือ่ มีนำคม 30, 2563, จำก http://www.rd.go.th/publish/27864.0.html. ศนู ยข์ ่ำวพลังงำน. (2562). มองรอบด้านเช้อื เพลิงผลิตไฟฟา้ . คน้ เมื่อ เมษำยน 1, 2563, จำก https://www.energynewscenter.com/2385-2/. ศกั ดิ์ณรงค์ ตวั ลอื . (มปป.). ความรู้เบ้ืองต้นกับเคร่ืองปรับอากาศ. คน้ เม่อื มีนำคม 30, 2563, จำก http://icoh.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=1486 สำนักนโยบำยและแผนพลงั งำน. (มปป.). เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ภายในบา้ น. กรงุ เทพฯ : กระทรวงพลังงำน. หมอชำวบ้ำน. (มปป.). เป่าปากชว่ ยหายใจ ถา้ ผู้ป่วยหายใจไมอ่ อกหรอื หยดุ หายใจ. คน้ เมอ่ื มีนำคม 30, 2563, จำก https://www.doctor.or.th/doctorme/first-aid/12513.
บรรณานุกรม กรมควบคุมมลพิษ. (2553). การคาดการณ์การเคลื่อนที่ของคราบน้ามันในทะเล ผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละแนวทางจัดการแกไ้ ข. กรุงเทพฯ: ห้ำงหุ่นสว่ นจำกัด กชกำร พบั ลิช ช่ิง. กรมควบคุมโรค. (มปป.). สารเคมีกาจัดศัตรูพืชและผลกระทบต่อสุขภาพ. ค้นเม่ือ กุมภำพันธ์ 19, 2563, จำก http://envocc.ddc.moph.go.th/contents/view/405. กรมทรัพยำกรธรณี. (2554). ความร้เู ก่ียวกับหลุมยุบ. คน้ เมอ่ื มิถนุ ำยน 5, 2563, จำก http://www.dmr.go.th/download/Landslide/Sinkhole/what_sinkhole.htm. ---------. (2559). สาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว.ค้นเมอื่ กรกฎำคม 5, 2563, จำก http://www.dmr.go.th/main.php?filename=case_eq. กรมพัฒนำพลงั งำนทดแทนและอนรุ กั ษพ์ ลังงำน. (2558). แผนพฒั นาพลังงานทดแทนและพลังงาน ทางเลือก พ.ศ. 2558 -2579. ค้นเมอ่ื มิถุนำยน 23, 2563, จำก https://www.dede.go.th/download/files/AEDP2015_Final_version.pdf ---------. (มปป.). คู่มือควำมรดู้ ้ำนพลังงำนไฮโดรเจน. กระทรวงพลังงำน. กรมโรงงำนอุตสำหกรรม. (2555). แนวปฏิบัติเบ้ืองต้นด านความปลอดภัยนาโนสาหรับ ภาคอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ: โชกุน กอ็ ปป. กรมส่งเสริมคุณภำพส่ิงแวดล้อม. (2561). ภัยร้าย ขยะพลาสติก คุกคามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน. 14 (6). กรมส่งเสริมอุตสำหกรรม. (มปป). แนวคิดเก่ียวกับองค์รวม (Holistic). ข่ำวเศรษฐกิจ .ศุกร์ท่ี 13 ตุลำคม 2549 --------. (มปป.) แนวทางการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 7, 2563, จำก https://bsc.dip.go.th/th/category/production2/qs-agriculturegoods. กรมส่งเสริมอุตสำหกรรม. (มปป.). การใช้ความร้อนฆ่าเช้ือในอาหาร.ค้นเมื่อ พฤษภำคม 7, 2563, จำก https://bsc.dip.go.th/th/category/production2/qs-heatinfoods กรมอนำมัย. (มปป.). การจดั การสารเคมีในบ้านพักอาศัย สาหรับประชาชน. กระทรวงสำธำรณสขุ . กรมอุตุนิยมวิทยำ.(2560). การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. ค้นเม่ือ กันยำยน 30, 2560 จำก https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=86. กระทรวงพลงั งำน. (2554). เทคโนโลยีชีวมวลในปัจจบุ ันและอนำคต.วารสาร Energy plus, 30:2-5. ---------. (มปป.) คมู่ อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานทดแทนชดุ ที่ 4 พลงั งานชวี มวล. มปท. กระทรวงสำธำรณสุข. (2558). แนวทางการเฝ้าระวังพื้นที่เส่ียงจากมลพิษทางอากาศ กรณีฝุ่น ละอองขนาดเล็ก. มปท. กระทรวงอตุ สำหกรรม. (2563). พลิกวกิ ฤตโิ ควดิ เปน็ โอกาสดันไทยสศู่ ูนยก์ ลางอาหารโลกเดนิ หน้า ผลักดนั . ค้นเม่ือ พฤษภำคม 14, 2563, จำก http://www.industry.go.th/chaiyaphum/index.php/
310 component/k2/item/10591?rss_id=13602 กฤตภำส มงคลธำรงกุล และประพิธำร์ ธนำรักษ์. (2558, พฤศจิกำยน). โอกาสและอุปสรรคในการ จัดต้ังโรงไฟฟ้าชีวมวลชุมชน. กำรประชุมสัมมนำเชิงวิชำกำรรูปแบบพลังงำนทดแทนสู่ ชมุ ชนแหง่ ประเทศไทย ครัง้ ท่ี 8, มหำวิทยำลัยเทคโนโลยรี ำชมงคลธัญบรุ .ี กฤติยำ เหมือนใจ. (มปป.). ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน ตามระบบ GHS. ค้นเมื่อ กุมภำพันธ์ 25, 2563,จำก http://www.go.th/safety/wp-content/uploads/2014/04/GHS.pdf. กฤษฎำ บุญชัย. (2563). การเมืองแห่งความหวังในการเผชิญโลกร้อน. ค้นเม่ือ กรกฎำคม 23, 2563, จำก https://thaipublica.org/2020/03/kritsada-boonchai-12/. กองตรวจสอบรับรองมำตรฐำนคุณภำพสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ. (2554). ข้อปฏิบัติในกำร ส่งออก สินคำ้ สตั ว์น้ำไปประเทศต่ำง ๆ กรมประมง. กองทุนเพ่ือสง่ เสริมกำรอนุรักษ์พลังงำน. (มปป.) เครื่องซักผา้ และเครือ่ งอบผ้า. กระทรวงพลังงำน. --------. (มปป.) หมอ้ หงุ ข้าวไฟฟ้า. กระทรวงพลงั งำน. กัญญำรัตน์ กำญจนวิสุทธ์ิ. (2019). Indoor Farming ปลูกพืชยุคใหม่ ไทยพร้อมหรือยัง. SCB Economic Intelligence Center. กำนต์นภัส ดวงกลำง สคำร ทีจันทึก และสมพร แม่ลิ่ม. (2561, มีนำคม). การเปล่ียนแปลงและการ กักเก็บคาร์บอนของสังคมพืชในแปลงตัวอย่างป่าฟื้นฟูระบบนิเวศป่าเขาภูหลวง จังหวัด นครราชสีมา. กำรประชุมวิชำกำรเสนอผลงำนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษำแห่งชำติ ครั้งที่ 19, มหำวทิ ยำลัยขอนแกน่ . กำรนิคมอุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย. (2560). ECO challenge Magazine. มปท.: รุ่งศิลป์กำร พิมพ.์ ก ำ ร ป ฐ ม พ ย ำ บ ำ ล ผู้ ไ ด้ รั บ ส ำ ร พิ ษ . ค้ น เ มื่ อ กุ ม ภ ำ พั น ธ์ 2 5 , 2 5 6 3 ,จ ำ ก http://www.shawpat.or.th/index.php. กำรไฟฟ้ำนครหลวง. (2556). กำรใช้ไฟฟ้ำอยำงมีประสิทธิภำพและปลอดภัย.มปท. กระทรวงมหำดไทย. ---------. (2561).วิธีคานวณค่าไฟฟ้าด้วยตนเองสามารถทาได้อย่างไร. ค้นเมื่อ มีนำคม30, 2563, จำก https://www.mea.or.th/content/detail/3293/3317/3926. ---------. (มปป.). ความปลอดภยั ในการใช้ไฟฟ้า. มปท.:กระทรวงมหำดไทย. กำรไฟฟ้ำฝ่ำยผลิตแห่งประเทศไทย. (มปป.). เทคโนโลยีกังหันลม. ค้นเมื่อ กันยำยน 20, 2563, จำก http://www.4.egat.co.th/re/egat_wind/wind_technology.htm. ---------. (มปป.). ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์. ค้นเม่ือ กันยำยน 20, 2563, จำก http://www.4.egat.co.th/re/solarcell/solarcell_pg5.htm. ---------. (มปป.). พลังงานวเิ คลยี รค์ ืออะไร. ค้นเมื่อ ธันวำคม 16, 2562. จำก http://www.ned.hegat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id= 7&Itemid=193. กิติพงค์ พร้อมวงค์. (2561, มิถุนำยน). เปิดประตูจริยธรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. โครงการเสวนาประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561, โรงแรมเซ็นจรู ่ี พาร์ค กรงุ เทพมหานคร.
311 กุลนันท์ วีรณรงคก์ ร และอมรชยั อำภรณ์วิชำนพ. (2560). แนวทำงกำรนำก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์มำ ใชป้ ระโยชน์.วารสารส่งเสรมิ เทคโนโลยี, 255:30-34. เกรียงศักด์ิ เจริญวงศศ์ ักด์ิ. (2557). แนวโนม้ โลก 2050 (4) : การเปลย่ี นแปลงดา้ นสภาพแวดล้อม ของโลก คน้ เม่ือ ตลุ ำคม 15, 2561,จำก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/615036. ---------. (2557). แนวโน้มโลก 2050 (4) : การเปล่ียนแปลงด้านสภาพแวดล้อมของโลก. ค้นเมื่อ ตลุ ำคม 30, 2561, จำก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/615036 ไกรชำติ ตนั ตระกำรอำภำ และอมั รนิ ทร์ คงทวีเลศิ . (มปป.) สถำนกำรณน์ ้ำทว่ ม ผลกระทบต่อสขุ ภำพ. วารสารส่งิ แวดลอ้ ม, 16(1) : 37-44. ไกรพฒั น์ จีนขจร.(2550). พลังงานหมุนเวยี น. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. ขนษิ ฐำ พำนชวู งศ์. (มปป.). สบู่ก้อน. คน้ เม่ือ กมุ ภำพนั ธ์ 22, 2563, จำก http://www.dss.go.th/images/st-article/cp-11-2555-barsoap.pdf. ขอ้ กำหนดสำหรับกำรจัดเกบ็ สำรท่ีไวต่อปฏกิ ริ ยิ ำ. คน้ เมอื่ กุมภำพนั ธ์ 25,2563,จำก http://esprel.labsafety.nrct.go.th/content.asp?ID=219. ค้วน ขำวหนู. (มปป.). น้าปลา. คน้ เม่ือ กุมภำพันธ์ 23, 2563, จำก http://www.healthcarethai.com/. ควำมรู้เกย่ี วกบั อำหำร ควำมปลอดภยั ด้ำนอำหำร สำรปนเปอ้ื นในอำหำรและผลกระทบต่อรำ่ งกำย เนอื่ งจำกกำรบริโภคอำหำรที่มสี ำรปนเปื้อน. คน้ เมื่อ กมุ ภำพนั ธ์ 21, 2563, จำก http://sc.nsru.ac.th/science-center/new/files/sidemenu/20170325-120827.pdf. โครงกำรกำรศึกษำไทยในยุคโลกำภิวัตน์.(มปป.) การศึกษาไทยในยุคโลกาภิวัตน์ : สู่ความก้าวหน้า และความมั่นคงของชาติในศตวรรษหน้า.เอกสำรประกอบกำรสัมมนำระดับชำติ. ศูนย์ ประชุมแหง่ ชำติสริ ิกติ ิ์. จรัส สุวรรณเวลำ. (2547). สังคมความรู้ ยุคที่ 2. กรุงเทพฯ : สถำบันวิจัยวิทยำศำสตร์กำรแพทย์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลยั . จันทนี อิทธิพำนิชพงศ์. (1994). กำรใช้ยำอย่ำงถูกต้องสมเหตุผล.วารสาร Chula med Journal,38(3) : 1025-108. จำก http://clmjournal.org/_fileupload/journal/153-0- 1.pdf. จันทนีย์ บุญมำมีพูล สุพรรณ กำญจนสุธรรม แก้ว นวลฉวี และณรงค์ พลีรักษ์. (2560). กำรศึกษำ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสภำพภูมิอำกำศ ควำมหนำแน่นของบ้ำนเรือน และอัตรำกำรระบำด เพื่อประเมินพื้นที่ควำมเส่ียงของโรคไข้เลือดออก ในเขตอำเภอบำงละมุง จังหวัดชลบุรี. วารสารเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มหาวิทยาลัยบรู พา, 2(3) : 1-12. จำรุณี อินทรสุข และจิรำรัตน์ เพิ่มภูศรี. (2559). รู้จักกฎหมำยอำหำรใหม่(Novel Food). วารสาร อาหารและยา, 7-10. จำรุวรรณ เจตเกษกิจ. (2555). นวัตกรรมอำหำรและเครื่องดื่มโลก.วารสารอุตสาหกรรมสาร, 54 : 36-38.
312 จติ รลดำ พิศำลสุพงศแ์ ละคณะ. (2557). ภำพรวมกำรพฒั นำดำ้ นกำรวจิ ัยและพัฒนำของประเทศไทย วารสารเศรษฐกิจและสงั คม, 51:1-10. จินดำ มูนละมณี สุพรรณ กำญจนสุธรรม แก้ว นวลฉวี และนฤมล อินทวิเชียร. (2560). กำรประยุกต์ เทคโนโลยภี มู สิ ำรสนเทศเพือ่ จำแนกพื้นทย่ี ืนตน้ ยำงพำรำด้วยข้อมูลจำกดำวเทยี ม กรณีศึกษำ จังหวัดบลิคำไช สำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว. วารสารเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยบรู พา, 2(3) : 13-26. จนิ ตนำ ประชมุ พนั ธ์. (2018). PM2.5 ฝุ่นขนาดเลก็ ในอากาศกบั วกิ ฤตสิ ุขภาพท่คี นไทยจะตอ้ งแลก. ค้นเม่ือ มิถุนำยน 21, 2563, จำก https://thestandard.co/pm-2-5-environmental- nano-pollutants/. จริ ะเดช แจ่มสว่ำง และวรรณวิไล อนิ ทนู. (มปป.). ไตรโคเดอร์มา : เชื้อรามหัศจรรยส์ าหรับใช้ ควบคุมโรคพืช. ค้นเม่ือ พฤษภำคม 19, 2563, จำก www3.rdi.ku.ac.th/exhibition/50/plant/68_plant/68_plant.html. จีรศักด์ิ พุ่มเจริญ กมลวรรณ แตงสุข และนันท์ พลอยวัฒนำวงศ์. (2562). ระบบสนับสนุนกำร ตัดสินใจด้ำนกำรวำงแผนกำรเกษตร. วารสารวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฉบับ บณั ฑติ ศึกษา), 19(1) : 112-123. เจริญ ภัสระ. (2552). กำรเตรียมรับกำรสงครำมขอ้ มูลขำ่ วสำรของไทย. รฏั ฐาภิรกั ษ์, 72-74 ชนกำนต์ พันสำ. (2562). เคร่ืองดูดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศ. ค้นเม่ือ มิถุนำยน 5, 2563,จำก http://standford.edu. ชวน คลำ้ ยปำน. (มปป.).เตาอบไมโครเวฟ. ค้นเมื่อ มนี ำคม 31, 2563, จำก http://www.dss.go.th/images/st-article/pep_2_2546_microwave.pdf. ชัญษำ กนั ฉิง่ และคณะ. (2559, มถิ นุ ำยน). การกักเกบ็ คาร์บอนในมวลชวี ภาพของพืชท่มี เี นื้อไม้ ป่า ชุมชนห้วยข้าวก่า อาเภอจุน จังหวัดพะเยา. กำรประชุมวิชำกำรกำรบริหำรจัดกำรควำม หลำกหลำยทำงชวี ภำพแหง่ ชำติ ครั้งที่ 3, โรงแรมดอิ ิมเพรสนำ่ น จงั หวัดน่ำน. ช่อลัดดำ เที่ยงพุก. (2563). เนื้อเทียม เทรนด์อาหารจากพืชท่ีได้คุณค่าเหมือนเน้ือสัตว์. ค้นเม่ือ กุมภำพันธุ์ 7, 2563, จำก https://www.prachachat.net/hilight-prachachat/news- 487640. โชตกิ ำ ชุ่มมี. (2558). เคร่ืองพมิ พอ์ าหาร 3 มิติ นวัตกรรมเหนือจนิ ตนาการ. คน้ เมือ่ พฤษภำคม 19, 2563, จำก https://www.scbeic.com/th/detail/product/1148. ---------. (2561). อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต จดุ เปล่ยี นและโอกาสของไทยท่ไี มไ่ กลเกินเอ้ือม ค้นเมอ่ื พฤษภำคม, 8, 2563, จำกhttps://www.scbeic.com/th/detail/product/5057. ฐกฤต ปำนขลิบ. (2557). โรงไฟฟ้ำชีวมวลแบบแก๊สซิฟิเคช่ันขนำดเล็กสำหรับชมุ ชน.วารสารนเรศวร พะเยา,7(3):252-260. ณัฏฐินี อนันตโชค. (มปป.). ไขมันทรานส์ ค้นเมื่อ กุมภำพันธ์ 23, 2563, จำก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/.
313 ทีดอี ำร์ไอ. (2560). รายงานทีดีอาร์ไอการจัดการขยะอิเลก็ ทรอนิกสใ์ นประเทศไทย. ค้นเม่ือ กรกฎำคม 14, 2563, จำก https://tdri.or.th/wp- content/uploads/2018/04/wb133.pdf. เทวินทร์ วงศ์วำนิช. (2553). ความม่ันคงทางเศรษฐกิจและพลังงาน. [จุลสำร]. กรุงเทพฯ: บริษัท สแควร์ ปรน๊ิ ซ์ 93 จำกดั . ไทยรัฐออนไลน์. (2561). เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม. ค้นเม่ือ เมษำยน 1, 2563, https://www.thairath.co.th/news/foreign/1185707. ธนำคำรกรงุ เทพ. (2020). ยทุ ธศาสตร์ส่คู วามมน่ั คงด้านอาหาร. คน้ เมอื่ พฤษภำคม 13,2563, จำก http://www.bangkokbanksme.com/en/strategy-for-food-security. ธนำคำรเพ่ือกำรสง่ ออกและนำเข้ำ. (2560). ส่อง Trend โลก : ทิศทางเกษตรกรรมโลกสู่การใช้ Farming Robot. คน้ เมือ่ พฤษภำคม 15, 2563, จำก http://www.ryt9.com/s/exim/2672529. ธนำพร มณีรัตน์ และคณะ. (2560). ปริมำณโลหะหนักในฝุ่นละอองรวมบริเวณทำงหลวง (ถนนบำง นำ-ตรำด) กิโลเมตรท่ี 18. วารสารวิทย.์ เทคโน. หัวเฉียวเฉลมิ พระเกียรติ, 3(1) : 61-68. ธนำรักษ์ มั่งมีชัย. (มปป.). ศูนย์ทดสอบและมำตรวิทยำ สถำบันวิจัยวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ประเทศไทย (วว.) ธรำธร รัตนนฤมิตศร และประกำย ธีระวัฒนำกุล. (2562). คิดอนาคตภาคเกษตรกรรมและอาหาร โอกาสและความทา้ ทาย สถาบันอนาคตไทย. ค้นเมอ่ื พฤษภำคม 9, 2563, จำก https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/648563. ธำนินทร์ เอ้ืออภิธร. (2560). มนุษย์จะสร้างทักษะ-การเรียนรู้ใหม่เพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงใน อนาคตอย่างไร. ค้นเมื่อ มกรำคม 19, 2563, จำก http://thestandard.co/learning-for- change/. นพวรรณ สระแสงตำ. (มปป.). หลอดจากธรรมชาติ. ค้นเมื่อ มกรำคม 11, 2563, จำก https://www.tistr.or.th/tistrblog/?cat=417. นรำธิป เพ่ิงพิศ สุพรรณ กำญจนสุธรรม แก้ว นวลฉวี และภัทรำพร สร้อยทอง. (2560). กำรศึกษำ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิพื้นผิวดินกับพื้นท่ีชุมชนและสิ่งปลูกสร้ำง กรณีศึกษำ อำเภอ เมือง จังหวดั ระยอง. วารสารเทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ มหาวิทยาลยั บูรพา, 2(3) : 27-39. นเรศ ดำรงชัย. (2561, มิถุนำยน). เปิดประตูจริยธรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. โครงการ เสวนาประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561, โรงแรมเซน็ จรู ี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร. นฤดม บุญ-หลง. (2529). หลกั การอุตสาหกรรมเกษตร. กรงุ เทพฯ : มหำวทิ ยำลัยเกษตรศำสตร์. นันทยำ จงใจเทศ พมิ พร วัชรำงค์กุล ปยิ นนั ท์ เผำ่ ม่วง เพญ็ พโยม ประภำศิร.ิ (มปป.). คณุ ภาพ โปรตนี และไขมนั ในแมลงที่กินได้. คน้ เมือ่ พฤษภำคม 16, 2563, จำก http://nutrition.anamai.moph.go.th/images/file.....pdf. นันทวรรณ ประทีปพวงรัตน. (2555). การประเมินการกักเก็บและการปลดปล่อยคาร์บอนจากการ ใช้ประโยชน์โกงกางใบเล็ก ตาบลยี่สาร จังหวัดสมุทรสงคราม. วิทยำนิพนธ์วิทยำศำสตร มหำบณั ฑิต คณะพลงั งำนสง่ิ แวดลอ้ มและวสั ดุ มหำวิทยำลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้ำธนบุรี.
314 นิตยสำรคดิ . (2563). มองไปข้างหนา้ 2050 : แนวโนม้ กระแสโลก (ตอนท่ี 1การเปลี่ยนแปลงด้าน ประชากร). คน้ เม่ือ กรกฎำคม 16, 2563, จำก https://www.creativethailand.org/ article/trend/32488/th#LOOK-ISAN-NOW-ep-1. นิตรำ ต่อมคำ กนกพร สว่ำงแจ้ง และกมลชนก พำนิชกำร. (2562, มิถุนำยน). การเก็บกักคาร์บอน ของป่าชายเลนคลองโคลน จังหวัดสมุทรสงคราม. กำรประชุมวิชำกำร มหำวิทยำลัย เทคโนโลยรี ำชมงคลรัตนโกสินทร์ ครัง้ ที่ 4 และกำรประชุมนำนำชำติ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยี รำชมงคลรตั นโกสินทร์ คร้งั ที่ 1 กำรยกระดับงำนวจิ ยั เพ่ือขับเคลอื่ นเศรษฐกิจและสังคมอย่ำง ยั่งยนื , โรงแรมรอยลั ริเวอร์ กรงุ เทพมหำนคร. นิรมล สุธรรมกิจ. (2008). มาตรการที่มิใช่อากรศุลกากร (NTMs) ด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ อาหาร.ศูนยบ์ ริกำรวชิ ำกำรเศรษฐศำสตร์ คณะเศรษฐศำสตร์ มหำวิทยำลยั ธรรมศำสตร์ ---------. (2009). ข้อตกลงใหม่ด้านโลกร้อน (ภายหลัง ค.ศ.2012) โอกาสหรืออุปสรรคทการค้า?. ศนู ย์บริกำรวิชำกำรเศรษฐศำสตร์ คณะเศรษฐศำสตร์ มหำวิทยำลยั ธรรมศำสตร์. ---------. (2009). มาตรการลดโลกร้อน การค้ากระเทอื นคาถามที่ยงั หาคาตอบ. ศนู ยบ์ ริกำรวชิ ำกำร เศรษฐศำสตร์ คณะเศรษฐศำสตร์ มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์. เนช่ันแนล จีโอกรำฟิก. (2561). สารเคมีจากพลาสติกและเครื่องสาอางปนเปื้อนในโลมา. ค้นเมื่อ ตุลำคม 23, 2563, จำก https://ngthai.com/animals/13806/chemicals-from- plastics-in-dolphins/. บัญญตั ิ จลุ นำพันธ์. (2542). กำรตลำดสินคำ้ เกษตรกรรม Marketing of Agricultural Products. กรุงเทพมหำนคร: มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง. บัณฑติ ศิริรกั ษ์โสภณ. (2561).กำรเมืองเรอ่ื งป่ำชุมชน : ปัญหำเชงิ นโยบำยและระบบกรรมสทิ ธริ์ ว่ มใน สังคมไทย.วารสารธรรมศาสตร์, 37(2) :144-162. บีบีซี ไทย. (2017). พบสารเคมตี อ้ งห้ามเมื่อเกอื บ 40 ปีก่อนตกคา้ งในสว่ นลึกที่สุดของมหาสมุทร แปซฟิ กิ .คน้ เม่ือ กุมภำพนั ธ์ 28, 2563, จำก https://www.bbc.com/thai/international-39057387 บุษบำ จินดำวิจักษณ์. (มปป.). รูปแบบยามีก่ีแบบใช้อย่างไร. ค้นเมื่อ กุมภำพันธ์ 27, 2563, จำก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0023.pdf. ประชำชำติธุรกิจ. (2558). รทู้ ันโลก : สำรพิษตกคำ้ งอันตรำยท่ตี ้องระวัง 4 กุมภำพนั ธ์ 2558 (89):5 ประภำศรี เทพรักษำและชิดพงศ์ ประดิษฐสุวรรณ. (2554).กำรผลติ น้ำสับปะรดเข้มข้นด้วยวิธกี ำรแช่ เยือกแขง็ แบบกำ้ วหนำ้ .วารสารวทิ ยาศาสตรแ์ ลเทคโนโลยี, 19(1) : 38-47. ประสิทธิ์ ผลิตผลกำรพมิ พ์. (2561, มิถนุ ำยน). เปดิ ประตจู รยิ ธรรมด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. โครงการเสวนาประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561, โรงแรมเซ็นจรู ่ี พารค์ กรงุ เทพมหานคร. ปทั มำ วำ่ พัฒนวงศ์ และปรำโมทย์ ประสำทกลุ .(มปป). ประชากรไทยในอนาคต. ค้นเม่ือ มกรำคม 25, 2563, จำก http://www.ipsr.mahidol.ac.th/IPSR/Annual Conference/ Conferencell/Article/Article02.htm.
315 ปัทมำ ศรีนำ้ เงนิ เพชรดำ ปนิ ใจ สุมิตร คณุ เจตน์ และสนธิชยั จนั ทรเ์ ปรม. (2559). กำรสะสมคำรบ์ อน ของหญ้ำทะเลบริเวณพื้นที่ศึกษำเขตศูนย์กำรศึกษำพัฒนำอ่ำวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี. วารสารพชื ศาสตร์สงขลานครนิ ทร์, 3 (ฉบบั พิเศษ (II)) : 29-35. ปำนทพิ ย์ รตั นศิลปก์ ัลชำญ. (2556). อนั ตรำยจำกสำรกดั กร่อนในผลิตภัณฑ์ทำควำมสะอำดครัวเรือน วารสาร มฉก.วชิ าการ,16(32) :157-168. ปิตพิ งศ์ ธำระมนต์ สุหทัย ไพรสำนฑก์ ุล และนภำพร เลยี ดประถม. (2559). กำรปนเปื้อนของไมโครพ ลำสติกในหอยสองฝำบริเวณหำดเจ้ำหลำวและชำดหำดคุ้งวิมำน จังหวัดจันทบุรี.วารสาร แกน่ เกษตร, 44 (ฉบบั พเิ ศษ 1) :738-744. ปติ ภิ ูมิ โพสำวงั สถิตโชค โพธสิ์ ะอำด และวสันต์ ภัทรอธิคม. (2560) .ก้ำวสโู่ ลกแหง่ กำรระบุตำแหน่ง ท่ีแม่นยำ : พัฒนำกำรในปัจจุบันและอนำคตของระบบดำวเทียมนำทำงทั่วโลกหลำยระบบ. วารสารวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 9(10) :1- 16. ผู้จดั กำรออนไลน์. (2560). พัฒนาตวั เรง่ ปฏิกิริยาเปลี่ยน CO2 เป็นเชื้อเพลิงและเคมภี ัณฑม์ ูลคา่ สูง. ค้นเมอ่ื มิถนุ ำยน 6, 2563,จำก https://mgronline.com/science/detail/9600000098157. ---------. (2561). ผลงานแปรรูปขา้ ว รบั รางวัลประกวดนวตั กรรมข้าวไทย. คน้ เมื่อ พฤษภำคม 18, 2563, จำก https://mgronline.com/smes/detail/9610000073481. ---------. (2562). ส่องเทรนด์อาหาร-เครื่องดื่ม 2020 โปรตีนแทนเนื้อสัตว์มาแรง. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 16, 2563, จำก http://mgronline.com/smes/detail/9620000081721. พงศธร พอกเพ่ิมดี. (2552). ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุใหม่ : สาธารณสุขยุคโลกาภิวัตน์. ค้นเมื่อ มกรำคม 26, 2563,จำก https://prachatai.com/journal/2009/05/24264. พรพรหม เมืองแมน.(2553). อันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต. ค้นเมื่อ มีนำคม 30, 2563,จำก https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=419. พรรณพิมล สุริยะพรหมชัย. (มปป). เตา สาหร่ายน้าจืดสารพัดประโยชน์. ใน น.ส.พ. กสิกร หน้า 62-69. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 17, 2563, จำก http://www.doa.go.th/kasikorn/year- 56/nov_dec_56/part-3.pdf. พรรณพิลำศ กุลดิลก.(2560). กำรขับเคล่ือนสังคมผ่ำนส่ือใหม่ในยุคโลกำภิวัตน์. วารสารวิชาการ มนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์, 25 : 59-77. พรรณพิสุทธิ์ สันติภรำดร. (มปป.). ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เร่ือง กาหนดอาหารท่ีห้ามผลิต นาเข้า หรือจาหน่าย. ค้นเม่ือ กุมภำพันธ์ 25, 2563, จำก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/. พชั ริดำ พงษปภสั ร์ .(2561).ชนดิ พันธ์ุตา่ งถน่ิ มติ รหรือศตั รู. คน้ เมื่อ กรกฎำคม 5, 2563, จำก https://www.seub.or.th/bloging/. พันธวัฒน์ เศรษฐวิไล. (2562). โลกใหม่ ความท้าทายใหม่ : ยกระดับประเทศไทยในโลก 4.0. ค้น เมื่อ มกรำคม 18, 2563 จำก http://the101.world/futurising-thailand-seminar-2/.
316 พำลำภ สิงหเสนี. (2535). พิษของยาฆ่าแมลงต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ จฬุ ำลงกรณม์ หำวิทยำลยั . พิชณิชำ นิปุณะ. (มปป.) นวัตกรรมเพ่ือชุมชน สู่การพัฒนาอาชีพอย่างย่ังยืน. ค้นเมื่อ มกรำคม 8, 2562, จำก https://erp.mju.ac.th/openFile.aspx?id=MjIwMjk4&method=inline พิชัย วำศนำส่ง. (2549). โลกาภิวัตน์ : หมุนตามโลก สารพันสาระที่ควรรู้เพื่อทันกระแสโลก. กรุงเทพฯ: ปำเจรำ. พิชำย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. (2562). การพัฒนาในศตวรรษที่ 21 : การเตบิ โตสีเขียวหรือลดการ เตบิ โต. ค้นเมื่อ กรกฎำคม 16, 2563, จำก https://mgronline.com/daily/detail/9620000114329. พสิ ทุ ธ์ิ เพยี รมนกลุ และปฏิภำณ ปญั ญำพลกลุ . (2556). ภาพรวมของสารเคมีที่มกี ารประยุกตใ์ ช้งาน ในภาวะ น้ามนั รั่วไหล (Oil spill) ลงสทู่ ะเล. คน้ เมอ่ื กรกฎำคม 13, 2563, จำก https://www.eng.chula.ac.th/th/18178. พีระ เจริญพร. (2009).เศรษฐกิจเชิงสร้ำงสรรค์กับกำรกีดกันทำงกำรค้ำสินค้ำเกษตรของไทย ศนู ย์บริกำรวิชำกำรเศรษฐศำสตร์ คณะเศรษฐศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์. พุฒิชำติ คิดหำทอง วีรินทร์ หวังจิรนิรันดร์ และ อัจฉริยำ สุริยะวงค์. (2557). กำรศึกษำศักยภำพเชิง พน้ื ที่ของชีวมวลสำหรบั ผลิตไฟฟำ้ ของประเทศไทย.วารสารวจิ ัยพลังงาน,11(1) : 63-57. เพยี งตำ สำตรกั ษ.์ (2550). ธรณฟี ิสกิ สเ์ พือ่ การสารวจใตด้ ิน. ขอนแกน่ : โรงพมิ พ์ มหำวิทยำลัยขอนแก่น. ภำคภูมิ เหลำ่ ตระกลู . (2558). พื้นฐานการรบั รจู้ ากระยะไกล (1). คน้ เมอ่ื กรกฎำคม 12, 2563, จำก https://www.gistda.or.th/main/th/node/936. ภำนุ เน่ืองจำนงค์ กำญจนำ นำคะภำกร และสิริกร กำญจนสุนทร. (2558, มิถุนำยน). การประเมิน การสะสมคารบ์ อน เหนอื พื้นดินของป่าชายเลนด้วยข้อมูลดาวเทียม WORLDVIEW-2 ใน พ้ืนท่ีอาเภอเมือง จังหวัดชลบุรี. กำรประชุมวิชำกำรและเสนอผลงำนวิจัยระดับชำติ สร้ำงสรรค์และพัฒนำเพื่อก้ำวหน้ำสู่ประชำคมอำเซียน คร้ังที่ 2, วิทยำลัยนครรำชสีมำ อำเภอเมือง จงั หวัดนครรำชสีมำ. ภำษมี ลู คำ่ เพ่มิ . คน้ เม่อื มนี ำคม 30, 2563, จำก http://www.rd.go.th/publish/27864.0.html. มลู นธิ ิพลังงำนเพ่ือส่งิ แวดลอ้ ม. (2549). ชวี มวล. กรงุ เทพฯ : บริษทั คิว พริน้ ท์ แมเนจเม้นท์ จำกดั มูลนิธิสถำบันวิจัยและพัฒนำประเทศตำมปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง.(มปป.) การประยุกต์ใช้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของภาครัฐ. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและ สังคมแหง่ ชำต.ิ มูลนิธิสืบนำคะเสถียร. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ป่าและสถานภาพของสัตว์ป่าใน ปัจจุบัน. ค้นเม่ือ กรกฎำคม 14, 2563, จำก https://www.seub.or.th/seub/. ยงยุทธ ยุทธวงศ.์ (2561, มิถุนำยน). เปิดประตจู รยิ ธรรมด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. โครงการ เสวนาประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2561, โรงแรมเซ็นจรู ี่ พารค์ กรงุ เทพมหานคร. ยคุ ล ลมิ้ แหลมทอง. (2563). เกษตรไทย 2573. สถำบันคลังสมองแห่งชำติ.
317 ยุทธศำสตร์ อนุรักติพันธ์ุ. (2559). ผลกระทบและแบบจำลองของกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภมู ิอำกำศที่ รุนแรงบริเวณอุทยำนสิ่งแวดล้อมนำนำชำติสิรินธรโดยระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์. วารสาร เทคโนโลยภี ูมิสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยบูรพา, 1(2) : 31-40. ระวี เจยี รวภิ ำ สุรชำติ เพชรแกว้ มนตรี แก้วดวง และวทิ ยำ พรหมม.ี (2555). กำรประเมนิ กำรเก็บกัก คำร์บอนและรำยได้จำกกำรชดเชยคำร์บอนในสวนยำงพำรำ.วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา, 17(2) : 91-102. รัชนีกร วันจันทึก. (2554). ก๊ำซไฮโดรเจน : ควำมคำดหวังเพื่อเป็นแหล่งพลังงำนท่ีย่ังยืน.วารสาร วทิ ยาศาสตรบ์ ูรพา, 16(2554) : 131-140. รัชนวี รรณ คำตนั และคณะ. (2562). ปัญหำหมอกควันและผลกระทบด้ำนสุขภำพในจงั หวัดเชียงใหม่. วารสารสหวทิ ยาการวจิ ยั , 8(1) : 265 - 273. โรงพยำบำลบำรุงรำษฎร.์ (2561). มลพิษจากอนุภาคฝุ่นละออง อันตรายคุกคามในอากาศ. ค้นเมื่อ มิถุนำยน 20, 2563, จำก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/february- 2018/air-pollution-threat. ฤทธิชัย อัศวรำชันย์. (2555).กำรให้ควำมร้อนแบบโอห์มิกในกำรแปรรูปอำหำร. วารสารเทคโนโลยี การอาหาร มหาวิทยาลยั สยาม, 7(1) : 11-22. ลิขิต ธีรเวคิน.(2556). กำรปรับตัวของประเทศไทยในยุคโลกำภิวัตน์ เอเชียรุ่งโรจน์ และประชำคม เศรษฐกจิ อำเซยี น. วารสารราชบณั ฑติ ยสถาน, 38 : 23-48. วรเชษฐ์ บญุ ปลอด. (2559). มงั กรจนี ผงาดฟา้ . ค้นเม่อื มกรำคม 12, 2563, จำก http://thaiastro.nectec.or.th/library/article/222/. วรพจน์ กนกกนั ฑพงษ.์ (2551). อุปกรณ์ดกั จบั ฝุน่ ละออง. วารสารมฉก.วิชาการ, 11(22) : 79-86. วลัยพร มุขสุวรรณ. (2552). รู้จักของใช้อันตรายในบ้าน. ค้นเมื่อ กุมภำพันธ์ 29, 2563, จำก http://www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=4&ID=19. วสนั ต์ จนั ทรแ์ ดง ลดำวลั ย์ พวงจติ ร และสำพิศ ดิลกสมั พนั ธ์. (2553). กำรกกั เก็บคำรบ์ อนของป่ำเต็ง รัง และสวนป่ำยูคำลปิ ตัส ณ สวนป่ำมัญจำคีรี จังหวัดขอนแก่น. วารสารวนศาสตร์, 29(3) : 36-44. วันไชย คำเสน และคณะ.(2017). กำรแปรรูปสับปะรดแช่อ่ิมอบแห้งด้วยรังสีแสงอำทิตย์. วารสาร มหาวทิ ยาลยั นเรศวร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 25(2) : 122-130. วิชุดำ เกตุใหม่ เสำวภำ แก้วสุกใส และลีซำ แยนำ. (2553). กำรคัดแยกจุลินทรีย์ท่ีสำมำรถย่อยสลำย นำ้ มันหล่อล่นื เครอื่ งยนต์ที่ใช้แล้ว.วารสารมหาวทิ ยาลัยทักษณิ , 12(3) : 202-213. วินัย วนำนกุ ลู . (มปป.). อนั ตรายจากผลติ ภัณฑ์ทีใ่ ช้ในบ้านเรือน. ค้นเมื่อ กมุ ภำพันธ์ 18, 2563,จำก https://med.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/bulletin/bul98/v6n4/Household_p ro. วภิ ำ อตุ มฉนั ท.์ (2546). มำรจู้ ักกับส่ือโลกำภิวตั น์. BU ACADEMIC REVIEW, 2 : 120-128. วิมล ศรีศุข. (มปป). เป็นเบาหวาน เลือกอะไรใส่กาแฟแทนน้าตาล. ค้นเม่ือ กุมภำพันธ์ 22, 2563, จำก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/.
318 วิรัตน์ เจริญบุญ. (2560). เตำชีวมวลแกลบพลังงำนเพ่ือเกษตรกรไทย.วารสารวิทยาศาสตร์ มข. ,45(1) : 163-174. วิรัตน์ แสงทองคำ. (2553, เมษำยน 2). เกษตรโลกำภิวัตน์. มติชนสุดสัปดาห์. ค้นเม่ือ มกรำคม 27, 2563, จำก https://viratts.wordpress.com/2010/04/02/glob-agri/. ---------. (2561, พฤษภำคม 31). เกษตรกรรมยุคสมัย ตอนที่ 3. มติชนสุดสัปดาห์. ค้นเมื่อ มกรำคม 27, 2563, จำกhttps://www.matichonweekly.com/column/article_105027. วิวัฒน์ ไม้แก่นสำร และมลฤดี หมุนขำ. (2557). กำรเปลี่ยนแปลงของภำคธุรกิจเกษตรภำยใต้บริบท ของโลกในอนำคต. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 5(ฉบับพเิ ศษ) : 244-255. วิวัฒน์ ศัลยกำธร. (2562, กนั ยำยน). การขับเคลือ่ นสืบสานศาสตร์พระราชาสเู่ ปา้ หมายความยั่งยืน ของโลก, หอประชุมเกษม จำติกวณิช สำนกั งำนใหญ่ กฟผ. วีรยำ กำรพำนิช. (มปป.) กรดเบนโซอิก วัตถุกันเสียที่นิยมใช้ในอาหาร.สถำบันโภชนำกำร มหำวทิ ยำลัยมหิดล. วรี ะเดช คชเสนีย์. (2562). กระทรวงดจิ ิทลั เพื่อเศรษฐกจิ และสังคมและกระทรวงพลังงาน ประชุม เครือขา่ ยเมืองอจั ฉริยะอาเซียน พร้อมดึง 26 เมืองชนั้ นา 10 ประเทศในกลมุ่ อาเซียนร่วม ขบั เคล่อื นยกระดับคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนในอาเซยี นด้วยเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม. คน้ เม่อื มกรำคม 11, 2563, จำก http://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG190607112446727 ศริศักด์ิ สุนทรไชย. (2558). ระบบสำกล GHS เพ่ือกำรจัดกำรควำมปลอดภัยของสำรเคมี. วารสาร ความปลอดภยั และสุขภาพ, 8(27) : 62-66. ศรีรัฐ โกวงศ์.(2559). ระบบรำชกำรไทยภำยใต้กระแสโลกำภิวัตน์. วารสารรัฐศาสตร์ปริทรรศน์ มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์, 3 : 44-64. ศิโรรัตน์ ตั้งสถิตพร. (มปป.). พลาสติกชีวภาพ วัสดุทางเลือกในอุตสาหกรรมยานยนต์. ค้นเมื่อ มกรำคม 11, 2563, จำก https://www.tistr.or.th/tistrblog/?cat=417. ศภุ ชยั พำณิชภักด.์ิ (2559). บรรยำยพิเศษ Thailand’s Sufficiency Economy and Agenda 2030 : Showing the way forward for sustainable development 8 ธนั วำคม 2559 ณ สถำนเอกอัครรำชทูต ณ กรงุ บรัสเซลส์. คน้ เมื่อ มกรำคม 27, 2563, จำก http://www.mfa.go.th/europetouch/th/articles/8332/90488-Thailand- Sufficiency-Economy-and-Agenda-2030-Showi.html. ศุภัชญำ คนสมบูรณ์ และสุนีรัตน์ ฟูกุดะ. (มปป.) เทคโนโลยีพลังงำนชีวมวลของประเทศไทย. นิตยสาร Horizon, สำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี และ นวตั กรรมแหง่ ชำติ 4(3) : 6-11. ศูนย์ขอ้ มูลพิษวทิ ยำ. (มปป.) รูจ้ ักคารบ์ าเมต. คน้ เม่อื กุมภำพนั ธ์ 19, 2563, จำก http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_2_001c.asp?info_id=297 ศูนย์ข่ำวพลังงำน. (2562). มองรอบด้านเช้ือเพลิงผลิตไฟฟ้า. ค้นเม่ือ เมษำยน 1, 2563, จำก https://www.energynewscenter.com/2385-2/.
319 ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กระทรวงกำรต่ำงประเทศ. (2019). นวัตกรรมเน้ือสัตว์เทียมของ Startup อิสราเอล.ค้นเมื่อ พฤษภำคม 16, 2563, จำก https://globthailand.com/israel- 28102019/. ศูนยว์ ิจยั กสกิ รไทย. (2562). ระบบตรวจสอบยอ้ นกลับและติดตามพชื ผล (Traceability) ขยาย โอกาสตลาดสินคา้ ออรก์ านิกของไทย. คน้ เม่ือ พฤษภำคม, 12, 2563 จำก https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/business/Pages/z3045.aspx. ---------. (2562). SME จับเทรนด์อำหำรอนำคตสร้ำงรำยได้. K SME Analysis หน้ำ 1-6 ธนำคำร กสกิ รไทย. ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีกำรเกษตรด้ำนอำรักขำพืช จังหวัดเชียงใหม่. (มปป.). เช้ือราบิวเวอเรีย. ค้น เม่อื กรกฎำคม, 25 2563, จำก http://www.pmc08.doae.go.th/beauveria.htm. โศภิษฐำ ธัญประทีป และปิยวรรณ กลิ่นศรีสุข. (2561). Farming Drone ก้าวแรกสู่หุ่นยนต์ การเกษตรไทย โดย ดร.มหิศร ว่องผาติ. เทศกำลงำนออกแบบกรุงเทพฯ 2561. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 16, 2563,จำก https://web.tcdc.or.th/th/Articles/Detail/Farming-Drone- -ก้ำวแรกสู่หุ่นยนต์กำรเกษตร. สถำบันทรัพย์สินทำงปัญญำแห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย. (2560). รายงานการวิเคราะห์แนวโน้ม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร โครงการพัฒนา ผู้ประกอบการด้านทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม. กรุงเทพมหำนคร : จุฬำลงกรณ์ มหำวทิ ยำลัย. สถำบนั บณั ฑิตบริหำรธรุ กิจศศนิ ทร แหงจฬุ ำลงกรณมหำวิทยำลยั สถำบันนำนำชำตเิ พื่อเอเชยี -แปซิฟ กศึกษำ มหำวิทยำลัยกรุงเทพ และ บริษัท เบเคอร แอนด แม็คเค็นซี่ จำกัด. (2554). รายงานการศึกษาเชิงลึก เลมที่ 1 พลวัตโลก เศรษฐกิจการคาไทยและบทบาทกระทรวง พาณิชยภายใตโครงการจดั ทาแผนแมบทกระทรวงพาณิชย พ.ศ. 2555-2564. กระทรวง พำณชิ ย์. สถำบันเพ่ิมผลผลิตแห่งชำติ. (2019). นวัตกรรมอาหารในอนาคต. ค้นเม่ือ พฤษภำคม 16, 2563, จำก https://www.ftpi.or.th/2019/32975. สถำบนั ส่ิงแวดลอ้ มไทย. (มปป.). สง่ิ แวดล้อมศึกษา. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 31, 2558, จำก http://www.tei.or.th/w_ee/index.html. สถำบนั อำหำร กระทรวงอุตสำหกรรม. (มปป.). สารกาจดั แมลงและศตั รูพชื กลมุ่ ออร์กาโนคลอรนี . ค้นเมื่อ กมุ ภำพนั ธ์ 19, 2563, จำกhttp://www.nfi.or.th/foodsafety/upload/ damage/pdf/organochlorine_2.pdf. สมคิด ทักษณำวิสุทธ์ิ. (2554). ธรุ กิจเกษตรเบอ้ื งต้น. กรุงเทพมหำนคร: คณะเศรษฐศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์. สมคิด ภูมิโคกรักษ์. (2559). กำรประยุกต์ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์เพ่ือวิเครำะห์หำพ้ืนท่ีเสี่ยงต่อ กำรเกิด อุทกภัยในจังหวัดนครปฐม,วารสารเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มหาวิทยาลัยบูรพา, 1(2) : 41-48.
320 สมพร อศิ วลิ ำนนท์. (2562). มองอนาคตขา้ วไทยผ่านตลาดการค้าขา้ วโลก. งำนสมั มนำสรปุ ผลกำร ดำเนินงำนและแนวทำงกำรพัฒนำระบบสง่ เสริมกำรผลติ ขำ้ วในนำแปลงใหญ่ จดั โดยกรมกำร ข้ำว โรงแรมคุ้มภูคำ อ.เมอื ง จ. เชยี งใหม่. ค้นเมอื่ พฤษภำคม 23, 2562, จำก http://www.ricethailand.go.th/web/images/brps_rd/seminar/11-09- 62/1.market_world.pdf. สมำคมพัฒนำคุณภำพส่งิ แวดล้อม. (มปป.). ค้นเม่ือ พฤษภำคม 31, 2558, จำก http://www.adeq.or.th/web/news/news_green_detail.php สรรค์ใจ กล่ินดำว.(2542). ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ : หลักการเบ้ืองต้น. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ มหำวิทยำลยั ธรรมศำสตร์. ส่วนควบคมุ และปฏบิ ัติกำรไฟปำ่ สำนักบรหิ ำรพืน้ ที่อนรุ ักษ์ที่ 16 จงั หวัดเชียงใหม่. (2554). ความรู้ เรอ่ื งไฟ ป่า.คน้ เม่ือ กรกฎำคม 5, 2563, จำก http://www.fca16.com/newblog/blog.php?id=forestfire41. สวรินทร์ เบ็ญเด็มอะหลี. (2557). กำรประเมินสภำพป่ำและศักยภำพในกำรเก็บกักคำร์บอนของป่ำ เสม็ดใน เขตปำ่ ชุมชนพน้ื ที่ป่ำทุ่งบำงนกออกแหง่ ลุ่มน้ำทะเลสำบสงขลำตอนลำ่ ง. วารสารวน ศาสตร์, 33(2) : 88-101. สำยทอง แก้วฉำย. (2555). กำรใช้ไตรโคเดอร์มำในกำรควบคุมโรคพืช.วารสารมหาวิทยาลัย นราธิวาสราชนครนิ ทร์, 4(3) :108-123. สำยพณิ ชินตระกลู ชัยและศุภนิตย์ ตง้ั สง่ำศกั ดิ์ศร.ี (2559). ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงอตุ สำหกรรมอำหำร และสำขำกำรผลติ อื่นในระบบเศรษฐกิจ. Discussion Paper Series. คณะเศรษฐศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยธรรมศำสตร์. สำยพณิ ชินตระกูลชยั . (2552). มวี ธิ แี ก้ปัญหาราคาสินคา้ เกษตรตกต่าอยา่ งยง่ั ยืนหรอื ไม่. ค้นเมอ่ื พฤษภำคม 23, 2563, จำก http://www.econ.tu.ac.th/oldweb/doc/news/409/econtu_11_saipin.pdf. สำรเคมีในชีวิตประจำวัน. คน้ เม่ือ กุมภำพนั ธ์ 25, 2563,จำก http://worldchemical.co.th/th/page-44-. สำระสำคัญของกรอบนโยบำยกำรพัฒนำนำโนเทคโนโลยีของ ประเทศไทย (พ.ศ. 2555-2564). สำนักงำนคณะกรรมกำรนโยบำยและแผนพัฒนำวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม แหง่ ชำติ, 2555. สำนักขำ่ วกรมประชำสมั พนั ธ.์ (2561). เกษตรฯ เรง่ เครอ่ื ง Big Data ขบั เคลื่อนการใช้ประโยชน์ ขอ้ มูลร่วมกันในยุคดิจิทลั . ค้นเม่ือ พฤษภำคม, 24, 2563, จำก http://thainews.prd.go.th/th/news/print_news/WNEVN6110110010001. สำนักข่ำวไทยพีบีเอส. (2553). แหล่งข่ำว 22 กันยำยน 2553. ค้นเมื่อ สิงหำคม 16, 2563, จำก https://news.thaipbs.or.th/content/217154, 22 กันยำยน 2553) สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน. (2559). ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการ ประยกุ ตใ์ ช้. สำนกั งำน ก.พ.
321 สำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ. (มปป.).สารเคมีกาจัดหนู. ค้นเมื่อ กุมภำพันธ์ 19, 2563, จำกhttp://www.fda.moph.go.th/sites/Hazardous/KM_Factsheet/. สำนกั งำนทปี่ รึกษำกำรเกษตรตำ่ งประเทศประจำสหภำพยุโรป. (มปป.). ความสาคัญของระบบ ตรวจสอบยอ้ นกลับของสหภาพยโุ รป. คน้ เมื่อ พฤษภำคม 12, 2563, จำก https://appdb.tisi.go.th/tis_devs/regulate/eu/pdf/Traceability%20System%20E U.pdf. สำนกั งำนนโยบำยและแผนทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดล้อม. (2561). สถานการณ์ ทรัพยากรธรรมชาติ. คน้ เมอ่ื ตุลำคม 17, 2561, จำก http://www.onep.go.th/env_data/01_02/. สำนกั งำนนโยบำยและแผนพลงั งำน. (2562). แผนพัฒนากาลงั ผลติ ไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580. ค้นเมือ่ มิถุนำยน 23, 2563, จำก http://www.eppo.go.th/images/POLICY/PDF/PDP2018.pdf สำนักงำนนวัตกรรมแห่งชำติ. (2562). NIA เผย CCUS นวตั กรรมเปล่ยี นคาร์บอนเปน็ พลงั งาน. คน้ เ มื่ อ มิ ถุ น ำ ย น 5 , 2563, จ ำ ก https://www.smeone.info/center-service-sme- detail/4751. สำนักงำนพฒั นำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ชำติ. (มปป). สวทช. กับการพัฒนาชุมชนชนบท ด้วยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. คน้ เมื่อ มกรำคม 8, 2563 จำก https://www.nstda.or.th/th/r-and-d-impact/807-rural-development-with- science-and-technology. ---------. (มปป.). การปรบั ปรงุ พันธข์ุ า้ ว. คน้ เม่ือ พฤษภำคม 23, 2562, จำก https://www.nstda.or.th/th/r-and-d-impact/817-modify-rice. สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. (2559). เช้ือเพลิงไฮโดรเจน : แหล่งพลังงานทางเลือกเพื่อ ลดโลกร้อน. ค้นเมือ่ สิงหำคม 25, 2563, จำก http://parliament.go.th/library. สำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อม. (2561). กิจกรรมการจัดทาองค์ความรู้ท่ี เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ อุตสาหกรรมและเกษตรแปรรูป เชื่อมโยงกันอย่างไรให้ เศรษฐกิจยง่ั ยืน.งำนพฒั นำองค์ควำมร้สู ำหรบั SME. สำนักงำนสภำนโยบำยกำรอุดมศึกษำ วทิ ยำศำสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรมแหง่ ชำต.ิ (2562). บท วิเคราะหอ์ นั ดับขีดความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศไทยด้านโครงสร้างพนื้ ฐาน ทางวิทยาศาสตรแ์ ละด้านการศึกษาประจาปี 2562 จากรายงาน IMD World Competitiveness Yearbook 2019. ค้นเม่อื มกรำคม 8, 2563, จำก http://stiic.sti.or.th/wp- content/uploads/2019/07/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B 4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A B%E0%B9%8C-IMD-2019-web-ver.pdf.
322 สำนกั งำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ. (มปป.) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561- 2580. ค้นเมื่อ มกรำคม 8,2563,จำก http://nscr.nesdb.go.th/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8% 97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8% A3%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/. สำนักนโยบำยและแผนพลังงำน. (มปป.). เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ภายในบ้าน. กรุงเทพฯ : กระทรวงพลังงำน. สำนักพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศและภูมิสำรสนเทศ. (มปป.). ความหมายของเทคโนโลยีภูมิ สารสนเทศ. ค้น เมอ่ื กรกฎำคม 12, 2563, จำก http://learn.gistda.or.th/. สำนักเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. (2561). ขยะอิเล็กทรอนิกส์ : ขยะพิษมหันตภัยร้ายจาก เทคโนโลยี. ค้น เมอื่ กรกฎำคม 1, 2563, จำก http://www.parliament.go.th/library. สิปปนนท์ เกตุทัต. (2535). เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และคุณภำพชีวิต.วารสารข่าวสาร กฟผ., 22 :15- 19. ---------. (2536). ควำมสำคัญของวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีต่อสังคมไทยในปัจจุบันและ อนำคต. วารสารวิทยาศาสตร์, 47: 287-295. ---------. (2536). แนวโน้มกำรพัฒนำวิทยำศำสตร์ในประเทศไทย. กำรประชมุ สมั มนำกำรวำงแผนกำร ผลิตและกำรพฒั นำกำลงั คนทำงวทิ ยำศำสตร์. ทบวงมหำวิทยำลยั . ---------. (2545). วิสยั ทศั นว์ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยขี องประเทศไทย 2543-2563: ภำพรวมควำม ตอ้ งกำรจำกมุมมองของผใู้ ชเ้ ทคโนโลย.ี วารสาร LAB.TODAY, 5:75-79. สจุ ติ รำ วำสนำดำรงดี. (2558, มิถนุ ำยน). สถานการณป์ ญั หาขยะอิเล็กทรอนิกส์. กำรเสวนำวิชำกำร ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จัดกำรอย่ำงไรให้ปลอดภัย, สถำบันวิจัยสภำวะแวดล้อม จุฬำลงกรณ์ มหำวิทยำลยั . สุชำต อุดมโสภกจิ . (2555). ทิศทำงกำรพฒั นำนำโนเทคโนโลยีของประเทศไทย.วารสาร Bio&Nano, 39 :33-37. สดุ ำ วรรณประสำท. (มปป.) Acrylonitril. คน้ เมือ่ กุมภำพนั ธ์ 23, 2563, จำก https://med.mahidol.ac.th/poisoncenter/sites/default/files/public/pdf/books/ Toxic-Substance1-01_Acrylonitile.pdf. สุทธิรัตน์ กิตติพงษ์วิเศษ อำทิตย์ เพ็ชร์รักษ์ เจรยุกต์ โล่วัชรินทร์ จงรักษ์ ผลประเสริฐ. (2562). มล สำรไมโคร พลำสติกในแหลง่ น้ำเสยี ดิบและระบบำบดั นำ้ เสีย.วารสารสิ่งแวดล้อม, 23(1) : 1-10. สุทัศน์ ยกส้ำน. (2547). เทคโนโลยีสำรสนเทศกับกำรสนเทศสำรวิทยำศำสตร์.วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์, 3: 71-74. ---------. (2554). สังคมกับควำมต้องกำรเทคโนโลยีและควำมต้องกำรควำมรู้วิทยำศำสตร์. วารสาร วทิ ยาศาสตร์ มศว., 27:1-3. สุเนตรำ เล็กอุทัย. (2010). ความสาคัญของอุตสาหกรรมอาหารต่อระบบเศรษฐกิจไทย. โครงกำร กิจกรรมกำรเชื่อมโยงงำนวิจัยกบั ภำคนโยบำย. สำนักงำนกองทนุ สนับสนนุ กำรวิจัย (สกว.)
323 สุพรรณ กำญจนสุธรรม และวุฒิชัย แก้วแหวน. (2559). แผนบริหำรจัดกำรและพัฒนำทรัพยำกรน้ำ แบบบูรณำกำรโดยใช้เทคโนโลยีภูมิสำรสนเทศ จังหวัดชลบุรี.วารสารเทคโนโลยีภูมิ สารสนเทศ มหาวิทยาลัยบรู พา, 1(1) : 1-13. สุพิณ แสงสุข. (2552).วัสดุนาโนกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม. ค้นเมื่อ กรกฎำคม 16,2563, จำก http://www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=5&ID=7. สภุ ัทรำ ผมทอง และดวงเดอื น อัศวสธุ รี กุล. (2560). กำรวิเครำะห์พนื้ ที่เสย่ี งภยั จำกดนิ ถล่มในจงั หวดั เพชรบรู ณ์.วารสารเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มหาวิทยาลัยบรู พา, 2(3) : 41-52. สุภำดำ ขุนณรงค์. (2555). ส่ิงแวดล้อมกับการพัฒนาท่ีย่ังยืน. เพชรบุรี : มหำวิทยำลัยรำชภัฏ เพชรบรุ ี ---------. (2563). การพฒั นารปู แบบการทานาขา้ วอนิ ทรียใ์ นจังหวัดเพชรบรุ ี. รำยงำนกำรวิจัยฉบับ สมบูรณ์. โครงกำรวิจัยและนวัตกรรมเพ่ือถ่ำยทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนฐำนรำก. สำนักงำน ปลัดกระทรวงกำรอดุ มศกึ ษำ วิทยำศำสตร์ วิจยั และนวัตกรรม. สุภำวดี สำระวัน. (2562). Climate change คืออะไร. ค้นเมอ่ื กันยำยน 29, 2563, จำก https://www.scimath.org/article-chemistry/item/10620-climate- change. สุมิตรำ จรสโรจน์กุล. (มปป.) พลังงานไฮโดรเจน. หน่วยวิจัยวัสดุสำหรับพลังงำน : ศูนย์เทคโนโลยี โลหะ และวสั ดแุ ห่งชำติ. สุเมธำ วิเชียรเพชร. (2012). ชุมชนปลอดภัย รู้เท่าทันสารเคมี. ค้นเมื่อ กุมภำพันธ์ 19, 2563, จำก http://dpm.nida.ac.th/main/index.php/articles/chemical- hazards/itemlist/tag/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%20 NFPA. สุรนิ ทร์ อยูย่ ง. (มปป.). บทความเผยแพรค่ วามร้สู ปู่ ระชาชน: อันตรายจากสารเคมใี กล้ตัว. คณะ เภสชั ศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั มหดิ ล คน้ เม่ือ กุมภำพนั ธ์ 29, 2563, จำก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/ สุริวัสสำ กล่อมเดช. (2018). Bug Products โอชะจากแมลง. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 16, 2563, จำก https://krua.co/food-story/food-feeds/62/bug-products-nbsp. สุวรรณี ธีรภำพธรรมกลุ และคณะ. (2559). กำรประเมินควำมเสีย่ งของกรดเบนโซอกิ และกรดซอร์บิค ในอำหำรตอ่ คนไทย. วารสารวิชาการสาธารณสขุ , 25(1) : 49-59. เสำวณี จันทะพงษ์และคณะ. (2561). กระแสกำรเคลอื่ นยำ้ ยแรงงำนขำ้ มชำติ : เขำ้ ใจ เข้ำถงึ และเปน็ ธรรม. วารสาร MPG Economic Review,.1-7 ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย เสำวนีย์ วิจิตรโกสุม. (2561). กำรทำเกษตรกรรมแนวต้ัง (Vertical Farming). วารสารสิ่งแวดล้อม, 22(2) : 56-63. เสำวลักษณ์ ปีกกลำงและอนงค์นำถ พรมพินิจ. (มปป.). การศึกษาค่าปกป้องแสงแดดของครีมกัน แดดทม่ี จี าหน่ายในพ้ืนทจี่ ังหวัดมหาสารคาม, มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั มหำสำรคำม.
324 โสมรศั มิ์ จนั ทรัตน์และคณะ. (2562). ทัศนภ์ าคเกษตรไทย จะพลิกโฉมอย่างไรสูก่ ารพัฒนาท่ยี งั่ ยนื . คน้ เมือ่ มกรำคม 26, 2563, จำกhttps://www.bot.or.th/Thai/ ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_26Sep2019.aspx. หมอชำวบำ้ น. (มปป.). เปา่ ปากชว่ ยหายใจ ถ้าผปู้ ว่ ยหายใจไม่ออกหรือหยุดหายใจ. ค้นเมื่อ มนี ำคม 30, 2563, จำก https://www.doctor.or.th/doctorme/first-aid/12513. หรรษำ ไชยวำนชิ . (มปป.). ผลติ ภณั ฑว์ ตั ถุมพี ษิ ท่ใี ช้ในอาคารบ้านเรือน. คน้ เม่อื กุมภำพนั ธ์ 19, 2563, จำก http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=66. องคก์ ำรบริหำรจัดกำรกำ๊ ซเรอื นกระจก. (2563). COP 26 UN climate change. ค้นเม่อื กันยำยน 26, 2563, จำก http://www.tgo.or.th/2020/index.php/th/post/cop-26-un-climate- change-conference- อเนก เหลำ่ ธรรมทัศน์. (2555, พฤษภำคม 18). ประชำกรในยุคโลกำภิวตั น์. นสพ.โพสต์ทเู ดย์. คน้ เมอ่ื มกรำคม 26, 2563, จำก https://www.hfocus.org/content/2012/05/217. อรวรรณ แก้วทอง. (2556). การแพร่กระจายของไมโครพลาสติกบริเวณชายหาดเจ้าหลาวและคุ้ง วิมาน จังหวัดจนั ทบุรี. ปัญหำพิเศษ คณะเทคโนโลยที ำงทะเล มหำวิทยำลัยบูรพำ. อัจฉรำ ตันติโชดก. (มปป.). การควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยใช้เช้ือแบคทีเรีย. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 18 , 2563, จำก http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/r_plant/ma_1.pdf. อจั ฉรำภรณ์ อ่อนตะวงศ.์ (มปป.). ผลของสารสกัดสาหร่ายเตา (Spirogyra Neglecta) ในการ ปกป้องไตในภาวะเบาหวานชนิดที่ 2. ค้นเมื่อ พฤษภำคม 17, 2563, จำก http://www.medsci.up.ac.th/v2/medsci_document/Research/article/atc05.pdf. อำรีย์ นยั พินิจ. (2557). กำรปรบั ตัวภำยใต้กระแสโลกำภวิ ัตน์. วารสารวชิ าการมหาวิทยาลัยราชภัฏ สงขลา,7:1-12. อุณำโลม เวทย์วัฒนะ ฮำร์ทลี่. (2556). ไฮโดรเจน-กำรผลิตและกำรประยุกต์ใช้. วารสารวิชาการ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม, 9(2) : 116-126. อไุ รวรรณ พำนิช. (มปป.).การรับประทานยาให้ถูกวิธี. ค้นเม่ือ กุมภำพนั ธ์ 28, 2563, จำก https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/1264_1.pdf. เอกพล ฉ้มิ พงศ.์ (มปป.) ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์. คน้ เมื่อ กรกฎำคม 12, 2563, จำก http://kmcenter.rid.go.th/kmc14/gis_km14/gis_km14(39).pdf. เอกวิทย์ เตระดิษฐ์. (2562). ใน 1 ปีพื้นที่ป่าท่ัวโลกหายไปเทียบเท่าขนาดของประเทศอังกฤษ. ค้น เมือ่ กรกฎำคม 14, 2563, จำก https://www.seub.or.th/bloging/. แอนโธนี กิ๊ดเดนส์ แปลโดย เชษฐำ พวงหัตถ์. (2546). โลกในกระแสกำรเปล่ียนแปลง.วารสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร, 23 : 133-182. European Society of Cardiology. (2019). Air pollution causes 8.8 million extra early deaths a year. Science Daily. Retrieved June 21, 2020, from www.sciencedaily.com/releases/2019/03/190312075933.htm.
325 King, R. P., Boehlje, M., Cook, M. L., and Sonka, S. T. (2010, May 10). Agribusiness Economics and Management. American Journal of Agricultural Economics, 92(2) : 554-570. Krungthai COMPASS.(2020). Economic Outlook 2020. คน้ เม่ือ พฤษภำคม 23, 2563, จำก https://krungthai.com/Download/economyresources/EconomyResourcesDown load_6Economic_Outlook_09_03_63.pdf. Ning Liu,Gang Sun, Jing Zhu. ( 2011) . Photo- induced self.cleaning functions on 2- anthraquinone carboxylic acid treated cotton fabrics. journal of Material Chemistry, 39 :15383 DOI : 10.1039/CIJM12805A. Solomon, S., D. Qin, M. Manning, Z. Chen, M. Marquis, K.B. Averyt, M. Tignor and H.L. Miller (eds.). Contribution of Working group I to the Fourth Assessment Report of the Intergovernmental Panel on Climate Change, 2007. Cambridge University Press, Cambridge, United Kingdom and New York, NY, USA. Stein J. (2009). The Legal Status of Eco-Labels and Product and Process Methods in the World Trade Organization. American Journal of Economics and Business Administration 1 (4): 285-295.
Index 3 3D Printing ......................................................................................................................... 222, 226 A Acetylcholinesterase....................................................................................................... 245, 248 Acute toxicity.............................................................................................................................246 Advanced Biofuels...................................................................................................................... 96 Alien Species .............................................................................................................................130 Alternating Current ...................................................................................................................280 Alzheimer’s disease .................................................................................................................250 Anaerobic Digestion..................................................................................................................160 Artificial intelligence................................................................................................................... 46 Aspartame ..................................................................................................................................251 B Bag Filter............................................................................................................................ 168, 171 Benzoic acid...............................................................................................................................251 Biodegradable agent ................................................................................................................146 Biodiversity ................................................................................................................................. 128 Biological cleaning...................................................................................................................... 83 Biosurfactant .............................................................................................................................. 146 Biotechnology............................................................................................................ 46, 185, 200 Business efficiency........................................................................................................................ 7 C Carbamate .................................................................................................................................. 248 Carbon Capture and Storage..................................................................................................153 Carbon Capture and Utilization.............................................................................................153 Carbon-based product.............................................................................................................155 Carrying capacity.......................................................................................................................127 Chemical cleaning ...................................................................................................................... 83 Chlorpyrifos ................................................................................................................................ 247 Cholinesterase ........................................................................................................................... 247 Cholinesterase enzyme...........................................................................................................247
328 Chronic toxicity ......................................................................................................................... 246 Clean Coal Technology..............................................................................................................82 Climate Change..........................................................................................................95, 108, 186 Combustible substance .......................................................................................................... 159 Convergent boundaries........................................................................................................... 135 Corporate social responsibility .............................................................................................. 222 Corrosive ............................................................................................................................232, 237 Countervailing Duty.................................................................................................................. 196 Cradle to Grave......................................................................................................................... 110 Crossdraft gasification.................................................................................................................97 Crown Fire.................................................................................................................................. 136 Cultured meat ......................................................................................................................... 189 Cyclone .......................................................................................................................84, 167, 171 D Decision Supporting System................................................................................................... 192 Depolymerization..................................................................................................................... 100 Dililants....................................................................................................................................... 232 Direct current ............................................................................................................................ 279 Dispersants.........................................................................................................................145, 146 Disruptive technology ...............................................................................................................25 Disruptive world...........................................................................................................................28 Divergent boundaries............................................................................................................... 134 Downdraft gasifier........................................................................................................................97 Drought....................................................................................................................................... 134 Drying zone...................................................................................................................................97 E Earthquake................................................................................................................................. 134 Economic performance................................................................................................................7 Electrostatic Precipitator.................................................................................................170, 171 Enabling technology ...................................................................................................................25 Energy Intensity......................................................................................................................... 112 Enhance Oil Recovery ............................................................................................................. 155 Eutrophication........................................................................................................................... 240
329 F Fixed bed...................................................................................................................................... 98 Flooding ...................................................................................................................................... 133 Fluidized bed gasifier ................................................................................................................. 98 Food additive ............................................................................................................................249 Food biotechnology product.................................................................................................191 Food warrior...............................................................................................................................190 Foreign Direct Investment.......................................................................................................190 Forest fire ...................................................................................................................................135 Fuel Cell .....................................................................................................................................154 Fuel tariff....................................................................................................................................298 Functional Food........................................................................................................................186 G Gate to gate...............................................................................................................................110 Gelling agents ............................................................................................................................145 Geographic surveying................................................................................................................ 27 Geographic Information System.............................................................................................163 Geophysic exploration............................................................................................................... 79 Global Navigation Satellite System.............................................................................. 163, 164 Global Positioning System ......................................................................................................164 Government efficiency ................................................................................................................ 7 Gravity Prospecting..................................................................................................................... 79 Gravity Settling chamber................................................................................................ 167, 171 Gross Domestic Product.............................................................................................................. 3 Ground Fire ................................................................................................................................136 H Horizontal axis wind turbine...................................................................................................104 I Immune toxicity ........................................................................................................................246 Information Technology............................................................................................................ 18 Infrastructure ................................................................................................................................. 7 Insect food.................................................................................................................................221 Insect Powders ..........................................................................................................................217 Intelligence packaging..............................................................................................................191
330 Internet of things................................................................................................................45, 189 Internet of Things ........................................................................................................................20 Invasive alien species............................................................................................................ 131 L Landslide...................................................................................................................134, 137, 138 Life Cycle Assessment............................................................................................................. 111 Life Cycle Consideration ......................................................................................................... 111 Local economy......................................................................................................................... 190 M Magnetic survey...........................................................................................................................80 Medical food ............................................................................................................................. 222 Microplastics.............................................................................................................................. 138 N Nanotechnology ..........................................................................................................................46 Narcotic ...................................................................................................................................... 232 National competitiveness............................................................................................................6 New marketing platform......................................................................................................... 191 Non-Tariff Measures................................................................................................................. 196 O Oceanic ridge............................................................................................................................. 134 Organochlorine ......................................................................................................................... 248 Outsourcing...................................................................................................................................11 Oxidizing inorganic acids ......................................................................................................... 233 P Parkinson’disease..................................................................................................................... 250 Physical cleaning .........................................................................................................................83 Plant-based food...................................................................................................................... 221 Plate techtonics........................................................................................................................ 134 Platform...................................................................................................................................... 191 Prescribe Burning...................................................................................................................... 135 Primary microplastic ................................................................................................................ 139 Producer gas..........................................................................................................................97, 99 Production stages..................................................................................................................... 110
331 Pumped-storage ........................................................................................................................ 102 Pyrethroid ................................................................................................................................... 248 Pyrolysis zone.............................................................................................................................. 97 R Radiant energy............................................................................................................................. 71 Recovery enhancers.................................................................................................................145 Red Tide .....................................................................................................................................240 Remote Sensing ........................................................................................................ 27, 163, 164 Remote sensing device.............................................................................................................. 30 Responsible supply chain .......................................................................................................189 Run-of-the-river ......................................................................................................................... 102 S Sanitary and Phytosanitary Measures...................................................................................196 Science....................................................................................................................................2, 156 Screen Server.............................................................................................................................298 Secondary microplastic ...........................................................................................................139 Self-declared environmental claims.....................................................................................111 Sinkhole............................................................................................................................. 137, 138 Skimmer ...................................................................................................................................... 144 Smart City..................................................................................................................................... 20 Solar cell ....................................................................................................................................100 Super foods................................................................................................................................189 Supply Chain................................................................................................................................ 11 Surface Fire ................................................................................................................................136 Surface-washing agents ...........................................................................................................146 T Technical Barriers to Trade.....................................................................................................196 Thermostat........................................................................................................................ 295, 296 Traceability........................................................................................................................ 188, 189 Transforming CO2......................................................................................................................154 Tsunami ......................................................................................................................................135 U Updraft gasifier ............................................................................................................................ 97
332 V Value Added Tax...................................................................................................................... 299 Vertical farming.................................................................................................................189, 211 W Wet scrubber.....................................................................................................................168, 171 World Economic Forum...............................................................................................................7 World Food Valley ................................................................................................................... 190 ดัชนี เ เกษตรแม่นยำสงู ........................................................................................................................... 210 เกษตรอจั ฉรยิ ะ ................................................................................................................................16 เครอ่ื งใช้ไฟฟำ้ ประเภท 1 .............................................................................................................. 284 เครื่องใช้ไฟฟ้ำประเภท 2 .............................................................................................................. 285 เครื่องใช้ไฟฟำ้ ประเภท 3 .............................................................................................................. 285 เครอ่ื งดักฝุน่ แบบไฟฟ้ำสถิต........................................................................................................... 170 เครอ่ื งดดู ครำบน้ำมัน..................................................................................................................... 144 เคร่ืองตดั ไฟรัว่ ............................................................................................................................... 284 เครือ่ งสำอำงควบคมุ ..................................................................................................................... 257 เครื่องสำอำงควบคมุ พิเศษ............................................................................................................. 257 เครื่องสำอำงท่ัวไป......................................................................................................................... 257 เชื้อเพลงิ เหลว ...........................................................................................................................81, 84 เช้ือแบคทีเรีย บีที.......................................................................................................................... 203 เชื้อไวรัส เอ็น พี วี........................................................................................................................ 202 เชอื้ รำไตรโคเดอรม์ ำ...................................................................................................................... 201 เชื้อรำบวิ เวอเรยี ............................................................................................................................ 201 เต้ำเสียบ ....................................................................................................284, 288, 289, 297, 298 เตำชวี มวล........................................................................................................................................98 เตำผลติ กำ๊ ซเชื้อเพลิงแบบฟลูอิดไดซเ์ บด..........................................................................................98 เตำผลิตกำ๊ ซเชอ้ื เพลงิ แบบอำกำศไหลขึ้น..........................................................................................97 เตำผลติ ก๊ำซเชือ้ เพลงิ แบบอำกำศไหลตำมขวำง................................................................................97 เตำผลิตกำ๊ ซเชื้อเพลงิ แบบอำกำศไหลลง ..........................................................................................97 เตำ้ รบั ...............................................................................................284, 285, 288, 289, 297, 298 เทคโนโลยีโทรคมนำคม ....................................................................................................................19 เทคโนโลยกี ำรจดั กำรเกษตร ......................................................................................................... 199
333 เทคโนโลยกี ำรปลูกเนือ้ สตั ว์ ...........................................................................................................214 เทคโนโลยกี ำรผลิตเชอื้ เพลิงเหลว .................................................................................................... 96 เทคโนโลยีกำรผลิตก๊ำซชีวมวล......................................................................................................... 97 เทคโนโลยกี ำจดั ขยะ........................................................................................................................ 99 เทคโนโลยีจิว๋ ................................................................................................................................... 50 เทคโนโลยีชีวภำพ................................................................................................. 15, 16, 21, 22, 24 เทคโนโลยดี ำ้ นภำพถำ่ ยจำกดำวเทยี ม.............................................................................................. 30 เทคโนโลยีผลติ เชือ้ เพลิงขยะ............................................................................................................ 99 เทคโนโลยีผลิตกำ๊ ซเชือ้ เพลิง............................................................................................................ 99 เทคโนโลยภี มู ิสำรสนเทศ ...............................................................................................................163 เทคโนโลยีรีโมทเซนซิง..................................................................................................................... 27 เทคโนโลยีสำรสนเทศ ...................................................................................................................... 19 เทคโนโลยสี ำรสนเทศและกำรสื่อสำร .............................................................................................. 18 เทคโนโลยสี ่ือสำรคมนำคม .............................................................................................................. 15 เทคโนโลยีอบแหง้ ..........................................................................................................................101 เทอรโ์ มสตทั ..................................................................................................................................295 เบรกเกอร์...................................................................................................................................... 283 เมนสวติ ซ์ ......................................................................................................................................283 เมอื งอจั ฉรยิ ะ................................................................................................................................... 20 เศรษฐกิจฐำนควำมรู้........................................................................................................................ 38 เอนไซมโ์ คลีนเอสเทอเรส...............................................................................................................247 เอลนิโญ......................................................................................................................................... 123 แ แกส๊ ซิฟิเคชนั่ ................................................................................................................................... 98 แผ่นดนิ ไหว ............................................................123, 124, 134, 135, 137, 162, 163, 172, 173 แผ่นธรณเี คล่อื นท่เี ข้ำหำกัน...........................................................................................................135 แผ่นธรณีเคล่อื นทผี่ ่ำนกัน ..............................................................................................................135 แอสปำร์เทม .................................................................................................................................. 251 โ โครงสร้ำงพืน้ ฐำน ........................................................................................................................7, 15 โครงสรำ้ งพน้ื ฐำนทำงวิทยำศำสตร์ .................................................................................................... 8 โรคพำรก์ ินสนั ................................................................................................................................250 โรคอลั ไซเมอร์ ...............................................................................................................................250 โรคอุบัตใิ หม่.................................................................................................................................... 56 โรคอบุ ัตซิ ้ำ ...................................................................................................................................... 56
334 โรงไฟฟ้ำนวิ เคลยี ร์............................................................................................................................85 โรงไฟฟ้ำพลังนำ้ ............................................................................................................................ 102 โลกดจิ ทิ ัล.........................................................................................................................................61 โลกพลิกผัน ......................................................................................................................................28 โลกำภิวตั น์..................................................................................................................................6, 56 โลจสิ ตกิ ส์...................................................................................................................................... 193 ไ ไขมนั ทรำนส์ ................................................................................................................................. 253 ไพโรไลซิส ..................................................................................................................................... 160 ไพรที รอยด์.................................................................................................................................... 248 ไฟเรือนยอด.................................................................................................................................. 136 ไฟใต้ดนิ ........................................................................................................................................ 136 ไฟผวิ ดิน........................................................................................................................................ 136 ไฟฟำ้ กระแสตรง ........................................................................................................................... 279 ไฟฟ้ำกระแสสลบั .......................................................................................................................... 280 ไมโครพลำสติก.............................................................................................................................. 138 ไมโครอิเล็กทรอนกิ ส์ ........................................................................................................................13 ไฮฟรักโทสคอรน์ ไซรปั ................................................................................................................... 250 ก กฎหมำยว่ำด้วยลขิ สทิ ธิ์....................................................................................................................51 กรดเบนโซอิก................................................................................................................................ 251 กระแสน้ำแดง ............................................................................................................................... 240 กระบวนกำรทำงควำมรอ้ นเคมี ........................................................................................................96 กระบวนกำรทำงชวี ภำพ................................................................................................................ 160 กำกกมั มันตรงั สี................................................................................................................................88 กำ๊ ซเชอ้ื เพลงิ ................................................................................................................................. 160 กำ๊ ซธรรมชำติ............................................................................................................................76, 81 กำรเก็บกักคำร์บอน ...................................................................................................................... 157 กำรเกดิ อมิ ัลชนั ............................................................................................................................. 145 กำรเปลี่ยนแปลงภมู อิ ำกำศ ..............................................................................................................95 กำรเพำะเล้ียงเน้ือเยอ่ื พืช .............................................................................................................. 203 กำรแปรรปู ขำ้ ว ............................................................................................................................. 205 กำรแปรสภำพเช้อื เพลิงใช้แล้ว .........................................................................................................90 กำรจดสิทธบิ ัตรยำ ...........................................................................................................................51 กำรดัดแปลงพันธุกรรม ....................................................................................................................56
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358