แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างสำ�นึกความเป็นไทย เอกสารประกอบการอบรมวทิ ยากรแกนนำ� ในการพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนประวัติศาสตรแ์ ละหน้าทพ่ี ลเมอื ง ส�ำ นกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
Ô ĒîüÖćøÝéĆ Öćøđø÷Ċ îøĎš ðøąüĆêýĉ ćÿêøŤ đóęĂČ ÿøćš ÜÿćĞ îċÖÙüćöđðîŨ ĕì÷ đĂÖÿćøðøąÖĂïÖćøĂïøöüìĉ ÷ćÖøĒÖîîćĞ ĔîÖćøóçĆ îćÖćøÝéĆ Öćøđø÷Ċ îÖćøÿĂîðøąüĆêĉýćÿêøĒŤ úąĀîćš ìóĊę úđöĂČ Ü øîŠč ìęĊ Ģ øąĀüŠćÜüĆîìĊę ģģ – ģĦ ÖîĆ ÷ć÷î ģĦĦĨ è ēøÜĒøöĂąđéøĊ÷êĉÙ ÖøÜč đìóöĀćîÙø øŠčîìęĊ ģ øąĀüŠćÜüîĆ ìĊę ģĥ – ģĨ ÖĆî÷ć÷î ģĦĦĨ è ēøÜĒøöĂąđéøĊ÷êĉÙ ÖøčÜđìóöĀćîÙø øŠčîìĊę Ĥ øąĀüŠćÜüĆîìęĊ Ĥġ ÖîĆ ÷ć÷î – Ĥ êúč ćÙö ģĦĦĨ è ēøÜĒøöÖøčÜýøĊøĉđüĂøŤ ÝĆÜĀüĆé óøąîÙøýøĊĂ÷íč ÷ć øčîŠ ìĊę ĥ øąĀüŠćÜüîĆ ìęĊ Ĥ – ħ êúč ćÙö ģĦĦĨ è ēøÜĒøöÖøčÜýøĊøĉđüĂøŤ ÝĆÜĀüéĆ óøąîÙøýøĊĂ÷íč ÷ć ÿćĞ îÖĆ ÜćîÙèąÖøøöÖćøÖćøýÖċ þć×îĚĆ óîČĚ åćî ÖøąìøüÜýÖċ þćíÖĉ ćø ģĦĦĨ ĒแîนüวÖกćาøรÝจัดĆéกÖาćรøเđรøยีĊ÷นîรøู้ปšðĎ รøะąวüัตĆêิศýĉ าćสÿตêรø์เđŤ พóื่อĂČę สÿøรćš้างÜÿสćĞำîนÖċกึ ÙคüวćาöมđเðปîŨ็นĕไทìย÷
๒ แนวทางการจัดการเรยี นการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานกึ ความเป็นไทย พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวนพมิ พ์ ๑,๕๐๐ เล่ม ลขิ สทิ ธิ์ของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พ้นื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร พมิ พ์ท่ี โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั ๗๙ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑ นายโชคดี ออสวุ รรณ ผู้พมิ พผ์ โู้ ฆษณา พ.ศ. ๒๕๕๗ แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรร์เพ์เพ่ืออ่ื สสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย
๑ คำนำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนมีนโยบำยท่ีจะส่งเสริมคุณธรรม และ สร้ำงจิตสำนึกควำมเป็นไทยให้เด็กและเยำวชนได้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมเป็นชำติ เรียนรู้วิถีชีวิต ควำมเป็นไทยจำกประวัติศำสตร์ชำติไทย และคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ (คสช.) ยังได้มีนโยบำย ชัดเจนท่ีให้ส่งเสริมเด็กและเยำวชนในชำติให้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในประวัติศำสตร์ ควำมเป็นไทย รักชำติ ศำสนำ เทิดทูนสถำบันพระมหำกษัตริย์ และเป็นพลเมืองท่ีดีในระบอบประชำธิปไตย มีควำมปรองดอง สมำนฉันท์ เพื่อสันติสุขในสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในสภำพสังคมปัจจุบัน ท่ีควรส่งเสริมให้กำรจัด กำรเรียนกำรสอนมีควำมเขม้ ขน้ ยิ่งขึ้น สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนจึงได้จดั ทำ “เอกสำรแนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ ประวัติศำสตร์เพอ่ื สร้ำงสำนึกควำมเป็นไทย” ดว้ ยเหตุทว่ี ่ำ ประวัตศิ ำสตร์ช่วยให้ผเู้ รียนได้รับรู้และเข้ำใจ ร่วมกันว่ำ ชำติไทยมีรำกเหง้ำและมีพัฒนำกำรซ่ึงแสดงถึงกำรต่อสู้ฟันฝ่ำร่วมกันมำยำวนำนของคนไทยท่ี หลอมรวมเป็นชำตไิ ทยในปัจจบุ ัน เพ่อื ควำมเป็นอสิ ระ ควำมมนั่ คง ควำมเจรญิ รงุ่ เรือง และกำรอย่รู ่วมกัน อย่ำงสันติสุข โดยมีสถำบันพระมหำกษัตริย์เป็นสถำบันหลักและมีบรรพบุรุษคนสำคัญๆ ในอดีตเป็น แบบอย่ำงเร่ืองกำรต่อสู้และคุณลักษณ์ที่ดี และปรำกฏให้เห็นถึงสัญญลักษณ์ควำมเป็นชำติไทย นอกจำกน้ัน ยังรับรู้และเข้ำใจร่วมกันว่ำ ประเทศไทยมีภูมิปัญญำ วัฒนธรรม วัง วัด และอุทยำนทำง ประวัตศิ ำสตร์ซง่ึ แสดงออกถึงควำมเจริญ คณุ ธรรมประจำชำตแิ ละอัตลักษณ์ของควำมเป็นไทย ซึ่งทำให้ ชำติไทยมีพัฒนำสืบต่อมำได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งหมดนี้คือสิ่งท่ีควรค่ำแก่ควำมรกั ควำมภูมิใจเพื่อกำรธำรง รักษำซงึ่ ควำมเป็นชำตไิ ทย เอกสำรแนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ประวัติศำสตร์เพ่ือสร้ำงสำนึกควำมเป็นไทยจดั ทำขึ้นเพอ่ื ใช้ประกอบกำรอบรมวิทยำกรแกนนำในกำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนประวัติศำสตร์และหน้ำที่ พลเมอื ง สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชำญ ด้ำนเนื้อหำทำงประวัติศำสตร์และเทคนิคกำรสอน ศึกษำนิเทศก์ ครู ในกำรจัดทำเอกสำรดังกล่ำว หวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำเอกสำรแนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนประวัติศำสตร์เพ่ือสร้ำงสำนึกควำมเป็นไทย จะเป็นประโยชน์แก่ครูในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นกิจกรรมสำคัญท่ีแสดงถึงควำมรักและ ควำมภูมิใจในชำติผำ่ นกำรเรียนรทู้ ำงประวัตศิ ำสตร์ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พน้ื ฐำน แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ื่อสสรร้า้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไไททยย
๑ สารบัญเร่อื ง เร่ือง หนา้ คำนำ สำนกึ ควำมเปน็ ไทย ๑ ควำมเป็นมำของชำตไิ ทย ๘ ๒๒ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เรือ่ ง การสถาปนาอาณาจกั รรัตนโกสนิ ทร์ (ป.๖) ๔๐ ๕๘ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เรื่อง ประเทศไทยกบั สงครามโลกครั้งที่ ๑ (ม.๓) ๙๒ ๙๘ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง การวางรากฐานประชาธปิ ไตย (ม.๔-๖) ๑๑๘ ๑๒๘ สญั ลักษณค์ วำมเป็นไทย ๑๓๙ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง ธงชาตแิ ละเพลงชาตไิ ทย (ป.๑) ๑๕๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง เพลงสรรเสรญิ พระบารมี/พระบรมฉายาลกั ษณ์ ๑๖๕ ๑๗๗ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ เรอ่ื ง สัญลกั ษณ์ของชาติไทย (ม.๓) ๑๙๒ สถำบนั พระมหำกษตั ริย์ในสังคมไทย ๒๐๓ ๒๑๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ เรอ่ื ง พระราชประวัติ และพระราชกรณยี กจิ ของ ๒๒๒ ๒๓๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๙ (ป.๓) ๒๖๑ ๒๗๒ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ เร่ือง พ่อขุนรามคาแหงมหาราช (ป.๔) ๒๗๙ ๓๐๑ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๙ เรอ่ื ง สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช (ป.๕) ๓๐๘ ๓๑๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๐ เรื่อง สถาบันกษัตริย์ในสมยั สโุ ขทยั (ม.๑) ๓๒๒ บรรพบรุ ุษไทย แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๑ เรื่อง พนั ท้ายนรสิงห์ (ป.๒) แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรอื่ ง ทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรสี นุ ทร (ป.๖) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๓ เรอ่ื ง ราลกึ อดีตบรรพบุรุษไทย (ม.๓) ภูมิปญั ญำและวัฒนธรรมไทย แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๔ เร่อื ง ประเพณีการเล่นสงกรานต์ (ป.๒) แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๕ เรอ่ื ง ความหลากทางสงั คมสมัยอยธุ ยา (ม.๒) พระบรมมหำรำชวงั พระรำชวัง และวัง วัด : ศูนยร์ วมจิตใจและมรดกศิลปข์ องประเทศ อทุ ยำนประวตั ิศำสตร์ : มรดกทำงวัฒนธรรม คณะผูจ้ ัดทำ แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย
๑ สำนึกควำมเปน็ ไทย เมื่อกว่า ๑๐ ปีที่แล้วในวงสนทนาทางวิชาการ อาจารย์เศรษฐศาสตร์ที่เคารพท่านหนึ่ง ต้ังประเด็นขึ้นว่า “อะไรคือความเป็นไทย ดูกันที่ตรงไหน คนไทยคิดถึงความเป็นไทยตรงกันหรือไม่ ต้องใส่ชดุ ไทย ผา้ ไทยหรือจึงแสดงความเปน็ ไทย” ปี ๒๕๕๖ มขี า่ วเรือ่ ง “โศกนาฏกรรมวันลอยกระทง คร้ังใหญ่ในกัมพูชา” ก็มีน้องที่ทางานในสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาด้วยกันถามว่า “เขมรมี ประเพณีลอยกระทงด้วยหรือ นึกว่าเป็นประเพณีไทยเสียอีก” ปีน้ีในระหว่างฟังวิทยากรเล่าเรื่อง สงกรานตท์ ่พี ม่า ครูสอนประวัติศาสตร์ท่นี ่งั อยขู่ า้ งกนั บน่ ขึ้นวา่ “นี่เราจะเหลืออะไรท่เี ปน็ ไทยอยบู่ ้างนี่” รวมท้ังข่าว “คนไทยปร๊ีด : สงกรานต์ท่ีสิงคโปร์” เรื่องราวเหล่านี้ทาให้ตระหนกข้ึนว่า เร่ืองไทยๆ ทคี่ ดิ ว่า คนไทยต้องรกู้ ใ็ ชจ่ ะรู้หรอื ร้ตู รงกันไม่ ในวาระท่ี คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศนโยบายในการสง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กและ เยาวชนในชาติได้มีความรู้ ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ ความเป็นไทย รักชาติ ศาสนา เทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ เป็นพลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย มีความปรองดอง สมานฉันท์ เพื่อสันติสุขใน สังคมไทย ดังนั้นในฐานะที่อยู่ในวงการพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความคิดเห็น ซ่ึงขอย้าว่าเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ ในกลมุ่ ผู้สนใจในเร่ืองน้รี ว่ มกัน ผ่านบทความนี้ ประเด็นท่ีน่าสนใจคือ อาจารย์เศรษฐศาสตร์คิดถึงความเป็นไทยว่า คงไม่ใช่เฉพาะ รูปลักษณ์ที่แสดงออกเป็นรูปธรรม ส่วนนักวิชาการ ครูสอนประวัติศาสตร์ ท้ังข่าวดังกล่าวสะท้อนว่า คนท่ัวไปเห็นว่า ประเพณีไทยเป็นหน่ึงในเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยจากัดพ้ืนที่ทางวัฒนธรรมเป็นแค่ ชาตไิ ทยเทา่ นน้ั มีครั้งหน่ึงในการสัมมนาทางประวัติศาสตร์ เคยใช้คาถามว่า “คุณภูมิใจในความเป็นไทย ในเร่ืองใดบ้าง” คาตอบทั้งหมดสะท้อนแนวคิดว่าสิ่งที่ภูมิใจในความเป็นไทย คือ วัฒนธรรมไทย เช่น ภาษาไทย มารยาทไทย ศิลปกรรมไทย และ ภูมิปัญญาไทย ท่ีได้รับการยอมรับและยกย่องในสังคม นานาชาติ เช่น อาหารไทย มวยไทย นาฏศิลป์ไทย ยังจาได้ว่า เคยใช้คาพูดกระตุ้นคุณครูและ ศึกษานิเทศก์ในการสัมมนาคร้ังน้ันว่า “คุณไม่เคยภูมิใจในดินแดนไทยที่บรรพบุรุษของเราปกป้องรักษา ไว้ให้เราหรือ ไม่ภูมิใจในรากเหง้าความเป็นมาของไทยที่กว่าจะเป็นประเทศไทยจนถึงทุกวันน้ี ไม่ภูมิใจ ในพระมหากษัตริยไ์ ทยท่ีเปน็ ผนู้ าในการพฒั นาชาติบ้านเมืองเลยหรือ” คนที่เรียนประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่รู้ดีว่าสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพได้ทรงแสดง ปาฐกถาเรื่อง บรรยายพงศาวดารสยาม ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๓ ซึ่งสะท้อนโลก ทัศน์ของชนชั้นนาในเร่ืองความภูมิใจในความเป็นไทยในยุคปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ูป้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพอื่ ่อื สสรร้าา้งงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเน็ปไ็นทไยทย
๒ หรือในยุคท่ีอิทธิพลจากจักรวรรดินิยมตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและฝรั่งเศสแผ่ขยายอิทธิพลคุกคาม อธิปไตยของไทยในขณะนั้น ปาฐกถาดงั กล่าว นกั วิชาการหลายท่านวิเคราะห์ว่าเปน็ แนวคิดในการปลูกฝังค่านิยมให้แก่ คนไทย โดยทรงชี้ว่า “คนไทยอยู่รอดมาได้ด้วยคุณธรรมประจาชาติสามประการ คือ ความรักอิสรภาพ (Love of National Independence) ขันติธรรม (Toleration) และความฉลาดในการประสาน ประโยชน์ (Power of Assimilation)”* ซึ่งสาหรับตนเองแล้วเห็นด้วยกับแนวคิดท้ัง ๓ ประการ เพราะปรากฏหลักฐานชดั เจน เช่น ลาลูแบร์ ราชทูตฝร่ังเศสที่เดินทางมากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ท่ีไดเ้ ท่ียวซักถามและรวบรวมข้อมลู เก่ียวกับคนไทยและอาณาจักรอยุธยาก็บันทกึ ไว้วา่ คนไทย เรยี กตนเองวา่ ไทย ซง่ึ แปลว่า เสรี จารกึ ในสมยั สโุ ขทัยทพ่ี บในหลายจังหวัดทางเหนอื และดินแดนล้านนา ในอดีต ก็ใช้ “ไทย” ในความหมายถึงพลเมือง (รวมทั้งความหมายอ่ืน เช่น เวลาแบบไทย ภาษา และ อักษรไทย) ส่วนความฉลาดในการประสานประโยชน์ก็ปรากฏชัดเจนในการผสมผสานทางเช้ือชาติ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี หรือแม้แตข่ ันตธิ รรม หรอื การอดทนอดกล้ัน ก็พบอยู่หลายครั้ง ในวิกฤตการณ์ในสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเสียสละดินแดนและเกียรติภูมิเพื่อรักษาเอกราชของ ชาติไว้ รวมท้งั การยอมรบั ในความแตกตา่ งหลากหลายทางศาสนาและความเชื่อก็ปรากฏเปน็ รูปธรรมใน พิธีกรรมและความศรัทธาของคนไทยในปจั จบุ ัน อะไรคือ “ความเป็นไทย” ในท่ีนี้ นอกจากวัฒนธรรมไทยที่เกิดจากภูมิปัญญาที่สะสมกัน มาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นรูปลักษณ์ที่ชัดเจนท้ังทางด้านภาษาไทย อักษรไทย มารยาทไทย ประเพณี ไทย อาหารไทย ศิลปกรรมไทย ฯลฯ อยากให้พิจารณาความเป็นไทยทีมีอยู่ในวิถีคิดและวิถีปฏิบัติต่อ กันและกัน ทั้งทางกาย วาจา และใจ รวมท้ังการปฏิบัติต่อผู้อื่น (แม้มิใช่คนไทย) วิถีเหล่าน้ีอยู่ในตัวเรา ทุกคน แม้จะมีไม่เท่ากัน หรือเปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น การไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตพยาบาท ซ่ึงติดอยู่ในคาพูดที่ว่า “ช่างเถอะ” หรือการให้อภัยซึ่งกันและกัน การชอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่น (เนน้ วา่ ชอบ) ชอบการละเลน่ หรือความรน่ื เรงิ การใหค้ วามเคารพผมู้ ีคุณวฒุ ิและวัยวฒุ ิทสี่ ูงกวา่ ฯลฯ สาหรับคาถามว่า อะไรคือความภูมิใจในความเป็นไทย คาตอบอาจแตกต่างกัน เพราะ คนไทยแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ในที่น้ีจึงขอแสดงแนวคิดดังกล่าวด้วยแผนภาพ ซึ่งหลายทา่ นอาจเพมิ่ เติมหรอื ปรับแต่งไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเอง * ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร ในคมู่ ือการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนประวตั ศิ าสตร์: ประวัติศาสตร์ไทยจะเรยี นจะสอนกัน อย่างไร. (๒๕๔๓; ๑๙) แแนนววกการารจจัดดักการารเรเรียียนนรรปู้ ู้ปรระวะวัตัตศิ ศิ าสาสตตรรเ์ พ์เพอ่ื อื่สสรรา้ งา้ งสสานำนึกกึคคววามามเปเปน็ ็นไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเ็นปไ็นทไยทย
๓ ดนิ แดนไทยทอี่ ุดม เชอื้ ชาติไทยทีผ่ สมผสาน ความเป็นมาของชาติ สมบูรณ์และเหมาะสม เป็นพหสุ งั คม และความเป็นเอกราช กับการอย่อู าศัย สถาบนั พระมหากษัตริยไ์ ทย ในฐานะผู้นาในการพฒั นา ภมู ิปัญญาไทย ภูมิใจในความเปน็ ไทย บรรพบรุ ุษไทยที่ปกปอ้ ง และสร้างความเจริญ - อาหารไทย ประเพณีและการละเลน่ - มวยไทย วถิ ไี ทย วัฒนธรรมไทยท่ี -เรอื นไทย ผสมผสานและปรบั ใช้ -แพทยแ์ ผนไทย -ชา่ งเถอะ -นาฏศิลปไ์ ทย -ชอบชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื - มารยาทไทย -ผา้ ทอไทย -การเคารพผมู้ วี ฒุ สิ ูงกวา่ -ศลิ ปกรรมไทย - เครื่องจักสาน -ชอบความสนกุ สนาน - ภาษาและวรรณกรรมไทย -ก -ก - - อันท่ีจริง การหาคาตอบว่าอะไรคือความเป็นไทย หน่วยงานท่ีรับผิดชอบ คือ กระทรวง วัฒนธรรม และหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกลักษณ์ไทย ได้อธิบายไว้ชัดเจนปรากฏในเอกสาร หลายที่ ซึ่งเราสามารถศึกษาแนวคิดได้จากเอกสาร หนังสือ หรือบทความที่มีการพิมพ์เผยแพร่ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความห่วงใยว่าความเป็นไทยจะสูญสลายไปพร้อมกับความเจริญทางสารสนเทศ ในยุคโลกาภิวัตน์ ทั้งยังมีงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับความเป็นไทยอยู่บ้างโดยเฉพาะผลงานของกลุ่ม มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เช่น วิทยานิพนธ์รัฐศาสตร์บัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ีมองความเป็นไทยในลักษณะความเป็นพลวัตร ซึ่งแปรเปล่ียนตามมิติของเวลาทางประวัติศาสตร์ โดย นิยามความเป็นไทยเป็น ๓ ประการ คือ ๑) ความเป็นไทยแบบวัฒนธรรมไทย–พุทธ ๒) ความเป็นไทย แบบพหุนิยม และ ๓) ความเป็นไทยแบบกษัตริย์นิยม สาหรับแนวคิดของตนเองเห็นว่า ผลงานเหล่านี้ สะท้อนมุมมองของปัญญาชนที่มีต่อสังคมไทยในบริบทที่มีความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่ง ผสู้ นใจสามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมได้ แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ูป้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พ์เพอื่ ือ่ สสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเ็นปไ็นทไยทย
