Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 7 ภาคเหนือ

ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 7 ภาคเหนือ

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2022-06-27 01:41:36

Description: ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 7 ภาคเหนือ

Search

Read the Text Version

ครูภูมิปญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๗ ภาคเหนือ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

๓๗๑.๑ สำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๗ ภาคเหนือ ส๖๙๑ค กรงุ เทพฯ : สกศ., ๒๕๕๔ ๒๙๒ หนา้ ๑. ครภู ูมิปัญญาไทย -ภาคเหนือ ๒. ช่อื เรอื่ ง ครภู ูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ที่ ๗ ภาคเหนือ สง่ิ พิมพ์ สกศ. : อันดบั ที่ ๕๒/๒๕๕๔ พมิ พ์ครั้งท่ี ๑ : กนั ยายน ๒๕๕๔ จ�ำ นวนพิมพ ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์และเผยแพร่ : สำ�นักนโยบายดา้ นการเรียนรู้ตลอดชีวิตและโอกาสทางการศึกษา ส�ำ นกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ถนนสโุ ขทัย เขตดุสติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทร. ๐-๒๖๖๘-๗๑๒๓-๒๔ ตอ่ ๒๔, ๒๘ โทรสาร ๐-๒๖๖๙-๗๗๓๖ Web Site : http://www.onec.go.th พิมพท์ ่ี : ๒๑ เซน็ จรู ี่ จำ�กดั ๑,๓ ซอย ๔๘ ถนนจรญั สนิทวงศ์ แขวงบางยขี่ ัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐-๒๘๘๓-๐๔๑๗-๘ โทรสาร. ๐-๒๘๘๓-๐๔๑๙ อเี มล์ [email protected]

คำ�นำ� ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ด�ำ เนนิ การสรรหาและคดั เลอื กครภู มู ปิ ญั ญาไทยเพอ่ื ท�ำ หนา้ ทนี่ �ำ ภมู ปิ ญั ญา ดา้ นต่างๆ เข้าสู่การศึกษาของชาติ ผ่านการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ตาม นโยบายสง่ เสรมิ ภมู ปิ ญั ญาไทยในการจดั การศกึ ษา ซงึ่ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒ นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ เป็นต้นมา สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้ดำ�เนินการสรรหาบุคคล ผู้ทรงภมู ปิ ัญญาด้านต่างๆ ๙ ด้าน ไดแ้ ก่ ดา้ นเกษตรกรรม ด้านอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ดา้ นการแพทย์แผน ไทย ดา้ นการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ดา้ นกองทุนและธุรกิจชุมชน ดา้ นศิลปกรรม ด้านภาษา และวรรณกรรม ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี และด้านโภชนาการ ซง่ึ มผี ลงานปรากฏเป็นทยี่ อมรับของสงั คม โดยได้นำ�ความรู้ ความเช่ียวชาญด้านภูมิปัญญาท่ีได้สืบสานมาแต่บรรพบุรุษมาปรับประยุกต์ใช้เป็นฐานสำ�คัญของ การเรียนรภู้ มู ปิ ญั ญาไทยให้ก้าวไกลสูส่ ากลในมิติที่หลากหลาย ประกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู กียรตเิ ปน็ ครภู มู ิปัญญาไทยแลว้ ๖ รนุ่ จำ�นวน ๓๔๑ คน ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔ สำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ไดป้ ระกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู กียรตคิ รูภมู ิปญั ญาไทย ร่นุ ที่ ๗ จ�ำ นวน ๙๖ คน ประกอบดว้ ยครูภมู ิปญั ญาไทย ภาคเหนือ จ�ำ นวน ๓๒ คน ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ จำ�นวน ๒๗ คน ภาคกลางและภาคตะวนั ออก จ�ำ นวน ๑๕ คน และภาคใต้ จำ�นวน ๒๒ คน เพอื่ นำ�ประสบการณ์ ความรอบรู้ ความชำ�นาญ และภูมปิ ญั ญาของบคุ คลดงั กล่าวพฒั นาการศึกษาของชาติให้มคี วามเจริญก้าวหนา้ สืบไป หนงั สือครูภูมิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๗ ภาคเหนือ ได้ประมวลสาระ ประวตั ชิ วี ิต ผลงาน กระบวนการเรยี นรู้ และ กระบวนการนำ�ความรู้ของครูภูมิปัญญาไทยในการพัฒนาการศึกษาของชาติ เพื่อเป็นแบบอย่างของการเรียนรู้ร่วม กันในการปรับประยุกต์ภูมิปัญญาเข้าสู่การศึกษาของชาติให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพและมีประสิทธผิ ล สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สาระความรู้ภูมิปัญญาไทยของครูภูมิปัญญาไทยที่ ไดป้ ระมวลสรุปไวใ้ นหนงั สือครูภมู ิปญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๗ ภาคเหนอื จะเป็นประโยชน์ยง่ิ ต่อการน�ำ ภมู ิปญั ญาไปสู่การ พัฒนาการศึกษาของชาติและการพัฒนาอาชพี ของบคุ คล ชุมชน และประเทศชาตโิ ดยสว่ นรวม (ศาสตราจารยพ์ เิ ศษธงทอง จันทรางศุ) เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา

4 ครูภูมิปญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๗ ‡§√◊ËÕßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °’¬√μ‘ §√Ÿ¿¡Ÿ ª‘ í≠≠“‰∑¬ ≈—°…≥–¢Õ߇¢Á¡ ‡ªìπ™àÕ≈“¬°√–®—ßμ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿¡Ÿ ‘ªí≠≠“‰∑¬ ˘ ¥“â π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√¿Ÿ Ÿ¡ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑⟠√ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °®‘ ™¡ÿ ™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºŸâÕÕ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ¡‘ æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ สารบัญ ประกาศส�ำ นักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา เรื่อง การยกยอ่ งเชิดชูเกยี รตคิ รภู มู ิปัญญาไทย ๖ รุน่ ท่ี ๗ ความเป็นมา การยกยอ่ งเชดิ ชเู กียรติครภู มู ปิ ญั ญาไทย ๑๓  พระครูไพบลู ย์พัฒนาภิรักษ์  พระครูอดลุ สลี กิตต ์ิ ๒๑  พระครูพิทกั ษธ์ รรมากร ๒๙  นายณรงค์ แฉลม้ วงศ ์ ๓๗  นายอนันต์ กรอบเงนิ ๔๕  นางกองนาง กองเกดิ ๕๓  นายชัยยศ สมสวสั ดิ ์ ๖๑  นายเพชร วริ ยิ ะ ๖๙ ๗๗  นายสชุ าติ สาดอ่ำ� ๘๕  นายชยพร อนสุ นธิ์พรเพ่มิ  นางบุญญรัตน์ ประโลมรัมย์ ๙๓  นายพรมมินทร์ พวงมาลา ๑๐๑  นายวิเชาว์ สนุ นั ตา ๑๐๙  นายดวงจนั ทร์ วโิ รจน์ ๑๑๗  นางบวั ชุม จันทร์ทพิ ย ์ ๑๒๕  นางบวั เรียว รตั นมณีภรณ ์ ๑๓๓  ผชู้ ่วยศาสตราจารย์บญุ รตั น์ ณ วชิ ัย ๑๔๑  นายบญุ ศรี รัตนงั ๑๕๑ ๑๕๙

ภาคเหนอื 5 ‡§√ÕË◊ ßÀ¡“¬‡™‘¥™‡Ÿ °¬’ √μ‘ §√¿Ÿ Ÿ¡ª‘ í≠≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªìπ™àÕ≈“¬°√–®—ßμ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√¿Ÿ Ÿ¡‘ª≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °‘®™ÿ¡™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√—™≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºÕ⟠հ·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈—¬»≈‘ ª“°√  นางประไพ สรุ ยิ ะมล ๑๖๗  นายพรชยั ใจมา ๑๗๕  นายพรหเมศวร์ สรรพศร ี ๑๘๓  นายมนตรี เผอื กจีน ๑๙๑  นายร่งุ โรจน์ เปี่ยมยศศักดิ ์ ๑๙๙  นายวริ ตั น์ พรหมนวล ๒๐๗  นางสุนันทา แต้มทอง ๒๑๕  นายสุวรรณ สามส ี ๒๒๓  นายเสถียร ณ วงศร์ กั ษ์ ๒๓๑  นายอานนท์ ไชยรตั น์ ๒๓๙  นายถนอม ปาจา ๒๔๗  นายเกรยี งศักด์ิ แรกขา้ ว ๒๕๕  นายสงิ หแ์ ก้ว วงค์มูล ๒๖๓  นายสนุ ทร บญุ ม ี ๒๗๑ ภาคผนวก  ท�ำ เนียบครภู ูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๗ ๒๘๑  คำ�สั่งคำ�ส่ังส�ำ นกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา เรอ่ื งแต่งตง้ั คณะท�ำ งานสรรหาและคัดเลือกครูภูมิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๗ ๒๘๘  คณะผู้จัดท�ำ ๒๙๓

ประกาศสำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา เรือ่ ง การยกยอ่ งเชิดชเู กียรติครูภมู ปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๗ ตามทส่ี �ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ไดด้ �ำ เนนิ การจดั ท�ำ โครงการสง่ เสรมิ ภมู ปิ ญั ญาไทย โดยสรรหาบคุ คล ผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาใน ๙ ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นเกษตรกรรม ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ดา้ นการ จดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ด้านกองทุนและธรุ กจิ ชุมชน ดา้ นศิลปกรรม ด้านภาษาและวรรณกรรม ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี และ ด้านโภชนาการ ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติเปน็ ครูภูมิปัญญาไทย เพอื่ ทำ�หนา้ ท่ี ถ่ายทอดการจดั การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย นน้ั บดั น้ี ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ไดด้ �ำ เนินการคดั เลอื กบุคคลผทู้ รงภูมปิ ัญญา เพื่อยกย่องเชดิ ชู เกียรติเปน็ ครภู ูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๗ ดงั น้ี ครูภูมิปญั ญาไทยภาคเหนอื ๑. พระครูไพบลู ย์พัฒนาภิรักษ์ (ถวลั ย์ กันทะกวน) ดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม (การอนรุ กั ษป์ า่ ตน้ นา้ํ ) ๒. พระครอู ดลุ สลี กิตต์ิ (ประพัฒน์ บุญชุ่ม) ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณีและพิธกี รรมล้านนา) ๓. พระครูพิทักษ์ธรรมากร (สวัสดิ์ บำ�รงุ แจม่ ) ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณีและพิธกี รรม) ๔. นายณรงค์ แฉลม้ วงศ์ ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรอนิ ทรีย์) ๕. นายอนนั ต์ กรอบเงินดี ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรผสมผสาน) ๖. นางกองนาง กองเกิด ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม (การทอผ้าไหมและผ้าไหมมัดหม่ี)

๗. นายชัยยศ สมสวสั ด์ิ ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม (การแกะสลกั ไม้) ๘. นายเพชร วริ ิยะ ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม (การแกะสลกั ชา้ งไม้) ๙. นายสุชาติ สาดอา่ํ ด้านอุตสาหกรรมกรรมและหัตถกรรม (งานใบตองและบายศร)ี ๑๐. นายชยพร อนสุ นธ์ิพรเพิม่ ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย (การปรงุ ยาและแปรรูปสมนุ ไพร) ๑๑. นางบญุ ญรตั น์ ประโลมรัมย์ ด้านการแพทย์แผนไทย (การปรุงยาและแปรรูปสมุนไพร) ๑๒. นายพรมมินทร์ พวงมาลา ดา้ นกองทุนและธุรกิจชมุ ชน (การออมและสวสั ดิการชมุ ชน) ๑๓. นายวเิ ชาว์ สนุ ันตา ด้านกองทุนและธรุ กจิ ชมุ ชน (การบริหารจดั การกองทุน) ๑๔. นายดวงจนั ทร์ วโิ รจน ์ ดา้ นศลิ ปกรรม (การขับซอพื้นเมอื ง) ๑๕. นางบวั ชุม จนั ทร์ทพิ ย ์ ด้านศลิ ปกรรม (ละครซอพืน้ เมอื ง) ๑๖. นางบัวเรยี ว รตั นมณภี รณ ์ ดา้ นศิลปกรรม (การฟอ้ นสาวไหมต้นแบบ) ๑๗. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยบ์ ญุ รัตน์ ณ วชิ ยั ด้านศิลปกรรม (การแกะสลกั ไม้ เครอ่ื งเรอื นล้านนา) ๑๘. นายบุญศรี รัตนงั ดา้ นศลิ ปกรรม (การขับซอพื้นบ้านและเพลงลูกทุ่งค�ำ เมอื ง) ๑๙. นางประไพ สรุ ยิ ะมล ด้านศลิ ปกรรม (การขับซอพืน้ เมอื ง) ๒๐. นายพรชยั ใจมา ดา้ นศลิ ปกรรม (จิตรกรรมแบบไทยประเพณ)ี ๒๑. นายพรหเมศวร์ สรรพศร ี ด้านศลิ ปกรรม (ขมิ และดนตรพี นื้ บา้ นล้านนา) ๒๒. นายมนตรี เผอื กจีน ดา้ นศิลปกรรม (การแสดงพ้นื บ้าน ร�ำ กลองยาว)

๒๓. นายรุ่งโรจน์ เปี่ยมยศศกั ด ์ิ ดา้ นศิลปกรรม (จิตรกรรมและสือ่ ผสม) ๒๔. นายวริ ัตน์ พรหมนวล ด้านศิลปกรรม (ดนตรีพน้ื บ้านลา้ นนา) ๒๕. นางสุนนั ทา แต้มทอง ด้านศลิ ปกรรม (การขับซอพนื้ บา้ นประยุกต์) ๒๖. นายสวุ รรณ สามสี ดา้ นศิลปกรรม (การแกะสลกั ชา้ งจว๋ิ รอ้ ยแปดลีลา) ๒๗. นายเสถียร ณ วงศร์ ักษ ์ ด้านศิลปกรรม (วจิ ิตรศลิ ป์) ๒๘. นายอานนท์ ไชยรตั น ์ ดา้ นศิลปกรรม (การตีกลองลา้ นนา) ๒๙. นายถนอม ปาจา ดา้ นภาษาและวรรณกรรม (วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ค่าว) ๓๐. นายเกรยี งศักด์ิ แรกขา้ ว ดา้ นปรัชญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณีและพิธกี รรมล้านนา) ๓๑. นายสิงห์แกว้ วงคม์ ูล ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี (การซอพืน้ บ้านและการสขู่ วัญ) ๓๒. นายสนุ ทร บุญมี ดา้ นโภชนาการ (อาหารพื้นบา้ นล้านนาและอาหารแปรรปู จากลำ�ไย) ครูภมู ิปัญญาไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ๑. ดา้ นปรัชญา ศาสนาและประเพณี (ผู้น�ำ อนุรักษว์ ฒั นธรรมประเพณีทอ้ งถนิ่ ) ๒. นายทอง ทองบอ่ ดา้ นเกษตรกรรม (ขยายพนั ธุผ์ ักหวานป่า) ๓. นายพรหมมา ชาพันโท ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม (ทำ�โปงลาง) ๔. นางสุภาพร อาจสนาม ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม (ทอผา้ ไหมมดั หมี่ลายสร้างสรรค)์ ๕. นายสมถวิล ดที องหลาง ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม (ทำ�ซอพ้นื เมอื งโคราช)

๖. นางนิศาชล บปุ ผาสังข์ ด้านอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม (ทำ�ผา้ ลายพ้นื เมืองอีสานลายพญานาค) ๗. นายทนั สุพรรณราช ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม (ท�ำ เครื่องปั้นดนิ เผาไหโบราณ) ๘. นายฮุย การมั ย์ ด้านการแพทย์แผนไทย (รักษาโรคด้วยสมนุ ไพรครบวงจร) ๙. นางประนอม ไชยชมภู ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย (วินจิ ฉัยและรักษาโรคดว้ ยสมนุ ไพรแบบโบราณ) ๑๐. นายติณภพ สุพนั ธะ ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (ทอ่ งเทีย่ วเชิงนิเวศและอนรุ กั ษป์ า่ ชุมชน) ๑๑. นางสายทอง โคมตะขบ ดา้ นกองทุนและธุรกจิ ชมุ ชน (จัดต้ังและบรหิ ารกลุม่ ออมทรัพยใ์ นหมู่บา้ น) ๑๒. นายแสนหมั้น อนิ ทรไชยา ดา้ นกองทนุ และธรุ กจิ ชุมชน (บริหารจัดการสถาบันการเงินของชมุ ชน ตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง) ๑๓. นายชาตรี เสงย่ี มวงศ ์ ดา้ นศลิ ปกรรม (ดนตรอี ีสาน) ๑๔. นายค�ำ เบา ปัดเสน ด้านศิลปกรรม (หมอแคนพนื้ เมืองลายปลาสร้อยข้ขี ม) ๑๕. นายไสว สวุ รรณหอม ดา้ นศิลปกรรม (พิณอีสานลายภูไท) ๑๖. นายบัวหอง ผาจวง ด้านศลิ ปกรรม (หมอแคนอสี าน) ๑๗. นางเทวี บตุ รต้ัว ดา้ นศลิ ปกรรม (หมอลำ�กลอนประเภทบอกกลา่ ว) ๑๘. นางเสง่ยี ม กาหลง ด้านศลิ ปกรรม (หมอล�ำ กลอนประเภทเลา่ เรื่อง) ๑๙. นายคำ�เก่ง บัวใหญ ่ ดา้ นศลิ ปกรรม (หมอล�ำ ลลี ามา้ กระทืบโรง) ๒๐. นายรังสรรค์ วงศ์งาม ด้านศิลปกรรม (หมอล�ำ กลอนประยกุ ต์) ๒๑. นางอำ�นาจ แผงงาม ดา้ นศิลปกรรม (หมอล�ำ กลอนย้อนยคุ )

๒๒. นายพชิ ัย พรหมผุย ดา้ นภาษาและวรรณกรรม (ประพันธ์กลอนล�ำ รว่ มสมยั ) ๒๓. นายบุญสม สงั ขส์ ุข ด้านภาษาและวรรณกรรม (ประพันธ์เพลงโคราช) ๒๔. นายวฒั น ศรีสวา่ ง ด้านภาษาและวรรณกรรม (ประดษิ ฐ์แบบตัวอกั ษรโบราณอีสานใช้กบั คอมพิวเตอร)์ ๒๕. นายถาวร เชอื้ บญุ ม ี ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ผนู้ �ำ พธิ กี รรมฮตี ครองประเพณที อ้ งถน่ิ ) ๒๖. นายผดงุ ศกั ด์ิ ศริ ิมาตย์ ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (หมอดแู ผ่นผา้ หมอฮฮู า) ๒๗. นางคำ�พัน อ่อนอทุ ัย ด้านโภชนาการ ( นํ้าผักสะทอน) ครภู ูมปิ ญั ญาไทยภาคกลางและตะวนั ออก ๑. นายจุรรี ัตน์ หวลถนอม ด้านเกษตรกรรม (เกษตรชวี ภาพ) ๒. นายปรีชา เหมกรณ์ ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรทฤษฎใี หม)่ ๓. นายสมศกั ด์ิ จุ้ยนาม ดา้ นเกษตรกรรม (ผกั ปลอดภัย) ๔. นายคเณษ นพณฐั เมทนิ ี ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม (ผา้ ทอไหม) ๕. นางบังเอิญ ดีคำ� ดา้ นอุตสาหกรรมและหัตถกรรม (ผ้าทอฝ้าย) ๖. นายพษิ ณุ อโนทยั ดา้ นกองทนุ และธุรกจิ ชมุ ชน (กองทนุ สวัสดิการหมบู่ ้าน) ๗. นายเฉลิม ม่วงแพรศรี ดา้ นศิลปกรรม (ซอสามสาย) ๘. นายบุญแถม เพชรประดษิ ฐ์ ด้านศลิ ปกรรม (การแทงหยวก) ๙. นางประนอม ยันตน์ าวา ด้านศิลปกรรม (คีตศิลป)์

๑๐. นายมว้ น รัตนาภรณ์ ด้านศลิ ปกรรม (จติ รกรรมไทยและลายรดน�ำ้ ) ๑๑. นายสมชาย ลว้ นวลิ ัย ด้านศลิ ปกรรม (หัวโขน) ๑๒. นายชบุ กล่อมจิตต ์ ดา้ นปรัชญา ศาสนา และประเพณี (วิถีบา้ นแพว้ ) ๑๓. นายสงดั ศรีสขุ โข ดา้ นปรัชญา ศาสนา และประเพณี (การจัดการชวี วถิ ี) ๑๔. นายสมชาย ศรสี ุข ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (วถิ ีชวี ติ กะเหรี่ยง) ๑๕. นางสาวฉววี รรณ หตั ถกรรม ดา้ นโภชนาการ (ผลไมก้ ลับชาต)ิ ครภู มู ิปญั ญาไทยภาคใต้ ๑. นายประภาส สุวรรณรตั น ์ ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรผสมผสาน) ๒. นางปยิ มาศ คเชนทรก์ �ำ แหง ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรผสมผสาน) ๓. นายกติ ติ อนนั ต์แดง ด้านอตุ สาหกรรมและหัตกรรม (การผลิตเครือ่ งปน้ั ดนิ เผาเพอ่ื การตกแตง่ ) ๔. นางปรีดา ทวรี ส ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม (การแปรรูปขม้ินชนั ) ๕. นายอ้อม ทพิ โอสถ ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม (การผลิตกระเบอื้ งดินเผาแบบโบราณ) ๖. นางอ๊ะ หลงกลาง ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม (การจักสานเตยปาหนนั ) ๗. นางอ�ำ พนั ฉัตรเฉลมิ วุฒ ิ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม (การจักสานเชือกกลว้ ย) ๘. นางสมพร สดุ ใจ ดา้ นการแพทย์แผนไทย (การรักษาโรคด้วยสมนุ ไพร) ๙. นางสวุ ณยี ์ ก๋งอบุ ล ด้านการแพทยแ์ ผนไทย (การรกั ษาโรคดว้ ยสมนุ ไพร)

๑๐. นายจาง ฟ้งุ เฟื่อง ดา้ นการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม (ธนาคารปูมา้ ) ๑๑. นายฐติ ิ สาวสิ ยั ดา้ นการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม (การจัดการสิง่ แวดลอ้ มภาคประชาชน) ๑๒. นายอภนิ นั ท์ หมดั หลี ดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม (การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มภาคประชาชน) ๑๓. นายเชาวลิต พุ่มขจร ดา้ นกองทนุ และธุรกจิ ชมุ ชน (การจดั การธรุ กจิ ดา้ นการเกษตร) ๑๔. นายกจิ คชรตั น ์ ดา้ นศิลปกรรม (การแกะรปู หนังตะลงุ ) ๑๕. นางจารยี ์ เพชรทอง ด้านศลิ ปกรรม (การแสดงพน้ื บา้ น มโนราห์) ๑๖. นายประกอบ เดชรกั ษา ดา้ นศิลปกรรม (การแสดงพน้ื บา้ น มโนราห)์ ๑๗. นางสาวละมัย ศรรี ักษา ด้านศิลปกรรม (การแสดงพ้นื บา้ น มโนราห์) ๑๘. นายสรุ นิ ทร์ จนั ทรท์ อง ด้านศลิ ปกรรม (การแสดงพื้นบา้ น เพลงบอก) ๑๙. นางสาวนวลศรี ถนอมศรีมงคล ด้านภาษาและวรรณกรรม (วรรณกรรมพนื้ บ้าน เพลงเรือแหลมโพธ)์ิ ๒๐. นายประหยัด เกษม ดา้ นภาษาและวรรณกรรม (เร่อื งสั้น สารคดี กวีนพิ นธ์) ๒๑. นายไพบูลย์ พนั ธ์เมือง ด้านภาษาและวรรณกรรม (เรื่องส้นั กวนี ิพนธ์) ๒๒. นายวรรณดี สรรพจิต ด้านภาษาและวรรณกรรม (ร้อยกรองประเภทฉนั ท)์ ประกาศ ณ วันท่ี ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (ศาสตราจารยพ์ เิ ศษธงทอง จนั ทรางศ)ุ เลขาธิการสภาการศกึ ษา

ความเป็นมา การยกยอ่ งเชิดชเู กยี รติ ครภู ูมปิ ญั ญาไทย พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้กำ�หนดให้กระบวนการเรียนรู้ต้องส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรม การศึกษาในระบบ การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เน้นความสำ�คญั ทงั้ ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรยี นรู้ และ การบูรณาการในเร่ืองศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย การประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้ังยังกำ�หนดให้มี การนำ�ประสบการณ์ ความรอบรู้ ความชำ�นาญ และภูมิปัญญาท้องถ่ินของบุคคลดังกล่าวมาใช้เพ่ือ ใหเ้ กิดประโยชนท์ างการศกึ ษา ยกยอ่ ง เชดิ ชู ผูท้ สี่ ่งเสรมิ และสนบั สนนุ การจัดการศกึ ษาไวด้ ว้ ย นัน้ เพ่ือให้มีการนำ�องค์ความรู้เร่ืองภูมิปัญญาไทยเข้าสู่ระบบการศึกษา ท้ังการศึกษาใน ระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ ครูภูมิปัญญาไทย สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จึงได้จัดทำ�โครงการส่งเสริมกิจกรรมเรียนรู้ ครูภูมิปัญญาไทยขึ้นเพื่อดำ�เนินการสรรหาบุคคลผู้ทรงภูมิปัญญา ยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครู ภูมิปัญญาไทยข้ึนต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเร่ืองการส่งเสริม ภูมิปัญญาไทยในการจัดการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจึงได้ จัดทำ�นโยบายส่งเสริมภูมิปัญญาไทยในการจัดการศึกษา นำ�เสนอคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณา ซ่งึ คณะรัฐมนตรไี ดม้ ีมติเห็นชอบเมื่อวนั ท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ความหมายและขอบข่ายภมู ปิ ัญญาไทย ภมู ปิ ญั ญาไทย หมายถงึ องคค์ วามรู้ ความสามารถและทกั ษะของคนไทยอนั เกดิ จากการสงั่ สม ประสบการณท์ ่ีผา่ นกระบวนการเรียนรู้ เลือกสรร ปรุงแต่ง พัฒนา และถา่ ยทอด สืบตอ่ กนั มาเพอ่ื ให้ แก้ปญั หาและพฒั นาวิถชี วี ติ ของคนไทยใหส้ มดลุ กับสภาพแวดลอ้ มและเหมาะสมกับยุคสมัย ภูมิปัญญาไทย มีลักษณะเป็นองค์รวม และมีคุณค่าทางวัฒนธรรม เกิดขึ้นในวิถีชีวิตไทย ซ่ึงภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ อาจเปน็ ทม่ี าขององค์ความรทู้ ่ีงอกงามขนึ้ ใหมท่ ่ีจะช่วยในการเรยี นรู้ การแก้ปัญหา การจัดการและการปรับตัวในการดำ�เนินวิถีชีวิตของคนไทย ลักษณะองค์รวมของภูมิปัญญามีความ เด่นชัดในหลายด้าน เชน่

