Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดร.พรศักดิ์ สุจริตรักษ์

ดร.พรศักดิ์ สุจริตรักษ์

Published by วิทย บริการ, 2022-07-27 01:54:54

Description: ดร.พรศักดิ์ สุจริตรักษ์

Search

Read the Text Version

40 ตารางที่ 13 ขอ้ บังคบั ครุ สุ ภา มาตรฐานมหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสมรรถนะของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครู (ก) การปฏิบัติ (1) มุง่ ม่ันพัฒนาผู้เรียน ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู หนา้ ที่ครู (2) ประพฤติตนเปน็ แบบอย่างท่ดี ี มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีความเป็นพลเมืองทีเ่ ขม้ แข็ง (3) สง่ เสริมการเรียนรู้ เอาใจใส่ และยอมรบั ความแต่กตา่ งของผ้เู รียนแตล่ ะบุคคล (ข) การจัดการ (4) สรา้ งแรงบันดาลใจผูเ้ รยี นให้เป็นผใู้ ฝ่เรยี นรู้ และผู้สร้างนวตั กรรม เรียนรู้ (5) พฒั นาตนเองให้มีความรอบรู้ ทันสมยั และทนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง (1) พฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา การจดั การเรียนรู้ สือ่ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ (ค) ความสัมพนั ธ์ (2) บรู ณาการความรู้และศาสตร์การสอนในการวา่ งแผนและจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถพฒั นา กบั ผู้ปกครองและ ผูเ้ รยี นให้มีปัญญารู้คดิ และมีความเป็นนวตั กร ชมุ ชน (3) ดูแล ช่วยเหลือ และพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามศักยภาพ สามารถรายงานผลการ พัฒนาคุณภาพผเู้ รียนได้อยา่ งเปน็ ระบบ (4) จัดกจิ กรรมและสร้างบรรยากาศการเรยี นรใู้ ห้ผู้เรยี นมีความสุขในการเรียนโดยตระหนัก ถงึ สขุ ภาวะของผ้เู รยี น (5) วิจัย สร้างนวัตกรรม และประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทลั ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อการเรยี นรู้ของ ผ้เู รยี น (6) ปฏบิ ัติงานร่วมกบั ผู้อื่นอยา่ งสร้างสรรค์และมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมการพฒั นาวชิ าชีพ (1) ร่วมมือกบั ผ้ปู กครองในการพฒั นาและแก้ปญั หาผเู้ รียนใหม้ คี ณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ (2) สรา้ งเครอื ข่ายความรว่ มมอื กับผูป้ กครองและชมุ ชน เพื่อสนับสนนุ การเรียนรูท้ ่ีมีคุณภาพ ของผ้เู รียน (3) ศึกษา เข้าถึงบริบทของชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความแต่กต่างทาง วฒั นธรรม (4) ส่งเสริม อนรุ ักษ์วฒั นธรรม และภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น 5.4 สมรรถนะของครเู อเชียตะวันออกฉียงใต้ (Southeast Asia Teachers Competency) สานักงานเลขาธิการคุรุสภา (The Teachers’ Council of Thailand, 2018, 8-16) ได้ จัดประชุมผู้บริหารระดับสูงจาก 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพ่ือกาหนดกรอบ สมรรถนะครูเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซ่ึงกรอบสมรรถนะนี้ ประกอบด้วยสมรรถนะท่ัวไป 4 ด้าน สมรรถนะทั่วไป 12 ด้าน สมรรถนะเอ้ือ (enabling competencies) 31 ข้อ และตัวช้ีวัด 136 ข้อ สมรรถนะเอื้อเป็นเกณฑ์การปฏิบัติ ขณะที่ตัวชี้วัดเป็นตัวอธิบายพฤติกรรม ซ่ึงครูในภูมิภาค จาเป็นต้องมี ทาให้เกิดการตอบสนองได้ง่ายเป็นพิเศษในการเติมเต็มมาตรฐานครูที่มีอยู่เดิมใน ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะคล้ายกับวิธีการที่คณะกรรมาธิการยุโรปนามาใช้ในการรวมตัว กันในกลุ่มประเทศสมาชิกเพ่ือปฏิรูปการศึกษาครู โดยใช้มรรถนะเป็นแนวทางสาหรับการจัด

41 การศึกษาให้แก่ครูก่อนประจาการ การสรรหาและการคัดเลือกครู การฝึกอบรมระหว่างประจาการ และการพฒั นาวิชาชีพอย่างตอ่ เนื่อง ซง่ึ มีรายละเอยี ด ดงั นี้ 1. ความรู้และความเข้าใจในส่งิ ทีจ่ ะสอน คอื ความสามารถของครูในการเพ่ิมพูนความรู้ ในเรื่องที่ตนจะสอนท้ังเชิงลึกและเชิงกว้าง ความเข้าใจกระแสนิยมในโลกการศึกษา ตลอดจนนโยบาย และหลักสูตร ทั้งนี้ครูยังต้องก้าวทันตามพัฒนาการท้ังในระดับท้องถ่ิน ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกเชน่ กนั มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ตารางที่ 14 ความรแู้ ละความเข้าใจในสงิ่ ที่จะสอน 1.0 รู้และเขา้ ใจในสิ่งทต่ี นเองสอน สมรรถนะทัว่ ไป สมรรถนะเอือ้ ตัวชว้ี ัด 1.1 เพมิ่ พูนความรู้ ใน เรอื่ งท่ตี นเองจะสอนใน 1.1.1 เข้าใจเน้ือหาของส่ิง 1.1.1.1 รแู้ ละเข้าใจทฤษฎี แนวคดิ และหลกั การท่ี เชงิ กวา้ งและเชงิ ลึก ทต่ี นเองจะสอนอยา่ ง เกีย่ วข้องกบั ส่ิงท่ีฉนั สอน 1.2 เข้าใจกระแสนิยม ทางการศกึ ษา นโยบาย ถอ่ งแท้ 1.1.1.2 ใชเ้ นื้อหาทถี่ ูกตอ้ งและทันสมยั ในการจดั การ และหลกั สตู ร เชื่อมโยง และนาเสนอสิง่ ทีฉ่ ันสอน 1.1.1.3 ทางานร่วมกบั ครทู ่านอนื่ ในการสอนเนอื้ หาประจา รายวิชา ทส่ี อนรว่ มกนั 1.1.2 ใช้ความรทู้ ไ่ี ดจ้ าก 1.1.2.1 อา่ นงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ งกับเน้อื หาวิชาของฉนั การคน้ ควา้ วจิ ัย 1.1.2.2 ใชผ้ ลการวิจัยที่เป็นปจั จุบนั เพือ่ พฒั นาตนเองและ วชิ าท่สี อนใหท้ นั สมัย 1.2.1 ติดตามขา่ วสาร 1.2.1.1 สบื คน้ งานวจิ ัยท่เี ปน็ ปัจจบุ นั และใช้แหลง่ ข้อมูลท่ี เกี่ยวกบั กระแสนยิ มใหม่ ๆ หลากหลาย ทางการศกึ ษา 1.2.1.2 รูแ้ ละเขา้ ใจผลกระทบและประโยชนข์ องกระแส นยิ มใหม่ ๆ ในโลกการศึกษา 1.2.2 ศกึ ษานโยบาย 1.2.2.1 ศึกษานโยบายใหมท่ ีส่ นบั สนุนทางด้านการบรกิ าร การศกึ ษาวา่ จะส่งผลตอ่ และด้านกจิ การการศึกษา การสอนของตนอยา่ งไร 1.2.2.2 ประเมนิ ว่าจะปรับใช้นโยบายการศกึ ษาและ กระบวนการ การศกึ ษาตามความต้องการและบรบิ ท ท้องถน่ิ ไดอ้ ยา่ งไร 1.2.2.3 ใหข้ อ้ เสนอเกี่ยวกับประโยชนแ์ ละความทา้ ทายใน การนานโยบายการศกึ ษามาใช้ 1.2.2.4 นานโยบายการสอนแบบเน้นผู้เรยี นเปน็ ศนู ย์กลาง มาใช้

42 ตารางท่ี 14 (ต่อ) 1.0 รู้และเขา้ ใจในสงิ่ ทตี่ นเองสอน สมรรถนะทว่ั ไป สมรรถนะเอ้ือ ตวั ช้ีวัด 1.2.3 เขา้ ใจว่าจะนา 1.2.3.1 เข้าใจปรชั ญาและเปา้ หมายสาคญั ของหลกั สตู ร หลกั สตู รมาใชอ้ ยา่ งไร 1.2.3.2 ประเมินเนอ้ื หาและความตอ่ เนื่องภายในและ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ระหว่างชั้นปกี ารศกึ ษา 1.2.3.3 ร่วมมอื กับทา่ นอ่ืน ๆ เพ่อื ระบเุ นอ้ื หาที่ชัดเจนและ เชอื่ มโยงกันระหว่างชั้นปกี ารศึกษา 1.2.3.4 ใชว้ ิธแี ละกลยทุ ธ์จากหลากหลายสาขาวิชาเพอ่ื ให้ เนอ้ื หาทีส่ อนดขี ึ้น 1.3 กา้ วทันข้อมูล 1.3.1 ตรวจสอบความ 1.3.1.1 นาการพฒั นาในทอ้ งถ่นิ ในประเทศ ในภมู ภิ าค ขา่ วสาร ดา้ นการพฒั นา เปล่ียนแปลงใหม่ ๆ และในระดบั โลกมาใชใ้ นบทเรยี นและกจิ กรรมการสอน ทง้ั ในระดบั ทอ้ งถิ่น เกย่ี วกับส่ิงแวดลอ้ มทาง ของตน ระดับประเทศ ระดับ การศกึ ษา 1.3.1.2 นาอัตลกั ษณ์ความเปน็ เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้มา ภมู ภิ าค และระดบั โลก ใช้ บูรณาการในบทเรยี นเพ่ือสง่ เสรมิ ให้เกิดความเขา้ ใจ ขา้ มวฒั นธรรม 1.3.1.3 เรียนรู้เกย่ี วกบั อนาคตของโลกการศกึ ษาใหม้ ากข้นึ 2. การช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ คือ ความสามารถในการรู้จักนักเรียนของครูโดยใช้ กลวิธีการสอนและการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผลที่สุด และประเมินผลพร้อมให้ข้อเสนอแนะด้านการเรียนรู้ ของนกั เรยี นได้ ตารางท่ี 15 การชว่ ยให้นักเรียนไดเ้ รียนรู้ 2.0 การช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ สมรรถนะทั่วไป สมรรถนะเอ้อื ตวั ช้วี ัด 2.1 รจู้ กั นกั เรยี นของตน 2.1.1 ค้นหาความตอ้ งการ 2.1.1.1 ศกึ ษาข้อมลู ภมู ิหลงั และผลการเรียนในอดตี ของ และจุดเดน่ ของนกั เรยี น นักเรียน ของฉนั เพือ่ ช่วยพวกเขา 2.1.1.2 รบั ฟงั และสังเกตนักเรยี น ให้เรยี นรไู้ ดด้ ีขึ้น 2.1.1.3 สังเกตความสนใจของนกั เรียนเพอ่ื ทาความรจู้ ัก พวกเขาให้มากขน้ึ 2.1.1.4 เขา้ ใจปญั หาและความกงั วลของนักเรียนทงั้ ท่ีบ้าน และท่โี รงเรียน

43 ตารางที่ 15 (ต่อ) 2.0 การช่วยให้นกั เรียนได้เรียนรู้ สมรรถนะทว่ั ไป สมรรถนะเอื้อ ตัวชีว้ ดั 2.2 ใช้กลยุทธก์ ารเรียน 2.1.1.5 ระบุและชว่ ยเหลอื นักเรยี นทม่ี ีแนวโน้มทจ่ี ะหยดุ การสอนทม่ี ีประสิทธผิ ล สูงสุด เรยี นกลางคนั และนักเรยี นทตี่ ้องการความช่วยเหลือเร่งดว่ น มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2.1.2 เขา้ ใจวธิ ีการเรยี นรู้ 2.1.2.1 บูรณาการขอ้ มลู ด้านความต้องการของนักเรยี น ของนกั เรียน ตลอดจน ความชอบ ภาษาและลาดับการพัฒนาการของ ผ้เู รยี นกบั ประสบการณ์ 2.1.2.2 ส่งเสริมใหน้ ักเรยี นมเี ป้าหมายท่ีท้าทายแต่ยังไม่ บรรลผุ ลว่าทาไดจ้ รงิ 2.1.2.3 สอนใหน้ ักเรียนเรียนรู้จากขอ้ ผิดพลาด 2.1.2.4 ชว่ ยให้นกั เรียนเช่อื มโยงแนวคดิ ใหม่ ๆ เขา้ กับสิง่ ที่ ตนรู้ และเชื่อมัน่ 2.1.2.5 สอนกลยุทธ์การเรยี นให้เกดิ ประสทิ ธผิ ลแก่นกั เรยี น 2.1.2.6 สอนนักเรยี นใหเ้ หน็ ความเชอื่ มโยงระหว่างสิง่ ท่ี เรียนกบั ประสบการณใ์ นชีวติ จริง 2.1.3 ใหค้ ุณค่ากับสง่ิ ทีท่ า 2.1.3.1 ทาใหส้ ิ่งทีน่ กั เรยี นสนใจและประสบการณ์ของ ให้นกั เรยี นมเี อกลกั ษณ์ใน พวกเขา เป็นสว่ นหนงึ่ ของกระบวนการการเรยี นรู้ ตวั เอง 2.1.3.2 ช่วยและสนับสนุนนกั เรียนท่ีมีความต้องการ ทางการเรยี นรู้ ทแ่ี ต่กต่างจากผอู้ ่นื 2.1.3.3 สง่ เสริมและสนบั สนุนใหน้ ักเรยี นมเี ปา้ หมาย แรงจูงใจ และความประสงคท์ ี่จะเรียนรู้ 2.1.3.4 พฒั นาใหน้ กั เรียนเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองอยา่ ง ตอ่ เน่อื ง 2.2.1 เลือกกลยุทธ์การ 2.2.1.1 ใช้ก้ลวธกิ าี รสอนและการเรียนรูท้ ี่เหมาะสมในการ เรียนการสอนท่ีเหมาะสม พัฒนาทกั ษะด้านความคดิ สรา้ งสรรค์ นวตั กรรม ความคดิ ทส่ี ุด เชิงวจิ ารณแ์ ละบรู ณาการของนกั เรียน 2.2.1.2 ใช้ประโยชนจ์ ากโอกาสในการเรยี นรทู้ ั้งในและ นอกห้องเรียนให้ไดม้ ากทีส่ ดุ 2.2.1.3 ใชเ้ คร่ืองมือเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อสนับสนุน การเรยี นรู้ของนักเรยี น 2.2.1.4 ให้นกั เรยี นมีส่วนร่วมในการเรยี นรูแ้ บบรว่ มมอื เพอื่ พัฒนาทกั ษะด้านสงั คม ทกั ษะดา้ นวิชาการ และทกั ษะทาง อารมณ์ของผเู้ รียน

44 ตารางท่ี 15 (ต่อ) 2.0 การช่วยใหน้ ักเรียนได้เรยี นรู้ สมรรถนะท่ัวไป สมรรถนะเอ้ือ ตวั ชว้ี ัด 2.3 ประเมนิ ผลและ ให้ 2.2.2 ออกแบบบทเรยี นที่ 2.2.2.1 ออกแบบบทเรยี นท่มี ีจดุ ประสงค์การเรยี นร้ทู ี่ ขอ้ เสนอแนะ ดา้ นการ เรียนรู้ของนักเรยี น ชดั เจนและมีประสิทธิผลที่ ชดั เจน โดยมเี พียงองคป์ ระกอบหลักเท่าทจ่ี าเปน็ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง นกั เรียนสามารถเข้าใจได้ 2.2.2.2 ออกแบบการเรียนรูซ้ ง่ึ อิงบรบิ ทเปน็ สาคญั 2.2.2.3 ออกแบบคาสงั่ สาหรบั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ัง้ แบบ เด่ียวและแบบกลมุ่ 2.2.2.4 สอื่ สารความคาดหวงั ต่อการเรยี นร้ใู ห้ชัดเจน 2.2.2.5 สอนและใหค้ าสั่งทช่ี ัดเจนและเข้าใจงา่ ย 2.2.2.6 ปรบั เปลี่ยนคาสัง่ ในกจิ กรรมการเรยี นร้ถู ้าจาเป็น 2.2.2.7 ทาใหบ้ ทเรยี นน่าสนใจขึ้นและมีความหมายมาก ขน้ึ สาหรบั นักเรยี น 2.2.2.8 ออกแบบบทเรยี นและกจิ กรรมให้นักเรียนได้ วเิ คราะห์และเข้าใจเน้อื หาอยา่ งลกึ ซงึ้ 2.2.2.9 ออกแบบบทเรยี นและกิจกรรมทก่ี อ่ ใหเ้ กิดความ เข้าใจและความรู้ใหม่ในหมนู่ ักเรยี น 2.2.3 สร้างพ้นื ท่ีการ 2.2.3.1 สรา้ งพื้นที่การเรียนรู้ท่ีปลอดภัยดีตอ่ สขุ ภาพและมน่ั คง เรยี นรเู้ ชงิ บวกท่แี สดงถึง 2.2.3.2 ใหโ้ อกาสในการเรียนร้ทู เี่ ท่าเทียมกันกับนกั เรียนทุกคน ความใสใ่ จของผสู้ อน 2.2.3.3 ส่งเสรมิ ให้นกั เรียนทกุ คนพดู ในชัน้ เรียนด้วยความ มนั่ ใจและสบายใจ 2.2.3.4 สรา้ งพืน้ ทีก่ ารเรียนรทู้ น่ี กั เรยี นรจู้ กั ให้ความเคารพ ซึง่ กนั และกัน 2.2.3.5 พัฒนากระบวนการและกจิ วตั รในห้องเรยี น 2.2.3.6 ออกแบบการจดั เตรียมหอ้ งเรียนที่หลากหลายท่ี ทาให้เกดิ การเรยี นรู้ท่ีสร้างสรรค์และเปน็ พลวัต 2.3.1 ออกแบบเครือ่ งมอื 2.3.1.1 บรรยายผลการเรยี นรู้ ความรู้และทกั ษะทีน่ ักเรยี น และข้ันตอนการประเมนิ ผล จะไดร้ บั 2.3.1.2 ถามคาถามเชงิ สะท้อนคดิ และสง่ เสรมิ ใหม้ ีการฟัง เชิงสะทอ้ นคิดในหมู่นกั เรยี น 2.3.1.3 ออกแบบกลยุทธการประเมนิ ผลเพื่อพฒั นา ปรบั ปรงุ และสนับสนุนการเรียนรขู้ องนกั เรียน 2.3.1.4 นาการประเมนผิ ลมาใชใ้ นการเรยี นท้งั แบบเดีย่ ว และแบบกลุม่

45 ตารางท่ี 15 (ต่อ) 2.0 การช่วยใหน้ ักเรียนได้เรยี นรู้ สมรรถนะทว่ั ไป สมรรถนะเอ้ือ ตวั ช้ีวดั 2.3.2 ติดตามพัฒนาการ 2.3.2.1 กาหนดผลการเรียนรทู้ ่ีชดั เจน ของนักเรยี นและให้การ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง สนบั สนนุ ท่ีเหมาะสม 2.3.3 ใช้ผลจากการ 2.3.2.2 ประเมินผลงานนักเรยี นของฉันอยา่ งต่อเนอ่ื ง ประเมิน นักเรยี นเพอ่ื พร้อมท้งั ให้คาแนะนาทีเ่ ป็นประโยชน์และทนั ทว่ งที ปรบั ปรุง การสอน 2.3.2.3 ร่วมมือกบั ครผู สู้ อนรายวชิ าเดียวกนั เพอื่ ประเมนิ ผล นักเรียน 2.3.2.4 ส่งเสริมให้นักเรียนสะทอ้ นมองตนเอง 2.3.3.1 จัดให้มีการบริหารจดั การให้คะแนน วิเคราะห์ และใช้ผลการประเมินเพอ่ื ชว่ ยใหน้ ักเรยี นตดิ ตาม ความกา้ วหน้าในการเรยี นของตน 2.3.3 ใช้ผลจากการ 2.3.3.2 ให้นักเรียนและพอ่ แม่ของนกั เรยี นทราบผลการ ประเมิน นกั เรยี นเพ่ือ ประเมิน ปรับปรุง การสอน 2.3.3.3 แลกเปล่ยี นข้อมูลผลการประเมนิ ระหวา่ งครผู สู้ อน เพอื่ ปรับปรุงวธิ ีการสอน 3. การให้ชุมชนมีส่วนร่วม คือ ความสามารถในการทางานร่วมกับพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ของนักเรียน ช่วยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของนักเรียน และส่งเสริมให้เกิดการเคารพซึ่งกันและ กัน และยอมรับในความแต่กต่าง ตารางที่ 16 การใหช้ ุมชนมสี ว่ นรว่ ม 3.0 การให้ชุมชนมสี ว่ นรว่ ม สมรรถนะท่ัวไป สมรรถนะเอือ้ ตวั ชี้วัด 3.1 ร่วมมอื กบั พอ่ แม่ และผปู้ กครอง 3.1.1 สรา้ งเครอื ขา่ ย 3.1.1.1 เชิญใหพ้ อ่ แม่และผู้ปกครองมาเย่ยี มโรงเรยี นเปน็ สนับสนนุ ระยะ ๆ ตลอดจนชวนให้พวกเขาเขา้ ร่วมกิจกรรมจติ อาสา ทีโ่ รงเรียน 3.1.1.2 ทาความรจู้ กั ครอบครวั ของนกั เรียนของฉัน 3.1.1.3 ร่วมมอื กับพอ่ แม่และผ้ปู กครองเพ่ือดแู ลปญั หา ของนักเรยี น

