kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
ตามแบบฉบับของพระสารีบตุ ร พระอัครสาวกเบ้ืองขวา ผเู้ ลิศด้วยปัญญา โดย พระราชภาวนาจารยว์ ิ. (เผด็จ ทตตฺ ชีโว) พระราชภาวนาจารย์ ว-ิ (เผด็จ ทตตฺ ชโี ว) kalyanamitra.org
คำนำ วกิ ฤตการณ์ต่าง ๆ ในโลกนี้ ไม่วา่ จะเป็นปญั หาทเ่ี กดิ จากนาํ้ มือ มนษุ ย์หรือปญั หาทีเ่ กิดจากภัยธรรมชาติ ลว้ นมีตน้ เหตุมาจาก ความผดิ พลาดในการฟิกคนของโลกยุคนนั้ อยู่ ๓ ประการ นน่ั คือ ๑) ม่งุ ฟิกคนใหม้ ดี วามรู้ แตล่ ะเลยการสรา้ งนิสยั ดี ๆ ๒) พัฒนาการดกี ษา แตม่ ไี ด้วางเปา้ ,หมายการดกี ษาไรท้ ่ี การดบั ทุกข์ ฅ) สรา้ งเทคโนโลยี แต่ขาดความร้พู นฐานการดับทุกขใ์ นซวี ติ ประจำวนั kalyanamitra.org
ความผดิ พลาด ๓ ประการนี้ ไดส้ ง่ ผลให้มนษุ ย์ก่อวกิ ฤตการณ์ ต่าง ๆ เพิ่มข้ึนใหแ้ กโ่ ลกโดยไมร่ ู้ตวั ตลอดเวลาสองพันหกรอ้ ยกว่าปืท่ีผ่านมา มีเพยี งพระสมั มา สัมพทุ ธเจา้ เท่านนั้ ท่ที รงสามารถแกไ่ ขปัญหาความผดิ พลาดทังสาม ประการนใี้ หแ้ กโ่ ลกไดส้ ำเรจ็ ดว้ ยการปฏิบัติอริยมรรคมอี งค์ ๘โดยอุทิศ ชวี ติ พระองคเ์ องเปน็ เดมิ พนั นับแต่นั้นมา ผ้ใู ดต้งั ใจปฏิบตั ิอริยมรรคมีองค์ ๘ ตามคำสอนของ พระพุทธองค์ ผนู้ นั้ ต่างพากนั รอดทน้ จากวิกฤตของชีวติ ไดเ้ ปน็ อศั จรรย์ ทั้งสนิ้ สว่ นผทู้ ่มี ิได้ปฏบิ ัตติ าม กย็ ังตอ้ งประสบความทุกขต์ า่ ง ๆ นานา ตลอดมา มวิ ่าจะใชวิชาการใด ๆ แก่ไขก็ตาม ความท่ีอรยิ มรรคมีองค์ ๘ ทรงคุณค่าวเิ ศษและบงั เกดิ ขึ้นไดย้ าก พระสัมมาสม้ พุทธเจา้ และเหล่าพทุ ธสาวกนับแตย่ คุ พุทธกาล จงึ ทุม่ ชีวติ เปน็ เดมิ พันเพอ่ื เผยแผ่ความรูน้ ้ใี หข้ จรขจายกวา้ งไกลออกไปทวั่ ทุกมมุ โลก โดยหวงั เพียงเพือ่ ใหอ้ นุชนรุ่นหลังจะยงั คงมอี รยิ มรรคมีองค์ ๘ ไว้ แกไ่ ขวิกฤตโลกในยคุ ของตนเองสึบต่อไปจนกระท่งั มาถึงพวกเรา ปัจจบุ ันนเ้ี ป็นยุคกเิ ลสไรพ้ รมแดน มีอบายมขุ ล้นทว่ มโลกอย่างนา่ ใจหาย อีกท้ังเราเองก็มใิ ชพ่ ทุ ธสาวกผ้ทู รงคุณธรรมทรงอานภุ าพมากมาย เป็นเพียงผ้ศู ึกษาปฏิบตั ิธรรมขั้นตน้ แตก่ ระน้นั ก็ยง้ มีความหวงั ท่ีจะได้ ลม้ิ รสอรยิ มรรคมีองค์ ๘ ในภาคปฏิบัติอยบู่ า้ ง เพราะย้งมวี ธิ ีการปฏบิ ตั ิ อรยิ มรรคของพระสาวกผูใ้ หญค่ รัง้ พุทธกาลสบื ทอดหลงเหลอื อยู่ คำนำ (วัว) สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
โดยเฉพาะอย่างย่ิงคือวิธีอบรมคิษยใ์ นสำนกั ของพระสารบี ุตร พระอคั รสาวกเบ้อื งขวา ผ้เู ลิศด้วยปัญญา ช่งี ใชวธิ ีเผยแผ่อบรมธรรม ปฏิบตั ิแบบขาวบ้าน ๆ แตไ่ ด้ผลดมี ากมาเปน็ ดน้ แบบ พระเดชพระคณุ พระราชภาวนาจารย์ (หลวงพ่อทตั ตชโี ว) ได้เคย นำเร่ืองนมี้ าใหข้ ้อคดิ แกผ่ ู้ทำงานเผยแผ่ท้ังในประเทศและตา่ งประเทศว่า “วธิ กี ารเผยแผข่ องพระสารบี ตุ รเปน็ แนวทางทสี่ นั โดษเรยี บงา่ ย แต่มอี านุภาพครองใจมหาชนท้ังในบ้าน ในเมือง ในบ้า ใหห้ ันมาทุ่มเท 11ปฏิบตั ิ^^ค๊มั ีองค์ หอ้ ยวิงบ้า■1วัคจร^ ' “ในเบื้องตน้ ทา่ นใชห้ สักการเพียงสามอยา่ ง คือ การทำความสะอาด การจัดระเบยี บ และความมีน้าั ใจของท่านเองทท่ี ำเป็นกจิ วัตรประจำวัน ก็สามารถเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาใหป้ ระสบความสำเรจ็ ในการเปด็ ใจคน ไต้อย่างงดงาม “เมอ่ื เปิดใจคนได้แล้ว ขนั้ ตอ่ มาท่านกแ็ สดงธรรมอันไพเราะวิจติ ร ใหพ้ ีง เมื่อผู้พีงรบั พีงด้วยจติ เล่ือมใสศรทั ธา จึงนอ้ มนำอรยิ มรรคมี องค์ ๘ ไปปฏิบตั ติ ามดว้ ยความเตม็ ใจ ปญั หาวกิ ฤตตา่ ง ๆ ในชีวิตของเขา เหล่านนั้ จงึ ไหร้ ับการแกไขอย่างมปี ระสีทธภิ าพ พระพทุ ธศาสนาจึงครอง ใจของประชาชนไดอ้ ย่างสง่างาม โดยไมต่ ้องใชอ้ ทิ ธฤิ ทธปื้ าฏหิ ารยิ ์ โดยไมต่ อ้ งใชก้ ารขม่ ขบู่ ีบบงั คับ ความสำเรจ็ ทุกอยา่ งบังเกดิ ข้นึ ด้วย ความอบอุ่น เต็มใจ นุ่มนวล โดยไมม่ ีใครเสยี เลือดเสยี เนือ้ แมแ้ ต่ หยดเดียว’’ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี (๓โ) คำนำ kalyanamitra.org
ดว้ ยเหตุนี้ เพ่ือใหก้ ารทำงานเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในยคุ ปจั จบุ นั สามารถครอบคลมุ ไปทุกถิ่นฐาน สามารถประสบความสำเรจ็ ไดอ้ ย่าง สงา่ งามเหมอื นด่งั เชน่ พระสารีบตุ ร ผู้เลิศดว้ ยปัญญาคร้งั พุทธกาล คณะผจู้ ดั ทำจงึ ได้รวบรวมพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับประวตั ิการทำงาน เผยแผ่ของพระสารบี ุตรทพ่ี ระเดชพระคุณหลวงพอ่ แสดงไวัในวาระ ต่าง ๆ ทงั้ ท่ีเปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ มาจัดทำเป็นหนงั สือเลม่ นี และพระเดชพระคุณหลวงพอ่ ไดเ้ มตตาตง้ั ช่ือหนงั สือเลม่ นี้ว่า “สรา้ ง ปัญญาเปน็ ทีม” ตามแบบฉบับของพระสารบี ุตร พระอคั รสาวกเบืองขวา ผ้เู ลศิ ด้วยปัญญา ทงั้ น้ีเพอ่ื ให้ผูท้ ำงานเผยแผท่ กุ ท่านมีพระสารบี ุตร เปน็ ต้นแบบ เปน็ แรงบนั ดาลใจ เปน็ กำลงั ใจ ในการทำหนา้ ทีเ่ ผยแผ่ พระพุทธศาสนาให้เจรญิ รุง่ เรืองได้อย่างยอดเย่ียมย่ิง ๆ ขนื ไป สมแกก่ าร เกิดมาเปน็ ชาวพทุ ธ เปน็ ลกู ขององค์สมเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจ้าในยคุ นี้ ทา้ ยทส่ี ุดน้ี คณะผจู้ ดั ทำขออนโุ มทนาบญุ และขอบพระคณุ ตอ่ ผู้ให้การสนบั สนุนจดั พมิ พ์ทุกทา่ น และขออวยพรใหท้ ุกท่านประสบ ความสขุ ความสำเรจ็ ในการเผยแผอ่ ริยมรรคมีองค์ ๘ไปสูใ่ จของชาวโลก ตามแบบฉบับของพระสารบี ตุ รได้อยา่ งสงา่ งาม จงทุกประการเทอญ คณะผจู้ ัดทำ กองวชิ าการ อาศรมบัณฑิต ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ คำนำ (G) สร้างปญั ญาเปนั ทีม kalyanamitra.org
สารบัญ คำนำ (๕) สร้างปญั ญาเปน็ ทมี ฅ สาเหตทุ ีท่ ำให้โลกวุ่นวายมากขึน้ ๙ ๙ ๑. หลักสูตรการศกึ ษามงุ่ เน้นด้านทฤษฎแี ตข่ าดบทฟกิ สรา้ งนสิ ยั ๒. หลักสตู รการศึกษากำหนดวิธใี ห้ความรู้ดา้ นแก้ทุกข์ ๑๐ ในชวี ติ ประจำวันไมส่ มบูรณ์ 0๑๗๑ ๓. หลกั สูตรการศึกษาขาดความร้พู ื้นฐานสำคัญ หลักการสแำกห็ฃรญับXปอ้ งกZนั และาแยกท้ ุกข์ ๑. วางเป้าหมายการศกึ ษาไว้ท่ีการดับทกุ ขอ์ ย่างชัดเจน ๑๙ ๒. มงุ่ เนน้ การสรา้ งปญั ญาดับทกุ ขผ์ า่ นการฟกิ นิสยั ดี ๆ ๒๑ วิธีเโ๓ก.ัปัญใXหค้ วาม\"สวนุ่ำควาัญใกับการฟกิ ดับท’ กุ ข์ข้ันพ้ืนฐจิาน ๒๒๒๗ ๑. ฝ็มมไทฐ ๒๙ ๒. สัมมาสงั กปั ปะ ๓๑ ๓. สมมาวาจา ๓๑ ๔. สัมมากัมมนั ตะ - - ๓๑ ๕. สมั มาอาชีวะ ๓๒ ๖. สัมมาวายามะ ๓๒ kalyanamitra.org