๑. ดา้ นเกษตรกรรม ได้แก่ ความสามารถในการผสมผสาน องค์ความรู้ ทกั ษะและเทคนิค ด้านการเกษตรกับเทคโนโลยี โดยการพัฒนาบนพ้ืนฐานคุณค่าด้ังเดิม ซึ่งคนสามารถพึ่งพาตนเองใน สภาวการณต์ า่ งๆ ได้ เชน่ การทำ�การเกษตรแบบผสมผสาน การแกป้ ญั หาการเกษตรด้านการตลาด การแกป้ ญั หาด้านการผลิต และการร้จู ักปรบั ใชเ้ ทคโนโลยีเหมาะสมกับการเกษตร เป็นตน้ ๒. ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ได้แก่ การรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ใน การแปรรูปผลิตเพ่ือการบริโภคอย่างปลอดภัย ประหยัด และเป็นธรรม อันเป็นขบวนการให้ชุมชน ทอ้ งถิน่ สามารถพึง่ ตนเองทางเศรษฐกิจได้ ตลอดท้งั การผลิตและการจำ�หน่ายผลผลติ ทางหัตถกรรม เชน่ การรวมกลมุ่ ของกลมุ่ โรงงานยางพารา กลุม่ โรงสี กลุ่มหตั ถกรรม เปน็ ต้น ๓. ดา้ นการแพทย์แผนไทย ได้แก่ ความสามารถในการจัดการป้องกันและรักษาสขุ ภาพของ คนในชมุ ชน โดยเนน้ ให้ชุมชนสามารถพ่งึ พาตนเองทางดา้ นสขุ ภาพและอนามยั ได้ เช่น ยาจากสมนุ ไพร อนั มอี ยู่หลากหลาย การนวดแผนโบราณ การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพแบบพ้ืนบา้ น เปน็ ตน้ ๔. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ความสามารถเกี่ยวกับการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ท้ังการอนุรักษ์ การพัฒนา และการใช้ประโยชน์จาก ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งสมดลุ และยัง่ ยืน เช่น การบวชป่า การสบื ชะตาแม่ นา้ํ การ ทำ�แนวปะการังเทยี ม การอนรุ กั ษป์ า่ ชายเลน การจดั การป่าต้นนา้ํ และปา่ ชมุ ชน เปน็ ตน้ ๕. ด้านกองทุนและธุรกิจชุมชน ได้แก่ ความสามารถในด้านการสะสมและบริหารกองทุน และสวสั ดกิ ารชุมชน ทงั้ ทเี่ ป็นเงนิ ตราและโภคทรพั ย์ เพ่ือเสรมิ สรา้ งความมั่นคงใหแ้ ก่ชวี ิต ความเปน็ อยู่ของสมาชิกในกลุ่ม เช่น การจัดการกองทุนของชุมชนในรูปของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมถึงความ สามารถในการจัดสวัสดิการในการประกันคุณภาพชีวิตของคนให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม โดยการจดั ตั้งกองทุนสวสั ดิการรกั ษาพยาบาลของชุมชน และการจัดระบบสวสั ดกิ าร บริการชุมชน ๖. ดา้ นศลิ ปกรรม ไดแ้ ก่ ความสามารถในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทางดา้ นศลิ ปะสาขาตา่ งๆ เชน่ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม นาฏศลิ ป์ ดนตรี ทศั นศลิ ป์ คีตศลิ ป์ การละเล่นพ้นื บ้าน และนันทนาการ ๗. ด้านภาษาและวรรณกรรม ได้แก่ ความสามารถในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์ผลงาน ดา้ นภาษา วรรณกรรมท้องถิน่ และการจดั ท�ำ สารานุกรมภาษาถ่นิ การปริวรรตหนงั สือโบราณ การฟนื้ ฟู การเรยี นการสอนภาษาถิน่ ของทอ้ งถิน่ ต่างๆ ๘. ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี ได้แก่ ความสามารถประยุกต์ และปรับใช้ หลกั ธรรมค�ำ สอนทางศาสนา ปรชั ญา ความเชอื่ และประเพณที มี่ คี ณุ คา่ ใหเ้ หมาะสมตอ่ บรบิ ททางเศรษฐกจิ สงั คม เช่น การถ่ายทอดวรรณกรรม ค�ำ สอน การบวชป่า การประยกุ ต์ประเพณีบุญประทายขา้ ว

๙. ด้านโภชนาการ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการเลือกสรร ประดษิ ฐแ์ ละปรุงแต่งอาหารและ ยาได้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในสภาวการณ์ต่างๆ ตลอดจนผลิตเป็นสินค้าและบริการ ส่งออกที่ไดร้ บั ความนยิ มแพรห่ ลาย รวมถงึ การขยายคณุ คา่ เพม่ิ ของทรพั ยากรดว้ ย ครูภมู ปิ ญั ญา คณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาตไิ ดจ้ ดั ท�ำ นยิ ามความหมายของครภู มู ปิ ญั ญาและครภู มู ปิ ญั ญาไทย ไวด้ งั น้ี ครภู มู ปิ ญั ญา หมายถงึ บคุ คลผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาดา้ นหนงึ่ ดา้ นใด เปน็ ผสู้ รา้ งสรรคแ์ ละสบื สานภมู ปิ ญั ญา ดงั กลา่ วมาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง จนเปน็ ทย่ี อมรบั ของสงั คมและชมุ ชน และไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ “ครภู มู ปิ ญั ญาไทย” เพอื่ ท�ำ หนา้ ทถ่ี า่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาในการจดั การศกึ ษา ทง้ั การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษา ตามอัธยาศยั ตามนยั พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ หลักเกณฑ์การยกย่องเชดิ ชเู กยี รติเปน็ “ครภู ูมปิ ญั ญาไทย” รุ่นท่ี ๗ การพจิ ารณาคดั เลือกบคุ คลเพอ่ื ยกยอ่ งชูเกยี รตเิ ปน็ ครูภมู ปิ ญั ญาไทยนัน้ ส�ำ นักงานเลขาธิการ สภาการศกึ ษารว่ มกบั คณะท�ำ งานสรรหาและคดั เลอื กครภู มู ปิ ญั ญาไทย ก�ำ หนดหลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณา เพื่อสรรหาและคดั เลอื กบคุ คลผู้สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกยี รติเป็นครูภูมปิ ัญญาไทย โดยใชห้ ลัก เกณฑ์การประเมนิ ๒ ลักษณะ ดงั นี้ ๑. หลักเกณฑก์ ารประเมนิ จากเอกสาร การประเมินจากเอกสาร มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากข้อมูลท่ีมีในแบบเสนอผู้ทรง ภมู ปิ ญั ญาเพอ่ื ประกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตเิ ปน็ “ครภู มู ปิ ญั ญาไทย” รนุ่ ท.ี่ .. รวมทงั้ พจิ ารณาขอ้ มลู จากสงิ่ อ่นื ๆ ตามทผี่ ูท้ รงภมู ิปญั ญาจัดส่งแนบมาให้ เช่น ซีดี-รอม และสิง่ พมิ พ์ เป็นตน้ การตดั สินจะพจิ ารณา ขอ้ มูลโดยรวมทม่ี ี โดยมปี ระเดน็ องค์ประกอบเพอ่ื การพจิ ารณา ๑๐ ประเด็น มเี กณฑ์การใหค้ ะแนนใน แต่ละประเดน็ องค์ประกอบ และมกี ารใหน้ ้�ำ หนักคะแนนในแตล่ ะประเดน็ องคป์ ระกอบ ตอ่ ไปน้ี ๑) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนในแต่ละประเด็นองคป์ ระกอบ มีดังนี้ (๑) ถา้ มขี อ้ มลู ในแตล่ ะประเดน็ มขี อ้ ความครบถว้ น ชดั เจน และมคี วามเปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะตัวที่นา่ สนใจ ควรแก่การติดตาม ให้ ๒ คะแนน (๒) ถา้ มขี อ้ มูลในแต่ละประเด็นมีข้อความไม่ครบถว้ นและขาดความชัดเจน แต่นา่ จะ มคี วามเป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะตัวทีน่ า่ สนใจควรแกก่ ารตดิ ตาม ให้ ๑ คะแนน

(๓) ถา้ มีขอ้ มลู ในแตล่ ะประเด็นมีข้อความไม่ครบถว้ นและขาดความชดั เจน และไมม่ ี ความเปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะตัวท่นี ่าสนใจควรแกก่ ารติดตาม ให้ ๐ คะแนน ๒) การใหน้ ำ้�หนกั คะแนนในแตล่ ะประเด็นองค์ประกอบ มีคะแนนตามตาราง ดงั ต่อไปน้ี ตาราง แสดงการให้น้ำ�หนกั คะแนนในแตล่ ะประเดน็ องค์ประกอบตามแบบเสนอผู้ทรงภูมปิ ญั ญาเพือ่ ประกาศยกย่องเชิดชเู กยี รตเิ ปน็ “ครูภูมปิ ัญญาไทย” ประเด็นองค์ประกอบตามแบบเสนอผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาเพ่อื ประกาศ การใหน้ �ำ้ หนกั ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติเปน็ คะแนน “ครูภมู ปิ ัญญาไทย” รุ่นที.่ .. ๑ ๑. ประวัตผิ ู้ทรงภูมปิ ัญญา ๒ ๒. ประวตั ชิ ีวติ และผลงาน ๔ ๓. ประสบการณ์การท�ำ งานด้านทเี่ ช่ียวชาญ ๔ ๔. ผลงานทีป่ รากฏ ๒ ๕. เคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ/์ เกยี รตคิ ุณ / รางวัลทเี่ คยได้รบั ๓ ๖. เรยี งความเล่าถึงประวัตชิ ีวิตและการท�ำ งานอยา่ งละเอยี ด ๑ ๗. ความคดิ เห็นของผู้เสนอ ๑ ๘. ความคดิ เห็นของผู้ทรงคณุ วฒุ ใิ นท้องถ่นิ ๑ ๙. ชือ่ -ทอ่ี ยู่ของผใู้ ห้ข้อมูลเพ่ิมเตมิ ๑ ๒๐ คะแนน ๑๐. เอกสารหลกั ฐานประกอบการพจิ ารณา รวม อน่ึง การผ่านเกณฑ์ประเมินจากเอกสารเพื่อก้าวไปสู่การประเมินภาคสนามได้ก็ต่อเมื่อมีผล คะแนนจากการประเมินเอกสารในประเดน็ องค์ประกอบ ๑๐ ประเด็นดงั กลา่ วน้ัน จะตอ้ งได้ผลลพั ธ์ รวมของคะแนนตอ้ งไม่ตำ่�กว่ารอ้ ยละ ๘๐

๒. หลกั เกณฑก์ ารประเมนิ ภาคสนาม การประเมินภาคสนาม มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากข้อมูลที่มีในพื้นท่ีภาคสนามเพื่อ ประเมินเชิงประจักษ์ โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินภาคสนามนี้ประเมินผู้ทรงภูมิปัญญาท่ีได้ผ่านการ ประเมินจากเอกสารตามข้อ ๑.๑ แลว้ ทั้งน้ี คณะทำ�งานฯ ต้องพจิ ารณาองค์ประกอบ ตัวช้วี ดั เกณฑ์ การใหค้ ะแนน และการให้นำ้�หนักคะแนนแกผ่ ู้ทรงภูมิปญั ญาตามทก่ี ำ�หนดไว้ ๓ ด้าน ดงั น้ี ๑) ดา้ นคุณลกั ษณะสว่ นบุคคล (๕ ข้อ) ได้แก่ (๑) ประพฤติตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดแี ละเปน็ ที่ยอมรับของสังคม (๒) มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และเสียสละในการถา่ ยทอดภมู ปิ ญั ญา (๓) มคี วามสามารถในการใช้ภมู ปิ ญั ญาด้านน้ันๆ (๔) ใฝ่ร ู้ ใฝเ่ รียน ใฝ่ปฏบิ ัติ (๕) เปน็ ผนู้ �ำ ท่ีดีและมคี วามสามารถในการบริหารจดั การ ๒) ดา้ นการถา่ ยทอดองค์ความรู้ (๕ ข้อ) ไดแ้ ก่ (๑) มีความสามารถในการถา่ ยทอดภูมิปญั ญา (๒) มีการปรับปรุงและพัฒนาวธิ ีการในการถ่ายทอดองค์ความรู้ (๓) มคี วามสามารถในการสรา้ งเครือข่ายการเรยี นรภู้ มู ิปญั ญา (๔) มกี ารเผยแพร่และประชาสมั พนั ธภ์ ูมปิ ญั ญา (๕) มีการตดิ ตามและประเมินผลการถ่ายทอดภมู ปิ ัญญา ๓) ด้านคุณภาพของผลงาน (๓ ขอ้ ) ได้แก่ (๑) มีผลงานที่เกิดจากความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรคแ์ ละพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง (๒) มผี ลงานเปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม (๓) มีผลงานทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อประเทศชาตใิ นการแกไ้ ขปญั หาและเพ่อื การพัฒนา ๓. การประกาศผลผไู้ ดร้ ับการยกยอ่ งเชิดชูเกยี รติ การประกาศผลผ้ทู รงภมู ิปัญญาที่ได้รบั การยกย่องเชิดชูเกยี รติ นนั้ สำ�นักงานเลขาธกิ าร สภาการศกึ ษาจะประกาศรายชือ่ กต็ อ่ เมอ่ื มผี ลการประเมนิ ซง่ึ คณะทำ�งานฯ ไดพ้ จิ ารณาเรียบร้อยแลว้ โดยเฉพาะเงอ่ื นไขการประเมนิ ภาคสนามน้ี ผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาทม่ี สี ทิ ธไิ์ ดร้ บั การประกาศผลไดร้ บั การยกยอ่ ง จะตอ้ งผา่ นเกณฑบ์ งั คับร้อยละ ๕๐ ในองค์ประกอบของแต่ละดา้ น ดงั ต่อไปน้ี

๑) ด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล ประกอบด้วย ๒ ข้อ ได้แก่ ข้อ (๑) ประพฤติตนเป็น แบบอยา่ งทดี่ ีและเปน็ ทยี่ อมรบั ของสังคม และขอ้ (๓) มคี วามสามารถในการใชภ้ มู ิปัญญาดา้ นนั้นๆ ๒) ด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประกอบดว้ ย ๓ ขอ้ ได้แก่ ขอ้ (๒) มีการปรับปรุงและ พฒั นาวธิ กี ารในการถา่ ยทอดองคค์ วามร ู้ (๓) มคี วามสามารถในการสรา้ งเครอื ขา่ ยการเรยี นรภู้ มู ปิ ญั ญา และขอ้ (๔) มกี ารเผยแพรแ่ ละประชาสมั พันธภ์ ูมิปญั ญา ๓) ดา้ นคุณภาพของผลงาน ประกอบด้วย ๑ ข้อ ได้แก่ ข้อ (๑) มีผลงานท่ีเกดิ จากความ คดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์และพัฒนางานอย่างตอ่ เนอื่ ง นอกจากจะผา่ นเกณฑ์บังคบั ร้อยละ ๕๐ แลว้ ยงั มเี ง่อื นไขตอ่ มา คอื ผทู้ รงภูมิปญั ญาจะ ตอ้ งไดค้ ะแนนโดยรวมตามแบบประเมินภาคสนามรอ้ ยละ ๘๐ ตามประเด็นต่างๆ ขององคป์ ระกอบ ตวั ช้ีวดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน และการให้นำ�้ หนกั คะแนนแกผ่ ู้ทรงภูมิปัญญา ครภู ูมปิ ัญญาไทย รุน่ ท่ี ๗ สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๗ เมือ่ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ จำ�นวน ๙๖ คน โดยไดเ้ ขา้ รบั เครื่องหมายเชิดชู เกยี รติครูภมู ปิ ัญญาไทยรนุ่ ที่ ๗ จาก ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ณุ นายแพทยเ์ กษม วฒั นชัย องคมนตรี ในวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ณ ห้องกรงุ ธน ช้นั ๓ โรงแรมรอยัลริเวอร ์ กรุงเทพมหานคร

เครื่องหมายเชิดชเู กยี รติ ครูภูมิปญั ญาไทย ลักษณะของเข็มเชิดชเู กยี รตคิ รภู มู ปิ ญั ญาไทย มลี ักษณะเปน็ ช่อลายกระจงั ตาอ้อย ๙ ชอ่ ท่ีใชเ้ ป็นสัญลกั ษณ์แทนขอบข่ายภูมิปัญญาไทย ๙ ด้าน ประกอบ ดว้ ยข้อความ “ครภู ูมปิ ัญญาไทย” ท่ที �ำ ดว้ ยเงินบริสุทธิ์ และเกษรท้ัง ๙ ช่อ ท�ำ ดว้ ยทองคำ�แท้ ความหมาย หมายถึง ความเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาของครูภูมิปัญญาไทยด้านใดด้านหน่ึงใน ๙ ด้าน ไดแ้ ก่ ดา้ นเกษตรกรรม ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ด้านกองทนุ และธรุ กิจชมุ ชน ด้านศลิ ปกรรม ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ด้านปรชั ญา ศาสนา และ ประเพณี และดา้ นโภชนาการ ผอู้ อกแบบ นายนนทวิ รรธน์ จนั ทนผลนิ อาจารยภ์ าควิชาประตมิ ากรรม คณะจิตรกรรม ประตมิ ากรรม และภาพพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร

คุรุสดุดี “ครภู มู ปิ ญั ญาไทย “ ร่นุ ที่ ๗ ประจ�ำ ปี ๒๕๕๔ ครู คือเทยี นส่องหลา้ สวัสดี ภูมิ วชิ ชาภมู ธิ รรมมี มากล้น ปญั ญา เพม่ิ พูนทว ี ตอบคืน แผน่ ดิน ไทย จึ่งวฒั นาพ้น เพราะไดค้ รูดี ครูคือเทยี นส่องหลา้ ภมู ิปัญญาของแผน่ ดิน ใสส่องไร้มลทิน กระจ่างแจ้งประจกั ษใ์ จ ภมู ริ ทู้ คี่ รูมี เกินวจจี กั ขานไข ตอบคืนแผน่ ดนิ ไทย มนัสน้อมมโนงาม ความดีท่สี รรสร้าง คอื เสน้ ทางทล่ี ือนาม ประกาศเกียรติทวั่ เขตคาม ตระหนกั รบู้ ูชาคณุ “เก้าช่อ” ชูไสว คอื ภูมใิ จได้การณุ “เกา้ ดา้ น” ไดเ้ กือ้ หนุน สงั คมไทยเสมอมา สรรพศาสตร์ทร่ี งั สรรค์ คอื รางวลั ของชวี า ชวี ิตเตม็ คณุ คา่ เป็นแบบอยา่ งสังคมดี สอนสง่ั ใหศ้ ษิ ยร์ ู้ ท�ำ ให้ดเู ป็นศักดศิ์ รี อยูใ่ หเ้ ห็นประเด็นมี คือครดู ใี นดวงใจ สิบน้ิวประณตนอ้ ม ต่างธูปหอมสุมาลัย แด่ครปู ัญญาไทย สขุ สวัสด์ิพิพัฒน์เทอญ. ดว้ ยจิตคารวะ สมาคมครภู ูมิปญั ญาไทย ประพนั ธ์โดย ครสู มเจตน์ วมิ ลเกษม ครูภูมิปัญญาไทยรุ่นที่ ๔ ดา้ นภาษาแลวรรณกรรม ลขิ ติ ณ เมืองฮอยอนั สาธารณรฐั สังคมนยิ มเวยี ตนาม ๓ กนั ยายน ๒๕๕๔

ครภู ูมปิ ญั ญาไทย ดา้ นการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม (การอนรุ ักษป์ า่ ตน้ น�ำ้ ) พระครไู พบลู ยพ์ ัฒนาภริ กั ษ์

ครภู ูมปิ ญั ญาไทย ด้านการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม (การอนุรกั ษ์ป่าตน้ น�้ำ )

ค�ำ ประกาศเกยี รติคุณ พระครไู พบลู ยพ์ ฒั นาภริ ักษ์ ครภู ูมิปญั ญาไทย ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม (การอนรุ ักษป์ า่ ตน้ น้ำ�) พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ เกิดเม่ือวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ จังหวัดเชียงราย เป็นพระนักพัฒนาท่ีมีความรู้และเชี่ยวชาญเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยการนำ�หลักธรรม มาเป็นกุศโลบายในการอนุรักษ์ผืนป่าจำ�นวน ๗,๒๐๐ ไร่ ให้เป็นป่าต้นน้ำ�ท่ีสมบูรณ์ด้วย ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ด้วยความท่ีเป็นผู้มุ่งม่ันทำ�งานด้วยจิตสาธารณะ มองการณ์ไกลแบบองค์รวม จึงคิดริเริ่มดำ�เนินงานโครงการต่างๆ อาทิ โครงการบ้านชุ่มเมืองเย็น โครงการสะดือล้านนา โครงการวังมัจฉา โครงการเข่ือนดอยงู ฯลฯ โดยประสานความร่วมมือ จากภาคประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ จนประสบผลสำ�เร็จ ผลงานเป็นท่ีประจักษ์ ส่งผลให้เยาวชน ประชาชนจากทุกภาคส่วนเห็นความสำ�คัญและเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ปา่ ต้นน้ำ�อย่างตอ่ เน่อื ง การท่ีพระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ ได้นำ�ความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม (การอนุรกั ษป์ า่ ต้นน�้ำ ) ทต่ี นเองได้ศกึ ษาค้นควา้ ค้นพบ ฝกึ ฝนจนประสบความส�ำ เร็จเป็น ประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากสำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๗ ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ ม ประจำ�ปีพทุ ธศักราช ๒๕๕๔

พระครไู พบลู ยพ์ ัฒนาภิรกั ษ์ ครภู ูมิปญั ญาไทย ดา้ นการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม (การอนรุ ักษป์ ่าตน้ นำ้�) ชีวิต การศึกษา การเรียนรู้ และการทำ�งาน พระครูไพบูลย์พฒั นาภริ ักษ์ (ถวัลย์ ปกฺกโม) เกดิ ท่ตี �ำ บลแม่เจดีย์ อ�ำ เภอเวียงป่าเปา้ จังหวัดเชยี งราย เป็นบุตรคนท่ี ๒ ของพ่อติ๊บและแม่จันทร์ กันทะปวน เมื่ออายุได้ ๒ ปี แม่อุ้ยคำ�ป้อและพ่ออุ้ยกุยได้รับ พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์เป็นบุตรบุญธรรม ช่วยงานทุกอย่างตั้งแต่เล้ียงวัว ควาย ปลูกผัก ผลไม้ จักสาน ท�ำ งานบา้ น ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ไดบ้ วชเปน็ สามเณร เจา้ อาวาสใหเ้ รยี นภาษาบาลสี นั สกฤต การเทศนภ์ าษาลา้ นนา จนสามารถอา่ น-เขยี นภาษาลา้ นนา และทอ่ งบทสวดมนต์ ๑๒ ต�ำ นานได้ หลงั จากนนั้ จงึ ไปเรยี นพระปรยิ ตั ิ นกั ธรรมตรี นักธรรมโท นอกจากนี้ได้เรียนรู้สูตรตำ�ราสมุนไพรกับคุณตาอ้าย แสงปินตา ซ่ึงเป็นหมอแผนโบราณ สามารถ ปรุงยาสมนุ ไพรพน้ื บา้ นรกั ษาโรคตา่ งๆ ได้ เช่น กระดูกหัก อัมพฤกษ์ ปี ๒๕๑๘ พระครไู พบลู ยพ์ ฒั นาภริ กั ษ์ ไดเ้ ดนิ ทางกลบั ไปอปุ สมบททวี่ ดั บา้ นแมเ่ จดยี ์ ไดเ้ หน็ สภาพวดั ทถี่ กู ทง้ิ รา้ ง และการลักลอบตัดไม้บุกรุกพ้ืนท่ีป่าเพ่ือเป็นท่ีทำ�กิน ล่าสัตว์ป่า สภาพป่าเปล่ียนแปลงไป จึงมุ่งอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ปา่ ไม้ ๗,๒๐๐ ไร่ ใหอ้ ยใู่ นสภาพทสี่ มบรู ณ์ เหมาะแกก่ ารเปน็ ปา่ ตน้ น�ำ้ พรอ้ มกบั การเผยแผ่หลักธรรม คำ�ส่ังสอนของพระพุทธศาสนา ตลอดจนการบูรณปฏิสงั ขรณ์ โบราณสถานวัดพระธาตุแม่ เจดียใ์ หเ้ ป็นท่สี กั การะของพทุ ธศาสนกิ ชน ในปี พ.ศ.๒๕๓๑ พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ ได้ดำ�เนินการอย่างจริงจัง โดยนำ�องค์ความรู้แนวคิด แนวปฏบิ ตั ิ และประสบการณท์ ไี่ ดจ้ ากเรยี นรคู้ ตธิ รรมของหลวงพอ่ พทุ ธทาส หลวงพอ่ ปญั ญานนั ทภกิ ขุ วดั ชลประทาน รังสฤษฏ์ และจากการอบรมท่ีส�ำ นกั จิตตภาวันวิทยาลัย ดว้ ยการประสานความร่วมมือจากกำ�นนั ๑๔ หม่บู า้ นใหเ้ ขา้

ภาคเหนือ 25 ‡§√Ë◊ÕßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °’¬√μ‘ §√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªìπ™Õà ≈“¬°√–®ß— μ“ÕâÕ¬ ˘ ™àÕ ·∑π¿¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√Ÿ¿Ÿ¡‘ª≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑⟠√ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπß÷Ë „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏ÿ√°®‘ ™ÿ¡™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√—™≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºŸâÕÕ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ¡‘ æå ¡À“«‘∑¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ มามีสว่ นมาร่วมปลกู ป่า “ซอ่ มปา่ ” ดำ�เนนิ การจดั ทำ�โครงการสวนสาธารณะน้ำ�ชุ่มเมืองเยน็ โครงการสะดอื ลา้ นนา โครงการวังมจั ฉา โครงการเขอื่ นดอยงู จดั สรา้ งศูนยส์ าธิตพทุ ธศาสนา พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุแม่เจดีย์ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ และด้วยเจตนารมณ์ มุง่ มัน่ ตอ้ งการเหน็ ผเู้ รียนและประชาชนเหน็ ความสำ�คัญของการอนุรกั ษป์ ่าไม้ จงึ อทุ ศิ ตนถ่ายทอดเผยแพรพ่ ระธรรม ค�ำ สงั่ สอนของพระพุทธเจ้า ควบคูก่ บั การใหค้ วามรู้ในการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมอยา่ งตอ่ เน่อื ง จนถงึ ปัจจบุ นั ผลงานเปน็ ท่ีประจักษแ์ กห่ นว่ ยงานและประชาชนทว่ั ไป องคค์ วามรู้ พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ เป็นพระนักพัฒนาท่ีมี ความรอบรู้ โครงการและกจิ กรรมตา่ งๆ ทา่ นจะ “คดิ – ออกแบบ–พฒั นา” เพอื่ การเผยแผห่ ลกั ธรรมค�ำ สงั่ สอนของสมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และ เพ่ือการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ดงั นี้ • ประยุกต์ความเชื่อด้านศาสนา โดยการสร้างพระพุทธรูป ปางต่างๆ ในบริเวณพื้นท่ีป่า ๗,๒๐๐ ไร่ ซ่ึงชุมชนเรียกบริเวณ ดังกล่าววา่ “ดอยม่อนพระหลาย” เพ่อื เตอื นสติคนทจ่ี ะเขา้ มาลักลอบตัด ไมท้ ำ�ลายป่า • อนุรักษ์ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ให้คง สภาพที่เป็นป่าสมบูรณ์ที่สุดเหมาะแก่การเป็นป่าต้นน้ำ� ด้วยวิธีการ ทหี่ ลากหลาย ดังน้ี - ฟนื้ ฟสู ภาพปา่ ดว้ ยการซอ่ มหรอื ปลกู ปา่ เพม่ิ เพอ่ื ใหค้ นื สภาพ เปน็ ปา่ ตน้ นำ้� - จัดท�ำ แนวกนั ไฟล้อมรอบพ้ืนทีป่ ่า ๗,๒๐๐ ไร่ โดยประสาน ขอการสนบั สนนุ งบประมาณจากส�ำ นกั งานป่าไม้เขตเชียงราย กรมป่าไม้ - จดั กจิ กรรมบวชปา่ และอนรุ กั ษท์ รพั ยากรปา่ ไม้ ในพนื้ ทข่ี นุ น�ำ้ ดอยนางแก้ว ซง่ึ เป็นแหลง่ ต้นนำ้�ล�ำ ธารทส่ี �ำ คญั ของอ�ำ เภอเวยี งปา่ เปา้ • จัดทำ�โครงการวังมัจฉา เพ่ือสร้างอ่างเก็บน้ำ�ห้วย ยา่ คำ�มา ส�ำ หรับเกบ็ กกั น�้ำ และเปน็ แหลง่ เพาะพนั ธ์ปุ ลามากกวา่ ๔๐ ชนดิ ประมาณ ๔๐,๐๐๐ ตัว

26 ครภู ูมปิ ัญญาไทย รุน่ ท่ี ๗ ‡§√Ë◊ÕßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °’¬√μ‘ §√Ÿ¿¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªìπ™Õà ≈“¬°√–®—ßμ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿Ÿ¡ª‘ í≠≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√Ÿ¿Ÿ¡‘ªí≠≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏ÿ√°®‘ ™¡ÿ ™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºÕ⟠հ·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ¡‘ æå ¡À“«∑‘ ¬“≈—¬»≈‘ ª“°√ • จัดทำ�โครงการเข่ือนดอยงู เพ่ือเป็นแหล่งนำ้�ไว้ใช้ในพ้ืนที่เกษตรกรรมของชุมชนตำ�บลแม่เจดีย์ ต�ำ บลเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย • พฒั นาพน้ื ทบ่ี รเิ วณรอบวดั ซง่ึ เดมิ มสี ภาพเสอ่ื มโทรม ดว้ ยการสรา้ งสวนสาธารณะ โครงการบา้ นชมุ่ เมอื ง เย็นสามคั คี จดั หาพนั ธไ์ุ ม้ ทงั้ ไมผ้ ล สมนุ ไพรหลากหลายชนดิ มาปลกู จ�ำ นวนมาก • จัดทำ�โครงการสะดือล้านนา เพ่ือให้ประชาชนได้เรียนรู้ ด้านพระพุทธศาสนาท้ังด้านวิถีชีวิตของชาว ลา้ นนาและดา้ นพฤกษศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ พิธีกรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีทส่ี �ำ คัญ พรอ้ มท้งั สรา้ งศูนยส์ าธิตพทุ ธศาสนากบั ปา่ ไม้ท่ี ๙ ในพ้ืนท่ี ๑๔๐ ไร่ รองรับผู้อบรมไดป้ ระมาณ ๓๐๐ คน นับเป็นแหล่งเรียนรู้ ทีจ่ ะสรา้ งจติ สำ�นกึ ให้ทกุ คนไดร้ ูถ้ ึงคุณค่าและรว่ มอนรุ ักษ์ไวส้ บื ไป

ภาคเหนอื 27 ‡§√Ë◊ÕßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °¬’ √μ‘ §√Ÿ¿¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªìπ™àÕ≈“¬°√–®ß— μ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿¡Ÿ ‘ªí≠≠“‰∑¬ ˘ ¥“â π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– ‘Ëß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °‘®™¡ÿ ™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºŸâÕÕ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ¡‘ æå ¡À“«∑‘ ¬“≈—¬»≈‘ ª“°√ การถา่ ยทอดความรู้ พระครไู พบลู ยพ์ ฒั นาภริ กั ษ์ ไดเ้ ผยแพรห่ ลกั ธรรมควบคกู่ บั การใหค้ วามรใู้ นการอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม แกผ่ ู้เรยี นและประชาชนทุกภาคส่วน ดงั นี้ การศกึ ษาในระบบ : - บรรยายใหค้ วามรแู้ กผ่ เู้ รยี นในจงั หวดั เชยี งรายและจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง เชน่ โรงเรยี น แมเ่ จดยี ว์ ทิ ยาคม โรงเรยี นเวยี งปา่ เปา้ วทิ ยาคม นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวทิ ยาลยั นเรศวร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ - จดั อบรมแกผ่ เู้ รยี น เยาวชน ในอ�ำ เภอเวยี งปา่ เปา้ เพอื่ ปลกู จติ ส�ำ นกึ ในการอนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติ โดยจดั คา่ ยเยาวชนอนรุ กั ษป์ า่ ไมว้ ดั พระธาตแุ มเ่ จดยี ์ มนี กั เรยี นและ เยาวชนเขา้ รว่ มอบรม (ทุกปี) การศึกษานอกระบบ : - บรรยายถวายความรู้พระสงฆ์ช่วยงานด้านป่าไม้ จำ�นวน ๑๐๐ รูป จัดโดย กรมปา่ ไม้ - บรรยายให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำ�รวจ องค์การบริหารส่วนตำ�บลใน จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำ�ปาง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนใน จังหวัดเชียงรายและตา่ งจงั หวัด อาทิ นักศึกษา วปอ. - ถ่ายทอดความร้แู ละปฏบิ ตั ิธรรมทกุ วันอาทติ ย์ สปั ดาหส์ ดุ ท้ายของเดือน ตง้ั แต่ เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๐๐ น. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั : เปน็ วทิ ยากรบรรยายใหแ้ กป่ ระชาชนและผสู้ นใจทม่ี าศกึ ษา เรยี นรดู้ งู านทว่ั ประเทศ วธิ ีการถ่ายทอดความรู้ วธิ ีการถา่ ยทอดความรูข้ องพระครไู พบูลย์พฒั นาภริ ักษ์ มีหลายวิธแี ตกต่างกนั ตามกลมุ่ เป้าหมาย ดงั น้ี • กรณีสอนนักเรียนหรอื เยาวชน จะถ่ายทอดความรโู้ ดยบรรยายให้ความรู้ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ ของกิจกรรมรายละเอียดโครงการทีจ่ ัดท�ำ ข้ึน • ให้ความรู้เกีย่ วกับปัญหาสงั คม เชน่ การตัดไม้ทำ�ลายป่า เหตุภยั และวิธีแกไ้ ข เนน้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความ ตระหนกั และเหน็ คุณคา่ ของการอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ • หลงั จากนน้ั จะพาผเู้ รยี นไปเรียนรู้ในพน้ื ท่ีปา่ แลว้ ใหเ้ ขียนในสิง่ ทไ่ี ด้พบเหน็ เพอ่ื น�ำ ขอ้ มูลมาสรปุ รว่ มกนั • กรณีสอนกลุ่มประชาชน/องค์การบริหารส่วนตำ�บล/ผู้สูงอายุ จะให้ความรู้และสร้างความตระหนัก ด้วยการพาเดินชมสภาพพื้นที่ป่าไม้ที่ได้พัฒนา เช่น วังมัจฉา โครงการบ้านชุ่มเมืองเย็น เขื่อนดอยงู ฯลฯ พร้อมอธิบายถึงความเปน็ มา/ความส�ำ คัญ ตลอดจนแนวทางทีต่ ้องรว่ มกนั พัฒนา

28 ครภู มู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๗ ‡§√ÕË◊ ßÀ¡“¬‡™¥‘ ™Ÿ‡°’¬√μ‘ §√¿Ÿ Ÿ¡‘ª≠í ≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢Á¡ ‡ªπì ™àÕ≈“¬°√–®—ßμ“ÕâÕ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿Ÿ¡‘ªí≠≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢âÕ§«“¡§√Ÿ¿¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπß÷Ë „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °®‘ ™ÿ¡™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºÕŸâ Õ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈—¬»≈‘ ª“°√ พระครไู พบลู ย์พฒั นาภิรักษ์ ชอ่ื เดิม พระถวัลย์ ปรกฺกโม เกิดเมอื่ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่ตี ำ�บลแม่เจดยี ์ อำ�เภอเวยี งป่าเปา้ จังหวัดเชยี งใหม่ เปน็ บตุ รคนท่ี ๒ ในจำ�นวนพน่ี อ้ ง ๓ คน ของนายต๊ิบ และนางจันทร์ กนั ทะปวน การศึกษา  พ.ศ. ๒๕๐๙ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ โรงเรยี นแมเ่ จดยี ์ จังหวัดเชยี งราย  พ.ศ. ๒๕๑๔ นกั ธรรมโท จากสำ�นักวดั สันต้นเปา เกียรติคุณทไ่ี ด้รบั ได้แก่  พ.ศ. ๒๕๔๐ โลร่ างวลั การอนรุ กั ษป์ า่ ของการปโิ ตรเลยี ม จากสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช สยามบรมราชกมุ ารี อ�ำ เภอปกั ธงชยั จงั หวัดนครราชสีมา  พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักรทองคำ� ผู้ทำ�คุณประโยชน์ ตอ่ พระพทุ ธศาสนา สาขาการอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม จากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า สยามบรมราชกุมารี  พ.ศ. ๒๕๔๓ โล่รางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นผู้ทำ�คุณประโยชน์แก่กระทรวงเกษตร และสหกรณป์ ระเภทบุคคล สาขาทรัพยากรธรรมชาติ  พ.ศ. ๒๕๔๔ โล่การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ดีเด่น สำ�นักงานป่าไม้เขต จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  พ.ศ. ๒๕๔๙ โล่รางวัลชว่ ยเหลือราชการกรมปา่ ไม้ สาขาการฟ้นื ฟแู ละพัฒนาพืน้ ท่ปี า่  พ.ศ. ๒๕๕๔ ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๗ ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม (การอนุรักษ์ป่าต้นนำ้�) จากสำ�นักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

ครภู ูมิปัญญาไทย ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี พระครอู ดลุ สีลกิตต์ิ

ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณแี ละพธิ กี รรมลา้ นนา)

พระครอู ดุลสีลกิตติ์ ครภู มู ปิ ัญญาไทย ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณแี ละพธิ ีกรรมลา้ นนา) พระครอู ดลุ สลี กติ ต์ิ เปน็ พระสงฆท์ ที่ รงภมู ปิ ญั ญา เปน็ ผรู้ อบรดู้ า้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี พิธกี รรม และวัฒนธรรมล้านนา มคี วามเช่ียวชาญในการเทศนาธรรม ทำ�นองต่างๆ โดยเฉพาะการ เทศน์มหาชาติแบบลา้ นนา การประพนั ธบ์ ทรอ้ ยกรองและเขียนต�ำ ราทางวชิ าการลา้ นนาคดี ตลอดจน การคิดคำ�นวณและจัดทำ�ปฏิทินล้านนา อนุรักษ์โบราณวัตถุและรวบรวมคัมภีร์โบราณ องค์ความรู้ ทั้งมวลของท่านได้ถ่ายทอดเผยแพร่ไปสู่ชุมชนและผู้เรียนทุกระดับการศึกษา ทุกกลุ่มอาชีพอย่าง ตอ่ เน่อื งมากกว่า ๔๐ ปี ผลงานเป็นที่ประจกั ษ์ ส่งผลตอ่ การพัฒนาคนและสงั คมโดยรวม การท่ีพระครูอดุลสีลกิตต์ ได้นำ�ความรู้ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณีและ พธิ ีกรรมล้านนา) ทต่ี นเองได้ศกึ ษาคน้ คว้า คน้ พบ ฝกึ ฝนจนประสบความสำ�เร็จเปน็ ประโยชน์โดยรวม แกส่ ังคมจึงได้รับการยกย่องเชดิ ชเู กียรติจากส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ใหเ้ ป็นครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๗ ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี ประจำ�ปพี ุทธศักราช ๒๕๕๔

พระครูอดุลสลี กติ ต์ิ ครูภูมิปญั ญาไทย ดา้ นปรัชญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณแี ละพิธีกรรมลา้ นนา) ชวี ติ การศึกษา การเรียนรู้ และการท�ำ งาน พระครูอดลุ สีลากติ ต์ิ (ประพนั ธ์ ฐานวฑุ โฺ ฒ) เปน็ บุตรคนแรกของพอ่ สงิ ห์ค�ำ บุญชุม่ และแม่ชมุ่ บุญชุ่ม ชวี ติ ในวัยเด็กได้ศึกษาที่โรงเรียนบา้ นสันทราย อำ�เภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เมอื่ จบชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ พ่ออุ้ยขนั ไพรพฤกษ์ ได้นำ�ตัวไปฝากเป็นศิษย์วัดศรีถ้อย เพื่อเรียนรู้ภาษาล้านนาเป็นเวลา ๑ ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้บรรพชา เป็นสามเณรและเริ่มเรียนเทศนาธรรมแบบพื้นเมืองล้านนาจากเจ้าอาวาสและเรียนปฏิทินล้านนาจากพ่อหนานดวง คำ�ยอด อาจารย์วัดศรีถ้อย เรียนเทศน์มหาชาติกัณฑ์ฉกษัตริย์และกัณฑ์มัทรี จากพ่อน้อยบุญทา พรมชัย เปน็ ผฝู้ กึ สอน ขณะนน้ั ไดเ้ รยี นนกั ธรรมชน้ั ตรี โท และเอกดว้ ย เมอื่ จบแลว้ เหน็ วา่ ควรจะมาศกึ ษาตอ่ ในจงั หวดั เชยี งใหม่ เพื่อหาความรู้เพ่ิมเตมิ จึงมาอยทู่ วี่ ดั หม่นื สาร โดยเป็นศิษย์ท่านพระครูโอภาสคณาภบิ าล (อดีตเจ้าอาวาส เจา้ คณะ อ�ำ เภอแมแ่ จม่ ) ได้รบั ถ่ายทอดเร่อื งการเทศน์มหาชาติแบบล้านนา กัณนครกัณฑ์ และเทศนาธรรมพืน้ เมืองท�ำ นอง ตา่ งๆ ไดไ้ ปศกึ ษาตอ่ เทศนก์ ณั กมุ ารบรรพ์ จากพอ่ หนานบญุ ทา สวุ รรณ ระหวา่ งนนั้ ไดเ้ รยี นรจู้ ากปราชญห์ ลายคน เชน่ พ่อหนานเมอื งใจ ไชยชนะ เร่อื งประเพณีพธิ กี รรม และพระเถระของเมืองเชยี งใหม่ท่มี ชี ื่อเสยี งในดา้ นพธิ ีกรรมและ ปฏทิ นิ ล้านนา จนสามารถอา่ นเขยี นภาษาล้านนา และเข้าใจในการท�ำ พิธีตา่ งๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี พรอ้ มกันน้นั จงึ ทำ�การ ศึกษาเอกสารโบราณท่อี ดีตเจ้าอาวาสรวบรวมไว้ท้ังทางดา้ นศาสนา พธิ ีกรรม การเทศน์ ประเพณี วัฒนธรรมโบราณ ล้านนา ทั้งจากวัดหม่ืนสาร วดั ธาตุค�ำ และคมั ภีรข์ องวัดต่างๆ อกี มากมาย จงึ มอี งค์ความรูห้ ลายแขนง ด้วยความเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน จึงได้ศึกษาจากผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ศึกษาจากโรงเรียนธรรมราชศึกษา จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และศึกษาต่อท่ีศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำ�พูน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ ในปี ๒๕๔๒ และระดบั ปรญิ ญาตรีทมี่ หาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามลำ�ดบั และเนอื่ งจากต้องสอน นักศึกษาระดบั ปริญญาโท จงึ ศกึ ษาต่อจนจบปรญิ ญาโท พทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต ในปี ๒๕๕๒

ภาคเหนือ 33 ‡§√Ë◊ÕßÀ¡“¬‡™‘¥™‡Ÿ °¬’ √μ‘ §√Ÿ¿¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ ≈—°…≥–¢Õ߇¢Á¡ ‡ªìπ™Õà ≈“¬°√–®—ßμ“ÕâÕ¬ ˘ ™àÕ ·∑π¿¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ ˘ ¥“â π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√Ÿ¿Ÿ¡‘ªí≠≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπß÷Ë „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– ‘Ëß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏ÿ√°®‘ ™ÿ¡™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºŸâÕÕ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ ปัจจุบัน พระครูอดุลสีลกิตต์ิได้รับแต่งต้ังให้ดำ�รงตำ�แหน่งเจ้าอาวาสวัดธาตุคำ� เจ้าคณะตำ�บลหายยา และพระอุปัชฌาย์ นอกจากนั้นยังเป็นผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความถูกต้องของเน้ือหาวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ระดบั อดุ มศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ และการค้นคว้าแบบอสิ ระ ต้ังแตป่ ี ๒๕๔๘ จนถงึ ปัจจบุ นั เปน็ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ กรรมการสอบวิทยานิพนธข์ องมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ องคค์ วามรู้ พระครูอดุลสีลกิตติ์ เป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญประเพณีและพิธีกรรม สำ�หรับการเทศนาธรรมได้ ฝกึ ฝนตั้งแต่เปน็ สามเณร (อายไุ ด้ ๑๔ ปี) ได้แสดงแก่พทุ ธศาสนิกชนตามความเช่ียวชาญ ๔ แบบ ดงั นี้ • เปน็ ผมู้ คี วามเชยี่ วชาญในการเทศนา (๑) เทศนแ์ บบมหาชาติ เวสสันดรชาดก แบบทำ�นองล้านนา โดยเฉพาะกัณฑ์กุมารบรรพ์ มทั รี ฉกษตั รยิ ์ นครกณั ฑท์ �ำ นองมะนาวลอ่ งของ น�้ำ ตกตาด ทา้ วไกวใบ หมาไตค่ นั นาของ (๒) เทศนาธรรมวตั รแบบลา้ นนาท�ำ นองน�ำ้ ด้ันท่อ ลมพัดพร้าว ไก่สับด้ง ใช้เทศน์สอนประชาชนในฤดูกาลเข้าพรรษา (๓) การเทศน์บรรยายแบบภาคกลาง ใชเ้ ทศน์อบรมประชาขนทว่ั ไป รว่ มกบั คณะสงฆ์ (๔) การเทศนแ์ บบปจุ ฉา – วสิ ชั นา ซง่ึ ตอ้ งมปี ฏภิ าณ ในการโต้ตอบเป็นอย่างดี • มีความเช่ียวชาญในด้านพิธีกรรมล้านนา พิธีบายศรี สขู่ วัญลูกแก้ว (นาค) สู่ขวญั พระสงฆร์ ะดบั มหาเถระ เช่น เจ้าคณะ ภาค ๗ การทำ�พิธีสืบชะตาคน การสืบชะตาบ้านเมือง สืบชะตา แม่น้ำ� ป่า แบบล้านนา การทำ�พิธีพุทธาภิเษก พิธีกินอ้อผะญา เพอื่ เพมิ่ พลงั ปญั ญาและปลกู ฝงั คณุ ธรรมจรยิ ธรรมแกเ่ ยาวชน ใหค้ วามรู้ ด้านศิลปวฒั นธรรมลา้ นนาแกพ่ ทุ ธศาสนิกชน • มีความสามารถด้านภาษาและวรรณกรรม ประพันธ์ บทร้อยกรอง ท้ังของภาคกลางและล้านนา สร้างสรรค์งาน ล้านนาคดีในรูปแบบหนังสือ โดยได้รวบรวมองค์ความรู้ ประวัติ เร่ืองราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ลา้ นนา เพอื่ เผยแพรธ่ รรมะ ประเพณวี ฒั นธรรมลา้ นนา ไดแ้ ก่ หนงั สอื ฮตี กองของบา่ เกา่ คมู่ อื มคั ทายก (อาจารยว์ ดั ) ในการประกอบพธิ กี รรม หนังสอื สาระลา้ นนาคดี (ภาคพธิ ีกรรม) สาระลา้ นนาคดี (ภาคประเพณีวฒั นธรรม) ค่าว คำ�สอนและโคลงโยคมา้ โลกนติ ิค�ำ ค่าว ธรรมคีตา ๘๐ พรรษา คำ�เพราะเหมาะม่วน สำ�นวนล้านนา ประวตั ศิ าสตร์ พระพุทธศาสนา นอกจากนน้ั ยังไดเ้ ขียนบทความด้านล้านนาคดลี งในหนงั สอื ตา่ งๆ มีหน่วยงานและผูส้ นใจขอผลงาน ไปพมิ พ์เผยแพรจ่ ำ�นวนมาก

34 ครภู ูมิปัญญาไทย ร่นุ ที่ ๗ ‡§√ÕË◊ ßÀ¡“¬‡™‘¥™‡Ÿ °’¬√μ‘ §√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ í≠≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢Á¡ ‡ªπì ™àÕ≈“¬°√–®—ßμ“ÕâÕ¬ ˘ ™àÕ ·∑π¿Ÿ¡‘ª≠í ≠“‰∑¬ ˘ ¥“â π ª√–°Õ∫¢âÕ§«“¡§√Ÿ¿¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °®‘ ™¡ÿ ™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√—™≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºŸâÕÕ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ¡‘ æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ • รเิ รม่ิ คดิ ค�ำ นวณปฏทิ นิ ลา้ นนา โดยเรยี นรจู้ ากครบู าอาจารย์ พบั สาโบราณ ใหก้ ลบั มาเปน็ ทนี่ ยิ มของคนลา้ นนาทง้ั พระสงฆแ์ ละชาวบา้ นอกี ครง้ั หนง่ึ หลงั จากทเ่ี กอื บจะสญู หายไปเพราะขาดคนคดิ ค�ำ นวณและท�ำ เผยแพร่ จงึ พยายามคดิ ค�ำ นวณและ จัดท�ำ เป็นแบบปฏิทนิ แขวน แบบตงั้ โตะ๊ แบบรปู เลม่ ไดอาร่ีใหเ้ หมาะกบั ยคุ สมัย • ออกแบบเสนาสนะในวัด ตามศิลปะภาคกลางและลา้ นนา ซ่งึ มีผลงานโดดเดน่ คือออกแบบวหิ าร โบสถ์ มีผมู้ าขอคำ�แนะน�ำ และตรวจสอบแบบแปลนจำ�นวนไมน่ อ้ ย • อนุรักษ์โบราณวัตถุ คัมภีร์ใบลานสมุดข่อย (พับสา) ท่ีบันทึกเร่ืองราวพิธีกรรม ความเชื่อ กฎหมาย ต�ำ รายา คัมภรี ม์ หาเวสสนั ดรชาดก เพือ่ ใชเ้ ปน็ คมู่ ือศกึ ษาและเรยี นร้อู กั ษรเมอื งล้านนา การถ่ายทอดความรู้ พระครูอดุลสลี กติ ติ์ เปน็ วทิ ยากรอบรม เทศนาและถ่ายทอดความรเู้ กี่ยวกบั ศาสนาประเพณี พิธีกรรมให้แก่ ผเู้ รียนทกุ กลุ่มทกุ ระดบั การศึกษา ดงั นี้ การศึกษาในระบบ : วทิ ยากรบรรยายใหค้ วามรแู้ กน่ กั เรยี นโรงเรยี นสะเมงิ พทิ ยาคม โรงเรยี นบาลสี าธติ ศกึ ษา มจร. วิทยาเขตเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ วทิ ยาลยั นาฎศลิ ป์เชียงใหม่ สอนภาษาและวรรณกรรม ล้านนาช้ันกลางแก่ผู้เรียนมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ โรงเรียนผดุงวิทย์ เป็นต้น โรงเรยี นวถิ พี ทุ ธแบบลา้ นนา โรงเรยี นเมตตาศกึ ษา โรงเรยี นธรรมราชศกึ ษา เป็นต้น การศกึ ษานอกระบบ : - ก่อต้ังกลุ่มชาวพุทธวัดธาตุคำ� เพ่ือเป็นการเรียนรู้และอนุรักษ์ฟื้นฟูประเพณี วฒั นธรรมล้านนาในด้านตา่ งๆ - ถา่ ยทอดความรแู้ ละอบรมนกั ศกึ ษาของศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรยี นวดั ศรสี พุ รรณ - ฝึกอบรมประเพณีวัฒนธรรมให้แก่สภาวัฒนธรรมอำ�เภอจอมทอง สภาวัฒนธรรมอำ�เภอฮอด องค์การบริหารส่วนตำ�บลสันผีเสื้อ ศูนย์พัฒนา ครอบครัวต�ำ บลหนองป่าคร่งั การศกึ ษาตามอธั ยาศยั : - บรรยายและเทศนาธรรมใหค้ วามรดู้ า้ นลา้ นนาแกส่ ภาวฒั นธรรมจงั หวดั พะเยา สภาวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งใหม่ เปน็ วทิ ยากรบรรยายในการเสวนาทางวชิ าการ และการอบรมแก่ผนู้ ำ�ชมุ ชนในเขตเทศบาลนครเชยี งใหม่ - จัดแสดงประเพณีวัฒนธรรมเพ่ือเผยแพร่และแสดงธรรมในเทศกาล งานพิธีส�ำ คัญต่างๆ เชน่ งานเทศนม์ หาชาติล้านนา งานทอดจลุ กฐนิ เทศกาล ปีใหมเ่ มือง เทศกาลยี่เป็ง

ภาคเหนอื 35 ‡§√Ë◊ÕßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °’¬√μ‘ §√Ÿ¿¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ ≈—°…≥–¢Õ߇¢Á¡ ‡ªìπ™àÕ≈“¬°√–®ß— μ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢âÕ§«“¡§√Ÿ¿¡Ÿ ª‘ í≠≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑⟠√ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπß÷Ë „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °‘®™¡ÿ ™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√—™≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºâÕŸ Õ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈—¬»≈‘ ª“°√ วิธกี ารถา่ ยทอดความรู้ พระครูอดุลสลี กติ ติ์ มีวิธกี ารถา่ ยทอดความรู้แก่พระภิกษุ สามเณร และผูเ้ รยี นทง้ั ในระบบ นอกระบบ และ การศกึ ษาตามอัธยาศัย ดงั น้ี ๑. ให้ผู้เรียนทดลองเสียง ๕ ระดับ คือ เสียงเล็ก ตามธรรมชาติ เสียงแตกพาน เสียงปานกลาง เสียงใหญ่ เสยี งเลก็ แหลม ๒. ท�ำ พธิ มี อบตวั ตอ่ ครใู นวนั พฤหสั บดี ฝกึ ใหพ้ ระสามเณร หัดเทศนต์ ามระดบั เสียงดังน้ี - เสียงเล็กแบบแบบแหลม หัดเทศน์กัณฑฉ์ กษัตริย ์ - เสยี งเล็กตามธรรมชาติ หดั เทศน์กนั ฑ์มทั รี - เสยี งแตกพาน หดั เทศน์กัณฑก์ มุ าร - เสยี งปานกลาง หดั เทศนก์ ณั ฑส์ กั บรรพ์ กณั ฑน์ คร - เสยี งใหญ่ หดั เทศน์กัณฑช์ ชู ก มหาราช บางครง้ั กณั ฑน์ ครดว้ ยก็ได้ ๓. ฝึกในวันพฤหัสบดีข้างข้ึน เพราะเป็นวันครูและถือเคล็ดว่าข้างข้ึนพระจันทร์จะสุกใส และส่องสว่างขึ้น เร่ือยๆ จะทำ�ให้มีความช�ำ นาญข้นึ เรอ่ื ยๆ และชือ่ เสียงจะข้นึ สงู ข้ึน เหมือนพระจนั ทร์ เตรียมขา้ วตอกดอกไมใ้ สพ่ าน ประกอบดว้ ย ดอกขาว ๖ ดอก เทียน ๖ เลม่ เงนิ ๖ สลึง นำ�ไปมอบตวั ตอ่ ครู แล้วจงึ เรม่ิ ฟังเสยี งโดยเทศน์ธรรมที่ เตรยี มไวส้ �ำ หรับฝึกนนั้ ๑ จบ พระครูจะเรม่ิ สอนวิธตี ้ังนะโม สอนการเอื้อนเสยี ง “นะโม” ว่าจะตอ้ งเอ้อื นที่ตวั อกั ษร ใดแลว้ จึงไปวางเสยี งหยดุ หายใจเมอ่ื จบ ๔. ฝึกกำ�หนดลมหายใจ การนั่งเทศน์และกำ�หนดเสียงตำ�ราโบราณให้น่ังตัวตรงอย่าหันไป-หันมา จะทำ�ให้ เสียงเลอ่ื นไหลผดิ ไปจากเสียงเดมิ เสยี งเทศนจ์ ะไม่ไพเราะ ๕. การตงั้ เสยี งเวลาใสก่ าพยต์ อ้ งเสยี งใหญ่ หากออกเสยี งเลก็ ไปตอ้ งพยายามคลายเสยี งใหเ้ สยี งใหญท่ ลี ะนอ้ ย ส�ำ หรบั ผเู้ รยี นทเี่ รยี นระดบั อดุ มศกึ ษา จะสอนเนน้ ใหค้ ดิ วเิ คราะหค์ วามแตกตา่ ง/ประโยชน์ ทไี่ ดจ้ ากพธิ กี รรม เทศน์มหาชาติ ฯลฯ ส่วนประชาชนทว่ั ไปจะเทศนาตามหลกั ธรรมที่เข้าใจงา่ ยและน�ำ ไปปฏิบตั ใิ นชวี ิตประจ�ำ วนั ได ้

36 ครูภมู ปิ ญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๗ ‡§√Õ◊Ë ßÀ¡“¬‡™‘¥™Ÿ‡°’¬√μ‘ §√Ÿ¿Ÿ¡ª‘ í≠≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªπì ™Õà ≈“¬°√–®—ßμ“ÕÕâ ¬ ˘ ™àÕ ·∑π¿¡Ÿ ‘ªí≠≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√Ÿ¿¡Ÿ ‘ªí≠≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑⟠√ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏ÿ√°‘®™¡ÿ ™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºŸÕâ Õ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ¡‘ æå ¡À“«‘∑¬“≈—¬»≈‘ ª“°√ พระครอู ดลุ สลี กติ ต์ิ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี ๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๙๗ ทตี่ �ำ บลสนั ทราย อ�ำ เภอฝาง จงั หวดั เชยี งใหม่ เปน็ บตุ รคนท่ี ๑ ในจ�ำ นวนพน่ี อ้ ง ๓ คน ของนายสงิ หค์ �ำ บญุ ชมุ่ และนางชมุ่ บญุ ชุ่ม การศึกษา  พ.ศ. ๒๕๔๖ ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ ๑) มหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณร์ าชวทิ ยาลัย วทิ ยาลัยสงฆล์ ำ�พนู  พ.ศ. ๒๕๕๒ ปรญิ ญาโท พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ มหาจฬุ าลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตเชยี งใหม่ เกยี รตคิ ณุ ที่ได้รับ ไดแ้ ก่  พ.ศ. ๒๕๔๔ วุฒบิ ัตรการเปน็ นกั เทศน์แมแ่ บบของมหาเถรสมาคม  พ.ศ. ๒๕๔๕ โลเ่ กยี รตคิ ณุ ผมู้ ผี ลงานดเี ดน่ ทางวฒั นธรรม สาขาภาษาศาสตร์ ดา้ นศาสนา จากจงั หวัดเชยี งใหม่  พ.ศ. ๒๕๔๗ โลเ่ กยี รตคิ ณุ เพชรราชภฏั – เพชรลา้ นนา จากมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่  พ.ศ. ๒๕๔๙ เกียรติบตั รครภู มู ิปัญญา จากโรงเรียนสะเมิงพิทยาคม จงั หวดั เชียงใหม่  พ.ศ. ๒๕๕๐ โลเ่ กยี รตยิ ศผู้มอี ปุ การคุณต่อวฒั นธรรม จากมหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่  พ.ศ. ๒๕๕๐ โล่ประกาศเกียรติคุณศิษย์เกา่ ดีเด่น จากโรงเรียนธรรมราชศึกษา  พ.ศ. ๒๕๕๒ โล่ประกาศเกียรติคุณรางวัล “ภูมิแผ่นดิน ป่ินล้านนา” ผู้มีผลงานดีเด่น ดา้ นวัฒนธรรมล้านนา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  พ.ศ. ๒๕๕๓ รางวัลผู้ทำ�คุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาประเภทส่งเสริมและอนุรักษ์ วฒั นธรรมทางพระพุทธศาสนา  พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศเกยี รตคิ ณุ ศลิ ปนิ ผมู้ ผี ลงานดเี ดน่ ดา้ นวฒั นธรรมจากส�ำ นกั งานวฒั นธรรม จังหวัดเชยี งใหม่ และสภาวฒั นธรรม  พ.ศ. ๒๕๕๔ ครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๗ ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณี และพธิ กี รรมลา้ นนา) จากส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ครูภูมิปัญญาไทย ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี พระครพู ิทักษธ์ รรมากร

ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณแี ละพธิ กี รรมลา้ นนา)

พระครพู ิทักษ์ธรรมากร ครภู มู ิปญั ญาไทย ดา้ นปรัชญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณีและพธิ กี รรมล้านนา) พระครพู ิทักษ์ธรรมากร เกิดเมอื่ วนั ที่ ๒๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ทีจ่ ังหวัดลำ�พูน เปน็ ผทู้ รง ภูมิปัญญาและเช่ยี วชาญด้านประเพณแี ละพิธกี รรมต่างๆ โดยเฉพาะการเทศนก์ ัณฑม์ ทั รี เทศนาแบบ โบราณลา้ นนา (แหลม่ หาชาต)ิ ดว้ ยวาทะทเี่ ฉยี บคมแฝงดว้ ยค�ำ สอนทลี่ กึ ซงึ้ สามารถประพนั ธ์ รา่ ย คา่ ว กะโลง ค�ำ เวนตาน คำ�เชญิ คำ�อาราธนาฯ ด้นรา่ ยสด ที่ทันต่อเหตุการณ์ องคค์ วามรทู้ พ่ี ระครูพิทักษ์ ธรรมากรได้ส่ังสมมามากกวา่ ๔๐ ปี เป็นทปี่ ระจักษ์ และไดถ้ ่ายทอดไปส่ผู ้เู รียน ตลอดจนประชาชน ได้เรียนรู้ นำ�ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน และร่วมอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไว้เป็นมรดก ของชาตติ อ่ ไป การท่ีพระครูพิทักษ์ธรรมากร ได้นำ�ความรู้ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณี และพธิ กี รรมลา้ นนา) ทต่ี นเองไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ คน้ พบ ฝกึ ฝนจนประสบความส�ำ เรจ็ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวม แกส่ งั คม จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตจิ ากส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครูภูมิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๗ ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี ประจำ�ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔

พระครพู ทิ กั ษ์ธรรมากร ครภู ูมปิ ัญญาไทย ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณแี ละพิธกี รรมลา้ นนา) ชวี ิต การศึกษา การเรียนรู้ และการทำ�งาน พระครพู ทิ กั ษธ์ รรมากร เกดิ ทจี่ งั หวดั ล�ำ พนู ครอบครวั ยากจน ตอ้ งหาเงนิ สง่ ตวั เองเรยี นหนงั สอื จนจบชนั้ ประถมศกึ ษา ปที ี่ ๔ จากโรงเรยี นวดั บา้ นแจม่ จากนน้ั ไดเ้ ขา้ มาอยเู่ ปน็ เดก็ วดั ทวี่ ดั บา้ นแจม่ ศกึ ษาภาษาลา้ นนา จนสามารถอา่ นออกเขยี นได้ ตอ่ มาบวชเปน็ สามเณรศกึ ษาพระธรรมค�ำ สอนขององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จนจบนกั ธรรมชน้ั ตรี นกั ธรรมชน้ั โท และนกั ธรรมชน้ั เอก ตามล�ำ ดับ พระครูพิทักษ์ธรรมากรได้เรียนรู้การเทศน์กัณฑ์มัทรีจากครูบาบุญตัน ปญฺโญ และลุงตา บำ�รุงแจ่ม (ซ่ึงผู้เรียนจะต้องเก่งภาษาล้านนา) และเรียนรู้ลีลาการร่ายกาพย์ จังหวะเสียงจากครูอีกหลายท่าน อาทิ ท่านเจ้าคณุ พระราชสตุ ราจารย์ อดีตเจ้าคณะจงั หวัดลำ�พูน อาจารย์สงิ คะ วรรณชยั พอ่ หนานตา บา้ นสนั ปา่ ตอง แลว้ น�ำ ความรเู้ หลา่ นน้ั มาฝกึ ฝนดว้ ยตนเอง นอกจากนนั้ ยงั ไดเ้ รยี นการแตง่ บทประพนั ธร์ า่ ยและคา่ ว จากครบู าวดั บา้ นแจม่ จนอายยุ า่ งเขา้ ๒๑ ปี จึงได้เข้าพิธอี ุปสมบทเปน็ พระภิกษุ ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ พระครูพิทักษ์ธรรมากร ได้ก่อตั้งโรงเรียนโสภณวิทยา ศูนย์อบรมเด็กเล็ก ก่อนเกณฑ์ และศูนย์ศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จนชาวบ้านมีความเล่ือมใส ศรัทธาเป็นอย่างมาก เปน็ ศูนยร์ วมน้�ำ ใจของชาวบา้ นแจ่ม ตลอดจนพุทธศาสนกิ ชนโดยทว่ั ไป ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ พระครูพิทักษ์ธรรมากร ได้พัฒนาวัดบ้านแจ่มจนได้รับรางวัลเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ และวดั พฒั นาตัวอยา่ งดีเดน่ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖

ภาคเหนือ 41 ‡§√Ë◊ÕßÀ¡“¬‡™‘¥™‡Ÿ °¬’ √μ‘ §√Ÿ¿Ÿ¡‘ª≠í ≠“‰∑¬ ≈—°…≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªìπ™Õà ≈“¬°√–®ß— μ“ÕâÕ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿Ÿ¡‘ªí≠≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢âÕ§«“¡§√Ÿ¿Ÿ¡‘ªí≠≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– ‘Ëß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °‘®™¡ÿ ™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√—™≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºÕ⟠հ·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ พระครพู ทิ กั ษ์ธรรมากร ได้รว่ มก่อต้งั มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต เชียงใหม่ วิทยาลยั สงฆล์ ำ�พูน พระครพู ิทักษ์ธรรมากรได้เผยแพร่ธรรมะและอบรมสง่ั สอนพุทธศาสนิกชนทวั่ ไป ต้งั แต่ปีพ.ศ.๒๕๐๘ จนถึง ปจั จุบนั นับเป็นเวลานานกวา่ ๔๐ ปี องค์ความรู้ พระครพู ทิ กั ษธ์ รรมากร มคี วามรคู้ วามเชย่ี วชาญทางดา้ นพธิ กี รรมเทศนาลา้ นนา มงุ่ ตอ้ งการใหเ้ ยาวชน ประชาชน ทุกเพศทุกวยั เข้าใจและเรยี นรหู้ ลักธรรมค�ำ สอนและน�ำ ไปปฏิบัติในชวี ิตประจ�ำ วัน องคค์ วามรทู้ ่พี ระครฯู ไดส้ ่งั สม มาตัง้ แตเ่ ป็นสามเณรนานนับ ๔๐ ปี เป็นคุณประโยชนแ์ กส่ ังคมนานบั ประการ ดังน้ี • เชย่ี วชาญการเทศน์กณั ฑ์มัทรี ๒๖ ใบลาน ๗๙ คาถา โดยจะร่ายกาพยเ์ ปน็ การอารมั ภบทกอ่ น หลงั จาก น้ันจึงเทศน์ตามล�ำ ดับธรรมะ ซง่ึ แตล่ ะกัณฑจ์ ะแฝงดว้ ย ธรรมะ • เชย่ี วชาญการเทศนาแบบโบราณลา้ นนา (แหล่ มหาชาต)ิ และปาถกถาธรรม โดยเฉพาะการเทศนาสามารถ ใชป้ ฏภิ าณในการดน้ รา่ ย ดน้ แหลม่ หาชาติ ไดโ้ ดยฉบั พลนั ตามบริบทตามสถานการณ์ในขณะน้ัน การเทศนาของ ท่านมีสำ�นวนโวหารไพเราะน่าฟัง มีคติธรรมคำ�สอน สอดแทรกตลอดเวลา จงึ เปน็ ทนี่ ยิ มของพทุ ธศาสนกิ ชนทวั่ ไป • เชี่ยวชาญการประพันธ์ ร่าย ค่าวฮ่ำ� ค่าว กะโลง คำ�อาราธนาศพขึ้นปราสาท คำ�เวนตาน ฯลฯ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีต่างๆ ซ่ึงสอดแทรกข้อคิด ค�ำ สอนตามหลกั ธรรม เปน็ การปลกู ฝงั คณุ ธรรม อรยิ ธรรม สร้างสรรค์ความสงบสุขใหเ้ กิดขึ้นในสังคมโลก ผลงานท่ี สรา้ งสรรค์ ไดแ้ ก่ ค�ำ คา่ วปเู่ ฒา่ สอนหลาน บทเวนตานทงั้ ภาษาไทยและภาษาลา้ นนา หนังสอื คา่ วฮ�่ำ กะโลง (โคลง) ค�ำ อาราธนาศพขนึ้ ปราสาท ฯลฯ

42 ครภู มู ิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๗ ‡§√ÕË◊ ßÀ¡“¬‡™‘¥™Ÿ‡°¬’ √μ‘ §√Ÿ¿Ÿ¡‘ªí≠≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªπì ™àÕ≈“¬°√–®—ßμ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿Ÿ¡ª‘ í≠≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√¿Ÿ Ÿ¡ª‘ í≠≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπßË÷ „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °‘®™¡ÿ ™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºÕŸâ Õ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ การถ่ายทอดความรู้ พระครูพิทกั ษ์ธรรมากร ได้ถา่ ยทอดความรเู้ ผยแพรห่ ลกั ธรรมแก่พระภกิ ษุสงฆ์ ผู้เรียน และประชาชน ดังนี้ การศกึ ษาในระบบ : ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ วิทยาลัยสงฆ์ลำ�พูน โรงเรยี นโสภณวิทยา วัดบ้านแจม่ และโรงเรยี นวัดบ้านแจ่ม (กาวลี ะประชานกุ ลู ) การศกึ ษานอกระบบ : เทศนาธรรมะแก่ประชาชนโดยท่ัวไป อาทิ หน่วยอบรมประชาชนประจำ�ตำ�บล มะเขือแจ้ ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดบ้านแจ่ม ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา วนั อาทติ ย์ วัดบา้ นแจ่ม อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดล�ำ พูน การศกึ ษาตามอัธยาศัย : เทศนาเผยแพร่ธรรมสั่งสอนศรัทธาประชาชนในงานพิธีต่างๆ ทุกวัน ในจงั หวัดล�ำ พนู เชยี งใหม่ เชียงราย แพร่ นา่ น พะเยา และจังหวดั แมฮ่ ่องสอน ต้ังแตป่ ี ๒๕๐๘ จนถึงปัจจบุ ัน วิธีการถ่ายทอดความรู้ พระครพู ทิ กั ษธ์ รรมากร ท�ำ ตวั ใหเ้ ปน็ แบบอยา่ ง แบบฉบบั และมแี บบแผน เพอื่ ใหส้ งั คมเกดิ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง มีวิธกี ารถา่ ยทอดความรู้ตามบรบิ ท ดังนี้ • การสอนเทศน์ จะดวู า่ ผู้เรียนมรี ะดับเสียงอย่างไร ถ้าเทศนม์ หาชาติ เชน่ กณั ฑม์ ัทรีต้องเสียงเลก็ สูง กัณฑม์ หาราชตอ้ งเสยี งใหญ่ ฯลฯ • สาธติ การเทศนใ์ หฟ้ งั แล้วให้ผเู้ รียนเทศนต์ ามทีละวรรค ตั้งแตก่ ารตั้งนะโมจนจบกณั ฑ์ • บอกข้อจำ�กัดในการใช้เสียงของผู้เรียนแล้วให้ฝึกการออกเสียงอักขระ การเอื้อนเสียง จนเกิด ความชำ�นาญ • ให้โอกาสผู้เรียนด้วยการพาไปเทศน์ในงานพิธีต่างๆ จนกระทั่งผู้เรียนมีปฏิภาณในการเทศน์ สามารถ เทศน์ด้วยตนเองได้ นอกจากน้ี ยังได้จัดท�ำ เอกสารประกอบการถ่ายทอดและเผยแพร่ ได้แก่ ตำ�ราภาษาล้านนา ค�ำ ค่าวปู่เฒ่า สอนหลาน บทเวนตานทั้งภาษาไทยและภาษาล้านนา หนังสือคา่ วฮ�่ำ กะโลง (โคลง) และค�ำ อาราธนาศพขึ้นปราสาท

ภาคเหนอื 43 ‡§√ÕË◊ ßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °¬’ √μ‘ §√¿Ÿ ¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ ≈—°…≥–¢Õ߇¢¡Á ‡ªπì ™àÕ≈“¬°√–®—ßμ“ÕÕâ ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿Ÿ¡ª‘ í≠≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√Ÿ¿Ÿ¡ª‘ ≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑Ÿâ √ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπß÷Ë „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– ‘Ëß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏√ÿ °‘®™¡ÿ ™π »‘≈ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√™— ≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºâÕŸ Õ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ พระครพู ิทักษธ์ รรมากร เกดิ เมื่อวนั ที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ที่บา้ นแจม่ ต�ำ บลมะเขอื แจ้ อำ�เภอเมือง จังหวัดลำ�พูน เป็นบุตรคนที่ ๒ ในจำ�นวนพี่น้อง ๔ คน ของนายบุญทา บำ�รุงแจ่ม และนางคำ�ปนั บำ�รงุ แจม่ การศึกษา ปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาธรรมนิเทศ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั  พ.ศ. ๒๕๕๑ เกียรตคิ ุณที่ได้รบั ได้แก่  พ.ศ. ๒๕๓๔ เกียรติบัตรผู้บำ�เพ็ญประโยชน์เก้ือกูลกิจการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ ประจำ�สำ�นักเรียนวัดบ้านแจ่ม จากสมเด็จพระสังฆราชฯ  พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกาศนยี บตั รวัดพัฒนาตัวอยา่ ง จากกระทรวงศกึ ษาธกิ าร  พ.ศ. ๒๕๓๖ ประกาศนยี บตั รวดั พฒั นาดเี ดน่ จากกระทรวงศกึ ษาธกิ าร  พ.ศ. ๒๕๓๙ เกียรตบิ ัตรและเสาเสมาธรรมจกั รฯ จาก กระทรวงศึกษาธิการ  พ.ศ. ๒๕๔๓ ศิลปินดีเด่นจังหวัดลำ�พูน สาขาวรรณศิลป์ ด้านบทประพันธ์และ รา่ ย จากสำ�นักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ จงั หวัดล�ำ พนู  พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์พัดยศ เป็นเจ้าคณะตำ�บลช้ันเอก จากพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ฯ  พ.ศ. ๒๕๕๔ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๗ ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี (ประเพณี และพธิ กี รรมลา้ นนา) จากส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวง ศกึ ษาธกิ าร



ครูภูมิปัญญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรอินทรยี ์) นายณรงค์ แฉล้มวงศ์

ครภู ูมปิ ญั ญาไทย ด้านเกษตรกรรม (เกษตรอนิ ทรยี )์

นายณรงค์ แฉลม้ วงศ์ ครูภูมิปญั ญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรอนิ ทรยี )์ ครูณรงค์ แฉล้มวงศ์ เกิดเม่ือวันท่ี ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ภูมิลำ�เนาเดิมอยู่ที่จังหวัด อ่างทอง มคี วามรแู้ ละเช่ียวชาญในดา้ นเกษตรกรรม ท�ำ ไร่นาสวนผสมตามแนวทฤษฏใี หม่ โดยยดึ หลัก เศรษฐกิจพอเพยี ง คดิ คน้ และทดลอง ทำ�ปุย๋ ชวี ภาพน้ำ�หมักสารไล่แมลงสตู รตา่ งๆ แทนการใช้สารเคมี ซ่ึงไม่เป็นอันตรายต่อสขุ ภาพและไม่ทำ�ลายระบบนิเวศ ศึกษาวิจัย ทดลองหาธาตุอาหารเสริมจากพืช และสตั ว์ เปน็ ผนู้ �ำ ในการอนรุ กั ษพ์ นั ธขุ์ า้ วขาวกอเดยี วไมใ่ หส้ ญู หาย และดว้ ยความมจี ติ สาธารณะจงึ มงุ่ ถา่ ยทอด ความรใู้ หแ้ กผ่ เู้ รยี น โดยเฉพาะเกษตรกรใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ สามารถน�ำ ไปใชเ้ ปน็ แนวทางพฒั นาอาชพี ของตนได้ ผลงานเป็นทป่ี ระจักษน์ ับเปน็ ประโยชนต์ ่อสังคมโดยรวม การทคี่ รณู รงค์ แฉลม้ วงศ์ ได้น�ำ ความรดู้ ้านเกษตรกรรม (เกษตรอนิ ทรยี ์) ทต่ี นเองได้ศกึ ษา ค้นคว้า ค้นพบ ฝึกฝนจนประสบความสำ�เร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่อง เชิดชูเกียรติ จากสำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๗ ด้านเกษตรกรรม ประจำ�ปีพุทธศักราช ๒๕๕๔

นายณรงค์ แฉลม้ วงศ์ ครภู มู ิปญั ญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม (เกษตรอินทรยี )์ ชีวิต การศึกษา การเรียนรู้ และการท�ำ งาน ครณู รงค์ แฉลม้ วงศ์ ภมู ลิ �ำ เนาเดมิ อยทู่ จี่ งั หวดั อา่ งทอง ประกอบอาชพี ท�ำ ฟารม์ หมู ฟารม์ ไก่ เผาถา่ น รบั จา้ ง ท่วั ไป ต่อมาได้แต่งงานกับนางสมจิตร จึงหันมาทำ�เกษตรในทดี่ นิ ซ่งึ แม่ของภรรยายกใหจ้ �ำ นวน ๒๘ ไร่ จึงเกิดแนว ความคดิ ในการทำ�ไร่นาสวนผสมปลูกพืชหลายชนดิ เชน่ มะม่วง พทุ รา มะนาว กระท้อน ขนุน มะปราง มะขาม ลำ�ไย เงาะ ซง่ึ ทั้งมูลสัตวแ์ ละสารเคมีส่งผลตอ่ สุขภาพทำ�ให้ครูณรงค์ต้องเขา้ รับการรักษาท่โี รงพยาบาล จากการ แพ้สารเคมี ในปีพ.ศ. ๒๕๓๖ ผลจากการแพส้ ารเคมที �ำ ใหค้ รณู รงคเ์ รม่ิ คน้ หาความรใู้ หมแ่ ละไดม้ โี อกาสพบกบั อาจารยด์ พี รอ้ ม ไชยวงศเ์ กยี รติ ไดเ้ รียนร้แู ละนำ�มาทดลองในไร่นาของตนเองเป็นเวลา ๓ ปี (ตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๓๗) เม่ือเหน็ ว่าได้ผลดีแลว้ จึงเผยแพร่ ถา่ ยทอดให้กับชุมชน จนไดร้ บั การขนานนามวา่ “ปราชญช์ าวบ้านผอู้ ุทิศตนเพ่ือสว่ นรวม” นอกจากนี้ยงั ได้ผลักดันให้เกดิ การจัดตั้งกลมุ่ ผลิตปุย๋ ชวี ภาพต�ำ บลวงั ตะกู จนกลายเป็นสนิ คา้ หนึ่งต�ำ บลหนึง่ ผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน ครูณรงค์เป็นประธานชมรมเกษตรธรรมชาติและอาหารปลอดสารพิษจังหวัดพิจิตร และมูลนิธิ ร่วมพัฒนาพิจิตร ซ่ึงดำ�เนินการในรูปของกลุ่มเครือข่าย มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ร่วมมือให้ความช่วยเหลือกัน สง่ ผลใหเ้ กดิ การขยายผล “เกษตรปลอดสารพิษ” ครอบคลมุ ทุกตำ�บลของอำ�เภอบางมลู นาก ทุกอำ�เภอในจังหวดั องค์ความรู้ทงั้ มวลไดถ้ กู ถา่ ยทอดไปสู่เกษตรกรและผ้เู รียนทกุ คนอย่างต่อเนื่องนานกวา่ ๑๕ ปี

ภาคเหนอื 49 ‡§√ËÕ◊ ßÀ¡“¬‡™¥‘ ™‡Ÿ °’¬√μ‘ §√¿Ÿ ¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ ≈°— …≥–¢Õ߇¢Á¡ ‡ªìπ™àÕ≈“¬°√–®ß— μ“ÕâÕ¬ ˘ ™Õà ·∑π¿¡Ÿ ‘ª≠í ≠“‰∑¬ ˘ ¥â“π ª√–°Õ∫¢Õâ §«“¡§√¿Ÿ Ÿ¡‘ª≠í ≠“‰∑¬ §«“¡À¡“¬ À¡“¬∂ß÷ §«“¡‡ªπì º∑⟠√ߪ≠í ≠“¢Õß§√¿Ÿ ¡Ÿ ª‘ ≠í ≠“‰∑¬¥“â π„¥¥“â πÀπß÷Ë „π ˘ ¥“â 𠉥·â °à ‡°…μ√°√√¡ Õÿμ “À°√√¡·≈–À—μ∂°√√¡ °“√·æ∑¬å·ºπ‰∑¬ °“√®—¥°“√∑√—欓°√∏√√¡™“μ‘·≈– Ë‘ß·«¥≈âÕ¡ °Õß∑ÿπ·≈– ∏ÿ√°‘®™ÿ¡™π »≈‘ ª°√√¡ ¿“…“·≈–«√√≥°√√¡ ª√—™≠“ »“ π“ ·≈–ª√–‡æ≥’ ·≈–‚¿™π“°“√ ºâŸÕÕ°·∫∫ π“¬ππ∑«‘ √√∏πå ®π— ∑π–º≈π‘ Õ“®“√¬¿å “§«™‘ “ª√–μ¡‘ “°√√¡ §≥–®μ‘ √°√√¡ ª√–μ¡‘ “°√√¡ ·≈– ¿“ææ‘¡æå ¡À“«∑‘ ¬“≈¬— »≈‘ ª“°√ องค์ความรู้ ครณู รงค์ แฉลม้ วงศ์ เป็นผู้มคี วามอุตสาหะ มงุ่ ม่นั ท�ำ งานโดยยึดหลกั เกษตรกรรมแบบไร่นาผสมผสานตาม วิถีทางเศรษฐกิจพอเพียง ทุกอย่างที่ทำ�เกิดจากการเรียนรู้ ทดลองในสวนของตนเองจนประสบผลสำ�เร็จ แล้วจึง เผยแพร่ โดยเนน้ การรักษาสิง่ แวดลอ้ มปลอดสารพษิ • คิดค้นจุลินทรีย์ และสารไล่แมลงศัตรูพืช โดยใช้สมุนไพรเป็นหลัก เช่น เพลี้ยไฟ แมลงหว่ีขาว หมดั กระโดดทางใบ เพลี้ยออ่ นสะเดา เพลย้ี แปง้ รากเนา่ โคนเนา่ ผลเนา่ ไสเ้ ดอื นฝอย โรคเนา่ คอใน โรคเหย่ี วโรคเนา่ โรคใบจดุ ฯลฯ • คิดคน้ และทดลองหาธาตอุ าหารเสรมิ จากพชื และสตั วแ์ ต่ละชนดิ เชน่ แคลเซยี ม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ ธาตเุ หล็ก และทองแดง - ธาตุเหล็ก ได้จากยอดอ่อนของพืชฟักเขียว เผือก กระถิน แคลเซียมได้จากผักแก่จัด เกล็ดปลา กระดกู เปลือกไข่ - แมกนีเซียม ได้จากพชื ผลไม้รสหวาน หอมฉนุ จนออกกลิน่ ฉนุ (สับปะรด มะไฟ สตรอเบอรรี่ ล้ินจ่ี) ในสัตว์ กา้ ง กระดูก - ซลั เฟอร์ ไดจ้ ากพชื มกี ลนิ่ ฉนุ (คนื่ ฉา่ ย ตน้ หอม หอมแดง หวั กระเทยี ม) ในสตั ว์ ในเลอื ด เมอื กเนอ้ื สด - ทองแดง มีในพืชเขยี วสด เมล็ดแก่และตระกูลถ่ัว เครื่องในสัตว์ • ทำ�ปยุ๋ หมกั ชีวภาพนำ้�โดยมีการทดลองจรงิ ให้เหน็ ผลท่ีชดั เจน เชน่ ฮอรโ์ มนเรง่ โต ฮอร์โมนลกหมูบ�ำ รุง เร่งเต่ง เพิ่มนำ้�หนัก เร่งการเจริญเติบโตฉีดถั่ว ฮอร์โมนเร่งเจริญเติบโตทั้งใบและต้น ซึ่งการทำ�ฮอร์โมนเหล่าน้ี สว่ นใหญจ่ ะน�ำ วตั ถดุ บิ มาจากพชื และสตั วท์ อ่ี าศยั อยใู่ นพน้ื ทข่ี องไรน่ าสวนผสมหรอื หอยเชอรรี่ น�ำ มาใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ และการด�ำ เนนิ การทดลองในแปลงไรน่ าสวนผสมของตนเองกอ่ นน�ำ ไปขยายผลถา่ ยทอดใหเ้ ครอื ขา่ ยและผสู้ นใจทว่ั ไป • ริเรม่ิ ตัง้ โรงเรียนผู้นำ� (วิทยากรปรบั แนวคดิ สูก่ ารพึ่งพากันเองและตนเอง) หรอื “วปอ. ภาคประชาชน เพื่อถา่ ยทอดความรู้แกเ่ กษตรกรและทุกคนที่สนใจมาเรยี นรู้ มีทั้งหมด ๖ ฐานเรียนรู้ ได้แก่ ไรน่ าสวนผสม สวนผสม อนิ ทรีย์ เกษตรประณีต วิสาหกจิ ชุมชน ผกั ปลอดสารพษิ และการสร้างเครอื ขา่ ย อบรมต้งั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๔๒ ถงึ ปจั จบุ ันจ�ำ นวน ๒๗ รุ่นๆ ละ ๕๐ คน • จดั ต้งั กลุ่มยมื พันธุข์ ้าวขาวกอเดียว โดยเป็นธนาคารพนั ธ์ุข้าว และอนุรักษพ์ นั ธุ์ข้าวขาวกอเดยี ว ซงึ่ เป็น พันธ์ุพื้นเมืองด้ังเดมิ ของอำ�เภอบางมลู นาก จงั หวดั พิจิตร ที่กำ�ลังจะสูญหายไป (เป็นข้าวขาวหุงข้นึ หมอ้ อร่อยนมุ่ ) โดยรวบรวมเกษตรกร ๒๐ กวา่ ราย ปลกู ข้าวพนั ธดุ์ งั กล่าวในเน้ือท่ี ๓๐ ไร่ • ท�ำ การขยายพันธ์ุขา้ ว ดว้ ยการคัดเลอื กเมล็ดพันธท์ุ ี่ยาวสวย ไมด่ า้ น ไมเ่ ปน็ ทอ้ งปลาซิว เพือ่ นำ�มาเพาะ เปน็ ขา้ วสายพนั ธหุ์ ลักไวใ้ ชใ้ นปตี อ่ ๆ ไป ในแปลงเกษตรและสำ�หรบั เผยแพรไ่ ปยงั เครือขา่ ย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook