๕ การเขยี นสารคดเี กย่ี วกบั สัตว์ (ต่อ) ตัวอย่างสารคดเี กย่ี วกบั สัตว์
๕ การเขยี นสารคดเี กย่ี วกบั สัตว์ (ต่อ) ตัวอย่างสารคดเี กย่ี วกบั สัตว์
การประเมนิ คณุ ค่างานเขยี น กำรประเมินคุณค่ำงำนเขียน หน้ำ ๑๕๕ แนวทำงกำรประเมินคุณค่ำงำนเขยี น หน้ำ ๑๕๙
๔ การประเมนิ คุณค่างานเขยี น การประเมินคุณค่างานเขียน เป็นพฒั นาการอีกข้นั หน่ึง ของการรับสาร ซ่ึงผูร้ ับสารจะตอ้ งวิเคราะห์แยกแยะรายละเอียดและ ตีความก่อนท่ีจะใชด้ ุลย-พินิจประเมินคุณค่างานเขียนอย่างมีเหตุมีผล ทาใหเ้ ห็นคุณค่าและเขา้ ใจเจตนารมณ์ของผสู้ ่งสารไดอ้ ยา่ งถ่องแท้ ดงั น้นั ผทู้ ี่มีทกั ษะการประเมินคุณค่างานเขียนท่ีดี ยอ่ มสามารถนาวิธีในการคิด และกลวิธีการเขียนงานท่ีดีไปใชใ้ นการพฒั นางานเขียนของตนเองได้ อยา่ งสร้างสรรค์
๑ การประเมินคุณค่างานเขยี น • งานเขียนแต่ละเรื่องอาจนาเสนอแนวคิดหรือใชก้ ลวธิ ีการนาเสนอแตกต่างกนั คุณค่าของงานเขียนท่ีผอู้ ่านไดร้ ับกแ็ ตกต่างกนั ออกไป • ผอู้ ่านจึงควรเรียนรู้แนวทางในการประเมินคุณค่างานเขียน เพื่อนาไปใชเ้ ป็นหลกั ในการประเมินงานเขียนที่ไดอ้ ่านและนาไปใชเ้ ป็นแนวทางในการพฒั นางานของ ตนเองต่อไป การประเมินคุณค่า การตดั สินคุณค่าของเรื่องราวท่ีอ่านหลงั จากผา่ นการวเิ คราะห์และวจิ ารณ์มาแลว้ วา่ งาน เขียนชิ้นน้ีดีหรือไม่ น่าเชื่อถือ มีคุณค่าดา้ นใดบา้ ง
๑ การประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) หลกั ในการประเมนิ คุณค่างานเขยี น ต้องรู้ประเภทของหนังสือหรืองานประพนั ธ์น้ันๆ • เป็นงานเขียนประเภทใด เป็นร้อยแกว้ หรือร้อยกรอง เป็นนวนิยาย เรื่องส้นั นิทาน บทละคร หรือสารคดี เพราะงานเขียนแต่ละประเภทมีวธิ ีการอ่าน พิจารณาและประเมินคุณค่าต่างกนั อ่านอย่างละเอยี ดถ่ถี ้วน • เพ่อื วเิ คราะห์แยกแยะรายละเอียดของเร่ืองท่ีอ่าน • พิจารณาหาความสมั พนั ธข์ องโครงสร้างในส่วนต่างๆ ของเรื่อง เช่น เน้ือหา แนวคิด รูปแบบ และกลวธิ ีในการนาเสนอเร่ือง การใชส้ านวนภาษา
๑ การประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) หลกั ในการประเมนิ คุณค่างานเขยี น ตคี วาม • เป็นการทาความเขา้ ใจความหมายของคาและประโยคต่างๆ ที่ผเู้ ขียนอาจ ซ่อนความหมายแฝง ซ่ึงมิไดส้ ่ือความหมายตามรูปคา • ตอ้ งอ่านเร่ืองราวท้งั หมดอยา่ งนอ้ ยสองรอบ เพอ่ื สงั เกตใหเ้ ห็นถึงความ เด่นที่แปลกไปจากขอ้ ความปกติ • ตอ้ งอาศยั ความรู้ประสบการณ์และภมู ิหลงั ของผอู้ ่าน เพ่อื คน้ หาสารที่ ผเู้ ขียนตอ้ งการส่ือถึงผอู้ ่าน
๑ การประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) หลกั ในการประเมนิ คุณค่างานเขยี น ประเมนิ คุณค่า • เป็นการตดั สินหรือตีค่าสิ่งที่อ่าน • ผอู้ ่านจะตอ้ งประเมินค่าเร่ืองที่อ่านถึงความน่าเชื่อถือ ความสมบูรณ์และ ความถูกตอ้ งของการนาเสนอเรื่อง • ควรตดั สินอยา่ งมีเหตุผลโดยใชเ้ กณฑม์ าตรฐานท่ีไดร้ ับการยอมรับเป็น เคร่ืองมือสนบั สนุนเทียบเคียง • ผปู้ ระเมินตอ้ งเป็นผมู้ ีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกบั กระบวนการอ่าน และกระบวนการเขียนเป็นอยา่ งดี การประเมินคุณค่าจึงจะเกิดประโยชน์ สูงสุดแก่ผอู้ ่าน
