Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ป.3 สสวท

ป.3 สสวท

Published by patteenee21, 2020-05-11 01:25:14

Description: ป.3 สสวท

Search

Read the Text Version

193 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 นา้ อากาศ กับชีวติ ก่อนจุดเทียนไข ควันธูปเคลื่อนที่ขึ้นข้างบน เม่ือจุดเทียนไขสักครู่ ควันธูปจะเคลื่อนที่เข้าไป ไมเ่ ข้าไปในขวด และ อุณหภูมิของอากาศของ ในขวดทางแนวราบและเคลื่อนท่ีออกไปทาง ปลายขวดแนวนอนใกล้เคียงกับอุณหภูมิของ ขวดแนวต้ัง อุณหภูมิของอากาศของปลายขวด อากาศปลายขวดแนวตง้ั แนวนอนต้่ากว่าอุณหภูมิของอากาศปลายขวด แนวต้ัง อากาศสามารถเคลื่อนท่ีได้เมื่อมีความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศเกิดขึ้น โดย อากาศทีอ่ ณุ หภมู สิ ูงจะลอยสงู ขนึ้ แล้วอากาศท่อี ุณหภูมิต้า่ จะเคลือ่ นที่ไปแทน พบข้อมูลเพิ่มเติมว่าการเคลื่อนท่ีของอากาศเรียกว่า ลม และจะเกิดเม่ือความ แตกต่างของอุณหภูมิน้ีอยู่บริเวณใกล้เคียงกันด้วย นอกจากนี้ยังทราบการใช้ ประโยชน์จากพลังงานลม เช่น ใช้ในการเดินเรือ ใช้ในการท้าใหใ้ บพดั หมุน ใชเ้ ป็น แหลง่ พลังงานหมนุ เวียน เปน็ ต้น ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กับชีวิต 194 อากาศในแบบจ้าลองก่อนจุดเทียนไข ยังไม่พบการเคลื่อนที่ของอากาศ แต่หลังจุดเทียน ไขพบว่ามีการเคล่อื นท่ขี องอากาศ โดยสังเกตได้จากการเคลอ่ื นทข่ี องควนั ธูป เก่ียวข้องกัน จากแบบจ้าลองพบว่าบริเวณปลายขวดแนวนอนอ่านค่าอุณหภูมิของอากาศได้ 60 oC และปากขวดแนวต้ังอ่านค่าอุณหภูมิของอากาศได้ 89 oC ท้าให้สังเกตเห็นการเคล่ือนที่ของอากาศ (รู้ได้จากการเคล่ือนที่ของควันธูป) จากบริเวณที่อุณหภูมิของอากาศต้่ากว่าไปยังบริเวณอุณหภูมิของ อากาศสงู กว่า ลม คือการเคลื่อนทขี่ องอากาศเม่ือมีความแตกตา่ งของอณุ หภมู ขิ องอากาศในบริเวณทอ่ี ยู่ใกล้เคียง กัน โดยอากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจะลอยสูงข้ึนและอากาศบริเวณท่ีมีอุณหภูมิต่้ากว่าจะ เคลือ่ นไปแทนที่ ซงึ่ สงั เกตได้จากการเคลื่อนท่ีของควนั ธูป ประโยชน์จากลม คือ ใช้ในการเดินเรือ ใช้ในการท้าให้ใบพัดหมุน ใช้ในการเล่นกีฬา และน้าไปใช้ เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน ส่วนโทษจากลมเกิดขึ้นเม่ือ ลมท่ีพัดด้วยความเร็วสูง ท้าให้เกิด อันตรายและความเสียหายตอ่ ชีวติ และทรพั ย์สนิ ลม คือการเคลือ่ นที่ของอากาศ เมอ่ื มีความแตกตา่ งของอณุ หภูมขิ องอากาศในบริเวณใกล้เคียงกนั โดยอากาศจะ เคล่ือนที่จากบริเวณท่ีมีอุณหภูมิต่้ากว่าไปยังบริเวณท่ีอุณหภูมิของอากาศสูงกว่า ดังน้ันในแบบจ้าลองหลังจุด เทียนไข จึงสงั เกตการเคล่อื นทีข่ องควันธูปจากปลายขวดแนวนอนซ่ึงมีอุณหภูมิต้่ากว่าไปยงั ปลายขวดแนวต้ังที่มี อุณหภูมิสูงกว่า ลมสามารถน้าไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น การท้าให้ใบพัดหมุน น้าไปใช้เป็นแหล่งพลังงาน หมุนเวียน เป็นตน้ ลม เกิดจากการเคล่ือนทข่ี องอากาศในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงกันซึ่งมีอุณหภูมิของอากาศ แตกต่างกนั และลมสามารถน้าไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้มากมาย สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

