Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทัศนศิลป์ ม.4

ทัศนศิลป์ ม.4

Published by yungseemuangjai, 2019-12-03 01:29:29

Description: อจท. ทัศนศิลป์ ม.4

Search

Read the Text Version

ทศั นศิลป์กล่มุ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๔

คาํ แนะนําในการใช้ PowerPoint - กดป่ มุ Slide Show ทแี่ ถบด้านบนหรือด้านล่าง - กดป่ มุ Esc ยกเลกิ คาํ ส่ังหรือออกจาก Slide Show - กดป่ มุ ลูกศรหรือคลกิ ส่วนใดในหน้า Slide เพอื่ เลอื่ นไปหน้าถดั ไป

คาํ แนะนําในการใช้ PowerPoint กดป่ มุ นี้ กลบั ไปหน้าสารบญั (Contents) Power Point นี้ เหมาะสําหรับคอมพวิ เตอร์ทใี่ ช้โปรแกรม Microsoft Office 2010 การใช้เวอร์ช่ันอน่ื ๆ หรือ เวอร์ชั่นทต่ี าํ่ กว่า คุณสมบตั บิ างอย่างอาจทาํ งานไม่สมบูรณ์

สารบัญ ๑หน่วยการเรียนรู้ท่ี ทศั นธาตุและหลักการออกแบบ รูปแบบงานทศั นศิลป์ ตะวันออก ๒หน่วยการเรียนรู้ท่ี การแสดงออกทางทศั นศิลป์ ของศิลปิ น ๓หน่วยการเรียนรู้ท่ี การสร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ ๔หน่วยการเรียนรู้ที่ ศิลปวิจารณ์ ๕หน่วยการเรียนรู้ที่

๑หน่วยการเรียนรู้ท่ี ทศั นธาตุและหลกั การออกแบบ

๑. ทศั นธาตุ ในการสร้างสรรค์ผลงาน ทางศิลปะ มนุษยไ์ ดส้ ร้างสรรค์ เ พ่ื อ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ ํา ว ัน นอกจากการใช้สอยแล้วยงั เน้นที่ รูปลกั ษณ์ที่ไม่ขดั ต่อสายตา รวมท้งั การจัดวางอย่างเหมาะสมจนเกิด ความงาม นบั ต้งั แต่ยคุ สมยั ก่อนเป็ น ตน้ มา การสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะมี การพฒั นาทีละข้นั จนเกิดมีหลกั ของ การจัดองค์ประกอบศิลป์ เพ่ือให้ เหมาะสมกลมกลืนยงิ่ ข้ึน

ผลงานทางทศั นศิลป์ ที่สามารถทาํ ใหผ้ สู้ มั ผสั เกิดอารมณ์และความรู้สึกประทบั ใจไดน้ ้นั จะตอ้ งแสดง ถึงการสร้างสรรคอ์ ยา่ งถกู ตอ้ งตามเกณฑข์ องการจดั อนั เป็นพ้ืนฐานของความงามทางดา้ นศิลปะ ซ่ึงจะเกิด ข้ึนไดต้ อ้ งประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบยอ่ ยๆ หรือที่เรียกกนั วา่ “ทศั นธาตุ”มาจดั องคป์ ระกอบ

ทศั นธาตุ คือ ส่วนประกอบต่างๆ ในการออกแบบ เช่น เสน้ รูปร่าง รูปทรง พ้ืนผวิ สีสนั มาจดั วาง ประกอบกนั ข้ึนตามหลกั ของการจดั องคป์ ระกอบศิลป์ ช่วยทาํ ใหผ้ ลงานมีความสมบูรณ์ทางสุนทรียภาพ

ในการจดั วางองค์ประกอบให้ไดค้ ุณค่าทางศิลปะน้นั ตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจถึงความหมาย คุณลกั ษณะ ความสาํ คญั และหลกั การนาํ ไปใช้ ซ่ึงทศั นธาตุแต่ละอยา่ งกใ็ หค้ ุณสมบตั ิและความรู้สึกท่ีต่างกนั ออกไป

องคป์ ระกอบของทศั นธาตุ ทศั นธาตุ หรือองคป์ ระกอบศิลป์ ที่เป็นพ้ืนฐานในการนาํ ไปใช้ เพื่อการสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ จะประกอบไปดว้ ยจุด เสน้ รูปร่าง รูปทรง พ้ืนผวิ พ้นื ท่ีวา่ ง น้าํ หนกั อ่อน-แก่ แสง-เงา และสี ซ่ึงมีรายละเอียด ดงั น้ี

จุด (Point , Dot) จุด เป็นทศั นธาตุ หรือองคป์ ระกอบอนั ดบั แรกของงานทศั นศิลป์ จุด เป็นส่วนที่มีขนาดเลก็ ท่ีสุดของงาน ศิลปะ เมื่อนาํ เอาจุดหลายๆ จุดมาเรียงต่อกนั ในตาํ แหน่งที่เหมาะสมซ้าํ ๆ กนั กจ็ ะทาํ ใหเ้ กิดเป็นเสน้ รูปร่าง พ้นื ผวิ น้าํ หนกั อ่อน-แก่ แสง-เงา จุดจึงจดั เป็นทศั นธาตุท่ีสาํ คญั ในการสร้างสรรคง์ านศิลปะ

เส้น (Line) เส้ น คือ จุดจํานวนมากท่ีนํามาเรี ยง ติดต่อเช่ือมโยงกนั บนพ้ืนระนาบของทิศทาง จนสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า เป็ นลกั ษณะ ของเส้นชนิดใด เช่น แนวต้งั แนวนอน โคง้ คด แนวหยกั หักเห เมื่อนําเอามาประกอบ แสดงทิศทาง ทาํ ใหเ้ กิดรูปร่าง รูปทรง เกิดเน้ือ ที่มีน้าํ หนกั

งานทางทศั นศิลป์ ทุกแขนง ไม่วา่ จะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ลว้ นมี จุดเร่ิมตน้ ดว้ ยการใชเ้ สน้ เสน้ จึงจดั เป็นทศั นธาตุที่สาํ คญั ที่สุด

เ ส้ น ส า ม า ร ถ แ บ่ ง ต า ม ลกั ษณะได้ ๕ ชนิด ดงั น้ี เส้ นตรง - เสน้ ต้งั ใหค้ วามรู้สึกแขง็ แรง มี ระเบียบ - เสน้ นอน ใหค้ วามรู้สึกสงบนิ่ง ปลอดภยั - เสน้ ตรงเฉียง ใหค้ วามรู้สึกไม่ตรง โนม้ เอียง ความรวดเร็ว

เส้ นโค้ง - เสน้ โคง้ ของวงกลม ใหค้ วามรู้สึกอ่อนโยน อ่อนชอ้ ย นิ่มนวล - เสน้ โคง้ อิสระ ถา้ เสน้ โคง้ ลากข้ึนสูง ปล่อยน้าํ หนกั ที่ปลายจะแสดงความเจริญเติบโต - เสน้ โคง้ กน้ หอย ใหค้ วามรู้สึกมีพลงั หมุนอยา่ งรุนแรง การขยายตวั อยา่ งไม่สิ้นสุด

เส้นคด ใหค้ วามรู้สึกเคล่ือนไหวต่อเน่ือง ไม่สิ้นสุด

เส้นฟันปลา หรือซิกแซก ใหค้ วามรู้สึก ไม่ราบรื่น เคลื่อนไหวอยา่ งรุนแรง ต่ืนเตน้

เส้นประ หรือเส้นขาด ใหค้ วามรู้สึกไม่เป็นระเบียบ สบั สน วนุ่ วาย ไม่มนั่ คง เก่า เส่ือมโทรม อนั ตราย

รูปร่าง รูปทรง (Shape-Form) รูปร่างรูปทรง เป็นทศั นธาตุท่ีมีลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั ท้งั รูปร่างและรูปทรงเป็นผลท่ีเกิดจาก การนาํ เสน้ ลกั ษณะต่างๆ มาประกอบเป็นเน้ือหาสาระ เรื่องราวทางทศั นศิลป์

รูปร่าง หมายถึง เสน้ ท่ีเป็นเสน้ โครงของวตั ถุสิ่งของที่ปรากฏใหเ้ ห็นเป็นลกั ษณะ ๒ มิติ รูปร่าง จะมีเพยี งส่วนส้นั และส่วนยาวเท่าน้นั จะไม่แสดงความหนา สีผวิ ของวตั ถุจะมองเห็นเป็นลกั ษณะ แบนๆ เหมือนเงาของวตั ถุ

รูปร่างสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น ๓ ลกั ษณะ ดงั น้ี รูปร่าง รูปร่างธรรมชาติ รูปร่างเรขาคณติ รูปร่างอสิ ระ หรือ รูปร่าง ดดั แปลง เ ป็ น ส่ิ ง ท่ี เ กิ ด ข้ึ น โ ด ย เ ป็ น รู ป ร่ า ง ที่ แ ส ด ง เป็ นรูปร่างท่ีเกิดจากการ- ธรรมชาติ สามารถพบเห็นไดใ้ น ออกมาเป็ นแบบเรขาคณิต เป็ น ออกแบบดัดแปลง จากรูปร่าง สภาพแวดลอ้ มโดยทวั่ ไป รู ปร่ างที่มีกฎเกณฑ์แน่นอน ธรรมชาติ เป็ นการแสดงออกถึง ตายตวั จินตนาการในการสร้างสรรค์ ของแต่ละคน

รูปทรง หมายถึง โครงสร้างท้งั หมด ของวตั ถุท่ีปรากฏให้เห็นในลักษณะของ ๓ มิติ คือ มีท้งั ส่วนกวา้ ง ส่วนยาว ส่วนลึก หรือหนา เม่ือมองดูแล้วจะมีลักษณะเป็ น ม ว ล วัต ถุ มี เ น้ื อ ที่ ภ า ย ใ น มี ป ริ ม า ต ร มีน้าํ หนกั

รูปทรงสามารถแบ่งออกเป็นลกั ษณะได้ ๓ ลกั ษณะ ดงั น้ี รูปทรง รูปทรงธรรมชาติ รูปทรงเรขาคณติ รูปทรงอสิ ระ หรือ รูปทรง ดดั แปลง เ ป็ น ส่ิ ง ที่ เ กิ ด ข้ึ น โ ด ย เป็ นรูปทรงที่เกิดจากการ เป็ นรูปทรงที่มีความเป็ น ธรรมชาติ มีกฎเกณฑแ์ น่นอน ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ข อ ง ม นุ ษ ย์ มี อิสระ ไม่มีกฎเกณฑต์ ายตวั ไม่มี มี โ ค ร ง ส ร้ า ง เ ป็ น ไ ป ต า ม ลกั ษณะเป็นเหล่ียม เป็นมุม โครงสร้างแน่นอน สามารถ ธรรมชาติ มีความโค้งเป็ นวงกลม หรื อ เปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อม เป็นกน้ หอย และความเหมาะสม

พนื้ ผวิ (Texture) ลกั ษณะของบริเวณพ้นื ผวิ ของสิ่งต่างๆ ที่เม่ือสมั ผสั จบั ตอ้ งแลว้ หรือเมื่อเห็นแลว้ สามารถรู้สึก ไดว้ า่ หยาบ ละเอียด มนั ดา้ น เป็นตน้

การสร้างผลงานท่ีมีพ้ืนผวิ ลกั ษณะ ต่างกนั ก็ย่อมให้ความรู้สึกท่ีต่างกนั ไป ดว้ ย ศิลปิ นจึงใชล้ กั ษณะพ้ืนผิวมาสร้าง ในผลงานทศั นศิลป์ เพราะสามารถสร้าง ความรู้สึกต่างๆ ใหผ้ ชู้ มได้

พนื้ ทว่ี ่าง (Space) บริเวณท่ีเป็ นความว่างรอบๆ รูปทรง หรือเน้ือหา เร่ืองราว เม่ือเราสร้างสิ่งหน่ึงข้ึนในที่ว่าง เราเรียกสิ่งน้นั วา่ รูปทรง ในงานศิลปะชิ้นหน่ึงจึงมีรูปทรง กบั ที่วา่ งประกอบกนั อยู่

นํา้ หนักอ่อน – แก่ (Value) ความเขม้ ความอ่อนของสีต่างๆ และแสง-เงา ตามท่ีประสาทรับรู้ ความอ่อน-แก่ของแสง-เงาทาํ ให้ เกิดระยะใกล-้ ไกลเช่นเดียวกบั ความอ่อน-แก่ของสี ในการสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ หากออกแบบให้ ภาพอยบู่ นระนาบเดียวกนั เมื่อใชน้ ้าํ หนกั ที่ต่างกนั ของสี แสง-เงา จะทาํ ใหเ้ กิดเป็นรูปลกั ษณ์ต่างๆ ได้

วธิ ีการใหน้ ้าํ หนกั อ่อน-แก่ ในการสร้างสรรคง์ านทศั นศิลป์ สามารถจาํ แนกได้ ๒ ประเภท คือ ๑. นํา้ หนักอ่อน – แก่ ของสี การใชน้ ้าํ หนกั อ่อน – แก่ ของสีจะทาํ ใหเ้ กิดเป็นภาพ ๒ มิติ ไดแ้ ก่ภาพเขียนต่างๆ ภาพพมิ พ์ เม่ือมองดูดว้ ยสายตา จะเห็นเป็นระยะใกล-้ ไกล

๒. นํา้ หนักอ่อน – แก่ ของแสง-เงา หมายถึง การทาํ แสงสวา่ ง และเงามืด ซ่ึงจะทาํ ใหเ้ กิด การมองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นลกั ษณะ ๓ มิติ

สี (Colors) สี มีปรากฏอยทู่ วั่ ไปรอบๆ ตวั เราในธรรมชาติและสิ่งท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน สีมีอิทธิพลต่อความรู้สึก แตกต่างมากมาย เช่น ทาํ ใหร้ ู้สึกเศร้าซึม หม่นหมอง ร่าเริงสดใส หรือตื่นเตน้

สี สามารถเกิดข้ึนได้ด้วยการยอ้ ม หรือเคลือบ อาจผลิตจากสารประกอบ ทางเคมี หรื ออาจสังเคราะห์ได้จาก ธรรมชาติ รวมท้ังการคิดค้นสีเพ่ิมข้ึน ใหม่สามารถเกิดไดจ้ ากการผสมกนั ของ สีหลากหลายสี

สี เป็นทศั นธาตุที่สาํ คญั ในการสร้างสรรคง์ านศิลปะ โดยมีรายละเอียดที่สาํ คญั ดงั น้ี หน้าทขี่ องสี สี ทาํ หนา้ ท่ีเช่นเดียว สว่างสดใส กับน้ําหนักทุกประการ แต่มีหน้าท่ีที่ ตนื่ เต้น อนั ตราย ปิ ตยิ นิ ดี พิเศษอีกประการหน่ึง คือ อิทธิพลท่ีมี อ่อนหวาน นุ่มนวล ต่ออารมณ์และการรับรู้ความรู้สึก ปลอดภยั มชี ีวติ สดชื่น สง่า หนักแน่น มุ่งมน่ั ลกึ ลบั เศร้าซึม สุขุม สงบเงยี บ แห้งแล้ง อบอ่นุ สงบ สะอาด บริสุทธิ ใหม่ เศร้าโศก หดหู่

แม่สีและหลกั การผสมสี การท่ีเรามองเห็นวตั ถุมีสีต่างๆ ไดน้ ้นั เน่ืองจากในแสงมีสีต่างๆ รวมกนั อยแู่ ลว้ ทุกสี แต่ไดผ้ สมกนั อยา่ งสมดุลจนกลายเป็นสีขาวใส เมื่อแสงกระทบวตั ถุที่มีสี วตั ถุน้นั จะ ดูดสีท้งั หมดของแสงไว้ แลว้ สะทอ้ นสีที่เหมือนกบั ตวั วตั ถุออกมา เราจึงมองเห็นสีของวตั ถุน้นั

ข้นั ตอนการผสมสีสามารถแบ่งได้ ดงั น้ี (๑) แม่สี หรือสีข้นั ตน้ (Primary Colors) เป็นสีท่ีมีเน้ือแทอ้ ยใู่ นตวั มีอยู่ ๓ สี ท่ีเราไม่สามารถผสมข้ึนเองได้ คือ สีเหลือง แดง และสีน้าํ เงิน

(๒) สีข้นั ที่สอง (Secondary Colors) เกิดจากการนาํ แม่สีท้งั ๓ มาผสมกนั เขา้ ทีละคู่ ดว้ ยอตั ราส่วนเท่ากนั จะไดส้ ีข้นั ท่ี ๒ หรือลกู สีเพิ่มอีก ๓ สี คือ สีสม้ สีเขียว สีม่วง