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น การประเมนิ คุณค่าเร่ืองส้ัน • เน้ือหาและแนวคิด มีความเป็นสากลและมีลกั ษณะเฉพาะตน • กลวธิ ีนาเสนอเร่ือง o โครงเรื่อง ควรมีโครงเรื่องเดียว โครงเรื่องมีการสร้างปมปัญหา หรือความขดั แยง้ และคลี่คลายไดอ้ ยา่ งน่าสนใจ o แก่นเร่ือง มีแก่นเร่ืองเดียวและมีความชดั เจน o การดาเนินเรื่อง เปิ ดเรื่องน่าสนใจ ดาเนินเร่ืองตามปมปัญหาหรือ ความขดั แยง้ อยา่ งชดั เจนและน่าติดตาม o เสนอเหตุการณ์ในระยะรวบรัดและปิ ดเร่ืองอยา่ งน่าประทบั ใจ o อาจปิ ดเร่ืองดว้ ยการคลายปมปัญหาหรือการทิ้งเรื่องไวใ้ หผ้ อู้ ่าน นาไปขบคิดต่อ
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเร่ืองส้ัน • ฉาก ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เหตุการณ์ในเรื่อง ทาใหเ้ ขา้ ใจลกั ษณะนิสยั และ อารมณ์ของตวั ละครชดั เจน ช่วยสร้างจินตภาพของผอู้ ่านท่ีมีต่อตวั ละคร • ตวั ละคร ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั แนวเร่ือง ตวั ละครมีการพฒั นานิสยั อยา่ ง สมเหตุสมผลและมีบทบาทสมั พนั ธก์ บั เร่ือง • บทสนทนา ช่วยในการดาเนินเรื่อง บทสนทนาตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ตวั ละครและใชภ้ าษาสอดคลอ้ งกบั เน้ือเรื่อง • การใชภ้ าษา เหมาะกบั ลกั ษณะของเร่ืองและภาษามีลีลาเฉพาะตวั • คุณค่าของเร่ือง เน้ือเร่ืองใหค้ วามบนั เทิง ใหข้ อ้ คิด ทาใหต้ ระหนกั และ เขา้ ใจชีวติ อยา่ งลุ่มลึกหรือเสนอแง่คิดแก่ผอู้ ่าน
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเร่ืองส้ัน
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเร่ืองส้ัน เรื่องส้ัน เซลแมนมือใหม่ • เน้ือหาและแนวคิด o เรื่องน้ีมีเน้ือหาและแนวคิดสร้างสรรค์ มีความเป็นสากล แสดงออก ทางพฤติกรรมของมนุษยท์ ่ีน่าสนใจ o ผเู้ ขียน คือ ถวลั ย์ มาศจรัส o เป็นเรื่องส้นั ๑ ใน ๑๗ เรื่อง ในหนงั สือเร่ืองส้นั สานวนไทย เล่ม ๓ o เป็นเร่ืองส้นั ชนะการประกวดของสถาบนั ภาษาไทย กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเร่ืองส้ัน เร่ืองส้ัน เซลแมนมือใหม่ • กลวธิ ีนาเสนอเรื่อง o โครงเร่ือง มีเพยี งโครงเร่ืองเดียว คือ การเลือกประกอบอาชีพของ คนเรียนหนงั สือไม่เก่ง o โครงเร่ืองมีการสร้างปมปัญหา โดยผกู ตวั ละครท่ีช่ือนอ้ ย ใหเ้ ป็น เดก็ โง่ ซ่ึงทุกๆ คนเห็นวา่ นอ้ ยเป็นคนโง่จริงๆ o เร่ืองดาเนินไปจนคลี่คลายลงดว้ ยดี จากการท่ีนอ้ ยไดม้ องเห็น คนขายวา่ ว กาลงั ขายวา่ วใหล้ ูกคา้ ตวั นอ้ ย กลายเป็นแรงบนั ดาลใจ ใหเ้ ขาคิดประกอบอาชีพเป็นพอ่ คา้ ขายผา้ ห่ม
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเรื่องส้ัน เรื่องส้ัน เซลแมนมอื ใหม่ • กลวธิ ีนาเสนอเร่ือง o แก่นเร่ือง มีแก่นเดียวและมีความชดั เจน คือ การเลือกประกอบ อาชีพของคนเรียนไม่เก่ง o การดาเนินเรื่อง มีการเปิ ดเร่ืองไดน้ ่าสนใจ จากการสร้างปมขดั แยง้ โดยใหต้ วั ละครที่ช่ือนอ้ ย ที่ทุกคนมองเห็นวา่ เป็นเดก็ โง่ เป็นตวั ละครเปิ ดเร่ือง แลว้ ดาเนินเรื่องไปอยา่ งน่าติดตาม จนกระทง่ั นอ้ ย ตกลงใจเลือกประกอบอาชีพเป็นพอ่ คา้ ขายผา้ ห่มไดซ้ ่ึงเป็นการปิ ด เร่ืองที่น่าประทบั ใจ และมีการทิ้งปมไวใ้ หผ้ อู้ ่านไดต้ ิดตามวา่ คนโง่ น้นั คือใคร