195 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 น้า อากาศ กบั ชีวิต ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งค้าถาม โดยค้าถามเหล่านั้นเป็นเร่ืองท่ี สงสัยอยากรู้เพิ่มเติม หรือสิ่งท่ียังไม่เข้าใจจากการท้ากิจกรรมใน หอ้ งเรียน ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 นา้ อากาศ กับชีวติ 196 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรูข้ องนกั เรียนท้าได้ ดงั น้ี 1. ประเมินความรู้เดิมจากการอภปิ รายในชั้นเรียน 2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากค้าตอบของนกั เรยี นระหว่างการจัดการเรียนรู้และแบบฝกึ หัด 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากการท้ากจิ กรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทา้ กจิ กรรมที่ 1.3 ลมเกดิ ข้ึนได้อยา่ งไร ระดบั คะแนน 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ส่ิงท่ีประเมิน คะแนน 1. การสงั เกต 2. การวดั 7. การพยากรณ์หรือการคาดคะเน 8. การลงความเหน็ จากข้อมูล 13. การตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรปุ 14. การสรา้ งแบบจา้ ลอง รวมคะแนน ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั นี้ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้ 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ ทกั ษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 1. การสังเกต ใช้ประสาทสัมผัสเก็บรายละเอียด ใชป้ ระสาทสัมผัสเก็บ ไม่สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั ของส่ิงท่ีเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเองโดย รายละเอยี ดของสิ่งทเี่ กิดขึ้น โดย ในการเก็บขอ้ มูล หรอื มีการ ไม่เพิ่มความคิดเห็น สิ่งท่ีสังเกต ตอ้ งอาศัยการชี้แนะของครูหรอื เพิม่ เติมความคิดเหน็ แมว้ า่ ได้ประกอบดว้ ย ผู้อ่นื หรือใช้ประสาทสัมผัสได้ ครหู รอื ผูอ้ ืน่ ชว่ ยแนะน้าหรอื ชีแ้ นะ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

197 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 น้า อากาศ กบั ชีวิต ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ - ควันธปู เคล่ือนท่ีในแนวราบเข้า ด้วยตวั เอง แตเ่ พ่ิมเตมิ ความ มาในขวด คิดเหน็ - ควันธูปเคลื่อนท่ีข้ึนไปในแนวด่ิง และออกจากขวด 2. การวัด ใช้เทอร์มอมิเตอร์ได้อย่างถูกต้อง ใชเ้ ทอร์มอมเิ ตอรไ์ ดถ้ กู ต้องแตม่ ี ไม่สามารถใช้เทอร์มอมเิ ตอร์ เหมาะสม และระบุหน่วยของ ข้อผดิ พลาดเล็กน้อยและระบุ และไมส่ ามารถระบุหนว่ ย อุณหภูมิได้อย่างถูกต้องได้ด้วย หนว่ ยของอุณหภมู ิได้อยา่ ง ของอณุ หภมู ิได้ แมว้ ่าครหู รือ ถกู ต้องโดยต้องอาศัยการชี้แนะ ผู้อนื่ ชว่ ยแนะนา้ หรอื ชแ้ี นะ ตนเอง ของครูหรือผอู้ ืน่ 7. การพยากรณ์ คาดการ ณ์ผล หรือส่ิงท่ีจะ คาดการณ์ผล หรือส่ิงท่ีจะ ไมส่ ามารถคาดการณ์ผล เกดิ ขน้ึ ลว่ งหน้าโดยอาศยั ความรู้ เกดิ ขนึ้ ล่วงหน้าได้ ให้เหตผุ ล หรอื สิ่งทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ลว่ งหนา้ หรือประสบการณ์เดิมมาช่วย โดยอาศยั การชแ้ี นะของครูหรือ โดยไมใ่ หเ้ หตผุ ลใดๆ แม้วา่ ครู อย่างสม้่าเสมอ ว่าจะเกิดอะไร ผู้อ่นื หรอื ผูอ้ นื่ ช่วยแนะน้าหรือ ขึ้นเมื่อจ่อธูปเข้าไปในขวดก่อน ช้แี นะ และหลังจากจุดเทียนไขได้อย่าง มเี หตุผลได้ด้วยตนเอง 8. การลงความเห็น เพม่ิ เติมความคิดเห็นเก่ียวกับการ เพมิ่ เติมความคิดเหน็ เกีย่ วกับ ไมส่ ามารถเพ่ิมเติมความ จากข้อมูล เกิดลมได้ว่า ลม เกิดจากการ การเกิดลมไดโ้ ดยครหู รอื ผู้อื่น คิดเห็นเก่ยี วกบั การเกิดลมได้ เคลื่อนที่ของอากาศเม่ือมีความ ชว่ ยแนะนา้ หรือชแี้ นะ แม้ว่าครูหรอื ผู้อน่ื ช่วยแนะน้า หรือช้ีแนะ แตกต่างของอุณหภูมิอากาศ 2 บ ริ เ ว ณ ท่ี อ ยู่ ใ ก ล้ กั น จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ เ ดิ ม อย่างถูกต้อง และมีเหตุผลได้ ดว้ ยตวั เอง 13. การ ตีความหมายข้อมูลจากการสังเกต ครหู รอื ผูอ้ ืน่ ต้องช่วยแนะน้า ไมส่ ามารถตคี วามหมาย ตคี วามหมายข้อมูล และลงข้อสรุป และสร้างแบบจ้าลอง รวมถึงข้อมลู หรือชแ้ี นะจงึ จะสามารถ ขอ้ มลู จากการสงั เกตและ ท่ีได้จากการอ่านใบความรู้ และลง ตีความหมายข้อมูลจากการ สรา้ งแบบจา้ ลอง รวมถึง สังเกตและสรา้ งแบบจา้ ลอง ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการอา่ นใบ ข้อสรุปได้ด้วยตนเองว่าลมเป็น รวมถงึ ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการอ่านใบ ความรู้ และลงข้อสรปุ ได้ด้วย ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 น้า อากาศ กบั ชีวติ 198 ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ตวั เองเกี่ยวกบั การเกิดลมได้ การเคล่ือนที่ของอากาศเมื่อ ความรู้ และลงข้อสรุปได้ด้วย แม้วา่ ครหู รือผู้อนื่ ชว่ ยแนะน้า หรือชแ้ี นะ อุณหภูมิของอากาศสองบริเวณ ตัวเองเกยี่ วกับการเกิดลมได้ ใกลเ้ คียงกันแตกตา่ งกนั 14. การสร้าง อ ธิ บ า ย แ ล ะ เ ช่ื อ ม โ ย ง ส่ิ ง ที่ ครหู รือผอู้ ่นื ต้องช่วยแนะน้า ไมส่ ามารถอธบิ ายและ แบบจา้ ลอง สังเกตเห็นจากการท้ากิจกรรม หรอื ชีแ้ นะจึงจะสามารถอธบิ าย เชื่อมโยงส่ิงทส่ี ังเกตเหน็ จาก เกยี่ วกบั การเกดิ ลมได้ด้วยตัวเอง และเชื่อมโยงสิ่งท่ีสงั เกตเห็นจาก การทา้ กจิ กรรมเก่ียวกับการ การทา้ กิจกรรมเก่ยี วกับการเกิด เกิดลมได้ แม้วา่ ครูหรือผู้อื่น ลมได้ ต้องช่วยแนะนา้ หรือชแ้ี นะ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

199 ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 นา้ อากาศ กับชีวติ สรปุ บทที่ 2 อากาศและสมบัตขิ องอากาศ แนวการสรุปท้ายบท 1. นักเรียนร่วมกันอ่าน ฉันเรียนรู้อะไรเก่ียวกับอากาศและสมบัติ ของอากาศในหนังสือเรียนหน้า 65 ครูอาจใช้วิธีการอ่าน เช่น ถ้านักเรียนยังอ่านไม่ออกให้อ่านตามครู ให้นักเรียนที่อ่านออก อา่ นน้าแลว้ เพื่อนอ่านตาม ถ้านักเรียนพออา่ นได้ ใหผ้ ลดั กันอ่าน คนละประโยค ครูน้าอภิปรายเพื่อสรุปบทเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นไดถ้ ามค้าถามเพิ่มเตมิ ทนี่ ักเรยี นยงั สงสัยอยู่ 2. นักเรียนกลับไปท้า กิจกรรมส้ารวจความรู้ก่อนเรียน บทที่ 2 ใน แบบฝึกหัดหน้า 72 โดยอาจปรับแก้ไขค้าตอบที่คลาดเคลื่อนและ เปรียบเทียบกับค้าตอบก่อนเรียนด้วย เพ่ือช่วยน้าให้นักเรียนทุก คนได้มีคา้ ตอบทถ่ี ูกต้องตรงกัน 3. นักเรียนท้ากิจกรรมใน ฝึกฝนตนเอง จากนั้นครูน้าอภิปรายโดย ให้นักเรียนน้าเสนอแนวค้าตอบของตนเอง หากนักเรียนยังมี แนวคิดคลาดเคล่อื นใหค้ รูแก้ไขแนวคดิ ใหถ้ ูกต้อง 4. นักเรียนตอบค้าถาม แบบฝึกหัดท้ายหน่วย ในแบบฝึกหัดหน้า 94-97 ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวิต 200 แนวค้าตอบในฝึกฝนตนเอง ไนโตรเจน เปน็ แกส๊ ท่เี ปน็ สว่ นประกอบของอากาศ และเป็นสว่ นประกอบทมี่ ีปริมาณ มากท่สี ุด อากาศ อากาศเป็นแก๊ส ไม่มีสี ไม่มีกล่ิน อยู่รอบตัวเรา อากาศมีน้าหนักและ ตอ้ งการที่อยู่ ลม การเคลอ่ื นทข่ี องอากาศ เมอ่ื มีความแตกตา่ งของอุณหภูมขิ องอากาศใน บรเิ วณใกลเ้ คยี งกัน สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

201 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 น้า อากาศ กับชีวติ ไม่เห็นด้วย เพราะการทดลองของทงั้ 3 คน ไม่มีการก้าหนดว่าจะต้องวัด ท่ีเวลาเดียวกัน และควรน้าเทอร์มอมิเตอร์ท้ัง 3 อันมาเปรียบเทียบก่อน นา้ ไปวัดวา่ สามารถอา่ นคา่ อณุ หภูมิไดเ้ ท่ากนั หรือไม่ เม่อื เกิดข้อสงสยั จะออกแบบการตรวจสอบดงั นี้ 1. วัดอุณหภูมิของอากาศตามสถานที่ต่าง ๆ โดยใช้เทอร์มอมิเตอร์ที่ เหมอื นกนั 2. วัดอุณหภูมิของอากาศอย่างน้อย 3 คร้ัง แล้วน้ามาหาค่าเฉล่ีย เพ่ือให้ได้ ค่าอุณหภูมอิ ากาศใกลเ้ คยี งความเปน็ จรงิ ทส่ี ุด 3. เวลาที่ต้องวัดอุณหภูมิของอากาศตามสถานท่ีต่าง ๆ ควรเป็นเวลา เดยี วกนั ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 น้า อากาศ กบั ชีวติ 202 อากาศท่ีอยู่ในขวดน้าจะเข้าไปแทนท่ีน้าในแก้ว ท้าให้น้าในแก้วลดลงพร้อม ๆ กับมี อากาศเข้าไปในแก้วเพ่มิ ข้ึน สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

203 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 น้า อากาศ กับชีวติ ภาพนค้ี อื ว่าว เกย่ี วข้องกบั อากาศ คือ การเล่นวา่ วตอ้ งอาศยั ลม ซ่ึงเปน็ การเคล่อื นท่ีของอากาศ ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวิต 204 แนวค้าตอบในแบบฝึกหัดทา้ ยหนว่ ย ของแขง็ แกส๊ ไอน้า น้า รักษาระดับ ไหลจากทส่ี ูง ละลายสาร สทู่ ต่ี า่้ บางอยา่ งได้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

205 คูม่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 นา้ อากาศ กับชีวติ แก๊สออกซเิ จน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ แกส๊ อ่นื ๆ มี ตอ้ งการ สามารถ อณุ หภมู ิ ลม ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 นา้ อากาศ กบั ชีวิต 206 เราไมค่ วรอยู่ในรถทตี่ ดิ เครอ่ื งยนต์ไวโ้ ดยไม่มีผใู้ หญ่เนอ่ื งจากเคร่ืองยนตท์ ที่ ้างานน้นั จะ เผาเชอ้ื เพลงิ แล้วปล่อยแกส๊ ตา่ ง ๆ ออกมา โดยเฉพาะแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดท์ างท่อ ไอเสยี และเมอ่ื เราอยใู่ นรถกจ็ ะสดู แกส๊ เข้าไป หากแก๊สน้เี ข้าไปในรา่ งกายมากเกินไปจะ ทา้ ให้หมดสติ จนถงึ ขัน้ เสียชวี ติ ได้ ส่วนที่ไม่ควรอยู่ในรถยนต์ท่ีปดิ กระจก เนอ่ื งจาก ความร้อนในรถจะคอ่ ย ๆ เพมิ่ สูงข้นึ จากน้ันร่างกายจะลดอณุ หภูมิร่างกายโดยขบั เหง่อื ออกมาเร่ือย ๆ จนร่างกายไมส่ ามารถทนความร้อนได้ ร่างกายกจ็ ะหยุดทา้ งาน และ เสียชีวติ ในทีส่ ดุ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

207 คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 น้า อากาศ กบั ชีวิต ตัวอยา่ งค้าขวัญเช่น 1. ควนั ท้าใหเ้ กิดมลพิษ คิดสกั นดิ ก่อนท้าใหเ้ กดิ ควนั 2. ปอดจะสะอาด หากเราหยุดการเผาปา่ 3. ลด ละ เลิกการเผาปา่ เพ่อื คุณคา่ ของอากาศ ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 นา้ อากาศ กับชีวิต 208 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

209 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงานกับชีวติ หน่วยท่ี 3 แรงและพลงั งานกบั ชีวิต ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ 210 ลาดบั แนวคิดสาคัญ หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลงั งานกบั ชวี ติ วตั ถบุ างชนดิ เมื่อผ่านการถสู ามารถดงึ ดดู วัตถุเบา ๆ ได้ วัตถบุ างชนดิ ทผ่ี ่านการถู เมื่อนาเข้าใกล้วตั ถุอ่นื ทไี่ มไ่ ด้ผา่ นการถู จะเกดิ การดงึ ดดู กนั ได้ เม่ือนาวตั ถุชนิดเดียวกนั ท่ีผ่านการถทู ง้ั 2 ช้ิน เข้าใกลก้ นั จะเกิดการผลักกนั เมื่อนาวตั ถุตา่ งชนดิ กนั ท่ผี ่านการถทู ้งั 2 ชน้ิ เข้าใกล้กัน อาจเกิดการดึงดดู หรือการผลักกันได้ขึน้ อย่กู บั ชนิดของวัตถุ พนั ธกุ รรม แรงดงึ ดูดหรือแรงผชลนกัดิ ทนี่เน้ั กิดขนึ้ เรียกวา่ แรง ไฟฟา้ ไฟฟ้าเปน็ พลงั งานเพราะสามารถทาให้เครื่องใชไ้ ฟฟ้าตา่ ง ๆ ทางาน ได้ พลังงานไฟฟา้ ท่ีใชต้ ามบ้านเรือนโดยทั่วไปไดม้ าจากไฟฟา้ ซึ่งผลิตจากเครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟา้ หรอื ท่ีเรยี กว่า ไดนาโม ไดนาโมผลิตไฟฟ้าไดโ้ ดยการหมุนขดลวดทองแดงทอ่ี ยรู่ ะหวา่ งแมเ่ หลก็ หรือหมุนแมเ่ หลก็ ท่ีอยู่ระหว่างขด ลวดทองแดงเพ่อื ใหข้ ดลวดตดั กับสนามแม่เหล็ก ในการหมุนไดนาโม จะตอ้ งใชพ้ ลังงานจากแหล่งพลงั งานตา่ ง ๆ ซ่งึ ส่วนใหญเ่ ป็นแหลง่ พลังงานสิ้นเปลือง พลังงานไฟฟ้าสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอืน่ ได้ ไฟฟ้าสว่ นใหญผ่ ลติ มาจากแหลง่ พลังงานสิ้นเปลือง จึงต้องใชอ้ ย่างประหยัดและคุ้มค่า ไฟฟา้ มีประโยชนแ์ ต่กอ็ าจมอี นั ตรายได้ จึงตอ้ งใชเ้ คร่ืองใช้ไฟฟ้าอย่างถูกตอ้ งและคานงึ ถงึ ความปลอดภยั สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