(๓) สีข้นั ท่ีสาม (Tertiary Colors) เกิดจากการนาํ สีข้นั ที่สองผสมกบั แม่สีทีละคู่ จะไดส้ ีเพม่ิ ข้ึนอีก ๖ สี คือ สีสม้ เหลือง สม้ แดง เขียวเหลือง เขียวน้าํ เงิน ม่วงแดง และม่วงน้าํ เงิน ส้ มแดง เขยี วเหลอื ง ม่วงแดง เขยี วนํา้ เงนิ ส้มเหลอื ง ม่วงนํา้ เงนิ

สีข้นั ที่ ๑ ข้นั ท่ี ๒ และข้นั ที่ ๓ ท้งั ๑๒ สี ร ว ม กั น เ ป็ น ว ง สี ธรรมชาติ ซ่ึงถ้านําสี ทุกสีมาผสมรวมกนั จะ ได้สีเทาแก่ๆ เกือบดาํ เ รี ย ก ว่ า สี ก ล า ง (Neutral Colors) หรือ ถ้านําแม่สี ๓ สี มา ผสมรวมกนั เขา้ ก็ไดส้ ี กลางเช่นเดียวกนั

การนําสีไปใช้ ในการสร้างสรรคง์ านศิลปะ สีเป็นทศั นธาตุหน่ึงที่สาํ คญั กวา่ รูปทรง การใชส้ ีมีท้งั ยดึ กฎเกณฑ์ หรือทฤษฎี และปราศจากกฎเกณฑใ์ ดๆ ในการนาํ สีไปใชจ้ ึงตอ้ งศึกษาประการสาํ คญั ของสี ดงั น้ี วรรณะสี คุณค่าของสี ความเด่นชดั ของสี สีเอกรงค์ สีคู่ตรงขา้ ม

(๑) วรรณะสี (Tone) ในทางศิลปะมีการแบ่ง วรรณะสี ออกเป็ น ๒ วรรณะ คือ สีวรรณะอุ่น (Warm Tone) เป็ นสีที่ ให้ความอบอุ่น หรื อ ร้อน และสีวรรณะเย็น (Cool Tone) ไดแ้ ก่สีท่ี ใ ห้ ค ว า ม รู้ สึ ก เ ย็ น สงบสบาย

(๒) คุณค่าของสี (Value) สีใดสีหน่ึงท่ีเราทาํ ใหค้ ่อยๆ จางจนขาว หรือดูสวา่ งและทาํ ใหค้ อ่ ยๆ เขม้ จน มืด คุณคา่ ของสีน้ีสามารถทาํ ใหไ้ ดภ้ าพท่ีเกิดระยะใกล-้ ไกลเหมือนจริงในธรรมชาติ และลวดลายแสดง น้าํ หนกั อ่อน-แก่ ท่ีงดงามได้

(๓) ความเด่นชัดของสี (Intensity) หมายถึง สีท่ีปรากฏเด่นในการเขียนภาพ โดยการใชส้ ีสดใส ใหป้ รากฏเด่นข้ึนมาบนโครงสีส่วนรวมท่ีเป็นสีกลาง หรือสีอ่อนจาง ซ่ึงจะช่วยใหภ้ าพสวยงาม มีความ- น่าดูยงิ่ ข้ึน

( ๔ ) สี เ อ ก ร ง ค์ (Monochrome) หมายถึง สีท่ีแสดงความเด่นชดั ออกมาเพียงสี เดียว หรือใช้เพียงสีเดียวในการเขียนภาพ โดยใหม้ ีค่าอ่อน กลาง แก่ ลกั ษณะคลา้ ยกบั ภาพถ่าย สีเดียว ขาวดาํ หรือจะใช้สีอื่นเป็ น หลกั แลว้ ไล่น้าํ หนักเพิ่มลดความเขม้ ตามท่ี ต้องการในภาพ สีเอกรงค์ท่ีนิยมใช้ ได้แก่ สีน้าํ ตาล ดาํ น้าํ เงิน

(๕) สีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors) หมายถึง สีท่ีอยตู่ รงกนั ขา้ มในวงสีธรรมชาติ เป็นคู่สีกนั คือ สีคู่ที่ตดั กนั ซ่ึงถา้ นาํ มาใชจ้ ะทาํ ให้เกิดความรู้สึกท่ีตดั กนั อยา่ งรุนแรง หากนาํ มาผสมกนั จะไดส้ ีกลาง แต่ถา้ นาํ สีหน่ึงเจือลงไปในคู่สีของมนั เลก็ นอ้ ยจะทาํ ใหส้ ีน้นั หม่นลง ถา้ เจือมาก จะหม่นมาก เหลอื ง ม่วง เขยี วนํา้ เงนิ ส้ มแดง เขยี วเหลอื ง ม่วงแดง นํา้ เงนิ ส้ ม เขยี ว แดง ม่วงนํา้ เงนิ ส้มเหลอื ง

๒. หลกั การออกแบบ มนุษยม์ ีความรู้สึกนึกคิดรู้จกั สร้างสรรค์ ทาํ ใหเ้ กิดสิ่งต่างๆ ท่ีมีคุณค่าแก่ชีวิต สามารถนาํ มาใชส้ อยให้ เกิดประโยชน์ตามความเหมาะสมในการดาํ เนินชีวติ เช่น การแต่งกาย การตกแต่งที่อยอู่ าศยั ทุกส่ิงเร่ิมตน้ ดว้ ยการออกแบบ ซ่ึงจาํ เป็ นตอ้ งเขา้ ใจถึงความเป็ นมา หลกั การออกแบบ หนา้ ท่ีประโยชน์ใชส้ อย และ ความงาม รวมเรียกวา่ การสร้างสรรคศ์ ิลปะ

ความหมายและความสําคญั ในการออกแบบ การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ เพอื่ ประโยชนแ์ ละความงาม ดว้ ยการนาํ ทศั นธาตุ ทางศิลปะและหลกั การจดั ส่วนประกอบของการออกแบบมาใช้ รวมถึงการนาํ ของเดิมท่ีมีอยแู่ ลว้ มา ปรับปรุงใหเ้ หมาะสมยง่ิ ข้ึน

การสร้างสรรคส์ ิ่งใดกต็ าม ส่ิงแรกที่ตอ้ งทาํ คือ การออกแบบ จากน้นั เป็นการสร้างจินตภาพ ภายในสมอง เป็นการออกแบบโดยการคิด จากน้นั ถ่ายทอดออกมาเป็นนามธรรมที่สามารถมองเห็นได้ อาจเป็นภาพ หรือแบบจาํ ลองท่ีมีรูปทรง ขนาด สดั ส่วน ท่ีสามารถมองเห็นผลงานไดอ้ ยา่ งชดั เจน

สิ่งทต่ี ้องคาํ นึงในการออกแบบ ๑. ความสามารถในการปรับปรุงใหด้ ูแปลกใหม่มากข้ึน ๒. ผลงานที่ออกมามีความสอดคลอ้ งกบั ประโยชนแ์ ละหนา้ ที่ใชส้ อย ๓. ผลงานมีความกลมกลืน เหมาะสม ๔. มีการจดั องคป์ ระกอบท่ีงดงาม ๕. มีการวางแผนดาํ เนินการใหต้ รงวตั ถุประสงคท์ ่ีสร้างข้ึน

พฒั นาการของการออกแบบ ในอดีตกาล มนุษยม์ ีชีวติ ความเป็นอยอู่ ยา่ งแบบเรียบง่าย มีวถิ ีชีวติ ที่กลมกลืนกบั ธรรมชาติ มีการดาํ เนินชีวติ อยา่ งคอ่ ยเป็นค่อยไป ตามกาลเวลาต่อมามนุษยเ์ ริ่มรู้จกั แกป้ ัญหาต่างๆ จึงทาํ ใหม้ นุษย์ ออกแบบสร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ๆ เพือ่ ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อการดาํ รงชีพของตนและสงั คม

การออกแบบมีการพฒั นามาตามยคุ สมยั จากยคุ เกษตรกรรมสู่ยคุ สงั คมอุตสาหกรรม วทิ ยาการสาขา ต่างๆไดถ้ ูกนาํ มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในการคิดคน้ เครื่องจกั รกลเพ่ือการผลิต ผลงานการออกแบบจึงเป็ น เป็นผลงานที่มีลกั ษณะเป็นงานฝีมือมากกวา่ การใหค้ วามสาํ คญั ทางความงามดา้ นศิลปะ

ภายหลงั การออกแบบไดพ้ ฒั นาจาก การผลิตเพ่ือประโยชน์ใช้สอยมาเป็ นการ ออกแบบท่ีเฉพาะเจาะจง เช่น อาคาร บา้ นเรือน ภาพยนตร์ เป็นตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook