มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 172 1.2 ดา้ นการจดั การเรียนการสอน มี 26 สมรรถนะย่อย ประกอบดว้ ย สมรรถนะการประเมิน สามารถใช้กลยุทธ์การสอนท่ีหลากหลาย ครูเปลี่ยนการสอน ครูสอนแบบ Active Learning การจัดการ เรียนรู้ สื่อ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ สมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอนยึดนักเรียน สมรรถนะด้านการเป็นผู้อานวยความสะดวกและแนะแนวทาง สามารถออกแบบแผนการสอนได้ดี สมรรถนะการบริหารจัดการช้ันเรียน ดูแล ช่วยเหลือ และพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามศักยภาพ สามารถรายงานผลการพฒั นาคุณภาพผู้เรียนได้อยา่ งเป็นระบบ สมรรถนะดา้ นการวดั ประเมินผลเพื่อการ พัฒนาและคานึงถึงความแตกต่างหลากหลายระหว่างบุคคล การบริหารจัดการชั้นเรียน ส่งเสริมการ เรียนรู้ เอาใจใส่ และยอมรับความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละบุคคล พัฒนาตนเองให้มีความเชี่ยวชาญใน ศาสตร์การสอน สามารถประเมินได้ มสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้อยา่ งมืออาชีพ การจัดการเรยี นรู้ การจัดการ เชิงบวกในห้องเรียน การใส่ใจด้านการสอนและการดูแลนักเรียน สมรรถนะด้านการสอน ใช้กลยุทธ์ การเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิผลสูงสุด ประเมินผลและให้ข้อเสนอแนะ ด้านการเรียนรู้ของนักเรียน การวางเป้าหมายและจุดประสงค์การสอนในแต่ละคร้ังอย่างชัดเจน และดาเนินการให้บรรลุผลตามท่ีได้ วางไว้ เปน็ ผเู้ ช่ยี วชาญดา้ นการสอน ความสามารถในการปรับปรงุ การเรยี นรู้ของตนเองและประสิทธิภาพ รวมถงึ การศึกษาและทักษะการวจิ ัย การจดั การห้องเรียนท่ดี ีและวางแผน และจดั การเรียนการสอนอย่าง มปี ระสิทธิผล ทีเ่ ป็นเชน่ นี้เพราะ ครูเป็นบุคลากรวชิ าชีพซ่ึงทาหนา้ ท่ีหลักทางด้านการเรียนการสอน และ การส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอนเป็นการนา สิ่งที่กาหนดไว้ในหลักสูตรลงสู่ภาคปฏิบัติ เป็นกระบวนการวางแผนอย่างมีระบบ โดยมีการวิเคราะห์ องค์ประกอบการเรียนรู้ ทฤษฎีการเรียนการสอน สื่อกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ รวมถึงการประเมินผล เพ่ือให้ผ้สู อนสามารถถา่ ยทอดความรู้สูผ่ ู้เรียน ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามท่ีกาหนด ไว้ในหลักสูตร สอดคล้องกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2553) คณะกรรมการคุรุสภา (2562) The Teachers’ Council of Thailand (2018) European Union (2009) สานักงานสง่ เสริมสังคมแห่ง การเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) (2557) The Australian Institute for Teaching and School Leadership (AITSL) (2018) ดิง (Ding, 2016) ซเี กอร์ (Zeiger, 2018) และ มลู นธิ ิสยามกัมมาจล (2560) ที่ เสนอแนวคิดว่าด้านการจัดการเรียนการสอน ควรมีสมรรถนะท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน ดังน้ี การบริหารจัดการช้ันเรียน การจดั การเรียนรู้แบบ Active Learning การส่งเสริมการเรียนรู้ เอาใจใส่ และยอมรับความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละบุคคล การพัฒนาตนเองให้มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ การสอน การจดั การเชงิ บวกในห้องเรยี น รวมถึงการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 1.3 ด้านการพัฒนาตนเองและเทคโนโลยี มี 48 สมรรถนะย่อย ประกอบด้วยสมรรถนะ ด้านวัฒนธรรมและข้ามวัฒนธรรม ความสามารถในการเรียนรู้ การตัดสินใจ การมีอิสระ การพัฒนา ทักษะการคิดขั้นสูง และทักษะที่เก่ียวข้องกับความรู้ การพัฒนาและการสร้างสรรค์ ความสามารถใน การไตร่ตรองและประเมินประสิทธิภาพของตัวเอง ความสามารถในการวิเคราะห์สังเคราะห์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 173 ประเมินผลระบุปัญหาและหาแนวทางแก้ไข มีความรู้ในวิชาชีพและปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เพ่ิมพูน ความรู้ ในเร่ืองที่ตนเองจะสอนในเชิงกวา้ งและเชิงลึก ทกั ษะการวิจัย ทักษะการเป็นผู้นา ชน่ื ชมความ หลากหลายและผู้ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม พัฒนาตนเองให้มีความเช่ียวชาญในศาสตร์ การสอน วิจัย สร้างนวัตกรรม และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของ ผู้เรียน พัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ทันสมัย และทันต่อการเปล่ียนแปลง มีวิจารณญาณในตนเอง กา้ วทันข้อมลู ข่าวสารด้านการพัฒนา ทงั้ ในระดับท้องถ่ิน ระดับประเทศ ระดับภมู ิภาค และระดับโลก ภาวะผู้นา ทักษะการคิด ไม่ว่าจะเป็นการคิดวิพากษ์ คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สามารถทางาน รว่ มกนั ได้ การรกั ษาลักษณะท่ีเป็นมืออาชีพ ครูผู้เขา้ ใจสถานการณ์สังคม ทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี ต่าง ๆ ครตู ้องแสดงให้เหน็ ถงึ ความเปน็ ผู้นา เก่งในการสื่อสาร สมรรถนะดา้ นการข้ามวัฒนธรรม ความ ทันสมัยของการคมนาคมและการส่ือสารรูปแบบใหม่ ๆ สมรรถนะด้านพาณิชยกรรมเทคโนโลยี สมรรถนะด้านโลกาภิวัตน์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อวิชาชีพ ทักษะการสื่อสารในการใช้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัตงิ าน การพัฒนาตนเอง การทางานเป็นทีม สมรรถนะด้านกลยทุ ธ์ในอนาคต สมรรถนะการเรียนรู้ การบริการท่ีดี ครูมี Growth Mindset ครูเชื่อ ว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้ ครูแสวงหาความรู้ใหม่ และใช้ IT เป็น สมรรถนะด้าน การให้คาปรกึ ษา ทักษะการเรยี นรใู้ ฝเ่ รียนรู้อย่เู สมอเม่ือมโี อกาส ทกั ษะการทางานเป็นทีมรว่ มกับผู้อื่น สมรรถนะด้านการศึกษาเรียนรู้ โดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทักษะพ้ืนฐาน สมรรถนะด้านการทางานเป็น ทีมและการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน สมรรถนะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี และการรู้เท่าทันส่ือ ทักษะภาวะผู้นาทางวิชาการ ทักษะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ทักษะมนุษยสัมพันธ์ และทักษะการ แก้ปัญหา และการตัดสินใจ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ครูเป็นอาชีพท่ีมีใบประกอบวิชาชีพ การพัฒนาตนเองจึง เป็นกระบวนการพัฒนาสมรรถนะและวิชาชีพครู โดยมีการวางแผนพัฒนาตนเอง และดาเนินการพัฒนา ตนเองตามแผนอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับสภาพการปฏิบัติงานความต้องการจาเป็น องค์ความรู้ใหม่ นโยบาย แผนกลยุทธ์ของหน่วยงานการศึกษาหรือส่วนราชการต้นสังกัด มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ในระดับสถานศึกษา หรือระดับเครือข่าย หรือระดับชาติ และแสดงบทบาทในชุมชนการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ด้วยความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตรท่ีมีวิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมายและภารกิจร่วมกัน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน เพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กร และ สร้างนวัตกรรมจากการเข้ารว่ มในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สอดคล้องกับคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน (2553) คณะกรรมการคุรุสภา (2562) The Teachers’ Council of Thailand (2018) European Union (2009) ดิง (Ding, 2016) ซีเกอร์ (Zeiger, 2018) เนสซิพบายวา (Nessipbayeva, 2012) มูลนิธิสยามกัมมาจล (2560) วายุ อินทิรา เฮอร์แมนโต และ พราโมโน (Wahyu, Indira, Hermanto and Pramono, 2019) และ เอกชัย กี่สุขพันธ์ (2559) ท่ีเสนอแนวคิดว่าด้านการพัฒนา ตนเองและเทคโนโลยี ครูควรมีสมรรถนะพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ทันสมัย และทันต่อการ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 174 เปล่ียนแปลง มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์การสอน เพิ่มพูนความรู้ในเรื่องที่ตนเองจะสอนในเชิงกว้างและ เชิงลึก สามารถในการวิเคราะห์สังเคราะห์ประเมินผลระบุปัญหาและหาแนวทางแก้ไข ศึกษาเรียนรู้การ ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทักษะพ้ืนฐาน และการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสอน มีทักษะการคิด คิดวิพากษ์ คดิ วิเคราะห์ คดิ สร้างสรรค์ รวมถึงมีทกั ษะการส่ือสารในการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 1.4 ด้านคุณธรรม จริยธรรมมี 9 สมรรถนะย่อยประกอบด้วย มุ่งม่ันพัฒนาผู้เรียนด้วยจิต วิญญาณความเป็นครู ความมุ่งมั่นทางจริยธรรม ครูมีจิตวิญญาณความเป็นครู ครูรัก ห่วงใยลูกศิษย์ การ เป็นต้นแบบ แบบอย่างที่ดี เป็นตัวอย่างท่ีดี ประพฤติตน เป็นคนดีท้ังใน ชีวิตส่วนตัวและการทางาน สมรรถนะด้านทัศนคติ จริยธรรม และค่านิยม สมรรถนะด้านคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ ใน วิชาชีพ จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง ท่ีเป็นเช่นนี้เพราะ วิชาชีพครูถือเป็นวิชาชีพชนั้ สูงที่มีความสาคัญและ เป็นกลไกหลักในพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้แก่ประเทศชาติ ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องใช้องค์ความรู้ใน สาขาวิชาเฉพาะและวิชาชีพครู ร่วมกับคุณลักษณะความเป็นครูที่สะท้อนการเป็นผู้มีจิตวิญญาณ ความเป็นครู จึงจะสามารถสั่งสอนอบรมศิษย์ให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขและใฝ่เรียนรู้ตลอดชีวิต รวมท้ังสร้างเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาคุณลักษณะตามท่ีสังคมต้องการได้อย่างเต็มศักยภาพข อง ผู้เรียนแต่ละบุคคล สอดคล้องกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (2553) คณะกรรมการคุรุสภา (2562) The Teachers’ Council of Thailand (2018) European Union (2009) ดิง (Ding, 2016) ฉัตรชัย หวังมีจงมี (2560) มูลนิธิสยามกัมมาจล (2560) ที่เสนอแนวคิดว่าด้านคุณธรรม จริยธรรม ครูควรมีสมรรถนะมุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีท้ังใน ชีวติ สว่ นตัวและการทางาน มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม รักและหว่ งใยลกู ศิษย์ 1.5 ด้านความสัมพันธ์กับชุมชนและการมีส่วนร่วม มี 11 สมรรถนะย่อย ประกอบด้วย ศึกษา เข้าถึงบริบทของชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความแตกต่างทางวัฒนธรรม สร้าง เครือข่ายความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพของผู้เรียน ส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น การสื่อสารกับพ่อแม่ผู้ปกครอง การสร้างความสัมพันธ์ และ ความร่วมมือกับชุมชน เพ่ือการจัดการเรียนรู้ให้ชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อช่วยในการเรียนรู้ของนักเรียน สมรรถนะด้านสังคม การสื่อสารและอารมณ์ ร่วมมอื กบั ผู้ปกครองในการพฒั นาและแก้ปัญหาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ร่วมมือกับพ่อแม่ และผู้ปกครอง มีส่วนร่วมอย่างมืออาชีพกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ปกครอง และชุมชน และปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนา วิชาชีพที่เป็นเช่นน้ีเพราะมาตรฐานการปฏิบัติตนของครู กาหนดให้ครูต้องร่วมมือกับผู้ปกครองในการ พัฒนาและแก้ปัญหาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ปกครอง และชุมชน เพ่อื สนับสนุนการเรียนรู้ทมี่ คี ณุ ภาพของผ้เู รียน ศกึ ษา เขา้ ถงึ บรบิ ทของชมุ ชน และสามารถ อยู่ร่วมกันบนพ้ืนฐานความแตกต่างทางวัฒนธรรมและส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรม และภูมิปัญญา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 175 ท้องถ่ิน ซึ่งสอดคล้องกับคณะกรรมการคุรุสภา (2562) The Teachers’ Council of Thailand (2018) สานักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) (2557) The Australian Institute for Teaching and School Leadership (AITSL) (2018) และ ดิง (Ding, 2016) ที่เสนอ แนวคิดว่าด้านความสัมพันธ์กับชุมชนและการมีส่วนร่วม ครูควรมีสมรรถนะร่วมมือกับผู้ปกครองใน การพัฒนาและแก้ปัญหาผู้เรียน สร้างความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับชุมชน สร้างเครือข่ายความ ร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน เพ่ือสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีคุณภาพของผู้เรียน ส่งเสริม อนุรักษ์ วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ 1.6 ด้านการให้ความสาคัญกับผู้เรียน มี 16 สมรรถนะย่อย ประกอบด้วย อานวยความ สะดวกในการเรียนรู้ให้กับนักเรียน สะท้อนการปฏิบัติของนักเรียน สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กอยาก เรียน อยากแสวงหาความรู้ ปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับนักเรียน สามารถระบุความต้องการของนักเรียน ความ รักและความเมตตาต่อศิษย์ มีความคาดหวังต่อนักเรียนสูง รักเด็กและรักการสอน สนับสนุนการ ยอมรับนับถือและความหลากหลายของบุคคล รู้จักนักเรียนของตน มีความเป็นมิตรและความวางใจ ตอ่ นักเรยี นสูง รจู้ ักนกั เรียนและวิธีการเรยี นรู้ การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และการวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาผู้เรียน สร้างแรงบันดาลใจผู้เรียนให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้และผู้สร้างนวัตกรรม การพัฒนาผู้เรียน และประเมิน สะท้อนกลับและรายงานเก่ียวกับการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เป็นเช่นน้ีเพราะ การรู้จักผู้เรียนเป็น รายบคุ คลโดยการวเิ คราะห์ผู้เรียน เปน็ ข้ันตอนที่สาคญั ทส่ี ดุ ก่อนเรมิ่ ทาการสอน ครูผสู้ อนทกุ คนต้องมี ความเข้าใจว่านักเรียนแต่ละคนมีพ้ืนฐานความเป็นมาของชีวิตท่ีไม่เหมือนกัน ถูกหล่อหลอมจนเกิด พฤติกรรมหลากหลายรปู แบบแตกต่างกนั ออกไป การรจู้ กั ผ้เู รยี นเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มจะช่วยให้ ครูมีข้อมูลที่สาคัญในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ตามความต้องการ ความถนัด ความ สนใจการเรยี นรชู้ องผเู้ รยี นแตล่ ะคน ครผู สู้ อนจึงจาเปน็ ต้องมีข้อมลู ตา่ ง ๆ เกยี่ วกับผเู้ รยี นอย่างชัดเจน จะช่วยให้เข้าใจนักเรียนมากขึ้น สามารถนาข้อมูลมาวิเคราะห์เพ่ือเป็นประโยชน์ในการส่งเสริม พัฒนาหรือป้องกันแก้ไขปัญหานักเรียนได้อย่างถูกทาง ซึ่งสอดคล้องกับคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน (2553) คณะกรรมการคุรุสภา (2562) The Teachers’ Council of Thailand (2018) สานักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) (2557) The Australian Institute for Teaching and School Leadership (AITSL) (2018) ดิง (Ding, 2016) ซีเกอร์ (Zeiger, 2018) ฉัตรชัย หวังมีจงมี (2560) เนสซิพบายวา (Nessipbayeva, 2012) และ มูลนิธิสยามกัมมาจล (2560) ท่ี เสนอแนวคิดว่าด้านการให้ความสาคัญกับผู้เรียน ครคู วรมสี มรรถนะรักเด็กและรักการสอน รจู้ ักนกั เรียน ของตน มปี ฏสิ ัมพันธ์ทด่ี ีกับนักเรียนสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เรยี นให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ และผสู้ รา้ งนวัตกรรม อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้กับนักเรียน สนับสนุนการยอมรับนับถือและความหลากหลายของ บคุ คล ประเมิน สะท้อนกลับและรายงานเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 176 1.7 ด้านการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ มี 4 สมรรถนะย่อย ประกอบด้วย การสร้าง สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ สรา้ งและสนับสนุนสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ครูสรา้ งสภาพแวดล้อม สาหรับรองรับนักเรียนที่มีความหลากหลาย และจัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมี ความสุขในการเรียน โดยตระหนักถึงสุขภาวะของผู้เรียน ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การจัดสภาพแวดล้อมการ เรียนรู้ท่ีเหมาะสมต่อผู้เรียนเป็นสิ่งท่ีจาเป็นอย่างย่ิงในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคแห่งความเปล่ียนแปลงท่ี เกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมทางด้านเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจาวันของมนุษย์ เป็นอย่างมาก การส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้ในยุค 4.0 จึงมีความสาคัญ ทั้งน้ีก็เพื่อสร้าง เยาวชนในยุคใหม่ให้มีความพร้อมกับการดารงชีวิตในโลกปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงสอดคล้องกับ คณะกรรมการคุรุสภา (2562) The Australian Institute for Teaching and School Leadership (AITSL) (2018) ซีเกอร์ (Zeiger, 2018) เนสซพิ บายวา (Nessipbayeva, 2012) ทีเ่ สนอแนวคิดว่า ดา้ นการ จัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ครูควรจัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความสุขใน การเรยี น โดยรองรบั นกั เรยี นทมี่ ีความหลากหลาย และสนบั สนุน สภาพแวดล้อมการเรียนรทู้ ี่ปลอดภัย 2. รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ผลการวิจัยพบว่าประกอบ 7 ด้าน ดงั น้ี 1) การพฒั นาศาสตร์การสอน 2) การนิเทศ และตดิ ตามผล 3) การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ 4) การแสวงหาและพัฒนาตนเอง 5) การสร้างเครือข่าย ทีมงาน และความร่วมมือ 6) การเสริมแรง และ 7) การเปล่ียนบทบาท รูปแบบทางความคิดของการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ท่ีมี 7 ด้านนี้ เป็นการรวบรวมแนวคิดจากนักวิชาการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจานวนมาก ผ่านการ วิเคราะห์ และกระบวนการทางสถิติจัดกลุ่มของตัวแปร ได้ท้ังหมด 7 กลุ่มดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับ สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา (2555) ทศ่ี ึกษารปู แบบการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใช้โรงเรยี นเป็นฐาน มีองค์ประกอบ ดังนี้ การสารวจความต้องการจาเป็นในการฝึกอบรม ส่วนใหญ่ใช้กระบวนการกลุ่มและ เทคนิคการสนทนากลุ่ม การออกแบบการฝึกอบรม ส่วนใหญ่ใช้กระบวนการกลุ่มในการออกแบบ การ ฝึกปฏิบัติ ใช้การฝึกปฏิบตั ริ ายบคุ คลในห้องเรียน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ใช้การประชุมแลกเปล่ียน การ นิเทศและติดตามผล ส่วนใหญ่ใช้การสนทนากลุ่มเป็นรายบุคคล การสะท้อนความคิดของครู ส่วนใหญ่ ใช้การสัมมนา การประเมินการฝึกอบรม ใช้การสัมมนาและการประเมินความพึงพอใจ และสอดคล้อง กับงานวิจัยของ สายสวาท เสาร์ทอง (2561) ที่ศึกษาเร่ือง กลยุทธ์การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อให้ สอดคล้องกับการจัดการศึกษาเรียนรู้ยุค 4.0 ของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พบว่าประกอบด้วยกลยุทธ์ 6 ด้าน คือ ด้านทักษะ ด้านความรู้ ด้านบุคลิกภาพ ด้านสังคม ด้านการสอน และด้านคุณธรรมจริยธรรม และสอดคลอ้ งกับ อรยิ า คหู า และ หริรักษ์ แกว้ กับทอง (2559) ศึกษาเรือ่ ง สมรรถนะความเปน็ ครูของ นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า สมรรถนะความเป็นครูโดยรวมอยู่ใน ระดับมาก และเรียงลาดับจากมากไปน้อย ดังนี้ สมรรถนะจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 177 สมรรถนะการทางานเป็นทีม สมรรถนะการบริการที่ดี สมรรถนะการมุ่งสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน และ สมรรถนะการพัฒนาตนเอง ส่วนรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ในแต่ละองค์ประกอบ ผู้วิจัยจะ อภปิ รายในแต่ละดา้ น ดังนี้ 2.1 การพัฒนาศาสตร์การสอน ประกอบด้วย 37 ตัวแปร ดังนี้ การถามคาถาม ใช้วิธีการ สอนท่ีหลากหลาย การสงั เกตและจดบันทึกการสอนของครูท่านอ่ืนท่ีประสบความสาเร็จ กาหนดรูปแบบ และเคร่อื งมือในการสาธิตการเรยี นรู้ การอ่าน การประชมุ วิชาการ สมั มนา และการประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ การฝึกปฏิบัติ ใช้การฝึกปฏิบัติรายบุคคลในห้องเรียน การรับการฝึกจากหัวหน้างานหรือเพ่ือนร่วมงาน การดูวิดีโอท่ีเก่ียวข้อง การออกแบบการฝึกอบรม เปิดโอกาสและให้มีช่วงเวลาคุณภาพเพ่ือสนทนา แลกเปล่ียนเรียนรู้กัน มีการปฐมนิเทศเชิงปฏิบัติและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเน่ือง พัฒนาวิธีการสอนและการ ใช้ส่ือที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้ผ่านการทดลอง มีความต่อเน่ืองในการนาเสนอ และใช้วิธี สอนการสอน การเรียนรู้จากการปฏิบัติโดยหมุนเวียนครูให้ปฏิบัติงานในหลายหน้าที่ การพัฒนาและใช้ ประโยชน์จากแหล่งการเรียนการสอน สอนในระบบโมดูล การสารวจความต้องการจาเป็นในการ ฝึกอบรม การให้คาปรึกษา การสะท้อนความคิดของครู โดยใช้การสัมมนา การศึกษาดูงานโรงเรียนท่ี ประสบความสาเร็จ การไปศึกษาดูงาน การจัดอบรมสัมมนาในโรงเรียน โดยเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ ความรู้ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ การส่งครูไปเข้าร่วมการประชุม อบรม สัมมนาตามที่หน่วยงานต่าง ๆ จัด ขึ้น การฝึกกระบวนการการสอนแบบเป็นข้ันเป็นตอน จัดทาแผนการสอนที่เหมาะสมสอดคล้องกับ วสิ ยั ทัศนแ์ ละพันธกิจของโรงเรียน การฝึกสอน การฝึกอบรมเพ่ือสุขภาพ การศกึ ษาดูงาน การสาธิต การ ระดมสมอง นาเสนอเทคนิคการสอน และการเรียนท่ีมีประสิทธิภาพที่ส่งเสริมการพัฒนาเป็นรายบุคคล การอภิปราย การฝึกอบรมแบบกรณีศึกษา การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และการบรรยาย ท่ีเป็นเช่นน้ี เพราะหน้าท่ีหลักของผู้ท่ีประกอบวิชาชีพครู คอื บุคลากรซึ่งทาหน้าที่หลักในการจัด กระบวนการเรียนรู้ เป็นแหล่งความรู้ของผู้เรียน ตลอดจนเอ้ืออานวย ส่งเสริม และพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและกระตุ้น ให้ผู้เรียนเกิดการใฝ่รู้และมีสมรรถนะด้านต่าง ๆ สอดคล้องกับ โชติชวัล ฟูกิจกาญจน (2556) สานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา (2560) The Teachers’ Council of Thailand (2018) ซมอลียานิโนวา และ เบซิสเวสเนค (Smolyaninova and Bezyzvestnykh, 2019) เบเนดิก และ โมลนาร์ (Benedek György Molnár (2012) ศูนย์ซีมีโอ (SEAMEO, 2010) ที่เสนอแนวคิดว่า การพัฒนาครูด้านศาสตร์การสอนนั้น จาเป็นต้องพัฒนาด้วยกิจกรรมท่ีหลากหลาย การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การระดมสมอง การสาธิต การศึกษาดูงาน การศึกษาดูงานโรงเรยี นท่ีประสบความสาเรจ็ การให้คาปรึกษา การฝึกปฏิบัติ ใช้การฝึก ปฏิบัติรายบุคคลในห้องเรียน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสังเกตและจดบันทึกการสอนของครูท่านอื่นที่ ประสบความสาเรจ็
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 178 2.2 การนเิ ทศ และตดิ ตามผล ประกอบด้วย 10 ตัวแปร ดงั น้ี จดั ใหม้ กี ารสอบเพ่ือรับและต่อ ใบอนุญาตประกอบ ประเมินผลการทางานของครู การวัดและประเมินผลด้วยการผสมผสานเข้ากับ กระบวนการสอนโดยเน้นพัฒนาการและความก้าวหน้าของผู้เรียน การนิเทศภายในกาหนดให้ครูทุกคน ต้องพัฒนาตนเองทุกปี การสร้างเครื่องมือวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ พัฒนาค่านิยมขององค์การในเร่ือง การทางานเป็นหมู่คณะ การเปดิ เผย และความไวว้ างใจ การนเิ ทศและติดตามผล โดยใชก้ ารสนทนากลุ่ม เป็นรายบุคคล การประเมนิ การฝึกอบรม ใชก้ ารสัมมนาและการประเมินความพึงพอใจ การประเมินและ ประเมินผลการเรียนของผู้เรียน ท่ีเป็นเช่นนี้เพราะ การนิเทศ และติดตามผล เป็นกระบวนการพัฒนาครู เพ่ือให้ครูปรับปรุงและพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้การจัดการศึกษาบรรลจุ ุดมุ่งหมายท่วี างไว้ การนิเทศการศึกษาจึงเป็นกระบวนการในการแนะนาช่วยเหลือครู ให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับ พิณสุดา สิริรังธศรี (2557) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2560) เชาว์ อินใย, จรรยาลักษณ์ วังคีรี, วัชรี โสธรรมมงคล (2555) สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และ บุคลากรทางการศึกษา (2557) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2555) และศูนย์ซีมีโอ (SEAMEO, 2010) เสนอแนวคิดว่า การพัฒนาด้านการนิเทศ และติดตามผล ควรจัดให้มีการประเมินผลการทางาน ของครู การนิเทศภายใน การวัดและประเมินผลด้วยการผสมผสานเข้ากับกระบวนการสอนโดยเน้น พัฒนาการและความก้าวหน้าของผู้เรียน การสนทนากลุ่มเป็นรายบุคคล การประเมินความพึงพอใจ การประเมินผลการเรียนของผ้เู รียน 2.3 การใช้เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ ประกอบด้วย 6 ตัวแปร ดังนี้ ใช้เทคนิคการ นาเสนอท่ีทันสมัย ทาความคุ้นเคยกับวิธีการใหม่ ๆ ด้วย ICT นาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการพัฒนาโดย พัฒนาระบบออนไลน์ ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของครูด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สร้าง โอกาสการเรียนรู้ของครูในการใช้เทคโนโลยีอย่างสม่าเสมอ และประยุกต์ใช้ข้อมูลท่ีใช้ ICT และระบบ การจัดการความรู้ ที่เป็นเช่นน้ีเพราะเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องการเรียนรู้ปัจจุบันมีเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้หลายอย่าง มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) มีระบบมัลติมีเดีย (Multimedia) ระบบวิดีโออนนดีมานด์ (Video on Demand) วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ (Video Teleconference) และอินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นต้น ระบบเหล่านี้เป็นระบบสนับสนุนการรับรู้ ข่าวสาร และการค้นหาข้อมลู เพ่ือการเรียนรู้ และยงั ชว่ ยให้การส่ือสาร ระหวา่ งผูส้ อนกับผู้เรียน อกี ท้ังยัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเรียนการสอน สอดคล้องกับ พิณสุดา สิริรังธศรี (2557) อรรณพ จีนะวัฒน์ (2559) เบเนดิก และ โมลนาร์ (Benedek György Molnár, 2012) เสนอแนวคิดว่า การใช้ เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ ควรนาเทคโนโลยีมาใช้เพ่ือการพัฒนาโดยพัฒนาระบบออนไลน์ พัฒนา ทักษะของครูด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สร้างโอกาสการเรียนรู้ของครูในการใช้เทคโนโลยีอย่าง สมา่ เสมอ ใชเ้ ทคนิคการนาเสนอทที่ ันสมัย และประยุกต์ใชข้ ้อมลู ท่ีใช้ ICT และระบบการจัดการความรู้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 179 2.4 การแสวงหาและพัฒนาตนเอง ประกอบดว้ ย 24 ตัวแปร ดังน้ี การรับทางานในสว่ นของ งานกรรมการหรือการเป็นสมาชิกในทีมงาน ให้ครูได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจองค์การของตัวเองอย่าง แท้จริง มีความรู้และประสบการณ์วิชาชีพเพื่อส่งเสริมการพัฒนาชีวิตและทักษะวิชาชีพให้ผู้เรียน การ พัฒนาที่ยึดครูเป็นศูนย์กลาง มีภาวะผู้นาในการพัฒนาการศึกษาและเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง การเป็น บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ เสริมสร้างคุณค่าทางจริยธรรมและ คุณธรรม เตรียมครูใหเ้ ปน็ ผู้นาในวิชาชีพของตนอย่างแท้จริง การพัฒนาตนเองผ่านการสงั เกตการสอนใน ช้ันเรียน การส่งครูไปเป็นวิทยากรในโอกาสต่าง ๆ มีความรู้ความสามารถและทักษะในการออกแบบการ จัดการเรียนรู้ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ และการเรียนการสอนของครูให้ทันสมัย การทาวิจัย ในชั้นเรียน ส่งเสริมการพัฒนาตนเองของครูอย่างต่อเนื่อง การมอบหมายให้ครูอ่านหนังสือเกี่ยวกับการ ปฏิรูปการเรียนรู้และงานท่ีเก่ียวข้องกับครู การพัฒนาทักษะการจัดลาดับการคิดระดับสูงโดยเน้นทักษะ การคิดวิเคราะห์และวิจารณญาณ ประยุกต์ใช้รูปแบบการสื่อสารด้วยวาจาและอวัจนภาษาที่เหมาะสม สนับสนุนเคร่ืองมือท่ีจะช่วยให้ครูได้แสวงหาการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง จัดหาประสบการณ์ท่ี เป็นการเรียนรู้ระยะยาว การส่งครูไปศึกษาต่อในระดับที่สูงข้ึน การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ทั้ง ระดับประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อกระตุ้นให้ครู ต่ืนตัวพัฒนาตนเอง เป็นต้น การพัฒนาทักษะการคิด ตามลาดับข้ันสูง (HOTS) การพัฒนาครูอย่างต่อเนื่องเพ่ือพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรการเรียนรู้ และ เรยี นรูต้ ลอดชีวติ ทเ่ี ปน็ เชน่ นีเ้ พราะ การพฒั นาตนเองเป็นกระบวนการพฒั นาสมรรถนะของครูรายบุคคล โดยมีแผนการพัฒนาตนเองและดาเนินการตามแผนอยา่ งเป็นระบบและต่อเนื่อง สอดคล้องกับสภาพการ ปฏิบัติงาน ความต้องการจาเป็น องค์ความรู้ใหม่ หรือตามนโยบาย หรือแผนกลยุทธ์ของหน่วยงาน การศึกษาหรือส่วนราชการต้นสังกัด โดยนาความรู้ ความสามารถ ทักษะ ที่ได้จากการพัฒนาตนเองมา พัฒนานวัคกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน สอดคล้องกับ พิณสุดา สิริรังธศรี (2557) อรรณพ จีนะวัฒน์ (2559) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2560) เชาว์ อินใย, จรรยาลักษณ์ วังคีรี, วัชรี โสธรรมมงคล (2555) สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (2557) บูช (Bush, 1999, quoted in Villegas–Reimers, 2003) อัสการ์ และ อาหมัด (Asghar & Ahmad, 2014) เบเนดิก และ โมลนาร์ (Benedek György Molnár, 2012) และศูนย์ซีมีโอ (SEAMEO, 2010) เสนอแนวคิดว่า การแสวงหาและพัฒนาตนเอง ควรสนับสนุนเครื่องมือที่จะช่วยให้ครูได้แสวงหาการเรียนรู้ด้วยตนเอง อย่างต่อเนื่อง วิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ และการเรียนการสอนของครูให้ทันสมัย ส่งครูไป ศกึ ษาตอ่ ในระดับทีส่ ูงข้ึน พัฒนาครูอย่างต่อเนื่องเพ่ือพัฒนาโรงเรียนเป็นองค์กรการเรียนรู้ พัฒนาทักษะ การคิดตามลาดับขั้นสูง (HOTS) เตรียมครูให้เป็นผู้นาในวิชาชีพของตนอย่างแท้จริง เป็นบุคคลท่ีมี คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ พัฒนาตนเองผ่านการสังเกตการสอนในชั้นเรียน ความรู้ความสามารถและทักษะในการออกแบบการจัดการเรียนรู้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 180 2.5 การสร้างเครือข่าย ทีมงาน และความร่วมมือ ประกอบด้วย 14 ตัวแปร ดังน้ีใช้วิธีการ สอนแบบร่วมมือและแบบเครือข่าย การสร้างเครือข่ายกับวิชาชีพอื่น การสร้างเครือข่ายท่ีเชื่อมโยงกับ การนิเทศติดตามงาน มีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพ การทางานร่วมกันกับการทางานบนความร่วมมือ การตระหนักรู้ในตนเองผ่านกลุ่มครูที่มีการพัฒนา การเป็นสมาชิกในองค์กรทางวิชาชีพ การสร้าง เครือข่ายกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยเฉพาะกับผู้ปกครอง ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายทั้งในและนอก สถานศึกษาและความร่วมมือร่วมใจในการทางานอย่างเป็นหนึ่งเดียว การจัดทีมงานเพื่อเรียนรู้และ ปฏิบัติงานร่วมกัน การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้แบบร่วมมือกับผู้เก่ียวข้อง สร้างเครือข่ายการพัฒนาทั้ง ในและนอกสถานศึกษา พัฒนาครูแบบมีส่วนร่วม และจัดระบบเครือข่ายและนิเทศการสอนภายใน สถานศึกษา ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะ การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ เป็นเคร่ืองมือสาคัญในการระดม สรรพกาลัง เพื่อขับเคล่ือนมุ่งไปสู่ความสาเร็จในการพัฒนาการเรียนการสอน การสร้างเครือข่ายเพื่อการ ส่งเสริมสนับสนุนเป็นได้ทั้งในและต่างประเทศ อาจเป็นเครือข่ายอุปถัมภ์ ซ่ึงหมายถึง บุคคลองค์กร สถาบัน ชมุ ชน ท่ีมีส่วนร่วมให้การสนบั สนุน และร่วมพัฒนาโรงเรียนท้ังในด้านทรัพยากรและองค์ความรู้ และเทคโนโลยี เช่น สถาบันอุดมศึกษา สถาบันการเงิน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น สอดคล้องกับ พิณสุดา สิริรังธศรี (2557) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2560) บูช (Bush, 1999, quoted in Villegas–Reimers, 2003) The Teachers’ Council of Thailand (2018) อัสการ์ และ อาหมัด (Asghar & Ahmad, 2014) เบเนดิก และ โมลนาร์ (Benedek György Molnár, 2012) และศนู ยซ์ มี โี อ (SEAMEO, 2010) เสนอแนวคดิ ว่า การสรา้ งเครือข่าย ทมี งานและความ รว่ มมือ ควรสร้างเครอื ข่ายการพฒั นาทั้งในและนอกสถานศึกษา เพอื่ สนบั สนุนการเรียนรูท้ ี่มคี ุณภาพของ ผู้เรียน จัดระบบเครือข่ายและนิเทศการสอนภายในสถานศึกษา สร้างเครือข่ายกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะกับผู้ปกครอง จัดทีมงานเพ่ือเรียนรู้และปฏิบัติงานร่วมกัน พัฒนาค่านิยมขององค์การในเร่ือง การทางานเป็นหมู่คณะ การเปิดเผย และความไว้วางใจ รวมถึงการใช้วิธีการสอนแบบร่วมมือและแบบ เครือข่าย เขา้ ถงึ บรบิ ทของชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกันบนพ้ืนฐานความแตกต่างทางวัฒนธรรม 2.6 การเสริมแรง ประกอบด้วย 17 ตัวแปร ดังน้ี มาเป็นกลไกสาคัญในการติดตาม ความก้าวหน้าทางวิทยาการและความรู้เพ่ือการพัฒนาครู การสนับสนุนครูให้ทาผลงานทางวิชาการเพื่อ เลื่อนวิทยฐานะและขอรับรางวัลจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้ข้อเสนอแนะและการสะท้อนข้อมูลกลับอย่าง เป็นระบบ ระบบพ่ีเล้ียง การสารวจความต้องการของครู ทาให้ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้โดยเน้นการ เรยี นรแู้ บบลงมือปฏบิ ัติ การเตรยี มความพร้อมการเปน็ ครู สนับสนนุ ความเปน็ อิสระและสร้างแรงจงู ใจใน การเรียนรู้ การสร้างระบบครูผู้เช่ียวชาญเป็นพ่ีเลี้ยงครูใหม่ การพัฒนาครูโดยใช้ข้อมูล การนาโครงการ ต่าง ๆ จากภายนอกเข้ามาดาเนินการภายในโรงเรียนเพ่ือกระตุ้นการทางานของครู จัดให้มีคูปองการ พัฒนาประจาปี จัดให้มีครูต้นแบบเพ่ือเป็นพ่ีเลี้ยง จัดให้มีการปฐมนิเทศครูใหม่ ศึกษาข้อมูลพื้นฐานการ ใช้ e-Portfolio พัฒนาระบบเงินเดือน และจัดตั้งและพัฒนากองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ ท่ีเป็นเช่นน้ี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 181 เพราะคนเป็นทรัพยากรท่ีมีค่าท่ีสุด การที่จะให้คนทางานแล้วได้งานน้ัน ต้องได้ใจคนเสียก่อน การ เสริมแรงและกาลังใจในการทางาน คือกิจกรรมที่ส่งผลโดยตรงต่อ สภาพทางจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน แม้ว่าขวัญและกาลังใจเป็นสิ่งท่ีมองไม่เห็นแต่ครูเราก็สามารถรับรู้และสัมผัสได้ ขวัญและกาลังใจเป็นสิ่ง สาคัญที่ผู้บริหารต้องรับรู้ เพราะเป็นปัจจัยที่สาคัญท่ีทาให้งานนั้นสาเร็จหรือล้มเหลวได้ สอดคล้องกับ พิณสุดา สิริรังธศรี (2557) โชติชวัล ฟูกิจกาญจน (2556) สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2560) สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (2557) บชู (Bush, 1999, quoted in Villegas– Reimers, 2003) อัสการ์ และ อาหมัด (Asghar & Ahmad, 2014) และ ซมอลยี านิโนวา และเบซสิ เวสเนค (Smolyaninova & Bezyzvestnykh, 2019) เสนอแนวคิดว่า การเสริมแรง ควรสารวจความต้องการ ของครู จัดให้มีการปฐมนิเทศครูใหม่ เตรียมความพร้อมการเป็นครู จัดให้มีครูต้นแบบเพื่อเป็นพ่ีเล้ียง จัดตั้งและพัฒนากองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ จัดให้มีคูปองการพัฒนาประจาปี พัฒนาระบบเงินเดือน สนบั สนนุ ความเป็นอสิ ระและสร้างแรงจูงใจในการเรยี นรู้ 2.7 การเปล่ียนบทบาท ประกอบด้วย 8 ตัวแปร ดังน้ี ปรับเปล่ียนรูปแบบการสอนของครู การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ท่ีเอ้ืออานวย อานวยความสะดวกในการพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพ ของผู้เรียน พัฒนาและจัดส่ือการสอนที่มีคุณภาพสอดคล้องกับเน้ือหาสาระวิชา กาหนดจานวนนักเรียน ต่อครูให้เหมาะสม และสอดคล้องกับการเรียนการสอน อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ ทบทวนบทบาท หน้าท่ีเก่ียวกับความเป็นผู้นาและปรับให้ครอบคลุมถึงบทบาทของครู และครูเป็นผู้อานวยความสะดวกใน การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะบทบาทของครูต้องเปล่ียนไปอย่างสิ้นเชิง ครูท่ีรักศิษย์ เอาใจใสศ่ ิษย์ แตย่ งั ใชว้ ิธสี อนแบบเดิม ๆ จะไมใ่ ชค่ รูท่ที าประโยชน์แกศ่ ิษย์อย่างแทจ้ ริง กล่าวคือ ครทู ี่มีใจ แก่ศิษย์ยังไม่พอ ครูเพ่ือศิษย์ต้องเปลี่ยนจุดสนใจหรือจุดเน้นจากการสอน ไปเป็นเน้นท่ีการเรียน (ทั้งของ ศิษย์และของครูเอง) ต้องเรียนรู้และปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้ท่ีตนจัดให้แก่ศิษย์ด้วย ครูเพื่อศิษย์ต้อง เปลี่ยนบทบาทของตนเองจาก “ครูสอน” (teacher) ไปเป็น “ครูฝึก” (coach) หรือ “ผู้อานวยความ สะดวกในการเรียนรู้” (learning facilitator) สอดคล้องกับ พิณสุดา สิริรังธศรี (2557) สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (2557) บชู (Bush, 1999, quoted in Villegas–Reimers, 2003) และศูนย์ซีมีโอ (SEAMEO, 2010) เสนอแนวคิดว่า การเปล่ียนบทบาทครู ควร ปรับเปลี่ยนรูปแบบการ สอนของครู เป็นผู้อานวยความสะดวกในการพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพของผู้เรียน การสร้าง สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้ออานวย และพัฒนาและจัดส่ือการสอนที่มีคุณภาพสอดคล้องกับเนื้อหา สาระวชิ า
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 182 ขอ้ เสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะท่ัวไป เพ่ือเป็นแนวทางในการนาผลวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับ การศึกษายคุ 4.0 ผ้วู ิจยั มีข้อเสนอแนะดังนี้ 1.1 ด้านการพฒั นาศาสตร์การสอน - ควรกระตุ้น และผลักดันให้ครูได้มีโอกาส นาเสนอเทคนิคการสอน และการเรียนที่มี ประสิทธภิ าพทีส่ ง่ เสริมการพัฒนาผเู้ รียน 1.2 ดา้ นการนเิ ทศ และตดิ ตามผล - ควรพฒั นาความรู้ และทกั ษะการกาหนดเกณฑ์ประเมินผูเ้ รยี นแบบสภาพจริง 1.3 ดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ - ควรพัฒนาครูให้ความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีท่ีทันสมัย และสามารถนาเทคโนโลยี เหล่านนั้ มาพฒั นาคนเองและเพิม่ ประสทิ ธภิ าพกาเรียนการสอน 1.4 ด้านการแสวงหาและพัฒนาตนเอง - ควรส่งเสริมและจูงใจให้ครูใฝ่เรียน ใฝ่รู้ หาความรู้เพ่ิมเติมอยา่ งสม่าเสมอ 1.5 ดา้ นการสร้างเครือข่าย ทมี งาน และความร่วมมือ - ควรส่งเสริมให้ครูได้สร้างเครือข่ายกับกลุ่มบุคคล หน่วยงาน หรือองค์กรท่ีพัฒนา ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ทีม่ ีประสิทธิภาพ 1.6 ด้านการเสริมแรง - ควรสรา้ งขวญั และกาลังใจเพ่ือใหค้ รูทุ่มเทกบั การเรยี นการสอน และการพฒั นาผู้เรียน 1.7 ดา้ นการเปล่ียนบทบาท - ควรเปลยี่ น Mind set การจัดการศึกษาในรูปแบบใหม่ ไม่ยึดอย่กู ับกรอบเดิม ๆ 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรับการวิจัยครัง้ ต่อไป เพ่ือเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้สนใจท่ัวไป จึงขอ เสนอแนะเพ่ือการวิจยั คร้งั ต่อไปดงั นี้ 2.1 ควรศกึ ษารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา 2.2 ควรศึกษากลยุทธ์การสร้างเครือข่ายสถานศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการสอนท่ีส่งเสริม ทกั ษะผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21
บรรณานกุ รมมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏหม่บู า้ นจอมบงึ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 184 บรรณานุกรม กมลชนก ภาคภูมิ. (2556). การพัฒนารูปแบบสมรรถนะทจ่ี าเป็นสาหรบั ครใู นสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน เพ่ือรองรับการกา้ วสปู่ ระชาคมอาเซียน. วทิ ยานิพนธป์ รชั ญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษา ภาควชิ าพื้นฐานทางการศึกษา บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน. (2553). คมู่ อื การประเมนิ สมรรถนะครู สานกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พ.ศ. 2553 ค้นเมอื่ กมุ ภาพันธ์ 14, 2564, จาก http://www.tmk.ac.th/teacher/capasity.pdf. คณะกรรมการครุ ุสภา (2556). การดาเนนิ งานการรับรองปริญญา และประกาศนยี บัตรทางการ ศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพ. กรุงเทพฯ : สกสค. ลาดพร้าว. . (2562). ข้อบังคบั คุรสุ ภาว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2562. เลม่ 136 ตอนพเิ ศษ 68ง ราชกิจจานเุ บกษา 20 มนี าคม 2562. กรุงเทพฯ : ผ้แู ต่ง. จริ ประภา อคั รบวร. (2554). พฒั นาคนบนความย่ังยืน. กรุงเทพฯ : เตา. ใจทิพย์ ณ สงขลา และ ศิริเดช สุชีวะ. (2557). โครงการวิจัยและพัฒนาสมรรถนะครใู นการใช้ Tablet ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงนวัตกรรมในชั้นเรียน. ทุนสนับสนุนการวิจัยจาก Apple Education, USA. ฉัตรชยั หวังมจี งมี. (2560). สมรรถนะของครผู ้สู อนระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐานในศตวรรษท่ี 21. วารสารสถาบันเสริมศกึ ษาและทรัพยากรมนษุ ย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 12(2). ชิรวัฒน์ นจิ เนตร. (2560). การวจิ ยั พัฒนารปู แบบทางสงั คมศาสตร์และการศึกษา. วารสารราชภัฏ สุราษฎรธ์ านี, 4(2). โชตชิ วลั ฟกู จิ กาญจน. (2556). แนวทางการพฒั นาครใู นประเทศไทย. วารสารสงั คมศาสตร์, 2(1). เชาว์ อินใย, จรรยาลกั ษณ์ วังครี ี, และ วชั รี โสธรรมมงคล. (2555). รปู แบบการพัฒนาครูสังกัด สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 เพ่ือเสริมสรา้ งศักยภาพการจัดการเรียน การสอนทักษะการคดิ วิเคราะห.์ วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 18(2). ปณั ณทัต กาญจนะวสิต. (2561). โลกยคุ 4.0. คน้ เมื่อ มนี าคม 9, 2564, จาก http://www.dsdw2016.dsdw.go.th/doc_pr/ndc_2560-2561/PDF.204.0.pdf พฤทธ์ิ ศิริบรรณพทิ ักษ์ และคณะ. (2561). การพัฒนากลไกขับเคล่ือนระบบการผลติ และพฒั นาครู สมรรถนะสูงสาหรบั ประเทศไทย 4.0. กรุงเทพฯ : พรกิ หวานกราฟฟคิ .
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 185 บรรณานกุ รม (ตอ่ ) พฒั นา พรหมณ,ี ศรสี รุ างค์ เอี่ยมสะอาด, และ ปณธิ าน กระสังข์. (2560). แนวคิดการสร้างและ พฒั นารูปแบบเพอ่ื ใชใ้ นการดาเนินงานด้านการสาธารณสุขสาหรบั นักสาธารณสุข. วารสารสมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี, 6(2). พาสนา จุลรตั น์. (2561). การจดั การเรียนรู้สาหรับผเู้ รียนในยุคThailand 4.0. วารสารฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 11(2). พิณสุดา สริ ิรงั ธศรี. (2557). การยกระดับคุณภาพครูไทยในศตวรรษท่ี 21. ในเอกสารประกอบการ ประชุมวชิ าการ “อภวิ ัฒน์การเรียนร.ู้ ..สจู่ ดุ เปลี่ยน ประเทศไทย”. เมอ่ื วนั ท่ี 6–8 พฤษภาคม 2557. . (2564). การรสู้ ารสนเทศ : กลไกการเรียนรู้ในยคุ โลกาภวิ ตั น์. คน้ เม่ือ มีนาคม 21, 2564, จาก https://www.dpu.ac.th/ces/upload/km/1406790486.pdf. มานติ ย์ นาคเมือง. (2561). การพัฒนาสมรรถนะประจาสายงานครูผู้สอนในสถานศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน. วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภฏั นครสวรรค์, 3(8). มูลนิธิสยามกัมมาจล. (2560). คุณลักษณะครดู ี 4.0. ค้นเม่ือ มนี าคม 21, 2564, จาก https://www.scbfoundation.com/media_knowledge/knowledge/292/คุณลักษณะ- ครูดี-4-0-16115. วสนั ต์ ปานทอง. (2556). ศึกษารปู แบบการพัฒนาครูเพ่ือศิษยใ์ นสถานศึกษา สังกดั สานักงานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาประถมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 15(ฉบับพิเศษ). ศักดิ์ชัย ภเู่ จรญิ . (2558). รูปแบบ. คน้ เมอื่ เมษายน 3, 2564, จาก http://www.kruinter.com/file/87820150119231938-[kruinter.com].PDF. สถาบนั พฒั นาครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศึกษา. (2557). รายงานการศกึ ษาแนวโนม้ การ พัฒนาคุณภาพครเู พือ่ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาสู่ศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค. สานักงานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (2562). ครเู อเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ (ซี-ทีซีเอฟ). กรุงเทพฯ : ออนป้า. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2551). สภาวะการขาดแคลนครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากร ทางการศกึ ษาและข้อเสนอแนวทางแก้ไข. กรุงเทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค. . (2555) รายงานการวจิ ัยและพฒั นารปู แบบการพัฒนาครูและผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา แบบใช้โรงเรียนเป็นฐานในโรงเรยี นขนาดเล็ก ระยะท่ี 1. กรุงเทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 186 บรรณานุกรม (ต่อ) . (2556). รายงานการวิจัย สมรรถนะครแู ละแนวทางการพัฒนาครูในสังคมทเี่ ปล่ียนแปลง. กรงุ เทพฯ : ผแู้ ตง่ . . (2560). ระบบและรูปแบบการพัฒนาครูท่ีเหมาะสมกับสงั คมไทย และความเป็นสากล. กรุงเทพฯ : พริกหวาน กราฟฟคิ . สานักงานพฒั นาการศึกษาครูของสงิ คโปร์. (2014). สมรรถนะครูสงิ คโปร์. ในเอกสารประกอบการ ประชุมวชิ าการ “อภิวัฒน์การเรียนรู้...สจู่ ุดเปลี่ยน ประเทศไทย” เมอ่ื วันท่ี 6–8 พฤษภาคม 2557 (การยกระดบั คุณภาพครไู ทยในศตวรรษท่ี 21, 2557, 22). สานักงานส่งเสรมิ สงั คมแห่งการเรยี นรูแ้ ละคุณภาพเยาวชน (สสค.). (2557). การยกระดับคณุ ภาพ ครูไทยในศตวรรษที่ 21. ในเอกสารประกอบการประชมุ วิชาการ “อภิวัฒนก์ ารเรียนรู้...สจู่ ดุ เปลยี่ น ประเทศไทย” เมื่อวันท่ี 6 – 8 พฤษภาคม 2557. สายสวาท เสารท์ อง. (2561). กลยุทธก์ ารพฒั นาสมรรถนะครูเพือ่ ใหส้ อดคล้องกับการจัดการศึกษา เรียนร้ยู ุค 4.0 ของสถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(9). สุกัญญา รัศมธี รรมโชติ. (2553). Competency: เครอื่ งมือบริหารที่ปฏิเสธไม่ได้. Productivity, 9(53), 44–48. สุนนั ท์ สพี าย, และ ไพฑูรย์ สินลารตั น์. (2561). เปลย่ี นผ่านการศึกษาไทยสู่ การศึกษา 4.0. วารสารการวัดผลการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 24(2). สวุ ิทย์ เมษินทรยี .์ (2560). การบริหารการศึกษาเพ่ือรว่ มสรา้ งประเทศไทย 4.0. ปาฐกถา ศาสตราจารย์ ดร.วจิ ติ ร ศรสี อ้าน ครัง้ ที่ 8 ประจาปี 2560. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . อภภิ า ปรชั ญพฤทธิ์. (2561). การพัฒนารปู แบบการผลติ ครูเพอ่ื รองรบั การศกึ ษายุค 4.0. วารสารรม่ พฤกษ์ มหาวิทยาลยั เกรกิ , 35(3), 102. อรรณพ จีนะวัฒน.์ (2559). การพัฒนาตนของผู้ประกอบวิชาชีพครู. วารสารฉบบั ภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศิลปะ, 9(2). อริยา คหู า, และ หริรักษ์ แก้วกบั ทอง. (2559). สมรรถนะความเป็นครูของนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขต ปัตตานี. เอกชัย กี่สขุ พันธ์. (2559). การเป็น Guru ครูมืออาชีพ. เอกสารประกอบการอบรมครู Guru ครมู อื อาชีพ โครงการประชารัฐ พ.ศ. 2559.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 187 บรรณานกุ รม (ต่อ) Asghar, J. & Ahmad, A. (2014). การพฒั นาครู : ภาพรวมของแนวคิดและวธิ กี าร. วารสารวิจัย การศึกษาและสังคม, 4(6), 147. Benedek, A., & György, M. (2012). Development of teacher competencies in a new learning environment in higher education. The Seventh International Multi-Conference on Computing in the Global Information Technology (ICCGI), 95-99. Best, J. W., & Kahn, J. V. (2006). Research in education. Boston: Allyn and Bacon. Ding, S. (2016). Comparing the key teacher competencies and the training process between China and Catalonia. Universitat Autònoma de Barcelona. European Union. (2009). Council Conclusions of 26 November 2009 on the professional development of teachers and school leaders. Official Journal of the European Union, 6–9. Harkins, A. M. (2008). Leap frog principles and practices: Core components of education 3.0 and 4.0. Futures Research Quarterly draft VIII, 1-15. Keeves, P. J. (1988). “Model and Model Building,” Educational research methodology and easurement: An International Handbook. Oxford: Pergamon Press. Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30, 607-610. McClelland, D. C. (1973). Testing for competence rather than for Intelligence. American Psychologist, 28(1), 1-14. Miles, D. A. (2010). Risk factors and business models: Understanding the five forces of entrepreneurial risk and the causes of business failure. Florida: Dissertation.com. Mswazie, J., & Blignaut, S. (2019). Developing teacher competencies through the open and distance learning approach in Zimbabwe. South African Journal of Higher Education, 33(3), 65-80.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 188 บรรณานุกรม (ตอ่ ) Nasongkhla, J., & Siridej, J. (2014). Teacher competency development: Teaching with tablet technology through Classroom Innovative Action Research (CIAR) coaching process. Procedia Social and Behavioral Sciences, 174(2015), 992–999. Nessipbayeva, O. (2012). The Competencies of the Modern Teacher, Paper presented at the Annual Meeting of the Bulgarian Comparative Education Society (10th, Kyustendil, Bulgaria, Jun 12-15, 2012). SEAMEO Regional Center for Educational Innovation and Technology (SEAMEO INNOTECH). (2010). Teaching Competency Standards in Southeast Asian Countries. Retrieved January 28, 2021, from https://www.seameo.org/SEAMEOWeb2/images/stories/Publications/Centers_p ub/2012TeachingCompetencyStandards/TeachingCompetencyStd.pdf. Smolyaninova, O. G., & Ekaterina, A. B. (2019). Professional training of teacher 4.0: Developing digital competency by means of ePortfolio. Journal of Siberian Federal University. Humanities & Social Sciences, 9(12), 1714–1732. Steiner, E. (1988). Methodology of theory building. Sydney Educology Research Associates. Sundari, R. (2012). Development of teacher competence. Master Degree of Education in Educational Management. Department Graduate School, Muhammadiyah University of Surakarta. The Australian Institute for Teaching and School Leadership (AITSL). (2018). Australian professional standards for teachers. Melbourne: Education Council. The Teachers’ Council of Thailand. (2018). Southeast Asia teachers competency framework. Bangkok: ONPA Co., Ltd. Villegas-Reimers, E. (2003). Teacher professional development: An international review of the literature. UNESCO: International Institute for Educational Planning. Retrieved October 28, 2019, from www.unesco.org/iiep.
189 บรรณานกุ รม (ต่อ) Wahyu, E., Margareth, I., Agus, H., & Suwito, E. P. (2019). Improvement of teacher competence in the industrial revolution Era 4.0. Advances in social science, Education and humanities research. International Conference on Science and Education and Technology (ISET), 443. Zeiger, S. (2018). List of Core Competencies for Educators. Retrieved January 28, 2021, from https://work.chron.com/list-core-competencies-educators- 8916.html. มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
ภาคผนวกมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏหม่บู า้ นจอมบงึ
191 ภาคผนวก ก 1. หนงั สือขอความอนเุ คราะหต์ รวจเครอ่ื งมือวจิ ัย 2. เคร่ืองมือวจิ ยั เพ่ือตรวจสอบความตรง 3. รายช่ือผูเ้ ช่ยี วชาญ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
192 ท่ี บห 2563/065 สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏหมบู่ า้ นจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ๗๐๑๕๐ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 13 กรกฎาคม ๒๕63 เร่อื ง ขอตรวจเครื่องมือวจิ ยั เรียน สงิ่ ที่สง่ มาดว้ ย แบบสอบถามจานวน 1 ฉบบั ด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักด์ิ สุจริตรักษ์ อาจารย์สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้รับการพิจารณาอนุมัติ และได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้ทาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครรู องรับการศกึ ษายุค 4.0” ในการน้ี สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านในการตรวจสอบ ความตรงของเคร่ืองมือเพ่ือการวิจยั ท่ีแนบมาพร้อมกบั หนังสือนี้ ท้ังน้ี สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา ขอขอบคุณทา่ นเปน็ อย่างสงู มา ณ โอกาสนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพจิ ารณาให้ความอนุเคราะห์ดว้ ย จักขอบคุณยิ่ง ขอแสดงความนับถือ (ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศักด์ิ สจุ รติ รกั ษ์) ประธานสาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา
193 แบบสอบถามประเมนิ ความตรง เรอ่ื ง รปู แบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายคุ 4.0 คาช้แี จงในการตอบแบบสอบถาม กรุณาแสดงเคร่อื งหมาย ลงในช่องวา่ งดชั นีความสอดคลอ้ ง ดังน้ีคือ +1 เมอ่ื ท่าน เหน็ ด้วย วา่ ขอ้ คาถามสอดคลอ้ งกับความคดิ เห็นทต่ี อ้ งการวดั 0 เมอ่ื ทา่ น ไมแ่ น่ใจ วา่ ข้อคาถามจะสอดคล้องกบั ความคดิ เห็นทต่ี ้องการวดั -1 เม่อื ทา่ น ไมเ่ หน็ ด้วย วา่ ข้อคาถามสอดคลอ้ งกับความคิดเหน็ ทต่ี ้องการวัด ผู้วิจัยขอขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านเป็นอย่างสูง ท่ีกรุณาให้ความอนุเคราะห์ในการ ประเมนิ แบบสอบถามน้ีเป็นอย่างดี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะหของทานเปนอยางสูง (ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศกั ดิ์ สจุ รติ รกั ษ์) ผวู้ จิ ยั
194 เห็น ไม่ ไม่ ด้วย แน่ใจ เหน็ ขอ้ ตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ด้วย +1 0 -1 1 จดั ใหม้ ีการสอบเพ่ือรับและต่อใบอนญุ าตประกอบ 2 กาหนดให้ครูทกุ คนต้องพฒั นาตนเองทุกปี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3 พัฒนาระบบเงินเดอื น 4 ประเมนิ ผลการทางานของครู 5 นาเทคโนโลยีมาใชเ้ พ่อื การพฒั นาโดยพัฒนา ระบบออนไลน์ 6 สง่ เสรมิ การพัฒนาตนเองของครอู ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 7 สร้างเครอื ขา่ ยการพฒั นาทง้ั ในและนอกสถานศึกษา 8 พฒั นาครูแบบมสี ว่ นร่วม 9 วจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมการเรยี นรู้ และการเรยี นการสอนของครใู ห้ทันสมัย 10 จดั ให้มคี ูปองการพฒั นาประจาปี 11 จัดใหม้ ีการปฐมนเิ ทศครใู หม่ 12 กาหนดจานวนนกั เรยี นต่อครใู ห้เหมาะสม และสอดคลอ้ งกับการเรยี นการสอน 13 พฒั นาและจัดสอื่ การสอนที่มคี ณุ ภาพสอดคลอ้ งกบั เนือ้ หาสาระวชิ า 14 ปรับเปลยี่ นรปู แบบการสอนของครู 15 จดั ระบบเครือขา่ ยและนเิ ทศการสอนภายในสถานศึกษา 16 จัดใหม้ ีครตู น้ แบบเพื่อเป็นพ่เี ลยี้ ง 17 จัดต้ังและพัฒนากองทนุ พฒั นาครู คณาจารย์ 18 การเตรียมความพรอ้ มการเปน็ ครู 19 การบรรยาย 20 การฝกึ อบรมเชิงปฏบิ ัติการ 21 การระดมสมอง 22 การอภิปราย 23 การฝึกอบรมแบบกรณีศึกษา 24 การสาธติ 25 การศึกษาดูงาน 26 การฝกึ อบรมเพ่อื สขุ ภาพ 27 การฝึกสอน 28 ระบบพ่ีเล้ียง 29 การให้คาปรกึ ษา 30 สง่ เสริมการเรยี นรแู้ ละพฒั นาทักษะของครูดา้ นเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ 31 สรา้ งโอกาสการเรยี นรขู้ องครใู นการใชเ้ ทคโนโลยีอย่างสมา่ เสมอ
195 เหน็ ไม่ ไม่ ด้วย แนใ่ จ เห็น ขอ้ ตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ดว้ ย +1 0 -1 32 สนับสนนุ เครือ่ งมอื ท่ีจะชว่ ยให้ครไู ดแ้ สวงหาการเรียนรู้ด้วยตนเองอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื ง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 33 จดั หาประสบการณ์ทเ่ี ปน็ การเรยี นรูร้ ะยะยาว 34 การส่งครไู ปเขา้ ร่วมการประชุม อบรม สมั มนาตามท่หี นว่ ยงานตา่ ง ๆ จดั ข้นึ 35 การไปศกึ ษาดงู าน การจัดอบรมสมั มนาในโรงเรยี น โดยเชญิ วิทยากรภายนอก มาใหค้ วามรู้ 36 การสง่ ครไู ปศกึ ษาตอ่ ในระดบั ทสี่ ูงขนึ้ 37 การนิเทศภายใน 38 การทาวจิ ยั ในชัน้ เรียน 39 การมอบหมายใหค้ รอู ่านหนงั สือเกย่ี วกับการปฏริ ปู การเรยี นร้แู ละงานที่ เกี่ยวข้องกับครู 40 การเรยี นรจู้ ากการปฏิบตั โิ ดยหมุนเวียนครใู หป้ ฏบิ ตั งิ านในหลายหนา้ ท่ี 41 การจดั ทมี งานเพอ่ื เรยี นรแู้ ละปฏิบตั งิ านร่วมกนั 42 การนาโครงการตา่ ง ๆ จากภายนอกเขา้ มาดาเนินการภายในโรงเรียนเพ่ือ กระตนุ้ การทางานของครู 43 การสนบั สนนุ ครใู หท้ าผลงานทางวชิ าการเพอื่ เลื่อนวทิ ยฐานะและขอรบั รางวลั จากหน่วยงานตา่ ง ๆ 44 การส่งครไู ปเปน็ วทิ ยากรในโอกาสต่าง ๆ 45 การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ทงั้ ระดบั ประเทศและระดับภูมภิ าคเพอื่ กระตุน้ ให้ ครู ตน่ื ตัวพัฒนาตนเอง เปน็ ตน้ 46 การสารวจความต้องการของครู 47 การศึกษาดงู านโรงเรยี นท่ปี ระสบความสาเรจ็ 48 การสรา้ งเคร่อื งมือวดั ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 49 การสร้างเครอื ข่ายทเี่ ชือ่ มโยงกบั การนเิ ทศตดิ ตามงาน 50 การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้แบบรว่ มมอื กับผเู้ กยี่ วขอ้ ง 51 ทาใหผ้ เู้ รียนเป็นผสู้ ร้างความรูโ้ ดยเนน้ การเรียนร้แู บบลงมอื ปฏิบตั ิ 52 การพัฒนาทกั ษะการจดั ลาดบั การคดิ ระดบั สงู โดยเนน้ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ และวิจารณญาณ 53 ครูเปน็ ผอู้ านวยความสะดวกในการเรยี นรูท้ ่ีมีประสทิ ธภิ าพ 54 การวัดและประเมินผลด้วยการผสมผสานเขา้ กบั กระบวนการสอนโดยเน้น พฒั นาการและความกา้ วหน้าของผเู้ รยี น
196 เหน็ ไม่ ไม่ ด้วย แนใ่ จ เห็น ข้อ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรบั การศกึ ษายุค 4.0 ดว้ ย +1 0 -1 55 มีความรแู้ ละประสบการณ์วชิ าชีพเพ่ือส่งเสรมิ การพัฒนาชีวติ และทกั ษะวชิ าชพี ใหผ้ ู้เรยี น มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 56 การสรา้ งเครือขา่ ยการเรียนรู้แบบร่วมมอื กับผเู้ ก่ียวขอ้ ง 57 การพฒั นาครอู ย่างต่อเนื่องเพ่ือพฒั นาโรงเรยี นเปน็ องค์กรการเรยี นรู้ 58 การสร้างระบบครูผเู้ ชย่ี วชาญเปน็ พีเ่ ลี้ยงครูใหม่ 59 พฒั นากลไกสาคญั ในการตดิ ตามความก้าวหนา้ ทางวิทยาการและความรู้เพือ่ การพฒั นาครู 60 มคี วามรคู้ วามสามารถและทักษะในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ 61 มีภาวะผูน้ าในการพฒั นาการศึกษาและเป็นผ้นู าการเปลยี่ นแปลง 62 การเป็นบคุ คลทีม่ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ศลี ธรรมและจรรยาบรรณวชิ าชีพ 63 การสารวจความตอ้ งการจาเป็นในการฝกึ อบรม 64 การออกแบบการฝึกอบรม 65 การฝึกปฏบิ ัติ ใชก้ ารฝกึ ปฏบิ ัตริ ายบคุ คลในห้องเรยี น 66 การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 67 การนเิ ทศและตดิ ตามผล โดยใช้การสนทนากลุม่ เป็นรายบคุ คล 68 การสะท้อนความคดิ ของครู สว่ นใหญใ่ ชก้ ารสัมมนา 69 การประเมนิ การฝกึ อบรม ใชก้ ารสมั มนาและการประเมนิ ความพงึ พอใจ 70 พัฒนาคา่ นยิ มขององคก์ ารในเรอ่ื งการทางานเปน็ หมู่คณะ การเปดิ เผย และ ความไวว้ างใจ 71 ให้ครูไดม้ โี อกาสเรยี นร้แู ละเข้าใจองคก์ ารของตัวเองอยา่ งแท้จรงิ 72 ทบทวนบทบาทหน้าทเ่ี กย่ี วกับความเปน็ ผนู้ าและปรบั ให้ครอบคลมุ ถงึ บทบาท ของครู 73 สง่ เสรมิ การสรา้ งเครอื ข่ายท้งั ในและนอกสถานศึกษาและความรว่ มมือรว่ มใจ ในการทางานอย่างเป็นหน่งึ เดยี ว 74 เตรยี มครใู หเ้ ป็นผนู้ าในวชิ าชพี ของตนอยา่ งแท้จรงิ 75 การรับทางานในส่วนของงานกรรมการหรอื การเป็นสมาชกิ ในทีมงาน 76 การฝกึ กระบวนการการสอนแบบเปน็ ข้ันเป็นตอน 77 การเรยี นรผู้ า่ นการทดลอง 78 การรับการฝกึ จากหัวหนา้ งานหรอื เพื่อนรว่ มงาน 79 การสงั เกตและจดบันทกึ การสอนของครทู ่านอ่นื ท่ีประสบความสาเรจ็ 80 การเป็นสมาชิกในองคก์ รทางวชิ าชีพ
197 เห็น ไม่ ไม่ ดว้ ย แนใ่ จ เหน็ ขอ้ ตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายคุ 4.0 ดว้ ย +1 0 -1 81 การถามคาถาม 82 การสรา้ งเครือข่ายกบั วิชาชีพอื่น มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 83 การอา่ น 84 การดวู ิดโี อทเ่ี ก่ยี วข้อง 85 การประชมุ วิชาการ สมั มนา และการประชุมเชิงปฏิบตั กิ าร 86 การพฒั นาท่ยี ึดครเู ป็นศูนยก์ ลาง 87 การพฒั นาตนเองผ่านการสงั เกตการสอนในชนั้ เรยี น 88 การตระหนักรใู้ นตนเองผ่านกลมุ่ ครูทม่ี กี ารพฒั นา 89 การทางานร่วมกนั กับการทางานบนความรว่ มมอื 90 การพฒั นาครูโดยใช้ข้อมูล 91 ศึกษาข้อมลู พ้นื ฐาน การใช้ e-Portfolio 92 กาหนดรูปแบบและเครือ่ งมือในการสาธติ การเรยี นรู้ 93 ให้ขอ้ เสนอแนะและการสะท้อนขอ้ มลู กลบั อยา่ งเปน็ ระบบ 94 สนบั สนุนความเปน็ อสิ ระและสร้างแรงจงู ใจในการเรยี นรู้ 95 มคี วามตอ่ เนอื่ งในการนาเสนอ และใชว้ ิธีสอนการสอน 96 มกี ารปฐมนเิ ทศเชิงปฏิบตั แิ ละฝึกปฏิบตั อิ ยา่ งต่อเนอ่ื ง 97 เรียนรตู้ ลอดชีวิต 98 สอนในระบบโมดลู 99 พัฒนาวธิ ีการสอนและการใช้สื่อที่เน้นผู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลาง 100 ใช้วิธกี ารสอนทีห่ ลากหลาย 101 นาเสนอเทคนคิ การสอน และการเรียนท่ีมีประสทิ ธภิ าพทส่ี ่งเสริมการพฒั นา เป็นรายบคุ คล 102 ใชว้ ธิ กี ารสอนแบบร่วมมือและแบบเครอื ขา่ ย 103 ประยกุ ตใ์ ชร้ ปู แบบการส่อื สารดว้ ยวาจาและอวจั นภาษาทีเ่ หมาะสม 104 ใช้เทคนคิ การนาเสนอท่ีทันสมยั 105 ทาความคนุ้ เคยกับวิธกิ ารใหม่ ๆ ดว้ ย ICT 106 ประยกุ ตใ์ ช้ข้อมูลท่ีใช้ ICT และระบบการจดั การความรู้ 107 อานวยความสะดวกในการพฒั นาทักษะชีวติ และอาชพี ของผเู้ รยี น 108 การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มการเรยี นรทู้ ีเ่ อ้อื อานวย 109 อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ 110 จดั ทาแผนการสอนท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับวสิ ยั ทศั น์และพันธกิจของโรงเรียน
ขอ้ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 198 111 การพฒั นาทกั ษะการคดิ ตามลาดบั ขน้ั สูง (HOTS) เห็น ไม่ ไม่ 112 การพัฒนาและใชป้ ระโยชน์จากแหลง่ การเรยี นการสอน ดว้ ย แน่ใจ เหน็ 113 เสรมิ สรา้ งคุณคา่ ทางจริยธรรมและคณุ ธรรม 114 การประเมนิ และประเมนิ ผลการเรยี นของผูเ้ รียน ดว้ ย 115 มสี ว่ นร่วมในการพฒั นาวชิ าชีพ +1 0 -1 116 การสร้างเครอื ขา่ ยกับผ้มู สี ว่ นได้สว่ นเสยี โดยเฉพาะกบั ผปู้ กครอง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
199 รายช่ือผู้เช่ยี วชาญ ตรวจสอบความตรงของเครื่องมอื วจิ ยั เกณฑ์การคัดเลือก 1) กลมุ่ ผู้เชีย่ วชาญดา้ นนวัตกรรมการศึกษา 2) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญดา้ นการบรหิ ารสถานศกึ ษา 3) กลมุ่ ผู้เชย่ี วชาญดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชวน ภารังกูล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมคิด ดวงจักร อาจารย์ ดร.สุดจติ หมน่ั ตะคุ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
200 ภาคผนวก ข หนังสอื ขอความอนุเคราะห์ขอทดลองเครื่องมือวิจยั และเคร่ืองมือวจิ ัยสาหรับการทดลอง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
201 ที่ บห 2563/083 สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมูบ่ า้ นจอมบงึ อ.จอมบงึ จ.ราชบรุ ี ๗๐๑๕๐ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 30 กรกฎาคม ๒๕63 เรือ่ ง ขอทดลองเครือ่ งมือวิจยั เรียน สง่ิ ทส่ี ง่ มาด้วย แบบสอบถามจานวน 1 ฉบบั ด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักด์ิ สุจริตรักษ์ อาจารย์สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้รับการพิจารณาอนุมัติ และได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้ทาวิจัยเร่ือง “รูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0” ในการนี้ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ใครข่ อความอนเุ คราะห์จากท่าน ให้ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ สจุ ริตรกั ษ์ ไดท้ าการทดลองเครื่องมือวจิ ัยในสถานศึกษาของทา่ น เพื่อนาไปปรับปรุงแก้ไข ก่อนนาไปใช้ในการวิจัยกลุ่มตัวอย่าง สาขาวิชาการบริหารการศึกษา หวังเป็นอย่างย่ิงว่า จักได้รับความ อนเุ คราะหจ์ ากท่านเปน็ อย่างดี จงึ เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความอนเุ คราะห์ด้วย จกั ขอบคุณยิ่ง ขอแสดงความนบั ถือ (ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ สุจรติ รักษ์) ประธานสาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา
202 แบบสอบถามเพื่อการวจิ ยั เรอื่ ง รูปแบบการพฒั นาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายุค 4.0 คาชี้แจงในการตอบแบบสอบถาม 1. แบบสอบถามน้ีมวี ตั ถปุ ระสงคเพื่อสอบถามตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรับ การศึกษายุค 4.0 2. แบบสอบถามแบงออกเปน 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมลู สถานภาพของผูตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ข้อมูลเก่ยี วกบั ตัวแปรการพฒั นาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 3. ผตู อบแบบสอบถามฉบับน้ี คอื ผบู้ รหิ าร และครู 4. ข้อมูลทีท่ านตอบจะไมเ่ ปิดเผยชื่อผูตอบ และนามาวเิ คราะหใ์ นภาพรวมไม่มผี ลกระทบตอ่ การปฏิบตั งิ านของท่านแต่อย่างใด ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะหของทานเปนอยางสงู (ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศกั ดิ์ สจุ รติ รกั ษ)์ ผู้วจิ ัย มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 203 แบบสอบถามเพอ่ื การวจิ ยั เรอ่ื ง รูปแบบการพฒั นาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายคุ 4.0 ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพของผูต้ อบแบบสอบถาม คาชแี้ จง กรุณาแสดงเคร่ืองหมาย ลงหน้าข้อความท่ตี รงกับสถานภาพของท่าน 1. เพศ ชาย หญงิ 2. อายุ 31-40 ปี 41-50 ปี 51 ขนึ้ ไป 3. ระดับการศึกษาสูงสดุ ปรญิ ญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก 4. ตาแหนง่ ผอู้ านวยการ หัวหนา้ วชิ าการ ครู 5. ประสบการณทางานในการทางานปจั จุบนั ไมเ่ กิน 5 ปี 6-10 ปี 11-15 ปี 16 ปขี นึ้ ไป ตอนที่ 2 ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 คาชีแ้ จง กรณุ าแสดงเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งระดับความคดิ เห็นของท่านมีต่อตัวแปรการพฒั นา สมรรถนะครรู องรับการศึกษายุค 4.0 ระดบั 5 หมายถงึ เหน็ ด้วยกับตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายคุ 4.0 ในระดับมากทีส่ ดุ ระดับ 4 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0 ในระดับมาก ระดบั 3 หมายถงึ เห็นดว้ ยกับตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายคุ 4.0 ในระดับปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายคุ 4.0 ในระดบั น้อย ระดบั 1 หมายถึง เหน็ ด้วยกับตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายคุ 4.0ใน ระดบั นอยท่ีสุด
204 ข้อ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคดิ เห็น 54 3 21 1 จดั ให้มีการสอบเพ่ือรบั และตอ่ ใบอนญุ าตประกอบ 2 กาหนดให้ครูทุกคนต้องพัฒนาตนเองทกุ ปี 3 พฒั นาระบบเงนิ เดอื น 4 ประเมนิ ผลการทางานของครู มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5 นาเทคโนโลยมี าใชเ้ พ่ือการพัฒนาโดยพฒั นา ระบบออนไลน์ 6 ส่งเสรมิ การพฒั นาตนเองของครอู ยา่ งต่อเนอ่ื ง 7 สร้างเครือขา่ ยการพฒั นาทั้งในและนอกสถานศกึ ษา 8 พัฒนาครแู บบมสี ่วนรว่ ม 9 วจิ ัยและพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรู้ และการเรยี นการสอนของครูให้ ทันสมัย 10 จัดให้มคี ปู องการพัฒนาประจาปี 11 จดั ใหม้ กี ารปฐมนเิ ทศครูใหม่ 12 กาหนดจานวนนกั เรยี นต่อครูให้เหมาะสม และสอดคล้องกับการ เรยี นการสอน 13 พฒั นาและจดั สือ่ การสอนทมี่ คี ณุ ภาพสอดคล้องกับเน้อื หาสาระวิชา 14 ปรบั เปลย่ี นรูปแบบการสอนของครู 15 จัดระบบเครือข่ายและนเิ ทศการสอนภายในสถานศึกษา 16 จดั ใหม้ คี รตู น้ แบบเพ่อื เป็นพเี่ ลีย้ ง 17 จดั ตั้งและพัฒนากองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ 18 การเตรยี มความพร้อมการเปน็ ครู 19 การบรรยาย 20 การฝึกอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร 21 การระดมสมอง 22 การอภิปราย 23 การฝึกอบรมแบบกรณศี ึกษา 24 การสาธติ 25 การศึกษาดูงาน 26 การฝกึ อบรมเพอื่ สุขภาพ 27 การฝกึ สอน 28 ระบบพเ่ี ลย้ี ง 29 การให้คาปรึกษา 30 สง่ เสริมการเรียนรแู้ ละพัฒนาทักษะของครูดา้ นเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์
205 ขอ้ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรบั การศึกษายุค 4.0 ระดับความคิดเห็น 54 3 21 31 สรา้ งโอกาสการเรยี นรู้ของครใู นการใชเ้ ทคโนโลยีอย่างสม่าเสมอ 32 สนับสนนุ เครื่องมอื ทีจ่ ะชว่ ยให้ครไู ด้แสวงหาการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง อย่างต่อเน่อื ง 33 จดั หาประสบการณ์ทเ่ี ปน็ การเรียนรรู้ ะยะยาว มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 34 การสง่ ครไู ปเขา้ ร่วมการประชมุ อบรม สมั มนาตามทห่ี น่วยงานต่าง ๆ จดั ขน้ึ 35 การไปศึกษาดงู าน การจดั อบรมสมั มนาในโรงเรียน โดยเชิญวิทยากร ภายนอกมาให้ความรู้ 36 การส่งครไู ปศกึ ษาตอ่ ในระดับทสี่ ูงขึน้ 37 การนเิ ทศภายใน 38 การทาวจิ ยั ในชัน้ เรียน 39 การมอบหมายใหค้ รูอา่ นหนงั สือเกย่ี วกับการปฏริ ปู การเรยี นร้แู ละ งานท่ีเกย่ี วขอ้ งกับครู 40 การเรยี นรู้จากการปฏิบตั โิ ดยหมนุ เวยี นครใู หป้ ฏบิ ตั งิ านในหลาย หน้าที่ 41 การจดั ทมี งานเพอื่ เรียนรูแ้ ละปฏิบตั ิงานร่วมกนั 42 การนาโครงการตา่ ง ๆ จากภายนอกเข้ามาดาเนินการภายในโรงเรียน เพอ่ื กระต้นุ การทางานของครู 43 การสนบั สนุนครูใหท้ าผลงานทางวชิ าการเพื่อเลอ่ื นวิทยฐานะและ ขอรับรางวลั จากหน่วยงานตา่ ง ๆ 44 การสง่ ครไู ปเป็นวทิ ยากรในโอกาสตา่ ง ๆ 45 การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ทัง้ ระดบั ประเทศและระดับภูมภิ าคเพ่ือ กระตุน้ ใหค้ รู ตื่นตวั พฒั นาตนเอง เป็นต้น 46 การสารวจความตอ้ งการของครู 47 การศึกษาดงู านโรงเรยี นท่ีประสบความสาเร็จ 48 การสรา้ งเครื่องมอื วัดทักษะการคดิ วิเคราะห์ 49 การสรา้ งเครอื ข่ายทเ่ี ช่อื มโยงกบั การนิเทศตดิ ตามงาน 50 การสรา้ งเครือขา่ ยการเรียนรูแ้ บบร่วมมอื กบั ผเู้ ก่ียวข้อง 51 ทาให้ผูเ้ รยี นเปน็ ผสู้ รา้ งความรโู้ ดยเนน้ การเรยี นรแู้ บบลงมือปฏบิ ตั ิ 52 การพฒั นาทักษะการจดั ลาดบั การคิดระดบั สงู โดยเนน้ ทักษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณญาณ 53 ครเู ปน็ ผู้อานวยความสะดวกในการเรยี นรู้ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
206 ข้อ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรบั การศึกษายคุ 4.0 ระดับความคดิ เห็น 54 3 21 54 การวดั และประเมินผลดว้ ยการผสมผสานเขา้ กับกระบวนการสอน โดยเน้นพฒั นาการและความก้าวหน้าของผู้เรียน 55 มคี วามรูแ้ ละประสบการณ์วิชาชีพเพอื่ สง่ เสรมิ การพฒั นาชีวติ และ ทักษะวิชาชพี ใหผ้ ูเ้ รยี น มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 56 การสร้างเครอื ข่ายการเรียนรู้แบบรว่ มมือกับผเู้ กี่ยวข้อง 57 การพฒั นาครูอย่างตอ่ เน่ืองเพ่ือพฒั นาโรงเรยี นเป็นองคก์ รการเรยี นรู้ 58 การสร้างระบบครผู เู้ ชย่ี วชาญเป็นพ่เี ลยี้ งครใู หม่ 59 พฒั นากลไกสาคัญในการติดตามความกา้ วหนา้ ทางวิทยาการและ ความรู้เพอ่ื การพฒั นาครู 60 มคี วามรู้ความสามารถและทักษะในการออกแบบการจดั การเรียนรู้ 61 มีภาวะผนู้ าในการพัฒนาการศึกษาและเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง 62 การเป็นบุคคลทมี่ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ศลี ธรรมและจรรยาบรรณ วชิ าชพี 63 การสารวจความต้องการจาเป็นในการฝึกอบรม 64 การออกแบบการฝกึ อบรม 65 การฝกึ ปฏิบตั ิ ใช้การฝกึ ปฏิบตั ริ ายบุคคลในห้องเรยี น 66 การแลกเปลีย่ นเรียนรู้ 67 การนเิ ทศและตดิ ตามผล โดยใชก้ ารสนทนากลมุ่ เป็นรายบคุ คล 68 การสะท้อนความคิดของครู ส่วนใหญใ่ ช้การสมั มนา 69 การประเมินการฝึกอบรม ใช้การสมั มนาและการประเมนิ ความพึง พอใจ 70 พฒั นาค่านยิ มขององค์การในเรือ่ งการทางานเป็นหมคู่ ณะ การ เปิดเผย และความไวว้ างใจ 71 ให้ครูไดม้ โี อกาสเรยี นรแู้ ละเขา้ ใจองคก์ ารของตัวเองอยา่ งแทจ้ รงิ 72 ทบทวนบทบาทหนา้ ท่เี ก่ียวกับความเปน็ ผูน้ าและปรับใหค้ รอบคลมุ ถึงบทบาทของครู 73 ส่งเสรมิ การสรา้ งเครอื ขา่ ยทง้ั ในและนอกสถานศกึ ษาและความ ร่วมมือร่วมใจในการทางานอยา่ งเป็นหนง่ึ เดยี ว 74 เตรยี มครใู หเ้ ป็นผ้นู าในวิชาชพี ของตนอยา่ งแทจ้ ริง 75 การรับทางานในส่วนของงานกรรมการหรอื การเปน็ สมาชกิ ในทีมงาน 76 การฝกึ กระบวนการการสอนแบบเป็นขน้ั เป็นตอน 77 การเรยี นรู้ผา่ นการทดลอง 78 การรบั การฝกึ จากหัวหนา้ งานหรอื เพอื่ นรว่ มงาน
207 ขอ้ ตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรับการศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคิดเห็น 54 3 21 79 การสังเกตและจดบนั ทึกการสอนของครูท่านอืน่ ทป่ี ระสบความสาเรจ็ 81 การเปน็ สมาชกิ ในองคก์ รทางวชิ าชีพ 82 การถามคาถาม 83 การสร้างเครอื ข่ายกบั วชิ าชีพอน่ื มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 84 การอา่ น 85 การดูวดิ โี อทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 86 การประชมุ วชิ าการ สมั มนา และการประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ าร 87 การพฒั นาที่ยดึ ครเู ปน็ ศูนยก์ ลาง 88 การพฒั นาตนเองผา่ นการสงั เกตการสอนในช้ันเรียน 89 การตระหนกั รใู้ นตนเองผ่านกลมุ่ ครูทมี่ ีการพัฒนา 90 การทางานรว่ มกันกบั การทางานบนความรว่ มมอื 91 การพัฒนาครูโดยใชข้ ้อมลู 92 ศึกษาข้อมูลพ้นื ฐาน การใช้ e-Portfolio 93 กาหนดรูปแบบและเคร่อื งมอื ในการสาธติ การเรียนรู้ 94 ใหข้ ้อเสนอแนะและการสะท้อนขอ้ มูลกลบั อยา่ งเปน็ ระบบ 95 มคี วามต่อเน่ืองในการนาเสนอ และใชว้ ิธสี อนการสอน 96 มกี ารปฐมนเิ ทศเชิงปฏบิ ตั ิและฝึกปฏบิ ัตอิ ย่างต่อเนื่อง 97 เรียนรตู้ ลอดชวี ิต 98 สอนในระบบโมดลู 99 พฒั นาวธิ กี ารสอนและการใช้สอื่ ทเ่ี นน้ ผู้เรยี นเป็นศนู ยก์ ลาง 100 ใช้วธิ ีการสอนทห่ี ลากหลาย 101 นาเสนอเทคนิคการสอน และการเรียนทมี่ ีประสิทธิภาพทสี่ ่งเสริมการ พัฒนาเปน็ รายบุคคล 102 ใชว้ ธิ กี ารสอนแบบรว่ มมอื และแบบเครอื ข่าย 103 ประยุกต์ใชร้ ปู แบบการสอ่ื สารดว้ ยวาจาและอวัจนภาษาท่เี หมาะสม 104 ใช้เทคนคิ การนาเสนอที่ทนั สมัย 105 ทาความคุ้นเคยกับวธิ กิ ารใหม่ ๆ ด้วย ICT 105 ประยกุ ตใ์ ชข้ ้อมลู ทใี่ ช้ ICT และระบบการจดั การความรู้ 106 อานวยความสะดวกในการพัฒนาทกั ษะชวี ติ และอาชีพของผ้เู รียน 107 การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ท่เี อือ้ อานวย 108 อานวยความสะดวกในการเรยี นรู้ 109 จัดทาแผนการสอนทีเ่ หมาะสมสอดคล้องกับวสิ ัยทศั นแ์ ละพนั ธกจิ ของโรงเรยี น
208 ขอ้ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคดิ เห็น 54 3 21 110 การพฒั นาทกั ษะการคดิ ตามลาดบั ขน้ั สงู (HOTS) 111 การพฒั นาและใช้ประโยชนจ์ ากแหลง่ การเรียนการสอน 112 เสรมิ สร้างคุณคา่ ทางจรยิ ธรรมและคณุ ธรรม 113 การประเมินและประเมินผลการเรยี นของผู้เรยี น 114 มสี ่วนร่วมในการพฒั นาวชิ าชีพ 115 การสรา้ งเครอื ข่ายกับผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี โดยเฉพาะกับผูป้ กครอง 116 มีความต่อเน่อื งในการนาเสนอ และใชว้ ธิ ีสอนการสอน มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
209 ภาคผนวก ค 1. หนงั สอื ขอความอนเุ คราะห์เก็บรวบรวมข้อมูล 2. แบบสอบถาม มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
210 ที่ บห 2563/098 สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภฎัหมบู่ ้านจอมบงึ อ.จอมบงึ จ.ราชบรุ ี ๗๐๑๕๐ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 8 กันยายน ๒๕63 เร่ือง ขอความอนเุ คราะห์ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล เรยี น สง่ิ ที่สง่ มาดว้ ย แบบสอบถามจานวน 1 ฉบบั ด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ สุจริตรักษ์ อาจารย์สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้รับการพิจารณาอนุมัติ และได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้ทาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครรู องรบั การศกึ ษายุค 4.0” ในการน้ี สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านในการตอบข้อมูล เพ่ือประกอบการทาวิจยั สาขาวิชาการบริหารการศึกษาขอขอบคุณท่านเปน็ อยา่ งสงู มา ณ โอกาสน้ี จึงเรียนมาเพอ่ื โปรดพจิ ารณาใหค้ วามอนเุ คราะหด์ ้วย จักขอบคณุ ยิง่ ขอแสดงความนบั ถือ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ สุจรติ รกั ษ์) ประธานสาขาวชิ าการบริหารการศึกษา
211 แบบสอบถามเพื่อการวิจัย รปู แบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0 คาช้แี จงในการตอบแบบสอบถาม 1. แบบสอบถามน้ีมวี ัตถปุ ระสงคเพื่อสอบถามตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรับ การศึกษายคุ 4.0 2. แบบสอบถามแบงออกเปน 2 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 ข้อมลู สถานภาพของผูตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกยี่ วกับตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0 3. ผตู อบแบบสอบถามฉบบั นี้ คือ ผบู้ รหิ าร และครูโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพนื้ ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาจงั หวดั ราชบุรี และสมุทรสงคราม 4. ข้อมูลท่ีทานตอบจะไมเ่ ปิดเผยช่ือผูตอบ และนามาวเิ คราะหใ์ นภาพรวมไม่มผี ลกระทบตอ่ การปฏิบตั ิงานของท่านแต่อย่างใด ขอขอบพระคุณในความอนเุ คราะหของทานเปนอยางสงู (ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศักด์ิ สจุ รติ รกั ษ)์ ผ้วู ิจยั มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 212 แบบสอบถามเพอ่ื การวิจัย เร่อื ง “รปู แบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0” ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม คาช้แี จง กรุณาแสดงเครื่องหมาย ลงหนา้ ขอ้ ความทตี่ รงกับสถานภาพของทา่ น 1. เพศ ชาย หญิง 2. อายุ 31-40 ปี 41-50 ปี 51 ขึ้นไป 3. ระดับการศึกษาสูงสุด ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท ปรญิ ญาเอก 4. ตาแหน่ง ผอู้ านวยการ หวั หนา้ วชิ าการ ครู 5. ประสบการณทางานในการทางานปัจจุบัน ไมเ่ กิน 5 ปี 6-10 ปี 11-15 ปี 16 ปขี นึ้ ไป ตอนที่ 2 ตัวแปรการพฒั นาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายุค 4.0 คาชี้แจง กรณุ าแสดงเครื่องหมาย ลงในชอ่ งระดบั ความคิดเห็นของท่านมตี ่อองค์ประกอบการ พฒั นาสถานศึกษาสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบทส่ี ่งเสรมิ ทกั ษะการคดิ ระดับ 5 หมายถงึ เหน็ ด้วยกับตวั แปรการพฒั นาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ในระดับมากท่ีสดุ ระดับ 4 หมายถึง เหน็ ด้วยกับตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0ใน ระดับมาก ระดับ 3 หมายถึง เห็นดว้ ยกับตัวแปรการพฒั นาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายคุ 4.0 ในระดบั ปานกลาง ระดับ 2 หมายถงึ เห็นด้วยกับตัวแปรการพฒั นาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0 ในระดบั น้อย ระดับ 1 หมายถึง เห็นดว้ ยกับตวั แปรการพฒั นาสมรรถนะครรู องรับการศึกษายุค 4.0ใน ระดับนอยท่ีสุด
213 ข้อ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคดิ เห็น 54 3 21 1 จดั ให้มีการสอบเพ่ือรบั และตอ่ ใบอนญุ าตประกอบ 2 กาหนดให้ครูทุกคนต้องพัฒนาตนเองทกุ ปี 3 พฒั นาระบบเงนิ เดอื น 4 ประเมนิ ผลการทางานของครู มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5 นาเทคโนโลยมี าใชเ้ พ่ือการพัฒนาโดยพฒั นา ระบบออนไลน์ 6 ส่งเสรมิ การพฒั นาตนเองของครอู ยา่ งต่อเนอ่ื ง 7 สร้างเครือขา่ ยการพฒั นาทั้งในและนอกสถานศกึ ษา 8 พัฒนาครแู บบมสี ่วนรว่ ม 9 วจิ ัยและพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรู้ และการเรยี นการสอนของครูให้ ทันสมัย 10 จัดให้มคี ปู องการพัฒนาประจาปี 11 จดั ใหม้ กี ารปฐมนเิ ทศครูใหม่ 12 กาหนดจานวนนกั เรยี นต่อครูให้เหมาะสม และสอดคล้องกับการ เรยี นการสอน 13 พฒั นาและจดั สือ่ การสอนทมี่ คี ณุ ภาพสอดคล้องกับเน้อื หาสาระวิชา 14 ปรบั เปลย่ี นรูปแบบการสอนของครู 15 จัดระบบเครือข่ายและนเิ ทศการสอนภายในสถานศึกษา 16 จดั ใหม้ คี รตู น้ แบบเพ่อื เป็นพเี่ ลีย้ ง 17 จดั ตั้งและพัฒนากองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ 18 การเตรยี มความพร้อมการเปน็ ครู 19 การบรรยาย 20 การฝึกอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร 21 การระดมสมอง 22 การอภิปราย 23 การฝึกอบรมแบบกรณศี ึกษา 24 การสาธติ 25 การศึกษาดูงาน 26 การฝกึ อบรมเพอื่ สุขภาพ 27 การฝกึ สอน 28 ระบบพเ่ี ลย้ี ง 29 การให้คาปรึกษา 30 สง่ เสริมการเรียนรแู้ ละพัฒนาทักษะของครูดา้ นเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์
214 ข้อ ตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคดิ เห็น 54 3 21 31 สร้างโอกาสการเรียนรู้ของครูในการใช้เทคโนโลยอี ยา่ งสมา่ เสมอ 32 สนบั สนุนเคร่ืองมอื ท่จี ะช่วยให้ครไู ดแ้ สวงหาการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง อยา่ งตอ่ เน่ือง 33 จดั หาประสบการณท์ เี่ ปน็ การเรียนรู้ระยะยาว มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 34 การส่งครไู ปเขา้ ร่วมการประชมุ อบรม สมั มนาตามท่ีหนว่ ยงานต่าง ๆ จดั ขึ้น 35 การไปศึกษาดูงาน การจัดอบรมสมั มนาในโรงเรยี น โดยเชิญวทิ ยากร ภายนอกมาให้ความรู้ 36 การส่งครไู ปศกึ ษาตอ่ ในระดับทสี่ งู ขน้ึ 37 การนเิ ทศภายใน 38 การทาวจิ ัยในช้ันเรยี น 39 การมอบหมายใหค้ รูอา่ นหนงั สือเกย่ี วกับการปฏริ ูปการเรยี นรูแ้ ละ งานทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับครู 40 การเรยี นรูจ้ ากการปฏิบตั โิ ดยหมนุ เวียนครใู หป้ ฏบิ ตั ิงานในหลาย หนา้ ที่ 41 การจัดทีมงานเพ่อื เรยี นรแู้ ละปฏิบตั งิ านรว่ มกัน 42 การนาโครงการต่าง ๆ จากภายนอกเขา้ มาดาเนินการภายในโรงเรยี น เพือ่ กระตุ้นการทางานของครู 43 การสนบั สนุนครใู ห้ทาผลงานทางวชิ าการเพอ่ื เลื่อนวทิ ยฐานะและ ขอรับรางวลั จากหน่วยงานต่าง ๆ 44 การสง่ ครไู ปเป็นวิทยากรในโอกาสตา่ ง ๆ 45 การเข้ารว่ มโครงการต่าง ๆ ทงั้ ระดับประเทศและระดบั ภูมภิ าคเพอื่ กระต้นุ ให้ครู ต่ืนตัวพัฒนาตนเอง เป็นตน้ 46 การสารวจความตอ้ งการของครู 47 การศึกษาดงู านโรงเรยี นทป่ี ระสบความสาเรจ็ 48 การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 49 การสรา้ งเครอื ข่ายทเ่ี ชอื่ มโยงกับการนิเทศตดิ ตามงาน 50 การสร้างเครอื ขา่ ยการเรียนรู้แบบร่วมมือกับผเู้ กย่ี วข้อง 51 ทาให้ผู้เรียนเปน็ ผสู้ ร้างความรโู้ ดยเน้นการเรียนรู้แบบลงมอื ปฏบิ ตั ิ 52 การพัฒนาทกั ษะการจดั ลาดับการคดิ ระดบั สูงโดยเนน้ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์และวิจารณญาณ 53 ครเู ปน็ ผู้อานวยความสะดวกในการเรียนร้ทู ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
215 ข้อ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรบั การศึกษายคุ 4.0 ระดับความคดิ เห็น 54 3 21 54 การวดั และประเมินผลดว้ ยการผสมผสานเขา้ กับกระบวนการสอน โดยเน้นพฒั นาการและความก้าวหน้าของผู้เรียน 55 มคี วามรูแ้ ละประสบการณ์วิชาชีพเพอื่ สง่ เสรมิ การพฒั นาชีวติ และ ทักษะวิชาชพี ใหผ้ ูเ้ รยี น มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 56 การสร้างเครอื ข่ายการเรียนรู้แบบรว่ มมือกับผเู้ กี่ยวข้อง 57 การพฒั นาครูอย่างตอ่ เน่ืองเพ่ือพฒั นาโรงเรยี นเป็นองคก์ รการเรยี นรู้ 58 การสร้างระบบครผู เู้ ชย่ี วชาญเป็นพ่เี ลยี้ งครใู หม่ 59 พฒั นากลไกสาคัญในการติดตามความกา้ วหนา้ ทางวิทยาการและ ความรู้เพอ่ื การพฒั นาครู 60 มคี วามรู้ความสามารถและทักษะในการออกแบบการจดั การเรียนรู้ 61 มีภาวะผนู้ าในการพัฒนาการศึกษาและเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง 62 การเป็นบุคคลทมี่ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ศลี ธรรมและจรรยาบรรณ วชิ าชพี 63 การสารวจความต้องการจาเป็นในการฝึกอบรม 64 การออกแบบการฝกึ อบรม 65 การฝกึ ปฏิบตั ิ ใช้การฝกึ ปฏิบตั ริ ายบุคคลในห้องเรยี น 66 การแลกเปลีย่ นเรียนรู้ 67 การนเิ ทศและตดิ ตามผล โดยใชก้ ารสนทนากลมุ่ เป็นรายบคุ คล 68 การสะท้อนความคิดของครู ส่วนใหญใ่ ช้การสมั มนา 69 การประเมินการฝึกอบรม ใช้การสมั มนาและการประเมนิ ความพึง พอใจ 70 พฒั นาค่านยิ มขององค์การในเรือ่ งการทางานเป็นหมคู่ ณะ การ เปิดเผย และความไวว้ างใจ 71 ให้ครูไดม้ โี อกาสเรยี นรแู้ ละเขา้ ใจองคก์ ารของตัวเองอยา่ งแทจ้ รงิ 72 ทบทวนบทบาทหนา้ ท่เี ก่ียวกับความเปน็ ผูน้ าและปรับใหค้ รอบคลมุ ถึงบทบาทของครู 73 ส่งเสรมิ การสรา้ งเครอื ขา่ ยทง้ั ในและนอกสถานศกึ ษาและความ ร่วมมือร่วมใจในการทางานอยา่ งเป็นหนง่ึ เดยี ว 74 เตรยี มครใู หเ้ ป็นผ้นู าในวิชาชพี ของตนอยา่ งแทจ้ ริง 75 การรับทางานในส่วนของงานกรรมการหรอื การเปน็ สมาชกิ ในทีมงาน 76 การฝกึ กระบวนการการสอนแบบเป็นขน้ั เป็นตอน 77 การเรยี นรู้ผา่ นการทดลอง 78 การรบั การฝกึ จากหัวหนา้ งานหรอื เพอื่ นรว่ มงาน
216 ขอ้ ตวั แปรการพัฒนาสมรรถนะครรู องรับการศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคิดเห็น 54 3 21 79 การสังเกตและจดบนั ทึกการสอนของครูท่านอืน่ ทป่ี ระสบความสาเรจ็ 81 การเปน็ สมาชกิ ในองคก์ รทางวชิ าชีพ 82 การถามคาถาม 83 การสร้างเครอื ข่ายกบั วชิ าชีพอน่ื มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 84 การอา่ น 85 การดูวดิ โี อทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 86 การประชมุ วชิ าการ สมั มนา และการประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ าร 87 การพฒั นาที่ยดึ ครเู ปน็ ศูนยก์ ลาง 88 การพฒั นาตนเองผา่ นการสงั เกตการสอนในช้ันเรียน 89 การตระหนกั รใู้ นตนเองผ่านกลมุ่ ครูทมี่ ีการพัฒนา 90 การทางานรว่ มกันกบั การทางานบนความรว่ มมอื 91 การพัฒนาครูโดยใชข้ ้อมลู 92 ศึกษาข้อมูลพ้นื ฐาน การใช้ e-Portfolio 93 กาหนดรูปแบบและเคร่อื งมอื ในการสาธติ การเรียนรู้ 94 ใหข้ ้อเสนอแนะและการสะท้อนขอ้ มูลกลบั อยา่ งเปน็ ระบบ 95 มคี วามต่อเน่ืองในการนาเสนอ และใชว้ ิธสี อนการสอน 96 มกี ารปฐมนเิ ทศเชิงปฏบิ ตั ิและฝึกปฏบิ ัตอิ ย่างต่อเนื่อง 97 เรียนรตู้ ลอดชวี ิต 98 สอนในระบบโมดลู 99 พฒั นาวธิ กี ารสอนและการใช้สอื่ ทเ่ี นน้ ผู้เรยี นเป็นศนู ยก์ ลาง 100 ใช้วธิ ีการสอนทห่ี ลากหลาย 101 นาเสนอเทคนิคการสอน และการเรียนทมี่ ีประสิทธิภาพทสี่ ่งเสริมการ พัฒนาเปน็ รายบุคคล 102 ใชว้ ธิ กี ารสอนแบบรว่ มมอื และแบบเครอื ข่าย 103 ประยุกต์ใชร้ ปู แบบการสอ่ื สารดว้ ยวาจาและอวัจนภาษาท่เี หมาะสม 104 ใช้เทคนคิ การนาเสนอที่ทนั สมัย 105 ทาความคุ้นเคยกับวธิ กิ ารใหม่ ๆ ด้วย ICT 105 ประยกุ ตใ์ ชข้ ้อมลู ทใี่ ช้ ICT และระบบการจดั การความรู้ 106 อานวยความสะดวกในการพัฒนาทกั ษะชวี ติ และอาชีพของผ้เู รียน 107 การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ท่เี อือ้ อานวย 108 อานวยความสะดวกในการเรยี นรู้ 109 จัดทาแผนการสอนทีเ่ หมาะสมสอดคล้องกับวสิ ัยทศั นแ์ ละพนั ธกจิ ของโรงเรยี น
217 ขอ้ ตัวแปรการพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ระดบั ความคดิ เห็น 54 3 21 110 การพฒั นาทกั ษะการคดิ ตามลาดบั ขน้ั สงู (HOTS) 111 การพฒั นาและใช้ประโยชนจ์ ากแหลง่ การเรียนการสอน 112 เสรมิ สร้างคุณคา่ ทางจรยิ ธรรมและคณุ ธรรม 113 การประเมินและประเมินผลการเรยี นของผู้เรยี น 114 มสี ่วนร่วมในการพฒั นาวชิ าชีพ 115 การสรา้ งเครอื ข่ายกับผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี โดยเฉพาะกับผูป้ กครอง 116 มีความต่อเน่อื งในการนาเสนอ และใชว้ ธิ ีสอนการสอน มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
218 ภาคผนวก ง 1. หนังสือขอความอนุเคราะหข์ อยนื ยนั รูปแบบ 2. แบบสอบถาม 3. รายช่อื ผู้ทรงคุณวุฒิ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
219 ที่ บห 2563/012 สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฎหั มบู่ ้านจอมบงึ อ.จอมบึง จ.ราชบรุ ี ๗๐๑๕๐ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 25 มกราคม ๒๕64 เร่ือง ขอความอนุเคราะหย์ ืนยนั องคป์ ระกอบรปู แบบ เรียน ส่งิ ท่ีส่งมาดว้ ย แบบสอบถามจานวน 1 ฉบับ ด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ สุจริตรักษ์ อาจารย์สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้รับการพิจารณาอนุมัติ และได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ให้ทาวิจัยเร่ือง “รูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครูรองรบั การศึกษายคุ 4.0” ในการนี้ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านในการตอบข้อมูล เพ่ือยืนยันองค์ประกอบรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0การบริหารการศึกษา ขอขอบคณุ ทา่ นเปน็ อย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ จงึ เรียนมาเพ่ือโปรดพจิ ารณาใหค้ วามอนุเคราะห์ด้วย จักขอบคณุ ยิ่ง ขอแสดงความนบั ถือ (ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรศักด์ิ สุจริตรักษ์) ประธานสาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 220 แบบสอบถามเพ่ือยืนยนั องค์ประกอบรปู แบบ เรื่อง “รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครเู พอ่ื รองรบั การศกึ ษายุค 4.0 คาช้ีแจง ขอให้ท่านพิจารณา และยืนยันองค์ประกอบรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามความคิดเหน็ ของทา่ น องค์ประกอบที่ 1 “กิจกรรมเพื่อพัฒนาศาสตร์การสอน” มี 37 ตัวแปร โดยเรียงลาดับค่า น้าหนักองค์ประกอบจากมากไปน้อย ดังนี้ 1. การถามคาถาม 2. ใช้วิธีการสอนท่ีหลากหลาย 3. การ สังเกตและจดบันทึกการสอนของครูท่านอื่นที่ประสบความสาเรจ็ 4. กาหนดรปู แบบและเคร่ืองมือในการ สาธิตการเรียนรู้ 5. การอ่าน 6. การประชุมวิชาการ สัมมนา และการประชุมเชิงปฏิบัติการ 7. การฝึก ปฏิบัติ ใช้การฝึกปฏิบัติรายบุคคลในห้องเรียน 8. การรับการฝึก จากหัวหน้างานหรือเพ่ือนร่วมงาน 9. การดูวดิ โี อท่ีเกีย่ วข้อง 10. การออกแบบการฝึกอบรม 11. เปิดโอกาสและให้มชี ่วงเวลาคุณภาพเพื่อ สนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน 12. มีการปฐมนิเทศเชิงปฏิบัติและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง 13. พัฒนา วิธกี ารสอนและการใช้สื่อท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 14. การเรียนรู้ผ่านการทดลอง 15. มีความต่อเนื่อง ในการนาเสนอ และใช้วิธีสอนการสอน 16. การเรียนรู้จากการปฏิบัติโดยหมุนเวียนครูให้ปฏิบัติงานใน หลายหนา้ ท่ี 17. การพฒั นาและใชป้ ระโยชน์จากแหล่งการเรียนการสอน 18. สอนในระบบโมดูล 19. การสารวจความต้องการจาเป็นในการฝึกอบรม 20. การให้คาปรึกษา 21. การสะท้อนความคิดของครู โดยใช้การสัมมนา 22. การศึกษาดูงานโรงเรียนท่ีประสบความสาเร็จ 23. การไปศึกษาดูงาน การจัด อบรมสัมมนาในโรงเรียน โดยเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้ 24. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 25. การส่ง ครูไปเข้าร่วมการประชุม อบรม สัมมนาตามที่หน่วยงานต่าง ๆ จัดข้ึน 26. การฝึก กระบวนการการสอน แบบเปน็ ขัน้ เป็นตอน 27. จดั ทาแผนการสอนท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับวสิ ยั ทัศน์และพันธกิจของโรงเรียน 28. การฝึกสอน 29. การฝึกอบรมเพื่อสุขภาพ 30. การศึกษาดูงาน 31. การสาธิต 32. การระดมสมอง 33. นาเสนอเทคนิคการสอน และการเรียนท่ีมีประสิทธิภาพที่ส่งเสริมการพัฒนาเป็นรายบุคคล 34. การ อภิปราย 35. การฝกึ อบรมแบบกรณีศึกษา 36. การฝกึ อบรมเชงิ ปฏิบัติการ และ 37. การบรรยาย องค์ประกอบที่ 2 “การนิเทศ และติดตามผล” มี 10 ตัวแปร โดยเรียงลาดับค่าน้าหนัก องคป์ ระกอบจากมากไปน้อย 1. จัดให้มีการสอบเพ่อื รับและตอ่ ใบอนญุ าตประกอบ 2. ประเมินผลการ ทางานของครู 3. การวัดและประเมินผลด้วยการผสมผสานเข้ากับกระบวนการสอนโดยเน้น พัฒนาการและความก้าวหน้าของผู้เรียน 4. การนิเทศภายใน 5. กาหนดให้ครูทุกคนต้องพัฒนา ตนเองทกุ ปี 6. การสรา้ งเคร่ืองมือวัดทักษะการคดิ วิเคราะห์ 7. พัฒนาค่านยิ มขององค์การในเร่ืองการ ทางานเป็นหมู่คณะ การเปิดเผย และความไว้วางใจ 8. การนิเทศและติดตามผล โดยใช้การสนทนา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 221 กลุ่มเป็นรายบุคคล 9. การประเมินการฝึกอบรม ใช้การสัมมนาและการประเมินความพึงพอใจ 10. การประเมนิ และประเมนิ ผลการเรยี นของผู้เรียน องค์ประกอบท่ี 3 “การใช้เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้” มี 6 ตัวแปร โดยเรียงลาดับ ค่าน้าหนักองค์ประกอบจากมากไปน้อย ดังน้ี 1. ใช้เทคนิคการนาเสนอท่ีทันสมัย 2. ทาความคุ้นเคย กับวธิ กี ารใหม่ ๆ ด้วย ICT 3. นาเทคโนโลยมี าใช้เพื่อการพัฒนาโดยพฒั นา ระบบออนไลน์ 4. สง่ เสรมิ การเรียนรู้และพัฒนาทักษะของครูด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 5. สร้างโอกาสการเรียนรู้ของครูใน การใช้เทคโนโลยีอย่างสม่าเสมอ และ 6. ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่ใช้ ICT และระบบการจัดการความรู้ องค์ประกอบท่ี 4 “การแสวงหาและพัฒนาตนเอง” มี 24 ตัวแปร โดยเรียงลาดับค่าน้าหนัก องค์ประกอบจากมากไปน้อย ดังน้ี 1. การรับทางานในส่วนของงานกรรมการหรือการเป็นสมาชิกใน ทีมงาน 2. ให้ครูได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจองค์การของตัวเองอย่างแท้จริง 3. มีความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพเพ่ือส่งเสริมการพัฒนาชีวิตและทักษะวิชาชีพให้ผู้เรียน 4. การพัฒนาที่ยึดครูเป็น ศูนย์กลาง 5. มีภาวะผู้นาในการพัฒนาการศึกษาและเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง 6. การเป็นบุคคลที่มี คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ 7. เสริมสร้างคุณค่าทางจริยธรรมและคุณธรรม 8. เตรียมครูให้เป็นผู้นาในวิชาชีพของตนอย่างแท้จริง 9. การพัฒนาตนเองผ่านการสังเกตการสอนในช้ัน เรียน 10. การส่งครูไปเป็นวิทยากรในโอกาสต่าง ๆ 11. มีความรู้ความสามารถและทักษะในการ ออกแบบการจัดการเรียนรู้ 12. วิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ และการเรียนการสอนของครูให้ ทันสมัย 13. การทาวิจัยในชั้นเรียน 14. ส่งเสริมการพัฒนาตนเองของครูอย่างต่อเนื่อง 15. การ มอบหมายให้ครูอ่านหนังสือเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้และงานท่ีเก่ียวข้องกับครู 16. การพัฒนา ทักษะการจัดลาดับการคิดระดับสูงโดยเน้นทักษะการคิดวิเคราะห์และวิจารณญาณ 17. ประยุกต์ใช้ รูปแบบการส่ือสารด้วยวาจาและอวัจนภาษาท่ีเหมาะสม 18. สนับสนุนเครื่องมือท่ีจะช่วยให้ครูได้ แสวงหาการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง 19. จัดหาประสบการณ์ท่ีเป็นการเรียนรู้ระยะยาว 20. การ ส่งครูไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น 21. การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อกระตุ้นให้ครู ต่ืนตัวพัฒนาตนเอง เป็นต้น 22. การพัฒนาทักษะการคิดตามลาดับข้ันสูง (HOTS) 23. การพัฒนาครูอย่างต่อเน่ืองเพื่อพัฒนาโรงเรียนเปน็ องค์กรการเรียนรู้ และ 24. เรยี นร้ตู ลอดชวี ติ องค์ประกอบท่ี 5 “การสร้างเครือข่าย ทีมงาน และความร่วมมือ” มี 14 ตัวแปร โดย เรียงลาดับค่าน้าหนักองค์ประกอบจากมากไปน้อย ดังน้ี 1. ใช้วิธีการสอนแบบร่วมมือและแบบเครือข่าย 2. การสร้างเครือข่ายกับวิชาชีพอ่ืน 3. การสร้างเครือข่ายท่ีเชื่อมโยงกับการนิเทศติดตามงาน 4. มีส่วน ร่วมในการพัฒนาวิชาชีพ 5. การทางานร่วมกันกับการทางานบนความร่วมมือ 6. การตระหนักรู้ในตนเอง ผ่านกลุ่มครูที่มีการพัฒนา 7. การเป็นสมาชิกในองค์กรทางวิชาชีพ 8. การสร้างเครือข่ายกับผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียโดยเฉพาะกับผู้ปกครอง 9. ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายทั้งในและนอกสถานศึกษาและความ ร่วมมือร่วมใจในการทางานอย่างเป็นหน่ึงเดียว 10. การจัดทีมงานเพื่อเรียนรู้และปฏิบัติงานร่วมกัน 11.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255