46 ตารางท่ี 16 (ต่อ) 3.0 การใหช้ ุมชนมสี ่วนรว่ ม สมรรถนะทว่ั ไป สมรรถนะเอ้อื ตวั ช้วี ดั 3.1.2 สร้างสรรคพ์ ืน้ ท่ี ทีเ่ ป็นมิตร 3.1.2.1 สร้างความสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั พ่อแม่และ ผ้ปู กครอง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3.1.2.2 สอื่ สารกับพ่อแมห่ รือผปู้ กครองเปน็ ระยะ ๆ เพื่อใหอ้ ีกฝา่ ยมสี ว่ นร่วม 3.1.2.3 เชิญให้พ่อแม่หรือผูป้ กครองมาเขา้ รว่ ม กิจกรรมในหอ้ งเรียนและในโรงเรยี นเปน็ ระยะๆ 3.1.3 คงไว้ซึง่ ห้นุ ส่วน ความ 3.1.3.1 ประสานงานจดั กจิ กรรมรว่ มระหวา่ งพอ่ แม่ ร่วมมือ ผู้ปกครอง และครู 3.1.3.2 เยีย่ มบา้ นนกั เรียนเมือ่ จาเปน็ 3.2 ให้ชุมชนมสี ว่ นรว่ ม 3.2.2 ออกแบบกิจกรรม 3.2.2.1 สอนใหน้ กั เรยี นเชื่อมโยงและปรบั ใช้สง่ิ ท่ีตน เพือ่ ช่วยในการเรียนรู้ การเรยี นรู้ตามสภาพของชมุ ชน เรียนรใู้ นชีวติ ประจาวนั ของนักเรยี น ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น จารีตประเพณี 3.2.2.2 ให้นกั เรียนมสี ่วนร่วมกบั กจิ กรรมและงาน และความรใู้ นชมุ ชน สาคญั ในชุมชน 3.2.2.3 ใช้ทรพั ยากรในชมุ ชนเพื่อใหเ้ กิดประโยชน์ ทางการเรยี นรู้กบั นกั เรยี น 3.2.2.4 ขยายคานิยามชุมชนให้กวา้ งขึ้น ให้ ครอบคลมุ ทง้ั ระดบั ชมุ ชน ระดบั ประเทศ ระดับ ภูมภิ าค และระดับโลก โดยถือว่าทงั้ หมดน้เี ป็น บริบททางการเรยี นรู้ 3.3 สนับสนุนการยอมรับ 3.3.1 ยอมรับความแต่กตา่ งของ 3.3.1.1 ตระหนกั และสนใจใฝร่ ู้วฒั นธรรม ทัศนะ นบั ถอื และความ บุคคล และความต่างของผ้อู ื่นอยเู่ สมอ หลากหลายของบคุ คล 3.3.1.2 ใหค้ ุณคา่ ตอ่ ความเป็นมนษุ ยข์ องทกุ คนแม้ จะแต่กต่างกัน 3.3.1.3 สร้างสานกึ อ่อนไหวตอ่ ความหลากหลาย และความแต่กตา่ งทางวัฒนธรรม 3.3.1.4 ใช้ความฉลาดทางด้านสงั คมและอารมณ์ใน การจดั การกบั ความหลากหลาย 3.3.2 ฝกึ ใหท้ ุกคนมีส่วนรว่ ม 3.3.2.1 เขา้ ใจภูมหิ ลังและบุคลิกภาพที่แต่กตา่ งของ และยอมรับซึ่งกนั และกนั ใน นักเรยี น ห้องเรยี น 3.3.2.2 ชว่ ยให้นกั เรยี นเข้าใจภูมหิ ลงั อันหลากหลาย ของผอู้ ืน่

47 ตารางท่ี 16 (ต่อ) 3.0 การใหช้ ุมชนมีส่วนรว่ ม สมรรถนะทว่ั ไป สมรรถนะเออื้ ตัวชี้วัด 3.3.2.3 เป็นตัวอยา่ งและส่งเสรมิ ใหน้ กั เรยี นมี พฤติกรรมทยี่ อมรับการมสี ว่ นรว่ มของผ้อู ่นื มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3.3.2.4 พูดและแสดงความคิดโดยปราศจากอคติ 3.3.2.5 ห่วงใยและเคารพเพ่ือนรว่ มงานอยเู่ สมอ 3.3.2.6 ฝกึ ฝนการใหค้ ุณค่าแก่ผ้อู น่ื และเหน็ คณุ คา่ ของผูอ้ ่ืนจนเปน็ นิสยั 3.3.2.7 สรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มทางกายภาพท่สี ่งเสรมิ ให้ เกดิ การยอมรบั ความแต่กตา่ ง 4. การพฒั นาตนเองเป็นครูที่ดีขึน้ ในทุก ๆ วัน คือ ความสามารถทจี่ ะรจู้ ักตัวเองและ ผู้อน่ื เป็นมนุษย์ทูี่ดี และเปน็ ผูเ้ ชี่ยวชาญด้านการสอน ตารางท่ี 17 การพฒั นาตนเองเป็นครทู ีด่ ขี ้ึนในทกุ ๆ วนั 4.0 การพฒั นาตนเองเปน็ ครูทดี่ ขี ้ึนในทกุ ๆ วัน สมรรถนะทั่วไป สมรรถนะเออ้ื ตวั ชวี้ ัด 4.1 รูจ้ ักตนเองและ ผู้อนื่ 4.1.1 พัฒนาตวั เองอยา่ ง 4.1.1.1 รู้จกั จุดเด่นของตนเองและแง่มุมทส่ี ามารถพัฒนาได้ ต่อเน่ืองโดยรจู้ ักตวั เองให้ 4.1.1.2 สารวจตนเองเพ่ือให้เป็นคนทีด่ ีข้นึ และครทู ีด่ ขี ึ้น มากข้นึ 4.1.1.3 ไตรต่ รองส่ิงท่ตี นคดิ และทาตามแนวทางคณุ สมบตั ิ ทด่ี ีท่ีสดุ ของการเปน็ ครู 4.1.1.4 เรยี นรจู้ ากคาแนะนาของผ้อู ืน่ 4.1.1.5 เช่อื ม่ันในคณุ คา่ และความสามารถของตนเอง 4.1.2 ตระหนกั และ 4.1.2.1 เข้าใจส่ิงทีส่ ่งผลกระทบตอ่ ตนเองได้อย่างถอ่ งแท้ รบั ผดิ ชอบตอ่ อารมณ์ และ 4.1.2.2 มสี ติและควบคุมอารมณไ์ ดด้ ใี นการแกไ้ ขปัญหา สขุภาพของตนเอง ตา่ ง ๆ 4.1.2.3 ใชว้ ิธกี ารจัดการความเครยี ดทม่ี ปี ระสทิ ธิผล 4.1.2.4 ควบคุมและแสดงอารมณไ์ ด้อย่างระมัดระวังและ ใสใ่ จคนรอบข้าง 4.1.2.5 ดแู ลสขุ ภาพกายและสุขภาพจิตของตน 4.1.2.6 ใหค้ วามสาคญั กบั ด้านอืน่ ๆ ในชีวิตส่วนตัว

48 ตารางท่ี 17 (ตอ่ ) 4.0 การพฒั นาตนเองเป็นครูท่ีดขี น้ึ ในทุก ๆ วนั สมรรถนะทั่วไป สมรรถนะเอือ้ ตัวชว้ี ัด 4.1.3 บม่ เพาะความสัมพันธ์ 4.1.3.1 พดู คุย มปี ฏสิ ัมพนั ธ์ และรบั ฟังผู้อนื่ โดยเคารพ ด้วยความใส่ใจและใหเ้ กยี รติ ความเห็นของผู้อืน่ และเปดิ ใจกว้าง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ยอมรบั ผู้อื่น 4.1.3.2 สรา้ งความสัมพันธเ์ ชิงบวกกับคนทเ่ี ก่ยี วข้องใน การปฏบิ ตั ิงาน 4.1.3.3 จัดให้มีชว่ งเวลาสาหรบั การแลกเปล่ยี นคาแนะนา ในหมู่ครูท่สี อนวิชาเดยี วกนั 4.1.3.4 เปดิ รับมุมมองที่แต่กตา่ ง 4.2 ประพฤติตนเปน็ คน 4.2.1 มจี ิตใจดีและเปีย่ ม 4.2.1.1 ยอมรบั และเหน็ คุณคา่ ความดีของตนเองและผูอ้ ืน่ ดีท้งั ในชีวิตสว่ นตัวและ ดว้ ยเมตตา 4.2.1.2 รับฟงั ความกังวัลของนกั เรยี นและเพื่อนร่วมงาน การทางาน โดยไม่ตดั สนิ ถูกผิด 4.2.1.3 อดทนตอ่ ความผิดพลาดของผูอ้ ื่น 4.2.1.4 เสนอความช่วยเหลอื ต่อผทู้ ตี่ อ้ งการความชว่ ยเหลอื 4.2.1.5 รสู้ ึกขอบคุณด้วยความจรงิ ใจตลอดเวลา 4.2.2 สรา้ งแรงบันดาลใจ 4.2.2.1 ปฏบิ ัตงิ านใหต้ รงตามมาตรฐานสงู สดุ ของวิชาชีพครู ให้นกั เรยี นและเพอื่ น 4.2.2.2 ทางานอย่างมที ักษะและดว้ ยความภาคภมู ิใจอยู่ ร่วมงานดว้ ยการทาตนให้ ตลอดเวลา เปน็ ตัวอยา่ งที่ดี 4.2.2.3 ทางานโดยคดิ ถงึ ผลประโยชน์สูงสุดของนักเรยี น 4.2.2.4 ปฏบิ ตั ิตอ่ ผ้อู ื่นด้วยความยตุ ิธรรม ไมแ่ สดง ความชอบหรือชื่นชมบคุ คลใดบุคคลหน่งึ เป็นพิเศษ 4.2.2.5 สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนและเพ่ือนร่วมงานปฏิบัตติ นใหด้ ที ่ีสดุ 4.2.3 บม่ เพาะความม่นั ใจ 4.2.3.1 ตระหนักถงึ ความตอ้ งการทางสังคม ทางอารมณู์ ของนกั เรียนในสง่ิ ท่ีพวก และทางการเรยี นร้ขู องนักเรยี น เขาทาไดแ้ ละเป็นได้ 4.2.3.2 ใสใ่ จความหลากหลายและความแต่กตา่ งของนกั เรยี น 4.2.3.3 ช่วยให้นักเรยี นทราบจดุ เดน่ และความสามารถ พเิ ศษของตน 4.2.3.4 ให้โอกาสนกั เรียนได้แบง่ ปันความสามารถพิเศษ และแสดงศักยภาพของตน 4.2.3.5 สนับสนนุ ให้นกั เรยี นทาตามจุดม่งุ หมายในการ เรยี นรู้ของพวกเขาให้สาเรจ็ 4.2.3.6 สนบั สนนุ วธิ กี ารทีช่ ่วยบ่มเพาะความทะเยอทะยาน และเสรมิ สรา้ งสุขภาพทีด่ ใี หก้ ับนกั เรยี น

49 ตารางที่ 17 (ต่อ) 4.0 การพัฒนาตนเองเป็นครูท่ดี ขี ้ึนในทกุ ๆ วัน สมรรถนะทั่วไป สมรรถนะเอ้อื ตวั ช้ีวดั 4.3 เป็นผู้เช่ยี วชาญ ด้านการสอน 4.3.1 คงไวซ้ งึ่ จิตวิญญาณ 4.3.1.1 รู้เหตุผลทีแ่ ท้จรงิ ว่าทาไมฉ่ ันถงึ มาเปน็ ครู ของการสอน 4.3.1.2 ภมู ใิ จในศักด์ิศรขี องความเป็นครู มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4.3.1.3 มีความสุขและสนุกกบั การทางานและชวี ติ ในด้าน อืน่ ๆ 4.3.1.4 ไตร่ตรองเก่ยี วกับงานและผลของงานอยู่เป็นระยะ ๆ 4.3.1.5 ยอมรับและให้คณุ คา่ กบั คาแนะนาของผอู้ ่ืน 4.3.2 รับผดิ ชอบต่อการ 4.3.2.1 เปน็ ผู้ท่เี รยี นรไู้ ดด้ ้วยตนเอง พฒั นาตนเอง และ 4.3.2.2 ระบุแง่มุมทีฉ่ นั สามารถเตบิ โตขนึ้ ได้และมุง่ พฒั นา ความกา้ วหน้าในวชิ าชีพ ดา้ นน้นั ๆ 4.3.2.3 มีจุดมงุ่ หมายการเรียนรู้ทางดา้ นวชิ าชีพ 4.3.2.4 เข้ารว่ มกิจกรรมและโครงการกลุม่ การเรยี นรู้ 4.3.2.5 รว่ มมือกบั ครูผสู้ อนร่วมเพ่อื พัฒนาการสอน 4.3.2.6 ทาการวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการเพอ่ื พฒั นาการสอน 4.3.2.7 ว่างแผนการใชเ้ วลาและทรัพยากรของตนเพอ่ื ให้ เกิดการเรยี นร้ทู มี่ ีประสทิ ธผิ ล 4.3.3 สร้างแรงบนั ดาลใจ 4.3.3.1 สรา้ งแรงบันดาลใจให้เพ่ือนร่วมงานผ่านการแบ่งปัน ให้ครูคนอื่นโดยการเปน็ ประสบการณ์การทางานในโรงเรียน ตวั อย่างทด่ี ี 4.3.3.2 แบ่งปันวธิ ีการทางานท่ดี ีในชมุ ชนท้องถนิ่ และในท่ี ประชมุ ระดับนานาชาติ 4.3.3.3 ใหค้ รูผมู้ ีประสบการณ์คอยช้ีแนะครูใหม่ 4.3.3.4 ตพีมพิ ูและแบง่ปนผั ลของการทาวจิ ยั เชิงปฏบิ ัตกิ าร ในวา่ รสาร หรือการประชมุ วิชาการระดบั ทอ้ งถนิ่ ระดับชาติ และระดบั นานาชาติ 5.4 สมรรถนะของครูยคุ 4.0 ตามแนวคดิ ของเนสซพิ บายวา่ (Nessipbayeva) เนสซิพบายว่า (Nessipbayeva, 2012, 151-152) กล่าวถึง สมรรถนะของครูในยุค 4.0 ประกอบดว้ ย 5 ดา้ น ดงั นี้ 1. ครตู ้องแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความเป็นผู้นา ก. ครูเป็นผนู้ าในช้นั เรยี น โดย - ประเมินความก้าวหนา้ ของนักเรยี นโดยใช้การประเมนิ ท่ีหลากหลาย

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 50 - การออกแบบขอ้ มูลเพื่อพัฒนาหอ้ งเรียนและแผนการเรยี นการสอน - การดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบของห้องเรียนทอ่ี านวยความสะดวกใน การเรียนรู้ของนักเรยี น - การจัดการพฤติกรรมของนักเรียนในเชิงบวก การสื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือลบ พฤตกิ รรมทไี่ มพ่ ึงประสงค์ ข. ครูต้องแสดงถงึ ความเปน็ ผู้นาในโรงเรยี น โดย - มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมการเรียนรู้ทางวิชาชีพรว่ มกันและรว่ มกัน - การระบลุ ักษณะหรือองคป์ ระกอบท่สี าคัญของแผนพฒั นาโรงเรยี น และ - แสดงความสามารถในการใช้ข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อระบุพื้นท่ีที่ต้องการควรระบุไว้ใน แผนพัฒนาโรงเรียน ค. ครูเปน็ ผูน้ าดา้ นการสอนอยา่ งมอี าชีพ โดย - มีสว่ นร่วมในกิจกรรมการพัฒนาวิชาชีพและการเตบิ โต และ - การพัฒนาความสัมพนั ธแ์ ละเครือข่ายระดบั มืออาชพี ง. ครูสนบั สนุนโรงเรยี นและนักเรียน โดย - การดาเนนิ การและยดึ มน่ั ในนโยบายและการปฏบิ ัติที่ส่งผลในเชิงบวกการเรยี นรู้ของ นกั เรยี น จ. ครูแสดงใหเ้ ห็นถงึ มาตรฐานสูงทางดา้ นจรยิ ธรรม 2. ครสู ร้างสภาพแวดลอ้ มสาหรับรองรับนกั เรียนทีม่ คี วามหลากหลาย ก. ครูจัดเตรียมสภาพแวดล้อมเชิงบวกสาหรับผู้เรียนแต่ละคน การดูแลความสัมพันธ์กับ ผู้ใหญโ่ ดย - รกั ษาสภาพแวดลอ้ มเชงิ บวกเพื่อการเรียนรู้ ข. ครยู อมรบั ความหลากหลายของสงั คมในโรงเรยี นและในโลก โดย - ใชส้ ือ่ หรอื บทเรยี นท่ีที่ทาให้ผเู้ รียนได้ทราบเก่ียวกับวัฒนธรรมต่าง ๆ - ผสมผสานมมุ มองที่แตก่ ต่างกันในการเรยี นการสอน และ - ทาความเข้าใจอทิ ธิพลของความหลากหลายและสอนตามทวี่ ่างแผนไว้ ค. ครปู ฏบิ ตั ิตอ่ นกั เรยี นเป็นรายบุคคล โดย - การรักษาสภาพแวดลอ้ มการเรียนรทู้ ีบ่ ง่ บอกถงึ ความคาดหวงั สงู นักเรียนทุกคน ง. ครปู รับการสอนเพ่ือประโยชน์ของนกั เรยี นท่มี ีความต้องการพเิ ศษ โดย - ร่วมมือกับผู้เช่ียวชาญและใช้ทรัพยากรเพื่อสนับสนุนรายการพิเศษความต้องการใน การเรยี นรขู้ องนกั เรยี นทุกคน และ

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 51 - ใช้กลยุทธ์ที่ตรวจสอบการวิจัยเพ่ือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพสาหรับ นกั เรยี นทมี่ คี วามตอ้ งการพเิ ศษ จ. ครูทางานรว่ มกนั กบั ครอบครัวของนักเรียนและคนอื่น ๆ โดย - การสื่อสารและการทางานร่วมกันกับทางบ้านและชมุ ชนเพ่อื ประโยชน์ของนักเรยี น 3. ครูรเู้ นื้อหาทสี่ อน ก. ครพู ฒั นาและประยุกตใ์ ช้บทเรียนตามหลกั สูตรอยา่ งมีประสิทธิภาพ โดย - บูรณาการการเรียนการสอน ตามหลักสูตรและเนื้อหาเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพการ เรยี นรขู้ องนักเรยี น ข. ครใู ห้ความสาคญั กบั เนื้อหาท่ีเหมาะสมกบั ความเช่ยี วชาญในการสอนของพวกเขาโดย - แสดงให้เหน็ ถึงระดับความรู้ดา้ นเนื้อหาท่เี หมาะสมในเนื้อหาพเิ ศษ และ - กระตุ้นให้นักเรียนตรวจสอบเนื้อหาเพ่ือขยายขอบเขต ความรู้และตอบสนองความ อยากรอู้ ยากเหน็ ตามธรรมชาติของพวกเขา ค. ครูแสดงใหพ้ วกเขารบั รู้ถึงความเชอื่ มโยงระหวา่ งกันของเนอ้ื หาพืน้ ท่ี/วนิ ัยโดย - แสดงให้เห็นถึงความรู้ในเร่ืองของตนโดยเช่อื มโยงกบั ผู้อน่ื สาขาวชิ า และ - เกยี่ วขอ้ งกับการรับรู้ท่ัวโลกเก่ียวกบั เรื่องนี้ ง. ครูใหค้ าแนะนาทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั นักเรียน โดย - บรู ณาการทักษะในศตวรรษที่ 21 และเนื้อหาในการเรียนการสอน 4. ครอู านวยความสะดวกในการเรียนรใู้ หก้ บั นักเรียน ก. ครูแสดงให้พวกเขาทราบถึงวิธีการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนและระดับสติปัญญาร่างกายสังคม และอารมณท์ ี่เหมาะสม การพฒั นานกั เรยี นโดย - ระบรุ ะดบั พฒั นาการของนักเรยี นแตล่ ะคนและการว่างแผนคาสัง่ ตาม และ - การประเมินและใช้ทรัพยากรทีจ่ าเป็นในการระบุจดุ แขง็ และจุดอ่อนของนักเรยี น ข. ครูวา่ งแผนการสอนที่เหมาะสมกบั นักเรยี นโดย - ร่วมมือกับเพ่ือนร่วมงานเพื่อติดตามผลการเรียนและการสร้างผลงานของนักเรียน การเรียนการสอนตอบสนองต่อความแต่กต่างทางวัฒนธรรมและการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล ความ ตอ้ งการ ค. ครูแสดงความเฉียบแหลมและความเกง่ กาจโดย - ใช้วิธกี ารและวสั ดุที่หลากหลายท่ีเหมาะสมกับความตอ้ งการของนักเรยี นทุกคน ง. ครแู สดงความตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยใี นการปรบั ปรงุ เรยี นรูโ้ ดย - การบูรณาการเทคโนโลยีเขา้ กบั การเรียนการสอนเพ่ือเพ่มิ การเรยี นรขู้ องนกั เรียน จ. ครูช่วยให้นกั เรยี นเติบโตเปน็ บุคคลที่มีความคิดโดย

