Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชาวเล

Description: ชาวเล

Search

Read the Text Version

51 ภาพท่ี 49 “เอยี๊ กฉุ๊บ” ภาพท่ี 50 เอีย๊ กหลา่ ชุบ

52 ภาพท่ี 51 เอี๊ยกหลอ่ กาน ลักษณะอาหารการกิน ชาวเลมอแกลนกินข้าวเป็นอาหารหลักและจะมีกับข้าวอยู่หลายแบบที่เป็น อตั ลักษณ์และชน่ื ชอบ เช่น หล่าชบุ ค่ัว (นา้ พรกิ ค่ัว), เอี๊ยกหรือหอยต่าง ๆ เช่น หอยตบิ , หอยกนั , แกงส้มเพรยี ง ทราย, ยาเพรยี งขอน, โวยวาย (ปลาหมึกสาย) ผดั เปรี้ยวหวาน เปน็ ต้น แตล่ ะม้ือจะมีผักมากมายเนื่องจากปลูก กินเอง รวมถึงหมาก พลูทีข่ าดไม่ได้ ด้ังเดิมเวลากินข้าวจะใช้กะลาขูดมันวาวเป็นภาชนะใส่ข้าวหรือกับข้าวแล้ว ใชม้ อื เปบิ ปจั จุบันมเี ครอื่ งใช้ครวั เรอื นเหมือนทวั่ ไป สุรา อดีตจะใชว้ ิธหี มกั น้ามะพรา้ ว ภาพท่ี 52 เลยี งคัดแยกแรด่ ีบุก

53 ภาพที่ 53 เชอ,นาง ภาพท่ี 54 “ไซ”จับปลาน้าจดื

54 ภาพท่ี 55 “ซอ้ น” จับกุง้ หาหอยเสยี บ หอยหวาน ภาพท่ี 56 กระด้งตาก

55 ภาพที่ 57 “ราง”คดั แยกแร่ ภาพที่ 58 เหล็กแทงหลา่ วา๋ ก หรอื โวยวาย

56 ภาพท่ี 59 “แก่แอว หลา่ โตะ๊ ” ภาพท่ี 60 “ไซ”จบั หมึก เคร่ืองมือต่าง ๆ ท่ีใช้หากินและแตกต่างจากท่ัวไป เคร่ืองมือประมงในทะเลมีเรือขุดหรือเรือมาด, ฉมวก ประมงชายฝ่ังมีหล่าโต๊ะ (เหล็กเจาะหอย), เหล็กแทงโวยวาย, แป่ดกร๋างเอ๊ียก (มีดขูดหอยกัน), หวาย แทงเพรยี งทราย ไซจับหมกึ เชอ นาง ซอ้ น ไซน้าจืด รางวดิ แร่ เลียงร่อนแร่ และถา้ ยแร่ เป็นตน้

57 ภาพที่ 61 ชาวเลมอแกลนฝดั เลือกขา้ วไร่หมนุ เวยี นที่ได้จากการแลกปลากบั กะเหรีย่ ง การปลูกข้าวไร่ ก่อนปลูกข้าวไร่ต้องทาพิธีไหว้แม่โพสพ ซึ่งปัจจุบันประเพณีกาลังจะศูนย์หายเหลือ แค่ชุมชนเกาะนกท่ียังคงมีภูมิปัญญาการทาพิธีและยังคงมีพ้ืนที่ไม่มากหนัก (มีความเสี่ยงมากว่ากาลังจะ หายไป) ชาวเลมอแกลนหยอดเมล็ดในหลุมท่ีทาโดยใช้ไม้ทมิ่ ลงไปในดิน และรอให้ต้นข้าวเจริญเติบโตออกรวง จึงเกีย่ วข้าวโดยใช้แกะหรือแกระ ซ่ึงมีลักษณะเป็นมีดโค้งมน มีด้ามในแนวตง้ั ใช้น้ิวเก่ียวด้ามมืดไว้แล้วจับก้าน รวงข้าวโยกเข้าหาใบมีด หลังจากท่ีเก็บเกี่ยวแล้วก็จะมีการฟาดข้าวให้เมล็ดข้าวเปลือกหลุดออกจากรวง เสร็จ แล้วกน็ าข้าวเปลอื กมาตาในครกไม้แลว้ จงึ นาไปฝัดเพ่ือแยกเปลอื กออกจากเมล็ดข้าว

58 ภาพที่ 62 “ก่าแนก็ ตา่ ล๊อก”หม้อตม้ ยาของมอแกลน การแพทย์มอแกลนสาคัญของชนเผ่ามอแกลน ได้แก่ การรักษาตามความเชื่อ การนวดจับเส้น ต่อ กระดกู สมุนไพร 1) หญ้าตนี กา และ หญา้ หงับ นาสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดนม้ี าตม้ รวมกนั จากนั้นนาดื่ม ใช้ในการ ขบั เลือดและของเสียในร่างกาย 2) รากตน้ หมาก รากต้นมะพร้าว รากต้นมะนาว ต้นตีนกาและต้นหญ้าคา นา สมุนไพรทุกชนิดมาต้มแล้วด่ืมกินช่วยในการเมา ส่ิงของสาหรับคนท่ีเพ่ิงคลอดลูกหรือลูกโตแล้วและมีอาการ (มอแกลนเรียกอาการนว้ี ่า บาลอย ) หรอื ใช้แก้ร้อนใน ลาดับกิจกรรมทางวัฒนธรรม (นบั เดือน – ค่า ตามปฏิทินจนั ทรคต)ิ 1) “อิดนู เอาดะ” หรอื เรียกว่าประเพณนี อนหาด กุมภาพนั ธ์ ขนึ้ 11 – 13 คา่ 3 วัน 3 คนื 2) พธิ เี ซน่ ไหวบ้ รรพชนพอ่ ตาสามพัน มนี าคม ขึ้น 12-14 ค่า (เลือกทา 1 วันท่เี ป็นวันท่ดี ี) 3) เซ่นไหว้บรรพบุรุษเดือนส่ี มีนาคม แรม 2 ค่า (หลังจากทาพิธีเซ่นไหว้พ่อตาสามพันเสร็จ วันถัดไปให้ เลอื กวันท่ีดี ทกุ บา้ นทมี่ ีถว้ ยบรรพบุรุษตอ้ งทาทุกหลังคาเรือน) 4) พิธเี ซ่นไหว้แมโ่ พสพ มนี าคม ขึ้น 12-14 ค่า (เลือกทา 1 วนั ทเี่ ป็นวนั ทดี่ )ี 5) รอ้ งเพลงบอก เดือนหา้ เมษายน ขึ้น 1 ค่า ถงึ แรม 15 ค่า 6) พิธีแต่งเปลวหลุมศพบรรพบุรุษ เมษายน ข้ึน 2-14 ค่า แต่ละชุมชนแต่ตระกูลทาไม่พร้อมกัน แล้วแต่ จะสะดวก 7) พิธหี าบคอน พฤษภาคม ข้ึน 12-14 ค่า (เลอื กทา 1 วันที่เป็นวนั ที่ดี) 8) เซ่นไหว้บรรพบุรุษเดือนส่ี พฤษภาคม ขึ้น 2 ค่าเป็นต้นไป บ้างปีพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเดือน ส่ี ทาไม่ เสร็จในเดอื น สี่ ตอ้ งเว้นช่วงมาทาตอ่ ในเดือน หก 9) พธิ เี ซน่ ไหว้หวั เรือพฤษภาคม ข้ึน 1-15 ค่า ทาไม่พร้อมกันก็ได้แต่ต้องเลือกวันที่ดี (พิธีนี้เฉพาะคนที่มี เรอื )

59 10) พธิ เี ซน่ ไหวเ้ จา้ ที่ พฤษภาคม ข้ึน 1-15 ค่าทาไม่พร้อมกันก็ได้ แต่ต้องเลือกวันที่ดี (พิธีน้ีเฉพาะคนที่มี เรือ) 11) พิธี “เวสสุวรรณ” มีนาคม หรือ กรกฎาคม ขึ้น 15 ค่า คนที่มาร่วมจะเป็นลูกหลานผู้นาและคนมอ แกลน, คนไทยที่เคยมาขอต่อชะตาชวี ติ เปน็ ส่วนใหญ่ 12) พธิ ีฉลองศาลบรรพชนพอ่ ตาสามพนั กรกฎาคม ขึน้ 9 และ 14 คา่ (เลือกทา 1 วันท่ีเปน็ วนั ทดี่ )ี 13) พิธีกินบญุ เดือน สิบ กนั ยายน แรม15 ค่า 1 คร้งั ขึน้ 15 ค่า 1 คร้งั ข้อมูลเนอ้ื หาเกย่ี วกับประเพณี พธิ กี รรมของชาวเลชนเผา่ มอแกลน 1. ประเพณนี อนหาด “อดิ ูน เอาดะ” ภาพท่ี 63 พื้นที่ “อิดนู เอาดะ” ประเพณีนอนหาด เป็นประเพณีประจาปีของชาวมอแกลนที่มีชาวมอแกลนจากหมู่บ้านตา่ ง ๆ รวมถึงชาวเลชนเผ่าอ่ืน ๆ ท่ีเป็นเขยและสะใภ้มาทา “ทับ” หรือ “เพิง” นับร้อยครอบครัว ร่วมกินนอน แลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบ เซ่น ไหว้บ่าบและละเล่นทางวัฒนธรรมร่วมกันเป็นเวลา 3 คืน 3 วัน แล้วทุกอย่างจะถูกเก็บไม่เหลือร่องรอย เป็น ประเพณีทต่ี ื่นตาตื่นใจและกล่าวถึงของสังคมแถบชายฝั่งตะวันตกของจงั หวัดพังงา-ภเู กต็ มายาวนาน ชาวเลชน เผ่ามอแกลนเรยี กประเพณีน้ีว่า “อดิ ูน เอาดะ” หรือ “ประเพณนี อนหาด” จดั ข้ึนในเดือน 3 ของทุกปีทบี่ ริเวณ หาดหินลูกเดยี ว จังหวัดภเู ก็ต

60 2. พธิ เี ซน่ ไหวบ้ รรพชนพ่อตาสามพันและพิธเี ซน่ ไหวบ้ รรพบุรษุ มอแกลน ภาพท่ี 64 ผู้นาทางจิตวญิ ญาณและผชู้ ว่ ยประกอบพิธกี รรมเซน่ ไหวบ้ รรพชนตาสามพัน พธิ ีเซ่นไหว้ตาสามพันและเซ่นไหว้บรรพชนชาวมอแกลนที่ล่วงลับ นอกจะเป็นการสกั การะบูชาบรรพ ชนแล้วยังเป็นการแก้บนบานตามสัจจะวาจาท่ีศรัทธาได้ขอไว้และได้ดังหวัง เครื่องเซ่นบนบานเด่น ๆ คือ ไก่ บ้าน เต่านา เหล้า ประทัด ถ้าเป็นสายตระกูลผู้นาทางจิตวิญญาณก็สามารถบนด้วยธง “ป่อก๊อน” หรือธงต้น ตระกูล ส่วนเครื่องเซ่นไหว้บรรพชนมีน้าฉ๊ะหว้า (หัวกะทิ+น้าตาล) “โช้บายก่อหละ” (แกงเต่านา) ข้าวหลาม “มูนอย๋อก” (ข้าวเหนียว+ข้าวเจ้าหุงในกระบอกไม้ไผ่) “หม่อน๊อกหนิเอี๊ยง” (ไก่ย่าง) “โช้บายอบ๋อนหลู่บุ๊” (แกงรากบอนชนิดหนึ่ง) “อจ๊อน” (ขา้ วสวย) และขนมขี้กวาง การเตรียมพิธีเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า โดยมีตัวแทน คนแกแ่ ต่ละตระกลู เดินเกบ็ นาข้าวสาร, น้าตาล, แป้ง ตามบา้ นพีน่ ้องชาวมอแกลนในชุมชนมาประกอบปรุงเป็น ขนมเซ่นไหว้ ส่วนคนหนุ่มช่วยคนแก่ระดับหมอหรือผู้ช่วยหมอท่ีคอยช้ีแนะกรรมวิธีการปรุง ย่างไก่ ย่างเต่า หลามข้าว บางคนก็เตรียมธง บางกลุ่มก็สานเส่ือภาชนะในพิธี บางกลุ่มก็จัดหมากพลูแต่ละหิ้ง ความวุ่นวาย แบบเงยี บ ๆ เกิดขน้ึ ในแตล่ ะมมุ การเตรียมในหมู่บา้ นตามภาระทีส่ ามารถทาได้ด้วยภมู ิปัญญา เวลาเร่มิ พธิ ีกรรม จะเริ่มตอน 4 โมงเย็น จุดธปู เทียนแต่ละหงิ้ ต้นตระกูลเสร็จแล้วเร่ิมเดินไปที่ศาลพระอาทิตย์ตก “ธงปอ่ ก้อน”ท่ี ติดกับ “เสาหน่ามะ” ของแต่ละตระกูลกจ็ ะทยอยมา การอัญเชญิ อาหารเซน่ ไหวจ้ ากในป่ากจ็ ะเริ่ม หลังจากน้ันพิธีกรรมก็จะดาเนินการไปตามความเช่ือ มีการเชิญบรรพบุรุษมารับรู้ด้วยร่างทรง ถือว่า เร่ิมการบอกกลา่ วสอื่ สารระหวา่ ง 2 มติ ิ มีการเส่ยี งทายพิธีตอน 4 ทุม่ เพ่ือช้ีส่ือสารกับบรรพชนว่าชาวมอแกลน ทาผิดอะไรบ้าง มีการเปิดให้ถามร่างทรงบรรพชนถึงโรคภัยไข้เจ็บ โชคชะตา ดวงหมู่บ้านชาวเลมอแกลน ช่วงเวลา 5 ทุ่มเป็นพิธีแก้บนด้วยของเซ่นบนบานท่ีเตรียมไว้แล้ว พอหมอแก้บนเสร็จหมดทุกคนก็จะลาด้วย เสียงลูกประทัดท่ีใช้บนเอาไว้เช่นกัน เที่ยงคืนทาพิธี “แหน่แอ๊กป่อก๊อนอ่าบ่าบ” ปีนเสาบรรพบุรุษต้นตระกูล หลังจากนั้นจึงอัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษไปรวมตัวท่ีห้ิงใหญ่ (บ้านบนไร่) พร้อมกับหมอ ร่างทรง และคนแก้ บนร่วมทาพิธสี ่งบรรพบุรุษกลับหิ้งของตนตามบ้านของต้นตระกูลต่าง ๆ กระบวนการท้ังหมดเวลาอาจล่วงเลย จนถงึ รุ่งเช้า เม่ือทุกคนกลบั ถึงบ้านก็เป็นอันจบพิธี “หลองหลาเดือน 4” ทีส่ มบูรณ์ ตอ่ จากนั้นมีการทาพิธีเซ่น

61 ไหว้บรรพบุรุษแต่ละสายตระกูลต่อเนื่องในแต่ละหมู่บ้าน หลังจากน้ีไปจนถึงแรม 13 ค่า เดือน 4 ตามปฏิทิน จนั ทรคติ 3. รอ้ งเพลงบอกเดือนหา้ ภาพ 65 พ่อครูแม่ครรู ว่ มรอ้ งเพลงบอกวนั สงกรานต์ ประเพณีร้องเพลงบอกเดือนห้า จะร้องเพลงไปตามบ้านท้ังเป็นคนมอแกลนและเป็นคนไทยหรือมอ แกลนเรียกว่าแฉม เป็นโอกาสที่จะได้เจอญาติต่างหมู่บ้าน เน้ือหาของเพลงจะเก่ียวข้องกับคาทักทายเจ้าของ บ้านให้พรเจ้าของบ้านและนาอาหารไปแลกเปลี่ยนเจ้าของบ้านก็จะให้เงนิ ข้าวสาร เสอ้ื ผ้า หรอื อาหารแหง้

62 ภาพที่ 66 พิธีแต่งเปลว 4. พิธีแตง่ เปลวบรรพบรุ ุษ มีความเชื่อว่าบรรพบุรุษจะส่งผลให้ชีวิตลูกหลานเจริญก้าวหน้ามีกินมีใช้ตลอดทั้งปี ลูกหลานที่อาศัย อยู่ที่อ่ืนก็จะกลับมารว่ มตวั กัน แต่ละครอบครัวก็จะนาอาหารคาว หวาน ที่บรรพบรุ ุษชอบนาไปเซ่นไหว้ ทาให้ คนรุ่นหลังได้ทราบว่าต้นตระกูลตัวเองฝังที่ไหนมีใครบ้าง เพราะเม่ือสิ้นใจคนมอแกลนก็จะนาศพมาฝังใกล้ ๆ บรรพบุรษุ ภาพที่ 67 “หาบคอน” 5. พธิ หี าบคอน เปน็ พธิ ีสะเดาะเคราะห์ จะทาในเดือน 5 ของทกุ ปตี ้ังแต่ข้ึน 12- 14 ค่า (เลือกทา1วนั ) แต่ชุมชนจะทา ท่ศี าลบริเวณใกล้เคยี งชุมชนตัวเอง เริ่มตงั้ แตเ่ ช้าเจ้าของบา้ นแตล่ ะหลังก็จะให้สมาชิกในบา้ นตัดเลบ็ มือ ตัดเล็บ เท้า ตัดเส้นผมและข้าวสารอาหารแห้งห่อใส่ผ้าและนาไปร่วมกันท่ีบ้านเคใหญ่ หรือบ้านหมอใหญ่ในชุมชน

63 เมื่อถึงเวลาบ่ายโมงก็จะมีตัวแทนคนในชุมชนหาบไปท่ีศาลบรรพชนคนมอแกลน และทุกครัวเรือนต้องนา อาหาร คาว หวาน ไปเซน่ ไหว้ หลงั จากทาพิธเี สรจ็ กร็ บั ประทานอาหารร่วมกันเป็นอันวา่ เสร็จพธิ ี ภาพที่ 68 พิธีเซ่นไหว้หวั เรอื 6. พิธเี ซ่นไหว้หัวเรอื เป็นพิธใี ห้การเคารพและนบั ถือ เซน่ ไหว้ส่ิงศักดิ์สทิ ธิ์ พ่อขุนเล แม่ยา่ นาง บรรพชน บรรพบุรุษมอ แกลน เพื่อเปน็ การขอบคุณที่การดารงอาชพี ในเรือปนี ป้ี ลอดภัย อาหารทนี่ ามากจ็ ะมี ปลายา่ ง กุง้ อบ หมกึ ต้ม นา้ ดา ไก่ต้ม ผลไม้ เหลา้ น้า เรมิ่ ทาพธิ ีชว่ งเยน็ ในเดือนพฤษภาคมขึ้น 1–15 คา่ เดือน 6

64 ภาพที่ 69 “ตาเนอ่ื ง”ผู้นาทางจติ วญิ ญาณทาพธิ ีเซน่ ไหวเ้ จ้าที่ 7. พธิ ีเซ่นไหวเ้ จ้าท่ี ทาในช่วงเดือน 6 ของทุกปี เป็นพิธีเซ่นไหว้สิ่งศักด์ิสิทธิ์ในธรรมชาติ เซ่นไหว้พระภูมิเจ้าที่ ผีบ้านผี เรือน และเป็นพิธีเพื่อราลึกถึงบรรพบุรุษท่ีบุกเบิกใหล้ ูกหลานไดม้ ีท่ีอยอู่ าศัย ที่ทากิน เป็นการปลูกจิตสานึกให้ ลกู หลานมีทีด่ นิ เพอ่ื อนาคตที่ยงั ยืน

65 ภาพท่ี 70 เคร่ืองเซน่ บรรพบรุ ุษเดอื น 9 8. พิธีหลองหลาพอ่ ตาสามพันเดือน 9 เป็นพิธีฉลองปิดศาลบรรพชนพ่อตาสามพันในปีน้ัน ๆ รวมถึงพิธีอื่น ๆ ท่ีเป็นพิธีสาคัญของชนเผ่าทา ในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี มอแกลนท่ีอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงจะนาอาหาร คาว หวานมา เซ่นไหว้ หลงั จากนั้นพ่อหมอก็ทาพิธีและร่วมรับประทานดว้ ยกนั ภาพท่ี 71 ผชู้ ายชาวเลมอแกลนมหน้าทีก่ วนกัลแมในพธิ ีเวสสุวรรณ 9. พิธีเวสสุวรรณ ทาเพื่อขอชีวิต และ เสริมต่อชะตาชีวิตที่สืบทอดกันมาตั้งบรรพชน จะทาในช่วงเดือนมีนาคม 15 ค่า เดอื น 4 หลังจากเสร็จพธิ ีเซน่ ไหว้บรรพบรุ ุษมอแกลน แต่ถ้าในเดือนมีนาคมพธิ เี ซน่ ไหวบ้ รรพบรุ ษุ มอแกลนทา

66 ไม่ครบทุกหลังก็เล่ือนมาทาเดือนกรกฎาคม พิธีเวสสุวรรณเร่ิมต้ังแต่เช้า 14 ค่า พี่น้องมอแกลนในชุมชนบ้าน ทบั ตะวนั และจากหม่บู า้ นอืน่ ๆ จะนาเงินและอาหารมาจากหมู่บ้านตัวเองเพอ่ื จะชว่ ยกนั เตรียมทาขนม 9 ชนิด ได้แก่ ขนมกันแม ขนมสามเก๋อ ขนมโค ขนมข่ีกว้าง ขนมรา ขนมเหนียวมูนขาว ขนมเปียกปูน ขนมจู้จุน ขนม เหนียวมูนเหลือง ภาพที่ 72 มอแกลนถอื “กะชอ้ บ” เตรยี มแยง่ ขนมร้านเปรตเดือน10 10.พธิ ีกินบุญเดือน 10 ประเพณี “กาวหย๊าหลื่อชิบ” เป็นประเพณีที่เพ่ิงเกิดข้ึนหลังอพยพมาจากฝ่ังอ่าวไทย เนื่องจากไม่มี เคร่อื งเซ่นไหว้ เดิมเปน็ การแลกเปล่ียนของทะเลกับเครอื่ งเซ่น มีการเดินขอเป็นกลุม่ คณะ ขับร้องเพลงบอก ชม บ้าน ชมคน และอวยพรผู้ใหข้ ้าวของ ไมใ่ ช่การนั่ง-เดนิ ขออย่างเช่นทีป่ ฏิบัตใิ นปัจจุบนั หลังจากทกี่ ลบั มาตอ้ งนา อาหารคาว หวาน มาเซ่นไหวบ้ รรพบุรุษ และนาขนมสดทไี่ ดม้ าย่างคนมอแกลนจะมีภูมิปัญญาทาให้แห้งเกบ็ ไว้ กินทัง้ ปี

67 2.3.4 จานวนชุมชน ประชากรกลมุ่ ชาติพันธ์ชุ าวเลชนเผา่ มอแกนและมอแกลนในจงั หวดั พังงา ประชากร (คน) ลาดบั ชุมชน หลงั คาเรือน หญงิ ชาย รวม ชาตพิ นั ธุ์ 1. ชมุ ชนมอแกน เกาะสรุ นิ ทร์ ม.3 ต.เกาะพระทอง 87 196 171 367 ชาวเลชนผ่ามอแกน อ.คุระบรุ ี จ.พังงา 2. ชมุ ชนบ้านเทพประทาน ม.4 ต.แม่นางขาว อ.คุ 48 95 102 197 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน ระบุรี จ.พงั งา 3. ชมุ ชนบา้ นชยั พัฒนา - กาชาดไทย (บางแบก) ม.6 19 41 35 76 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน ต.แมน่ างขาว อ.คุระบรุ ี จ.พังงา ,มอแกน 4. ชุมชนบ้านเทพรตั น์ ม.6 ต.แมน่ างขาว อ.คุระบุรี 50 113 183 296 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน จ.พังงา 5. ชุมชนบ้านทา่ แป๊ะโย้ย ม.2 ต.เกาะพระทอง อ.คุ 45 68 81 149 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน ระบรุ ี จ.พังงา 9 24 15 39 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน 17 42 34 76 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน 6. ชุมชนมอแกลนตะกลุ า เกาะระ ม.3 ต.เกาะพระ 12 28 11 39 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน ทอง อ.ครุ ะบุรี จ.พงั งา 15 45 30 75 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน 18 27 25 52 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน 7. ชมุ ชนทงุ่ ดาบ ม.1 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ. 44 71 112 183 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน พงั งา ,มอแกน 8. ชมุ ชนปากจก ม.4 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบรุ ี จ. พงั งา 9. ชุมชนอา่ วน้าจืด ม.3 ต.เกาะพระทอง อ.ครุ ะบุรี จ.พังงา 10. ชุมชนมอแกลนทงุ่ ละออง ม.4 ต.บางวนั อ.ครุ ะบรุ ี จ.พังงา 11. ชุมชน บ้านน้าเคม็ หมูท่ ี่ 2 ต.บางม่วง อ.ตะก่วั ป่า จ.พังงา 12. ชมุ ชนชาวเลมอแกลน ทับตะวนั บา้ นบางสกั ม.7 135 204 279 483 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน ต.บางม่วง อ.ตะก่ัวป่า จ.พงั งา ,มอแกน 13. ชมุ ชนมอแกลนบนไร่ บ้านบางสัก ม.7 ต.บางมว่ ง 47 75 94 169 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ,มอแกน 14. ชมุ ชนมอแกลนบ้านบางขยะ (รวมแหลมปะการงั ) 64 133 134 267 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน ม.1 ต.คกึ คัก อ.ตะกั่วปา่ จ.พงั งา 15. ชมุ ชนบา้ นปากวีป ม.2 ต.คกึ คกั อ.ตะกั่วป่า จ. 16 26 29 55 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน พังงา 16. ชมุ ชนบา้ นทุง่ หวา้ ม.3, 5, 7 ต.คึกคัก อ.ตะกัว่ ป่า 43 65 58 123 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน จ.พงั งา 17. ชุมชนบ้านลาแกน่ ม.2 ต.ลาแก่น อ.ท้ายเหมือง จ. 59 97 87 184 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน พังงา

68 18. ชุมชนบา้ นคลองญวนใต้ ต.ลาแกน่ อ.ทา้ ยเหมอื ง 17 28 31 59 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน จ.พังงา 19. ชมุ ชนบ้านเกาะนก ม.2 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้าย 79 117 143 260 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน เหมือง จ.พงั งา 20. ชุมชนบ้านขนมิ ม.7 ต.ท่งุ มะพรา้ ว อ.ท้ายเหมอื ง 45 81 62 143 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน จ.พังงา 21. ชมุ ชนมอแกลนบ้านหนิ ลาด ม.6 ต.ทา้ ยเหมือง อ. 52 94 102 196 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน ทา้ ยเหมอื ง จ.พงั งา 22. ชุมชนบ้านลาปี ม.8 ต.ทา้ ยเหมือง อ.ท้ายเหมอื ง 56 119 142 261 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน จ.พงั งา 23. ชมุ ชนบ้านทบั ปลา ม.8 ต.ลาแกน่ อ.ทา้ ยเหมอื ง 139 267 292 559 ชาวเลชนเผ่ามอแกลน จ.พงั งา 24. ชุมชนบ้านทา่ ใหญ่ (หรอื ทา่ ปากแหวง่ ) ม.11 ต. 46 77 85 162 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน โคกกลอย อ.ตะกั่วทงุ่ จ.พงั งา

69 3. ข้อมลู ทางมรดกภมู ปิ ัญญาวัฒนธรรมเพ่ือเตรียมการพน้ื ทนี่ าร่อง/ต้นแบบเขตคุ้มครอง ทางวฒั นธรรมกลมุ่ ชาติพนั ธ์ชุ าวเล ภาพที่ 73 สัญลกั ษณ์พนื้ ท่ีคุ้มครองทางวฒั นธรรมกลุม่ ชาตพิ ันธชุ์ าวเล จังหวัดพงั งา 3.1 พ้นื ท่ีนาร่องเขตคมุ้ ครองทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในจงั หวัดพังงาที่เสนอกับรฐั บาล 3.1.1 พนื้ ที่นาร่องเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมกลมุ่ ชาติพันธช์ุ าวเลชนเผา่ มอแกนเกาะสุรินทร์ 3.1.2 พน้ื ทีน่ าร่องเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมกลมุ่ ชาติพันธชุ์ าวเลชนเผ่ามอแกลนเกาะพระทอง- เกาะระ 3.1.3 พื้นที่นาร่องเขตคมุ้ ครองทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพนั ธชุ์ าวเลชนเผา่ มอแกลนบางสัก 3.1.4 พนื้ ที่นาร่องเขตค้มุ ครองทางวัฒนธรรมกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ชาวเลชนเผา่ มอแกลนหินลาด 3.2 พน้ื ทตี่ ้นแบบคุ้มครองทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธ์ชุ าวเล จงั หวดั พังงา 3.2.1 พน้ื ทต่ี น้ แบบคุม้ ครองทางวฒั นธรรมกลุ่มชาตพิ ันธุ์ชาวเลชนเผา่ มอแกลนทับปลา-ลาปี

70 3.1.1 ข้อมูลชุมชนมอแกนหมู่เกาะสุรนิ ทร์ จงั หวัดพังงา ภาพท่ี 74 หมู่บา้ นมอแกนเกาะสรุ นิ ทร์ อ่าวบอน ขอ้ มูลพ้ืนฐานของชมุ ชนมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา และข้อเสนอแนะในการทางานชมุ ชน (เรียบเรยี งจากเอกสารและรายงานของโครงการนาร่องอนั ดามันและหน่วยปฏิบตั กิ ารวจิ ยั ชนพืน้ เมอื งและ ทางเลอื กการพฒั นา สถาบนั วิจยั สังคม จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เพม่ิ เตมิ โดยเครือข่ายชาวเล อนั ดามนั ) 7 พ.ย. 2564 ชาวมอแกนมีความคุ้นเคยกับทะเลและมคี วามรู้ลึกซึ้งเกีย่ วกบั สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล โดย สามารถสังเกตลม คลื่น อากาศ กระแสน้า และข้างขึ้นข้างแรม รวมท้ังมีความรู้ท่ีจะปรับตัวให้สอดคล้องกับ วงจรธรรมชาตคิ วามรู้เกย่ี วกบั สภาพลมฟา้ อากาศทางทะเลและทักษะการจบั สตั วท์ ะเล ในประเทศไทยมชี าวมอแกนประมาณ 1,000 คน ปัจจุบันชาวมอแกนกล่มุ หนึ่งตั้งหลักแหล่งถาวรที่หมู่ เกาะสรุ นิ ทร์มีประชากรกว่า 300 คน ใน 82 หลังคาเรอื น (ณ กุมภาพนั ธ์ 2563) ชาวมอแกนอยู่อาศยั และทามา หากินก่อนทีจ่ ะมกี ารประกาศพืน้ ที่เป็นอุทยานแหง่ ชาติในปี พ.ศ. 2524

71 ภาพที่ 75 กา่ บาง เข้าจอดรมิ หาดในอา่ วเพือ่ มาเอาน้าจืด แลกอาหาร ในสมัยก่อนมอแกนเดินทางไปมาตามชายฝั่งทะเลและเกาะต่าง ๆ โดยใช้เรือ “ก่าบาง” ที่เป็นทั้ง พาหนะและบ้าน นอกจากความเช่ียวชาญเกี่ยวกับการเดินเรอื การว่ายน้าดาน้า และการทามาหากินทางทะเล แล้ว ชาวมอแกนยังมีความรู้เก่ียวกับป่าและพืชพันธ์ุไม้ที่หลากหลาย เพราะชาวมอแกนเข้าป่าเพ่ือตัดไม้และ ใบไมม้ าทาเรอื ทาเสาบา้ น หลังคาบ้านและหลังคาเรอื ฝาบ้าน ไม้ฟนื และใชพ้ ืชสมุนไพรบางชนิดเพื่อรักษาโรค ภาพท่ี 76-77 วถิ ีดง้ั เดิมของมอแกนคือการเก็บหาสตั วท์ ะเล โดยมภี มู ิปัญญาเก่ยี วกบั ทะเลและการสรา้ งเรอื “กา่ บาง” กอ่ นเหตุการณส์ ึนามิมีหมู่บ้านมอแกนอยสู่ องหมู่บา้ นท่ีเกาะสุรนิ ทร์คือท่ีอา่ วไทรเอนและท่ีอา่ วบอนเล็ก แต่ในช่วงฤดูลมตะวันออก บางครัวเรือนจะย้ายไปอยู่ที่ช่องขาดบนเกาะสุรินทร์ใต้ ในช่วงเหตุการณ์สึนามิใน เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2547 หมู่บ้านทั้งสองถูกทาลายไปจนหมดสิ้น หลังเหตุการณ์สึนามิชาวไทยและ

72 ชาวต่างชาติเริ่มรู้จกั มอแกนเกาะสุรินทร์มากขน้ึ ในฐานะกลุ่มชนพ้ืนเมืองที่สามารถจะเอาชีวิตรอดจากสึนามิได้ ต่อมามีการสร้างหมบู่ า้ นใหม่ที่อา่ วบอนใหญ่ โดยในปี พ.ศ. 2548 มีบา้ นจานวน 63 หลงั คาเรอื น 1. อทุ ยานแหง่ ชาตหิ มเู่ กาะสุรนิ ทร์ ชาวมอแกน และการทอ่ งเที่ยว หลังจากท่ีมีการประชาสัมพันธ์ให้หมู่เกาะสุรินทร์เป็นแหล่งท่องเท่ียวของจังหวัดพังงา ก็เริ่มมี นักท่องเท่ียวมาเยอื นหมเู่ กาะสุรินทร์มากขึ้น ชาวมอแกนได้เกบ็ เปลือกหอยมาเสนอขายใหแ้ ละมีรายไดค้ อ่ นขา้ ง ดีในช่วงฤดูท่องเท่ียว จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2539 ทางอุทยานฯ จึงห้ามมอแกนนาเปลือกหอยมาขายอีกต่อไป และเพื่อเป็นการช่วยเหลอื ชาวมอแกน อุทยานฯได้จัดตง้ั “กองทนุ มอแกน” และใช้เงินสวัสดิการอุทยานฯ จ้าง มอแกนบางคนมาขับเรือและทางานต่าง ๆ อุทยานฯ เร่ิมจ้างงานชาวมอแกนจานวนมากขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพ่ือเป็นคนขับเรือ คนเก็บขยะ คนทาครัวและคนขนของตลอดจนเป็นแรงงานก่อสร้าง ในปัจจุบันชาวมอแกน ต้องการรายไดเ้ พิม่ ข้นึ เพือ่ ทจ่ี ะซ้ือสง่ิ ของจาเปน็ ตา่ ง ๆ และสนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภคใหม่ ๆ ภาพท่ี 78-79 มอแกนแทงปลาในชว่ งเวลานา้ ลง และมอแกนตกปลาหนา้ หมู่บา้ นในชว่ งเชา้ ตรู่ ภายหลังจากเหตุการณ์สึนามิมูลนิธิชัยพัฒนาประสานกับศูนย์ศึกษานอกโรงเรียนคุระบุรี อุทยาน แห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และสานักงานอาเภอคุระบุรีจัดต้ังศูนย์การเรียนชุมชนมอแกนข้ึนที่หมู่บ้านอ่าวบอน ใหญ่และจัดครูมาสอนหนังสือให้เด็กมอแกน โดยเน้นท่ีการอ่านออกเขียนได้และการเรียนรู้เก่ียวกับโลก ภายนอก แตร่ ปู แบบการศึกษายังไม่ไดเ้ อ้ือใหช้ าวมอแกนรนุ่ ใหมไ่ ด้เช่ือมโยงความรกู้ ับอนาคตท่เี ปล่ียนแปลงไป อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในการพัฒนาอาชีพที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการมีส่วนในการอนุรักษ์ในฐานะผู้ พทิ ักษป์ ่าและทะเล ที่ผ่านมาแผนและนโยบายเกี่ยวกับชุมชนชาวมอแกนในพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ยังไม่มี ความชัดเจน การท่องเที่ยวในปัจจุบันทาให้หมู่บ้านมอแกนเป็นแหล่งเปิดรับนักท่องเท่ียวอย่างไม่มีขีดจากัด และชาวมอแกนมีรายได้จากการท่องเท่ียวโดยการเป็นลูกจ้างหรือขายของท่ีระลึก แต่ไม่มีแนวทางเพ่ือให้การ ทอ่ งเทย่ี วเปน็ ประโยชน์ในแง่ของการเรยี นรู้เร่ืองการอนุรักษ์วถิ ีธรรมชาติและวฒั นธรรมไปพร้อม ๆ กนั

73 3. การดาเนินงานตามแผนชุมชนเพอื่ สรา้ งความเข้มแข็งให้วัฒนธรรมที่เปราะบาง หลังจากท่ีเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ในหมู่บ้านชาวเลมอแกน หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา เม่ือวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 และมีหน่วยงาน/องค์กรระดมให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งการสร้างที่อยู่อาศัยและบริจาค ส่ิงของบรรเทาทุกข์เป็นจานวนมาก อันเป็นโอกาสให้มีการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในการสร้างความ เข้มแข็งให้ชุมชนเพื่อให้ชุมชนสามารถจะดารงวิถีอนุรักษ์อยู่ได้ในขณะที่มีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน โดยจะต้อง คานึงถึงจดุ แข็ง จดุ ออ่ น โอกาส และข้อท้าทายดังนี้ จุดแข็ง ของชมุ ชนชาวมอแกน คือ 1) ความเป็นกลมุ่ ก้อนทีม่ พี ื้นฐานอยบู่ นความสมั พนั ธ์แบบเครือญาติ 2) การมภี าษา วฒั นธรรม และความเชือ่ รว่ มกัน ซงึ่ นับว่าเป็นชุมชนที่ทางานร่วมได้งา่ ย 3) การเปน็ กลุ่มทีร่ กั สงบ ไมม่ ีเรอื่ งราวทะเลาะเบาะแวง้ กับคนภายนอก 4) ผู้อาวุโสในชุมชนยังมีภูมิปัญญาและมีความรู้เรื่องวัฒนธรรมประเพณีที่ทาให้ชุมชนอยู่ร่วมกับ ธรรมชาตไิ ดก้ ลมกลนื 5) เด็กและเยาวชนมอแกนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่อ่านออกเขียนได้และมีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่ยังขาดความสนใจในเรือ่ งวัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาดงั้ เดมิ จุดอ่อน ของชมุ ชนชาวมอแกน คอื 1) การขาดการรวมตัวกัน และสังคมที่เปลี่ยนไปทาให้เกิดการต่างคนต่างอยู่มากข้ึน ชาวมอแกนยังไม่ ตระหนักเรอ่ื งการสร้างกฎกตกิ าในการอยรู่ ่วมกนั ในชมุ ชนขนาดใหญ่ 2) สงั คมชาวมอแกนไมน่ ยิ มการมผี นู้ าเด่ียวท่ีเปน็ ผ้นู าเชิงการปกครองและประสานกบั โลกภายนอก 3) การขาดภูมิคุ้มกันไม่เท่าทันกับโลกภายนอก ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสใหม่ ๆ ได้ ง่ายโดยเฉพาะในกลุ่มคนร่นุ ใหม่ 4) การขาดความสนใจเร่ืองการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท่ีเป็นรากฐาน ของการอยอู่ าศัยและทามาหากินอยา่ งกลมกลนื กับธรรมชาติ โอกาส ในการทางานกบั ชุมชน คือ 1) ความเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากภายนอกค่อนข้างมาก มีหลายองค์กร หน่วยงาน บุคคลที่เข้าไปพยายามช่วยเหลือโดยเฉพาะเม่ือเกิดภัยพิบัติหรือวิกฤตต่าง ๆ แต่ความ ชว่ ยเหลอื มกั จะเปน็ ในรปู ของการใหก้ ารสงเคราะห์ 2) ในเกาะสุรินทร์มีสานักงานอุทยานฯ หน่วยของกองทัพเรือและมีหน่วยต่าง ๆ ที่พร้อมทางาน สนบั สนุนและสามารถจะเป็นตวั กลางประสานได้ 3) ชาวมอแกนส่วนใหญ่ยังมีความเกรงใจอุทยานฯ เน่ืองจากความสัมพันธ์ท่ีสืบเนื่องมายาวนานใน อดีตและความเป็นผู้รักษากฎระเบียบในพื้นท่ีคุ้มครอง หากอุทยานฯ เพ่ิมบทบาทเชิงรุกในการ ทางานกับชมุ ชน ก็จะช่วยสร้างความเข้มแขง็ ดา้ นการอนุรกั ษใ์ ห้กับชุมชนได้งา่ ย

74 ขอ้ ท้าทายในการทางานกบั ชุมชนคอื 1) แม้จะมีหลายองค์กร หน่วยงาน บุคคลที่เข้าไปพยายามช่วยเหลือแต่ก็แยกส่วนและไม่มอง ภาพรวมร่วมกัน ขาดการประสานงานกัน ไม่มีองค์กร หน่วยงาน บุคคลที่จะทางานอย่างต่อเนื่อง และเป็นหลกั และไมม่ ีการถอดบทเรียนการทางานหรือความช่วยเหลือท่ีลงไป 2) การท่องเที่ยวท่ีหมู่เกาะสุรินทร์ยังไม่มีแนวทางเพื่อให้การท่องเท่ียวเป็นประโยชน์ในแง่ของการ เรียนร้เู รอ่ื งการอนรุ กั ษ์วิถธี รรมชาติและวัฒนธรรมไปพร้อม ๆ กนั 4. ข้อเสนอแนะในการทางานกับชุมชน การกาหนดอนาคตชุมชนมอแกนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และการวางแผนควรเป็นไปตาม ขั้นตอนของการ “ทาร่วม-รวมกลุ่ม-ชมุ ชนสขุ ภาวะ-พอกนิ พอใช้-ใส่ใจอตั ลักษณ์-อนรุ กั ษส์ รุ นิ ทร์” 1) การ “ทาร่วม” คือเน้นท่ีองค์กร หน่วยงาน มูลนิธิ บุคคลภายนอกท่ีเข้าไปให้การสนับสนุนก่อน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันจะได้ส่งเสริมให้การทาให้งานท่ีเก่ียวกับชุมชนเป็นไปโดยมีวิสัยทัศน์ ร่วมและเป็นเอกภาพ โดยมองชุมชนมอแกนในฐานะระบบนิเวศวัฒนธรรมท่ีสาคัญของหมู่เกาะ สุรนิ ทร์ ไม่ใช่เป็น “ผ้รู บั การสงเคราะห์” 2) มุ่งไปทก่ี ารสร้างความเปน็ กลุ่มเปน็ ชมุ ชน ซ่งึ จะเป็นจุดเร่มิ ต้นของการทางาน ดงั นั้นจะต้องสง่ เสริม การ “รวมกลมุ่ ” ใหช้ มุ ชนมีกลุ่ม มผี นู้ าทเ่ี ขม้ แขง็ สามารถสร้างระบบการจัดการภายในชุมชนได้ 3) สร้าง “ชุมชนสุขภาวะ” โดยเน้นใหช้ มุ ชนมสี ิ่งแวดลอ้ มชมุ ชนและสุขภาวะทดี่ ีข้ึน มีการหนุนเสริม จากภายนอกอย่างตอ่ เน่อื ง เพราะวัฒนธรรมการรวมกลุ่ม ประชุม ทางานรว่ มกันเปน็ ทีมใหญ่ไม่ใช่ ลกั ษณะนสิ ัยของชาวมอแกนมาแต่ดั้งเดิม 4) เน้นท่ีความ “พอกินพอใช้” เพื่อใหช้ ุมชนมีความม่ันคงดา้ นการทามาหากิน มีอาชีพ มเี ศรษฐกิจ พอเพยี งท่ตี งั้ อยู่บนรากฐานวฒั นธรรมและทาให้การท่องเทีย่ วสามารถเกื้อกลู ชมุ ชนได้ 5) ส่งเสริมเร่ือง “ใส่ใจอัตลักษณ์” โดยมุ่งให้ชุมชนดารงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสืบทอดภาษา ขนบประเพณี จติ วญิ ญาณความเป็นชาวมอแกนได้ต่อไปและใหช้ มุ ชนมีส่วนร่วมในงานอนุรกั ษข์ อง อุทยานฯ และมีบทบาทสาคัญดา้ นการอนุรกั ษ์จากรากฐานวัฒนธรรมดั้งเดมิ ข้อเสนอในการทางานกับชมุ ชนมีดังน้ี 1) พัฒนาคณะทางานเรื่องชุมชนมอแกนในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งอาจจะใช้ท่ีประชุม คณะกรรมการทีป่ รึกษาอทุ ยานฯ เป็นกลไกตั้งตน้ ในการขับเคลือ่ น 2) ทบทวนการดาเนินงานท่ีผ่านมาและถอดบทเรียนร่วมกันเพ่ือพิจารณาถึงจุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหา อปุ สรรค เพ่อื ไมใ่ ห้การทางานกับชุมชนมอแกนเปน็ ไปอย่างแยกส่วน ต่างคนต่างทาแบบทีผ่ ่านมา 3) สร้างภาพอนาคตร่วมกันโดยเน้นและอนุโลมแนวทางการปฏิบัติและวิถีพอเพียงที่เป็น “วฒั นธรรม” ท่ีเอื้อใหช้ าวมอแกนอยูใ่ นระบบนิเวศได้

75 4) กาหนดประเด็นในการทางาน โดยอาจจะใช้แผนชุมชนมอแกนท่ีมีอยู่แล้วเป็นจุดเริ่มต้น โดยมี “พี่เลี้ยง” ผลกั ดันใหช้ มุ ชนขบั เคลอ่ื นงานร่วมกับองค์กรและหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้อง ตารางแสดงขั้นตอนของแผนชมุ ชนมอแกน คาสาคญั และรายละเอียด ข้นั ตอน คาสาคญั รายละเอยี ดของขน้ั ตอน 1 ทารว่ ม การทาให้งานทีเ่ ก่ยี วกับชุมชนเป็นไปโดยมีวิสยั ทศั นร์ ่วมและเป็นเอกภาพ โดยมอง ชมุ ชนมอแกนในฐานะระบบนิเวศวัฒนธรรมที่สาคญั ของหม่เู กาะสรุ นิ ทร์ 2 รวมกลมุ่ ชมุ ชนมีกลมุ่ มผี นู้ าท่ีเขม้ แข็ง สามารถสรา้ งระบบการจดั การภายในชมุ ชนได้ มี 3 ส่ิงแวดล้อม สุขภาวะ และคณุ ภาพชีวติ ทด่ี ี 4 ชมุ ชนสขุ ภาวะ ชุมชนมสี ่ิงแวดล้อมชุมชนและสุขภาวะทด่ี ขี ึน้ 5 พอกนิ พอใช้ ชุมชนมีความมั่นคงด้านการทามาหากิน/อาชีพ/มีเศรษฐกิจพอเพียงบนรากฐาน 6 วัฒนธรรม/และทาใหก้ ารท่องเท่ยี วสามารถเกือ้ กลู ชมุ ชนได้ ใส่ใจ ชุมชนดารงอตั ลกั ษณท์ างวัฒนธรรมและสบื ทอดภาษา ขนบประเพณี อัตลกั ษณ์ จติ วญิ ญาณความเปน็ ชาวมอแกน อนุรกั ษ์สรุ ินทร์ ชมุ ชนมีส่วนร่วมในงานอนุรักษ์ของอุทยานฯ และมีบทบาทสาคัญด้านการอนุรักษ์ จากรากฐานวฒั นธรรมดัง้ เดิม

76 ภาพที่ 80 คณะลงพื้นทเี่ กาะสุรนิ ทร์ 2562 5. เร่ืองท่จี ะต้องดาเนินการเร่งดว่ น และการผลกั ดนั ให้หมเู่ กาะสรุ ินทร์เป็นเขตคมุ้ ครองวัฒนธรรมท่ีอยู่ ร่วมกับธรรมชาติ จากการลงพ้ืนที่และปรึกษาหารือกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และผู้แทนจากสานักงานอาเภอ ครุ ะบุรี นาโดยอดีตกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแห่งชาติ (คณุ เตือนใจ ดีเทศน์) มลู นิธิชุมชนไท (คุณปรีดา คงแป้น) ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (คุณอภินันท์ ธรรมเสนา และคณะ) และสถาบันวิจัยสังคม จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย (ดร.นฤมล อรุโณทัย) ในปี พ.ศ. 2562 พบวา่ มีเรอ่ื งเร่งดว่ นท่จี ะตอ้ งรีบดาเนินการคอื 1) เรอ่ื งสัญชาติ บัตรประชาชน และสิทธิขั้นพนื้ ฐาน 2) เรื่องการทามาหากนิ ในฤดฝู น โดยเฉพาะขอ้ ห้ามของอทุ ยานฯ เร่ืองการห้ามจบั ปลาเพ่ือขาย 3) เรอ่ื งการศึกษาเรียนรู้ของเดก็ และเยาวชนมอแกนและบทบาทของศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชนชาวมอแกน 4) เร่ืองการปรับปรุงส่ิงแวดล้อม ภูมิทัศน์ และสาธารณูปโภคของชุมชน และการยกระดับให้ชุมชน เป็นหมบู่ า้ นยอ่ ยเพื่อบริหารจัดการไดใ้ นระดบั หนงึ่ 5) เรือ่ งการจัดการท่องเทยี่ วโดยชาวมอแกนและการกระจายรายได้จากการท่องเท่ยี วสู่ชุมชน 6) เร่ืองการสืบทอดภูมิปัญญาและความรู้ทางทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การสร้างเรือก่าบางและ ถ่ายทอดความร้สู ชู่ าวมอแกนร่นุ ใหมแ่ ละสูส่ ังคมใหญ่ เพอื่ ความภมู ิใจของชาติ ในปี พ.ศ. 2563 จะมกี ารทางานเพ่อื ผลักดันให้หมู่เกาะสุรินทร์เป็นพ้ืนท่ีนารอ่ งหนง่ึ ของ “เขตคุ้มครอง วฒั นธรรม” ตามมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการฟ้ืนฟวู ิถีชีวิตชาวเล 2 มิถุนายน 2553 และเพ่ือเป็นตัวอย่างท่ีดีใน การประสาน/ร่วมงานระหว่างหลายภาคส่วนจึงจะมีการจัดทาบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ระหว่าง หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้องเพ่ือทจ่ี ะดาเนินงานดงั กล่าว

77 “ปลอ่ ยใหพ้ วกเขาอยู่แบบน้ีดีแลว้ ไมต่ ้องไปยุ่งอะไรให้มากนกั เขาก็อย่กู นั ไดม้ าเป็นรอ้ ยปี” จรงิ หรอื ??? ทัศนคติที่ว่า “ปล่อยให้พวกเขาอยู่แบบน้ีดีแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาให้มากนัก ย่ิงไปยุ่งมาก เขาก็ย่ิง เปลี่ยนมาก” จริงแน่นอน ถ้าหมู่เกาะสุรินทร์ ยังเป็น “ดินแดน” ของชาวมอแกนอยู่เหมือนในอดีตและชาว มอแกนมีอสิ ระทจ่ี ะดารงชีวิตเหมอื นเดิม และโยกย้ายเคลอื่ นท่เี หมอื นเดมิ แต่ในความเป็นจริง ชาวมอแกนไม่ได้ดารงชีวิตอยู่เหมือนเม่ือก่อนแล้ว นับตั้งแต่มีการอนุรักษ์และการ พฒั นาพ้ืนท่ีชายฝ่ัง เพราะ “ดนิ แดน” และวิถีชีวิตได้เปล่ียนแปลงไปนับตั้งแต่มีการจัดต้ังอุทยานฯ มกี ารส่งเสริม การท่องเทย่ี ว มกี ารชว่ ยเหลือหลังสึนามิ/หลงั อัคคีภยั ฯลฯ ดังนั้น คาพูดที่ว่า “ปล่อยให้พวกเขาอยู่แบบน้ีดีแล้ว” จึงไม่ได้สะท้อนความจริงท่ีว่าโลกภายนอก เปล่ียนไปอย่างรวดเร็ว และชุมชนมอแกนเปลี่ยนแปลงไปโดยขาดหลักยึด ดังน้ันจะต้องสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” “โอกาสในการเรียนรู้” และ “ความรู้เท่าทันสังคมใหญ่” เพ่ือส่งเสริมให้ชาวมอแกนเป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน แห่งชาติต่อไป และเป็นตัวอย่างให้พ้ืนที่อื่น ๆ รวมท้ังประเทศอนื่ ๆ ที่มีประเด็นเรื่องชนพื้นเมืองในพื้นท่ีอนุรักษ์ ดว้ ย คัดบางสว่ นจาก รายงานวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์ “โครงการเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพชีวิตชมุ ชนมอแกน อุทยานแหง่ ชาติ หมเู่ กาะ สุรนิ ทร์ จงั หวัดพงั งา” ภายใตโ้ ครงการการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายพน้ื ทีค่ ุ้มครองทางทะเลอนั ดามัน (SAMPAN) จดั ทาโดย โครงการนารอ่ งอนั ดามนั และหน่วยปฏบิ ตั ิการวิจัยชนพน้ื เมืองและทางเลอื กการพัฒนา. กรุงเทพฯ: สถาบนั วิจยั สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั (2556)

78 ภาพที่ 81 บรรยากาศชุมชนมอแกนเกาะสรุ นิ ทร์ ขอ้ มูลชุมชนมอแกนเกาะสุรินทร์ของเครอื ข่ายชาวเล อนั ดามนั นักวิชาการ บอกกันว่าช่ือ “มอแกน” เป็นชื่อที่สืบสานไปถึงตานานเก่าแก่ ชาวมอแกนมีตานานหรือ นทิ านทเี่ ล่าสบื กันมา ถึงกาเนิดของคาว่ามอแกนว่ามาจากคาว่า ละมอ และ แกน ซ่ึงเป็นช่ือน้องสาวของราชินี ซิเปียนผู้ครองแว่นแคว้นหนี่งริมทะเล ตานานเรื่องน้ีกล่าวถึงผู้คนท่ีมีมากว่า 300 ปี (ท่ีมาของตานาน หนังสือ “ Ring of Coral , Moken Folktales”) ชุมชนชาวเลมอแกนเกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่อ่าวไทรเอน หมู่ที่ 2 ตาบล เกาะพระทอง อาเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีจานวนประชากรจานวน 87 ครัวเรือน ชาย 111 คน หญิง 196 คน รวม 307 คน ภาพที่ 82 เรอื ประมงพานชิ ยท์ ล่ี อยลาหนา้ หมู่บ้านมอแกนอ่าวบอน

79 ภาพท่ี 83 ผูห้ ญงิ มอแกนเกาะสุรนิ ทร์หนา้ บา้ น มีเร่ืองเล่าของผู้เฒ่าชาวเลชนเผ่ามอแกลนท่าใหญ่ ตาบลโคกกลอย อาเภอตะก่ัวทุ่ง จังหวัดพังงาว่า : ในอดีตราวช่วง พ.ศ.2513 ท่ีชายฝั่งภูเก็ต พังงา ยังไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยมากนัก ช่วงหน้าคล่ืนลมสงบมักมี \"กาบาง\" (เรือของชาวเลมอแกน) มาลอยลาอยู่ท่ีอ่าวใกล้ๆกับชุมชนชาวเลชนเผ่ามอแกลน จะไม่เข้ามาจอดที่ ท่าเรือ ชาวเลมอแกลนจะรู้กันทันทีว่า ครอบครัวใน\"กาบาง\" ต้องมีส่ิงของท่ีจาเป็นบนฝ่ังไว้ใช้ โดยการนา อาหารทะเล มุก เปลอื กหอยหรืออ่ืนๆึที่คนบนฝั่งต้องการไว้ใช้มาแลกกัน แต่ถ้ามีสาวๆมอแกนใน\"กาบาง\" น้ัน พวกเธอจะกลัวคนบนฝ่งั มากไม่ลงมาไกลจากเรือ หาหอย หาปูใกล้ๆเรอื และจะหนีไปท่ีเรือทันทีเม่ือหนมุ่ ๆชน เผ่ามอแกลนจะเข้าไปทกั ทาย มอแกนกบั มอแกลน จะสอื่ สารกันไดพ้ อสมควร จากความสัมพันธ์ทหี่ ่างๆ คอ่ ยๆ สนิทชิดเชื้อ มอแกลนกับมอแกนแต่งงานอยู่กินกันมาหลายช่ัวคน จึงเป็นความสัมพันธ์เชิงเครือญาติโดยการ แตง่ งานหลายพนื้ ท่ี ก่อน พ.ศ.1890 ในยคุ ท่ี ชาวเลชนเผา่ “มอแกน” สว่ นใหญม่ าถงึ อันดามันแถบนี้ก็กระจายตัวไปอย่ตู าม เกาะต่างๆถึง ชายฝ่ังท่ีกลายเป็นของประเทศพม่าในปัจจุบัน หมู่เกาะในอันดามันมีชาวเลมอแกนเกาะสุรินทร์ บุกเบิกตั้งถิ่นฐานมามา มีคาบอกเล่าเก่ียวการพบปะแต่งงานและอยู่ร่วมกันของชาวเลมอแกนกับมอแกลน หรือกับชาวเลอุรักลาโว้ยในหลายพ้ืนท่ี แม้แต่ ชุมชนชาวเลในจังหวัดภูเก็ต สตูล กระบี่ และระนอง ชาวเล มอแกนก็อยกู่ ่อนเผ่าอ่ืน ชาวเลชนเผ่ามอแกลนเรียกวา่ “มอแกนก่อหล๊าว” (มอแกนเกาะ) หรือ “ชาวเลเกาะ” และในอดีตส่วนใหญ่จะพบเจอชาวเลชนเผ่ามอแกนล่องเรือ “ก่าบาง” ริมชายฝั่งในอันดามันตามวิถีชีวิตท่ี เป็นไปตามฤดูกาลกับทิศทางลม แต่ละอ่าวของเกาะแก่งและชายฝ่ังอันดามัน มีรอ่ งรอยการตั้งถ่ินฐานเดินทาง

80 หมุนเวียนตามฤดูกาล อย่างระแวดระวังผู้คนภายนอก โดยเฉพาะเม่ือเข้ามาฝ่ัง จุดปลอดภัยได้ถูกบอกเล่าสืบ ทอดกันเป็นรุ่นๆ การใช้ชีวิตอยู่ในเรือไม่สุงสิงกับคนท่ัวไป นอกจากคนท่ีวางใจติดต่อแลกเปล่ียนข้าวปลา อาหาร ภาษาที่ส่ือสารยังคงรเู้ รอ่ื งกบั ชาวมอแกลนบนฝง่ั [สมั ภาษณ์ : ลงุ นคิ ม ธงชยั อดตี ปธ.เครือข่ายชาวเลฯ] ภาพที่ 84 ลักษณะการเกบ็ เรอื ก่อนไฟไหม้ชมุ ชน เป็นผลหลังจากมีขอบเขตดินแดนและแบ่งน่านน้าของแต่ละประเทศ ชาวเลมอแกนก็ถูกกาหนด ตรวจสอบ จากัดการไปมาหาสู่และออกหากินระหว่างพรมแดนไทยกับประเทศอื่น แต่ความห่างไกลฝ่ังของ เกาะ จึงกลายเป็นผู้ตกสารวจ ยังไม่ได้ถูกยอมรับเป็นพลเมืองของประเทศใดๆ กว่า 20 ปีท่ีหมดยุควิถีการ ดารงชวี ติ ออกล่อง “กา่ บาง” ไปอ่าวและเกาะตา่ งๆในอนั ดามันช่วงฤดูพายุสงบ เมื่อรัฐฯประกาศหมู่เกาะสุรินทร์เป็นป่าสงวน เมื่อ พ.ศ. 2514 เป็นยุคเร่ิมของการทาลายระบบการ ดารงวิถกี ารใช้ทรัพยากรทางทะเลแบบหมนุ เวียน ย่ังยืน คงความอุดมสมบรู ณ์ เป็นเหตุให้เกิดของการประกาศ เขตอนุรักษ์เพ่ือการอนุรักษ์พ้ืนที่ธรรมชาติให้ย่ังยืน และต่อมาก็ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ พ.ศ. 2525 ด้วยมุ่งเข้าดูแลธรรมชาติ แต่ไม่คานึงดูแลคนท่ีอยู่คู่กันมากับธรรรมชาติ แม้มอแกนจะเป็น ผูเ้ ช่ียวชาญและเคารพธรรมชาติ แต่วถิ ีชวี ิตวัฒนธรรมชาวเลก็ถกู กฎหมายอุทยานกีดกันออกจากพ้ืนท่ี ทาอะไร เหมือนเมื่อก่อนก็ผิดกฎหมาย ในขณะผู้บุกเบิกมีคุณภาพตกต่าลง การเสพสุขธรรมชาติ ไปตกอยู่กับ นักท่องเที่ยว ธุรกิจท่องเทียวที่บริหารโดยอุทยานฯ ส่วนชาวเลได้รับส่วนแบ่งการท่องเท่ียวบ้าง ในฐานะ.. สัญลักษณ์..เอกลักษณ์ท้องถิ่นแบบแปลกตาให้นักท่องเที่ยว นอกจากการว่ายน้าชมปลา ชมปะการัง ก็ขึ้น สัมผัสวิถีมอแกน ด้วยขนาดพ้ืนที่ชุมชนได้รับการอนุญาติท่ีไม่เพียงพอ ทั้งอุปกรณ์ประมง ซ่อมสร้างเครื่องมือ

81 พ้ืนที่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ท่ีอยู่อาศัย ที่ต้องมายัดเยียดอยู่รวมกัน ขนาดชายคาชนกันด้วยวัสดุธรรมชาติ เมื่อถูก ไฟไหม้ จึงโหมลุกติดไฟมอดหมดทงั้ หมบู่ า้ นในพริบตา ภาพท่ี 85 สภาพความเปน็ อยูท่ ี่เรยี บงา่ ย สงบ แตไ่ ม่มนั่ คง “ หากไม่มีการพัฒนาการท่องเทีย่ วธรรมชาตกิ ็สมบรู ณ์ หากไมม่ ีการท่องเที่ยวมอแกนกม็ ่ันคง กฏหมายอุทยานฯทาลายคนในธรรมชาตอิ ย่างมอแกนใหส้ ญู สน้ิ วิถชี ีวติ ” ถ้าถามคนอาศยั ตามแนวชายฝัง่ ในอนั ดามนั ของไทยว่า.. ใคร.. คอื ผู้อยู่กอ่ นและมีภูมิปัญญาเชย่ี วชาญ ทางทะเลมากทสี่ ุด ตา่ งจะกล่าวขานถึงชาวเลมอแกน ซ่ึงเป็นชนเผ่าพน้ื เมอื งท่ีอาศยั อยกู่ ับธรรมชาติจนถงึ ยคุ การพฒั นาภมู ปิ ัญญาชาวเลชนเผา่ มอแกนได้ถูกบั่นทอนจากกฎหมาย รฐั ตอ้ งพัฒนาระบบดแู ลปกป้องธรรมชาตบิ ้านมอแกน ธรรมชาติอนั อดุ มสมบูรณ์ของบ้านมอแกน เป็นเปา้ หมายที่รฐั จะปกป้องไว้ แต่เจตนารมณข์ องกฎหมายขดั ต่อ วถิ ชี วี ติ ของมอแกนและชาวเลชนเผ่าอื่นๆโดยโดยส้นิ เชงิ - พชื สตั ว์ แร่ หิน ดนิ กรวด ถูกประกาศคมุ้ ครอง - มอแกน เป็น มนุษย์ แม้จะอยู่มากบั ธรรมชาติ แต่ก็ไม่ถูกนิยามให้เป็นส่วนหนึง่ ของธรรมชาติ เมื่อใช้กฎหมาย เดยี วกนั กับคนอน่ื จงึ เป็นการเปดิ ใหเ้ กิดช่องการใช้กฎหมายเพอื่ กดี กันวิถีด้ังเดิม - ชาวประมงท่ัวไปทีม่ เี ครอ่ื งมือที่พัฒนาเพอื่ การจบั สตั วน์ ้าเศรษฐกิจ หากินในพนื้ ที่อุทยานฯไม่ได้ทาให้เกิด ความอดุ มสมบูรณ์ แต่การใช้พื้นท่เี กาะแกง่ หากนิ ชาวเลใช้รว่ มกันทงั้ อันดามนั จึงเป็นการกดี กนั วิถีชีวิตดง้ั เดิม - อุทยานฯสามารถใช้ตน้ ไม้และท่ดี นิ อย่างชอบธรรมได้ตามกฎหมายกาหนด แต่มอแกนไม่สามารถใช้ไมเ้ พ่อื นามาขุดทากาบางได้อีก ทาใหต้ อ้ งหนั มาใชเ้ รือแบบใหม่ทใ่ี ชไ้ ม้กระดานอัด ซึ่งไมใ่ หญ่พอและไมม่ ีความทนทาน

82 ถ้าเป็นเรอื ขุดจะอยู่ไดห้ ลายสิบปี สาหรบั ระยะเวลาตน้ ไม้ ถ้าปลูกทดแทนก็จะโตพอจะตดั มาทาเรือต่อเน่ืองได้ แตก่ ฎหมายก็ไม่อนญุ าต ภาพที่ 86 ของที่ระลึกท่ีมขี ายกนั ทงั้ หมบู่ า้ นมอแกนเกาะสรุ ินทร์ ขายไม่ดีนัก รัฐพัฒนาพ้นื ท่ธี รรมชาติเพ่อื การท่องเที่ยว พ.ศ. 2547 \"สนึ ามิ\" ชาวเลชนเผา่ มอแกนจากหลายอา่ ว ถูกต้อนมาอยอู่ ่าวไทรเอนเพียงอ่าวเดยี ว หลงั จากโดยอ้างวา่ มีการสนบั สนนุ งบประมาณให้สรา้ งให้จุดเดียว แตเ่ มอื่ มอแกนจะย้ายกลบั ไปสร้างเองอยู่อา่ ว เดิม อทุ ยานฯก็ไม่อนญุ าต ทาใหเ้ หน็ ชดั ว่าอทุ ยานฯเตรยี มพื้นที่เพ่ือรองรับการท่องเท่ียว เพราะหลังจากนั้น ทกุ จดุ ทอ่ งเทยี่ วในหมู่เกาะสุรินทร์ก็ห้ามหากนิ เดด็ ขาด ทาให้คนในธรรมชาติไม่ไดใ้ ชธ้ รรมชาตหิ ลอ่ เล้ยี งชีวติ ขณะท่หี มู่เกาะสุรนิ ทร์เปน็ ท่นี ิยมของนักท่องเทีย่ ว อุทยานฯโปรโมทจดุ ธรรมชาติทส่ี วยงาม แต่มอแกนกลบั ตอ้ งออกไปหางานทาบนฝัง่ แม้คา่ แรงราคาแสนถูก ถูกกว่าแรงงานพมา่ อีก เพราะมอแกนไมม่ ีความร้แู ละ ประสบการณ์

83 ภาพท่ี 87 “นูนิง”สาวมอแกนไรรบ้ ัตรและมโี รคประจาตวั ชาวเลชนเผ่ามอแกนเกาะสุรินทรไ์ ม่มีบัตรประชาชนหรือสถานะทางทะเบยี นราษฎร์ ถกู จากัดการ เดินทางขา้ มเขตจังหวดั เหมอื นพมา่ งานทไี่ ปทาส่วนใหญเ่ ป็นงานกอ่ สร้าง ซ่ึงไม่มคี วามแนน่ อน หลายคร้ังท่ตี ้อง ทางานฟรี เพราะคนจา้ งไมใ่ ห้เงนิ คา่ แรงเอาด้ือๆ มบี ้างบางส่วนท่ีไปทางานกับอุทยานฯ แต่เพราะไม่มบี ตั ร ประชาชน อุทยานฯกไ็ ม่สามารถใหเ้ ทา่ ค่าแรงข้ันต่าได้ ส่วนใหญจ่ งึ ได้วันละ 100-150 บาท แต่ก็ไม่พอเป็น ค่าใชจ้ ่ายใหล้ กู หลานไปเรียนบนฝ่งั เด็กๆมอแกนเหล่าน้ีต้องพาไปฝากให้มลู นิธแิ ละคริสตจกั รชว่ ยทงั้ เรอ่ื งท่ีพกั และคา่ เลา่ เรยี น แต่ต้องนบั ถือศาสนาของเขา การพยายามเลา่ เรียนอย่างยากลาบากยังไม่สาเร็จเมื่อจบ การศึกษา เพราะขาดสิทธิท์ ่จี ะได้วฒุ ิบตั ร

84 ภาพท่ี 88 “เมฆ”เด็กสาวเยาวชนมอแกน ไกดม์ อแกนพาเท่ียว รฐั กาลังแยกปลาจากน้า ชาวเลมอแกนมองว่า การอนุรักษ์ท้ังหมดเหล่านเ้ี พียงเพราะการนาธรรมชาตมิ าใชเ้ พ่ือผลประโยชน์ ทางเศรษฐกจิ และไมค่ ิดถงึ คนที่อย่กู ับธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปมอแกนก็กลายเปน็ สง่ิ แปลกปลอมสาหรับ ธรรมชาติไปในทสี่ ุด แตร่ ฐั ก็ไม่ได้พยายามสง่ เสริมใหค้ ณุ ภาพชวี ติ มอแกนดีขน้ึ หรือแกป้ ญั หากับสง่ิ ท่ีเกิดข้ึนเลย พรบ.อทุ ยานฯทีเ่ พิ่งประกาศและรอบังคบั ใชก้ ับมอแกนมากขึ้นอีก ซ่ึงนอกจากไม่ปกป้องมอแกนแลว้ กฎหมาย ไมเ่ คยปกป้องธรรมชาติใหส้ มบรู ณด์ งั เดมิ ไดจ้ ริงๆ

85 ภาพท่ี 89 เด็กมอแกนเกาะสรุ ินทรท์ ่ีนัง่ ขายสร้อยถักและของทร่ี ะลึกหนา้ บา้ น หลังประสบภยั “สนึ ามิ” พ.ศ.2547 ในพ้ืนทเ่ี กาะตา่ งๆของอนั ดามัน มีแผนการฟื้นฟแู ละพัฒนาเพื่อ รองรบั แผนงานในระดบั นโยบายการท่องเท่ียว ส่งผลให้เกิดการยดึ ครองพืน้ ท่ชี าวเลชนเผ่ามอแกนมาเป็นสว่ น บุคคล การพัฒนาการทอ่ งเท่ียวทาให้อ่าวตา่ งๆมเี จ้าของ มีกฎหมายอนุรักษ์ที่เอื้อให้เจ้าหนา้ ทรี่ ฐั สามารถ จดั การ กีดกันคนหากินในธรรมชาตไิ ด้ ทรัพยากรดารงวถิ ชี ีวิตก็ต้องรุมกันใช้อยู่อ่าวเดียว โดยท่รี ู้กันว่าชาวเลมอแกนมีวิถชี ีวิตหากนิ กบั ทะเลและชายฝั่ง สอดคลอ้ งพ่งึ พากบั ธรรมชาติ พออยู่พอ กนิ โดยอาศัยเครือ่ งมอื จับปลาด้งั เดมิ ท่ีไม่ทาลายลา้ ง ชาวเลทงั้ อนั ดามนั ใช้เคร่ืองมือประมงนา้ จืดและน้าเคม็ ตามภูมปิ ัญญาดั้งเดิมกว่า 17 ชนดิ ไม่ลา้ งผลาญทาลาย ทาใหค้ วามอุดมสมบูรณย์ ังคงอยู่ แต่ความสมบูรณท์ ่มี ี กลับนามาสูก่ ารทาลายมอแกน

86 ภาพที่ 90 ไฟไหมบ้ า้ นและทรพั ยส์ นิ มอแกนเกาะสรุ ินทร์กว่า 60 หลงั ภาพที่ 91 หลงั ฟืน้ ฟชู ุมชนจากไฟไหม้ นกั ทอ่ งเทย่ี วมาเทีย่ วกันมาก เหตุกรณ์หมบู่ า้ นพ่ีน้องชาวเลมอแกนเกาะสุรนิ ทรถ์ ูกไฟไหม้วอดไป 61 หลังคาเรอื น ทาให้พีน่ อ้ งมอ แกนกวา่ 70 ครอบครวั กว่า 273 คน ตอ้ งสญู เสยี ทุกสง่ิ ทกุ อย่าง ไมว่ ่าจะเปน็ เส้ือผา้ ขา้ ว ของ เคร่ืองใช้ เครอ่ื งมอื หากนิ โดยเฉพาะเงินทองที่เก็บแอบสะสมมาท้ังชีวติ ท้ังละลายและกลายเป็นเถา้ ถ่าน หลงั ไฟไหมแ้ ล้ว ผคู้ นมากมายหล่ังไหลกนั มาชว่ ยเหลอื ตั้งแตว่ ันแรกท่ีอพยพไปอยอู่ ุทยานฯหมเู่ กาะสรุ ินทร์ ต่อมาความ ชว่ ยเหลือในส่งิ จาเป็นเบอื้ งต้นในสภาวะฉกุ เฉนิ ก็หลั่งไหลตามมา เมื่อเร่มิ ตัง้ หลักได้ก็ต้องเริม่ สร้างบ้าน กลับไม่

87 มีทางเลือกใหส้ ร้างบา้ นได้เหมือนเก่า ท้ังๆที่มีการบริจาคมามากพอที่จะสร้างบ้านพน่ี ้องมอแกนให้พออยู่ เหมือนก่อนถูกไฟไหม้ ซ้ายงั มีผลกระทบจากสถานการณโ์ ควิดตอ่ เน่อื ง ขาดแคลนอาหาร รายได้ ห่างไกลจาก ฝั่ง เขา้ ช่วงมรสุมกย็ ่ิงลาบาก ดังน้ัน ด้านความยงั่ ยืน การรว่ มออกแบบชุมชนใหมใ่ ห้เปน็ โมเดลเพ่ือชาติพันธ์ุ ชาวเลทท่ี ่ัวโลกตอ้ งมาศึกษา..มิใชแ่ นวทางการการสร้างความเจบ็ ปวด จนทนทกุ ข.์ .อยา่ งทีเ่ ปน็ มา รัฐต้องเปิด พืน้ ที่กลางใหท้ ุกฝ่ายร่วมคิด ใหพ้ นี่ อ้ งมอแกนได้ตดั สนิ ใจในการสร้างบ้านให้กับชมุ ชนมอแกนหมู่เกาะสุรนิ ทร์ เอง

88 3.1.2 ขอ้ มูลชุมชนกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุชาวเลเกาะพระทอง – เกาะระ ภาพที่ 92 แผนทีต่ ัง้ ชุมชนชาวเลเกาะพระทอง - เกาะระ ชมุ ชนชาวเลมอแกลนในชมุ ชนเกาะพระทอง-เกาะระ ประกอบด้วย ชมุ ชนทุ่งดาบ ปากจก ทา่ แป๊ะโยย้ อา่ ว นา้ จดื และตะกลุ า ภาพที่ 93 ชุมชนท่าแปะ๊ โย้ย เกาะพระทอง

89 ภาพท่ี 94 ลานตากกะปิ ชุมชนบ้านปากจก เกาะพระทอง ภาพท่ี 95 บ้านปา้ ม้าย ทาลอบหมกึ ขาย ชมุ ชนทุ่งดาบ เกาะพระทอง

90 ภาพที่ 96 ชมุ ชนอ่าวน้าจืด เกาะระ ภาพท่ี 97 ยาย กมิ ติน้ กล้าทะเล ชนเผ่ามอแกลนชมุ ชนตะกุลา เกาะระ

91 ภาพที่ 98 รปู ถ่ายของทวดจ๊ิ บรรพชนชาวเลมอแกลนเกาะพระทอง ประวัติศาสตร์ชาวเลมอแกลนเกาะพระทอง-เกาะระ “เกาะพระทอง-เกาะระ”แผ่นดินที่ 4 ของชาวเลชนเผา่ มอแกลนบนเกาะน้ี เป็นอีกหน่ึงแผ่นดนิ ของ บรรพบุรษุ ชาวเลมอแกลนทีม่ าบุกเบิกต้ังถน่ิ ฐานมานบั หลายรอ้ ยปี หลัง “ทวดธานี” (หลาน “พ่อตาสามพัน” เจ้าผู้ปกครองชนเผ่ามอแกลน) มีเหตจุ าทง้ิ แผน่ ดนิ ถ่นิ ฐาน นาชนเผ่ามอแกลนนับพนั จากฝงั่ อา่ วไทยสูแ่ ผ่นดิน ใหม่ชายฝงั่ อันดามนั แผ่นดินแรกบรรพบรุ ุษเรียกชอื่ ว่า “อากูน” (อยู่บรเิ วณต.กะโสมและกะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา) ชาวมอแกลนใชค้ วามรจู้ ากแผ่นดนิ เดิม ซึ่งเปน็ อตั ตาลักษณ์เฉพาะในการดารงวิถชี ายฝั่ง เช่นการ ปลูกขา้ วกนิ เอง แต่ยุคนั้นเปน็ ข้าวไร่หมนุ เวยี น ปลูกพืชผกั สมุนไพรและสวนผสม ทง้ั ยงั เชีย่ วชาญการหา อาหารจากทะเล นบั ว่าทรพั ยากรบรเิ วณน้ันอุดมสมบูรณ์ หากแต่อยไู่ ด้ไมถ่ ึงช่วงคนก็ต้องทิง้ แผ่นดนิ แรก เพราะ “ทวดธานี” โดนลอบสังหารเสียชวี ติ ผนู้ าตระกลู ตา่ งๆจึงพาชาวมอแกลนอพยพหลบหนมี าตัง้ รกรากบน แผน่ ดินทสี่ ามคือ “ ในหยง ” (หา่ งจาก นากูน ไม่มากนัก ) เปน็ ยุคเรมิ่ ต้นทช่ี าวมอแกลนขาดผ้นู าสูงสุดปกครอง ใช้ชวี ิตอยู่ในป่าลึกอยา่ งหวาดกลัว เพยี งแค่สอง- สามช่วงอายคุ นโดยไมร่ ับรู้ความเปน็ ไปของโลกภายนอก แผ่นดินที่สองก็ถูกมนุษยท์ ี่บรรพบรุ ุษ บญั ญัตินามว่า “แฉม” ค้นพบ การเขา้ อยูร่ ่วมกันในถ่ินฐานแผน่ ดนิ ทส่ี อง เรมิ่ เกดิ เหตุเบยี ดขบั บรรพบรุ ุษชาวมอแกลนด้วยการ ปกครองทก่ี ดข่ี การขม่ เหง แยง่ ชิงท่ดี ินและข้าวปลาอาหาร เป็นเหตุใหผ้ ู้นาตระกลู ร่วมตัดสินใจนดั หมายเวลา/ สถานทีท่ จ่ี ะตอ้ งมาเจอกนั เดือนสามของทกุ ปี(บรเิ วณ “หินลูกเดยี ว” หาดไมข้ าว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภเู กต็ ที่ ชาวมอแกลนจัดประเพณนี อนหาดในปัจจุบนั ) การแยกยา้ ยกนั ไป เพ่อื ตั้งถิ่นฐานในปา่ รกตามชายฝ่ัง ทไ่ี ม่มีคน

92 บรรพบุรุษสายตระกูล “ทวดธานี” ตง้ั แผ่นดินที่สามที่ “ด่านยิด” (ใกลๆ้ กบั “หินลูกเดียว” ) ส่วนอืน่ ๆแตก กระจายตามผนู้ าสายตระกลู หลายชุมชนที่ตงั้ ถน่ิ ฐานบนแผน่ ดนิ ที่สาม บรรพชนของ”ทวดจิ๊”บรรพชนของ “ยายกิมต้ิน” และกลุ่มบรรพชนมอแกลนรุ่นบกุ เบิกมาจนถึง “คาละ๋ ”หรือ“เกาะพระทอง” เป็นแผ่นดินทส่ี ามท่ีอยไู่ กลจาก “ในหยง” ทส่ี ดุ การเดินทางทต่ี อ้ งขา้ มทะเลและ ภมู ินิเวศน์ที่ไม่เอ้ือตอ่ การทาเกษตรกรรมมากนกั สว่ นด้านใต้สุด หลงั จากกระจายตวั จากบา้ นในหยง เดิมมีบ้านด่านยิดที่ไกลสุด แตย่ ุคหน่ึงก็ตอ้ งอพยพ โยกย้ายมาบา้ นท่าใหญ่และหินลูกเดียว ปจั จบุ นั มชี ุมชนมอแกลนคือบา้ นเหนอื หรือบา้ นหินลูกเดียว จังหวดั ภเู กต็ ซง่ึ เปน็ ชุมชนอยูท่ างใต้สุด มคี วามเก่าแก่ท่ีอยูก่ ันมานานเชน่ เดยี วกับบา้ นท่าใหญ่ ชาวมอแกลนมีภมู ิ ปญั ญาและวิธกี ารใช้ธรรมชาตทิ ่พี อเพียงและสอดคล้อง เป็นการอนรุ ักษ์ที่ทาให้ถ่นิ ฐานชุมชนมอแกลนมีปา่ ชาย เลนและป่าชายหาดทย่ี ังอยู่อุดมสมบรู ณแ์ ละเป็นแหลง่ อาหารสาคญั ของผู้คนชายฝง่ั มานับรอ้ ยปี จนกระทง่ั การ สัมปทานแร่ ชว่ ง พ.ศ. 2478 และ พ.ศ. 2518 และปา่ ไม้ ช่วง พ.ศ. 2522 ทรพั ยากรธรรมชาติและสิทธใิ นการ ครอบครองที่ดินกเ็ ปลีย่ นไป สง่ ผลให้ในระยะท่ผี ่านมาในบางพนื้ ท่ีเกดิ การย้ายถนิ่ ฐานหลายครง้ั บรรพบุรษุ ชาวเลชนเผา่ มอแกลนทน่ี ี่ ดังกล่าวขา้ งต้น สว่ นใหญต่ น้ ตระกูลยา้ ยมาจากบ้านในหยง อาเภอตะกั่วทุ่ง จงั หวัด พังงา อาศยั อยู่ในเกาะพระทองมา 5-6 ช่วงอายคุ น นอกนนั้ กจ็ ะเป็นตน้ ตระกูลทกี่ ระจายตัวมากชมุ ชนมอ แกลนบนฝง่ั ภาพที่ 99 “เฒา่ ลงิ ” ชาวเลมอแกลนขนิม ทา้ ยเหมอื ง ท่ีไปอยเู่ กาะระ คุระบรุ ี เพราะทวดอยูท่ นี่ ่ี เราถามว่า..ผ้เู ฒ่าอยากได้อะไร? \"มองในตาข้าสิ ดูมืออนั หยาบกรา้ นของขา้ สิ ดมกลน่ิ ทะเลตามเนือ้ ตวั ของข้า นี่คือหลกั ฐาน ทวดข้าเกิด ที่น่ี และขา้ ..กาลงั ฝงั รา่ งในแผ่นดนิ แห่งนี้\"

93 \"เฒา่ ลิง\" ผู้เฒา่ ผดู้ ารงวถิ ีกับทะเลแหง่ บา้ นเกาะระ ต.เกาะพระทอง อ.ครุ ะบรุ ี จ.พังงา อายทุ ่านเกือบ 90 ปแี ล้ว ทา่ นคอื ทายาทสายตระกูลทวดธานี ผนู้ าบรรพชนรนุ่ ที่ 11 ของสายตระกูลผนู้ าชนเผา่ มอแกลน 13 รุ่นชั่วคน .. เดิมท.ี .\" เฒ่าลงิ อยู่ชุมชนมอแกลน\"ขนิม\" ต.ทุ่งมะพรา้ ว อ.ทา้ ยเหมือง จ.พังงา เพราะเกาะระ-เกาะ พระทองในยุคนน้ั ยังอดุ มสมบูรณ์มาก เครือญาติที่นี่ก็มี จึงแยกกับญาติทึข่ นิมมาต้งั ถนิ่ ฐานอย่ทู นี่ ี่ และมภี รรยา ชาวเลมอแกลนเป็นคนทเี่ กาะระนี่แหละ เฒ่าลิงเลา่ ว่า..การออกกฎหมายป่าไม้และให้เอกชน สมั ปทานปา่ ไม้ เป็นจุดเริ่มการทาลายวิถีภมู ิ ปัญญาข้าวไร่หมุนเวยี นของชาวเลมอแกลนท่ีน่ี และเปน็ จุดเรมิ่ ของความขาดแคลนในชีวติ การประกาศเขตปา่ สงวนปา่ เกาะระ ตดั สทิ ธิ์ดัง้ เดมิ บนผืนดินทัง้ หมด การเตรยี มประกาศอทุ ยานฯเกาะระ-เกาะพระทองและเขต หา้ มลา่ ส่งผลตอ่ การห้ามหากินในแหลง่ ธรรมชาติตามภูมปิ ัญญา การไมร่ กู้ ฎหมายทาให้กลวั และไม่กล้าต่อรอง เคยมอี ยู่ครง้ั เดยี วทีช่ าวเลมอแกลนท่ีนี่ไปร่วมกบั คนพ้นื ถิ่น คัดคา้ นการประกาศเขตอุทยานฯเกาะระ_เกาะพระ ทอง เน่ืองจากทับทีด่ นิ ทง้ั เกาะ แต่เม่ือมาประกาศเป็นเขตหา้ มลา่ ฯ การอยากเรียกร้องพื้นท่ีการดารงชีวิตใน ธรรมชาติ จึงเหลือแค่ผเู้ ฒ่าและชาวเลมอแกลนบนเกาะแห่งน้ี การดารงชีวติ ในพน้ื ทีช่ ายฝงั่ และในทะเลของ\"เฒา่ ลงิ \" ท่ีมีมามากกวา่ 70 ปี ไม่เคยทาลายวฏั จกั รและ หลักการธรรมชาติ มีแต่ความเคารพและหวงแหน รฐั จึงควรใช้หลกั ความเปน็ ธรรม สารวจพนื้ ท่หี ากินและทา กินชายฝ่ังทั้งอันดามันและคมุ้ ครองให้ \"เฒ่าลิง\" และชาวเลท้งั อนั ดามนั ได้ดารงคุณค่าของชาตพิ นั ธ์ุ ขนเผา่ พืน้ เมืองให้อยคู่ ู่กับธรรมชาติไดอ้ ย่างยัง่ ยืน

94 ภาพท่ี 100 ลงุ นคิ ม ธงชัย ผนู้ าชนเผ่ามอแกลนเลา่ เรื่องเกาะพระทอง จากการบอกเล่าเร่ืองราวบนเกาะพระทองจากผนู้ าชนเผา่ มอแกลน ลุง นิคม ธงชัย ยนื ยนั ถงึ บรรพชน ผู้นาสายตระกูลกลุ่มทวดจ๊ิ (ตาของยายเขียบ) เป็นเครอื ญาติท่แี ยกยา้ ยกนั มาจาก “ในหยง” (แผน่ ดนิ ท่ี3) และ มอี กี หลายคนทม่ี าต้งั ถิ่นอาศยั อยู่ทัง้ เกาะพระทอง และ เกาะระ แต่ลุงนิคมไมเ่ คยเจอทวดจิ๊ ตอนนน้ั ท่าน เสียชีวติ ไปนานแล้ว เป็นคนรนุ่ ทวดกลอม (ผนู้ าชนเผ่ามอแกลน) สมัยน้นั อดุ มสมบรู ณ์ มคี วายปา่ หมปู า่ ทห่ี นา้ ถา้ หนิ กอง บรเิ วณ หินพระทอง มีการจับปลาปลี ะคร้งั ตอนทาพิธไี หว้พ่อตาหินกอง ครัง้ ละ 1 ลาเรอื ทีจ่ ับ ซึง่ ใชเ้ วลาแค่ 1 ชั่วโมง \"ลงุ คม\" ชอบไปบา้ นทวดดา ทวดม้อย มหี นุ่มสาวเยอะมาก แตพ่ อมีการสอบถามสายตระกูล และรวู้ ่าเป็นลูกหลานทวดกลอม เฒา่ วาย ทวดม้อย เขากห็ ้ามจีบกันเพราะญาติกัน ที่เกาะพระทอง แมจ้ ะเป็นคนบ้านทา่ ใหญ่ เขาจะเรียกลงุ คมว่าคน\" ในหยง\" (แผน่ ดนิ ที่ 3 ก่อนกระจายตัวอพยพหลบหนจี ากดา่ นยิด [ภเู กต็ ]ถึงเกาะพระทอง [พังงา]ชว่ งยคุ พ.ศ. 1940) ยคุ น้นั .. บนเกาะพระทองมที ่านขนุ ปกครองจากนโยบายส่วนกลางกันแลว้ แต่วิถชี ีวติ ยงั อสิ ระ จนกระท่ังถงึ ยุคสัมปทานทาเหมอื งแร่ดบี ุก หลงั จากนั้นหลายอย่างเปลี่ยนไป

95 ภาพท่ี 101 เครือญาติมอแกลนเกาะพระทอง การตั้งถิ่นฐานของบรรพชนชาวเลมอแกลนเกาะพระทอง มักตั้งชุมชนอยู่บริเวณชายฝ่ังทะเลด้านใน เป็นสถานท่ีสะดวกเดินทาง พักพิง อยู่อาศัย ทามาหากิน และปลอดภัยจากภัยธรรมชาติต่างๆ ต่อมาบริเวณ ทะเลในบริเวณนี้เป็นเมืองท่าค้าขายของเรือสาเภาท่ีเจริญรุ่งเรือง ปรากฎตามแหล่งโบราณสถานสาคัญทาง ประวัตศิ าสตร์ในการต้ังอย่ขู องเมืองตะโกลาและชมุ ชนโบราณ “ทุ่งตกึ ” การล่มสลายในคาบอกเลา่ ของชาว มอ แกลนคือ การเกิดคลื่นยักษ์ 7 ชัน้ มากลืนกินผู้คนและทาลายทุกอยา่ งท่ีชายฝ่งั จนทกุ อย่างล่มสลาย ซ่ึงปจั จุบัน มีการพบเหรียญอินเดียและร่องรอยการตั้งถ่ินฐานของผู้ท่ีเข้ามาค้าขายแลกเปลี่ยนจากแดนไกล การศึกษา ประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของบรรพชนชาวมอแกลนอาจจะพาเราเกี่ยวโยงถึงเส้นทางการค้า เส้นทาง ลาเลียงสินค้าและข้าวของมาทางบกเพ่ือข้ามฝั่งคาบสมุทรจากโบราณสถานทุ่งตึก ร่องรอยอารยะธรรมท่ีเป็น หลักฐานจาก “จาเกาะ” บริเวณบ้านน้าเค็ม แม่น้าตะก่ัวป่า คลองสก แม่น้าตาปี และเร่ืองการเกณฑ์หรือ บังคับแรงงานในการสร้างบ้านแปงเมืองบริเวณภาคใต้ของไทยตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่จะมีผู้คน ภายนอกจะเข้ามาต้ังถ่ินฐานเป็นชุมชนถาวรเพ่ิมขึ้นในยุคของการพัฒนา และเป็นจุดพักท่ีสาคัญของชาวมอ แกนและอรุ ักลาโว้ยในเกาะต่างๆ ก่อนเดินทางไปยังหมู่เกาะสิมิลันและเกาะภูเกต็ บริเวณทิศใต้และตะวันออก ของเกาะพระทองเป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ มีคลองสายย่อยอยู่มากมายท่ีชาวมอแกลนเข้ามาใช้ประโยชน์ด้วย การเก็บหาสัตวท์ ะเลและประมงพ้ืนบ้าน บริเวณขา้ งเคียงเปน็ เกาะแมว เกาะคราม เกาะคอเขา เกาะล้านและ เกาะกลาง ก็เป็นแหล่งธรรมชาติดั้งเดิมและชาวเลชนเผ่ามอแกลนที่อาศัยอยู่เบนเกาะแห่งน้ี ยังคงดารงวิถี อัตตาลักษณ์ ความเช่ือทย่ี งั คงรูปแบบดัง้ เดมิ

96 ภาพท่ี 102 มีการพฒั นาทา่ เทยี บเรือเพ่อื การทอ่ งเท่ียวและคณุ ภาพชีวติ ชมุ ชน ในขณะท่ีความเปล่ียนแปลงทางสังคมได้เร่ิมเข้าสู่เกาะพระทองไม่ถึงสามสิบปี พ้ืนที่ส่วนใหญ่มี ลักษณะเป็นทรายท่ีแห้งแล้งทุรกันดาร แต่กลับมีราคาสูงข้ึนทุกปี ปัจจุบันความเจริญจากการท่องเท่ียวเริ่ม คืบคลานเข้ามา ทุกปีนักท่องเท่ียวเพ่ิมจานวน บางจุดบนเกาะมีชาวเมืองมาสร้างรีสอร์ทหรูรองรับ (ชาว มอแกลนครอบครวั หนึ่งไปทาความสะอาด,ทาสวนใหร้ สี อร์ท) ขณะเดียวกัน...ทดี่ นิ ของชาวมอแกลนผู้บกุ เบกิ ก็เหลือน้อยลงทุกทีเช่นกัน ส่วนภาครฐั ก็มีแนวนโยบาย อนุรักษ์ทรัพยากรท่ีขาดการคานึงถึงชาวมอแกลนใช้ดารงชีวิตมานาน ใกล้ความหมดหวังต่อทรัพยากรท่ีหา เล้ียงปากท้อง สภาพพื้นฐานความเป็นอยู่,ความคิดที่เท่าทัน,ขาดความรู้ในการสอดรับโอกาสทางสังคม ท่ี ตามหลังชาวเลมอแกลนในตระกูลทีต่ ัง้ ถนิ่ ฐาน ตามชายฝั่งของแผ่นดนิ ใหญน่ บั สบิ ปี

97 3.1.3 ข้อมูลชุมชนกลุ่มชาตพิ นั ธ์ชุ าวเลชนเผา่ มอแกลนบางสกั (ทบั ตะวนั -บนไร)่ ภาพท่ี 103 แผนทช่ี มุ ชนชนเผา่ มอแกลนบางสกั ภาพท่ี 104 ศนู ย์วฒั นธรรมชาวเลมอแกลน ศนู ยร์ วมกิจกรรมของเครือข่ายฯ ขอ้ มูลพน้ื ฐาน ด้านประชากร ด้านพื้นท่ี ชมุ ชนทับตะวนั อยู่ในหมูบ่ า้ นบางสัก ต้ังอยหู่ ม่ทู ี่ 7 ตาบลบางมว่ ง อาเภอตะก่ัวป่า จงั หวัดพงั งา เป็นชาวเลเผา่ มอแกลน ต้ังบา้ นเรอื นแบ่งออกเปน็ 4 โซน ได้แก่ (1) พ้ืนท่ีโซนบนไร่ จานวนประชากร ชาย 76 คน หญิง 50 คน จานวน 55 หลงั คาเรอื น (2) พ้นื ที่โซนซอยตาสดุ จานวนประชากร ชาย 35 คน หญงิ 31 คน จานวน 32 หลงั คาเรอื น (3) พ้ืนทโ่ี ซนในท่อง จานวนประชากร ชาย 46 คน หญิง 49 คน จานวน 40 หลังคาเรือน

98 (4) พนื้ ที่โซนทุง่ ทู จานวนประชากร ชาย 61 คน หญิง 57 คน และ 29 หลงั คาเรือน 1) ประวัติศาสตรค์ วามเปน็ มาและการต้ังถ่นิ ฐาน ภาพที่ 105 “ทวดตม้ ”อายุ 115 ปี (เสียชวี ติ 2555) ประวัตศิ าสตรช์ าวเลชนเผ่ามอแกลนทับตะวนั บา้ น“หล่ือฉ๊กั ” (บางสัก) มอแกลนมีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานบริเวณชายฝั่งจังหวัดพังงาและภูเก็ตมายาวนาน ในช่วงยุค ก่อน พ.ศ.1832 หรือก่อนช่วง 12 ช่ัวอายุคนมาแล้ว เล่าสืบต่อกันมาว่าถิ่นฐานเดิมของบรรพชนชนเผ่ามอ แกลน ตั้งอยู่ในดินแดนทางฝั่งทะเลดา้ นตะวันออก แถบจงั หวัดนครศรธี รรมราชในปัจจุบัน มผี ู้นาชนเผ่ายคุ นั้น คือ “พ่อตาสามพัน” หรือ “บ๊าบสามพัน” คาว่า “บ๊าบ” เป็นคาท่ีใช้เรียกบรรพชนท่ีชาวมอแกลนนับถือและ เคารพบูชา ยุคน้ันมีมอแกลนการปกครองแบบพี่แบบน้อง มีผู้นาสืบทอดตามสายตระกูล มีประชากรนับหม่ืน ชาวบา้ นมีการปลูกข้าวไร่และหากินในทะเลอย่างอสิ ระ คาว่า “มอแกลน” คอื ชอื่ ของผู้นาบนแผ่นดินชนเผ่ามอ แกลนในอดีต กระทั่ง..มาถึงยุคการเปล่ียนแปลงการปกครอง ชนเผ่ามอแกลนต้องประสบกับความยากลาบาก “อ่ีบูม”น้องสาวของพ่อตาสามพันต้องไปแต่งงานกับเจ้าผู้ครองแผ่นดิน แต่ยังไม่พอใจ ลวงให้ทหารมาฆ่าท่ีป่า หิมพานต์ฝ่ังอันดามัน แต่รอดมาได้และต่อมาเสียชีวิตที่ “หลื่อฉั๊ก” หรือหาดบางสัก การสร้างวัดใหญ่ต้อง สูญเสียชีวิตชาวมอแกลนไปมากมายหลังจากนั้น ชาวมอแกลนที่เหลือถูกข่มเหง รังแก จนในที่สุดได้แตก กระจายออกเปน็ 2 สาย คอื สายทางนา้ และสายทางบก มุ่งเดินทางสโู่ พ้นทะเลอันดามัน

99 “เฒ่าทวดธานี” หลาน “ตาสามพัน” ผู้นาที่รับหน้าท่ีพามอแกลนนับพันคนหลบหนีทางบก เดินไป ตามเส้นทางแล้วปักหลักต้ังถ่ินฐานครั้งแรกท่ีแคว้นตะโกลา เรียกกันว่า “อากูน” ต่อมา “เฒ่าทวดธานี” ถูก ลอบฆ่าเสียชวี ิต ผู้นาจึงพากันอพยพหลบหนีจาก “อากูน” มาอยู่ท่ี “บ้านในหยง” สาหรับบรรพชนชาวเลบาง สัก หย่อมทับตะวัน,บนไร่บางส่วนก็มาอยู่ตั้งแต่ช่วงน้ี ช่วง พ.ศ. 2360 เกิดความขัดแย้ง การแย่งชิงและการ กดขี่จากกล่มุ คน “บาตั๊ก” ที่ทยอยเขา้ มาอยู่ในหยงมากขนึ้ ทาให้ผู้นาสายตระกูลร่วมกันตัดสินใจและย้ายจาก บา้ นในหยงไปตงั้ หมู่บา้ นอยตู่ ามป่ารกทบึ ริมชายฝ่ัง ตง้ั แต่ “ท่องคา”หรือภเู ก็ตถึงเกาะพระทอง และตะกุลา ต. เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา แล้วนัดเจอกันในช่วงเดือน 3 ของทุกปี ท่ี “หาดหินลูกเดียว” ต.ไม้ขาว อ. ถลาง จ.ภเู ก็ต เป็นท่มี าของประเพณี “นอนหาด” เดือนกมุ ภาพนั ธ์ของชาวเลชนเผ่ามอแกลน ภาพท่ี 106 ภาพแสดงช่วงเวลาการตั้งถิน่ ฐานของชนเผา่ มอแกลนบางสกั สาหรับบ้านหล่ือฉ๊ัก ผู้นาตระกูลมอแกลนท่ีมาจากในหยงมาสมทบเพิ่มเติมอีก 2-3 ตระกูลในยุคที่ บรรพชนยังอาศัยอยู่ “นากก” ท่ีผู้อาวุโสชาวมอแกลนเล่าถึงที่ต้ังชุมชนตอนน้ันว่าอยู่ใกล้ๆกับศาลพ่อตาสาม พนั (ปัจจบุ ันเป็นโรงแรมหาดสน รสี อร์ท หาดบางสัก ตาบลบางม่วง อาเภอตะก่ัวป่า จงั หวัดพังงา) บางสักเป็น พ้ืนที่ต้ังถ่ินฐานของชาวมอแกลนมายาวนานก่อนที่เป็นอุตสาหกรรมเหมืองจะขยายเข้ามาบรรพบุรุษของชาว มอแกลนบางสักเล่าสืบต่อกันมาว่าชาวมอแกลนรุ่นแรกๆอพยพมาจาก “บ้านในหยง”(ตาบลกะโสมอาเภอ ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ในปัจจุบัน) แล้วมาอาศัยต้ังถิ่นฐานอยู่ที่”นากก” สาเหตุทีเ่ รียกขานวา่ นากกเนื่องจากพื้นที่มี บึงที่มีต้นกกขึ้นอยู่มากมาย ต้นกกเป็นพืชท่ีหญิงชาวมอแกลนสมัยก่อนนามาทาเคร่ืองจักรสานใช้ในครัวเรือน ประเภทเสือ่ กระปุก

100 นากกนับเป็นหมู่บ้านใหญ่ในสมัยก่อนเพราะสมัยเม่ือร้อยปที ่ีแล้วมีบ้านชาวมอแกลนประมาณ 30-40 หลงั คา ทามาหากินโดยการ “เบาะนา เบาะกอมะ” หรือแปลว่าทานาทาสวน พื้นที่หลายแหง่ มบี ่อน้าผุดและมี พื้นที่ชุ่มน้าสายรวมทั้งร่องน้าสายเล็กๆ มีท่ีจอดเรือ ตรงนากกนั้นมบี ึงขนาดเท่าต้นขา เดมิ ทานาดา หาปลา ปู หอย และสตั ว์ทะเลอื่นๆ รวมท้งั เกบ็ ผกั ผลไมจ้ ากปา่ สว่ นทอ่ี ื่นๆ ในบรเิ วณนี้ก็มบี ้านมอแกลน 10-20 หลัง ตั้งอยูก่ ระจายกนั กอ่ นที่จะมเี หมอื ง เชน่ บรเิ วณที่ เรียกวา่ ”ท่องท”ุ เนื่องจากมตี ้น “ลูกท”ุ ทีเ่ ป็นต้นไม้ท่มี ลี ักษณะลาต้นไม้ทม่ี ีลกั ษณะลาต้นแตกเปน็ กอขึ้นเปน็ อยู่ จานวนมาก ต้นลูกทุจะชอบข้ึนในพ้ืนท่ีโล่งที่เป็นพ้ืนที่ดินปนทราย ซึ่งในปัจจุบันบ้านท่องทุคือพื้นที่ในบริเวณ แนวถนนเส้นหลักที่เป็นท่ีต้ังของชุมชนมอแกลนบางสัก ลูกทุที่สุกเป็นสีม่วงจะเป็นของกินเล่นที่เด็กชาวมอ แกลนท้ังในสมัยก่อนและสมัยนี้ช่ืนชอบ เพราะมีรสหวานแม้ว่าจะมีเมล็ดมาก ลูกท่ียังไม่สุกดีมีก็มีรสหวานอม ฝาดนดิ ๆ ทอ่ งทุเป็นพ้ืนท่ีอาศยั ของชาวมอแกลนและมีคนไทยปลกู บ้านอยู่ด้วยหลายหลัง แต่กม็ ีการเคลื่อนย้าย จากการรุกรานอีกหลายคร้ัง จากเดิมที่อยู่บริเวณนากก ย้ายไปรวมกับชาวเลมอแกลนท่ีท่องทุและนายาว ชาวบ้านเล่าว่าช่วงที่ย้ายคือช่วงที่ช่วงสงครามโลกคร้ังที่ 2 เพราะมีทหารญ่ีปุ่นเข้ามาพื้นที่ มีการทิ้งระเบิด มี การสู้รบกันกับทหารฝรั่งหลังจากนั้นก็เกิดข้าวยากหมากแพงและโจรผู้ร้ายชุกชุม ชาวมอแกลนต้องเข้าป่าขุด หัวมันกิน มีชาวมอแกลนบางครอบครัวขายท่ีดินไปในราคาถูก เพ่ือแลกเปล่ียนกับเส้ือผ้าและของจาเป็น เช่น ขา้ วสาร อาหารแห้ง เปน็ ต้น ในช่วงพ.ศ.2486 ย้ายไปอยทู่ ่งุ เค็ด (ห่างจากนากก 800 เมตร) ทุ่งทุ (ทับตะวัน) และบนไร่ (พื้นทีท่ าไร่ ข้าวอยเู่ นินเขา) หลังจากมกี ารสมั ปทานเหมืองแร่ ในชว่ ง พ.ศ.2513 มีนายทนุ มกี ารอา้ งหลวง(รฐั )ให้สิทธิใ์ นการ ใช้พ้ืนท่ีท่องเค็ด ชาวมอแกลนจึงต้องย้ายไปอยู่ที่ ท่องข้ีทราย” , ”ท่องทุ”(ห่างจากทุ่งเค็ด 200 เมตร ) และ บ้านบนไร่(พ้ืนที่ทาไร่ข้าวห่างจากท่องเค็ด 500 เมตร) ไม่นานถึงปีเหมืองเขาก็ใช้พ้ืนที่ท่องข้ีทรายหาแร่อีก กระท่อมโดนเจาะดูดทรายด้านล่างกระท่อมพัง จึงย้ายกระจายกนั ไปอยู่ “นาหน่าหย๊ด” หรือบ้านนายาว ทงุ่ ทุ หรอื ทบั ตะวนั และบนไร่ตามแตล่ ะสายตระกูล นับเป็นคร้ังสุดท้ายของการเคลื่อนย้ายและเป็นการเร่ิมต้นต้ังชุมชนถาวรของมอแกลน บ้าน “หล่ือ ฉกั๊ ” บา้ นบางสัก และเป็นช่วงการเข้ามาของการท่องเท่ยี วช่วงแรก และการสร้างฟารม์ เลยี้ งก้งุ ปี2538 บางสัก เร่ิมเปลี่ยนโฉมหน้าและเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเมื่อมีคนไทยที่เข้ามาทาบังกะโลที่พักสา หรับ นักท่องเท่ียว ส่วนชื่อ ทับตะวัน เป็นชื่อโรงแรมท่ีมาต้ังเมื่อช่วง พ.ศ.2541 ทาให้ผู้คนแถบนั้นเรียกซอย “โรงแรมทับตะวัน” (ผู้เฒ่ามอแกลนตั้งชื่อให้) ต่อมาติดปากกันก็เป็นช่ือเรียกชุมชนที่นี่ ปัจจุบันเหลือชื่อทับ ตะวัน ไม่มีคาวา่ โรงแรมนาหน้า เพราะโรงแรมปิดไปก่อนเกิดเหตุการณ์สนึ ามิ ต่อจากนน้ั ก็มีโรงแรมบางสักบีช รีสอร์ทและอื่นๆตามมา มีฟาร์มเพาะลูกกุ้งเกิดข้ึนและขยายตัวออกไปจนกระทั่งปัจจุบันเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ของบริษัทซีพี ซ่ึงปัจจุบันเป็นแหล่งจ้างงานชาวมอแกลนหลายสิบคนจากชุมชนบางสัก แต่ทางชุมชนก็ยังพบ ผลกระทบจากบริษัทซีพีเม่อื ป2ี 548 ทีป่ ล่อยน้าเสียลงป่าชายเลนของชุมชนทาใหเ้ กดิ นา้ เนา่ ปลา หอย ก้งุ ลอย ตายเต็มป่าชายเลนทางชุมชนมีการเรียกร้องกับบริษัทให้หยุดปล่อยน้าเสีย ทุกวันน้ีแม้บริษัทจะมีการทาบ่อ บาบัดหลายบ่อ แต่ก็ยังพบว่าน้าเสียก็ยังมีการปล่อยในช่วงหน้ามรสุม และมีการเรียกร้องกับกรมประมงให้มา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook