ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) (ดี) (กาลังพัฒนา) 4. เกณฑ์กำร มีควำมตงั้ ใจและ ประกอบกำร ประเมินควำมมุ พยำยำมในกำรทำ มคี วำมตง้ั ใจและ มคี วำมต้ังใจและ มำนะในกำรทำ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ตดั สินใจอ้ำงองิ ควำมเข้ำใจ และแกป้ ญั หำทำง พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ ปญั หำและ คณิตศำสตร์ มี ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ควำมเข้ำใจปัญหำ ไม่มีควำมตัง้ ใจและ แก้ปญั หำทำง ควำมอดทนและไม่ พยำยำมในกำรทำ คณติ ศำสตร์ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค และแกป้ ัญหำทำง และแกป้ ญั หำทำง ควำมเข้ำใจปัญหำ จนทำใหแ้ กป้ ัญหำ คณิตศำสตร์ แต่ไม่ คณิตศำสตร์ แต่ไม่ และแกป้ ัญหำทำง ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ มคี วำมอดทนและ มคี วำมอดทนและ คณติ ศำสตร์ ไม่มี สำเร็จ ควำมอดทนและ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค จนทำใหแ้ กป้ ัญหำ จนทำให้แก้ปญั หำ จนทำใหแ้ ก้ปัญหำ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ไมส่ ำเรจ็ ไม่สำเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สำเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ 5. เกณฑก์ ำร มคี วำมม่งุ มนั่ ใน มคี วำมมุ่งมน่ั ในกำร มีควำมม่งุ มน่ั ในกำร มคี วำมมงุ่ ม่ันในกำร ประเมินควำม กำรทำงำนอย่ำง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนอย่ำง ทำงำนแต่ไมม่ ีควำม ม่งุ มั่นในกำร รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทำงำน ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ ประสบผลสำเร็จ งำนไมป่ ระสบ เรียบร้อยส่วนน้อย เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยสว่ นใหญ่ ผลสำเร็จอยำ่ งท่ี สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตตมิ ำ แตงชุ่ม แล้วมคี วำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อย่ำงเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควรพัฒนำปรับปรงุ 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ .................................................... (นำงสำวรพพี รรณ กีตำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำคลีวิทยำ
บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรียนการสอน (ด้ำนควำมรู้ ทักษะกระบวนกำร และเจตคติ) ด้านความรู้ นักเรยี นสว่ นใหญส่ ำมำรถทำใบงำนเรื่อง โจทยป์ ัญหำเก่ียวกบั รำกท่ีสำม ไดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ ง ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน นกั เรยี นส่วนใหญม่ ีควำมสำมำรถในดำ้ นในสอื่ สำร กำรคิด กำรสังเกตและกำรให้เหตุผล ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ นักเรยี นส่วนใหญม่ ีวนิ ยั ควำมรับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรแู้ ละมุ่งม่ันในกำรทำงำน ปญั หา/อปุ สรรค นักเรียนบำงคนไมส่ นใจเรยี นและมกั จะพูดคุยในขณะมกี ำรเรยี นกำรสอน แนวทางแก้ไข พดู คุยเพ่อื ปรบั ทัศนคติบอกถึงผลเสียของกำรไม่ตัง้ ใจเรียนหนงั สือ ลงช่อื ...............ไ..................................... (นำงสำวกติ ติมำ แตงช่มุ ) .........../................../..............
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 23 สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ รำยวิชำ คณติ ศำสตรพ์ น้ื ฐำน รหสั วชิ ำ ค 22101 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี 3 ปริซึมและทรงกระบอก เรอ่ื ง ปริซึม เวลำ 1 ช่วั โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เขำ้ ใจพ้ืนฐำนเกี่ยวกบั กำรวัด วดั และคำดคะเนขนำดของส่งิ ท่ตี อ้ งกำรวดั และ นำไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี ประยุกตใ์ ช้ควำมร้เู รอื่ งพื้นที่ผวิ ของปริซมึ และทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จริง ( ค 2.1 ม.2/1) ประยุกตใ์ ชค้ วำมรเู้ รือ่ งปรมิ ำตรของปรซิ ึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปญั หำคณติ ศำสตรแ์ ละปญั หำใน ชวี ิตจริง ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. จำแนกรูปเรขำคณติ สำมมิติทเ่ี ป็นปรซิ ึมและทไี่ ม่เป็นปริซึม (K) 2. อธบิ ำยลักษณะและสมบตั ขิ องปริซมึ (K) 3. หำพ้นื ที่ผิวของปริซมึ และนำำควำมรู้ไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (K) 4. หำปริมำตรของปริซึมและนำำควำมร้ไู ปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (K) 5. ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำำตอบท่ีได้ (K) 6. มีควำมสำมำรถในเชอ่ื มโยงควำมรูท้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มีควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร ส่อื ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ (P) 8. มีควำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล (P) 9. มคี วำมมุมำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 10. มคี วำมมุ่งมัน่ ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. มคี วำมสำมำรถในกำรส่อื สำร 2. มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 3. มีควำมสำมำรถในกำรคิดสร้ำงสรรค์
5. สาระสาคัญ รูปเรขำคณิตสำมมิตทิ ่ีมีฐำนทัง้ สองเป็นรูปเหล่ียมท่เี ทำ่ กนั ทุกประกำร ฐำนทงั้ สองอยบู่ นระนำบท่ี ขนำนกัน และดำ้ นขำ้ งแต่ละด้ำนเป็นรปู สี่เหลย่ี มด้ำนขนำน เรยี กวำ่ ปริซมึ 6. สาระการเรียนรู้ ปรซิ ึม 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครทู บทวนกำรหำพนื้ ที่ของรูปเรขำคณติ สองมติ ิ และกำรหำปริมำตรของทรงส่ีเหลี่ยมมมุ ฉำก โดย ให้นักเรยี นศึกษำในหนังสือเรียนหนำ้ 104 และ 105 2. ครูใหน้ กั เรียนพิจำรณำส่วนต่ำง ๆ ของปรซิ ึมตำมภำพ พรอ้ มท้งั ให้นกั เรียนดูรปู คล่ขี องปริซึม 3. ครแู นะนำนักเรยี นว่ำ เรำจะเรียกชอื่ ปรซิ ึมชนดิ ตำ่ ง ๆ ตำมลักษณะของฐำนของปริซึม ดังน้ี 4. ให้นกั เรียนศกึ ษำตวั อย่ำงปริซมึ เพิ่มเตมิ ในหนงั สอื เรียนหนำ้ 106 และ 107 โดยมีครูคอยให้ คำแนะนำและอธิบำยเพมิ่ เตมิ จนนกั เรยี นเขำ้ ใจ 5. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ว่ำ รูปเรขำคณติ สำมมติ ทิ ่มี ีฐำนทงั้ สองเปน็ รปู เหลี่ยมทเ่ี ทำ่ กนั ทุก ประกำร ฐำนทงั้ สองอยบู่ นระนำบทีข่ นำนกนั และด้ำนขำ้ งแตล่ ะด้ำนเปน็ รปู ส่ีเหลย่ี มด้ำนขนำน เรียกว่ำ ปรซิ ึม 6. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั ที่ 3.1 ก ในหนงั สือเรยี น
8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ 1. หนังสอื เรียน แบบฝึกหัด รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ 2. แบบฝึกหัด แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดับคณุ ภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ รำยบุคคล 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร ตรวจแบบฝึกหัด สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน รำยบคุ คล 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมินกำรฝกึ (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทักษะและ ถูกต้องตำ่ กวำ่ รอ้ ย แบบฝึกหัด ทำแบบฝกึ ได้อย่ำง ทำแบบฝึกได้อยำ่ ง ทำแบบฝกึ ได้อย่ำง ละ 60 2. เกณฑก์ ำร ประเมินควำม ถูกต้องรอ้ ยละ 90 ถูกต้องร้อยละ 80 - ถูกตอ้ งร้อยละ 60 - ใช้รูป ภำษำ และ สำมำรถในกำร สญั ลกั ษณท์ ำง สื่อสำร สอ่ื ขึ้นไป 89 79 คณติ ศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง ส่อื สำร คณิตศำสตร์ ใช้รูป ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ ส่อื ควำมหมำย สรุปผล และ 3. เกณฑก์ ำร สญั ลักษณ์ทำง สญั ลักษณท์ ำง สญั ลักษณ์ทำง นำเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ควำม สำมำรถในให้ คณติ ศำสตร์ในกำร คณิตศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร ไม่มีกำรให้เหตุผลที่ เหตผุ ล สมเหตุสมผล สื่อสำร สอ่ื สำร สอื่ สำร ประกอบกำร 4. เกณฑ์กำร ตดั สนิ ใจอ้ำงอิง ประเมนิ ควำม สอ่ื ควำมหมำย สื่อควำมหมำย สอ่ื ควำมหมำย ใช้ควำมรทู้ ำง คณิตศำสตรเ์ ปน็ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ เคร่ืองมอื ในกำร นำเสนอไดอ้ ย่ำง นำเสนอไดถ้ ูกต้อง นำเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง ถกู ต้อง ชัดเจน แตข่ ำดรำยละเอียด บำงส่วน ทส่ี มบรู ณ์ มกี ำรใหเ้ หตุผลที่ มีกำรใหเ้ หตุผลที่ มีกำรให้เหตุผลท่ี สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขำด สมเหตุสมผล อำ้ งอิงหลักวชิ ำกำร หลักฐำนอ้ำงองิ บำงสว่ น ใชค้ วำมรูท้ ำง ใช้ควำมร้ทู ำง ใชค้ วำมรู้ทำง คณติ ศำสตรเ์ ป็น คณิตศำสตรเ์ ปน็ คณติ ศำสตรเ์ ปน็ เครือ่ งมอื ในกำร เคร่อื งมอื ในกำร เคร่อื งมอื ในกำร
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 สำมำรถในกำร (ต้องปรับปรงุ ) เช่ือมโยง (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) เรยี นร้คู ณิตศำสตร์ เนอื้ หำตำ่ ง ๆ หรือ 5. เกณฑ์กำร เรียนรคู้ ณิตศำสตร์ เรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ ศำสตร์อ่ืน ๆ และ ประเมินควำมมุ นำไปใช้ในชีวติ จริง มำนะในกำรทำ เน้ือหำต่ำง ๆ หรอื เนือ้ หำตำ่ ง ๆ หรือ เนอ้ื หำต่ำง ๆ หรอื ควำมเขำ้ ใจ ไมม่ ีควำมต้ังใจและ ปัญหำและ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศำสตรอ์ นื่ ๆ และ ศำสตร์อื่น ๆ และ พยำยำมในกำรทำ แก้ปญั หำทำง ควำมเข้ำใจปญั หำ คณติ ศำสตร์ นำไปใช้ในชีวิตจรงิ นำไปใชใ้ นชีวติ จริง นำไปใชใ้ นชวี ติ จริง และแก้ปัญหำทำง คณิตศำสตร์ ไมม่ ี ได้อยำ่ งสอดคลอ้ ง ได้บำงส่วน ควำมอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค เหมำะสม จนทำให้แก้ปัญหำ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ มคี วำมตง้ั ใจและ มีควำมตงั้ ใจและ มคี วำมต้งั ใจและ ไม่สำเร็จ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ และแกป้ ัญหำทำง และแกป้ ญั หำทำง และแก้ปัญหำทำง คณิตศำสตร์ มี คณิตศำสตร์ แต่ไม่ คณิตศำสตร์ แต่ไม่ ควำมอดทนและไม่ มีควำมอดทนและ มีควำมอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค จนทำให้แกป้ ญั หำ จนทำให้แกป้ ัญหำ จนทำใหแ้ ก้ปัญหำ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ สำเร็จ ไมส่ ำเร็จเล็กน้อย ไม่สำเร็จเปน็ ส่วน ใหญ่ 6. เกณฑ์กำร มีควำมมุ่งมัน่ ใน มคี วำมม่งุ ม่นั ในกำร มีควำมมงุ่ มนั่ ในกำร มคี วำมมุง่ มั่นในกำร ประเมนิ ควำม กำรทำงำนอยำ่ ง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนแต่ไมม่ คี วำม มุง่ มั่นในกำร รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ ส่งผลให้ ทำงำน ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ งำนไม่ประสบ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยส่วนน้อย ผลสำเรจ็ อยำ่ งที่ สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตติมำ แตงชมุ่ แลว้ มคี วำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ .................................................... (นำงสำวรพพี รรณ กตี ำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำคลวี ิทยำ
บนั ทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน (ดำ้ นควำมรู้ ทักษะกระบวนกำร และเจตคติ) ดา้ นความรู้ นักเรยี นสว่ นใหญส่ ำมำรถทำใบงำนเร่อื งปริซึม ได้อย่ำงถูกตอ้ ง ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น นกั เรียนส่วนใหญม่ คี วำมสำมำรถในดำ้ นในส่อื สำร กำรคดิ กำรสังเกตและกำรใหเ้ หตุผล ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นกั เรยี นสว่ นใหญม่ วี นิ ัย ควำมรับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรแู้ ละม่งุ มนั่ ในกำรทำงำน ปญั หา/อปุ สรรค มนี ักเรยี นบำงสว่ นยงั ไม่เขำ้ เรียน ไม่ค่อยสนใจเรยี นและยังไมค่ ่อยสง่ งำน ทำใหไ้ ม่สำมำรถวัดผลจำก กำรเรียนรู้ไดท้ ุกคน แนวทางแกไ้ ข แจง้ ครทู ีป่ รึกษำติดตำมนักเรียนเขำ้ เรียนให้ตรงเวลำ พรอ้ มทั้งมอบหมำยใบควำมรู้และใบกจิ กรรมให้ นักเรยี นทำส่งยอ้ นหลงั ได้ตลอดเวลำ ไ ลงชอ่ื .................................................... (นำงสำวกติ ตมิ ำ แตงชมุ่ ) .........../................../..............