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 52 - บูรณาการคาสั่งเฉพาะที่ช่วยให้นักเรียนพัฒนาความสามารถใช้กระบวนการ และ กลยทุ ธใ์ นการคดิ วเิ คราะห์และการแก้ปญั หา ฉ. ครูชว่ ยนกั เรียนในการทางานเปน็ ทมี และพฒั นาคณุ สมบัติความเป็นผนู้ า โดย - จัดทมี การเรยี นรูเ้ พอื่ พัฒนาความร่วมมอื และความเปน็ ผู้นาของนักเรียน ช. ครูเขา้ ถึงนักเรยี นไดด้ ที ่สี ุดโดย - ใชว้ ธิ กี ารทีห่ ลากหลายเพ่อื สื่อสารกบั นักเรยี นทกุ คนอย่างมปี ระสิทธภิ าพ และ - กระตุ้นและสนับสนุนนักเรียนให้แสดงความคิดอย่างชัดเจนและความคิดอย่างชัดเจน และมีประสทิ ธิผล ซ. ครจู ะประเมนิ สิ่งท่นี กั เรียนได้เรียนรไู้ ดด้ ีท่สี ดุ โดย - ใช้ตัวบ่งช้ีหลายตัวท้ังในเชิงรูปแบบและเชิงสรุปเพ่ือตรวจสอบและประเมิน ความกา้ วหนา้ ของนักเรียนและแจ้งคาแนะนา และ - แสดงหลกั ฐานว่านักเรยี นบรรลุความรู้ ทกั ษะ และเจตคตใิ นศตวรรษที่ 21 5. ครตู ้องสะท้อนการปฏิบัติของนักเรยี น ก. ครูวเิ คราะห์การเรียนรขู้ องนักเรยี นโดย - ใชข้ อ้ มูลเพือ่ ใหแ้ นวคิดเกีย่ วกับสงิ่ ทีส่ ามารถทาได้เพื่อปรบั ปรงุ การเรียนรู้ของนักเรียน ข. ครูเชื่อมโยงการเตบิ โตอย่างมืออาชีพกบั เป้าหมายทางวชิ าชีพโดย - เขา้ รว่ มกิจกรรมทแ่ี นะนาสาหรับการเรียนรอู้ ย่างมอื อาชพี และการพฒั นา ค. ครทู างานได้อย่างมีประสิทธภิ าพในสภาพแวดล้อมท่ีซับซ้อนและมพี ลวตั โดย - ใช้วิธกี ารตรวจสอบการวิจัยที่หลากหลายเพ่ือปรบั ปรุงการสอนและการเรยี นรู้ สรปุ ตามหลักการแลว้ ครูควรแสดงใหเ้ ห็นถงึ สมรรถนะดังต่อไปน้ี 1. การบริหารช้ันเรียนท่ีมีประสิทธิภาพ เพ่ิมประสิทธิภาพ การบารุงด้านคุณธรรม จริยธรรม การส่งเสริมการทางานเป็นทีม การว่างแผน การส่ือสาร การเน้นที่ผลลัพธ์ การประเมิน ความคืบหน้า และการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ท่ีหลากหลายควรใช้เพื่อส่งเสริมความ สัมพันธ์เชิงบวก ความร่วมมือ และการเรียนรู้อย่างมีจุดหมาย การบริหารจัดการ และบริหารเวลา พ้นื ที่ และกจิ กรรมจะชว่ ยส่งเสริมให้นกั เรยี นทางานอย่างมีประสิทธิผล 2. การสอนท่ีมีประสิทธิผล ซ่ึงแสดงถึงมุมมองทฤษฎีท่ีแต่กต่างกัน “วิธีการรู้” และ วิธีการสอบถามในการสอนเน้ือหาวิชาแนวคิด กลยุทธ์การเรียนการสอนที่หลากหลายควรช่วยให้ นักเรียนมีส่วนร่วมโอกาสในการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ที่ส่งเสริมการพัฒนาความคิดอย่างมี วิจารณญาณ การแก้ปัญหาและความสามารถด้านประสิทธิภาพ ในขณะที่ช่วยให้พวกเขาคิดความ รับผิดชอบในการระบุและใช้แหลง่ การเรยี นรู้

53 3. การประเมินท่ีมีประสิทธิผล โดยรวมการทดสอบอย่างเป็นทางการ การตอบสนองต่อ แบบทดสอบการประเมินการมอบหมายงานในชั้นเรียนการแสดงและโครงการของนักเรียนและ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพ่ือทาความเข้าใจว่านักเรียนได้เรียนรู้อะไรควรมีการพัฒนา กลยุทธก์ ารประเมินโดยให้ผู้เรยี นมีส่วนรว่ มในการประเมินตนเองกจิ กรรมเพ่ือช่วยให้พวกเขาตระหนัก ถงึ จดุ แขง็ และความต้องการและให้กาลงั ใจเพื่อตั้งเป้าหมายส่วนตัวในการเรียนรู้ 4. ทักษะด้านเทคโนโลยี การรู้ว่าเมื่อไรและอย่างไรที่จะใช้การศึกษาในปัจจุบันเทคโนโลยี ตลอดจนประเภทและระดับของเทคโนโลยีที่เหมาะสมทสี่ ุด เพม่ิ การเรยี นร้ขู องนักเรียนใหส้ ูงสุด 5.5 สมรรถนะครขู องสหภาพยุโรป สหภาพยุโรป (European Union, 2009, 6-9) มีนโยบายที่สาคัญที่ช้ีให้เห็นถึงระดับ มาตรฐานสาหรับสมรรถนะครูในสหภาพยุโรป โดยกาหนดมาตรฐานสมรรถนะครูของสหภาพยุโรป ของครรู ะดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา ไว้ดังน้ี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ตารางที่ 18 มาตรฐานสมรรถนะครูของสหภาพยุโรปของครรู ะดับประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา ระดับ สมรรถนะหลกั สมรรถนะทวั่ ไป ครูระดบั ประถม • ทางานบนฐานข้อมูลและ 1. ความสามารถในการเรยี นรู้ ความรูใ้ นเรอื่ งท่สี อน, 2. การมีอสิ ระ ประเด็นการศึกษาและทฤษฎี 3. การตัดสนิ ใจ ฐาน; 4. ชน่ื ชมความหลากหลายและ • ทางานร่วมกับมนุษย์ ผทู้ มี่ คี วามหลากหลายทางวัฒนธรรม วิเคราะหส์ ถานการณ์ทีซ่ ับซอ้ นเกยี่ วกับการ 5. ความม่งุ ม่นั ทางจริยธรรม เรียนร้แู ละการพัฒนาใน 6. มีวิจารณญาณในตนเอง บริบท; 7. ความสามารถในการปรบั ปรุงการเรยี นรู้ • ทางานร่วมกบั สงั คมท่ีแต่กตา่ งกนั ของตนเองและประสทิ ธภิ าพรวมถงึ ระดับรวมถงึ การพัฒนา การศกึ ษาและทักษะการวิจัย ของค่านิยมวชิ าชพี และ 8. ความสามารถในการวเิ คราะห์ ความสามารถในการไตร่ตรองแนวทาง สงั เคราะหป์ ระเมินผล ปฏบิ ัติและบริบท ระบปุ ญั หาและหาแนวทางแกไ้ ข • ความสามารถในการไตรต่ รองของตวั เอง 9. มีความรู้ในวชิ าชีพและปฏิบตั ิตนอยา่ ง และระบบคณุ คา่ อื่น ๆ เครง่ ครดั การพฒั นาและการปฏิบตั ิ

54 ตารางที่ 18 (ต่อ) ระดบั สมรรถนะหลกั สมรรถนะท่ัวไป ครูระดบั มัธยม • การพฒั นาความร้แู ละความเข้าใจในพื้นท่ี 1. ทกั ษะการวิจัย ท่เี ลอื ก 2. ทกั ษะการเปน็ ผ้นู า ความเชย่ี วชาญเฉพาะทาง 3. ความสามารถในการไตรต่ รองและ • ความสามารถในการใช้การวิจยั ที่เหมาะสม ประเมินประสิทธภิ าพของตวั เอง กบั ระเบียบวินยั เพือ่ แจ้งการปฏิบตั ิ 4. การพัฒนาทกั ษะการคิดขัน้ สงู และ • ความสามารถในการสะท้อนคณุ ค่าที่ ทักษะทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ความรู้ การพฒั นา เหมาะสมกับกจิ กรรมทางการศกึ ษา และการสรา้ งสรรค์ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5.6 สมรรถนะครขู องประเทศสหรัฐอเมรกิ า สานักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) (2557, 21) กล่าวถึง สมรรถนะครขู องประเทศสหรัฐอเมรกิ า ไวด้ ังนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กาหนดสมรรถนะ 10 ประการของครูสอนดี (Great Teachers) ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 1. การใส่ใจด้านการสอนและการดูแลนกั เรยี น 2. การว่างเปา้ หมายและจดุ ประสงค์ การสอนในแตล่ ะครงั้ อย่างชัดเจนและดาเนินการให้ บรรลผุ ลตามทไ่ี ด้วา่ งไว้ 3. การจัดการเชิงบวกในห้องเรยี น 4. การจดั การหอ้ งเรยี นท่ีดี 5. การส่ือสารกบั พอ่ แมผ่ ู้ปกครอง 6. มคี วามคาดหวังต่อนักเรียนสงู 7. มคี วามรู้ดา้ นหลกั สตู รและมาตรฐาน 8. มคี วามรูใ้ นเนอื้ หาวิชาทสี่ อน 9. รกั เด็กและรักการสอน 10. มีความเปน็ มติ รและความว่างใจตอ่ นกั เรยี นสูง 5.7 สมรรถนะครขู องประเทศออสเตรเลีย สถาบันการสอนและภาวะผู้นาในโรงเรียนแห่งออสเตรเลีย (The Australian Institute for Teaching and School Leadership (AITSL), 2018, 10-22) ได้ร่วมกันกาหนดสมรรถนะที่จาเป็น สาหรับครูท่ีครูควรรู้และเปน็ สามารถทาได้ จานวน 3 สมรรถนะหลัก และ 7 สมรรถนะยอ่ ย ดังน้ี 1. สมรรถนะด้านความรู้

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 55 ครูออกแบบรา่ งเนอ้ื หาความรู้อยา่ งมืออาชีพ และค้นคว้าวิจัยเพือ่ ตอบสนองตอ่ ความต้องการ ของนักเรียนภายในบริบททางการศึกษา ครูต้องรู้จักนักเรียนเป็นอย่างดีรวมถึงภาษาวัฒนธรรมและ ศาสนา และภูมิหลังทีห่ ลากหลาย ครตู อ้ งร้วู ่าจะจดั ประสบการณ์การเรียนรอู้ ย่างไรทส่ี ง่ ผลต่อนักเรียน ท่จี ะเรียนร้อู ย่างต่อเนื่อง ครูต้องรู้ว่าจะจดั โครงสร้างบทเรียนอย่างไรเพื่อตอบสนองร่างกายสังคมของ นกั เรียน พัฒนาการทางสติปัญญาและคณุ ลักษณะของนักเรียน ครูต้องรู้หลักสูตรและเนื้อหาวิชาที่จะ สอน ครตู ้องรู้และเข้าใจแนวคิดพ้ืนฐาน โครงสร้าง และกระบวนการสืบค้นท่ีเก่ียวข้องกับโปรแกรมท่ี สอน ครูเข้าใจว่าส่ิงท่ีถือว่าได้ผลกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการพัฒนาการเรียนการสอนและใช้ส่ิงนี้ความรู้ ที่จะทาใหเ้ น้ือหามีความหมายสาหรับนักเรยี น ผ่านการปฏบิ ตั ิการสอนครูจะพฒั นาการเรียนรูแ้ ละการ คานวณของนกั เรียน ครยู ังสามารถใชข้ ้อมูลและเทคโนโลยกี ารสื่อสารเพื่อขยายเน้ือหาเพื่อการเรียนรู้ 2. สมรรถนะด้านการปฏบิ ตั ิ ครูสามารถสร้างการเรียนรู้อย่างมีสว่ นรว่ มและมีคุณค่า พวกเขาสามารถสร้างสภาพแวดล้อม การเรียนรู้ที่ท้าทายและสอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ พวกเขาใช้ความซับซ้อนเทคนิคการ ส่ือสาร ครูมีรูปแบบการสอนท่ีมีประสิทธิภาพรวมถึงกลยุทธ์ที่นาไปใช้ในการออกแบบบทเรียน บบ โปรแกรมการสอนและบทเรียน ครูจะประเมนิ ทุกแง่มุมของการสอนและอย่างสม่าเสมอ เพ่ือให้แน่ใจ ว่าพวกเขาตอบสนองความต้องการของผู้เรียน ครตู คี วามและใช้ขอ้ มูลการประเมนิ นักเรียนเพื่อวินิจฉัย อุปสรรคของการเรียนรู้ และท้าทายให้นักเรียนปรบั ปรุงการทางาน ครูทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทุกขั้นตอนของวงจรการเรียนการสอนรวมถึงการว่างแผนการเรียนรู้และการประเมินพัฒนา โปรแกรมการเรียนรู้ การสอน การประเมิน การให้ข้อมูลย้อนกลับเก่ียวกับการเรียนรู้ของนักเรียน และการรายงานต่อผู้ปกครอง 3. สมรรถนะด้านการมีส่วนร่วม รูปแบบของครูที่จัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาระบุความต้องการในการ เรียนรู้ของตนเอง วิเคราะห์ ประเมินและขยายการเรียนรู้ทางวิชาชีพของพวกเขาท้ังในระดับเพ่ือน ร่วมงานและเป็นรายบุคคล ครูแสดงให้เห็นถึงความเคารพและความเป็นมืออาชีพในการโต้ตอบกับ นักเรียนเพื่อนร่วมงานผู้ปกครอง เด็กและชุมชน ครูต้องไวต่อความต้องการของผู้ปกครอง และ สามารถส่ือสารกับพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพเก่ียวกับพวกเขาการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ครูให้ ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน เพื่อเสริมสร้างบริบททาง การศึกษาสาหรับนักเรียน ครูต้องเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียนบ้านและชุมชนในสังคมและ พฒั นาการทางสติปัญญาของนักเรยี น

56 ตารางท่ี 19 สมรรถนะที่จาเป็นสาหรบั ครู สมรรถนะหลัก สมรรถนะยอ่ ย จุดเนน้ สมรรถนะดา้ น ความรู้ 1. รู้จกั นกั เรียนและวิธีการ 1.1 พัฒนาการทางร่างกายสงั คมและสตปิ ัญญาและ สมรรถนะด้าน เรียนรู้ คุณลกั ษณะของนักเรยี น การปฏิบัติ 1.2 เขา้ ใจวา่ นกั เรยี นเรยี นรอู้ ยา่ งไร มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1.3 นักเรยี นท่ีมภี ูมหิ ลงั ทางภาษาวัฒนธรรมศาสนาและ เศรษฐกจิ และสงั คมทห่ี ลากหลาย 1.4 กลยทุ ธใ์ นการสอนนกั เรยี นชาวอะบอรจิ ินและชาวเกาะ ชอ่ งแคบทอรเ์ รส 1.5 สรา้ งความแต่กตา่ งในการสอนเพอื่ ตอบสนองความ ตอ้ งการการเรียนรเู้ ฉพาะของนกั เรียนในทุกความสามารถ 1.6 กลยุทธเ์ พ่ือสนับสนนุ การมสี ว่ นรว่ มของนักเรียนพิการ อย่างเตม็ ท่ี 2. รู้เนือ้ หาและวิธีการสอน 2.1 เนื้อหาและกลยุทธ์การสอนของพนื้ ทก่ี ารสอน 2.2 การเลือกเนอ้ื หาและการจัดระเบียบ 2.3 หลักสตู ร การประเมิน และการรายงาน 2.4 ทาความเข้าใจและเคารพชาวอะบอริจินและชาวเกาะ ช่องแคบทอรเ์ รสเพอ่ื สง่ เสรมิ ความปรองดองระหวา่ งชน พนื้ เมอื งและชาวออสเตรเลยี ทไี่ มใ่ ชช่ นพนื้ เมือง 2.5 กลยุทธก์ ารรู้หนังสือและการคานวณ 2.6 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร (ICT) 3. ว่างแผนและจัดการเรียน 3.1 กาหนดเป้าหมายการเรยี นรทู้ ท่ี ้าทาย การสอนอยา่ งมีประสทิ ธิผล 3.2 แผนงานโครงสรา้ งและลาดบั โปรแกรมการเรยี นรู้ 3.3 ใชก้ ลยุทธก์ ารสอน 3.4 เลอื กและใชท้ รัพยากร 3.5 ใชก้ ารสือ่ สารในช้นั เรยี นอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3.6 ประเมนิ และปรบั ปรุงโปรแกรมการสอน 3.7 ให้ผู้ปกครองเด็กมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการให้ความรู้ 4. สรา้ งและสนับสนนุ สภาพ 4.1 สนับสนุนการมสี ่วนรว่ มของนักเรียน แวดล้อมการเรยี นรู้ทป่ี ลอดภยั 4.2 จดั การกิจกรรมในชน้ั เรียน 4.3 จดั การพฤตกิ รรมทท่ี า้ ทาย 4.4 ดแู ลความปลอดภัยของนกั เรยี น 4.5 ใช้ ICT อย่างปลอดภยั มีความรับผิดชอบและมจี รยิ ธรรม

57 ตารางท่ี 19 (ต่อ) สมรรถนะหลกัมหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสมรรถนะย่อย จดุ เน้น 5. ประเมิน สะท้อนกลบั และ 5.1 ประเมินการเรียนรูข้ องนกั เรยี น สมรรถนะด้าน รายงานเกีย่ วกับการเรยี นรู้ 5.2 ให้ข้อเสนอแนะแกน่ กั เรยี นเกี่ยวกบั การเรียนรูข้ องพวกเขา การมีสว่ นร่วม ของนักเรยี น 5.3 ใชด้ ลุ ยพนิ ิจท่สี อดคล้องและเปรยี บเทียบได้ 5.4 ตีความข้อมูลนกั เรยี น 6. มสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้ 5.5 รายงานผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรยี น อย่างมืออาชีพ 6.1 ระบุและว่างแผนความต้องการในการเรียนรูอ้ ย่างมอื อาชีพ 6.2 มสี ว่ นร่วมในการเรยี นรูท้ างวิชาชีพและปรบั ปรุงการปฏบิ ตั ิ 7. มีส่วนรว่ มอยา่ งมอื อาชพี 6.3 มสี ่วนร่วมกับเพ่ือนรว่ มงานและปรับปรงุ การปฏิบัติ กบั เพอ่ื นรว่ มงาน ผ้ปู กครอง 6.4 ใช้การเรยี นรู้แบบมืออาชีพและปรบั ปรงุ การเรียนรูข้ อง และชมุ ชน นกั เรยี น 7.1 ปฏบิ ัติตามจรรยาบรรณและความรับผดิ ชอบในวชิ าชีพ 7.2 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ กาหนดทางกฎหมายการบริหารและองคก์ ร 7.3 มีส่วนร่วมกับผปู้ กครอง 7.4 มีสว่ นร่วมกับเครือขา่ ยการสอนมอื อาชพี และชมุ ชนท่ี กว้างขน้ึ รฐั บาลควีนสแลนด์ ออสเตรเลีย ได้กาหนดคุณลักษณะ 11 ประการของครูสอนดี (Good Teachers) ดังน้ี 1. มที ักษะในการอธบิ าย 2. รักการพบปะผคู้ น 3. มีความกระตือรือรน้ 4. มีความรู้ในเนื้อหาวชิ าทสี่ อน 5. มคี วามเปน็ ผ้จู ัดการโดยเฉพาะด้านเวลา 6. มที ักษะการทางาน เปน็ ทีมและความคดิ ริเรมิ่ 7. สามารถรับความกดดนั ได้ดี 8. มีความอดทนและอารมณ์ขัน 9. รักความ ยุติธรรม 10. สามารถรบั มือกับความเปลี่ยนแปลงได้

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 58 5.8 สมรรถนะครขู องประเทศสงิ คโปร์ สานักงานพัฒนาการศึกษาครูของสิงคโปร์ (Office of Teacher Education, National Institute of Education Singapore, 2014) เป็นหน่วยงานจัดการศึกษาและพัฒนาให้แก่ทั้งครูและ ผู้อานวยการโรงเรยี นของสิงคโปร์ และเป็นผู้พัฒนากรอบสมรรถนะของครูสงิ คโปร์ในศตวรรษท่ี 21 ท่ี พึงประสงค์ ไว้ 3 ดา้ นดงั นี้ 1. เจตคติและคา่ นิยม 1.1 ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 ด้านย่อยดังน้ี 1) ความเห็น อกเห็นใจ 2) ความเชื่อมั่นที่เด็กทุกคน สามารถเรียนรู้ได้ 3) ความเช่ือมั่นในการพัฒนาเด็กอย่างเต็ม ศกั ยภาพ 4) การเหน็ คุณคา่ ของความแต่กต่างหลากหลาย 1.2 ลักษณะของครู ประกอบด้วย 8 ด้านย่อยดังนี้ 1) มีมาตรฐานสูงในการทางาน 2) ความรักในธรรมชาติ 3) รักการเรียนรู้ 4) พัฒนาตนเองต่อเน่ือง 5) มีความปรารถนาอันแรงกล้า 6) รู้จัก ปรับตัวและมคี วามยืดหยุ่น 7) มศี ลี ธรรม และ 8) ความเป็นมืออาชพี 1.3 การช่วยเหลือบุคลากรในวิชาอาชีพและต่อชุมชน 1) ทางานและเรียนรู้รว่ มกัน 2) การ พัฒนาตนเองผา่ นการลงมือปฏิบัติและระบบพเี่ ล้ียง 3) ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม และ 4) ความเอือ้ อาทร 2. ทักษะ ประกอบดว้ ย 10 ทักษะ ดังน้ี 1) ทักษะการสะท้อนและการคิด 2) ทักษะด้านการเรียนการสอน 3) ทักษะด้านการ จัดการคน 4) ทักษะด้านการบริหารจัดการตนเอง 5) ทักษะด้านการจัดการและการบริหาร 6) ทักษะ ด้านการส่ือสาร 7) ทักษะด้านการประสานงาน 8) ทักษะด้านเทคโนโลยี 9) ทักษะด้านนวัตกรรมและ ผปู้ ระกอบการ และ 10) ทกั ษะดา้ นอารมณ์และสงั คม 3) ความรู้ ประกอบดว้ ย 10 ด้าน ดังนี้ 1) ตนเอง 2) นักเรียน 3) ชุมชน 4) เนื้อหาวิชาท่ีสอน 5) วิธีการเรียนการสอน 6) นโยบายและพื้นฐานด้านการศึกษา 7) ความรู้พหุวัฒนธรรม 8) ความตระหนักรู้ด้านการเปล่ียนแปลง ไปของโลก และ 9) ความตระหนักร้ดู ้านส่งิ แวดล้อม 5.9 สมรรถนะครูตามแนวคดิ ของดิง ดงิ (Ding, 2016, 95-96) ได้ศึกษาแนวคิดของนักวชิ าการและสังเคราะห์สมรรถนะของครูใน ยคุ 4.0 ไว้ 8 สมรรถนะ ประกอบด้วย 1) สมรรถนะด้านความรู้ที่เกี่ยวกับหลกั สูตร 2) สมรรถนะด้าน การสอน 3) สมรรถนะดา้ นการประเมนิ 4) สมรรถนะด้านการบรหิ ารชั้นเรยี น 5) สมรรถนะดา้ นสังคม การส่อื สาร และอารมณ์ 6) สมรรถนะด้านวัฒนธรรมและข้ามวัฒนธรรม 7) สมรรถนะการเรยี นรู้ และ 8) สมรรถนะดา้ นทศั นคติ จริยธรรม และคา่ นิยม ซ่งึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี

59 ตารางที่ 20 สมรรถนะของครูในยคุ 4.0 สมรรถนะ รายการย่อย คาอธิบาย มีความรู้ในเนอ้ื หาวิชาต่าง ๆ และระหว่างวิชา 1. สมรรถนะดา้ น มคี วามรดู้ ้านเนอ้ื หาวชิ า มีความรดู้ า้ นหลักสูตร การว่างแผนและออกแบบการสอนในชัน้ เรยี น ความรแู้ ละหลักสตู ร มคี วามรดู้ ้านหลักสูตร ความรู้เกี่ยวกับจติ วิทยาพฒั นาการสาหรับเดก็ และ ทักษะการวิจัย และการสอนเนื้อหา 2. สมรรถนะดา้ น การ การวา่ งแผน และการออก ทกั ษะการสอน เช่นการจดั กระบวนการเรยี นการสอนเชิงกล มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ยุทธ์ ความสามารถทางภาษา (อธบิ ายเน้อื หาอยา่ งชดั เจน) สอน แบบการสอน การใชท้ กั ษะ ICT และการส่งเสรมิ ใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรียนรู้ (learning แรงจูงใจ) ทักษะการสอน (การ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ ทักษะการแกป้ ัญหา รวม บรหิ ารจดั การและการใช้ ทกั ษะการสอน และความหลากหลายในการสอน ICT) สมรรถนะในการชีแ้ นะนักเรียนว่าจะเรยี นรู้อย่างไร (วิธกี าร การเรยี นร)ู้ การถ่ายทอดความร้แู ละคณุ ค่าเชงิ บวกไปสู่ชีวติ การสอน และการคดิ จรงิ และมีความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการสอน วิเคราะหใ์ นการสอน ใชว้ ิธีการทหี่ ลากหลายในการประเมินและเข้าใจกระบวนการ การสอนท่ถี ่ายทอดความรู้ เรยี นร้ขู องนกั เรยี นและให้ข้อมลู ยอ้ นกลับ คณุ ค่าไปส่ชู ีวติ จรงิ ทาการไตรต่ รองเก่ียวกับกระบวนการสอนของตนเองเพื่อ ปรบั ปรุงการเรียนการสอนของตัวเอง 3. สมรรถนะการ การประเมนิ การเรยี นของ การสร้างสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ท่ีเอื้อและสนบั สนุนและ ประเมนิ นกั เรียน ส่งเสริมนักเรยี น พฒั นาทกั ษะการจดั การเวลา และช้ีแนะ การประเมนิ การสอน พฤติกรรมท่ดี ีใหก้ บั นกั เรยี น การรบั ร้แู ละควบคมุ อารมณ์ของคนอน่ื 4. สมรรถนะการ เขา้ ใจการเรียนรขู้ องนักเรยี นท่สี ัมพนั ธก์ บั กบั ปญั หาทาง บริหารจดั การช้ันเรียน อารมณ์ และแสดงอารมณ์เชงิ บวกกับนกั เรียน ทกั ษะการสื่อสารท่ีมปี ระสิทธภิ าพกบั นักเรียนท่ีแต่กต่างกัน 5. สมรรถนะดา้ นสังคม สมรรถนะดา้ นอารมณ์ และกับพ่อแม่ หรอื เพือ่ นรว่ มงาน การสอื่ สาร และ แสดงทักษะความสัมพนั ธ์ระหว่างบคุ คลและความสามารถใน อารมณ์ การทางานร่วมกนั กับผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี คนอืน่ ๆ และแสดง ถึงการบริการสงั คม และการตระหนักต่อหน้าท่ีพลเมอื ง สมรรถนะดา้ นการส่ือสาร มีการตระหนักรู้วัฒนธรรม เขา้ ใจและเคารพวฒั นธรรมของ ตนเอง และวัฒนธรรมอื่น ๆ และการสอนนกั เรียนใหเ้ รียนรู้ สมรรถนะดา้ นสงั คม จากภมู ิหลังทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย 6. สมรรถนะดา้ น วฒั นธรรมและขา้ ม วฒั นธรรม

60 ตารางที่ 20 (ตอ่ ) รายการย่อย คาอธิบาย เปิดใจและเรยี นรจู้ ากเพอ่ื นรว่ มงานและนักเรยี น สมรรถนะ มกี ลยุทธใ์ นการพฒั นาความรขู้ องตนเองและเรียนรทู้ กั ษะ 7. สมรรถนะการ ใหม่ ๆ เพื่อการสอนท่ีมีประสทิ ธภิ าพมากขึ้นและเปน็ ท่ี เรยี นรู้ ตอ้ งการผู้เรียน ทศั นคติเชิงบวกต่อปญั หาอุปสรรค ความรับผดิ ชอบตอ่ นักเรียน และการมอี สิ ระในการทางาน มีเอกลักษณ์ และจรรยาบรรณในวชิ าชีพท่เี ขม้ แขง็ การใชค้ ุณคา่ นยิ มเชิงบวกเพอ่ื มอี ทิ ธพิ ลต่อนักเรียน 8. สมรรถนะดา้ นมหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงทัศนคติ ทัศนคติ จริยธรรม และคา่ นิยม จริยธรรม ค่านิยม 5.10 สมรรถนะครตู ามแนวคิดของซีเกอร์ ซีเกอร์ (Zeiger, 2018) กล่าวว่าการเป็นครูในระดับใด ๆ ต้องใช้ความรู้และทักษะเป็น จานวนมาก การให้ความสนใจกับสมรรถนะหลักของครู จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าครูและคนอ่ืน ๆ ท่ี ทางานด้านการศึกษาทุกคนพร้อมท่ีจะทาให้โรงเรียนเป็นประสบการณ์ที่ดีสาหรับนักเรียนและ ครอบครัวของพวกเขา 1. มีปฏิสมั พนั ธ์ท่ีดกี บั นักเรยี น ครตู ้องสามารถปฏิสัมพนั ธเ์ ชิงบวกกบั นกั เรียนทุกคนได้ ซงึ่ รวมถึงนักเรียนท่ีมีปัญหา นักเรียน ท่ีทางานต่ากวา่ ระดับท่ีกาหนด และนักเรียนท่ีมีบุคลิกไม่พึงประสงค์ ครูต้องละทิ้งอคติและความรู้สึก ของตนเพื่อปฏิบัติต่อนักเรียนทุกคนด้วยความรัก ให้โอกาสในการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมกันและทาให้ พวกเขาร้สู กึ มน่ั ใจ 2. การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มการเรยี นรู้ การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยที่เอ้ือต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งจาเป็น ครูต้องต้ัง ความคาดหวังไว้สูงสาหรับผลงานและพฤติกรรมของนักเรียน กฎระเบียบท้ังหมดจะต้องถูกบังคับใช้อย่าง สม่าเสมอและเป็นธรรม นักเรียนไม่ควรกังวลเกี่ยวกับการถูกรังแกในห้องเรียนและควรรู้สึกสบายใจเมื่อ พดู ข้ึน 3. สามารถออกแบบแผนการสอนไดด้ ี ครูคนต้องสามารถออกแบบแผนการสอนให้ตรงกับความต้องการของนักเรียนและครอบคลุม มาตรฐาน สิ่งนี้ต้องการความรู้ในการเลือกและสร้างสื่อการเรียนการสอนเพ่ือรองรับนักเรียนในระดับ ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังต้องมีการกาหนดขอบเขตและลาดับที่ทาให้นักเรียนมีเวลาเพียงพอที่จะบรรลุ มาตรฐาน

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 61 4. สามารถใชก้ ลยุทธก์ ารสอนที่หลากหลาย แนวทางปฏิบัติท่ีดีที่สุดและกลยุทธ์การสอนอื่น ๆ ท่ีเหมาะสมช่วยให้นักการศึกษาที่มี ความสามารถสามารถสอนตามหลักสูตรได้อย่างมปี ระสิทธิผล ครูที่มีความสามารถ อาจบรรยายไดแ้ ต่ พวกเขายังรวมกลยุทธ์ท่ีหลากหลายรวมถึงกลยุทธ์การสอนที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมเพื่อช่วยให้นักเรียน ได้มี รูปแบบการเรียนรู้ท่ีหลากหลายสามารถเรียนรู้และมีส่วนร่วมได้ ครูยังเข้าร่วมการประชุมการพัฒนา วชิ าชพี เปน็ ประจาเพือ่ เรยี นรู้กลยทุ ธ์ใหม่ ๆ และแนวทางปฏิบัติล่าสดุ ท่ดี ีทส่ี ดุ 5. สามารถประเมินได้ ครูต้องออกแบบหรือเลือกวิธีการประเมินที่มีประสิทธิผล การประเมินต้องวัดส่ิงที่ได้รับการ สอนและสิง่ ท่นี กั เรียนไดเ้ รียนร้อู ย่างถูกตอ้ ง ครทู ม่ี ีความสามารถจะผสมผสานเทคนิคการประเมินแบบ ไม่เป็นทางการและเป็นทางการเพ่ือติดตามผลการเรียนของนักเรียน พวกเขายังรวมเทคโนโลยีพอร์ต การลงทุนและวิธีการสรา้ งสรรค์อ่ืน ๆ เพอื่ ประเมนิ นกั เรียน 6. สามารถระบุความตอ้ งการของนักเรียน ความสามารถในการระบุ และตอบสนองความต้องการของนักเรียนเป็นองค์ประกอบสาคัญของ งานของครู โดยการประเมินอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการจะช่วยเป็นแนวทางในการจัดการเรียน การสอน อย่างไรก็ตามยังรวมถึงการทาความรู้จักนักเรียน ความสนใจ การรับรู้ การเปลี่ยนแปลงของ อารมณข์ องพวกเขา เพื่อให้แน่ใจวา่ นักเรยี นมีสมาธิในการเรียนรู้ทางจติ ใจและอารมณ์ 7. เกง่ ในการส่ือสาร การส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ปกครองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอ่ืน ๆ ในการศึกษาของเด็ก เป็นองค์ประกอบหลักของงานของครู ครูที่มีคุณภาพให้ข้อมูลอัปเดตเป็นประจาเก่ียวกับความก้าวหน้า ของเด็กและจัดการกับข้อกังวลท่ีอาจเกดิ ขึ้นทนั ที ครยู ังรวู้ ิธีพูดคุยอย่างใจเยน็ กับกับพ่อแม่ของนักเรยี นท่ี มปี ัญหาและวิธตี ัดสนิ ใจท่คี านงึ ถึงผลประโยชนส์ งู สุดของเด็ก 8. สามารถทางานร่วมกันได้ ครตู ้องสามารถทางานร่วมกับครูคนอน่ื ๆ และเจา้ หน้าท่ีของโรงเรียนได้ ครสู ามารถเรยี นรู้ซ่ึง กันและกันและก้าวหน้าเป็นครูท่ีดีผ่านการทางานร่วมกัน พวกเขายังสามารถทางานร่วมกันเพื่อทาให้ โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสาหรับนักเรียนทุกคน และเพ่ือ ปรับปรงุ ภาพลกั ษณโ์ ดยรวมของโรงเรียนและการเรยี นการสอนที่เกดิ ขึน้ 9. การรกั ษาลกั ษณะท่เี ปน็ มืออาชพี การเป็นครูต้องมีลักษณะที่เป็นมืออาชีพตลอดเวลา รวมถึงการแต่งกายที่เหมาะสมและการ แสดงพฤติกรรมอย่างมืออาชีพ ครูมักใช้เป็นแบบอย่างให้กับนักเรียน การใช้ภาษาท่ีไม่เหมาะสม การ นินทาครูและนกั เรยี นหรอื การแต่งกายท่ีไมเ่ หมาะสม อาจทาใหน้ กั เรียนขาดความเคารพต่อครู

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 62 10. แสดงใหเ้ ห็นถึงความมุ่งมั่นทมี่ ตี อ่ วชิ าชพี นักการศึกษาต้องให้ความมุ่งม่ันในการศึกษาและการพัฒนาวิชาชีพ ความรู้ในเร่ืองนั้นจาง หายไปกลยทุ ธ์การสอนเปล่ียนไปและการวิจัยใหม่ ๆ มักจะปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของนักเรยี นและ การสอนของครู การศึกษาเพ่ิมเตมิ และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพทาให้นักการศึกษาสามารถ ปรบั ปรุงคุณภาพการศึกษาท่จี ดั ใหไ้ ด้อย่างต่อเนื่อง 5.11 สมรรถนะครไู ทยตามแนวคดิ ของฉัตรชัย หวังมีจงมี ฉัตรชัย หวังมีจงมี (2560, 53-59) ได้ศึกษาแนวคิดของนักวิชาการต่าง ๆ และได้สรุปสมรรถนะ ของครูผสู้ อนระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 ไว้ 7 สมรรถนะ ดังนี้ 1. สมรรถนะด้านการจดั การเรียนการสอนยึดนักเรียน เป็นศูนย์กลางการจัดการเรียนการสอน ปัจจุบันครูผู้สอนจะใช้วิธีสอนท่ียึดครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher-Centered Method) เป็นการสอนท่ีครูเป็นผู้สอน ครูเป็นผู้ดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นส่วนใหญ่ การจัดการเรียนการสอนหรือการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 นั้นจะต้องเปล่ียนแปลง ยุทธศาสตร์ทางการศึกษา คือการเปลี่ยนวิธีการสอนจากเดิม ครู-หนังสือ-นักเรียน เป็นวิธีการสอนแบบ ใหม่คือ นักเรียน-หนังสือเรียน-ครู ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 นั้น จะต้อง ปรับเปลีย่ นให้นกั เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้นักเรียนเปน็ ผู้เรียนรดู้ ้วยตนเอง 2. สมรรถนะด้านการวัดประเมินผลเพ่ือการพัฒนาและ คานึงถึงความแต่กต่างหลากหลาย ระหวา่ งบคุ คล การวัดและประเมินผลนั้น ผู้สอนต้องมีสมรรถนะ การประเมินผล การเรียนรู้ เพื่อเป็นแนว ทางการประเมินผลผู้เรียนวา่ ได้บรรลตามวัตถุปุระสงค์ตวั ช้ีวดั และมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร มากน้อยเพียงใด ในศตวรรษท่ี 21 จะตอ้ งเปน็ การวัด 3. สมรรถนะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี และ การรเู้ ท่าทนั สอื่ กระบวนการและรปูแบบการเรียนรู้ของศตวรรษท่ี 21 มีความเปล่ียนแปลงไปเป็นอย่างมาก ความสามารถด้านการใช้ คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยี ครูผู้สอนจะถูกร้องขอให้เรียนรู้วิธีการสอนแบบ ใหม่ ๆ และในเวลาเดียวกันก็กาลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความ หลากหลายของเทคโนโลยี มีครูเพียงจานวนน้อยมากที่รู้สึกพร้อมท่ีจะบูรณาการเทคโนโลยีเข้าไปใน การจัดการเรียนการสอน 4. สมรรถนะด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพ จากการที่โลกพัฒนาไปทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่ส่ิงที่ไม่พัฒนาไปพร้อม ด้วย คือ คุณธรรม จริยธรรม เพื่อการสอนนักเรียนให้เป็นคนที่มีคุณธรรม จริยธรรมนั้น ครูผู้สอน จาเป็นต้องมีคุณธรรมจริยธรรมด้วย กอปรกับพุทธศาสนา คือศาสนาประจาชาติไทยซึ่งเป็นศูนย์รวม

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 63 ของจิตใจ เป็นท่ีรวมของกิจกรรม พิธีการต่าง ๆ ในการดาเนินชีวิต และจากศาสนาน้ีเองเป็นพื้นฐาน ของคุณธรรม จรยิ ธรรมและศลี ธรรมของคนในดา้ นต่าง ๆ 4.1 ความรกั และความเมตตาตอ่ ศิษย์ จากที่ในศตวรรษที่ 21 สภาพสังคมที่เปลี่ยน แปลงไปอย่างมากท้ังด้านการสื่อสาร เทคโนโลยีต่าง ๆ ซ่ึงนอกจาก จะส่งผลกระทบต่อผู้คนในเชิงบวกแล้ว ในเชิงลบก็ปรากฏ เช่นกัน ดังนั้น ภาพความสาเร็จที่เกิดจากการพัฒนานักเรียน ให้เป็นไปตามความมุ่งหวังน้ัน จึงต้องอาศัย ครูผู้สอนในการดาเนินการต่าง ๆ เพื่อการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างใกล้ชิดด้วยความรักและเมตตา ทม่ี ตี ่อศิษย์ และมีความภูมใิ จในบทบาทที่มีส่วนสาคญั ต่อการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ของนักเรียนใหเ้ ตบิ โต งอกงาม เป็นบุคลท่ีมีคุณค่าของสังคมต่อไป โดยครูผู้สอนให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริม ให้กาลังใจในการศกึ ษาเลา่ เรียนแกศ่ ษิ ย์อยา่ งเสมอภาคและเท่าเทียม 4.2 การเปน็ ตน้ แบบ แบบอย่างที่ดี เป็นตัวอย่างทด่ี ี การแสดงออกอย่างสม่าเสมอของครูท่ีนักเรียนสามารถสังเกตรับรู้ได้เอง เพ่ือให้ผู้เรียน ยดึ ถอื และนาไปปฏิบตั ติ ามครผู สู้ อนในศตวรรษท่ี 21 จึงถา่ ยทอดคณุ ธรรม จริยธรรมดว้ ยการแสดงตน เปน็ ตวั อยา่ ง รวมทั้งการวา่ งตนใหู้เหมาะสมเป็นแบบอย่างทดี่ แี ก่ศิษูยท์ ง้ั ทางกาย ว่าจา และจติ ใจ 5. สมรรถนะด้านการทางานเปน็ ทีมและการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ร่วมกนั ความสามารถในการสอนของครผู ู้สอนแต่ละคนยอ่ มมคี วามสามารถที่แต่กต่างกัน หากเป็นใน ศตวรรษท่ี 20 เดิมน้ัน ครูเพียงผู้เดียวสามารถท่ีจะสอนได้ทุกวิชา และสามารถท่ีจะทางานธุรการ อื่น ๆ ควบคไู่ ปด้วยได้ แต่เมื่อยุคสมยั และสงั คมเปลี่ยนไป ครูผู้สอนที่มีความสามารถเข้ามาสู่โรงเรียน มากข้ึน จากเดิมที่ครูจะต้องสอนแต่เพียงผู้เดียวทุกวิชา กลับกลายเป็นว่าครูยุคใหม่ในศตวรรษท่ี 21 จะมีความเก่งเฉพาะด้านที่ตนเรยี นมา เช่น ครบู างคนเก่งวิชาคณิตศาสตร์ ครูบางคนเกง่ วิชาภาษาไทย ซึ่งความสามารถของครูท่ีแต่กต่างกันนั้น จึงต้องปรับเปล่ียนวิธีการทางานหรือวิธีสอน ให้เกิด ประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใช้ความร่วมมือร่วมกันท่ีจะสอนและพัฒนาเด็กนักเรียน พร้อมท้ังส่งต่อ และเขา้ ใจนกั เรียนท่ีมีความแตก่ ตา่ งหลากหลายเป็นรายบุคคล 6. สมรรถนะด้านการข้ามวัฒนธรรม ความทันสมัยของการคมนาคมและการส่ือสารรูปแบบ ใหม่ ๆ ทาให้โลกปัจจุบันที่แคบลง การย้ายถิ่นฐาน ทาได้สะดวกข้ึนไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ทางการงาน การสร้างครอบครัวใหม่หรือแม้แต่การศึกษา จึงทาให้ในโรงเรียนมีความหลากหลายของเช้ือชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ดังน้ัน ครูผู้สอนจึงต้องมีความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว และสามารถท่ีจะ ถา่ ยทอดความรใู้ หก้ ับนักเรยี นได้

