101 ตรวจสอบน้าและระบบการบาบัดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน มักจะได้คาตอบว่าตักเตือนไปแล้วและพอมา ตรวจกับไม่เจอส่ิงท่ีเป็นอันตรายกับส่ิงแวดล้อม นอกจากน้ันการท่องเท่ียวยังขยายตัวเพิ่มข้ึนบริเวณชายหาด บางสัก บางเนียง เขาหลัก ทาให้ชาวมอแกลนวัยแรงงานออกไปทางานเป็นแม่บ้านและคนสวนในรสี อร์ท เป็น คนงานในร้านอาหารและแหลง่ บรกิ ารใกลเ้ คยี ง ผู้อาวุโสชาวมอแกลนสามารถจะจดจาภูมินิเวศบริเวณนี้ได้เป็นอย่างดีแม้ว่าพื้นที่จะเปล่ียนแ ปลงไป อย่างมากเน่ืองจากทาเหมืองแร่ และพืชพันธ์ุต่างๆ ก็แปรสภาพไป จากเดิมที่เคยเป็นป่าชายหาด ป่าโกงกาง ป่าดบิ แล้ง และพ้ืนทช่ี ุ่มน้า ก็กลายเป็นขมุ เหมอื งและกองทรายทบั ถมเปน็ เนินสงู ประวตั ิชมุ ชนบางสักแบ่งได้ 5 ชว่ งหลักๆ (1) ช่วงทม่ี อแกลนอย่กู ันเองท่ามกลางธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์ แต่ก็เต็มไปด้วยภัยอนั ตรายต่างๆไม่ว่า จะเป็นสัตว์ร้าย โจรผู้ร้าย โรคระบาด แถบบ้านบางสักเป็นพื้นท่ีป่า ในสมัย พ้ืนที่อาศัยหลักคือบริเวณ นากก อยู่กันมาตงั้ แต่ก่อนสงครามโลกครั้งท่1ี การทามาหากินหลักคือการทาข้าวไร่ ตกเบ็ด เก็บปูกุ้ง หอยกินตามวิถี พอเพียงอย่างแท้จริง ชาวมอแกลนพงึ่ ตนเองเป็นหลักและการโยกย้ายท่ีอยู่อาศัยบ้างเป็นครั้งคราวรวมทัง้ มีการ ติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างกลุ่มชาวมอแกลนด้วยกัน ดังนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวมอแกลนจึงรู้จักคุ้นเคยกันดี ตั้งแต่ ชุมชนเกาะพระทองไล่มาจนกระท่ังชุมชนด้านเหนือของเกาะภูเก็ต แถบบ้านบางสักยังเป็นพื้นที่ป่า สมัยน้ัน เมื่อเสียชวี ิตกฝ็ ังในพ้นื ที่ไมไ่ กลจากหมู่บ้าน (2) ช่วงทอ่ี ุตสาหกรรมเหมืองแร่เขา้ มา ทาให้เกิดการโยกยา้ ยและการกระจายตวั ของชมุ ชน มีผคู้ นจาก ภายนอกเข้ามาอยมู่ ากขึ้น นอกจากจะเปน็ การบกุ เบิกพ้นื ทท่ี าเหมืองแล้ว ยงั เป็นการเปดิ พ้ืนทใี่ ห้คนภายนอก โดยเฉพาะผู้ที่มีโอกาส ทนุ และอานาจเข้ามาจับจองกรรมสิทธ์ทิ ดี่ ิน เพราะส่วนใหญท่ ีด่ นิ กลายเป็นของ ผ้ใู หญ่บ้าน กานนั ตารวจ ฯลฯ ชาวมอแกลนทาแร่ วดิ แร่ ร่อนแรก่ ันเองบริเวณชายหาด บางทกี ็มีโจรมาปล้น เงินที่ไดจ้ ากการขายแร่ ชาวมอแกลนต้องหนีเขา้ ไปอยู่ในปา่ บางรายทท่ี างานในเหมอื งก็รบั จ้างเก็บหิน ขดุ ดิน ฉีดน้า เก็บเศษไมใ้ นรางแร่ ทางานเป็นกะๆ ละ 4 ชวั่ โมง ช่วงนเี้ ปน็ ช่วงที่ชาวมอแกลนจากทงุ่ เคด็ ยา้ ยขนึ้ ไปอยบู่ นเขาประมาณปี พ.ศ.2480-2500 และทาสวน รับจ้างมากขน้ึ ในขณะเดียวกันก็มีคนภายนอกเข้ามาคา้ ขายแลกเปลี่ยนหรือเปดิ รา้ นค้าริมถนนใกล้หมู่บ้าน เช่น เปิดร้านขายโกป๊ี ขนมจนี ของจาเปน็ ต่างๆ ซ่ึงก็มีการซ้ือของเงนิ เชือ่ ติดเงินไวก้ ่อน เมือ่ ได้เงนิ มาแลว้ กค็ ่อยจ่าย คืน ในช่วงน้ี การท่ีคนนอกมาจับจองทดี่ นิ ทาให้พื้นทท่ี าข้าวไร่ของชาวมอแกลนลดลง การทาข้าวไร่ ข้าวนา จงึ ทาในพนื้ ที่เดมิ ความสมบูรณ์ของดินลดลงและยังมนี กและสัตวต์ ่างๆมาทาความเสยี หายใหไ้ รแ่ ละนาขา้ ว การเริม่ ต้ังถ่ินฐานบริเวณพน้ื ท่ีด้านใน ทงั้ ในป่าห่างจากทะเลและบนเนินเขานี้นบั เปน็ การปรับตวั คร้ัง สาคัญของชาวมอแกลน ในปัจจุบนั นี้ ปรากฏวา่ ครอบครวั ทย่ี ้ายไปต้งั บ้านเรอื นอยบู่ นเขากลับมีโอกาสดกี ว่าที่ จะจบั จองของทีด่ ินและมกี รรมสทิ ธเ์ิ ป็นเอกสารสิทธ์ิที่เปน็ ทางการ ชาวมอแกลนทบี่ ้านบนไร่มอี าชีพทาสวน ยางพารา สวนผลไม้ และมพี น้ื ท่ีที่จะปลกู พชื สวนครวั ต่างๆ ทาให้พงึ่ พาตัวเองและมีฐานะทางเศรษฐกจิ ท่ีดี
102 อย่างไรก็ตาม ชาวมอแกลนทอ่ี ยู่อาศยั ท่ีนีย่ ังมีความผูกพันกับทะเล ยังไปมาหาสแู่ ละมีความรู้สึกเปน็ ชมุ ชน เดียวกนั บา้ นบางสัก รวมทัง้ ยังออกไปเกบ็ ปูกุ้งหอย แทงโวยวายฯลฯอยา่ งสม่าเสมออกี ด้วย (3) ชว่ งนโบายรัฐอนุญาตใิ หเ้ อกชนดดู แรใ่ นทะเลทาใหป้ ะการังหัวกรังนยุ้ หน้าหาดทับตะวันไดร้ ับความ เสยี เกล่ือนหาดทับตะวนั เม่ือก่อนผูอ้ าวโุ สมอแกลนได้เลา่ ไวว้ ่า เมือ่ นา้ แหง้ อยากเก็บกินอะไรก็ไปเอาขึน้ มาได้ เลย แตเ่ มือ่ นา้ เตม็ แคเ่ อาเรือพายไมถ่ งึ ชว่ั โมง ก็ไดป้ ลามาเต็มลา บา้ งคนคดิ เอามาเผือ่ บ้านเพอื่ นบ้าน ทาให้เรอื จม เพราะเอามามากเกิน แต่หลังจากการทาเหมอื งแร่จบลง ทาให้เกิดความเสยี หาย พนื้ ท่ีอนุบาลสตั วน์ า้ หายไป ความอุดมสมบรู ณ์หายไป ก่อนเกดิ สึนามิธรรมชาตเิ ริ่มฟื้นตัว ปะการงั เกดิ ขึน้ เยอะ แต่ก็ได้รับผลกระทบจาก สนึ ามอิ ีกคร้งั (4) ชว่ งหลังเหตุการณส์ ึนามิ หลงั เหตกุ ารณส์ นิ ามิในปพี .ศ.2547 ชาวเลในประเทศไทยเร่มิ เป็นทรี่ จู้ กั กนั มากข้ึนรวมทั้งชาวมอแกลนดว้ ย เพราะบ้านเรือน เคร่ืองมือประมง และขา้ วของในชุมชนได้รับความเสยี หาย เป็นอย่างมาก สาหรบั ชุมชนบา้ นบางสักมผี ู้เสยี ชีวติ จานวนสิบคน ทง้ั ทหี่ มูบ่ า้ นออกทาประมง หรือทางาน รบั จา้ งอยู่รีสอร์ท ชาวมอแกลนทอี่ ยปู่ ลอดภยั จากสนึ ามิคือกลมุ่ ท่อี ยู่บนเขาในพ้นื ท่ีบนไร่ ซ่ึงเปน็ พ้นื ที่ทาสวน ยางพาราและสวนผลไม้ จงั หวัดพังงาเป็นจังหวดั ที่ได้รับความเสียหายมากทีส่ ุดจากเหตกุ ารณส์ ึนามิ ทาใหเ้ ด็กกาพรา้ ไม่น้อย กว่า 600 คนและผ้ไู ร้ทีอ่ ยู่อาศัยกวา่ 1,500 คน โรงเรียนบางสักทีต่ ง้ั อยใู่ นตาบลบางมว่ ง อาเภอตะกัว่ ปา่ ก็พังทลายไปหมดเหลือเพียงเสาธงเท่าน้นั มลู นธิ ริ าชประชานุเคราห์จงึ ได้กอ่ สร้างโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 35 ขนึ้ ในปี พ.ศ.2548 เพือ่ รับเด็กกาพรา้ และเดก็ ทไี่ ด้รับผลกระทบจากสนึ ามิ รวมท้ังเด็กที่ขาดโอกาสตา่ งๆใน จังหวดั พังงา ช่วงสึนามิความชว่ ยเหลอื ได้หลงั่ เข้ามาสใู่ นชมุ ชนบางสักจากหลายองคก์ ร ซง่ึ นอกจากการช่วยเหลอื เร่งด่วนเร่ืองอาหาร น้า สง่ิ จาเปน็ อ่นื ๆและท่ีอาศยั ช่ัวคราวแล้ว ยังมีการวางแผนสร้างบา้ นถาวรด้วย เนื่องจาก องค์กรที่สนบั สนุนโดยมูลนิธวิ ลิ ลี่ บา้ นปูนสองชัน้ ในซอยตาสุดท่สี นบั สนนุ โดยองคก์ รมัลทีเซอร์(Malteser) และ บ้านใตถ้ นุ สงู ฝาขัดแตะ สนบั สนุนโดยเครอื ข่ายชว่ ยเหลือศูนย์ประสานงานอนั ดามัน เครือข่ายสลัมสีภ่ าค มูลนิธิ ชมุ ชนไท และศูนย์พลเมืองเด็กสงขลา ฯลฯ ความชว่ ยเหลอื เหลา่ นีม้ สี ่วนทาใหช้ มุ ชนเกดิ การรวมตัวกันและ สนใจท่ีจะทางานฟืน้ ฟูวัฒนธรรมและภาษามอแกลนเพ่ิมข้ึน โดยเฉพาะการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ของเยาวชนบาง สกั กบั เยาวชนศูนย์พลเมืองเด็กสงขลา ซง่ึ แตเ่ ดิมเดก็ และเยาวชนมอแกลนไมค่ ่อยมเี พ่ือนคนไทยทเ่ี ขา้ มาทา กจิ กรรมร่วมกันและให้กาลังใจกนั การได้เหน็ การรวมกลุม่ ของเยาวชนจากสงขลาทาใหเ้ ด็กและเยาวชน ทบั ตะวันเกิดความประทับใจและทาให้เหน็ ว่าเยาวชนผู้สรา้ งสรรคก์ ิจกรรมและส่ิงดๆี ให้ชมุ ชนไดเ้ ช่นกนั ในชว่ ง หลงั สึนามิ กลมุ่ เยาวชนบางสัก (หรือท่ีเรียกติดปากกนั วา่ ทับตะวนั ) เปน็ กลุม่ ทีเ่ ขม้ แข็งท่ีสุดในหมู่ชาวเล เพราะ ยงั มกี ารถ่ายทอดกิจกรรมเยาวชนจากรนุ่ ท่ี 1 ถึงปจั จุบันรุ่นท่ี 6 แล้ว
103 ภาพที่ 107 บรรยากาศบ้านชาวเลมอแกลนยามเยน็ 2) เสน้ เวลาเหตุการณ์ชมุ ชนบา้ นบางสัก ตาบลบางม่วง อาเภอตะก่ัวปา่ จ.พงั งา (พ.ศ.2330-2564) ชว่ งเวลา เหตุการณ์ ประมาณ 2330 พ้ืนทย่ี งั เปน็ ปา่ ดงดบิ มีเสือ ควายป่า สัตวป์ า่ มากมาย ผ้เู ลา่ ทวดต้ม ทวดลาน ทวดพงศ์ เฒา่ ปาน 2483-2488 ชว่ งสงครามโลกครั้งท่ี 2 2483 ชว่ งสงครามโลกเรอื ญี่ปนุ่ ขนึ้ ฝ่ังบริเวณขมุ เขยี ว เฒ่าต๊ไุ ปเฝา้ ยาม โดนทิง้ ระเบดิ วิง่ หนีไป หลบในขมุ เมือง 2494 (สมั ภาษณน์ ายเพยี ร หาญทะเล 26 มิถนุ ายน 2557) ชาวมอแกลนเก็บหาแรเ่ พอ่ื ขาย เฒา่ ตุจ๊ าไดว้ ่าตอนเด็ก ชว่ ยแมต่ กั ทรายใสร่ างไวแ้ ลว้ 2497 วิดน้าใสเ่ พือ่ หาแร่ 2497 (สมั ภาษณน์ ายเพียร หาญทะเล 26 มถิ นุ ายน 2557) ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มกี ารกาหนดประเภทเอกสารสทิ ธิที่ดิน 2502 ตอนทป่ี า้ นดิ เด็กๆอาบนา้ ในขุมหน้าบา้ น (ท่องขี้ทราย) เปน็ ขมุ เหมืองใหญ่ นา้ ในขมุ เปน็ 2507 น้าจืด (สมั ภาษณ์ป้านิด 24 มถิ นุ ายน 2557) ป้ากลว้ ยทาไร่ท่ีบา้ นนายาว (สมั ภาษณ์ป้ากลว้ ย 26 มิถนุ ายน 2557) 2517/2519 ป้านดิ เปลยี่ นจากทาแร่มาทาสวนโดยยา้ ยมาอย่บู นไร่ เพราะบ้านในท่องขท้ี รายถูกเถ้าแก่ 2519-2520 ใหย้ า้ ยออก (สมั ภาษณป์ ้านิด 24 มิถนุ ายน 2557 ) มกี ารให้สัมปทานเหมืองแร่ (สัมภาษณ์นายศักดา พรรณรังษี 26 มิถนุ ายน 2557) เริ่มมคี นจากท่ีอื่นๆมาทาแร่บรเิ วณนมี้ ากขึ้น พอ่ แม่น้องเก๋ (วิทวสั ) มาทาแรว่ ลุ เฟรมบน ภเู ขาทบ่ี ้านนา้ เค็ม (สัมภาษณ์นาย วิทวัส เทพสง 23 มิถุนายน 2557)
104 2520 วฒั นธรรมทาข้าวไร่ นาข้าว หายไปจากชุมชนมอแกลน ปา้ น้อยเลกิ ทานา เพราะผลผลติ ลดลงอยา่ งมาก และทีท่ ากนิ ก็มีน้อย (สัมภาษณป์ ้าน้อย 24 มิถนุ ายน 2557 2522 ป้ากลว้ ยรอ่ นแร่ (สมั ภาษณ์ป้ากล้วย 26 มิถุนายน 2557) 2522-2524 ปิดสมั ปทานเหมืองแร่ (สัมภาษณ์ นายศักดา พรรณ์รงั ษี24 มิถุนายน 2557) 2529 หมดสมั ปทานเหมืองแร่ (สมั ภาษณ์ นาย วทิ วสั เทพสง 23 มิถนุ ายน 2557 ) 30 ส.ค.2534 ประกาศตั้งอุทยานแห่งชาติเขาหลกั -ลารู่ ต.คกึ คัก อ.ตะก่วั ป่า จ.พังงา 2537 เรมิ่ สร้างโรงแรมทบั ตะวัน (สมั ภาษณ์นายวทิ วัส เทพสง 23 มถิ ุนายน 2557) 26 ธ.ค.2547 แผ่นดนิ ไหวและเกิดคลน่ื ยักษ์สนิ ามใิ นทะเลอันดามนั บา้ นเรอื นชมุ ชนชาวเลเสียหาย เหลือแคเ่ สาบา้ น มผี ู้คนเสียชีวิต 2548 ชว่ งท่ี1.ชาวเลในทับตะวนั หนีมาอย่บู นไร่-และตั้งเตน็ ท์อยู่ชั่วคราว มีผคู้ นนาอาหารมาให้ ช่วงที2่ .กล่มุ ทุนมาตดิ ป้ายบริเวณทอ่ งทุ วา่ เขาเปน็ เจ้าของโดยมเี อกสารสิทธิเ์ ปน็ นส.3 มี เอ็นจโี อมาทาความเข้าใจดา้ นสทิ ธิ์และสรา้ งทีมกระบวนการเรียกและเปดิ พนื้ ที่ทางสังคม ช่วงท3ี่ เกิดการรว่ มตวั ของชมุ ชนท้ังผ้ชู าย สตรี เดก็ และเยาวชน รุกขน้ึ มาทากิจกรรม และรว่ มกล่มุ อาชีพต่างๆเพื่อปกปอ้ งท่ีดนิ บรรพบรุ ุษเชน่ ขมุ เขียว(พ้ืนทจ่ี อดเรือ)/ที่อยู่ อาศัยชุมชนในท่อง/พืน้ ที่หนา้ หาดกรงั นยุ้ /พื้นทีศ่ าลที่เคารพพ่อตาสามพัน/ที่ทากนิ บน เขา/พน้ื ที่ต้นน้า 2548 มีหลายองค์กรมาร่วมสร้างบ้านให้ชาวเลท่องทุ แต่ไม่มีหนว่ ยงานรฐั แมแ้ ตห่ นว่ ยงานใดท่ี 2549 จะมาร่วมสรา้ งด้วย (ชาวบ้านออกแบบเอง สร้างเอง บา้ นตามใจผู้อยู่ และมีความสุข) 2549-2550 ชาวบา้ นชุมชนท่องทุถูกดาเนินคดีข้อหาบกุ รุกที่ดนิ เอกชน มูลนธิ ิชุมชนไท สลัมสภี่ าค พลเมืองเยาวชนสงขลา มูลนธิ มิ อส.มลู นธิ ิเดก็ มลู นธิ ิเซฟอัน 2553 ดามัน พอช. มูลนิธิวิลล่ี มลู นธิ ิจากประเทศเดนมาร์ก นักศึกษามหาลัยตา่ งๆ อาสาสมัคร วอแลนเทยี ร์ เครือรว่ มกบั หลายองค์กรมาช่วยสรา้ งศูนยว์ ัฒนธรรมทับตะวัน (สัมภาษณ์ นายศกั ดา พรรณ์รังษี 26 มถิ ุนายน 2557) เม่อื วันท่ี 2 ม.ิ ย.พ.ศ.2553รฐั บาลนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชวี ะ ไดม้ มี ติ คณะรฐั มนตรี เห็นชอบหลกั การแนวนโยบายในการฟนื้ ฟวู ิถีชีวิตชาวเลตามแนวทาง จัดทาพื้นท่ีวัฒนธรรมพเิ ศษและมอบหมายให้หน่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ งนาแผนไปปฏิบัติ ประกอบดว้ ยการสรา้ งความม่ันคงด้านที่อยู่อาศยั การให้ชาวเลสามารถประกอบอาชพี ประมงหาทรพั ยากรตามเกาะต่างๆโดยผอ่ นปรนพิเศษในการใชอ้ ุปกรณ์ดั้งเดิมของกลุ่ม ชาวเล รวมถึงการสนบั สนุนงบประมาณในการฟ้ืนฟูวิถชี วี ิตและวฒั นธรรม แตก่ ย็ งั ไม่มี ความคืบหน้ามากนัก
2555 105 2555-2562 2563-2564 ศาลจงั หวัดตะกว่ั ป่าใหช้ าวเลชมุ ชนบ้านทบั ตะวันไกลเกลีย่ กับเอกชนในวนั น้นั แม้ ชาวบา้ นยงั ไมม่ ีหลักฐานชดั เจนกบั การยอมคดี สดุ ท้ายบางรายก็ไม่ได้การเยยี วยาอยา่ ง เป็นธรรม และยังมีปา้ ลาภทย่ี ังไมร่ ับสทิ ธ์ิในท่ีดนิ จนถงึ ปจั จุบนั -ชาวบ้านหันมาทางานรบั จา้ งมากขน้ึ เมอื่ วิถีทางทะเลถูกจากดั ลง และนโยบายฟืน้ ฟูวถิ ี ชีวิตชาวเลกม็ เี พื่อชะลอการเส่ือมสญู ของวัฒนธรรม แต่ยังไมม่ ีนโยบายระยะยาวเพ่ือการ สนับสนนุ ด้านวัฒนธรรมชาตพิ ันธุใ์ หต้ ่อเน่ือง -สถานการณ์โควดิ ชาวบ้านสวนใหญต่ กงาน/ถูกเลิก -ชาวเลใช้พ้ืนทธี่ รรมชาติมากข้ึนเชน่ กรังนุย้ ชายทะเล ขุมเขยี ว ทาสวนปลูกผกั เลีย้ งหมู แบบภมู ิปญั ญามอแกลนมากขึ้น -คนรนุ่ ใหม่เร่ิมเรยี นรู้วถิ ีชวี ติ การหากนิ จากผ้ใู หญ่อย่างจริงจังเช่นการดลู ม การดฝู ูงปลา การเอาสัตว์ตามวถิ ชี าวเลอยา่ งพอประมาณ การเซ่นไหว้กบั พืน้ ทธ่ี รรมชาติ -มีความสามัคคีมากขน้ึ -กลมุ่ สตรีบางสกั รว่ มกนั ทากิจกรรมขา้ วแลกปลา -ศูนยว์ ฒั นธรรมทับตะวันเป็นพ้ืนท่ีท่ีใหค้ นชุมชนมารว่ มกันทากิจกรรมร่วมกนั ตั้งปี 50- จนถงึ ปจั จบุ ัน -ตั้งศูนย์ชาวเลสู้โควดิ 19 ดาเนนิ การแผน 4 ภมู ิคุ้มกนั ชาวเลต้องรอด
106 3) วถิ ีชีวติ ชายฝั่ง นเิ วศวัฒนธรรมของชุมชน ภาพท่ี 108 สภาพเรือท่ีจอดหนา้ หาดทับตะวันในช่วงมรสุม การดารงวิถีชีวิต : ในอดีตจนถงึ ปัจจุบัน วิถีมอแกลนทับตะวัน เป็นวิถีชายฝ่ังเนินเทือกเขา มีภูมิปัญญาในการ ดารงชีวิตอยู่กับทะเลและการเพาะปลูก ชาวมอแกลนท่ีน่ีทาสวนผสมใกล้บ้านและปลูกข้าวไร่จนหลังยุค ประกาศเขตป่าและสัมปทานป่าไม้ คนในทอ้ งถิน่ เข้าครอบครองพืน้ ทขี่ ้าวไร่แปลงเดิมของมอแกลนจนหมด เม่ือ จะเวียนกลับมาที่เดิมจึงไม่สามารถใช้พ้ืนท่ีได้อีก ต่อมามีนโยบายให้สิทธ์ิท่ีดินให้เกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจ พื้นที่ข้าวไร่และสวนผสมจึงเปลี่ยนเป็นยางพาราไปเกือบหมด ส่วนวิถีภูมิปัญญาในท้องทะเล ก็เป็นด่ังคา กล่าวถึงความสามารถของมอแกลนว่า “หม่าต๊ะ คู๋ตี่จุมก่าเว๊ะ อุ่เอ๊นกู่ไล๊น๋ะป่ะหน๊า” หมายถึง “ตาเหมือนนก ออก น้าเจ็ดศอกยังมองเห็น” และก่อนจะมีการสัมปทานแร่ในทะเล ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ วิถีในทะเลอิสระ หลังธรรมชาติเส่ือมโทรม วิถีชาวเลก็ถูกกาหนดโดยการประกาศเขตรัฐประเภทต่างๆ โดยเฉพาะเขตอุทยานฯ และเขตการท่องเที่ยวที่ก่อเกิดการควบคุมไม่ให้ชาวเลใช้พื้นท่ีดั้งเดิม นานเข้าก็สูญเสียภูมิปัญญา ไม่รักหวง แหนในพ้ืนที่ธรรมชาติทถี่ ูกรัฐครอบครองเป็นเจ้าของ เมื่อชาวเลไม่สนใจก็เกิดการรุกใช้พื้นท่ีจากคนทั่วไปและ เอกชนจนธรรมชาติพังพินาศเกือบทุกท่ี ปัจจุบัน มีมติจากนโยบายผ่อนปรนให้ชาวเลใช้เคร่ือง 17 ชนิดหากิน ได้ ชาวมอแกลนทามาหากนิ ชายฝั่งทะเลและปลกู ขา้ วท้ังในรปู แบบของขา้ วไร่และข้าวนา การอยอู่ าศัย และทามาหากนิ ในบรเิ วณนม้ี ายาวนานทาให้เกิดความคุ้นเคยกบั ภูมินิเวศ มีความรู้เกยี่ วกบั ทรัพยากรในระบบ นิเวศย่อยๆไม่วา่ จะเป็นแนวปะการัง ปา่ ชายเลน ปา่ ชายหาด ป่าบนบก พนื้ ทีช่ ุ่มน้า-รอ่ งน้าจดื บนบกฯลฯ
107 ในสมยั ก่อนบริเวณชายฝ่งั บางสักน้ีเปน็ ป่าใหญ่ มีเสือและสตั ว์ป่าอยู่ ชาวมอแกลนรุ่นอาวโุ สยังเคยเดิน ป่าแล้วเห็นรอยเท้าเสือขนาดเท่าฝ่ามือคน ป่าใหญ่น้ีอดุ มสมบูรณ์มีไม้ใหญ่และมีพน้ื ท่ีมาจรดชายหาด พื้นที่ป่า บกนั้นเป็นแหล่งวัตถุดิบสาหรับสร้างบ้าน สร้างเรือและทาเครอื่ งมือเครื่องใช้ พ้ืนท่ีบนบกบางแห่งเป็นพ้ืนที่น้า ขังหรอื มีรอ่ งนา้ จืดตามธรรมชาติ บางแห่งเปน็ บงึ ตื้นๆ ทีม่ ีปลิงดูดเลือด ทั้งปลิงควาย (แลตากกะบาว) และปลิง เข็ม คือตัว ลูกของปลิงควาย(แลต๊ากด่าลุ่ม)มีช่ือทางวิทยาศาสตร์poecilobdella manillensis ท้ังสองอย่าง นามาทายาได้ โดยยา่ งกบั น้าผึ้ง แล้วบดใหเ้ ดก็ ๆ กนิ วนั ละนิด เช่อื กันวา่ จะทาให้เด็กแข็งแรง ไม่ร้องโยเย บรเิ วณที่มนี ้าจืดไหลลงทะเลมักเป็นแหล่งป่าชายเลน พื้นทดี่ นิ เปน็ ขเี้ ทือกขเ้ี ลนแต่น้าใสสะอาด ป่าชาย เลน เป็นที่ทามาหากนิ สาคัญแห่งหน่ึงเพราะมีหอยหลายชนิด เช่น หอยขาว หอยโข่ง หอยรู หอยลาย หอยติบ หอยหวาน หอยแครง หอยคราง หอยชักตีน ซ่ึงหอยชนิดหลังน้ีแทบจะสูญพันธ์ุไปแล้วเพราะสภาพพื้นท่ี เปล่ียนไปนอกจากน้ันก็เป็นแหล่งเตยพรุ (ชาวมอแกลนเรียกว่า สะแขะพรุ) เตยโดง(สะแขะกะโดง) เตยหลัง คาย (สะแขะหลังคาย)ใบเตยเหล่านน้ี ามาตัดและกรดี เป็นเส้นตอกแช่น้า ตากแดด เพ่ือนามาสานเสื่อและสาน” กะสอบ”ใส่ของได้ ภาพท่ี 109 “ยายลาบ”กบั หมึกโวยวายทจ่ี ับได้ พนื้ ท่ีบรเิ วณหาดและแนวปะการังก็เป็นแหล่งอาหารที่สาคัญ แถบบางสัก ชาวมอแกลนหาปู กุง้ หอย ใน บริเวณท่ีเรียกว่า”หัวกรัง” ซึ่งเป็นชื่อเรียกภาษามอแกลนแปลว่า “หัวปะการัง” เดิมพื้นที่น้ีเป็นบึงน้าเค็ม แบบลากูน (lagoon) แต่คล่ืนสึนามิทาให้สภาพธรรมชาติบริเวณน้ีเปล่ียนไป อาหารทะเลที่ชาวมอแกลนบาง สักโปรดปรานคือ “ดาหวาก” หรือเรียกในภาษาไทยปักษ์ใต้ว่า “โวยวาย”ซ่ึงก็คือหมึกสายเล็ก (Octopus dolifusi )การแทงโวยวายเป็นสิ่งท่ีทากันมาต้ังแต่รุ่นปู่ยาตายาย ท้ังเพื่อกินเองและเพ่ือขาย บางทีก็ย่างหรือ ตากแห้งเก็บเอาไว้กินได้นานๆ ชาวมอแกลนแทงโวยวายขายตั้งแต่กิโลกรัมละ 3-5 บาทเม่ือประมาณ30ปี มาแล้ว จนกระท่ังมีราคากิโลกรัมละ 150-200 บาทในปัจจุบัน และโวยวายหายากมากข้ึนหลังจากท่ีสภาพ ธรรมชาตบิ ริเวณหวั กรงั เปล่ียนไป
108 ฤดูกาลแทงโวยวายเร่ิมตง้ั แต่เดือนพฤศจกิ ายนถึงพฤษภาคมของทกุ ปี จานวนของโวยวายลดลงใน ฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนน้ั ตัวยังมีขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่ค่อยมีเนื้อ โวยวายในพื้นที่แถบน้ีมีหัวเล็ก หนวดยาวอุปกรณ์ในการแทงโวยวายคือเหล็กหรือสแตนเลสสองง่ามมีปลายแหลม ก่อนท่ีจะไปแทงโวยวาย ชาวเลมอแกลนต้องไปหาปูหินที่อาศัยอยู่ตามกองหินริมชายหาด เมื่อได้ปูหินมาแล้วก็นามาเด็ดกล้ามและขา ออกให้หมด จนเหลือแต่เนื้อ ต่อจากนั้นก็นาหวายมาเหลาให้เป็นก้านแหลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ซม. ยาว 30 ซม.มาเสียบเน้ือปูเปน็ เหย่ือลอ่ โวยวาย จากนั้นก็เดินหาปากรูของโวยวายบริเวณชายหาด ซ่ึงมีจุดสังเกตคือปากรูจะมีเศษหินเล็กน้อยกองพูน อย่โู ดยรอบ และหินดังกล่าวจะสะอาดทุกกอ้ น ไม่มีตะไคร่เกาะ เม่อื พบรโู วยวาย ก็จะนาบรเิ วณปากรูออก 2-3 ก้อน จากนั้นนาก้านหวายท่ีเสียบเน้ือปูแหย่ลงไปในรู เมื่อโวยวายได้กล่ินเน้ือปูก็จะยื่นหนวดขึ้นมาจับแล้ว พยายามลากลงรู ชาวมอแกลนจะค่อยๆดึงก้านหวายข้ึนมา เม่ือมองเห็นโวยวายโผล่หัวออกมาจากรูก็จะใช้ เหล็กแหลมแทงเบา และความเร็ว เป็นการประชันความว่องไวระหว่างผู้แทงและโววายอย่างแท้จริง ชาว มอแกลนนิยมนาโวยวายมาปรงุ เปน็ อาหารหลายประเภทเชน่ ลาบ ผดั เปรีย้ วหวาน แกงกะทิ แกงเผด็ ฯลฯ ภาพที่ 110 ถ่ายจากพ้นื ท่ีทาข้าวไร่ในอดตี มองเห็นหาดทบั ตะวัน ชาวมอแกลนเปน็ ชาวเลที่ทามาหากินตามชายฝงั่ ทาประมง เกบ็ กุ้ง หอย ปู ปลา แต่ในขณะเดียวกันก็ เป็น “ชาวไร่ ชาวนา”ด้วย ในสมัยก่อนชาวมอแกลนในหลายชุมชนเคยปลูกข้าวไร่ บริเวณที่ราบชายฝั่งทะเล และบนเขาโดยการพึ่งพาน้าฝน การปลูกข้าวไร่ใช้แรงคนล้วนๆไม่ต้องอาศัยแรงสัตว์แบบปลูกข้าวในนา ชาว มอแกลนเริ่มทาข้าวไร่ในช่วงต้นฤดูฝนคือประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน มีการหยอดเมล็ดข้าวในหลุมท่ี ทาโดยใช้ท่ิมลงไปในดิน และรอให้ตน้ ข้าวเจริญเตบิ โตออกรวง จึงเก็บเกี่ยวโดยใช้เคียวหรือใช้ “นมนั ”หรือแกะ เก็บข้าว เมื่อทาไร่ข้าว 1-2 ฤดูกาลแล้วก็เปลี่ยนพื้นที่แต่ก็ไม่ได้เป็นการเปิดพ้ืนท่ีใหม่เสมอไป บ่อยคร้ังท่ีเวียน กลับมาทาไรข่ ้าวในนาพื้นที่ทเ่ี คยปล่อยรกร้างจนกลบั มาเป็นป่ารก ชาวมอแกลนจึงมีความผูกพันกับผืนดนิ และ อยอู่ าศัยตดิ ที่ในบางชว่ งเวลาเพื่อท่ีจะดแู ลและเก็บเก่ียวข้าวไร่
109 พน้ื ที่บางแห่งท่ีเป็นแหล่งน้าซบั ร่องน้า บงึ ต้ืนๆ หรือพื้นท่ีชุมน้าก็เป็นแหลง่ ปลกู ข้าวแบบในนาได้ ใน บางสักก็มีพ้ืนท่ีเช่นนี้ เช่น “บ้านนายาว” (ชาวมอแกลนเรียกว่า “นาหน่าย้ด”ต่อมาก็เรียกย่นย่อเป็น “บ้าน นา”เป็นร่องน้าจืดตามธรรมชาติที่เคยใช้ทาข้าวนา โดยใช้แรงคนหรือใช้ควายเหยียบย่าพ้ืนที่ให้ดินโคล่นอ่อน นุ่มและหว่านข้าวลงในดิน จนกระทั่งเมล็ดงอกออกมาเป็นต้นกล้า บางครั้งก็ถอนมาปักดาในนาที่มีน้าขังอยู่ ตลอด วฒั นธรรมการทานาของชาวมอแกลนมกี ารชว่ ยเหลือกัน เป็นการลงแรงด้วยกันหลายๆคนในหมู่ญาติ ระหว่างพ่ีน้องเพื่อนฝงู ทาให้งานเสร็จรวดเร็วดว้ ยและมีความสนุกสนานในการทางานด้วย เพราะมีการพูดคุย หยอกล้อกัน เวลาทางานจึงผ่านไปรวดเร็ว แต่ต่อมาวัฒนธรรมการทานา วัฒนธรรมข้าวและการช่วยเหลือ เกอ้ื กูลกันค่อยๆหายไป โดยเฉพาะในยคุ สมัยทตี่ า่ งคนต่างกอ็ อกทางานรัจา้ งหาเชา้ กินคา่ เปน็ หลกั หลังจากที่เก็บเก่ียวแล้วก็มีการฟาดข้าวให้เมล็ดข้าวเปลือกหลุดออกจากรวง บริเวณบ้านมอแกลน ดั้งเดิมจะมียุ้งข้าวสร้างเป็นเรือนใต้ถุนเตี้ยขนาดเล็กกว่าบ้านต้ังอยู่ใกล้กัน ตัวเรือนยุ้งจะใช้ไม้ไผ่ จากและ สังกะสีเท่าที่หาได้มาทาฝาและมุงหลังคา ภาษามอแกลนเรียกยุ้งข้าวว่า “ทับ”ข้าวเปลือกที่ได้จากข้าวไร่และ นาข้าวจะถูกนามาเก็บใส่ปีบ เมื่อจะรับประทานก็นาข้าวเปลือกมาตาในครกไม้ ต่อจากน้ันจึงนาไปฝัดเพื่อแยก เปลือกออกจากเมล็ดข้าว ชาวมอแกลนทาครกไม้เอง โดยใช้ท่อนไม้ขนาดใหญม่ าขุดเจาะเป็นหลุมท่ีมีความมน โค้งกาลังดี ทาไม้ตาข้าวจากท่อนไม้ยาว ทากระด้งฝัดข้าวจากไม้ไผ่และหวาย ทาเส่ือรองข้าวจากใบเตยหนาม ในสมัยกอ่ นชาวมอแกลนหงุ ขา้ วดว้ ยหม้อดินเผาบนเตาฟนื เหมอื นคนไทยในสมยั ก่อน นอกจากน้ันก็มีการเล้ียงสัตว์เช่นหมู และไก่ แต่เป็นการเลี้ยงแบบปล่อยคือให้สัตว์เหล่านั้นเป็นอิสระและ หากินเองในบริเวณหมู่บ้าน การเลี้ยงหมูขี้พร้าแบบปล่อยให้หากินเองทั่วหมู่บ้านน้ันจึงเป็นอัตลักษณ์ของชาว มอแกลน ในสมัยก่อนชาวมอแกลนอยู่ได้อยา่ งสบายเพราะว่าทาข้าวไร่บนบก จึงมีข้าวเป็นอาหารหลัก และยัง ออกหากินตามชายฝ่ัง มีปลาปูกุ้งหอยอุดมสมบูรณ์ ต่อมาเม่ือมีการจับจองครอบครองพื้นท่ีมากข้ึน มีการ ขยายตัวของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ดีบุก สวนยางพารา สวนมะพร้าว ชาวมอแกลนก็หันมาทางานรับจ้างเพื่อ แลกกับข้าวและของจาเป็นอ่ืนๆบ้างก็ทาไร่ข้าวบนท่ีดินที่มีผู้อ่ืนจับจองและแบ่งปันส่วนของข้าวเอาไว้ ชาว มอแกลนจึงเป็นส่วนสาคัญของพัฒนาการของพ้ืนท่ีชายฝ่งั จังหวัดพังงาและภูเก็ต แต่กลับมีประวัติศาสตร์หรือ เรื่องราวท่ีเปน็ กลายลักษณ์อกั ษรเกยี่ วกบั ผคู้ นกลุ่มน้ีอยนู่ ้อยมาก
110 ภาพท่ี 111 “เลยี งร่อนแรด่ บี กุ ”ทส่ี บื ทอดกนั มากว่า 50 ปี การทาเหมือง การท่องเท่ียว และสภาพชมุ ชนทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป พื้นที่หลายแห่งในภาคใต้ฝั่งอันดามันเป็นพ้ืนท่ีศักยภาพแร่ดีบุก การร่อนแร่ด้วยมือและเลียงแบบ พน้ื บ้านรวมทั้งการทาเหมืองชนดิ ต่างๆ เร่ิมพฒั นามาตง้ั แต่ยุครตั นโกสินทร์ตอนต้นหรือร้อยกว่าปีที่ผ่านมา การ ทาเหมืองมีหลายชนดิ มีทั้งการทาเหมืองแร่บนบก เช่น เหมืองรูหรือเหมืองปล่อง (shaft mining)ฯลฯ เหมือง หาบ (open-pitmning) เหมืองสูบ(gravel pumping) เหมืองฉีด (hydrolic mining หรือ hydraulicking) ฯลฯ และการขดุ แรใ่ นทะเล เชน่ เหมืองเรอื สูบ และเหมืองเรือขุด บางสักเป็นพ้ืนที่ท่ีมีศักยภาพแร่ดีบุกสูงเช่นเดียวกับพ้ืนท่ีอื่นๆแถบชายฝ่ังอัดามัน และการรุกคืบของ อุตสาหกรรมเหมอื งแร่กม็ ีผลต่อวิถีของชาวมอแกลน หลงั จากท่ีมีการขอสมั ปทานทาแร่ดีบุก บริษัทก็ขอใหช้ าว มอแกลนโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นเพอื่ ท่ีจะได้ทาเหมืองในบริเวณนี้ มีการจดั หาตับจากมงุ หลังคาใหค้ รอบครัวละ 200 ตับ ชาวมอแกลนเป็นคนท่ีกลัวและไม่อยากมีปัญหากับคนภายนอก จึงยอมย้ายโดยดี หลังจากน้ันก็มีการ เปลย่ี นแปลงสภาพกายภาพของพ้ืนที่ การเปิดหน้าดนิ การสรา้ งทานบโดยการปักไม้และทาคันดนิ การขุดและ ดูดทรายกลายจนพืน้ ทเ่ี ป็นขมุ เหมือง เปน็ ทุ่งทราย และเปน็ เนนิ ทราย การเปิดพื้นที่ทาเหมืองและความต้องการไม้มาใช้สอยโดยเฉพาะในกิจกรรมเหมืองแร่ การทาราง เหมืองและเสา การสร้างที่พักอาศัยให้คนงานทาให้ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณน้ีหมดไป เดิมแถบนี้มีต้นไม้ใหญ่หลาย คนโอบนอกจากน้ัน ทรายสะอาดสีขาวถกู ดูดขึ้นมาปกคลุมพื้นที่ ทาให้เหลือต้นไม้ไมก่ ี่ชนิดท่ีเติยโตได้ดีในพ้ืนท่ี เป็นทราย เช่น ต้นเค็ด (catunaregam tomentosa(blume ex dc.)Tirveng.) ต้นกาหยี (Anacardium occidentale) ต้นเสม็ดชุน ยูคาลิปตัส กระถ่ินณรงค์ และหลังจากท่ีหยุดการทาเหมืองแล้ว บรเิ วณน้ีก็เป็นขุม เหมอื งและยังมพี ้นื ทีช่ มุ น้า มีปา่ พรุ
111 ต้ังแต่คร้ังท่ีแร่ดีบุกเร่ิมมีราคา ชาวมอแกลนบางส่วนก็หันมาวิดแร่บริเวณชายหาด ซึ่งทาได้เฉพาะ ในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เท่าน้ัน (ประมาณเดือนมิถุนายนถึงตลุ าคม) เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวทะเลมี คลื่นลมจัดท่ีกวาดทรายบริเวณชายหาดกลับลงทะเลไปแต่ในขณะเดียวกันก็จะกวาดเอาเศษแร่จากพ้ืนทะเล ขึน้ มาบรเิ วณชายหาด ชาวมอแกลนจะ “กวาดแร่” โดยนาไมไ้ ผห่ รือแกลลอนผ่าซกี ค่อยๆ กวาดทรายที่มแี ร่ปน อยู่มาใส่ในรางวิดแร่ ซึ่งจะแยกทรายออกจากแร่ไปส่วนหน่ึง ต่อด้วยการนามาร่อนด้วยเคร่ืองมือที่เรียกว่า “เลียง”ชาวมอแกลนบางคนนาทรายปนแร่ใส่กระสอบขนกลับมาที่บ้านเพื่อร่อนต่อด้วยเลียง เพราะงานน้ีใช้ เวลามากและเป็นงานละเอียด ในปัจจบุ ัน (พ.ศ.2557) มีการรับซ้อื แร่ตะก่วั ในราคากโิ ลกรัมละ 230-250 บาท เดิมการร่อนแร่ของชาวมอแกลนไม่ต้องขออนุญาต แต่ในขณะน้ีต้องมีใบอนุญาตร่อนแร่จากสานักงาน อุตสาหกรรมจังหวัด ซ่ึงสานักงานจะให้โควตาแก่เถ้าแก่และชาวมอแกลนต้องจ่ายค่าใบอนุญาตให้เถ้าแก่ใน ราคาใบละ 500 บาทตอ่ ปี ภาพที่ 112 สภาพนิเวศในขุมเขียว อุดมสมบรู ณ์ มอแกลนหาปู ขุมเขียวเป็นตัวอย่างของพ้ืนท่ีที่มีการเปล่ียนแปลงหลังการทาเหมืองแร่ ในสมัยก่อนที่จะมี อตุ สาหกรรมเหมือง บริเวณนี้เป็นพื้นท่ีชุม่ น้าชายฝ่ังทะเล ในช่วงฤดูฝนซ่ึงมีน้าจืดมากก็สามารถจะทาไร่ขา้ วได้ การดูดแร่และดูดน้ามาใช้ในการทาเหมืองแร่ทาให้บริเวณน้ีกลายเป็นบึงท่ีลึกขึ้นใหญ่ขึ้นกว่าเดิม น้าในบึงดูใส จนเป็นสีเขียว บริเวณนี้มีป่าโกงกางท่ีมีคลองซอยหลายซอย ด้วยความสมบูรณ์ของระบบนิเวศก่อนทาเหมือง แร่บริเวณน้ีจึงเป็นแหล่งหากินของชาวมอแกลนมายาวนาน มีหอยชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็นหอยแครง (เอี๊ยก กลาง) Anadara granosa) หอยลาย(เอี๊ยกแหม่มาย) หอยโหล (เอ๊ียกลู) ปูดา (กะต๊ามแกต๊ัม) ปูหิน(กะต๊าม บ่าเต้ย) เพรียงที่ไซตามขอนในป่าโกงกาง (บ่าต๊าง)(Teredo navalis)เป็นพื้นที่หาผักหวานเล (Melientha suavis pierre) ผกั เบ้ีย(Sesuvium portulacastrum) หาใบจากมาเย็บทาหลังคาจาก ตดั เตยชนิดต่างๆมาทา เสื่อและกระบงุ
112 หลังจากที่ป่าบริเวณน้ีค่อยๆลดลง พืชที่กลายเป็นต้นไม้หลักอย่างหนึ่งในบริเวณน้ีคือเสม็ดชุน(บู่ฮู้ด) ซึ่งชาวมอแกลนอาศัยไม้มาทาประโยชน์ต่างๆ ต้นจะออกดอกดูขาวโพลนประมาณเดือน 9-10 (คือเดือน สงิ หาคม-กันยายน) หลังจากนั้นจึงมีผลซ่งึ ชาวมอแกลนเก็บมากิน ในสมัยโบราณขนม ของหวาน ของกินเล่นมี น้อยมาก เด็กๆมอแกลนจะไปหาผลไม้ธรรมชาติเหล่านี้มากิน นอกจากขุมเขียวจะเป็นพื้นที่หาอาหารแล้วยัง เป็นจุดจอดเรือหลบลม และยังเป็นพื้นท่ีทางจิตวิญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างชุมชนมอแกลน กับธรรมชาตชิ ายฝ่งั ดว้ ย เรอ่ื งราวการเปลย่ี นแปลงของขมุ เขียวสะทอ้ นบทเรยี นอะไรตอ่ สังคมใหญบ่ ้าง? (1) ในแง่ของธรรมชาติแล้ว ขุมเขียวสะท้อนให้เห็นถึงระบบนิเวศท่ีเปล่ียนแปลงไปแต่ก็ยังคงรักษา ความยืดหยุ่นและฟื้นตัวได้หลังจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ หลายคร้ัง (resilience) แต่หากการเปลี่ยนแปลง นั้นเป็นไปโดยจงใจอย่างที่ไม่คานึงถึงการธารงสภาพนิเวศชายฝ่ังแล้ว อาจจะเกิดการทาลายอย่างสูญส้ินจน กระทั้งระบบไม่สามารถฟื้นตวั ได้อีกในอนาคต (2) ในแง่ของระบบ/โครงสร้างทางกฎหมาย พ้ืนท่ีนี้แสดงให้ถึงความลักล่ันของระบบสัมปทานเหมือง แร่กบั พ้ืนที่สาธารณะหลังจากหมดอายุประทานบตั รการทาเหมอื งแร่ใหก้ ับรัฐไม่ว่าจะเป็นพื้นท่ปี ่าซ่ึงจะต้องตก อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ และพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่จะตกอยู่ในความดูแลของกรมทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝั่งหรือกรมเจ้าท่า ในหลายกรณี การจัดการท่ีดินหลังสัมปทานเหมืองแร่กลายเป็นการเอื้อให้เจ้าของ เหมืองบริษัทเหมืองสามารถถือกรรมสิทธิ์ได้ แม้ว่าจะมีกรณีบริษัทหรือเจ้าของเหมืองจะยืนยันว่าที่ดินนั้นเป็น ของตนเองตั้งแต่ก่อนทาเหมือง แต่หากคานึงถึงประวัติความเป็นมา การตั้งถ่ินฐาน ของชาวมอแกลนแล้ว ก็ เห็นได้ชัดว่าวิถีวฒั นธรรมมอแกลนเช่ือมโยงกับพื้นที่และระบบนิเวศบริเวณน้ีอย่างแน่นแฟ้น จึงควรจะมีความ พยายามในการปกปอ้ งคุ้มครองวถิ ีวฒั นธรรมรวมท้ังภูมนิ เิ วศท่ีเกื้อกลู กนั (3) ในแง่ของระบบสังคมวัฒนธรรม ระบบนิเวศที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ “ปาดังก่อมะเฒ่าน่ึง” ของชาว มอแกลนจนกระทั่งเป็น “ขุมเขียว” เป็นท่ีใช้ประโยชน์สาธารณะซ่ึงหล่อเล้ียงวิถีชีวิตผู้คนชายฝั่งทะเลเรื่อยมา เห็นได้จากรอยทางเดินจากหลายหมู่บ้านมายังพื้นท่ีบริเวณนี้ ซ่ึงสะท้อนว่าชาวบ้านมาใช้พ้ืนที่จอดเรือและหา เลี้ยวชีพสั่งสมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเก่ียวกับพืชพันธุ์และสัตว์บริเวณน้ี รวมทั้งความผูกพันกับธรรมชาติ ชายฝั่ง แต่ต่อมาเมื่อเร่ิมมีระบบกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล ก็เกิดการหวงแหนและเกิดการกีดกันการใช้ประโยชน์ หลังเกิดสึนามิก่อมีป้ายมาติดประกาศห้ามบุกรุกพ้ืนที่ มีชายฉกรรจ์ถือปืนเอ็ม16 ค่อยคุ้มกันพื้นให้ไม่ใครใช้ ความเป็นท่ีสาธารณะและการแบ่งปันใช้ประโยชน์ร่วมกันจึงสิ้นสุดลง ปี พ.ศ.2549 คนไทยในชุมชนถูก ดาเนินคดขี ้อหาบกุ รุกโดยการเข้าไปปลูกต้นไม้ แตว่ ันน้นั มชี าวบ้านจากหลายพื้นท่เี ขา้ มาชว่ ยกนั ปลูกปา่ โกงกาง แต่กลับไม่ถูกดาเนินคดี แต่หลังน้ันชาวมอแกลนมกี ารเรียกร้องต่อศาลตะกั่วป่าให้ชาวบ้านกลับไปใชป้ ระโยชน์ ได้อย่างเดมิ ศาลตัดสินใหท้ งั้ 2 ฝา่ ย แบง่ กันใช้ประโยชนด์ ้วยกัน
113 ดังที่กล่าวแล้วว่าสภาพชายฝ่ังบางสักเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ต้ังแต่การทาเหมืองแร่ท่ีมี การปรับเปล่ียนหน้าดิน ดูดทรายขึ้นมาหาแร่ดีบุก จนกระทั่งถึงการพังทลายและความตื้นเขินของบริเวณบึง และพน้ื ทชี่ ุม่ นา้ จากหลังภัยพิบตั สิ ึนามิ การเปล่ียนแปลงครั้งแรกเกิดข้ึนเพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยฝีมือมนุษย์ท่ีทาให้จะต้องตักตวง และสกดั เอาทรัพยากรจากธรรมชาตมิ าใชอ้ ยา่ งเข้มขน้ การเปล่ียนแปลงคร้ังที่สองเกิดจากภัยธรรมชาติที่เป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวและไม่สามารถจะ ทานายได้ลวงหน้า พบิ ัตภิ ัยสนึ ามิได้ทาให้การท่องเท่ยี วซบเซาลง แต่ในเวลา 2-3 ปีต่อมา นักท่องเท่ียวคนไทย ก็กลับมายังพ้ืนท่ีอีก จึงมีที่พัก ร้านค้า ร้านอาหารขนาดเล็กที่เกิดขึ้นมารองรับการท่องเท่ียวขนาดเล็ก ธุรกิจที่ เกยี่ วกับการท่องเทีย่ วเริ่มเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง และต่อมาในปีพ.ศ.2555 เม่ือมีการก่อสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ก็มี ธุรกจิ รา้ นค้า ร้านอาหาร บรกิ ารตา่ งๆตามมา ทาให้บริเวณนี้ขวกั ไขว่มากขึ้น มีการดื่มกิน การสังสรรคเ์ ฮอาของ นักท่องเท่ียวผมู้ าหาความรื่นรมยโ์ ดยไมไ่ ด้รับร้เู รอื่ งราวของผู้ท่ีอาศัยและใชพ้ น้ื ทีน่ ี้มาก่อน การเปล่ียนแปลงครั้งที่สามที่กาลังเกิดจากฝีมือมนุษย์จะเป็นภัยอันใหญ่หลวงด้วยมนุษย์กาลังกีดกัน การใช้ประโยชน์ของเพ่ือนมนุษย์ด้วยกันและทาให้วิถีวัฒนธรรมรวมทั้งภูมิปัญญาที่สะสมเพิ่มพูนมานับร้อยปี ค่อยๆสูญสลายไป การผูกขาดการใช้พื้นทเ่ี บยี ดขับวิถีชายฝัง่ ของชาวมอแกลน ในขณะเดยี วกัน หนทางท่ีตีบตัน ขึ้นก็ผลักดันให้ชาวมอแกลนวัยแรงงานออกไปทางานเป็นแม่บ้านและคนสวนในรีสอร์ท เป็นคนงานใน รา้ นอาหารและแหล่งบริการใกล้เคียง ทาใหง้ านรบั จา้ งกลายเปน็ งานหลักของผู้คนแถบน้ี นักท่องเท่ียวที่มามีทั้งไทยและต่างชาติ แต่น้อยมากท่ีจะรับทราบเก่ียวกับประวัติความเป็นมาและ ความสาคัญของชุมชนมอแกลนแถบชายฝั่งอันดามัน การท่องเที่ยวไม่ได้ทาให้เกิดการเรียนรู้และไม่มีผลทาให้ เกิดการพัฒนาชุมชนโดยตรง และไม่ได้มีผลต่อการสร้างเสริมอัตตาลักษณ์และความภาคภูมิใจของชุมชน พ้ืนเมืองดั้งเดิม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างชาวมอแกลนและนักท่องเที่ยวมักจะถูกลดทอนลงเหลือเพียงกิจกรรม ระหวา่ ง “ผใู้ หบ้ ริการ”และ “ผ้รู ับบรกิ าร” แรงปะทะของคล่ืนการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันทาให้ชุมชนมอแกลนบางสักไม่สามารถอยู่อย่างสงบ และเรียบง่ายแบบเดิมๆได้อีกต่อไป การเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวก็เป็นประตูบานใหม่ท่ีมาพร้อมโอกาส และภัยอันตราย การขยายตัวของโรงแรม รีสอร์ท สถานบริการ แหล่งบันเทิง ฯลฯ ทาให้พ้ืนท่ีสุสานและ สถานที่ทาพิธีกรรมหลายแห่งถูกแปรสภาพจากพ้ืนท่ีร่มร่ืนและสงบ กลายเป็นพ้ืนที่อึกทึกวุ่นวายและตกอยู่ใน วงล้อมของสิ่งแปลกปลอม การเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของชุมชน นิเวศวัฒนธรรมหรือสายสัมพันธ์ระหว่าง ชุมชนและระบบนิเวศ จึงยิ่งมีความสาคัญเพราะปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของประชาชาติท้องถ่ินดั้งเดิมแห่ง สหประชาชาติทรี่ ัฐบาลไทยรับรองไว้ก็ระบุในข้อ 25 ว่า “ประชาชาติท้องถิ่นด้ังเดิมมีสิทธใิ นการดารงและสรา้ ง สัมพันธภาพทางจิตวิญญาณที่มีลักษณะกับที่ดิน ดินแดน แม่น้า ทะเลชายฝั่ง หรือทรัพยากรอ่ืนใดท่ีตนเป็น เจ้าของตามประเพณีหรือมิฉะนั้นได้ครอบครองและใช้ และสิทธิในการยึดถือความรับผิดชอบเพื่ออนุชนใน อนาคตในเร่ืองดังกล่าว”ลูกหลานของชาวมอแกลนมีสิทธิท่ีจะเรียนรู้และผดุงรักษาวัฒนธรรมท่ีมีค่านี้ไว้ และ
114 อันท่ีจริงแล้ววิถีวัฒนธรรม ภาษา ประเพณี ของชาวมอแกลนก็ถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สาคัญของคน ไทยท้งั ชาติ 4) สถานการณ์ปญั หาทีด่ ิน สาเหตุและผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ ภาพท่ี 113 “เดก็ มอแกลนขน้ึ หนา้ 1 ชาวเลชมุ นมุ ให้รฐั ทาตามมติ ครม.ชาวเล 2 ม.ิ ย. 53 ปัญหาของชนเผ่า “มอแกลน”ทับตะวนั ทอี่ าศยั นโยบาย ทท่ี ากิน ไม่ถกู ปฏิบตั ิใช้ อคติทางสังคม ทท่ี างจิต วญิ ญาณ สูญเสียวัฒนธรรม ปญั หาด้านท่ีดินอาศัยทากิน : มอแกลน แมจ้ ะอยู่อาศัยมากอ่ นการกาหนดเขตรัฐชาติ หรือการครอบครองของ ผู้ใด แต่ใน 24 ชุมชนของจังหวัดพังงา ร้อยละ 95 ถูกรัฐประกาศเขตทับท่ี อีกร้อยละ 4 ถูกเอกชนอ้างสิทธ์ิใน ท่ีดินท่ีอยู่อาศัย ท่ีทากิน และพ้ืนท่ีทางจิตวิญญาณ มีเพียงร้อยละ 1 เท่าน้ันท่ีมีที่ดินม่ันคงแล้ว ซ่ึงชุมชน มอแกลนทับตะวันได้ผ่านการต่อสู้เพ่ือเรียกร้องสิทธิ์จนได้เป็น 1 ในส่วนน้อยของมอแกลนทั้ง 24 ชุมชนท่ีมี ทด่ี ินเปน็ โฉนด
115 *** ลาดบั เหตกุ ารณ์ในเชิงสภาพใชท้ ี่ดนิ และสถานภาพของทีด่ นิ ในทางกฎหมาย พ.ศ.2495 นางเฉลียว แผ้วชมภู ระบกุ ารถือสิทธ์ิ 27 พ.ศ.2493 ส.ค.1 นางเฉลยี ว แผว้ ชมภู เลขที่ 84 ระบุมีเนอ้ื ที่ 33 ไร่ 11 ก.พ.2512 นางเฉลยี ว ยน่ื คาขอรับรองการทาประโยชน์ ว่า “ปลกู ผลไมเ้ ตม็ เน้ือท่ี”เพ่ือจะขาย ให้แกน่ ายมานติ ย์ เจริญกุล 9 เม.ย.2514 นางเฉลยี ว และ นายมานิตย์ ถอนคาขอซ้ือที่ดิน 1 ก.ย.2515 นางเฉลียวมอบอานาจให้นายประสทิ ธิ์ กลุ วานิช นารงั วัดรับรองการทาประโยชน์ รบั น.ส.3 คาขอรับรองการทาประโยชน์มี นายวบิ ูลย์ ลม่ิ เลก็ กานนั บางม่วง เป็นพยานอา้ งวา่ ปลูกมะม่วงหนิ มะพานต์ ทั่วๆไป ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2495 มีนายประยงค์ ผ้ใู หญบ่ ้านเป็นพยาน 15 ก.ย.2515 สารวจพสิ จู นแ์ ละปักหลกั เขตท่ีดิน (มีนายประสิทธ/ิ์ ประยงค์/นิติ กุลวานิช) 24 ไร่ 3 งาน 13 วา 29 ก.ย.2515 ประกาศที่ว่าอาเภอตะกัว่ ป่า เรื่องมีผู้ขอรบั รองการทาประโยชน์ที่ดนิ เรื่องมีผขู้ อ ขายทด่ี ิน 13 พ.ย.2515 ออก น.ส.3 นางเฉลยี ว แผว้ ชมพู เลขท่ี 89 จานวน 24 ไร่ 3 งาน 13 วา - ทิศเหนือ จด คนู ้าโบราณ - ทิศใต้ จด ที่ดินนายเจริญ กุลวานิช - ทิศตะวนั ออก จด ท่ีดินนายเจรญิ กลุ วานิช - ทศิ ตะวนั ตก จด ทีด่ นิ นายเจริญ โพธิสตั ย์ 14 พ.ย.2515 ขายให้นายประสิทธิ์ กลุ วานชิ 20,000 บาท 7 ต.ค.2535 นายประสิทธ์ิ กุลวานชิ เสียชวี ติ นางรัมภา กลุ วานิช ขอคาสงั่ ศาลแต่งตั้งเป็น ผจู้ ัดการมรดกแทน 19 ต.ค.2535 ศาลจงั หวดั ตะก่วั ปา่ แจ้งอายัดที่ดนิ น.ส.3 เลขที8่ 9 และ แปลงอน่ื ๆอีกรวม 3 แปลงของนางรมั ภา กลุ วานชิ ไวเ้ ปน็ หลักประกนั ในการขอทุเลาการบงั คับคดรี ะหวา่ งอุทธรณ์ ใน คดแี พ่งหมายเลขที่ 35/2535 ระหว่าง นายปรดี า อดุ มทรัพย์ ในฐานะผถู้ อื หนุ้ บริษทั เหมืองแร่ รวมโชคจากดั (โจทก)์ เพ่ือระงับการจาหนา่ ยจา่ ยโอนทานิติกรรมใดๆในทีด่ ินจนกว่าจะได้รบั การ แจง้ ถอนอายัด 21 เม.ย.2537 ศาลสงั่ ถอนอายดั 19 ม.ค.2548 นางรมั ภายื่นคาขอออกโฉนดทดี่ ินตามคาขอท่ี 541/2548 (58/250) 14 ก.พ.2548 กาหนดทาการรังวัด สานกั งานที่ดินสง่ เจ้าหนา้ ทไ่ี ปรงั วัดตามคาขอ แตร่ ังวดั ไม่ได้ เนอ่ื งจากมสี อ่ื มวลชนติดตามข่าวและรายงานว่า ชาวบ้านมอแกลนท่ีอยูม่ านานไมส่ ามารถเข้าอยู่
116 ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ท่ีดนิ ห้ามเข้าพนื้ ที่ ทาใหส้ ร้างบ้านไม่ได้ เจ้าหน้าท่ีบอกว่าเป็นเรอ่ื งท่ีเป็นขอ้ พพิ าท ม.60 กาหนดไว้วา่ ตอ้ งมรี ูปแผนทแี่ สดงรายละเอยี ด ตาแหน่งทด่ี ิน และเนอ้ื ท่ีของท่ดี นิ พพิ าท และรายละเอยี ดของการอ้างสิทธคิ รอบครองก่อน โดยต้องรงั วดั ท้ังรอบแปลงและ รายละเอียดของแปลงยอ่ ยท่พี ิพาท แต่ชาวบ้านไม่ยอมเพราะไม่ไว้ใจเจา้ หนา้ ท่ีรัฐ 20 ก.ค.2548 นายทนุ และสานกั งานทีด่ ินได้ขอเข้ามารังวัดที่ดินอีกคร้งั เกิดการปะทะกัน นาย หน่วย นาวารกั ษ์ ชาวบา้ นทบั ตะวนั ถกู นายจรูญ โพธิสตั ย์ และพวกรุมทาร้าย โดยนายหน่วยไดไ้ ป แจ้งความข้อหาทารา้ ยร่างกายแล้ว เป็นอนั ว่าการรังวดั ครงั้ นกี้ ็ยังวัดไม่ได้ เปน็ ท่นี า่ สังเกตวา่ ทุกครั้งทีม่ ีการรังวดั คนท่ีพาเจ้าหน้าทม่ี าทุกครั้งคือนายจรูญ โพธสิ ัตย์ นาง รัมภาไม่เคยมาดว้ ยตวั เองแม้แต่ครั้งเดยี ว ท่ีดินของนางรมั ภาในบริเวณนม้ี ีอกี 2 แปลง (70 กว่าไร)่ ซ่ึงทาการขอออกโฉนดเรียบร้อยแลว้ ใน ปี 2542 ซง่ึ นายวิโรตม์ ผูใ้ หญ่บา้ นกลา่ วว่า นางรัมภารับรกู้ ารมีอย่ขู องชมุ ชนบา้ นทับตะวันใน แปลงนี้แล้ว จงึ มไิ ด้ขอออกโฉนดทด่ี นิ แปลงนีด้ ้วย ** ลาดับเหตุการณ์ ชุมชนท่องทุ บ้านทับตะวัน อดตี ชาวมอแกลนยืนยันวา่ อยมู่ าตัง้ แต่รุน่ ปู่ ยา่ ตา ยาย พ.ศ.2495 นางเฉลยี ว แผ้วชมภู ระบกุ ารถือสิทธิ์ พ.ศ.2498 นางเฉลียว แจ้งสทิ ธก์ิ ารถอื ครองทด่ี ินส.ค.1 เลขท่ี 84 ระบุว่ามีเน้ือท่ี 33 ไร่ 11 ก.พ.2512 นางเฉลียว ย่ืนคาขอรบั รองการทาประโยชน์ ว่า “ปลูกผลไมเ้ ต็มเนื้อท่ี”เพ่ือจะขาย ให้แกน่ ายมานิตย์ เจรญิ กุล 9 เม.ย.2514 นางเฉลยี ว และ นายมานติ ย์ ถอนคาขอซ้ือท่ีดิน ก.ย.2515 นางเฉลียวมอบอานาจใหน้ ายประสิทธ์ิ กุลวานิช นารังวดั รับรองการทาประโยชน์ รบั น.ส.3 คาขอรับรองการทาประโยชน์มี นายวบิ ูลย์ ลม่ิ เล็ก กานันบางมว่ ง เป็นพยานอา้ งว่าปลกู มะมว่ งหนิ มะพานต์ ทวั่ ๆไป ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2495 มีนายประยงค์ ผู้ใหญ่บ้านเปน็ พยาน 13 พ.ย.2515 ออก น.ส.3 นางเฉลยี ว แผว้ ชมพู เลขท่ี 89 จานวน 24 ไร่ 3 งาน 13 วา• 14 พ.ย.2515 ขายให้นายประสทิ ธิ์ กลุ วานิช 20,000 บาท นายประสิทธ์ิ กุลวานิช เสียชวี ิต นางรมั ภา กลุ วานิชขอคาสง่ั ศาลแต่งตั้งเป็นผ้จู ดั การมรดกแทน 26 ธนั วาคม 2547 เกิดเหตุการณ์กรณีภัยพบิ ัตสิ นึ ามิ 19 ม.ค.2548 นางรมั ภาย่ืนคาขอขอออกโฉนดท่ดี นิ ตามคาเลขท่ี 541/2548(59/250)-นายทุน และสานกั งานที่ดนิ พยายามเขา้ รังวดั พน้ื ที่แต่ไมส่ าเรจ็
117 รายช่อื ผ้ถู กู ฟ้องคดที ีด่ นิ นส.3 เลขที่ 89 มเี นื้อทีป่ ระมาณ 24 ไร่ ชาวบา้ นใช้ประโยชนป์ ระมาณ 18 ไร่ ประกอบด้วย 37 ครัวเรอื น รวม 215 คน ชือ่ /ท่ีอยู่ คนมอแกลน คนไทย พื้นที่ถูกไกลเกลย่ี ที่ดนิ ทข่ี ายต่อ แล้ว 1.นางลาภ หาญทะเล มอแกลน บ้านเลขที่ 54/2 หมายเหตุ เจ้า ทด่ี นิ รังวดั ครอบ เขตแลว้ แต่ยัง ไม่ได้รบั สิทธใิ น ท่ดี นิ 2.นางนาง ภู่สกุล มอแกลน บา้ นเลขที่ 52/12 3.นายมลู หาญทะเล มอแกลน บ้านเลขที่ 42/1 4.นางสมใจ กล้าทะเล มอแกลน ต้องเสยี พื้นทีส่ ว่ น บา้ นเลขที5่ 2/12 หนึ่งให้นางตว้ น ระหวา่ งการไกล 5.นายตะวนั แสงนนุ่ มอแกลน เกลี่ย บา้ นเลขท่ี 52/2 หมายเหตุ ศาลรงั วัด ต้องเสยี พ้นื ที่ให้ ครอบเขตแล้ว แตย่ งั นางตว้ น แสงน่นุ 6.นางยืน แสงนนุ่ ไมไ่ ดร้ บั สิทธิในทีด่ นิ บา้ นเลขที่ 52/9 เพราะมปี ญั ญาหากัน หมายเหตุ ศาล ในครอบครัว รังวดั ครอบเขต มอแกลน แลว้ แต่ยงั ไม่ได้ รบั สิทธิในทด่ี นิ เพราะมีปญหากัน ในครอบครัว
118 7.นายทนงศักดิ์ หาญ มอแกลน หมายเหตุ ศาล ทะเล บา้ นเลขที่ 52/9 รงั วัดครอบเขต แลว้ แตย่ งั ไม่ได้ 8.นางยืนยง หาญ มอแกลน รบั สทิ ธใิ นทด่ี ิน ทะเล บ้านเลขท่ี52/9 เพราะมีปญหากัน ในครอบครัว 9.นางสว่ิ บี๋ หลีสกุล หมายเหตุ ศาล บา้ นเลขท่ี52/14 รงั วัดครอบเขต 10.นายเจียว หลสี กุล แล้ว แต่ยงั ไม่ได้ บา้ นเลขที่ รับสทิ ธใิ นทด่ี นิ 11.นายอานวย โฮ่ เพราะมีปญหากัน สกลุ ในครอบครัว 12.นายรนั หาญกจิ คนไทย บา้ นเลขที่48/1 13.นายสมยศ ฉิ้ คนไทย นเจย้ี ง บ้านเลขท่ี 48/1 คนไทย 14.นายขนิฐา ปนกล่ิน 15.นางเอยี ด หาญ คนมอแกลน คนไทย ทะเล คนไทย คนไทย ขายแล้ว
119 16.นายอุด จติ ไมตรี คนมอแกลน -เสยี ทดี่ ินเดิมให้ จิตบา้ นเลขท4ี่ 6/2 นายทนุ ทั้งหมด 17.นางสมพงษ์ สุระ คนมอแกลน บ้านเลขที่ 49/5 -เสียทด่ี นิ เดมิ ให้ 18.นางต้วน แสงน่นุ คนมอแกลน นายทุนทั้งหมด บ้านเลขท่ี 52/11 19.นางสุพรรณ นาวา คนมอแกลน -เสียท่ดี นิ เดิมให้ รกั ษ์ บ้านเลขท่ี54/4 นายทนุ ทงั้ หมด 20.นายสมพร หาญ คนมอแกลน ทะเล บ้านเลขท่ี 54/6 -แบง่ ท่ดี ิน 21.นายดนั หาญทะเล คนมอแกลน บางสว่ นให้นาย บา้ นเลขที่ 54/6 พร หาญทะเล -เสียที่ดนิ เดมิ ให้ 22.นางศรีรัตน์ ทอง นายทุนท้ังหมด ศรี 23.นางเพญ็ พกั บุญ -แบ่งทด่ี นิ -นายดนั ขาย ลักษณ์ บา้ นเลขท่ี บางส่วนใหน้ าย ทดี่ นิ บางส่วนให้ 52/4 พร หาญทะเล สรา้ งศนู ย์วัฒ ธรรมมอแกลนปี 2548 -นายดนั ขาย ทีด่ ินบางส่วนให้ คนไทย -นายพร หาญ ทะเลขายใหค้ น ไทยแล้ว คนไทย -แบง่ ที่ดนิ นายพงษ์เดช บางส่วนให้นาย ขายแลว้ พงษ์เดช โฮส่ กุล คนไทย -แบ่งที่ดนิ ใหน้ าย สมพงษ์ สรุ ะ
120 24.นายอัสวนิ ทองศรี คนไทย บา้ นเลขท5่ี 2/5 25.นายมงคล หาญ คนมอแกลน -แบ่งทีด่ ินให้ลูก -ลูกสาวนางตว้ น ทะเล บา้ นเลขที่52/7 สาวนางต้วน แสง ขายให้คนไทย 26.นายคาแหง ปน นุ่น แล้ว กล่นิ คนไทย ขายใหค้ นไทย 27.นายนพิ นธ์ อ๋อง สกุล แล้ว 28.นายอาทิตย์ ฮกฮ่วั คนมอแกลน 29.นายเตียน หาญ คนมอแกลน คนไทย -แบง่ ที่ดนิ ทะเล บา้ นเลขที่52/3 บางส่วนใหน้ าย อูด จติ ไมตรีกิจ 30.นายพร หาญทะเล คนมอแกลน บา้ นเลขท5ี่ 4/3 -แบง่ ทด่ี นิ -นายเตยี นขาย 31.นางจารณุ ี โฮ่สกุล บางส่วนใหน้ าย ที่ดนิ ครั้งแรกให้ 32.นายพงษ์เดช โฮ่ สกลุ อดู จิตไมตรีกจิ ครแู มว -ครงั้ ที่2ขายท้งั ผืนใหค้ นไทย (ตอนนีย้ า้ ย ครอบครัวไปอยู่ ในท่อง) -เสียทด่ี ินทั้งหมด ให้นายทนุ และ ไดร้ ับเงินเยยี วยา 150,000 บ. คนไทย -เสียทีด่ ินทง้ั หมด ใหน้ ายทุน คนไทย -เสยี ท่ีดินทั้งหมด ให้นายทุน
121 33.นางสาวสุภาภรณ์ คนไทย ทัดเทยี ม 34.นายธนากร คนไทย ทดั เทยี ม 35.นายพรการุณ อวิ๋ ส คนไทย -เสียเงนิ สมทบให้ กุล นายอูดบางสว่ น 36.นางรัชนี ทฆี ะ คนไทย -เสียเงินสมทบให้ เสนีย์ นายสมพงษ์ บางส่วน 37.นายมา้ ว ปนกลิน่ คนไทย ภาพที่ 114 ศาลบรรพชน พ่อตามสามพันทห่ี าดบางสัก ปัญหาพื้นท่ีทางจติ วญิ ญาณ : ชาวเลมอแกลนมีศาลบรรพชนทเี่ ปรียบเหมอื นวัด มสั ยดิ หรือโบสถ์ ครสิ ต์ มสี ุสานทเี่ ปรียบเหมือน กุโบร์ หรอื สสุ านของคนจ่นี และคนคริสเตยี น ศาลบรรพชนของชาวเลมอแกลนทับตะวัน คือศาลพ่อตาสามพัน ท่หี าดบางสกั มีเนื้อท่ี 2 ไร่และถูกประกาศ เปน็ พน้ื ทสี่ าธารณะพลเมืองใชร้ ่วมกันเมอื่ ชว่ ง พ.ศ.2542 โดยไม่มีการกนั พน้ื ที่พิธกี รรมให้มอแกลน พ.ศ.2552
122 ผู้นาหมู่บ้านเสนอของบประมาณจากรัฐหลายสิบล้านบาทเพอื่ ทาสวนสาธารณะเพอ่ื การท่องเท่ยี ว มอแกลนจึง เร่ิมเรยี กร้องใหร้ ัฐกันพื้นทพ่ี ธิ ีกรรม 2 ไร่ แต่จนปัจจบุ ันยงั ไมม่ ีการกนั ที่เป็นรูปธรรม ภาพท่ี 115 ชาวเลกาลงั ฝงั ศพที่สสุ านปากวีป สุสานของชาวเลมอแกลนทับตะวัน อยู่ที่หาดปากวีป อดีตเคยมีพื้นที่ฝังยาวตามแนวชายหาดเป็น กิโลเมตร ผ่านยุคสัมปทาน ยุคการทาบ่อกุ้ง และการครอบครองของเอกชน พ.ศ.2518 บรรพชนชาวเลจึงไป ขอให้ผนู้ าหมู่บ้านในยคุ นัน้ ให้ชว่ ยดาเนนิ การประกาศเปน็ พน้ื ทีส่ าธารณะพลเมืองใช้ร่วมกันประเภทป่าช้า ตาม เอกสาร นสล.ปรากฎวันประกาศเมื่อ พ.ศ.2522 เน่ืองจากเห็นร่วมกันว่า หากยังเป็นพ้ืนที่ว่างเปล่าก็จะถูก เอกชนครอบครองไปจนหมด แต่ปัจจุบัน สุสานมอแกลนกลับเหลือพื้นที่ฝังได้จริงแค่ 4ไร่ เศษ นอกน้ันถูกใช้ เป็นร้านอาหาร พ้ืนท่ีท่องเท่ียว และเส้นทางสัญจรขนาดใหญ่ จนชาวเลมอแกลนทับตะวันต้องชวนพี่น้อง มอแกลนหมู่บา้ นอืน่ ๆเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือตั้งแต่ระดบั จงั หวัดจนถึงระดบั นโยบาย แต่จนปจั จุบัน ผ่านมา 7 รัฐบาล แม้ทุกรัฐบาลจะมีมติหรือคาสั่งใดๆ ท้องถ่ินก็เล่ียง ลากเร่ืองไม่เคยปฏิบัติตามจนพ้นรัฐบาล เกิดเป็น ความขัดแย้งตลอดมากบั กลมุ่ ผูใ้ ช้พน้ื ทีส่ สุ านเพ่ือผลประโยชนท์ างธรุ กิจ
123 ภาพท่ี 116 ลักษณะหน้าตาของชาวเลมอแกลน สูญเสียวัฒนธรรม : เนื่องจากยุคก่อน บรรพชนยังคงกลัวเร่ืองการตามฆ่าจากกรณี “ทวดธานี” การให้หลบ ซ่อนเร้น ห้ามไมใ่ ห้พูดหรือแสดงตนและบอกเล่าเรื่องราวมอแกลนต่อผู้คนท่พี บเห็น เป็นเรื่องทถี่ ือปฏิบตั ิกนั มา แต่กลับไม่ได้บอกเล่าเหตุผลต่อเนื่อง จนช่วงสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ชายฝ่ังเป็นพ้ืนท่ีเศรษฐกิจ มอแกลนเร่ิมเป็น สว่ นหนึ่งของสังคม ความแตกต่างทางวัฒนธรรมท้ังดา้ นความเป็นอยู่ สุขภาวะ จารีต มารยาท และโอกาสทาง สังคม เมื่อต้องเจอกับความนิยมชมชอบ ถือปฏิบัติของระบบโครงสร้างทางวัฒนธรรมในอดีตท่ียอมรับเฉพาะ วัฒนธรรมของคนในส่วนใหญ่ ทาให้มอแกลนส่วนใหญ่ถอยกลับมายืนอยู่ในพ้ืนท่ีปลอดภัยด้วยความน้อยเน้ือ ตา่ ใจในความเป็นตัวตน เนอ่ื งจากทด่ี ินชายทะเลแถบนี้ลว้ นแล้วแต่เปน็ ที่มอแกลนใชป้ ระโยชนโ์ ดยรู้กันทวั่ ไปใน คนท้องถ่ิน ช่วง พ.ศ.2445 ยุคทาแร่อิสระ บรรพชนหญิงมอแกลนทับตะวันได้แต่งงานกับคนจีนโพ้นทะเลที่มา หาแร่หลายคน คนจีนเหล่านี้มักเข้าถึงช่องทางและโอกาสทางสังคม ที่ดินของมอแกลนท่ีแต่งงานกับคนจีนมัก ได้ออกเอกสารสิทธิ์ แต่ส่วนใหญ่ลูกหลานมอแกลนครึ่งจีนเหล่าน้ันก็ไม่เคยยอมรับความเป็นมอแกลน ทาให้ หลัง สึนามิ ชาวเลมอแกลนทับตะวันเร่งฟ้ืนฟูวัฒนธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง ท้ังยังมีการเก็บข้อมูล สร้างศูนย์ วัฒนธรรม ถา่ ยทอดและสืบสานศาสตร์ทางวัฒนธรรมทุกด้าน ส่อื สารใหส้ งั คมไดร้ ับรู้
124 ภาพท่ี 117 ชาวมอแกลนท่ีไปอาเภอยงั นงั่ พืน้ เพราะคดิ วา่ ตนเป็นคนตา่ ตอ้ ย อคตทิ างสังคม : มที ง้ั ทเี่ ป็นอคติตอ่ สังคมตนเองและอคติจากผคู้ นในสงั คม อคติต่อสังคมตนเอง เนื่องจากรู้สึกว่าสังคมของตนนั้นมีขีดจากัด ไร้การพัฒนา ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มี โอกาสทางสังคม การยกตนว่าเปน็ คนมีความรู้ สามารถปฏบิ ตั ิตัวได้เช่นผู้คนส่วนใหญ่ จนผู้คนมองไม่เห็นความ เป็นมอแกลนในตัวเขา เปน็ ส่งิ ทม่ี อแกลนเหล่านเ้ี ลอื กท่จี ะปฏบิ ัติ อคติจากผู้คนในสังคม เปน็ อคติของคนต้งั แต่ในอดตี อดีตที่รสู้ กึ ว่าตนเป็นคนส่วนใหญ่ เหนือกว่า มีสิทธิมากกว่า มอแกลนท่ีเป็นคนส่วนน้อย ไม่รู้สึกว่ามอแกลนนั้นเป็นกลุ่มชนเผ่าพ้ืนเมืองด้ังเดิมท่ีอาศัยมาก่อนที่จะเป็น ประเทศไทย จนการไม่ให้ความสาคัญก็เป็นสาเหตุที่ไม่ยอมให้มีประวัติศาสตร์ร่วมกัน “ชาวน้า” เป็นชื่อที่ใช้ เรียกเพ่ือเหยียดถึงมอแกลนที่แต่งตัวมอซอ บ้านซอมซ่อ ไม่มีส้วม และอนื่ ๆอีกมากท่ีเพียงพอจะทาให้สังคมไม่ สนใจกับหลงลืมว่ามอแกลนมีตัวตนในสังคมไทย ผู้คนในรุ่นหลังจึงไม่รู้จักและไม่มีความเข้าใจที่ดีต่อความเป็น มอแกลน จนกระทั่งมีมอแกลนได้รับพระราชทาน นามสกุล เป็นยุคท่ีชาวเลเร่ิมต่อต้านคาว่า “ชาวน้า” ช่วง พ.ศ.2530 รัฐไทยได้ให้ชื่อเรียกกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธ์ุที่อาศัยมาแต่ดั้งเดิมประมาณ 5-6 กลุ่มว่าเป็นกลุ่ม “คนไทยใหม”่ ไปพร้อมๆกบั คาว่าชนกลมุ่ น้อย 1 ในนน้ั รวมถงึ มอแกลน ซ่งึ ได้รบั ผลนโยบายการพัฒนาคณุ ภาพ
125 ชวี ติ ทเ่ี ป็นไปอยา่ งทุลักทุเล และสดุ ท้ายก็ไม่สาเร็จแม้แต่การสรา้ งส้วม เพราะรัฐผ้ปู ฏบิ ตั ิขาดความรู้ความเข้าใจ ที่แท้จริง ความเข้าใจของคนไทยรุ่นหลัง ไทยใหม่ คือกลุ่มท่ีอพยพมาอยู่ประเทศไทยทีหลังตั้งแต่น้ันมา เมื่อ ชาวเลมอแกลนทับตะวันประสบภัย “สึนามิ” กลับไม่สามารถเข้ามาท่ีบ้านได้ เจ้าหน้าท่ีพร้อมอาวุธได้เข้ามา ตรึงพื้นท่ีพร้อมป้ายประกาศว่าเป็นพ้ืนท่ีส่วนบุคคลของเอกชน ห้ามผู้ใดบุกรุก จนต้องมีการให้ส่ือลงพ้ืนที่ทา ข่าวส่ือสารใหส้ ังคมได้รับรู้ มอแกลนทับตะวันจึงเริ่มกลบั เข้าพ้ืนท่ีจนถูกฟ้องร้องและสุดท้ายเม่ือมีกระบวนการ พิสูจน์สิทธ์ิควบคู่กับกระบวนการทางกฎหมาย หลายหลักฐานปรากฎว่ามอแกลนอาศัยมาก่อนออกเอกสาร สิทธิ์ ปัจจุบัน จนมอแกลนทับตะวันต้องคิดค้นวิธีการสร้างความเข้าใจอันดี ไม่ว่าจะเป็นการเร่ิมเก็บข้อมูล ตนเอง ทาสื่อประชาสัมพันธ์ ทากิจกรรมร่วมกับภาคประชาสังคมในจังหวัดพังงา เจ้าหน้าท่ีรัฐท้องถ่ินก็ไม่ เปล่ยี นทศั นคติตอ่ ชาวเลมอแกลนสักไปจากเดมิ มากนกั หลังจากนั้นได้รว่ มกนั ผลักดันให้เกดิ การคมุ้ ครองวถิ ชี วี ิตชาวเล ที่ดนิ ท่อี าศยั “สึนาม”ิ นโยบายไม่ถูกปฏิบัติใช้ : ในปีพ.ศ.2547 เป็นช่วงท่ีชนเผ่ามอแกลนกาลังประสบปัญหาการสูญสิ้นทาง วัฒนธรรมและความม่ันคงในชีวิต จนต้องเสนอผลักดันให้รัฐบาลเข้ามาเร่งแก้ปัญหาและคุ้มครอง จนมีการ ประกาศ มติคณะรัฐมนตรี ว่าด้วยการฟ้ืนฟูและแก้ไขปัญหาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล เมื่อ วนั ที่ 2 มิถนุ ายน 2553 ปัญหาชาวเลเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ใหญ่เกนิ กว่าจะแกไ้ ขไดใ้ นรัฐระดับทอ้ งถิ่น เมื่อ เปล่ียนรัฐบาล รัฐบาลถัดมาก็เข้ามาแก้ด้วยความไม่เข้าใจ ผลักกลับมาแก้ที่ท้องถิ่น เมื่อไม่สาเร็จชาวเลก็ต้อง เรียกร้องใหม่ กลายเป็นวัฏจักรแห่งความทุกข์เหน่ือยล้าของกระบวนการแก้ไขปัญหาท้ังชาวเลเอง ทั้งรัฐ องคก์ รเอกชน นกั วชิ าการ และทกุ ส่วนทเี่ กยี่ วขอ้ ง ประวัติ เร๋วคลองหัก เปลวหรือสุสานชาวเลมอแกลนบ้านปากวีป บนไร่ ทับตะวัน บางขยะ หมู่ท่ี 1 ตาบล คึกคัก อาเภอ ตะก่ัวป่า จังหวัด พังงา เนื้อที่ 8 ไร่ 1 งาน 4 เศษ 3 ส่วน 10 ตารางวา ( อยู่ในเขตที่ดิน สาธารณะประโยชน์พลเมืองใชร้ ่วม ปา่ ชา้ คลองหักประกาศ เมอื่ พ.ศ. 2552) เร๋วปากคลองหัก เป็นป่าช้าท่ีใช้ฝั่งชาวมอแกลนมาหลายชั่วคน เท่าท่ีคนเฒ่าคนแก่จาและนับได้ก็ 7 ช่ัวคน คนทฝี่ ัง่ ศพแรกเป็นศพเดก็ ช่อื บน ไม่มีนามสกลุ ยุคนั้นพนื้ ที่เป็นปา่ ทึบชายหาด เวลาจะมาฝ่ังก็ใชว้ ิธี เดินหามกันมา บ้างกว่าจะมาถึงก็เกือบค่า ต้องรีบฝั่งท่ีชายหาด ขากลับบางทีก็จุดตะเกียงหาเก็บ ไข่เต่าทะเล ซึ่งมาวางไข่เป็นจานวนมาก แต่ท่ีน่ากลัว คือ ความเจริญเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยุคสัมปทานเหมืองแร่ทาให้พ้ืนท่ี ปา่ ใหญ่หายไป ถนน เพชรเกษมตัดผ่านเร๋วปากคลองหัก เร่ิมมีคนจีนมาฝ่ังท่ีนี่ คนไทยพทุ ธก็มเี ชิงตะกอนไว้เผา เช่นกันตอนนั้นป่าเร๋วปากคลองหักมีเน้ือท่กี ว่า 30 ไร่ ด้วยการกดั เซาะเน่ืองจากระบบนิเวศ เปลี่ยนแปลง และ ดว้ ยเป็นพน้ื ท่รี กร้างว่างเปล่าก็มีคนท่ีมโี อกาสนาไปออกเอกสารสิทธิเ์ ป็นของตน เป็นเหตใุ ห้ ผู้เฒ่า นิล นะทะเล ไปขอออก นสล ปา่ ชา้ เอาไว้ เมอื่ เหลือแคจ่ านวน 8 ไร่ 1 งาน มหี นังสือประกาศเป็นเขตปา่ ช้าคลองหัก ออกโดยอธิบดีกระทรวงมหาดไทย เม่ือวนั ที่ 6 กุมพาพันธ์ พ.ศ.2522 มีเน้อื ท่ี 8 ไร่ 1งาน 41.33 ตารางวาอาจจะล้อมรอบด้วยทีส่ าธารณะประโยชน์บ้านปากวีป ตาบล คึกคัก 19 ไร่
126 ความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ยังมีต่อเนื่อง เช่นเมื่อประมาณ 20 กว่าปีท่ีผ่านมามีการส่งเสริมการเพาะเล้ียงกุ้ง เมื่อขุดดินติดกระดูกข้ึนมายังมี และพื้นที่ๆโดนขุดก็ไม่สามารถฝ่ังได้อีก หลังสึนามิ มีป้ายประกาศพื้นที่ สาธารณะบริเวณหาดปากวีป จานวน 19 ไร่ ส่วนด้านในเป็นเนื้อที่เปลว (สุสาน) ฝังศพชาวมอแกลน 8 ไร่ 1 งาน ถูกนายทุนและกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าชายหาดบางส่วนรุกเข้าใช้พื้นที่ เพราะเข้าใจว่าพ้ืนท่ีสาธารณะ ผูใ้ ดจะใช้ทาส่งิ ใดทไ่ี มถ่ ือเป็นการครอบครองสว่ นบคุ คลผู้น้ันยอ่ มทาได้ เดือนธนั วาคม พ.ศ. 2552 ทางชาวบา้ น/แกนนาชมุ ชนมอแกลนและผู้นาท้องถ่นิ และส่วนราชการท่ีเก่ยี วข้องได้ ดาเนินการช้ีแจงกับผู้ประกอบการ (โรงแรมมายเขาหลักและร้านคา้ ชายหาด) ใหท้ ราบถงึ ความสาคัญในการใช้ พ้ืนท่ีเปลวเป็นพ้ืนที่ทางจิตวิญญาณ ของชาวมอแกลน ขณะนั้นได้ร่วมกันถางและวัดพื้น พ้ืนท่ีเปลว (สุสาน) ฝ่ังศพเอาไว้ปรากฏวา่ พ้ืนท่ีลดน้อยลงเหลือไม่ถึง 8 ไร่ 1 งานดังเดิม เพราะชาวเลมอแกลนเมื่อตายแล้วต้องฝัง ตามขนบธรรมเนียมของชนเผ่าท่ีสืบเน่ืองกันมาหลายร้อยปี แต่ จนกระท่ังถึงพ.ศ.2556 กย็ ังไม่มีฝ่ายใดสนใจที่ จะหยุดพฤติกรรมการล่วงล้าเข้าใช้ประโยชน์พื้นท่ีเปลวเพอ่ื รองรับนักท่องเที่ยว มหิ นาซา้ ผ้ใู หญ่บ้านมาวัดพื้นท่ี ปัจจุบันและบอกว่ามีจานวน 2 ไร่ จึงเป็นเหตุให้ชาวมอแกลนได้ร่วมลงรายชื่อผู้ประสงค์ร่วมฝังร่างไว้ท่ีเปลว ปากวีปหลังเสียชีวิตมี 4 หมู่บ้าน จานวนกว่า 700 คน และท้ังหมดมีความประสงค์ดาเนินการร่วมกันเพ่ือให้ เกิดการกันแนวพ้ืนที่เปลว ที่ชัดเจนและถาวรเป็นหลักประกนั มั่นคงหลังความตายและไม่ขอปลอ่ ยใหเ้ ป็นภาระ ต่อลูกหลาน เพ่อื ย่นื เสนอคณะกรรมการบรู ณาการฯ ชาวเลอีกครั้ง ตลอดระยะเวลามีการการย้ือยุดชายหาดท่ี มีผืนทรายสีขาวราคางามตรงนี้ ความยาวจากทิศเหนือ(บ้านน้าเค็ม) จนถึงทิศใต้(บ้านบางหลาโอนเขาหลัก) ตลอดทางผ่านมีโรงแรม/รีสอร์ทและร้านค้าหน้าหาดเรียงรายตลอดแนว เหล่านี้เร่ิมเกิดขึ้นเมื่อมีนักท่องเทียว ต่างชาติมาเที่ยวมากขึ้น ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจึงต้องเร่งขยายตัวรองรับ ทาให้มูลค่าท่ีดินบริเวณนี้แพงข้ึน ชาวมอแกลนจงึ คิดวา่ ตอนนั้นมภี าวะเสย่ี งกับการถกู บกุ รกุ เปลวฝงั ศพ อีกคร้ัง เพราะจากการเปรยี บเทยี บแผน ที่ด้านหลังเอกสารประกาศเขตป่าชา้ คลองหักเมอ่ื พ.ศ. 2522 กับรปู ท่ีดินท่ีวัดวันนี้ กลับไม่เหมอื นกัน รูปท่ีดิน มันกลับหดเขา้ มา เกดิ กรณกี ารบุกรกุ เปลวฝังศพ ของชาวมอแกลนเพ่ือทาเปน็ สถานท่ีรองรับนักท่องเที่ยวน้ัน มเี กิดข้นึ เกอื บทกุ พนื้ ท่ี ดว้ ยความที่ชาวมอแกลนน้ันรกั สงบ ไมช่ อบมปี ัญหากับใคร แต่เมื่อนโยบายการท่องเท่ียว ทาให้แผ่นดินผืนสุดท้ายท่ีจะฝังร่างในวันส้ินลมหายใจ ต้องถูกผู้ท่ีเห็น ประโยชน์พาณิชย์จากนโยบายการท่องเที่ยวเข้ามารุกราน แล้วรฐั ฯชาวมอแกลนและจะแก้ไขอย่างไร? ดงั นั้น... รัฐต้องดูแลและส่งเสริมคุณภาพชีวิตชาวเลตามนโยบายที่มี โดยการให้...ชาวเลมอแกลนมีส่วนร่วมในการ กาหนดวิถีชีวิตของตัวเอง และส่งเสริมให้ชาวมอแกลนอนุรักษ์ ประเพณี วัฒนธรรม และความเป็นอยู่แบบ ดั้งเดิมเอาไว้ หากวิถีชีวิตชนเผ่าพ้ืนเมืองชาวมอแกลนมั่นคง รัฐบาลจะได้รับคาชมจากคนท่ีสนใจเร่ืองราวของ ชาวมอแกลนต่อคนทั้งโลก ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสายตาชาวต่างประเทศท่ีมาเท่ียว วันน้ีชาวมอแกลน ส่วนใหญ่ ยังไม่ค่อยรู้เรอื่ งเก่ยี วกับนโยบายของรฐั บาล ท่ีตอ้ งการส่งเสริมและกระตุ้นการลงทุนกับนักท่องเท่ียว เพื่อดูดเม็ดเงินจากชาวต่างชาติมาพัฒนาประเทศให้เจริญ หรือแม้แต่นโยบายส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ชนเผ่า ท่ีจะช่วยให้ชาวมอแกลนมีความม่ันคงด้านวิถีชีวิตมากขึ้น ชาวมอแกลนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ด้วย กระบวนการทางานร่วมของภาคประชาชนท่ีไม่หยดุ น่ิง
127 ลาดับเหตุการณ์ - 29 สิงหาคม พ.ศ.2556 ติดตาม/เสนอขัน้ ตอนเร่ืองเพื่อขอใหต้ รวจสอบและกั้นแนวเขตพื้นที่ เปลว(สสุ าน)ฝังศพมอแกลน ถงึ ผ้วู ่าธารงค์ เจรญิ กุลและนายเกยี งศักดิ์ อุบลสถิตย์ พังงาทด่ี นิ จังหวดั พังงา - พ.ศ. 2556 จากเหตกุ ารณ์ปกั ป้ายประกาศขายทด่ี ินบนสุสาน เปน็ วาระทีค่ ณะกรรมการบูรณ การฯ ชาวเล ตามมติ ครม. 2มิย. 53 ได้มีมติใหก้ นั สุสาน เปน็ ผลให้ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดพังงา มคี าสงั่ ให้ฝา่ ยปกครองและหน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้องลงดาเนินการตรวจสอบและกนั แนวเขต สสุ านชาวเลท้ังจังหวดั พังงา ในส่วนของสุสานปากวปี เจ้าหนา้ ท่ีรังวัดท่ดี ินอาเภอตะก่วั ป่า ฝ่ายปกครองและชาวเลมอแกลนสห่ี มู่บ้านลง พืน้ ที่ตรวจสอบและรังวัดแนวเขตเรว๋ คลองหัก ปรากฏวา่ พื้นทีฝ่ ังจริงที่ฝังมาตั้งแต่อดตี ด้านหลงั หายไป พนื้ ท่ี จริงกับแผนผัง นสล.ไม่เหมือนกนั และไม่เหมือนเดิมกลายเป็นยุบพนื้ ท่สี ุสานกับผปู้ ระกอบการหน้าหาดมา รวมกัน ซ่งึ ตอ่ มากเ็ กดิ ปัญหาขัดแยง้ จากการรุกเข้าใชต้ ั้งเครอื่ งปน่ั ไฟ จอดรถแท็กซ่ีโรงแรม หรือแมแ้ ตท่ งิ้ ขยะ เปน็ กองพะเนนิ - ต้นปี 2557 รัฐบาลคสช.มนี โยบายจดั ระเบยี บชายหาด รา้ นคา้ ชายหาดถูกร้ือถอน นายก เทศบาลและชาวมอแกลนรว่ มกันช้อื เสามาปกั ทาขอบเขต แตไ่ ม่ถึง10วันเสาแนวเขตก็ถูกหกั ทาลาย ตวั แทนชาวมอแกลนเข้าแจ้งความร้อยเวรก็ให้แคบ่ ันทึกประจาวัน เมื่อไปย่นื ศนู ย์ ดารงธรรมจงั หวัดพงั งาจึงทาไดแ้ คร่ ับเรอื่ งไว้ ให้ตวั แทนกลับมาเอาใบแจ้งความ ผ่านไปไม่นานผู้ประกอบการได้ส่งหนังสือถึง คสช. เพ่ือขอกลับเข้าใช้พื้นที่ จึงมีการหารือนาโดยตัวแทนคสช. และ นาย มานิต เพียรทอง แต่ยังไม่เป็นที่ตกลงอย่างเป็นทางการ ผู้ประกอบการก็กลับเข้าใช้พ้ืนท่ีสุสานอีก โดยไม่มีการดาเนินการใดๆ แม้แต่ความคืบหน้าที่ปลัดรับปากไว้ต่อหน้าสื่อรายการสามมิติว่าจะเร่งตรวจสอบ และกันพื้นท่ีด้านหลังให้ก็ไม่มี การบุกรุกพ้ืนที่สาธารณะจนหมด เหลือแค่พ้ืนที่เร๋วคลองหักเท่าน้ัน แต่ก็ยังไม่ เพียงพอต่อการรองรับการท่องเท่ียว สุสานชาวมอแกลนปากวีป จึงเป็นเหมือนสิ่งแปลกปลอมในพ้ืนท่ีพักผ่อน ทีท่ นุ และผู้ประกอบการหลายคน อยากใหห้ ายไป - 24 กนั ยายน พ.ศ.2557 ชาวเลร้องเรียนเสาหลักแนวเขตเปลว(สุสาน)ถกู ร้ือถอน/ทาลายตอ่ นาย มานิต ทองเพยี ร นายอาเภอตะกั่วป่า - 23 ธนั วาคม พ.ศ.2557 ชาวเลได้ยน่ื หนังสอ่ื ตดิ ตามและเรยี กร้องให้ช่วยปกป้องสุสานจาก การถูกรุกรานทาลายเสาแนวเขตสุสานปากวกี ต่อนายมานิต เพียรทอง นายอาเภอตะกว่ั ป่า - พ.ศ.2557 มีคาสั่งสานกั งานปลัดสานกั นายกรฐั มนตรี เรื่อง แตง่ ต้ังคณะกรรมการแก้ไข ปัญหาความมั่นคงในท่ีอยู่อาศัย พื้นที่ทากนิ และพน้ื ที่จติ วญิ ญาณของชุมชนชาวเล ชุดท่าน พลเอกสรุ ินทร์ พิกลุ ทอง เป็นประธาน - 1 กนั ยายน พ.ศ.2558 ชาวเลย่ืนหนงั สือร้องเรียนใหช้ ่วยดาเนินการค้มุ ครอง/ตรวจสอบ/กนั แนวเขตและรับรองสสุ านฝงั ศพชาวเลต่อท่านพลฯเอก สุรนิ ทร์ พิกุลทอง
128 ข้อเสนอต่อปญั หาสสุ านปากวีป/สสุ านบางมรวน จงั หวัดพังงา (1) มคี าส่งั ชะลอการใช้ประโยชน์พืน้ ท่ีสสุ านอยา่ งเด็ดขาด นอกจากการเข้าฌาปนกิจศพ (2) ทารว้ั ธรรมชาติหรอื ลวดหนามกัน้ แนวสสุ านชาวมอแกลนปา่ ชา้ ชาวเลพรอ้ มทัง้ ป้ายสญั ลักษณ์สสุ าน (3) ใหท้ ด่ี ินเรง่ ตรวจสอบรงั วัด และเร่งออก นสล.สุสานชาวเลในพน้ื ท่ีฝังจริง (พืน้ ท่ฝี ังต้ังแตบ่ รรพชน) (4) ขอให้เรง่ ประกาศให้สสุ านชาวเลเปน็ เขตคุม้ ครองวัฒนธรรม (5) ให้ตงั้ คณะกรรมการสุสานชาวเลเปน็ เขตคุ้มครองวัฒนธรรมชาวเลระดับจงั หวัดและระดบั อาเภอ เพ่ือ ดาเนินการติดตามการแก้ไขปัญหา และการทากติกาหรือข้อบญั ญัติการใช้พืน้ ทสี่ ุสาน จานวนผู้ทจี่ ะร่วมฝังจรงิ ในอนาคต 540 คน แบ่งเป็น 3 ชุมชน (1) ชุมชนทับตะวนั -บนไร่ 343 คน (2) ชุมชนบา้ นปากวบี 138 คน (3) ชมุ ชนบา้ นบางขยะ 59 คน หมายเหตุ ยังมอี ีกหลายหมูบ่ า้ นท่มี ญี าติฝังท่ีเปลวปากวีปและเวลาเสยี ชวี ติ คนตายกจ็ ะส่ังญาตกิ ลับมาฝงั ร่วมกัน 5) รูปแบบการจัดการทีอ่ ยูอ่ าศัยทีเ่ หมาะสมโดยชุมชนควรมีลกั ษณะอยา่ งไร
129 ภาพที่ 118 บ้านของมอแกลนจะต้องไมไ่ กลจากทจี่ อดเรือและชายฝ่งั ความเชือ่ และพธิ ีกรรมเกยี่ วกับทศิ (ทักษา) ทาเลในการต้งั บ้านและชุมชน ทท่ี าไร่-นา รา้ นคา้ สุสาน ฯลฯ พนื้ ทท่ี ีม่ อแกลนอาศัยอยมู่ ักจะเปน็ บริเวณฝ่งั ทะเลท่มี ีหาดทราย ป่าบก ทุ่งหญา้ และโดยเฉพาะอย่างย่ิงปา่ ชายเลน จดุ เดน่ ของปา่ ชายเลนคอื การมีคลองคดเค้ียวเปน็ จานวนมาก ถือเปน็ เครือข่ายคลองทเี่ ป็นแหลง่ อาหารสาคัญของชาวมอแกลน เนอ่ื งจากชาวมอแกลนไมช่ อบออกทะเลลกึ มอแกลนเรียกตัวเองวา่ “คนริมฝัง่ ทะเล” หรืออกี นัยหนงึ่ เป็น “คนของปา่ ชายเลน” เพราะมีความรคู้ วามชานาญและร้จู กั พนื้ ที่ต่างๆ บริเวณ คลองปา่ ชายเลนเป็นอยา่ งดี ผู้หญงิ มอแกลนมกั จะหาหอยหลากหลายชนิดในดนิ เลนตรงชายปา่ ส่วนผชู้ าย มอแกลนตกปลาในทะเล เชื่อว่า บ้านของชาวมอแกลนจะหันประตูไปทางทิศตะวันออก ห้ิงบรรพบุรุษมอแกลนต้องอยู่ ตะวนั ออก หง้ิ พระตั้งทางตะวนั ตกหันหนา้ ทางตะวันออก สมัยกอ่ นสรา้ งอย่อู าศัย 3 ปีแล้วรอื้ ท้ิง ไม่เหมือนสมัย นี้ที่บ้านม่ันคงข้ึน ต้นไม้ยืนต้นต้องปลูกห่างบ้าน เพราะเช่ือกันว่าหากรากแก้วของต้นไม้ท่ิมแทงใต้ทุนบ้าน จะ ให้คนในครอบครัวไม่สบาย และห้ามไม่ให้ต้นหรือก่ิงไม้ข้ึนพาดหลังคา และก่อนท่ีจะสร้างบ้านต้องปรับพ้ืนที่ ไมใ่ หม้ ไี มเ้ กา่ เหลอื อยู่ ก้อนหินเกา่ ในพ้นื ทีท่ ่ีเราจะสรา้ งบา้ นต้องขดุ เอาออกใหห้ มด พธิ ีกรรมการขอทด่ี ินเพ่อื อยอู่ าศัยจากเจ้าทีเ่ จา้ ทาง ประกอบด้วยขา้ วสาร 7 เมล็ด กรอกที่มีรู ถา้ ขา้ วสารอยคู่ รบทุกเมลด็ สร้างบา้ นได้ แตถ่ ้าข้าวสารอยู่ไม่ครบก็สรา้ งไม่ได้ ตามความเชือ่ ของชาวมอแกลน เดือน 5 เดอื น 7 เดอื น 8 และเดือน 12 ห้ามไมใ่ ห้ตัดไมม้ าสร้างบ้าน เพราะเช่ือว่าเดือน 5 เป็นเดือนแหง่ ความร้อนรุ่ม เจา้ บ้านจะมีปัญหาทะเลาะกนั โหวกเหวก เดือน 7 เสาขึ้น เห็ด เจา้ ของเรือนตาย เดือน 8 พระเข้าสา กลบั หน้า กลับหลงั เดอื น 12 ตัดหัว ตดั หาง ตดั ตรงกลาง แกไ้ ข ยากมีทัง้ 12 องค์
130 ภาพท่ี 119 ชาวเลมอแกลนกาลงั ขึ้นเสาเอกของบ้านหลงั ใหม่ การสรา้ งบา้ นหลังใหมต่ ้องลงเสาเอกในช่วงขา้ งขึน้ เดือนอ้าย เดอื นยี่ เดือน 4 เดอื น 6 เดือน 9 เดือน 11 และเดือน 12 ตามปฏิทนิ จันทรคติ พ่อหมอมอแกลนจะดูดวงของเจา้ ของบา้ นวา่ เหมาะสมกับการ สรา้ งบา้ นในเดอื นไหน สิ่งของทตี่ อ้ งทาในพิธีกรรมการขน้ึ เสาเอก ประกอบดว้ ย ผ้า 3 สี ตน้ มะพรา้ วงอก ตน้ กลว้ ย 1 ตน้ ต้นอ้อยมียอด 1 ต้น ดาวเรอื ง 9 ดอก เหรียญ 9 เหรียญ เศษทอง ธปู 3 ดอก เทยี น 1 เลม่ หมาก 3 คา พลู 3 ใบ พิธีกรรมขน้ึ บ้านใหม่จะเปน็ ชว่ งขา้ งขึน้ ของเดือน 4 เดอื น 6 เดือน 9 และเดือน 12 โดยพอ่ หมอมอ แกลนจะเป็นคนดูวา่ เดอื นไหนเหมาะสมกบั เจา้ ของบา้ น การทาพิธขี ้นึ บ้านใหมจ่ ะมเี ส่อื 1 ผืน หมอน 2 ใบ หมาก 3 คา พลู 3 ใบ ธปู 3 ดอก เทยี น 1 เล่ม และแมว 9 ตวั ใหพ้ อ่ หมอแมห่ มอมาบอกกลา่ วถงึ บรรพ บุรษุ มอแกลน หลงั จากเหตกุ ารณส์ นึ ามิ ชุมชนทับตะวนั เปน็ หนงึ่ ในหลายชุมชนทไี่ ด้รับความเสยี หายจากคล่ืนยักษ์ สึนามิ เนอื่ งจากทตี่ ้งั ชุมชนห่างจากทะเลเพยี ง 1 กโิ ลเมตร การสรา้ งบา้ นพักถาวร ซงึ่ มีผู้ดแู ลหลัก 3 กล่มุ คือ (1) เครือข่ายสลัมสภ่ี าค ภาคประชาสงั คม (องค์กรพฒั นาเอกชน) สร้างบ้านพกั ถาวรจานวน 45 หลงั แบบบ้าน มอแกลนเป็นผ้กู าหนดดว้ ยกนั เอง (2) มลั ตเิ ซอร์ (องค์กรจากประเทศเยอรมัน) สรา้ งบา้ นพักถาวรจานวน 31 หลงั แบบบ้านจากทหารบก (3) วลิ ล่ี (นักฟันดาบทมี ชาติ ลูกครึ่งไทยเยอรมนั ) สรา้ งบ้านพกั ถาวรจานวน 36 หลงั
131 โซนบนไร่สรา้ งโดย (1) บา้ นท่ีอาศัยดั้งเดิม (2) คริสตจกั ร (3) ภาคประชาสังคม (4) วิลลี่ 6) ทศิ ทางการพฒั นาของจังหวัดหนุนเสรมิ และสง่ ผลกบั ชุมชนอยา่ งไร ภาพที่ 120 แผนท่ีแสดงจุดพาเที่ยว ของมอแกลนพาเที่ยว ภาพที่ 121 โลโก้ มอแกลนพาเที่ยว “มอแกลนพาเท่ยี ว” เป็นการท่องเทีย่ วเพอ่ื อนุรักษ์วฒั นธรรมและธรรมชาตบิ นพ้นื ที่คุ้มครองทาง วัฒนธรรมกลุ่มชาติพนั ธ์ชุ าวเล ชนเผา่ มอแกลนทบั ตะวัน-บนไร่
132 ชุมชนมอแกลนทบั ตะวนั และมอแกลนบนไร่ ตง้ั อยู่ บา้ นบางสัก หมู่ท่ี 7 ตาบลบางม่วง อาเภอ ตะกว่ั ปา่ จงั หวัดพังงา มีประชากรชาวเลชนเผา่ มอแกลนประมาณ 800 คน หลงั “สนึ าม”ิ ชมุ ชนบา้ นทับ ตะวนั ถูกเอกชนอา้ งสทิ ธิ์ มีการข้นึ ศาลและไกล่เกล่ยี ระหว่างนายทุนกับชาวบ้านยอมใหด้ ินส่วนหนง่ึ กบั นายทุน จากการต่อสู้เกิดขอ้ มลู ดา้ นคุณคา่ ท่ีจะทาใหเ้ กิดการคมุ้ ครองทางวฒั นธรรม นาสกู่ ารนาเสนอการพฒั นาการ ท่องเทย่ี วในพ้ืนท่ีท่สี อดคล้องกับชุมชน ท่ีนีเ่ ป็น 1 ใน 4 พ้ืนทีน่ าร่องคุ้มครองทางวฒั นธรรมกลมุ่ ชาตพิ ันธุช์ าวเล ตาม มติ ครม. 2 มิถนุ ายน 2553 โดยมศี ูนย์มานษุ ยวิทยาสิรินธรและสถาบนั วจิ ัยสงั คม จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย และมลู นธิ ิชุมชนไท พฒั นาเชอื่ มร้อย เชื่อมโยงจากกิจกรรมดา้ นการเรยี กรอ้ งสทิ ธิ มาพัฒนาดา้ นคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจที่ สอดคล้องกับวิถวี ัฒนธรรม เชน่ การแปรรปู อาหารทะเล เชื่อมโยงเปน็ เส้นทางทอ่ งเทีย่ วท่ีอย่ชู ายฝัง่ จังหวดั พังงา 8 ชมุ ชนใน 4 อาเภอ ของจงั หวดั พงั งา ปจั จุบัน “มอแกลนพาเทยี่ ว” เปน็ 1 ใน 6 พ้นื ทีห่ ลักสตู รเรียนรู้ พงั งาแห่งความสุข ของสถาบันพฒั นาการเรยี นรู้พงั งาแห่งความสุข การท่องเทยี่ วกบั ชาวมอแกลนทบั ตะวัน มีการนาเสนอทางเลอื กการท่องเท่ียวท่ีน่าสนใจ ตื่นตาตนื่ ใจ มากข้นึ ผู้มาเยือนจะไดเ้ รียนรู้และอย่รู ว่ มปฏิบัติในวิถีชวี ิต ศาสตร์ ภมู ิปญั ญาการแพทยแ์ ละการดารงอยู่ท่ี สอดคล้องกับธรรมชาติ สมั ผสั กบั เรื่องราวประวตั ิศาสตร์ วัฒนธรรม การละเลน่ อาหารชนเผ่าฯ/พ้ืนบ้าน กระบวนการต่อสู้เพือ่ ฟืน้ ฟูและพัฒนาชมุ ชนทเ่ี ขา้ ถึงนโยบายรฐั สนกุ และสรา้ งคุณค่ากบั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ความม่นั คงในชวี ิตและทรัพยากรของชาวเล ทาให้โจทย์การ ท่องเที่ยวของผู้มาเยอื นเปลยี่ นไป มากกวา่ การท่องเที่ยวพักผอ่ นหยอ่ นใจ น่ีคอื การเทีย่ วทไ่ี ด้คุณคา่ ปลอดภยั อนุรกั ษธ์ รรมชาติและสร้างสรรค์สงั คม จดุ ประสงค์สาเหตุของการทาทอ่ งเท่ียวชุมชน ตัง้ แต่ พ.ศ.2535 การท่องเที่ยวในฝงั่ อันดามนั เริ่มขยายตวั ตาม นโยบาย แผ่นดนิ อิสระถกู จับจอง ซื้อขายกันแพงลิบลิ่ว พืน้ ท่แี หล่งหากินก็ถูกอนุรักษ์เพ่ือการรองรับการทอ่ งเท่ียว ในปจั จุบันพืน้ ท่ีชายหาด” เขาหลกั คึกคัก บางเนยี ง บางสัก” กลายเปน็ แหลง่ ท่องเทีย่ วท่ีมีช่ือเสยี งใน ระดับโลก นักท่องเท่ียวจากนานาประเทศแวะมาเยอื นหาดทรายสาธารณะที่ทอดยาวและสวยงาม น้าใส สะอาด สว่ นพน้ื ทบี่ นบกบนเขากเ็ ต็มไปด้วยพชื พนั ธุ์เขียวขจี มีป่าอันอดุ มสมบูรณ์ การใชป้ ระโยชนข์ องนักท่องเท่ยี วและผ้มู าเยือนมักจะเปน็ ไปเพื่อความสนุกสนานเพลดิ เพลิน แต่ไม่ คอ่ ยมโี อกาสใช้เวลาเรยี นรเู้ ก่ียวกับชมุ ชนพ้นื เมืองในพน้ื ท่ซี ่ึงเช่อื มโยงอย่างแนน่ แฟ้นกบั ระบบนิเวศในบรเิ วณน้ี ผลทเี่ กิด นกั ท่องเท่ียวเริ่มรบั รมู้ ากขนึ้ ว่าพ้ืนท่ีชายฝ่งั อันดามนั เปน็ พ้นื ทีอ่ ยู่อาศัยและทามาหากินของชาวเลทงั้ สามกลมุ่ คือ ชนเผ่ามอแกน ชนเผา่ มอแกลน และชนเผา่ อุรกั ลาโว้ยมาหลายร้อยปี การทอ่ งเท่ียวทจ่ี ัด จะเป็น การเรียนรู้ถึงชมุ ชนท้องถนิ่ ด้ังเดมิ ของชนเผา่ พืน้ เมืองเหลา่ น้ี โดยเรยี นรูถ้ ึงวถิ ขี องการทามาหากนิ การอยู่
133 ร่วมกบั ธรรมชาติอย่างไดป้ ระโยชน์ และก็กลมกลืน สัมผัสในวฒั นธรรมของชุมชนทอ้ งถนิ่ ดั้งเดมิ เรยี นร้แู ละ ภาคภมู ใิ จกบั วถิ ชี วี ิตและประวัตศิ าสตรร์ ากเหงา้ ชนเผา่ พ้นื เมอื งแห่งทอ้ งทะเลอันดามันท่ีแขง็ แรง ทาให้ชมุ ชนมี พลงั และพฒั นาต่อไปอยา่ งมศี ักด์ศิ รี รู้เทา่ ทนั และเตรยี มรบั มือกบั ความเปล่ยี นแปลงของการพัฒนาของ ประเทศได้อยา่ งเหมาะสม จะเท่ียวและเรียนรู้กนั อยา่ งไร..? ชุมชนมอแกลนทบั ตะวัน-บนไร่ มี 25 จดุ ที่นา่ สนใจใหผ้ ้มู าเยือนไดส้ มั ผัสและเรียนรู้ เป็นการ ทอ่ งเท่ยี วบนพน้ื ท่ีคุม้ ครองทางวฒั นธรรมชนเผ่าพน้ื เมืองทางอันดามนั (บริเวณชมุ ชนท่อี ยู่อาศยั ท่ีทากิน/แหล่ง หากนิ พื้นท่ีทางจิตวิญญาณ) ทดี่ าเนินการโดยชาวมอแกลนชุมชนทับตะวนั ,บนไร่ โดยมีหลักสูตรการการเรยี นรู้ วิถี ภูมิปัญญาชนเผ่ามอแกลน 7 วิชา เปน็ เนอ้ื หาในการถา่ ยทอด/ความพร้อมของชว่ งเวลาน้าทะเลและฤดูกาล ทเ่ี หมาะสม ครภู มู ิปัญญาวิชาเสรมิ อาจจะได้รบั เชิญมาในรูปแบบวทิ ยากรดว้ ย เพื่อให้ผ้ศู ึกษาได้ความรทู้ ่ี หลากหลาย เปน็ ตัวกาหนดการนาเสนอเปน็ เรือ่ งราวและกิจกรรม ภายใต้สโลแกนทีว่ า่ “มาอย่ดู ว้ ยกัน ทา ด้วยกนั กินด้วยกนั เรยี นรู้ซง่ึ กันและกนั บา้ นฉัน..มอแกลน” อนั ประกอบด้วยศาสตร์ตา่ งๆ ทีจ่ ะสร้างความรู้ดา้ นภมู ปิ ัญญา แสดงถงึ นวตั กรรมการภูมคิ ุ้มกันทาง ความคดิ จากการถูกครอบงาทางอัตตาลักษณ์ และสรา้ งความภาคภูมใิ จในตวั ตนของชนเผ่ามอแกลน การนา อารยะธรรมอนั ดีงามเขา้ ประยกุ ต์ใช้เพื่อเกดิ ประโยชนใ์ นการอยรู่ ว่ มกบั สังคม เปน็ การเสริมสร้างความเข้าใจใน ความเป็นพหวุ ัฒนธรรมของสังคมไทย เพ่ือเตรยี มพร้อมความเป็นพลเมืองสมาชกิ อาเซยี น ทั้งยังสามารถนาท่ีได้ เรียนไปต่อยอดด้านเศรษฐกิจชมุ ชนอืน่ ๆ เชน่ การท่องเท่ยี วเชงิ วถิ วี ัฒนธรรมชาวเลมอแกลน การประมง ผลติ ภณั ฑช์ ุมชน การเท่าทนั ภัยพิบัติและภัยดา้ นนโยบาย เปน็ ตน้ เพ่อื ปรับและพฒั นาหลักสูตร รวมทงั้ ครูภมู ปิ ญั ญาผูส้ อนให้มีศักยภาพไปพรอ้ มๆกับการเรยี นรขู้ องผู้มา เยอื น โดยการเรียนการสอนจะแบง่ เป็นการเรยี นรู้ตามจุดต่างๆใน 25 จุดพาเท่ียวทเ่ี หมาะเป็นส่อื การสอน รูปแบบกจิ กรรมและแนวทางการสอนปรบั ตามความสนใจของกลมุ่ ผ้เู ขา้ เรียนร้ใู นแต่ละศาสตร์ภมู ิปัญญา หลกั สตู รเรียนรภู้ มู ปิ ัญญา วัฒนธรรมชาวเลมอแกลน 8 วชิ า 1. ภาษามอแกลน * การเรยี นรู้การใชพ้ ยัญชนะไทยสะกดภาษามอแกลน * ศัพท์ใช้เรียกสงิ่ ของ คน สตั ว์ สง่ิ ของท่ีใช้ในชีวติ ประจาวนั * เรียนรู้คาเชือ่ มและประโยค * เรียนรู้การทาพจนานุกรม ไทย-มอแกลน-องั กฤษ 2. สังคมและการปกครองของมอแกลน ประกอบดว้ ย การเรียนรภู้ ูมินิเวศชมุ ชน และสังคมดา้ นต่างๆ * ดา้ นความสมั พันธ์เครอื ญาติระดบั ครอบครัว ชุมชน และชาวเลมอแกลน
134 * ดา้ นภูมศิ าสตร์ สภาพแวดล้อม และทรพั ยากรในการดารงวิถี * ระบบการปกครองตามสายตระกลู ของเครอื ญาติแบบชนเผา่ * ดา้ นปฏิบตั กิ ารมีส่วนรว่ ม เพ่อื สรา้ งโอกาส และความเปล่ียนแปลงทางสงั คม 3. ประวัติศาสตรม์ อแกลน * เรียนรูป้ ระวัติ บรรพชนคนสาคญั แต่ละรนุ่ * เรียนรปู้ ระวัติศาสตร์ ชนเผ่ามอแกลน * เรยี นรู้ประวัติท่มี า การตั้งถิ่นฐานชุมชน * เรียนรู้ประวตั ทิ ี่มาของพิธกี รรม ประเพณี 4. ศาสตรพ์ นื้ ฐานภูมิปัญญา ประกอบดว้ ยศาสตร์ความรูภ้ ูมิปัญญาด้านต่างๆดังนี้ * การทาเครื่องมือประมง และศาสตร์การหากนิ ในทะเล * การจกั สานครัวเรือน * การประดษิ ฐ์ข้าวของเครื่องใชใ้ นพธิ กี รรม * การใช้ และเพาะปลูกสมนุ ไพรยารกั ษาโรค * การหาแรแ่ บบภมู ิปญั ญาด้งั เดมิ 5. ความเช่ือและหลกั ยดึ เหน่ียวจติ ใจ * เรยี นรจู้ กั บรรพชน ที่เป็นหลักยึดเหนยี่ วจิตใจ * เรียนรูร้ ปู แบบ และขั้นตอนพิธีกรรมตา่ งๆ * เรยี นรคู้ าสอน และกุสโลบายของบรรพชน * เรยี นร้ปู ระวัติคาสอน ของพระพทุ ธศาสดา * เรียนรู้หลกั เคารพ ปฏบิ ัตติ ามความเชื่อในธรรมชาติ 6. นาฏศลิ ป์มอแกลน * เรยี นรู้ประวตั ิศลิ ปะการละเล่นของชาวมอแกลน * เรยี นรกู้ ารเขยี น และขบั รอ้ งเพลงรองแงง็ เพลงบอกมอแกลน * เรยี นรู้การเล่นรามะนา และเคร่อื งดนตรีชาวเล
135 * เรยี นรกู้ ารรารองแง็ง * เรียนรูก้ ารจดั การการแสดงในโอกาสตา่ งๆ 7. ภมู ปิ ัญญาภยั พิบัติมอแกลน * เรยี นรปู้ ระวตั เิ รื่องคลื่นยักษ์ 7 ชนั้ *เรียนรกู้ ารดลู ม ดฟู ้า และลางบอกเหตุในธรรมชาติ * เรียนรู้การเปลยี่ นแปลงระบบนิเวศนแ์ ละผลกระทบภัยพบิ ัติ * เรียนรกู้ ารเอาตัวรอดจากภัยพิบตั ติ า่ งๆ 8. การปกป้องสิทธิชุมชนชนเผ่าพน้ื เมอื ง - การจัดระบบชุมชน * วิเคราะห์ฟนื้ ฟชู มุ ชน เสรมิ ภูมิคมุ้ กนั จดุ เปราะบาง * พฒั นาศกั ยภาพแกนนาและคนในชมุ ชน * สรา้ งฐานขอ้ มลู และจดั ระบบส่ือสาร * จัดทายทุ ธศาสตรช์ ุมชน - การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม * สอ่ื สารและรณรงค์ตอ่ สาธารณะ * ขยายเครอื ข่าย * เชื่อมร้อยภาคี * จดั ทายุทธศาสตรท์ างสังคม - การเข้าถึงและมสี ว่ นรว่ มต่อการใช้อานาจรัฐ * เชอ่ื มโยงสิทธิชมุ ชนสู่ศูนยก์ ลางอานาจรัฐ * สังเคราะหโ์ ครงสร้างอานาจทสี่ มดลุ * ผลักดันกลไกรฐั ท่สี อดคล้องปฏบิ ตั ไิ ด้จริง
136 ได้ลงมอื ทาเรียนรู้อะไรที่ไหนบา้ ง..? ภาพท่ี 122 ชาวเลมอแกลนพาดจู ดุ นบลาพู (พน้ื ท่กี ารทาแร่แบบดัง้ เดมิ ) 1.จดุ ที่หน่งึ ทุ่งทุ นายาว นบลาพู-ถ่นิ ที่อยอู่ าศยั ของชาวมอแกลนก่อนการทาเหมืองแร่ กิจกรรม เดนิ เท่ียว ชมบรรยากาศ ฟังเรื่องราว นายาว ภาพท่ี 123 บรรยากาศร่วมกันทาอาหารทีศ่ นู ย์วฒั นธรรม 2.จุดทสี่ อง บา้ นวฒั นธรรมมอแกลนชมุ ชนทบั ตะวันเพ่ือการเรยี นรู้ กจิ กรรม ต้อนรับ/จุดรวมคน / ฟงั เรอื่ งราว “โลกชาวเล” เกยี่ วกบั ประวัติ ถา่ ยทอดภมู ปิ ัญญา จกั สาน การ ทาอาหาร การละเล่นชาวมอแกลน / Cultural Party time
137 ภาพที่ 124 เดนิ สารวจพนื้ ท่ีรอ่ งรอย สึนามิ ซอยตาสดุ 3.จุดที่สาม ซอยตาสดุ หมู่บา้ นมัลทเี ซอร์ เร่ืองเล่าตระกลู ธงสามสี ฟงั เรอื่ งเลา่ พธิ กี รรมตระกลู “ธงสามสี” ทห่ี ายสาบสญู ภาพท่ี 125 ไกดม์ อแกลนเล่าเรอื่ งสภาพพน้ื ทต่ี อนเป็นนาผนื ใหญข่ องมอแกลน 4.จดุ ทส่ี ่ี ร่องน้าและ “บ้านนายาว” กิจกรรม เดนิ เที่ยว ชมบรรยากาศ ฟังเรื่องเล่า
138 ภาพท่ี 126 มอแกลนสาธติ วกี ารคดั แยกแร่ 5.จดุ ทห่ี า้ ขมุ เขียวและพืน้ ท่ใี กล้เคียง กจิ กรรม ฟังประวตั ิการดารงชีวติ ถา่ ยทอดภูมปิ ัญญาการหาแร่ดบี กุ หาปลา หาหอย ขดุ ปู หาเพรยี งขอน การ ทาเรอื ซ่อมเรือ ภาพที่ 127 นกั ท่องเที่ยวรอล้นุ “ยายลาภ”แทงโวยวาย ท่ีหวั กรัง 6.จดุ ที่หก หวั กรงั และจุดสนใจโดยรอบ กจิ กรรม เรียนรู้ ชมการฟืน้ ตัวของระบบนิเวศ 30 ปีหลงั การสมั ปทานขุดแร่ ถ่ายทอดภมู ปิ ัญญาแทงโวยวาย หาหอย ตกปลา
139 ภาพที่ 128 เตรยี มลงดาดกู ุง้ มังกรทจ่ี ุด สาเภาแตก 7.จุดทเ่ี จด็ ทับตะวัน-จุดเรือสาเภาจม ปากลดั -ทะเลแหวก กจิ กรรม นงั่ เรือชมชมบรรยากาศ ตกปลา วางอวน ดาน้าชมปะการัง ก้งุ มังกร ภาพที่ 129 สภาพปะการงั บรเิ วณหินเสอื ที่เคยเสยี หายจากการขดุ แร่ 8.จุดที่แปด หนิ เสอื (หวั กรงั นอก) กิจกรรม เรยี นรู้ ชมการฟืน้ ตัวของระบบนเิ วศ 30 ปหี ลังการสมั ปทานขดุ แร่ ถา่ ยทอดภูมิปญั ญาแทงโวยวาย หาหอย ตกปลา
140 ภาพที่ 130 ร่วมพธิ เี ซน่ ไหวห้ ัวเรือที่ มอแกลนบีช 9.จุดทเ่ี กา้ มอแกลนบชี ตลอดชายฝ่งั ทศิ ใตแ้ ละตะวันตก ใช้ประโยชน์ด้านประมง การท่องเท่ียวและการหาแร่ กิจกรรม เลน่ นา้ ชมบรรยากาศ อาบแดด ถา่ ยทอดภมู ปิ ัญญาการหาแร่ วางอวน หาหอยเสยี บ,หอบติบ ทอดแห การทาเครือ่ งมอื ประมง เดอื นมีนาคม มีพิธไี หว้เรือ ชมพระอาทิตย์ตก สงั สรรค์ชายหาด ภาพท่ี 131 นกั ทอ่ งเทีย่ วถ่ายรปู กับ “เสาหนา่ มะ”หนา้ ศาลพ่อตาสามพนั 10.จดุ ที่สบิ ศาลพ่อตาสามพัน กิจกรรม ฟังเรือ่ งเลา่ พ่อตาสามพนั บรรพชนผนู้ าชนเผา่ มอแกลน ฟงั บรรยายพิธีกรรมไหวพ้ อ่ ตาสามพนั เดือน มนี าคม สามารถรว่ มพิธกี รรมได้ สันทนาการริมชายหาด เลน่ นา้ ชมทวิ ทัศนย์ ามเย็น
141 ภาพที่ 132 นกั ทอ่ งเท่ียวร่วมพิธฝี งั ศพที่สสุ านมอแกลนปากวปี 11.จดุ ที่สบิ เอด็ เปลวอ่ะบ้น สุสานมอแกลน กิจกรรม ฟังบรรยายการทาพิธีกรรมฝังศพชาวเลมอแกลน ชมบรรยากาศชายทะเล ถา่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาการหา แร่ หาหอยเสยี บท่ชี ายหาด และหาหอยตบิ ทโี่ ขดหนิ ภาพท่ี 133 นกั ทอ่ งเท่ียวอยากลองชิมน้ายางหลงั ร้วู า่ กินไม่ได้เหมอื นขา้ วไร่ 12.จดุ ที่สบิ สอง ทป่ี ลูกขา้ วไร่บนเขาในอดีตท่ีเปล่ียนมาปลกู พชื เศรษฐกิจและทาสวนผสม กจิ กรรม เดินชมสวนผสม ชิมผลไมพ้ ้ืนบา้ น ถ่ายทอดการเก็บสมุนไพร การตดั ยางและเก็บผลผลิตในสวน
142 ภาพที่ 134 ววิ จากจดุ ชมววิ บนเขา เห็นอ่าวทบั ตะวันทง้ั หมด 13.จดุ ท่ีสบิ สาม จุดชมววิ ชมุ ชนมอแกลนทับตะวนั -บนไร่ กิจกรรม ฟังเรอ่ื งเลา่ ความเป็นมาของวถิ ขี ้าวไร่ที่หายไปพร้อมกบั ชมวิวชมุ ชนมอแกลนและอ่าวทบั ตะวนั 180 องศา ภาพที่ 135 ฟงั เรื่องวถิ ีแกลนที่บา้ นยายนดิ 14.จดุ ทส่ี บิ ส่ี บา้ นยายนดิ วิถมี อแกลนด้งั เดมิ (บา้ นปา้ นดิ )และยงุ้ เก็บขา้ ว กิจกรรม ฟังเรอ่ื งราวยงุ้ ข้าวท่เี ปลี่ยนมาเป็นบา้ นอาศยั ถา่ ยทอดภูมิปัญญาดา้ นสมุนไพรของมอแกลน
143 ภาพท่ี 136 นักท่องเทยี่ วรกั ษากบั หมอภมู ิปญั ญา จบั เสน้ แล้วหาย 15.จดุ ท่สี ิบห้า บา้ นหมอภมู ปิ ัญญาบนไร่ กจิ กรรม ชมพธิ ีการรักษาเสน้ ประสาท เสน้ เอ็น กล้ามเน้อื กระดูก โดยภูมิปัญญามอแกลน ภาพท่ี 137 นกั ท่องเท่ยี วเรียนรูก้ ารทาเส่ือเตยโดงไปใชท้ บ่ี า้ น 16.จุดทีส่ บิ หก ชมุ ชนวิถเี กษตรดัง้ เดิมของมอแกลน ท่บี ้านบนไร่ กจิ กรรม เท่ียวบ้านมอแกลน,บา้ นผนู้ าทางจติ วิญญาณ เรียนรู้ต้นเตยทีใ่ ช้จักสาน
144 ภาพท่ี 138 นกั ท่องเท่ยี วกาลังกู้ลอบหมกึ 17. จุดทส่ี บิ เจด็ พน้ื ทีห่ าหมึก กิจกรรม ออกเรอื ไปกบั ชาวเล ถ่ายทอดภมู ปิ ัญญาการจับ/กู้หมึกโดยการวางลอบ ภาพที่ 139 ล้อมวงกนิ ข้าวร่วมกนั 18. จุดทีส่ บิ แปด เนินทรายเกาะผา้ กจิ กรรม อาบแดด ถ่ายทอดการปรงุ อาหารในธรรมชาติ สร้างเพงิ พักค้างคืน ชมดาวบนเกาะยามคา่ คืนและฟงั เร่อื งเลา่ การอาศัย พืน้ ท่ีทางจิตวญิ ญาณ ศาลพอ่ ตาหลวงอัฐและอดีตสสุ านเม่อื 50 ปกี ่อนสมัยเกาะผ้ายังเต็มไป ด้วยต้นไม้
145 ภาพที่ 140 เอาปลาปลากระบอกในจดุ ดปู ลาผวิ น้าข้ึนให้นกั ท่องเที่ยวดู 19. จุดที่สิบเกา้ รมิ หาดทรายรอบเกาะผ้า กจิ กรรม เลน่ นา้ ถ่ายทอดภูมิปัญญาการดูฝูงปลาใตน้ า้ จับปลากระบอก กระโทงปากเดียว ปลาทราย ปลา หมก ฯลฯ ภาพท่ี 141 วางอวนเสร็จ กาลังเรยี นร้วู ิธีการเก็บปลาในอ่าวโขดหนิ 20. จดุ ทยี่ ีส่ ิบ พื้นท่หี าปลาในอา่ วโขดหินต่างๆของเกาะผ้า กจิ กรรม ถ่ายทอดภูมิปัญญาการเรียนรนู้ า้ ขน้ึ ลง การดูฝงู ปลา การจบั ปลาในอ่าวมาทาอาหารเย็น
146 ภาพที่ 142 หาหอยนางรมสดๆบนโขดหินกนิ กับน้าจมิ้ ทเ่ี ตรยี มไป 21. จุดทีย่ ี่สิบเอ็ด แหลง่ หากินตอนนา้ ลงตามโขดหินรอบเกาะผ้า กิจกรรม ถา่ ยทอดภมู ิปญั ญาการ แทงโวยวาย เจาะหอยตบิ หาเพรียงทราย จบั ปลา จบั หมึก ภาพที่ 143 จุดดาผิวน้าขา้ งเกาะผา้ 22. จดุ ทย่ี ี่สบิ สอง จุดดาน้า กิจกรรม ดานา้ ชมความสวยงามในพื้นที่ปะการังตามจุดใต้น้าต่างๆ ท่รี ว่ มกันเป็นเขตอนุรกั ษแ์ ละหวงห้ามทา ประมงท่ีเสี่ยงต่อการทาลายระบบนิเวศ
147 ภาพที่ 144 นกั ท่องเทยี่ วไดเ้ หน็ ขยะกองโตหน้าสสุ านมอแกลนบางมรวน 23. จุดที่ยส่ี ิบสาม สุสานผปู้ ระสบภัย สึนามิ และ สุสานมอแกลนบางมรวน กจิ กรรม รว่ มราลกึ ผ้คู นในประเทศของนกั ท่องเทีย่ ว ทีม่ าสูญเสียจากภยั ธรรมชาติ สึนามิ ฟงั บรรยายการใช้ สุสานมอแกลนบางมรวนท่ีอยู่ตรงข้ามกนั ภาพท่ี 145 นักท่องเทีย่ วมอแกลนพาเทีย่ วถ่ายรูปเรือ สนึ ามิ 24. จุดทีย่ ี่สิบส่ี พิพธิ ภัณฑ์เรือสีส้ม-สีฟ้า บ้านน้าเคม็ / Moklan Freedom Total กจิ กรรม ฟังเร่อื งราวของเรอื ประมงขนาดใหญ่ ท่ีโดนคล่ืนสึนามิพัดพานับกิโลเมตรมาติดท่ีจุดน้ี ปจั จบุ ันกาลงั มี การสรา้ งเป็นพิพธิ ภัณฑ์มาตรฐาน เท่ียวชุมชนมอแกลนบ้านกลาง แลกเปล่ยี น รบั ประทานอาหาร ฟงั บรรยาย จดุ มอแกลนพาเที่ยวบ้านนา้ เค็มท่ีศูนย์รวมมอแกลนฟรีดอม
148 ภาพท่ี 146 นกั ท่องเทยี่ วมอแกลนพาเทีย่ วเลอื กซื้อของทรี่ ะลกึ 25. จุดทีย่ ่สี บิ หา้ อนุสรณ์สถานสึนามิบ้านน้าเค็ม กิจกรรม ชมนิทรรศการ สึนามิ ซ้ือของท่รี ะลกึ ฟังเร่ืองเล่า สนึ ามิ และกระบวนการเตรียมความพร้อมรับมอื ภยั พบิ ัติโดยชุมชนบา้ นนา้ เค็ม คา่ ใช้จ่ายของผู้มาเยือนและการจดั การรายได้ - รายได้ 10 เปอร์เซ็นต์ หกั สมทบสว่ นกลางของ มอแกลนพาเทยี่ วและพัฒนาชุมชน มาท่นี จ่ี ะได้อะไร..? 1. สมั ผสั และร่วมใช้ชวี ิตกับความเปน็ อยู่ ภูมปิ ัญญาและศาสตร์ในวิถี วฒั นธรรม ความเชือ่ ของชนเผา่ พื้นเมือง ด้ังเดมิ ทีส่ อดคล้อง เทา่ ทนั กบั ธรรมชาติ 2. ระบบการจดั การชมุ ชนเพื่อการเข้าถึงสทิ ธิกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ-ชนเผา่ พืน้ เมอื ง เช่ือมร้อยสังคม เข้าถงึ นโยบาย 3. สัมผัสพนื้ ที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตทิ ีง่ ดงาม น่าตนื่ ตา ต่นื ใจทีใ่ ครๆก็อยากจะมา นักท่องเท่ียวเริ่มรับรู้มากขึ้นว่าพื้นที่ชายฝ่ังอันดามันเป็นพื้นท่ีอยู่อาศัยและทามาหากินของชาวเลทั้ง สามกลุ่ม คือ ชนเผ่ามอแกน ชนเผ่ามอแกลน และชนเผ่าอุรักลาโว้ยมาหลายร้อยปี การท่องเที่ยวท่ีจัด จะเป็น การเรียนรู้ถึงชุมชนท้องถิ่นด้ังเดิมของชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้ และเรียนรู้ถึงวิถีของการทามาหากิน การอยู่ ร่วมกับธรรมชาติอย่างได้ประโยชน์แต่ก็กลมกลืน สัมผัสในวัฒนธรรมของคนท้องถ่ิน เรียนรู้และภาคภูมิใจกับ วิถีชีวิตและประวัติศาสตร์รากเหง้าชนเผ่าพื้นเมืองแห่งท้องทะเลอันดามันที่แข็งแรง ทาให้ชุมชนมีพลังและ พฒั นาต่อไปอย่างมีศักด์ิศรี รู้เท่าทันและเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาของประเทศได้อย่าง เหมาะสม
149 มอแกลนพาเท่ียว เป็นการจดั ทาเส้นทางท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรม สัมผสั วิถีชีวิตและธรรมชาติของชนเผ่ามอ แกลน ท่ีมีจุดน่าสนใจมากมาย ชุมชนมอแกลนตั้งเรียงรายตามเส้นทางการท่องเที่ยว บนพื้นท่ีคุ้มครองทาง วัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชุมชนมอแกลนหินลกู เดียว จังหวัดภูเก็ต ชุมชนมอแกลนท่าใหญ,่ หินลาด,ทับปลา ,ทุ่งหว้า,ทับตะวัน ,บนไร่,เกาะสุรินทร์และเกาะพระทอง ล้วนแล้วเป็นพ้ืนท่ีเครือข่ายและเครือญาติชาวเล มอแกลนจงั หวัดพงั งาทร่ี ่วมกนั ดาเนินการ ภาพท่ี 147 ผงั พนื้ ที่คุ้มครองทางวัฒนธรรมชาวเลทับตะวัน-บนไร่ 7) กระบวนการพัฒนาพ้ืนทค่ี มุ้ ครองทางวฒั นธรรมชาติพันธุ์ชาวเล แนวคิดและการเร่ิมจดั ทาพนื้ ทค่ี มุ้ ครองทางวฒั นธรรมชาติพันธุช์ าวเลบา้ นบางสัก ตลอดชว่ งเวลาทผ่ี ่านมา ชาวเลตอ้ งประสบปัญหาซึ่งมลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั กลุ่มชาติพนั ธุ์ชาย ขอบอีกมากมายหลายกลมุ่ คือการไรร้ ฐั และการถูกปฏเิ สธข้นั พืน้ ฐาน การขาดความม่ันคงในท่ีอยูอ่ าศัย การถกู กีดกนั ออกจากสทิ ธิในการใช้และเข้าถึงทรพั ยากรธรรมชาติ การถูกผลักเข้าสกู่ ิจกรรมที่ผดิ กฎหมายและการ ทางานทเ่ี ส่ยี งอันตราย การเข้าถึงและการไดร้ บั บริการรักษาพยาบาล การขาดความมนั่ ใจและภูมใิ จในวิถี วฒั นธรรมดั้งเดมิ และการถกู ดูแคลนจากบุคคลท่ีไมเ่ ข้าใจในวิถีวฒั นธรรมแบบ “ชาวเล”ฯลฯปัญหาทช่ี าวเล ประสบอยใู่ นปจั จบุ ันมีหลายด้าน ซ่ึงในแต่ละพนื้ ท่ีมีรายละเอียดและความเข้มข้นของปัญหาแตกตา่ งกนั ไป
150 ขอ้ ตกลงการประกาศเขตคุ้มครองทางวฒั นธรรมชาติพนั ธุ์ชาวเลบ้านบางสัก (1) พื้นที่ต้องครอบคลุมพนื้ ท่ีอาศยั (เชน่ หมบู่ า้ น)พื้นทที่ ากิน (ท้ังบริเวณชายฝั่งทะเล ในทะเล และในพื้นท่ปี า่ ) และพน้ื ทที่ างจิตวิญญาณ (เช่น สุสาน พนื้ ท่ีบรเิ วณศาลเคารพ พ้นื ท่ปี ระกอบพธิ ีกรรมหรืองานประเพณี ฯลฯ) (2) พนื้ ทต่ี อ้ งมีชุมชนทีม่ ีวฒั นธรรมชาวเล คือ มอแกน มอแกลน หรอื อรุ ักลาโว้ยที่เขม้ แข็ง ทรงคณุ คา่ ชมุ ชนมี ความพร้อม และมผี ู้นาในการประสานความมือได้ หรอื อาจเปน็ ชุมชนท่มี ีวฒั นธรรมเปราะบางเสี่ยงต่อการสญู หาย (3) พน้ื ทีต่ ้องมหี นว่ ยงานรัฐและหนว่ ยงาน/องค์กรระดับท้องถ่ินท่ีมศี ักยภาพในการทางานกับชมุ ชนชาวเล เขตค้มุ ครองวฒั นธรรมชมุ ชนบ้านทับตะวนั (บางสัก) การผลักดันเขตคุ้มครองวัฒนธรรม ของพ้ืนท่ีบ้านทับตะวัน ต้องการผลักดันให้เกิดการประกาศเขตคุ้มครอง วัฒนธรรม ดังน้ี ก. พ้ืนท่ีเพือ่ การอยู่อาศยั หรอื พนื้ ท่ีตงั้ ของชมุ ชน ข. พน้ื ทที่ ามาหากนิ พืน้ ที่ทามาหากินของชมุ ชนบ้านทับตะวัน ประกอบดว้ ยมขี ุมเขยี วเป็นทจี่ อดเรอื เกาะผา้ ค. พน้ื ทศ่ี ักด์ิสทิ ธ์ิ หรอื พ้นื ท่ีทางจติ วญิ ญาณ พ้ืนที่ศักดิ์สิทธ์ิหรือพ้ืนท่ีทางจิตวิญญาณ ของชุมชนทับตะวัน ประกอบด้วย ศาล\"พ่อตาสามพัน\" บริเวณ รอบศาลเป็นพ้ืนท่ีทาพิธีกรรมของชาวมอแกลนโดยเฉพาะพิธีประจา ในเดือนส่ีทางจันทรคติ (ประมาณเดือน มนี าคม) ซ่งึ จะมกี ารต้ังเสาไมไ้ ผ่สงู ท่มี ียอดเป็นรปู นกและประดบั ธงผา้ สีขาว ยาวอยู่ดา้ นหนา้ ศาล พ้ืนที่ทางจิตวิญญาณที่สาคัญอีกพ้ืนที่สาหรับชาวมอแกลนบางสักคือ สุสาน ในป่าริมหาดทราย ท่ีมีอายุ เก่าแก่หลายร้อยปี ซ่ึงแสดงให้เห็นวชาวมอแกลนเกิด เติบโต ตั้งถ่ินฐาน ทามาหากิน เดินทางไปมาในบริวณน้ี มาเนิน่ นาน รวมทั้งฝงั ศพบรรพบรุ ุษกันมาร่นุ ตอ่ รุ่น 8) บทเรยี นท่ผี ่านมาของชมุ ชนชาวเลบา้ นทับตะวนั ทีผ่ า่ นมาชุมชนบา้ นบางสกั ท้งั สช่ี มุ ชนผา่ นการถกู ขับไล่ท้งั ท่ีตวั เองเปน็ ผูอ้ ยู่ก่อนแตด่ ้วยควมกลวั ต้งั อดีตและถูก ปล้นจี้ทั้งท่ไี ม่ยุง่ กับคนอื่น แต่ที่ผ่านมาทาให้ไดเ้ รยี นรู้วา่ การทีห่ ลกี หนีใหผ้ อู้ ่นื ตัวเองกลับไม่มีที่อยู่ ต้องไปหาท่ี อืน่ อยู่เร่ือยไป หลังสึนามชิ ุมชนทบั ตะวนั หรือทมี่ อแกลนเรยี กว่า ทุ่งทุ ได้ถกู นายทนุ อ้างสิทธ์ิ ทาให้ชาวเลใน บางสกั รกุ ขึ้นมาปกปอ้ งโดยการมาเปน็ กาลัง บทเรยี นหลงั สึนามทิ ่ีมีความสาคญั ในการสูข่ องชุมชน/สังคมและระบบกฎหมายไทย (1) บา้ นมอแกลนพัง เหลือแค่เสาบ้าน ชาวบ้านหนีตายอยู่บนไร่ /ถกู นายทนุ อา้ งสทิ ธ์ิมีนส.3 (2) นายทนุ มตี ารวจและทหารมาคุ้มกัน และข่มขู่ชาวบา้ น/ส่ือบางชอ่ งให้ข่าวว่าชาวเลเป็นผู้บุกรกุ ท่ีดินเอกชน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350