ก คำนำ เอกสารคำสอนน้ีใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา 0563305 การวัดและประเมินผล รายวิชาภาษาไทย (Measurement and Evaluation of Thai Language) การวัดและประเมินผล มีความสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก ในฐานะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนา คุณภาพการศึกษา ทำให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่จำเป็นในการพิจารณาว่าผู้เรียนเกิดคุณภาพการเรียนรู้ ตามผลการเรียนรูท้ คี่ าดหวังและมาตรฐานการเรยี นรู้หรอื ไม่ ซง่ึ ในการจัดการเรียนการสอนหนงึ่ ๆ ควรมี การตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียน ผู้สอน และกระบวนการสอนเป็นระยะ ๆ (Formative Evaluation) เพื่อพิจารณาตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีคุณสมบัติหรือเกิดพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ตรงตามวัตถุประสงค์ท่ี กำหนดไว้หรือไม่ กระบวนการวัดและประเมินผลนี้จะพยายามทำให้ได้ข้อมูลจากการจัดการเรียน การสอน เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์และตัดสินใจว่าการสอนดังกล่าวน้ันบรรลุผลหรือไม่ (Summative Evaluation) นำผลที่ได้ประกอบการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ในการจัดลำดับ เล่ือนช้ันเรียน และพัฒนา ปรับปรุงการเรียนการสอนต่อไป การเรียนการสอนหากไม่มีการวัดและประเมินผลแล้ว ผู้สอนก็ไม่อาจ ทราบว่าผู้เรียนมคี วามรู้ ทกั ษะและเจตคตเิ พมิ่ ข้ึนหรือไม่ มากน้อยเพียงใด การออกแบบการวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทยเล่มนี้ ผู้เขียนได้เรียบเรียงขึ้นโดยใช้ความรู้ ประสบการณ์สอน การเป็นวิทยากร รวมถึงการรวบรวมองค์ความรตู้ า่ ง ๆ มาจัดทำเปน็ ตำราเล่มนขี้ ้ึนมา เพื่อให้นิสิตนักศึกษาวิชาชีพครู ครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผู้สนใจทั่วไปได้ศึกษาและนำไป ประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นร้ตู ่อไป ผู้เขียนขอขอบคุณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในการให้โอกาสและ สนับสนุนส่งเสริมในการพัฒนาตนเองด้านวิชาการ คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีจากตำราเล่มน้ีผู้เขียน ขอมอบเป็นเคร่ืองบูชาพระคุณของบิดา มารดาที่อบรมเล้ียงดูลูกมาอย่างเต็มความสามารถ ตลอดจน บูรพาจารย์ทุกท่านที่ได้ให้การศึกษา อบรม ส่ังสอนให้เกิดสติปัญญาและคุณธรรมทั้งหลาย อันเป็น เครอื่ งช้ีทางสอ่ งสวา่ งไปสู่ความสำเรจ็ ในชีวติ ของผู้เขียนต่อไป ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.อัฐพล อินตะ๊ เสนา ภาควิชาหลกั สูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ค สารบญั ชอ่ื เร่ือง หน้า คำนำ ................................................................................................................ ก สารบญั ................................................................................................................ ค สารบัญตาราง ................................................................................................................ ซ สารบญั ภาพ ................................................................................................................. ญ รายละเอยี ดรายวชิ า............................................................................................................ ฎ บทที่ 1 ความรพู้ ื้นฐานเก่ียวกบั การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้.......................... 1 คำศัพทพ์ ื้นฐานเก่ียวกบั การวดั และประเมินผล..................................... 3 องคป์ ระกอบของการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้............................... 6 ประเภทของการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้...................................... 8 ธรรมชาติของการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร.ู้ ................................... 10 หลักการวดั และประเมินผลการเรียนร.ู้ .................................................. 11 ประโยชน์ของการวัดและประเมนิ ผลการเรียนร.ู้ ................................... 11 สรุป....................................................................................................... 12 คำถามทา้ ยบทที่ 1 ............................................................................... 13 เอกสารอา้ งองิ ........................................................................................ 14 บทท่ี 2 การประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย........................... 15 การประเมนิ ผลการเรียนรูก้ ลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย...................... 17 ความสมั พนั ธข์ องการวดั และประเมินผลวิชาภาษาไทย......................... 18 ลกั ษณะการประเมินผลการเรยี นภาษาไทย........................................... 21 องค์ประกอบท่เี กี่ยวข้องกบั การประเมินผลวชิ าภาษาไทย..................... 22 การวดั และการประเมนิ ผลกบั กระบวนการสอนภาษาไทย.................... 23 การกำหนดการวัดและประเมินผลวชิ าภาษาไทยตามพฤตกิ รรม การเรียนร.ู้ ...................................................................................... 24 สรปุ ....................................................................................................... 26 คำถามทา้ ยบทท่ี 2................................................................................. 27 เอกสารอา้ งอิง........................................................................................ 28 บทท่ี 3 การวิเคราะห์พฤติกรรมเพ่ือวัดและประเมนิ ผลการเรียนวชิ าภาษาไทย...... 29 ความสำคญั ของภาษาไทย..................................................................... 31 ลักษณะวิชาภาษาไทย........................................................................... 32 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย
ง ชอ่ื เรอื่ ง หนา้ การวิเคราะห์พฤตกิ รรมเพื่อวดั และประเมนิ ผลการเรียนวิชาภาษาไทย. 34 จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม...................................................................... 36 การนำจุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมไปใช้ในการวดั และประเมินผล............ 37 วธิ กี ารวิเคราะหพ์ ฤตกิ รรม..................................................................... 39 สรปุ ....................................................................................................... 41 คำถามทา้ ยบทท่ี 3 ............................................................................... 41 เอกสารอ้างองิ ........................................................................................ 42 บทท่ี 4 เครอ่ื งมอื ในการวัดผลการเรยี นร้ภู าษาไทย................................................ 43 แบบทดสอบ (Test)............................................................................... 45 แบบวดั บุคลกิ ภาพ (Personality Test)................................................ 47 แบบวัดเจตคติ (Attitude)..................................................................... 49 แบบสำรวจรายการ (Checklist)........................................................... 51 แบบประเมินแบบมาตราส่วนประเมินคา่ (Rating Scale)..................... 52 แบบสอบถาม (Questionnaire)........................................................... 55 แบบสมั ภาษณ์ (Interview)................................................................... 58 แบบสงั เกต (Observation).................................................................. 60 แฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio)............................................................... 63 สรปุ ....................................................................................................... 69 คำถามท้ายบทท่ี 4................................................................................. 70 เอกสารอ้างอิง........................................................................................ 71 บทที่ 5 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น.................................................... 73 ขอ้ สอบแบบอตั นยั หรือความเรียง (Subjective or Essay Test)......... 75 ขอ้ สอบแบบกาถูก – ผิด (True – False Test).................................... 76 ข้อสอบแบบเตมิ คำ (Completion Test)............................................. 78 ข้อสอบแบบตอบส้นั ๆ (Shot Answer Test)...................................... 79 ขอ้ สอบแบบจบั คู่ (Matching Test) .................................................... 80 ขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ (Multiple Choice Test)................................. 82 สรปุ ....................................................................................................... 91 คำถามท้ายบทที่ 5 ............................................................................... 91 เอกสารอา้ งอิง........................................................................................ 92 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
จ ชื่อเร่ือง หน้า บทที่ 6 การวดั พฤติกรรมด้านพุทธพิ ิสยั ................................................................ 93 การกำหนดเครื่องมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรดู้ ้านพุทธิพสิ ัย.................. 95 เคร่อื งมือวดั พฤตกิ รรมการเรียนรู้ดา้ นพทุ ธิพิสัย.................................... 97 การกำหนดเครอ่ื งมือวัดพฤตกิ รรมด้านพุทธพิ ิสยั กับทกั ษะการฟงั การพดู การอา่ นและการเขียน ..................................................... 98 การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดพฤตกิ รรมการเรียนรูด้ า้ นพทุ ธพิ ิสัย...................... 100 สรุป....................................................................................................... 142 คำถามท้ายบทที่ 6................................................................................. 143 เอกสารอ้างองิ ........................................................................................ 144 บทท่ี 7 การวัดพฤติกรรมด้านจิตพสิ ยั ................................................................... 145 การกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนร้ดู ้านจติ พิสัย..................... 147 พฤตกิ รรมดา้ นจติ พิสัยของวชิ าภาษาไทยท่ตี ้องการวัด.......................... 147 เครอื่ งมอื วัดพฤตกิ รรมการเรียนร้ดู ้านจติ พิสยั ในวิชาภาษาไทย............. 148 การกำหนดเครือ่ งมอื วัดพฤติกรรมดา้ นจติ พสิ ัยกบั ทักษะการฟงั พดู อา่ น เขียน....................................................................................... 148 การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรูด้ า้ นจติ พิสัย......................... 149 สรปุ ....................................................................................................... 156 คำถามท้ายบทท่ี 7................................................................................. 157 เอกสารอา้ งองิ ........................................................................................ 158 บทที่ 8 การวดั พฤติกรรมดา้ นทักษะพสิ ัย.............................................................. 159 พฤติกรรมด้านทักษะพสิ ัยกลมุ่ วิชาภาษาไทยที่ต้องการวัด.................... 161 เคร่อื งมอื วดั พฤติกรรมการเรียนรดู้ า้ นทักษะพสิ ัย.................................. 162 การกำหนดเครื่องมอื วดั พฤติกรรมด้านทักษะพิสัยกบั พฤตกิ รรมการฟัง การพดู การอา่ น และการเขยี น...................................................... 163 การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดพฤตกิ รรมการเรยี นรูด้ ้านทักษะพิสยั ................... 164 สรุป....................................................................................................... 172 คำถามท้ายบทที่ 8................................................................................. 173 เอกสารอ้างอิง........................................................................................ 174 บทท่ี 9 การหาคุณภาพเครอ่ื งมือ........................................................................... 175 ลักษณะของแบบทดสอบทีด่ ี.................................................................. 177 ความตรง (Validity) ............................................................................. 179 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ฉ ช่อื เร่อื ง หน้า ความยาก (Difficulty)........................................................................... 181 อำนาจจำแนก (Discriminating power).............................................. 182 ความเท่ียง (Reliability)........................................................................ 184 สรุป................................................................................... .................... 188 คำถามทา้ ยบทท่ี 9................................................................................. 189 เอกสารอา้ งองิ ........................................................................................ 190 บทท่ี 10 สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวดั ผลการศึกษา................................................................ 191 ร้อยละ (Percentage) ......................................................................... 193 การแจกแจงความถี่ (Frequency Distribution).................................. 194 การวดั แนวโนม้ เข้าสูส่ ว่ นกลาง (Measures of Central Tendency).. 196 การวดั การกระจาย (Measures of Variability)................................... 203 การวดั ความสัมพันธ์ (Measures of Relationship)............................ 205 สรปุ ....................................................................................................... 211 คำถามท้ายบทท่ี 10.............................................................................. 211 เอกสารอ้างองิ ........................................................................................ 212 บทท่ี 11 คะแนนและการตดั สนิ ผลการเรียน............................................................ 213 การวัดผลการเรียนการสอน................................................................... 215 องคป์ ระกอบท่ีใชใ้ นการตัดเกรด .......................................................... 218 ระดบั คะแนนหรือเกรด.......................................................................... 218 สรุป....................................................................................................... 223 คำถามทา้ ยบทท่ี 11.............................................................................. 223 เอกสารอา้ งอิง........................................................................................ 224 บทที่ 12 การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551............................................ 225 จุดมงุ่ หมายของการวดั และประเมนิ ผลการเรียนร.ู้ ................................ 227 การกำกับดแู ลคณุ ภาพการศกึ ษา.......................................................... 228 การจัดทำระเบยี บวา่ ดว้ ยการวัดและประเมนิ ผลการเรียนของ สถานศกึ ษา..................................................................................... 229 การจัดการระบบงานวัดและประเมินผลการเรยี น................................. 230 การสนับสนุนด้านการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรจู้ ากสำนกั งานเขต พืน้ ที่การศึกษาหรอื หน่วยงานต้นสงั กดั ........................................... 235 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ช ชอื่ เร่ือง หน้า สรปุ ....................................................................................................... 236 คำถามทา้ ยบทที่ 12.............................................................................. 237 เอกสารอา้ งองิ ........................................................................................ 238 บรรณานุกรม....................................................................................................................... 239 ภาคผนวก........................................................................................................................... 245 กรณีศึกษาการออกแบบการวัดและการประเมนิ ผลวชิ าภาษาไทย................. 246 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ซ สารบญั ตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 1.1 ตัวอยา่ งองค์ประกอบของการวดั ผล................................................................ 7 ตารางที่ 1.2 องค์ประกอบของการประเมนิ ผล.................................................................... 7 ตารางท่ี 4.1 แบบวดั เจตคตติ ่อวชิ าภาษาไทย สร้างตามแนวของลิเคอร์ท........................... 50 ตารางท่ี 4.2 แบบสำรวจรายการมารยาทในการฟัง............................................................. 52 ตารางท่ี 4.3 มาตราส่วนประเมนิ คา่ โดยใชต้ วั เลข................................................................ 53 ตารางที่ 4.4 มาตราสว่ นประเมนิ คา่ โดยใช้ขอ้ บงั คับ............................................................ 53 ตารางที่ 4.5 แบบประเมินการเขยี นเรยี งความ.................................................................... 54 ตารางที่ 4.6 แบบประเมินการเขยี นเรยี งความ.................................................................... 54 ตารางที่ 4.7 แบบประเมนิ การย่อความ............................................................................... 62 ตารางที่ 4.8 การประเมนิ การเขยี นเรียงความ..................................................................... 68 ตารางท่ี 6.1 แสดงพฤติกรรมท่ีต้องการวัด ขอบเขตเนอื้ หา พฤติกรรมท่ีบอก 98 ตารางที่ 7.1 การกระทำและเครื่องมือทใ่ี ช้วดั ............................................................... แสดงแบบของพฤติกรรมดา้ นเจตพสิ ยั กบั พฤติกรรมที่บ่งบอก และ 149 ตารางที่ 7.2 150 ตารางที่ 7.3 วธิ กี ารวัด.................................................................................................. 151 ตารางที่ 7.4 แบบสำรวจความสนใจในการฟงั ..................................................................... 154 ตารางที่ 7.5 แบบสำรวจความสนใจในการอา่ น................................................................... แบบสอบถามวดั เจตคติของนักเรยี นท่ีมีต่อ “ภาษาไทย”................................ 156 ตารางที่ 8.1 แบบสอบถามวัดความสนใจหรือความซาบซึ้งในการอา่ นวรรณคดี 165 ตารางที่ 8.2 (หรือวรรณกรรม)...................................................................................... 166 ตารางท่ี 8.3 แบบสำรวจการปฏิบตั ติ นในการฟังในดา้ นความมีมารยาทและ 166 ตารางท่ี 8.4 167 ตารางที่ 8.5 การตดิ ตามฟงั ส่งิ ท่เี ป็นประโยชน์.............................................................. แบบประเมินผลการพูดโดยใช้การจัดอนั ดับคณุ ภาพ....................................... 168 ตารางท่ี 8.6 แบบสำรวจความสามารถในการพูดจาส่ือสารกบั ผ้อู ่ืน.................................... 168 ตารางท่ี 8.7 แบบประเมินผลการอ่านออกเสยี งธรรมดาโดยใชก้ ารจัดอนั ดบั คุณภาพ 169 ตารางท่ี 8.8 แบบประเมนิ ผลการอ่านบทพรรณนาทีใ่ หภ้ าพพจนห์ รือแสดงความรู้สึก 170 ตารางที่ 8.9 โดยการจดั อันดบั คุณภาพ......................................................................... 170 แบบสำรวจความสามารถในการอ่านออกเสยี งทำนองเสนาะ.......................... แบบสำรวจการปฏิบตั ิตนในการอ่าน............................................................... แบบประเมนิ ผลการเขยี นเรยี งความโดยใช้การจัดอนั ดบั คุณภาพ................... แบบสำรวจการปฏิบัติตนในการเขียนในดา้ นความมมี ารยาทในการ เขียนหรอื การใช้ภาษาเขียน...................................................................... 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ฌ ตารางที่ หน้า ตารางที่ 8.10 แบบประเมินผลการเขียนวจิ ารณ์วรรณคดี (หรอื วรรณกรรม) โดยใช้ 171 การจัดอันดับคุณภาพ............................................................................... 182 183 ตารางที่ 9.1 ความหมายของร้อยละหรือสัดสว่ นท่คี ำนวณได้กบั คุณภาพขอ้ สอบ................ 193 ตารางที่ 9.2 เกณฑ์การพิจารณาค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ.................................... 195 ตารางท่ี 10.1 จำนวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามตัวแปรในการวจิ ยั .... 196 ตารางที่ 10.2 ตัวอยา่ งตารางแจกแจงความถ่ี........................................................................ 198 ตารางท่ี 10.3 ตารางแจกแจงความถ่โี ดยจดั เป็นช่วงคะแนน................................................. 200 ตารางที่ 10.4 ตวั อย่างตารางแจกแจงความถ่ีโดยการคำนวณค่าเฉลี่ย................................... 201 ตารางที่ 10.5 ตวั อยา่ งตารางแจกแจงความถ่ีแต่ไม่จัดช้ันเพื่อคำนวณหาค่าหามัธยฐาน........ ตารางท่ี 10.6 ตัวอย่างตารางแจกแจงความถ่ีแบบจัดชั้น เพื่อคำนวณหาค่าหามธั ยฐาน........ 207 ตารางที่ 10.7 ตัวอย่างคา่ สมั ประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคะแนนวชิ าการวิจยั ทาง 209 ภาษาไทย และวชิ าการออกแบบและวดั ผลภาษาไทย.............................. 210 ตารางที่ 10.8 ค่าสัมประสิทธส์ิ หสัมพนั ธ์ระหวา่ งคะแนนวชิ าการวจิ ัยการศึกษาเบื้องต้น 217 222 กับวิชาการวัดผลการศึกษาของนสิ ิต......................................................... 232 ตารางที่ 10.9 คา่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลการตัดสินการวง่ิ แข่งขันของกรรมการ 2 ท่าน….. ตารางที่ 11.1 ข้อแตกตา่ งระหว่างการวดั ผลและประเมนิ ผลแบบอิงเกณฑ์และแบบองิ กลุ่ม. ตารางที่ 11.2 การใหเ้ กรดเป็นสัญลกั ษณ์ จำแนกตามจำนวนเกรด....................................... ตารางที่ 12.1 แสดงภารกจิ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของบุคลากรฝ่ายต่าง ๆ........... 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ญ สารบัญภาพ ภาพที่ หนา้ ภาพประกอบที่ 2.1 องคป์ ระกอบท่ีเกีย่ วข้องกับการประเมินผลวชิ าภาษาไทย………………… 22 ภาพประกอบที่ 9.1 กราฟแสดงเกณฑใ์ นการเลือกขอ้ คำถามโดยใช้ความยากและ 184 อำนาจจำแนกเปน็ เกณฑ์................................................................. 205 ภาพประกอบที่ 10.1 แสดงความสัมพันธ์ในทางกลับกนั ......................................................... 205 ภาพประกอบท่ี 10.2 แสดงความสมั พนั ธใ์ นทางเดยี วกนั ......................................................... 206 ภาพประกอบที่ 10.3 แสดงไม่มคี วามสมั พนั ธก์ ัน..................................................................... 206 ภาพประกอบที่ 10.4 ประสิทธภิ าพในการพยากรณ์................................................................ 231 ภาพประกอบที่ 12.1 แสดงการบรหิ ารการวดั และประเมินผลการเรียนรูข้ องสถานศกึ ษา....... 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ฎ รายละเอียดรายวชิ า ชือ่ สถาบนั อุดมศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วทิ ยาเขต/คณะ/ภาควชิ า คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม หมวด 1 ข้อมูลท่ัวไป 1. รหัสและชื่อวชิ า : 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย Measurement and Evaluation of Thai Language) 2. จำนวนหนว่ ยกิต : 3 หน่วยกิต (2 – 2 – 5) 3. หลกั สูตรและประเภทของรายวิชา : เป็นรายวชิ า บงั คบั ในหมวดวชิ า วชิ าเอก กลมุ่ - ในหลักสตู ร การศึกษาบัณฑติ สาขาวิชา ภาษาไทย 4. อาจารย์ผู้รบั ผดิ ชอบรายวิชาและอาจารย์ผู้สอน : ชื่ออาจารย์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อัฐพล อนิ ต๊ะเสนา สถานทต่ี ิดต่ออาจารย์ : หอ้ ง ภาควชิ าหลกั สตู รและการสอน โทร 09-1209-9947 E-mail. [email protected] 5. ภาคการศกึ ษา/ชนั้ ปที ีเ่ รยี น : ภาคการศกึ ษา 2/2564 ชนั้ ปที ี่ 3 และช้นั ปที ่ี 4 6. รายวชิ าท่ีต้องเรียนมาก่อน : ไม่มี 7. รายวิชาที่ตอ้ งเรยี นควบคู่กัน : ไมม่ ี 8. สถานทเ่ี รียน : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 9. วนั ทีจ่ ดั ทำหรอื ปรบั ปรงุ รายละเอียดของรายวิชาครง้ั ล่าสดุ : - 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ฏ หมวดที่ 2 จดุ มงุ่ หมายและวัตถุประสงค์ 1. จุดมุ่งหมายของรายวิชา : เมื่อนิสิตเรียนรายวิชานี้แล้ว นิสิตจะเกิดการเรียนรู้/ความสามารถ/ สมรรถนะท่ตี ้องการในด้านต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1.1 ผู้เรียนมีความรู้และสามารถอธิบายแนวทางการสร้างเครื่องมือในการวัดผลด้าน ภาษาไทย ได้อย่างถกู ตอ้ ง 1.2 ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ วิจารณญาณและยุทธศาสตร์การคิดและ สามารถสร้างแบบทดสอบชนิดตา่ ง ๆ โดยใชข้ อ้ มูลเชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพได้อย่างถูกต้อง 1.3. ผ้เู รียนสามารถสร้างแบบการประเมนิ ผลทางการสอนภาษาไทยโดยใชข้ ้อมลู เชงิ ปริมาณ และเชิงคณุ ภาพได้อย่างถกู ตอ้ ง 2. วัตถุประสงค์ในการพัฒนา/ ปรับปรุงรายวิชา : เพื่อให้สอดคล้องกับสาระวิชาในกรอบหลกั สูตร มาตรฐานด้านครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและคุรุสภา และเพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิอุดมศึกษาแหง่ ชาติ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ฐ หมวด 3 ลกั ษณะและการดำเนนิ การ 1. คำอธิบายรายวิชา แนวทางการสร้างเครื่องมือในการวัดผลด้านภาษาไทย ความรู้ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ วิจารณญาณและยุทธศาสตร์การคิด สร้างแบบทดสอบชนิดต่าง ๆ การประเมินผลโดยใช้ข้อมูลเชิง ปรมิ าณและเชิงคณุ ภาพ Guidelines for constructing tools to assess Thai language, knowledge and comprehension, skills, attitudes, judgment and thinking strategies; construction of different types of tests, evaluation based on both qualitative and quantitative data 2. จำนวนชวั่ โมงทีใ่ ชต้ ่อภาคการศึกษา : จำนวนชั่วโมงบรรยายตอ่ สัปดาห์ 30 ชัว่ โมง/ภาคการศึกษา จำนวนช่วั โมงฝึกปฏิบัตกิ ารตอ่ สัปดาห์ 30 ชั่วโมง จำนวนช่วั โมงการศึกษาดว้ ยตนเอง 75 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำนวนชวั่ โมงทส่ี อนเสรมิ ในรายวิชา - ช่ัวโมง 3. จำนวนชั่วโมงต่อสัปดาห์ที่อาจารย์ให้คำปรึกษาและแนะนำทางวชิ าการแกน่ สิ ติ เป็นรายบคุ คล - อาจารย์ประจำรายวิชา ประกาศเวลาใหค้ ำปรึกษาผา่ นเว็บไซต์มหาวิทยาลยั - อาจารยจ์ ดั เวลาใหค้ ำปรึกษาเปน็ รายบคุ คล หรือรายกลุ่มตามความต้องการ 2 ชัว่ โมง/ สปั ดาห์ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย
ฑ หมวด 4 การพัฒนาผลการเรยี นรู้ของนิสติ 1. คณุ ธรรม จรยิ ธรรม 1.1 คณุ ธรรม จรยิ ธรรมทตี่ ้องพัฒนา 1. มีจิตอาสา จิตสาธารณะ อดทนอดกลั้น มีความเสียสละ รับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่องาน ที่ได้รับมอบหมายทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ และสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ประพฤติตน เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ และเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน มี ทัศนคติทด่ี ตี อ่ การทำงานและมีความรับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี 1.2 วธิ กี ารสอน 1. การสอนสอดแทรกจิตวิญญาณความเป็นครู จรรยาบรรณวิชาชีพครู สร้างความรัก ความศรทั ธาและภมู ิใจในวชิ าชพี ครู ฝกึ การวิเคราะหแ์ บบวภิ าษวธิ ี (Dialectics) ในประเด็นวกิ ฤตด้าน คุณธรรมจรยิ ธรรมของสงั คมและวชิ าการ รวมทง้ั ประเด็นวกิ ฤตของจรรยาบรรณวิชาชีพครู 2. การเรียนรู้โดยการปฏิสัมพันธ์เชิงปฏิบัติการ ( Interaction Action Learning) ผ่านกระบวนการเรียนการสอนหลากหลายรูปแบบ เช่น การเรียนรู้ผ่านกระบวนการอภิปราย (Discussion) การเรียนรู้จากต้นแบบ (Role Model) ได้แก่ ผู้สอน ครูหรือบุคลากรทางการศึกษา บุคคลสำคัญในวงการการศึกษาไทยและตา่ งประเทศ การใช้กรณีศึกษา (Case Study) ในการเรียนรู้ ภาษาไทย และการแก้ปัญหาด้วยวิธีการติดตาม วิเคราะห์ นำเสนอรายงานประเด็นสำคัญที่ได้จาก การศกึ ษา เป็นต้น 3. การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงโดยการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมความเป็นครูตลอด หลกั สูตร ท้ังกจิ กรรมบงั คับ กิจกรรมเลือก และกิจกรรมเฉพาะสาขา 4. การเรียนรู้โดยบูรณาการภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ัติจากฝึกปฏิบตั ิระหว่างเรียนและการ ปฏิบัติงานจริงในสถานศึกษา (Work-Integrated Learning: WIL) โดยการฝึกปฏิบัติการวิชาชีพ ระหว่างเรียน และการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาเต็มเวลาบรรยายเนื้อหาในแต่ละบทพร้อมทั้ง สอดแทรกประเดน็ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใชค้ ุณธรรมจรยิ ธรรมท่เี ก่ียวข้อง 1.3 วิธีการประเมนิ ผล 1. วัดและประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) จากการสังเกตพฤติกรรม ด้านคุณธรรม จริยธรรม การแสดงออกซึ่งความรัก ศรัทธาและภูมิใจในวิชาชีพครูในระหว่างปฏิบัติ กิจกรรมทง้ั ในชนั้ เรยี นและนอกช้นั เรยี น 2. วัดและประเมนิ ผลจากผลงานกรณศี กึ ษาและจากการวเิ คราะหแ์ บบวิภาษวธิ ี 3. วัดและประเมนิ จรรยาบรรณวชิ าชีพ จากการปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศึกษา โดยอาจารย์ นเิ ทศ ครูพเ่ี ลี้ยง และผู้ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 4. วดั และประเมินผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเสรมิ ความเป็นครู เป็นรายปตี ลอดหลักสตู ร 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ฒ 2. ความรู้ 2.1 ความร้ทู ไี่ ด้รับ 1. มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหาสาระด้านวิชาชีพของครู ทักษะการ นิเทศและการสอนงาน ทักษะเทคโนโลยีและดิจิทัล ทักษะการทำงานวิจัยและวดั ประเมิน ทักษะการ ร่วมมือสร้างสรรค์และทักษะศตวรรษที่ 21 มีความรู้ ความเข้าใจในการบูรณาการความรู้กับ การ ปฏิบัติจริง และการบรู ณาการข้ามศาสตร์ และมีความรู้ในการประยุกต์ใช้ 2. มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนื้อหา โครงสร้างภาษาไทย ทักษะทางภาษา วรรณคดีและวรรณกรรมไทย สามารถวิเคราะห์ความรู้และเน้ือหาวิชาภาษาไทยไดอ้ ย่างลึกซ้ึง ตดิ ตาม ความก้าวหน้าด้านวิทยาการและนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้เรียน โดยมีผลลัพธ์การเรียนรู้ และเน้ือหาสาระดา้ นมาตรฐานผลการเรียนรูด้ า้ นความรู้ในสาขาวิชาภาษาไทย 2.2 วิธีการสอน 1. การจดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้มคี วามรอบร้ใู นหลักการ แนวคิด ทฤษฎี เนือ้ หาดา้ นวชิ าชพี ครู และวิทยาการการจัดการเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยการบูรณาการความรู้เทคนิค วิธีการสอน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศกับการปฏิบัติจริงและการบูรณาการข้ามศาสตร์ มี ความเชี่ยวชาญในการสอน โดยใช้หลักการบูรณาการการสอน (TPCK) การสอนโดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์เป็นฐานในการคิด การเชื่อมโยงองค์ความรู้กับชุมชน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) และการประยุกต์ใช้ความรู้ในการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล การวิจัยและการพัฒนา นวตั กรรม พฒั นาทักษะการทำงาน การรว่ มมอื สร้างสรรคแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 2. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เน้นเทคนิควธิ กี ารจดั การเรยี นรเู้ พอ่ื พัฒนาการคิดวิเคราะห์ คดิ สังเคราะห์ สรา้ งองคค์ วามรู้และชุมชนแห่งการเรียนรู้ โดยใช้เทคนคิ ท่ีหลากหลาย เชน่ การจัดการ เรียนรู้โดยอาศัยการเรียนแบบมีส่วนร่วมปฏิบัติการ (Participative Learning Through Action) และการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) การเรียนรู้ผ่านกระบวนการบูรณาการ (Integration) การเรียนรู้ผ่านกระบวนการวิจัย (Research-Based Approach) ได้แก่การศึกษา ค้นคว้าข้อมูล การทำวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหาด้านการเรียนการสอนและเพ่ือ แกป้ ญั หาพฤตกิ รรมของผเู้ รียน 2.3 วธิ ีการประเมนิ ผล 1. วัดและประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) การวิเคราะห์สังเคราะห์ องค์ความรขู้ องนสิ ิต จากการปฏบิ ัติการเรียนรู้แบบรว่ มมือ โดยอาจารย์มกี ารประเมินความเข้าใจของ นิสติ จากการสะทอ้ นความคดิ ของนสิ ติ ในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ การสงั เกตพฤติกรรมระหว่างการทำงาน ในช้ันเรยี น การนำเสนอปากเปลา่ ผลงาน การแสดงความคดิ เห็น 2. วัดและประเมนิ ผลจากการจัดทำโครงการ/โครงงานหรืองานวจิ ัย การรายงานโครงการ/ โครงงานหรือรายงานวจิ ัยฉบับสมบูรณ์ของนิสิต 3. วัดละประเมนิ ผลจากการตรวจสอบความเข้าใจของนิสติ จากการเขียน Self-Reflection สะท้อนความเข้าใจในการสอนของอาจารย์ 4. วัดและประเมนิ ผลโดยวิธีการทดสอบโดยใช้แบบทดสอบ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย
ณ 3. ทกั ษะทางปญั ญา 3.1 ทกั ษะทางปัญญาท่ีต้องพัฒนา 1. คิด ค้นหา วิเคราะห์ข้อเท็จจริง และประเมินข้อมูล สื่อ สารสนเทศจากแหล่งข้อมูล ที่หลากหลายอย่างรู้เท่าทัน เป็นพลเมืองตื่นรู้ มีสำนึกสากล สามารถเผชิญและก้าวทันกับการ เปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล เทคโนโลยีข้ามแพลทฟอร์ม (Platform) และโลกอนาคต นำไป ประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและวินิจฉัยแก้ปัญหาและพัฒนางานได้อย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึง ความรู้ หลักการทางทฤษฎี ประสบการณ์ภาคปฏิบัติ ค่านิยม แนวคิด นโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ บรรทัดฐานทางสังคมและผลกระทบท่ีอาจเกดิ ขนึ้ 3.2 วธิ กี ารสอน 1. การจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการวิจัย (Research-Based Learning) เพื่อสร้าง องค์ความรู้ใหม่ ได้แก่ การศึกษาปัญหา การวิเคราะห์ปัญหา การตั้งสมมติฐาน การค้นหาวิธีการ แก้ปญั หา การรวบรวมขอ้ มลู การวิเคราะห์ขอ้ มลู และการสรุปผลการวิจยั และการนำเสนอผลการวิจัย ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางภาษาไทยอย่างมีวิสัยทัศน์ ( Research and Development และ Vision-Based Learning) เพือ่ แก้ปัญหาการใช้ภาษาไทยแก่ผู้เรียน 2. การจดั การเรยี นรู้โดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) โดยการใช้ปัญหา เป็นตวั กระตุน้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความใฝ่หาความรู้เพื่อแก้ปญั หา มกี ารกำหนดปัญหาขึ้นเพ่ือเน้นให้ผู้เรียน เป็นผู้ตัดสินใจในส่ิงทีต่ ้องการแสวงหาความรู้ 3.3 วธิ กี ารประเมินผล 1. วัดและประเมินจากผลการวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ การวิจัย และพัฒนา นวัตกรรม สื่อ องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาภาษาไทยอย่างมีวิสัยทัศน์ (Research and Development และ Vision-Based Learning) 2. วัดและประเมินกระบวนการพฒั นาความสามารถทางปัญญาของตนเองจากการนำเสนอ รายงานหรือผลการปฏบิ ตั งิ าน (Performance) โดยการประเมินผลงานและผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม การประยุกต์ใช้ความรู้ การถ่ายทอดความรู้ การบูรณาการความรู้ภาษาไทยกับศาสตร์พระราชา เชน่ การสงั เกต การตงั้ คำถาม การสืบค้น การคิดวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การสะท้อนการแก้ปญั หา การนำเสนอผลงาน และการสอ่ื ความคดิ 4. ทกั ษะความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 4.1 ทกั ษะความสัมพันธร์ ะหวา่ งบุคคลและความรับผดิ ชอบท่ีต้องพัฒนา 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ี ต่อตนเอง ต่อผู้เรียน ตอ่ ผรู้ ่วมงาน และมีความรบั ผดิ ชอบต่อ ส่วนรวมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาตนเอง กลุ่ม และระหวา่ งกล่มุ ได้อย่างสรา้ งสรรค์ 4.2 วธิ ีการสอน 1. การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมปฏิบัติการ (Participative Learning Through Action) ด้วยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) เพ่ือประยุกต์และประเมินค่าองค์ความรใู้ นสถานการณ์โลกแห่งความจริง จากการทำงานเป็นทีม เพื่อ ฝึกความรับผิดชอบ ทกั ษะการเปน็ ผนู้ ำผู้ตามที่ดี การยอมรบั ในความคิดเห็นที่แตกตา่ ง 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ด 2. การเรียนรู้โดยการบูรณาการปฏิบัติงานจริงในสถานศึกษา (Work-integrated learning) โดยการปฏิบัติตามสภาพจริงในการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาเต็มเวลา และได้รับการ นเิ ทศตลอดปกี ารศกึ ษา 4.3 วธิ กี ารประเมินผล 1. วัดและประเมินความสามารถในการทำงานเป็นทีม วุฒิภาวะทางอารมณ์และทางสังคม ภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วม (Shared Leadership) ในการนำเสนอผลงานวิชาการ และการเป็นผู้นำ ในการอภิปรายซักถาม 2. วดั และประเมินพฤติกรรมขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สว่ นรวม และกระบวนการแกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ 5. ทกั ษะการวเิ คราะหเ์ ชิงตัวเลข การสือ่ สาร และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศท่ตี ้องพัฒนา 5.1 ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ต้อง พฒั นา 1. มีทกั ษะการวิเคราะหข์ อ้ มลู สถติ ิ การสังเคราะห์ข้อมลู เชงิ ปริมาณและเชงิ คุณภาพ เพ่อื เขา้ ใจองค์ความร้หู รอื ประเดน็ ปญั หาทางการศึกษาได้อย่างรวดเร็วและถูกตอ้ ง 2. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูลหรือความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การทำงาน การประชุม การจัดการและสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รับและส่งข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ดุลยพินิจที่ดีในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลและสารสนเทศ อีกทั้งตระหนักถึง การละเมิดลขิ สิทธิ์และการลอกเลยี นผลงาน 5.2 วธิ ีการสอน 1. การเรยี นรูผ้ ่านกระบวนการวิจยั (Research-Based Learning) ไดแ้ ก่ การค้นคว้าข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข การวิเคราะห์และเลือกใช้ข้อมูลสารสนเทศ ทั้งที่เป็นตัวเลขเชิงสถิติ หรอื คณิตศาสตร์ และการใชส้ ถิติในการแสดงผลการทำวิจัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารในช้นั เรยี นและการทำวิจยั เพอื่ แก้ปญั หาพฤตกิ รรมของผเู้ รียน 2. การศึกษา องค์ความรู้ การสืบค้นและนำเสนอรายงานประเด็นสำคัญด้านการศึกษา ใช้ช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและส่ือ อิเลก็ ทรอนิกส์ การเรยี นรู้ผา่ นแหลง่ เรียนรู้ภายในและนอกหอ้ งเรยี น การคน้ ควา้ ข้อมูลสารสนเทศ โดยใช้เทคโนโลยีในวิชาเรียนหรือกิจกรรมทางการศึกษาไทยและการศึกษาภาษาไทยจากเทคโนโลยี สารสนเทศและเทคโนโลยีดิจทิ ัล 3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการวิเคราะห์ การประเมินค่า ตรวจสอบความ น่าเชอื่ ถอื ของข้อมูลสารสนเทศ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศโปรแกรมสำเร็จรปู ที่จำเป็นในการเรียนรู้ และการทำงาน ดว้ ยความตระหนักและรับผิดชอบ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ต 5.3 วิธกี ารประเมนิ ผล 1. วดั และประเมนิ ผลงานวจิ ยั เคร่อื งมือ การหาคณุ ภาพเครื่องมือ การวิเคราะหข์ ้อมูลเชงิ สถติ แิ ละการนำเสนอข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ 2. วัดและประเมนิ ผลงานของนสิ ิตท้ังระบบการส่งผลงานโดยตรง ผา่ นระบบเครือข่าย อนิ เทอรเ์ นต็ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การสบื ค้นข้อมลู สารสนเทศ การนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม การรายงานประเด็นสำคญั ด้านการศกึ ษาโดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและเทคโนโลยดี ิจทิ ัล 6. ทกั ษะการจดั การเรียนรู้ 6.1 ทักษะการจดั การเรียนรู้ท่ีต้องพัฒนา 1. สามารถเลือกใช้ปรชั ญาตามความเชือ่ ในการสรา้ งหลกั สูตรรายวิชา การออกแบบเนื้อหา สาระ กจิ กรรมการเรียนการสอน ส่ือและเทคโนโลยีการส่อื สาร การวัดและประเมินผเู้ รียน การ บรหิ ารจัดการช้ันเรยี น การจัดการเรยี นโดยใชแ้ หล่งการเรียนรู้ในโรงเรยี นและนอกโรงเรียน แหลง่ การ เรยี นร้แู บบเปิดได้อย่างเหมาะสมกบั สภาพบริบทที่ตา่ งกันของผ้เู รียนและพืน้ ท่ี 6.2 วิธกี ารสอน 1. การจดั การเรยี นร้โู ดยใช้การวิจยั เปน็ ฐาน (Research-Based Learning) และการจัด กิจกรรมเปน็ ฐาน (Activity-Based Learning) โดยเนน้ พฒั นากระบวนการเรยี นรู้ สง่ เสริมให้ผูเ้ รียน ประยุกตใ์ ช้ทักษะ เช่อื มโยงองคค์ วามรู้ นำไปปฏบิ ัตเิ พ่ือแก้ปัญหาและพัฒนางานไดท้ นั ที (Ready to Work) มคี วามรอบรู้ มปี ัญญา รูค้ ดิ ใฝร่ ู้ และมที ักษะศตวรรษที่ 21 6.3 วธิ กี ารประเมนิ ผล 1. วดั และประเมนิ พฤติกรรมขณะทำการฝึกประสบการณ์การสอนในห้องเรยี นใน สถานการณจ์ ำลอง จากการสะท้อนความคิดในห้องเรยี น และจากการสงั เกตการสอนระหวา่ งทดลอง สอนขณะฝึกปฏิบตั ิการสอนในสถานการณ์จำลอง 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ถ หมวด 5 แผนการสอนและการประเมินผล 1. แผนการสอน สัปดาห์ หัวขอ้ /รายละเอียด จำนวน กจิ กรรมการเรยี น ผู้สอน ที่ ช่ัวโมง การสอน/สอื่ ที่ใช้ ผศ.ดร.อฐั พล อินตะ๊ เสนา 1 แนะนำรายวชิ า กิจกรรมการจดั การเรียน 3 บรรยาย ชี้แจง ผศ.ดร.อฐั พล การสอน ความมงุ่ หมาย การมอบหมายงาน ขอ้ ตกลงในการ อนิ ต๊ะเสนา หนงั สอื อ้างองิ การสร้างความคนุ้ เคยระหวา่ ง เรยี น การวัดและ ผศ.ดร.อฐั พล อินต๊ะเสนา ผู้เรียนและผู้สอน การวดั และประเมนิ ผล ประเมิน ผศ.ดร.อฐั พล 2-3 ความร้พู ้ืนฐานเก่ียวกบั การวัดและ 6 - บรรยาย อินต๊ะเสนา ประเมินผลการเรยี นรู้ - การอภิปราย ผศ.ดร.อฐั พล อนิ ต๊ะเสนา - นำเสนองาน ผศ.ดร.อฐั พล อนิ ตะ๊ เสนา - การฝึกทักษะ ผศ.ดร.อฐั พล 4-5 การวดั และประเมินผลวชิ าภาษาไทย 6 - บรรยาย อินต๊ะเสนา - การอภปิ ราย ผศ.ดร.อฐั พล อินต๊ะเสนา - นำเสนองาน ผศ.ดร.อฐั พล - การฝึกทกั ษะ อินต๊ะเสนา 6-7 การวิเคราะหพ์ ฤติกรรมเพื่อวัดและ 6 - บรรยาย ประเมนิ ผลการเรียนวิชาภาษาไทย - การอภิปราย - นำเสนองาน - การฝกึ ทักษะ 8 สอบกลางภาค -- 9 เครื่องมอื ในการวดั ผลการเรียนรภู้ าษาไทย 3 - บรรยาย - การอภปิ ราย 10 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น - นำเสนองาน - การฝกึ ทกั ษะ 11 การวดั พฤตกิ รรมดา้ นพทุ ธพิ สิ ัย 3 - บรรยาย 12 การวัดพฤตกิ รรมด้านเจตพสิ ัยและทักษะ - การอภิปราย พสิ ยั - นำเสนองาน - การฝึกทักษะ 3 - บรรยาย - การอภปิ ราย - นำเสนองาน - การฝึกทักษะ 3 - บรรยาย - การอภิปราย - นำเสนองาน - การฝกึ ทักษะ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
ท สัปดาห์ หัวข้อ /รายละเอยี ด จำนวน กิจกรรมการเรียน ผ้สู อน ที่ ชว่ั โมง การสอน/สอ่ื ที่ใช้ ผศ.ดร.อฐั พล อนิ ต๊ะเสนา 13 การหาคุณภาพเคร่อื งมือ 3 - บรรยาย - การอภิปราย ผศ.ดร.อฐั พล 14 สถติ ิท่ใี ชใ้ นการวัดผลการศึกษา - นำเสนองาน อนิ ตะ๊ เสนา - การฝึกทกั ษะ 15 คะแนนและการตัดสนิ ผลการเรียนและ ผศ.ดร.อฐั พล การวดั และประเมนิ ผลการจัดการเรยี นรู้ 3 - บรรยาย อินต๊ะเสนา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้น - การอภิปราย พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 - นำเสนองาน ผศ.ดร.อฐั พล - การฝกึ ทกั ษะ อินต๊ะเสนา 16 สอบปลายภาค 3 - บรรยาย - การอภิปราย - นำเสนองาน - การฝกึ ทกั ษะ -- 2. แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ กิจกรรมที่ ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารประเมนิ สปั ดาหท์ ี่ สดั ส่วน ประเมนิ ของการ 1 1.1, 4.1 การมีส่วนรว่ มระหว่างเรยี น ประเมนิ ผล ทุกสัปดาห์ 10% และพฤติกรรมในชั้นเรยี น 2 3.2,4.2,5.2,6.2 การนำเสนองาน 7,16 20% 7,16 20% 3.2,4.2,5.2,6.2 รายงานการศึกษาค้นควา้ 8 20% 17 30% 3 2.1,3.1,4.1,5.1,6.1 สอบกลางภาค 4 2.1,3.1,4.1,5.1,6.1 สอบปลายภาค 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
ธ หมวด 6 ทรัพยากรประกอบการเรียนการสอน 1. ตำราและเอกสารหลกั ท่ใี ช้ในการเรียนการสอน อัฐพล อินต๊ะเสนา. (2564). การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย. มหาสารคาม : โรงพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม. 2. เอกสารและข้อมูลสำคญั ทนี่ สิ ติ จำเปน็ ตอ้ งศกึ ษาเพิ่มเตมิ ภาษาไทย สำนักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (2557). แนวปฏบิ ตั กิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนร้ตู าม หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. พมิ พ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. บญุ ธรรม กจิ ปรีดาบรสิ ุทธิ.์ (2553). การวดั และการประเมินผลการเรียนการสอน. กรงุ เทพฯ : ภาควิชาศกึ ษาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. บญุ เรียง ขจรศิลป์. (2533). สถติ ิวจิ ยั II. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน์. (2546). จติ วทิ ยาการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : ศูนย์สือ่ ส่งเสริมกรุงเทพ. พวงรตั น์ ทวีรตั น์. (2540). วธิ ีการวิจยั ทางพฤตกิ รรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครงั้ ที่ 6. กรุงเทพฯ สำนักทดสอบทางการศกึ ษาจิตวทิ ยา มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒประสาน มิตร. พาสนา จุลรตั น์. (2548). จติ วทิ ยาการศึกษา. ภาควิชาการแนะแนวและจิตวทิ ยาการศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ. พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2548). หลักการวัดและประเมินผลการศกึ ษา. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพฯ : เฮ้าส์ออฟ เคอร์มสี ท.์ ทวิ ัฒน์ มณโี ชติ. (2548). การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พ์ศูนยส์ ่งเสรมิ วชิ าการ. ภทั รา นิคมานนท.์ (2532). การประเมนิ ผลและการสร้างแบบทดสอบ. พิมพ์คร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ทรัพย์วิสุทธิ. รจุ ริ ์ ภู่สาระ. (2532). การประเมนิ ผลการศึกษา. พิมพ์คร้ังท่ี 4. กรงุ เทพฯ : ภาควชิ าการทดสอบและ วจิ ัยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2540). เทคนคิ การวจิ ัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : ศนู ย์ส่งเสรมิ วิชาการ. ศริ ชิ ัย กาญจนวาสี. (2548). ทฤษฎีการประเมนิ . กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สมบัติ ท้ายเรอื คำ. (2555). ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร.์ พิมพค์ ร้งั ท่ี 5. มหาสารคาม : โรงพิมพม์ หาวิทยาลยั มหาสารคาม. สมนึก ภัททิยธนี. (2546). การวดั ผลการศกึ ษา. พิมพ์ครั้งท่ี 4. กาฬสินธุ์ : ประสานการพมิ พ.์ สรุ างค์ โคว้ ตระกลู . (2545). จิตวทิ ยาการศึกษา. พิมพ์ครงั้ ท่ี 5. กรุงเทพฯ : ด่านสทุ ธาการพมิ พ.์ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
น ภาษาอังกฤษ Siegel, A.F. and Morgan, C.J. (1996). Statistics and Data Analysis. 2nd ed. New York : John Wiley & Sons. Inc, Bloom, B.S. (1956). A Taxonomy of Education Objectives Handbook I : Cognitive Domain. New York : David Mckay Co. . (1971). Handbook on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York : McGraw – Hill. Daniel, W.W. (1978). Applied Nonparametric Statistics. 2nd ed. Boston : PWS-KENT Publishing Company. Ferguson, G.A. (1976). Statistical Analysis in Psychology and Education. 4th ed. New York : McGraw-Hill. Foster, M. and Masters, M.G. (1996). Portfolios : Assessment Resource Kit. Melbourne : The Australian council for Education Research Ltd. Garrettม H.E. and Woodworth, R.S. (1967). Statistics in Psychology and Education. 4th ed. New York : David McKay. Gronlund, N.E. (1971). Measurement and Evaluation in Teaching. 2nd ed. New York : The Macmillan Company. Harrow, A.J. (1972). A Taxonomy of the Psychomotor Domain. New York : David Mckay Co. Harry, F. and Steven, C.A. (1994). Statistics Concepts and Applications. New York : Cambridge University Press. Krathwohl, D.R. and others. (1964). A Taxomony of Educational Objectives Handbook II : Affetive Domain. New York : David Mckay Co. Mehrens, W.A. and Lehman, I.J. (1991). Measurement and Evaluation in Education and Psyching. New York : Holt, Rinehart and Winston. Pargono, R.R. (1990). Understanding Statistics. 3rd ed. New York : West Publishing Company. Popham, W.J. (1981). Modern Education Measurement. Englewood Cliffs, New Jersey : Prentice-Hall, Inc. Thorndike, R.M. (1991). Measurement and Evaluation in Psychology and Education. 5th ed. New York : Macmillan Publishing Company. 3. เอกสารและข้อมูลแนะนำที่นสิ ติ ควรศกึ ษาเพ่มิ เติม สอ่ื ส่งิ พิมพ์ ได้แก่ หนังสือ/ตำรา/เอกสาร และงานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การวัดและประเมินผล วชิ าภาษาไทย 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
บ หมวด 7 การประเมินและปรบั ปรงุ การดำเนนิ การของรายวิชา 1. กลยุทธ์การประเมินประสิทธิผลของรายวิชาโดยนิสิต 1. แบบประเมนิ ผู้สอน และแบบประเมินรายวิชา 2. การสนทนากลุ่มระหวา่ งผูส้ อนและผู้เรียน 3. การสังเกตจากพฤติกรรมของผูเ้ รยี น 4. แบบประเมนิ การสอนผ่านระบบออนไลน์ของมหาวทิ ยาลยั 2. กลยุทธ์การประเมินการสอน ประเมินโดยสังเกตจากการมีสว่ นรว่ มในชั้นเรียนและผลการนำเสนอหน้าชั้นเรียน ผลการสอบ ของนิสิต การทวนสอบผลสมั ฤทธกิ์ ารเรยี นรู้ 3. การปรบั ปรุงการสอน มีการนำผลการประเมนิ จากนิสติ ให้อาจารย์ผ้สู อนพจิ ารณาเพือ่ เป็นแนวทางในการปรบั ปรุง การเรียนการสอน การวจิ ัยในชน้ั เรียน 4. การทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธิข์ องนสิ ิตในรายวิชา ในระหว่างกระบวนการสอนรายวชิ า มกี ารประเมนิ ผลการเรียนรจู้ ากนิสิต เช่น การ สอบถาม หรือการสุ่มตรวจผลงานของนิสติ รวมถงึ พจิ ารณาจากผลการทดสอบยอ่ ย และหลังการออก ผลการเรียนรายวิชา มีการทวนสอบผลสัมฤทธ์ิโดยรวมในวชิ าไดด้ ังนี้ - การวัดผลการเรียนรู้ จากผลงาน การสอบปลายภาค - การรว่ มกจิ กรรม/อภิปราย/รายงาน - การสอบถามนสิ ิต เกย่ี วกับองค์ความร้ใู นรายวชิ า - การตั้งคณะกรรมการในสาขาวชิ า ตรวจสอบผลการประเมินการเรียนร้ขู องนสิ ิต โดยตรวจสอบขอ้ สอบ รายงาน วิธกี ารให้คะแนนสอบ และการใหค้ ะแนนพฤติกรรมของนิสิต 5. การดำเนนิ การทบทวนและการวางแผนปรับปรุงประสิทธผิ ลของรายวิชา จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธิ์ประสิทธิผลรายวิชา ไดม้ กี ารวางแผนการปรับปรุง การสอน และรายละเอยี ดวิชา เพ่ือใหเ้ กดิ คุณภาพมากข้ึน ดงั น้ี - ปรับปรงุ รายวิชาทุก 1 ปี หรือตามขอ้ เสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ ตามข้อ 4 - เปลี่ยนหรือสลบั อาจารย์ผูส้ อน เพ่ือใหน้ ิสิตมีมุมมองในเร่ืองการประยกุ ตค์ วามรูน้ ี้กบั ปญั หาทม่ี าจากงานวิจัยของอาจารย์ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย
0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
1 บทท่ี 1 ความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกับการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. แนวคิด “การทดสอบ” “การวัดผล” และ “การประเมินผล” เป็นคำที่เกี่ยวข้องและมีความสัมพันธ์ กนั คำวา่ การทดสอบ การวัดผล และการประเมนิ ผลเปน็ คำท่ีมีความหมายแตกตา่ งกนั แตม่ ักจะใช้ควบคู่ กันเสมอ โดยในการเรียนเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนจะต้องมีความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับองค์ประกอบของการวัดผลการเรียนรู้ว่าสิ่งที่จะวัดคืออะไร เครื่องมือหรือเทคนิคในการวัดผล เป็นแบบไหน และผลจากการวัดเป็นอย่างไร โดยการวัดและประเมินผลมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับ ลกั ษณะในการแบ่งประเภท ธรรมชาตขิ องการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หลกั การวัดและประเมินผล การเรียนรู้ โดยการวัดและประเมินผลแต่ละครั้งย่อมมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ จดุ มุ่งหมายของผู้สอน 2. เนื้อหา 2.1 คำศัพทพ์ นื้ ฐานเก่ียวกบั การวดั และประเมินผล 2.2 องค์ประกอบของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 2.3 ประเภทของการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 2.4 ธรรมชาตขิ องการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 2.5 หลักการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.6 ประโยชนข์ องการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 สามารถอธบิ ายความร้พู ้ืนฐานเก่ยี วกบั การวดั และประเมินผลการเรยี นรูไ้ ด้ 3.2 สามารถอธบิ ายหลกั การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรูไ้ ด้ 3.3 สามารถนำความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ ในการเรียนได้ 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมกอ่ นเรยี น 4.1.1 อาจารย์และนิสิต รว่ มกันสนทนาเกย่ี วกับหัวข้อในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (ความรู้พ้ืนฐานเกีย่ วกับการวัดและประเมินผลการเรยี นร)ู้ 4.1.2 อาจารย์นำเข้าสู่บทเรียนเรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล การเรยี นรู้ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย
2 4.2 กิจกรรมการเรยี นรใู้ นช้ันเรยี น 4.2.1 อาจารย์ผู้สอนบรรยายเรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล การเรยี นรู้ 4.2.2 อาจารย์ผู้สอนและนิสติ ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับหัวขอ้ ในการจัดการเรียน การสอน 4.2.3 อาจารย์และนิสิต ร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับเรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ 4.3. กจิ กรรมเสริม อาจารย์ให้นิสิตศึกษาเรื่อง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพิ่มเติมจากแหลง่ การเรียนรู้อนื่ ๆ แล้วสรุปเป็นชนิ้ งานส่งในชั่วโมงต่อไป 5. สอ่ื การสอน 5.1 เอกสารคำสอนเรือ่ ง การวัดและการประเมนิ ผลวชิ าภาษาไทย 5.2 PPT ประกอบการสอน เรื่อง ความร้พู น้ื ฐานเก่ยี วกับการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 การทดสอบ 6.2 การประเมนิ พฤติกรรมการมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ 6.3 การเขา้ ชน้ั เรยี น 6.4 ความสามารถในการตอบคำถาม 6.5 การทำแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
3 บทที่ 1 ความรพู้ ื้นฐานเกยี่ วกบั การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. คำศพั ทพ์ ้ืนฐานเกยี่ วกบั การวดั และประเมนิ ผล คำว่า “การทดสอบ” (Testing) “การวัดผล” (Measurement) และ “การประเมินผล” (Evaluation) ทั้งสามคำนี้มักจะมีผู้นำไปใช้ปะปนกันหรือแทนกันอยู่บ่อย ๆ แต่โดยปกติแล้ว “การทดสอบ” มกั จะนำมาใช้ในความหมายทีแ่ คบท่ีสุด คือหมายถงึ การนำเสนอชุดคำถามทม่ี ีมาตรฐาน ให้ผู้สอบตอบสนอง ซึ่งถ้าพิจารณาโดยละเอียดแล้ว คำถามแต่ละข้อในชุดคำถามนั้นเราเรียกว่า “ข้อสอบ” หรือ “ข้อกระทง” และข้อสอบหลาย ๆ ข้อ รวมกันทั้งฉบับเราเรียกว่า “แบบสอบ” หรือ “แบบทดสอบ” สว่ น “การวดั ผล” นั้น มกั จะหมายถึง การวดั ลักษณะของบุคคลจากผลการตอบคำถาม ในแบบสอบตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด แล้วแสดงคุณค่าด้วยปริมาณของจำนวนที่วัดได้ อย่างไรก็ตาม การวัดผลมิได้หมายถึงเฉพาะการใช้แบบสอบเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสังเกต การประมาณค่า ตลอดจนการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ที่เราสามารถรวบรวมข้อมูลในเชงิ ปริมาณได้ ฉะนั้นการวัดผลจึงมักจะมี ความหมายกว้างกว่าการทดสอบ สำหรับ “การประเมินผล” นั้น เป็นกระบวนการอย่างมีระบบท่ี นำมาใชต้ ่อเน่อื งจากการทดสอบและการวัดผล จงึ อาจกลา่ วได้ว่า การประเมนิ ผล หมายถงึ การตคี ่าของ สิ่งที่เราวัดได้ รวมถึงการตัดสินคุณค่าด้วย นอกจากนั้น การประเมินผลจะต้องมีเกณฑ์ (Criteria) หรือ วัตถุประสงค์ (Objective) หรอื มาตรฐาน (Standard) ท่ีแนน่ อนซึง่ กำหนดขึ้นในแต่ละครั้ง ในด้านการศึกษา เราสามารถจะเห็นตัวอย่างที่แสดงถึงความแตกต่างของการทดสอบ การวัดผล และการประเมินผลที่ปฏิบัติกันอยู่ทั่วไป คือ การจัดการเรียนการสอนนั้น เมื่อสิ้นภาค การศึกษาหรอื จบหน่วยวชิ าเรยี นแลว้ ครูมกั จะใหอ้ ันดับคะแนนหรือเกรด (Grade) แก่นกั เรียน เพ่ือเป็น หลักฐานรับรองว่านักเรียนผู้นั้นมีผลสัมฤทธิ์หรือมีความถนัด มีประสบการณ์ในเนื้อหาวิชาที่เรียน มากน้อยเพียงใด ซึ่งกระบวนการให้อันดับคะแนนนั้น ครูมักจะทำการทดสอบเป็นระยะ ๆ และวัดผล จากการทดสอบแล้วก็จะเก็บคะแนนไว้ ซึ่งสุดท้ายจึงจะทำการประเมินผลเพื่อให้ระดับผลการเรียน ซึ่งอาจจะเป็นตัวอักษร หรือเป็นตัวเลขก็ได้ ในการประเมินผลนั้น ครูต้องพิจารณาจากคะแนนที่วัดได้ เป็นพื้นฐาน และอาจจะนำเกณฑ์อื่น ๆ มาใช้ประกอบการพิจารณา ตีความหมายเพื่อตัดสินคุณค่า ด้วยเกณฑ์อื่น ๆ ดังกล่าวอาจจะเป็นพฤติกรรมของนักเรียนด้านความกระตือรือร้น ความร่วมมือ ในชั้นเรียน หรือความก้าวหน้าในการพัฒนาการเรียนรู้ ฯลฯ ฉะนั้นผลการวัดผลที่เท่ากันอาจจะให้ผล การประเมินที่แตกต่างกันก็ได้ ตัวอย่างเช่น นักเรียนสองคนได้คะแนนเท่ากันจากการทดสอบ ความสามารถก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คนหนึ่งมีความก้าวหน้าในด้านการอ่านสูงกว่าอัตราเฉล่ีย และอีกคนหนึ่งต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย ดังนั้นครูจึงให้อันดับคะแนนแก่นักเรียนสองคนดังกล่าวต่างกัน ทั้ง ๆ ที่ผลการวัดจากแบบทดสอบของนักเรียนทั้งสองคนเท่ากัน อย่างไรก็ตาม การตัดสินดังกล่าว ครูต้องมีเหตุผลและกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจน รวมทั้งนักเรียนควรมีโอกาสที่จะทราบเกณฑ์การตัดสิน นั้น ๆ ด้วย (อฐั พล อินต๊ะเสนา, 2561) 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย
4 จากความหมายสั้น ๆ และตัวอย่างง่าย ๆ ที่พบในทางปฏิบัติดังกล่าว แสดงให้เห็นถึง ความหมายทีส่ มั พนั ธ์กันของคำศพั ท์ทั้งสาม ตลอดจนความแตกตา่ งของความหมายของคำศัพท์เหล่าน้ัน ดังนั้นนกั การศึกษาและนักวัดผลหลายท่านจึงพยายามใช้คำทัง้ สามในสถานการณ์ท่ีแตกตา่ งกนั ดงั กล่าว ซงึ่ มรี ายละเอียดในหวั ขอ้ ต่อไป 1.1 การทดสอบ (Testing) เมือ่ กลา่ วถึงคำว่า “การทดสอบ” โดยทว่ั ไปแลว้ มกั จะหมายถึง “การวัดผลทางการศึกษา” แนวความคิดนี้จะถูกต้องหรือไม่อย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับการให้คำนิยามของ “การทดสอบ” เป็นหลัก กลา่ วคอื ถา้ พิจารณาตามความหมายทกี่ ว้างแลว้ คำนยิ ามของ “การทดสอบ” นนั้ หมายถงึ กระบวนการ ที่มีระบบในการสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์ แล้วบรรยายผลการสังเกตด้วยมาตราแสดงจำนวน หรือด้วยการจำแนกประเภทอย่างมีระบบ (Cronbach, 1970) จากคำนิยามดังกล่าว ย่อมแสดงว่า การทดสอบก็คือการวัดผล ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราพิจารณาตามความหมายที่แคบของการทดสอบคือ หมายถึงการให้ผู้สอบตอบแบบสอบแต่เพียงอย่างเดียว แล้วในกรณีเช่นนี้การทดสอบย่อมมีความหมาย แคบกว่าการวัดผล ทั้งนี้ก็เพราะว่าในกรณีดังกล่าว การทดสอบเป็นเพียงการใช้เคร่ืองมือวดั ผลประเภท หนึ่งเท่านั้น ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว เครื่องมือวัดผลนั้นอาจรวมไปถึงเครื่องมืออื่น ๆ ได้อีกเช่น แบบสอบถามทั่วไป แบบสอบถามความคิดเห็น มาตราวัด ตลอดจนเครื่องมือที่มีลักษณะของคำว่า “แบบสอบ” ในที่นี้หมายถึง กลุ่มคำถาม หรือกลุ่มงานที่ผู้ทดสอบ ได้เสนอให้ผู้สอบตอบสนอง (เบญจมาภรณ์ เสนารัตน์ และสมประสงค์ เสนารัตน์, 2558) ตัวอย่างเช่น กลุ่มคำถามซึ่งอาจจะ ประกอบด้วยคำต่าง ๆ ที่ต้องการใช้อธิบายความหมายที่ถูกต้อง หรืออาจเป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์ ที่ต้องการให้คิดหาคำตอบ หรืออาจจะเป็นรูปภาพต่าง ๆ ที่มีบางส่วนขาดหายไป อาทิ เป็นภาพสัตว์ เพ่อื ใหผ้ สู้ อบสังเกตแลว้ ช้ีให้เห็นสว่ นท่ีขาดอยู่ เปน็ ตน้ สำหรับตวั อย่างของกลุ่มงานท่ีกล่าวถึงนั้นอาจจะ เป็นงานที่ต้องการให้ผู้ตอบแสดงออกเชิงปฏิบัติ เช่น ให้ต่อชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายกันอยู่จนเป็นรูปท่ี ต้องการ อาทิ ให้ต่อชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่จนเป็นรูปบ้าน ฯลฯ เป็นต้น ส่วนการตอบสนอง กลุ่มคำถามหรือกลุ่มงานที่กำหนดให้นั้น ผู้ตอบสนองอาจจะแสดงพฤติกรรมที่สังเกตได้หรือวัดได้ โดยวิธีการเขียน หรือโดยการตอบปากเปล่า หรือโดยการปฏิบัติก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์เฉพาะ ของการทดสอบแตล่ ะครงั้ นอกจากน้ันไม่วา่ การทดสอบจะกระทำโดยวธิ ีใดกต็ าม การให้คะแนนคำถาม ที่ตอบสนองทุกข้อหรือกลุ่มงานที่ให้กระทำทุกชิ้นจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ผลการ ทดสอบสามารถชี้ให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะ (Specific Trait) ที่ผู้ตอบสนองมีในสิ่งที่ต้องการจะวัดตาม มาตรฐานท่กี ำหนดไว้ (สวุ รรณา จุย้ ทอง, 2560) จากตัวอย่างข้างต้น จึงอาจกล่าวกว้าง ๆ ได้ว่า “การทดสอบ” หมายถึง การเสนอสิ่งเร้า ชุดใดชุดหนึ่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องตอบสนองตามวิธีมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพื่อนำผลการตอบสนองมา กำหนดเป็นคะแนน ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นตัวเลขแสดงปริมาณบอกลักษณะของพฤติกรรม ด้วยเหตุน้ี ความมุ่งหมายสำคัญของการทดสอบแต่ละครั้งจึงมุ่งที่จะให้ผลผลิตซึ่งเป็นปริมาณ อันเป็นตัวแทนของ คุณลักษณะที่ต้องการวัด กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ วัตถุประสงค์หลักของการทดสอบ ก็เพื่อจะให้มีการวัด และประเมินคุณลักษณะของพฤติกรรมทบี่ ุคคลได้แสดงออกเม่ือเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์อันเป็นกรอบของ การอ้างอิง ดงั น้นั จงึ อาจกลา่ วไดอ้ กี ว่า การทดสอบยอ่ มนำไปส่กู ารเปรยี บเทยี บ เช่น การเปรียบเทียบกับ เกณฑ์ปกติวิสัย หรือเกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้น อนึ่ง ถึงแม้ว่าการทดสอบมีขอบเขตที่กว้างมาก คือ มิได้มี 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
5 ความหมายแต่เพียงการวัดผลทางด้านความรู้ หรือด้านสติปัญญาเท่านั้น แต่ยังมีความหมายรวมไปถึง การวัดผลด้านอืน่ ๆ อกี ดว้ ย อาทิ การวัดบคุ ลิกภาพ การวดั ทัศนคติ การวัดความสนใจ ตลอดจนการวัด คุณลักษณะใดลกั ษณะหนง่ึ โดยเฉพาะ 1.2 การวดั ผล (Measurement) โดยทั่วไป “การวัดผล” หมายถึง กระบวนการบ่งชี้ผลผลิตหรือคุณลักษณะที่วัดได้จาก เครื่องมือวัดผลประเภทใดประเภทหนึ่งอย่างมีระบบ ดังนิยามที่ว่า “การวัดผล” คือการกำหนดตัวเลข ให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จากคำนิยามดังกล่าวจะเห็นว่า การวัดผลเป็นกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ซึ่งเน้นที่ปริมาณตัวเลขมากกว่าการบรรยายในเชิงคุณศัพท์ เนื่องจากการวัดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ด้วยปริมาณเป็นตัวเลขจะให้ผลลัพธ์ที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ถ้าเครื่องมือวัดผลนั้นมีมาตรฐาน และถ้าผู้วัดผลนั้นมีความละเอียดรอบคอบ ทำตามวิธีการวัดอย่างถูกต้องแล้ว ผู้วัดจะเป็นใครก็ตาม ย่อมจะได้ผลเท่ากัน ในทางตรงกนั ข้ามการวดั ผลดว้ ยการบรรยายเชงิ คณุ ศพั ท์ อาจจะมีการตคี วามหมาย แตกต่างกันไป ไม่สามารถที่จะให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนชัดเจนได้ ตัวอย่างเช่น การวัดคุณลักษณะของเด็ก คนหนึ่งว่า เป็นเด็ก “สูง” “ฉลาด” แต่ “ผอม” การวัดที่บรรยายคุณลักษณะดังกล่าวย่อมจะก่อให้เกิด ความแปรปรวนของลักษณะที่วัดได้ตามผู้วัดแต่ละคน ทำให้ไม่สามารถจะได้ผลลัพธ์อย่างคงที่และ ชัดเจนเทา่ ท่ีควร ฉะนั้นถ้าใชเ้ ครื่องมือวดั ผลที่ระบุเปน็ จำนวนซง่ึ มหี น่วยการวัดแลว้ เราอาจแสดงผลการ วัดที่ชัดเจนกว่า เช่น แทนที่จะพูดว่า “สูง” ก็เปลี่ยนเป็นส่วนสูง 150 เซนติเมตร หรือแทนที่จะพูดว่า “ฉลาด” ก็เปลี่ยนเป็นคะแนนเชาวน์ปัญญาเท่ากับ 148 คะแนน ส่วน “ผอม” ก็เปลี่ยนเป็นน้ำหนัก 30 กิโลกรัม ซึ่งจะเห็นได้ว่า การวัดผลด้วยจำนวนตัวเลขนั้นให้ลักษณะการวัดที่ชัดเจนมากกว่า และมีความคงทมี่ ากกว่าดว้ ย กล่าวว่า การวัดผลทางการศึกษา คือ กระบวนการที่พยายามค้นหาระดับที่แสดงถึง ปริมาณของคุณลักษณะหนึ่งในตัวบุคคล หรือสิ่งของ หรือเหตุการณ์ ตัวอย่างเช่น การวัดความสูงของ นักเรียน หรือการวัดความยาวของตัวโต๊ะ หรือการใช้แบบสอบเพื่อวัดลักษณะของบุคคลด้านเชาวน์ ปัญญาด้านความถนัด ด้านผลสัมฤทธิ์ เป็นต้น ตามหลักของการวัดผลทางการศึกษานั้น ได้อาศัย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการ คือ (ก) มาตรการวัด (Scale) (ข) เครอื่ งมือ (Instrument) และ (ค) หนว่ ยการวดั (Unit) (อพันตรี พูลพุทธา, 2564) 1.3 การประเมินผล การประเมนิ ผลหรือการประเมินคา่ มี 2 คำ คอื 1.3.1 Evaluation อัฐพล อินต๊ะเสนา (2561) กล่าวว่า Evaluation หมายถึง การตัดสินหรือสรปุ ผลท่ี ได้จากการวัดผล ทั้งที่เป็นปริมาณหรือคุณภาพว่าสิ่งนั้นดีมากน้อยเพียงใด มีคุณค่าอยู่ในระดับใด เมื่อเทียบกับมาตรฐานหรือเกณฑ์ท่ีตั้งไว้ เช่น การตัดสินผลการศึกษาประจำปีว่าผู้เรียนสอบได้หรือ สอบตกเป็นการตัดสินหรือสรุปผลการเรียนท่ีได้มกี ารวัดผลแลว้ คอื มีการสอบมาแล้วทุกวชิ า หรือการให้ อกั ษรระดับคะแนน (เกรด) A, B, C แกน่ ักเรยี นในรายวิชาใด เป็นการนำคะแนนท่ีเป็นผลจากการวัดผล ด้วยข้อสอบ แล้วนำมาสรุปเป็นผลการเรียนของนักเรียนคนนั้น ดังนั้นการตัดสินผลการศึกษา และ การให้เป็นเกรดเป็นการประเมินผล เป็นต้น ในอดีตคำนี้จะเน้นที่เป็นการประเมินเมื่อสิ้นสุด การดำเนินงานแล้วเท่านั้น แต่ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในการกล่าวถึงการประเมินผลโดยทั่วไปที่เป็นการ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
6 ประเมนิ ท้ังระบบ โดยเมอื่ เรากำหนดจุดอ้างอิงของการสิ้นสุดได้แลว้ (ตามวัตถปุ ระสงค์และเง่ือนไขเวลา ทตี่ ้งั ไว้) และเมื่อครบตามเง่ือนไขเวลา คือ สิ้นสดุ การดำเนินงานตามเวลาท่ีอ้างอิงไว้ก็ทำการประเมินผล กจ็ ะเรยี กว่า Evaluation มีผู้กำหนดความหมายหรือคำจำกัดความของคำว่า “การประเมินผล” ไว้อย่าง หลากหลาย เช่น สตัฟเฟิลบีม และคณะ (Stufflebeam and others, 1971) ได้ให้ความหมายที่ ค่อนข้างกว้างไวว้ ่า “การประเมินผล” คือ กระบวนการรวบรวมและเตรียมข้อมลู ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ในการ ตัดสิน หาทางเลอื กทเี่ ปน็ ไปไดห้ ลาย ๆ ทาง จากความหมายดังกลา่ วย่อมแสดงใหเ้ ห็นว่า การประเมนิ ผล มีความหมายครอบคลุม ทั้ง “การทดสอบ” และ “การวัดผล” ส่วนคำนิยามอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยม กันก็คือคำนิยามของ ราล์ฟ ไทเลอร์ (Tyler, 1949) ซึ่งได้ให้ความหมาย ของ “การประเมินผล” ไว้ว่า หมายถึง การตัดสินความสอดคล้องระหว่างการกระทำ และวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (ประสาท เนืองเฉลิม, 2564) 1.3.2 Assessment การประเมินแบบ Assessment หมายถึง การนำลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่ มักเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพมาศึกษาพยายามตีค่าเป็นตัวเลขให้สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมขณะน้ัน โดยใช้สภาวะต่าง ๆ กันเป็นเกณฑ์ จึงต้องมีการศึกษา วิเคราะห์เกณฑ์และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไปด้วย การประเมินโดยทั่วไปจะทำในเวลาใดก็ได้ เช่น ก่อน ระหว่าง หรือหลังการดำเนินงานแล้ว คำที่ใช้ โ ดยทั่ว ไป เช ่น การประเมินผลงาน ( Performance Assessment) การประเมินตนเอง (Self-Assessment) เป็นตน้ (สมบตั ิ ท้ายเรอื คำ, 2562) การประเมินต่างไปจากการวัดและการประเมินผล เพราะต้องมีการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ สภาพแวดล้อมของสิ่งที่กำลังศึกษา แล้วจึงตีค่าของสิ่งนั้นออกมา โดยผลลัพธ์ที่ได้มิได้นำมาตัดสิน สรุปผลเพื่อจำแนกกลุ่ม หรือให้ทราบการ ดี – เลว มาก – น้อย เก่ง – ไม่เก่ง แต่ต้องการตีค่าให้เห็น ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ของสิ่งนั้น ๆ เพื่อจะได้นำไปพัฒนาสิ่งนั้นในอนาคต ซึ่งหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมาการประเมินมีการพัฒนาขึ้นมาก เพราะใช้ระเบียบวิธีทางสถิติมาช่วยในการศึกษา ข้อมูลต้ังแตก่ ารเก็บรวบรวมข้อมูลจนถงึ การวิเคราะห์ทางสถติ ิข้อมลู ต่าง ๆ จึงทำให้การประเมินกา้ วหน้า ขึน้ อย่างมากในปจั จุบัน และใช้แพร่หลายในทกุ วงการ 2. องค์ประกอบของการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 2.1 องค์ประกอบของการวดั ผลการเรียนรู้ 2.1.1 ส่งิ ทจ่ี ะวดั เป็นการกำหนดวา่ จะวดั ไปทำไม วัดสง่ิ ใด หรือสถานการณใ์ ด 2.1.2 เครื่องมือหรือเทคนิคในการวัดผล เป็นการเลือกเครื่องมือหรือเทคนิคในการวัดผล ใหส้ อดรบั กบั ส่ิงที่จะวัด เชน่ แบบทดสอบ แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การสงั เกต เป็นต้น 2.1.3 ผลจากการวัด เป็นข้อมูลที่ได้จากการใช้เครื่องมือหรือเทคนิคในการวัดผล แลว้ ทำให้ไดข้ ้อมลู เชิงปรมิ าณหรือเชงิ คุณภาพ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
7 ตารางท่ี 1.1 ตัวอย่างองค์ประกอบของการวดั ผล สง่ิ ทจี่ ะวัด เครือ่ งมอื วัด ผลจากการวัด เดก็ ชายทอปรัชญ์หนกั เทา่ ไหร่ ตาชั่ง 13 กิโลกรมั ทัศนวี ลั ยส์ อบภาษาจีนได้ก่คี ะแนน 35 คะแนน ธนกจิ ต้งั ใจเรยี นหรือไม่ แบบทดสอบ ตอบคำถามผสู้ อนได/้ แบบสงั เกต ไม่น่ังคุย/พูดคุยในชนั้ เรยี น 2.2 องคป์ ระกอบของการประเมินผล 2.2.1 ผลจากการวัด ทำให้ทราบสภาพความจริงของสิ่งที่จะประเมินว่ามีปริมาณเท่าไร มคี ณุ สมบัตอิ ยา่ งไร เพอ่ื นำข้อมลู ไปพจิ ารณา 2.2.2 เกณฑ์การพิจารณา ในการที่จะตัดสินใจหรือลงสรปุ สิ่งใดจะตอ้ งมีมาตรฐานสำหรับ ส่งิ ที่จะเปรียบเทยี บกับสิ่งทไ่ี ดจ้ ากการวดั 2.2.3 การตัดสินคุณค่า เป็นการชี้ขาดหรือสรุปผลการเปรียบเทียบระหว่างผลการวัดกับ เกณฑ์ที่กำหนดว่าสอดคล้องกันหรือไม่การตัดสินใจที่ดีต้องอาศัยการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน กระทำอย่าง ยุตธิ รรม ตารางท่ี 1.2 องค์ประกอบของการประเมินผล ขอ้ มูล เกณฑ์ การตัดสนิ คุณคา่ เจษฎากรสอบไดค้ ะแนน 78 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับผลการเรยี น เจษฎากรได้เกรด 3.00 สุกานดาสอบได้คะแนน 69 คะแนน 80-100 4.00 สุกานดาได้เกรด 2.00 พมิ รพฒั น์สอบได้คะแนน 80 70-79 3.00 พิมรพฒั นส์ ุไดเ้ กรด 4.00 คะแนน 60-69 2.00 50-59 1.00 0-49 0 นิสติ สาขาวิชาภาษาไทย คา่ เฉล่ีย ระดบั นสิ ิตสาขาวชิ าภาษาไทย มคี วามพึงพอใจต่อการสอนใน ความพึงพอใจ มคี วามพึงพอใจต่อการ รายวชิ าการออกแบบการวัดและ 4.51-5.00 สอนในรายวิชาการ ประเมนิ ผลเฉลีย่ 4.52 3.51-4.50 มากทส่ี ดุ ออกแบบการวัดและ 2.51-3.50 มาก ประเมินผล 1.51-2.50 อยใู่ นระดับมากท่สี ดุ 1.00-1.50 ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สุด 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
8 จากตัวอย่างข้างต้น การประเมินผลประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ ผลจากการวัด เกณฑ์การพิจารณา การตัดสินคุณค่าหรือการตัดสินใจ ซึ่งข้อมูลเดียวกันหากใชเ้ กณฑ์ต่างกันการตัดสิน คุณคา่ หรือการตัดสนิ ใจย่อมแตกตา่ งกนั ดว้ ย 3. ประเภทของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผลมีหลายประเภทขึ้นอย่กู ับลักษณะในการแบง่ ประเภท ดงั นี้ 1. จำแนกตามการเปรียบเทียบ แบ่งเป็น 2 ประเภท 1.1 การประเมินผลแบบอิงกลุ่ม (Norm Referenced Measurement) เป็นการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบหรือผลงานของบุคคลใด บุคคลหนงึ่ กับบคุ คลอ่นื ท่ที ำงานหรือทำแบบทดสอบอย่างเดยี วกนั เช่น การคดั เลอื กนักเรียนเข้าเรียนต่อ ในสถานศึกษา การสอบคดั เลือกบคุ คลเพ่อื บรรจุเขา้ รบั ราชการ เปน็ ตน้ 1.2 การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Measurement) เป็นการประเมินผลโดยการเปรยี บเทียบความสามารถหรือคะแนนหรือคุณลักษณะ ของผเู้ รยี น/บุคคลโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ เช่น ถ้านสิ ติ สอบได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 80 จึงจะถือว่า ผา่ นเกณฑ์ เปน็ ต้น 2. จำแนกตามวัตถปุ ระสงคข์ องการประเมิน การแบ่งตามจดุ ประสงคข์ องการประเมนิ แบง่ ได้ดงั นี้ 2.1 การประเมินก่อนเรียน หรือก่อนการจัดการเรียนรู้ หรือการประเมินพื้นฐาน (Basic Evaluation) เป็นการประเมินก่อนเริ่มต้นการเรียนการสอนของแต่ละบทเรียนหรือแต่ละหน่วย แบง่ ได้ 2 ประเภท คอื 2.1.1 การประเมินเพอ่ื จัดตำแหนง่ (Placement Evaluation) เป็นการประเมินเพ่ือพิจารณาดวู ่าผู้เรียนมคี วามรูค้ วามสามารถในสาระท่จี ะ เรียนอยู่ในระดับใดของกลุ่ม ประโยชน์ของการประเมินประเภทน้ี คือ ครูใช้ผลการประเมินเพื่อกำหนด รูปแบบการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียนที่มีความรู้ความสามารถในสาระที่จะเรียนน้อยคือ อยใู่ นตำแหน่งท้าย ๆ ควรไดร้ บั การเพ่ิมพูนเนื้อหาสาระน้ันมากกว่ากลุ่มที่อยู่ในลำดับต้น ๆ คือ กลุ่มท่ีมี ความรู้ความสามารถในสาระที่จะเรียนมากกว่า หรือกลุ่มที่มีความรู้พื้นฐานในสาระที่จะเรียนดีกว่า และแตล่ ะกลุ่มควรใช้รปู แบบการเรยี นรู้ทแี่ ตกต่างกัน 2.1.2 การประเมนิ เพอื่ วินิจฉัย (Diagnostic Evaluation) เป็นการประเมินก่อนการเรียนการสอนอีกเช่นกัน แต่เป็นการประเมินเพ่ือ พิจารณาแยกแยะว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถในสาระที่จะเรียนรู้มากน้อยเพียงใด มีพื้นฐานเพียง พอที่จะเรียนในเรื่องที่จะสอนหรือไม่ จุดใดสมบูรณ์แล้ว จุดใดยังบกพร่องอยู่ จำเป็นต้องได้รับการสอน เสริมให้มีพื้นฐานที่เพียงพอเสียก่อนจึงจะเริ่มต้นสอนเนื้อหาในหน่วยการเรียนต่อไป และจากพื้นฐานท่ี ผู้เรียนมอี ยู่ควรใชร้ ปู แบบการเรยี นการสอนอย่างไร ทั้งการประเมินเพื่อจัดตำแหน่งและการประเมินเพื่อวินิจฉัยมีจุดประสงค์ เหมือนกันคือเพื่อทราบพื้นฐานความรู้ความสามารถของผู้เรียนก่อนที่จะจัดการเรียนรู้หรือการเรียน การสอนในสาระการเรียนรู้นั้น ๆ แต่การประเมิน 2 ประเภทดังกล่าวมีความแตกต่างกัน คือ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
9 การประเมินเพื่อจัดตำแหน่ง เป็นการประเมินเพื่อพิจารณาในภาพรวม ใช้เครื่องมือไม่ละเอียดหรือ จำนวนข้อคำถามไม่มาก แต่การประเมินเพื่อวินิจฉัยเป็นการประเมินเพื่อพัฒนาอย่างละเอียด แยกแยะ เนื้อหาเป็นตอน ๆ เพื่อพิจารณาว่าผู้เรียนมีความรู้พื้นฐานของเนื้อหาแต่ละตอนมากน้อยเพียงใด จุดใด บกพรอ่ งบา้ ง ดงั น้นั จำนวนข้อคำถามมมี ากกว่า 2.2 การประเมนิ เพื่อพัฒนา หรือการประเมนิ ยอ่ ย (Formative Evaluation) เป็นการประเมินเพื่อใช้ผลการประเมินเพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้ การประเมินประเภทนี้ใช้ระหว่างการจัดการเรียนการสอน เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในระหว่างการจัดการเรียนการสอนหรือไม่ หากผู้เรียนไม่ผ่าน จุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ผู้สอนก็จะหาวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผลการประเมินยังเป็นการตรวจสอบครูผู้สอนเองว่าเป็นอย่างไร แผนการเรียนรู้รายครั้งที่เตรียมมาดี หรือไม่ ควรปรับปรุงอย่างไร กระบวนการจัดการเรียนรู้เป็นอยา่ งไร มจี ดุ ใดบกพรอ่ งทตี่ อ้ งปรบั ปรุงแก้ไข ต่อไป การประเมินประเภทนี้ นอกจากจะใช้ผลการประเมินเพื่อปรับปรุงการเรียน การสอนแล้ว ผลการประเมินยังใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรของสถานศึกษาด้วย กล่าวคือ หากพบว่า เนื้อหาสาระใดที่ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ไม่เป็นไปตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง โดยที่ผู้สอนได้พยายาม ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มที่กับผู้เรียนหลายกลุ่มแล้วยังได้ผลเป็นอย่างเดิม แสดงว่า ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังนั้นสูงเกินไปหรือไม่เหมาะกับผู้เรียนในชั้นเรียนระดับนี้ หรือเนื้อหาอาจจะยาก หรือซับซ้อนเกินไปที่จะบรรจุในหลักสูตรระดับนี้ ควรบรรจุในชั้นเรียนที่สูงขึ้น จะเห็นว่าผลจากการ ประเมนิ จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาด้วย 2.3 การประเมนิ เพื่อตดั สนิ หรือการประเมนิ ผลรวม (Summative Evaluation) เปน็ การประเมนิ เพือ่ ตัดสินผลการจดั การเรียนรู้ เป็นการประเมินหลงั จากผู้เรียน ได้เรียนไปแลว้ อาจเป็นการประเมินหลงั จบหนว่ ยการเรียนรหู้ น่วยใดหน่วยหนึ่งหรือหลายหน่วย รวมท้ัง การประเมินปลายภาคเรียนหรือปลายปี ผลจากการประเมินประเภทนี้ใช้ในการตัดสินผลการจัด การเรยี นการสอน หรือตัดสนิ ใจว่าผู้เรยี นคนใดควรจะได้รบั ระดบั คะแนนใด 3. จำแนกตามหลักการประเมิน 3.1 การประเมินผ้เู รยี นขณะเรียนรู้ (Assessment as Learning : AaL) เป็นการประเมินการเรียนรู้โดยผู้เรียนประเมินตนเอง (Self Assessment) และ เพื่อประเมิน (Peer Assessment) ระหว่างการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักในการเรียนรู้ของตน สามารถวางแผนการเรยี นรู้ กำกบั การเรยี นรู้ วนิ จิ ฉัย ประเมนิ และปรับปรุงการเรียนของผู้เรยี น 3.2 การประเมนิ ผู้เรียนเพ่อื การเรียนรู้ (Assessment for Learning : AfL) เป็นการประเมินโดยครูผู้สอน เพื่อให้ได้สารสนเทศเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน วิธีการประเมินในขณะเรียนรู้หรือระหว่างการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการและเทคนิคหรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่หลากหลาย ใหโ้ อกาสผ้สู อนได้นำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน ปรบั เปลีย่ น หรือปรับปรุงวิธีการสอน และแกไ้ ขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้เรียน ปรกอบด้วย การประเมนิ ก่อนเรียน (Pre-assessment) และการประเมินเพื่อการประเมินผลระหว่างเรียน หรือการประเมินความก้าวหน้า ( Formative– assessment) 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
10 3.3 การประเมินผลการเรียนรู้ (Assessment of Learning : AoL) เป็นการประเมินโดยครูผูส้ อนในการตัดสินผลการเรียนรู้ หรือตรวจสอบว่าผู้เรียนมี ผลการเรยี นรู้เป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์ท่ีกำหนดไว้หรอื ไม่ ลักษณะเป็นการประเมินสรุปหรือการประเมิน รวบยอด (Summative-assessment) ใช้วัตถปุ ระสงค์หรอื ผลลัพธ์การเรียนรู้เป็นมาตรฐานการประเมิน ตลอดจนใชว้ ธิ กี ารและเคร่ืองมือประเมินที่มคี ุณภาพเช่ือถือได้ 4. จำแนกตามผปู้ ระเมิน 4.1 การประเมินตนเอง (Self Assessment) หรือการประเมินภายใน (Internal Evaluation) เป็นการนำผลการประเมินมาพัฒนาหรือปรับปรุงตนเอง การประเมินประเภทนี้สามารถ ประเมินได้ทุกกลุ่ม เช่น ผู้เรียนประเมินตนเองเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเอง ครูประเมินเพื่อ ปรับปรุงการสอนของตนเอง ผู้บริหารสถานศึกษาประเมินเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการศึกษาของ สถานศึกษา เปน็ ตน้ 4.2 การประเมินโดยผู้อื่น หรือการประเมินภายนอก (External Evaluation) สืบเนื่องจากการประเมินตนเองหรือการประเมินภายในซึ่งมีความสำคัญมากในการพัฒนาปรับปรุง แต่การประเมินภายในมีจุดอ่อนคือความน่าเชื่อถือ โดยบุคคลภายนอกมักคิดว่าการประเมินภายในนั้น มีความลำเอียง ผู้ประเมินตนเองมักจะเข้าข้างตนเอง ดังนั้นจึงมีการประเมินโดยผู้อื่นหรือประเมินโดย ผู้ประเมินภายนอกเพื่อยืนยันการประเมินภายใน และอาจจะมีจุดอ่อนหรือจุดที่ควรได้รับการพัฒนา ยงิ่ ขึน้ ในทรรศนะของผ้ปู ระเมนิ ในฐานะทมี่ ีประสบการณ์ทีแ่ ตกตา่ งกัน 4. ธรรมชาติของการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ อพันตรี พูลพุทธา (2564) ไดก้ ล่าวถึง ธรรมชาตขิ องการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ไว้ดังนี้ 1. เป็นการวัดทางอ้อม (Indirect Observation) กล่าวคือ การวัดทางการศึกษาหรือ จิตวิทยาเป็นการวัดคุณลักษณะทางนามธรรมซ่งึ ไม่สามารถวัดหรือสังเกตไดโ้ ดยตรง การวัดต้องอาศัยส่ิง เร้าหรือตัวกระตุ้น ซึ่งอาจใช้ข้อคำถาม หรือข้อสอบ เพื่อให้บุคคลตอบออกมาเป็นข้อเขียนหรือคำพูด หรือพฤติกรรมที่สังเกตได้เพื่อที่จะนำไปแปลความหมายสิ่งที่วัดนั้น เช่น ต้องการทราบว่านักเรียนมี ความรู้ทางภาษาไทยมากน้อยเพียงใด ครูผู้สอนอาจนิยามว่าความรู้ทางภาษาไทย คือ ความสามารถใน การอ่าน เขยี น ฟงั ดู พดู หลักการใช้ภาษา วรรณคดแี ละวรรณกรรม เป็นต้น 2. เป็นการรวบรวมข้อมูลเพียงบางส่วนของพฤติกรรม หรือกลุ่มตัวอย่างของพฤติกรรม เครื่องมือที่ใช้วัดจึงเป็นการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมตัวอย่างที่ใช้เป็นตัวแทน ( Representative) ของสง่ิ ท่ีต้องการวัดทั้งหมด 3. ผลที่ได้จากการวัดเป็นคุณลักษณะในเชิงสัมพันธ์ (Relative) เพราะค่าตัวเลขที่ได้จาก การวัดมิใช่ค่าสัมบูรณ์ในตัวเอง จึงต้องนำมาเปรียบเทียบกับผลการวัดของบุคคลอื่น หรือเกณฑ์ มาตรฐานที่กำหนดไว้ เช่น นายทอปรัชญ์ สอบวิชาภาษาไทยได้ 50 คะแนน ก็ไม่สามารถบอก นายทอปรัชญ์ เรียนภาษาไทยเก่งหรือไม่ ต้องนำผลการวัดไปสัมพันธ์กับเกณฑ์อื่น ๆ เช่น คะแนนเต็ม หรือคะแนนเฉลีย่ ของห้อง ก็จะช่วยใหค้ วามหมายเดน่ ชัดข้นึ 4. การวัดมีความคลาดเคลื่อน (Error) เกิดขึ้นเสมอ กล่าวคือ การวัดผลการศึกษา เป็นการวัดทางจิตวิทยา สิ่งที่วัดเป็นนามธรรม มีตัวแปรแทรกซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้องมาก เช่น เครื่องมือ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
11 วัดผลไม่มีคุณภาพ การดำเนินการสอบไม่มีคุณภาพ และเนื้อหาหรือพฤติกรรมที่ต้องการศึกษาไม่เป็น ตวั แทนทดี่ ีของเน้ือหาหรอื พฤติกรรมของประชากรทตี่ ้องการศึกษาท้ังหมด 5. ผลจากการวัดมีขนาดไม่เท่ากัน คะแนนที่ได้จากการวัดผลการศึกษาที่ค่าไม่เท่ากัน กลา่ วคือ ความสามารถของผู้เรียนในการทำข้อสอบแตล่ ะข้อมีค่าไมเ่ ทา่ กนั 5. หลกั การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนเพื่อให้คลุมทั้ง 3 ด้านนั้น ผู้สอนจะต้องใช้วิธีการหลากหลาย รวมทั้งใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการวัดผลการเรียนรูต้ ่าง ๆ สำนักวิชาการและมาตรฐานทางการศึกษา (2557) ได้กล่าวถึงหลักการของการประเมินในชั้นเรียนที่มีประสิทธิภาพไว้ในคู่มือจัดการเรียนรู้ ภาษาไทย ดงั น้ี 1. การประเมินในชั้นเรียนที่มีประสิทธิภาพจะต้องส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน การประเมินผลในชั้นเรียนที่มีประสิทธิภาพจะต้องส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน เพราะเป้าหมายของ การประเมินผลในชั้นเรียนคือ การได้ข้อมูลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน และข้อมูลเกี่ยวกับ การพัฒนาการสอน การประเมินผลจะต้องอยู่ในกระบวนการดำเนินงาน ผู้สอนจะต้องปฏิบัติการ ประเมินผลการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มบทเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐาน ประเมินผลระหว่างการเรียน การสอน โดยประเมินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาตนเองไปสู้เป้าหมาย หรือใช้เกณฑ์ในการประเมิน ตนเอง 2. การประเมินจะต้องใช้ขอ้ มูลจากแหล่งข้อมลู ที่หลากหลาย การประเมินผลในชั้นเรียนท่ี ดีต้องได้จากการสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ การวัดเพียงครั้งเดียว อย่างเดียว จะให้ข้อมูลที่ ไม่สมบูรณ์ ควรใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง และวิธีการที่หลากหลาย สอดคล้องกับสิ่งท่ี ตอ้ งการวดั และสภาพทเี่ ปน็ จรงิ 3. การประเมินจะต้องมีความเที่ยงตรง เชื่อถือได้ และยุติธรรม ความเที่ยงตรง และ ความเชื่อมั่นเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของเครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ความเที่ยงตรง ของเคร่อื งมือ คอื เครื่องมอื น้นั สามารถวดั ได้ในสิง่ ท่ีตอ้ งการวดั ส่วนความเช่อื ถือได้หรือความเชอื่ มั่นของ เครื่องมือ คือ ความคงเส้นคงวาของผลการประเมินสำหรับความยุติธรรมของการประเมิน คือ การประเมินสอดคล้องกับการสอน เช่น การประเมินจะไม่ยุติธรรมถ้าการสอบถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ท้ัง ๆ ท่กี ารจดั กิจกรรมการสอนเน้นการหาเหตผุ ล และการแกป้ ญั หา เปน็ ต้น 6. ประโยชน์ของการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลแต่ละครั้งย่อมมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ทั้งน้ีขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมาย ของผู้สอนที่ต้องการจะให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่าน ผลของการอ่านและการประเมิน จะนำไปใช้ดา้ นต่าง ๆ ดังนี้ (ทศิ นา แขมมณ,ี 2558) 1. ปรบั ปรุงการสอนอ่านในสว่ นที่แสดงให้เห็นข้อบกพร่อง เช่น การกำหนดวัตถุประสงค์ที่ สูงหรือต่ำเกินไป ทำให้ไม่สอดคล้องกับเนื้อหา กิจกรรม สื่อ และการวัดผล หรืออาจมีส่วนบกพร่อง เก่ียวกับสื่อการเรยี นทีย่ ากเกนิ ไป ทำใหไ้ ม่บรรลวุ ัตถุประสงค์ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
12 2. นำผลเสนอผู้ปกครอง เพื่อจะได้รู้ความสามารถในการเรียนของผู้เรียน ซึ่งจะได้หาทาง ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กของตนมพี ัฒนาการในการเรยี นสูงข้นึ 3. นำผลที่ได้ไปปรับปรุงสื่อการเรียนวิชาอื่น ๆ เพื่อจัดให้เหมาะสมกับความสามารถของ ผูเ้ รยี นตอ่ ไป 4. นำผลไปใช้ในการบริหาร ช่วยให้ผู้บริหารใช้แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียน ภาษาไทยของผเู้ รยี นในโรงเรยี นของตนต่อไป 5. นำผลไปใช้สำหรับการวิจัยในห้องเรียน เป็นการศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะที่ผู้สอน ทำการสอนภาษาไทย นำปัญหานั้นมาศึกษาทดลองเพื่อหาคำตอบ ผลของคำตอบจะใช้เป็นแนวทาง ในการประยุกต์วิธีสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนในระดับชั้น โดยพิจารณาเพศ อายุ และตัวแปรอื่น ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ ง 7. สรุป การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการวัดพฤติกรรมทางการศึกษาของบุคคล การวัดและประเมินผลแต่ละครั้งย่อมมีวัตถุประสงค์ทีแ่ ตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการวัด และประเมินผลครั้งนั้น ๆ ว่าต้องการอะไร ซึ่งการวัดและประเมินผลมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะ ของการแบ่ง ไม่ว่าจะเป็นการจำแนกตามการเปรยี บเทียบ การจำแนกตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน การจำแนกตามหลักการประเมิน และการจำแนกตามผู้ประเมิน ด้านองค์ประกอบของการวัดผล การเรียนรู้ ผู้วัดจะต้องทราบว่าสิง่ ที่จะวดั คืออะไร เครื่องมือหรือเทคนิคในการวัดผลเป็นแบบไหน และ ผลจากการวัดเป็นอย่างไร ส่วนองค์ประกอบของการประเมินผล ผู้ประเมินต้องทราบว่าองค์ประกอบ ของผลจากการวัดเป็นอย่างไร เกณฑ์การพิจารณาเป็นลักษณะแบบไหน และการตัดสินคุณค่า เป็นอย่างไร โดยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะขึ้นอยู่กับธรรมชาติและหลักการของการวัดและประเมินผล การเรียนรู้เป็นสำคัญ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้มีประโยชน์หลากหลายทั้งต่อผู้เรียน ครูผู้สอน ผู้บรหิ าร ผปู้ กครอง และตอ่ การวจิ ัย 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
13 คำถามทา้ ยบทที่ 1 1. จงอธิบายความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ ให้ถูกต้อง 2. จงเปรียบเทียบการประเมินแบบอิงกลุ่ม และอิงเกณฑ์ รวมถึงวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของ การประเมนิ แต่ละรปู แบบ 3. จงอธิบายลักษณะและเปรียบเทียบความเหมือนความแตกต่างของการประเมินผู้เรียนขณะเรียนรู้ (AaL) การประเมนิ เพอ่ื การเรยี นรู้ (AfL) และการประเมินผลการเรยี นรู้ (AoL) 4. หลักการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ขอ้ ใดสำคัญทส่ี ุด เพราะอะไร จงอธิบาย 5. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้มีความสำคัญ และมีประโยชน์อย่างไรต่อการจัดการศึกษา จงอธบิ าย พร้อมท้ังยกตวั อย่างประกอบให้ชัดเจน 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
14 เอกสารอา้ งอิง ทิศนา แขมมณี. (2558). การประเมินผลขณะเรียนรู้. วารสารราชบัณฑิตสภา, 40(3), 155-174, กรกฎาคม-กันยายน. เบญจมาภรณ์ เสนารัตน์ และสมประสงค์ เสนารัตน์. (2558). หลักการวัดและประเมินผลทางการ ศึกษา. พิมพ์ครง้ั ท่ี 3. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ.์ ประสาท เนอื งเฉลิม. (2564). วจิ ยั การเรียนการสอน. พมิ พ์คร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พ์จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . สมบัติ ท้ายเรือคำ. (2562). ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. มหาสารคาม : สำนักพมิ พม์ หาวิทยาลยั มหาสารคาม. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2557). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั . สุวรรณา จุ้ยทอง. (2560). การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงผลิต ภาพ. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 7(2), 143-152, พฤษภาคม-สงิ หาคม. อพนั ตรี พูลพุทธา. (2564). การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้. มหาสารคาม : ตกั ศิลาการพมิ พ์. อัฐพล อินต๊ะเสนา. (2561). เอกสารประกอบการสอน เรื่อง การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย. มหาสารคาม : โรงพมิ พ์มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. อาภรณ์ ใจเทย่ี ง. (2553). หลกั การสอน. พิมพค์ รั้งท่ี 5. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์. Cronbach, L.J. (1970). Essentials of Psychological Test. New York : Harper Collins. Tyler, R.W. ( 1 9 4 9 ) . Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago : The university of Chicago press. Stufflebeam, D.L. and others. (1970). Educational E valuation and Decision Making. Illinois : F. E. Peacock Publishing. 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
15 บทท่ี 2 การประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย 1. แนวคิด ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีความสำคัญ อันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีตและ เป็นหลักฐานที่สำคัญในการศึกษาความเป็นมาของชาติ เป็นเครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวัน และ เป็นเครอ่ื งมือถ่ายทอดวฒั นธรรม ดว้ ยลักษณะหรือธรรมชาติของวิชาภาษาไทยแบ่งออกเปน็ ลกั ษณะวิชา ประเภททักษะและลักษณะวิชาประเภทเนื้อหา ในการจัดการเรียนการสอนจึงต้องกำหนดพฤติกรรม การเรียนรู้ ทั้ง 3 ด้าน นอกจากนี้ยังต้องวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์จุดประสงค์เชิง พฤตกิ รรมเพ่ือประโยชน์ในการสอน การสอบ หรอื การวัดและประเมนิ ผล 2. เนอ้ื หา 2.1 การประเมินผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 2.2 ความสัมพนั ธข์ องการวดั และประเมินผลวชิ าภาษาไทย 2.3 ลักษณะการประเมินผลการเรยี นภาษาไทย 2.4 องค์ประกอบทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการประเมินผลวชิ าภาษาไทย 2.5 การวัดและการประเมนิ ผลกบั กระบวนการสอนภาษาไทย 2.6 การกำหนดการวัดและประเมนิ ผลวิชาภาษาไทยตามพฤติกรรมการเรียนรู้ 3. วัตถปุ ระสงค์ 3.1 สามารถอธิบายแนวคดิ เกย่ี วกบั การวัดและประเมนิ ผลวิชาภาษาไทยได้ 3.2 สามารถนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์และลักษณะการประเมินผลการเรียน ภาษาไทยได้ 3.3 สามารถบอกแนวคิดเกี่ยวกบั องค์ประกอบที่เกยี่ วข้องกบั การประเมินผลวชิ าภาษาไทยได้ 3.4 สามารถนำความรูเ้ กี่ยวกบั การวัดและประเมนิ ผลวิชาภาษาไทยไปประยุกต์ใช้ในการเรียน ได้ 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมก่อนเรยี น 4.1.1 อาจารยแ์ ละนิสิตรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับความสำคัญของภาษาไทยและลกั ษณะวิชา ภาษาไทย 4.1.2 อาจารย์นำเข้าสบู่ ทเรียนเรอ่ื ง การวัดและประเมินผลวชิ าภาษาไทย 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้ในช้ันเรยี น 4.2.1 อาจารย์ผู้สอนบรรยายเรื่อง การวัดและประเมนิ ผลวชิ าภาษาไทย ในหัวขอ้ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
16 - การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย - ความสัมพนั ธข์ องการวดั และประเมนิ ผลวิชาภาษาไท - ลักษณะการประเมนิ ผลการเรียนภาษาไทย - องคป์ ระกอบทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การประเมนิ ผลวิชาภาษาไทย - การวดั และการประเมนิ ผลกับกระบวนการสอนภาษาไทย - การกำหนดการวัดและประเมนิ ผลวิชาภาษาไทยตามพฤติกรรมการเรยี นรู้ 4.2.2 อาจารย์ผู้สอนและนิสิตร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อในการจัดการเรียน การสอน 4.2.3 อาจารยแ์ ละนิสิตร่วมกันสรุปความรเู้ กีย่ วกบั เรอ่ื ง การวดั และประเมนิ ผลวิชาภาษาไทย 4.3 กิจกรรมเสริม อาจารย์ใหน้ ิสติ ศึกษาเรอื่ ง การวัดและประเมนิ ผลวิชาภาษาไทย เพิม่ เตมิ จากแหล่งการเรยี นรู้ อ่นื ๆ แลว้ สรปุ เป็นชิ้นงานสง่ ในชวั่ โมงตอ่ ไป 5. สื่อการสอน 5.1 เอกสารคำสอนเรื่อง การวดั และการประเมนิ ผลวชิ าภาษาไทย 5.2 PPT ประกอบการสอน เรือ่ ง การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย 6. การวัดและประเมนิ ผล 6.1 การทดสอบ 6.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรียนรู้ 6.3 การเขา้ ชนั้ เรยี น 6.4 ความสามารถในการตอบคำถาม 6.5 การทำแบบฝึกหัดทา้ ยบท 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
17 บทที่ 2 การประเมินผลการเรียนรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย วิชาภาษาไทยเป็นวิชาพื้นฐานที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถและทักษะในการอ่าน การเขียน การฟัง ดู พูด ด้วยเหตุนี้วตั ถุประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนจึงควรมคี วามคาดหวังวา่ ผู้เรียนจะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเรียนวิชาภาษาไทยตามวัตถุประสงค์ที่ กำหนดไว้ การประเมินผลเกี่ยวกับการสอนรายวชิ าภาษาไทยจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งครูผู้สอนควรประเมินผล ให้สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ ดังนน้ั การประเมินผลการเรยี นรู้วชิ าภาษาไทยจะต้องครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ 1. การประเมินผลการเรียนร้กู ลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การประเมนิ เพ่ือพฒั นาผู้เรียนและเพื่อตดั สินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รบั การพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัด เพื่อให้บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซ่ึงเป็นเป้าหมายหลัก ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และ ความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการ พฒั นาและเรยี นร้อู ย่างเต็มตามศักยภาพ (อฐั พล อินต๊ะเสนา, 2562) การวัดและประเมินผลกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยส่วนมากจะอยู่ในกระบวนการ จัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนควรดำเนินการวัดและประเมินผลให้เป็นปกตแิ ละสม่ำเสมอในการจดั การเรียนรู้ ใช้เทคนิคการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย เช่น การใช้แบบทดสอบ การสังเกต การประเมิน ชิน้ งาน/ภาระงาน โดยครูผู้สอนเป็นผ้ปู ระเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นประเมินตนเอง เพ่ือนประเมิน เพอื่ น ผปู้ กครองรว่ มประเมิน ในกรณีทีไ่ มผ่ ่านตัวชีว้ ัดใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ ต่อไป ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และเพื่อนำไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ โดยผู้เรียนจะต้องเรยี นรู้ในประเด็นท่ีสำคญั ดงั นี้ (สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2557) 1. การอา่ น การอ่านออกเสียงคำ ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คำประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่านในใจเพื่อสรา้ งความเข้าใจ และการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะหค์ วามรูจ้ ากส่ิงท่ีอา่ นเพ่อื นำไปปรับใช้ ในชวี ติ ประจำวัน 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
18 2. การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคำและรูปแบบต่าง ๆ ของการเขียน ซึ่งรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่าง ๆ การเขียนตามจินตนาการ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ และเขียนเชิงสรา้ งสรรค์ 3. การฟัง การดู และการพดู การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็นความรู้สึก พูดลำดับ เรื่องราวต่าง ๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และ การพูดเพื่อโน้มน้าวใจ 4. หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับโอกาสและ บคุ คล การแตง่ บทประพนั ธป์ ระเภทต่าง ๆ และอิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย 5. วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม เพื่อศึกษาข้อมูล แนวความคิด คุณค่าของงาน ประพนั ธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนร้แู ละทำความเข้าใจบทเห่ บทร้องเลน่ ของเด็ก เพลงพื้นบ้านท่ี เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจในบรรพบุรุษที่ ไดส้ ่ังสมสบื ทอดมาจนถงึ ปจั จุบัน จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พบว่า หลักสูตรได้มุ่งพัฒนาคนไทยให้ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีความเป็นไทย มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และ ประกอบอาชีพ ดังนั้น การประเมินผลการเรียนรู้จะต้องครอบคลุม 3 ด้าน คือ (สำนักวิชาการและ มาตรฐานการศกึ ษา, 2557) 1. ด้านความรู้ 2. ดา้ นทกั ษะ กระบวนการ 3. ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และลักษณะอันพงึ ประสงค์ 2. ความสมั พันธ์ของการวดั และประเมนิ ผลวิชาภาษาไทย การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทยเป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นถึงการทำงาน 2 ระบบ และมีความสมั พันธก์ นั คอื การวดั ผลกบั การประเมนิ ผล ท้ังสองระบบมลี ักษณะที่คลา้ ยคลึงกนั แต่มสี ่วน แตกต่างกันในทางปฏิบตั ิ (อฐั พล อนิ ต๊ะเสนา, 2561) 2.1 ความหมายของการวัดผล การวดั ผล คอื การหาผลที่ไดจ้ ากการดำเนนิ งานเก่ียวกับการเรียนภาษาไทยของผู้เรียน ตามวตั ถุประสงคข์ องการสอน หรือจากการทดลองการสอน แล้วนำผลที่ได้มาเทียบกับเกณฑท์ ี่กำหนดไว้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งจะได้ว่า การวัดผลทางภาษาไทยเป็นการศึกษาผลที่ได้รับจากการเรียนภาษาไทย ของผู้เรียน โดยกำหนดวิธีวัดตามวัตถุประสงค์การสอน วิธีวัดอาจใช้วิธีวัดผลอย่างใดอย่างหน่ึง 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
19 จากคำอธิบายดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการวัดผลทางภาษาไทยมีองค์ประกอบที่สำคัญดังน้ี (ประสาท เนอื งเฉลมิ , 2563) 1. วัตถุประสงค์ของการวัด กำหนดให้สอดคล้องกับแนวทางในการสอนภาษาไทย จะบ่งชี้ถึงความต้องการที่มุ่งให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางภาษาไทยในทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน 2. วิธีวัด จัดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม วิธีการวัดมีหลายอย่าง ได้แก่ การทดสอบ การสังเกตพฤติกรรมการใช้ภาษา การสัมภาษณ์ การสอบถาม และวิธีอื่น ๆ แลว้ แตก่ ารเลอื กใชข้ องผูส้ อนท่พี ิจารณาเห็นว่าเหมาะสมกบั สถานการณใ์ นการสอนแต่ละคร้งั 3. เครื่องมือที่ใช้วัด แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ เครื่องมือที่วัดผลทักษะทางภาษา อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เครื่องมือวัดผลอย่างเป็นทางการเป็นเครื่องมือที่ผ่านขั้นตอนของ การหาประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือที่มีมาตรฐาน ผลของการใช้เครื่องมือมีความเที่ยงและความตรง ส่วนเครื่องมือวัดผลอย่างไม่เป็นทางการเป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ทดสอบเฉพาะกลุ่ม หรือ เฉพาะบุคคล ไม่ได้ผ่านขั้นตอนของการหาประสทิ ธิภาพ ในบางครั้งอาจใชเ้ ครื่องมือทั้งสองประเภทเพ่อื การวดั ผล แตบ่ างโอกาสก็จะใช้เพียงประเภทเดยี ว ทงั้ นีข้ ้ึนอย่กู ับวตั ถปุ ระสงค์ของการสอนภาษาไทย 4. เกณฑ์ที่นำมาใช้เทียบกบั ผลที่ไดจ้ ากการวัด เป็นคะแนนเฉล่ียที่ได้จากการวดั ผล ทักษะทางภาษาของกลุ่มประชากร นำคะแนนของนักเรียนไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ว่าสูงหรือต่ำกว่า เกณฑท์ ่กี ำหนด การวัดผลทางภาษาไทยจะใช้เวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ วิธีการ เครื่องมือที่วดั และเกณฑ์ทีเ่ ปน็ มาตรฐาน การวัดที่ดีจำเป็นต้องมกี ารเตรยี มตวั ท่ีดีจึงจะทำใหผ้ ลของการ วัดมีความนา่ เชือ่ ถอื 2.2 ความหมายของการประเมนิ ผล สมนกึ ภทั ทิยธนี (2553) กลา่ วว่า การประเมินผลในความหมายของคำ “Evaluation” เปน็ การรวบรวมผลที่ได้จากการใชว้ ธิ ีวัดซึ่งมีมากกว่าหน่ึงวิธี แล้วนำผลมาทำการวินิจฉัยเพ่ือตัดสินใจว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ในการประเมินผลผู้สอนจะกำหนดวธิ กี ารวัดพฤตกิ รรมทางภาษาไทยไว้ มากกว่าหนึ่งวิธี เพื่อช่วยให้ผู้ประเมินรู้ผลที่ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด ด้วยเหตุนี้การประเมินผลจึง เกี่ยวข้องกับวิธีวัด อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าวิธีวัดแต่ละวิธีเป็นส่วนหนึ่งของการประเมิน ดังนั้นถ้าไม่มี การวัดแล้วการประเมินกเ็ กิดขึน้ ไม่ได้ จงึ สรปุ ไดว้ ่าการประเมินผลมีลกั ษณะท่สี ำคัญดังน้ี 1. เปน็ กระบวนการท่มี ีระบบ ผ้ปู ระเมินควรรู้วา่ จะใช้วิธีวดั ใดบ้างและวิธีวัดเหลา่ นั้น ใช้เครื่องมือประเภทใด ถ้าผู้วัดไม่สามารถสร้างเครื่องมือขึ้นใช้เอง ควรรู้ว่าจะหาเครื่องมือนั้นได้จาก แหลง่ ใดจึงจะตรงกบั วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีต้องการใช้ 2. เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์การสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามท่ี กำหนด ดว้ ยเหตุนี้วัตถปุ ระสงค์การสอนจงึ บ่งชีว้ ธิ วี ัดและเครื่องมือทใ่ี ชว้ ัด 3. เกี่ยวข้องกับวิธีการวัดผลมากกว่าหนึ่งวิธี ผลการวัดแต่ละวิธีจะได้รับการนำมา ประเมนิ ใหเ้ ปน็ ภาพรวมของการเรยี นภาษาไทยทัง้ หมด 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
20 กล่าวโดยสรุป การประเมินผลในความหมายของ Evaluation เกี่ยวข้องกับการวัดผล มากกว่าหนึ่งวิธี แต่ละวิธีจะอยู่บนพื้นฐานของวัตถุประสงค์ของการสอนภาษาไทย ซึ่งจะบ่งชี้วิธีวัดผล และเครอ่ื งมือทใี่ ชว้ ดั การประเมนิ จะชว่ ยใหเ้ กิดข้อสรุปที่ชดั เจนเพื่อนำไปตัดสินผลการเรยี นของผู้เรียน ความหมายของการประเมินในความหมายของคำ “Assessment” หมายถึง กระบวนการ รวบรวมขอ้ มูลโดยใช้เคร่ืองมอื วดั ผลประเภทต่าง ๆ ได้แก่ แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ และ เครื่องมืออื่น ๆ แล้วนำผลที่ได้มาใช้ตัดสินจุดอ่อนและจุดเด่นของผู้เรียน การประเมินผลในลักษณะนี้ Harris และ Hodges ไดแ้ บ่งตามลักษณะของการนำไปใช้ไวด้ ังนี้ (ทวิ ตั ถ์ มณโี ชติ, 2549) 1. การประเมินตามสภาพความเป็นจริง (Authentic Assessment) เป็นการประเมินผล จากพฤติกรรมการเรยี นภาษาของผู้เรียนตามสภาพความเป็นจริงทีป่ รากฏจากกิจกรรมในห้องเรยี นและ นอกห้องเรียน ผู้ประเมินผลจะเก็บรวบรวมผลงานในห้องเรียน ข้อสังเกตการใช้ภาษาและการทำงาน นอกห้องเรียน นอกจากนนั้ ยงั รวมถึงพฤติกรรมการใชภ้ าษาทีไ่ ด้จากการแสดงหรือการปฏบิ ตั ิทีป่ รากฏใน แต่ละวนั ด้วย 2. การประเมินผลตามสภาพชั้นเรียน (Classroom Based Assessment) เป็นการ ประเมินผลการเรียนและความกา้ วหน้าของผู้เรียนในสภาพการเรยี นตามปกติเปน็ ระยะ 3. การประเมินผลตามเกณฑ์ทางเนื้อหา (Content Referenced Assessment) เป็นการ ประเมินผลตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้เนื้อหา ได้แก่ จำ เข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และ ประเมนิ ค่า จากเน้ือเร่อื ง เคร่ืองมือท่ีวดั จึงต้องมคี วามตรงตามเนื้อหา 4. การประเมนิ ตามสภาพความแตกต่าง (Differential Assessment) เปน็ การปรับวิธีการ ประเมินผลให้เหมาะกับความสามารถที่แตกต่างระหว่างบุคคล ผู้เรียนที่เรียนอยู่ในระดับชั้นเดียวกัน มีทั้งระดับความสามารถทางการเรียนสูง กลาง และต่ำ ผู้สอนจึงจำเป็นต้องปรับเกณฑ์ ในการประเมิน ให้แตกตา่ งกนั ตามระดบั ความหมายดงั กล่าว 5. การประเมินผลอย่างเป็นทางการ (Formal Assessment) เป็นการประเมินผล โดยรวบรวมข้อมูลจากการใช้เครื่องมือวัดผลอย่างเป็นทางการ เช่น แบบทดสอบมาตรฐานวัดผล การเรียนภาษาไทย แบบทดสอบวดั ระดับสตปิ ญั ญา และแบบทดสอบวัดความพรอ้ ม เป็นตน้ 6. การประเมินผลอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Assessment) เป็นการประเมินผล โดยรวบรวมข้อมลู จากการใช้เคร่ืองมือวดั ผลอย่างไม่เป็นทางการ เปน็ แบบทดสอบหรือเคร่ืองมือวัดผลท่ี ผ้สู อนสรา้ งข้นึ เพ่ือใชใ้ หเ้ หมาะสมกับผเู้ รยี น 7. การประเมินผลตามความต้องการ (Needs Assessment) เปน็ การประเมินตามเง่ือนไข เฉพาะ เพื่อวัดจุดบกพร่องหรือจุดเด่นของผู้เรียน นำผลที่ได้จากการประเมินมาปรับปรุงการเรียนของ ผเู้ รยี นใหส้ ูงข้ึน 8. การประเมินผลจากการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นการประเมนิ ผลจาก งานที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติ เช่น ผลงานจากการทำโครงงาน หรือการทดลอง การคัดลายมือ และการเขียน เรื่องสั้น เป็นต้น นอกจากนั้นยังรวมงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนภาษาไทย โดยมีเกณฑ์ในการ ประเมินที่ชัดเจน ผลงานแต่ละอย่างจะนำมาเทียบกับเกณฑ์ที่ผู้สอนได้กำหนดไว้ ผู้เรียนอาจคัดเลือก ชิ้นงานท่ผี ่านเกณฑห์ รืออยูใ่ นระดับทผี่ เู้ รียนพอใจเก็บไวใ้ นแฟ้มงาน (Portfolio) ตอ่ ไป 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language
21 กล่าวโดยสรุป การประเมินผลในความหมายของ Assessment เป็นการประเมินผลจากการ ปฏิบัติจริงและเป็นการประเมินที่ต่อเนื่อง ซึ่งใช้เครื่องมือวัดผลหลายชนิด มีทั้งอย่างเป็นทางการและ ไม่เป็นทางการ การประเมินผลในลักษณะนี้ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท ควรเลือกใช้ให้สอดคล้องกับ วัตถปุ ระสงค์ 3. ลกั ษณะการประเมนิ ผลการเรยี นภาษาไทย การประเมินผลการเรียนภาษาไทยแบง่ ได้เปน็ 4 ลกั ษณะดงั น้ี (อัฐพล อนิ ตะ๊ เสนา, 2561) 1. ประเมินพื้นฐานการเรียนของผู้เรียน เพื่อผู้สอนจะได้จัดเตรียมแผนการสอนวิชา ภาษาไทยให้เหมาะสมกับระดับความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน เครื่องมือที่ใช้วัด ได้แก่ แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบสำรวจ และแบบสงั เกต ผู้สอนจะใช้ทั้งหมดให้เหมาะสม การประเมิน ในลักษณะนี้จะใช้ก่อนที่ผู้สอนจะเริ่มต้นสอน ผลที่ได้จากการประเมินจะนำมาใช้ในการเตรียม วัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม สื่อ และวิธีการประเมินโดยเลือกวิธีวัดผลเพื่อความเหมาะสมของ แตล่ ะบทเรียน 2. ประเมินผลระหว่างเรียน เพื่อนำผลมาปรับปรุงการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน เครื่องมือที่ใช้วัดมีแบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสอบถาม แบบวัดเจตคติ ผู้สอนอาจใช้ทั้งหมดหรือ เลอื กใช้เปน็ บางชนิดให้สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ 3. ประเมินผลเพื่อวิเคราะห์จุดบกพร่องในการเรียน ซึ่งเป็นการประเมินตามวัตถุประสงค์ ทั้งในด้านความรู้และด้านจิตพิสัย ผู้สอนจะเลือกใช้เครื่องมือวัดเฉพาะวัตถุประสงค์บางข้อเพื่อค้นหา จดุ บกพรอ่ งในการเรยี น แล้วนำผลมาใช้จดั กจิ กรรมการสอนซ่อมเสริมต่อไป 4. ประเมินผลปลายภาค เป็นการประเมินเพื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์การเรียนหลังจากผ่าน กระบวนการของการฝึกฝนมาครบระยะตามท่ีต้องการ เครอื่ งมือที่ใช้วดั ไดแ้ ก่ แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบสำรวจ และแบบประเมินค่า ผลที่ได้จะนำมาประเมินการเรียนท่ี ผเู้ รียนไดร้ บั การฝกึ ฝนมาตลอดปีการศกึ ษา การประเมินผลตามลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นถงึ ลำดับขั้นที่ครูควรเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับ วัตถุประสงค์ของการสอน การประเมินผลแต่ละลักษณะย่อมมีเป้าหมายที่ต่างกันและประเภทรูปแบบ ของเครือ่ งมอื ท่ีนำมาใชก้ ็แตกต่างกนั จงึ ควรเลือกใช้ใหเ้ หมาะสม การประเมินเป็นองค์ประกอบสำคัญกับ แผนการสอนจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการ เรียนรู้วิชาภาษาไทย การประเมินผลอาจใช้เครื่องมือวัดผลอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ หรือใช้ทั้งสองอย่าง ผลที่ได้จากการวัดโดยใช้วิธีที่กำหนดจะนำมาประเมินเพื่อตัดสินพฤติกรรมทาง ภาษาไทยของผ้เู รียนต่อไป (ประสาท เนอื งเฉลิม, 2564) 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292