มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 254 1. การสำรวจน้อยที่สุด คือผู้รับคำปรึกษาหลีกเสี่ยงการเป็ดเผยความรู้สึกส่วนตัวที่แท้จริงต่อผู้ให้ คำปรึกษาอผู้ให้คำปรึกษา ในระดับนี้ผู้รับคำปรึกษาอาจไม่รู้สึกไว้วางใจความรู้สึกของตนเอง หรืออาจจะไม่ชอบ ตนเองมากพอทจ่ี ะกลา้ เสนอความร้สู ึกภายในแก่บคุ คลท่ีเพ่งิ ทำความรูจ้ กั ซ่ึงเปน็ เรอื่ งปกตขิ องการใหค้ ำปรกึ ษา 2. ผู้รับคำปรึกษาตอบสนองพูดคุยเรื่องของตนตามความไม่สบายใจที่ถูกซักถาม โดยทำไปตามหน้าที่แต่ ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จรงิ กรณีนี้ผู้ให้คำปรึกษาสามารถเรียนรู้และเข้าใจภาพลกั ษณ์ปจั จุบันของผู้รับคำปรึกษาได้ใน ระดับหน่งึ 3. ผรู้ บั การปกษาเริ่มเปิดเผยเรอื่ งของตนท่ีเกย่ี วข้องกับหัวเรือ่ งสนทนาด้วยตนเอง โดยไมต่ อ้ งรอใหถ้ ูกถาม แต่ยังมีท่าทีทางการ แสดงความรูส้ กึ เลก็ นอ้ ย เลา่ เรอ่ื งราวที่เคยพูดกบั ผู้อ่นื 4. ผู้รับคำปรึกษาเปิดเผยเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวพันกับหัวเรื่องที่หยิบยกมาสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ กล้าที่ จะเผชิญกับความรูส้ ึกในปจั จุบัน 5. ผ้รู บั คำปรกึ ษากลา้ ทีจ่ ะสำรวจความรสู้ ึกทอ่ี ยู่ภายใตค้ วามรู้สกึ ปัจจุบนั เร่ิมคนั พบความรูส้ ึกใหมเ่ กย่ี วกับ ตนและสถานการณ์ โดยผู้ให้คำปรึกษาควรให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสำรวจ โดยมีแนวทางดังนี้ กำหนดให้การสำรวจ ตนของผู้รับคำปรึกษาเป็นเป้าหมายขณะนั้น มีความเข้าใจเบื้องต้นว่าผู้รับคำปรึกษาในขณะนั้นอยู่ในระดับใดของ การสำรวจ ผู้รบั คำปรกึ ษามีแนวโน้มทจ่ี ะสำรวจเรอ่ื งสว่ นตวั เมอื่ ผใู้ หค้ ำปรกึ ษามีความเข้าใจและยับยง้ั ทัศนตติ ัดสนิ ประเมินสภาพที่เขาดำรงอยู่ในขณะนั้น ผู้รับคำปรึกษาจะค่อย ๆ เพิ่มระดับการสำรวจตนและแสดงอารมณ์ ตาม ธรรมชาติ เออื้ อำนวยต่อการเปิดเผยตน โดยแสดงความเชา้ ใจอย่างลกึ ซึ้ง และผใู้ หค้ ำปรกึ ษาพงึ ระมัดระวังไม่แสดง ท่าทีฉงน ตกใจ ไม่สบอารมณ์ ต่อเรื่องใด ๆ ที่ผู้รับคำปรึกษาเล่าให้ฟัง ควรมีอารมณ์ที่สงบนิ่ง และแสดงความเห็น อกเห็นใจหรือแสดงความเข้าใจ ซึ่งไม่ใช่ความสงสาร การแสดงความสงสารจะย่ิงเพ่ิมความรู้สึกลบที่ผู้รับคำปรกึ ษา มีตอ่ ตนเอง ในขั้นนี้เมื่อผู้รับคำปรึกษาได้ระบายเรื่องราวออกมาจะช่วยลดความตึงเครียด รู้สึกผ่อนคลายหลังจาก ร้องไห้ ผู้รับคำปรึกษาจึงรู้สึกสบายใจขึ้น การปรึกษาก้าวมาถึงจุดที่เริ่มเปิดเผยตนในระดับหนึ่ง ผู้รับคำปรึกษาจะ เกิดความรู้สกึ สบั สน ทั้งความรสู้ ึกสบายใจหลังจากเล่าเรือ่ งราวออกมา และความรู้สกึ ปวดรา้ วทต่ี อ้ งเผชญิ ต่อไป ไม่ แน่ใจว่าตนจะยอมรับเรื่องราวได้หรือไม่ และเมื่อเริ่มตระหนักถึงสาเหตุของปัญหา ทำให้สัมผัสถึงสิ่งที่ตนเองอาจ เคยปฏิเสธมาก่อน อาจทำให้เกิดการล้มเลิกการปรึกษากลางคันได้ ผู้รับคำปรึกษาจึงต้องการกำลังใจและการ สนับสนุน อธิบายให้เข้าใจว่าหลายคนจะรู้สึกกังวลเมื่อถึงกระบวนการนี้เช่นเดียวกัน โดยเมื่อผู้รับคำปรึกษาแสดง ความไม่สอดคล้องระหว่างตนและตนในอุดมคติ รวมถึงการเข้าใจกับพฤติกรรมของตนและประสบการณ์ ผู้ ให้ คำปรึกษาควรให้ผู้รับคำปรึกษาตระหนักถึงไม่สอดคล้องโดยอาศัยเทคนิคการถาม สอบซัก แทนการถามโดยตรง ผู้ให้การปรึกษาควรระวัง ไม่เร่งรีบ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อผู้รับคำปรึกษา การสำรวจภาพลักษณ์ของตนที่ไม่ ปรารถนา ผูร้ ับการปรกึ ต้องการการยอมรบั การเห็นดว้ ย และกำลังใจ ดังนั้นจึงตอ้ งทา้ ทายด้วยความออ่ นโยน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 255 สรุปในขั้นสำรวจตนผู้ให้คำปรึกษาตั้งเป้าหมายให้ผู้รับคำปรึกษาสำรวจภาพลักษณ์ของตน โดยมีความ เข้าใจในระดับการสำรวจตนตัง้ แต่นอ้ ยสู่มาก 5 ระดับ สร้างบรรยากาศให้ผู้รับคำปรึกษาได้ระบายเปิดเผย ยอมรับ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ใช้ทักษะการฟัง การสะท้อนที่เฉพาะเจาะจง ระมัดระวังท่าทีเมื่อรับฟังเรื่องที่คาดไม่ถึง หลังการ เปิดเผยตนในระดับหนึ่ง ผู้รับคำปรึกษาอาจมีท่าทีกังวลใจ ผู้ให้คำปรึกษาควรแสดงความเช้าใจ ให้กำลังใจ และรอ คอยความพรอ้ มท่ีจะกา้ วต่อไป การเปิดเผยตนจะครอบคลุมเรอื่ งต่าง ๆ รวมท้ังแสดงความไม่สอดคล้องระหวา่ งตน กับตนในอุดมคติ การเข้าใจหยั่งรู้กับพฤติกรรมตนและประสบการณ์ ผู้ให้คำปรึกษาควรใช้ทักษะการเผชิญหน้า อย่างอ่อนโยน โดยการใช้คำถามนำหรือสอบชัก ข้อมูลที่ได้รับจะช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนเกี่ยวกับผู้รับ คำปรึกษา นอกจากนย้ี ังอาจใช้ทกั ษะการแปลความ โดยเสนอแนะขอ้ มลู ที่มีความเป็นไปได้ 3. ขัน้ จัดการ/ดำเนนิ การกบั ปญั หา การจัดการกับปัญหา ต้องพยายามให้ผู้รับคำปรึกษาเกิดความเข้าใจใหม่ ต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า \"Working Through\" ซึ่งผู้เขียนจะใช้คำว่า \"จัดการ\" หรือ \"ดำเนินการ\" คือ การสลายการต่อต้าน ให้เกิดความ ตระหนักรู้ถึงประสบการณ์นอดีตว่ามีผลอย่างไรกับอารมณ์ความรู้สึกในปัจจุบัน ผู้รับการปรึกษาพัฒนาการมีสติรู้ เข้าใจความรู้สึกภายใน เข้าใจเหตุการณ์ภายนอก แสดงความรับผิดชอบต่อปัญหา การมีความเข้าใจถึงปัญหา ความรู้สึก และพฤติกรรม จะชักนำให้เกดิ การเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมตอ่ ไปมากข้นึ ในการจัดการผู้ให้คำปรึกษาควรตั้งเป้าหมายร่วมกับผู้รับคำปรึกษาที่ชัดเจน เจาะจงพฤติกรรม และใช้ ทักษะการฟัง การสะท้อน การเผชิญหน้า การแปลความ และเรียนรู้และมีพฤติกรรมใหม่ โดยผู้รับคำปรึกษาต้อง กระจ่างชัดในความรู้สึกของตนเอง และยอมรับความรู้สึกปัจจุบัน อิทธิพลที่มีผลกับสถนการณ์ปัจจุบัน ผู้ให้ คำปรึกษาจะใช้ทักษะต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาเข้าใจตนเอง เกิดความเข้าใจในปัญหาของตน แต่พึงระวังว่า ความเข้าใจไม่ใช่การจัดการกับปัญหา จึงไม่ควรยุติการให้คำปรึกษาเร็วเกินไปเพียงเพราะผู้รับคำปรึกษาเกิดความ เข้าใจแลว้ กระบวนการในขั้นตอนนี้ประกอบด้วยการนำความเข้าใจไปปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรม อาจเริ่มต้นดว้ ย การให้ความสำคัญกับส่วนของผู้รับคำปรึกษาที่มีศักยภาพมากกว่าส่วนอื่น เช่น ผู้รับคำปรึกษาเข้าใจบริบทที่ทำ ทงาน จึงเริ่มนำไปปฏิบัติที่ทำงานก่อน โดยการนำไปปฏิบัติให้การปรึกษาควรให้ความสำคัญกับการแสดง พฤตกิ รรมใหม่ ในเร่ืองทผี่ ้รู บั การปรึกษาเกดิ ความเข้าใจมากที่สุด เพือ่ เอ้ือใหพ้ ฤติกรรมใหม่มคี วามเป็นไปได้สูงที่จะ เกิดการเรียนรู้ไดส้ ำเร็จ ผู้ให้การปรึกษาอาจเป็นผู้เร่ิมนำกิจกรรมทีเ่ กิดจากประสบการณ์ของตนมาริเริม่ ให้ผู้รับการ ปรึกษากระทำ เพื่อเป็นตัวแบบให้ผู้รับการปรึกษาเหมือนกัน ผู้ให้การปรึกษาควรมั่นใจว่าสิ่งที่เรียนในห้องปรึกษา ถูกนำไปปฏิบัตินอกห้อง หรือถูกนำไปใช้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่ผู้ให้คำปรึกษา เพื่อการประเมินและนำมาร่วมกันกำหนด เป้าหมายของพฤติกรรมใหมอ่ ย่างเฉพาะเจาะจง เปา้ หมายเชิงพฤดกี ำหนดข้ึนน้ี ความถข่ี องพฤตกิ รรม สถานการณ์ และบคุ คลที่เกย่ี วข้อง ท้ังน้ีอาจเรม่ิ จากพฤติกรรที่ง่ายและมีโอกาสประสบความสำเรจ็ มากทส่ี ุด หลังจากน้ันจึงขยับ สูพ่ ฤตกิ รรมทมี่ รี ะดับความยากเพ่มิ ขนึ้ หากขนั้ ตอนการแสดงพฤตกิ รรมมกี ระบวนการที่ครบถ้วน ผรู้ ับการปรึกษามี โอกาสสูงที่จะเรียนรู้พฤติกรรมใหม่ ตัวแปรที่สำคัญอีกประการหน่ึงของการนำไปปฏิบตั ิ คือผู้ให้คำปรึกษาควรช้ีให้ ผู้รับการปรึกษาเห็นว่าปัญหาของเขาเกิดจากการมีทัศนคติที่ไม่เหมาะสม และการคงพฤติกรรมอย่างเดิม ๆ เม่ือ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 256 เกิดพฤติกรรมขึ้นแล้วผู้ให้คำปรึกษาต้องประเมินความสำเร็จของพฤติกรรม ซึ่งการกำหนดพฤติกรรมที่ชัดเจน จะ ช่วยให้ประเมินได้ชัดเจนขึ้น ช่วยทำให้ทราบว่าเทคนิคที่ใช้มีประสิทธิภาพเพียงใด ควรปรับหรือเปลี่ยนแปลง ประการใด ดังนัน้ หากไม่สำเร็จตอ้ งมีการต้ังเปา้ พฤตกิ รรมใหม่ และทบทวนเทคนคิ ทีใ่ ช้เพ่ือปรบั พฤติกรรมด้วย ผใู้ ห้ การปรึกษาควรสนับสนุนผู้รับการปรึกษาให้ดำรงชีวิตกับความเข้าใจ โดยพยายามแสดงพฤติกรรมใหม่ให้สำเร็จจะ ชว่ ยเสริมแรงการดำเนนิ ชีวติ ท่ปี รับเปลี่ยนไปจากเดมิ 4. ขัน้ ยตุ กิ ารให้คำปรึกษา หากขั้นต่าง ๆ ในการให้การปรึกษาผ่านมาได้อย่างราบรื่นและผู้รับคำปรึกษาทราบล่วงหน้ามาอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะยุติความสัมพันธ์ในการให้การปรึกษาแล้ว ขั้นนี้ไม่มีความยุ่งยาก จุดมุ่งหมายสำคัญของขั้นยุติ การใหก้ ารปรกึ ษาก็คือเพ่ือสรปุ สาระสำคัญในกระบวนการท่ีผา่ นมาและเพ่อื กลา่ วลา การยตุ ิการใหก้ ารปรกึ ษาเปน็ กระบวนการท่มี ีหนา้ ท่ี 3 ประการ ดังน้ี 1. ประเมินความพร้อมของผู้รบั คำปรึกษาในการยตุ คิ วามสมั พันธ์ในการใหก้ ารปรกึ ษา 2. เป็นการนำไปสกู่ ารจบความสมั พันธ์การให้ความชว่ ยเหลืออยา่ งเหมาะสม 3. ส่งเสริมให้ผู้รับคำปรึกษาพึ่งตนเองได้ และเพิ่มความมั่นใจในการคงไว้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลังจาก ความสัมพันธ์การให้ความช่วยเหลือจบสิ้นลงแล้ว ผู้ให้คำปรึกษาใหม่ๆ หรือผู้ให้คำปรึกษาฝึกหัด มักจะกังวลว่า เมื่อไรควรจะยุตกิ ารใหก้ ารปรกึ ษา วัชรี ทรพั ยม์ ี (2550) ระบุแนวทางท่คี วรยุติการใหค้ ำปรกึ ดังน้ี 1. ทงั้ ผใู้ หค้ ำปรกึ ษา และผรู้ บั คำปรกึ ษาเห็นพ้องกนั ว่าไดบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์แล้ว โดยเฉพาะได้ ตอบสนองความตอ้ งการของผ้รู ับคำปรึกษา จนเกดิ ความรสู้ ึกพงึ พอใจ 2. ผใู้ หค้ ำปรึกษามีการตกลงกับผู้รบั คำปรกึ ษาลว่ งหน้าวา่ จะยตุ กิ ารใหก้ ารปรกึ ษาเม่อื ใด และ ผู้รับคำปรึกษายอมรับตามกำหนดการนั้น ซึ่งผู้ให้คำปรึกษากับผู้รับคำปรึกษาพิจารณาแล้วว่าปัญหาทุกอย่าง คลี่คลายได้ 3. พฤติกรรมของผู้รบั คำปรึกษาแสดงใหเ้ หน็ วา่ เหมาะสมกบั การยุติการใหก้ ารปรึกษา เช่น ผูร้ ับคำปรึกษามที า่ ทางสดช่ืน สบายใจ มีสมั พนั ธภาพทีด่ กี บั คนรอบข้าง กระตือรือรน้ ในการทำงาน ร่วมกิจกรรม หรือปฏบิ ัตกิ จิ วัตรประจำวันได้ตามปกติ เปน็ ตน้ การยุติการให้การปรึกษาทำไดห้ ลายวิธี ทั้งแบบคอ่ ยเป็นค่อยไป หรือยืดระยะเว้นหา่ งแต่ละครั้งให้นานขน้ึ เช่นจากพบกันสัปดาห์ละครั้ง เป็นสองสัปดาห์ครั้ง เดือนละครั้ง เมื่อเห็นว่าผู้รับคำปรึกษาสามารถเป็นตัวของ ตัวเองได้มากพอ ผู้ให้คำปรึกษาจึงทำการยุติการให้การปรึกษา การสนทนาในขั้นยุติการให้การปรึกษาควรอยู่ใน ระดับของความคิด หรือการประเมิน ไม่ควรสนับสนุนให้มีการสำรวจความรู้สึกและหากผู้รับคำปรึกษาต้องการ ความชว่ ยเหลอื เก่ยี วกบั ปัญหาประเด็นใหม่ หากมีประเด็นควรนดั หมายการใหค้ ำปรึกษาใหม่เปน็ ครงั้ ถัดไปหรือแจ้ง ให้ผรู้ บั คำปรกึ ษาทราบถงึ โอกาสทจี่ ะพบกนั เปน็ ระยะ ๆ เพือ่ ติดตามการพัฒนาของผ้รู ับคำปรึกษา สิ่งจำเป็นอีกประการหนึ่งที่ผู้ให้คำปรึกษาควรย้ำให้ผู้รับคำปรึกษาเห็นความสำคัญ คือการพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องของผู้รับคำปรึกษา ภายหลังผ่านกระบวนการให้การปรึกษาจนปัญหาได้รับการแก้ไขจนเกิดความ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 257 สบายใจ สามารถจัดการกับปัญหาได้ด้วยตนเอง ในผู้รับคำปรึกษาบางคนอาจเกิดความวิตกกังวลที่ต้องเผชิญ เรื่องราวต่าง ๆ โดยลำพัง เพื่อลดความรู้สกึ น้ีผู้ให้คำปรึกษาควรร่วมกันตกลงร่วมกันในการกำหนดวันให้คำปรึกษา คร้งั สดุ ท้าย และไม่ควรยดื ยาวตอ่ ไปเนอ่ื งจากอาจเกดิ ภาวะพึง่ พิงได้ 11. ทักษะการให้คำปรกึ ษา ในการให้คำปรึกษาประกอบด้วยทกั ษะต่าง ๆ ซึ่งทักษะ คือความสามารถ ความชำนาญของบุคคล ในการ นำทักษะนน้ั ๆ มาใชเ้ ปน็ เคร่ืองมอื สำคัญในการช่วยเหลอื ผูร้ ับคำปรึกษาไดม้ ากขึ้น และนำไปสู่การไวว้ างใจและเกิด ความร่วมมือ ทัศนคติในการใหค้ ำปรกึ ษาที่ดี สามารถเข้าใจปัญหา ความคิด ความต้องการของตนเอง และร่วมกัน หาแนวทางที่เหมาสมกับตนเองได้ โดยในส่วนนี้จะนำเสนอทักษะการให้คำปรึกษาที่นิยมใช้ในการให้คำปรึกษา เบื้องต้น และเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการให้คำปรึกษา ดังนี้ (Kotler & Brew, 2003 ; Nuytul, 2003 ; ดวงมณี จงรักษ์ , 2556 ; วชั รี ทรัพยม์ ี , 2556) 1. ทกั ษะการการฟงั อยา่ งต้งั ใจ (Active Listening) ทักษะการฟังมีบทบาทที่สำคัญในขั้นตอนของการให้คำปรึกษา การฟังเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้รับ คำปรกึ ษาเล่าเรือ่ งราวที่เกิดขน้ึ ร้สู ึกวา่ ถูกเข้าใจโดยผ้ฟู งั การฟังเปน็ กระบวนการซบั ซ้อนที่ประกอบด้วยทักษะย่อย ได้แก่ การเอาใจใส่ต่อภาษพูดและท่าทีที่แสดงออก ช่วยให้ผู้รับคำปรึกษามีอิสระ กล้าเปิดเผยเรื่องราวมากขึ้น นำไปสู่การเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้รับคำปรึกษา และตอบสนองด้วยท่าทีที่เหมาะสม โดยการเอาใจใส่ต่อภาษาพูด และท่าทาง ต้องฟังให้ได้ครบ 3 มิติ คือ พฤติกรรม ความคิดและความรู้สึก นั่นคือฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าผู้รับ คำปรึกษามีพฤติกรรมอะไร อย่างไร มีความคิดหรือทัศนคติต่อสิ่งทีเ่ กิดขึ้นอย่างไร และมีความรู้สึกเช่นไรต่อเรื่องที่ เกิดขึ้น โดยเรื่องราวทั้ง 3 มิติต้องครอบคลุมผู้รับคำปรึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการสังเกตภาษากายหรือภาษา ท่าทาง ผู้ให้คำปรึกษาต้องสังเกตภาษากายที่สื่ออกมา ซึ่งได้แก่ การแสดงออกบนใบหน้า อากัปกิริยา การ เคลื่อนไหวของร่างกาย การวางตัว ทิศทางการสอบสายตา ระยะห่างของพฤติกรรม ลักษณะภายนอก การออก เสยี งท่ีไมใ่ ช่ภาษาพูด 2. ทักษะการตัง้ คำถาม (Questioning) ทักษะการตั้งคำถาม เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยในกระบวนการให้คำปรึกษาหลายอย่าง เช่น ช่วยในการ เริ่มต้นการสนทนา การเข้าสู่ประเด็น การขยายความ เมื่อต้องการทราบข้อมูลที่เจาะจง หรือต้องการความชัดเจน หรือต้องการเน้นเรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่ง การตั้งคำถามนอกจากช่วยให้ทราบข้อมูลต่างๆ แล้วยังช่วยส่งเสริมการ สำรวจและเข้าใจตนเอง รวมทั้งการกำหนดเป้าหมาย สำหรับข้อที่พึงระมัดระวังในการตั้งคำถาม ควรละการใช้คำ วา่ ทำไม เนอื่ งจากจะทำให้ผรู้ บั คำปรกึ ษาหาเหตุผลมาสนับสนุนตนเองมากกวา่ สง่ เสรมิ ให้เกิดการสำรวจตนเอง โดยมีแนวทางในการถามคำถามคอื ควรกำหนดวตั ถปุ ระสงค์ของการถามวา่ ตอ้ งการข้อมลู แบบใดจากผู้รับ คำปรึกษาแล้วการตั้งคำถาม ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือการถามเปิดและการถามปิด การถามเปิด เมื่อต้องการให้ผู้รับ คำปรึกษาได้พูดเลา่ ความรู้สกึ หรือเรอื่ งราวของเขาอย่างอสิ ระ มักจะลงท้ายประโยคดว้ ย “อะไร อยา่ งไร” และการ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 258 ถามเปิด เมื่อต้องการคำตอบสั้นและเฉพาะเจาะจงมักจะลงท้ายประโยคด้วย “ ไหม เหรอ หรือไม่ หรือยัง รึ เปล่า ” โดยทั่วไปแล้วผูใ้ ห้คำปรึกษาควรใช้คำถามแบบเปิด เพื่อเปิดโอกาสให้ผูร้ บั คำปรึกษาได้ตอบตามที่ต้องการ อย่างเต็มที่ และจะช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาไม่รู้สึกว่าถูกซักถามมากเกินไป จากการถามแบบปิด เพราะได้ข้อมูลน้อย ผู้ให้คำปรึกษาต้องถามบ่อยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ และฟังคำตอบโดยรายละเอียดก่อนแล้วจึงตั้งคำถาม เพื่อ รวบรวม สำรวจข้อมูล แตไ่ ม่ควรถามคำถามมากเกินไป อาจส่งผลเสียตอ่ การใหค้ ำปรกึ ษาและได้รับการต่อตา้ นได้ 3. ทกั ษะการสะทอ้ น (Reflection of Feeling) การสะท้อนความรู้สึก หรืออาจเรียกว่าการทวนความ สามารถใช้เมื่อได้ฟังเรื่องราวมาแล้วประมาณ ช่วงหนึ่ง จับความรู้สึกของผู้รับคำปรึกษา เพื่อสะท้อนให้ผู้รับคำปรึกษาทราบถึงความคิด และความรู้สึกได้เห็น เด่นชัดขึ้น โดยการนำเรื่องราวมาเรียบเรียงเรื่องราวที่ผู้รับคำปรึกษาเล่าให้ฟัง ตรวจสอบความเข้าใจในเรื่องราว และให้เกิดความตระหนกั ในความร้สู กึ ของตนเอง อีกท้งั ชว่ ยในเร่อื งสมั พันธภาพเนอ่ื งจากแสดงถึงความใส่ใจในการ รับฟัง และเปิดเผยเรื่องราวของตนเอง และลดความรู้สึกที่หนักให้ทุเลาลง โดยการสะท้อนสามารถแบ่งได้เป็น 2 ทักษะย่อย คือ การสะท้อนข้อความ (Reflecting Content) และการสะท้อนความรู้สึก (Reflecting Feeling) อธบิ ายไดด้ ังนี้ การสะท้อนข้อความ เสมือนการเรียบเรียงถ้อยคำใหม่ เมื่อผู้รับคำปรึกษาเล่าเรื่องมาซักครู่หนึ่ง จึงเรียบ เรียงคำพูดที่แสดงความใกล้เคียงกับผู้รับคำปรึกษาเพื่อแสดงความเข้าใจในเรื่องนั้น และเปิดโอกาสให้ผู้รับ คำปรกึ ษาแก้ไขความเขา้ ใจของตนด้วยการเรียบเรียงที่สน้ั ขน้ึ กระชับ โดยใชค้ ำทผ่ี ู้รบั คำปรึกษาพูดและหาคำอน่ื ให้ กระชบั มากขนึ้ การสะท้อนความรู้สึก หมายถึงการสะท้อนให้ทราบว่าผู้ให้คำปรึกษามีความเข้าใจต่อความรู้สึกของผู้รับ คำปรึกษาอยา่ งไร การสะทอ้ นความรู้สึกยงั แสดงซึ่งความเข้าใจในตัวผรู้ บั คำปรึกษาอย่างลกึ ซ้ึง ขนั้ ตอนการสะท้อน ความรู้สึก คือ การฟังเรื่องราวเพื่อจับใจความรู้สึก โดยต้องมีความไวต่อความรู้สึกของผู้รับคำปรึกษา และเลือกคำ ที่มีความเหมาะสมกับความรู้สึกที่สุดสื่อออกมาให้ผู้รับคำปรึกษาทราบและค้นหาความหมายของความรู้สึก และ สาเหตุ ในการสะท้อนความรู้สึกควรตอ้ งระบสุ าเหตุที่ทำใหเ้ กิดความรูส้ กึ จะชว่ ยใหผ้ รู้ ับคำปรกึ ษาเข้าใจความตวั เอง มากข้นึ 4. ทักษะการสรุป (Summarizations) การสรปุ ความ เป็นการรวบรวมใจความสำคัญท้ังหมดของความคดิ อารมณ์ ความร้สู กึ ของผ้รู บั คำปรกึ ษา ที่เกิดขึ้นในระหว่างให้คำปรึกษาหรือในแต่ละครั้ง โดยใช้คำพูดสั้น ๆ ให้ได้ใจความสำคัญทั้งหมด เพื่อย้ำประเด็น สำคัญให้มีความชัดเจน และผู้รับคำปรึกษาเข้าใจเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเอง และสนทนากันได้อย่างถูกต้อง ตรงกันและได้ใจความที่ชัดเจน โดยการสรุปอาจมีการสรุปเมื่อสิ้นสุดการปรึกษาในแต่ละครั้ง ต้องการเปลี่ยน ประเด็นไปสู่เรื่องอื่น ผู้รับคำปรึกษารู้สึกท่วมท้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรวบรวมเรื่องราวที่ดำเนินการมาแล้ว ซ่ึง สามารถสรุปได้ทงั้ ผ้ใู หค้ ำปรกึ ษา และมอบหมายให้ผู้รับคำปรกึ ษาสรปุ ได้เช่นกัน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 259 5. ทักษะการเงียบ (Silence) ในระหว่างการให้การปรึกษาหรือกระบวนการให้คำปรึกษาอาจมีช่วงจังหวะหนึ่งที่ผู้รับคำปรึกษาผู้รับ คำปรึกษาไม่พูดอะไร เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทบทวนความคิดหรือความรู้สึกของตนเอง หรือประมวลเรื่องราวต่าง ๆ และจดั การกบั ความร้สู ึกภายใน (เช่น ความโศกเศรา้ เสียใจ ประสบการณ์ ) ก่อนทีจ่ ะเร่ิมตน้ การพดู คุยอกี คร้งั การ เงียบเป็นช่วงระยะเวลาระหว่างการปรึกษาทีไ่ ม่มีการสื่อสารด้วยวาจาระหว่างผู้ให้คำกับผู้รับคำปรึกษา แต่ยังคงมี การสื่อสารทางอารมณ์และความรู้สึก ช่วงเวลาในการเงียบอาจนานประมาณ 30 วินาที – 1 นาที และหลังจากน้นั จึงกระตุ้นให้ผู้รับคำปรึกษาพูดความรู้สึกหรือความคิดขณะนั้น โดยการเงียบไม่ใช่เรื่องที่ผิด และไม่สามารถผิดขึ้น ได้เนื่องจากการเงียบมีประโยชน์ในการให้เวลากับผู้รับคำปรึกษาได้ทบทวน อยู่กับตนเองซักครู่ โดยผู้ให้คำปรึกษา ยังคงเฝ้ารอผู้รับคำปรึกษาอยู่ข้างๆ ทำให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจ เชื่อใจในกระบวนการให้คำปรึกษาขึ้น ไม่ควรพดู เพื่อลดความรู้สึกอึดอัดของผู้ใหค้ ำปรึกษาที่ทนให้มีการเงยี บเกิดขึ้นในระหว่างการสนทนาไม่ได้ ให้อดทนต่อความ เงียบและใช้การเงียบให้เป็นประโยชน์ในการให้คำปรึกษา เพราะการฟังผู้รับคำปรึกษาอย่างสงบ หรือนั่งอยู่กับเขา เงียบ ๆ เมื่อผู้รับคำปรึกษามีสภาพอารมณ์ที่รุนแรง เช่น โกรธมาก เสียใจมาก ร้องไห้ เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ แสดงอารมณ์อยา่ งเต็มที่ 6. ทักษะการทา้ ทาย (Confrontation) การท้าทายมักสื่อความหมายในทางลบ ในการให้คำปรึกษาการใช้ทักษะนี้ได้ดี คือ การท้าทายอย่าง อ่อนโยนและอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ให้ผู้รับคำปรึกษารู้ตัว ไม่ทันสังเกต โดยสะท้อนความไม่สอดคล้องเพื่อให้ ผู้รับคำปรึกษาสังเกตเห็น ดังนั้น ดังนั้นผู้ให้คำปรึกษาจึงทำหน้าที่ชี้ให้ผู้รับคำปรึกษาได้รับรู้ถึงการบิดเบือนของ ตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ควรกระทำกับตัวบุคคล แต่ท้าทายพฤติกรรมของบุคคลแทน นั่นคือระบุพฤติกรรมที่ สังเกตเหน็ และชถ้ี ึงความไม่สอดคลอ้ งของสง่ิ ต่อไปน้ี 1. ระหวา่ งส่งิ ทพี่ ดู ในขณะนก้ี ับสงิ่ ท่ีพูดกอ่ นหนา้ น้ัน เช่น \"แต่กอ่ นคุณเคยพดู คยุ กันสม่ำเสมอ แต่ตอนนี้คุณ กำลงั บอกว่าไมไ่ ด้คยุ กันเลย” 2. ระหว่างสิ่งที่กำลังพูดกับสิ่งที่แสดงออก เช่น \"คุณบอกว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แต่ตอนที่คุณพูดฉัน สังเกตเห็นในตาคุณมนี ำ้ เออ่ ล้นอย\"ู่ 3. ระหว่างสิ่งที่บอกวา่ ต้องการหรอื ปรารถนากับสิ่งที่กำลังกระทำ เช่น \"ดิฉันไมแ่ น่ใจว่า เพราะคุณบอกว่า คุณต้องการจะออกกำลังเพื่อคุณบอกว่าจะทำให้คุณสบายใจและสุขภาพแข็งแรง แต่คุณบอกว่าอาทิตย์ที่แล้วคุณ ออกกำลงั กายเพียง 1 ครัง้ \" 7. ทักษะการแปลความ เมื่อสนทนาได้ซักพักหนึ่ง จนผู้ให้คำปรึกษาสามารถตั้งสมมติฐานของประเด็นในการพูดคุยเกี่ยวกับผู้รับ คำปรึกษาได้แล้วนั้น เทคนิคการแปลความจะถูกนำมาใช้ โดยการเสนอข้อสังเกตต่อผู้รับคำปรึกษา เพื่อส่งเสริมให้ เกิดความเข้าใจตนเองได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น โดยเฉพาะความหมายของการแสดงออกซึ่งปัญหาการแปลความ กระทำไดห้ ลายระดบั ดงั นี้
260 1. ระดับเปิดเผยแรงจูงใจใต้สำนึกและความปรารถนา เช่น \"บางทีคุณก็ไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะคณุ กลวั ไม่ได้รบั การยอมรบั และคุณคิดวา่ ความคดิ ของคณุ ยงั ไม่ดีพอ” 2. ระดับเชื่อมโยงพฤติกรรมปัจจุบันกับพฤติกรรมในอดีต เช่น \"คุณต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อทำให้ ตนเองสามารถสอบผา่ น และมีงานดดี ีแบบท่ีคุณต้องการ ทำให้ฉันคิดถึงวยั เดก็ ท่ีคุณเคยสอบไม่ผา่ นมากอ่ น” 3. ระดับการเน้นเนื้อเรื่องหลักและสัญลักษณ์ที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรม เช่น \"บางทีที่คุณชอบทะเลาะกัน เรื่องใครเป็นคนซื้ออาหารเข้าบ้านในแต่ละวัน เป็นสัญลักษณ์เชิงการดิ้นรนเพื่อเปน็ ผู้ควบคุมสัมพนั ธภาพ คุณเองก็ เพ่ิงเล่าว่ายังทะเลาะกันเรื่องอื่น ๆ อกี เชน่ ใครจะเปน็ คนชับรถ เวลาทไี่ ปด้วยกนั 2 คน\" แมว้ า่ ภาระการแปลความจะเป็นหนา้ ท่ขี องผู้ใหค้ ำปรกึ ษา แตผ่ ใู้ ห้คำปรกึ ษาหลายคนนิยมขอความรว่ มมอื ให้ผู้รับคำปรกึ ษาช่วยแปลความ เพื่อใหผ้ รู้ บั คำปรกึ ษาได้ตระหนักถึงเรอ่ื งราวทเ่ี กิดขึน้ และคน้ หาความรูส้ ึกตนเอง และตีความออกมาดว้ ยตนเอง 8. ทักษะการให้ข้อมลู (Giving Information and Advising) การให้ข้อมูลเป็นการสื่อสารทางวาจาเกี่ยวกับข้อมูลหรือรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่ผู้รับคำปรึกษา และการใหค้ ำแนะนำเป็นการชี้แนะแนวทางปฏิบตั ิในการแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้รับคำปรึกษา ในหลายโอกาสทีป่ ัญหา เกิดขึ้นเพราะผู้รับคำปรึกษาไม่มีความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นผู้ให้การปรึกษาต้องแสดงบทบาทเสมือนเป็นผู้ให้ ข้อมลู เพอ่ื ให้ความรู้ ขอ้ มูลและรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ท่จี ำเปน็ แก่ผรู้ ับคำปรึกษาเกิดความเขา้ ใจปญั หาของตนเองและ ใชป้ ระกอบการตัดสนิ ใจ เชน่ ปฏกิ ิริยาทางอารมณเ์ ปน็ ผลจากรูปแบบของการคิดอย่างไร ผลระยะสัน้ และระยะยาว ของการใช้สารเสพติดบางอย่าง ข้อมูลพื้นฐานเรื่องการสัมภาษณ์ ความเครียดเป็นผลจากการดำเนินชีวิตที่ไม่ เหมาะสมออย่างไร ตัวอย่างการตัดสินใจอย่างเป็นระบบ การวางแผนอย่างเป็นระบบในการลดน้ำหนัก แนะนำ แนวทางในการช่วยเหลือ แต่ข้อควรคำนึงในการใช้ทักษะนี้คือ จะต้องกระทำเสมือนไม่ใช่เป็นการสั่งสอน ข้อมูล บางเรอ่ื งถ้าผรู้ บั คำปรึกษาสามารถค้นหาไดเ้ อง ผ้ใู หค้ ำปรึกษาควรทำหน้าที่เพียงแจง้ แหลง่ ข้อมลู แทนทีจ่ ะนำเสนอ แก่ผู้รบั คำปรกึ ษาโดยตรง ทงั้ น้ีเพื่อเป็นการฝึกให้ผ้รู บั คำปรกึ ษาเรยี นรู้ท่จี ะคันหาข้อมูลอนื่ ๆ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
261 ใบกิจกรรมที่ 1 คำชี้แจง ให้นกั ศึกษาแบง่ กลุม่ แลว้ ใหศ้ กึ ษาทำความเข้าใจในหัวข้อ “1.ทฤษฎกี ารใหค้ ำปรกึ ษาแบบผู้รบั คำปรกึ ษา เป็นศนู ยก์ ลาง 2.กระนวนการให้คำปรึกษา และ 3.เทคนิคการใหค้ ำปรกึ ษา” จากนนั้ สรปุ ลงในกระดาษฟลิปชาร์ท ตกแต่งใหส้ วยงาน และ นำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
262 เอกสารอา้ งองิ Corey, G., Corey, M. S., & Callanan, P. (1998). Issues and ethics in the helping professions. Thomson Brooks. Corey, G. (2015). Theory and practice of group counseling: Cengage Learning. California: Brooks Cole. Hansen, J. C., Stevic, R. R., & Warner, R. W. (1982). Counseling: Theory and process (Vol. 23). Allyn & Bacon. Nystul, T. G., Goldmark, J. P., Padilla, P. A., & Roth, M. B. (2003). Suspended animation in C. elegans requires the spindle checkpoint. Science, 302(5647), 1038-1041. Seligman, M. E., & Pawelski, J. O. (2003). Positive psychology: FAQS. Psychological Inquiry, 159- 163. แกว้ ตา ผู้พฒั นพงศ.์ (2561). การใหค้ ำปรึกษาและแนะนำ HRM4317 (HR413). กรงุ เทพมหานคร : สำนกั พมิ พ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. ดวงมณี จงรักษ์ , 2556. ทฤษฎีการให้การปรึกษาและจิตบำบัดเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพ์สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยไี ทย-ญปี่ นุ่ . ธรี พฒั น์ วงศ์คุม้ สนิ . (2560). จติ วทิ ยาการใหค้ ำปรึกษา. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ ผ่องพรรณ เกิดพิทักษ์. (2554). การเปรียบเทียบทฤษฎีการให้การปรึกษาและการพัฒนาแนวปฏิบัติในการให้การ ปรกึ ษา. นนทบรุ :ี สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. มัลลวรี ์ อดุลวฒั นศิร.ิ 2554. เทคนิคการใหค้ ำปรึกษา : การนำไปใช.้ ขอนแก่น : โรงพมิ พค์ ลังนานา. วัชรี ทรัพยม์ .ี (2556). ทฤษฎใี ห้บรกิ ารปรกึ ษา. พมิ พค์ ร้ังที่ 7. กรงุ เทพมหานคร.โรงพิมพจ์ ฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั วชั รี ทรพั ยม์ .ี (2550). กระบวนการปรกึ ษา ขน้ั ตอน สัมพนั ธภาพ ทักษะ. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
lilrrrrril : l r:.r'u E fuR tllto n ilt: l\"t t n t: I i:1 n r n r : r.r fi sr n' r : t o r-t fl I : il : fl o u r't't : fl o u E tu n I vl iq tr) d 1r11 1111Uln U:lYR0v {1Jlu i 0lJu r. {o1ardo.rffu rr rora t Iu:ii'rtd..... 081-884-0255 aire ครศุ าสตร์ 5i o-flila (nYltojUu ) อาจารยต์ น้ สาย แก้วสวา่ ง n/ rondr:il:vno!r-tt:dou dlxriT-r กลมุ่ วชิ าจิตวทิ ยาและการแนะแนว มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง il:vmmrondt: ! sir:r r:0 {....จ..ติ วทิ ยาสําหรบั ครู z. ru a nr:lt lt5 rulq iuil lvlto n d]:11''l.11{lnl: sJOilnglrRlvl v v 110teril0tluv xI oau 5 nJltuu il1n rJru v u0u il'tn uou ?1il91 ?tdfl n0t'l I {32 firutfiortat:v I a:ufrrun rr rirot'uto: ttti'lt / 2 rl v i 9l llJl'l v4 Ylfl lT I rlsl 0 d r'l'l / drq / ) ?1U dlJ tJrraS r! u 1J o ! lJU / y. I fl0fltrvt, fl,.14 i lu1i ux 0.lrytfluu Rt:tluu nr! l, v9, 9, 1 / / 111 t14 0lUtl1 L0.llu hv-l e j t y - ly / IJ t u / tr 0 lI 11 lL Yl l-t tr rlu(r : i ; lt I 1 u .l / r-r r n ii1Fl L rtn n u a l 0 / a :Y a I Ya 36 n 1, I lJ UU 0 I .l 0't r r n 3 1J : : ill !n : 0 il F] 0'l fl 1 lJ H,0 r-1 ? T l! IT nr:1ffr.J:vluvri s tI1l: J levu tunls rt uun l: fl 0u ta U tUYl It9 a! : : r-ll: U0 lJ: l.l ? Tln :l0 d r! \"r: 0 d r'hl 1 o oir r ru ri I n I l.t iv r,r t n il,' i f, :-llJflrlr1.1U lY0lUilfilr'l]Y{ fl!iluud9.':dn 50 irlrruu tr -.+5 -(o 6rrn tr .+o-1-r 6 ! ie/ io - ilnr,rnx no1# tr re2,i - #ou D ro -:,r rioulion
2 tv^0l6f U0llU rlyllltFl lI ควรเพิ�มเนื�อหาเก�ยี วกับความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล การศึกษารายกรณี การคดิ การจงู ใจ บคุ ลกิ ภาพ สุขภาพจติ และการปรบั ตวั และการบรหิ ารจดั การชัน� เรยี น เพอ�ื ใหค้ รอบคลมุ และสอดคลอ้ งกบั คาํ อธบิ ายรายวชิ าใน มคอ. 2 i wn{ tfr u iuirsir : tu3 o r o r-t d t : rl ; ; rr o u n 1 T d o u 1J o I อาจารยต์ น้ สาย แก้วสวา่ ง 15 0 .l .จ...ิต...ว..ทิ . ยาสําหรบั ครู il n ru,, rvr a ru d t ;irj i vrl'u1i มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ay ผศ.ดร.พาสนา จุลรตั น์ a 1u0r.i71:iaiular ภาควชิ าการแนะแนวและจิตวทิ ยาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ ll1.t1U.l'lU?ld Ir-lfl มหาวทิ ย2า8ลัยศรนี ครนิ ทรวมิโกรฒราคม 2565
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311