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 64 7. สมรรถนะดา้ นการเป็นผูอ้ านวยความสะดวกและแนะแนวทาง ศตวรรษที่ 21 เทคโนโลยีสารสนเทศก้าวหน้าไปมาก หากจะให้ครูสอนแบบเดิมอยู่คงเป็นไป ได้ยาก การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เช่นนี้จึงถือเป็นสิ่งสาคัญ เดิมครูมีบทบาทในการถ่ายทอด ความรู้ให้กบั ศิษย์ แต่ครูในศตวรรษใหมจ่ ึงจาต้องเปลย่ี นบทบาทเป็นผู้อานวยความสะดวกในการเรียน ูร้แทนโดยทาหนา้ ท่ีว่างแผนจดั กจิ กรรมทเี่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญ โดยใหผ้ เู้ รียนเปน็ ผู้คดิ ลงมือปฏิบัติจริง แสวงหาความรแู้ ละคน้ พบคาตอบด้วยตนเองใหม้ ากที่สดุ พิณสดุ า สริ ริ งั ธศรี (2557, 11) ได้สรุปสมรรถนะครูท่มี คี ุณภาพ ประกอบดว้ ย 13 ประการ ดังน้ี 1. เปน็ ผทู้ ่ีมจี ติ วิญญาณของความเปน็ ครแู ละผใู้ ห้ 2. มคี วามรู้ ความสามารถและทักษะการจัดการเรียนรู้ 3. มที ักษะการส่ือสาร 4. อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ 5. ตื่นรู้ ทันสมัย ทนั เหตกุ ารณ์ 6. ตามทัน เทคโนโลยแี ละข่าวสารความก้าวหน้าทางวิทยาการและความรู้ 7. สร้างแรงบนั ดาลใจในการเรียนรู้ของผเู้ รียน 8. ใฝค่ ว้าและแสวงหาความรู้อยา่ งต่อเน่อื ง 9. เป็นแบบอย่างทางคุณธรรมจรยิ ธรรมและศีลธรรม 10. รแู้ ละเข้าใจในอัตลักษณ์ความเป็นชนชาติไทยทหี่ ลากหลาย 11. ภาคภมู ิใจในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก 12. ยอมรบั และเป็นผู้นาการเปล่ียนแปลง 13. มีความพร้อมและปรบั ปรนตอ่ การเปลี่ยนแปลงของโลกและประชาคมอาเซียน 6. แนวคิดรูปแบบการพฒั นาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายุค 4.0 การพัฒนาครูให้ความสาคัญและเชื่อว่าครูเป็นผู้เรียนที่ต้องเรยี นรู้และการพัฒนาตนเอง และรับ การส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่อง ดังนนั้ จึงมีกฎหมาย/นโยบายว่าครทู ุกคนต้องได้รับการพัฒนา จากหน่วยงานและพัฒนาตนเองทุกปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และต้องเข้ารับการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองปีละ 100 ชั่วโมง ครูบรรจุใหม่ต้องผ่านการอบรมตามโปรแกรมการอบรมเพ่ือฝึกหัดการสอนและได้รับ เงินเดือนสูงระหว่างการอบรม ต้องพัฒนาตนเองภายใต้กากับดูแลของศึกษานิเทศก์และผู้บริหาร และ ตอ้ งผ่านการทดลองงาน 1 ปี ครเู ก่าอายุงาน 10 ปีขึน้ ไปต้องเขา้ รับการพัฒนาดว้ ย โดยมีองค์กรทาหน้าที่ ด้านพัฒนาครูเป็นการเฉพาะ มีคู่ปองการพัฒนาให้ครเู ข้ารับการพัฒนาตนเองตามความต้องการในแต่ละ ปีจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับมอบหมายจากรัฐ มีการสร้างเครือข่ายการพัฒนามีระบบพ่ีเล้ียง/ครูต้นแบบ (master teachers) เพ่ือช่วยครู มีระบบการนิเทศติดตามและพัฒนาการทางานของครูในช้ันเรียน การ เรยี นรแู้ ละพฒั นาจากเพ่ือนครู และการพฒั นาครูโดยใช้โรงเรยี น

65 6.1 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรบั การศกึ ษายุค 4.0 ตามแนวคดิ ของพิณสดุ า สิรริ ังธศรี พณิ สุดา สริ ริ งั ธศรี (2557, 11) ไดเ้ สนอรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูไวด้ ังน้ี ตารางที่ 21 การพฒั นาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายุค 4.0 ยทุ ธศาสตร์ มาตรการ แนวทาง การสรา้ งมาตรฐาน จดั ระบบการออกใบอนุญาต 1.1 จัดใหม้ กี ารสอบเพอื่ รับและต่อใบอนุญาตประกอบ วชิ าชพี แทน วิชาชพี ครใู หเ้ ป็นที่ ประกอบวชิ าชพี เงนิ เดอื นและ การได้รับแบบอตั โนมัติ ยอมรบั วิทยฐานะ 1.2 กาหนดให้ครทู กุ คนต้องพัฒนาตนเองทกุ ปีผลการพัฒนาครู มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เช่อื มโยงกับผลงานวิทยฐานะและการตอ่ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู การพฒั นาครูให้เกดิ ปฏิรูปวธิ ีการพฒั นาครใู ห้ 1.3 พัฒนาระบบเงินเดอื น การตอบแทนครูท่เี หมาะสม ยึดโยงกบั ทักษะการจดั การเรียนรู้ สอดคล้อง ผลงานและผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของ ผู้เรียนตามสภาพจริง เพือ่ ทกั ษะแห่งศตวรรษ กบั การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 1.4 ประเมนิ ผลการทางานของครดู ว้ ยวิธีการประเมินแบบค่าสัมพัทธ์ ที่ 21 (relative) ที่คานึงถึงความต่างระหว่างผลผลิตกบั ปจั จยั (netgain) 1.1 ลด/ยกเลิกวธิ ีการพัฒนาที่เนน้ การอบรมเปน็ การพัฒนาครูโดยใช้ ส่งเสรมิ ความรแู้ ละการพัฒนาครู โรงเรยี นเปน็ ฐานใหเ้ กดิ การพัฒนาการเรยี นร้ขู องครูที่โรงเรยี น เช่น ตาม จดั ระบบการจดั การความรูภ้ ายในสถานศึกษาจัดตั้งชมุ ชนแห่งการ ความต้องการ เรียนรู้ จดั ต้ังคลินิกครูเพ่ือการเรียนรู้จัดระบบครูพ่ีเล้ยี ง เพ่อื นช่วย เพอื่ น การนิเทศภายใน เป็นต้น 1.2 นาเทคโนโลยีมาใช้เพอื่ การพัฒนาโดยพฒั นาระบบออนไลน์ เพ่ือการ พฒั นาครู จดั ตั้งคลังเทคโนโลยีเพอื่ การพัฒนาให้ครสู ามารถใช้บรกิ าร เพ่ือ การจดั การเรียนรู้ได้อย่างทันสมัยและคล่องตวั 1.3 ส่งเสรมิ การพัฒนาตนเองของครอู ยา่ งตอ่ เนื่อง เช่น การเข้า ประชุมสมั มนา ศกึ ษาต่อ ดูงาน แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ค้นควา้ หาความรู้ ดว้ ยตนเอง รับการนเิ ทศโดยเฉพาะการเรียนรู้จากการปฏบิ ัติงานจนเกิด ความชานาญ 1.4 สรา้ งเครือข่ายการพฒั นาท้ังในและนอกสถานศกึ ษาเพอ่ื การ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เช่น เครอื ขา่ ย เสมือนจรงิ (ออนไลน์) เครือขา่ ยครู เฉพาะสาขาวชิ า เครอื ข่ายครสู อนดี เครือขา่ ยครู 1.5 พัฒนาครูแบบมสี ่วนรว่ มขององค์กรในพืน้ ทที่ ั้งภาครัฐ เอกชนและ ทอ้ งถิ่น 2.1 วิจยั และพฒั นานวตั กรรมการเรียนรแู้ ละการเรยี นการสอนของ ครูใหท้ ันสมยั และสอดคล้องกับการ เปล่ยี นแปลงและความก้าวหนา้ ทางการศึกษา และการเรยี นรู้อยา่ งต่อเน่อื ง 2.2 จดั ใหม้ ีคปู่ องการพัฒนาประจาปี จดั สรรใหค้ รู แต่ละบคุ คลตาม ความตอ้ งการเฉพาะ ให้ครูทุกคนตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาและนาเปน็ ส่วนหนึง่ ของการประเมินผลงาน

66 ตารางที่ 21 (ต่อ) ยุทธศาสตร์ มาตรการ แนวทาง การเสริมสรา้ ง เตรยี มครแู ละสนบั สนุนการสอน 1.1 จัดให้มีการปฐมนเิ ทศครูใหม่และทาความเข้าใจในปรัชญา ประสทิ ธภิ าพการใช้ครู ของครูให้มีประสทิ ธิภาพ จดุ มุ่งหมาย หลักสตู รและวิธีการเรียนการสอน จิตวญิ ญาณ และความเปน็ ครทู ีด่ ี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงปฏริ ปู หอ้ งเรยี น1.2 กาหนดจานวนนักเรียนตอ่ ครูให้เหมาะสม และสอดคล้อง กับการเรียนการสอน การสง่ เสริมและพัฒนา เสรมิ สร้างสทิ ธิครู 1.3 พฒั นาและจดั ส่ือการสอนทม่ี ีคุณภาพสอดคลอ้ งกับเนอื้ หา สิทธคิ รู สาระวิชา ทง้ั ที่เป็นสือ่ เน้อื หาและสอ่ื เทคโนโลยีท่ีทันสมัย 2.1 ปรบั เปล่ยี นรูปแบบการสอนของครูให้เปน็ ผู้จัดกระบวนการ เรียนรู้แทนการสอนแบบด้ังเดิม 2.2 จัดระบบเครือขา่ ยและนเิ ทศการสอนภายในสถานศึกษา (หอ้ งเรยี น) ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ 2.3 จดั ให้มคี รตู น้ แบบ (master teachers) เพ่ือเปน็ พี่เล้ียง และช่วยเหลอื ทางวิชาการ/การจัดการเรียนรขู้ องครู จัดตั้งและพฒั นากองทนุ พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากร ทางการศึกษาเพอื่ สทิ ธิในการไดร้ ับการสง่ เสรมิ และพัฒนาอย่าง ตอ่ เนอื่ ง ประเดน็ เร่งด่วนท่ตี ้องดาเนนิ การ เพ่ือเป็นการตอบสนองความจาเป็นเร่งด่วน เห็นสมควรเลือกดาเนินการตามข้อเสนอ ขา้ งต้นกอ่ นโดยการปฏิรูปหอ้ งเรียนพฒั นาและการประเมนิ ครู ดังนี้ 1. ปรับเปล่ียนรูปแบบการสอนของครใู ห้เป็นผู้จัดกระบวนการเรยี นรู้แทนการสอนแบบดั้งเดิม 2. ปรับระบบการพัฒนาครูเป็นการพัฒนาสถานศึกษา อย่างเป็นองค์รวมทั้งการเรียนรู้ด้วย ตนเอง การปฏิบัติงานจนเกิดความชานาญ การพัฒนาและจัดให้มีครูต้นแบบ เพื่อเป็นพี่เล้ียงและ ช่วยเหลือทางวิชาการ/การจัดการเรียนรู้ของครู และจัดระบบเครือข่ายและนิเทศ การสอนภายใน สถานศึกษา (หอ้ งเรียน) ใหม้ ีประสิทธภิ าพ 3. ปรับระบบการประเมินผลการทางานของครูด้วยวิธีการประเมินแบบค่าสัมพัทธ์ (relative) ที่คานึงถึงความต่างระหว่างผลผลิตกับปัจจัย (net gain) เพื่อการบริหารจัดการและนาผลไป เปน็ สว่ นหนึง่ ในการเล่อื นวิทยฐานะ เงนิ เดอื น การต่อใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพ และทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 6.2 การพัฒนาสมรรถนะครรู องรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ตามแนวคดิ ของโชติชวัล ฟูกจิ กาญจน โชติชวัล ฟูกิจกาญจน (2556, 30-32) สรุปกระบวนการพัฒนาครู ซึ่งมีหลายรูปแบบ ดังต่อไปน้ี 1) การปฐมนิเทศ (Orientation) 2) การบรรยาย (Lecture) 3) การฝกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop training) 4) การระดมสมอง (Brainstorming) 5) การอภิปราย (Discussion) 6) การฝก

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 67 อบรมแบบกรณีศึกษา (Case study) 7) การสาธิต (Demonstration) 8) การศึกษาดูงาน (Observation) 9) การฝกอบรมเพื่ อสุขภาพ (Health training) 10) การฝกสอน (Coaching) 11) ระบบพี่ เล้ียง (Mentoring system) และ 12) การให้คาปรกึ ษา (Counseling) 6.3 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายุค 4.0 ตามแนวคิดของอรรณพ จีนะวัฒน์ อรรณพ จีนะวัฒน์ (2559, 1394) สรุปการพัฒนาครมู ืออาชีพ ต้องให้ความสนใจกบั ปัจจัย ด้านการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างยิ่ง โดยหน่วยงานสนับสนุนหรือสถานศึกษาควรท่ีจะ 1) ส่งเสริมการ เรียนรู้และพัฒนาทักษะของครูด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชี่ยวชาญใน เน้ือหาสาระของตนเพ่อื จะได้น าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับเนื้อหาได้อย่างเหมาะสม 2) สร้างโอกาส การเรียนรู้ของครใู นการใช้เทคโนโลยีอย่างสม่าเสมอ 3) สนับสนุนเครื่องมือที่จะช่วยให้ครูได้แสวงหา การเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง 4) จัดหาประสบการณ์ที่เป็นการเรียนรู้ระยะยาว เพื่อว่าครู สามารถฝกึ ฝนการใชเ้ ทคโนโลยใี นระหว่างการปฏิบัตงิ านและมที กั ษะการใช้อย่างมปี ระสิทธิภาพ 6.4 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของสานักงาน เลขาธกิ ารสภาการศึกษา สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2560) ได้ศึกษาระบบและรูปแบบการพัฒนาครูที่ เหมาะสมกับสังคมไทยและความเป็นสากล พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2550 -2559) มีโครงการ พัฒนาครูจานวนมาก ทั้งหน่วยงานภาครัฐและสถาบันทางการศึกษาเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ เป็นการดาเนินงานโดยหน่วยงานต้นสังกัดหลาย ๆ ระดับ ทั้งโครงการระดับโรงเรียน โครงการระดับเขต พ้ืนท่ี โครงการระดับจังหวัด โครงการระดับ สพฐ. และโครงการระดับกระทรวงศึกษาธิการระบบการ พัฒนาครูในปัจจุบันนั้น มีการจัดการพัฒนาค่อนข้างมาก การอบรมพัฒนาครูบางหลักสูตรมีความ ซ้าซ้อน รวมท้งั ยังมีการพัฒนาโดยใช้รูปแบบเดิม ๆ โดยมรี ปู แบบการพัฒนา ดังนี้ 1. การส่งครไู ปเขา้ รว่ มการประชมุ อบรม สัมมนาตามท่ีหน่วยงานต่าง ๆ จดั ขึน้ 2. การไปศึกษาดูงาน การจัดอบรมสัมมนาในโรงเรียน โดยเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ ความรู้ 3. การส่งครูไปศึกษาตอ่ ในระดับท่สี ูงขนึ้ 4. การนิเทศภายใน 5. การทาวิจัยในชนั้ เรยี น 6. การมอบหมายให้ครูอ่านหนงั สือเก่ยี วกบั การปฏิรูปการเรยี นร้แู ละงานที่เกย่ี วขอ้ งกับครู 7. การเรียนรูจ้ ากการปฏิบตั ิโดยหมนุ เวียนครใู หป้ ฏบิ ตั งิ านในหลายหนา้ ท่ี 8. การจัดทมี งานเพอ่ื เรียนรแู้ ละปฏิบตั ิงานรว่ มกนั 9. การนาโครงการต่าง ๆ จากภายนอกเข้ามาดาเนินการภายในโรงเรียนเพ่ือกระตุ้นการ ทางานของครภู ายในโรงเรียน

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 68 10. การสนับสนุนครูให้ทาผลงานทางวิชาการเพื่อเล่ือนวิทยฐานะและขอรับรางวัลจาก หน่วยงานตา่ ง ๆ 11. การสง่ ครูไปเปน็ วิทยากรในโอกาสตา่ ง ๆ 12. การเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ท้ังระดับประเทศและระดับภูมิภาคเพ่ือกระตุ้นให้ครูตื่นตัว พัฒนาตนเอง เปน็ ต้น 6.5 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของเชาว์ อินใย, จรรยาลกั ษณ์ วังครี ี และ วัชรี โสธรรมมงคล เชาว์ อินใย, จรรยาลักษณ์ วังคีรี และ วัชรี โสธรรมมงคล (2555, 34) ได้เสนอแนวทางการ พฒั นาครู 5 ประการ ดังนี้ 1. การสารวจความต้องการของครู 2. การฝกึ กอบรม 3. การศึกษาดงู านโรงเรยี นที่ประสบความสาเร็จ 4. การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ และ 5. การสรา้ งเครอื ขา่ ยทเี่ ช่ือมโยงกับการนิเทศติดตามงาน 6.6 การพฒั นาสมรรถนะครูรองรบั การศึกษายคุ 4.0 ตามแนวคิดของสถาบนั พัฒนาครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศกึ ษา สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (2557, 17) ได้สรุปการพัฒนา ศักยภาพหรือสมรรถนะครูสู่ศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 12 ประเดน็ ท่ีสาคัญดังนี้ 1. ทาให้ผู้เรียนเป็นผู้สรา้ งความร้โู ดยเนน้ การเรยี นรแู้ บบลงมอื ปฏิบตั ิ 2. การพัฒนาทักษะการจัดลาดับการคิดระดับสูงโดยเน้นทักษะการคิดวิเคราะห์และ วจิ ารณญาณ 3. ครูเปน็ ผูอ้ านวยความสะดวกในการเรยี นรู้ท่ีมีประสทิ ธภิ าพ 4. การวัดและประเมินผลด้วยการผสมผสานเข้ากับกระบวนการสอนโดยเน้นพัฒนาการ และความกา้ วหนา้ ของผเู้ รียน 5. มคี วามรู้และประสบการณว์ ชิ าชีพเพ่ือสง่ เสริมการพัฒนาชีวิตและทักษะวชิ าชีพใหผ้ ู้เรียน 6. การสรา้ งเครอื ขา่ ยการเรียนรู้แบบร่วมมอื กบั ผู้เก่ยี วข้อง 7. การพัฒนาครูและผ้เู รียนอยา่ งต่อเนื่องเพื่อพฒั นาโรงเรียนเปน็ องค์กรการเรียนรู้ 8. การสร้างระบบครผู ู้เชย่ี วชาญเป็นพเ่ี ลี้ยงครูใหม่ 9. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นกลไกสาคัญในการติดตามความก้าวหน้าทาง วทิ ยาการและความรูเ้ พ่ือการพฒั นาครู 10. มคี วามรู้ความสามารถและทกั ษะในการออกแบบการจัดการเรยี นรู้

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 69 11. มภี าวะผนู้ าในการพัฒนาการศกึ ษาและเป็นผ้นู าการเปล่ียนแปลง 12. การเป็นบุคคลท่มี คี ุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมและจรรยาบรรณวิชาชพี 6.7 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของสานักงานเลขาธิการ สภาการศกึ ษา สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2555, 34) ศึกษารูปแบบการพัฒนาวชิ าชีพครูโดยใช้ โรงเรียนเป็นฐาน โดยมีขั้นตอนในการดาเนินงานดงั น้ี ขน้ั ตอนท่ี 1 การสารวจความตอ้ งการจาเป็นในการฝกึ อบรม ส่วนใหญใ่ ชก้ ระบวนการกลุ่ม และเทคนิคการสนทนากลมุ่ ขน้ั ตอนที่ 2 การออกแบบการฝกึ อบรม สว่ นใหญใ่ ช้กระบวนการกลมุ่ ในการออกแบบ ข้ันตอนที่ 3 การฝึกปฏิบตั ิ ใช้การฝกึ ปฏบิ ัตริ ายบุคคลในห้องเรยี น ขัน้ ตอนที่ 4 การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ใชก้ ารประชมุ แลกเปลี่ยน ขน้ั ตอนที่ 5 การนิเทศและตดิ ตามผล ส่วนใหญใ่ ชก้ ารสนทนากลุ่มเปน็ รายบคุ คล ขั้นตอนท่ี 6 การสะทอ้ นความคดิ ของครู สว่ นใหญใ่ ชก้ ารสมั มนา ขั้นตอนที่ 7 การประเมนิ การฝึกอบรม ใช้การสัมมนาและการประเมนิ ความพึงพอใจ 6.8 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศกึ ษายคุ 4.0 ตามแนวคดิ ของบชู (Bush) บูช (Bush, 1999 อ้างถึงใน Villegas–Reimers, 2003, 119-120) ได้กาหนดแนวทางการ พัฒนาครูสู่ครูมืออาชีพไว้ดังนี้ 1) พัฒนาค่านิยมขององค์การในเร่ืองการทางานเป็นหมู่คณะ การเปิดเผย และความไว้ว่างใจ 2) เปิดโอกาสและให้มีช่วงเวลาคุณภาพเพื่อสนทนาแลกเปล่ียนเรียนรู้กัน 3) ให้ครูได้ มโี อกาสเรียนรู้และเข้าใจองค์การของตัวเองอย่างแท้จริง 4) ทบทวนบทบาทหน้าทเ่ี ก่ียวกบั ความเป็นผู้นา และปรับให้ครอบคลุมถึงบทบาทของครู 5) ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายทั้งในและนอกสถานศึกษาและ ความร่วมมอื ร่วมใจในการทางานอย่างเป็นหน่ึงเดียว และ 6) เตรยี มครูให้เป็นผู้นาในวิชาชีพของตนอย่าง แท้จริงซ่ึงหมายถึงให้ครูได้ออกแบบการพัฒนาตนเอง นาสู่การปฏิบัติและประเมินความก้าวหน้าใน วิชาชพี ของตนเองได้ ซ่ึงผูบ้ ริหารต้องใหเ้ วลาและให้โอกาสครู 6.9 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของ The Teachers’ Council of Thailand The Teachers’ Council of Thailand (2018, 24-27) กาหนดแนวทางการพัฒนาสมรรถนะ ครูในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มี 3 แนวทาง ประกอบด้วย การเรียนรู้ระหว่างทางาน การเรียนรู้จากผู้อ่ืน และการเรียนรูต้ ามโครงสร้าง ซงึ่ มรี ายละเอียด ดงั นี้ 1. การเรียนรูร้ ะหวา่ งทางาน 1.1 การรบั ทางานในส่วนของงานกรรมการหรอื การเป็นสมาชิกในทีมงานโครงการ จะทา ให้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับโรงเรียน เก่ียวกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและอาชีพของครูเองได้มากข้ึน อีกทั้งยัง

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 70 เป็นโอกาสท่ีดีที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสมาชิกในกลุ่มคนอ่ืน ๆ รวมทั้งการเปล่ียนแปลงของความสัมพันธ์ของ ผู้คนท่ีครูร่วมงานดว้ ย 1.2 การฝึกกระบวนการการสอนแบบเป็นข้ันเป็นตอนเก่ียวกับวิธีการพัฒนาทักษะการ สอนเฉพาะด้าน การให้การฝึกกับครูคนอ่ืน ๆ จะเป็นหนทางในการประยุกต์สิ่งท่ีครูรู้เกี่ยวกับกลวิธีด้าน การเรียนการสอน และเรยี นร้วู ธิ ีพัฒนากลวิธีเหลา่ นั้น 1.3 การเรียนรู้ผ่านการทดลอง การศึกษาว่าสิ่งต่าง ๆ มีวิธีปฏิบัติอย่างไร และลองหาวิธี ใหม่ ๆ ที่จะทาส่ิงเหลา่ น้ันให้สาเร็จ ครูจะได้ทบทวนตวั เองและสร้างความเข้าใจในส่งิ ต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ มากยิง่ ขึน้ ผ่านกระบวนการน้ี และยงั ทาให้สอนผู้อ่ืนได้ดยี ่ิงขน้ึ อีกด้วย 2. การเรยี นรจู้ ากผอู้ ืน่ 2.1 การรับการฝึกจากหัวหน้างานหรือเพ่ือนร่วมงานที่มีความม่ันใจในความเป็นไปของ งาน จะชว่ ยให้ครูเรยี นรู้ทกั ษะเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับกลวิธดี ้านการเรียนและการสอน 2.2 การสังเกตและจดบันทึกการสอนของครูท่านอื่นท่ีประสบความสาเร็จในอาชีพครูจะ ช่วยให้ครูได้ทราบถึงกลวิธีท่ีดที ีส่ ุดพวกเขา และวธิ กี ารรบั มอื กับความทา้ ทายในการสอน 2.3 การเป็นสมาชิกในองค์กรทางวิชาชีพ จะช่วยเสริมสร้างทักษะทางวิชาชีพของครูและ เสริมสมรรถนะท่ีเก่ียวข้องกับวชิ าชีพครู ยังทาให้ครูได้เชื่อมโยงกับครูทา่ นอื่นท่ีมีความสนใจแบบเดียวกัน และประสบกับความทา้ ทายคลา้ ย ๆ กนั 2.4 การถามคาถาม วิธีการท่ีดีที่ครูจะได้เรียนรู้เก่ียวกับงานโรงเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วน เสยี อกี ทงั้ ยงั เป็นหนทางให้ได้ร้จู ักกับเพื่อนครูคนอ่ืน ๆ อีกด้วย 2.5 การอภิปราย จะเก่ียวกับการแลกเปลี่ยนความคิดและข้อมูลกับบุคคลอ่ืน ๆ เช่น ครู บุคลากรในโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครอง ซึ่งช่วยให้ครูได้เปิดมุมมองของตนเอง ในขณะเดียวกับที่ได้ ทาความเขา้ ใจถึงมุมมองของผอู้ ื่น 2.6 การสร้างเครือข่ายกับวิชาชีพอ่ืน การติดต่อกับบุคลากรจากวิชาชีพอื่น ๆ ผ่านทาง อีเมล์ ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ ผ่านการประชุมแบบพบปะหน้าและแบบเสมือนจริง ผ่านบล็อก ผ่าน ส่ือสังคมออนไลน์ ผา่ นโครงข่าย การเรียนรู้ทางวิชาชีพเสมือนจรงิ และผ่านการส่งข้อความ สิ่งท่ีกล่าวมา น้ีจะสร้างโอกาสให้ครูได้เรียนรู้ จากประสบการณ์และความคิดของผู้อ่ืน และยังได้แบ่งปัน ประสบการณ์และความคดิ ของตัวเองอีกดว้ ย 3. การเรยี นรู้ตามโครงสรา้ ง 3.1 การฝึกอบรม กิจกรรมตามโครงสร้างภายในห้องเรียนท่ีนาโดยผู้สอน และเน้น ทักษะ ซึ่งจะเสริมขีดสมรรถนะ ของครูในด้านนั้น ๆ กิจกรรมเหล่าน้ีมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มการอบรม ภายในโรงเรียน ซ่ึงมักจะถูกว่างแผนจัดและดูแลโดยโรงเรียนของครู ไม่ก็จัดอยู่ในกลุ่มการอบรม ภายนอก ซง่ึ จดั โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ ารและผ้จู ดั อบรมอื่น ๆ

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 71 3.2 การอ่าน ทางเลือกท่ีูมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยให้ครูรูะบุสมรรถนะท่ีตนเอง ตอ้ งการได้เป็นอย่างดี ครูอาจจะอา่ นหนังสือ อ่านเอกสารอ้างอิง อา่ นเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งกรณีตัวอย่าง และบล็อกตา่ ง ๆ ทต่ี รงกบั ส่ิงท่ีครูตอ้ งการเรยี นรู้ 3.3 การดูวิดีโอท่ีเกี่ยวข้อง จะทาให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาและเสริมสร้าง สมรรถนะความเป็นครูให้ตนเองได้มากย่ิงขึ้น วิดโี อจะช่วยให้ครูเห็นภาพวา่ จะพฒั นาได้อย่างไรและได้ คิดถงึ กระบวนการของสิง่ ทีต่ อ้ งทาต่อไป 3.4 การประชุมวิชาการ สัมมนา และการประชุมเชิงปฏิบัติการ ถือเป็นส่ิงท่ีสาคัญ มากสาหรบั ครู เพราะการประชมุ เหลา่ น้ีจะทาใหค้ รูไดข้ ้อมูลประเดน็ สาคัญทม่ี ีผลต่อการเรียนการสอน ทเี่ ป็นปจั จุบัน ทั้งยังเป็นส่ิงสาคัญสาหรับครูท่ีจะอา่ นหนังสือทางวิชาการท่ีเขียนโดยผู้รู้ การประชุมยัง สรา้ งโอกาสให้ครูใหค้ รไู ดแ้ ลกเปลยี่ นประสบการณ์ ความคดิ และกลวธิ ีตา่ ง ๆ กับครทู ่านอ่ืนดว้ ย 6.10 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของอัสกาและฮามัด (Asghar & Asif Ahmad) อัสการ์ และ อาหมัด (Asghar & Ahmad, 2014, 148-151) ได้พยายามศึกษาแนวทางต่าง ๆ ในการพัฒนาครูเพื่อให้ได้มาซ่ึงความหลากหลาย ซึ่งเป็นแนวทางพัฒนาครูท่ีได้รับความนิยมในหมู่ โรงเรียนและนักการศึกษา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1) ยึดครูเป็นศูนย์กลาง (Client-centred Approach) ประกอบด้วย (1) เนื้อหาและวิธีการของการประชุมเชิงปฏิบัติการควรเก่ียวข้องกับครูมากที่สุด (2) ครู ควรได้รับการสนับสนุนใหไ้ ด้รบั ชุดของหลักการจากการศึกษาการปฏิบตั ิในชัน้ เรียน มากกว่าชุดหลกั การ ท่ัว ๆ ไป (3) แนวทางควรเป็นแบบจากล่างข้ึนบนแทนท่ีจะเป็นแบบบนลงล่าง (4) ครูควรมีส่วนร่วมใน การจัดโครงสร้างเน้ือหาและกิจกรรมของโครงการพัฒนาวิชาชีพ (5) ครูควรได้รับการสนับสนุนให้สังเกต วิเคราะห์และประเมินการสอนของตนเอง และ (6) ครูควรได้รับการฝึกฝนในสิ่งที่พวกเขาส่ังสอน 2) การ พัฒนาตนเองผ่านการสังเกตการสอนในชั้นเรียน (Self-Development through Class Observation) ซ่ึงมีเป้าหมาย 4 ประการคือ (1) เพ่ือช่วยให้ครูเข้าใจว่าพวกเขามีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเอง (2) เพ่ือช่วยให้ครูมีความเข้าใจชัดเจนย่ิงขึ้นเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์ในห้องเรียนของตนเอง (3) เพ่ือ แนะนาครูให้รู้จักแนวทางการฝึกอบรมครูท่ีมีพัฒนาการมากข้ึน และ (4) เพ่ือช่วยให้ครูสร้าง ความสัมพันธ์ที่สนับสนุนและไว้ว่างใจกับเพ่ือนร่วมงานมากข้ึน และตระหนักถึงผลประโยชน์ร่วมกันที่ พวกเขาจะได้รับจากส่ิงนี้ 3) การตระหนักรู้ในตนเองผ่านกลุ่มครูท่ีมีการพัฒนา (Self-awareness through groups in teacher development) แนวทางน้ีมีแนวโน้มท่ีจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลและสภาพแวดล้อมที่เอ้ืออาทร ด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในกระบวนการพัฒนาวิชาชีพครู 4) การ ท างานร่วมกั นกับการท างานบน ความร่วมมื อ (Collaborative Approach Vs Co-operative Approach) 5) การพัฒนาครูโดยใช้ข้อมูล (Data-based Teacher Development) แนวทางแบบน้ีมี ประโยชน์ต่อการพัฒนาครู คือ (1) ช่วยให้พื้นที่ของครูได้รับการตอบสนองเป็นรายบุคคลโดยอาศัยข้อมูล

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 72 (2) ช่วยให้ครูสามารถเปลี่ยนจากการสอนด้วยการอธิบายไปสู่การวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผล (3) ช่วยให้ เปล่ียนจากการสะท้อนกลับโดยภายนอกมาเป็นการสะท้อนกลับโดยตนเอง (4) มีส่วนช่วยในการพัฒนา ครูโดยให้ครูทาหน้าที่ตามการวิเคราะห์ข้อมูลของครูคนอ่ืน ๆ และในที่สุดก็เป็นของตนเอง (5) กิจกรรม ดังกล่าวทาให้ข้อมูลสภาพจริงเก่ียวกับการสอนสามารถนามาใช้ได้กับครูทุกคน ส่งเสริมให้ครูกาหนด วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือการสืบค้นอย่างต่อเน่ือง 6.11 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของซมอลียานิโนว่า และเบซสิ เวสเนค (Smolyaninova & Bezyzvestnykh) ซมอลียานิโนว่า และ เบซิสเวสเนค (Smolyaninova & Ekaterina, 2019) การพัฒนา สมรรถนะ (ด้านไอซที ี) ของผสู้ อนจะมีประสิทธภิ าพมากขึ้นหากไดด้ าเนินการ ดงั นี้ 1. ศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานการใช้ e-Portfolio อย่างเป็นระบบภายในกระบวนการเรียนรู้และ กิจกรรมทางวิชาชพี ของติวเตอร์ฝึกหัด 2. กาหนดรูปแบบและเคร่ืองมือในการสาธิตการเรียนรู้/สมรรถนะที่พัฒนาข้ึนภายในโมดูล วินัยแยกสาขาวชิ าภาคปฏบิ ตั ิและภายในโปรแกรมการศึกษาโดยท่ัวไป (การสอบไล่ของรฐั ) 3. ให้ข้อเสนอแนะและการสะท้อนข้อมูลกลับอย่างเป็นระบบ โดยใช้เคร่ืองมือ e-Portfolio ที่ครูฝึกหัดใช้รวมถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อมทางการศึกษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไซตฟ์ อรัม การสัมมนาผา่ นเวบ็ การประชุมและอืน่ ๆ 4. สนับสนุนความเป็นอิสระและสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ โดยใช้หลักสูตรการฝึกอบรม ทางอิเลก็ ทรอนิกสเ์ พ่ือชว่ ยให้มีวินยั 5. มคี วามต่อเนือ่ งในการนาเสนอ และใช้วธิ ีสอนการสอน และระเบียบวิธีของ e-Portfolio 6. มีการปฐมนิเทศเชิงปฏิบัติและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ระหว่างการฝึกภาคปฏิบัตปิ ระเภท ตา่ ง ๆ ทก่ี าลงั ดาเนินการและสาขาวิชาของหลักสูตร 6.12 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของเบเนดิกและ โมลนาร์ (Benedek György & Molnár) เบเนดิก และ โมลนาร์ (Benedek György & Molnár, 2012, 86) ส่ิงจาเป็นสาหรับการ ส่งเสริมสมรรถนะครูในศตวรรษท่ี 21 ประกอบด้วย 1) เรียนรู้ตลอดชีวิต 2) สอนในระบบโมดูล 3) พัฒนา วิธีการสอนและการใช้สื่อท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 4) ใช้วิธีการสอนท่ีหลากหลาย 5) นาเสนอเทคนิค การสอน และการเรียนท่ีมีประสิทธิภาพท่ีส่งเสริมการพัฒนาเป็นรายบุคคล 6) ใช้วิธีการสอนแบบร่วมมือ และแบบเครือข่าย 7) ประยุกต์ใช้รูปแบบการสื่อสารด้วยว่าจาและอวัจนภาษาท่ีเหมาะสม 8) ใช้เทคนิค การนาเสนอท่ีทันสมัย 9) ทาความคุ้นเคยกับวิธิการใหม่ ๆ ด้วย ICT และผสมผสานเข้ากับกระบวนการ เรียนการสอน พัฒนาและประยุกตใ์ ช้วิธีการประเมินในรูปแบบใหม่ ๆ 10) ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่ใช้ ICT และ ระบบการจัดการความรู้ และ 11) ประยกุ ต์ใช้กบั สถานศึกษาท่ีทนั สมัย

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 73 6.13 การพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ตามแนวคิดของศูนย์ซีมีโอ (SEAMEO) ศูนย์ซีมีโอ (SEAMEO, 2010) ได้สรปุ แนวทางการพัฒนาสมรรถนะครูในเอเชียตะวันออก เฉยี งใตแ้ ห่งศตวรรษที่ 21 ไวด้ งั นี้ 1. อานวยความสะดวกในการพฒั นาทกั ษะชีวิตและอาชีพของผเู้ รยี น 2. การสรา้ งสภาพแวดล้อมการเรยี นรูท้ เี่ อือ้ อานวย 3. อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ 4. จดั ทาแผนการสอนท่เี หมาะสมสอดคล้องกับวสิ ัยทศั นแ์ ละพนั ธกจิ ของโรงเรยี น 5. การพฒั นาทักษะการคดิ ตามลาดับขน้ั สูง (HOTS) 6. การพฒั นาและใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนการสอน 7. เสรมิ สรา้ งคุณคา่ ทางจรยิ ธรรมและคุณธรรม 8. การประเมนิ และประเมนิ ผลการเรียนของผเู้ รยี น 9. มีสว่ นรว่ มในการพัฒนาวิชาชพี 10. การสร้างเครือข่ายกับผมู้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสียโดยเฉพาะกบั ผปู้ กครอง 11. การจดั การสวสั ดกิ ารนักศึกษาและงานอื่น ๆ งานวจิ ยั ที่เกย่ี วขอ้ ง 1. งานวิจยั ภายในประเทศ สายสวาท เสาร์ทอง (2561, 4281) ศกึ ษาเรือ่ ง กลยุทธก์ ารพัฒนาสมรรถนะครเู พ่ือใหส้ อดคล้องกบั การจัดการศึกษาเรียนรู้ยุค 4.0 ของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน วัตถุประสงค์การวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษา องค์ประกอบกลยุทธ์การพัฒนาครูที่สอดคล้องกับการจัดการศึกษาเรียนรู้ยุค 4.0 ของสถานศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน 2) เพ่ือประเมินความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ ผลการวิจัยพบว่า (1) กลยุทธ์การพัฒนาสมรรถนะครู เพ่ือให้สอดคล้องกับการจัดการศึกษาเรียนรู้ยุค 4.0 ของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ประกอบด้วยกลยุทธ์ 6 ด้าน คือ ด้านทักษะ ด้านความรู้ ด้านบุคลิกภาพ ด้านสังคม ด้านการสอน และด้านคุณธรรมจริยธรรม (2) ผลการประเมินความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ดังกล่าวกับผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู พบว่า มีความเปน็ ไปไดอ้ ยู่ในระดบั สงู และทกุ กลยุทธ์มีความเป็นไปได้อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติทร่ี ะดบั .05 กมลชนก ภาคภูมิ (2556, ง) ศึกษาเรื่อง การพัฒนารูปแบบสมรรถนะที่จาเป็นสาหรับครูใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อรองรับการก้าวสปู่ ระชาคมอาเซียน การวิจยั คร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษา สมรรถนะและรูปแบบสมรรถนะสาหรับครูในสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐานตามสภาพปัจจุบัน 2) พัฒนารูปแบบ สมรรถนะท่ีจาเป็นสาหรับครูในสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน และ 3) ประเมินความต้องการจาเป็นในการพัฒนาสมรรถนะครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อรองรับการก้าวสู่

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 74 ประชาคมอาเซียน ผลการวิจัย พบว่า (1) การศึกษาสมรรถนะและรูปแบบสมรรถนะสาหรับครูใน สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานตามสภาพปัจจุบันซ่ึงกาหนดโดยหน่วยงานทางการศึกษาต่าง ๆ พบว่า ประกอบด้วย 13 สมรรถนะ 64 ตัวช้ีวัด (2) การพัฒนารูปแบบสมรรถนะที่จาเป็นสาหรับครูใน สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน พบว่า ประกอบด้วย 30 สมรรถนะ 168 ตัวช้ีวดั ได้แก่ 1) ด้านความรู้มี 9 สมรรถนะ 33 ตัวชี้วัด 2) ด้านทักษะ มี 17 สมรรถนะ 99 ตัวชี้วัด และ 3) ด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล มี 4 สมรรถนะ 36 ตัวชี้วัด (3) การประเมินความต้องการจาเป็นในการ พัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน พบว่า วิเคราะห์ค่าดัชนีลาดับความสาคัญ ของความต้องการจาเป็น (PNI Modified) ด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล ได้ เท่ากับ 0.48, 0.38 และ 0.18 ตามลาดับ และเมือวิเคราะห์เมทริกซ์ พบว่า สมรรถนะท่ีครูจาเป็นต้อง ได้รับการพัฒนาเร่งด่วน ซึ่งพิจารณาจากสมรรถนะที่ต่ากว่าเกณฑ์และต้องปรับปรุง มี 10 สมรรถนะ ประกอบด้วย ด้านความรู้ 4 สมรรถนะ และด้านทักษะ 6 สมรรถนะ และสมรรถนะท่ีครูจาเป็นต้อง ได้รับการพัฒนาในลาดับรองลงมา ซึ่งพิจารณาจากสมรรถนะท่ีต่ากว่าเกณฑ์แต่ยังไม่น่าห่วง มี 9 สมรรถนะ ประกอบด้วยด้านความรู้ 3 สมรรถนะ ด้านทักษะ 4 สมรรถนะ และด้านคุณลักษณะส่วน บคุ คล 2 สมรรถนะ อริยา คูหา และ หริรักษ์ แก้วกับทอง (2559, ง) ศึกษาเร่ือง สมรรถนะความเป็นครูของ นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษา สมรรถนะความเป็นครู 5 สมรรถนะ คือ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน การบริการที่ดี การพัฒนา ตนเอง การทางานเป็นทีม และจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครูของนักศึกษา คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี 2) เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะความเป็นครู 5 สมรรถนะ ของนักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จาแนกตามเพศ สาขาวิชา ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และศาสนา และ 3) เพ่ือศึกษาความคิดเห็น ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะสมรรถนะ ความเป็นครูของนักศึกษา ผลจากการวิจัย พบว่า นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลา- นครินทร์ มีสมรรถนะความเป็นครูโดยรวมอยู่ในระดับมาก และเรียงตามลาดับจากมากที่สุด คือ สมรรถนะจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู รองลงมา คือ สมรรถนะการทางานเป็นทีม สมรรถนะ การบรกิ ารทดี่ ี สมรรถนะการมุ่งสัมฤทธ์ิในการปฏบิ ตั ิงาน และนอ้ ยทีส่ ดุ คือ สมรรถนะการพัฒนาตนเอง สมรรถนะการมุ่งสัมฤทธ์ิในการปฏิบัติงาน ด้านความสามารถในการว่างแผน การกาหนด เป้าหมาย การวิเคราะห์ สังเคราะหภ์ ารกจิ งานของนกั ศึกษาที่มผีลสัมฤทธท์ิ างการเรียนตา่ งกันมีความ คิดเหน็ แต่กตา่ งกันในรายการ “วเิ คราะห์ภารกจิ งานเพ่ือวา่ งแผนการแก้ปญั หาอย่างเป็นระบบ” อยา่ ง มีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ในด้านความสามารถในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน นักศึกษาท่ีมีเพศต่างกันมีความคิดเห็นต่างกันในรายการ “ติดตามผลประเมินอย่างต่อเนื่อง” อย่างมี

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 75 นัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 และด้านความสามารถในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยรวมนกั ศกึ ษาท่ศี กึ ษาสาขาวชิ าตา่ งกนั มีความคิดเห็นตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั .05 สมรรถนะการบริการท่ีดี ด้านการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ ของนักศึกษาท่ีมี เพศตา่ งกัน มีความคิดเห็นต่างกันในรายการ “แลกเปล่ียนเรียนรกู้ บั ผู้อื่นเพ่ือพฒั นาตนเอง และพัฒนา งาน” อย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิทร่ี ะดบั .05 สมรรถนะการทางานเป็นทีม ด้านการให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน นักศึกษาท่ีมีเพศต่างกันมีความคิดเห็นต่างกันในรายการ “ช่วยเหลือ สนับสนุน เพื่อนร่วมงานเพ่ือสู่ เป้าหมายความสาเร็จร่วมกัน” ด้านการแสดงบทบาทผู้นา/ผู้ตามนักศึกษาที่มีเพศ “การแสดงบทบาท ผู้นา/ผู้ตามในการทางานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมตามโอกาส” และรายการ “เน้นการบริการบน พน้ื ฐานความสาเร็จในผลงานตามบทบาทหน้าที่และความรับผดิ ชอบที่มอี ยู่” อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดับ.05 ด้านการเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้อ่ืนในการพัฒนาการจัดการศึกษาให้บรรลุผลสาเร็จตาม เป้าหมาย นักศึกษาที่มีศาสนาต่างกันมีความคิดเห็นต่างกันในรายการ “แลกเปล่ียนเรียนรู้/รับฟังความ คิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างเครือข่ายและทีมงาน” และ “ร่วมกับเพื่อนร่วมงานในการสร้าง วัฒนธรรมการทางานเปน็ ทีมให้เกิดข้ึนในสถานศกึ ษา” อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดบั .05 สมรรถนะจริยธรรมและจรรยาบรรณวชิ าชีพครู ดา้ นการประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดี นักศึกษาที่มีเพศต่างกันมีความคิดเห็นต่างกันในรายการ “ปฏิบัติตนตามหลักการครองตน ครองคน ครองงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุผลสาเร็จ” และนักศึกษาที่ศึกษาสาขาวิชาต่างกันมีความคิดเห็น ต่างกันในรายการ “เป็นแบบอย่างท่ีดีในการส่งเสริมผู้อื่นให้ปฏิบัติตนตามหลักจริยธรรม จรรยาบรรณ วิชาชพี ครูและพฒั นาจนเป็นที่ยอมรับ” อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .001 มานิตย นาคเมือง (2561, 13) ได้ศึกษาเรื่อง รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะประจาสายงาน ครูผู้สอนในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จุดมุ่งหมายของการวิจัยน้ี เพ่ือพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ ประจาสายงานครูผู้สอนในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ ประจาสายงานครูผู้สอนในสถานศึกษาขนั้ พื้นฐาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก ส่วนท่ี 1 สมรรถนะประจา สายงานครูผู้สอน มี 5 สมรรถนะ คือ สมรรถนะการจัดการเรยี นรู สมรรถนะการพัฒนาผู้เรียน สมรรถนะ การบริหารจัดการชั้นเรียน สมรรถนะการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และวิจัย และสมรรถนะการทางาน ร่วมกับชุมชน ส่วนท่ี 2 หลักการในการพัฒนาสมรรถนะประจาสายงานครูผู้สอน มี 5 หลักการ คือ หลักการมีส่วนร่วมของผู้รับการพัฒนา หลักการเรียนรูของผู้ใหญ่หลักการสนองความต้องการของผู้รับ การพัฒนา หลักการความยืดหยุนนของกระบวนการและวิธีการพัฒนา และหลักการความแต่กต่าง ระหว่างบุคคล ส่วนท่ี 3 กระบวนการพัฒนาสมรรถนะประจาสายงานครูผู้สอน มี 5 ขั้นตอน คือ การ สร้างความต้องการในการพัฒนา การวิเคราะห์ความต้องการในการพัฒนา การว่างแผนการพัฒนา การ ดาเนินการพัฒนา และการประเมินผลการพัฒนา 2) ผลการตรวจสอบรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 76 ประจาสายงานครูผู้สอนโดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า องค์ประกอบของสมรรถนะประจาสายงาน ครูผู้สอน มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในระดับมาก ด้านหลักการในการ พัฒนาสมรรถนะประจา สายงานครูผู้สอน มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในระดับมากเช่นเดียวกัน ส่วนด้าน กระบวนการพัฒนาสมรรถนะประจาสายงานครูผู้สอน มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในระดับมาก ท่ีสุด 3) ผลการทดลองใช้ปแบบการพัฒนาสมรรถนะประจาสายงานครูสอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า คณะครูผู้เขาร่วมการทดลองให้ความสนใจใช้รูปแบบมาก และผลการประเมินสมรรถนะประจา สายงานครูผู้สอนหลังการทดลองใช้ รูปแบบฯ สูงกว่าผลการประเมินก่อนการใช้รูปแบบฯ 4) ผลการ ประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูผู้สอนในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พบว่า ด้านความเป็นประโยชน อยู่ในระดับเป็นประโยชนมาก และด้านความถูกต้องเฉล่ยี อยู่ในระดับถูกต้องมากท่สี ุด วสันต์ ปานทอง (2556, 193-194) ศึกษารูปแบบการพัฒนาครูเพ่ือศิษย์ในสถานศึกษา สังกัด สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาครู เพ่ือศิษย์ในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ผลการวิจัยปรากฏ ดังน้ี 1) คุณลักษณะครูเพื่อศิษย์ในสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา ประกอบด้วย คุณสมบัติที่สาคัญ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านคณุ ธรรม มีคุณลักษณะ 12 ประการ ด้านการจัดการ เรียนรู้ มีคุณลักษณะ 15 ประการ ด้านความรู้และทักษะ มีคุณลักษณะ 12 ประการ ด้านเครือข่ายการ จัดการเรียนรู้ มีคุณลักษณะ 5 ประการ และด้านการมีข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะและทักษะผู้เรียน มีคุณลักษณะ 4 ประการ กระบวนการพัฒนาครูเพื่อศิษย์ในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษามี กระบวนการ 5 ข้ันตอน คือ วินิจฉัยความต้องการจาเป็น กาหนดจุดประสงค์ และขอบข่ายการพัฒนา กาหนดวิธีการพัฒนาดาเนนิ การพัฒนา และประเมินผลการพัฒนา ทั้งนี้มีปัจจัย ท่ีส่งผลต่อการพัฒนาครูเพ่ือศิษย์ 9 ปัจจัย คือ เจตคติต่อวิชาชีพครู ความรู้ทางวิชาชีพ แรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธ์ิ การพัฒนาตนเอง การจัดกระบวนการเรียนรู้ ภาวะผู้นาทางวิชาการ ทีมงาน วัฒนธรรมการ เรียนรู้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และวิธีการพัฒนามี 15 วิธี คือการฝึกอบรม การดูตัวอย่างโดยการฝังตัว การศึกษาจากคู่มือ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาตนเองให้มีหลักวิชา หลักคิด หลักปฏิบัติ การ พัฒนาตนเองโดยแสวงหา ความรู้รอบด้านแล้วสรุปข้อเท็จจริง การศึกษาความสาเร็จของผู้ร่วมงานและ เพ่ือนร่วมวิชาชีพ การจัดการความรู้ การเป็นท่ีปรึกษา การสอนงาน การเป็นพี่เลี้ยง การเป็นกัลยาณมิตร รทู้ กุ ข์ รู้สขุ กจิ กรรมการคุยกับเพ่ือนครูเพ่ือพัฒนาการเรยี นการสอน การเสวนาเป็นเนืองนิตย์สร้างกลุม่ ท่ี หลากหลายขยายสู่ชุมชน และกิจกรรมแลกเปล่ียน ภายในโรงเรียนและระหว่างโรงเรียนกับชุมชน 2) รูปแบบการพัฒนาครูเพ่ือศิษย์ในสถานศึกษา สงั กัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาที่ผู้วิจัย สร้างขึ้น มีองค์ประกอบสาคัญ 3 ส่วนคือ องค์ประกอบเชิงระบบ กระบวนการพัฒนา และระดับการ พัฒนา ในองค์ประกอบเชิงระบบน้ัน มุ่งสู่ผลผลิตซ่ึงเน้นคุณลักษณะครูเพ่ือศิษย์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการ ปฏิบัติตน ด้านความรู้ และทักษะ และด้านการปฏิบัติงานที่ส่งผลไปยังคุณลักษณะและทักษะผู้เรียน

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 77 ส่วนกระบวนการพัฒนาครูเพ่ือศิษย์ มี 5 ขั้นตอน คือ วินิจฉัยความต้องการจาเป็น กาหนดจุดประสงค์ และขอบข่าย กาหนดวิธีการพัฒนา ดาเนินการ พัฒนา ประเมินผลการพัฒนา และระดับการพัฒนาครู เพ่อื ศิษย์ 3 ระดับ ไดแ้ ก่ระดับบุคคล ระดบั กลุ่ม และระดับองค์การ 3) ผลการประเมินรูปแบบการพัฒนา ครูเพ่ือศิษย์ในสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา พบว่า มีความเป็นไปได้ใน การนาไปปฏบิ ัติอยู่ในระดบั มาก และมีประโยชนอ์ ยู่ในระดับมากที่สุด ใจทิพย์ ณ สงขลา และ ศิริเดช สุชีวะ (2557) ศึกษาการพัฒนาสมรรถนะครู การสอนด้วย เทคโนโลยีแท็บเล็ตผ่านกระบวนการฝึกสอนของ Classroom Innovative Action Research (CIAR) รัฐบาลไทยดาเนินนโยบายเทคโนโลยี “One Tablet Per Child” (OTPC) เพ่ือเตรียมความพร้อมให้ นักเรียนไทยก้าวสู่การเป็นพลเมืองโลกท่ีสามารถแข่งขันได้ เพ่ือเร่งความสามารถของครูกระบวนการ ฝึกสอน CIAR (Classroom Innovative Action Research) ได้รับการพัฒนาข้ึนเพ่ือบรรลุเป้าหมาย สูงสุดของสมรรถนะของครูและผลการเรียนรู้ของนักเรียน ได้แก่ 1) การประเมินโปรไฟล์ของครู 2) ความ สมบูรณ์ทางวิชาการ 3) ความท้าทายทางเทคโนโลยีในช้ันเรียน 4) การฝึกสอนแบบเพื่อน 5) การสะท้อน กลับ และ 6) การเผยแพร่ การออกแบบการวิจัยวิธีผสมถูกนาไปใช้ตลอดการศึกษาโดยมีรายละเอียด เก่ียวกับผลการวิจัยสะสมของโปรไฟล์และความสามารถของครูตลอดจนผลการเรียนรู้ของนักเรียน ผลการศึกษาน้ีช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการฝึกสอน CIAR จะเป็นโครงการพัฒนาวิชาชีพครูท่ีมี ประสทิ ธผิ ลในระดบั ประเทศ 2. งานวิจยั ตา่ งประเทศ ซว่าซี และ บลิกโน (Mswazie & Blignaut, 2019, 65) ได้ศึกษาการพัฒนาสมรรถนะของครู ผ่านการเรียนรู้ระบบทางไกลในซิมบับเว วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาน้ีคือ การศึกษาข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับประสิทธิผลของแนวทางการเรียนรู้ระบบทางไกล (ODLA) ผลการศึกษา พบว่า ครูหญิงท่ี เก่ียวข้องกับการศึกษามองว่า ODLA สามารถใช้งานได้หลายประการ ประการแรก ODLA ช่วยให้ครูใน ชนบทมีความยืดหยุ่นและโอกาสในการเปล่ียนอาชีพกลางคัน ประการท่ีสอง ODLA ช่วยให้ครูหญิงมี ความรู้ทักษะและความสามารถทางวิชาชีพใหม่ ๆ โดยไมเ่ ปน็ อปุ สรรคหรือภาระผูกพันในครอบครัวสังคม และการทางาน ประการท่ีสาม ODLA ถือได้ว่าคุ้มค่าในแง่ของการเข้าถึงความสามารถ ความพยายาม และการบริหารเวลา ซันดารี (Sundari, 2012, VIII) ศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถของครู การวิจัยน้ีมี วัตถุประสงค์ 4 ประการคือ 1) เพื่ออธิบายการพัฒนาความสามารถในการสอน 2) เพ่ืออธบิ ายการพัฒนา ความสามารถทางบุคลิกภาพ 3) เพื่ออธิบายการพัฒนาความสามารถทางสังคม และ 4) เพ่ืออธิบาย การพฒั นาความสามารถทางวิชาชพี ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าครูส่วนใหญ่ของ State Senior High School 2 Kebumen มีความเชี่ยวชาญในด้านการสอนความสามารถทางสังคมและความสามารถทาง

78 วิชาชีพ การพัฒนาความสามารถของครูมีข้ึนเพื่อตอบสนองความต้องการ 3 ประการ ได้แก่ 1) ความ ต้องการทางสังคมในการเพิ่มขีดความสามารถของระบบการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ และทางสังคม 2) ต้องหาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพทางสังคมและศักยภาพทางวิชาการ และ 3) ความต้องการ พัฒนาบุคลิกภาพ วิธีการพัฒนาความสามารถในการเรียนการสอนและความสามารถทางวิชาชีพ คือการ ส่งครูเข้าร่วมการสัมมนาการฝึกอบรมการฝึกอบรมในบ้านหลักสูตรและการฝึกอบรม และวิธีการพัฒนา ความสามารถส่วนบุคคลและความสามารถทางสังคมของครูคือ ขอให้ครูเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรียน กิจกรรมทางศาสนานอกบ้านการออกภาคสนาม และขอให้ครูช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจน มีปัญหาบาง ประการในการพัฒนาความสามารถ 1) ทัศนคติของครูท่ีไม่สนับสนุน 2) โครงสร้างพ้ืนฐานและสิ่ง อานวยความสะดวกไมเ่ พียงพอและ 3) เวลาท่ีจากดั ความพยายามในการจัดการกับปัญหาคอื ขอให้ครู ใช้ส่ิงอานวยความสะดวก E-Learning เพื่อขอให้ครูเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรียน เพื่อให้ตนเองมี สว่ นรว่ มในกิจกรรมทางศาสนาและเขา้ รว่ มในกจิ กรรมทางสังคม อินทิรา, เฮอร์แมนโต และ พราโมโน (Indira, Hermanto & Pramono, 2019, 350) การ พัฒนาความสามารถของครูในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 งานวิจัยนี้จัดทาขึ้นเพ่ือวิเคราะห์การเพิ่มขึ้น ของความสามารถของครูในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ได้นาไปสู่ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ท่ีส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการศึกษา ปัญหาครูมีความ หลากหลายมากขึ้นเม่ือเข้าสู่ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ครูต้องมีความสามารถในการเผชิญกับ การพัฒนาทางเทคโนโลยี ความพยายามในการปรับปรุงความสามารถของครูยังคงดาเนินต่อไปจากระบบ การสรรหาครูไปจนถึงความสามารถในการสอนนักเรียนให้มีวิธีคิดและมุมมองท่ีเหมาะสม เพ่ือตอบสนอง ความท้าทายในอนาคต บทความน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดเก่ียวกับความสามารถที่ครูต้อง ปรับปรุง ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความพยายามในการเพิ่มขีดความสามารถของครูในยุคปฏิวัติ อุตสาหกรรม 4.0 ได้ดาเนินการโดยการปรับปรุงระบบการสรรหาครู รูปแบบการพัฒนาความสามารถ ของครูท่ีลดลง การเพ่ิมประสิทธิภาพโปรแกรมการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง และการศึกษาบทเรียน ด้วยการสนับสนนุ การรู้หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทที่ 3 วิธีดำเนนิ กำรวจิ ัย การศึกษาเร่ืองรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 มีวัตถุประสงค์เพ่ือ ศึกษา 1) สมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 2) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษา ยุค 4.0 และ 3) ยืนยันความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ ความถูกต้องครอบคลุมของรูปแบบการ พัฒนาสมรรถนะครูรองรับการศึกษายุค 4.0 ซ่ึงเป็นการวิจัยที่ใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) ประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ในการดาเนินการวิจัยประกอบด้วยขั้นตอนการดาเนินการวิจัย และระเบียบ วิธีวจิ ยั ซ่งึ มรี ายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี ขั้นตอนกำรดำเนนิ กำรวิจัย เพ่ือใหการวิจัยดาเนินไปตามระเบียบวิธีวิจัย และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่ กาหนดไว้ ผู้วิจยั จงึ ได้กาหนดขน้ั ตอนการดาเนินการวิจัยออกเปน็ 4 ขัน้ ตอน ดังตอไปน้ี ขนั้ ตอนที่ 1 ศกึ ษำสมรรถนะครูเพอ่ื รองรับกำรศึกษำยคุ 4.0 การกาหนดตวั แปรสมรรถนะครูเพ่ือรองรบั การศึกษายุค 4.0 มวี ิธกี ารดาเนนิ การวจิ ยั ดังน้ี 1. ศึกษา วิเคราะห์ และสรุปวรรณกรรมเกี่ยวกับสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 ของนักวิชาการทง้ั ในประเทศ และต่างประเทศ 2. นาข้อมูลท่ีได้จากการศึกษาวรรณกรรมมาสังเคราะห์ โดยทาตารางไขว้แจกแจงความถี่ (Cross-tabs) โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) เพ่ือสรุปตัวแปรสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศึกษายุค 4.0 และนาไปสู่กระบวนการสรา้ งกระทงคาถามแบบสอบถามต่อไป ขนั้ ตอนที่ 2 ศกึ ษำตวั แปรรปู แบบกำรพัฒนำสมรรถนะครูเพ่อื รองรับกำรศกึ ษำยคุ 4.0 การกาหนดตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 มีวิธีการ ดาเนินการวิจยั ดังนี้ 1. ศึกษา วิเคราะห์ และสรุปวรรณกรรมเกี่ยวกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อ รองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ของนกั วชิ าการท้ังในประเทศและต่างประเทศ 2. นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวรรณกรรมมาสังเคราะห์ โดยทาตารางไขว้แจกแจงความถี่ (Cross-tabs) โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) เพ่ือสรุปตัวแปรรูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 และนาไปสู่กระบวนการสร้างกระทงคาถามแบบสอบถาม ตอ่ ไป

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 80 ขน้ั ตอนที่ 3 วิเครำะห์สมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบกำรพัฒนำสมรรถนะครูเพื่อรองรับ กำรศึกษำยุค 4.0 การวิเคราะห์สมรรถนะครู และตัวแปรปู แบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพือ่ รองรบั การศกึ ษายุค 4.0 มวี ิธกี ารดาเนินการวิจยั ดังนี้ 1. นาตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษา ยคุ 4.0 มาพัฒนาเปน็ เครอื่ งมือการวจิ ยั ในลักษณะแบบสอบถาม (questionnaire) 2. ตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือการวิจัย (แบบสอบถาม) โดยตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) ด้วยดัชนีความสอดคล้องที่เรียกว่า (IOC: Index of item objective congruence) ซง่ึ พจิ ารณาค่า IOC เฉพาะข้อที่มคี ่าระหวา่ ง 0.67-1.00 3. ทดลองใช้ (Try out) กับโรงเรียนต้นแบบท่ีไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างเดียวกับการวิจัยคร้ังนี้ จานวน 6 โรงเรียน โดยผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 5 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน และคุณครูผู้สอน จานวน 4 คน รวมทั้งสิ้น 30 คน วิเคราะห์หาค่าความเช่ือม่ัน (Reliability) ของแบบสอบถามด้วย การคานวณค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟ่า (Alpha Coefficient) ตามวิธีการของครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่น ของแบบสอบถามตอนที่ 2 เท่ากบั 0.968 และแบบสอบถามตอนท่ี 3 เท่ากับ 0.966 4. นาแบบสอบถามท่ีจัดทาสมบูรณ์ไปเก็บข้อมูลกับโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศึกษาจังหวัดราชบุรี และสมุทรสงคราม จานวน 196 โรงเรียน แล้ววิเคราะห์การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสารวจ (Exploratory Factor analysis) เพ่ือได้สมรรถนะหลักและสมรรถนะย่อยของครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครู เพ่ือรองรบั การศึกษายุค 4.0 ขนั้ ตอนที่ 4 กำรยนื ยันรูปแบบกำรพฒั นำสมรรถนะครเู พื่อรองรับกำรศกึ ษำยคุ 4.0 ผู้วิจัยนาตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 ไปถาม ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่านโดยวิธีการสัมภาษณ์เพ่ือยืนยันความเป็นไปได้ ความถูกต้อง และการนาไปใช้ ประโยชน์ ประกอบด้วย 1) รองศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ อินทร์รักษ์ อดีตหัวหน้าภาควิชาการบริหาร การศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร 2) รองศาสตราจารย์ ดร.มัทนา วังถนอมศักดิ์ หัวหน้าภาควิชาการ บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร 3) รองศาสตราจารย์ ดร.วิสุทธ์ิ วิจิตรพัชราภรณ์ ภาควิชาการ บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 3) รองศาสตราจารย์ น.ท. ดร.สุมิตร สุวรรณ ภาควิชาการ บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ 5) รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะนาถ บุญมีพิพิธ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา สถาบันเทคโนโลยีแหง่ สุวรรณภูมิ จากรายละเอียดขัน้ ตอนการดาเนินการวิจัยขา้ งตน้ สามารถสรุปเปน็ ตารางได้ดังน้ี

81 ตารางที่ 22 แสดงขั้นตอนการดาเนินการวิจัย ข้นั ที่ ลำดับขน้ั กำรดำเนินกำรวจิ ัย วิธกี ำร สถติ ทิ ่ใี ช้ ผลทไ่ี ด้ content ตัวแปรสมรรถนะครเู พื่อ ขัน้ ตอนท่ี 1 1. ศึกษา วเิ คราะห์ และสรปุ Document analysis รองรบั การศกึ ษายุค 4.0 ของนกั วชิ าการทัง้ ใน ศกึ ษาสมรรถนะ วรรณกรรมเก่ยี วกบั สมรรถนะครู analysis ประเทศและตา่ งประเทศ ครเู พ่ือรองรับ เพอ่ื รองรบั การศึกษายคุ 4.0 ของ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง การศกึ ษายุค 4.0 นกั วชิ าการทัง้ ในประเทศ และ ตา่ งประเทศ 2. สังเคราะหต์ ัวแปรสมรรถนะครู Content Frequency เพอื่ รองรับการศกึ ษายคุ 4.0 synthesis โดยทาตารางไขวแ้ จกแจงความถี่ (Cross-tabs) ข้ันตอนท่ี 2 3. ศกึ ษา วิเคราะห์ และสรปุ Document content ตัวแปรรูปแบบการ analysis พัฒนาสมรรถนะครเู พอ่ื ศึกษาตัวแปร วรรณกรรมเก่ยี วกบั ตวั แปรรูปแบบ analysis รองรบั การศกึ ษายุค 4.0 Frequency ของนักวิชาการทง้ั ใน รูปแบบการ การพัฒนาสมรรถนะครเู พ่อื รองรับ ประเทศและตา่ งประเทศ พัฒนาสมรรถนะ การศกึ ษายุค 4.0 ของนกั วิชาการ ครูเพอ่ื รองรบั ท้งั ในประเทศ และต่างประเทศ การศกึ ษายคุ 4.0 4. สงั เคราะหต์ ัวแปรรปู แบบการ Content พฒั นาสมรรถนะครเู พอ่ื รองรบั synthesis การศึกษายุค 4.0 โดยทาตารางไขว้ แจกแจงความถี่ (Cross-tabs) ขน้ั ตอนท่ี 3 5. การสรา้ งแบบสอบถาม สรา้ ง content แบบสอบถามตวั แปร analysis สมรรถนะครู วิเคราะหต์ ัวแปร (questionnaire) สมรรถนะครู แบบสอบถาม และตวั แปรรปู แบบการ สมรรถนะครู และ และรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ พัฒนาสมรรถนะครเู พ่ือ รองรบั การศกึ ษายุค 4.0 ตัวแปรรูปแบบ ครเู พอื่ รองรับการศกึ ษายุค 4.0 IOC เคร่อื งมอื การวจิ ัยผ่าน ตรวจสอบความตรงเชิง การพัฒนา เนื้อหา การวเิ คราะห์ เครือ่ งมือการวิจัยผ่าน สมรรถนะครเู พ่อื 6. ตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมือการ การตรวจสอบ ค่าสมั ประสทิ ธ์ิ การหาคา่ ความเชอื่ ม่ัน แอลฟา่ (Alpha รองรับการศึกษา วิจยั (แบบสอบถาม) คณุ ภาพ Coefficient) ยุค 4.0 เครือ่ งมอื 7. ทดลองใช้ (Try out) กับโรงเรยี น ทดสอบความ ทไี่ มใ่ ช่กลุ่มตัวอยา่ ง เช่ือมัน่ ของ เครอื่ งมือ

82 ตารางที่ 22 (ตอ่ ) ข้นั ที่ ลำดับขัน้ กำรดำเนนิ กำรวจิ ยั วิธกี ำร สถติ ทิ ่ีใช้ ผลท่ีได้ 8. นาแบบสอบถามไปเก็บข้อมลู กับ การวเิ คราะห์ (Exploratory องคป์ ระกอบรปู แบบ ขน้ั ตอนท่ี 4 ผู้บรหิ ารและครใู นโรงเรยี นสังกดั ข้อมลู Factor Analysis: การพัฒนาสมรรถนะ การยืนยัน สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา EFA) ครเู พ่อื รองรบั รูปแบบการ ประถมศึกษาจงั หวัดราชบุรี และ การศึกษายคุ 4.0 พัฒนา สมทุ รสงคราม จานวน 196 โรงเรยี น Percentage สมรรถนะครู 9. ผู้ทรงคณุ วุฒิ 5 ทา่ นยนื ยัน การยืนยนั รปู แบบการพฒั นา เพ่ือรองรบั รูปแบบการพฒั นาสมรรถนะครู ความเป็นไปได้ สมรรถนะครเู พ่อื การศึกษายคุ เพือ่ รองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 ความเปน็ รองรบั การศกึ ษายุค 4.0 4.0 ไดร้ บั การยืนยนั ประโยชน์ ความถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ประชำกรและกลุม่ ตวั อยำ่ ง ประชำกร ประชากรท่ีใช้ในการวิจัย คือ โรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัด ราชบุรี และสมุทรสงคราม จานวน 396 โรงเรยี น จาแนกเป็นโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา ประถมศึกษาจังหวัดราชบุรี เขต 1 จานวน 177 โรงเรียน โรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาจังหวัดราชบุรี เขต 2 จานวน 147 โรงเรียน และโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศึกษาจังหวดั สมทุ รสงคราม จานวน 72 โรงเรียน กลุ่มตวั อยำ่ ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ โรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดราชบุรี และสมุทรสงคราม จานวน 196 โรงเรียน ได้มาโดยการเปิดตารางกาหนดขนาดกลุ่ม ตัวอย่างของ เครจซ่ีและมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970, 607-610) จากน้ันทาการสุ่มแบบแบ่งชั้น โดยใช้สังกัดเขตพืน้ ทเ่ี ปน็ ช้ัน จาแนกเป็นโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาจังหวัด ราชบุรี เขต 1 จานวน 87 โรงเรียน โรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาจังหวัด ราชบุรี เขต 2 จานวน 72 โรงเรยี น และโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาจังหวัด สมุทรสงคราม จานวน 37 โรงเรียน โดยมีผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 4 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการ สถานศกึ ษา จานวน 1 คน และคณุ ครู จานวน 3 คน (รวมทงั้ สนิ้ 784 คน) ดงั ตารางท่ี 23

83 ตารางท่ี 23 จานวนประชากรและกลมุ่ ตัวอย่างทใ่ี ชใ้ นการวิจยั สงั กัด โรงเรียน ผใู้ ห้ข้อมลู รวม ประชากร กลมุ่ ตัวอยา่ ง ผ้อู านวยการ ครู 348 สพป. ราชบุรี เขต 1 292 สพป. ราชบุรี เขต 1 177 87 87 261 144 สพป. สมทุ รสงคราม 147 73 73 219 784 72 36 36 108 รวม 396 196 196 588 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง กำรสรำ้ งและพัฒนำเครอื่ งมือทใ่ี ช้ในกำรวจิ ยั กำรสร้ำงเครอ่ื งมอื วิจัย ผู้วิจัยได้ดาเนนิ การสรา้ งเครื่องมอื สาหรบั การวิจยั 2 ประเภท ดงั นี้ ประเภทท่ี 1 แบบสอบถามตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครู เพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ชนิดจัดอันดับ 5 ระดับ ใช้เก็บ ข้อมูลจากผูอานวยการ และครูสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดราชบุรี และ สมทุ รสงคราม มขี น้ั ตอนในการพฒั นาดงั น้ี 1. ศึกษาข้อมลู วรรณกรรม และเอกสารทางวิชาการท่ีเกีย่ วข้องกบั ตัวแปรสมรรถนะครู และ ตวั แปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรบั การศึกษายุค 4.0 ของนักวิชาการทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ 2. สังเคราะห์ตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับ การศึกษายุค 4.0 โดยทาตารางไขว้แจกแจงความถ่ี (Cross-tabs) จากน้ันนามาสร้างเป็นข้อกระทงคาถาม เปน็ แบบสอบถาม (Questionnaire) ชนิดจดั อันดบั 3 ระดับ คือ เห็นดว้ ย ไมแ่ น่ใจ และไมเ่ หน็ ด้วย 3. ตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือการวิจัย โดยตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ของแบบสอบถาม นาแบบสอบถามไปใหผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 3 คน ตรวจสอบด้วยเทคนิค IOC (Index of Objective Congruence) ปรับปรุง แก้ไขสานวนภาษาท่ีใช้ตลอดจนเน้ือหาให้สอดคล้อง กบั จุดประสงค์ 4. ทดลองใช้ (Try Out) เคร่ืองมือการวิจัย ผู้วิจัยนาไปทดลองกับโรงเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แต่มีลักษณะเหมือนกลุมตัวอย่างทุกประการ จานวน 6 โรงเรียน โรงเรียนละ 5 คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการสถานศึกษา จานวน 1 คน และครู จานวน 4 คน คิดเป็นแบบสอบถามจานวนท้ังส้ิน 30 ฉบับ ซง่ึ พิจารณาค่า IOC เฉพาะขอ้ ท่ีมีค่าระหวา่ ง 0.67-1.00

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 84 5. หาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของเครื่องมือวิจัย โดยรวบรวมแบบสอบถามที่ไดรับกลับคืน ท้งั หมด นามาหาค่าความเชอื่ มั่น โดยใช้การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α-coefficient) ตามวิธีการ ของครอนบาค (Cronbach) ไดค่าความเชื่อม่ันของแบบสอบถามตอนที่ 2 เท่ากับ 0.968 และ แบบสอบถามตอนท่ี 3 เท่ากับ 0.966 6. ปรับปรุงเครื่องมือการวิจัย เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ชนิดจัดอันดับ 5 ระดับ นาไปใช้สอบถามกลุ่มตัวอย่างต่อไป ประเภทท่ี 2 แบบสอบถามเพื่อยืนยันรูปแบบ (Confirmatory questionnaire) ผู้วิจัยนาผล การวิเคราะห์ข้อมูล มาสร้างแบบสอบถามยืนยันชนิดจัดอันดับ 2 ระดับ คือ ยืนยัน และไม่ยืนยัน เพื่อ ยืนยันรูปแบบถึงความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ ความถูกต้องครอบคลุม ของรูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครเู พื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 เครือ่ งมือท่ีใช้ในกำรวิจัย เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการวจิ ัยครัง้ น้ีประกอบด้วย 1. แบบสอบถาม (Questionnaire) ชนิดจัดอันดับ 5 ระดับ นาไปใช้สอบถามกลุ่มตัวอย่าง เก่ียวกับตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 โดยแบบสอบถามฉบับนแี้ บงออกเปน็ 3 ตอนคือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก เพศ อายุ ระดับการศึกษาสูงสุด ตาแหน่ง ประสบการณทางาน และสถานทท่ี างานปจั จบุ นั โดยกาหนดการตอบเป็นแบบเลือกตอบ (check list) ตอนที่ 2 การถามความคิดเห็นเก่ียวกับตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนา สมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 ซ่ึงประกอบด้วย ข้อคาถาม 122 ขอ เป็นแบบมาตราสวน ประเมนิ ค่า 5 ระดบั (5 Rating Scale) ตามแบบของ ไลเคอรท (Likert Scale) ดังน้ี ระดบั 5 หมายถึง เห็นด้วยกบั ตัวแปรสมรรถนะครรู องรบั การศกึ ษายุค 4.0 ในระดับ มากทสี่ ุด มคี า่ น้าหนักเทา่ กับ 5 คะแนน ระดับ 4 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรสมรรถนะครูในระดับมาก มีค่าน้าหนักเท่ากับ 4 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรสมรรถนะครูในระดับปานกลาง มีค่าน้าหนัก เทา่ กบั 3 คะแนน ระดับ 2 หมายถึง เห็นดว้ ยกบั ตัวแปรสมรรถนะครูในระดับน้อย มีค่าน้าหนักเท่ากับ 2 คะแนน ระดับ 1 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรสมรรถนะครูในระดับน้อยที่สุด มีค่าน้าหนัก เทา่ กับ 1 คะแนน

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 85 ตอนที่ 3 การถามความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับ การศึกษายุค 4.0 ซ่ึงประกอบด้วย ข้อคาถาม 116 ขอ เป็นแบบมาตราสวนประเมินค่า 5 ระดับ (5 Rating Scale) ตามแบบของ ไลเคอรท (Likert Scale) ดงั นี้ ระดับ 5 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศกึ ษายคุ 4.0 ในระดับมากทีส่ ดุ มีคา่ นา้ หนกั เท่ากบั 5 คะแนน ระดับ 4 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศึกษายคุ 4.0 ในระดับมาก มคี ่าน้าหนักเทา่ กบั 4 คะแนน ระดับ 3 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับ การศกึ ษายคุ 4.0 ในระดับปานกลาง มคี ่านา้ หนักเทา่ กบั 3 คะแนน ระดับ 2 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศกึ ษายุค 4.0 ในระดับน้อย มคี ่านา้ หนกั เทา่ กับ 2 คะแนน ระดับ 1 หมายถึง เห็นด้วยกับตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศกึ ษายุค 4.0 ในระดบั นอ้ ยทีส่ ุด มคี า่ น้าหนักเท่ากับ 1 คะแนน 2. แบบสอบถามเพื่อยืนยันรูปแบบ (Confirmatory questionnaire) ใช้เพ่ือยืนยันรูปแบบ การพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 เป็นแบบสอบถามชนิดจัดอันดับ 2 ระดับ คือ ยืนยนั และไมย่ ืนยัน ซงึ่ ประกอบด้วย ขอ้ คาถาม 7 ขอหลกั 116 ขอ้ ยอ่ ย ดังนี้ ระดับ 1 หมายถึง ยืนยันว่าตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศกึ ษายคุ 4.0 มคี า่ น้าหนักเท่ากับ 1 คะแนน ระดับ 0 หมายถึง ยืนยันว่าตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศกึ ษายุค 4.0 มีค่าน้าหนกั เท่ากับ 0 คะแนน กำรวิเครำะห์ข้อมูลและสถิติท่ีใช้ เพ่ือให้การวิเคราะห์ข้อมูลตรงตามวัตถุประสงค์การวิจัย ผู้วิจัยได้ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังน้ี 1. การวิเคราะห์เน้ือหา (content analysis) จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง โดย นาข้อมูลมาสรปุ เป็นตวั แปรที่ศึกษา 2. การวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษาสูงสุด ตาแหน่ง ประสบการณ์ทางาน และสถานที่ทางานปัจจุบัน โดยใช้การแจกแจง ความถ่ี (frequency) และค่ารอ้ ยละ (percentage) 3. การวิเคราะห์ตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับ การศึกษายุค 4.0 ใช้คา่ เฉลย่ี ( ) และสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

86 สาหรับเกณฑการวิเคราะห์ข้อมูลตัวแปรสมรรถนะครู และตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ ครูเพอื่ รองรับการศึกษายคุ 4.0 วิเคราะหข์ อ้ มลู ตามแนวคิดของ เบสท (Best) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ คา่ เฉล่ีย 4.50–5.00 หมายถงึ เห็นด้วยกบั ตวั แปรสมรรถนะคร/ู ตัวแปร รปู แบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพือ่ รองรับการศึกษายุค 4.0 ในระดบั มากที่สดุ คา่ เฉลี่ย 3.50–4.49 หมายถงึ เหน็ ด้วยกับตัวแปรสมรรถนะคร/ู ตวั แปร รปู แบบการพฒั นาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 ในระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 2.50–3.49 หมายถึง เหน็ ด้วยกบั ตวั แปรสมรรถนะคร/ู ตวั แปร รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับการศกึ ษายคุ 4.0 ในระดบั ปานกลาง คา่ เฉลี่ย 1.50–2.49 หมายถงึ เหน็ ด้วยกบั ตัวแปรสมรรถนะครู/ตัวแปร รูปแบบการพฒั นาสมรรถนะครูเพอ่ื รองรบั การศึกษายคุ 4.0 ในระดับน้อย คา่ เฉลี่ย 1.00–1.49 หมายถึง เห็นด้วยกับตวั แปรสมรรถนะคร/ู ตวั แปร รูปแบบการพฒั นาสมรรถนะครูเพอื่ รองรับการศกึ ษายุค 4.0 ในระดับน้อยทส่ี ุด 4. การวิเคราะห์ตัวแปรสมรรถนะครู/ตัวแปรรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับ การศึกษายุค 4.0 ด้วยสถิติการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสารวจ (Exploratory Factor Analysis: EFA) โดยใช้ โปรแกรมสาเร็จรูปสกัดปัจจัยด้วยวิธีวิเคราะห์องค์ประกอบหลัก (Principal Component Analysis: PCA) หมุนแกนแบบออโธกอนอลด้วยวิธีแวรีแมกซ ใช้เกณฑการคัดเลือกตัวแปรที่มีค่าน้าหนัก องค์ประกอบ (factor Loading) เท่ากับ 0.50 ข้ึนไป ในแต่ละองค์ประกอบตองมีตัวแปรบรรยาย องค์ประกอบนั้น ๆ ตั้งแต่ 3 ตัวแปรขึ้นไป และมีค่าความแปรปรวนของตัวแปรหรือค่าไอเกน (Eigen Value) เท่ากับ 1 ข้ึนไป และมีตัวแปรท่ีบรรยายแต่ละองค์ประกอบตั้งแต่ 3 ตัวข้ึนไป (Kerlinger & Pedhazur, 1973 quoted in D. Anthony Miles, 2010, 60) 5. การยืนยันตัวรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 ใช้การแจกแจง ความถี่ (Frequency) และค่ารอ้ ยละ (Percentage) มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล การศึกษาเร่ือง รปู แบบการพฒั นาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 มวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อ 1) ศกึ ษาสมรรถนะครูเพื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 2) ศกึ ษารปู แบบการพัฒนาสมรรถนะครูในการศึกษา ยุค 4.0 และ 3) ประเมนิ รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 ซ่ึงเปน็ งานวิจัยเชิง เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และงานวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ผู้วิจัยได้นํา ข้อมูลมาวิเคราะห์ละเสนอผลวิเคราะห์โดยใชตารางประกอบคําบรรยาย ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบงออก เป็น 5 ตอนดังน้ี ตอนที่ 1 สังเคราะห์ตวั แปรสมรรถนะครเู พื่อรองรับการศึกษายุค 4.0 ผู้วิจัยศึกษาการวิเคราะห์ข้อมูลเอกสารเก่ียวกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยในประเทศและ งานวิจัยต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะครูเพ่ือรองรับการศึกษายุค 4.0 ด้วยการวิเคราะห์ เน้อื หา (Content Analysis) ดงั น้ี มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

ตารางที่ 24 ตารางไขว้แจกแจงความถ่ี (Cross-tabs) ตัวแปรสมรรถนะครูเพื่อรองรับก ข้อ ตัวแปรสมรรถนะครูเพื่อรองรบั การศกึ ษายคุ 4.0 คณะกรรมการการ ึศกษาขั้น พื้นฐาน (2553) คณะกรรมการ ุค ุรสภา (2562) 1 การมุ่งผลสัมฤทธ์ิ ในการปฏบิ ตั ิงาน  2 การบรกิ ารที่ดี  3 การพัฒนาตนเอง  4 การทาํ งานเป็นทีม  5 จริยธรรม และ จรรยาบรรณวชิ าชพี ครู  6 การบริหารหลกั สตู ร  7 การพฒั นาผเู้ รยี น  8 การบริหารจดั การชน้ั เรียน  9 การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และ การวิจยั เพอ่ื พฒั นาผ้เู รียน  10 ภาวะผู้นาํ  11 การสรา้ งความสมั พันธ์ และความร่วมมอื กับชุมชน เพอ่ื การจดั การเรียนรู้  12 การจัดการเรียนรู้  13 ร่วมมือกับผู้ปกครองในการพฒั นาและแก้ปัญหาผู้เรยี นใหม้ ีคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 14 ประพฤติตนเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ี มคี ุณธรรม จริยธรรม และมีความเป็นพลเมือง ท่เี ข้มแขง็ มหา ิวทยา ัลยราช   

ช ครูเอเชียตะวันออกฉยี งใต้ การศกึ ษายุค 4.0 ภ (2018)  ฏั ครสู หภาพยโุ รป (2009) แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ในประเทศ และตา่ งประเทศ   ห ครูสหรฐั อเมริกา (2557) มครูออสเตรเลยี (2018)  บู่ า้ดงิ (Ding,2016) นซีเกอร์ (Zeiger, 2018) จอฉตั รชยั หวงั มจี งมี (2560) มเนสซิพบายวา บงึ(Nessipbayeva, 2012) มลู นธิ ิสยามกัมมาจล (2560) Wahyu, Indira, Hermanto and Pramono (2019) เอกชยั กส่ี ขุ พนั ธ์ (2559)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook