คู่มือปฏบิ ัตงิ าน ก�ำนัน ผูใ้ หญบ่ า้ น ฯลฯ ส�ำนกั บริหารการปกครองทอ้ งที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ค�ำน�ำ ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ เป็นต�ำแหน่งท่ีมีอยู่คู่กับสังคมและการปกครองของไทย มาอย่างยาวนาน มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือนายอ�ำเภอในการรักษาความสงบเรียบร้อย การแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ น การอำ� นวยความเปน็ ธรรม ดแู ลความเปน็ อยทู่ กุ ขส์ ขุ ของราษฎร เป็นกลไกขับเคล่ือนนโยบายของรัฐ และปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายก�ำหนดในพื้นที่ต�ำบล หมูบ่ า้ น หวั ใจของภารกจิ งานกรมการปกครองอยทู่ อี่ ำ� เภอ และตำ� บล หมบู่ า้ น ซง่ึ เปน็ หนว่ ย การปกครองระดบั ฐานรากทีเ่ ปน็ จดุ เชอื่ มในการยึดโยงสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และหลอมรวมประชาชนให้มีความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน โดยมีก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ�ำต�ำบล สารวัตรก�ำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ท�ำหน้าที่ช่วยเหลือบูรณาการ การทำ� งานร่วมกับสว่ นราชการ และทกุ ฝ่ายในพืน้ ทใ่ี ห้ประสบผลส�ำเรจ็ คู่มือปฏิบัติงานก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฉบับน้ี จัดท�ำข้ึนเพื่อให้ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ�ำต�ำบล สารวัตรก�ำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้มีความรู้ความเข้าใจในบทบาท อำ� นาจหนา้ ทด่ี า้ นการปกครองทอ้ งท ี่ ซง่ึ สามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั งิ าน โดยไดร้ วบรวม ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับการปกครองท้องท่ี ความเป็นมาและอ�ำนาจหน้าท่ี สวัสดิการและ สิทธิประโยชน์ รวมทั้งกฎหมายและระเบียบอื่น ๆ ที่เก่ียวข้องกับงานในหน้าที่ของก�ำนัน ผูใ้ หญ่บ้าน ฯลฯ กรมการปกครองหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื เลม่ นจ้ี ะเปน็ คมู่ อื ในการปฏบิ ตั งิ านเพม่ิ พนู ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพในการท�ำงานให้แก่ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ�ำต�ำบล สารวัตรกำ� นัน และผูช้ ่วยผใู้ หญ่บ้านทุกท่าน และผู้ทส่ี นใจในการศึกษาค้นคว้าโดยท่ัวกนั สว่ นบรหิ ารงานกำ� นันผู้ใหญ่บา้ น สำ� นักบรหิ ารการปกครองท้องท่ี กรมการปกครอง
สารบญั หน้า คำ� นำ� ๑ บทที ่ ๑ ตน้ กำ� เนิดของกำ� นนั ผู้ใหญ่บา้ น ๓ บทที่ ๒ ก�ำนัน ผูใ้ หญ่บา้ น ฯลฯ ในปัจจบุ ัน ๑๑ บทท่ ี ๓ ความรู้ทัว่ ไปสำ� หรบั ตำ� แหน่ง บทท่ี ๔ หลักการปกครองและการประสานงาน ๒๒ บทท่ี ๕ การดแู ล ตรวจสอบแนวเขตการปกครอง ๔๕ บทท ี่ ๖ การดูแลรักษาและป้องกนั ทส่ี าธารณประโยชนแ์ ละทรี่ าชพัสดุ บทท่ี ๗ การปฏิบัตงิ านดา้ นการทะเบยี น ๔๘ บทที่ ๘ การดำ� เนนิ งานของคณะกรรมการหมู่บ้าน ๘๒ บทท่ี ๙ การอ�ำนวยความเปน็ ธรรมและการประนีประนอมข้อพิพาท ๑๒๓ บทท ี่ ๑๐ การรักษาความสงบเรยี บร้อยในตำ� บล หมู่บ้าน ๑๓๒ บทท่ี ๑๑ การปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ๑๗๑ บทท่ี ๑๒ การดำ� เนินงานตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑๙๒ บทที ่ ๑๓ วนิ ยั กำ� นัน ผู้ใหญบ่ ้าน ๒๐๗ บทท่ี ๑๔ สวสั ดกิ ารและสิทธปิ ระโยชน์ของก�ำนัน ผใู้ หญบ่ ้าน ฯลฯ ๒๒๘ บทท ี่ ๑๕ ความรู้เบอ้ื งตน้ เก่ยี วกับประชาคมอาเซียน ๒๔๑ ๒๕๓ ภาคผนวก - ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยการพาและใชอ้ าวุธปืน ของพนักงานฝา่ ยปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๖ (และท่แี ก้ไขเพ่ิมเตมิ จนถงึ ปัจจบุ ัน) - สรุปอำ� นาจหนา้ ทีท่ เ่ี ก่ียวข้องกบั กำ� นนั ผใู้ หญบ่ ้าน ฯลฯ ตามกฎหมายตา่ ง ๆ
1 บทท่ี ๑ ประวัตคิ วามเป็นมาของก�ำนนั ผใู้ หญบ่ า้ น การปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (อยุธยา) ได้มีการจัดระเบียบการ ปกครองแผ่นดินเป็น ๒ ส่วน๑ ได้แก่ ก) การปกครองสว่ นกลาง ข) การปกครองสว่ นภมู ิภาค หรือเรียกว่า การปกครองอาณาเขต การปกครองสว่ นภมู ภิ าค หรอื การปกครองอาณาเขต มเี มอื ง หรอื หวั เมอื ง เปน็ ศนู ยก์ ารบรหิ าร มผี รู้ ง้ั หรือพระยามหานคร เป็นผปู้ กครอง จัดระเบยี บการปกครองภายในเมอื งหนึง่ ๆ ออกเป็นหน่วย การปกครองรับผดิ ชอบลดหลัน่ กนั ลงมา คือ - แขวง ประกอบดว้ ย ต�ำบลหลายแหง่ รวมกัน มี “หมื่นแขวง” เป็นผ้ปู กครอง - ตำ� บล ประกอบดว้ ย หมบู่ า้ นหลายแหง่ รวมกนั มกี ำ� นนั เปน็ หวั หนา้ ไดร้ บั บรรดาศกั ดิ์ เปน็ “พนั ” - หมู่บา้ น มี “ผู้ใหญ่บา้ น” ซึง่ ผ้วู า่ ราชการเมืองเลอื กตง้ั เป็นหวั หน้า ในสมยั ต่อมา หัวเมอื งต่าง ๆ บางเมืองได้ละเลยไมป่ ฏิบัติตามพระราชก�ำหนดกฎหมายที่ระบไุ ว้ รวมทั้งสถานการณ์บ้านเมืองในบางขณะไม่เอ้ืออ�ำนวย ท�ำให้บางครั้งหมู่บ้านไม่มีผู้ปกครอง ประกอบกับ ลักษณะการจัดการปกครองก็ไม่ได้มีระเบียบวางไว้เป็นท่ีแน่นอนแต่อย่างใดท�ำให้มีการละเว้นการ จัดรปู การปกครองในระดับหมู่บา้ น คงมแี ตพ่ นกั งานปกครองระดับต�ำบลมี “ก�ำนนั ” เป็นผปู้ กครองชน้ั ตน้ ดังนั้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระราชด�ำริให้มีการฟื้นฟู การปกครองระดบั หมบู่ ้านขนึ้ ใหม่ เพราะทรงเลง็ เหน็ วา่ การปกครองระดบั นจี้ ำ� เปน็ และสำ� คญั ยง่ิ ในการ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ เนอ่ื งจากเปน็ หนว่ ยการปกครองทใ่ี กลช้ ดิ กบั ราษฎรมากทส่ี ดุ โดยไดท้ รงใหม้ กี าร ทดลองจัดระเบียบการปกครองต�ำบล หมู่บ้าน เมื่อ ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) ท่ีอ�ำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซ่ึงการจัดการปกครองต�ำบล หมู่บ้านใหม่นี้มีลักษณะแตกต่างจากเดิม หลายประการ คือ ให้ราษฎรพิจารณาเลือกผู้ใหญ่บ้านเอง แทนการแต่งต้ังโดยผู้ร้ังเมืองดังแต่ก่อน ส�ำหรับการบังคับบัญชาน้ันได้ก�ำหนดให้ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในท้องท ่ี การป้องกันโจรกรรมและผู้ร้าย และก�ำหนดให้มีผลประโยชน์ตอบแทนในหน้าที่ ได้แก่ สินลดค่านา ภาษีไม่ไผ ่ ค่าเหยยี บย่ำ� ท่นี าราษฎร ซงึ่ ความม่งุ หมายในการปกครองระดับหมู่บา้ นกเ็ พอื่ ใหผ้ ้ใู หญบ่ ้าน ๑สมเดจ็ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ, ลกั ษณะการปกครองประเทศสยามแตโ่ บราณ (พระนคร : โรงพมิ พส์ ว่ นทอ้ งถน่ิ , ๒๕๑๘), หนา้ ๑๐๗
2 ซึ่งราษฎรเลือกสรรขึ้นโดยความยินยอมช่วยกันด�ำเนินกิจการในหมู่บ้านให้เรียบร้อย เป็นหูเป็นตา แก่ทางราชการ ท่ีจะช่วยสอดส่องดูแลทุกข์สุขของราษฎรท่ัวไป ตลอดจนช่วยเก็บภาษีอากรเพื่อใช ้ ในกจิ การบรหิ ารงานของแผน่ ดนิ ภายหลงั ปรากฏวา่ โครงการทดลองตง้ั กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ นประสบผลสำ� เรจ็ ดว้ ยดี จงึ ไดว้ างรปู แบบ การปกครองระดับหมู่บ้าน ต�ำบล เรียกว่า “การปกครองท้องท่ี” อย่างเป็นทางการข้ึนเป็นส่วนหนี่ง ของการปกครองประเทศ และไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ปิ กครองทอ้ งที่ ร.ศ. ๑๑๖ ขึ้นใช้บังคับทั่วประเทศ โดยประกาศใช้บังคับเม่ือวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๒๔๔๐) ขอ้ ความและหลกั เกณฑส์ ว่ นใหญข่ องพระราชบญั ญตั นิ ้ี ไดใ้ ชเ้ ปน็ หลกั ในการปกครองทอ้ งทขี่ องประเทศไทย สบื มา นับวา่ เปน็ กฎหมายฉบบั แรกทไี่ ดก้ �ำหนดการจดั ระเบียบตำ� บลและหมู่บ้าน รวมท้งั กำ� หนดหนา้ ท่ี ไว้อย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างย่ิงกฎหมายฉบับนี้มีจุดเด่นท่ีก�ำหนดให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้าน ด้วยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะให้ราษฎรมีโอกาสใช้สิทธิ ในการปกครองตนเอง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) จงึ ไดท้ รงประกาศยกเลกิ พระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ วและประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และถือเปน็ หลกั ในการจัดระเบยี บการปกครองต�ำบล หมบู่ า้ นสืบมา
3 บทที่ ๒ กำ� นัน ผใู้ หญบ่ า้ น ฯลฯ ในปัจจบุ นั พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ี พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ก�ำหนดวิธีการเข้าสู่ต�ำแหน่ง บทบาทอ�ำนาจหน้าที่ และการพ้นจากต�ำแหน่งของก�ำนัน ผ้ใู หญ่บ้าน ฯลฯ สรุปรายละเอยี ดได้ดังนี้ ๑. ทม่ี าของกำ� นนั ผ้ใู หญ่บา้ น ฯลฯ ๑.๑ ทีม่ าของกำ� นัน ก�ำนัน มีที่มาจากการท่ีให้นายอ�ำเภอเป็นประธานประชุมผู้ใหญ่บ้านในต�ำบลนั้น เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านในต�ำบลคัดเลือกผู้ใหญ่บ้าน ๑ คน ข้ึนเป็นก�ำนัน หากมีผู้สมควรได้รับการคัดเลือก เปน็ กำ� นนั มากกวา่ ๑ คนใหน้ ายอำ� เภอจดั ใหม้ กี ารออกเสยี งลงคะแนน เมอ่ื ผใู้ หญบ่ า้ นคนใดไดร้ บั คะแนน สงู สดุ ใหน้ ายอำ� เภอคดั เลอื กผู้นน้ั เป็นก�ำนนั ในกรณที ไี่ ด้รบั คะแนนเทา่ กัน ให้ใชว้ ิธีจับสลาก ๑.๒ ทีม่ าของผู้ใหญบ่ า้ น ผใู้ หญบ่ า้ นมที ม่ี าจากการเลอื กโดยตรงจากราษฎรในหมบู่ า้ นนน้ั ๆ ตามทกี่ ฎหมายกำ� หนด ๑.๓ ท่มี าของผู้ช่วยผู้ใหญบ่ า้ น สารวตั รก�ำนนั และแพทยป์ ระจำ� ต�ำบล ๑) ทมี่ าของผู้ชว่ ยผใู้ หญ่บ้าน ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น มที ม่ี าจากการทผ่ี ใู้ หญบ่ า้ นและกำ� นนั ทอ้ งทรี่ ว่ มกนั พจิ ารณาคดั เลอื ก ราษฎรซ่ึงมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายก�ำหนด เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝา่ ยรกั ษาความสงบ ๒) ที่มาของสารวตั รกำ� นนั ในต�ำบลหนึง่ ให้มสี ารวัตรสำ� หรบั เป็นผูช้ ่วยของก�ำนันจ�ำนวน ๒ คน โดยกำ� นนั เป็น ผู้คดั เลอื ก และต้องได้รับความเหน็ ชอบของผู้วา่ ราชการจังหวัด ๓) ที่มาของแพทยป์ ระจำ� ตำ� บล แพทย์ประจ�ำต�ำบลมีที่มาจากการที่ก�ำนันและผู้ใหญ่บ้านประชุมพร้อมกันเลือกผู้ท่ีมี ความรใู้ นวชิ าแพทย์ เปน็ แพทยป์ ระจำ� ต�ำบลจ�ำนวน ๑ คน ส�ำหรับจดั การปอ้ งกันความเจบ็ ไขข้ องราษฎร ในต�ำบลนั้น โดยการแตง่ ต้งั แพทย์ประจ�ำตำ� บล ให้ผ้วู ่าราชการจังหวดั แตง่ ตง้ั จากบคุ คลผมู้ สี ัญชาตไิ ทย และต้องแต่งต้ังจากผู้ที่มีถ่ินที่อยู่ในต�ำบลนั้น เว้นแต่ผู้ที่เป็นแพทย์ประจ�ำต�ำบลที่ใกล้เคียงกันอยู่แล้ว และยอมกระทำ� การรวมเป็นสองต�ำบล ถา้ ผวู้ า่ ราชการจังหวดั เหน็ สมควรก็แตง่ ตงั้ ได้
4 ๒. วาระของก�ำนัน ผใู้ หญ่บา้ น ฯลฯ ๒.๑ วาระของกำ� นัน ก�ำนนั มวี าระการด�ำรงต�ำแหนง่ จนกวา่ จะมอี ายคุ รบ ๖๐ ปบี รบิ ูรณ์ ๒.๒ วาระของผู้ใหญบ่ ้าน ผู้ใหญ่บ้านมีวาระการด�ำรงต�ำแหน่งจนกว่าจะมีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์โดยมีอายุ ไม่ต�ำ่ กว่า ๒๕ ปี ในวนั รับเลือกจนกว่าจะมอี ายคุ รบหกสิบปี ๒.๓ วาระของผชู้ ่วยผู้ใหญบ่ ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ มีวาระการ ดำ� รงตำ� แหนง่ ๕ ปี ๒.๔ วาระของแพทยป์ ระจ�ำตำ� บล แพทย์ประจำ� ต�ำบล มวี าระการด�ำรงต�ำแหนง่ จนกว่าจะมีอายุครบ ๖๐ ปบี รบิ รู ณ์ ๒.๕ วาระของสารวัตรก�ำนัน สารวตั รกำ� นนั ไมม่ กี ารกำ� หนดวาระการดำ� รงตำ� แหนง่ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการปกครองทอ้ งท่ี การแตง่ ตงั้ และเปลยี่ นสารวตั รกำ� นนั เปน็ อำ� นาจเฉพาะตวั ของกำ� นนั ตามมาตรา ๔๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ ลกั ษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศกั ราช ๒๔๕๗ ๓. บทบาทและอำ� นาจหนา้ ทีข่ องก�ำนนั ผู้ใหญ่บา้ น ๓.๑ บทบาทและอำ� นาจหน้าท่ีของกำ� นัน ก�ำนนั มีบทบาทและอ�ำนาจหน้าทต่ี ามพระราชบญั ญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ทส่ี �ำคัญดงั ต่อไปน้ี ๑) บรรดาการที่จะตรวจตรารักษาความปกติเรียบร้อยในต�ำบล คือ การท่ีจะว่ากล่าว ราษฎรในต�ำบลนั้น ให้ประพฤติตามพระราชก�ำหนดกฎหมายก็ดี หรือการท่ีจะป้องกันภยันตรายและ รักษาความสุขส�ำราญของราษฎรในต�ำบลน้ันก็ดี หรือการท่ีจะรับกิจสุขทุกข์ของราษฎรในต�ำบลนั้น ขน้ึ รอ้ งเรยี นตอ่ ผวู้ า่ ราชการเมอื ง กรมการอำ� เภอ และจะรบั ขอ้ ราชการมาประกาศแกร่ าษฎรในตำ� บลนนั้ กด็ ี หรือท่ีจะจัดการตามพระราชก�ำหนด กฎหมาย เช่น การตรวจและน�ำเก็บภาษีอากรในต�ำบลน้ันก็ด ี การทง้ั นอี้ ยูใ่ นหนา้ ทขี่ องกำ� นนั ผเู้ ปน็ นายตำ� บล ผใู้ หญ่บา้ นทั้งปวงในต�ำบลน้ัน และแพทย์ประจ�ำต�ำบล จะตอ้ งชว่ ยกันเอาเป็นธรุ ะจัดการใหเ้ รยี บรอ้ ยไดต้ ามสมควรแกห่ นา้ ที่ ๒) นอกจากอ�ำนาจหน้าที่ที่กล่าวโดยเฉพาะให้เป็นอ�ำนาจหน้าท่ีของก�ำนันให้ก�ำนัน มีอ�ำนาจหน้าที่เชน่ เดยี วกับผใู้ หญ่บ้านด้วย ๓) ก�ำนนั มหี น้าท่ีและอำ� นาจในการท่ีเก่ียวดว้ ยความอาญาดังตอ่ ไปน้ี
5 ข้อ ๑ เม่ือทราบข่าวว่า มีการกระท�ำผิดกฎหมายเกิดข้ึน หรือสงสัยว่าได้เกิดขึ้น ในตำ� บลของตน ตอ้ งแจ้งความต่อกรมการอำ� เภอให้ทราบ ข้อ ๒ เม่ือทราบข่าวว่ามีการกระท�ำผิดกฎหมายเกิดข้ึน หรือสงสัยว่าได้เกิดขึ้น ในตำ� บลท่ใี กล้เคียงตอ้ งแจง้ ความต่อกำ� นันนายต�ำบลนน้ั ให้ทราบ ข้อ ๓ เม่ือปรากฏว่า ผู้ใดก�ำลังกระท�ำผิดกฎหมายก็ดี หรือมีเหตุควรสงสัยว่า เปน็ ผูท้ ่ีไดก้ ระท�ำผิดกฎหมายก็ดี ให้จับผ้นู ้นั ไว้ และรบี น�ำส่งต่อกรมการอำ� เภอ ขอ้ ๔ ถ้ามีหมายหรือมีค�ำส่ังตามหน้าที่ราชการให้จับผู้ใดในต�ำบลนั้นเป็นหน้าท่ี ของกำ� นนั ที่จะจับผู้นัน้ แล้วรบี สง่ ตอ่ กรมการอ�ำเภอตามสมควร ข้อ ๕ เมอ่ื เจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ท่ีออกหมายส่ังใหค้ ้นหรือใหย้ ดึ ก�ำนนั ตอ้ งจัดการให้ เป็นไปตามหมาย ขอ้ ๖ ถ้ามีผู้มาขออายัดตัวคนหรือส่ิงของก็ดีหรือผู้ต้องโจรกรรม จะท�ำกฎหมาย ตราสิน หรือมีผู้จะขอท�ำชันสูตรบาดแผลก็ดี ท้ังน้ีให้ก�ำนันสืบสวนฟังข้อความแล้วรีบน�ำตัว ผู้ขอและผู้ต้องอายัด และทรัพย์ส่ิงของตามที่จะพาไปด้วยน้ันไปยังกรมการอ�ำเภอ ถ้าส่ิงของอย่างใด จะพาไปไมไ่ ด้ กใ็ ห้กำ� นนั ชนั สตู รใหร้ เู้ ห็น แลว้ น�ำความไปแจ้งต่อกรมการอำ� เภอในขณะนั้น ๔) ถ้าก�ำนันรู้เห็นเหตุทุกข์ร้อนของราษฎร หรือการแปลกประหลาดเกิดข้ึนในต�ำบล ต้องรีบรายงานต่อกรมการอ�ำเภอให้ทราบ ๕) ถา้ เกดิ จลาจลกด็ ี ฆ่ากันตายก็ดี ชิงทรัพยก์ ด็ ี ปล้นทรัพยก์ ด็ ี ไฟไหมก้ ด็ ี หรอื เหตรุ ้าย ส�ำคญั อย่างใด ๆ ในตำ� บลของตน หรอื ในต�ำบลที่ใกลเ้ คียงอนั สมควรจะช่วยได้ก็ดี หรือมีผูร้ า้ ยแตท่ ่ีอ่นื มามว่ั สมุ ในตำ� บลนนั้ กด็ ี หรอื มเี หตุควรสงสยั วา่ ลกู บา้ นในต�ำบลน้นั บางคนจะเก่ยี วข้องเป็นโจรผู้ร้ายกด็ ี เป็นหนา้ ที่ของกำ� นันจะตอ้ งเรยี กผู้ใหญ่บา้ นและลูกบ้านในตำ� บลออกชว่ ยต่อสูต้ ดิ ตามจบั ผู้ร้ายหรือตดิ ตาม เอาของกลางคนื หรอื ดับไฟ หรอื ชว่ ยอย่างอ่ืนตามควรแกก่ ารโดยเต็มกำ� ลัง ๖) ใหก้ �ำนันดแู ลคนเดินทาง ซ่ึงไม่มีเหตุควรสงสยั ว่าจะเปน็ ผรู้ ้าย ใหไ้ ด้มีทพ่ี กั ตามควร ๗) ถ้าผู้เดินทางด้วยราชการจะต้องการคนน�ำทาง หรือขาดแคลนพาหนะเสบียงอาหาร ลงในระหว่างทาง และจะร้องขอต่อก�ำนันให้ช่วยสงเคราะห์ ก�ำนันต้องช่วยจัดหาให้ตามท่ีจะท�ำได ้ ถา้ หากวา่ การท่ีจะช่วยเหลอื นนั้ จะต้องออกราคาค่าจา้ งเพยี งใด ใหก้ �ำนนั เรยี กเอาแก่ผ้เู ดินทางน้นั ๘) ก�ำนันต้องร่วมมือและช่วยเหลือนายอ�ำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการ ดแู ลรกั ษาและคมุ้ ครองปอ้ งกนั ทดี่ นิ อนั เปน็ สาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ และสง่ิ ซงึ่ เปน็ สาธารณประโยชนอ์ นื่ อันอยู่ในตำ� บลนัน้ ๙) กำ� นนั ตอ้ งรกั ษาบญั ชสี ำ� มะโนครวั และทะเบยี นบญั ชขี องรฐั บาลในตำ� บลนนั้ และคอย แกไ้ ขเพมิ่ เติมใหถ้ กู ตอ้ งกบั บัญชขี องผใู้ หญ่บา้ น
6 ๑๐) ก�ำนันต้องท�ำบัญชีส่ิงของ ซ่ึงต้องภาษีอากรในแขวงน้ันยื่นต่อกรมการอ�ำเภอ และนำ� ราษฎรไปเสยี ภาษีอากรตามพระราชบญั ญัติภาษีอากร ๑๑) กำ� นันกระท�ำการตามหน้าทจ่ี ะเรียกผู้ใดมาหารอื ใหช้ ่วยก็ได้ ๓.๒ บทบาทและอำ� นาจหน้าทขี่ องผู้ใหญ่บา้ น ผู้ใหญ่บ้านท�ำหน้าท่ีช่วยเหลือนายอ�ำเภอในการปฏิบัติหน้าท่ีและเป็นหัวหน้าราษฎร ในหมู่บา้ นของตน และมีอ�ำนาจหนา้ ทด่ี งั ต่อไปนดี้ ว้ ย ๑) อ�ำนวยความเป็นธรรมและดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย ใหแ้ กร่ าษฎรในหมบู่ ้าน ๒) สรา้ งความสมานฉนั ทแ์ ละความสามคั คใี หเ้ กดิ ขนึ้ ในหมบู่ า้ น รวมทง้ั สง่ เสรมิ วฒั นธรรม และประเพณใี นท้องที่ ๓) ประสานหรืออ�ำนวยความสะดวกแก่ราษฎรในหมู่บ้านในการติดต่อหรือรับบริการ กับส่วนราชการ หน่วยงานของรฐั หรือองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ๔) รับฟังปัญหาและน�ำความเดือดร้อน ทุกข์สุขและความต้องการท่ีจ�ำเป็นของราษฎร ในหมบู่ า้ น แจง้ ตอ่ สว่ นราชการ หนว่ ยงานของรฐั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื องคก์ รอนื่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอ่ื ใหก้ ารแก้ไขหรือชว่ ยเหลอื ๕) ใหก้ ารสนบั สนนุ สง่ เสรมิ และอำ� นวยความสะดวกในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทห่ี รอื การใหบ้ รกิ าร ของส่วนราชการ หนว่ ยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ๖) ควบคมุ ดแู ลราษฎรในหมบู่ า้ นใหป้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายหรอื ระเบยี บแบบแผน ของทางราชการ โดยกระท�ำตนใหเ้ ปน็ ตัวอย่างแก่ราษฎรตามทที่ างราชการไดแ้ นะนำ� ๗) อบรมหรือช้ีแจงให้ราษฎรมีความรู้ความเข้าใจในข้อราชการ กฎหมายหรือระเบียบ แบบแผนของทางราชการ ในการนี้ สามารถเรียกราษฎรมาประชมุ ได้ตามสมควร ๘) แจง้ ใหร้ าษฎรใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในกจิ การสาธารณประโยชนเ์ พอ่ื บำ� บดั ปดั ปอ้ งภยนั ตราย สาธารณะอนั มีมาโดยฉกุ เฉิน รวมตลอดท้ังการชว่ ยเหลอื บรรเทาทุกข์แก่ผ้ปู ระสบภัย ๙) จัดให้มีการประชุมราษฎรและคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นประจ�ำอย่างน้อยเดือนละ หนึ่งครัง้ ๑๐) ปฏบิ ตั ติ ามคำ� สง่ั ของกำ� นนั หรอื ทางราชการและรายงานเหตกุ ารณท์ ไี่ มป่ กตซิ ง่ึ เกดิ ขน้ึ ในหม่บู ้านใหก้ ำ� นันทราบ พรอ้ มทัง้ รายงานตอ่ นายอ�ำเภอดว้ ย ๑๑) ปฏิบัติตามภารกิจหรืองานอ่ืนตามกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ หรอื ตามท่กี ระทรวง ทบวง กรม หนว่ ยงานอนื่ ของรัฐ ผู้วา่ ราชการจังหวดั หรอื นายอ�ำเภอมอบหมาย
7 นอกจากนี้ ผู้ใหญบ่ า้ นยงั มีหนา้ ที่และอ�ำนาจในการท่เี กยี่ วด้วยความอาญาดงั ตอ่ ไปน้ี คือ ข้อ ๑ เมอ่ื ทราบขา่ ววา่ มกี ารกระทำ� ผดิ กฎหมาย เกดิ ขนึ้ หรอื สงสยั วา่ ไดเ้ กดิ ขนึ้ ในหมบู่ า้ นของตน ตอ้ งแจ้งความต่อก�ำนนั นายต�ำบลใหท้ ราบ ขอ้ ๒ เมอ่ื ทราบขา่ ววา่ มกี ารกระทำ� ผดิ กฎหมายเกดิ ขนึ้ หรอื สงสยั วา่ ไดเ้ กดิ ขน้ึ ในหมบู่ า้ นทใี่ กลเ้ คยี ง ตอ้ งแจง้ ความตอ่ ผใู้ หญบ่ ้านหมู่บา้ นนนั้ ใหท้ ราบ ข้อ ๓ เม่ือตรวจพบของกลางท่ีผู้ท่ีกระท�ำผิดกฎหมายมีอยู่ก็ดี หรือส่ิงของท่ีสงสัยว่าได้มา โดยการกระท�ำผิดกฎหมาย หรือเป็นส่ิงของส�ำหรับใช้ในการกระท�ำผิดกฎหมายก็ดีให้จับสิ่งของนั้นไว้ และรบี นำ� สง่ ต่อกำ� นันนายต�ำบล ข้อ ๔ เม่ือปรากฏว่าผู้ใดก�ำลังกระท�ำผิดกฎหมายก็ดี หรือมีเหตุควรสงสัยว่าเป็นผู้ท่ีได้ กระทำ� ผิดกฎหมายกด็ ี ให้จับตวั ผู้นั้นไวแ้ ละรบี นำ� ส่งต่อกำ� นันนายตำ� บล ขอ้ ๕ ถา้ มหี มายหรอื คำ� สง่ั ตามหนา้ ทรี่ าชการ ใหจ้ บั ผใู้ ดในหมบู่ า้ นนนั้ เปน็ หนา้ ทขี่ องผใู้ หญบ่ า้ น ท่ีจะจับผนู้ นั้ และรบี สง่ ต่อกำ� นนั หรือกรมการอำ� เภอตามสมควร ข้อ ๖ เม่ือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ออกหมายสั่งให้ค้น หรือให้ยึด ผู้ใหญ่บ้านต้องจัดการ ให้เปน็ ไปตามหมาย กลา่ วโดยสรปุ บทบาทอำ� นาจหนา้ ทข่ี องกำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ตามพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครอง ท้องท่ี (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามกฎหมายอืน่ ๆ ท่สี �ำคญั มรี ายละเอียดดังน้ี ๑. ตามพระราชบัญญัติลกั ษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ๑.๑ อ�ำนาจหน้าทใ่ี นทางปกครองและรกั ษาความสงบเรียบร้อย ๑.๒ หนา้ ทต่ี อ้ งรายงานตอ่ ทางราชการ เชน่ รายงานความเดอื ดรอ้ นของราษฎรใหท้ าง ราชการทราบเพ่ือขอความช่วยเหลือ ปฏิบัตติ ามค�ำสัง่ ของทางราชการ ๑.๓ การจัดทำ� ทะเบียน เช่น การปรับปรุงทะเบยี นท้องที่ ข้อมูลจ�ำนวนราษฎร ๑.๔ การน�ำขอ้ ราชการไปประกาศแก่ราษฎร ๑.๕ การฝึกอบรมราษฎรใหร้ จู้ ักกระทำ� การในยามรบ ๑.๖ การบำ� รงุ และสง่ เสรมิ อ�ำชีพแกร่ าษฎร ๑.๗ การจัดหมู่บ้านให้เปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย ๑.๘ การอันเก่ียวกับความอาญา เช่น อ�ำนาจในการจับกุมผู้กระท�ำผิดกฎหมาย ส่งพนกั งานสอบสวนท้องที่ ๒. ตามกฎหมายและระเบียบอื่น ๆ ๒.๑ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยทะเบียนราษฎร เช่น ผู้ใหญบ่ ้านเป็นนายทะเบียนผู้รับแจ้งเกิด แจง้ ตาย แจ้งยา้ ยที่อยู่ และออกหลกั ฐานใหแ้ กป่ ระชาชนนำ� ไปยนื่ ต่อนายทะเบยี น ๒.๒ ตามกฎหมายว่าดว้ ยบตั รประจ�ำตวั ประชาชน เชน่ เปน็ เจา้ พนกั งานในการตรวจ บัตรประจำ� ตวั ประชาชนเฉพาะด่านตรวจในพ้นื ที่
8 ๒.๓ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจดทะเบยี นครอบครวั เชน่ ผใู้ หญบ่ า้ นอาจตอ้ งไปเปน็ พยานบคุ คลรับรองบคุ คลทีป่ ระสงค์จะขอจดทะเบยี นสมรส ทะเบยี นรบั บตุ รบุญธรรม ๒.๔ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสตั วพ์ าหนะ เชน่ ผใู้ หญบ่ า้ นมหี นา้ ทไ่ี ปกบั เจา้ ของหรอื ตวั แทน น�ำสตั ว์ทีต่ ้องจดทะเบียนรปู พรรณไปจดทะเบียนรปู พรรณ ๒.๕ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยอาวธุ ปนื เชน่ ผใู้ หญบ่ า้ นเปน็ ผใู้ หค้ ำ� รบั รองเกยี่ วกบั ความประพฤติ และหลักฐานของผู้ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ๒.๖ ตามพระราชบญั ญตั ริ บั ราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ เชน่ ตอ้ งนำ� ราษฎรไปแสดงตน เพือ่ คดั เลอื กทหาร ๒.๗ ตามประมวลกฎหมายอาญา เชน่ ผใู้ หญบ่ า้ นมอี ำ� นาจหนา้ ทจ่ี บั กมุ ผกู้ ระทำ� ความผดิ หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายจับหรือหมายค้น ผู้ใหญ่บ้านและก�ำนันเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เมื่อกระท�ำการตามอ�ำนาจหน้าท่ี ผู้ใดดูหม่ินหรือขัดขวางย่อมมีความผิดต่อเจ้าพนักงานจะได้รับโทษ หนักขน้ึ กว่าความผดิ ตอ่ บคุ คลธรรมดา
๙9 โครงสโครรา้ งงสอร้า�ำงนอาานจาจหหนน้า้าทท่ีแ่ีและลบะทบบทาทบขอางทกขานอนั งแกละ�ำผนู้ใหันญแบ่ ลา้ ะนผ้ใู หญบ่ ้าน ก�ำนนั /ผใู้ หญบ่ ้าน ผแู้ ทนจากส่วนกลาง หน้าท่ี และสว่ นภมู ิภาค ในฐานะสงั กดั ในฐานะกลไก ประสานงานและรว่ มมอื กระทรวงมหาดไทย ของรฐั กบั องคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถนิ่ รบั ผดิ ชอบงานท่ี รบั ผดิ ชอบงานทก่ี ระทรวง กระทรวงมหาดไทย ทบวง กรมตา่ ง ๆ มอบหมาย มอบหมาย ไ เตดท า้รา่ บับท ลมี่ไอ ด ๓ 3บ้ร .. 3บัห๓ ม ม 1ออา อ๑ )ยา บ�ำ) นจหนกบ า าม.าบก ทกจ จา.ทบ(ผ( ผห21ห ยบชู้าใู้(ผ())นจน๒ห๑ท่วา้ชูาชเ้าา้ย)ทญแส)กว่่วททผ นลแ ยบ่ผยแ่ี่ีแู้ใเชะอลผสใู้เห้าลล่วหอขหะใู้นนญะยะหาอ้ลอญอใบนเบ่บแอืญ�ำหขห่บทานนทผา้ก้อ้บ่ล้าจนบะาใู้บรแน้าือหหจนฝะานนาใผญหนทาทา่หทะฝู้ใแยน้าผ่ำ�บนห้กผ่าลทป้าู้ชำ�้ยารู้ชญะท่ีขกว่แะนป่วใอ่บยคข่ีลหทปยกงผอะร้า้คาผคฏผอใูใ้นงาู้รใหหู้ชิบผงปปหอค้่วมญู้ชัตรฏงญยำ�อี่วิกึก่บมิปบผาย่บษิจีอา้ ้ใูรนัตผ้านกาห�ำกึ ิกาใู้นตนาญษหจิจส่อราาญหส่บกาตผจตรนาาา้่บู้ใหาอ่วหรนรา้ม้านผตัวตทญในอใู้า้รันตา่ีดหใ่บาทกมรปนงัญนา้ด่ี�ำกตอจัปนนาบ่ังาอ่�ำจจัใจตนัา้นนไนุบจหน่อปันากันุบแไในนจจิปนลัน้แาหี้กกนะทลนาจิแ้ี ่ีะขรก้าพทแอทาทพ่ีรผง่ีขยทผู้ใทอป์หู้ใผี่ ยงหรญใู้ ผ์ปหะญู่้ใบรจญห่บ้าะำ� บ่ญน้าตจา้น�ำม่าบนบี้ามลนอี เำ� ทน่าาทจ ี่ หอนา้านทา่ีจหนา้ ที่ ข ข.. ผผู้ชชู้ ว่ ่วยยผผใู้ ู้ใหหญญบ่ บ่ ้าา้นนฝฝ่า่ายยรรกั ักษษาาคคววาามมสสงงบบมมีออี าำ�นนาาจจหหนน้าา้ททด่ี ด่ี งั ังตตอ่ อ่ ไปไปนน้ี ้ี (1(๑) )ต รตวรจวตจรตารราักรษกั าษคาวคาวมาสมงสบงเบรียเรบยี รบ้อรยอ้ ภยาภยาใยนใหนมห่บู ม้า่บู นา้ น (2(๒) )ใ หใน้หา้นค�ำวคามวแามจ้งแตจ่อ้งผตใู้ ่อหผญู้ใ่บหา้ ญน่ถบ้า้ารนู้เหถ็น้าหรู้เรหือ็นทหรารบือวทา่ รเหาตบุกวา่ารเณห์ทตุ่เีกกาิดรขณึ้น์ท่ีเกิดข้ึน หหรรอื ือจจะะเกเกดิ ิดขขึน้ นึ้ ใในนหหมม่บู บู่ า้ า้นนหหรรืออื ใในนหหมมบู่ ู่บ้า้านนใใกกลล้เคเ้ คยี ียงงเกเกย่ี ี่ยววกกับบั คคววาามมสสงงบบเเรรียียบบรรอ้ ้อยย
10 (๓) นำ� ตวั คนจรซงึ่ เขา้ มาในหมบู่ า้ นและสงสยั วา่ ไมไ่ ดม้ าโดยสจุ รติ สง่ ตอ่ ผใู้ หญบ่ า้ น (๔) เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ต้องระงับเหตุปราบปราม ติดตามจับผู้ร้าย โดยเต็มกำ� ลงั (๕) เมื่อตรวจพบหรือตามจับได้สิ่งของใดท่ีมีไว้เป็นความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว ้ เพอื่ ใชใ้ นการกระท�ำความผิดหรือไดม้ าโดยกระทำ� ความผิด ให้รีบนำ� สง่ ผูใ้ หญ่บา้ น (๖) เมอ่ื มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา่ ผใู้ ดไดก้ ระทำ� ความผดิ และกำ� ลงั จะหลบหนใี หค้ วบคมุ ตวั ส่งผู้ใหญ่บา้ น (๗) ตามค�ำสั่งของผู้ใหญบ่ า้ น ซง่ึ สง่ั การโดยชอบด้วยกฎหมาย ๒) บทบาทและอ�ำนาจหนา้ ที่ของสารวตั รก�ำนนั สารวัตรกำ� นันมหี น้าทชี่ ่วยงานก�ำนนั ในต�ำบลนนั้ ๆ โดยกำ� นันมีอ�ำนาจเปลยี่ นสารวตั รได้ ๓) บทบาทและอ�ำนาจหน้าที่ของแพทย์ประจ�ำต�ำบล ช่วยก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านท�ำงาน และจดั การรักษาความสงบเรยี บรอ้ ยในต�ำบล และมหี นา้ ทีด่ ังตอ่ ไปนี้ (๑) คอยสังเกตตรวจตราความไข้เจ็บท่ีเกิดข้ึนแก่ราษฎรในต�ำบลนั้น และต�ำบล ท่ีใกล้เคียง ถ้าเกิดโรคภัยร้ายแรง เช่น อหิวาตกโรคก็ดี กาฬโรคก็ดี ไข้ทรพิษก็ดีต้องคิดป้องกัน ด้วยการแนะน�ำก�ำนันผู้ใหญ่บ้านให้ส่ังราษฎรให้จัดการป้องกันโรค เช่น ท�ำความสะอาด เป็นต้น และแพทย์ประจ�ำตำ� บลตอ้ งเท่ยี วตรวจตราชีแ้ จงแกร่ าษฎรดว้ ย (๒) การป้องกันโรคภัยในต�ำบลนั้น เช่น ป้องกันไข้ทรพิษก็ดี ท่ีจะมียาแก้โรคไว ้ สำ� หรบั ตำ� บล ดแู ลอยา่ ใหใ้ นตำ� บลนนั้ มสี ง่ิ โสโครกอนั เปน็ เชอื้ โรค การเหลา่ นอ้ี ยใู่ นหนา้ ทแ่ี พทยป์ ระจำ� ตำ� บล จะตอ้ งคิดอา่ นกับแพทย์ประจำ� เมือง และกำ� นนั ผใู้ หญ่บา้ นในต�ำบลนั้น ให้สำ� เรจ็ ตลอดไป (๓) หากโรคภยั ร้ายแรง เชน่ อหิวาตกโรค กาฬโรค ไขท้ รพิษ โรคระบาด ปศุสัตว์ เกิดข้ึนในต�ำบลนั้น แพทย์ประจ�ำต�ำบลต้องรีบรายงานยังกรมการอ�ำเภอ ให้ทราบโดยทันทีและต่อไป จนกว่าจะสงบโรค
11 บทท่ี ๓ ความรทู้ ว่ั ไปส�ำหรับตำ� แหนง่ ความเชอ่ื ถอื ศรทั ธาของราษฎรทม่ี ตี อ่ กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น เกดิ จากการสง่ั สมผลงานคณุ ความดี ของนกั ปกครองทอ้ งที่ในรนุ่ กอ่ น ๆ ไดท้ �ำไว้ ตกทอดมาจนถงึ ปจั จุบนั ควรทจี่ ะได้ยดึ ถือแบบอย่างปฏิบตั ิ ดังน้ัน ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี มีความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ และเปน็ กันเองกบั ราษฎรอยู่เสมอ ๑. การวางตนให้เหมาะสมกบั ต�ำแหนง่ แนวทางการวางตนของก�ำนนั ผูใ้ หญ่บา้ น สามารถศกึ ษาไดจ้ ากประสบการณแ์ ละแนวคดิ ของนักปกครองรุ่นกอ่ น ๆ ดังน้ี ๑.๑ พล.ต.ต. อรรถสิทธิ์ สิทธิสนุ ทร อดีตรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย กลา่ วไวว้ ่า นักปกครองต้องมงุ่ ท�ำตนให้มี ๓ ภมู ิ คอื “ภูมวิ ุฒิ ภูมิธรรม และภูมิฐาน” ดังนี้ ๑) ภมู วิ ุฒิ - ใฝ่หาความรอู้ ยูเ่ สมอ ๒) ภมู ิธรรม - ต้งั ตนอย่ใู นศีล ซื่อสตั ย์ สจุ ริต โอบออ้ มอารี เอื้อเฟือ้ ฯลฯ ๓) ภูมิฐาน - วางตัวสมฐานะ ฐานะสูงข้ึนก็วางตัวให้สูงขึ้น แต่อย่าสูงจนลอย เรียกว่าสงู จนเท้าไม่ติดดิน หรอื อยา่ ท�ำตัวสงู จนคนเข้าไม่ถงึ ขณะเดยี วกันก็อยา่ ทำ� ตัวมอซอ ต�่ำเกนิ ไป จนใคร ๆ เขาดูถกู ๑.๒ นายชะลอ ธรรมศริ ิ อดตี ผวู้ า่ ราชการจังหวดั และปลัดกรุงเทพมหานคร ไดก้ ล่าวถงึ หลกั การพฒั นาคน สรปุ ไดว้ า่ ประกอบดว้ ย ๒ องค์ประกอบ คือ ๑) ตนเอง ๒) สถานการณ์ ซง่ึ สามารถอธิบายได้ ดงั นี้ ๑) ตนเอง ต้องพัฒนาตนเองในเร่ือง (๑) บคุ ลิกลกั ษณะ (๒) การแต่งกาย (๓) สุขภาพอนามัย (๔) ความรู้ - โดยการอ่าน การฟัง การถาม การคิด เพอ่ื ให้เกดิ “ปญั ญา” (๕) ความสามารถ - ความสามารถขึ้นอยกู่ บั การทสี่ ามารถเอาความรทู้ ัง้ หลายท่ีมอี ยู่ มาประยกุ ตเ์ ขา้ กับวิธีปฏิบตั ิ ซึ่งเป็นศลิ ปะอยา่ งหนงึ่
12 (๖) ความประพฤตแิ ละทศั นคติ - “ประพฤตดิ ”ี โดยละความชวั่ กระทำ� ความดสี จุ รติ ทัง้ กาย วาจา ใจ โอบอ้อมอารีอ่อนหวานไพเราะ “ทศั นคต”ิ คือ ท่าทใี นการท�ำงาน ความร้สู ึกนกึ คิด ในแนวทางทถ่ี กู ตอ้ ง ท่ีชอบที่ควร สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคห์ นา้ ที่ (๗) ความตงั้ ใจ - ตง้ั ใจจรงิ ไมย่ อมพ่ายแพ้ มุ่งมัน่ ส่คู วามสำ� เร็จ ๒) สถานการณ์ หมายถงึ สงิ่ ทอี่ ยรู่ อบ ๆ ตวั เรา ไดแ้ ก่ สถานทว่ี สั ดุ โอกาส เวลาและบคุ คล ซึ่งเปน็ ปจั จัยให้การปฏิบตั หิ น้าท่ีการงานของเราไปสูจ่ ุดมุ่งหมาย (๑) สถานที่ - จงพฒั นาสถานที่ น�ำทรพั ยากรมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ (๒) โอกาสและเวลา - อย่ารอโอกาสแตจ่ งใช้เวลาให้มีคา่ (๓) เหตกุ ารณ์ - ศึกษาเหตกุ ารณ์ สถานการณ์ น�ำมาใชป้ ระโยชนท์ ุกวิถที าง ๒. บุคลกิ ภาพ บคุ ลกิ ภาพเปน็ สงิ่ สำ� คญั ยงิ่ ทจี่ ะทำ� ใหบ้ คุ คลบรรลคุ วามสำ� เรจ็ ในการดำ� รงชวี ติ และการทำ� งาน โดยเฉพาะผู้เป็นหัวหน้าคนจ�ำเป็นต้องมีบุคลิกภาพเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น ซึ่งสามารถปรับปรุง พฒั นาตนเองได้ ดังนี้ ๑) มารยาทและศีลธรรม มารยาทท่ีดีงามและความประพฤติที่ถูกต้องศีลธรรมจะช่วย เพมิ่ เสนห่ ใ์ หบ้ คุ ลกิ ภาพ ใครทฝ่ี า่ ฝนื มารยาทยอ่ มไดร้ บั การตำ� หนติ เิ ตยี น ผทู้ ไี่ รศ้ ลี ธรรมทกุ คนกเ็ บอื นหนา้ หนี ๒) เคร่ืองแต่งตัว เส้ือผ้าเคร่ืองแต่งกายมิใช่จะมีอิทธิพลเหนือปฏิกริยาของผู้อ่ืนเท่าน้ัน หากมีผลถึงสภาวะแห่งจิตใจของผู้สวมใส่ด้วย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเราสามารถปรับปรุงเพื่อเสริม บคุ ลกิ ภาพได้ โดยสตรคี วรแตง่ ตวั ใหท้ นั สมยั อยเู่ สมอ สำ� หรบั ผชู้ าย การแตง่ กายทส่ี ะอาดเรยี บรอ้ ยสมรปู รา่ ง มีคา่ มากในการท�ำใหผ้ อู้ ืน่ ต้องใจ ๓) ท่วงที หมายถึงแบบความประพฤติหรือพฤติกรรมที่คนท�ำอะไรเป็นอาจิณ บุคคลที่มี พฤตกิ รรมไมแ่ นน่ อน วนั นที้ ำ� อยา่ งหนงึ่ พรงุ่ นท้ี ำ� อกี อยา่ งหนง่ึ ยอ่ มไมม่ ใี ครไวว้ างใจหรอื ไมเ่ ปน็ ทนี่ า่ เชอ่ื ถอื ๔) วาจา ทง้ั วาจาและสำ� เนยี งเปน็ สงิ่ ทแี่ สดงใหเ้ ราทราบความคดิ ตลอดจนอปุ นสิ ยั ของผพู้ ดู มนุษย์ย่อมควบคุมส�ำเนียงและน�้ำเสียงแห่งวาจาได้ วาจาและส�ำเนียงอาจจะจูงใจคนได้ในหลายกรณี หรอื ท�ำให้คนหลงใหลได้ บางคร้งั ส�ำเนียงแหง่ วาจากเ็ พียงพอจะทำ� ให้คนมที ที า่ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ต่อเรา กระทรวงมหาดไทยไดเ้ คยออกคำ� สง่ั ฉบบั หนง่ึ เรยี กวา่ “คำ� ชแี้ จงเรอื่ งจรรยาของขา้ ราชการ กระทรวงมหาดไทย” ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๕ กลา่ วถึงเร่อื งบคุ ลิกภาพของพนกั งานฝา่ ยปกครอง ไว้น่าสนใจ ดังน้ี
13 “กริยาท่าทางน้ันเป็นส่ิงส�ำคัญมาก เพราะเป็นการแสดงให้ผู้อื่นเขาเห็นว่าเป็นคนมีความรู้ ความสามารถและมีความเข้มแข็งปานใด... ถ้ากริยาท่าทางเราเง่ืองหงอยเดินหลังงอห่อไหล่มีลักษณะ เปน็ คนเจ้าทุกข์อมโรคดังนี้ ถึงแม้เราจะเปน็ นกั มวยทีเ่ กง่ กล้าสามารถผู้ทีจ่ ะชกต่อยเรากค็ งจะอยากลอง เข้าชกตอ่ ยดู ซึง่ เราจะชนะก็น่าจะเจ็บตวั บา้ ง สเู้ รามีทา่ ทางใหศ้ ตั รูเกรงขามไม่กลา้ ต่อยไม่ได้ การน่ังซอมซ่อก็ดี การเดินหลังงอ หรือท่าทางประหม่าสะทกสะท้านก็ดี เป็นสิ่งซ่ึงแสดง ความหวาดเกรงอยู่เสมอ นับเป็นการอ่อนแออยู่ในตัว ท่านผู้ใดเป็นเช่นนี้ ขอให้ฟังแก้ไขเสียเราควร จะเดินผึ่งผายได้ แตก่ ็ไม่ควรให้ถึงกับตงึ ตงั เกนิ ควร การวางหนา้ เศรา้ ปลอ่ ยผมเผา้ รงุ รงั ถงึ แมจ้ ะมรี า่ งกายอวบอว้ นแขง็ แรง กแ็ สดงวา่ เปน็ คนเจา้ ทกุ ข์ อมโรค นับว่ามีลักษณะเป็นคนอ่อนแอเหมือนกัน ต่างกับผู้ที่ย้ิมแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ บางท่านเม่ือพูด กับผบู้ ังคับบญั ชาหรอื ผใู้ หญ่กว่า กม็ กั จะมกี ารอ้อมแอ้มเสียงส่ันเปน็ การประหม่าสะทกสะทา้ นอยู่ในตวั แสดงความเกรงกลัวเกนิ ไป.....เปน็ การแสดงความอ่อนแอโดยตรง” ๓. การแต่งเคร่อื งแบบ กฎกระทรวงฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒) และฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๖) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าท่ีท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้ก�ำหนดเคร่ืองแบบก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผชู้ ่วยผูใ้ หญบ่ า้ น สารวัตรกำ� นนั และแพทยป์ ระจ�ำต�ำบล ไว้ให้มี ๒ ชนดิ คอื ๑) เคร่ืองแบบปฏบิ ัติราชการ มี ๑ ประเภท คอื เครื่องแบบสกี ากีคอพบั ๒) เคร่ืองแบบพิธกี าร มี ๓ ประเภท คือ ก. เครื่องแบบปกติขาว ข. เครื่องแบบคร่ึงยศ ค. เคร่อื งแบบเตม็ ยศ เคร่ืองแบบปฏิบตั ริ าชการ (สกี ากีคอพบั ) จะประกอบด้วย ก. หมวก (๑) ชายมี ๒ แบบ คือ หมวกทรงหม้อตาลสีกากี และหมวดแก๊ปทรงอ่อนสีกากี (๒) หญิงมี ๓ แบบ คือ หมวกทรงหม้อตาลสีกากีทรงอ่อน หมวกแก๊ปทรงอ่อน พบั ปีกสกี ากี และหมวกหนีบสกี ากี ข. เสอ้ื (๑) ชายใชเ้ สอ้ื คอพับสกี ากแี ขนยาวรดั ขอ้ มือ มีกระเป๋าทหี่ น้าอกข้างละ ๑ กระเปา๋ ตดิ เครอ่ื งหมายแสดงสงั กดั ทป่ี กคอเสอื้ ดา้ นหนา้ ทงั้ สองขา้ ง ไหลเ่ สอ้ื ประดบั อนิ ทรธนู ผทู้ ไี่ ดร้ บั พระราชทาน เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้ประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อกเสื้อเหนือกระเป๋าบนซ้ายท้ังนี้ ในโอกาสไปงานพิธี ให้ใช้เสื้อเชิ้ตสีกากีแขนยาวผูกผ้าผูกคอสีด�ำเง่ือนกะลาสีสอดชายผ้าผูกคอไว ้ ภายในเส้ือใตด้ มุ เม็ดท่สี องด้วย
14 (๒) หญิงมี ๓ แบบ แบบแรกอนุโลมตามแบบเสื้อชาย แบบ ๒ เส้ือคอพับสีกาก ี แขนยาวหรือแขนสั้นสีอ่อนกว่าหรือสีเดียวกับกระโปรง แบบ ๓ เส้ือคอพับปล่อยเอวสีกากีสีเดียวกับ กระโปรงหรือกางเกง แบบ ๒ และ ๓ ไม่มีกระเป๋าท่ีอกเสื้อทั้งสองข้าง ท้ังน้ี ในโอกาสไปงานพิธี ให้ใชเ้ สื้อแบบท่ี ๑ หรือแบบท่ี ๒ โดยใช้เส้ือเชต้ิ สกี ากแี ขนยาวผูกผา้ ผูกคอสดี ำ� เงอ่ื นกะลาสีสอดชายผ้า ผกู คอไวภ้ ายในเส้อื ใตด้ มุ เมด็ ทีส่ องด้วย ค. อินทรธนู ให้ใชอ้ นิ ทรธนูออ่ น มีเครอื่ งหมายบนอนิ ทรธนูแสดงต�ำแหน่ง ประกอบด้วย แถบสเี หลอื ง ปลอกพ้นื สดี ำ� เหนือปลอกพนื้ สีดำ� ตดิ เครื่องหมายโลหะสที องเปน็ รปู ราชสหี อ์ ยภู่ ายในวงรี ดนุ นูน มีลายประกอบพนื้ ทล่ี งยา ประกอบด้วย (๑) แถบบนอนิ ทรธนู จำ� นวนแถบแสดงความหมายของต�ำแหนง่ ดงั น้ี - ก�ำนัน มแี ถบกว้าง ๑ เซนตเิ มตร ๕ แถบ - ผู้ใหญ่บา้ น มีแถบกวา้ ง ๑ เซนตเิ มตร ๔ แถบ - ผชู้ ่วยผ้ใู หญบ่ า้ น สารวตั รกำ� นนั แพทยป์ ระจำ� ต�ำบล มีแถบกว้าง ๑ เซนติเมตร ๓ แถบ (๒) เครอ่ื งหมายโลหะพืน้ ลงยา โดยมีสีแสดงความหมายของตำ� แหน่งดังน้ี - กำ� นนั และสารวัตรกำ� นัน พื้นลงยาสีแดง - ผู้ใหญ่บา้ น และผูช้ ่วยผใู้ หญ่บา้ น พ้นื ลงยาสคี ราม - แพทย์ประจำ� ต�ำบล พน้ื ลงยาสเี ขยี ว ง. กางเกง กระโปรง ชายใช้กางเกงแบบราชการประเภทสีกากีขายาว ไม่พับปลายขา หญงิ ใชก้ างเกง หรือกระโปรงสีกากกี ไ็ ด้ จ. เข็มขัด ใช้เข็มขัดท�ำด้วยด้ายถักสีกากี หัวเข็มขัดท�ำด้วยโลหะสีทองส่ีเหลี่ยมผืนผ้า มีรูปราชสหี ด์ นุ นูนอยู่กึ่งกลางหัวเขม็ ขดั ฉ. รองเท้า ถุงเท้า ชายใช้รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อหนังหรือวัตถุเทียมหนัง สีด�ำหรือ สนี ้�ำตาลไมม่ ีลวดลาย ถงุ เท้าสเี ดยี วกบั รองเท้า หญิงใช้รองเท้าหุ้มสน้ หรอื รดั ส้นหนังหรอื วตั ถุเทียมหนงั สีดำ� หรือสนี ำ้� ตาลแบบปิดปลายเท้าไมม่ ลี วดลาย สน้ สูงไม่เกิน ๑๐ เซนตเิ มตร ช. เคร่ืองหมายแสดงสังกัด ท�ำด้วยโลหะโปร่งสีทอง เป็นรูปราชสีห์ติดท่ีปกคอเส้ือ ด้านหน้าทั้งสองขา้ ง ซ. ป้ายชื่อและต�ำแหน่ง ให้มีป้ายชื่อพ้ืนสีด�ำ ตัวอักษรสีขาว แสดงชื่อตัว ชื่อสกุลและ ชอ่ื ตำ� แหน่ง ประดบั ท่อี กเส้อื เหนือกระเปา๋ บนขวา
15 เครือ่ งแบบพิธกี าร ก. เคร่ืองแบบปกติขาว ประกอบด้วย ๑) หมวก ชายใชห้ มวกทรงหมอ้ ตาลสขี าว หญิงใช้หมวกทรงหมอ้ ตาลสขี าวทรงออ่ น หรอื หมวกแกป๊ ทรงออ่ นพับปกี สีขาว ๒) เส้ือ ชายใช้เส้ือแบบราชการสีขาว ติดเครื่องหมายแสดงสังกัดท่ีปกคอเสื้อ ด้านหน้าทงั้ สองขา้ ง ผทู้ ่ีไดร้ บั เครื่องราชอิสริยาภรณใ์ หป้ ระดับแพรแถบเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ทอี่ กเส้อื เหนอื กระเปา๋ บนซา้ ย หญงิ ใชเ้ สอื้ นอกคอแบะสขี าวคอแหลมหรอื คอปา้ น เสอื้ ในใชเ้ สอ้ื คอพบั แขนยาวสขี าว ผูกผ้าผู้คอสีด�ำเง่ือนกะลาสี ผู้ท่ีได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้ประดับแพรแถบ เครื่องราชอสิ ริยาภรณ์ท่ีอกเสอื้ ดา้ นซ้าย ๓) อนิ ทรธนู ใชอ้ นิ ทรธนแู ขง็ ตดิ ทบั เสอื้ เหนอื บา่ ทง้ั สองขา้ งจากไหลไ่ ปคอมเี ครอื่ งหมาย แสดงต�ำแหน่งบนอินทรธนู ๔) กางเกง กระโปรง ชายใช้กางเกงแบบราชการสีขาวขายาว หญงิ ใชก้ ระโปรงสขี าว ๕) รองเทา้ ถงุ เทา้ เชน่ เดยี วกบั เครอ่ื งแบบปฏบิ ตั ริ าชการ สำ� หรบั หญงิ ใชถ้ งุ เทา้ ยาวสเี นอื้ ข. เครอื่ งแบบครงึ่ ยศ ลกั ษณะและสว่ นประกอบเชน่ เดยี วกบั เครอื่ งแบบปกตขิ าวเวน้ แต่ กางเกงหรือประโปรงใชส้ ักหลาดหรือเสิรจ์ สดี ำ� ประดับเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ ค. เคร่ืองแบบเต็มยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบครึ่งยศ สวมสายสะพาย หลักการแต่งเครอื่ งแบบในโอกาสตา่ ง ๆ ๑) งานพระราชพธิ ีและรฐั พธิ ี ให้แตง่ ตามหมายรบั สงั่ หรอื หมายก�ำหนดการ ๒) งานพิธีท่ีทางราชการจัดข้ึน ให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ เครื่องแบบปกติขาว หรือเครื่องแบบปกติกากีคอพับตามแต่โอกาส เช่น เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามท้องถ่ินท่ีเสด็จ พระราชดำ� เนนิ การรบั - สง่ เสดจ็ แตง่ เครอ่ื งแบบปกตกิ ากคี อพบั งานวางพวงมาลาพระบรมราชานสุ าวรยี ์ ฯ พธิ มี อบเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณท์ สี่ ว่ นราชการตา่ ง ๆ จดั ขนึ้ แตง่ เครอ่ื งแบบปกตขิ าว งานพระราชทานเพลงิ ศพ ทที่ างราชการจดั ให้มขี ึน้ แตง่ เครอื่ งแบบปกติขาวไวท้ ุกข์ หรือเคร่อื งแบบปกติกากคี อพับ เป็นตน้ ๓) งานพธิ ขี องเอกชน กรณีไปรว่ มพิธีใหแ้ ตง่ ดังนี้ ก. งานพิธีส่วนบุคคลโดยเฉพาะ ให้แต่งเคร่ืองแบบปกติกากีคอพับส�ำหรับงานพิธ ี เกี่ยวกับการตาย ใหแ้ ตง่ เครอื่ งแบบปกติกากีคอพบั แขนยาว ข. งานพิธีเก่ียวกับประเพณีของท้องถิ่นหรือชุนชน ให้แต่งเครื่องแบบปกติขาว หรือเคร่อื งแบบปกติกากีคอพบั กระทรวงมหาดไทยกำ� หนดใหม้ เี ครอื่ งแบบพธิ กี ารขน้ึ เพอื่ ใหก้ ำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ฯลฯ มสี ทิ ธแิ ตง่ ในโอกาสตา่ งๆ ตามทม่ี หี มายกำ� หนดการหรอื กำ� หนดการใหแ้ ตง่ เครอื่ งแบบพธิ กี ารแตไ่ มไ่ ดเ้ ปน็ การบงั คบั แลว้ แตค่ วามประสงคแ์ ละความเหมาะสม จะแตง่ เครอ่ื งแบบปฏบิ ตั ริ าชการตามทมี่ หี มายกำ� หนดการรวมถงึ กำ� หนดการใหแ้ ตง่ เครอ่ื งแบบพธิ กี ารกไ็ ด้ เพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ ความเดอื ดรอ้ นในการจดั หาเครอื่ งแบบพธิ กี าร
16 ๑. ๒. ๓. ๔. ั (ชัน้ ท่ี ๔ / เป็นทเ่ี ชิดชูยิง่ ชา้ งเผือก) และดวงตราจัตรุ ภาภรณม์ งกุฏไทย (จ.ม.) (ชั้นที่ ๔ / มีเกยี รติยศยิง่ มงกฎุ ไทย) ๑. ๒. ๓. ๔. ั (ชั้นท่ี ๔ / เป็นท่ีเชิดชยู ่ิงช้างเผือก) และห้อยกับแพรแถบผูกเปน็ รปู แมลงปอ ประดบั ทีห่ นา้ บ่าเสือ้ เบอื้ งซ้าย ั (ช้ันที่ ๔ / มเี กยี รติยศยิง่ มงกุฎไทย) หอ้ ยกับแพรแถบผูกเปน็ รูปแมลงปอ ประดับในระดั บั ทต่ี �ำ่ กว่าดวงตรา จ.ช. เยือ้ งไปทางซา้ ย ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๑. ๒. ๓. ๔. ๕.
17 ภาพเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ส�ำหรบั กำ� นนั ผู้ใหญ่บา้ น ฯลฯ
18 ๔. การสมาคม เป็นทีท่ ราบกับดวี ่า ก�ำนัน ผใู้ หญ่บ้าน จ�ำเป็นจะต้องปฏบิ ัติหนา้ ทโ่ี ดยใกล้ชิดกับประชาชน และขณะเดียวกันก็จะต้องประสานงานร่วมกับข้าราชการจากกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ตลอดจน หนว่ ยงานราชการและหนว่ ยงานเอกชนในพน้ื ท่ี ดงั นนั้ จงึ เป็นเรอ่ื งจำ� เป็นอยา่ งยิ่งที่กำ� นนั ผูใ้ หญบ่ ้าน จะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เข้ากับสังคม หรือพื้นท่ีท่ีตนรับผิดชอบเป็นอย่างดี เพราะจะเป็นส่ิงที่ เออ้ื อำ� นวยตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน สำ� หรบั แนวทางในการปฏบิ ตั ติ นในสงั คมเพอื่ ใหเ้ กดิ ผลดใี นการปฏบิ ตั งิ านนนั้ ควรยดึ ถือแนวทางดงั ต่อไปน้ี ก. รู้ระเบียบและมารยาทในสังคม ในการคบค้าสมาคมกับก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ด้วยกันก็ดี ขา้ ราชการ หรอื ประชาชนก็ได้ จะตอ้ งวางตนสภุ าพ เรยี บร้อย มองคนในแง่ดี พดู จาไพเราะอ่อนหวาน รู้จักระงับสติอารมณ์ และรู้จักวางตนให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เป็นต้น ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีจะช่วยท�ำให้เป็น ท่เี ลื่อมใสศรทั ธาแก่ผูต้ ดิ ตอ่ หรือผู้พบเหน็ โดยท่วั ไป ข. กระท�ำตนเปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคมเปน็ นิจ ก�ำนนั ผู้ใหญบ่ ้าน ต้องรู้จักเสียสละ เพ่อื สังคม โดยการใหค้ วามรว่ มมือสนับสนนุ กิจกรรมต่าง ๆ ท่จี ะเป็นประโยชน์ตอ่ สังคมหรอื ประชาชนโดยตรง การบำ� เพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมนนั้ สามารถดำ� เนนิ การไดห้ ลายวธิ ี เชน่ การสนบั สนนุ ราษฎรให้จดั งานประเพณตี า่ ง ๆ การรว่ มสร้างสง่ิ สาธารณประโยชน์ การร่วมพฒั นาทอ้ งถิ่น และการชว่ ย สนบั สนนุ งานการกศุ ลและงานบุญต่าง ๆ เปน็ ต้น การที่กำ� นนั ผใู้ หญ่บ้านให้ความสนใจ เอาใจใสต่ ่อการบำ� เพญ็ ประโยชนเ์ พือ่ สงั คม ดังกล่าว ข้างต้น ย่อมเป็นทางหน่ึงท่ีจะช่วยให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้โดยง่าย และย่อมที่จะช่วยให้การ ปฏบิ ตั งิ านตา่ ง ๆ ไดร้ บั ความรว่ มมือและการสนับสนุนจากประชาชนเปน็ อยา่ งดี ๕. ท่ีทำ� การกำ� นัน ผใู้ หญ่บ้าน สถานท่ีปฏิบัติราชการ เป็นส่ิงเชิดหน้าชูตาท่ีส�ำคัญอย่างหน่ึงท่ีไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะ สถานที่ทำ� งานของขา้ ราชการฝา่ ยปกครองที่ท�ำหนา้ ท่บี ำ� บดั ทุกข์ บำ� รงุ สขุ ควรจะต้องมีขอ้ มลู ทางการ ปกครอง การเศรษฐกิจ และสังคม ให้ครบถ้วน ถูกต้องสมบูรณ์ และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ดสู ะอาด สวยงาม แกส่ ายตาประชาชนท่มี าตดิ ตอ่ งานราชการ ท่ีท�ำการก�ำนัน และท่ีท�ำการผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บ้านพักอาศัยส่วนตัวของก�ำนัน ผใู้ หญ่บา้ นเองเปน็ ทปี่ ฏิบตั งิ านควบคู่กันไปดว้ ย ในฐานะท่กี �ำนนั ผู้ใหญบ่ า้ น เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง ทม่ี หี นา้ ทดี่ แู ลทกุ ขส์ ขุ ของราษฎร จงึ สมควรอยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะตอ้ งปรบั ปรงุ ทท่ี ำ� การของตนใหเ้ ปน็ ศนู ยข์ อ้ มลู ของต�ำบล หมู่บ้าน ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด สวยงาม และเป็นที่ชื่นชมแก่ราษฎร ผ้ทู ่มี าขอรับบริการ จงึ ขอนำ� เสนอให้สว่ นของการจดั ส�ำนกั งานทดี่ ี ควรจะมลี กั ษณะดังต่อไปน้ี
19 ๑. การจัดให้มีป้ายที่ท�ำการก�ำนัน ท่ีท�ำการผู้ใหญ่บ้าน โดยให้มีขนาดพอสมควร ติดตั้งไว้ในที่เปิดเผย บริเวณท่ีท�ำการหรือใกล้เคียง เพื่อให้ที่ผู้สัญจรผ่านไปมา สังเกตเห็นได้โดยง่าย เปน็ การอำ� นวยความสะดวกแกร่ าษฎรทจี่ ะมาตดิ ตอ่ ขอรบั ความชว่ ยเหลอื หรอื หนว่ ยราชการทม่ี าตดิ ตอ่ ขอความร่วมมือในการปฏบิ ัติงาน และควรประดบั ตกแต่งเพ่มิ เติม เช่น ปลกู ต้นไม้ ไม้ดอก ไมป้ ระดบั หรอื จดั ทำ� ซ้มุ กนั แดด กันฝนใหส้ วยงาม นอกจากนี้ ควรจะต้องจัดให้มีป้ายแสดงต�ำแหน่งก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ติดต้ังไว้โดยเปิดเผย ณ บา้ นทพ่ี ักอาศยั ของก�ำนัน หรือผ้ใู หญบ่ า้ น เพอ่ื ให้ประชาชนทั่วไปไดร้ บั ร้ดู ้วย ลกั ษณะของป้ายทท่ี ำ� การก�ำนัน ผใู้ หญบ่ ้าน ๒. การจดั ทำ� เปน็ ศนู ยข์ อ้ มลู ประจำ� ตำ� บล หรอื หมบู่ า้ น โดยจดั ทำ� เปน็ ปา้ ยแสดงขอ้ มลู ทสี่ ำ� คญั ตามหัวขอ้ ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้
20 ๕ ๑) ๒) ๓) ๔) ๕) ๖) ๗) ๘) ๙) ๑๐) ๓. จดั ปรบั ปรงุ สภาพภมู ทิ ัศนภ์ ายในและภายนอกบริเวณทที่ �ำการ กำ� นนั ผ้ใู หญบ่ ้าน ๓.๑ การปรับปรุง ภายในที่ท�ำการผู้ใหญ่บ้าน หรือท่ีท�ำการก�ำนัน ที่ท�ำการผู้ใหญ่บ้าน การจดั เกบ็ เอกสาร การจดั ทำ� ตเู้ กบ็ เอกสาร เพอื่ จดั เกบ็ เอกสารใหเ้ ปน็ หมวดหมู่ และเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย โดยจัดเกบ็ เปน็ แฟม้ แยกตามประเภท ดังนี้ ๑) แฟ้มรายงานเหตุการณ์ต่อทางราชการ เกี่ยวกับเหตุด่วนเหตุร้าย ท่ีมีผลกระทบ ตอ่ ชีวิตทรัพย์สินของราษฎรโดยตรง ๒) แฟ้มรายงานเหตุการณ์ปกติ เช่น การจัดประชุมประจ�ำเดือนของหมู่บ้าน ต�ำบล แฟ้มตรวจราชการของสว่ นราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ ๓) แฟ้มทะเบียนราษฎร์ เก่ียวกับการก�ำหนดเลขที่บ้าน รับแจ้งการเกิด การตาย การย้ายทอ่ี ยู่ การสร้างบา้ นใหม่ การขอรื้อถอนย้าย
21 ๔) แฟ้มทะเบียนบัตรประจ�ำตัวประชาชน เช่น การรับรองเกี่ยวกับบัตรประจ�ำตัว ประชาชน การรบั รองบคุ คลเพอ่ื ทำ� บตั รประจำ� ตวั ประชาชนใหม่ ในกรณขี อมบี ตั รครง้ั แรก หรอื บตั รหาย บนั ทึกการรบั บัตรประจ�ำตวั ประชาชนจากอ�ำเภอไปแจกจ่ายใหร้ าษฎรในหมู่บ้าน ต�ำบล ๕) แฟ้มการประชมุ ประจ�ำเดอื น ของอำ� เภอ หรือส่วนราชการต่าง ๆ ๖) แฟ้มรับรองบุคคล เกย่ี วกับการขออนญุ าตมแี ละใช้อาวธุ ปนื ๗) แฟม้ เกย่ี วกบั การรบั รองแนวเขตทส่ี าธารณประโยชน์ ในฐานะพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี หรอื การรับใบประกาศตา่ ง ๆ ตามประมวลกฎหมายท่ดี นิ ๘) แฟ้มการประนีประนอมขอ้ พิพาทของราษฎรในหมบู่ า้ น ตำ� บล ๙) แฟ้มบันทึกการจับกุมผู้กระท�ำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา, กฎหมาย ว่าดว้ ยการปา่ ไม้, กฎหมายว่าด้วยการทะเบยี น, กฎหมายวา่ ดว้ ยบตั รประจำ� ตวั ประชาชน ๑๐) แฟ้มบนั ทึกเงนิ กองทุนหมู่บ้าน ตำ� บล หรือเงินกองกลางของหม่บู า้ น ตำ� บล ๑๑) แฟม้ บนั ทกึ การประชมุ หรอื การปฏบิ ตั งิ ามรว่ มกบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในพนื้ ที่ ๑๒) แฟ้มบนั ทกึ ผลการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล เชน่ การป้องกนั การปราบปราม ยาเสพติด ๑๓) แฟ้มอ่ืน ๆ ที่ควรมีเพิ่มเติมเป็นบางต�ำบล หมู่บ้าน เช่น แฟ้มโครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดำ� รฯิ โครงการเศรษฐกจิ ชมุ ชน โครงการเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนโดยกระบวนการ ประชาคม ในการแก้ปัญหาของตำ� บล หมู่บา้ น เป็นตน้ ทั้งนีแ้ ลว้ แตค่ วามจ�ำเป็นในแตล่ ะพ้นื ท่ี นอกจากน้ี ควรจดั วางวสั ดสุ �ำนกั งาน ใหเ้ ป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย สวยงามตา มโี ตะ๊ เก้าอี้ ส�ำหรับราษฎรผู้มาติดต่องานอย่างเพียงพอ หากเป็นไปได้ ควรหาต้นไม้ประดับภายในส�ำนักงาน ใหด้ ูสบายตา สบายใจด้วย ยิ่งจะเปน็ การดี ๓.๒ การปรบั ปรงุ ภมู ทิ ศั น์ ภายนอกทท่ี ำ� การกำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น หากทท่ี ำ� การ มบี รเิ วณกวา้ งพอ ควรจัดสวนหย่อม โดยปลูกไม้ดอกไม้ประดับ หรือปูหญ้ารอบ ๆ บริเวณท่ีท�ำการการจัดวางส่ิงของ ใหด้ เู ปน็ ระเบียบเรียบร้อย สะอาด สวยงาม โดยอาจดูตัวอย่างจากการจัดส�ำนักงานของอ�ำเภอหรือ สว่ นราชการตา่ ง ๆ มาประยกุ ต์ใช้ให้เข้ากับสภาพของทท่ี �ำการกำ� นนั ผใู้ หญ่บา้ น แตท่ งั้ น้ ี ก็ตอ้ งค�ำนึง ถงึ การใชเ้ งินลงทุนในการจดั ส�ำนักงานด้วย
22 บทท่ี ๔ หลักการปกครองและการประสานงาน กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ถอื เปน็ พนกั งานฝา่ ยปกครอง มีหน้าที่บ�ำบัดทุกข์ บ�ำรุงสุข ให้แก่ราษฎรในท้องท ี่ นับเป็นกลไกท่ีมีความส�ำคัญต่อการบริหารประเทศ มคี วามสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั ประชาชน และหนว่ ยบรหิ าร ราชการอื่นในท้องท่ี ฉะนั้น จึงจ�ำเปน็ อยา่ งย่งิ ท่ีจะตอ้ ง มคี วามรอบรใู้ นเรอ่ื งระเบยี บ กฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั หนา้ ที่ หลักการปกครอง และการประสานงานต่าง ๆ ส�ำหรับการบริหารราชการแผ่นดินของไทยในปัจจุบันเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวได้จัดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ออกเปน็ ๓ สว่ น ไดแ้ ก่ ราชการบรหิ ารสว่ นกลาง ราชการบรหิ ารสว่ นภมู ภิ าค และราชการบรหิ ารสว่ นทอ้ งถน่ิ ซง่ึ มคี วามสมั พนั ธซ์ งึ่ กนั และกนั โดยจะนำ� เสนอถงึ ลกั ษณะของการบรหิ ารราชการสว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าค และส่วนท้องถิ่นในสว่ นของความสัมพนั ธ์กับบทบาทของก�ำนัน ผใู้ หญบ่ ้าน ทม่ี อี ยใู่ นปจั จุบัน ดงั ต่อไปน้ี ๑. โครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดนิ ไทย ๑.๑ ลักษณะของราชการบรหิ ารสว่ นกลาง “ราชการบริหารสว่ นกลาง” เปน็ การจัดระเบยี บการปกครองตามหลกั การรวมอ�ำนาจ (Centralization) โดยตามพระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ ไดก้ ำ� หนดการ จัดระเบียบการบรหิ ารราชการสว่ นกลางไว้ดงั นี้ ๑) สำ� นักนายกรัฐมนตรี ๒) กระทรวง หรอื ทบวงท่ีมีฐานะเทยี บเท่ากระทรวง ๓) ทบวง ซ่งึ สังกดั ส�ำนกั นายกรัฐมนตรีหรอื กระทรวง ๔) กรมหรือส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นท่ีมีฐานะเป็นกรมซึ่งสังกัด หรือไม่สังกัด ส�ำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรอื ทบวง ทง้ั นร้ี าชการบรหิ ารสว่ นกลาง มบี ทบาทหนา้ ทใี่ นการบรหิ ารราชการในฐานะทเ่ี ปน็ ผจู้ ดั ทำ� บรกิ ารสาธารณะพน้ื ฐานในด้านต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ก. ภารกิจตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ได้แก่ การรักษาความสงบเรียบร้อย การรกั ษาความมัน่ คงภายในประเทศ การป้องกันประเทศ การดำ� เนินนโยบายกบั ต่างประเทศ
23 ข. ภารกจิ ดา้ นการพฒั นาเศรษฐกจิ และชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนและการใหบ้ รกิ าร สาธารณะต่าง ๆ ซึ่งราชการบริหารส่วนกลางอาจกระจายอ�ำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือ รัฐวสิ าหกจิ ด�ำเนินการแทน ๑.๒ การบรหิ ารราชการส่วนภมู ภิ าค “ราชการบริหารส่วนภูมิภาค” เป็นการจัดระเบียบการปกครองตามหลักการ แบง่ แยกอำ� นาจ (Deconcentration) ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้แก่ จังหวัด อ�ำเภอ เป็นหน่วยงานที่ใช้อ�ำนาจรัฐ และเป็นระบบการปกครองซึ่งข้ึนตรงกับรัฐบาล เชน่ เดียวกบั การบรหิ ารราชการส่วนกลาง ซ่งึ ราชการสว่ นภมู ภิ าค มีลกั ษณะสำ� คญั ท่พี อจะสรปุ ได้ดังน้ี ๑) การปกครองแบบราชการส่วนภูมิภาค เป็นการแบ่งอ�ำนาจการปกครองจาก ส่วนกลาง ให้แก่ผู้แทนการบริหารราชการส่วนกลางซึ่งประจ�ำอยู่ในภูมิภาคตามหลักการแบ่งอ�ำนาจ การปกครอง ๒) เจา้ หนา้ ทใ่ี นสว่ นภมู ภิ าคยงั อยภู่ ายใตอ้ ำ� นาจบงั คบั บญั ชาของสว่ นกลาง โดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ การแตง่ ตง้ั ถอดถอน วนิ ยั โดยมผี บู้ งั คบั บญั ชารบั ผดิ ชอบในราชการและมผี ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาปฏบิ ตั ิ ตามค�ำสง่ั ของผู้บงั คับบญั ชา ๓) ราชการส่วนกลางมีอ�ำนาจในการเปล่ียนแปลงแก้ไขค�ำวินิจฉัยส่ังการของราชการ สว่ นภูมภิ าค โดยราชการส่วนภูมิภาคได้รับมอบอ�ำนาจในการวินิจฉยั สั่งการเฉพาะบางเรื่องเทา่ นนั้ ราชการบรหิ ารสว่ นภมู ภิ าคมหี นา้ ทใ่ี นภารกจิ ตามแนวนโยบายพนื้ ฐานแหง่ รฐั โดยรฐั บาล มอบอำ� นาจบางสว่ นในการดแู ลและใหบ้ รกิ ารประชาชนในพนื้ ทตี่ า่ ง ๆ ทหี่ า่ งไกลจากสว่ นกลาง โดยผา่ น ทางบคุ คลซึ่งเป็นตัวแทนทแ่ี ต่งต้ังไปจากสว่ นกลาง ไดแ้ ก่ ผู้วา่ ราชการจงั หวัด นายอ�ำเภอ ข้าราชการ ส่วนภูมิภาคซึ่งสงั กัดสว่ นราชการตา่ ง ๆ ตลอดจนก�ำนัน ผใู้ หญ่บ้านซ่งึ แม้ไม่ได้แตง่ ตัง้ จากส่วนกลางกม็ ี สถานะเป็นเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ท�ำหน้าทเ่ี ป็นผบู้ ริหารงานในเขตพนื้ ทข่ี องราชการสว่ นภมู ภิ าคนน้ั ๆ ได้แก่ ต�ำบลและหมบู่ ้าน ๑.๓ ลักษณะของราชการส่วนทอ้ งถนิ่ การปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นรากฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เน่ืองจากการปกครองส่วนท้องถ่ินเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง เพ่ือประโยชน์โดยรวมของท้องถ่ินตามหลักการปกครองแบบกระจายอ�ำนาจ (Decentralization) โดยมีองค์ประกอบท่สี �ำคัญ ๓ ประการ คอื ๑) มกี ารแยกหนว่ ยงานออกไปเปน็ องคก์ ารนติ บิ คุ คลอสิ ระจากองคก์ ารบรหิ ารราชการ ส่วนกลาง โดยเป็นนิติบุคคลในทางกฎหมายมหาชนที่มีงบประมาณและเจ้าหน้าท่ีเป็นของตนเอง โดยมีอิสระในการจัดท�ำบริการสาธารณะที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ต้องขอรับค�ำสั่งจากราชการบริหาร ส่วนกลาง
24 ๒) มีการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระจายอำ� นาจให้แก่องค์กรแห่งราชการ บริหารส่วนท้องถิ่น เช่น สภาเทศบาล สภาจังหวัด เพ่ือให้ราษฎรในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ในการปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ๓) องค์กรตามหลักการกระจายอ�ำนาจปกครองต้องมีอัตตาณัติ (autonomy) ซึ่งมีความเป็นอิสระในการด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าท่ีของตนเอง ไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ตามล�ำดับช้ันของราชการบริหารส่วนกลาง มีอ�ำนาจวินิจฉัยส่ังการและด�ำเนินการได้ด้วยงบประมาณ และเจ้าหน้าทีข่ องตนเอง ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในรูปแบบต่าง ๆ โดยรัฐกระจายภารกิจบางส่วนให้ท้องถ่ินที่มีความพร้อม เช่น มีรายได้ ทรัพยากร บุคลากรเพียงพอ ได้มีอิสระในการบริหารงานของตนเองและมีอ�ำนาจหน้าท่ีตามที่กฎหมายก�ำหนด โดยรัฐมีอ�ำนาจ ในการก�ำกับดแู ลทอ้ งถน่ิ โดยตวั แทนของรฐั ใหป้ ฏิบัตติ ามกฎระเบียบตา่ ง ๆ ได้แก่ ผู้วา่ ราชการจังหวัด และนายอำ� เภอ ท้ังนี้ การจดั รูปแบบของระเบียบบริหารราชการส่วนทอ้ งถ่ินไทยในปจั จบุ นั ไดผ้ า่ นการ ววิ ฒั นาการของการปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ มาเปน็ ลำ� ดบั โดยมอี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทงั้ หมด ๕ รปู แบบ ไดแ้ ก่ ก. องค์การบริหารส่วนตำ� บล (อบต.) ข. องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (อบจ.) ค. กรุงเทพมหานคร (กทม.) ง. เมอื งพัทยา จ. เทศบาล ได้แก่ เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลต�ำบล บรรดาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ๕ รูปแบบข้างต้น เราสามารถจัดกลุ่มแบ่งได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบท่ัวไป ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในทุกจังหวัด ยกเวน้ กรงุ เทพมหานคร และเมอื งพัทยาในจงั หวดั ชลบุรี ซง่ึ ในอนาคตก็อาจมกี ารจดั ต้งั องค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถนิ่ รปู แบบพเิ ศษอน่ื ๆ ตามพระราชบญั ญตั เิ ฉพาะอกี กไ็ ด้ ทง้ั นป้ี จั จบุ นั (ขอ้ มลู ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖) องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ในประเทศไทยมีจ�ำนวนทัง้ สนิ้ จำ� นวน ๗,๘๕๓ แห่ง
25 ตารางแสดงจำ� นวนองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ในประเทศไทย รปู แบบ จำ� นวน ๗๖ แหง่ ๑. องค์การบริหารส่วนจงั หวดั ๒. เทศบาล ๒,๔๔๑ แห่ง เทศบาลนคร (๓๐ แห่ง) เทศบาลเมอื ง (๑๗๘ แห่ง) ๕,๓๓๔ แหง่ เทศบาลตำ� บล (๒,๒๓๓ แหง่ ) ๒ แหง่ ๓. องค์การบริหารสว่ นต�ำบล ๔. องคก์ รปกครองทอ้ งถนิ่ รปู แบบพเิ ศษ ๗,๘๕๓ แหง่ (กรงุ เทพมหานครและเมอื งพทั ยา) รวมทัง้ สนิ้ ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รวบรวมโดย : สำ� นักพัฒนาระบบ รปู แบบและโครงสร้าง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถน่ิ นอกจากรูปแบบการปกครองตามกฎหมายท่ีกล่าวมาแล้ว ยังมีพระราชบัญญัติลักษณะ ปกครองทอ้ งท่ี พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ ไดก้ ำ� หนดรปู แบบการปกครองทอ้ งที่อันประกอบดว้ ย หมู่บ้าน ตำ� บล กิง่ อำ� เภอ และอำ� เภอ อย่างไรก็ตาม รปู แบบการปกครองท้องทีท่ ีก่ ำ� นนั ผู้ใหญบ่ า้ นต้องมคี วามรู้ และเข้าใจ คือ หมูบ่ า้ น และตำ� บล l หมบู่ า้ น ก. การจัดต้ังหมูบ่ ้าน หม่บู า้ นตามทก่ี �ำหนดไวใ้ นกฎหมายลกั ษณะปกครองทอ้ งท่ี มี ๒ ประเภท คอื หมูบ่ ้าน ทจี่ ัดต้ังข้ึนอย่างเป็นทางการ กับหมู่บ้านทจี่ ดั ขึน้ เปน็ การชว่ั คราว ๑. หมู่บ้านท่ีจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ จัดตั้งโดยประกาศจังหวัดภายใต้หลักเกณฑ์ ดงั น้ี
26 หลักเกณฑ์ตามพระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองท้องท่ี ฯ ตามพระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทอ้ งท่ี พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ ไดว้ างหลกั เกณฑ์ การต้ังหมู่บา้ นไว้ ๒ ประการ คือ ๑) ถ้าเป็นท่ีมีคนอยู่รวมกันมากถึงจ�ำนวนบ้านน้อย ให้ถือเอาจ�ำนวนคนเป็นส�ำคัญ ประมาณ ๒๐๐ คน เปน็ หมู่บา้ นหนงึ่ ๒) ถ้าเป็นท่ีผู้คนต้ังบ้านเรือนอยู่ห่างไกลกัน ถึงจ�ำนวนคนจะน้อย ถ้ามีจ�ำนวนบ้าน ไม่ต�่ำกว่า ๕ บ้านแลว้ จะจดั เปน็ หม่บู ้านหน่ึงกไ็ ด้ ในการทจ่ี ะพจิ ารณาจดั ตง้ั หมบู่ า้ นขนึ้ ใหม่ กจ็ ำ� เปน็ จะตอ้ งถอื หลกั เกณฑต์ ามทก่ี ฎหมาย บัญญัติไว้โดยอนุโลม แต่ท้ังน้ีจะต้องพิจารณาถึงความจ�ำเป็นและความเหมาะสมจริง ๆ โดยให้ถือ ความสะดวกแกก่ ารปกครองเป็นประมาณ หลกั เกณฑ์ตามทกี่ ระทรวงมหาดไทยกำ� หนด กระทรวงมหาดไทยได้วางหลักเกณฑ์การจัดต้ังหมู่บ้านไว้ตามมติคณะรัฐมนตรี เมือ่ วนั ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๙ ๑) กรณเี ปน็ ชุมชนหนาแนน่ (๑) เป็นชุมชนที่มรี าษฎรไม่น้อยกวา่ ๑,๒๐๐ คน หรือมีจ�ำนวนบ้านไม่น้อยกว่า ๒๔๐ บา้ น (๒) เมอ่ื แยกหมู่บ้านใหม่แล้ว หมบู่ า้ นใหม่จะต้องมีราษฎรไม่น้อยกว่า ๒๐๐ คน หรือมีจ�ำนวนบา้ นไมน่ ้อยกว่า ๔๐ บ้าน (๓) ตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการหมบู่ า้ น สภาตำ� บล หรอื สภาองคก์ าร บรหิ ารส่วนตำ� บล และทปี่ ระชมุ หวั หน้าส่วนราชการประจ�ำอ�ำเภอ ๒) กรณเี ปน็ ชมุ ชนห่างไกล (๑) เป็นชุมชนที่มีราษฎรไม่น้อยกว่า ๖๐๐ คน หรือมีจ�ำนวนบ้านไม่น้อยกว่า ๑๒๐ บา้ น (๒) เมื่อแยกหมู่บ้านใหมแ่ ล้ว หม่บู า้ นใหมจ่ ะต้องมรี าษฎรไม่นอ้ ยกว่า ๒๐๐ คน หรอื มีจ�ำนวนบ้านไมน่ อ้ ยกว่า ๔๐ บ้าน (๓) ชมุ ชนใหมห่ า่ งจากชมุ ชนเดิมไมน่ อ้ ยกวา่ ๖ กโิ ลเมตร (๔) ตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการหมบู่ า้ น สภาตำ� บล หรอื สภาองคก์ าร บรหิ ารสว่ นต�ำบล และท่ีประชมุ หวั หน้าสว่ นราชการประจ�ำอำ� เภอ ๒. หม่บู ้านทีจ่ ัดตัง้ ขึ้นเป็นการชว่ั คราว หมู่บ้านชัว่ คราว จดั ข้นึ ในกรณีทท่ี ้องท่อี �ำเภอใดมรี าษฎรไปตัง้ ชุมชน ทำ� การหาเล้ียงชพี แต่ในบางฤดู และจ�ำนวนราษฎรซึ่งไปตั้งท�ำการอยู่มากพอสมควรจะจัดเป็นหมู่บ้านตามหลักเกณฑ ์ การตง้ั หมบู่ ้านปกตไิ ด้ เพื่อความสะดวกแก่การปกครอง ให้นายอ�ำเภอประชมุ ราษฎรในหมบู่ า้ นน้ัน ๆ เลอื ก “ว่าทผี่ ้ใู หญบ่ า้ น” มอี �ำนาจและหน้าท่ีเหมอื นผใู้ หญบ่ ้านปกติ
27 ข. การจดั ระเบยี บการปกครองหม่บู า้ นตามกฎหมายลกั ษณะปกครองทอ้ งที่ การบริหารงานของหมูบ่ ้านมอี งคป์ ระกอบทสี่ �ำคญั ดังนี้ ๑) ผใู้ หญ่บ้าน ๒) ผู้ชว่ ยผู้ใหญ่บ้าน ๓) คณะกรรมการหม่บู ้าน ผู้ใหญ่บา้ น หมู่บ้านหนึ่งมีผูใ้ หญ่บ้าน ๑ คน ทำ� หนา้ ท่ปี กครองราษฎรในเขตหมบู่ ้าน โดยมาจากการเลือกของราษฎรในหม่บู า้ นนนั้ ผชู้ ่วยผ้ใู หญบ่ า้ น เป็นผชู้ ่วยเหลอื ผ้ใู หญบ่ ้าน ผูช้ ว่ ยผู้ใหญ่บา้ นมี ๒ ประเภท คือ ๑) ผู้ชว่ ยผู้ใหญบ่ า้ นฝ่ายปกครองมีหมู่บ้านละ ๒ คน เวน้ แตห่ มบู่ า้ นใดมคี วามจ�ำเป็น ตอ้ งมีมากกว่า ๒ คน ตอ้ งขออนุมตั กิ ระทรวงมหาดไทย ๒) ผู้ชว่ ยผใู้ หญ่บา้ นฝา่ ยรักษาความสงบ หมู่บ้านใดจะมีไดต้ อ้ งให้ผ้วู ่าราชการจงั หวัด เป็นผอู้ นมุ ตั ติ ามจ�ำนวนท่ีกระทรวงมหาดไทยก�ำหนด การคัดเลอื กผู้ใดเปน็ ผ้ชู ว่ ยผูใ้ หญ่บา้ น ให้พิจารณาคณุ สมบัตเิ ชน่ เดียวกบั ผู้มีสทิ ธิสมคั ร รบั เลือกเปน็ ผูใ้ หญบ่ า้ น ทม่ี าของผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น ใหผ้ ใู้ หญบ่ า้ นและกำ� นนั ทอ้ งทรี่ ว่ มกนั พจิ ารณาคดั เลอื กราษฎร ทีม่ คี ุณสมบัติ แลว้ ใหก้ �ำนนั รายงานไปยังนายอำ� เภอเพอื่ ออกหนังสอื สำ� คัญแตง่ ตั้งผ้ชู ว่ ยผ้ใู หญ่บ้าน ผ้ชู ว่ ยผูใ้ หญ่บ้านอย่ใู นต�ำแหนง่ คราวละ ๕ ปี ตำ� แหนง่ ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ นวา่ งลงใหผ้ ทู้ ไ่ี ดร้ บั คดั เลอื กขนึ้ มาแทนอยใู่ นตำ� แหนง่ ตามวาระ ของผูท้ ตี่ นแทน คณะกรรมการหมบู่ า้ น ประกอบดว้ ย ๑) ผใู้ หญบ่ ้าน เป็นประธานโดยตำ� แหน่ง ๒) ผชู้ ว่ ยผใู้ หญ่บ้าน เปน็ กรรมการโดยตำ� แหนง่ ๓) สมาชกิ สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เปน็ กรรมการโดยต�ำแหน่ง ๔) ผู้นำ� หรอื ผแู้ ทนกลมุ่ หรือองคก์ รในหมบู่ ้าน เป็นกรรมการโดยต�ำแหนง่ ๕) กรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิ จ�ำนวน ๒-๑๐ คน โดยการเลือกของราษฎร ในหม่บู ้าน อย่ใู นตำ� แหนง่ คราวละ ๔ ปี หน้าทข่ี องคณะกรรมการหมบู่ า้ น ๑) ช่วยเหลือแนะน�ำให้ค�ำปรึกษาแก่ผู้ใหญ่บ้านเก่ียวกับกิจการอันเป็นอ�ำนาจหน้าท่ี ของผู้ใหญ่บ้านและปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการหรือท่ีนายอ�ำเภอ มอบหมายหรือผู้ใหญบ่ ้านร้องขอ ๒) เป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบในการบูรณาการจัดท�ำแผนพัฒนาหมู่บ้านและ บริหารจดั การกจิ กรรมท่ดี ำ� เนนิ งานในหมู่บา้ นร่วมกับองคก์ รอ่ืนทุกภาคส่วน
28 คณะทำ� งานฝา่ ยตา่ ง ๆ ตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑก์ ารเปน็ กรรมการหมบู่ า้ น การปฏบิ ตั ิ หนา้ ท่ีและการประชุมของคณะกรรมการหมู่บา้ น พ.ศ. ๒๕๕๑ กำ� หนดให้คณะกรรมการหมูบ่ า้ นแตง่ ตั้ง คณะท�ำงานฝ่ายต่าง ๆ เพือ่ ช่วยเหลอื ปฏบิ ัติภารกิจของคณะกรรมการหม่บู ้านและผใู้ หญบ่ ้าน ดังนี้ ๑) คณะท�ำงานด้านอ�ำนวยการ ๒) คณะท�ำงานด้านการปกครองและรกั ษาความสงบเรียบรอ้ ย ๓) คณะทำ� งานแผนพัฒนาหมูบ่ า้ น ๔) คณะทำ� งานดา้ นสง่ เสรมิ เศรษฐกิจ ๕) คณะทำ� งานด้านสังคมสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข ๖) คณะทำ� งานด้านการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๗) คณะทำ� งานด้านอ่นื ๆ ทค่ี ณะกรรมการหมู่บ้านเสนอและนายอ�ำเภอเหน็ ชอบ การควบคมุ ดแู ลคณะกรรมการหมู่บา้ น ใหน้ ายอำ� เภอมอี �ำนาจหน้าทค่ี วบคุมดูแล การปฏิบัติหน้าท่ขี องคณะกรรมการหมู่บา้ น และมติที่ประชุมประชาคมหมู่บ้านให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับของทางราชการและให้ ปลัดอ�ำเภอประจ�ำต�ำบลเป็นผู้ช่วยเหลือนายอ�ำเภอในการปฏิบัติตามอ�ำนาจหน้าที่ของนายอ�ำเภอ ในตำ� บลทร่ี ับผดิ ชอบ ค. การจดั ระเบยี บหมบู่ า้ นตามกฎหมายจดั ระเบยี บบรหิ ารหมบู่ า้ นอาสาพฒั นา และป้องกันตนเอง นอกจากการบรหิ ารหมบู่ า้ นตามกฎหมายลกั ษณะปกครองทอ้ งทแี่ ลว้ ยงั มกี ารบรหิ าร หม่บู ้านในแบบหมู่บา้ นอาสาพฒั นาและปอ้ งกันตนเอง (หมบู่ า้ น อพป.) ซง่ึ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ิ จัดระเบียบบรหิ ารหมูบ่ า้ นอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑) การกำ� หนดหมูบ่ า้ น อพป. การบรหิ ารหมบู่ า้ น อพป. ถอื เอาหมบู่ า้ นตามกฎหมายวา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครอง ท้องท่ีเป็นหลกั การจะก�ำหนดให้หมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่งหรือต้ังแต่สองหมู่บ้านข้ึนไปเป็น หมบู่ า้ น อพป. กระทรวงมหาดไทยตอ้ งประกาศกำ� หนดเปน็ คราว ๆ ไป ตามความเหมาะสมแหง่ สภาพทอ้ งที่ แต่จะตอ้ งเปน็ หมบู่ า้ นในท้องที่อ�ำเภอเดยี วกนั การรวมหมู่บ้านต่างอำ� เภอกำ� หนดให้เป็นหมู่บา้ น อพป. จะกระทำ� มิได้ การแก้ไขเปล่ียนแปลงหรือยุบเลิกหมู่บ้าน อพป. กระท�ำโดยประกาศ กระทรวงมหาดไทย ๒) การจดั ระเบียบบรหิ ารหมบู่ า้ น อพป. หมบู่ า้ น อพป. แตล่ ะหมบู่ า้ นมคี ณะกรรมการกลางหมบู่ า้ น และคณะกรรมการ ฝา่ ยตา่ ง ๆ เปน็ ผ้บู ริหารกจิ การของหม่บู ้าน
29 คณะกรรมการกลาง หมู่บ้าน อพป. แต่ละแห่งมีคณะกรรมการกลางคณะหน่ึง ประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน เป็นประธานคณะกรรมการกลาง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการสภาต�ำบลผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้าน เป็นกรรมการโดยต�ำแหน่ง และกรรมการกลางผู้ทรงคุณวุฒิ ซ่ึงเลือกต้ังจากราษฎรในหมู่บ้านนั้น ที่มีคุณสมบัติและไม่อยู่ในลักษณะต้องห้ามตามท่ีกฎหมายก�ำหนดจ�ำนวน ๕-๗ คน ซ่ึงนายอ�ำเภอ เป็นผกู้ �ำหนดตามสภาพเศรษฐกิจและสงั คมของหมบู่ า้ น เป็นกรรมการกลาง หมู่บ้านใดผู้ใหญ่บ้านเป็นก�ำนันอยู่ด้วย ต้องให้ก�ำนัน เป็นประธานคณะกรรมการกลาง และให้สารวัตรก�ำนันและหรือแพทย์ประจ�ำต�ำบล ซึ่งมีภูมิล�ำเนาอยู่ในเขตหมู่บ้านของก�ำนัน เป็นกรรมการกลางโดยต�ำแหน่งด้วย คณะกรรมการกลาง ต้องเลือกรองประธานคณะกรรมการกลางหน่ึงคน และเลขานุการ หน่งึ คนจากกรรมการกลาง กรณีทีม่ กี ารรวมหมู่บา้ นมากกวา่ หนงึ่ หมู่บ้านเปน็ หมู่บา้ น อพป. ถ้าในหมูบ่ ้านนนั้ มกี ำ� นัน อยดู่ ้วย ต้องใหก้ ำ� นันเป็นประธานคณะกรรมการกลาง และถ้าหากหมูบ่ า้ นที่มารวมน้นั มกี ำ� นันมากกว่า หนึ่งคนคณะกรรมการกลางต้องเลอื กกำ� นันคนหนึง่ เป็นประธานคณะกรรมการกลางสว่ นก�ำนันทเ่ี หลือ ใหเ้ ปน็ รองประธานคณะกรรมการกลาง แต่ถ้าไม่มีก�ำนันในหมู่บ้านท่ีรวมกันอยู่นั้น คณะกรรมการกลางต้องเลือกผู้ใหญ่บ้าน คนหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมการกลาง หนา้ ที่ของคณะกรรมการกลาง ๑) บริหารหมู่บ้าน หรือด�ำเนินการตามที่ได้รับอนุมัติ หรือได้รับมอบหมายจาก คณะกรรมการสภาตำ� บล นายอำ� เภอ หรือผูว้ า่ ราชการจังหวัด ๒) พิจารณาวางนโยบายในการปกครองหมู่บ้าน วางแผนและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน ตามความต้องการของราษฎรในหมู่บ้านน้ัน ๓) ปฏบิ ัติหนา้ ท่ที ่ีก�ำหนดไว้สำ� หรับคณะกรรมการหม่บู า้ น ตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะ ปกครองท้องที่ ๔) ดแู ลการปฏบิ ตั งิ านของคณะกรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายและระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ๕) ให้ความร่วมมือและประสานงาน ในแผนการและโครงการพัฒนาต�ำบลและหมู่บ้าน สนับสนุนให้มีการร่วมมือจากองค์การอาสาสมัคร หรือองค์การสาธารณกุศลตลอดจนแก้ไขปัญหา ข้อขัดขอ้ งและอุปสรรคท่ีเกยี่ วกบั การพัฒนาหม่บู า้ น
30 ๖) ร่วมมือช่วยเหลือการปฏิบัติงานของกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มอ่ืน ๆ ซ่ึงทางราชการจัดตั้ง หรือสนบั สนุนและด�ำเนนิ งานในเขตหม่บู ้านน้ัน ๗) เผยแพร่การด�ำเนนิ งานพัฒนาของทางราชการใหร้ าษฎรในหมู่บ้านทราบ ๘) ประนปี ระนอมขอ้ พพิ าทระหวา่ งราษฎรในหมบู่ า้ นเกย่ี วกบั ความแพง่ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความ สงบเรียบรอ้ ยและความยตุ ธิ รรม และเม่อื ไดด้ �ำเนินการอย่างใดแล้ว ต้องรายงานใหน้ ายอ�ำเภอทราบ ๙) ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีอ่ ่ืน ๆ ตามทท่ี างราชการมอบหมาย คณะกรรมการฝา่ ยต่าง ๆ ประจ�ำหม่บู ้าน นอกจากคณะกรรมการกลางแลว้ ยงั มคี ณะกรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ของคณะกรรมการกลางในแต่ละสาขาตามที่ได้รับมอบ คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ จะมีกี่คณะ แล้วแต่คณะกรรมการกลางจะพิจารณาเห็นสมควร l ต�ำบล ก. หลกั เกณฑก์ ารจดั ต้ังตำ� บล หลกั เกณฑต์ ามพระราชบญั ญตั ิลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ได้วางหลักเกณฑก์ ารจดั ตงั้ ตำ� บลไว้กว้าง ๆ ดังนี้ ๑) ต�ำบลหน่งึ ประกอบดว้ ยหลายหมบู่ ้านรวมกันราว ๒๐ หมูบ่ ้าน ๒) ให้จัดท�ำเครื่องหมายเขตต�ำบลไว้ให้ชดั เจน โดยถือตามแนวลำ� ห้วย ลำ� คลอง บงึ บาง หรือสิ่งใดเป็นสำ� คัญ เช่น ภเู ขา ๓) ถา้ ไมม่ หี มายเขต ไมม่ แี นวตามขอ้ ๒) กใ็ หจ้ ดั ทำ� หลกั ปกั หมายเลขไวท้ กุ ดา้ นเปน็ สำ� คญั หลักเกณฑ์ตามทีก่ ระทรวงมหาดไทยกำ� หนด กระทรวงมหาดไทยได้วางหลักเกณฑ์การจัดต้ังต�ำบลไว้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันท ี่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๙ ดังนี้ ๑) กรณีเป็นชุมชนหนาแน่น (๑) เป็นชมุ ชนทมี่ ีราษฎรไม่น้อยกวา่ ๔,๘๐๐ คน (๒) มหี มบู่ ้านไม่นอ้ ยกวา่ ๘ หมู่บ้าน (๓) ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากสภาตำ� บล หรอื สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลและทปี่ ระชมุ หัวหน้าสว่ นราชการประจำ� อ�ำเภอ ๒) กรณีเป็นชมุ ชนหา่ งไกล (๑) เปน็ ชมุ ชนทม่ี ีราษฎรไมน่ ้อยกวา่ ๓,๖๐๐ คน (๒) มีหมู่บ้านไม่น้อยกวา่ ๖ หมู่บ้าน (๓) ชมุ ชนใหมห่ า่ งจากชุมชนเดมิ ไมน่ ้อยกวา่ ๖ กิโลเมตร (๔) ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากสภาตำ� บล หรอื สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลและทปี่ ระชมุ หัวหนา้ สว่ นราชการประจำ� อ�ำเภอ
31 ข. การจัดระเบียบปกครองตำ� บล การบรหิ ารราชการตำ� บล มพี นักงานปกครองตำ� บล ดังนี้ ๑) กำ� นัน ๒) แพทย์ประจำ� ตำ� บล ๓) สารวัตรกำ� นนั ก�ำนนั ในต�ำบลหน่ึงมีก�ำนันคนหน่ึงเป็นผู้ปกครองและรับผิดชอบในการดูแลทุกข์สุข ของประชาชนทกุ หมู่บ้านท่วั ทัง้ ตำ� บลนั้น นายอ�ำเภอเรียกประชุมผู้ใหญ่บ้านในต�ำบล เพื่อปรึกษาหารือคัดเลือกผู้ใหญ่บ้าน คนหนึง่ ในตำ� บลขน้ึ เปน็ กำ� นัน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการคดั เลอื กกำ� นัน พ.ศ. ๒๕๕๑ ก�ำนันได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ซ่ึงมิใช่เป็นเงินเดือน เพราะไม่ได้มีฐานะเป็นข้าราชการ แตเ่ ป็นพนกั งานฝา่ ยปกครอง แพทยป์ ระจำ� ต�ำบล การด�ำรงต�ำแหน่งของแพทย์ประจ�ำต�ำบล ต้องให้ก�ำนันและผู้ใหญ่บ้านประชุม พรอ้ มกนั เลอื กบคุ คลผมู้ คี ณุ สมบตั ติ อ่ ไปนค้ี อื บคุ คลผมู้ สี ญั ชาตไิ ทยและมคี วามรใู้ นวชิ าแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั หรือแผนโบราณ ตลอดจนเป็นผู้มีถ่ินที่อยู่ในต�ำบลน้ัน เว้นแต่ผู้ท่ีเป็นแพทย์ประจ�ำต�ำบลใกล้เคียงกัน และยอมกระทำ� การรวมเปน็ สองต�ำบลและตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากผวู้ ่าราชการจงั หวดั เมอ่ื เลอื กผมู้ คี ณุ สมบตั แิ ลว้ จงึ เสนอชอื่ ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั แตง่ ตงั้ เปน็ แพทยป์ ระจำ� ตำ� บล โดยใหม้ อี ำ� นาจหนา้ ทเี่ กยี่ วกบั การชว่ ยเหลอื กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ นคดิ อา่ นและจดั การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ในต�ำบล ป้องกันและตรวจตราความเจ็บไข้ได้ป่วย ที่เกิดข้ึนแก่ราษฎรในต�ำบลน้ันและต�ำบลใกล้เคียง ตลอดจนรายงานโรคระบาดรา้ ยแรง แกก่ ำ� นนั และนายอำ� เภอท้องที่ สารวัตรก�ำนนั ต�ำบลหน่ึง ๆ ให้มีสารวัตรก�ำนันจ�ำนวน ๒ คน ท�ำหน้าที่เป็นผู้ช่วยและรับใช้สอย ของก�ำนันผู้ท่ีจะเป็นสารวัตรก�ำนันน้ันแล้วแต่ก�ำนันจะร้องขอให้เป็น แต่ต้องได้รับความเห็นชอบ ของผ้วู า่ ราชการจงั หวดั และก�ำนนั มอี �ำนาจเปลย่ี นสารวตั รกำ� นันได้
32 ๒. ความสัมพนั ธ์ระหว่างก�ำนนั ผู้ใหญบ่ า้ น กบั การบรหิ ารราชการสว่ นกลาง กำ� นนั และผใู้ หญบ่ า้ น เปน็ การปกครองสว่ นทอ้ งทใี่ นราชการบรหิ ารสว่ นภมู ภิ าค ในสถานะดงั กลา่ ว จึงเปน็ เจา้ หน้าที่ของรฐั ภายใตส้ งั กัดของราชการส่วนกลาง คอื กระทรวงมหาดไทย ซง่ึ อยู่ภายใตส้ ายการ บังคับบัญชา (Hierarchy) ตามระบบราชการ โดยอยู่ภายใต้บังคับบัญชาการรับนโยบายไปปฏิบัติ จากข้าราชการฝา่ ยปกครอง หนว่ ยราชการ หรอื หนว่ ยงานของรัฐ กระทรวง ทบวง กรมตา่ ง ๆ ส่ังการและ มอบหมายใหไ้ ปปฏิบัติ ซ่งึ ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่ีผ่านมาการท�ำงานตา่ ง ๆ ของทุกกระทรวง ทบวง กรมทจ่ี ะสั่งการ ไปยังประชาชนในท้องทกี่ ็มกั จะต้องอาศยั ความร่วมมือของกำ� นนั ผใู้ หญ่บา้ นเปน็ หลกั ในการประสานงาน เชน่ การเก็บข้อมลู ทางสถิตติ ่าง ๆ การทำ� นา จ�ำนวนประชากรในพน้ื ท่ี เปน็ ตน้ ๓. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งก�ำนนั ผใู้ หญ่บา้ น กบั การบริหารราชการสว่ นภูมภิ าค ๓.๑ ความสัมพนั ธ์กับผู้วา่ ราชการจังหวดั ตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ กำ� หนดให้ในจงั หวดั หนงึ่ ให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้รับนโยบายและค�ำส่ังจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล คณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏบิ ตั กิ ารใหเ้ หมาะสมกบั ทอ้ งทแ่ี ละประชาชน และเปน็ หวั หนา้ บังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหาร ซ่ึงปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัด และรบั ผดิ ชอบในราชการจงั หวดั และอำ� เภอและจะใหม้ รี องผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรอื ผชู้ ว่ ยผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรือทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทน ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั กไ็ ด้ รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรอื ผชู้ ว่ ยผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการ ฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัด และรับผิดชอบในราชการรองจากผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนั้น ในสายการบงั คบั บญั ชาของกำ� นนั และผใู้ หญบ่ า้ นในเขตทอ้ งทข่ี องตำ� บลและหมบู่ า้ น จงึ มผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั เป็นผบู้ งั คับบญั ชาที่สามารถสง่ั การใหป้ ฏบิ ตั ิงานตา่ ง ๆ ไดภ้ ายใตข้ อบเขตของอำ� นาจหนา้ ท่ีของจงั หวดั และผู้วา่ ราชการจงั หวดั กลา่ วคอื ๑) อำ� นาจของจงั หวัด ตามมาตรา ๕๒/๑ ของพระราชบญั ญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ บญั ญัติให้จังหวดั มอี ำ� นาจภายในเขตจงั หวัด ดังต่อไปนี้ (๑) น�ำภารกิจของรัฐและนโยบายของรัฐบาลไปปฏบิ ัติให้เกดิ ผลสัมฤทธ์ิ (๒) ดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบ เรียบร้อยและเป็นธรรมในสังคม (๓) จัดให้มีการคุ้มครอง ป้องกัน ส่งเสริม และช่วยเหลือประชาชนและชุมชน ท่ีดอ้ ยโอกาส เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ับความเป็นธรรมท้งั ด้านเศรษฐกิจและสงั คมในการดำ� รงชีวติ อย่างพอเพียง
33 (๔) จัดให้มีการบริการภาครัฐเพ่ือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอหน้า รวดเรว็ และมีคณุ ภาพ (๕) จัดให้มีการส่งเสริม อุดหนุน และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถด�ำเนินการตามอ�ำนาจและหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้มีขีดความ สามารถพร้อมทีจ่ ะดำ� เนนิ การตามภารกจิ ท่ีไดร้ บั การถ่ายโอนจากกระทรวง ทบวง กรม (๖) ปฏิบัติหน้าท่ีอื่นตามท่ีคณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอ่ืน ของรฐั มอบหมาย หรือท่ีมกี ฎหมายกำ� หนด เพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าท่ีของจังหวัดตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นหน้าท่ีของ สว่ นราชการและหนว่ ยงานของรฐั ทป่ี ระจำ� อยใู่ นเขตจงั หวดั ทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หส้ อดคลอ้ งและเปน็ ไปตาม แผนพัฒนาจังหวดั ตามมาตรา ๕๓/๑ ๒) อ�ำนาจของผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ตามมาตรา ๕๗ ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ บญั ญตั ใิ ห้ผูว้ ่าราชการจงั หวัดมีอ�ำนาจและหน้าที่ ดงั น้ี (๑) บริหารราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของราชการและตาม แผนพฒั นาจังหวดั (๒) บรหิ ารราชการตามทคี่ ณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหรือตามที่ นายกรฐั มนตรีสัง่ การในฐานะหัวหน้ารฐั บาล (๓) บริหารราชการตามค�ำแนะน�ำและค�ำชี้แจงของผู้ตรวจราชการกระทรวงใน เม่ือไม่ขัดตอ่ กฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บังคบั หรอื ค�ำสง่ั ของกระทรวง ทบวง กรม มตขิ องคณะรัฐมนตรี หรอื การสงั่ การของนายกรัฐมนตรี (๔) ก�ำกับดูแลการปฏิบัติราชการอันมิใช่ราชการส่วนภูมิภาคของข้าราชการ ซ่ึงประจ�ำอยู่ในจังหวัดนั้น ยกเว้นข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ขา้ ราชการพลเรอื นในมหาวทิ ยาลยั ขา้ ราชการในสำ� นกั งานตรวจเงนิ แผน่ ดนิ และขา้ ราชการครู ใหป้ ฏบิ ตั ิ ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ฯลฯ หรือยับยั้งการกระท�ำใด ๆ ของข้าราชการ ในจงั หวดั ทีข่ ัดต่อกฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บงั คับไว้ชวั่ คราวแล้วรายงานกระทรวง ทบวง กรมท่เี ก่ยี วข้อง (๕) ประสานงานและร่วมมือกับข้าราชการทหาร ตุลาการ อัยการ ส�ำนักงาน ตรวจเงนิ แผ่นดนิ ครู ผตู้ รวจราชการ ฯลฯ ในการพัฒนาจงั หวดั หรือป้องปัดภยั พบิ ัติสาธารณะ (๖) เสนองบประมาณต่อกระทรวงท่ีเกี่ยวข้องตามโครงการหรือแผนพัฒนาจังหวัด และรายงานใหก้ ระทรวงมหาดไทยทราบ
34 (๗) ก�ำกับดแู ลการบรหิ ารราชการส่วนทอ้ งถิ่นในจงั หวดั ตามกฎหมาย (๘) ก�ำกับการปฏิบัติหน้าท่ีของพนักงานองค์การของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ ในการนี้ให้มีอ�ำนาจท�ำรายงานหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการด�ำเนินงานขององค์การของรัฐบาล หรือรฐั วสิ าหกจิ ต่อรฐั มนตรเี จา้ สังกดั องค์การของรฐั บาลหรือรัฐวสิ าหกิจ (๙) บรรจุ แต่งต้ัง ให้บ�ำเหน็จ และลงโทษข้าราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัด ตามกฎหมายและตามท่ปี ลดั กระทรวง ปลัดทบวง หรืออธบิ ดีมอบหมาย ๓.๒ ความสัมพนั ธ์ กบั นายอำ� เภอ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ก�ำหนดให้ ในอ�ำเภอหนึ่งมีนายอ�ำเภอคนหน่ึงเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการในอ�ำเภอ และรับผดิ ชอบงานบรหิ ารราชการของอ�ำเภอ ซึ่งหมายความว่านายอำ� เภอมอี �ำนาจในการบงั คบั บัญชา กำ� นนั และผ้ใู หญบ่ า้ นในอำ� เภอของตนใหป้ ฏิบตั หิ น้าทโี่ ดยชอบด้วยกฎหมายและมคี วามเหมาะสม นอกจากนี้ ตามพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งที่ พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ กำ� หนด ให้นายอำ� เภอมีอ�ำนาจหนา้ ทที่ เ่ี กยี่ วข้องกบั การท�ำงานของกำ� นนั ผ้ใู หญ่บา้ น ทสี่ �ำคัญดงั นี้ ๑) กรมการอำ� เภอตอ้ งตรวจตราและจดั การปกครองตำ� บลและหมบู่ า้ นใหเ้ ปน็ ไปไดจ้ รงิ นอกจากอ�ำนาจหน้าท่ีท่ีกล่าวโดยเฉพาะให้เป็นอ�ำนาจหน้าท่ีของกรมการอ�ำเภอ ให้กรมการอ�ำเภอ มอี ำ� นาจหนา้ ทเ่ี ชน่ เดียวกบั กำ� นนั ผู้ใหญ่บา้ นดว้ ย ๒) กรมการอำ� เภอตอ้ งเอาใจใสส่ มาคมใหค้ นุ้ เคยกบั กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น แพทยป์ ระจำ� ตำ� บล เปน็ ท่ีปรึกษาหารอื และเป็นผชู้ ว่ ยแก้ไขความขดั ขอ้ ง ๓) ให้กรมการอ�ำเภอเรียกประชุมก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ�ำต�ำบลพร้อมกัน หรอื เรยี กประชุมแต่เฉพาะต�ำแหนง่ ในเวลามีการจะต้องปรึกษาหรือต้องถามต้องส่งั ตามสมควร ๔) เวลามกี ารประชมุ ชนมากในทใี่ ด เชน่ ในเวลามกี ารนกั ขตั ฤกษเ์ ปน็ ตน้ กรมการอำ� เภอ กับก�ำนันผู้ใหญ่บ้านต�ำบลนั้นต้องจัดการรักษาความเรียบร้อยในที่ประชุมชน กรมการอ�ำเภอต้องคอย ตรวจตราตกั เตอื นกำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ นใหม้ เี ครอื่ งสญั ญาณเรยี กลกู บา้ นชว่ ยกนั ดบั ไฟ หรอื ระงบั เหตภุ ยนั ตราย อย่างอนื่ หรือจับโจรผูร้ า้ ยทกุ หมู่บ้าน ๕) เม่ือกรมการอ�ำเภอได้ปรึกษาก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านในท้องท่ีนั้นแล้ว เห็นว่าหมู่บ้านใด อยู่ในท่ีซึ่งสมควร จะจัดการล้อมร้ัวป้องกันโจรได้ ให้กรมการอ�ำเภอน�ำเสนอต่อผู้ว่าราชการเมือง เมอื่ ผวู้ า่ ราชการเมอื งเหน็ ชอบดว้ ยแลว้ กใ็ หก้ รมการอำ� เภอชแี้ จงและสง่ั ผใู้ หญบ่ า้ นและราษฎรในหมบู่ า้ นนน้ั ท�ำรั้วล้อมรอบหมู่บ้าน มีประตูเป็นทางเข้าออกกี่แห่งแล้วแต่ชาวบ้านน้ันจะเห็นควร เวลากลางคืน ให้ผู้ใหญ่บ้านจัดราษฎรผลัดเปลี่ยนกันรักษาประตูป้องกันโจรผู้ร้ายให้ทั้งหมู่บ้าน เมื่อก�ำนันต�ำบลใด รายงานมาวา่ เจา้ ของหรอื ผทู้ อี่ ยใู่ นเหยา้ เรอื นแหง่ ใดทรี่ า้ งหรอื ทรดุ โทรม ไมก่ ระทำ� การตามคำ� สง่ั ใหจ้ ดั การ ซอ่ มแซมรักษาเรือนน้นั ให้ดี
35 ๖) หน้าท่ีและอ�ำนาจของกรมการอ�ำเภอในการท่ีเก่ียวด้วยความอาญาบรรดาอ�ำนาจ ซง่ึ กฎหมายกำ� หนดไวส้ �ำหรับผู้ใหญบ่ ้านและก�ำนนั นน้ั ให้กรมการอ�ำเภอใชไ้ ดท้ ุกอยา่ ง ๗) กรมการอ�ำเภอต้องปรึกษาด้วยก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้อุปการะการศึกษา ในทอ้ งท่ี มพี ระภิกษุสงฆ์เปน็ ตน้ ช่วยกนั แนะน�ำและจัดใหม้ ีสถานท่ีเล่าเรยี นใหพ้ อแกเ่ ดก็ ในอ�ำเภอนน้ั ๘) กรมการอำ� เภอตอ้ งตรวจตราปรกึ ษาดว้ ยกำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น และผอู้ ปุ การะการศกึ ษา ในทอ้ งที่ จัดบ�ำรุงการสง่ั สอนอย่าให้เสอ่ื มทราม ๙) กรมการอำ� เภอตอ้ งคอยชแี้ จงตกั เตอื นแกก่ ำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น บดิ ามารดา และผปู้ กครองเดก็ ใหส้ ่งบุตรหลานไปเลา่ เรียน จากการพิจารณาความสัมพันธ์และอ�ำนาจหน้าท่ีตามกฎหมายของนายอ�ำเภอที่มีต่อ กำ� นัน ผ้ใู หญบ่ ้าน ตามพระราชบัญญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งที่ พระพทุ ธศักราช ๒๔๕๗ สรปุ ได้ดงั น้ี ก. บทบาทของกำ� นนั ผู้ใหญ่บ้านทม่ี ีต่ออ�ำเภอ ๑) นำ� ประกาศหรอื ข้อราชการของอ�ำเภอไปแจ้งให้ลูกบ้านทราบ ๒) ปฏบิ ัติตามค�ำสั่งของทางราชการ รายงานเหตทุ ุกขร์ ้อนของราษฎรและเหตุการณ์อ่ืน ๆ ทผ่ี ลกระทบตอ่ ความสงบเรยี บร้อย ข. บทบาทของอำ� เภอทมี่ ตี อ่ ก�ำนนั ผูใ้ หญบ่ ้าน ๑) เปน็ ท่ปี รึกษาและเปน็ ผู้ช่วยรบั แก้ปัญหาใหแ้ กก่ �ำนนั ผูใ้ หญ่บา้ น ๒) เมอ่ื มงี านทจ่ี ะตอ้ งปรกึ ษาหรอื สงั่ การ เรยี กประชมุ กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น หรอื เรยี กประชมุ เฉพาะตำ� แหน่ง ๓) คอยตรวจตราตักเตือนก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้สัญญาณเรียกลูกบ้าน เพ่ือระงับเหตุ ภยนั ตราย หรือจับโจรผูร้ ้าย ๔) มอี �ำนาจลงโทษกำ� นัน ผูใ้ หญ่บา้ นทไ่ี มร่ กั ษาวินัย ท้ังนี้ หากพิจารณาตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และทแี่ ก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดม้ ีการบัญญตั ิถึงอ�ำนาจหน้าที่ของอำ� เภอและนายอ�ำเภอ ซ่ึงก�ำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าไปมีส่วนสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นหน่วยการปกครองท้องท่ีในอ�ำเภอ สรุปได้ดังน้ี มาตรา ๖๑/๑ ทีก่ ำ� หนดใหอ้ ำ� เภอมีอ�ำนาจหน้าทภ่ี ายในเขตอ�ำเภอดังต่อไปนี้ ๑) อ�ำนาจและหน้าที่ตามท่ีก�ำหนดในมาตรา ๕๒/๑ ได้แก่ การดูแลให้มีการปฏิบัต ิ และบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย เพ่ือให้เกิดความสงบเรียบร้อยและเป็นธรรมในสังคม และการจัด ใหม้ กี ารคมุ้ ครองปอ้ งกนั สง่ เสรมิ และชว่ ยเหลอื ประชาชนและชมุ ชนทดี่ อ้ ยโอกาสใหไ้ ดร้ บั ความเปน็ ธรรม ในการดำ� รงชวี ติ อยา่ งพอเพยี ง รวมทง้ั จดั ใหม้ บี รกิ ารภาครฐั ทเี่ ขา้ ถงึ ไดอ้ ยา่ งเสมอหนา้ รวดเรว็ และมคี ณุ ภาพ ให้ปฏิบัตเิ ปน็ ไปตามแผนพฒั นาอ�ำเภอ
36 ๒) ส่งเสริม สนับสนุน และจัดให้มีการบริการร่วมกันของหน่วยงานของรัฐในลักษณะ ศูนยบ์ ริการรว่ ม ๓) ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือร่วมมือกับชุมชนในการด�ำเนินการ ให้มีแผนชุมชน เพ่ือรองรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัด และกระทรวง ทบวง กรม ๔) ไกล่เกลี่ยหรือจัดให้มีการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ในสังคมตามมาตรา ๖๑/๒ และมาตรา ๖๑/๓ มาตรา ๖๕ นายอำ� เภอมีอำ� นาจและหน้าท่ีดงั น้ี ๑) บริหารราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถ้ากฎหมายใด มิได้บัญญัติว่าการปฏิบัติตามกฎหมายน้ันเป็นหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะ ให้เป็นหน้าที่ของนายอ�ำเภอ ท่จี ะต้องรกั ษาการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นด้วย ๒) บรหิ ารราชการตามทคี่ ณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหรอื ตามทนี่ ายก รัฐมนตรสี ่งั การในฐานะหัวหนา้ รัฐบาล ๓) บริหารราชการตามค�ำแนะน�ำและค�ำช้ีแจงของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้มีหน้าท ่ี ตรวจการอนื่ ซ่งึ คณะรฐั มนตรี นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม และผู้ว่าราชการจงั หวัดมอบหมาย ในเมอ่ื ไมข่ ัดตอ่ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่ังของกระทรวง ทบวง กรม มติของคณะรัฐมนตรี หรือการส่ังการของนายกรัฐมนตรี ๔) ควบคมุ ดูแลการบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถ่ินในอ�ำเภอตามกฎหมาย ๔. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งกำ� นนั ผู้ใหญบ่ ้าน กับการบริหารราชการสว่ นท้องถิน่ ในทนี่ ี้จะไดพ้ จิ ารณาถงึ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งก�ำนัน และผูใ้ หญบ่ ้านกับราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน ในส่วนท่ีเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับการปกครองท้องที่ คือ องค์การบริหาร สว่ นต�ำบลและเทศบาล ซง่ึ มีเขตต�ำบลและหมู่บ้านอยู่ในพื้นทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ ดงั นี้ ๔.๑ ความสมั พนั ธก์ บั องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บล ๑) บทบาทและอ�ำนาจหนา้ ทีก่ �ำนัน ผู้ใหญ่บ้านในองคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบล นับต้ังแต่มีองค์การบริหารส่วนต�ำบลจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาต�ำบล และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล พ.ศ. ๒๕๓๗ สง่ ผลใหก้ ำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น เขา้ ไปมบี ทบาทในองคก์ รปกครอง ส่วนท้องถ่ินในรูปแบบองค์การบริหารส่วนตำ� บลเป็นอย่างมาก โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวกำ� หนดให้ ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนต�ำบลโดยต�ำแหน่ง และก�ำหนดให้ก�ำนัน ผใู้ หญบ่ ้าน ๒ คน เปน็ คณะกรรมการบรหิ ารองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบล นอกจากนี้ ใน ๔ ปีแรกนบั แต่ ประกาศใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว ให้ก�ำนันเป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนต�ำบล แต่ต่อมาเม่ือมีการเปลีย่ นแปลงกฎหมายส่งผลกระทบต่อสถานะของต�ำแหนง่ กำ� นนั ผ้ใู หญ่บ้าน ดงั น้ี
37 ก. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ มีการแก้ไขเพิ่มเติมเก่ียวกับท่ีมาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซึ่งมีผลมาถึง รฐั ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ในมาตรา ๒๘๔ ทีก่ �ำหนดให้องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ตอ้ งมสี ภาทอ้ งถิน่ และคณะผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ หรอื ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ตอ้ งมาจากการเลอื กตง้ั คณะผบู้ รหิ าร ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือมาจากความเห็นชอบ ของสภาทอ้ งถนิ่ และการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ และคณะผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ หรอื ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ ทมี่ า จากการเลอื กตง้ั โดยตรงของประชาชน ใหใ้ ชว้ ิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ จากการเปล่ียนแปลงกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงอ�ำนาจ หน้าท่ีของก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งแพทย์ประจ�ำต�ำบลอย่างชัดเจน การก�ำหนดการเปล่ียนแปลง โครงสร้างและองค์ประกอบขององค์การบริหารส่วนต�ำบล ให้สมาชิกสภาท้องถ่ินต้องมาจากการเลือกต้ัง คณะผู้บริหารท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือมาจาก ความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น โดยผู้ใหญ่บ้านและแพทย์ประจำ� ต�ำบลท่ีเคยเป็นสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนต�ำบลโดยต�ำแหน่ง ก�ำนันซ่ึงเคยเป็นคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนต�ำบล โดยต�ำแหน่งน้ัน พ้นจากต�ำแหน่งดังกล่าวโดยอัตโนมัติ หากยังต้องการจะอยู่ในต�ำแหน่งสมาชิกสภา องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลกต็ อ้ งลาออกมาสมคั รเปน็ สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลหรอื หากตอ้ งการ เปน็ ผบู้ รหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลกต็ อ้ งใหส้ มาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลเหน็ ชอบ ซงึ่ เปน็ การ แยกหน้าที่ในการทำ� งานของกำ� นนั ผูใ้ หญ่บา้ น แพทย์ประจำ� ต�ำบลให้ท�ำหน้าทเ่ี ปน็ ตวั แทนของราชการ ส่วนภูมภิ าคออกจากราชการส่วนท้องถิ่นอย่างชดั เจน ข. พระราชบญั ญัติสภาต�ำบลและองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ พระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔๕ กำ� หนดให้ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลจำ� นวนหมบู่ า้ น และสองคน ซงึ่ เลอื กตงั้ ขนึ้ โดยราษฎรผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ในแตล่ ะหมบู่ า้ นในเขตองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลนนั้ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญซึ่งแก้ไขตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งมีผลให้ผู้ใหญ่บ้านและแพทย์ประจ�ำต�ำบล ที่เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต�ำบลโดยต�ำแหน่ง ก�ำนันซึ่งเคยเป็นคณะกรรมการบริหาร องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลโดยต�ำแหนง่ น้ัน พ้นจากต�ำแหน่งดังกลา่ วโดยอตั โนมตั เิ ช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าเม่ือมีการแยกบทบาทและหน้าที่ในฐานะตัวแทนของราชการบริหาร สว่ นภมู ภิ าคและสว่ นทอ้ งถนิ่ ออกจากกนั แลว้ กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น จงึ ไดป้ รบั บทบาทจากการเปน็ สว่ นหนง่ึ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ เปน็ การสนับสนนุ ประสานงาน และปฏบิ ตั ิงานรว่ มกับองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่นิ ในพนื้ ที่ โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี
38 ๑. การสนับสนนุ และประสานงานกับองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ไดแ้ ก่ ๑.๑ การจดั ทำ� แผนพฒั นาทอ้ งถน่ิ เชน่ เปน็ ผใู้ หข้ า่ วสารและนำ� เสนอความตอ้ งการ ของราษฎรในแตล่ ะทอ้ งทใ่ี หอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ นำ� ไปจดั ทำ� แผนพฒั นาทอ้ งถนิ่ นำ� เสนอแนวทาง พฒั นาตำ� บลใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพปญั หา และความตอ้ งการของประชาชนในตำ� บล หมบู่ า้ น หากไดร้ บั เลอื ก เป็นผู้แทนประชาคมท้องถ่ิน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดท�ำแผนพัฒนาของ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นตน้ ๑.๒ การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยในเขตพน้ื ท่ี เชน่ เปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวล กฎหมายอาญาเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือต�ำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มอี �ำนาจหน้าทีใ่ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยตามท่รี ะบไุ ว้ในกฎหมายลกั ษณะปกครองท้องที่ เป็นต้น ๑.๓ บทบาทในฐานะตวั แทนภาครฐั ในราชการบรหิ ารสว่ นภมู ภิ าค เชน่ ประสานงาน และตรวจสอบการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามกฎหมายและเจตนารมณ์ ของราษฎรในทอ้ งทแี่ ละทอ้ งถน่ิ นน้ั ๆ สง่ เสรมิ ประชาชนในพนื้ ทใ่ี หเ้ กดิ การสรา้ งชมุ ชนใหเ้ ขม้ แขง็ เปน็ ตน้ ๑.๔ บทบาทในฐานะประชาชน เช่น ขอรับรู้ข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ เปน็ ต้น ๒. บทบาทของกำ� นัน ผใู้ หญ่บ้านในการปฏิบัติงานร่วมกบั องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บล ๒.๑ การวางแผนพัฒนาตำ� บล ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการวางแผนพัฒนาขององค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๔๑ ก�ำหนดให้ก�ำนันในเขตพื้นท่ีเป็นกรรมการในคณะกรรมการพฒั นา องค์การบริหารส่วนต�ำบล ซ่ึงส่งผลให้ก�ำนันมีบทบาทสามารถเสนอแนวทางการวางแผนพัฒนาต�ำบล ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพปญั หาและความตอ้ งการของประชาชนในเขตพนื้ ทต่ี ำ� บลและหมบู่ า้ นอยา่ งแทจ้ รงิ ๒.๒ การเป็นกลไกในการประสานงาน กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น เปน็ กลไกในการประสานงานและตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ าน ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินในพน้ื ที่ใหเ้ ป็นไปตามเปา้ หมายและเจตนารมณ์ของราษฎรในพืน้ ท่นี ัน้ ๆ ๒.๓ การสง่ เสริมให้ชมุ ชนเข้มแข็ง ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านในฐานะผู้ปกครองท่ีได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน จงึ มศี กั ยภาพสงู ในการระดมความรว่ มมอื จากประชาชน หนว่ ยงานราชการและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ในชมุ ชนเพ่ือเสริมสร้างความเขม้ แขง็ ให้แก่เขตพืน้ ท่ีตำ� บลและหมู่บ้านไดเ้ ป็นอยา่ งดี ๒.๔ บทบาทในฐานะเป็นเจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา กำ� นนั เปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญาในเขตตำ� บลซง่ึ หมายความ รวมถงึ องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลด้วย
39 ๒.๕ บทบาทในฐานะประชาชน กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ นมบี ทบาทในฐานะประชาชน เชน่ การขอรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร การบริหารงานและการปฏิบัติงานขององค์การบริหารส่วนต�ำบลในเขตพ้ืนท่ีต�ำบลและหมู่บ้าน ร่วมเป็นกรรมการที่ปรึกษาองค์การบริหารส่วนต�ำบลตามที่องค์การบริหารส่วนต�ำบลแต่งตั้ง เสนอให ้ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลออกขอ้ บงั คบั ตำ� บลเพอื่ แกไ้ ขปญั หาและตอบสนองความตอ้ งการของประชาชน ร่วมเข้าชอื่ เพอื่ ถอดถอนกรรมการบริหาร คณะกรรมการบรหิ าร และสมาชิกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบล เข้าร่วมประชุมสภา และให้องค์การบริหารส่วนต�ำบลปิดประกาศรายงานประชุมสภาองค์การบริหาร ส่วนต�ำบลให้ประชาชนทราบ ตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารว่าได้ด�ำเนินการ ตามประกาศมติของคณะกรรมการบริหารทีแ่ จ้งใหป้ ระชาชนทราบ เป็นต้น ๔.๒ ความสัมพนั ธ์กับเทศบาล กฎหมายซ่ึงมีผลกระทบกับการด�ำรงอยู่ของต�ำแหน่งก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านในเขตเทศบาล ต�ำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร คือ พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ โดยจากการที่ พระราชบัญญตั ิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๔ วรรคหนงึ่ กำ� หนดใหเ้ ม่อื พ้นกำ� หนดหนง่ึ ปนี บั แต่วันท่ี ไดม้ ีประกาศกระทรวงมหาดไทยยกฐานะท้องถนิ่ ใดเปน็ เทศบาลเมอื งหรือเทศบาลนครแล้ว หา้ มมิให้ใช้ กฎหมายวา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครองทอ้ งทใ่ี นสว่ นทบี่ ญั ญตั ถิ งึ การแตง่ ตง้ั กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น แพทยป์ ระจำ� ต�ำบล และสารวตั รกำ� นันในท้องถนิ่ นั้น และวรรคสองก�ำหนดใหบ้ รรดาบุคคลท่เี ปน็ ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ�ำต�ำบล และสารวัตรก�ำนันพ้นจากต�ำแหน่งและหน้าท่ี เฉพาะในเขตท้องถิ่นนั้นในเขตเทศบาลต�ำบลใด ถ้าหมดความจ�ำเป็นที่จะต้องมีต�ำแหน่งก�ำนัน ผใู้ หญ่บ้าน จากบทบัญญัติดังกล่าวส่งผลให้ต�ำแหน่งก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทยป์ ระจำ� ตำ� บลในเขตเทศบาลตำ� บลทจี่ ดั ตงั้ ขนึ้ ตามพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ พน้ จากตำ� แหนง่ และหน้าท่ีหากหมดความจ�ำเป็นท่ีจะต้องมีต�ำแหน่งก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนในเขตเทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจ�ำต�ำบล และสารวัตรก�ำนัน พ้นจากต�ำแหน่งภายในก�ำหนด ๑ ปี แต่ต่อมาเม่ือมีการแก้ไขเพ่ิมเติมบทบัญญัติของพระราชบัญญัติ ลกั ษณะปกครองทอ้ งท่ี (ฉบบั ที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ท่ีก�ำหนดวา่ “การยกเลกิ ตำ� แหนง่ ก�ำนัน ผใู้ หญ่บา้ น แพทย์ประจ�ำต�ำบล สารวัตรก�ำนันและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จะกระท�ำมิได้” มีผลท�ำให้ต�ำแหน่งท้ังหลาย ดังกล่าวท่ีมีอยู่ในเขตเทศบาลต�ำบลยังคงมีอยู่ต่อไป และท้องถิ่นที่เป็นเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร
40 ท่ีถูกยกฐานะหลังพระราชบัญญัติที่แก้ไขเปล่ียนแปลงน้ีใช้บังคับยังคงมีอยู่ต่อไปไม่อาจถูกยกเลิกได ้ แต่ในท้องถ่ินท่ียกฐานะเป็นเทศบาลเมืองและเทศบาลนครก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ ซึ่งส่งผลให้ต�ำแหน่งทั้งหลายดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้วก็ไม่อาจกลับมามีต�ำแหน่งทั้งหลายดังกล่าวได ้ โดยผลของกฎหมายทบี่ งั คบั ใช้ไปแลว้ จึงอาจกล่าวได้ว่า ความสมั พันธร์ ะหว่างกำ� นนั ผใู้ หญ่บ้าน และเทศบาลในพ้ืนท่ีเป็นไป ในลกั ษณะการประสานงานดา้ นต่าง ๆ เช่น การจดั ท�ำแผนพัฒนาท้องถ่นิ โดยเปน็ ผู้เสนอความตอ้ งการ ของราษฎรในท้องที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นน�ำไปจัดท�ำแผนพัฒนาท้องถ่ิน ประสานงาน ตรวจสอบการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพ้ืนท่ีให้ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไป ตามกฎหมาย
๔๑ 41 ตารางเปรียบเทียบอานาจหน้าทขี่ องกานนั ผ้ใู หญ่บ้านกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน อานาจหน้าที่ของกานนั อานาจหน้าทขี่ องเทศบาล อานาจหน้าทขี่ ององค์การ ผู้ใหญบ่ า้ น ก. เทศบาลตาบล บรหิ ารสว่ นตาบล (๑) รกั ษาความสงบเรียบรอ้ ย ๑. ตามพระราชบัญญตั ิ ของประชาชน ก. อานาจหน้าทีท่ ่ัวไป ลกั ษณะปกครองท้องท่ี พ.ศ. ๒๔๕๗ (๒) ให้มีและบารุงทางบกและทางน้า องคก์ ารบริหารส่วนตาบลมี (๓) รักษาความสะอาดของถนน อานาจหน้าทใี่ นด้านเศรษฐกจิ ๑๑.๑.๑ออำ� านนาาจหนา้ ท่ีใในนททาางงปปกกคครอรงอง หรอื ทางเดนิ และทสี่ าธารณะ สังคมและวฒั นธรรม รวมท้ังการกาจัดมลู ฝอยและ ข. อานาจหน้าท่ตี ามท่กี ฎหมาย และรกั ษาความสงบเรียบร้อย สง่ิ ปฏิกลู กาหนด ๑.๒ หน้าที่ตอ้ งรายงานตอ่ ทาง (๔) ปอ้ งกันและระงบั โรคติดต่อ (๑(๑))จจดั ัดใใหห้ม้มแี ีแลละะบบาารรงุ ุงรรักักษษาาททาาง ราชการ เชน่ รายงานความเดือดร้อน (๕) ให้มีเครือ่ งใชใ้ นการดบั เพลิง น้าและทางบก ของราษฎรให้ทางราชการทราบ (๖) ใหร้ าษฎรได้รับการศึกษาอบรม (๒) รกั ษาความสะอาดของถนน เพ่ือขอความช่วยเหลอื ปฏิบัตติ าม (๗) สง่ เสรมิ การพัฒนาสตรี เดก็ ทางน้า ทางเดิน และท่สี าธารณะ คาส่ังของทางราชการ เยาวชน ผสู้ งู อายุ และผพู้ ิการ รวมทัง้ กาจัดมูลฝอยและส่ิงปฏกิ ลู ๑.๓ การจัดทาทะเบียน เช่น การ (๘) บารงุ ศิลปะ จารตี ประเพณี (๓) ป้องกันโรคและระงบั ปรบั ปรุงทะเบียนทอ้ งท่ี ขอ้ มลู จานวน ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ และวัฒนธรรม โรคติดต่อ ราษฎร อนั ดีของท้องถิ่น (๔) ป้องกันและบรรเทา ๑.๔ การนาข้อราชการไปประกาศ (๙) หน้าที่อ่นื ตามที่กฎหมาย สาธารณภัย แก่ราษฎร บญั ญตั ใิ ห้เปน็ หน้าท่ขี องเทศบาล (๕) สง่ เสรมิ การศกึ ษา ศาสนา การปฏิบตั ิงานตามอานาจหน้าที่ และวัฒนธรรม ๑.๕ ทาจัดทากิจการเพ่ือสาธารณะ- ของเทศบาลต้องเปน็ ไปเพื่อ (๖) ส่งเสรมิ การพัฒนาสตรี เด็ก ประโยชนส์ ขุ ของประชาชนโดย เยาวชน ผสู้ ูงอายุ และผพู้ ิการ ประโยชน์ ใช้วธิ ีการบริหารกิจการบ้านเมอื งท่ดี ี (๗) คมุ้ ครอง ดแู ล และบารุง ๑.๖ การฝึกอบรมราษฎรใหร้ ูจ้ กั และให้คานึงถึงการมีสว่ นรว่ มของ รักษาทรพั ยากรธรรมชาติและ กระทาการในยามรบ ประชาชนในการจัดทาแผนพัฒนา ส่งิ แวดลอ้ ม ๑.๗ การบารงุ และส่งเสริมอาชพี แก่ เทศบาล การจัดทางบประมาณ (๘) บารุงรักษาศิลปะ จารตี ราษฎร การจดั ซื้อจดั จ้างการตรวจสอบการ ประเพณี ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน และ ๑.๘ การจัดหม่บู ้านใหเ้ ปน็ ระเบียบ ประเมนิ ผล การปฏบิ ัติงานและการ วฒั นธรรมอนั ดขี องท้องถ่ิน เรยี บร้อย เปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสาร ทัง้ น้ี ให้เปน็ ไป (๙) ปฏิบัตหิ น้าท่อี น่ื ตามทท่ี าง ๑.๙ การอนั เกี่ยวกับความอาญา เชน่ ตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับวา่ ด้วย ราชการมอบหมายโดยจัดสรร อานาจในการจับกุมผู้กระทาผิด งบประมาณหรือบุคลากรให้ตาม กฎหมายสง่ พนกั งานสอบสวน ความจาเป็นและสมควร
42 ๔๒ เปรยี บเทียบอานาจหน้าที่ของกานันผูใ้ หญบ่ ้านกับองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน (ตอ่ ) อานาจหน้าทข่ี องกานนั อานาจหน้าทข่ี องเทศบาล อานาจหน้าท่ีขององคก์ าร ผู้ใหญ่บ้าน การน้ันและหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่ บริหารสว่ นตาบล กระทรวงมหาดไทยกาหนด ๒. ตามกฎหมายและระเบยี บอน่ื ๆ (๑๐) ใหม้ นี ้าเพ่ือการอุปโภค ๒.๑ ตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียน (๑๐) ใหม้ ีน้าสะอาดหรือการประปา บริโภค และการเกษตร (๑๑) ใหม้ ีโรงฆ่าสัตว์ ราษฎร เช่น ผ้ใู หญ่บ้านเป็น (๑๒) ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือและ (๑๑) ใหม้ ีและบารุงการไฟฟ้า นายทะเบยี นผรู้ ับแจ้งเกิด แจ้งตาย ทา่ ข้าม หรือแสงสว่างโดยวธิ อี ่ืน แจ้งย้ายท่ีอยู่ และส่งตอ่ นายทะเบียน (๑๓)ใหใหม้ ้มสี ีสุสสุ าานนแแลละะฌฌาปาปนนสถสาถนาน (๑๔) บารุงและสง่ เสรมิ การทามาหา (๑๒) ใหม้ ีและบารุงรักษาทาง ๒๒.๒.๒ตตาามมกกฎฎหหมายวา่ ด้วย กินของราษฎร ระบายน้า บตั รประจาตัวประชาชน เชน่ เป็น (๑๕) ให้มีและบารุงสถานทีท่ าการ เจา้ พนักงานในการตรวจบัตร พิทักษ์รักษาคนเจ็บไข้ (๑๓) ใหม้ ีและบารุงสถานท่ี (๑๖) ใหม้ ีและบารุงการไฟฟ้าหรือ ประชุม การกีฬา การพกั ผ่อน ๒.๓ ตามกฎหมายว่าด้วย แสงสว่างโดยวิธีอ่นื หย่อนใจและสวนสาธารณะ การจดทะเบียนครอบครวั เชน่ (๑๗) ให้มีและบารุงทางระบายน้า ผูใ้ หญบ่ ้านอาจต้องไปเป็นพยานบุคคล (๑๘) เทศพาณชิ ย์ (๑๔) ใหม้ ีและส่งเสริมกลมุ่ รับรองบุคคลทีป่ ระสงค์จะขอจด ข. เทศบาลเมือง เกษตรกรและกิจการสหกรณ์ ทะเบียนสมรส ทะเบียนรบั บุตร (๑) กจิ การตามท่ีระบุไวใ้ นอานาจ บญุ ธรรม หนา้ ท่ีของเทศบาลตาบล (ขอ้ ๑ – ๙) (๑๕) ส่งเสรมิ ใหม้ ีอุตสาหกรรม (๒) ให้มีนา้ สะอาดหรอื การประปา ในครอบครัว ๒๒.๔.๔ตตาามมกกฎฎหหมมาายยวา่ ดว้ ย (๓) ให้มโี รงฆ่าสตั ว์ สัตว์พาหนะ เช่น ผูใ้ หญบ่ ้านมหี น้าท่ี (๔) ให้มีและบารงุ สถานทที่ าการ (๑๖) บารุงและสง่ เสรมิ การ ไปกบั เจ้าของหรือตัวแทน นาสัตว์ที่ พทิ ักษ์และรกั ษาคนเจ็บไข้ ประกอบอาชพี ของราษฎร ต้องจดทะเบียนรูปพรรณไปจด (๕) ใหม้ ีและบารงุ ทางระบายน้า ทะเบียนรูปพรรณ (๖) ใหม้ ีและบารุงส้วมสาธารณะ (๑๗) การคมุ้ ครองดูแลและ (๗) ให้มีและบารงุ การไฟฟ้าหรือ รักษาทรัพยส์ นิ อันเปน็ ๒.๕ ตามกฎหมายว่าด้วยอาวธุ ปืน แสงสว่างโดยวิธีอื่น สาธารณสมบัตขิ องแผน่ ดิน เช่น ผ้ใู หญ่บ้านเปน็ ผใู้ ห้คารับรอง (๘) ให้มกี ารดาเนินกิจการ เกยี่ วกับความประพฤติและหลกั ฐาน โรงรับจานาหรือสถานสนิ เชือ่ ท้องถิน่ (๑๘) หาผลประโยชน์จาก ของผู้ขออนญุ าตมีและใชอ้ าวุธปืน (๙) ใหม้ ีตลาด ท่าเทยี บเรือและ ทรัพยส์ นิ ขององคก์ ารบรหิ าร ท่าข้าม ส่วนตาบล ๒.๖ ตามพระราชบัญญัติรับราชการ (๑๐) ใหม้ ีสสุ านและฌาปนสถาน ทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ เช่นต้องนาราษฎร (๑๙) ให้มีตลาด ท่าเทียบเรอื ไปแสดงตนเพ่ือคัดเลอื กทหาร และท่าข้าม (๒๐) กิจการเก่ียวกับการ พาณิชย์ (๒๑) การท่องเท่ยี ว (๒๒) การผังเมอื ง
๔๓ 43 เปรยี บเทียบอานาจหน้าที่ของกานันผู้ใหญ่บ้านกบั องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น (ต่อ) อานาจหน้าท่ขี องกานนั อานาจหน้าที่ของเทศบาล อานาจหน้าทข่ี ององคก์ าร ผ้ใู หญบ่ ้าน บริหารส่วนตาบล ๒.๗ ตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น (๑๑) บารุงและส่งเสริมการ ผใู้ หญ่บ้านมีอานาจหน้าที่จับกุมผู้กระทา ทามาหากินของราษฎร ความผิด หรือจัดการให้เป็นไปตาม (๑๒) ใหม้ ีและบารุงการสงเคราะห์ หมายจับหรือหมายค้นผู้ใหญ่บ้านและ มารดาและเด็ก กานัน เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง (๑๓) ใหม้ ีและบารุงโรงพยาบาล เมื่อกระทาการตามอานาจหน้าท่ีผู้ใด (๑๔) ใหม้ ีการสาธารณูปการ ดูหมิ่นหรือขัดขวางย่อมมีความผิดต่อ (๑๕) จัดทากิจการซ่ึงจาเป็นเพ่อื เจ้าพนักงานจะได้รับโทษหนักขึ้นกว่า การสาธารณสุข ความผดิ ต่อบคุ คลธรรมดา (๑๖) จัดตั้งและบารุงโรงเรียน อาชีวศึกษา (๑๗) ใหม้ ีและบารุงสถานทส่ี าหรับ การกีฬาและพลศกึ ษา (๑๘) ให้มีและบารุงสวนสาธารณะ สวนสตั ว์และสถานทพี่ ักผ่อนหย่อนใจ (๑๙) ปรบั ปรุงแหล่งเส่อื มโทรมและ รักษาความสะอาดเรียบร้อยของท้องถน่ิ (๒๐) เทศพาณชิ ย์ ค. เทศบาลนคร (๑) กิจการตามท่ีระบุไวใ้ นอานาจ หน้าทขี่ องเทศบาลตาบล (ขอ้ ๑ – ๒๐) (๒) ใหม้ ีและบารุงการสงเคราะห์ มารดาและเด็ก (๓) กจิ การอยา่ งอ่ืนซึ่งจาเป็นเพือ่ การสาธารณสขุ (๔) การควบคุมสขุ ลกั ษณะและ อนามัยในร้านจาหน่ายอาหาร โรงมหรสพ และสถานที่บรกิ ารอื่น (๕) จัดการเกี่ยวกับท่อี ยอู่ าศัยและ การปรบั ปรงุ แหลง่ เสอ่ื มโทรม (๖) จัดใหม้ ีและควบคมุ ตลาด ทา่ เทยี บเรือ ท่าขา้ ม และที่จอดรถ (๗) การวางผังเมอื งและการควบคุม การกอ่ สร้าง (๘) การส่งเสรมิ กิจการการท่องเทีย่ ว
44 ดงั นนั้ เม่อื พิจารณาจากอำ� นาจหน้าที่และความสัมพนั ธร์ ะหว่างก�ำนนั ผ้ใู หญบ่ ้าน กับองค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ จะเหน็ ไดว้ า่ ไมไ่ ดม้ อี ำ� นาจหนา้ ทซ่ี ำ้� ซอ้ นกนั แตเ่ ปน็ การสนบั สนนุ รว่ มมอื ประสานงาน ซ่ึงกันและกัน โดยอ�ำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะเป็นการด�ำเนินนโยบายบริการ สาธารณะท่ีได้รับการกระจายอ�ำนาจจากส่วนกลาง ในขณะท่ีก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีอ�ำนาจหน้าท ี่ ในการดูแลด้านการปกครอง การรักษาความสงบเรียบร้อย การเสริมสร้างความม่ันคงภายในต�ำบล และหมู่บ้านน่นั เอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288