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเรื่องส้ัน เรื่องส้ัน เซลแมนมอื ใหม่ • กลวธิ ีนาเสนอเร่ือง o ฉาก ท่ีเกิดข้ึนในเรื่องน้ีมีหลายฉาก ไดแ้ ก่ ท่ีบา้ น โรงเรียนและทอ้ ง สนามหลวง o เป็นฉากที่ไม่สลบั ซบั ซอ้ น ผเู้ ขียนบรรยายไวอ้ ยา่ งชดั เจนสอดคลอ้ ง กบั เหตุการณ์ o ตวั ละคร ในเร่ืองมี ๗ ตวั ไดแ้ ก่ นอ้ ย พอ่ แม่ ครู คนขายวา่ ว แม่ของ เดก็ และเดก็ แต่ละตวั มีลกั ษณะนิสยั แตกต่างกนั ไปตามทอ้ งเร่ือง o บทสนทนา สอดคลอ้ งกบั ตวั ละครและเน้ือเรื่อง เช่น คาพดู ของพอ่ ที่วา่ “เอง็ นี่โง่เหมือนใครฮึเจา้ นอ้ ย” หรือคนขายวา่ วพดู วา่ “สองร้อย บาทขาดตวั นะครับ ตวั สุดทา้ ย”
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเรื่องส้ัน เรื่องส้ัน เซลแมนมอื ใหม่ • การใชภ้ าษา o ภาษาที่นามาใชเ้ ขียนเรื่องมีความเหมาะสมกบั เหตุการณ์ อ่าน เขา้ ใจง่าย สามารถใชภ้ าษาสร้างสรรคอ์ ารมณ์ใหผ้ อู้ ่าน โดยผา่ น ทางบทสนทนาของตวั ละครไดห้ ลากหลายอารมณ์ “ทะเลน้ จริงลูกคนน้ี” ใหอ้ ารมณ์ขบขนั “มองมาทางน้ี แสดงวา่ โง่เหมือนแม่อยา่ งน้นั หรือ” ใหอ้ ารมณ์โกรธ o มีการใชภ้ าษาเปรียบเทียบ “ผลการเรียนท่ีคงท่ี ไม่ข้ึนไม่ลง เหมือนหุน้ ในตลาดหลกั ทรัพยท์ ่ีพงุ่ ปรู๊ดปร๊าด” “รูปร่างวา่ วโครงพลาสติกสวยงามเหมือนเครื่องบินคองคอร์ด”
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ คุณค่าเร่ืองส้ัน เร่ืองส้ัน เซลแมนมอื ใหม่ • คุณค่าของเร่ือง o ใหค้ วามสนุกสนานเพลิดเพลิน o ใหข้ อ้ คิดเตือนใจแก่ผอู้ ่านวา่ คนที่เรียนหนงั สือไม่เก่ง แต่เป็นคนดี ประกอบอาชีพสุจริต กส็ ามารถเลือกประกอบอาชีพตามความ ถนดั ของตนเองและเป็นประโยชน์ต่อสงั คมได้ o ไม่ควรดูหมิ่นดูแคลนคนท่ีดอ้ ยกวา่ o ไดเ้ รียนรู้สานวนไทยที่เกี่ยวกบั เน้ือเรื่อง o ไดเ้ ห็นวธิ ีการประกอบอาชีพคา้ ขาย ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั โอกาสและ จงั หวะของชีวติ
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ สารคดี • เน้ือหา สะทอ้ นแนวคิดสร้างสรรคท์ ่ีเป็นสากลและแนวคิดเฉพาะตน • พจิ ารณาความถูกตอ้ งของเน้ือหา มีการอา้ งอิงแหล่งขอ้ มลู ท่ีน่าเช่ือถือ • วธิ ีการนาเสนอ o ช่ือเรื่องตอ้ งมีความน่าสนใจ กระชบั ตรงประเดน็ o เปิ ดเรื่องอยา่ งมีศิลปะ ลาดบั เร่ืองชวนติดตาม o ปิ ดเร่ืองอยา่ งน่าประทบั ใจ o กลวธิ ีการนาเสนอเหมาะสมกบั เน้ือหาและน่าสนใจ o กลน่ั กรองขอ้ มูลและนาเสนอในรูปแบบท่ีเหมาะสมและถูกตอ้ ง o นาเสนอขอ้ เทจ็ จริงท่ีผอู้ ่านควรรู้และเกิดประโยชน์ต่อสงั คม o ไม่สอดแทรกความคิดเห็นส่วนตวั
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ สารคดี • การใชภ้ าษา ใชภ้ าษาถกู ตอ้ ง ชดั เจน การใชส้ านวนภาษามีพลงั ในการส่ง สาร ใชภ้ าษาที่สื่อความไดอ้ ยา่ งตรงไปตรงมา • เลือกใชศ้ พั ทเ์ ฉพาะหรือศพั ทบ์ ญั ญตั ิใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั เร่ือง • หากจาเป็นตอ้ งใชภ้ าษาต่างประเทศ ควรมีการอธิบายใหช้ ดั เจนดว้ ย • ใชภ้ าษาท่ีทาใหผ้ อู้ ่านเกิดจินตนาการใชภ้ าษาท่ีสละสลวยและประณีต • คุณค่าของสารคดี เป็นงานเขียนท่ีเรียบเรียงข้ึนจากเรื่องจริง ใหท้ ้งั ความรู้ ความคิดและสอดแทรกความบนั เทิงไวด้ ว้ ย ช่วยเพม่ิ พนู ความรู้ความคิด ใหก้ บั ผอู้ ่าน รวมท้งั ช่วยเปิ ดโลกทศั นข์ องผอู้ ่านใหก้ วา้ งไกล
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ สารคดี
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ สารคดี เรื่อง ลดความอ้วน ลดอาหาร เพมิ่ ออกกาลงั กาย • เน้ือหา o เน้ือหา ผเู้ ขียนใหค้ วามรู้เร่ืองการลดความอว้ นและอนั ตรายจาก การใชย้ าลดความอว้ น o ผอู้ ่านไดร้ ับความรู้ท่ีเป็นประโยชนท์ ้งั ต่อตนเองและสงั คม o ผทู้ ่ีเป็นโรคอว้ นจะไดน้ าวธิ ีลดความอว้ นท่ีปลอดภยั และประหยดั ค่าใชจ้ ่ายไปปฏิบตั ิ และท่ีสาคญั จะไดไ้ ม่เป็นเหยอื่ ของการโฆษณา o ผเู้ ขียน คือ เภสชั กร คทา บณั ฑิตานุกลุ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ o งานเขียนมีการอา้ งอิงขอ้ มูลเร่ืองดชั นีมวลกาย ยาไซบทู รามีน แอล-คาร์นิทีน สารสกดั จากถว่ั ขาว สารสกดั จากผลสม้ แขก ตาม ขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตร์ ขอ้ มูลจึงมีความน่าเช่ือถือ
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ สารคดี เร่ือง ลดความอ้วน ลดอาหาร เพม่ิ ออกกาลงั กาย • วธิ ีการนาเสนอ o ช่ือเร่ืองน่าสนใจ ผเู้ ขียนใชค้ ากระชบั ตรงประเดน็ คือ ลดความ อว้ น ลดอาหาร เพิม่ การออกกาลงั กาย o ใชค้ าที่ส่ือความหมายชดั เจนวา่ ถา้ จะลด อ.อว้ น ตอ้ งลด ๑ อ. (อาหาร) และเพม่ิ ๑ อ. (ออกกาลงั กาย) o การเปิ ดเร่ือง ใชก้ ารพาดหวั ข่าวหนงั สือพิมพม์ าเรียกความสนใจ o ตวั เร่ือง บอกแนวทางลดความอว้ น อธิบายถึงคุณสมบตั ิของ ส่วนประกอบของยาลดความอว้ น o การปิ ดเร่ือง ผเู้ ขียนคล่ีคลายปัญหาของผทู้ ี่อยากลดความอว้ น คือ ใชว้ ธิ ีควบคุมการกินอาหารและการออกกาลงั กาย o ขอ้ คิด ควรเปล่ียนค่านิยมท่ีวา่ มีน้าหนกั ตวั นอ้ ยจึงจะถือวา่ สวย
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ สารคดี เร่ือง ลดความอ้วน ลดอาหาร เพมิ่ ออกกาลงั กาย • การใชภ้ าษา o ภาษาท่ีใชเ้ ป็นภาษาแบบแผน มีการใชศ้ พั ทแ์ ละภาษาทาง การแพทยบ์ า้ งแต่ผอู้ ่านทว่ั ไปสามารถเขา้ ใจความหมายไดไ้ ม่ยาก เช่น เกิดภาวะระบบไหลเวยี นโลหิตลม้ เหลว o เป็นสารคดีท่ีใหค้ ุณค่า ประเทืองปัญญา o ใหค้ วามรู้ ความคิดแก่ผอู้ ่านเก่ียวกบั เร่ืองการลดความอว้ นโดยไม่ ตอ้ งใชย้ าลดความอว้ น แต่เนน้ การควบคุมอาหารและเพม่ิ การออก กาลงั กาย
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขียน (ต่อ) การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์ • เน้ือหา สะทอ้ นแนวคิดสร้างสรรค์ มีความเป็นสากล และสะทอ้ น แนวคิดเฉพาะตน • รูปแบบการประพนั ธ์ พิจารณาจากการมีรูปแบบถูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ หรือประยกุ ตจ์ ากฉนั ทลกั ษณ์เดิมหรือเป็นรูปแบบท่ีคิดข้ึนเอง มีความ เหมาะสมกบั เน้ือหา • ความงามดา้ นการประพนั ธ์ มีการเล่นเสียง การสรรคาไดเ้ หมาะสม มี เสียงเสนาะใชโ้ วหารแสดงภาพพจนอ์ ยา่ งมีช้นั เชิงและมีการนาเสนอ อยา่ งมีเอกภาพ • คุณค่าของกวนี ิพนธ์ บทกวนี ิพนธ์ก่อใหเ้ กิดอารมณ์สะเทือนใจ สร้าง จินตนาการ ใหข้ อ้ คิดทาใหต้ ระหนกั และเขา้ ใจชีวติ อยา่ งลุ่มลึกหรือ เสนอแง่คิดแก่ผอู้ ่าน และมีเน้ือเร่ืองจรรโลงสงั คม
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์ กวีนิพนธ์ มง่ิ ขวญั ชาวนา • เน้ือหา o สะทอ้ นแนวคิดเกี่ยวกบั ขา้ วและชาวนา วา่ ขา้ วแต่ละเมด็ ไดม้ าจาก ความเหนื่อยยากของชาวนา ขา้ วจากชาวนาไทยไดเ้ ล้ียงชีวติ คน ไทยใหเ้ ติบโต o ขา้ วและชาวนาจึงสมควรไดร้ ับการบชู ากราบไหวด้ ว้ ยสานึกใน บุญคุณ • รูปแบบการประพนั ธ์ o กวเี ลือกใชก้ ลอนสุภาพซ่ึงมีรูปแบบถูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ o เลือกใชร้ ูปแบบไดเ้ หมาะสมกบั เน้ือหา เพราะกลอนสุภาพแต่ละ วรรค ใชค้ าไดม้ าก กวสี ามารถใชค้ าที่ไพเราะไดม้ ากมายในแต่ละ วรรค
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์ กวีนิพนธ์ ม่ิงขวญั ชาวนา • ความงามดา้ นการประพนั ธ์ o การสรรคา ไดเ้ หมาะสม ในบทแรกหรือ ๔ วรรคแรก ซ่ึงเป็นการ เปิ ดเรื่อง กวเี ลือกใชค้ าท่ีไพเราะกินใจ เช่น มาลยั รวงขา้ ว บลั ลงั ก์ ฟางทอง แผน่ ดินร่มเยน็ เชิญแผน่ ฟ้ า o มีคา ไพเราะในวรรคอ่ืนๆ อีกหลายคา เช่น พระธาตุพทิ กั ษส์ ยาม ผอ่ งพสิ ุทธ์ิ ก่อสกนธ์ o การเลือกใชค้ าท่ีมีเสียงเสนาะ กวสี ร้างคา ใหม้ ีเสียงเสนาะดว้ ยการ ใชส้ มั ผสั โดยเฉพาะสมั ผสั ในวรรค ซ่ึงมีท้งั สมั ผสั สระและสมั ผสั พยญั ชนะ
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์ กวีนิพนธ์ มง่ิ ขวญั ชาวนา • ความงามดา้ นการประพนั ธ์ o การใชโ้ วหารภาพพจน์ ใชโ้ วหารอุปมาและอุปลกั ษณ์อยา่ งมีช้นั เชิง o โวหารอุปมา • ขา้ วทุกเมด็ เหมือนพระธาตุพทิ กั ษส์ ยาม • สะอาดขาวผอ่ งพสิ ุทธ์ิดุจดาวเหนือ o โวหารอุปลกั ษณ์ • เชิญแผน่ ดินร่มเยน็ เป็นเวยี งวงั • เชิญแผน่ ฟ้ าเป็นพลงั สร้างเขตคาม • คุณค่าขา้ วคือเพชรพิเศษสมยั
๒ แนวทางการประเมนิ คุณค่างานเขยี น (ต่อ) การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์ กวนี ิพนธ์ ม่งิ ขวญั ชาวนา • คุณค่าของกวนี ิพนธ์ o กวนี า เสนอแนวคิดไม่ซบั ซอ้ นทา ใหเ้ ขา้ ใจไดง้ ่าย o กวตี อ้ งการใหค้ นไทยเห็นความสาคญั ของชาวนาไทย ผผู้ ลิตขา้ วซ่ึง เป็นอาหารหลกั ของคนไทย o ใหข้ อ้ คิดวา่ เม่ือกินขา้ วตอ้ งกินอยา่ งสุภาพ เคารพเมด็ ขา้ วและที่มา ของขา้ ว อยา่ กินขา้ วใหห้ ก กินใหห้ มดจาน o ใหต้ ระหนกั ถึงคุณค่าของขา้ วและความสาคญั ของชาวนาไดเ้ ป็น อยา่ งดี
หนว่ ยที่ ๓ ตรึกตรบั ทัศนา วาจาเลศิ
ตอนที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด ในชีวติ ประจาวัน เราใชท้ กั ษะการฟัง การดู และการพดู เพ่ือ การสื่อสารอยตู่ ลอดเวลา ท้งั ในฐานะผรู้ ับสารและผสู้ ่งสาร การฟัง การ ดู ในชีวิตประจาวนั สาคัญในการสื่อสาร ซ่ึงเราควรฝึ กฝนการใช้ ทกั ษะดงั กล่าวอยา่ งสม่าเสมอ และ ควรใชว้ ิจารณญาณเลือกฟัง ดู และ พดู ในส่ิงท่ีให้สารประโยชน์ ใหแ้ ง่คิดสอนใจ เพื่อพฒั นาตนเองท้งั ใน ดา้ นทกั ษะการใชภ้ าษา ดา้ นปัญญา และการยกระดบั จิตใจ อนั จะทาให้ เราเป็นคนที่มีคุณภาพ และสามารถสร้างสรรคส์ ังคมใหม้ ีคุณภาพต่อไป
ความรู้ทวั่ ไปการฟัง การดู และการพูด ระดับของกำรฟัง ๑. ระดับกำรได้ยิน การไดย้ ินเป็ นกระบวนการข้นั แรกของการฟัง เป็ นการรับรู้ โดยใช้อวยั วะในการรับรู้หรือการไดย้ ิน คือหูและอวยั วะภายในหู เมื่อหูรับคล่ืนเสียงแลว้ ก็จะ ส่งไปยงั สมอง สมองจะรับรู้วา่ เรื่องท่ีไดย้ นิ น้นั คืออะไรโดยไม่มีการแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง ๒. ระดบั กำรฟังตำมปกติ เป็นระดบั การไดย้ นิ ท่ีสูงข้ึนต่อจากการไดย้ นิ ผฟู้ ังตอ้ ง ใชส้ มรรถภาพทางสมองเชื่อมโยงเสียงที่ไดย้ นิ กบั ประสบการณ์ และความรู้เกี่ยวกบั ความหมาย ของเสียง เพื่อให้เกิดการแปลความและตีความเสียงน้นั จนเขา้ ใจสารท่ีฟังและแสดงปฏิกิริยา ตอบสนองสารน้นั อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม ๓. ระดับกำรฟังอย่ำงมีวิจำรณญำณ เป็ นระดบั การฟังที่สูงข้ึนอีกตอ้ งอาศยั สมรรถภาพทางดา้ นการคิดวเิ คราะห์ การประเมินค่า การวนิ ิจฉยั และการนาไปใชใ้ นชีวติ จริงได้ การฟังระดบั น้ีตอ้ งอาศยั การฝึกฝนและพฒั นาอยา่ งต่อเน่ือง หากสามารถพฒั นาจนเกิดทกั ษะแลว้ ผฟู้ ังจะไดป้ ระโยชน์สูงสุดจากการฟังสารน้นั ๆ
ความรู้ทว่ั ไปการฟัง การดู และการพดู หลกั กำรกำรฟังและดูโดยทวั่ ไป ๑. มีสมำธิในกำรฟังและดู การมีสมาธิเป็นพ้ืนฐานของพฤติกรรมการฟังและ ดูท่ีดี การมีสมาธิจะเร่ิมมาจากความต้งั ใจฟังและดู มีใจจดจ่อต่อเร่ืองท่ีรับชม ไม่วอกแวก ต่อส่ิงรบกวนต่าง ๆ การมีสมาธิในการฟังยงั จะทาใหผ้ ฟู้ ังมีกิริยาท่าทางท่ีสารวมอีกดว้ ย ๒. พยำยำมจับประเด็นสำคัญ วิธีการฟังดูที่ดีนอกจากต้องใช้สมาธิ ในการฟังแลว้ ผฟู้ ังควรพยายามจบั ประเดน็ สาคญั ของเร่ืองทุกคร้ังท่ีฟังและดู ๓. พจิ ำรณำไตร่ตรองเรื่องทฟี่ ังและดู เป็นการฟังและดูแลว้ นาเร่ืองท่ีไดร้ ับ มาวิเคราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น หาสาระความรู้จากเร่ืองท่ีฟังและดู โดยอาจจะใชก้ ารสรุปจดเพ่ือบนั ทึกความจาดว้ ย แลว้ นาขอ้ มูลท่ีไดม้ าพิจารณาประเมินค่า วา่ น่าเชื่อถือ มีประโยชน์ หรือเหมาะแก่การนาไปปฏิบตั ิตามหรือไม่
ความรู้ทวั่ ไปการฟัง การดู และการพูด หลกั ปฏิบตั ใิ นกำรฟังและดูตำมสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ๑. กำรนั่งฟังและดู ผู้ฟังควรนั่งฟังและดูด้วยความสุภาพเรียบร้อย ไม่เหยียดขาออกมา ไม่นั่งไขว่ห้าง หากน่ังกบั พ้ืนควรนง่ั พบั เพียบ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ ต่อหนา้ พระสงฆ์หรือผใู้ หญ่ ในขณะฟังเทศน์ควรพนมมือขณะฟังดว้ ย นงั่ มือวางซ้อน กันบนตัก ไม่ควรพิงพนัก ตามองผูพ้ ูด ลักษณะเช่นน้ีเป็ นสิ่งท่ีผูฟ้ ังควรฝึ กปฏิบัติ ใหเ้ คยชิน ๒. กำรยืนฟังและดู ขณะยืนฟังและดูควรยืนตวั ตรง ส้นเทา้ ชิด มือกุม ประสานกันยกมือข้ึนเล็กน้อย ตามองผูพ้ ูดหรือการแสดง ไม่ยืนอย่างสบายเกินไป ไม่เทา้ สะเอว เทา้ แขนบนโต๊ะ หรือยนื ค้าศีรษะผใู้ หญ่ ๓. กำรฟังกำรสนทนำหรือฟังผู้ใหญ่พูดขณะเดิน ควรเดินเย้ืองไป ทางดา้ นหลงั ผใู้ หญ่ดา้ นใดดา้ นหน่ึงเล็กนอ้ ย ไม่เปล่ียนดา้ นไปมา เดินดว้ ยความสารวม และต้งั ใจฟัง
ความรู้ทว่ั ไปการฟัง การดู และการพูด ลกั ษณะของกำรพดู ๑. พูดแบบฉับพลันหรือพูดแบบกะทันหัน คือ การพูดที่ผูพ้ ูดไม่มีโอกาส หรือไม่ไดเ้ ตรียมตวั ล่วงหน้า ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด และปฏิภาณไหวพริบ จะช่วยให้ ผพู้ ดู พดู ไดด้ ีในชีวติ ประจาวนั เราอาจตอ้ งพดู แบบน้ีเสมอ ๆ เช่น ในการโตต้ อบสนทนา เป็นตน้ ๒. พูดแบบอ่ำนจำกร่ ำงหรือต้นฉบับ วิธีน้ีนิยมใช้แบบเป็ นทางการ เช่น การกล่าวรายงาน แถลงการณ์ กล่าวเปิ ด กล่าวปิ ดงาน เป็นตน้ เนื่องจากการพดู ลกั ษณะน้ีจะตอ้ ง ถกู ตอ้ งและเป็นขอ้ มลู สาคญั จึงตอ้ งมีการร่างและอ่านตามเพอื่ ป้ องกนั ความผดิ พลาดในการพดู ๓. กำรพูดแบบท่องจำ บางคร้ังเราจาเป็ นตอ้ งจาขอ้ ความบางอย่างไปใชอ้ า้ งหรือ ใชพ้ ดู เช่นโคลง กลอน บทกวีต่าง ๆ คาคม ภาษิต ตวั เลข สถิติ เป็นตน้ เราสามารถนาส่ิงเหล่าน้ี ไปประกอบการพดู ไดต้ ามความเหมาะสม ๔. พูดจำกควำมเข้ำใจโดยมีกำรเตรียมตัวล่วงหน้ำ การพูดจากความรู้ ความสามารถ ความรู้สึกของผูพ้ ูด และจะพูดไดด้ ีย่ิงข้ึนถา้ ไดม้ ีการเตรียมตวั ล่วงหน้า ผทู้ ี่คิดว่า ยงั มีความรู้ความสามารถนอ้ ยกจ็ ะสามารถพดู ไดด้ ีถา้ ไดม้ ีโอกาสเตรียมตวั และฝึกฝน
ความรู้ทว่ั ไปการฟัง การดู และการพดู องค์ประกอบของกำรพดู ๑. ผู้พูด คือ ผสู้ ่งสาร ๒. เร่ืองทพ่ี ดู คือ สาร หรือเน้ือหาสาระ ๓. ภำษำ คือ สื่อหรือเคร่ืองมือท่ีถ่ายทอดสาร - ภาษาท่ีใชถ้ อ้ ยคา (วจั นภาษา) - ภาษาที่ไม่ใชถ้ อ้ ยคา (อวจั นภาษา) - อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใชป้ ระกอบการพดู ๔. ผู้ฟัง คือ ผรู้ ับสาร
การฟงั และดู อยา่ งมวี ิจารณญาณ กำรฟังและดูอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ หน้ำ ๑๘๙ หลกั กำรฟังและดูอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ หน้ำ ๑๙๓ มำรยำทในกำรฟังและกำรดู หน้ำ ๒๐๐
๑ การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ การฟังและดู เป็ นทักษะการรับสารที่สาคัญ ผู้ฟังหรือผูด้ ู จึงควรฝึ กฝนทกั ษะเหล่าน้ีอยเู่ สมอ เพ่ือฝึ กฝนตวั เองให้มีคุณลกั ษณะ ของผฟู้ ังและผดู้ ทู ี่ดี ท้งั ยงั ตอ้ งใชว้ ิจารณญาณในการเลือกฟังและเลือก ดูในเรื่องราวต่าง ๆ ให้เหมาะสมกบั ตนเอง และเกิดประโยชน์ตาม จุดมุ่งหมายของการรับสาร
๑ การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ ความหมายของการฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ • การฟัง การดูโดยใชส้ ติปัญญา วเิ คราะห์ ไตร่ตรองสารต่างๆ อยา่ งรอบคอบ มีเหตุผล ก่อนนาไปใชป้ ระโยชน์ • การฟังและดู จะเกิดประโยชน์สูงสุดไดต้ อ้ งรู้จกั พจิ ารณาสารที่ไดร้ ับท้งั การฟังและการดูวา่ ถกู ตอ้ งเหมาะสมน่าเช่ือถือและมีคุณค่ามากนอ้ ยเพยี งใด
๑ การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ (ต่อ) จุดมุ่งหมายของการฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ เพอ่ื เพม่ิ พนู ความรู้ในด้านต่างๆ • ถา้ รู้จกั เลือกฟังและดูในสิ่งที่เป็นประโยชน์ จะทาใหม้ ีความรู้ความคิด และ ประสบการณ์กวา้ งไกลมากข้ึน อีกท้งั ยงั เป็นการพฒั นาตนเองอีกดว้ ย o การบรรยายในหอ้ งเรียน การฟังข่าวสารบา้ นเมือง เศรษฐกิจ สงั คม จากวทิ ยหุ รือโทรทศั น์ รวมถึงแถบบนั ทึกเสียง วดี ิทศั นแ์ ละส่ืออ่ืนๆ เพอื่ ความบันเทงิ • การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจดว้ ยการฟังและการดูสื่อบนั เทิงต่างๆ จึงเป็นการคลาย เครียดที่สามารถทาไดง้ ่าย o การฟังเพลง การชมการแสดงละครเวที ดูละครโทรทศั น์ ชมภาพยนตร์ และส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์
๑ การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ (ต่อ) จุดมุ่งหมายของการฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ เพอ่ื ประกอบอาชีพ • มีอาชีพหลากหลายอาชีพที่ตอ้ งใชท้ กั ษะในการฟังและการดู o แพทย์ นกั ประชาสมั พนั ธ์ พนกั งานรับโทรศพั ท์ นกั พากย์ นกั จดั รายการวทิ ยุ เพอื่ พฒั นาตนเอง • รู้ถึงทรรศนะและความคิดเห็นของผอู้ ่ืน วา่ มีความคิดเห็นท่ีแตกต่างจากเรา อยา่ งไร ทาใหเ้ รามีมุมมองและโลกทศั น์ท่ีกวา้ งไกลข้ึน เป็นการเพิ่มพนู ความรู้ ความคิดและพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งดียงิ่
๑ การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ (ต่อ) กระบวนการฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ ข้นั ที่ ๑ การฟัง การดู ข้นั ท่ี ๒ การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ สารทเี่ ป็ นความรู้ • ผฟู้ ังควรทราบวา่ ฟังเร่ืองอะไร เป็นประเภทบทความ บทสมั ภาษณ์ การเล่า เร่ืองสรุปเหตุการณ์ ใครเป็นคนพดู คนสมั ภาษณ์ คนใหส้ มั ภาษณ์ ใครเป็น คนเขียนบทความ ใครเป็นคนสรุปหรือเล่าเรื่อง หวั ขอ้ น้นั เหมาะสมมีคุณค่า แก่การฟัง • ผฟู้ ังตอ้ งฟังดว้ ยความต้งั ใจ และฟังเรื่องใหจ้ บ จบั ประเดน็ สาคญั • ผฟู้ ังควรฝึกแยกแยะขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ คิดเห็น ความน่าเช่ือถือของเน้ือหาสาระ
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ (ต่อ) สารทเ่ี ป็ นความรู้ • ผฟู้ ังควรประเมินค่าสิ่งท่ีฟังหรือดู วา่ มีประโยชน์มากนอ้ ยเพยี งใด มีคุณค่า มากนอ้ ยเพยี งใด • ผฟู้ ังควรพิจารณาการใชถ้ อ้ ยคาของผพู้ ดู วา่ ใชถ้ อ้ ยคาถูกตอ้ งน่าฟัง และใช้ น้าเสียงชวนฟังมากนอ้ ยเพยี งใด • ผฟู้ ังควรจดบนั ทึกความรู้ช่วยความจาส้นั ๆ เป็นความรู้และเป็นขอ้ มลู ที่ แนะนาผอู้ ่ืนได้
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ (ต่อ) สารทเ่ี ป็ นความรู้
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ (ต่อ) สารจรรโลงใจ • จะฟังเรื่องอะไร และตอ้ งต้งั จุดประสงคก์ ารฟัง ไดข้ อ้ คิด หรือไดค้ วาม เพลิดเพลิน • มีความต้งั ใจในการฟัง ทาจิตใจใหส้ บาย • ทาความเขา้ ใจเน้ือหาสาระส่ิงที่ฟัง • สารท่ีฟังใหค้ วามจรรโลงใจในดา้ นใด มีเหตุมีผลหรือไม่ • ภาษาที่ใชม้ ีความเหมาะสมกบั รูปแบบเน้ือหาและผฟู้ ังหรือไม่
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ (ต่อ) สารจรรโลงใจ
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ (ต่อ) สารโน้มน้าวใจ • ผพู้ ดู มีเจตนารมณ์ต่อผฟู้ ังอยา่ งไร และเร่ืองที่นามาพดู เป็นเรื่องอะไร • ผฟู้ ังตอ้ งใชส้ ติปัญญาคิดวา่ เน้ือหาสาระเช่ือถือไดห้ รือไม่ มากนอ้ ยเพยี งใด • ผฟู้ ังตอ้ งพิจารณาวา่ มีประโยชนม์ ากนอ้ ยเพยี งใด • ผพู้ ดู เร่งเร้าผฟู้ ังใหเ้ ชื่อถือและปฏิบตั ิอยา่ งไร • ผพู้ ดู ใชภ้ าษาเร้าอารมณ์ใหค้ ลอ้ ยตามอยา่ งไร • ผพู้ ดู เสนอแนะแนวทางใหป้ ฏิบตั ิหรือเชิญชวนใหท้ า
๒ หลกั การฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ (ต่อ) สารโน้มน้าวใจ
๓ มารยาทในการฟังและการดู มารยาทผู้ฟังและผู้ดู • ผฟู้ ังและผดู้ ูตอ้ งตรงต่อเวลา ควรจะไปถึงก่อนการบรรยาย • ฟังและดูดว้ ยความต้งั ใจ ไม่พดู คุยกนั หรือนงั่ หลบั ในขณะท่ีฟัง • จดบนั ทึกประเดน็ สาคญั จบั ประเดน็ ใจความสาคญั และขอ้ สงสยั ต่างๆ • เมื่อฟังบรรยายจบแลว้ หากมีโอกาสไดซ้ กั ถามถึงขอ้ สงสยั ควรยกมือ ซกั ถามอยา่ งสุภาพ และกล่าวขอบคุณทุกคร้ัง • ปรบมือในช่วงจงั หวะที่เหมาะสมหากพอใจในเรื่องที่ฟัง แต่อยา่ ทาบ่อย เกินไป เพราะอาจเป็นการรบกวนสมาธิของท้งั ผพู้ ดู และผฟู้ ังได้ • สารวมกิริยามารยาท ไม่ลุกข้ึนเดินเขา้ เดินออกบ่อยๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308