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 24 สำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ รำยวิชำ คณิตศำสตรพ์ น้ื ฐำน รหสั วิชำ ค 22101 ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ 2 ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 ปริซมึ และทรงกระบอก เรอ่ื ง พ้นื ท่ีผวิ ของปริซึม เวลำ 1 ช่วั โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เขำ้ ใจพืน้ ฐำนเก่ียวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของส่งิ ท่ตี อ้ งกำรวดั และ นำไปใช้ 2. ตวั ช้ีวัดช้นั ปี ประยุกต์ใช้ควำมรู้เร่อื งพืน้ ทีผ่ ิวของปริซมึ และทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชีวิตจริง ( ค 2.1 ม.2/1) ประยุกตใ์ ช้ควำมรู้เรือ่ งปริมำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปญั หำคณติ ศำสตรแ์ ละปญั หำใน ชวี ิตจริง ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. จำแนกรปู เรขำคณติ สำมมิติทเ่ี ปน็ ปรซิ ึมและท่ไี ม่เป็นปริซมึ (K) 2. อธิบำยลกั ษณะและสมบตั ขิ องปริซมึ (K) 3. หำพ้ืนท่ผี ิวของปรซิ มึ และนำำควำมรู้ไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (K) 4. หำปริมำตรของปรซิ ึมและนำำควำมร้ไู ปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ (K) 5. ตระหนักถึงควำมสมเหตสุ มผลของคำำตอบที่ได้ (K) 6. มคี วำมสำมำรถในเช่ือมโยงควำมรทู้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มคี วำมสำมำรถในกำรส่อื สำร สอ่ื ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ (P) 8. มีควำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล (P) 9. มคี วำมมุมำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 10. มีควำมม่งุ มนั่ ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มีควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร 2. มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ 3. มคี วำมสำมำรถในกำรคิดสร้ำงสรรค์
5. สาระสาคัญ พืน้ ทข่ี องพืน้ ท่ผี วิ ทั้งหมดของวตั ถุ จะรยี กวำ่ พ้ืนทีผ่ วิ ของวัตถุ สำหรบั กำรหำพ้นื ทผ่ี วิ ของปรซิ มึ มี หลักกำรงำ่ ยๆ คือกำรหำรพน้ื ทีข่ องด้ำนขำ้ งท้งั หมดรมกับพ้ืนทีข่ องฐำนทั้งสองขำ้ ง โดยกำรคำนวณหำพ้นื ท่ีผิว ของปรซิ มึ นนั้ อำจร่ำงภำพคลี่ ของปรซิ มึ 6. สาระการเรยี นรู้ พ้นื ที่ผวิ ของปริซมึ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครนู ำเขำ้ สู่กำรเรียนโดย ให้นักเรยี นดสู ่ิงของรูปทรงปรซิ ึม 2. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอภปิ รำยว่ำพื้นที่ผวิ ของปรซิ มึ ได้อย่ำงไร 3. ให้นกั เรยี นวิเครำะหก์ ำรหำพ้ืนทผี่ ิวของปรซิ มึ ดังนี้ พื้นท่ขี องพืน้ ทีผ่ วิ ทง้ั หมดของวตั ถุ จะรียกวำ่ พน้ื ทผี่ ิว ของวตั ถุ สำหรับกำรหำพืน้ ท่ผี วิ ของปริซึมมีหลักกำรงำ่ ยๆ คือกำรหำรพน้ื ทข่ี องดำ้ นขำ้ งทั้งหมดรมกับ พ้ืนท่ีของฐำนทง้ั สองข้ำง โดยกำรคำนวณหำพ้นื ที่ผวิ ของปรซิ ึมน้ัน อำจรำ่ งภำพคล่ี ของปรซิ ึม 4. ครใู หน้ ักเรยี นแบง่ กลุม่ กลมุ่ ละ 3 คน แลว้ ใหศ้ ึกษำตัวอยำ่ งกำรหำพ้นื ท่ผี วิ ของปริซมึ ในหนังสือ เรยี นหนำ้ 111 - 113 5. ใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ หำพนื้ ทผ่ี วิ ของปรซิ ึม ในแบบฝกึ หดั ที่ 3.1 ข ในหนงั สือเรียนหน้ำ 113 ข้อ 1 ใหญ่ 6. นักเรยี นแต่ละกล่มุ นำเสนอกำรหำพ้นื ท่ผี ิวของปริซมึ 7. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รำยและสรปุ ว่ำ พ้นื ท่ีของพ้ืนท่ผี วิ ทัง้ หมดของวัตถุ จะรียกวำ่ พืน้ ทผี่ ิว ของวัตถุ สำหรบั กำรหำพ้ืนทีผ่ ิวของ ปริซมึ มีหลักกำรง่ำยๆ คอื กำรหำรพ้ืนที่ของด้ำนข้ำงทง้ั หมดรมกับพนื้ ทขี่ องฐำนทง้ั สองขำ้ ง โดยกำรคำนวณหำ พ้ืนที่ผวิ ของปรซิ มึ น้ัน อำจร่ำงภำพคลี่ ของปริซึม 8. ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดที่ 3.1 ข ในหนงั สือเรยี นหน้ำ 114 8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝกึ หัด 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน ระดบั คณุ ภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ รำยบคุ คล รำยบุคคล
วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดับคณุ ภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ กลมุ่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินกำรฝึก (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทำแบบฝกึ ไดอ้ ยำ่ ง ทักษะและ ถูกต้องต่ำกว่ำรอ้ ย แบบฝึกหัด ทำแบบฝกึ ไดอ้ ย่ำง ทำแบบฝึกได้อยำ่ ง ทำแบบฝกึ ไดอ้ ย่ำง ละ 60 2. เกณฑ์กำร ประเมนิ ควำม ถกู ตอ้ งร้อยละ 90 ถกู ตอ้ งร้อยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ใช้รูป ภำษำ และ สำมำรถในกำร สญั ลักษณ์ทำง สอ่ื สำร ส่ือ ขน้ึ ไป 89 79 คณติ ศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง ส่อื สำร คณติ ศำสตร์ ใชร้ ปู ภำษำ และ ใช้รูป ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ ส่อื ควำมหมำย สรุปผล และ 3. เกณฑ์กำร สญั ลักษณท์ ำง สัญลักษณ์ทำง สญั ลักษณ์ทำง นำเสนอไม่ได้ ประเมินควำม สำมำรถในให้ คณิตศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร ไมม่ กี ำรให้เหตุผลที่ เหตุผล สมเหตุสมผล 4. เกณฑ์กำร สื่อสำร ส่ือสำร สือ่ สำร ประกอบกำร ประเมนิ ควำม ตดั สินใจอ้ำงองิ สำมำรถในกำร ส่ือควำมหมำย สื่อควำมหมำย สือ่ ควำมหมำย ใชค้ วำมร้ทู ำง เชอ่ื มโยง คณิตศำสตร์เป็น สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ เครือ่ งมอื ในกำร 5. เกณฑก์ ำร เรียนรู้คณิตศำสตร์ ประเมนิ ควำมมุ นำเสนอไดอ้ ย่ำง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอได้ถูกต้อง เนอื้ หำตำ่ ง ๆ หรือ มำนะในกำรทำ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ ถูกตอ้ ง ชดั เจน แตข่ ำดรำยละเอียด บำงสว่ น นำไปใช้ในชวี ิตจริง ทีส่ มบูรณ์ ไมม่ คี วำมตง้ั ใจและ พยำยำมในกำรทำ มีกำรให้เหตุผลท่ี มกี ำรให้เหตุผลที่ มกี ำรให้เหตุผลท่ี ควำมเขำ้ ใจปญั หำ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแตข่ ำด สมเหตุสมผล อ้ำงอิงหลกั วชิ ำกำร หลักฐำนอ้ำงอิง บำงส่วน ใช้ควำมรู้ทำง ใชค้ วำมรทู้ ำง ใช้ควำมรู้ทำง คณิตศำสตรเ์ ป็น คณิตศำสตรเ์ ปน็ คณติ ศำสตร์เป็น เครือ่ งมือในกำร เครอื่ งมอื ในกำร เครอื่ งมือในกำร เรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ เรียนรคู้ ณิตศำสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ เน้ือหำต่ำง ๆ หรือ เน้ือหำตำ่ ง ๆ หรือ เน้ือหำต่ำง ๆ หรือ ศำสตรอ์ น่ื ๆ และ ศำสตรอ์ น่ื ๆ และ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ นำไปใช้ในชีวติ จริง นำไปใชใ้ นชีวิตจริง นำไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้อยำ่ งสอดคล้อง ได้บำงส่วน เหมำะสม มคี วำมตัง้ ใจและ พยำยำมในกำรทำ มคี วำมตัง้ ใจและ มคี วำมตง้ั ใจและ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ ควำมเข้ำใจปัญหำ ควำมเข้ำใจปญั หำ
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) (ต้องปรบั ปรุง) 32 ควำมเขำ้ ใจ และแก้ปัญหำทำง (ด)ี (กาลงั พฒั นา) และแกป้ ัญหำทำง ปัญหำและ คณิตศำสตร์ มี คณิตศำสตร์ ไม่มี แกป้ ญั หำทำง ควำมอดทนและไม่ และแกป้ ญั หำทำง และแกป้ ัญหำทำง ควำมอดทนและ คณิตศำสตร์ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค คณติ ศำสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศำสตร์ แตไ่ ม่ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค จนทำให้แกป้ ญั หำ มีควำมอดทนและ มคี วำมอดทนและ จนทำให้แกป้ ัญหำ 6. เกณฑก์ ำร ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ประเมินควำม สำเร็จ จนทำให้แก้ปญั หำ จนทำให้แก้ปัญหำ ไมส่ ำเร็จ ม่งุ มัน่ ในกำร ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ทำงคณติ ศำสตร์ได้ ทำงำน ไม่สำเร็จเลก็ น้อย ไมส่ ำเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ มีควำมมงุ่ ม่ันใน มีควำมมุ่งมัน่ ในกำร มีควำมมงุ่ มน่ั ในกำร มีควำมมุ่งมัน่ ในกำร ทำงำนอย่ำง กำรทำงำนอยำ่ ง ทำงำนอย่ำง รอบคอบ จนงำน ทำงำนแตไ่ ม่มคี วำม รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย งำนไมป่ ระสบ เรียบร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ ผลสำเร็จอย่ำงที่ สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตติมำ แตงช่มุ แลว้ มีควำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรียนที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรยี นรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .................................................... (นำงสำวรพพี รรณ กตี ำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำคลีวทิ ยำ
บนั ทกึ หลงั การสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน (ด้ำนควำมรู้ ทกั ษะกระบวนกำร และเจตคต)ิ ดา้ นความรู้ นกั เรียนส่วนใหญ่สำมำรถทำใบงำนเร่ือง พ้ืนทผี่ ิวของปริซึม ไดอ้ ยำ่ งถูกต้อง ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น นักเรียนสว่ นใหญ่มคี วำมสำมำรถในด้ำนในสื่อสำร กำรคดิ กำรสงั เกตและกำรใหเ้ หตผุ ล ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นักเรียนส่วนใหญม่ ีวนิ ยั ควำมรับผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้และมุง่ มัน่ ในกำรทำงำน ปัญหา/อปุ สรรค มีนักเรียนบำงส่วนยงั ไมเ่ ข้ำเรยี น ไมค่ อ่ ยสนใจเรียนและยงั ไมค่ ่อยสง่ งำน ทำใหไ้ ม่สำมำรถวัดผลจำก กำรเรียนรไู้ ด้ทุกคน แนวทางแกไ้ ข แจง้ ครูทปี่ รกึ ษำติดตำมนักเรยี นเข้ำเรยี นให้ตรงเวลำ พรอ้ มทัง้ มอบหมำยใบควำมรแู้ ละใบกิจกรรมให้ นักเรยี นทำสง่ ย้อนหลังไดต้ ลอดเวลำ ไ ลงช่อื .................................................... (นำงสำวกิตตมิ ำ แตงช่มุ ) .........../................../..............
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 25 สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ รำยวิชำ คณิตศำสตรพ์ น้ื ฐำน รหสั วชิ ำ ค 22101 ชั้นมัธยมศกึ ษำปีที่ 2 ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 ปริซมึ และทรงกระบอก เรอ่ื ง ปรมิ ำตรของปริซึม เวลำ 1 ช่วั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เขำ้ ใจพื้นฐำนเก่ียวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของสิง่ ท่ตี อ้ งกำรวดั และ นำไปใช้ 2. ตัวชี้วัดชน้ั ปี ประยุกตใ์ ชค้ วำมรเู้ รือ่ งพน้ื ทผ่ี ิวของปริซมึ และทรงกระบอกในกำรแก้ปญั หำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จริง ( ค 2.1 ม.2/1) ประยกุ ตใ์ ช้ควำมรู้เรอ่ื งปริมำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปัญหำคณติ ศำสตรแ์ ละปญั หำใน ชีวติ จรงิ ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. จำแนกรูปเรขำคณิตสำมมิติทเ่ี ปน็ ปรซิ ึมและท่ไี ม่เป็นปริซมึ (K) 2. อธบิ ำยลักษณะและสมบัตขิ องปริซมึ (K) 3. หำพื้นท่ีผิวของปริซมึ และนำำควำมรู้ไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (K) 4. หำปริมำตรของปรซิ ึมและนำำควำมร้ไู ปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ (K) 5. ตระหนักถึงควำมสมเหตสุ มผลของคำำตอบที่ได้ (K) 6. มีควำมสำมำรถในเช่อื มโยงควำมรทู้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มีควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร สอ่ื ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ (P) 8. มีควำมสำมำรถในกำรใหเ้ หตุผล (P) 9. มีควำมมุมำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 10. มีควำมมุ่งมนั่ ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มคี วำมสำมำรถในกำรส่ือสำร 2. มคี วำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 3. มคี วำมสำมำรถในกำรคิดสร้ำงสรรค์
5. สาระสาคญั ปริมำตรของปรซิ ึมส่เี หลีย่ มมุมฉำก = ควำมกว้ำง x ควำมยำว x ควำมสงู = พน้ื ที่ฐำน x ควำมสงู ปริมำตรของปริซึม = พนื้ ทฐ่ี ำน x ควำมสงู 6. สาระการเรียนรู้ ปรมิ ำตรของปรซิ ึม 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูนำเขำ้ สู่กำรเรยี นโดย ให้นกั เรียนดูสงิ่ ของรูปทรงปริซึม เชน่ ปริซมึ สเ่ี หลย่ี มมุมฉำก ปริซมึ สำมเหลี่ยมดำ้ นเท่ำ 2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรำยวำ่ ปริมำตรของปริซมึ หำได้อยำ่ งไร 3. ให้นกั เรียนยกตัวอย่ำงกำรหำปริมำตรของปรซิ ึม ของสิ่งตำ่ งๆ 4. ใหน้ ักเรยี นวเิ ครำะหก์ ำรหำปริมำตรของปริซมึ พรอ้ มท้ังหำปรมิ ำตรของปรซิ มึ ทกี่ ำหนดให้ 5. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน แล้วให้แต่ละกลมุ่ ทำกิจกรรมตำมรอยเส้นทแยงมุม ในหนงั สอื เรียนหน้ำ 116 6. สุ่มตัวแทนนักเรยี นออกมำนำเสนอผลงำนของกลุ่มในกิจกรรมตำมรอยเสน้ ทแยงมมุ โดยสมำชกิ ทกุ คนออกมำนำเสนอ 2 กล่มุ 7. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่ม ศกึ ษำตัวอย่ำงกำรหำปรมิ ำตรในหนงั สือเรียนหนำ้ 117 – 119 8. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรำยและสรปุ วำ่ 1) ปรมิ ำตรของปริซมึ สเี่ หลย่ี มมมุ ฉำก = ควำมกว้ำง x ควำมยำว x ควำมสูง = พ้นื ท่ีฐำน x ควำมสงู 2) ปรมิ ำตรของปรซิ ึม = พื้นท่ฐี ำน x ควำมสูง 9. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดท่ี 3.1 ค ข้อ 1 ใหญ่ 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝกึ หัด 3. กิจกรรม ตำมรอยเสน้ ทแยงมมุ
9. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ แบบฝึกหดั รอ้ ยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ 9.1 การวัดผล ระดบั คุณภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำน วิธีการ รำยบคุ คล ระดบั คณุ ภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน กลุม่ สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน รำยบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ต้องปรับปรงุ ) ประเมินกำรฝกึ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทำแบบฝึกได้อย่ำง ทักษะและ ถูกตอ้ งตำ่ กว่ำร้อย แบบฝกึ หัด ทำแบบฝึกได้อย่ำง ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ละ 60 2. เกณฑ์กำร ประเมินควำม ถกู ต้องรอ้ ยละ 90 ถูกตอ้ งร้อยละ 80 - ถกู ต้องร้อยละ 60 - ใชร้ ูป ภำษำ และ สำมำรถในกำร สัญลกั ษณ์ทำง สื่อสำร สื่อ ขน้ึ ไป 89 79 คณติ ศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง สือ่ สำร คณิตศำสตร์ ใช้รูป ภำษำ และ ใช้รปู ภำษำ และ ใช้รูป ภำษำ และ สือ่ ควำมหมำย สรปุ ผล และ 3. เกณฑก์ ำร สญั ลักษณ์ทำง สญั ลกั ษณท์ ำง สญั ลกั ษณ์ทำง นำเสนอไมไ่ ด้ ประเมินควำม สำมำรถในให้ คณิตศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร ไมม่ กี ำรให้เหตุผลที่ เหตผุ ล สมเหตุสมผล ส่ือสำร สื่อสำร ส่ือสำร ประกอบกำร 4. เกณฑก์ ำร ตดั สินใจอ้ำงอิง ประเมินควำม สือ่ ควำมหมำย สือ่ ควำมหมำย ส่อื ควำมหมำย ใชค้ วำมรทู้ ำง สำมำรถในกำร คณติ ศำสตรเ์ ป็น เชือ่ มโยง สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ เคร่ืองมือในกำร เรยี นรูค้ ณิตศำสตร์ นำเสนอไดอ้ ย่ำง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอไดถ้ กู ต้อง เนอื้ หำตำ่ ง ๆ หรือ ถูกต้อง ชดั เจน แตข่ ำดรำยละเอยี ด บำงส่วน ท่ีสมบูรณ์ มีกำรให้เหตุผลท่ี มกี ำรให้เหตุผลท่ี มกี ำรให้เหตุผลท่ี สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแตข่ ำด สมเหตุสมผล อ้ำงองิ หลักวิชำกำร หลักฐำนอำ้ งองิ บำงสว่ น ใช้ควำมร้ทู ำง ใช้ควำมร้ทู ำง ใช้ควำมรทู้ ำง คณติ ศำสตรเ์ ปน็ คณิตศำสตร์เปน็ คณิตศำสตรเ์ ป็น เครอื่ งมอื ในกำร เครือ่ งมอื ในกำร เคร่อื งมือในกำร เรยี นรู้คณติ ศำสตร์ เรยี นรู้คณติ ศำสตร์ เรยี นร้คู ณติ ศำสตร์ เนอ้ื หำต่ำง ๆ หรอื เนือ้ หำตำ่ ง ๆ หรือ เน้ือหำต่ำง ๆ หรอื
ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ศำสตร์อ่นื ๆ และ 5. เกณฑ์กำร ศำสตร์อ่ืน ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ประเมนิ ควำมมุ นำไปใช้ในชีวิตจริง ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศำสตรอ์ ื่น ๆ และ มำนะในกำรทำ ไดอ้ ย่ำงสอดคลอ้ ง นำไปใชใ้ นชวี ติ จริง นำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ไม่มคี วำมต้ังใจและ ควำมเขำ้ ใจ เหมำะสม ไดบ้ ำงส่วน พยำยำมในกำรทำ ปญั หำและ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ แก้ปัญหำทำง มคี วำมตง้ั ใจและ มคี วำมตง้ั ใจและ มีควำมตง้ั ใจและ และแก้ปัญหำทำง คณติ ศำสตร์ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ คณติ ศำสตร์ ไม่มี ควำมเขำ้ ใจปญั หำ ควำมอดทนและ และแกป้ ญั หำทำง ควำมเข้ำใจปัญหำ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค คณติ ศำสตร์ มี และแกป้ ญั หำทำง และแกป้ ญั หำทำง จนทำใหแ้ กป้ ญั หำ ควำมอดทนและไม่ คณิตศำสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศำสตร์ แตไ่ ม่ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ท้อแท้ต่ออุปสรรค ไมส่ ำเรจ็ จนทำใหแ้ ก้ปญั หำ มีควำมอดทนและ มคี วำมอดทนและ ทำงคณติ ศำสตร์ได้ ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค สำเรจ็ จนทำให้แก้ปญั หำ จนทำให้แกป้ ัญหำ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ไมส่ ำเร็จเล็กนอ้ ย ไมส่ ำเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑก์ ำร มคี วำมม่งุ มน่ั ใน มคี วำมมุ่งมน่ั ในกำร มคี วำมมุง่ มั่นในกำร มีควำมม่งุ มั่นในกำร ประเมินควำม กำรทำงำนอย่ำง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนแต่ไมม่ ีควำม ม่งุ มั่นในกำร รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ ส่งผลให้ ทำงำน ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ ประสบผลสำเรจ็ งำนไมป่ ระสบ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรยี บร้อยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยส่วนน้อย ผลสำเร็จอย่ำงท่ี สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตติมำ แตงชุ่ม แล้วมคี วำมเห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงช่อื .................................................... (นำงสำวรพีพรรณ กตี ำ) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนสำคลีวทิ ยำ
บันทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน (ดำ้ นควำมรู้ ทกั ษะกระบวนกำร และเจตคต)ิ ดา้ นความรู้ นักเรียนส่วนใหญส่ ำมำรถทำใบงำนเรอ่ื ง ปรมิ าตรของปรซิ มึ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น นกั เรยี นสว่ นใหญ่มคี วำมสำมำรถในดำ้ นในสื่อสำร กำรคิด กำรสงั เกตและกำรใหเ้ หตุผล ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนส่วนใหญม่ วี นิ ยั ควำมรับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้และมงุ่ ม่ันในกำรทำงำน ปญั หา/อปุ สรรค นกั เรียนทไ่ี มค่ ่อยสนใจเรียนกย็ ังไม่ค่อยใหค้ วำมสำคัญในกำรเรียน แนวทางแกไ้ ข ปรับเปลี่ยนรปู แบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับสถำนกำรณ์และกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนทไ่ี ม่ คอ่ ยสนใจเรยี น มีส่วนร่วมในทกุ กจิ กรรมมำกยิ่งขน้ึ ไลงชอื่ .................................................... (นำงสำวกติ ตมิ ำ แตงชุ่ม) .........../................../..............
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 26 สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ รำยวชิ ำ คณิตศำสตรพ์ ืน้ ฐำน รหสั วชิ ำ ค 22101 ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี 3 ปริซมึ และทรงกระบอก เรอ่ื ง ปรมิ ำตรของปริซมึ (2) เวลำ 1 ช่วั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เข้ำใจพ้ืนฐำนเก่ียวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของส่งิ ท่ตี อ้ งกำรวดั และ นำไปใช้ 2. ตัวชี้วัดชน้ั ปี ประยุกตใ์ ชค้ วำมรูเ้ ร่ืองพ้ืนที่ผิวของปริซมึ และทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จริง ( ค 2.1 ม.2/1) ประยุกต์ใชค้ วำมรูเ้ รอ่ื งปริมำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปญั หำคณติ ศำสตรแ์ ละปญั หำใน ชีวติ จรงิ ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. จำแนกรูปเรขำคณิตสำมมิติทเ่ี ปน็ ปรซิ ึมและท่ไี มเ่ ป็นปรซิ มึ (K) 2. อธิบำยลักษณะและสมบตั ิของปริซมึ (K) 3. หำพื้นทผ่ี วิ ของปรซิ ึมและนำำควำมรู้ไปใช้ในกำรแก้ปญั หำ (K) 4. หำปรมิ ำตรของปรซิ มึ และนำำควำมร้ไู ปใชใ้ นกำรแกป้ ญั หำ (K) 5. ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำำตอบที่ได้ (K) 6. มคี วำมสำมำรถในเช่อื มโยงควำมรู้ทำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มีควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร สอ่ื ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ (P) 8. มคี วำมสำมำรถในกำรใหเ้ หตุผล (P) 9. มีควำมมุมำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปญั หำทำงคณิตศำสตร์ (A) 10. มีควำมม่งุ มัน่ ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. มคี วำมสำมำรถในกำรส่อื สำร 2. มคี วำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 3. มคี วำมสำมำรถในกำรคิดสรำ้ งสรรค์
5. สาระสาคญั ปริมำตรของปริซมึ สีเ่ หลย่ี มมุมฉำก = ควำมกวำ้ ง x ควำมยำว x ควำมสูง = พืน้ ท่ฐี ำน x ควำมสงู ปรมิ ำตรของปรซิ ึม = พ้ืนที่ฐำน x ควำมสงู 6. สาระการเรียนรู้ ปรมิ ำตรของปรซิ มึ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครนู ำเขำ้ สกู่ ำรเรยี นโดย ใหน้ ักเรียนดูสิ่งของรปู ทรงปรซิ มึ เช่น ปรซิ ึมสีเ่ หลี่ยมมุมฉำก ปรซิ ึม สำมเหลยี่ มด้ำนเท่ำ 2. ใหน้ ักเรยี นร่วมกันอภิปรำยว่ำปรมิ ำตรของปรซิ มึ หำได้อย่ำงไร 3. ให้นักเรยี นยกตวั อยำ่ งกำรหำปรมิ ำตรของปริซึม ของสง่ิ ต่ำงๆ 4. ให้นักเรียนวเิ ครำะหก์ ำรหำปริมำตรของปริซมึ พร้อมทงั้ หำปรมิ ำตรของปริซมึ ท่ีกำหนดให้ 5. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน แล้วใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศึกษำตวั อย่ำงกำรหำปรมิ ำตรในหนงั สือ เรยี นหนำ้ 120 แลว้ ทำแบบฝกึ หัดที่ 3.1 ค ในหนงั สือเรียนขอ้ 2 – 5 ใหญ่ 6. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ วง่ ตัวแทนออกมำนำเสนอแนวคดิ ในกี่หำปริมำตรในแบบฝกึ หดั ที่ 3.1 ค 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รำยและสรปุ ว่ำ 1) ปริมำตรของปรซิ มึ ส่ีเหลย่ี มมุมฉำก = ควำมกว้ำง x ควำมยำว x ควำมสูง = พื้นท่ีฐำน x ควำมสูง 2) ปรมิ ำตรของปรซิ มึ = พน้ื ทีฐ่ ำน x ควำมสงู 8. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดท่ี 3.1 ค ข้อ 6 - 10 ใหญ่ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น เคร่อื งมอื เกณฑ์ แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ 2. แบบฝึกหัด แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดับคณุ ภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ 9. การวดั และประเมินผล รำยบุคคล 9.1 การวัดผล วิธกี าร ตรวจแบบฝึกหัด สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน รำยบุคคล
วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดับคณุ ภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ กลมุ่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินกำรฝึก (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พัฒนา) ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทักษะและ ถูกต้องตำ่ กว่ำรอ้ ย แบบฝกึ หัด ทำแบบฝึกไดอ้ ย่ำง ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทำแบบฝกึ ไดอ้ ย่ำง ละ 60 2. เกณฑ์กำร ประเมนิ ควำม ถกู ตอ้ งร้อยละ 90 ถกู ตอ้ งร้อยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ใช้รูป ภำษำ และ สำมำรถในกำร สญั ลักษณ์ทำง สอ่ื สำร ส่ือ ขน้ึ ไป 89 79 คณติ ศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง ส่อื สำร คณติ ศำสตร์ ใชร้ ปู ภำษำ และ ใช้รปู ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ ส่อื ควำมหมำย สรุปผล และ 3. เกณฑ์กำร สญั ลักษณ์ทำง สัญลักษณ์ทำง สญั ลักษณ์ทำง นำเสนอไม่ได้ ประเมินควำม สำมำรถในให้ คณิตศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร ไมม่ กี ำรใหเ้ หตุผลที่ เหตุผล สมเหตุสมผล 4. เกณฑ์กำร สื่อสำร ส่ือสำร สือ่ สำร ประกอบกำร ประเมนิ ควำม ตดั สินใจอ้ำงองิ สำมำรถในกำร ส่ือควำมหมำย สื่อควำมหมำย สือ่ ควำมหมำย ใชค้ วำมร้ทู ำง เชอ่ื มโยง คณิตศำสตร์เป็น สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ เครือ่ งมอื ในกำร 5. เกณฑก์ ำร เรียนรู้คณิตศำสตร์ ประเมนิ ควำมมุ นำเสนอไดอ้ ย่ำง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอไดถ้ ูกต้อง เนอื้ หำตำ่ ง ๆ หรือ มำนะในกำรทำ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ ถูกตอ้ ง ชดั เจน แตข่ ำดรำยละเอียด บำงสว่ น นำไปใช้ในชวี ิตจริง ทีส่ มบูรณ์ ไมม่ คี วำมตง้ั ใจและ พยำยำมในกำรทำ มีกำรให้เหตุผลท่ี มกี ำรให้เหตุผลที่ มกี ำรให้เหตุผลท่ี ควำมเขำ้ ใจปญั หำ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแตข่ ำด สมเหตุสมผล อ้ำงอิงหลกั วชิ ำกำร หลักฐำนอ้ำงองิ บำงส่วน ใช้ควำมรทู้ ำง ใชค้ วำมรทู้ ำง ใช้ควำมรู้ทำง คณิตศำสตรเ์ ป็น คณิตศำสตร์เปน็ คณติ ศำสตร์เป็น เครือ่ งมือในกำร เครอ่ื งมอื ในกำร เครอื่ งมือในกำร เรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ เรียนรคู้ ณิตศำสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ เน้ือหำต่ำง ๆ หรือ เน้ือหำตำ่ ง ๆ หรือ เน้ือหำต่ำง ๆ หรือ ศำสตรอ์ น่ื ๆ และ ศำสตรอ์ น่ื ๆ และ ศำสตรอ์ ื่น ๆ และ นำไปใช้ในชีวติ จริง นำไปใช้ในชีวติ จริง นำไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้อยำ่ งสอดคล้อง ได้บำงส่วน เหมำะสม มคี วำมตัง้ ใจและ พยำยำมในกำรทำ มคี วำมตัง้ ใจและ มคี วำมตง้ั ใจและ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ ควำมเข้ำใจปัญหำ ควำมเข้ำใจปัญหำ
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) (ต้องปรบั ปรุง) 32 ควำมเขำ้ ใจ และแก้ปัญหำทำง (ด)ี (กาลงั พฒั นา) และแกป้ ัญหำทำง ปัญหำและ คณิตศำสตร์ มี คณิตศำสตร์ ไม่มี แกป้ ญั หำทำง ควำมอดทนและไม่ และแกป้ ญั หำทำง และแกป้ ัญหำทำง ควำมอดทนและ คณิตศำสตร์ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค คณติ ศำสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศำสตร์ แต่ไม่ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค จนทำให้แกป้ ญั หำ มีควำมอดทนและ มคี วำมอดทนและ จนทำให้แกป้ ัญหำ 6. เกณฑก์ ำร ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ประเมินควำม สำเร็จ จนทำให้แก้ปญั หำ จนทำให้แก้ปัญหำ ไมส่ ำเร็จ ม่งุ มัน่ ในกำร ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทำงำน ไม่สำเร็จเลก็ น้อย ไมส่ ำเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ มีควำมมงุ่ ม่ันใน มีควำมมุ่งมัน่ ในกำร มีควำมมงุ่ มน่ั ในกำร มีควำมมุ่งมัน่ ในกำร ทำงำนอย่ำง กำรทำงำนอยำ่ ง ทำงำนอย่ำง รอบคอบ จนงำน ทำงำนแตไ่ ม่มคี วำม รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสำเร็จ ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย งำนไมป่ ระสบ เรียบร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ ผลสำเร็จอย่ำงที่ สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตติมำ แตงชุ่ม แล้วมคี วำมเหน็ ดังนี้ 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงช่อื .................................................... (นำงสำวรพีพรรณ กตี ำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำคลวี ทิ ยำ
บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน (ดำ้ นควำมรู้ ทกั ษะกระบวนกำร และเจตคต)ิ ดา้ นความรู้ นักเรียนส่วนใหญส่ ำมำรถทำใบงำนเรอ่ื ง ปรมิ าตรของปรซิ มึ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น นกั เรยี นสว่ นใหญ่มคี วำมสำมำรถในดำ้ นในสื่อสำร กำรคิด กำรสงั เกตและกำรให้เหตุผล ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนส่วนใหญม่ วี นิ ยั ควำมรับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้และมงุ่ ม่ันในกำรทำงำน ปญั หา/อปุ สรรค นกั เรียนทไ่ี มค่ ่อยสนใจเรียนกย็ ังไม่ค่อยใหค้ วำมสำคัญในกำรเรียน แนวทางแกไ้ ข ปรับเปลี่ยนรปู แบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับสถำนกำรณ์และกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนทไ่ี ม่ คอ่ ยสนใจเรยี น มีส่วนร่วมในทกุ กจิ กรรมมำกยิ่งขน้ึ ลงชอื่ ..............ไ...................................... (นำงสำวกิตตมิ ำ แตงชุ่ม) .........../................../..............
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 27 สำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ รำยวิชำ คณติ ศำสตร์พ้ืนฐำน รหสั วิชำ ค 22101 ช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศึกษำ 2564 หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี 3 ปรซิ มึ และทรงกระบอก เรอ่ื ง ทรงกระบอก เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เขำ้ ใจพนื้ ฐำนเกี่ยวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของสิ่งทีต่ อ้ งกำรวัด และ นำไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดช้นั ปี ประยกุ ตใ์ ชค้ วำมรเู้ รอื่ งพนื้ ท่ีผวิ ของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชีวิตจรงิ ( ค 2.1 ม.2/1) ประยกุ ต์ใชค้ วำมรูเ้ รอ่ื งปรมิ ำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จรงิ ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบำยลักษณะและสมบัตขิ องทรงกระบอก (K) 2. หำพ้ืนที่ผิวของทรงกระบอกและนำควำมรู้ไปใช้ในกำรแกป้ ญั หำ (K) 3. หำปรมิ ำตรของทรงกระบอกและนำควำมรไู้ ปใชใ้ นกำรแก้ปญั หำ (K) 4. ตระหนกั ถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบทไ่ี ด้ (K) 5. มีควำมสำมำรถในเช่ือมโยงควำมรทู้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 6. มคี วำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ส่ือควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มคี วำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล (P) 8. มคี วำมมุมำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 9. มีควำมมุง่ มั่นในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. มีควำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร 2. มีควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 3. มีควำมสำมำรถในกำรคิดสรำ้ งสรรค์
5. สาระสาคญั รปู เรขำคณิตสำมมิติทม่ี ีฐำนสองฐำนเป็นรปู วงกลมทเี่ ทำ่ กนั ทุกประกำรและอยู่บนระนำบท่ีขนำนกัน และเมอ่ื ตัดรูปเรขำคณิตสำมมิตนิ ั้นด้วยระนำบทข่ี นำนกบั ฐำนแล้ว จะได้หนำ้ ตดั เปน็ วงกลมทเี่ ทำ่ กันทกุ ประกำรกบั ฐำนเสมอ เรียกรปู เรขำคณติ สำมมิติน้ันวำ่ ทรงกระบอก 6. สาระการเรยี นรู้ ทรงกระบอก 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูถำมนกั เรยี นวำ่ ทรงกระบอก มลี ักษณะอย่ำงไร และให้นกั เรียนยกตวั อย่ำงสง่ิ ของทีม่ ลี กั ษณะ คล้ำย ทรงกระบอก 2. ให้นักเรยี นดูภำพ และพจิ ำรณำว่ำเป็นทรงกระบอก ดังน้ี 3. ครูอธิบำยวำ่ รปู เรขำคณิตสำมมิติที่มีฐำนสองฐำนเป็นรปู วงกลมทเี่ ท่ำกนั ทกุ ประกำรและอยู่บน ระนำบที่ขนำนกัน และเมื่อตดั รปู เรขำคณิตสำมมิตินน้ั ดว้ ยระนำบทขี่ นำนกบั ฐำนแล้ว จะไดห้ นำ้ ตดั เปน็ วงกลม ทเี่ ทำ่ กันทุกประกำรกบั ฐำนเสมอ เรียกรปู เรขำคณิตสำมมิตนิ ั้นวำ่ ทรงกระบอก 4. ครูให้นกั เรียนพิจำรณำส่วนต่ำง ๆ ของทรงกระบอก และพีระมดิ พร้อมท้ังใหน้ ักเรยี นดรู ูปคล่ีของ รูปเรขำคณิตสำมมิติท้ังสองชนิด ส่วนตา่ ง ๆ ของทรงกระบอก
5. ครใู หน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน แล้วใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรม ตดั กระบอก ในหนงั สอื เรียนหนำ้ 126 และกิจกรรมตอบคำถำมท้ำยกิจกรรม 6. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมำนำเสนอกจิ กรรมตัดทรงกระบอก 7. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ควำมร้เู ร่ืองทรงกระบอก ดงั น้ี รูปเรขำคณิตสำมมิติท่ีมีฐำนสองฐำนเป็น รูปวงกลมท่ีเท่ำกันทกุ ประกำรและอยู่บนระนำบท่ขี นำนกัน และเมอื่ ตดั รูปเรขำคณิตสำมมิตินัน้ ด้วยระนำบที่ ขนำนกับฐำนแลว้ จะได้หนำ้ ตัดเป็นวงกลมทเ่ี ท่ำกันทุกประกำรกับฐำนเสมอ เรยี กรูปเรขำคณติ สำมมติ นิ ้นั ว่ำ ทรงกระบอก 8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. กจิ กรรมตดั ทรงกระบอก 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจกิจกรรม แบบกจิ กรรม ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดบั คณุ ภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ ระดับคุณภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ รำยบคุ คล รำยบุคคล สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน กลมุ่ 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) (ต้องปรบั ปรุง) ทำแบบฝกึ ได้อย่ำง 32 ทำแบบฝึกได้อยำ่ ง 1. เกณฑ์กำร ถูกต้องรอ้ ยละ 90 (ด)ี (กาลังพัฒนา) ถูกตอ้ งตำ่ กว่ำร้อย ประเมินกำรฝกึ ข้ึนไป ทำแบบฝึกไดอ้ ย่ำง ทำแบบฝึกได้อยำ่ ง ละ 60 ทกั ษะและ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - แบบฝกึ หัด ใช้รูป ภำษำ และ 89 79 ใชร้ ูป ภำษำ และ 2. เกณฑ์กำร สัญลกั ษณ์ทำง สญั ลักษณท์ ำง ประเมนิ ควำม คณิตศำสตร์ในกำร ใชร้ ูป ภำษำ และ ใช้รูป ภำษำ และ คณิตศำสตร์ในกำร สำมำรถในกำร สอื่ สำร สญั ลักษณท์ ำง สญั ลกั ษณ์ทำง สือ่ สำร ส่อื สำร ส่ือ สื่อควำมหมำย คณติ ศำสตรใ์ นกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง สรุปผล และ คณติ ศำสตร์ สอ่ื สำร สื่อสำร ส่ือควำมหมำย สื่อควำมหมำย สรปุ ผล และ สรุปผล และ
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 3. เกณฑก์ ำร (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมนิ ควำม (ดมี าก) (ดี) (กาลังพัฒนา) สอื่ ควำมหมำย สำมำรถในให้ สรุปผล และ เหตุผล นำเสนอได้อยำ่ ง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอไม่ได้ 4. เกณฑ์กำร ไมม่ ีกำรใหเ้ หตุผลที่ ประเมนิ ควำม ถกู ต้อง ชัดเจน แต่ขำดรำยละเอียด บำงส่วน สมเหตุสมผล สำมำรถในกำร ประกอบกำร เชอื่ มโยง ที่สมบรู ณ์ ตัดสินใจอ้ำงอิง ใชค้ วำมรูท้ ำง 5. เกณฑ์กำร มกี ำรใหเ้ หตุผลท่ี มกี ำรใหเ้ หตุผลที่ มีกำรใหเ้ หตุผลท่ี คณติ ศำสตรเ์ ป็น ประเมนิ ควำมมุ เครอ่ื งมอื ในกำร มำนะในกำรทำ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขำด สมเหตุสมผล เรียนร้คู ณติ ศำสตร์ ควำมเขำ้ ใจ เน้อื หำต่ำง ๆ หรอื ปญั หำและ อำ้ งองิ หลักวชิ ำกำร หลักฐำนอำ้ งองิ บำงส่วน ศำสตรอ์ ่นื ๆ และ แกป้ ัญหำทำง นำไปใช้ในชีวติ จรงิ คณิตศำสตร์ ใชค้ วำมรทู้ ำง ใชค้ วำมรทู้ ำง ใช้ควำมร้ทู ำง คณติ ศำสตรเ์ ป็น ไม่มคี วำมต้ังใจและ คณติ ศำสตรเ์ ปน็ คณิตศำสตรเ์ ปน็ เคร่อื งมอื ในกำร พยำยำมในกำรทำ เครอื่ งมือในกำร เคร่อื งมอื ในกำร เรยี นรูค้ ณิตศำสตร์ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ เรยี นร้คู ณิตศำสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ เน้อื หำตำ่ ง ๆ หรือ และแก้ปัญหำทำง เน้อื หำต่ำง ๆ หรอื เนอื้ หำตำ่ ง ๆ หรอื ศำสตร์อืน่ ๆ และ คณิตศำสตร์ ไม่มี ศำสตรอ์ ่ืน ๆ และ ศำสตร์อื่น ๆ และ นำไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ควำมอดทนและ นำไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นำไปใชใ้ นชีวติ จริง ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ได้อยำ่ งสอดคลอ้ ง ได้บำงส่วน มคี วำมตงั้ ใจและ จนทำใหแ้ กป้ ญั หำ เหมำะสม พยำยำมในกำรทำ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ไมส่ ำเรจ็ มคี วำมตัง้ ใจและ มคี วำมต้งั ใจและ และแก้ปญั หำทำง พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ คณิตศำสตร์ แต่ไม่ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ มคี วำมอดทนและ และแกป้ ญั หำทำง และแกป้ ญั หำทำง ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค จนทำใหแ้ ก้ปญั หำ คณติ ศำสตร์ มี คณติ ศำสตร์ แตไ่ ม่ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ควำมอดทนและไม่ มคี วำมอดทนและ ไมส่ ำเร็จเปน็ สว่ น ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ใหญ่ จนทำใหแ้ ก้ปัญหำ จนทำให้แกป้ ัญหำ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ สำเรจ็ ไม่สำเรจ็ เลก็ นอ้ ย 6. เกณฑ์กำร มีควำมมงุ่ ม่นั ใน มีควำมมุ่งมั่นในกำร มคี วำมมุ่งม่ันในกำร มคี วำมมงุ่ มนั่ ในกำร ทำงำนอย่ำง ประเมินควำม กำรทำงำนอย่ำง ทำงำนอยำ่ ง รอบคอบ จนงำน ทำงำนแต่ไม่มีควำม มุ่งมนั่ ในกำร รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน ประสบผลสำเร็จ รอบคอบ สง่ ผลให้ ทำงำน ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเรจ็ งำนไม่ประสบ เรยี บร้อยสว่ นน้อย เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ ผลสำเรจ็ อย่ำงท่ี สมบรู ณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรียนรขู้ องนำงสำวกิตติมำ แตงช่มุ แลว้ มีควำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรียนท่ี ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรยี นรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนท่ี นำไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .................................................... (นำงสำวรพีพรรณ กตี ำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรยี นสำคลีวทิ ยำ
บนั ทึกหลงั การสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน (ดำ้ นควำมรู้ ทักษะกระบวนกำร และเจตคติ) ด้านความรู้ นกั เรียนสว่ นใหญ่สำมำรถทำใบงำนเร่ือง ทรงกระบอก ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น นกั เรยี นส่วนใหญม่ คี วำมสำมำรถในดำ้ นในสื่อสำร กำรคิด กำรสงั เกตและกำรใหเ้ หตผุ ล ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นกั เรยี นสว่ นใหญม่ วี นิ ัย ควำมรับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรแู้ ละม่งุ ม่ันในกำรทำงำน ปัญหา/อปุ สรรค นกั เรียนทไี่ ม่คอ่ ยสนใจเรียนกย็ งั ไมค่ ่อยให้ควำมสำคญั ในกำรเรียน แนวทางแกไ้ ข ปรบั เปลย่ี นรูปแบบกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนให้เหมำะสมกบั สถำนกำรณ์และกระตุ้นให้นกั เรียนท่ีไม่ คอ่ ยสนใจเรยี น มีสว่ นร่วมในทุกกิจกรรมมำกยง่ิ ขน้ึ ลงชือ่ ..................ไ....i.............................. (นำงสำวกติ ตมิ ำ แตงช่มุ ) .........../................../..............
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 28 สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ รำยวิชำ คณติ ศำสตร์พ้ืนฐำน รหสั วิชำ ค 22101 ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศึกษำ 2564 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 ปรซิ ึมและทรงกระบอก เรอื่ ง พ้ืนท่ีผวิ ของทรงกระบอก เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เข้ำใจพื้นฐำนเกี่ยวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของสิ่งทีต่ อ้ งกำรวัด และ นำไปใช้ 2. ตวั ชีว้ ัดช้ันปี ประยุกตใ์ ช้ควำมรเู้ รือ่ งพน้ื ทีผ่ ิวของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จริง ( ค 2.1 ม.2/1) ประยกุ ต์ใชค้ วำมรู้เรือ่ งปรมิ ำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จริง ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ำยลกั ษณะและสมบัตขิ องทรงกระบอก (K) 2. หำพ้นื ทผ่ี วิ ของทรงกระบอกและนำควำมรู้ไปใช้ในกำรแกป้ ญั หำ (K) 3. หำปรมิ ำตรของทรงกระบอกและนำควำมรไู้ ปใชใ้ นกำรแก้ปญั หำ (K) 4. ตระหนักถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบทไ่ี ด้ (K) 5. มีควำมสำมำรถในเชือ่ มโยงควำมรทู้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 6. มีควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร ส่ือควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มคี วำมสำมำรถในกำรให้เหตุผล (P) 8. มีควำมมมุ ำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 9. มคี วำมมุง่ มัน่ ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มีควำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร 2. มคี วำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 3. มีควำมสำมำรถในกำรคิดสรำ้ งสรรค์
5. สาระสาคญั กำรหำพื้นทผี่ ิวของรปู เรขำคณิตสำมมิติใดๆ เป็นกำรหำพน้ื ทข่ี องพื้นผิวท้งั หมดของปรซิ มึ และ ทรงกระบอก 6. สาระการเรยี นรู้ พื้นทผ่ี ิวของปรซิ มึ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูนำเขำ้ สูก่ ำรเรยี นโดย ให้นกั เรยี นดสู ่ิงของรูปทรงกระบอก 2. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภิปรำยวำ่ พนื้ ทีผ่ วิ ของทรงกระบอกได้อยำ่ งไร 3. ใหน้ ักเรยี นวิเครำะหก์ ำรหำพนื้ ที่ผวิ ของทรงกระบอก ดังน้ี กำรหำพนื้ ทผ่ี วิ ของรปู เรขำคณติ สำมมิติ ใดๆ เปน็ กำรหำพน้ื ที่ของพ้นื ผวิ ทงั้ หมดของปรซิ มึ และทรงกระบอก 4. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3 คน แลว้ ใหศ้ ึกษำตัวอยำ่ งกำรหำพื้นทีผ่ วิ ของทรงกระบอกใน หนงั สอื เรียนหน้ำ 127 - 129 5. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ หำพื้นท่ผี ิวของปรซิ มึ ในแบบฝกึ หัดที่ 3.2 ก ในหนงั สอื เรยี นหนำ้ 130 ข้อ 1 – 2 ใหญ่ 6. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอกำรหำพนื้ ทผ่ี วิ ของทรงกระบอก 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รำยและสรปุ ว่ำ กำรหำพน้ื ท่ผี วิ ของรปู เรขำคณติ สำมมิตใิ ดๆ เปน็ กำรหำพ้ืนทข่ี องพนื้ ผวิ ทั้งหมดของปริซึม และทรงกระบอก 8. ให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดท่ี 3.2 ก ในหนังสอื เรียนหนำ้ 130 ข้อ 3 - 4 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ เครื่องมือ เกณฑ์ 1. หนังสอื เรียน แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ ระดบั คุณภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ 2. แบบฝกึ หัด แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน รำยบคุ คล ระดับคุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ 9. การวดั และประเมนิ ผล แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน กลมุ่ 9.1 การวัดผล วธิ ีการ ตรวจแบบฝกึ หัด สงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำน รำยบุคคล สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่
9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินกำรฝกึ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทกั ษะและ ถกู ต้องต่ำกว่ำรอ้ ย แบบฝึกหดั ทำแบบฝึกได้อย่ำง ทำแบบฝกึ ได้อยำ่ ง ทำแบบฝกึ ได้อย่ำง ละ 60 2. เกณฑ์กำร ประเมินควำม ถกู ต้องรอ้ ยละ 90 ถูกต้องร้อยละ 80 - ถกู ตอ้ งร้อยละ 60 - ใช้รูป ภำษำ และ สำมำรถในกำร สญั ลกั ษณ์ทำง ส่อื สำร สื่อ ขน้ึ ไป 89 79 คณติ ศำสตร์ในกำร ควำมหมำยทำง สอ่ื สำร คณิตศำสตร์ ใช้รูป ภำษำ และ ใชร้ ปู ภำษำ และ ใช้รูป ภำษำ และ สื่อควำมหมำย สรปุ ผล และ 3. เกณฑก์ ำร สัญลกั ษณท์ ำง สญั ลักษณ์ทำง สญั ลักษณ์ทำง นำเสนอไมไ่ ด้ ประเมินควำม สำมำรถในให้ คณิตศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร คณติ ศำสตร์ในกำร ไมม่ กี ำรให้เหตุผลท่ี เหตผุ ล สมเหตุสมผล 4. เกณฑ์กำร สือ่ สำร สื่อสำร สื่อสำร ประกอบกำร ประเมนิ ควำม ตดั สนิ ใจอ้ำงองิ สำมำรถในกำร สอ่ื ควำมหมำย ส่ือควำมหมำย สอื่ ควำมหมำย ใช้ควำมรู้ทำง เชื่อมโยง คณิตศำสตรเ์ ป็น สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ เครอ่ื งมอื ในกำร 5. เกณฑก์ ำร เรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ ประเมนิ ควำมมุ นำเสนอไดอ้ ยำ่ ง นำเสนอไดถ้ ูกต้อง นำเสนอไดถ้ กู ต้อง เนอ้ื หำตำ่ ง ๆ หรอื มำนะในกำรทำ ศำสตร์อน่ื ๆ และ ควำมเขำ้ ใจ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แต่ขำดรำยละเอียด บำงส่วน นำไปใช้ในชวี ิตจริง ปญั หำและ ทส่ี มบูรณ์ ไม่มีควำมตั้งใจและ พยำยำมในกำรทำ มกี ำรใหเ้ หตุผลที่ มีกำรใหเ้ หตุผลท่ี มกี ำรใหเ้ หตุผลท่ี ควำมเขำ้ ใจปญั หำ และแกป้ ัญหำทำง สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขำด สมเหตุสมผล คณิตศำสตร์ ไม่มี ควำมอดทนและ อำ้ งอิงหลกั วชิ ำกำร หลักฐำนอำ้ งองิ บำงส่วน ใช้ควำมรทู้ ำง ใช้ควำมรู้ทำง ใชค้ วำมรทู้ ำง คณติ ศำสตร์เปน็ คณติ ศำสตรเ์ ป็น คณติ ศำสตรเ์ ปน็ เคร่อื งมือในกำร เคร่อื งมอื ในกำร เคร่ืองมอื ในกำร เรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ เรียนร้คู ณติ ศำสตร์ เรยี นรู้คณิตศำสตร์ เนือ้ หำต่ำง ๆ หรือ เน้ือหำตำ่ ง ๆ หรือ เนื้อหำตำ่ ง ๆ หรือ ศำสตรอ์ น่ื ๆ และ ศำสตรอ์ ื่น ๆ และ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ นำไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นำไปใชใ้ นชีวิตจริง นำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้อย่ำงสอดคลอ้ ง ไดบ้ ำงส่วน เหมำะสม มคี วำมตั้งใจและ พยำยำมในกำรทำ มคี วำมตั้งใจและ มีควำมตง้ั ใจและ ควำมเข้ำใจปญั หำ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ และแกป้ ัญหำทำง ควำมเขำ้ ใจปญั หำ ควำมเขำ้ ใจปัญหำ คณิตศำสตร์ แต่ไม่ และแกป้ ัญหำทำง และแกป้ ัญหำทำง มีควำมอดทนและ คณิตศำสตร์ มี คณิตศำสตร์ แต่ไม่ ควำมอดทนและไม่ มคี วำมอดทนและ
ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 แก้ปญั หำทำง (ต้องปรบั ปรงุ ) คณติ ศำสตร์ (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค 6. เกณฑก์ ำร ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค จนทำใหแ้ กป้ ัญหำ ประเมนิ ควำม ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ มุง่ มน่ั ในกำร จนทำให้แก้ปญั หำ จนทำให้แก้ปญั หำ จนทำใหแ้ กป้ ญั หำ ไม่สำเร็จ ทำงำน ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทำงคณิตศำสตรไ์ ด้ สำเร็จ ไม่สำเรจ็ เลก็ น้อย ไม่สำเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ มคี วำมมุง่ มัน่ ใน มีควำมม่งุ มนั่ ในกำร มีควำมมุ่งม่ันในกำร มีควำมม่งุ มนั่ ในกำร ทำงำนอย่ำง กำรทำงำนอย่ำง ทำงำนอย่ำง รอบคอบ จนงำน ทำงำนแต่ไม่มคี วำม รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน ประสบผลสำเรจ็ รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย งำนไมป่ ระสบ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ ผลสำเร็จอยำ่ งที่ สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นรขู้ องนำงสำวกิตตมิ ำ แตงชุ่ม แล้วมคี วำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใชใ้ นกำรสอนได้อย่ำงเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคัญ ควรพฒั นำปรับปรงุ 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ .................................................... (นำงสำวรพพี รรณ กีตำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำคลีวิทยำ
บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน (ดำ้ นควำมรู้ ทักษะกระบวนกำร และเจตคต)ิ ดา้ นความรู้ นกั เรยี นสว่ นใหญ่สำมำรถทำใบงำนเร่ือง พ้ืนทผี่ ิวของทรงกระบอก ได้อยา่ งถกู ต้อง ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น นักเรยี นส่วนใหญม่ ีควำมสำมำรถในดำ้ นในสอ่ื สำร กำรคิด กำรสังเกตและกำรให้เหตุผล ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นักเรียนสว่ นใหญม่ วี นิ ัย ควำมรบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรแู้ ละมุ่งมั่นในกำรทำงำน ปัญหา/อุปสรรค นกั เรยี นท่ไี ม่ค่อยสนใจเรียนกย็ ังไม่คอ่ ยให้ควำมสำคัญในกำรเรียน แนวทางแก้ไข ปรับเปลยี่ นรูปแบบกำรจดั กำรเรียนกำรสอนใหเ้ หมำะสมกบั สถำนกำรณ์และกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนทไ่ี ม่ ค่อยสนใจเรยี น มีส่วนรว่ มในทกุ กจิ กรรมมำกยิง่ ขนึ้ ลงชอื่ ...............ไ..................................... (นำงสำวกิตตมิ ำ แตงชมุ่ ) .........../................../..............
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 29 สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ รำยวิชำ คณติ ศำสตร์พ้ืนฐำน รหัสวิชำ ค 22101 ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศึกษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 3 ปรซิ ึมและทรงกระบอก เร่ือง ปรมิ ำตรของทรงกระบอก เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เขำ้ ใจพื้นฐำนเกี่ยวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของสิ่งทีต่ อ้ งกำรวัด และ นำไปใช้ 2. ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี ประยกุ ต์ใชค้ วำมรเู้ รือ่ งพ้ืนท่ีผิวของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชวี ติ จรงิ ( ค 2.1 ม.2/1) ประยุกตใ์ ช้ควำมรเู้ รื่องปรมิ ำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำใน ชีวติ จริง ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ำยลกั ษณะและสมบตั ขิ องทรงกระบอก (K) 2. หำพ้นื ท่ีผิวของทรงกระบอกและนำควำมรู้ไปใช้ในกำรแกป้ ญั หำ (K) 3. หำปริมำตรของทรงกระบอกและนำควำมรไู้ ปใชใ้ นกำรแก้ปญั หำ (K) 4. ตระหนกั ถงึ ควำมสมเหตุสมผลของคำตอบที่ได้ (K) 5. มคี วำมสำมำรถในเชือ่ มโยงควำมรทู้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 6. มีควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ส่ือควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มีควำมสำมำรถในกำรใหเ้ หตุผล (P) 8. มคี วำมมมุ ำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 9. มคี วำมม่งุ มนั่ ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. มคี วำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร 2. มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 3. มีควำมสำมำรถในกำรคิดสรำ้ งสรรค์
5. สาระสาคัญ ปริมำตรของทรงกระบอก = พน้ื ที่ฐำน x ควำมสงู ปริมำตรของทรงกระบอก = πr2h เม่ือ r แทนรศั มีของวงกลมที่เปน็ ฐำนของทรงกระบอก และ h แทนควำมสูงของทรงกระบอก 6. สาระการเรียนรู้ ปริมำตรของทรงกระบอก 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครนู ำเขำ้ สกู่ ำรเรียนโดย ให้นกั เรยี นดูสง่ิ ของรปู ทรงกระบอก เชน่ แก้วนำ้ แกนทชิ ชู่ กระบอกไม้ไผ่ หรอื หลอดไปเปน็ ต้น 2. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภปิ รำยวำ่ ปริมำตรของทรงกระบอกหำไดอ้ ยำ่ งไร 3. ใหน้ ักเรียนยกตัวอย่ำงกำรหำปริมำตรของทรงกระบอก ของสิ่งต่ำงๆ 4. ให้นักเรียนวิเครำะหก์ ำรหำปรมิ ำตรของทรงกระบอกพรอ้ มทง้ั หำปริมำตรของทรงกระบอกที่ กำหนดให้ 5. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน แลว้ ให้ศึกษำตวั อย่ำงกำรหำปริมำตรในหนงั สอื เรยี นหน้ำ 132 – 133 6. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำแบบฝึกหดั ท่ี 3.2 ข ในหนงั สือเรียนหนำ้ 133 ขอ้ 1 – 3 แล้วให้ นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมำนำเสนอแนงคิดของตน 7. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รำยและสรุปวำ่ 1) ปรมิ ำตรของทรงกระบอก = พนื้ ท่ฐี ำน x ควำมสงู 2) ปรมิ ำตรของทรงกระบอก = πr2h เมอ่ื r แทนรัศมขี องวงกลมที่เป็นฐำนของทรงกระบอก และ h แทนควำมสงู ของทรงกระบอก 8. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดท่ี 3.2 ข ข้อ 4 - 6 ใหญ่ 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝกึ หัด 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์
วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ระดบั คุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน รำยบคุ คล รำยบคุ คล ระดับคุณภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน กลมุ่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินกำรฝึก (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทำแบบฝกึ ได้อย่ำง ทกั ษะและ ถูกต้องต่ำกวำ่ ร้อย แบบฝึกหดั ทำแบบฝึกได้อย่ำง ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทำแบบฝกึ ได้อยำ่ ง ละ 60 2. เกณฑก์ ำร ประเมินควำม ถูกต้องร้อยละ 90 ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ใช้รปู ภำษำ และ สำมำรถในกำร สญั ลกั ษณ์ทำง สอ่ื สำร สือ่ ขึ้นไป 89 79 คณิตศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง ส่ือสำร คณติ ศำสตร์ ใชร้ ปู ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ สอ่ื ควำมหมำย สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์กำร สญั ลักษณท์ ำง สญั ลักษณท์ ำง สญั ลักษณ์ทำง นำเสนอไมไ่ ด้ ประเมินควำม สำมำรถในให้ คณติ ศำสตรใ์ นกำร คณติ ศำสตรใ์ นกำร คณติ ศำสตร์ในกำร ไม่มกี ำรให้เหตุผลที่ เหตผุ ล สมเหตุสมผล สื่อสำร สอ่ื สำร สื่อสำร ประกอบกำร 4. เกณฑ์กำร ตัดสินใจอ้ำงองิ ประเมนิ ควำม สอ่ื ควำมหมำย สื่อควำมหมำย สื่อควำมหมำย ใช้ควำมรูท้ ำง สำมำรถในกำร คณติ ศำสตร์เปน็ เช่ือมโยง สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ เครอื่ งมือในกำร เรยี นรู้คณติ ศำสตร์ นำเสนอไดอ้ ยำ่ ง นำเสนอได้ถกู ต้อง นำเสนอได้ถกู ตอ้ ง เนอ้ื หำตำ่ ง ๆ หรือ ศำสตร์อน่ื ๆ และ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แตข่ ำดรำยละเอียด บำงส่วน นำไปใช้ในชีวติ จริง ที่สมบรู ณ์ มกี ำรใหเ้ หตุผลที่ มกี ำรให้เหตุผลที่ มีกำรให้เหตุผลที่ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแต่ขำด สมเหตุสมผล อ้ำงอิงหลักวิชำกำร หลักฐำนอ้ำงอิง บำงส่วน ใช้ควำมรทู้ ำง ใช้ควำมรทู้ ำง ใชค้ วำมรูท้ ำง คณติ ศำสตร์เปน็ คณติ ศำสตร์เปน็ คณิตศำสตรเ์ ป็น เครอ่ื งมอื ในกำร เคร่อื งมือในกำร เครือ่ งมือในกำร เรียนรู้คณิตศำสตร์ เรยี นรู้คณติ ศำสตร์ เรียนรู้คณิตศำสตร์ เนอ้ื หำตำ่ ง ๆ หรือ เน้อื หำตำ่ ง ๆ หรือ เนื้อหำตำ่ ง ๆ หรอื ศำสตรอ์ ่นื ๆ และ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศำสตรอ์ ื่น ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวิตจริง นำไปใช้ในชีวติ จริง นำไปใชใ้ นชีวิตจริง ไดอ้ ย่ำงสอดคลอ้ ง ไดบ้ ำงส่วน เหมำะสม
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) (ต้องปรับปรุง) 32 5. เกณฑ์กำร มคี วำมตัง้ ใจและ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ไม่มคี วำมตั้งใจและ ประเมินควำมมุ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ มำนะในกำรทำ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ มีควำมต้ังใจและ มคี วำมตง้ั ใจและ ควำมเข้ำใจปัญหำ ควำมเข้ำใจ และแกป้ ญั หำทำง พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ และแกป้ ญั หำทำง ปญั หำและ คณติ ศำสตร์ มี ควำมเขำ้ ใจปญั หำ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ คณติ ศำสตร์ ไมม่ ี แกป้ ญั หำทำง ควำมอดทนและไม่ และแก้ปัญหำทำง และแกป้ ัญหำทำง ควำมอดทนและ คณิตศำสตร์ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค คณิตศำสตร์ แต่ไม่ คณติ ศำสตร์ แต่ไม่ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทำใหแ้ ก้ปญั หำ มีควำมอดทนและ มีควำมอดทนและ จนทำใหแ้ กป้ ัญหำ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ สำเร็จ จนทำให้แกป้ ัญหำ จนทำใหแ้ กป้ ญั หำ ไม่สำเร็จ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ทำงคณติ ศำสตร์ได้ ไมส่ ำเร็จเลก็ น้อย ไม่สำเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑ์กำร มคี วำมมุ่งมัน่ ใน มีควำมมุ่งม่นั ในกำร มีควำมมุ่งมัน่ ในกำร มีควำมมงุ่ มนั่ ในกำร ประเมินควำม กำรทำงำนอย่ำง ทำงำนอย่ำง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนแต่ไมม่ คี วำม มงุ่ ม่นั ในกำร รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ ส่งผลให้ ทำงำน ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ ประสบผลสำเร็จ งำนไมป่ ระสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยสว่ นนอ้ ย ผลสำเรจ็ อย่ำงที่ สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตติมำ แตงชุ่ม แล้วมคี วำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ .................................................... (นำงสำวรพพี รรณ กตี ำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสำคลวี ิทยำ
บนั ทึกหลงั การสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน (ดำ้ นควำมรู้ ทกั ษะกระบวนกำร และเจตคติ) ด้านความรู้ นกั เรียนส่วนใหญส่ ำมำรถทำใบงำนเร่ือง ปรมิ ำตรของทรงกระบอก ไดถ้ กู ตอ้ ง ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น นกั เรียนสว่ นใหญ่มคี วำมสำมำรถในดำ้ นในสือ่ สำร กำรคิด กำรสงั เกตและกำรให้เหตผุ ล ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนส่วนใหญม่ ีวนิ ยั ควำมรับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ มน่ั ในกำรทำงำน ปญั หา/อุปสรรค นกั เรียนท่ไี ม่คอ่ ยสนใจเรียนก็ยงั ไมค่ ่อยใหค้ วำมสำคญั ในกำรเรยี น แนวทางแกไ้ ข ปรบั เปลย่ี นรูปแบบกำรจดั กำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับสถำนกำรณ์และกระต้นุ ให้นักเรียนทีไ่ ม่ คอ่ ยสนใจเรยี น มีสว่ นรว่ มในทุกกิจกรรมมำกย่ิงขนึ้ สลงชื่อ .................................................... (นำงสำวกติ ติมำ แตงช่มุ ) .........../................../..............
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 30 สำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ รำยวิชำ คณติ ศำสตร์พ้ืนฐำน รหสั วิชำ ค 22101 ชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 หน่วยกำรเรียนรูท้ ี่ 3 ปรซิ ึมและทรงกระบอก เรอื่ ง ปริมำตรของทรงกระบอก (2) เวลำ 1 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ค 2.1 เขำ้ ใจพื้นฐำนเกี่ยวกบั กำรวดั วัดและคำดคะเนขนำดของสิ่งทีต่ อ้ งกำรวัด และ นำไปใช้ 2. ตัวช้วี ัดช้นั ปี ประยกุ ตใ์ ชค้ วำมรู้เรื่องพ้ืนที่ผิวของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแกป้ ัญหำคณติ ศำสตรแ์ ละปัญหำใน ชวี ติ จริง ( ค 2.1 ม.2/1) ประยุกต์ใชค้ วำมรู้เรือ่ งปรมิ ำตรของปริซึมและทรงกระบอกในกำรแก้ปัญหำคณิตศำสตรแ์ ละปัญหำใน ชวี ติ จรงิ ( ค 2.1 ม.2/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบำยลกั ษณะและสมบัติของทรงกระบอก (K) 2. หำพน้ื ที่ผิวของทรงกระบอกและนำควำมรู้ไปใช้ในกำรแกป้ ญั หำ (K) 3. หำปรมิ ำตรของทรงกระบอกและนำควำมรไู้ ปใชใ้ นกำรแก้ปญั หำ (K) 4. ตระหนักถงึ ควำมสมเหตสุ มผลของคำตอบทไ่ี ด้ (K) 5. มีควำมสำมำรถในเชือ่ มโยงควำมรทู้ ำงคณติ ศำสตร์ (P) 6. มคี วำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร ส่ือควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ (P) 7. มีควำมสำมำรถในกำรใหเ้ หตุผล (P) 8. มีควำมมมุ ำนะในกำรทำควำมเข้ำใจปัญหำและแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ (A) 9. มคี วำมมุ่งมน่ั ในกำรทำงำน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มคี วำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร 2. มคี วำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ 3. มคี วำมสำมำรถในกำรคิดสรำ้ งสรรค์
5. สาระสาคญั 1. ปริมำตรของทรงกระบอก = พื้นทีฐ่ ำน x ควำมสงู 2. ปริมำตรของทรงกระบอก = πr2h เมอื่ r แทนรัศมขี องวงกลมทเี่ ป็นฐำนของทรงกระบอก และ h แทนควำมสงู ของทรงกระบอก 6. สาระการเรยี นรู้ ปริมำตรของปริซมึ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูนำเขำ้ สู่กำรเรียนโดย ใหน้ ักเรียนดูสิ่งของรปู ทรงกระบอก เช่น แกว้ นำ้ แกนทิชชู่ กระบอกไม้ไผ่ หรอื หลอดไปเป็นตน้ 2. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภิปรำยวำ่ ปรมิ ำตรของทรงกระบอกหำไดอ้ ยำ่ งไร 3. ใหน้ ักเรียนยกตัวอยำ่ งกำรหำปริมำตรของทรงกระบอก ของส่งิ ต่ำงๆ 4. ใหน้ กั เรียนวิเครำะห์กำรหำปริมำตรของทรงกระบอกพรอ้ มทงั้ หำปริมำตรของทรงกระบอกที่ กำหนดให้ 5. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4 คน แลว้ ใหศ้ กึ ษำตัวอย่ำงกำรหำปรมิ ำตรในหนังสอื เรียนหน้ำ 132 – 133 6. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ทำแบบฝกึ หดั ที่ 3.2 ข ในหนงั สอื เรยี นหน้ำ 133 ข้อ 7 – 8 แล้วให้ นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมำนำเสนอแนงคิดของตน 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรำยและสรปุ ว่ำ 1) ปริมำตรของทรงกระบอก = พื้นที่ฐำน x ควำมสงู 2) ปรมิ ำตรของทรงกระบอก = πr2h เมื่อ r แทนรศั มีของวงกลมที่เปน็ ฐำนของทรงกระบอก และ h แทนควำมสูงของทรงกระบอก 8. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดที่ 3.2 ข ข้อ 9 - 10 ใหญ่ 8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝึกหัด 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด ร้อยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์
วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ระดบั คุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน รำยบคุ คล รำยบคุ คล ระดับคุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำน กลมุ่ 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ ำร (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมินกำรฝึก (ดีมาก) (ดี) (กาลังพัฒนา) ทำแบบฝึกได้อย่ำง ทกั ษะและ ถูกต้องต่ำกวำ่ ร้อย แบบฝึกหดั ทำแบบฝึกได้อย่ำง ทำแบบฝึกไดอ้ ยำ่ ง ทำแบบฝกึ ได้อยำ่ ง ละ 60 2. เกณฑก์ ำร ประเมินควำม ถูกต้องร้อยละ 90 ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ใช้รปู ภำษำ และ สำมำรถในกำร สญั ลกั ษณ์ทำง สอ่ื สำร สือ่ ขึ้นไป 89 79 คณิตศำสตรใ์ นกำร ควำมหมำยทำง ส่ือสำร คณติ ศำสตร์ ใชร้ ปู ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ ใชร้ ูป ภำษำ และ สอ่ื ควำมหมำย สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์กำร สญั ลักษณท์ ำง สญั ลักษณท์ ำง สญั ลักษณ์ทำง นำเสนอไม่ได้ ประเมินควำม สำมำรถในให้ คณติ ศำสตรใ์ นกำร คณิตศำสตร์ในกำร คณติ ศำสตร์ในกำร ไม่มกี ำรให้เหตุผลที่ เหตผุ ล สมเหตุสมผล สื่อสำร สอ่ื สำร สื่อสำร ประกอบกำร 4. เกณฑ์กำร ตัดสินใจอ้ำงองิ ประเมนิ ควำม สอ่ื ควำมหมำย สื่อควำมหมำย สื่อควำมหมำย ใช้ควำมรู้ทำง สำมำรถในกำร คณติ ศำสตร์เปน็ เช่ือมโยง สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ เครอื่ งมือในกำร เรยี นรู้คณติ ศำสตร์ นำเสนอไดอ้ ยำ่ ง นำเสนอได้ถูกต้อง นำเสนอได้ถกู ตอ้ ง เนอ้ื หำตำ่ ง ๆ หรือ ศำสตร์อื่น ๆ และ ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แตข่ ำดรำยละเอยี ด บำงส่วน นำไปใช้ในชีวิตจริง ที่สมบรู ณ์ มกี ำรใหเ้ หตุผลที่ มกี ำรให้เหตุผลท่ี มีกำรให้เหตุผลที่ สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลแตข่ ำด สมเหตุสมผล อ้ำงอิงหลักวิชำกำร หลักฐำนอ้ำงอิง บำงส่วน ใช้ควำมรทู้ ำง ใชค้ วำมรทู้ ำง ใชค้ วำมรูท้ ำง คณติ ศำสตร์เปน็ คณติ ศำสตรเ์ ปน็ คณิตศำสตรเ์ ป็น เครอ่ื งมอื ในกำร เครื่องมือในกำร เครือ่ งมือในกำร เรียนรู้คณิตศำสตร์ เรยี นรู้คณติ ศำสตร์ เรียนรู้คณิตศำสตร์ เนอ้ื หำตำ่ ง ๆ หรือ เน้อื หำตำ่ ง ๆ หรือ เนื้อหำตำ่ ง ๆ หรอื ศำสตรอ์ ่นื ๆ และ ศำสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศำสตรอ์ ื่น ๆ และ นำไปใชใ้ นชีวิตจริง นำไปใช้ในชีวติ จริง นำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ไดอ้ ย่ำงสอดคลอ้ ง ไดบ้ ำงส่วน เหมำะสม
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) (ต้องปรับปรุง) 32 5. เกณฑ์กำร มคี วำมตัง้ ใจและ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ไม่มคี วำมตั้งใจและ ประเมินควำมมุ พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ มำนะในกำรทำ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ มคี วำมตั้งใจและ มคี วำมตง้ั ใจและ ควำมเข้ำใจปัญหำ ควำมเข้ำใจ และแกป้ ญั หำทำง พยำยำมในกำรทำ พยำยำมในกำรทำ และแกป้ ญั หำทำง ปญั หำและ คณติ ศำสตร์ มี ควำมเขำ้ ใจปญั หำ ควำมเขำ้ ใจปญั หำ คณติ ศำสตร์ ไมม่ ี แกป้ ญั หำทำง ควำมอดทนและไม่ และแก้ปัญหำทำง และแกป้ ัญหำทำง ควำมอดทนและ คณิตศำสตร์ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค คณิตศำสตร์ แต่ไม่ คณติ ศำสตร์ แต่ไม่ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทำใหแ้ ก้ปญั หำ มีควำมอดทนและ มีควำมอดทนและ จนทำใหแ้ กป้ ัญหำ ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้ สำเร็จ จนทำใหแ้ กป้ ัญหำ จนทำใหแ้ กป้ ญั หำ ไม่สำเร็จ ทำงคณิตศำสตร์ได้ ทำงคณติ ศำสตร์ได้ ไม่สำเร็จเลก็ น้อย ไม่สำเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ 6. เกณฑ์กำร มคี วำมมุ่งมัน่ ใน มีควำมมุ่งม่นั ในกำร มีควำมมุ่งมัน่ ในกำร มีควำมมงุ่ มนั่ ในกำร ประเมินควำม กำรทำงำนอย่ำง ทำงำนอย่ำง ทำงำนอยำ่ ง ทำงำนแต่ไมม่ คี วำม มงุ่ ม่นั ในกำร รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ จนงำน รอบคอบ ส่งผลให้ ทำงำน ประสบผลสำเรจ็ ประสบผลสำเร็จ ประสบผลสำเร็จ งำนไมป่ ระสบ เรียบร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บรอ้ ยสว่ นนอ้ ย ผลสำเรจ็ อย่ำงที่ สมบูรณ์ ควร
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ไดท้ ำกำรตรวจแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องนำงสำวกิตติมำ แตงชมุ่ แลว้ มีควำมเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนกำรจดั กำรเรยี นที่ ดมี ำก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. กำรจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอำกระบวนกำรเรียนรู้ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั มำใช้ในกำรสอนได้อยำ่ งเหมำะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ควรพฒั นำปรับปรุง 3. เป็นแผนกำรสอนที่ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ .................................................... (นำงสำวรพีพรรณ กีตำ) ผู้อำนวยกำรโรงเรยี นสำคลีวทิ ยำ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407