๓1. สมั มาสติ ๓๓ ๘. สัมมาสมาธิ ๓๓ การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา ต๙ นโยบายการเผยแผ่เซิงรกุ ๔0 การหมุนธรรมจักร ๔® ๔๒ ๑. การบริหารเวลาชวี ิต ๔๓ ๒. การโปรดสรรพสัตว์ ๔๔ ๓. การเลอื กหวั ขอ้ ธรรมที่เหมาะสม ๔๗ ๔. การหมุนธรรมจกั รด้วยคุณสมบัติแหง่ ธรรมราชา ๔๘ ๕. ผลแห่งการหมุนธรรมจกั ร ๔๙ การบรหิ ารจัดการองค์กรของพระบรมศาสดา ๕๙ การหมนุ ธรรมจักรของพระอสตี ิสาวก ๖๗ พระสารีบุตร ต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทีม ๖๘ พระสารีบุตรเป็นใคร ๖๘ พระสัมมาส้มพุทธเจา้ ตรสั ยกย่องปัญญาของพระสารบ็ ตุ ร ๗๒ พระมหาสาวกกลา่ วยกยอ่ งปัญญาของพระสารบี ุตร ๗๙ วิชาครขู องพระสารบ็ ตุ ร ๘๔ ๑. การหมนุ ธรรมจกั รผา่ นกจิ วัตรประจำรัน ๘๔ ๑.® กจิ วัตรของพระสารีบุตร ๘๕ ๑.๒ การสร้างปญั ญาผา่ นกจิ วัตรประจำวัน ๘๘ ๑.๓ ศาสนทายาทผู้คํ้าจุนพระพุทธศาสนาและวงคต์ ระกลู ๙๔ ๒. การหมนุ ธรรมจกั รด้วยคุณธรรมประจำตวั ๙๕ ๒.๑ กต้ญญูกตเวทีต่อผ้มู ีพระคณุ ๙๖ ๑) กตัญฌูกตเวทีต่ออาจารยเ์ กา่ ๙๙ ๒) กตญั ญกู ตเวทีต่อมารดาในชาตกิ ่อน สารบัญ (๑๐) สร้างปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org
๓) กตญั ญูกตเวทตี ่อมารดาในชาตปิ จั จุบนั (ร)ิ 0(5) ๔) กตญั ญูกตเวทตี ่อขา้ วใส่บาตรแม้เพียง ๑ ทพั พี ๑๐๖ ๒.๒ เคารพพระอัสสชผิ ้เู ป็นอาจารย์อยา่ งมาก ๑๐๗ ๒.๓ รักการแสวงหาความรู้ ๑๐๘ ๒.๔ อ่อนน้อมถ่อมตนอยเู่ สมอ ๑๑๑ ๒.๕ รกั ความมกั น้อยสนั โดษ (ร)ิ (ร)ิ ถท ๒.๖ อนเุ คราะหค์ นดีทีย่ ากจนเข็ญใจ ๒.๗ ไมป่ รารถนาอยรู่ ่วมกบั คนชว่ั ผยู้ ยุ งใหม้ ิตรแตกแยก (ริ)(ริ) q) ๑๑๗ ๒.๘ ไม่เบอ่ื การตอบคำถาม ๑๒๐ ๒.๙ วางตนนา่ เคารพยกย่อง ๑๒๒ ๒.๑๐ พร้อมแบง่ เบาภาระของพระบรมศาสดาอยเู่ สมอ ๑๒๕ ถ. การหมนุ ธรรมจกั รด้วยการเผยแผต่ ามยุทธศาสตรท์ ศิ ๖ ๑ถ๒ ๓.® รวบรวมลูกหลานตระกูลอปุ ฏั ฐากเขา้ มาบวช ๑๓๔ เปน็ สามเณรรุ่นใหม่ ๑๓๖ ๓.๒ รวบรวมผู้มีปัญญาเขา้ มาบวชเป็นภกิ ษุรุ่นใหม่ ๑) บุคลิกก่อใหเ้ กิดศรทํธา ๑๓๗ ๒) การประลองปญั ญา ๑๓๘ ๓) การเทศนาเผยแผธ่ รรม ๑๔๑ ๓.๓ เมอ่ื ร้บผู้ใดเปน็ ศิษยแ์ ลว้ กร็ ว่ มทกุ ขร์ ว่ มสุขตลอดชีวติ ไมท่ งิ กนั ๑๔๓ ๓.๔ พร่าํ สอนศิษยจ์ นกวา่ จะบรรลุธรรม ๑๔๖ ๓.๕ ติดตามแกไขลกู ศษิ ยท์ ที่ ำผิดพลาดประมาทแลว้ ๑๔๘ ๓.๖ สรา้ งมหาเศรษฐใี จบญุ รุน่ ใหม่ไวค้ าํ้ จุนพระพทุ ธศาสนา ๑๕๐ ๔. การหมนุ ธรรมจักรด้วยการป้องกนั ภยั อันตรายใหแ้ ก่ พระพทุ ธศาสนา ๑๖0 สร้างปัญญาเป็นทีม สารบญั kalyanamitra.org
๔.๑ วางแนวทางสงั คายนาพระสูตรเพอื่ ความย่ังยนื ของพระพุทธศาสนา ๑๖๐ ๔.๒ เรยี นพระอภธิ รรมจากพระบรมศาสดาและ ๑๖๒ สอนใหแ้ พรห่ ลายออกไป ๔.๓ กราบทลู ให้พระบรมศาสดาทรงบญั ญตั ิพระวินยั ปกครองสงฆ์ ๑๖๓ ภัยอันตรายของพระพทุ ธศาสนา ๑๖๙ ๑. ปัญหาภยั ภายในพระพุทธศาสนา ๑๗๔ ๑.๑ ปัญหาการปกครอง - ๑๗๕ ๑) ผบู้ วชมานานแต่ไมฝ่ กึ ตน ๑๗๕ ๒) ผู้บวชแลว้ ไมม่ ใี ครสอน ๑๗๗ ๓) ผู้บวชแล้วไมร่ ปู้ ระมาณ ๑๘๐ ๔) ผู้บวชแลว้ เป็นปรยิ ัติงพู ิษ ๑๘๔ ๑.๒ ปญั หาการฝกึ สมาชิกองคก์ ร ๑๘๗ ๑๘๗ ๑) ขาดพระเถระทใ่ี ส่ใจพระภิกษใุ หมผ่ ้ตู ้ังใจฝกึ ตน ๒) ขาดพระเถระท่เี ป็นผนู้ ำในการสอนภาวนา ๑๘๘ ๓) พทุ ธบรษิ ัท ๔ ขาดคารวธรรม ๑๘ด' ๑.๓ ปญั หาการสรา้ งความสามคั คใี นองค์กร ๑๙๐ ๒. วธิ ปี ้องกันแกไ้ ขภยั ภายในพระพทุ ธศาสนา ๑๙๘ ๒.๑ วางหลักสตู รฝกึ อบรมท่เี ปน็ มาตรฐานการศกึ ษาของหมู่สงฆ์ ๑๙๙ ๒.๒ กำหนดใหพ้ ระธรรมวนิ ัยเปน็ ศาสดาแทนพระองค์ ๒๐๐ ๒.๓ สงั่ ให้ภิกษุสงฆเ์ ลือกอยใู่ นสำนักพระเถระผูม้ ีธรรม ๒๐๑ ๑๐ ประการ ท่ีควรแก่การเขา้ ไปพ่งึ พิงอาศัย ๒.๔ วางอปรหิ านิยธรรมเปน็ มาตรการแก้ไขปญั หาภายใน องคก์ ร ๒๐๔ สารบญั (๑!©) สร้างปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
๒.๕ ส่งพระอสีติสาวกหมนุ ธรรมจักรสรา้ งอปรหิ านยิ ธรรม ๒๐๖ ทั่วแผ่นดนิ ถ. ปญั หาภยั ภายนอกรุกรานพระพุทธศาสนา ๒๑๐ ๓.® ปญั หาความเส่ือมโทรมของลัทธนิ อกพระพทุ ธศาสนา ๒๑๑ ๓.๒ ปัญหาอบายมขุ ครอบงำสงั คม ๒๑๓ ๔. วธิ ีป้องกนั แกไขภัยภายนอกรุกรานพระพทุ ธศาสนา ๒๒๔ ๔.๑ ทรงสงั่ ให้สาวกใชวิธีเผยแผด่ ้วยความสงบเยน็ โดยถือปฏิบัตติ ามหลกั โอวาทปาฏโิ มกข์ ๒๒๕ ๔.๒ ทรงเผยแผ่เชิงรุกดว้ ยการหมุนธรรมจกั รไม่มหี ยุด ๒๒๕ ๔.๓ ทรงปอ้ งกันปญั หากระทบกระทงั่ ดว้ ยการผูกมติ รกบั คนดี ๒๒๖ ๔.๔ ทรงแล้ไขปัญหาการถูกรุกรานด้วยการไมย่ อมกอ่ เวร ๒๒๗ กล่มุ ท่ี ๑ คนมีการศึกษาสูงรกุ รานด้วยการโต้วาทะ ' ๒๒๘ กกลลมุุ่่มทที่ี ๒๓ คคนนอมันแื ธพหาลลียรุกมรรา™ุนดว้ ยำกายรใชไ้กยำลนังทรำร้าา้ ยย ๒๒๒๓๑๑' กลุม่ ที่ ๔ คนหวงั ลาภสักการะชอื่ เลียงรุกรานด้วยการ ปลอมบวชขโมยวิชา ๒๓๒ กลุ่มที่ ๕ คนอกหักเลยี หนา้ รุกรานด้วยการตามด่า ใหเ้ ลยี หาย ๒๓๓ กลมุ่ ที่ ๖ กลมุ่ คนท่มี ีปัญญานอ้ ยหวังพลอยไดล้ าภ รกุ รานดว้ ยการสร้างศาสนสถานใกลก้ บั วดั ในพระพุทธศาสนา ๒๓๕ ๔. ขอ้ คดิ จากการปอ้ งกันแกไ็ ขภยั อันตรายของพระพทุ ธศาสนา ๒๔๒ ธรรมจักรยิง่ หมนุ ไป ทุกข์ของคนทั้งโลกยง่ิ ลดสง ๒๔๗ สร้างปญั ญาเปน็ ทมี ดบั ทกุ ข์ให้ชาวโลก ๒๔ถ สร้างปัญญาเปน็ ทีม ๓๓ สารบัญ kalyanamitra.org
ตามแบบฉบบของพระสารบี ุตร พระอัครสาวกเบือ้ งขวา ผเู้ ลิศดว้ ยปญั ญา kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
ตามแบบฉบับของพระสารบี ุตร พระอัครสาวกเบือ้ งขวา ผู้เลศิ ดว้ ยปญั ญา โดย พระราชภาวนาจารย์วิ. (เผด็จ ทตตฺ ชโี ว) โลกยุคนม้ี ไิ ด้เปน็ ยุคทคี่ นหวงแหนความรู้ มิไต้เปน็ ยุคท่ี คนขาดแคลนความรู้ แต่ตรงกันข้าม กลบั เปน็ ยคุ ทีค่ นมคี วามรู้จาก ทั่วทุกมมุ โลก พยายามแข่งขันกนั เผยแพร่ความรูข้ องตวั เอง ผ่านระบบ อนิ เทอรเ์ น็ตตลอดย่สี บิ ส่ีชั่วโมงอีกด้วย kalyanamitra.org
วธิ ีการเผยแพร่ความรกู้ ท็ ำได้งา่ ย ๆ ใครมีความรูโดอยากจะแบง่ ปัน ใหผ้ อู้ นื่ ได้ร้บู างกอ็ พั โหลด (Upload) ข้อมูลตา่ ง ๆ ลงในอินเทอรเ์ นต็ ความรู้นน้ั ก็จะถูกเผยแพรก่ ระจายออกไปท่ัวโลกทันที ส่วนใครอยากรู้ เรอื่ งใดเม่ือเขา้ ไปในอินเทอร์เนต็ ก็สามารถคน้ หาความร้เู รอ่ื งทต่ี อ้ งการนนั แลว้ ดาวนโ์ หลด (Download) มาเกบ็ ไวัในคอมพวิ เตอรไ์ ดท้ นั ทีเชน่ กนั ปริมาณขอ้ มลู ความรทู้ ่ีมีอยู่ในระบบอินเทอร์เนต็ อย่างมากมาย มหาศาลนเี้ อง ได้กลายเปน็ ปัจจัยหลกั ท่ีก่อใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลง ยคุ สมยั ของโลก โดยเปลีย่ นจากโลกยุคเดมิ ท่คี นส่วนมากยังขาดแคลน ความรู้ ให้กลายเป็นโลกยุคใหมท่ ่ีมีปรมิ าณความรู้ลน้ ท่วมโลกไปแล้ว สิง่ ที่นา่ คดิ ก็คอื ท้งั ๆ ท่ีโลกยคุ นโ้ี ด้กลายเปน็ ยคุ ที่ความรู้ลน้ ทว่ มโลก แตท่ ำไมโลกกลบั ไมเ่ คยสงบลงเลยแม้แต่วันเดยี ว มหิ น์าซา้ํ ปญั หา ความวุ่นวายตา่ ง ๆ นบั วันก็มแี ต่จะยิ่งเพ่ิมพนู ทวีคณู มากขนอย่างรวดเรว็ อกี ดว้ ย อะไรเปน็ สาเหตุให้โลกเกิดปญั หาวนุ่ วายมากย่ิงขึน้ ทง้ั ๆ ท่อี ยู่ ในยุคความรลู้ น้ ท่วมโลกเชน่ นี้ ร? สร้างปญั ญาเป็นทีม สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
สาเหตทุ ่ีทำให้โลกวุ่นวายท้ังที่อยใู่ นยุคความรู้ล้นท่วมโลก มอื L ๓ ประการ คอื ๑. หลักสตู รการศกึ ษามงุ่ เน้นดา้ นทฤษฎี แด่ขาดบทซกี สร้าง นิสัย การจดั การศึกษาของชาติในยคุ ปจั จุบัน มงุ่ สร้างคนให้มคี วามรู้ แต่ไม่ใหค้ วามสำคญั กับการฟกิ คนให้มีนิสัยดี ๆ ครน้ั เมอ่ื ความรตู้ กไปอยู่ kalyanamitra.org
ในมอื คนพาล ยอ่ มมแี ต่นำความวบิ ตั ิเสียหายมาสูส่ งั คมและสิง่ แวดลอ้ ม เพราะคนพาลมีนิสยั ปล่อยใหใ้ จขุน่ เป็นปรกติ จงึ แยกแยะถกู ผดิ ดชี ว่ั ไม1ออก เมื่อนำความรไู้ ปใช้ ก็คิดได้แตเ่ รื่องประโยชน์ส่วนตนและ พวกพอ้ งของตนเทา่ นั้น เพราะเหตุน้ี ปญั หาความวุ่นวายต่าง ๆ นานาในโลก จงึ ทวคี ณู ความรุนแรงขึ้นเรือ่ ย ๆ และอาจถึงขั้นทำลายลา้ งโลกได้ อยา่ งคาดไมถ่ งึ ทเี ดยี ว ๒. หลกั สูตรการศกึ ษากำหนดวธิ ใี หค้ วามรู้ด้านแกท้ กุ ขใ์ นซีวิต ประจำวันไมส่ มบูรณ์ การศึกษาปัจจุบัน มุ่งสอนแตเ่ ร่อื งการทำมาหากนิ เปน็ หลกั แตบ่ กพร่องเรื่องเป้าหมายการศึกษาเกีย่ วกบั การดับทกุ ข์ประจำชวี ิต ๔ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) ทกุ ขจ์ ากปญั หาสุขภาพกาย ๒) ทกุ ข์จากปัญหา การอยู่รว่ มกัน ๓) ทุกข์จากปัญหาการเลีย้ งชีพ ๔) ทุกข์จากปัญหา สุขภาพจติ ยังผลให้คนท่จี บการศึกษาไปแลว้ รับมือกับความทกุ ข์ไม่ครบ รบั มือกบั ความทกุ ข์ไม่เป็น เมือ่ ถูกปัญหารุมเร้ารอบดา้ น จึงหาทาง เอาตัวรอดดว้ ยการทำอะไรมกั ง'ายแบบขอไปที โดยไม,คำนงึ ถงึ ความเสียหายท่ีจะตามมา กลา่ วได้วา่ ความบกพร่องในการวางเป้าหมาย การศึกษาเปน็ อีกสาเหตุหนึ่งท่ีก่อให้เกดิ ปัญหาวนุ่ วายขึน้ ในโลกปจั จบุ ัน สาเหตุท่ที ำใหโลกๅนวายมากขน ๑๐ สร้างปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
ฅ. หลกั สตู รการต็กษาขาดความรพู้ นฐานส์าดัญสำหรบั ป้องกนั และแกท้ กุ ข์ ความรูท้ แี่ พรห่ ลายจนล้นท่วมโลกอยู่ในขณะนไี้ มส่ ามารถป้องกนั และดับทกุ ขไ์ ด้จรงิ ความร้ทู ่ใี ช้ดบั ทกุ ข์ได้จรงิ น้ันคอื ความรจู้ ักประมาณ ผู้ที่จะมคี วามรจู้ ักประมาณเป็นนสิ ยั น้ันจะตอ้ งไดร้ ิบการอบรมสัง่ สอนให้ สามารถวินจิ ฉัยไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งตามความเปน็ จริงวา่ วัตถสุ งิ ของใดคือ สิงจำเปน็ ในการยังซพี (Need)® จะขาดเสยี ไม่ได้ สงิ ใดเป็นเพียงสิงที่ ตอ้ งการ (Want)to หากขาดไปบา้ งก็พอทนได้ สงิ ใดเป็นสงิ ฟมุ เฟือย สรุ ุ่ยสุรา่ ย (Extravagant)® ต้องตดั ใจไมไ่ ปยุ่งเก่ยี วด้วย เพราะนอกจาก จะส้นิ เปลอื งโดยใช่เหตุแล้ว ยังเสียเวลาในการทำความดเี พ่อื ชวี ติ อกี ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าคนเรายังแยกแยะเรื่องพ้ืนฐานในการดำเนนิ ชีวิต ดังกลา่ วแล้วไมไ่ ด้ กย็ ากทจ่ี ะวนิ จิ ฉัยเรื่องอืน่ ๆ ซง่ึ เป็นเรอ่ื งที่เกีย่ วขอ้ ง กบั พฤติกรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ได้ว่า สงิ ใดถกู -ผดิ สิงใดดี-ชว่ั สิงใดบุญ-บาป สิงใดเป็นประโยชน-์ โทษ สงิ ใดควร-ไม่ควรอย่างถูกต้อง ตรงตามความเปน็ จริง ยอ่ มจะส่งผลกระทบโดยตรงตอ่ ความเป็นอยขู่ อง ตนตลอดชวี ติ และเปน็ ต้นเหตุให้กอ่ ปญั หาความวุ่นวายในโลกเพิ่มขนึ้ โดยรูเ้ ทา่ ไมถ่ ึงการณอ์ ีกด้วย • Need = “ต้องการ” แต่เปน็ ความตอ้ งการชนิดที่เรยี กวา่ “จำเป็นอยา่ งยงิ่ จำเป็นต่อซวี ติ จำเปน็ ต้องมี หรือ ขาดไมไ่ ด”้ เช่น ปจั จยั ส่ี อนั ได้แก่ อาหาร ทอี่ ย่อู าด้ย ยารกั ษาโรค และเครอื งน่งุ ห่ม เปน็ ตน้ “ Want = “ตอ้ งการ\" แตเ่ ป็นความต้องการแบบทว่ั ๆ ไป ตอ้ งการแบบเป็นกลาง ๆ ไม่ถงึ ขน้ั คอขาดบาดตาย ” Extravagant = ท่ใี ชจ้ ่ายเกินควร, ฟ่มเฟอิ ย, สรุ ยุ่ สุร่าย : พจนานกุ รมแปลภาษา สร้างปญั ญาเปน็ ทีม สาเหตทุ ่ีทำใหโ้ ลกวนุ่ วายมากข้ึน kalyanamitra.org
ยกตวั อย่างเชน่ คนบนโลกนีม้ อี ย่เู จด็ พน้ ลา้ นคน ถา้ หากทุกคนใช้ ชวี ิตอยา่ งสุรุ่ยสุรา่ ย ปัญหาที่ตามมากค็ อื บา้ นทุกหลงั จะมแี ต่ของ เหลือใชท้ ่กี ลายเปน็ ขยะล้นบา้ น เมือ่ บ้านทุกหลังทง้ิ ขยะออกมาพร้อมกนั โลกกก็ ลายเป็นกังขยะใบใหญใ่ นพริบตา ตอ่ จากนั้นก็กลายเป็นปญั หา ลูกโซ่ตอ่ ไปอกี นบั ตงั้ แต่ปัญหาขยะล้นโลก ปญั หาทรัพยากรโลกเหลอื นอ้ ยลง ปญั หาภยั ธรรมชาติ ปัญหาภัยแลง้ ปญั หาขาดแคลนอาหาร ปัญหาโรคระบาด ปัญหามลภาวะ ปญั หาขาดอากาศบริสทุ ธหื้ ายใจ ปญั หา แหลง่ เสึ่อมโทรม เปน็ ต้น การขาดวนิ ิจฉยั อยา่ งถูกตอ้ ง นอกจากจะกอ่ ใหเ้ กิดปัญหา สง่ิ แวดลอ้ มเพิ่มสูงขึน้ แล้ว การใช้ชีวติ อยา่ งสุรุ่ยสุร่ายก็สร้างปัญหาสังคม ให้เกิดความวนุ่ วายเพมิ่ สงู ข้นึ ไมแ่ พก้ นั เพราะเมอื่ ทกุ คนใช้จ'ายเกนิ ตวั แต่ละครอบครัวก็จะประสบปัญหาการเงินตามมาทันที เร่มิ ต้ังแต่ปัญหา คา่ ครองชีพสูงขึ้น ปญั หาหนีส้ ินครัวเรอื น ปัญหาคณุ ภาพชวี ติ ปัญหา สขุ อนามัย ปญั หาคา่ รักษาพยาบาลแพง ปัญหาคนตกงาน ปญั หานายจา้ ง ลกู จา้ ง ปญั หาสังคม ปญั หาเศรษฐกจิ ปัญหาการพฒั นาประเทศ เปน็ ตน้ ปัญหาความว่นุ วายตา่ ง ๆ ในโลกที่เพิม่ ข้ึนตามมาไมจ่ บสิน เพราะ สาเหตุ ๓ ประการดงั กลา่ วแลว้ น้ี ถา้ ปลอ่ ยไวไม่รบี แกไขใหถ้ ูกวธิ ี ปญั หากจ็ ะลกุ ลามบานปลายกลายเป็นไฟลกุ ท่วมโลก แล้วก็จะเช้าทำนอง คำโบราณที่ใชเ้ ตอื นสติวา่ ความรูท้ ว่ มหัวเอาตัวไม่รอด หรอื หากจะพูดให้ เขา้ กับยคุ สมัยน้กี ็คอื ความรู้ท่วมโลกแต่เอาตัวไม่รอด สาเหตุท่ีทำใหโลกวนุ่ วายมากขน ๓)อ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
หลักการแกป้ ญั หามเี พยี งประการเดยี วคอื ปัญหาเกดิ จากท่ใี ดกใ็ ห้ ดบั ทตี่ น้ เหตุของปญั หานนั้ ในเมอ่ื ปัญหาความวุ่นวายในโลกเกดิ จาก ความผิดพลาด ๓ ประการ คือ ๑) ให้ความรู้แตข่ าดการสร้างนสิ ยั ดี ๆ ๒) ความบกพรอ่ งเร่อื งการวางเป้าหมายการศกึ ษาเกย่ี วกบั การดบั ทกุ ข์ kalyanamitra.org
๓) ขาดความรู้ข้นั พน้ื ฐานในการดับทกุ ขไ์ ดจ้ ริง ด้งนัน้ ในการจะแกไขกต็ อ้ งย้อนกลบั มาแก้ไขที่ความผดิ พลาด ด้งกล่าว จงึ จะเป็นการดับปัญหาถกู เป้า ตรงตามหลกั ธรรมทวี่ ่า “ดับทเี่ หต”ุ 0 ปัญหาก็จะผ่อนจากหนักเป็นเบาหรือหมดไป โดยไมเ่ พิม่ ปญั หาใหม่ขน้ึ มาอีก คำถามทต่ี ามมากค็ อื ใครคือบคุ คลทมี่ คี วามรู้ ความชำนาญ และ ประสบความสำเรจ็ ในการแกป้ ญั หานมี้ ากท่สี ุดในโลก ? คำตอบ คือ พระสมั มาสม้ พุทธเจ้า พระบรมศาสดาเอกของ ชาวโลก พระองค์ทรงเปน็ บุคคลผูท้ รงพระคุณอันประเสริฐอยา่ งที่ไมอ่ าจหา บคุ คลใดในภพสามมาเปรียบได้ เพราะทรงเป็นผมู้ ีพระปรชี าสามารถใน การกำจดั กิเลสอันเปน็ ตน้ เหตุแห่งทกุ ขท์ ง้ั มวลไดเ้ ด็ดขาดด้วยสำพงั พระองค์เอง ความรูท้ ี่พระองคท์ รงค้นพบจากการตรสั ร้นู น้ จงึ เปน็ ความรู้ ที่สมบรู ณแ์ ละมคี ณุ สมบตั พิ ิเศษหลายประการ เชน่ ๑) เปน็ ความรู้ท่ีบริสุทธไม่มโี ทษภัยใด ๆ เจือปนอยู่เลยแม้แต่ นิดเดยี ว ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๔/๖๐/๗๓ ■‘ธรรมเหลา่ ใดเกดิ แต่เหตุ พระตถาคตตรสั เหตแุ หง่ ธรรม เหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหลา่ นั้น พระมหาสมณะมีปกตติ รสั อย่างน’’ หลกั การแก้ปญั หาโลกๅนวาย ®G สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
๒) เปน็ ความร้สู ากลท่ีดบั ทกุ ขไ์ ด้จรงิ ไม่วา่ จะเปน็ ทุกขก์ าย ทุกขใ์ จของชนเชื้อชาติศาสนาใด ก็สามารถชว่ ยดับทกุ ขไ์ ดท้ ัง้ สน้ิ ๓) เป็นความร้ทู เี่ ป็นอมตสจั ธรรม คือเปน็ ความร้จู รงิ แทต้ ลอดกาล ไม่มวี นั หมดอายุ ไมม่ วี นั ล้าสมัย ใชด้ ับทกุ ข์ได้ท้ังยุคอดีต ยคุ ปจั จุบัน ยคุ อนาคต เพราะความทุกข์ของคนเมอ่ื สองพันกว่าปีท่แี ล้วกับคนใน ปจั จุบนั นี้ ก็เกดิ ช้นื จากกิเลสกลมุ่ เดียวกันท้ังสิ้น ความรขู้ องพระองคเ์ กดิ จากการกำจดั กเิ ลส จงึ เปน็ สัจธรรมท่ใี ช้ดบั ทุกข์ได้ตลอดกาล ๔) เป็นความรู้ทไ่ี ตร้ บั การพิสจู นแ์ ล้ววา่ ดจี รงิ ถูกต้องจรงิ เปน็ ประโยชนจ์ ริง ดับทกุ ข์ได้จรงิ ผพู้ ากเพยี รปฏิบัติตามย่อมสามารถดบั ทุกข์ และหมดกเิ ลสได้จริงดจุ เดยี วกับพระพุทธองค์ เพราะเหตนุ ้ีจึงทำให้ พระพุทธศาสนากลายเป็นศาสนาเดยี วในโลกทีศ่ าสดาและสาวกดบั ทุกข์ ไดด้ ้วยการบรรลุธรรมเชน่ เดียวกัน จากความรูอ้ นั สุดแสนบรสิ ทุ ธวิเศษทเี่ กิดจากการดับทุกขด์ ับกเิ ลส ได้เด็ดขาดนเ้ี อง ทำใหเ้ มอื่ ถึงคราวท่ีพระองค์ทรงประกาศเผยแผพ่ ระพทุ ธ ศาสนา พระองคจ์ ึงกลายเปน็ พระบรมศาสดาเพียงผูเ้ ดยี วในโลกทวี่ าง ระบบการศึกษาโดยไม่สรา้ งปัญหาวนุ่ วายให้แก่โลก นัน่ คอื ๑. วางเปา้ หมายการศึกษาไร้ท่กี ารดบั ทุกข์อยา่ งชัดเจน การวางเป้าหมายการศกึ ษาของสถาบนั การศึกษาแทบทงั้ โลกจะ มุ่งเน้นไปท่ีการทำมาหากนิ เพ่อื เพ่ิมตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างเดียว ทำใหโลก ทง้ั โลกกลายเปน็ สนามแขง่ ขันทางการคา้ ใครมคี ก้ ยภาพสูงกแ็ ยง่ ชิงพ้ืนที่ ๑สร้างปัญญาเปน็ ทมี (X หลักการแก้ปัญหาโลกวนุ่ วาย kalyanamitra.org
การตลาดไดม้ ากกวา่ ใครอ่อนหัดกวา่ กถ็ กู เอารัดเอาเปรียบจนแทบไม่มี ทที่ ำมาหากิน ปัญหากระทบกระทั่งเพราะการเลีย้ งชพี การแยง่ ชงิ ทรัพยากร ความต้องการผูกขาดการคา้ จงึ กลายเปน็ ไฟลกุ ท่วมโลกมาทุกยุค ทกุ สมัย ทง้ั ๆ ท่ีตามจริงแล้ว ถ้ามนุษยเ์ รารูจ้ กั แบง่ ปนั กนั ก็จะสามารถ บรหิ ารจัดการทรพั ยากรตา่ ง ๆ ให้ทั่วถึงกันท้ังโลกได้ โดยไม่จำเปน็ ต้อง ทำสงครามการคา้ หรอื ทำสงครามโลก เพ่อื แกง่ แยง่ แข่งขันเป็นผู้ครอง ตลาดอันดบั หน่ึงของโลก ซงึ่ สาเหตทุ แี่ ทจ้ รงิ กเ็ กดิ จากความผิดพลาดใน การต้ังเปา้ หมายดา้ นการศึกษานัน่ เอง เปา้ หมายในการศึกษาตามหลักพระพทุ ธศาสนาน้ัน พระพุทธองค์ มไิ ด้ทรงวางไวเ้ พ่อื ใหค้ นเราแกง่ แยง่ แขง่ ขนั ชิงความเป็นใหญ่กัน แต่ทรงวางไวเ้ พอื่ การดบั ทุกขใ์ ห้ครบทกุ ดา้ นเพียงสถานเดียวเทา่ น้ัน ดง้ มีหลักฐานปรากฏใน พรหมจริยสูตร๑ ว่า “การศึกษาปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนาน้นั ๑) มิใช่เพอ่ื หลอกสวงคน ๒) มิใช่เพ่อื เรียกรอ้ งให้คนมานบั ถอื ๓) มใิ ช่เพ่ือลาภ ลักการะหรอื คำสรรเสริญ ๔) มใิ ชเ่ พอื่ ความเป็นเจา้ ลัทธิ มิใชเ่ พ่อื หักล้าง ลัทธอิ น่ื ๕) มใิ ชเ่ พ่อื อวดใหค้ นอืน่ รวู้ ่าเป็นอยา่ งนัน้ อยา่ งน้ี ‘ องฺ,จตุกก.พรหมจริยสูตร (ไทย) ๒®/๒๕/๔® หลักการแก้ปญั หาโลกล่นุ วาย ไ©๐ สร้างปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org
“เราประพฤตปิ ฏิบตั เิ พราะ ๑) เพอื่ ความสำรวม ๒) เพือ่ การ ละกเิ ลส ถ) เพือ่ คลายความกำหนัดยินดี ๔) เพื่อความดับทุกข”์ การต้งั เปา้ หมายการศึกษาไว้ท่กี ารดบั ทกุ ขเ์ ช่นน้ี ย่อมทำใหโ้ ลกสงบ เย็นลง เพราะจะทำให้ผเู้ ข้ามาศึกษามีความระมัดระวังทจ่ี ะไมเ่ พม่ิ ทกุ ขใ์ ห้ แก่ตนเองและผูท้ อ่ี ย่รู ว่ มโลก ดังน้ัน จึงช่วยลดปญั หากระทบกระท่งั ใน เร่ืองตา่ ง ๆ ลงได้อยา่ งมากมาย ๒. มงุ่ เน้นการสร้างปญั ญาดบั ทุกข์ผา่ นการฟิกนิสัยดี ๆ มีหลักฐานปรากฎใน คาลาธรรมบท ว่า “ความรทู้ 'ี 'เกิดแกค่ นพาล ย่อมมแี ต่นำความวิบตั เิ สยี หายมาให้เพราะความรนู้ ้ันยอ่ มถูกคนพาลนำ ไปใชเ้ พือ่ การทำลายฝายเดยี ว ชึ่งเทำกบั เป็นการทำลายความดงี ามของ เขาให้หมดลนิ้ ลงดว้ ย”9 และหลักฐานที่ปรากฏใน นสิ สั ยสูตร'° วา่ “ภิกษุท้งั หลาย เธอองตั้งอยใู่ นธรรม ๕ ประการนี้ คอื ศรัทธา หริ ิ โอตตปั ปะ วิริยะ ปัญญา แล้วพึงอบรมอุปนิสัย ๔ ประการนี้ ใหบ้ ังเกดิ ขึ้นคือ ๑)พิจารณาแล้วบรโิ ภค ๒) พจิ ารณาแล้วอดกลน้ั ๓)พจิ ารณา แล้วงดเวน้ ๔) พจิ ารณาแลว้ บรรเทา ทัง้ นเ้ี พื่อละอกุศล (ความไมด่ ี) ท้งั หลาย” ๑ ข.ธ.สฎั ฐิกฏู เปตวัตถุ (ไทย) ๒๕/๗๒/๔๙, ข.ุ ธ.อ.เรื่องด้ฏฐกิ ูฏเปรต (ไทย) ๔®/๒๔๔ ๒ อง.ฺ นวก.นสิ สยสตู ร (ไทย) ๒๓/๒/๔๒๙-๔๓๐ สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม 'ธ๓ หลกั การแก้ปัญหาโลกวนุ่ วาย kalyanamitra.org
ถ. ให้ความสำคญั กบั การฟกิ ดบั ทกุ ขข์ น้ั พ้นื ฐาน มหี ลกั ฐานปรากฏใน พระวินยั ว่า “สิงที่บรรพชิตควรปฏิบัติ เพอื่ ยงั ชีพ คอื นสิ สัย ๔ ไดแ้ ก่ ๑) เลีย้ งชพี ดว้ ยการบณิ ฑบาตก้อนขา้ ว จากชาวบ้าน ๒) นุ่งห่มผ้าบังสกุ ลุ จวี ร ๓) อยโู่ คนไม้ ๔) ฉันยารกั ษาโรค ทด่ี องดว้ ยนํ้ามตู ร (ปัสสาวะ)”8 แมภ้ ายหลงั พระสมั มาส้มพทุ ธเจ้าจะทรงอนญุ าตให้รบั ภัตตาหาร จวี ร ทีอ่ ยอู่ าภยั และยารกั ษาโรคอนั ประณตี ท่ีมีเจา้ ภาพจัดถวายแล้วก็ตาม แตกไม1ทรงยกเลิกการเลยี้ งชพี ด้วยนสิ สยั ๔ และยังทรงเขม้ งวดกบั การเตือนสติให้บริโภคปัจจยั ๔ อย่างรู้ประมาณอยู่เชน่ เดมิ ทั้งน้ีก็เพราะการกำหนดนิสสยั ๔ ให้เป็นหลกั สตู รการดับทุกข์ ขั้นพน้ื ฐานในชีวติ ประจำวันน้นั พระองค์ทรงมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ฟกิ เหล่าสาวก ใหแ้ ยกแยะได้วา่ วัตลสุ งิ ของใดเป็นสิงจำเปน็ สงิ ใดเปน็ เพยี ง ความตอ้ งการ สงิ ใดเปน็ สว่ นเกินในการดำเนินชวี ติ ซึ่งสว่ นท่เี กนิ มานีเ้ อง คือสว่ นทเี่ กดิ จากอำนาจกเิ ลส จะเปน็ ส่วนทเ่ี พมิ่ ความทกุ ข์ให้แก่ชีวติ และ ทำใหเ้ กิดปัญหาวุน่ วายตามมาอกี มากมายไมร่ ูจ้ บ ดง้ น้นั เมอ่ื พิจารณาจากการวางระบบการศกึ ษาของพระสมั มา สัมพุทธเจ้าแลว้ ก็จะพบความจรงิ วา่ พระองค์ทรงเป็นผู้มพี ระปรชี าสามารถ อยา่ งยงิ่ ในการวางหลกั สูตรการศกึ ษาเพือ่ ฟกิ คนให้มีปัญญาดับทุกข์ผ่าน การฟกิ นิสัยดี ๆ ซ่ึงเปน็ แนวทางเดียวทีจ่ ะแก้ปญั หาความวนุ่ วายในโลก นใ้ี ห้ลดลงได้ พ้นจากแนวทางนแ้ี ลว้ ยอ่ มไม่มที างทำไดส้ ำเร็จ ๑ วิ.มหาวิ.นสิ สยั ๔ (ไทย) ๔/๑๒๘/๑๙๗ หลักการแก้ปัญหาโลกวุ่นวาย ไอไอ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
แม้เราจะไดท้ ราบหลกั การแกป้ ญั หาแลว้ แตก่ ็อาจมบี างท่านสงสยั ว่า เมือ่ ถงึ คราวปฏบิ ตั จิ ริง หลกั การของพระพทุ ธองค์น้นั จะแกป้ ญั หาได้ จรงิ หรอื ไม่ การขจดั ความสงสัยในเรื่องนี้ จงึ ต้องดูทพี่ ระองค์ทรงสอนวธิ ี สร้างปญั ญาผา่ นการฟกิ นิสัยไวอ้ ย่างไร kalyanamitra.org
พระสมั มาส้มพทุ ธเจา้ ทรงสอนเรอ่ื งนไี้ ว้ใน “ธัมมจกั กัปปวตั ตน สูตร” ซ่งึ เป็นปฐมเทศนาที่เปน็ แม่บทของคำสอนทัง้ หมดในพระพทุ ธ ศาสนา พระสูตรนีม้ ีความสำคัญอย่างยิ่ง ท้ังน้เี พราะตลอด ๔๕ พรรษา ที่พระองค์ทรงทำงานเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาไปยังแวน่ แควน้ ตา่ ง ๆ นั้น ล้วนเป็นการแสดงธรรมเพ่อื อธิบายขยายความธัมมจกั กัปปวต้ ตนสตู ร ทั้งสิน้ การที่พระองค์ทรงแสดงพระปฐมเทศนาบทน้เี ป็นคร้งั แรกจบลง แล้ว ถงึ แม้หลังจากนัน้ ตลอดพระชนมช์ พี จะมิได้ทรงแสดงธรรมบทอ่นื เพม่ิ อกี เลย กถ็ อื ได้วา่ คำสอนท้งั หมดของพระพทุ ธศาสนาได้รบั การปักหลัก อย่างสมบูรณแ์ บบแลว้ ธัมมจกั กัปปวัตตนสูตรน้ี เรียกโดยยอ่ วา่ ธรรมจักร® เป็น พระปฐมเทศนาทีพ่ ระองคท์ รงแสดงธรรมเป็นครั้งแรกของโลก เพ่อื โปรดกลุ่มนกั บวชปญั จวคั คยี ์ ซ่งึ มีสมาชิกหา้ รปู หลังจากการแสดง พระปฐมเทศนาจบลงหัวหนา้ กลมุ่ ของปัญจวคั คียค์ อื ทำนอัญญาโกณฑญั ญะ ไดบ้ รรลุธรรมเป็นพระโสดาบนั กลายเป็นพยานการตรัสรู้ธรรมคนแรก ของโลก \" ส.ํ มหา.อ.ปฐมตถาคตสตู รที่ ๑ (ไทย) ๓®/๔๒๖ ธรรมจักร ไดแ้ ก่ ๑) ปฏเิ วธญาณ ญาณเป็นเครือ่ งแทงตลอดอรยิ สัจ ๔ ๒) เทศนาญาณ ญาณเปน็ เคร่อื งแสดงอริยสัจ ๔ ปฏเิ วธญาณ (สจั ญาณ กจิ ญาณ กตญาณ) ในอริยสัจจะ ๔ ซึ่งวน ๓ รอบ โดยอาการ ๑๒ เกิดข้นึ แกพ่ ระผมู้ ีพระภาคเจ้าผ้ปู ระทบั นัง่ บนโพธิบัลลงั ก์, เทศนาญาณ เกดิ เมอื่ ทรง ประทับนั่งในปาอิสปิ ตนมิคทายวันเพือ่ แสดงอรยิ สัจ ๔ มีอาการ ๑๒ นนั้ ชอ่ื วา่ ธรรมจกั ร พระสารบี ตุ รช่ือวา่ เปน็ ผู้มีธรรมจักรทง้ั สองนั้น วิธแี กป้ ญั หาโลกว่นุ วาย ใ©a สร้างปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org
ในวันต่อ ๆ มา พระองค์ทรงแสดงปกิณกธรรมเพอื่ ขยายความ u ธัมมจักกปั ปว้ตตนสูตรเพืม่ เตมิ อกี พระปัญจวคั คีย์ท่ีเหลอื ก็ทยอยบรรลุ ธรรมเปน็ พระโสดาบนั ครบทุกรูป ในวนั ตอ่ มา พระองค์ได้ทรงแสดง อนตั ตลกั ขณสตู ร (ซึง่ เป็นธรรมะปฏบิ ัติข้ันสูงสำหรับพระโสดาบัน) แก่ พระปัญจวคั คยี ์ ยังผลให้พระปัญจวัคคยี ท์ ้ังหมดบรรลุอรหัตผล เปน็ ผู้ ดับทุกขด์ บั กเิ ลสได้สำเรจ็ สมบูรณ์ และเป็นพระอรทันตสาวกห้ารปู แรก ในพระพุทธศาสนา สำหรับวิธีการสรา้ งปญั ญาดับทกุ ข์ผ่านการผึกนิสยั ดี ๆ นนั้ พระองค์ตรัสแสดงไวใั นเนอื้ หา ส่วนท่เี รียกวา่ “มรรคมีองค์ ๘” ของ ธัมมจกั กัปวัตตนสตู ร ซง่ึ ประกอบดว้ ยหลกั ปฏิบัติ ๘ ประการ เพือ่ การ สรา้ งปัญญาดับทกุ ขจ์ ากง่ายไปหายาก จากระดบั สามัญไปสู่ระดับสูงสดุ โดยเร่มิ จากการฟิกนสิ ัยทีด่ กี อ่ น ได้แก่ ๑. สมั มาทฐิ ิ คือ ความเขา้ ใจถกู ในเร่อื งการดำเนินชีวิตในโลกนี้ อยา่ งถกู ต้องตรงตามความเปน็ จรงิ ได้แก่ ๑.๑ หลักการดำเนนิ ชีวิตใหเ้ ปน็ สุขในชาตินี้ คือ มีความ เขา้ ใจถูกว่า ชวี ติ ในชาตนิ เี้ ปน็ สขุ ไดด้ ว้ ยหลักปฏิบัติ ๔ ประการ (๑) การแบง่ ปนั กนั และกันมผี ลดจี รงิ (๒) การสงเคราะหช์ ว่ ยเหลอื กนั และกันเปน็ ผล ดจี ริง (๓) การยกย่องคนดมี ีผลดจี ริง สร้างปญั ญาเป็นทีม า©(X วิธีแก้ปัญหาโลกวุ่นวาย kalyanamitra.org
(๔) การทำกรรมดกี รรมชวั่ มผี ลจริง ๑.๒ หลกั การดำเนนิ ซีวิตให้เปน็ สุขในชาติหน้า คือ มีความเข้าใจถกู ว่า (๑) โลกน้ีมีทีม่ า คอื สภาวะของผู้ท่ีมาเกิดในโลกน้ี ข้ึนอยู่กบั กรรมในอดตี ชาติ (๒) โลกหนา้ มีที่ไป คอื ผท้ ี่ละโลกน!ี้ ปแลว้ ยอ่ มไป เกิดอกี สภาวะทเี่ กดิ ใหมย่ อ่ มเป็นไปตามกรรม ทต่ี นทำไวในชาติน้ี (๓) มารดามีพระคุณการปรนนิบัติดหี รือชั่วต่อทา่ น มผี ลจรงิ (๔) บิดามีพระคณุ การปรนนบิ ตั ิดหี รือชวั่ ตอ่ ท่าน มีผลจริง (๕) สตั วท์ ต่ี ายแล้วเกดิ ขน้ึ อีกและโตทันทีโดยอาศัย อดีตกรรม เช่น สัตว์นรก เปรต เทวดามีอยู่จริง ดงั นนั้ ชีวติ ในชาตหิ นา้ จะเป็นสุขไดก้ เ็ พราะกรรมดที ่ีเราสรา้ งไวใ้ น ชาตนิ ้ี ถา้ สร้างบญุ ไว้น้อย อุปสรรคชีวิตในชาตหิ นา้ ก็มาก ถา้ สรา้ งบญุ ไว้ มาก อปุ สรรคชีวติ ในชาติหนา้ ก็น้อย เพราะเราคือผอู้ อกแบบชีวิตด้วยผล กรรมดีกรรมชั่วของตัวเราเอง วธิ ีแกป้ ัญหาโลกอุน่ วาย ๓๐ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org
๑.ถ หลักการดำเนินซวี ิตเพ่ือสุขอนั ไพบลู ย์ คือมคี วาม เขา้ ใจถูกว่า พระอรหันตสมั มาสัมพุทธเจ้า ผู้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย ตายเกดิ ในวัฏสงสารโดยการตรสั รู้ธรรมด้วยพระองค์เองและสอนใหผ้ ู้อน่ื ตรัสร้ตู ามมีอยู่จริง การศึกษาและตง้ั ใจปฏิบตั ติ ามคำสอนของพระองค์ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์จากวัฏสงสารคอื การเวยี นวา่ ยตายเกิดได้จริง ความเข้าใจถกู อันเป็นสมั มาทฐิ ิน้เี อง ท่ีทำให้เกิดความเขา้ ใจถกู เรอ่ื ง ความจรงิ ของชีวิตทต่ี กอยภู่ ายใต้กฎแห่งกรรม สถานการณ์ของชีวิตทต่ี ก อยใู่ ตก้ ารเวยี นว่ายตายเกดิ ในวัฏสงสาร และการดำเนนิ ชีวติ เพ่ือกำจดั ทุกขใ์ ห้หมดสินไป จงึ ได้ก่อใหเ้ กิดวิธฟี กิ ตนเพอื่ สรา้ งปญั ญาดบั ทกุ ข์ ผา่ น การปฏบิ ัตมิ รรคมีองค์ ๘ ข้อที่ ๒ - ๘ ตามมา® ๒. สัมมาสงั กัปปะ ความคิดลกู คือ คิดทางกศุ ล ไดแ้ ก่ คิดใน เรื่องการออกจากบาป ไมค่ ิดหมกม่นุ ในกาม ไมค่ ิดพยาบาท ไม1คดิ เบียดเบยี น ยอ่ มทำให้ลดความทกุ ข์ทเ่ี กิดจากความคิดผดิ ๆ เพราะถกู กิเลสบีบคนั้ ใจ ถ. สมั มาวาจา การพูดลกู ไดแ้ ก่ ไมพ่ ูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไมพ่ ูดสอ่ เสยี ด ไมพ่ ดู เพอ้ เจอ้ ยอ่ มทำให้ลดความทกุ ข์จากการพดู ผิด ๆ เพราะถกู ปญั หาการอยู่ร่วมกันบบี ค้ัน ๔. สัมมากมั มันตะ การประพฤตลิ ูก ไดแ้ ก่ ไม่ฆ่าสตั ว์ ไมล่ ักทรัพย์ ไม,ประพฤตผิ ดิ ในกาม ย่อมทำให้ลดความทกุ ขจ์ ากการ ประพฤติผิด ๆ เพราะถกู ปญั หาการอยรู่ ่วมกนั บบี ค้นั ม.อุ.มหาจตั ตารสกสตู ร (ไทย) ๑๔/๑๓๖-๑๔๓/๑๗๔-๑๘๓ สร้างปญั ญาเป็นทีม ๓๑ วิธแี กป้ ัญหาโลกๅนวาย kalyanamitra.org
๕. สมั มาอาซวี ะ การประกอบอาซีพถูก คอื การไมป่ ระกอบ อาซพี ท่ีผืดศลึ ผิดธรรม ทั้งไม่สง่ เสริมสนับสนนอาซีพเชน่ นัน้ เชน่ ไม่ค้าอาวธุ ไมค่ ้ามนษุ ย์ ไมค่ ้าชีวติ สตั วเ์ พ่ือฆ่า ไม่คา้ นํ้าเมา ไม่ค้ายาพิษ ยอ่ มทำให้ลดความทกุ ขจ์ ากการเลยี้ งชพี ผิด ๆ เพราะถูกปัญหา การเลีย้ งชีพบีบค้ัน ๖. สัมมาวายามะ คอื การประกอบความเพียรลูก ได้แก่ เพียรปอ้ งกนั ไมใหบ้ าปอกุศลใหม่เกิดขนึ้ เพียรกำจัดบาปอกศุ ลทีเ่ กิดขืนแลว้ ให้ สนิ้ ไป เพยี รสรา้ งกุศลใหม่ที่ยงั ไม่เกดิ ขน้ึ เพยี รรักษากศุ ลทีเ่ กิดขนึ้ แลว้ ให้เจรญิ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซ่งึ เกดิ ขนึ้ ในขณะที่กำลังปฏบิ ัตสิ ัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สมั มากัมมันตะ สมั มาอาชีวะ ทำให้สามารถยกระดับกำลงั ใจ ใหม้ คี วามเข้มแข็งในการทำความดีอยา่ งไม่ยอ่ ทอ้ ต่ออปุ สรรคใด ๆ ท่เี กิด ขน้ึ ได้ เมือ่ การประกอบความเพียรท้งั ๔ ประการน้ี ดำเนินไปอย่างต่อ เนอ่ื งวนั แล้ววันเลา่ ยอ่ มทำใหก้ ารปฏบิ ตั มิ รรคมอี งค์ ๘ ในขอ้ ท่ี ๑ - ๕ มคี วามชำนาญขึ้น ความทกุ ข์ท่ีถกู บีบคั้นจากปญั หาสขุ ภาพ ปัญหาการ อยรู่ ว่ มกัน ปญั หาการเลี้ยงชพี และปญั หากเิ ลสบีบค้น จึงถูกสัมมา วายามะกำจัดให้ลดลง สง่ ผลให้ชีวิตมคี วามสุขจากการปฏิบตั มิ รรคมี องค์ ๘ เพิม่ มากข้ึนเร่ือย ๆ จนเกิดเป็นความชำนาญในการใช้ปญั ญา ดับทุกข์และกลายเป็นนสิ ัยรักการปฏิบตั ิอรยิ มรรคมีองค์ ๘ ข้ึนมาในชวี ติ ประจำวนั วธิ แี ก้ปญั หาโลกวุ่นวาย ๓ไอ สร้างปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
๗. สมั มาสติ คอื การระลกึ ลูก ไดแ้ ก่ การระลึกรู้อารมณ์ทีน่ ่า พอใจและไมน่ า่ พอใจท่มี ากระทบ ไม่หวัน่ ไหวไปตามอารมณ์นัน้ ทำใหใ้ จ สงบน่งิ ทำใหม้ ีใจหนักแนน่ ไมข่ นุ่ มวั งา่ ย ๆ ไมค่ ดิ ฟง้ ซา่ นง่าย ๆ ไมร่ ัก ใคร โกรธใคร หลงใครง่าย ๆ ไม่เซงิ เครียด เบ่ือ กลุม้ ง่าย ๆ ย่อมทำให้ การปฏบิ ตั ิมรรคมอี งค์ ๘ ในขอ้ ที่ ๑ - ๖ ดยี ่ิงขึ้น ชำนาญยง่ิ ข้นึ แก่กล้า ย่งิ ข้นึ จนเกดิ เป็นปัญญาท่ีรเู้ ทา่ ทนั ทุกข์ จนกลายเปน็ นิสยั ดี ๆ ทีฝ่ ืงลกึ ย่งิ ขนึ้ ไปอีก ทำใหค้ วามทกุ ขเ์ กา่ ถกู กำจดั ทง้ิ ออกไป สว่ นความทกุ ขใ์ หม่ กแ็ ทรกเขา้ มาไมไ่ ด้ ความทกุ ข์ทัง้ หลายที่เกดิ จากปัญหาสขุ ภาพ ปัญหา การอยรู่ ว่ มกัน ปัญหาการเลีย้ งชีพ ปญั หากิเลสบีบค้นั จึงยากจะรว่ั รด แทรกซึมเข้ามาบีบค้นั ใจ การปฏิบตั ิมรรคมอี งค์ ๘ ขอ้ ที่ ๑ - ๖ จงึ ทับ ทวคี วามแก่กล้ายงิ่ ๆ ขน้ึ ไปอีก เพราะมีสมั มาสติทำหนา้ ท่ีเปน็ ยามเฝา็ ระวงั รักษาใจไวต้ ลอดเวลานน่ั เอง ๘. สัมมาสมาธิ คือ จติ ตง้ั มัน่ ลูก ได้แก่ สภาวะใจทหี่ ยดุ น่ิงสนทิ สมบูรณอ์ ยทู่ ศ่ี ูนยก์ ลางกายอย่างต่อเน่อื ง ซึ่งเกิดจากการปฏบิ ตั ิมรรค มีองค์ ๘ ข้อที่ ๑ - ๗ ในขณะดำเนนิ ชีวิตประจำวนั จนกลายเปน็ นิสยั ไม่วา่ ความทกุ ขใ์ ด ๆ กบ็ ีบคนั้ ใหใ้ จข่นุ มัวเศรา้ หมองไม่ได้ เมอื่ ถงึ คราวลงมือ นั่งหลบั ตาบำเพ็ญสมาธภิ าวนา ใจท่ใี สเปน็ ต้นทุนเดิมอย่แู ล้ว จงึ เปน็ เหตุ ให้ใจถูกกลนั่ ดว้ ยอำนาจสมาธิอยา่ งตอ่ เนือ่ งไดง้ า่ ย ทำใหเ้ กดิ ความสะอาด ความสวา่ ง ความสงบเพมิ่ ขึ้นในใจมากยงิ่ ๆ ขนึ้ ไปตามลำดับ ๆ เป็นเหตุ ให้เกิดการบรรลธุ รรมไปตามลำดับ ๆ ย่อมทำใหท้ กุ ข์ดับไปตามลำดับ ๆ จนกระทั่งเมือ่ ใดที่สามารถบรรลธุ รรมขนั้ สูงสดุ ของการปราบกเิ ลส สรา้ งปญั ญาเป็นทึม ๓๓ วิธแี ก้ปญั หาโลกวุน่ วาย kalyanamitra.org
คือ อรหัตผล เมอ่ื น้ันก็จะปราบกิเลสได้สิน้ เชอื้ ไมเ่ หลอื เศษดบั ทกุ ขไ์ ด้ หมดสน้ิ การปฏิบตั ิมรรคมอี งค์ ๘ จึงสำเรจ็ สมบรู ณ์ เม่ือเราไดศ้ กึ ษาเร่ืองมรรคมีองค์ ๘ มาถึงตรงนี้ กท็ ำให้ทราบวา่ การฟกิ ปฏิบตั มิ รรคมีองค์ ๘ ให้เป็นนสิ ัยนั้น ไมใ่ ช่เป็นเพยี งแคก่ ารสรา้ ง ปัญญาดับทุกขใ์ หต้ วั เราเทา่ น้ัน แตย่ ังเปน็ การช่วยดบั ปญั หาทกุ ขใ์ ห้แก่ โลกอกี ด้วย ทั้งนีเ้ พราะในขณะท่เี รากำลังฟกิ ปฏิบัติมรรคมอี งค์ ๘ให้เป็น นสิ ัยอยนู่ น้ั ยิ่งฟกิ ก็จะยง่ิ เกิดความมน่ั ใจวา่ ๑) เราไมไ่ ดก้ ำลงั เพิม่ ทุกข์ ใหต้ นเอง ๒) เราไม่ได้กำลังก่อปญั หาความวุ่นวายให้แก่โลก ๓) ทกุ สิง ทีค่ ดิ ทกุ อยา่ งที่ทำ ทกุ คำท่ีพูดน้ัน ลว้ นกำลังสร้างสรรค์ความสงบร่มเยน็ ให้เกิดขึ้นในโลกน้ี ๔)ไม่วา่ เราไปอยทู่ ่แี หง่ ใด ทีแ่ หง่ นน้ั จะมแี ต่ความสขุ กายสขุ ใจ มแี ตค่ วามสงบสุขเกดิ ข้ึนอย่างแน่นอน ๓วิธีแก'ปัญหาโลกวนุ่ วาย GT สร้างปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
การหมนุ ธรรมจกั ร ของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
การหมนุ ธรรมจักร ของพระบรมศาสดา พระสมั มาส้มพุทธเจา้ ทรงค้นพบวา่ ปญั หาทกุ ข์ทง้ั โลกดบั ลงไดด้ ้วย การปฏิบตั มิ รรคมีองค์ ๘ เทา่ นัน้ พระองคจ์ ึงทรงต้องการเผยแผ่ความรู้ เรอื่ งมรรคมีองค์ ๘ ใหช้ าวโลกไดร้ จู้ ักกนั อย่างแพรห่ ลายออกไปไดม้ าก ทส่ี ดุ เรว็ ที่สุด กวา้ งไกลทีส่ ดุ เพราะย่งิ มืผ้ปู ฏิบัติมรรคมอี งค์ ๘ เพิ่มมากขนึ้ เท่าไร ปัญหาตา่ ง ๆ ในโลกกจ็ ะลดลงอย่างรวดเร็วเทา่ นัน้ kalyanamitra.org
นโยบายการเผยแผเ่ ชิงรกุ ในยคุ บุกเบิกการเผยแผ่ พระสมั มาสมั พุทธเจ้าทรงให้นโยบาย การเผยแผเ่ ชงิ รุกแกเ่ หล่าพระอรหนั ตส์ าวก ๖๐ รูปแรกของโลกไวว้ า่ “พวกเธอท้งั หลาย จงเท่ียวจาริกไปเพ่ีอประโยชน์ เพ่อี ความสุขแก่ มหาชน เพอ่ี ความเอน็ ดูแกช่ าวโลก เพอี่ ประโยชน์ เพอื่ เกือ้ กลู เพ่ือความสขุ แกเ่ ทวดาและมนุษยท์ ้ังหลาย “แต่พวกเธออย่าไดไปทางเดียวกนั ถงึ สองรูป พวกเธอจงแสดง ธรรมงามในเบือ้ งต้น งามในทา่ มกลาง งามในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์ พรอ้ มทัง้ อรรถทงั้ พยัญชนะให้บริสทุ ธื้บริบรู ณ์สิ้นเชิง สตั ว์โลกทัง้ หลาย ผู้มธี ุลใี นดวงตาน้อย ผู้จกั อาจร้ทั่วถึงธรรมนน้ั มอี ยู่ เขาเหล่านั้นยอ่ มเลีอม จากคณุ ทีพ่ ึงไดพ้ ึงเห็น เพราะเหตุท่ีไมไ่ ดพ้ งึ ธรรม แมต้ ถาคตกจ็ ะไปสู่ อุรุเวลาเสนานคิ ม เพ่อี แสดงธรรมเหมือนกัน”0 พระพุทธโอวาทนแี้ สดงใหเ้ หน็ วา่ ๑) คำสอนในพระพทุ ธศาสนามคี วามเป็นสากล มิได้ผูกขาดไว้ เฉพาะพระองค์หรือเหลา่ พระอรทน้ ตสาวก ผใู ดกต็ ามไม่วา่ จะเป็นมนษุ ย์ หรือเทวดา หากปฏิบตั ิมรรคมอี งค์ ๘ ตามคำสอนของพระองค์อย่าง สมบูรณ์แบบแล้ว ย่อมสามารถบรรลธุ รรมเช่นเดยี วกบั ที่พระองค์ตรสั รู้ ไดเ้ ชน่ กัน • วิ.มหาว.ิ (ไทย) ๔/๓๒/๔๐ การหมนุ ธรรมจกั รของพระบรมศาสดา 60 สร้างปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org
๒) การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเปน็ งานเรง่ ดว่ นทตี่ ้องแข่งขนั กบั ปัญหาความทุกขข์ องคนทังโลก ซง่ึ กำลงั รอคอยพระองค์และเหล่า พระอรหันตสาวกใหเ้ ดนิ ทางไปแนะนำสัง่ สอนวธิ ีการดับทุกข์ด้วยการ ปฏิบตั ิมรรคมีองค์ ๘ จนถึงถิ่นที่อยอู่ าด้ยของพวกเขา ๓) การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาตอ้ งกระจายกำลังออกไปทวั่ ทกุ ทศิ ทาง เพ่อื ให้คนทง้ั โลกมีโอกาสไดศ้ กึ ษาวิธกี ารดบั ทกุ ข์ด้วยการ ปฏิบตั มิ รรคมีองค์ ๘ ด้วยตนเอง อย่างทว่ั ถงึ ทุกมุมโลก โดยไม,ให้ ตกหล่นใครเลยแมแ้ ต่คนเดียว การหมนุ ธรรมจักร เนอ่ื งจากคำสอนในชว่ งต้นพุทธกาลยังมอี ยน่ ้อยมาก พระองคจ์ ึง มิได้เรยี กการส่งพระอ ว่าการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา แตท่ รงเรียกการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาวา่ “การหมุนธรรมจกั ร” เพราะการเผยแผต่ ลอด ๔๕ พรรษานั้น คือ การอธิบายขยายความธัมมจกั กปั ปวตั ตนสตู รนน่ั เอง ในช่วงเวลาท่เี พง่ิ เรม่ิ หมุนธรรมจักรน้ัน พระพทุ ธองค์เพิ่งตรัสรไู ด้ เพยี งห้าเดือนเท่านั้น คำสอนในช่วงนนั้ จึงนบั วา่ นอ้ ยมากเมอ่ื เทียบกบั คำสอนทั้งหมดในพระไตรปฎิ ก เพราะมีเพยี งธัมมจกั กปั ปวตั ตนสูตร อนต้ ตลักขณสตู รท่ีแสดงใหแ้ ก่พระปัญจวัคคยี ์ ๕ รปู และอนปุ พุ พิกถา ที่แสดงแก่พระยสกุลบตุ ร และสหายรวม ๕๕ รปู เทา่ นน้ั แตพ่ ระองค์ กท็ รงสามารถเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาได้อยา่ งรวดเรว็ เพราะทรงมีวิธึ ๙๓สรา้ งปัญญาเป็นทีม การหมนุ ธรรมจักรของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
หมนุ ธรรมจกั รดว้ ยพระปรชี าสามารถอันยอดเยียม ซงึ พอสรุปเป็น ประเดน็ การทำงานช่วงแรกบุกเบกิ ได้ดังน้ี ๑. การบริหารเวลาซวี ิต พระองคท์ รงให้ความสำคญั กับการบรหิ ารเวลาชีวิตเปน็ อยา่ งมาก โดยทรงกำหนดพทุ ธกิจเพอื่ ทรงบำเพญ็ เปน็ ประจำในแต่ละวัน ๕ ประการ ซง่ึ เรยี กว่า “พทุ ธกจิ ประจำวัน ๕ ประการ” ด้งน้ี ๑) เวลาเชา้ เสด็จบิณฑบาต ๒) เวลาเย็นทรงแสดงธรรมแกผ่ สู้ นใจใครฟ่ งั ธรรม ๓) เวลายํ่าคาํ่ ประทานโอวาทแกเ่ หลา่ ภกิ ษุ ๔) เวลาเท่ียงคนื ทรงตอบปัญหาเทวดา ๕) เวลาย่าํ รุ่งทรงส่องข่ายพระญาณตรวจดูสัตวโลก ทสี่ ามารถและท่ยี งั ไม่สามารถบรรลุธรรม อันควรจะ เสดจ็ ไปโปรดหรอื ไม่ พระองคท์ รงปฏบิ ัตกิ ิจวัตรเชน่ นี้ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา เพอื่ สอน สังท้งั มนุษยแ์ ละเทวดาให้รจู้ กั การปฏบิ ัติมรรคมอี งค์ ๘ จะไดบ้ รรลธุ รรม อันเปน็ ปัญญาเครอ่ื งดับทุกข์ดุจเดยี วกับพระองค์ ------ การหมุนธรรมจกั รของพระบรมศาสดา สร้างปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org
๒. การโปรดสรรพสตั ว์ พระองคท์ รงแบ่งการโปรดสรรพสัตว์ ออกเปน็ ๒ แบบ ดงั นี้ ๑) การโปรดสรรพสตั ว์แบบเร่งด่วน ช่วงเวลายํ่ารุง่ ของทกุ วนั ในขณะที่พระองคต์ รวจดูสตั วโลกด้วย ขา่ ยพระญาณ หากพบบคุ คลท่สี ามารถบรรลธุ รรมปรากฏขึ้นในญาณ ทัศนะ กจ็ ะเสด็จไปหาบคุ คลนนั้ แบบเรง่ ด่วนทนั ที เมอ่ื ได้พบหนา้ กันแลว้ ก็จะทรงเปน็ ฝายทกั ทายขึน้ ก่อนเพอ่ื ชวนสนทนา เมือ่ เขาบงั เกิดจติ เลือ่ มใสในพระองค์แล้ว ก็ทรงแสดงธรรมในเร่ืองที่เขาสงสัยให้ฟัง เมื่อความชาบชึง้ ในธรรมขจดั ความสงสัยสินไปใจของเขาก็หยดุ นง่ิ ดิง่ เปน็ สมั มาสมาธิ พอพระธรรมเทศนาจบลงก็บรรลธุ รรม พรอ้ มท้งั ประกาศ ตนเปน็ สาวกตลอดชีวิต ๒) การโปรดสรรพสัตว์แบบปกติ ถ้าหากวนั ใดไมม่ บี คุ คลท่จี ะสามารถบรรลธุ รรมปรากฏเข้ามาใน ข่ายพระญาณ พระองค์กจ็ ะทรงดำเนนิ กจิ วตั รประจำวนั ไปตามปกติ เพ่อื สง่ั สอนอบรมบ่มอินทรียแ์ ก่เหล่าสาวกใหแ้ กก่ ล้าขน้ึ ก่อน เมือ่ มีคิษย์ คนใดอบรมบ่มอินทรยี ์จนแกก่ ลา้ แล้ว ก็จะทรงแสดงธรรมแบบเฉพาะ เจาะจงแกบ่ คุ คลนน้ั เพอื่ ประโยชนแ์ กก่ ารบรรลุธรรมของเขาโดยตรง สร้างปัญญาเปน็ ทีม การหมนุ ธรรมจักรของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
ถ. การเลือกหัวข้อธรรมทเ่ี หมาะสม ในการแสดงธรรมทุกครั้ง พระองค์จะทรงเลอื กหัวขอ้ ธรรมท่ีเหมาะสม กบั บคุ คล ปัญหา สถานการณ์ นอกจากนี้ ในการแสดงธรรม ไมว่ า่ จะ เป็นแบบเรง่ ด่วนหรือแบบปกติ พระองค์จะทรงปรารภเหตุในการแสดง ธรรมอยู่ ๔ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ๑) ทรงปรารภขน้ึ จากความประสงคข์ องพระองค์เองโดยไมม่ ี ใครกราบทูล ยกตวั อย่างเช่น ในคราวท่ีพระองคท์ รงต้องการจะให้โอวาทแก' สามเณรราหุลท่ีมอี ายเุ พยี ง ๗ ขวบ ก็เสดจ็ ไปถงึ ท่ีพกั สามเณร แล้วตรสั แสดงราหโุ ลวาทสตู ร0 เพ่อื ปลกู ฝงั ใหส้ ามเณรรูว้ า่ สจั จะคอื คุณธรรมอันเปน็ เสาหลักค้าํ จนุ ชีวิตคน คนท่ยี ังพดู โกหกไรส้ จั จะได้ คอื คนท่ยี ้งทำความชั่วได้ทุกอย่าง หากตอ้ งการบรรลุอริยสจั ๔ ก็ต้องฟกิ การมีสจั จะตอ่ ความดใี หเ้ ปน็ นิสยั ประจำตวั สามเณรราหลุ ได้รบั ฟงั โอวาทแลว้ ก็ต้งั ใจฟกิ ความเป็นผมู้ ีสจั จะ ต้ังแต่ ๗ ขวบ เพ่ือบ่มอนิ ทรยี ์ใหแ้ กก่ ล้า เม่ืออายุครบ ๒๐ ปี ไดบ้ วช เปน็ พระภกิ ษุแล้ว บำเพ็ญเพียรไมน่ านก็บรรลธุ รรมเปน็ พระอรหันต์ โดยอาศยั ความมีสจั จะทไี่ ด้รบั การปลูกฝังไว้เปน็ พืน้ ฐานตัง้ แตเ่ ด็กเปน็ คณุ ธรรมหลักในการบรรลุอรหัตผล ม.ม.ราหโุ ลวาทสตู ร (ไทย) ๑๓/๑๐๗-๑๑๒/๑๑๗-๑๒๔ การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา สร้างปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org
๒) ทรงปรารภจากอธั ยาดย้ ของบุคคลผู้ควรตรัสรู้ธรรม ยกตวั อยา่ งเชน่ ในคราวทีพ่ ระองค์เสดจ็ ไปโปรดโจรองคุลมี าล ๑ ซึ่งเวลาน้ันฆ่าคนโดยตัดนิ้วไปแล้ว ๙๙๙ คน กำลังตามล่าหานว้ิ สดุ ทา้ ย เพ่ือให้ครบหน่งึ พนั พระองคท์ รงเห็นในข่ายพระญาณว่าเปน็ โจรทม่ี ีบุญ มากพอจะได้เป็นพระอรหนั ตใ์ นอนาคต แตถ่ ้าไมเ่ สด็จไปหา้ มการฆา่ ไว้ก่อน ก็จะทำอนนั ตรยิ กรรมฆา่ ตดั นว้ิ แม่บังเกดิ เกลา้ แล้วบาปกรรม จากการทำมาตฆุ าตกจ็ ะตดั หนทางแห่งมรรคผลนพิ พาน พระองค์จึงเสด็จไปดกั หน้า เพือ่ ลอ่ ใหโ้ จรองคลุ มี าลวิ่งตามฆา่ พระองค์ แต่โจรองคุลีมาลยงิ่ เรง่ ผีเท้าเทา่ ไรกย็ ังตามไม่ท้น จงึ ตะโกนรอ้ ง เรียกให้พระองคห์ ยดุ เมื่อพระองค์ทรงเห็นวา่ ทรมานโจรองคุลมี าลจนสิน้ ฤทธื้แล้ว ก็ตรัสเตือนสติให้ได้คิดว่า “สมณะหยดุ แลว้ แตท่ า่ นยงั ไม่หยุด สองมือของท่านยงั เปีอนเสอื ดอย”ู่ โจรองคุลมี าลฟงั แล้วได้คดิ ก็เลย ตัดสนิ ใจทิ้งดาบออกบวช รอดจากการทำมาตุฆาต รอดจากการทำ อนนั ตรยิ กรรมไดอ้ ย่างหวุดหวดิ ในขณะทพ่ี ระองคุลมี าลบวชกต็ ้งั ใจฝกึ ฝนอบรมตวั เอง อยา่ งเคร่งครดั แมจ้ ะประสบความลำบากในการบณิ ฑบาตอยมู่ าก เพราะถกู ชาวบา้ นระดมขวา้ งปาก้อนหนิ เขา้ ใสอ่ ยา่ งไมย่ ั้งมือดว้ ยความโกรธแค้น จนกลายเป็นบณิ ฑบาตอาบเลอื ดกลบั มาวัดทุกวันท่านก็อดทนไมย่ อ่ ท้อ ในท่สี ดุ ด้วยผลแห่งความเพยี รอยา่ งเอาชีวติ เป็นเดมิ พนั ท่านกบ็ รรลธุ รรม เป็นพระอรหันต์ ม.ม.องั คลุ มิ าลสตู ร (ไทย) ๑๓/๓๔๗-๓๕๒/๔๒๑-๔๓๓ ๔๕สร้างปญั ญาเปน็ ทิม การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
ถ) ทรงปรารภจากปญั หาทีม่ ผี ้กู ราบทลู ถาม ยกตัวอย่างเช่น พวกเทวดาตัง้ แต่สวรรคช์ ั้นล่างไดย้ นิ พวกมนุษย์ ถกเถยี งกนั ว่าอะไรคอื มงคลชีวติ จงึ พากันถกเถยี งเร่ืองมงคลกนั จนไป ถึงพรหมโลก แตก่ ย็ ังหาข้อสรปุ กันไมไ่ ด้ ในที่สุดกย็ กขบวนจากสวรรค์ ลงมายงั เมอื งมนษุ ย์ เพ่อื กราบทลู ถามปญั หานก้ี ับพระสมั มาสม้ พุทธเจ้า พระองคท์ รงทราบปัญหาน้ันแล้ว กต็ รัสแสดงมงคลสตู ร๑ ๓๘ ประการ ให้เทวดาฟงั โดยเร่มิ ตน้ จากมงคลท่ี ๑ ไม่คบคนพาล มงคลท่ี ๒ คบบัณฑติ มงคลท่ี ๓ บชู าบุคคลทคี่ วรบูชา ฯลฯ จนกระทัง่ ถึงมงคลที่ ๓๘ จิตเกษม เมอ่ื พระองค์แสดงธรรมจบลง เหล่าเทวดา ทุกช้ันฟา้ กเ็ ปลง่ สาธกุ ารตังสะเทอื นเล่อื นลั่นพรอ้ มทง้ั บรรลธุ รรมตามมา เป็นอนั มาก ๔) ทรงปรารภจากเหตกุ ารณ์สำคัญทเ่ี กดิ ขึน้ ในแตล่ ะวัน ยกตวั อย่างเชน่ มีนักบวชนอกศาสนาคนหน่ึงได้พดู จาจาบจ้วงว่า การตรสั รู้ธรรมของพระสม้ มาส้มพุทธเจ้า ไม่ใชก่ ารตรัสรูด้ ้วยญาณทศั นะ อันบริสทุ ธ้ปื ราศจากกเิ ลส แต่เกดิ จากการตรกึ ตรอง-นกึ คิด-ตศี วาม ดนเดา แลว้ อ้างตนว่าตรสั รู้เปน็ พระอรหันต์ พระสารีบุตร ผู้ดำรงตำแหน่งพระอคั รสาวกเบื้องขวา ผมู้ ปี ญั ญามาก ทา่ นได้ยินคำจาบจว้ งนี้ จงึ กลับมากราบทลู รายงานให้ทรงทราบ พระองค์ จึงทรงปรารภเหตนุ ้ี ตรสั แสดงมหาสีหนาทสูตร๒ ‘ ขุ.ขุ.มงคลสตู ร (ไทย) ๒๕/®-®๓/๖-๘ ” ม.มู.มหาสหนาทสตู ร (ไทย) ๑๒/๑๔๖-๑๖๑/๑๔๑-®๖๕ การหมนุ ธรรมจักรของพระบรมศาสดา สรา้ งปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269