๔ ถ้าจะพิจารณา “ความเป็นไทย” ให้ชัดเจนขึ้น เราอาจเริ่มทบทวนว่าปัจจัยท่ีทาให้เกิด ความเป็นไทย ประกอบด้วยสาเหตุใดบ้าง ถ้าจะพิจารณาทางด้านวิถีการดาเนินชีวิตจนเกิดเป็น วัฒนธรรม จะเห็นว่าเป็นผลมาจาก (๑) ท่ีต้ังและปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ทั้งการเป็นรัฐทางการค้าท่ี ต่างชาติแวะเวียนนาวัฒนธรรมแปลกใหมเ่ ข้ามาให้คนไทยได้คัดเลือกผสมผสาน และการเป็นรฐั กสิกรรม ท่ีพ่ึงพิงธรรมชาติและต้องร่วมมือช่วยเหลือกันที่เรียกว่า “ลงแขก” เพื่อความอยู่รอด มักมีความเช่ือ สะท้อนในพิธีกรรม และการละเล่นสนกุ สนานในยามรวมกลมุ่ กันทางานและยามวา่ ง ความอุดมสมบรู ณ์ ทางธรรมชาติท่ีกล่าวกันเป็นวลีว่า “ในน้ามีปลา ในนามีข้าว” หรือความมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ทาให้คนไทยมีอัตลักษณ์แตกต่างจากชาติอ่ืนที่ลาบากยากแค้นกว่าและอาจก่อให้เกิด “ย้ิมสยาม” ทแี่ มว้ ่าจะลดนอ้ ยลงแลว้ ก็ตาม (๒) สง่ิ แวดล้อมทางสังคม ทมี่ ีที่มาจากประวตั คิ วามเปน็ มาของชาติ และ อทิ ธิพลทรี่ ับจากความเชอื่ และศาสนา ดงั จะเห็นว่า ประเทศทีน่ ับถือพทุ ธศาสนา เช่นเดียวกบั ไทยตา่ งก็มี วันสาคัญและการประกอบพิธีกรรมตามความเช่ือเหมือน ๆ กัน หรือประเทศท่ีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม จากอินเดียและจีน ตา่ งกม็ ีความคล้ายคลึงทางขนบธรรมเนยี มประเพณีหลายประการ เชน่ วนั สงกรานต์ วนั ลอยกระทง การบวงสรวงเทพเจา้ และบรรพบรุ ษุ เป็นต้น นอกจากปัจจยั หลักทัง้ ๒ ประการน้ี สว่ นตัว แล้วยังคิดว่า ความเป็นไทยเป็นผลมาจาก เช้ือชาติไทย ซ่ึงทาให้คนไทยแตกต่างจากคนเชื้อชาติอื่นใน อาเซยี น แมจ้ ะนบั ถือศาสนาเดยี วกันหรอื อาศัยอยู่ในพื้นทร่ี าบลมุ่ และมีข้าวเป็นอาหารหลกั เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเราต้องเข้าใจดว้ ยว่า “ความเป็นไทย” มคี วามแปรเปลีย่ นและปรบั ตวั ไปตาม กาละและเทศะ ในสมัยโบราณ ความเป็นไทยอาจมีปัจจัยหลักมาจากสภาพภูมิศาสตร์ เช้ือชาติไทย ความเชื่อ และการนับถือพุทธศาสนา ต่อมาสังคมไทยมีลักษณะเป็นพหุสังคม คือ หลากหลายเชื้อชาติ และวฒั นธรรม ความเปน็ ไทยก็ยอ่ มแปรเปลย่ี นตามปัจจัยทางดา้ นการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คม รวมทง้ั นโยบายของภาครฐั ในแต่ละสมัย ความเปน็ เมืองหรือชนบท โลกาภวิ ัตนแ์ ละความเป็นสากล ลว้ นส่งผล ตอ่ การคงอยแู่ ละการปรับตวั ในความเปน็ ไทยดว้ ยเชน่ กัน เราควรอนุรักษ์ความเป็นไทยหรือไม่ การรักษาความเป็นไทยไว้จะส่งผลอย่างไรต่อตัวเรา สังคม และประเทศชาติ คงเป็นเรื่องท่ีอภิปรายและถกเถียงกันได้ยาวนาน แต่ในฐานะท่ีเราเป็นครู มี ภาระหน้าที่ด้านการพัฒนาเยาวชนโดยตรง เพ่ือเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดีของประเทศ เราจะทา อย่างไรในเร่ืองดังกล่าวเพ่ือให้บรรลุหลักสูตรหรือเป้าหมายทางการศึกษา คือ เยาวชนไทยภาคภูมิใจใน ความเปน็ ไทย เหน็ คุณคา่ ร่วมอนุรกั ษแ์ ละสบื ทอดตอ่ ไป สาหรับคาถามท่ีว่า “สอนอะไร สอนอย่างไรจึงจะเสริมสร้างจิตสานึกความเป็นไทย” อาจมีแนวคิดและวิธีการหลายแนวทาง ขอเสนอความเห็นว่า จิตสานึกความเป็นไทยสามารถ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ผา่ นนยั สาคญั ๖ เรอ่ื งดว้ ยกัน คอื ๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาหรือรากเหงา้ ของความเป็นไทย เนื่องจากเหน็ วา่ ไมว่ ่าเราจะหยิบ ประเด็นใดในสังคมไทยข้ึนมาเป็นหัวเรื่องแล้ว ทุกเรื่องล้วนมีความเป็นมาทั้งส้ิน ดังนั้นการสอนเพื่อให้ เข้าถึง “กว่าจะเป็นวันน้ี” รวมท้ังพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย ในช่วงเวลาต่าง ๆ ต้ังแต่ แแนนววกการารจจดั ัดกการารเรเรยี ยี นนรรปู้ ู้ปรระวะวตั ัตศิ ศิ าสาสตตรรเ์ พ์เพอ่ื อ่ืสสรรา้ งา้ งสสานำนึกึกคคววามามเปเปน็ ็นไทไทยย: :สาสนำกึ นคกึ วคาวมาเมปเน็ ปไ็นทไยทย
๕ กอ่ นสมยั สโุ ขทัย สมัยสโุ ขทัย สมยั อยธุ ยา สมัยธนบรุ ี และสมยั รัตนโกสนิ ทร์ จงึ เปน็ เรือ่ งสาคญั ที่สามารถ สร้างความรู้สึกร่วมหรือสานึกร่วมในสังคม อันจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ รักและหวงแหน หรือธารง ความเป็นไทยน้ีสืบไป ๒) สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายความเป็นชาติ ในที่น้ีหมายถึง ความเป็นไทย ที่จะนามา สร้างความภูมิใจนั้นย่อมมีความเป็นรูปธรรม หรือลักษณะทางกายภาพท่ีเห็นได้ สัมผัสรับรู้ได้ การนา รูปลักษณ์ดังกล่าวมาวิเคราะห์ท้ังด้านการก่อกาเนิดในบริบททางประวัติสาสตร์ วิวัฒนาการ หรือ เปรียบเทียบกับสังคมอื่นในประเด็นเดียวกัน น่าจะสร้างสานึกในความเป็นชาติที่มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศ ทัดเทยี มกบั นานาประเทศในโลกปัจจบุ ัน ๓) บรรพบุรุษ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความคงอยู่ของชาติในทุกวันน้ี รวมทั้งความ เจริญรุ่งเรือง ความเป็นอัตลักษณ์ไทยผ่านสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในปัจจุบัน ล้วนเกิดข้ึนจากความ พยายามและภมู ปิ ญั ญาของบรรพบรุ ษุ ไทยในอดีต ดงั นนั้ การรู้จักบรรพบุรุษไทยในแง่ความเพยี รพยายาม การเสียสละ ความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ย่อมสามารถสร้างความภูมิใจในความเป็น ไทยไดด้ ี ๔) สถาบันพระมหากษตั รยิ ไ์ ทย เรายอ่ มตระหนักกันดีว่า พระมหากษตั ริยไ์ ทย โดยเฉพาะ ในหลวงองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นผู้นาชาติในทุก ๆ ด้าน พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตก็เช่นกัน เราคงไม่มี อกั ษรไทย วรรณกรรมไทย หากไมม่ นี โยบายการสร้างชาติไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชแห่งสุโขทัย ดินแดนไทยกับประเทศไทยที่คงอยู่ในปัจจุบันก็เป็นผลมาจากการปกป้องและการเป็นผู้นาในสงคราม ของพระมหากษตั ริย์ไทยและบรรพบุรษุ ไทยในอดีต ความทันสมยั ในปจั จุบนั ของเราก็ล้วนเป็นวิเทโศบาย ของพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี และหากได้เปรียบเทียบกับเพ่ือนบ้านที่เคยมีการปกครองแบบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือยังคงมีสถาบันกษัตริย์เช่นเราในปัจจุบัน เยาวชนไทยก็คงเกิดสานึกในความ เปน็ ชาตไิ ทยขนึ้ ได้ ๕) วัฒนธรรมไทย ในท่นี ้ีหมายรวมถงึ รูปลักษณ์และวิถไี ทยทีเ่ คยมีอยู่ในอดีตซึ่งหลายเร่ือง ได้ปรับเปล่ียนเพ่ือให้คงอยู่ได้ในปัจจุบัน นอกจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และความเชือ่ทางศาสนาแล้ว หากเราได้พจิ ารณาคณุ ลกั ษณะเดน่ ในสังคมไทยอยา่ งแจ่มชดั เราจะพบถึง (๑) รากเหงา้ ความเปน็ มาของ แต่ละวัฒนธรรม (๒) ความผสมผสานในพหุสังคม (๓) การคัดเลือกและการปรับใช้วัฒนธรรมอ่ืนหรือ ความเจริญอ่ืนในวัฒนธรรมไทย ท่ีนับว่าเป็นความฉลาดในการประสานประโยชน์ของบรรพบุรุษไทย และ (๔) ความสามารถของคนไทยที่แสดงถึงภูมิปัญญาไทย ซ่ึงแทรกอยู่ในวัฒนธรรม การได้เรียนรู้และ เขา้ ใจในเรือ่ งดงั กล่าวอาจสร้างความภมู ิใจในความเป็นไทยได้ทางหน่งึ ๖) ภูมิปัญญาไทย หากเราได้พิจารณาทุกเร่ืองราวและทุกส่ิงที่จับต้องได้ เมื่อได้ทา ความเข้าใจกับเร่อื งราวดงั กล่าว เราจะพบวา่ คนไทยในแตล่ ะแหลง่ ทใ่ี ช้ปญั ญาแก้ไขปญั หา หรือปรับปรงุ สภาพแวดล้อมเพื่อให้ดารงชีวิตได้อย่างต่อเน่ือง เช่น หากได้วิเคราะห์การต้ังราชธานีไทยในด้านภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษอาจสร้างความภาคภูมิใจให้เยาวชนไทยได้ หากได้วิเคราะห์โครงการพระราชดาริซึ่งจะ แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ิศาาสสตตรรเ์ พ์เพอื่ ่ือสสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำกึนคึกวคาวมาเมปเน็ปไน็ ทไยทย
๖ สะท้อนชัดเจนถึงในหลวงของเรา เป็นแบบอย่างของการเป็นผู้นาชาติท่ีใช้ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหา พัฒนาวิถีความเป็นอยู่ของคนไทย และประเทศชาติ แม้เราจะแบ่งประเภทของภูมิปัญญาไทยออกเป็น ช่ือเรียกต่าง ๆ เช่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถ่ินไทย ภูมิปัญญาจากกรุงเทพฯ แต่ภายใต้ช่ือ เหล่านี้เป็นเพียงสะท้อนถึงแหล่งกาเนิดและระดับการใช้สอยหรือประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งทุกภูมิปัญญา ลว้ นสร้างความภมู ใิ จในความเป็นไทยได้ หากผสู้ อนไดเ้ น้นวิถีคดิ และความเป็นมาของสิ่งน้นั ให้ผู้เรียนได้ ตระหนักถงึ “กวา่ จะเปน็ วันนไ้ี ด้” สาหรับวิธีการสอนเพือ่ สร้างค่านิยม ความรัก ความภูมใิ จ เกิดเปน็ จิตสานกึ นนั้ เห็นวา่ จะมี ความต่างจากการสรา้ งความรแู้ ละความเขา้ ใจมาก (ในทน่ี ีจ้ ะไมว่ พิ ากษ์ว่าการสอนเน้ือหา “ใคร ทาอะไร ท่ีไหน เม่ือไหร่” หรือข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เป็นสิ่งจาเป็นหรือไม่ เพราะอย่างไรก็ตาม ความรู้ ความเข้าใจดังกล่าว เป็นความรู้ความเข้าใจพื้นฐานของการวิเคราะห์และวิพากษ์ แต่จะสร้างจิตสานึก หรือไม่จะหยิบยกข้ึนพิจารณาต่อไป) และเห็นว่าการเสริมสร้างจิตสานึกแตกต่างจากการฝึกทักษะ ทหี่ ากไดฝ้ ึกซ้า ๆ บอ่ ย ๆ ก็จะเกิดความชานาญขน้ึ ได้ กล่าวคือเห็นว่า ไมว่ า่ จะสรา้ งจติ สานกึ ในเรือ่ งใดท้ัง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือความสานึกในความเป็นไทยไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการพร่าบอกซ้าๆ จนอาจ สร้างความเบ่ือหน่ายหรือต่อต้านเงียบๆ แต่อาจเร่ิมต้นจากการรุกเร้าหรือกระตุก กระตุ้นให้เห็น ความสาคัญของเรื่องนั้นก่อน โดยใช้คาถามหรือใช้สื่ออ่ืนนา “ถ้าไม่มีส่ิงน้ันแล้วจะเกิดอะไรข้ึน” หรือ อ้างอิงบทเรียนในประวัติศาสตร์ของสังคมอ่ืนที่ไม่มีส่ิงนั้นแล้วเป็นอย่างไร หรือนาสถานการณ์จริงใน สังคมมาเป็นบทเรียน ตามด้วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม (ร่วมคิด ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ ร่วมแสดงความคิดเห็น ได้ปฏิบัติจริง ได้ประเมิน) ใช้นัยสาคัญจาก ๖ เร่ืองที่กล่าวมาแล้ว เช่น ประวัติความเป็นมา และ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษท่ีไดส้ รา้ งสรรค์ขึ้น รวมทั้งได้เห็นรูปลักษณ์ท่ีแสดงการเปลย่ี นแปลงตามมิตขิ อง เวลา ท้ังหมด คอื กระบวนการคดิ วเิ คราะห์โดยใช้ข้อเท็จจรงิ ทางประวัติศาสตร์ สดุ ทา้ ยของแนวการสอน นี้ คอื เห็นแนวทางการปฏิบัติตนในสภาพปัจจุบนั การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่จะเสริมสร้างจิตสานึกความเป็นไทยดังกล่าวน้ี แนวทางหนึ่ง คอื การจดั การเรยี นรูผ้ ่านประสบการณ์ ดังน้ี ๑) กระตุกกระตุ้น เพื่อให้เกิดความสนใจในเรื่องท่ีจะเรียนรู้ ซึ่งอาจสะท้อนผ่านประสาท สมั ผัสต่างๆ เชน่ การบรรยายภาพตามความเขา้ ใจของตนเอง การดูวดิ ที ศั น์ ๒) สร้างความตระหนักในความสาคัญเรื่องที่เรียน เช่น การดึงปัญหาในสภาพสังคม ทเ่ี ก่ยี วข้องให้วพิ ากษณว์ ิจารณ์ ข้อดี-ข้อเสีย สาเหตแุ ละผลกระทบ เป็นต้น ๓) การมีส่วนร่วมในบทเรียน ท้ังด้านการวางแผนการตระเตรียม การได้แตะต้อง ดว้ ยประสาทสัมผัสใหม้ ากกว่าการฟงั การเขยี น การตอบคาถามตามทค่ี รูกาหนด ๔) การตริตรอง นับเป็นหัวใจสาคัญของการเรียนรู้เพ่ือเสริมสร้างจิตสานึก เป็นทักษะ ด้านการคิดวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง (ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่) ถึงสาเหตุและผลกระทบท่ีเกิดขึ้น ด้วยการนาเนือ้หาสาระที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติความเป็นมา หรือ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษท่ีสอดแทรก แแนนววกการารจจดั ดักการารเรเรียยี นนรรปู้ ปู้ รระวะวัตัตศิ ศิ าสาสตตรร์เพ์เพอื่ ่ือสสรร้างา้ งสสานำนึกึกคคววามามเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำกึ นคกึ วคาวมาเมปเ็นปไน็ทไยทย
๗ อยู่ในสัญลักษณ์ต่างๆมาให้นักเรียนฝึกทักษะการคิดด้วยคาถามว่า ทาไมและอย่างไร (ไม่ใช่ ใคร อะไร ท่ีไหน เมื่อไหร่ ซึ่งเปน็ ทักษะการจา) ๕) การตรวจสอบ เป็นขั้นตอนของการรับรู้สภาพความเป็นจริงน้ันในสังคมรอบตัว ตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง กับความเข้าใจของผู้อื่น รวมท้ังการประเมินสถานการณ์และ ความเข้าใจที่ถูกต้อง การรับรู้และการแลกเปลี่ยนแนวคิด การปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสังคมไทยให้ เปน็ ไปตามครรลองทถี่ กู ตอ้ ง ๖) การตลบคิด หรือการย้อนพินิจถึงประโยชน์ที่มีต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวม เห็นแนวทางปฏบิ ตั ิตนในฐานะทีเ่ ปน็ คนไทย ท่ีจะมีสว่ นร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมหรือการอนุรักษ์และ สบื สานความเปน็ ไทยต่อไป หลายครั้งท่ีครูผู้สอนมุ่งเน้นในรายละเอียดของสาระเนื้อหา มากกว่าการสร้างจิตสานึก “รักและภูมิใจความเป็นไทย” ดังน้ันการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงไร้คุณค่า การสร้างความรู้และ ความเข้าใจในสาระสาคัญ แม้ว่ามีความจาเป็น แต่การสร้างจิตสานึกในความเป็นไทยสาคัญย่ิงกว่า เพราะหมายถงึ ความคงอยูข่ องชาติไทย ดินแดนไทย เอกลกั ษณ์ในวฒั นธรรมไทย ซึง่ อาจสญู สิน้ ไปได้ กลา่ วโดยสรปุ ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ การสรา้ งจติ สานึกในความเป็นไทย ไมส่ ามารถเกิดขึ้นได้จาก การพร่าบอกแต่ความดีงาม หรือจดจารายละเอียดของเนื้อหา โดยไม่ให้เข้าใจรากเหง้าความเป็นมา ได้เห็นในรูปลักษณ์และการใช้ประโยชน์ ได้ตระหนักในความสาคัญของบรรพบุรุษในการปกป้องรักษา เอกราชของชาติ และใช้ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์ และแก้ปัญหา รวมทั้งนัยสาคัญอ่ืน ๆ ที่เก่ียวเน่ือง ซง่ึ แนน่ อนสาระความรูเ้ หลา่ น้ีคุณครสู ามารถศึกษาจากผลงานหรือเอกสารทีผ่ ู้เชย่ี วชาญ ในศาสตร์ต่าง ๆ ทไ่ี ด้เผยแพร่แลว้ เปน็ จานวนมาก แตก่ ารนาความรดู้ ังกล่าวไปใช้อย่างไร จงึ เกิดจติ สานกึ รกั และภูมิใจใน ความเป็นไทย เห็นความจาเป็นการเสียสละตนเพื่อชาติ ย่อมไม่ใช่การท่องและจาได้ และควรให้ เหมาะสมกับเด็กในแต่ละระดับ ถือเป็นการท้าทายความสามารถของครูทุกท่านและทุกศาสตร์ที่จะได้มี ส่วนร่วมแกไ้ ขวิกฤตทางสังคมไทยเนื่องในวาระน้ี แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ื่อสสรรา้ า้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเน็ปไน็ ทไยทย
๘ ความเปน็ มาของชาตไิ ทย จุดประสงค์ของการศกึ ษาความเป็นมาของชาตไิ ทยในการจัดการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน เพ่ือสร้างเสริมให้คนไทย (นักเรียน) รู้และเข้าใจความเป็นมาของชาติไทย ท้ังน้ีเป็นไป เพ่ือให้เกิดความรับรู้ และความสานึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันและเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันท่ามกลาง ความแตกต่างทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ตลอดจนมีความภาคภูมิใจในมรดกและทรัพย์สินของชาติ ดา้ นภูมิปัญญาและวฒั นธรรม อีกท้งั ตระหนักถงึ ความยากลาบากของบรรพบุรษุ ท่ีได้ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค นานัปการเพอ่ื สถาปนา ปกปอ้ ง และพัฒนาชาติไทยให้ดารงอย่ไู ด้จนถงึ ปจั จบุ นั ความรับรู้ ความสานึก และการตระหนักนีเ้ ป็นพ้ืนฐานสาคัญสาหรับกระตุ้นคนไทยให้เห็น ความสาคัญของการอยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ติสุข อกี ทงั้ ร่วมมอื กันปกป้องผลประโยชน์ของชาตแิ ละพัฒนาชาติ สงิ่ ที่ครูควรร้โู ดยท่ัวไป ๑. จุดประสงคข์ องการเรียนการสอนประวัติศาสตรไ์ ทยในการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพื่อ เสรมิ สรา้ งใหค้ นไทย (นกั เรยี น) รู้และเขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทย ทงั้ นเี้ ปน็ ไปเพอ่ื ให้เกิด ๑.๑ ความรบั รู้ และความสานึกเปน็ เจ้าของประเทศรว่ มกนั และเป็นอันหน่ึงอันเดยี วกัน ท่ามกลางความแตกต่างทางชาติพันธ์ุและวัฒนธรรม ตลอดจนมีความภาคภูมิใจในมรดกและทรัพย์สิน ของชาตดิ ้านภมู ิปญั ญาและวฒั นธรรม และ ๑.๒ การตระหนักถึงความยากลาบากของบรรพบรุ ุษท่ีไดต้ อ่ สู้ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ เพอ่ื สถาปนา ปกปอ้ ง และพฒั นาชาติไทยให้ดารงอยไู่ ด้จนถงึ ปจั จุบนั ๑.๓ ความรับรู้และความสานึก และการตระหนักนี้เป็นพื้นฐานสาคัญสาหรับกระตุ้น คนไทยให้เห็นความสาคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข อีกทั้งร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และพัฒนาชาติ ๒. ความเปน็ ศาสตร์ของประวัติศาสตร์ ๒.๑ ประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาเรื่องราวในอดีตเก่ียวกับการกระทาของมนุษย์ทั้งใน ฐานะปัจเจกบุคคลและสมาชกิ ของสังคม (คือการศึกษาเรือ่ งกรรมหรือการกระทาของมนษุ ยน์ ่ันเอง) โดย อาศัยวิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งให้ความสาคัญกับข้อเท็จจริงและหลักฐานท่ีเช่ือถือได้ เพื่อให้ได้ ขอ้ สรปุ ทนี่ า่ เชอ่ื ถือและถกู ตอ้ งใกล้เคียงกับความเปน็ จริงมากทีส่ ุด (เมื่อเปน็ เช่นน้ี การพบข้อเทจ็ จริงและ หลักฐานใหม่ ตลอดจนการตีความและอธิบายความใหม่ ก็อาจทาให้เร่ืองราวบางเรื่องและคาอธิบาย บางอยา่ งเปลีย่ นแปลงได้) ๒.๒ ประวัติศาสตร์ประกอบไปด้วยเน้ือหา (เหตุการณ์และบุคคล) วิธีการศึกษา และ ปรัชญาและแนวคิด แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรเยี รนยี รนปู้ รู้ประรวะตัวศิตั าิศสาตสรต์เรพเ์ พอื่ ส่อื รส้ารงา้ สงาสนำกึนคึกวคาวมาเมปเปน็ ไน็ ทไยท:ย ค:วคามวาเปม็นเปมน็ ามขอาขงอชงาตชาไิ ทตยิไทย
๙ ๒.๓ การศึกษาการกระทาของมนุษย์และความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสังคมและ สภาพแวดล้อมอื่นๆ ๓. ประโยชนแ์ ละอิทธพิ ลของประวัตศิ าสตร์ ๓.๑ เนอ้ื หาทางประวัตศิ าสตรเ์ ป็นเรอื่ งราวทใี่ ชเ้ ป็นตัวอย่างและบทเรยี นได้ ๓.๒ วิธีการทางประวัติศาสตรโ์ ดยเฉพาะการวิพากษห์ ลักฐาน (ทง้ั ภายนอกและภายใน) เป็นวิธีการที่สามารถใช้ในชีวิตประจาวันเพื่อตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีมากข้ึนและแพร่กระจายอย่าง รวดเรว็ ในโลกยคุ สารสนเทศ ๓.๓ การให้ความสาคัญกับข้อเท็จจริงและหลักฐานของการศึกษาประวัติศาสตร์เป็น การฝึกให้ผู้เรียนเห็นความสาคัญของข้อเท็จจริงและหลักฐาน ซ่ึงเป็นเร่ืองที่แต่ละคนต้องพบใน ชีวิตประจาวันอยู่แล้ว เช่น วันเดือนปเี กิด สตู ิบัตร ทะเบียนบ้าน ข้อเทจ็ จริงและหลักฐานเหล่าน้ีต้องใช้ สมคั รเรยี นหรอื สมคั รงาน หรือในการย่ืนคารอ้ งต่างๆ ๓.๔ ประวัติศาสตร์มีอิทธิพลต่ออนาคต ประวัติศาสตร์บอกเรื่องราวของมนุษย์ในอดีต จากความเข้าใจของคนรุ่นหลัง ตัวอย่าง บทเรียน ปรัชญาและแนวคิดต่างๆ ท่ีได้จากการศึกษาจึงมี อิทธิพลต่อการตัดสินใจกระทาหรือไมก่ ระทาอะไรของคน การตัดสินใจนี้จะส่งผลต่อเหตุการณ์ในอนาคต เปน็ ทอดๆ ด้วย ในท่ีสุดอนาคตซงึ่ ไมว่ ่าจะมอี ะไรเกิดขึ้นก็จะกลายเป็นอดีตให้ศกึ ษา ดังน้ัน แตล่ ะคนจงึ มี สว่ นกาหนดอดตี หรอื เส้นทางประวัติศาสตรไ์ ม่มากก็น้อย ๓.๕ ครูสอนประวัติศาสตร์ (เช่นเดียวกบั นกั เรยี น) มีสิทธิทจี่ ะศกึ ษา ตคี วามหรืออธิบาย ความเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้ด้วยตนเอง ดังนั้น ความรับรู้ เข้าใจ และทัศนะ (บวก-ลบ-กลาง) ของครูต่อเหตุการณ์และบุคคลในประวัติศาสตร์ แล้วถ่ายทอดสู่นักเรียน จึงมีอิทธิพลต่อการรับรู้ การเข้าใจ และทศั นะของนกั เรียนต่อเหตุการณ์และบคุ คลในประวัติศาสตร์นัน้ ๆ การตคี วามและอธิบาย ความโดยอาศัยข้อเทจ็ จรงิ และหลักฐานทีเ่ ชือ่ ถอื ได้และรอบด้านจะชว่ ยลดทัศนะทล่ี าเอยี งได้ ๔. การเรยี นประวัติศาสตร์ชาตเิ ป็นเรื่องที่มีในทุกชาติ เพราะทุกชาติต้องการสร้างเสริมให้ ประชาชนของตนมีสานึกของความเป็นชาติร่วมกัน เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และรักษา ผลประโยชน์ของชาติ บางชาติ เช่น อังกฤษมีการทดสอบความรู้ของผู้ที่ขอโอนสัญชาติเกี่ยว ประวัติศาสตร์อังกฤษ (เรียกว่า Life in the UK Test เช่น The values and principles of the UK, Traditions and culture from around the UK, The events and people that have shaped the UK's history, The government and the law) และน่าสังเกตว่า ประเทศมหาอานาจทั้งหลาย ให้ความสาคัญมากกับการศึกษาประวัติศาสตร์ และการศึกษาประวัติศาสตร์ก็เป็นที่นิยมของนักศึกษา โดยเฉพาะในระดบั อุดมศกึ ษา ๕. การศึกษาเร่ืองชาติ ต้องรู้ว่า การเป็นชาติได้ต้องมีองค์ประกอบสาคัญ ๔ อย่าง ได้แก่ ดนิ แดนที่แน่นอน อานาจอธิปไตยเหนือดินแดน รฐั บาล และประชาชน (ทีม่ ีความสานึกเปน็ ชาตริ ่วมกัน) การศึกษาประวตั ิศาสตรช์ าตจิ ึงต้องศึกษาทุกองค์ประกอบอย่างเช่อื มโยงกัน แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พเ์ พอื่ ่ือสสรรา้ า้งงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๐ ๖. วิธีการที่จะช่วยให้เข้าใจความเป็นมาของชาติไทยในแงพ่ ัฒนาการไดร้ วดเร็ว ๖.๑ ความรู้เกี่ยวกับยุคสมัยที่สืบเน่ืองต่อกันมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมถึง ลกั ษณะเด่นของแต่ละยุคสมัย จะชว่ ยให้เห็นภาพรวมและความสบื เน่ืองต้ังแต่ต้นจนถึงปัจจุบนั และเป็น กรอบสาหรับศึกษารายละเอยี ดตอ่ ไป เช่น ๑) ยคุ ก่อนประวัตศิ าสตร์:- สมยั หนิ –โลหะ–การต้ังชมุ ชนและสรา้ งบ้านแปงเมือง ๒) ยุคประวัติศาสตร์:- การสร้างบ้านแปงเมืองและการสถาปนาอาณาจักรแรก ๆ ของคนไทยท่ีจะสืบต่อเน่ืองต่อมาเป็นชาติไทยปัจจุบัน ได้แก่ สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์หรือ กรุงเทพฯ การรับรู้พัฒนาการของชาติไทยผ่านยุคสมัยจะช่วยให้นักเรียนเห็นความสืบเนื่องของ ปัจจุบันกับอดีต ปัจจุบันไม่ได้ตัดขาดจากอดีต แต่เป็นความสืบเน่ือง และนักเรียนก็เป็นส่วนหน่ึงของ ความสบื เนือ่ งน้ัน ๖.๒ เส้นเวลา (timeline) แสดงพัฒนาการของชาติไทย (ดินแดนและอาณาจักรไทย) การแสดงยุคสมัยด้วยเส้นเวลาจะช่วยให้เห็นพัฒนาการของชาติไทยตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันได้ง่าย เร่ือง ดินแดนอาจย้อนถึงยุคดึกดาบรรพ์ก่อนกาเนิดบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน แล้วเชื่อมเข้าสู่ยุคก่อน ประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ การก่อต้ังอาณาจักรไทยสมัยแรกๆ (โดยเฉพาะสุโขทัย) และ อาณาจักรตา่ งๆ ซึง่ สบื เนือ่ งต่อมาเปน็ ชาติไทยในปจั จบุ ัน ลาดับเหตุการณ์มีความสาคัญมากในการศึกษาประวัติศาสตรืในแง่การหาสาเหตุและผล หรอื เหตุผล เพราะการเกิดเหตุการณห์ น่ึง (สาเหตุ) ยอ่ มมอี ีกเหตุการณห์ นึ่งตามมา (ผล) เหตุการณ์ท่ีเกิด ก่อนจึงอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นผลโดยตรง หรือเชื่อมโยงให้เกิดเหตุการณ์อื่นตามมา การลาดับ เหตุการณ์ผิดอาจทาให้อธิบายความผิดได้ (ครูจึงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้วันเดือนปี โดยเฉพาะการ เปล่ียนศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์ไทยที่มีการเปล่ียนแปลงอยู่เป็นระยะ ก่อนจะใช้ตามหลักสากลใน วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔) สาหรับยคุ สมัยมีความสาคัญในแง่ของการเข้าใจบริบทหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ เพราะใน แต่ละยุคสมัยมีลักษณะสาคัญหรือเด่นต่างกันไป ลักษณะสาคันี้จะช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าใจการเกิด เหตุการณ์ต่างๆ หรือการกระทาของคนในยุคสมัยน้ันๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆ ย่อมมี อทิ ธพิ ลต่อการเกดิ เหตุการณห์ รือการกระทาของคน ๖.๓ แผนที่แสดงท่ีต้ังเมืองและอาณาจักรต่างๆ ชว่ ยให้เห็นที่ตั้งและเขา้ ใจความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งเมอื งและอาณาจกั รต่างๆ ได้ง่าย ๖.๔ การรู้จักแหล่งข้อมูลท่ีเชื่อถือได้เพ่ือเข้าถึงองค์ความรู้และหลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ หากเป็นแหล่งท่ีเข้าถงึ ได้ทางอนิ เทอร์เนต็ ก็จะช่วยใหค้ รูและนักเรยี น โดยเฉพาะในพ้ืนที่ท่ี ห่างไกล เขา้ ถึงองคค์ วามร้ทู างประวัติศาสตร์และหลักฐานได้ง่าย ๗. การศึกษาแบบวิเคราะห์ในการเรียนประวัติศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖ เพื่อให้ นักเรียนรับรู้หรือมีนโนภาพเก่ียวเรื่องราวที่จะศึกษาหรือภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ในทิศทางเดียวกัน แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รปู้ระรวะัตวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พื่อ่อืสสร้ารง้าสงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๑ และรู้ว่าเร่ืองที่จะศึกษาวิเคราะห์ต่อไปอยู่ตรงไหนของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ครูควรให้ภาพรวม ของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ก่อนที่จะมอบหมายให้นักเรียนศึกษาประเด็นๆ ใด นักเรียนจะได้ต่อ ภาพเหตุการณท์ างประวัตศิ าสตรไ์ ด้ถูกต้องและเข้าใจบรบิ ททางประวัติศาสตร์ได้งา่ ย สาหรบั ใบความรทู้ จ่ี ะแจกให้นกั เรยี นไปศึกษาหรือแนะให้ไปคน้ คว้า ในเบอ้ื งตน้ อาจเริ่ม จากตาราเรยี นหลายๆ เลม่ ทีเ่ ขยี นในประเด็นเดียวกัน ซึ่งอาจเหมอื นหรือต่างกนั ในเรอื่ งของข้อเท็จจรงิ ตีความหรอื อธบิ าย จากนน้ั ให้นกั เรยี นศกึ ษาหาความเหมอื นและความแตกต่างเพื่อนาไปสู่การวิเคราะห์ หาข้อสรปุ และครคู วรส่งเสริมใหน้ กั เรียนร้จู ักศึกษาหาคาตอบจากหลกั ฐานชั้นต้นที่เก่ียวข้องในประเดน็ นั้นๆ ภาพรวมจดุ เน้น ประเทศไทยมีลักษณะการปกครองเป็นรัฐเด่ียวเรียกว่า ราชอาณาจักร (Kingdom of Thailand) ในยามปกติ ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) มีรัฐบาลเดียวอยู่ท่ีกรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ทาหน้าท่ีบริหารประเทศ ซ่ึงแบ่งออกเป็น ๗๖ จังหวัด และ ๑ มหานคร คือกรุงเทพมหานคร การเป็นรัฐเด่ียวทาให้ไทยแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านท่ีมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขเช่นกัน เช่น มาเลเซีย ซ่ึงมีลักษณะการปกครองเป็นสหพันธรัฐ (Federation of Malaysia) ประกอบด้วยรัฐ ๑๓ รัฐท่ียังมีอานาจปกครองตนเองอยู่บ้าง ในจานวนน้ีมี ๑๑ รัฐท่ีมีสลุ ต่านเป็นประมุข แหง่ รัฐฯ ซ่งึ จะทรงพลัดเปลยี่ นกนั เป็นประมขุ ของประเทศตามวาระที่กาหนด การเป็นรัฐเด่ียวของไทยเกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๑๑ – ๒๔๕๓) หลังจากมีการปฏิรูปการปกครองในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถ่ิน ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๓๕ เป็นตน้ มา ทาใหป้ ระเทศไทยเปลี่ยนจากรฐั แบบจารตี เปน็ รัฐชาติ (nation-state) เริ่ม มีสถานะเป็นประเทศโดยสมบูรณ์ คือ มีองค์ประกอบครบ ๔ ประการ ได้แก่ ดินแดนท่ีแน่นอน อานาจ อธปิ ไตยเหนอื ดนิ แดน รัฐบาล และประชาชนเริ่มมสี านึกของความเปน็ ชาตริ ่วมกัน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีความเป็นมายาวนานก่อนหน้านั้น สามารถสืบย้อนกลับได้ ชัดเจนถึงพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ โดยเฉพาะการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย (พ.ศ. ๑๗๙๒) ซึ่งถือเป็น อาณาจักรของคนไทยในยุคแรกๆ และมีความสาคัญในฐานะที่เป็นแหล่งกาเนิดอารยธรรมไทยท่ีอยู่สืบ ต่อมา เช่น ภาษาไทย วรรณกรรม และนับจากนั้นจนถึงปัจจบุ ันรวมเวลากว่า ๗๐๐ ปี มีการเกิดขึน้ และ ล่มสลายของอาณาจักรไทยอื่นๆ ซ่ึงเก่ียวพันกับอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นลาดับดังน้ี พ.ศ. ๑๘๙๓ มีการสถาปนาอาณาจักรไทยอีกแห่งทางภาคกลางท่ีกรุงศรอี ยุธยา ต่อมาอาณาจักรอยุธยาได้อาณาจักร สุโขทัยเป็นประเทศราชในพ.ศ. ๑๙๘๑ ก่อนที่จะผนวกไว้ในภายหลัง แต่เม่ือถึงพ.ศ. ๒๓๑๐ อาณาจักร อยุธยาเองกล็ ่มสลายจากการสงครามเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาครั้งท่ี ๒ จากการรุกรานของพม่า แต่อกี ประมาณ ๗ เดือนต่อมามีการสถาปนาอาณาจักรไทยขึ้นใหม่ท่ีกรุงธนบุรี แต่อยู่ได้ไม่นาน ในพ.ศ. ๒๓๒๕ ได้มี แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ูป้ รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพ่ืออ่ื สสรร้าา้งงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิ ยทย
๑๒ การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานีแทน อาณาจักรไทยที่มีศูนย์กลาง อานาจอยทู่ ี่กรงุ เทพฯ น้ไี ดพ้ ัฒนาสบื ตอ่ มาเป็นประเทศไทยในปจั จบุ ัน พฒั นาการของชาติไทยซึ่งมีอายุกว่า ๗๐๐ ปี แสดงให้ถึงพระราชกรณียกิจและพระปรีชา สามารถของพระมหากษัตริย์ไทยในการสถาปนาอาณาจักรไทย ได้แก่ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (กรุงสุโขทัย) (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๑๗๙๒ -?) ขณะทรงเป็นพ่อขุนบางกลางหาว ทรงร่วมกับพ่อขุนผาเมือง เจา้ เมืองราดต่อสกู้ บั ขอมสบาด โขลญลาพงท่ีปกครองสุโขทัยในเวลานั้น ทาให้สโุ ขทัยหลุดพ้นจากอานาจ ขอม เป็นรัฐอิสระ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๑๘๙๓ – ๑๙๑๒) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๑๘๙๓ จากการรวมแคว้นละโว้และแคว้นสุพรรณภูมิ อาณาจักร ไทยแห่งน้ีมีอายุถึง ๔๑๗ (พ.ศ. ๑๘๙๓– ๒๓๑๐) ปี จึงหมดอานาจลงจากการแพ้สงครามกับพม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและความกล้าหาญของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (กรุงธนบุรี) (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๑๐– ๒๓๒๕) ทาให้ทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนาอาณาจักรข้ึน ใหมท่ ่ีกรงุ ธนบุรี พระองค์สามารถรอื้ ฟ้ืนอาณาจักรขึ้นมาใหม่ ด้วยการปราบปรามชุมนุมต่างๆ การขยาย อานาจและป้องกันอาณาจักร กัมพูชา แต่ในปลายรัชกาล พระราชจริยวัตรที่ดูผิดปกติและปัญหาความ แตกแยกภายใน (กบฏพระยาสรรค์) ทาให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๕๒) ซ่ึงขณะน้ันทรงเป็นเจ้าพระยามหากษัติรย์ศึก เข้าปราบปรามแล้ว ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ หลังจากนั้น พระองค์โปรดให้ย้ายราชธานีจากรุงธนบุรไี ปยังท่ีตั้ง ใหม่ริมฝั่งแม่น้าเจ้าพระยาทางทิศตะวันออกใน พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรือ กรงุ เทพมหานคร เปน็ การสถาปนาอาณาจักรใหม่ ซงึ่ จะพฒั นาสบื ต่อมาเปน็ ประเทศไทยในปัจจบุ ัน ตลอดระยะเวลากว่า ๗๐๐ น้ี พระมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทยท้ังหลายเป็นผู้นาและ ร่วมกันปกป้องเและทานุบารุงอาณาจักรให้เจริญมั่นคงเป็นปึกแผ่นอยู่รอดถึงปัจจุบัน พระราชกรณีกิจ ต่างๆ มีสาคัญกับการอยู่รอดและความม่ันคงของอาณาจักร เช่น การเลือกที่ต้ังของราชธานี เช่น กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ แสดงถึงพระอัจฉริยภาพขององค์ผู้สถาปนาในการเลือกทาเล ท่ีต้ังเมืองริมแม่น้าหรือมีแม่น้าล้อมรอบ ซ่ึงเหมาะกับการป้องกันเมืองในยามสงคราม แต่ในยามปกติก็ เหมาะกับการเป็นเมืองท่าค้าขายกับภายในและภายนอกอาณาจักร การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๑๑๒ และครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ จากการทาสงครามกับพม่าท้ังสองครั้งก็สามารถกอบกู้เอกราช กลับคืนมาได้ก็จากพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทยท่ีร่วมกันต่อสู้ ได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๓๓ – ๒๑๔๘) ในขณะทรงเป็นพระมหาอุปราชใน แผ่นดินพระมหาธรรมราชธิราช (พ.ศ. ๒๑๑๒-๒๑๓๓) ได้ทรงประกาศอิสรภาพจากพม่าในพ.ศ. ๒๑๒๗ ทเ่ี มืองแครง หลังเสด็จฯ ข้ึนครองราชยก์ ็ทรงทานบุ ารุงอาณาจกั รให้เปน็ ปึกแผ่น และทาสงครามปกป้อง หรือขยายอาณาเขตอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะการกระทายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่าใน พ.ศ. ๒๑๓๕ ที่ตาบลหนองสาหร่าย (จังหวัดสุพรรณบุรี) ส่วนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชและร้ือฟ้ืนอาณาจักรไทยอีกคร้ังให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ครง้ั ท่ี ๒ ดังไดก้ ลว่ มาแล้ว แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเียรียนนรปู้รปู้ระรวะตัวตัศิ ศิาสาสตตร์เรพเ์ พอื่ ือ่สสรา้รง้าสงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๓ พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ในประวตั ิศาสตร์ไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทรงประกอบ พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ในการสร้างความมน่ั คงและความรุ่งเรืองแก่อาณาจกั ร ดังน้ัน พระราชกรณียกิจ ของพระมหากษัตริย์ไทยสาคัญๆ หลายพระองค์จึงเป็นปัจจัยสาคัญปัจจัยหนึ่งที่ทาให้ประเทศชาติ ม่ันคงและเจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้น พระราชกรณียกิจหลายอย่างมีส่วนสร้างเสริมภูมิปัญญาและ วัฒนธรรมที่แสดงออกถึงความเป็นไทยและสืบทอดกันต่อมา เช่น ในสมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคาแหง มหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๒ -๑๘๔๑) โปรดให้ประดิษฐ์ อักษรไทย ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ มีหลักฐานกล่าวไว้ ชัดเจนใน ศิลาจารึกหลักที่ ๑ และในสมัยรัตนโกสนิ ทรห์ รือกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช ทรงทานุบารงบ้านเมอื งเพื่อให้กลับไปร่งุ เรืองเหมือนสมยั อยุธยา จึงโปรดให้ฟื้นฟูและ ทานุบารงศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนงานวรรณกรรม และการศาสนา เช่น การสังคายนาพระไตรปิฎก สงิ่ เหล่านส้ี ะทอ้ นถึงภมู ปิ ญั ญาหรอื ความชาญฉลาดของบรรพบรุ ษุ ไทยดว้ ย ในสมัยกรุงเทพฯ นับตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๓ ปี ครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๖๗ – ๒๓๙๔) ไทยเร่ิมเผชิญกับภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติ มหาอานาจตะวันตกชัดเจนข้ึน รัชกาลที่ ๓ และพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อมาๆ ต่างทรงมีบทบาท สาคัญนาพาประเทศให้รอดพน้ จากภัยคุกคาม ทาให้ไม่ตกเป็นอาณานิคมเชน่ กับประเทศเพ่ือนบ้าน เช่น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๙๔– ๒๔๑๑) ทรงโอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของชาติตะวันตกดว้ ยการยอมเปิดการค้าเสรี กับชาติตะวันตก จึงทรงทาสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชยก์ ับชาติตะวันตก เชน่ รัชกาลท่ี ๓ โปรดให้ทาสนธิสัญญากับอังกฤษ (สนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. ๒๓๖๙) และสหรัฐอเมริกา (สัญญา รอเบิรตส์ พ.ศ. ๒๓๗๔) รัชกาลที่ ๔ โปรดให้ทาสัญญากับอังกฤษ (สนธิสัญญาเบาว์ริงพ.ศ. ๒๓๙๘) และสหรัฐอเมริกา (สนธสิ ัญญาแฮรสี พ.ศ. ๒๓๙๙) สนธิสญั ญาเบาว์ริงทาให้ไทยต้องยกเลิกการค้าผกู ขาดของหลวง และเปิดให้พ่อค้าประเทศ คู่สัญญาเขา้ มาค้าขายได้โดยเสรี มีการกาหนดอตั ราภาษีศุลกากรไว้ตายตัว เช่น ภาษีขาเข้าเก็บได้ไมเ่ กิน รอ้ ยละ ๓ ภาษีขาออกให้เก็บได้คร้ังเดียวตามอัตราที่กาหนด และการอนุญาตให้ตั้งกงสุลและศาลกงสุล เพื่อพิจารณาดดีท่ีบุคคลในบังคับชาติน้ันๆ กระทาผิด ซ่ึงหมายถึงการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต (extraterritoriality) แต่เพื่อให้ชาติตะวันตกถ่วงดุลอานาจกันเอง รัชกาลที่ ๔ โปรดให้ทาสนธิสัญญา ทานองเดียวกัน (จึงมักเรียกสนธิสัญญาที่ทาในช่วงเวลานี้ว่าสนธิสัญญาเบาว์ริง) กับชาติตะวันตกอื่นๆ ดว้ ย เชน่ ฝรั่งเศส โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ ปรัสเซีย (เยอรมนี) ในรัชกาลต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๔๑๑ – ๒๔๕๓) ก็โปรดให้ทาสนธิสัญญาหรือความตกลงที่เรยี กว่า ปฏิญญา) ทานองเดียวกับชาติตะวันตกอีก หลายประเทศ เช่น ออสเตรีย-ฮังการี และทาปฏิญญษกับชาติในเอเชียด้วยคือ ญี่ปุ่น การดาเนิน พระบรมราโชบายโอนอ่อนผ่อนตามและถ่วงดุลข้างต้นแสดงถึงความรอบรู้ความเป็นไปของโลกของ พระมหากษัตริย์ไทยทาให้ทรงหลีกเล่ียงท่ีจะเผชิญหน้ากับชาติตะวันตกและตกเป็นอาณานิคมของ ชาตติ ะวันตกได้ แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพือ่ อื่ สสรร้า้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๔ อย่างไรก็ดี ข้อตกลงบางอย่างในสนธิสัญญาเบาว์ริง ทาให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบในระยะ ยาวโดยเฉพาะการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ซ่ึงเป็นการเสียเอกราชทางการศาล เร่ืองนี้ต่อมา กลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของไทยท่ีสาคัญ เม่ือชาติมหาอานาจพยายามเพ่ิมอานาจและอิทธิพล ของชาติตในไทยด้วยการขยายสิทธินีค้ รอบคลุมไปถงึ คนเอเชียในบังคับของตนด้วย คนเอเชียในไทยที่มา จากอาณานคิ มของชาติตะวนั ตกจงึ พยายามอ้างสิทธนิ ี้เพ่ือหลีกเลีย่ งกฎหมายไทย กระน้ันก็ดี ข้อตกลงในสนธิสัญญาช่วยเอื้อให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัว การเปิดเสรีทาง เศรษฐกิจด้วยการยกเลิกการผูกขาดการค้าของหลวง การมีสินค้าท่ีตลาดต้องการ เช่น ข้าว ไม้สัก ดีบุก การกาหนดอัตราภาษีอากรไว้ต่าและตายตัว และการให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต ทาให้พ่อค้าชาติ ตะวันตกเข้ามาค้าขายและลงทุนในไทย จึงเกิดการขยายตัวทางการผลิตสินค้า และการลงทุนของ ต่างชาติในไทย เช่น โรงสีข้าว โรงเล่ือยไม้ ร้านค้า การผลิตเพื่อส่งออกของไทยท่ีเคยมีอยู่ก่อนแล้วได้ ขยายตัวออกไปมากขึ้น ทาให้ระบบเศรษฐกิจไทยเปล่ียนจากการผลิตเพื่อยังชีพเป็นการผลิตเพื่อการค้า เปน็ การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจเสรขี องไทยมาจนถงึ ปัจจุบนั ภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก โดยเฉพาะการเข้ายึดครองอาณาจักร เพื่อนบ้าน เช่น พม่า เวียดนาม กัมพูชา ทาให้พระมหากษัตริย์ไทยทรงดาเนินนโยบายต่างๆ เพ่ือลด เงื่อนไขไม่ให้ชาติตะวันตกใช้เป็นข้ออ้างในการยึดครอง ขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาประเทศให้มี ศักยภาพพอท่ีจะต่อรองกับชาติตะวันตกได้ จึงเกิดการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยอย่างขนาดใหญ่ใน รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวมีการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในทุก ด้าน เช่น การปกครองประเทศและบริหารราชการแผ่นดินเพื่อเพิ่มอานาจให้ส่วนกลางเข้าดูแลหัวเมือง ตา่ งๆ และหวั เมอื งประเทศราชได้โดยตรง กฎหมายและการศาลเพื่อให้เป็นไปตามแบบตะวันตกซึ่งจะทา ให้ชาติตะวันตกยอมรับและคืนสิทธิสภาพนอกอาณาเขตแก่ไทย การศึกษาเพ่ือต้องการคนท่ีมีความรู้ วิทยาการตามแบบตะวันตกสาหรับทางานให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ การชลประทานเพื่อ การขยายพ้ืนที่การทานาให้สอดคล้องกับความต้องการข้าวเพื่อการส่งออกการคมนาคมทางบก โดยเฉพาะรถไฟเพ่ือกระชับการปกครองและการป้องกันประเทศ การทหารเพื่อให้มีทหารอาชีพทา หนา้ ท่ปี ้องกันประเทศ และวฒั นธรรมตา่ งๆ เช่น การแตง่ กายเพอื่ ใหท้ ันสมัยเป็นที่ยอมรับ สาหรบั การปกครองและการบริหารราชการแผ่นดนิ มีข้ึนท้ังในสว่ นกลาง (การตง้ั กระทรวง ทบวงกรม) ส่วนภมู ิภาค (ระบบเทศาภิบาล) และสว่ นท้องถิ่น (การแบ่งเป็นหมู่บ้าน-ตาบล) ทาให้อานาจ การปกครองถูกดึงไปรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลางท่ีสถาบันพระมหากษัตริย์ ผลสาคัญท่ีได้ก็คือ เอกภาพ ทางการปกครอง โดยเฉพาะการนาระบบเทศาภิบาลมาใช้นั้นทาให้สามารถผนวกดินแดนต่างๆ ท้ังใน ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มาอยู่ใต้รัฐบาลเดียว การปกครองของไทยจึงเปล่ียน จากแบบรัฐจารีตเป็นรัฐสมัยใหม่หรือรัฐชาติ เป็นแบบรัฐเดี่ยว ตามองค์ประกอบของการเป็นรัฐชาติ การเกิดรัฐชาติในช่วงนี้ยังเป็นการรวมผู้คนท่ีแตกต่างกันทางชาติพันธ์ุและวัฒนธรรมด้วย เป็นท่ีมาหนึ่ง ของความหลากหลายของชาตพิ นั ธ์ุและวฒั นธรรมในสังคมไทยปจั จบุ นั แนแนวกวการาจรัดจัดกการาเรรเยีรียนนรปู้รูป้ระรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตรเ์รพ์เพ่อื ือ่สสรา้รงา้ สงสานำนกึ ึกคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิ ตทไิยทย
๑๕ นอกจากนั้น การปฏิรูปหลายด้านเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโฉมหน้าสังคมไทยสู่สังคม ประชาธิปไตยที่คานึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถือเป็นการวางรากฐานประชาธิปไตย เช่น การยกเลิกระบบไพร่-ทาส การปฏิรูปกฎหมายและการศาลตลอดจนกระบวนการยุติธรรมต่างๆ และ การปฏิรูปการศึกษาก็เป็นการวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน ส่วนการเริ่มจัดการศึกษาจาก ส่วนกลางด้วยการใช้หลกั สูตรเดียวกัน (ต่อมามีการศึกษาภาคบังคับในรชั กาลที่ ๖) ทาให้ประชาชนเรมิ่ มี ความสานึกเป็นไทยร่วมกัน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สอดคล้องกับการสร้างรัฐชาติ ที่กาลังดาเนินอยู่ในเวลาน้ัน (ขณะนั้นกาลังมีการปักปันเขตแดนให้แน่นอนชัดเจน การสร้างรัฐบาลที่ เข้มแข็งและมีอานาจอธิปไตยหรืออานาจปกครองดินแดน) เป็นประโยชน์สาหรับการต่อต้านกับ จักรวรรดินยิ มตะวนั ตก ขณะเดียวกันรัชกาลท่ี ๕ ได้ทรงนาพาประเทศเข้าสู่เวทีโลก เพ่ือแสดงความเป็นเอกราช ของไทย เช่น ไทยเป็นสมาชิกสหภาพไปรษณีย์สากล การส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับกฎหมาย สงครามที่กรุงเฮก (พ.ศ. ๒๔๕๐) การเข้าเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศได้เท่ากับได้รับ การรับรองว่า ไทยเป็นชาติเอกราช นอกจากน้ัน ยังเสด็จฯ ไปเยือนอาณานิคมของชาติตะวันตก เช่น สิงคโปร์ ชวา อินเดีย และประเทศต่างๆ ในยุโรปถึง ๒ ครั้ง (อย่างเป็นทางการในพ.ศ. ๒๔๔๐ และไม่ เป็นทางการในพ.ศ. ๒๔๕๐) นอกจากเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติตะวันตกแล้ว การถวาย การต้อนรับจากประมุขชาติตะวันตกยังแสดงออกถึงการยอมรับว่า รัชกาลท่ี ๕ ทรงเป็นประมุขของ ประเทศเอกราชที่เสมอกันดว้ ย ในรัชกาลต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๔๖๘) ทรงร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรในการทาสงครามกับฝ่ายมหาอานาจกลางในสงครามโลก คร้ังที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๕๗– ๒๔๖๑) ด้วยการประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการีใน พ.ศ. ๒๔๖๐ และการส่งกองทหารอาสาไปรบในยุโรป เป็นการนาพาประเทศไทยเข้าสู่เวทีโลกอย่าง เสมอเท่าเทียมกับชาตติ ะวันตก ผลทไี่ ด้ประการหนึ่งคือ ไทยอยู่ฝ่ายชนะสงคราม ทาใหไ้ ทยสามารถบอก เลิกสนธิสัญญากบั เยอรมนีและออสเตรยี -ฮังการี ซึ่งเป็นฝ่ายมหาอานาจกลาง เป็นการเรมิ่ ต้นที่สาคัญที่ จะแกไ้ ขสนธิสัญญาท้ังฉบับ และทาสนธิสญั ญาฉบับใหม่กบั ชาติอืน่ ในเวลาต่อมา อย่างไรกด็ ี กว่าไทยจะ ไดเ้ อกราชทางการศาลสมบรู ณก์ ห็ ลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. ๒๔๗๕ แล้ว การเปิดประเทศและการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยทาให้ประเทศไทยเปิดรับแนวคิดใหม่ จากโลกตะวันตกผ่านทางการศึกษาแบบตะวันตก สื่อหนังสือพิมพ์ และอื่นๆ แนวคิดตะวันตกที่สาคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยคือ ประชาธิปไตย ในที่สุด ชนช้ันนาใหม่ทั้งพลเรือนและ ทหารทเ่ี ป็นผลผลิตของการศกึ ษาตามแบบตะวนั ตกในนามคณะราษฎร ได้ยึดอานาจเปล่ียนการปกครอง ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗ การประนีประนอมกับคณะราษฎรของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๖๘ – ๒๔๗๗) ทาใหไ้ ม่เกิดการต่อสู้นองเลือด การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ของไทยจึงเรม่ิ ต้นข้นึ ตง้ั แตน่ ้ันเปน็ ต้นมา แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรรเ์ พ์เพอ่ื อ่ื สสรร้า้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๑๖ อย่างไรก็ดี เม่ือมองย้อนกลับไปก่อนการเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ พบว่า พระมหากษัตริย์ ๓ พระองค์ได้แก่ รชั กาลที่ ๕, ๖, และ ๗ ต่างมีพระราชดาริและพระราชกรณียกิจท่ีจะ เป็นการวางรากฐานประชาธิปไตยของไทย โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ซ่ึงทาให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากข้ึน รัชกาลท่ี ๖ ทรงเปิดให้เสรีภาพแก่หนังสือพิมพ์ และรัชกาล ที่ ๗ มีพระราชดารทิ จ่ี ะพระราชทานรฐั ธรรมนูญ แต่มผี ไู้ ม่เห็นด้วย เรอ่ื งจงึ ระงับไป หลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครองประมาณ ๑๐ ปี ระหว่างทจี่ อมพล ป. พิบูลสงครามเป็น นายกรัฐมนตรี (พ.ศ. ๒๔๘๑ – ๒๔๘๗) ไทยต้องเผชิญกับสงครามครั้งใหญ่อีกครั้งหน่ึงจากการเกิด สงครามโลกคร้ังที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๘๒– ๒๔๘๘) หลังเกิดสงครามโลกในยุโรป ไทยประกาศนโยบายเป็น กลาง และมีการปลุกใจคนไทยให้เตรียมการต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ ไทยต้องเผชิญกับสงคราม โดยตรงจากการบุกของญ่ีปุ่นในต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ในสงครามมหาเอเชียบูรพา ทหาร ตารวจ ยวุ ชน และประชาชนตา่ งร่วมกนั ต่อตา้ นการรกุ รานของญี่ปนุ่ แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รัฐบาลจอมพล ป. ก็เลือกที่จะยอมตามความต้องการของญ่ีปุ่นที่อ้างว่าต้องการเดินทัพผ่านไทยไปยังอาณานิคมของ อังกฤษ (พม่าและมลายู) และไม่ก่ีวันตอ่ รัฐบาลไทยก็ได้ร่วมมือใกลช้ ิดและเป็นพันธมิตรร่วมรบกับญ่ีปุ่น ตามมาด้วยการประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ ในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ด้วยเหตุผล วา่ เพอื่ ดารงเอกราชของชาติไว้ ขณะที่คนไทยฝ่ายที่ไม่เหน็ ด้วยทีอ่ ยู่ในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ และอังกฤษ ต่างจัดต้ังขบวนการต่อต้านที่ต่อมาเรียกรวมๆ ว่า ขบวนการเสรีไทย มีวัตถุประสงค์เพ่ือกอบกู้เอกราช ด้วยการร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร สมาชิกของขบวนการเสรีไทยจากนอกประเทศถูกส่งเข้ามา ปฏิบัติการในไทย ขณะท่ีขบวนการเสรีไทยภายในประเทศติดต่อร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร การเคลือ่ นไหวของขบวนการเสรีไทยแสดงถึงการเสียสละของคนไทย ซงึ่ สว่ นใหญ่ยงั เปน็ คนหนุ่มคนสาว คือ นักศึกษาและข้าราชการ การเคล่ือนไหวของขบวนการเสรีไทยมีส่วนทาให้ไทยไม่ตกเป็นประเทศ ผแู้ พส้ งคราม ตา่ งไปจากญ่ีปุ่น จุดท่ีควรเน้นในแต่ละหน่วย ส่ิงท่ีครูควรรู้ การสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ ๑. พัฒนาการประวัตศิ าสตรไ์ ทยอยา่ งสัน้ ๆ ตั้งแต่อาณาจักร หรือ กรุงเทพมหานคร (ป. ๖): สุโขทยั ถงึ ปัจจบุ นั เพ่ือช้ีให้เห็นว่า การสถาปนากรุง รตั นโกสินทร์ อยู่ตรงไหนของประวัตศิ าสตร์ไทย การสถาปนกรุงรัตนโกสนิ ทรเ์ ปน็ ๒. แผนทกี่ รงุ เทพฯ เพ่ือแสดงการย้ายทต่ี ั้ง และอาณาเขตใน การวางรากฐานประเทศไทยสืบ สมัยรชั กาลท่ี ๑ เพ่อื แสดงถึงการสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ต่อ ตอ่ มาจากสมัยธนบุรี กรุง จากสมยั ธนบุรี ซ่ึงจะกลายเป็นอาณาเขตของไทยในปจั จุบัน รัตนโกสินทรห์ รอื กรงุ เทพฯ นี้จะ ๓. รายพระนามพระมหากษตั รยิ ์ ๙ พระองค์ และพระราชกรณีย พฒั นาการมาเป็นประเทศไทย กิจสาคญั ในการปกป้องและทานบุ ารงุ บา้ นเมือง ตลอดจน ปจั จบุ นั โดยมีพระมหากษตั รยิ ์ เหตุการณส์ าคัญทท่ี าใหป้ ระเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้ร้ปูระรวะตัวัตศิ ศิาสาสตตรเ์รพ์เพือ่ ือ่สสร้ารง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๗ จุดทค่ี วรเน้นในแตล่ ะหนว่ ย ส่ิงท่ีครูควรรู้ ทรงเป็นผู้นาร่วมกับบรรพบุรุษ ไทยในการปกป้องและทานุบารงุ บา้ นเมอื ง การเสยี กรุงศรีอยธุ ยาคร้งั ที่ ๑ ๑. ภาพรวมของประวัตศิ าสตรส์ มยั อยุธยาและธนบรุ ีท้ังหมดเพ่ือ และคร้ังท่ี ๒ (ม. ๒): ช้ใี ห้เหน็ ว่า การเสยี กรุงศรอี ยุธยาคร้ังท่ี ๑ และคร้งั ท่ี ๒ อยู่ ตรงไหนของประวัตศิ าสตร์ ปญั หาความแตกแยกภายใน ๒. การเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้งั ที่ ๑ และ ๒ ศึกษาสาเหตุและผล อาณาจักร ซึง่ จะเป็นสาเหตุหน่ึง ๓. บทบาทของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้า ทาให้อาณาจกั รอ่อนแอจนพ่าย ตากสินมหาราชในการกอบกู้เอกราชและการสรา้ งอาณาจักร แพ้แกข่ า้ ศกึ และพระปรีชา ให้เปน็ ปกึ แผ่น สามารถของพระมหากษตั ริย์ และบรรพบุรษุ ในการกอบกู้เอก ราช ปจั จยั ความเจริญของอาณาจักร ๑. ภาพรวมของประวตั ศิ าสตร์สมยั อยุธยาและสมยั ธนบรุ ที ง้ั หมด อยุธยาและอาณาจักรธนบุรี (ม. ๒): (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๒๕) ๒. ปจั จัยที่ทาให้อาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรธนบรุ มี ีความ พระราชกรณยี กิจของ ม่ันคงและเจริญรงุ่ เรือง พระมหากษัตรยิ ์และการ ๓. รายพระนามพระมหากษัตรยิ ์องค์สาคัญและพระราชกรณยี เสียสละของบรรพบุรษุ ไทยท่ีทา กจิ ท่ที าให้อาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรธนบรุ ีมคี วาม ใหอ้ าณาจักรอยธุ ยาและธนบรุ ี มัน่ คงและเจริญรุ่งเรือง มน่ั คงและเจรญิ ร่งุ เรอื ง ๔. รายนามบรรพบุรุษไทยคนสาคญั ท่ีทาใหอ้ าณาจักรอยธุ ยา และอาณาจักรธนบรุ มี ีความมั่นคงและเจริญรุ่งเรอื ง ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้ังท่ี ๑. ภาพรวมของประวัตศิ าสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ จนถงึ ส้นิ สดุ ๑ (ม. ๓): สงครามโลกครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๘๒ – ๒๔๘๘) โดยเฉพาะ ดา้ นการตา่ งประเทศ พระอจั ฉรยิ ภาพของรัชกาลท่ี ๖ ๒. การเข้ามาตดิ ต่อไทยของชาติตะวนั ตกในสมัยรัชกาลที่ ๑, ๒ ในการตัดสนิ พระทยั เข้าร่วม และ ๓ สงคราม ๓. การทาสนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ กับองั กฤษและสนธสิ ัญญาไม่เสมอ ภาคกับชาตอิ ืน่ ๆ ในสมัยรชั กาลท่ี ๔ และ ๕ สาระสาคญั และผลดีผลเสยี โดยเฉพาะปัญหาการเสียเอกราชทางการ ศาลหรอื สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ือ่ สสรร้า้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๑๘ จดุ ท่คี วรเน้นในแต่ละหนว่ ย สง่ิ ที่ครูควรรู้ ๔. สาเหตุของสงครามโลกคร้ังที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๕๗ ๕. เหตุผลที่ทาใหไ้ ทยประกาศสงครามกับเยอรมนีและ ออสเตรยี -ฮังการีใน พ.ศ. ๒๔๖๐ ๖. บทบาทของกองทหารอาสาไทยในยโุ รป ๗. ผลประโยชนท์ ีไ่ ทยได้ในระยะสัน้ และระยะยาว เช่น การ ยกเลกิ สนธสิ ญั ญาไมเ่ สมอภาคกบั เยอรมนีและออสเตรีย- ฮงั การี และการแก้ไขสนธสิ ญั ญากบั นานาประเทศ ตลอดจน การเปน็ สมาชกิ องค์การสนั นิบาตชาติ ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้ังท่ี ๑. ภาพรวมของประวัติศาสตร์สมยั รัตนโกสนิ ทร์ จนถงึ สน้ิ สดุ ๒ (ม. ๓) : สงครามโลกครั้งท่ี ๒ โดยเฉพาะในด้านการตา่ งประเทศ ๒. สถานการณ์ในเอเชยี ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๘๐ ซ่ึงจะนาไปสู่ ความกล้าหาญและการเสียสละ สงครามมหาเอเชยี บูรพา เดือนธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ของบรรพบุรุษไทยในสงคราม ๓. การเกดิ มหาสงครามในยโุ รป พ.ศ. ๒๓๘๒ ท่ีเกย่ี วโยงกบั มหาเอเชียบรู พา เชน่ ทหาร สงครามในเอเชยี ตารวจ ยุวชนทหารและ ๔. การประกาศเปน็ กลางของไทย (รัฐบาลจอมพล ป. พิบูล ขบวนการเสรไี ทย สงคราม) หลงั เกิดสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ ในยุโรปและ เคลือ่ นไหวต่อตา้ นการรุกรานจากตา่ งชาติ ๕. การเกิดสงครามมหาเอเชยี บรู พาและการบกุ ไทยของกองทัพ ญี่ปนุ่ ในเดอื นธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ๖. สาเหตทุ ่ีทาให้ไทยรว่ มมือเป็นพันธมติ รรว่ มรบกับญีป่ ุน่ ของ ไทย ซ่ึงจะตามมาด้วยการประกาศสงครามกบั สหรัฐฯ และ องั กฤษในวนั ท่ี ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ๗. การเกดิ ขบวนการเสรีไทยในไทยและต่างประเทศ ตลอดจน การเคล่ือนไหวร่วมมือกบั ฝา่ ยสัมพนั ธมติ รต่อตา้ นญีป่ ่นุ ๘. ความแตกต่างระหวา่ งนโยบายของสหรัฐฯ กับอังกฤษที่มีต่อ การประกาศสงครามของไทย ซ่งึ จะทาให้ไทยได้ประโยชน์ ๙. ผลท่ีได้จากการร่วมมือกบั ฝา่ ยสมั พันธมติ รของขบวนการเสรี ไทย โดยเฉพาะสหรัฐฯ การวางรากฐานประชาธปิ ไตย ๑. ภาพรวมของประวตั ิศาสตร์สมยั รัตนโกสนิ ทร์ จนถงึ การ (ม.๔ – ๖): เปล่ยี นแปลงทางการเมือง พ.ศ. ๒๔๗๕ ๒. ภาพรวมของพระราชกรณยี กิจดา้ นต่างๆ ของ รัชกาลที่ ๕, แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเยีรียนนรปู้รู้ประรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตรเ์รพ์เพ่ืออ่ืสสร้ารงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๙ จุดที่ควรเน้นในแตล่ ะหน่วย สงิ่ ที่ครูควรรู้ ก่อนทจ่ี ะมีการเปล่ยี นแปลงการ ๖ และ ๗ ท่ีจะเปน็ การวางรากฐานประชาธิปไตย ปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ รชั กาลที่ ๓. การปฏริ ูปประเทศดา้ นตา่ งๆ ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ เช่น ๕, ๖ และ ๗ ทรงมีบทบาทใน การศกึ ษา และการเลิกระบบไพร่-ทาส ซ่งึ จะทาใหป้ ระชาชน การวางรากฐานประชาธิปไตย เป็นเสรีชน และพระราชดาริของรัชกาลท่ี ๕ เกย่ี วกับ โดยเฉพาะการปฏริ ูปประเทศ รัฐธรรมนูญ ด้านตา่ งๆ ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ ๔. การให้เสรภี าพแก่หนงั สือพมิ พ์ในรัชกาลท่ี ๖ ซ่งึ จะเป็นการ เป็นการเรม่ิ ต้นให้สทิ ธพิ ลเมือง เปิดกวา้ งทางความคิด การตงั้ ดสุ ิตธานี แก่คนไทยและเป็นการสร้าง ๕. พระราชดาริที่จะพระราชทานรัฐธรรมนญู ของรชั กาลท่ี ๗ สานึกของความเป็นชาตริ ่วมกนั ๖. การเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ และผล พระราชดารเิ ก่ียวกับการ พระราชทานรฐั ธรรมนูญและ ประชาธิปไตยของท้ังสาม พระองคแ์ สดงถึงการให้ ความสาคญั กบั การปกครองใน ระบอบประชาธปิ ไตย โดยเฉพาะสทิ ธิขน้ั พ้นื ฐานของ ประชาชน ตวั อย่างแหลง่ ขอ้ มลู เพื่อการสบื คน้ เพิม่ เตมิ ส่งิ พิมพ์ กองบัญชาการทหารสูงสุด. สงครามเกา้ ทพั . กรงุ เทพฯ: กรมยุทธศกึ ษาทหาร, ๒๕๔๓. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา. ๗๕ เล่ม (แยกตามจังหวัด). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔. (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและ จดหมายเหตุในคณะกรรมการอานวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวจัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ, ๕ ธนั วาคม ๒๕๔๒) มที งั้ เปน็ เลม่ และดจิ ิทลั สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน. เล่ม ๑– ๓๗.มที ัง้ เปน็ เล่มและดจิ ิทลั หนังสือสารานุกรมไทย ฉบับเสริมการเรยี นรู้. เล่ม ๑ – ๑๙. มีทัง้ เปน็ เล่มและดจิ ิทลั แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ู้ปรระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พ์เพือ่ อื่ สสรรา้ ้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๐ ส่งิ พิมพ์ดจิ ทิ ัล วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา. ๗๕ เล่ม (แยกตามจังหวัด). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔. (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและ จดหมายเหตุในคณะกรรมการอานวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระ บาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวจัดพิมพ์เน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๔๒.) แหล่งสบื ค้น เว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม (บริการข้อมูล>หนว่ ยงานในสงั กัด>ขอ้ มูลวฒั นธรรม ๗๕ จงั หวัด) (e-book) สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน. เลม่ ท่ี ๑– ๓๗. แหลง่ สบื คน้ เวบ็ ไซตเ์ ครอื ขา่ ยกาญจนาภเิ ษกhttp://kanchanapisek.or.th/kp๖/(e-book) เชน่ เลม่ ที่ ๒ มเี รือ่ ง มหาราชในประวัตศิ าสตรไ์ ทย กรงุ เทพมหานคร, เล่มที่ ๔ มเี ร่อื ง การ ศาสนา การตา่ งประเทศสมัยรัตนโกสินทร์ และลาดบั พระมหากษัตริย์ไทย, เลม่ ที่ ๑๘ มีเร่อื ง สภาพแวดลอ้ มกับการตั้งถิน่ ฐานของมนุษย์ ประเพณหี ลวงและประเพณรี าษฎร์ การแต่งกายของคนไทย กฎหมายกบั สงั คมไทย ประวัตกิ ารพิมพ์ไทย ภาษา และอักษรไทย, ฯลฯ หนังสือสารานุกรมไทย ฉบับเสรมิ การเรยี นรู้. เล่ม ๑ – ๑๙. แหลง่ สืบคน้ เวบ็ ไซต์เครอื ขา่ ยกาญจนาภเิ ษก. http://kanchanapisek.or.th/kp ๖/sub/Sbook/Sbook.php (e-book-บางเรอ่ื ง) วิชาการป้องกันประเทศ, สถาบัน. การกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช. กรุงเทพฯ:กอง ประวัติศาสตร์และโบราณคดที หาร, ม.ป.ป. คลังความรู้ดิจติ อลของ สปท. แหล่งสืบค้น http://๒๐๒.๑๘๓.๒๓๕.๑๔/ndsi_tank/(e-book) เวบ็ ไซต์ โครงการเครือขา่ ยห้องสมุดในประเทศไทย. แหลง่ สืบคน้ http://๒๐๒.๒๘.๑๙๙.๓/tdc/basic.php (แหล่งรวมวทิ ยานพิ นธแ์ ละวจิ ยั ทางประวัติศาสตร์ และศาสตร์สาขาอ่นื )(e-book) พิพิธภณั ฑ์พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัว. แหล่งสืบค้น http://www.kpi.ac.th/kingprajadhipokmuseum/ (มขี ้อมลู เก่ยี วกับพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั นิทรรศการ สื่อการศึกษา ภาพ ฯลฯ) มี ใบความรู้ รฐั สภาไทย. แหล่งสืบคน้ http://www.parliament.go.th/ (มีข้อมลู เกยี่ วกับรฐั สภาไทย โดยเฉพาะจาก “ศูนย์ข้อมูลนติ ิบญั ญัติ” มีเอกสารเก่ียวกับการ ประชมุ เชน่ ระเบยี บวาระ บันทึกการประชุม ข้อมลู การออกเสยี งลงคะแนน ฯลฯ ราชกิจจานุเบกษา. แหล่งสืบคน้ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/ แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รู้ประรวะตัวตัศิ ิศาสาสตตรเ์รพเ์ พ่อื อ่ืสสรา้รงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๑ (เปน็ แหลง่ รวมประกาศของทางราชการ กฎหมายตา่ งๆ ตงั้ แต่รัชกาลที่ ๔ ถงึ ปจั จบุ ัน ซึ่งจัดว่า เป็นหลกั ฐานชน้ั ต้นในการศึกษาประวัติศาสตร์ สามารถสืบค้นและดาวน์โหลดได้) สานกั พระราชวัง. แหลง่ สืบค้น http://www.brh.thaigov.net/brh-๒๐๑๑/index.php (มีข้อมูลเก่ียวกับพระราชดารัส พระราชกรณยี กจิ ข่าวในพระราชสานกั พระบรมมหาราชวงั และพระราชวังต่าง ๆ (สามารถชมทวั รเ์ สมอื นจริง) คลังภาพ ฯลฯ) สานกั ราชเลขาธกิ าร. แหลง่ สบื คน้ http://www.ohm.go.th/th/office-of-his-majesty-principal- private-secretary (มขี ้อมูลเกีย่ วกับสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ข่าวในพระราชสานกั โครงการอันเน่อื งมาจาก พระราชดาริ โครงการพระราชทานความชว่ ยเหลอื แถลงการณแ์ ละประกาศ ข่าวตัดจากหนงั สอื พมิ พ์ วดี ทิ ศั น์ ภาพ ฯลฯ) “องค์ความร.ู้ ” กระทรวงวฒั นธรรม. แหล่งสืบคน้ http://www.m-culture.go.th/index.php/th/ (บรกิ ารข้อมลู >หน่วยงานในสงั กัด>ขอ้ มูลวัฒนธรรม ๗๕ จังหวัด >องคค์ วามรู้) (มีหวั ขอ้ เร่ืองต่างๆ เชน่ ประวตั ิศาสตรไ์ ทย บุคคลสาคัญของชาติ ศาสนา-ความเชอ่ื ประเพณี- พิธีกรรม ภาษาไทย วรรณกรรมไทย ภูมปิ ัญญาไทย ข้อมูลวัฒนธรรม ๗๕ จงั หวดั อยา่ งไรกด็ ี หลายเรอื่ ง ไม่ใช่ผลงานของกระทรวงวฒั นธรรม เป็นสาเนาจากแหล่งบรกิ ารข้อมลู อน่ื ) แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ูป้ รระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เพ์เพอ่ื ื่อสสรร้าา้งงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๒๒ ตวั อยา่ งแผน ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ รา่ งแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ รหสั วชิ า...................... กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมชั้น จานวน ๔ ชว่ั โมง จานวน ๔ ชวั่ โมง รายวิชา ประวตั ิศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี เร่ือง การสถาปนาอาณาจกั รรัตนโกสนิ ทร์ หน่วยย่อยท.่ี .........เร่อื ง การสถาปนาอาณาจักรรตั นโกสนิ ทร์ ๑. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาไทย มีความรัก ความภาคภมู ใิ จ และธารงความเป็นไทย ตัวชวี้ ดั ป.๖/๑ อธิบายพฒั นาการของไทยในสมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ป.๖/๒ อธบิ ายปจั จยั ที่ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของไทยสมัยรตั นโกสินทร์ ๒. สาระสาคัญ ผู้นา ที่ตั้งเมืองหลวง สภาพภูมิศาสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยสาคัญท่ี ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร สาหรับอาณาจักรไทย ปัจจัยผู้นาคือ พระมหากษัตริย์ ซ่ึงมีบทบาทสาคัญร่วมกบั บรรพบรุ ุษไทยในการปกป้องและทานุบารุงอาณาจักรไทยให้ พัฒนาสืบเนื่องต่อมาเปน็ ประเทศไทยในถงึ ปัจจุบนั ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธิบายเหตุผลของการสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร์เปน็ ราชธานขี องไทย ๒. อธิบายพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในการสถาปนากรุง รัตนโกสินทรใ์ น พ.ศ. ๒๓๒๕ และการสร้างความเป็นปกึ แผ่นแกอ่ าณาจกั ร ๓. มองเห็นพัฒนาการของประวัติศาสตร์ไทยหลังการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์อย่างส้ันๆ มา จนถงึ ปัจจุบนั (เพ่ือแสดงความสบื เนอ่ื ง) ๔. อธบิ ายปจั จยั ทส่ี ง่ เสรมิ ความเจริญรุ่งเรืองของสมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ๕. ตระหนักถึงความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และพระมหากษตั รยิ ท์ ี่ทรงมีพระราชกรณยี กิจสาคญั ในการทานุบารงุ ประเทศ ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ เหตผุ ลทที่ าใหม้ ีการสถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทร์เป็นราชธานีของไทย ๔.๒ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในการสถาปนากรุง รัตนโกสินทรแ์ ละสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่อาณาจักร แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเียรียนนรปู้รู้ประรวะตัวัตศิ ิศาสาสตตรเ์รพเ์ พือ่ ื่อสสร้ารง้าสงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาไิ ตทไิยทย
๒๓ ๔.๓ พัฒนาการของกรุงรัตนโกสินทร์ท่ีสืบเน่ืองต่อเน่ืองเป็นประเทศไทยปัจจุบัน นับตั้งแต่การ สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ได้แก่ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลท่ี ๑-๓) สมัยปฏิรูปประเทศให้ ทันสมัย (รัชกาลที่ ๔-๗) และสมัยประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕-ปัจจุบัน) (เพื่อแสดงความสืบเน่ือง และ แต่ละสมัยมีลักษณะเด่นอะไร เช่น สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นการฟื้นฟูอาณาจักรให้เป็นแบบสมัย อยุธยา หรือสมัยบ้านเมืองดี สมัยปฏริ ูปประเทศ เป็นช่วงการเปิดประเทศและปฏริ ูปประเทศให้ทันสมัย ในด้านต่างๆ และสมัยประชาธิปไตย เป็นการปกครองประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ ) ๔.๔ ปัจจัยท่ีส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น ผู้นา, ท่ีต้ังราชธานี, สภาพ ภมู ศิ าสตร์ สภาพสงั คม และสภาพเศรษฐกิจ ๕. ทักษะ/กระบวนการ ๕.๑ การจาแนก ๕.๒ การให้เหตุผล ๕.๓ การสรุปความรู้ ๕.๔ การรวบรวมขอ้ มลู ๕.๕ การวเิ คราะห์ ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๖.๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (คสช. มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ) ๖.๒ ใฝเ่ รียนรู้ (คสช. ใฝ่หาความรู้ หมนั่ ศกึ ษาเลา่ เรียน) ๖.๓ ม่งุ มั่นในการทางาน (คสช. คานงึ ถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและของชาติมากกวา่ ผลประโยชน์ ของตนเอง) ๖.๔ รักความเปน็ ไทย (คสช. รักษาวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม) ๗. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๗.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๗.๒ ความสามารถในการวิเคราะห์ ๗.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๗.๔ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๗.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๘. หลกั ฐานการเรยี นรู้ ๘.๑ ชนิ้ งาน - รายงานปัจจัยที่ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น ผู้นา ท่ีต้ังราชธานี สภาพภูมิศาสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกิจ - แผนภูมิพระราชประวัติและเส้นเวลาแสดงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ พทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชในการสถาปนาและทานุบารุงกรงุ รัตนโกสนิ ทรเ์ ปน็ ราชธานขี องไทย แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรียยี นนรรปู้ ้ปู รระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพอื่ อ่ื สสรร้า้างงสสาำนนึกกึ คคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::คควาวมามเปเปน็ ม็นมาขาอขงอชงาชตาติไทไิ ทยย
๒๔ ๘.๒ ภาระงาน - อธิบายสาเหตใุ นการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีของไทย - บรรยายความรู้สึกความภาคภูมใิ จในความเจริญรุ่งเรอื งของกรงุ รตั นโกสนิ ทรเ์ ปน็ เมือง หลวงของไทย ๙. การวัดและการประเมนิ เป้าหมาย วิธีวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมิน ดา้ นความรู้ ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมินการ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะ/ ผลงาน นาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ กระบวนการ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ สาคญั ของผู้เรียน สาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะท่ี แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ อันพึงประสงค์ พงึ ประสงค์ ที่พึงประสงค์ ดา้ นสมรรถนะที่ สงั เกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ สาคญั ของผู้เรยี น ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ๑๐. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (วิธสี อนเน้นกระบวนการกลุ่ม/ การจัดการเรยี นร้แู บบรว่ มมือ/ การเรยี นรู้ แบบเส้นเวลา (Timeline) การจัดการเรียนรแู้ บบสร้างองค์ความรู้ ช่ัวโมงท่ี ๑-๒ การสถาปนากรุงรตั นโกสนิ ทร์ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น ๑. ครเู ปดิ เพลง กรุงเทพมหานคร ใหน้ ักเรยี นฟัง ๑ รอบ พร้อมฉายเนื้อเพลงบน Power Point แลว้ ใหน้ กั เรยี นรอ้ งเพลงกรงุ เทพมหานครพร้อมๆ กนั ๑ รอบ ๒. ให้นักเรยี นอ่านชอื่ เต็มของกรงุ รตั นโกสินทร์ พร้อมๆ กัน ๑ รอบแลว้ สนทนาสอบถามทม่ี า ของชื่อและให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมาย “ กรงุ เทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหนิ ทราอยุธยามหาดิลก นพรัตนราชธานบี รุ รี มย์ อดุ มราชนเิ วศนมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สกั กทัตติยวิษณกุ รรมประสทิ ธิ์” ๓. ครูและนักเรยี นช่วยกนั แปลความหมายของชื่อกรงุ รัตนโกสินทร์แลว้ เปิด Power Point ความหมายของกรุงเทพมหานครให้นกั เรยี นดู “ เมอื งของเทวดาอนั เปน็ อมตะสงา่ งามด้วยแก้ว ๙ ประการและเป็นท่ปี ระทับของพระเจา้ แผ่นดินเมืองที่มีพระราชวงั หลายแห่งดุจเปน็ วิมานของเทวดาซึ่งมพี ระวษิ ณุกรมสร้างขึ้นตามบัญชา ของพระอนิ ทร์” แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรียนนรปู้รู้ประรวะัตวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพอื่ ่อืสสร้ารง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิ ตทิไยทย
๒๕ ขน้ั สอน ๑. ครูต้ังคาถามว่า ก่อนสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวง ไทยมีอาณาจักรท่ีสืบเน่ือง ต่อมาเป็นอาณาจักรกรุงเทพอะไรบ้าง และเมืองหลวงชื่ออะไร ให้นักเรียนตอบคาถามแล้วครูสรุปให้ นักเรยี นดู เปน็ เสน้ เวลา (Timeline) บนแผนผังจาก Power Point หรอื บนกระดานดา ๒. ครูเล่าเหตุการณ์ความไม่สงบภายในกรุงธนบุรีก่อนที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราชจะปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ แล้วโปรดให้ย้ายเมืองหลวงไปท่ีใหม่เป็นการ สถาปนากรุงรัตนโกสินทใน พ.ศ. ๒๓๒๕ จากนั้นครูต้ังคาถามว่า ทาไม ต้องย้ายเมืองหลวงจาก กรุง ธนบุรี เมืองหลวงเกา่ มาสถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร์เมืองหลวงใหม่ ๓. ครูให้นักเรียนศึกษาหนังสือประกอบการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ช้ัน ป. ๖ และใบความรู้ ที่ ๑ เร่ืองการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใหม่ของไทย แล้วร่วมกันอภิปรายถึง เหตุผล การ ยา้ ยเมอื งหลวงจากกรงุ ธนบุรไี ปสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ๔. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุป เหตุผล ในการย้ายเมืองหลวงจาก กรุงธนบุรีไป กรงุ รัตนโกสินทร์ เมืองหลวงใหม่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ลงในแผนภมู ิบน กระดานดา แล้วบันทึกลงในใบงานที่ ๑ ขนั้ สรปุ ๑. ครูสรปุ ความสาคัญของสถาบนั กษตั ริย์คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผสู้ ถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรอื กรงุ เทพมหานคร เป็นราชธานีและพระราชทานนามวา่ “ กรงุ เทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหนิ ทราอยธุ ยามหาดลิ ก นพรัตนราชธานีบรุ รี มย์ อดุ ม ราชนิเวศนมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สกั กทตั ตยิ วษิ ณุกรรมประสิทธิ์ ครูอธิบายเพิ่มเตมิ ว่า ต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๙๔- ๒๔๑๑) โปรดใหเ้ ปลีย่ นคาว่า “บวรรตั นโกสนิ ทร์” เปน็ “อมรรตั นโกสนิ ทร์” และใช้มาจนถงึ ปัจจบุ นั เหมอื นในเนื้อเพลง ชั่วโมงท่ี ๓ – ๔ พฒั นาการของไทยสมัยกรงุ รัตนโกสินทร์ หรอื กรุงเทพมหานคร ((วธิ ีสอนเน้น กระบวนการกลุ่ม/ การจดั การเรียนร้แู บบร่วมมือ/ การเรียนร้แู บบการเรียนรู้แบบเส้นเวลา (Timeline) และการจัดการเรียนร้แู บบสรา้ งองคค์ วามรู้) ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น ๑. ครสู อบถามนกั เรยี นวา่ เพราะเหตใุ ดหรือปจั จยั ใดท่ีทาใหก้ รงุ เทพมหานครเป็นเมอื งหลวง ของไทยท่ีมคี วามเจริญรุ่งเรอื งมานานเกือบ ๓๐๐ ปี ๒. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปคาตอบ ข้ันสอน ๑. แบ่งกลุม่ นกั เรียนออกเป็นกลุม่ จานวนสมาชิกในกลุม่ ตามความเหมาะสม ๒. ครูให้นักเรียนดู วีดิโอ หรือแผ่นภาพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, ภาพเกาะกรุงรตั นโกสินทร,์ ภาพกรุงเทพมหานครสมยั ก่อน, และภาพกรงุ เทพสมยั ปจั จบุ ัน แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรรเ์ พเ์ พอื่ อ่ื สสรรา้ ้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๖ ๓. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษา ใบความรู้ที่ ๒ เร่ืองพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและปัจจัยที่ทาให้เกดิ ความรุง่ เรืองในสมัยกรุงรัตนโกสนิ ทร์ เช่น ผนู้ า ที่ตั้ง สภาพภมู ศิ าสตร์ และสภาพสงั คม อาศัยตาราเรยี นประวัตศิ าสตรป์ ระถมศึกษาปีท่ี ๖ ๔. หลังจากนักเรยี นในกลุ่มได้ศึกษาหาความรูแ้ ล้วครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มปฏิบตั ิตามใบงาน ที่ ๒ จดั ทาแผนผงั ปจั จัยทสี่ ่งเสริมความเจรญิ รงุ่ เรืองดา้ นต่างๆ ตามขอ้ ๓ ๕. ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานแผนผังปัจจัยท่ีส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองใน ด้านตา่ งๆ แลว้ ส่งผลงานใหค้ รตู รวจสอบ ขน้ั สรปุ - ครูสรุปปัจจยั ตา่ งๆ ทีท่ าให้เกิดความรงุ่ เรืองในสมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์พอสังเขป ๑๑. ส่อื /แหล่งเรียนรู้ - คลิปวดี ิโอ เพลงกรุงเทพมหานคร - คลิปวดี โิ อการสถาปนากรงุ รตั นโกสินทร์ (ร.ศ.๑ ) - Virtual Field Trip เกาะรัตนโกสินทร์ - หนังสือเรยี นประวัติศาสตร์ช้ัน ป. ๖ - พระราชประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช - ใบความรู้ที่ ๑ - ใบงานที่ ๑.๒ ๑๒. บันทกึ หลังสอน ๑๒.๑ ดา้ นความรู้ ............................................................................................................................. ................................ ............................................................................................................................................................. ๑๒.๒ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ........................................................................................................ ............................................................ ............................................................................................................................. ...................................... ๑๒.๓ ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ............................................................................................................................. ....................................... ......................................................................................... ........................................................................... ๑๒.๔ ดา้ นสมรรถนะที่สาคญั ของผู้เรยี น ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเยีรียนนรปู้รู้ประรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพอ่ื ่อืสสร้ารงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๒๗ ใบความร้ทู ี่ ๑ การสถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทรเ์ ป็นราชธานี เม่ือเกิดเหตุจลาจลข้ึนในตอนปลายสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทราบข่าว จึง ยกทัพกลับจากเขมร บรรดาขุนนางน้อยใหญ่ท้ังหลายก็พากันมาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์ เรียกร้องให้ ทรงแก้ไข วิกฤติการณ์ พร้อมทั้งทูลอัญเชิญข้ึนเปน็ พระมหากษตั ริย์ ในวันท่ี ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ ซึ่ง นับเป็นวันเร่ิมต้นแห่งราชวงศ์จักรี ทางราชการจึงกาหนดให้วันที่ ๖ เมษายน ของทุกปี เป็นวันจักรี หลังจากเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์แล้วจึงทรงชาระสอบสวนพฤติกรรมของ ขุนนางข้าราชการท้ังหลาย ท่ีพบว่าไม่จงรักภักดีก็ให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย พร้อมท้ั งได้ทรง ปูนบาเหน็จแก่ผู้มีความดีความชอบ และทรงมีดาริว่า พระราชวังเดิมมีวัดขนาบท้ังสองด้าน ทาให้ขยาย กว้างขวางออกไปไม่ได้ ไม่เหมาะที่จะเป็นราชธานีสืบไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระนครมายัง ฝงั่ ตะวันออก (ฝ่งั ซา้ ยของแมน่ า้ เจ้าพระยา) สร้างกรุงเทพฯ เปน็ ราชธานใี หม่ เหตุผลในการยา้ ยราชธานี ๑. ราชวังเดิมไม่เหมาะสมในแง่ยุทธศาสตร์ เพราะมีแม่น้าไหลผ่านกลางเมืองยาก แก่ การปอ้ งกนั รักษา ๒. ฝั่งตะวันออกของแม่น้าเจ้าพระยามีชัยภูมิดีกว่า เพราะเป็นด้านหัวแหลมมีลาน้าเป็น พรมแดนกว่าครง่ึ ๓. เขตพระราชวังเดิมขยายไม่ได้ เพราะมีวัดกระหนาบอยู่ทั้งสองข้าง ได้แก่ วัดแจ้งและ วดั ทา้ ยตลาด ลกั ษณะของราชธานใี หม่ ราชธานีใหม่ท่ีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดฯ ให้สร้างข้ึนได้ทาพิธี ยกเสาหลักเมืองเมื่อวันท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ การสร้างราชธานีใหม่นี้โปรดฯ ให้สร้างเลียนแบบ กรุงศรอี ยธุ ยา กล่าวคือกาหนดผงั เมอื งเปน็ ๓ สว่ น ๑. ส่วนท่ีเป็นบริเวณพระบรมมหาราชวัง วังหน้า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ทุ่งพระเมรุ และสถานที่สาคัญอ่ืน ๆ มีอาณาบริเวณต้ังแต่ริมฝ่ังแม่น้าเจ้าพระยามาจนถึงคูเมืองเดิมสมัย กรงุ ธนบุรี ๒. ส่วนที่เป็นบริเวณท่ีอยู่อาศัยภายในกาแพงเมืองเริ่มตั้งแต่คูเมืองเดิมไปทาง ทิศตะวันออก จนจดคูเมืองที่ขุดใหม่หรือคลองรอบกรุง ประกอบด้วย คลองบางลาพู และคลองโอ่งอ่าง และเพ่ือ สะดวกในการคมนาคม โปรดให้ขุดคลองสองคลองคือคลองหลอด ๑ และคลองหลอด ๒ เชื่อมคูเมืองเก่า กับคเู มอื งใหม่ติดต่อถงึ กนั ตามแนวคลองรอบกรุงน้ี ทรงสรา้ งกาแพงเมือง ประตูเมือง และป้อมปราการ ขึ้นโดยรอบ นอกจากนี้ยังโปรดให้สร้างถนนสะพาน และสถานท่ีอ่ืน ๆ ท่ีจาเป็น ราษฎรที่อาศัยอยู่ใน ส่วนน้ีประกอบอาชีพค้าขายเป็นหลกั แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ูป้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พ์เพอ่ื ื่อสสรรา้ า้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๒๘ ๓. ส่วนที่เป็นบริเวณท่ีอยู่อาศัยนอกกาแพงเมือง มีบ้านเรือนต้ังอยู่ริมคลองรอบกรุง เป็น หย่อม ๆ กระจายกันออกไป คลองสาคัญที่โปรดให้ขุดขึ้น คือ คลองมหานาค ราษฎรในส่วนน้ีประกอบ อาชพี การเกษตร และผลิตสินคา้ อุตสาหกรรมทางช่างประเภทตา่ ง ๆ สาหรับการสร้างพระบรมมหาราชวังนั้น นอกจากจะให้สร้างปราสาทราชมณเฑียรแล้วยัง โปรดให้สร้างวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม (วัดพระแกว้ ) ขึน้ ภายในวงั ดว้ ย เหมือนวัดพระศรสี รรเพชญ์สมัย กรุงศรีอยุธยา แล้วให้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานเป็นสิริมงคลแก่กรุงเทพมหานคร และ พระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สาหรับพระนครเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ แลว้ จัดใหม้ กี ารสมโภชกรงุ แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเยีรียนนรปู้รปู้ระรวะตัวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพ่ือือ่สสร้ารงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๒๙ ใบความรทู้ ี่ ๒ พระราชประวตั ิรชั กาลท่ี ๑ แห่งราชวงศจ์ ักรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ประสูติ พ.ศ. ๒๒๗๙ ข้ึนครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๒๕ - พ.ศ. ๒๓๕๒) มพี ระนามเดมิ วา่ ทองดว้ ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเป็นปฐมกษัตริยแ์ ห่งพระบรมราชวงศ์จักรที รง พระนามเต็มว่า \" พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาสกรวงศ์องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตนชาติอาชาว ศรัยสมุทัยวโรมนต์สกลจักรฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทรธาดาธิบดีศรีสุวิบุลยคุณธขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชยพรหมเทพา ดเิ ทพนฤดินทร์ภูมนิ ทรปรามาธิเบศรโลก เชฎฐวิสุทธิร์ ตั นมกุฎประเทศคตามหาพทุ ธางกูรบรมบพิตร พระพทุ ธเจ้าอยูห่ วั \" ทรงประสูติเมื่อวันท่ี ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ พระราชบิดาทรงพระนามว่าออกอักษร สุนทรศาสตร์ พระราชมารดาทรงพระนามว่า ดาวเรอื งมบี ตุ รและธดิ ารวมทงั้ หมด ๕ คน คือ คนที่ ๑ เปน็ หญงิ ชอ่ื \"สา\" (ตอ่ มาไดร้ ับสถาปนาเป็นพระเจ้าพนี่ างเธอ กรมสมเดจ็ พระเทพ สดุ าวดี ) คนท่ี ๒ เป็นชายชอื่ \"ขุนรามนรงค\"์ (ถึงแก่กรรมกอ่ นท่ีจะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พมา่ ครง้ั ท่ี๒) คนท่ี ๓ เป็นหญงิ ช่ือ \"แกว้ \" (ต่อมาไดร้ บั สถาปนาเป็นพระเจ้าพนี่ างเธอ กรมสมเดจ็ พระศรี สุดารกั ษ์ ) คนที่ ๔ เป็นชายช่ือ \"ดว้ ง\" (พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ) คนที่ ๕ เป็นชายชอ่ื \"บญุ มา\" (ตอ่ มาไดร้ บั สถาปนาเปน็ กรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สิงหนาท สมเดจ็ พระอนุชาธริ าช ) เมื่อเจริญวัยได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟา้ อุทุมพรพระชนมายุ ๒๑ พรรษา ออกบวชทวี่ ัดมหาทลายแลว้ กลับมาเปน็ มหาดเลก็ หลวงในแผ่นดนิ พระเจา้ อุทุมพร พระชนมายุ ๒๕ พรรษา ได้รับตาแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรีในแผ่นดินพระท่ีน่ัง สรุ ิยามรนิ ทรพ์ ระองคไ์ ด้ววิ าห์กบั ธดิ านาค ธิดาของท่านเศรษฐที องกบั ส้ม พระชนมายุ ๓๒ พรรษา ในระหว่างท่ีรับราชการอยู่กับพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เลื่อนตาแหน่ง ดงั นี้ พระชนมายุ ๓๓ พรรษา พ.ศ. ๒๓๑๒ ได้เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธ์ิเม่ือพระเจ้ากรุง ธนบรุ ีปราบชมุ นมุ เจ้าพมิ าย พระชนมายุ ๓๔ พรรษา พ.ศ. ๒๓๑๓ ได้เลื่อนเป็นพระยายมราชท่ีสมุหนายกเมื่อพระเจ้า กรุงธนบุรไี ปปราบชมุ นุมเจา้ พระฝาง พระชนมายุ ๓๕ พรรษา พ.ศ. ๒๓๑๔ ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรีเมื่อคราวเป็นแม่ทัพไปตี เขมรคร้ังที่ ๒ แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พ์เพอ่ื ่ือสสรรา้ ้างงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิ ยทย
๓๐ พระชนมายุ ๔๑ พรรษา พ.ศ. ๒๓๒๑ ไดเ้ ลือ่ นเปน็ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ เม่อื คราวเป็นแม่ ทัพใหญ่ไปตเี มืองลาวตะวนั ออก พ.ศ. ๒๓๒๓ เป็นครั้งสุดท้ายที่ไปปราบเขมรขณะเดียวกับท่ีกรุงธนบุรีเกิดจลาจลจึงเสด็จยก กองทัพกลับมากรงุ ธนบุรี เม่ือพ.ศ. ๒๓๒๕ พระองค์ทรงปราบปรามเส้ยี นหนามแผ่นดินเสรจ็ แลว้ จงึ เสด็จ ขึ้นครองราชสมบัติ หลังการปราบดาภิเษกแล้วได้มีพระราชดารัสให้ขุดเอาหีบพระบรมศพของพระเจ้า กรุงธนบุรขี ึน้ ตงั้ ณเมรุวัดบางยี่เรือพระราชทานพระสงฆบ์ ังสุกลุ แล้วถวายพระเพลิงพระบรมศพเสรจ็ แล้ว ใหม้ ีการมหรสพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ และปราบดาภิเษกเมื่อวันท่ี ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๕ (วันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่า ปีขาล) ขณะเสด็จข้ึนเสวยราชสมบัติทรงมีพระชนมายุได้ ๔๕ ปี โปรดให้สถาปนาพระอนุชา (เจ้าพระยา สุรสีห์) เป็นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท พระนัดดา (พระยาสุริยอภัย) เป็นกรมหลวงอนุรักษ์ เทเวศร์ กรมพระราชวังหลังถัดจากน้ันได้ประกอบกจิ การที่สาคัญคือ สร้างกรงุ เทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้เสด็จข้ึนครองราชสมบัติได้ย้ายราชธานี จากกรุงธนบุรี เม่ือวันที่๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ (วันอาทิตย์ เดือน ๖ ข้ึน ๑๐ ค่าปีขาล) คือทาพิธียก เขาเอก \"เสาหลักเมือง\" กรงุ เทพมหานครได้ลงมือกอ่ สรา้ งอย่างจรงิ จงั เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๖ ปจั จบุ ันกรุงเทพฯ มีช่ือเต็มว่า \"กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนเิ วศมหาสถานอมรพมิ านอวตารสถติ สกั กทตั ตยิ ะวษิ ณุกรรมประสทิ ธิ์\" สาเหตทุ ่ีย้ายราชธานีเพราะ ๑. พระราชวงั เดิมทก่ี รุงธนบรุ ีมวี ัดขนาบท้งั สองข้างไมเ่ หมาะแก่การทจี่ ะขยายพระราชวัง ออกไปได้อีก ๒. ท่ตี ัง้ พระราชวงั เดิมอยู่ฝ่งั ตะวันตกของแม่นา้ เจา้ พระยาเปน็ ท่ีทน่ี า้ เซาะ ๓. กรุงเทพมหานครอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้าเจ้าพระยา เป็นพ้ืนท่ีกว้างขวางเป็น ชยั ภูมิที่เหมาะแก่การป้องกันตวั เองจากข้าศกึ การสรา้ งพระบรมมหาราชวงั พ.ศ. ๒๓๒๖ สร้างพระนคร ได้สร้างพระราชมณเฑียรสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล (วัง หนา้ ) พ.ศ. ๒๓๒๗ สร้างพระมหาปราสาท สร้างวัดพระแก้วและได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจาก พระราชวังเดิมกรุงธนบุรีมาสถิตอยู่ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังพร้อมกับได้ อัญเชิญพระบรมรูปของสมเด็จพระรามาธิบดีอู่ทองกษัตริย์ผู้สร้างกรุงศรีอยุธยามาสร้างเป็นพระรูปหุ้ม เงนิ ปิดทองประดิษฐานไว้ในพระวิหารทรงพระราชทานนามวิหารแห่งนีว้ ่า \"หอพระเทพบิดร\" ปฎสิ ังขรณ์ วัดสลกั แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเยีรยีนนรปู้รูป้ระรวะัตวตัศิ ศิาสาสตตร์เรพ์เพอ่ื อ่ืสสรา้รงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๓๑ พ.ศ. ๒๓๒๘ หล่อปืนใหญ่ขึ้น ๗ กระบอกสร้างวังให้พวกเจ้าเขมรท่ีเข้ามาพ่ึงพระบรมโพธิ สมภาร ขดุ คลองมหานาคขดุ คูเมือง สร้างป้อมเชิงเทนิ ขึ้นมากมายฟ้นื ฟพู ระราชประเพณี เชน่ พระราชพิธี บรมราชาภิเษก การปกครองหลังจากปราบดาภิเษกแล้วทรงให้มีการตั้งข้าราชการท่ีมีความดีความชอบใน ราชการใหม้ ียศถาบรรดาศักด์ใิ หญ่นอ้ ยตามฐานะทรงตง้ั ราชการวงั หลวงขน้ึ ด้านกฎหมายได้ทรงชาระกฎหมาย เรียกว่ากฎหมายตรา ๓ ดวง (คือ ตราราชสีห์คชสีห์บัวแก้ว) เพอ่ื สาหรับวนิ ิจฉยั อรรถคดีและบรหิ ารราชการแผ่นดินใหเ้ ป็นไปตามตัวบทกฎหมาย การค้าขายกับต่างประเทศผลประโยชน์ของประเทศไทยท่ีได้รับขณะนั้นได้จากภาษีอากร เช่น อากรสุรา อากรบ่อนเบ้ียอากรขนอนตลาด ภาษีค่าน้าเก็บตามเครื่องมืออีกท้ังส่วนสินค้าต่างๆท่ีให้ ผลประโยชน์มาก ก็คือการค้าสาเภาอันสืบเน่ืองมากแต่สมัยกรุงธนบุรีการค้ากับต่างประเทศได้แก่ ประเทศจีน ลังกา อนิ เดีย มลายู สิงคโปร์ มาเก๊า การสงครามการสงครามกับพม่าในสมัยพระเจ้าปดุงโดยพม่าได้แบ่งกองทัพเข้าโจมตีไทย หลายทางคือ เชียงใหม่ ตาก กาญจนบุรี ด่านพระเจดีย์สามองค์ ชุมพร ไชยาและเมืองถลางสมเด็จพระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงปรกึ ษาการต่อสกู้ องทัพพม่าแล้วโปรดฯ ให้แบ่งกองทัพเปน็ ๔ ทพั คอื กองทพั ที่ ๑ กรมหลวงอนรุ กั ษเ์ ทเวศร์เป็นแม่ทพั ไปขัดตาทัพท่เี มอื งนครสวรรค์ กองทัพที่ ๒ กรมพระราชบวรสถานมงคล ไปตัง้ รับท่ีเมืองกาญจนบรุ ี กองทัพที่ ๓ เจา้ พระยาธรรมากับเจ้าพระยายมราชคอยคุมทางลาเลียงตดิ ต่อกองทัพ กองทัพที่ ๔ เป็นกองทัพหลวงคอยช่วยศึกถ้าหากด้านใดเพล้ียงพล้าก็จะยกไปช่วยทันที การสงครามครั้งน้ี พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีไทยทีละทัพก็ถูกไทยตีแตกไปทุกทัพด้วยหลักยุทธศาสตร์ที่ เหนือกวา่ สงครามกบั พมา่ (พมา่ ล้อมเมืองถลาง พ.ศ. ๒๓๒๘) กองทัพพมา่ ยกมาตีตะก่วั ปา่ ตะกวั่ ทงุ่ โดยทางเรือแล้วจึงข้ามไปตีเมืองถลาง ขณะนั้นเจ้าเมือง ถลางถึงแก่กรรม คุณหญิงจนั ทร์ (ภรรยาเจา้ เมือง) กับนางมกุ (น้องสาวคุณหญิงจันทร)์ เกณฑ์ไพร่พล ชาวเมอื งชว่ ยกนั ป้องกนั เมืองถลางทัพพม่าไม่สามารถจะเอาเมืองถลาง สู้รบกนั ประมาณเดอื นเศษพมา่ ขาดเสบยี งอาหารจงึ เลกิ ทัพกลับไปเมอ่ื ข่าวทราบถึงพระเจ้าอยูห่ ัวจงึ ไดท้ รงแตง่ ตั้งใหค้ ุณหญงิ จันทรเ์ ปน็ ทา้ วเทพกษตั รีส่วนนางมุกเป็นท้าวศรสี ุนทร สงครามกบั พม่า (ศึกทา่ ดนิ แดง พ.ศ. ๒๓๒๙) สงครามคร้ังนี้ ต่อเน่ืองมาจากสงครามคร้ังท่ีพม่าล้อมเมืองถลางพระเจ้าปดุงยกกองทัพเข้ามา ทางด่วนเจดีย์สามองค์ด้านเดียวเน่ืองจากพระเจ้าปดุงรู้สึกว่าพระองค์ดาเนินการแผนผิดเพราะตั้งแต่ทา สงครามมาไม่เคยแพ้ใครมาก่อนจึงพยายามที่จะตีไทยให้ได้จึงรวบรวมกาลังผคู้ นต้ังมั่นอยู่ที่เมืองเมาะตะ มะ และให้พระมหาอุปราชคุมคน ๕ หม่ืนคนตั้งมั่นอยู่ท่ีตาบลสามสบ ท่าดินแดง พระบาทสมเด็จพระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ เป็นแม่ทัพหน้าและสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พเ์ พือ่ ่ือสสรรา้ ้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทไิ ยทย
๓๒ จุฬาโลกเป็นจอมทัพหลวงทัพ ท้ังสองเข้าตีพร้อมกัน พม่าท้ิงค่ายแตกหนีทุกค่าย กองทัพไทยไล่ฆ่าฟัน และจบั เชลยได้เปน็ อนั มากไดท้ ง้ั ชา้ ง ม้า เสบยี งอาหาร และอาวุธ ตลอดจนปืนใหญ่ สงครามกบั พม่า (ลาปางและป่าซาง พ.ศ. ๒๓๓๐) การที่พม่าแพ้ไทย ประเทศราชของพม่าก็เร่ิมกระด้างกระเด่ือง พม่าต้องใช้เวลาปราบ จากนั้น พม่าก็เลยมาตีเมืองป่าซางและลาปางซึ่งเป็นเขตไทยขณะท่ีตีอยู่นั้น ข่าวทราบถึงกรุงเทพฯ ซึ่งกาลัง เตรียมทัพจะไปตีเมืองทวายต้องเปลี่ยนแผน รัชกาลท่ี ๑ โปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ ไปช่วยเมืองท้ัง สองโดยให้คนท่ีอยู่ในตัวเมืองตีด้านในทหารท่ีไปช่วยรบตีด้านนอก เสด็จจากสงครามคร้ังน้ี กรมพระราชวังบวรฯ ได้อญั เชิญพระพุทธสหิ งิ คม์ าประดิษฐาน ณ พระทน่ี งั่ พทุ ไธสวรรย์ ไทยตีเมืองทวาย พ.ศ. ๒๓๓๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงต้ังพระทัยจะตีเมืองทวาย จึงโปรดให้ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท คุมพล ๓ หมน่ื ยกไปทางเหนือ ส่วนพระองค์เองคุมพล ๒ หมื่นโดย กระบวนเรือทางลาน้าไทรโยคข้ึนยกที่ท่าตะกั่วข้ามทิวเขาบรรทัดซ่ึงมีความลาบาก หนทางกันดารทาให้ คนในทัพเหน่ือยล้าอิดโรยจึงตีเมืองไม่ได้ ต้องเสด็จยกทัพกลับภายหลังต่อมาอีก ๔ ปี เมืองทวายเมือง ตะนาวศรี และเมืองมะริดไดม้ าขอสวามภิ กั ดติ์ ่อไทย การรบท่เี มอื งทวาย พ.ศ. ๒๓๓๖ รัชกาลที่ ๑ ทรงมีพระราชดาริจะรบกับพม่าให้ได้ ได้ตั้งพระทัยใช้เมืองทวายเป็นฐานทัพและ รวบรวมเสบียงอาหารพระองคท์ รงยกทัพทางบกและโปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ บัญชาการทัพเรือแต่ วา่ ไปถึงเมืองทวายเมืองตะนาวศรีและเมืองมะรดิ ชาวเมืองกลับไปเข้าข้างพม่าขณะน้ันพม่าก็ยกกองทัพ มาตีทวายกลับคนื ได้เกิดกบฏข้ึนในเมืองมะริดและเมืองทวาย กองทัพไทยจาต้องทาสงครามท้ังสองด้าน ไทยขาดแคลนเสบยี งอาหารเพราะอาศยั เมอื งท้ังสามไม่ได้จึงต้องยกทพั กลบั ไป พม่าตเี มืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๓๔๐ พม่ายกทัพมาคราวน้ี ๗ ทัพ โดยมุ่งหมายจะตีลานนาไทยอีก รชั กาลที่ ๑ โปรดให้กรมพระวังบวรฯ ทรงประชวรเป็นโรคนิ่ว จึงต้องหยุดประทับอยู่ท่ีน่ันโปรดให้กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์กรมพระยาวังหลัง ติดตามเสดจ็ ขน้ึ ไปช่วยทรงบญั ชาการรบจนมีชยั ชนะทรงขบั ไล่พม่าออกจากแคว้นลานนาจนหมด ศาสนา พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงได้ซ่อมแซมปฎิสังขรณ์วัดวาอารามและได้ทรงยก สถาปนาตาแหน่งพระสังฆราชและพระราชาคณะผู้ใหญ่ ทาสังคายนาสอบสวนพระไตรปิฎกให้ ถูกต้องการติดต่อกับต่างประเทศเพ่ือนบ้าน การติดต่อกับญวน พ.ศ. ๒๓๒๕ กษัตริย์ประเทศญวน ขณะน้ันก็คือ องเชียงสือได้ล้ีภัยจากพวกกบฎแห่งเมืองไกเชิงได้พามารดาเข้ามาอยูใ่ นเมอื งไทยในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอุปถัมภ์ไว้และทรงช่วยเหลือเสบียงอาหารและ สนับสนุนพร้อมทั้งอาวุธยุทธภัณฑ์ต่อมาองค์เชียงสือได้เข้าไปปราบปรามกู้บ้านเมืองได้และตั้งตนเป็น กษตั ริยท์ รงพระนามว่า \"พระเจ้ายาลอง\" แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รู้ประรวะตัวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พ่อื อ่ืสสร้ารงา้ สงสานำนึกึกคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปม็นามขาอขงอชงาชตาไิ ตทไิยทย
๓๓ การตดิ ตอ่ กบั เขมร นักองเองมกุฎราชกุมารแหง่ ประเทศเขมรยังทรงอ่อนวัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรง แต่งต้ังให้พระยายมราช (แบน) เป็นผู้สาเร็จราชการประเทศเขมรทรงชุบเล้ียงอย่างพระราชบุตรบุญ ธรรมจนเวลาผ่านไปได้ ๑๒ ปี จึงได้กลับไปครองประเทศเขมร ทรงพระนามว่า \"สมเด็จพระนารายณ์ รามาธิบดี \" และโปรดให้พระยายมราชเป็นพระยาอภัยภูเบศร์ครองเมืองพระตะบองขึ้นกับไทย ผู้น้ีเป็น ต้นตระกลู \"อภยั วงศ์ \" การติดต่อกับประเทศตะวันตก ประเทศโปรตุเกส เป็นชาติแรกท่ีมาติดต่อกับไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๙ องตนวีเสนได้อัญเชิญ พระราชสาสน์ เขา้ มาเจริญพระราชไมตรี รชั กาลท่ี ๑ โปรดให้จดั การตอ้ นรบั อย่างสมเกียรติ ประเทศอังกฤษ มีอิทธิพลทางใต้ของไทย ฟรานซิส ไลท์ คนอังกฤษได้เพียรขอเฝ้าฯ รัชกาล ท่ี ๑ ทูลเกล้าฯ ถวายดาบประดบั พลอยและปืนด้ามเงนิ กระบอกหนึง่ ตอ่ มาทรงแต่งตง้ั ใหเ้ ป็นพระยาราช กปั ตัน พระราชนพิ นธ์ งานพระราชนพิ นธ์รัชกาลท่ี ๑ - กลอนนิราศท่าดนิ แดง - กลอนบทละครเรอื่ งอเิ หนา - กลอนบทละครเรื่อง รามเกยี รต์ิ ตอ่ จากสมัยกรุงธนบุรี - กลอนบทละครเรือ่ ง อุณรุธ เสดจ็ สวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ครองราชสมบัติได้ ๒๗ ปีเศษต้ังแต่ทรงมี พระชนมายุได้ ๔๗ พรรษา ได้เสด็จสู่สวรรคตเม่ือวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๒ ขณะนั้น ทรงพระชนมายไุ ด้ ๗๔ พรรษา พระองคม์ พี ระราชโอรสและพระราชธดิ ารวมทั้งสิน้ ๔๒ พระองค์ พระราชลญั จกรประจารชั กาลที่ ๑ เป็นรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ \"อุ\" อยู่กลางล้อมรอบด้วยกลีบบัวอันเป็นพฤกษชาติที่เป็น สริ ิมงคลในพุทธศาสนา ตราอุณาโลมมีรปู ร่างคล้ายสงั ข์เวียนขวา อยู่ในกรอบลายกนก เริม่ ใชใ้ นพระราชพิธี บรมราชาภเิ ษก พ.ศ. ๒๓๒๘ ท่มี า.................................................... แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ้ปู รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พ์เพอ่ื ่อื สสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิ ยทย
๓๔ ใบงานที่ ๑ ชื่อ............................ชน้ั .............................. เหตผุ ลท่พี ระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงยา้ ยเมืองหลวงของไทย ข้อเสยี ของกรุงธนบรุ ีเมอื งหลวงเก่า ๑........................................................................................... ๒........................................................................................... ๓............................................................................................ ๔............................................................................................ ๕............................................................................................ ขอ้ ดีของกรุงรัตนโกสินทร์เมอื งหลวงใหม่ ๑........................................................................................... ๒........................................................................................... ๓............................................................................................ ๔............................................................................................ ๕............................................................................................ แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รูป้ระรวะัตวตัศิ ศิาสาสตตรเ์รพ์เพ่อื อ่ืสสรา้รงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิ ตทิไยทย
๓๕ ใบงานท่ี ๒ เรอ่ื ง ปจั จัยท่สี ง่ เสริมความเจริญรงุ่ เรืองในสมัยกรงุ รัตนโกสินทร์ เชน่ ผนู้ า, ทีต่ ั้งเมืองหลวง, สภาพ ภมู ศิ าสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกจิ .......................................... คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนบอกปจั จัยทีส่ ่งเสริมใหก้ รุงรตั นโกสนิ ทร์มีความเจริญรุ่งเรือง มาจนถงึ ปัจจุบัน ๑. ผู้นาประกอบด้วย......................................................................................................... ..................................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................. .................................................... ๒. ท่ตี ้งั เมอื งหลวง..................................................................................................................... ...................................................................................................................... ............................................ ............................................................................................................................. ..................................... ๓. สภาพภูมิศาสตร์.................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................... ................................................................................................................................................... ............... ๔. สภาพสังคม................................................................................................................. ...... ........................................................................................................................... ........................................ ............................................................................................................................. ..................................... กลมุ่ ท่.ี ............ รายช่ือสมาชกิ ในกลุ่ม ๑..........................................................................๒...................................................................... ๓..........................................................................๔...................................................................... ๕..........................................................................๖...................................................................... แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรรเ์ พเ์ พอ่ื ่ือสสรร้า้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปม็นามขาอขงอชงาชตาไิตทไิ ยทย
๓๖ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานหรอื กรุงเทพมหานคร คาชีแ้ จง ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน คะแนน ๓๒๑ ๑ ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา ๒ ความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ ๓ วิธีการนาเสนอผลงาน ๔ การนาไปใชป้ ระโยชน์ ๕ การตรงต่อเวลา รวม (ลงช่อื ).....................................................ผปู้ ระเมิน ............../...................................../............................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ และสมบูรณ์ ให้ ๓ คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ ๒ คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๒ –๑๕ ดี ๘ - ๑๑ พอใช้ ตา่ กวา่ ๘ ปรบั ปรงุ แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเียรยีนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตรเ์รพเ์ พื่อ่อืสสร้ารงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๓๗ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาชี้แจง ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน ช่องทต่ี รงกับระดบั คะแนน รายการ พฤติกรรมทีแ่ สดงออก คะแนน ประเมิน ๓๒๑ รักชาติ ศาสน์ ๑. ยนื ตรงเม่อื ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ กษัตรยิ ์ ๒. เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียนและชุมชน ๓. เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตนตามหลักของ ศาสนา ๔. เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีเก่ียวกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามที่โรงเรียน และชมุ ชนจัดข้ึน ใฝเ่ รยี นรู้ ๑. มคี วามกระตือรอื ร้นและสนใจท่จี ะแสวงหาความรู้ ๒. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟงั หรอื อา่ นเพื่อให้ได้ความร้เู พิ่มขึ้น ๓. มคี วามสขุ ที่ได้เรียนรู้ในสิ่งทต่ี นเองต้องการเรียนรู้ ม่งุ ม่นั ในการ ๑. มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทางาน ๒. มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อให้งานสาเร็จ รักความเป็น ๑. ใชภ้ าษาไทยได้ถกู ต้อง ไทย ๒. รู้จักอ่อนนอ้ มถ่อมตนและมีสัมมาคารวะ ๓. มีส่วนร่วมในการเผยแพรแ่ ละอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและ ขนบธรรมเนยี มประเพณีไทย คะแนนรวม คะแนนเฉลยี่ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ๑.๐๐ –๑.๖๖ ช่วงคะแนนเฉล่ยี ๒.๓๔ –๓.๐๐ ๑.๖๗ –๒.๓๓ ๑ = ควรปรับปรงุ ระดับคุณภาพ ๓ = ดมี าก ๒ = พอใช้ สรปุ ผลการประเมนิ (เขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่อง ) ระดบั คุณภาพท่ไี ด้ ๓๒ ๑ แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพเ์ พ่ือือ่ สสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๓๘ แบบประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คาชี้แจง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลง ในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะทปี่ ระเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร ๑.๑ มคี วามสามารถในการรับ – สง่ สาร ๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม ๑.๓ ใช้วธิ กี ารส่ือสารที่เหมาะสม ๒. ความสามารถในการคดิ ๒.๑ มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะหเ์ พ่ือการสรา้ งองค์ความรู้ ๒.๒ มีความสามารถในการคิดเปน็ ระบบเพือ่ การสร้างองค์ความรู้ ๓. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ๓.๑ ทางานและอยรู่ ว่ มกบั ผ้อู ื่นดว้ ยความสัมพันธ์อันดี ๓.๒ มวี ิธแี ก้ไขความขัดแย้งอยา่ งเหมาะสม ๔. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔.๑ เลอื กใช้ขอ้ มูลในการพัฒนาตนเองอยา่ งเหมาะสม ๔.๒ เลอื กใชข้ อ้ มูลในการทางานและอยู่รว่ มกับผอู้ ื่นอย่างเหมาะสม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน: ลงชอื่ .......................................................... ผปู้ ระเมนิ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างครง้ั ให้ ๑ คะแนน แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเียรยีนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพ่อื อ่ืสสร้ารงา้ สงสานำนกึ ึกคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๓๙ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกระบวนการทางานกลุ่ม คาชีแ้ จง ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ท่ี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ช่ือ – สกลุ ของผู้รบั การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี การมีส่วน รวม การประเมนิ ความ ฟังคนอ่นื ตามท่ไี ด้รับ น้าใจ ร่วมในการ คะแนน คดิ เหน็ มอบหมาย ปรับปรุง ผลงานกลมุ่ ๑๕ ๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒ ๑ (ลงชอื่ ).....................................................ผูป้ ระเมิน ............../..................../................... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๒ –๑๕ ดี ๘ - ๑๑ ต่ากวา่ ๘ พอใช้ ปรับปรุง แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ิศาาสสตตรรเ์ พเ์ พ่อื ่ือสสรร้า้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทไิ ยทย
๔๐ ตัวอยา่ งแผน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ รา่ งแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ รหัสวชิ า ส ๒๓๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม จานวน ๒ คาบ รายวิชา ประวตั ิศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ เรื่อง ประเทศไทยกับสงครามโลกคร้ังที่ ๑ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๔.๓ เขา้ ใจความเปน็ มาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรกั ความภูมิใจ และ ธารงความเป็นไทย ตัวชว้ี ดั ม.๓ /๒ วิเคราะห์ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความม่ันคงและความเจริญรุ่งเรืองของไทยในสมัย รตั นโกสนิ ทร์ ๒. สาระสาคัญ การตัดสินใจอย่างรอบคอบของผู้นาจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ เช่นกรณีการตัดสินพระทัย ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเม่ือทรงประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ อยู่ข้างฝ่ายสัมพันธมติ ร ซ่ึงเป็นฝา่ ยชนะสงคราม ผลจากการอยู่ขา้ ง ฝ่ายชนะสงคราม ทาให้ไทยสามารถยกเลิกสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับเยอรมนี และออสเตรีย-ฮังการี และไดรบั การยอมรบั เข้าสูส่ งั คมนานาชาติ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ วิเคราะหส์ าเหตุที่ประเทศไทยต้องประกาศเข้ารว่ มสงครามโลกครงั้ ที่ ๑ได้ ๓.๒ วเิ คราะห์ผลทเี่ กิดขน้ึ จากการประกาศเข้ารว่ มสงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ กบั ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ สงครามโลกคร้งั ที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๕๗-๒๔๖๑) ๔.๒ สาเหตทุ ีป่ ระเทศไทยต้องประกาศเขา้ รว่ มสงครามโลกครัง้ ที่ ๑ กับฝา่ ยสมั พนั ธมิตร ๔.๓ การตัดสนิ พระทัยประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการขี องรชั กาลท่ี ๖ พ.ศ. ๒๔๖๐ ๔.๔ ผลของการประกาศเขา้ ร่วมสงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ กับฝ่ายสัมพันธมติ ร ๕. ทักษะ/กระบวนการ ๕.๑ กระบวนการกลมุ่ ๖. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๖.๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ (คสช.) ๖.๒ มีวนิ ยั แนแนวกวการาจรัดจัดกการาเรรเยีรียนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ศิาสาสตตรเ์รพ์เพ่ืออื่สสรา้รงา้ สงสานำนึกึกคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๔๑ ๗. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน - ๘. หลกั ฐานการเรียนรู้ ๘.๑ ช้นิ งาน ๑) ใบกิจกรรมที่ ๑ เร่ือง ประเทศไทยกบั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๑ ๒) ใบกิจกรรมท่ี ๒ เรื่อง พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กับ เหตกุ ารณส์ งครามโลกครั้งที่๑ ๓) ใบกิจกรรมท่ี ๓เรอ่ื ง ข้อคิดทไ่ี ด้จากการศึกษาเหตกุ ารณ์ประเทศไทยกบั สงครามโลกครั้งท่ี ๑ ๘.๒ ภาระงาน ๑) นกั เรยี นทากิจกรรมใบกิจกรรมที่ ๑ เรื่อง ประเทศไทยกับสงครามโลกครง้ั ที่ ๑ ๒) นกั เรยี นทากิจกรรมใบกจิ กรรมที่ ๒ เรอ่ื ง พระอจั ฉริยภาพของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ เกล้าเจา้ อยู่หวั กับเหตุการณ์สงครามโลกคร้ังที่ ๑ ๓) นักเรยี นทากิจกรรมใบกจิ กรรมท่ี ๒ เร่ือง ข้อคิดที่ไดจ้ ากการศึกษาเหตุการณป์ ระเทศไทยกับ สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ ๙. การวดั และการประเมนิ เป้าหมาย วิธวี ดั เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การ ประเมนิ ดา้ นความรู้ ๑) ตรวจใบกิจกรรมท่ี ๑ เร่ือง ๑) ใบกจิ กรรมท๑่ี เรอ่ื งประเทศ ได้คะแนนรวม ประเทศไทยกบั สงครามโลกครัง้ ไทยกบั สงครามโลกคร้งั ที่๑ ตัง้ แตร่ อ้ ยละ ดา้ นทักษะ/ ที่ ๑ ๒) ใบกจิ กรรมท่ี ๓ เรอื่ งข้อคิดที่ ๕๐ขนึ้ ไป กระบวนการ ๒) ตรวจใบกิจกรรมที่ ๓เร่ือง ได้จากการศึกษาเหตุการณ์ กระบวนการ ขอ้ คิดทไ่ี ด้จากการศึกษา ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้ัง พฤติกรรม กลุ่ม เหตกุ ารณป์ ระเทศไทยกับ ที่ ๑ นกั เรยี นอยใู่ น สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ ระดบั คุณภาพ แบบสงั เกตพฤติกรรมการ พอใช้ขึ้นไป สงั เกตพฤตกิ รรม ปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ การปฏิบตั งิ านกลมุ่ แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรรเ์ พเ์ พือ่ ื่อสสรรา้ ้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๔๒ ดา้ นคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ ๑. รกั ชาติ ๑) ประเมินจากการตอบคาถาม ๑)ใบกจิ กรรมที่ ๓ เรอ่ื ง ข้อคิดท่ี ๑)ไดค้ ะแนน ศาสน์ กษตั รยิ ์ ข้อ ๑ ในใบกจิ กรรมที่ ๓ เรอื่ ง ได้จากการศึกษาเหตุการณ์ รวมต้ังแต่ร้อย ขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากการศึกษา ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้งั ละ ๕๐ ขนึ้ ไป เหตกุ ารณ์ประเทศไทยกับ ที่ ๑ สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ ๒) ประเมนิ จากการตอบคาถาม ๒)ใบกจิ กรรมที่ ๓ เรอ่ื งข้อคิดทไี่ ด้ ๒) นักเรยี นมี ข้อ ๒.๑ และ ๒.๓ ในใบกิจกรรม จากการศึกษาเหตุการณ์ประเทศ พฤติกรรม ท๓ี่ เรื่องข้อคดิ ท่ีไดจ้ ากการศึกษา ไทยกับสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ ระดับผ่านขนึ้ เหตุการณ์ประเทศไทยกบั ไป สงครามโลกครั้งท่ี๑ ๒. ดา้ นมวี นิ ัย สังเกตพฤติกรรมขณะจดั กจิ กรรม แบบสารวจรายการพฤติกรรม พฤติกรรม การเรียนรู้ นักเรยี นดา้ นวนิ ัย นกั เรยี นอยู่ใน ระดบั คุณภาพ พอใช้ข้ึนไป ๑๐ . กิจกรรมการเรียนรู้ (วธิ ีสอนแบบบรรยายรว่ มกบั การใชส้ อ่ื ผสม) ๑๐.๑ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน ๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างประเทศในปัจจุบัน เช่น ความขดั แยง้ ระหวา่ งอิสราเอลกับปาเลสไตน์ พร้อมสมุ่ ถามนกั เรยี นวา่ ความขัดแย้งมสี าเหตมุ าจากอะไร ๒. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ ซึ่งมีผลมาจาก ความต้องการดินแดนเพื่อสร้างชาติและมีอานาจอธิปไตยเหนือดินแดนพร้อมอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรยี น ทราบว่าในอดีตก็มีเหตุการณ์ความขัดแย้งต่าง ๆ เกิดข้ึนในโลกใบน้ีเช่นกัน และเป็นความขัดแย้งที่ ประเทศไทยได้เข้าร่วมสงครามในคร้ังนี้ด้วยเพ่ือต้องการรักษาอานาจอธิปไตยเหนือดินแดนผืนแผ่นดิน ไทย นั่นคือเหตุการณ์สงครามโลกครั้งท่ี ๑ พร้อมแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบว่า เม่ือ นักเรยี นเรียนจบแลว้ นักเรยี นจะต้องบรรลุจดุ ประสงค์ดงั ต่อไปนี้ ๒.๑ วิเคราะห์สาเหตทุ ีป่ ระเทศไทยต้องประกาศเข้ารว่ มสงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ ได้ ๒.๒ วิเคราะหผ์ ลท่ีเกดิ ข้ึนจากการประกาศเขา้ รว่ มสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ กับฝา่ ยสมั พนั ธมิตรได้ ๑๐.๒ ขัน้ กิจกรรม ๓. แจกใบกิจกรรมที่ ๑ เร่ือง ประเทศไทยกบั สงครามโลกครงั้ ที่ ๑ และ “ประกาศกระแสร์ พระบรมราชโองการว่าด้วยการสงครามซ่ึงมีต่อประเทศเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี” ให้นักเรียนคน แนแนวกวการาจรัดจัดกการาเรรเียรียนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตรเ์รพเ์ พอื่ ือ่สสรา้รงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๔๓ ละ ๑ ชุด พร้อมช้ีแจงให้นักเรียนทราบว่าหลังจากนักเรียนดูวีดิทัศน์ เร่ือง ปีกแห่งเกียรติยศแล้ว ให้ นกั เรยี นตอบคาถามในใบกิจกรรมท่ี ๑ ๔. จับกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ ๔ คน เพื่อแลกเปล่ียนความรูจ้ ากการตอบคาถามในใบกิจกรรม ท่ี ๑ โดยนกั เรียนแต่ละคนสามารถเขียนคาตอบเพมิ่ เตมิ เพ่ือใหค้ าตอบมีความสมบรู ณ์มากยิง่ ขน้ึ ๕. ตัวแทนนักเรียนตอบคาถามจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในใบกิจกรรมที่ ๑ ๖. นกั เรยี นและครูร่วมกนั เฉลยคาตอบในใบกจิ กรรมท่ี ๑ โดยครสู รุปสาระสาคัญเก่ียวกับ ๖.๑ เหตุผลสาคัญที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงส่งทหารเข้าร่วม สงครามโลกครั้งท่ี ๑ กับฝ่ายสมั พนั ธมิตร โดยครใู ชผ้ ังความคดิ ประกอบการสรปุ ดงั น้ี ผงั ความคดิ เรอื่ ง พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงตัดสินพระทยั ประกาศสงครามเขา้ รว่ มกับฝ่ายสัมพนั ธมติ ร จะไดป้ ระโยชนจ์ ากการยดึ จะไดย้ กเลกิ สนธสิ ญั ญาท่ี ทรัพยส์ มบตั ขิ องชาว ไทยทาเสยี เปรยี บกับ ประเทศเยอรมนั และ เยอรมนั และออสเตรีย – ออสเตรยี – ฮงั การี ฮังการใี นไทย หลีกเลย่ี งการคกุ คาม พระราชดารแิ ละและพระราชประสงค์ จะไดย้ กเลกิ สนธสิ ญั ญา จากมหาอานาจฝ่าย ของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เสมอภาคทไ่ี ทยได้ทากับ สมั พันธมติ รท่ีจะบบี นานาประเทศใน บังคบั ให้ไทยขบั ไล่ชน เจา้ อย่หู วั ท่ที าใหต้ ัดสินพระทัย ภายหลงั อาทิ องั กฤษ ชาติเยอรมนั ออกจาก ประกาศสงครามเข้ารว่ มกบั ฝ่าย ฝรงั่ เศส สหรัฐอเมริกา ราชการ สมั พันธมิตร เพอ่ื รักษาธรรมระหวา่ งประเทศไว้ และปอ้ งกันมใิ หป้ ระเทศใหญใ่ ช้ อานาจไมเ่ ป็นธรรมรกุ รานประเทศ เล็กกวา่ แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรรเ์ พเ์ พื่อื่อสสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331