211 คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ิต บทท่ี 1 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า แนวคิดสาคัญ พลังงานไฟฟ้ารูปแบบหนึ่งเกิดขึ้นได้จากการถูวัตถุบางชนิด ทา ให้เกิดแรงไฟฟ้าซ่ึงมีท้ังแรงดึงดูดและ แรงผลัก แต่ไฟฟ้าท่ีใช้ตาม บ้านเรือนเป็นพลังงานท่ีทาให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทางานได้ ซึ่งส่วนใหญ่ ผลิตมาจากทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีจากัด จึงต้องใช้ไฟฟ้าอย่าง ประหยดั และคมุ้ ค่าทส่ี ดุ บทนี้มอี ะไร เรอ่ื งท่ี 1 แรงไฟฟา้ อ่านเป็น แรงไฟฟา้ กิจกรรมท่ี 1.1 แรงไฟฟ้าเกดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร กจิ กรรมท่ี 1.2 ผลของแรงไฟฟา้ เป็นอยา่ งไร เรอ่ื งที่ 2 พลงั งานไฟฟ้า อา่ นเป็น - กิจกรรมที่ 2.1 ไฟฟ้าเปน็ พลังงานหรอื ไม่ กจิ กรรมที่ 2.2 พลงั งานไฟฟ้าเปลี่ยน เป็นพลังงานอะไรได้บา้ ง กิจกรรมที่ 2.3 ผลติ ไฟฟ้าได้อยา่ งไร กิจกรรมท่ี 2.4 แหล่งพลงั งานท่ใี ช้ ผลติ ไฟฟ้ามีอะไรบา้ ง กจิ กรรมที่ 2.5 ใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดและ ปลอดภยั ได้อยา่ งไร สือ่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 71 – 97 2. แบบฝึกหดั หนา้ 99 – 131 แหล่งการเรียนรู้ เว็ปไซต์การไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แห่งประเทศไทย (www.egat.co.th) ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ 212 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แนวคดิ คลาดเคล่อื น กจิ กรรมที่ ครูควรฟังการสนทนาอภิปรายของนักเรียน ทักษะ 1.1 1.2 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 อย่างต่อเน่ือง พร้อมบันทึกแนวคิดของ 1. การสังเกต ••••• นักเรียนไว้ เพื่อท่ีจะจัดการเรียนรู้ให้สามารถ 2. การวดั แก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนและต่อยอดแนวคิด 3. การใชต้ วั เลข ท่ีถกู ต้อง 4. การจาแนกประเภท 5. การหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง แนวคดิ คลาดเคลอื่ น แนวคดิ ทถี่ กู ต้อง - สเปซกบั สเปซ พ ลั ง ง า น ไ ฟ ฟ้ า พ ลั ง ง า น ไ ฟ ฟ้ า - สเปซกบั เวลา เปล่ียนเป็นพลังงาน เปล่ียนเป็นพลังงาน 6. การจดั กระทาและส่ือความหมาย • ความเยน็ ความร้อนได้ แต่ถ้า ข้อมูล บริเวณท่ีมีความร้อน 7. การพยากรณ์ / การคาดคะเน •• • น้อยก็จะรู้สึกเย็น แต่ 8. การลงความเหน็ จากข้อมลู • •••• ในทางวิทยาศาสตร์ 9. การต้งั สมมตฐิ าน ไ ม่ มี พ ลั ง ง า น ค ว า ม 10. การกาหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ตั กิ าร เยน็ 11. การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร 12. การทดลอง 13. การตคี วามหมายขอ้ มลู • • • • •• • และการลงขอ้ สรปุ 14. การสร้างแบบจาลอง สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

213 คูม่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงานกับชีวิต บทนเ้ี ร่ิมต้นอย่างไร (1 ชั่วโมง) 1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 71 อ่านชื่อหน่วย ชื่อบท และ แนวคดิ สาคัญ จากนนั้ ครใู ช้คาถามดังต่อไปนี้ 1.1 ในบทน้ีจะเรยี นเรอ่ื งอะไรบา้ ง (แรงไฟฟา้ พลังงานไฟฟ้า) 2. นักเรียนอ่านเน้ือเรื่องในนาบทในหนังสือเรียน หน้า 71 โดยครู อาจใชว้ ธิ ฝี ึกอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ัน ครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่านของนักเรียน โดยอาจใช้ คาถาม ดงั น้ี 2.1 เหตุใดลกู โปง่ จึงสามารถดงึ ดูดผมของเราได้ (เหตุการณน์ ี้เป็น ผลมาจากแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจากพลังงานไฟฟ้ารูปแบบหนึ่ง โดยสามารถทาใหว้ ัตถุเคลือ่ นท่ีได้โดยไม่จาเปน็ ต้องสัมผสั กับ วัตถนุ ัน้ ) 2.2 พลังงานมีลักษณะอย่างไร (ไม่มีมวล ไมม่ ีนา้ หนกั ไมต่ อ้ งการ ที่อยู่ แตส่ ามารถทางานได้) 2.3 จากเน้ือเร่ืองที่อ่าน พลังงานที่ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ได้แก่อะไรบ้าง (ใช้แก๊สหุงต้มเพ่ือทาให้เกิดพลังงานความ ร้อนสาหรับประกอบอาหาร เติมน้ามันเช้ือเพลิงให้กับ รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เพื่อให้เกิดพลังงานกลที่ทาใหร้ ถ สามารถเคลือ่ นท่ไี ด้) 2.4 แหล่งพลังงานส่วนใหญ่มาจากแหล่งพลังงานประเภทใด (แหลง่ พลงั งานส้นิ เปลืองซึ่งใช้แล้วหมดไป) 3. นกั เรียนทากิจกรรมสารวจความรกู้ อ่ นเรยี นในแบบฝกึ หัดหน้า 99 โดยอ่านทาเป็นคิดเป็น แล้วครูตรวจสอบความเข้าใจโดยใช้ คาถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมน้ีจะได้เรียนรู้อะไร (วิธีทาให้วงล้อกระดาษเคล่ือนที่ การเปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น และแหลง่ พลังงาน ทใี่ ชใ้ นการผลิตไฟฟา้ ) 3.2 นักเรียนจะได้เรยี นเรอ่ื งนีด้ ้วยวธิ ใี ด (สงั เกตและอภปิ ราย) 3.3 เมื่อเรียนแล้ว นักเรียนจะทาอะไรได้ (บอกวิธีทาให้วงล้อ กระดาษเคล่ือนท่ี ระบกุ ารเปลี่ยนพลงั งานไฟฟา้ เป็นพลังงาน อ่ืน และลงความเห็นเก่ียวกับแหล่งพลังงานท่ีใช้ในการผลิต ไฟฟ้า) ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวิต 214 4. นักเรียนอ่านทาอย่างไรทีละข้อ เม่ือตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น ว่านักเรียนเข้าใจแล้ว ให้นักเรียนทากิจกรรม แล้วตอบ สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ คาถามในฉันร้อู ะไร ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไป หาคาตอบที่ถูกต้องในกิจกรรมต่าง ๆ 5. ครูสุ่มให้นักเรียนนาเสนอผลการทากิจกรรมเป็นกลุ่ม ครูรับ ในบทเรียนนี้ ฟังคาตอบของนักเรียนโดยยังไม่เฉลยคาตอบ แต่บันทึก คาตอบของนักเรียนไว้เป็นข้อมูลเพ่ือใช้ในการวางแผนการ สอนตอ่ ไป การเตรียมตัวลว่ งหน้าสาหรับครู เพ่ือจัดการเรยี นร้ใู นครงั้ ถัดไป ในคาบถัดไป นักเรียนจะได้เรียน เร่ืองที่ 1 แรงไฟฟ้า โดยการอ่านเน้ือเร่ือง เก่ียวกับแรงไฟฟ้าซ่ึงเป็นแรงไม่สัมผัสอีก ชนิดหนึ่ง เพ่ือให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ มากขึ้น ครูควรเตรียมภาพหรือวิดีทัศน์ สถานการณ์ในชีวิตประจาวันเก่ียวกับแรง ไฟฟ้า เช่น การหวีผมแล้วเสน้ ผมถูกดงึ ดูด ตดิ กับหวี หรือการที่เสื้อผ้าบางชนิดท่ีสวม ใส่แนบตดิ กับตวั สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

215 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวิต แนวคาตอบในแบบฝึกหดั คาตอบของนักเรียนในการสารวจความรกู้ อ่ นเรยี นครัง้ แรก ข้นึ อยู่กับความรู้เดิมของนกั เรียน ซึ่งอาจเหมือนหรือแตกตา่ งจากแนวคาตอบนี้ได้ และเม่ือกลบั มาสารวจความรู้กอ่ นเรยี นอกี คร้ัง ควรไดค้ าตอบที่ถูกตอ้ ง ถูหลอดดดู ด้วยกระดาษเยื่อ แลว้ นาเขา้ ใกลว้ งล้อกระดาษ พลังงานแสง พลังงานเสยี ง พลงั งานความรอ้ น ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ 216 แก๊สธรรมชาติ นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตัวเอง นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตัวเอง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

217 ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตัวเอง นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตัวเอง นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตัวเอง ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 218 เมือ่ ถูหลอดดดู ด้วยกระดาษเยอ่ื แล้วนาเขา้ ใกล้วงล้อกระดาษ เกดิ แรงไฟฟา้ ทสี่ ามารถดงึ ดดู ใหว้ งล้อกระดาษเคลื่อนท่ีเข้าหาหลอดดูดท่ถี ูกถไู ด้ แรงไฟฟ้า พลงั งานแสง พลงั งานเสียง พลงั งานความรอ้ น พลังงานกล แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน น้ามนั เชื้อเพลิง แหล่งพลังงานท่ีประเทศไทยนามาใช้ผลิตไฟฟา้ มากท่ีสุด คือ แก๊สธรรมชาติ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

219 คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ เรอื่ งท่ี 1 แรงไฟฟา้ ในเรอ่ื งน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้ว่าเมื่อนาวตั ถบุ างชนดิ ทผ่ี า่ นการถูเข้าใกล้วตั ถุที่ไม่ได้ผ่านการถู จะเกดิ การดึงดูดกันได้ และเม่อื นาวตั ถุ 2 ช้ิน ท่ีผา่ นการถูมาเขา้ ใกล้กัน จะเกิดการดึงดดู หรอื ผลักกัน แรงดงึ ดูดและแรงผลกั ท่ีเกิดข้ึนนี้ เรยี กว่า แรง ไฟฟา้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายการเกิดแรงไฟฟา้ 2. สังเกตและอธิบายผลของแรงไฟฟ้า เวลา 2.5 ชว่ั โมง วัสดุ อุปกรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม ไม้บรรทัดพลาสตกิ ไม้บรรทดั เหลก็ ขวดพลาสตกิ ฝานนู กระดาษเย่ือ ยางลบ เศษกระดาษช้ินเล็ก ๆ ดนิ สอไม้ ปากกาพลาสติกแทง่ กลม ลกู โป่ง แผ่นพลาสตกิ ใส แผ่นเปอร์สเปกซ์ แผ่นพวี ซี ี ส่อื การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 72 – 78 2. แบบฝกึ หัด หนา้ 104 – 111 แนวการจัดการเรยี นรู้ (เวลา 0.5 ชั่วโมง) นักเรียนอาจไม่สามารถตอบคาถาม หรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ คุณครู ขนั้ ตรวจสอบความรู้ (5 นาท)ี ควรให้เวลานักเรียนคิด อย่างเหมาะสม รอ คอยอย่างอดทน และรับฟังแนวความคิด 1. ครตู รวจสอบความรเู้ ดิมเก่ยี วกับแรงไฟฟ้าโดยถามนักเรียนวา่ เคย ของนักเรียน พบเหตุการณต์ ่อไปนหี้ รือไม่ และเหตกุ ารณ์เหล่านีเ้ กิดข้นึ ได้ อยา่ งไร 1.1 เศษกระดาษชิน้ เล็ก ๆ ติดกับปกพลาสตกิ หุ้มหนงั สอื 1.2 หวีผมแล้วผมถูกดดู ติดกบั หวี (นกั เรยี นตอบได้ตามความ เขา้ ใจของตวั เอง) ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 220 ขั้นฝกึ ทกั ษะจากการอ่าน (20 นาท)ี ปญั หาทีอ่ าจพบากการอ่าน 2. นักเรียนเปดิ หนังสอื เรียนหน้า 72 ครนู าอ่านช่อื เรื่อง ส่ิงทส่ี ังเกตได้ นักเรยี นอาจไม่เคยเหน็ จากนัน้ ครใู ช้คาถามดังน้ี เหตุการณท์ ี่เส้นผมดึงดูดไปติดหวี 2.1 ในเร่ืองนีจ้ ะเรยี นเกยี่ วกบั อะไร (แรงไฟฟา้ ) แนวทางการช่วยเหลือ ครูทากิจกรรม 2.2 นักเรยี นคิดวา่ แรงไฟฟ้าเหมือนหรือต่างจากแรงแมเ่ หล็กหรือไม่ ประกอบการอธิบาย โดยนาหวีมาถูด้วย อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น แรง ผ้าสักหลาดหรือกระดาษเย่ือ แล้วนาเข้า ไฟฟา้ เกิดกบั เครื่องใช้ไฟฟ้า แรงแม่เหลก็ เกิดกับแม่เหล็ก) ใกล้ เส้นผม แล้วให้นักเรียนสังเกตผลท่ี เกิดขึ้นจริง ซ่ึงควรสาธิตในวันท่ีอากาศ 3. นักเรียนอ่านคาถามชวนคิด จากน้ันนักเรียนลองตอบคาถามชวน แห้ง หรือทาในห้องท่ีมีเคร่ืองปรับอากาศ คิดตามความเข้าใจของตนเอง โดยครูบันทึกคาตอบของนักเรียน และเส้นผมต้องสะอาด บนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทียบกับคาตอบของนักเรียนหลังจาก อ่าน นักเรียนอ่านคาศัพท์ในอ่านเป็น หากนักเรียนยังอ่านไม่ได้ การเตรียมตวั ลว่ งหน้าสาหรบั ครู ใหค้ รสู อนวธิ สี ะกดคา เพื่อจัดการเรียนร้ใู นครง้ั ถัดไป 4. ครูให้นักเรียนอ่านเน้ือเร่ือง โดยเลือกวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับ ในคาบถัดไป นักเรียนจะได้ทา นักเรียน จากน้ันครูถามคาถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจจากการ กิจกรรมท่ี 1.1 แรงไฟฟ้าเกิดข้ึนได้อย่างไร อ่าน โดยใชค้ าถามดงั นี้ โดยใช้การสังเกตเม่ือถูวัตถุต่าง ๆ ด้วย 4.1 เหตุการณ์ในเรื่องที่อ่านมีอะไรบ้าง (เม่ือหวีผม เส้นผมถูก กระดาษเย่ือ แล้วนาไปเข้าใกล้เศษกระดาษ ดึงดูดไปติดหวี หรือเสอ้ื ผ้าบางชนิดท่ใี ส่แนบติดกับตวั ) ดังน้ันครูควรเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ตาม 4.2 นอกจากแรงดึงดูดท่ีเกิดจากแม่เหล็กแล้ว ยังเกิดจากแรง รายการอุปกรณ์ให้พร้อมและมอบหมายให้ อืน่ ได้หรอื ไม่ (ได้ เชน่ แรงดึงดดู ใหเ้ ส้นผมไปติดหวี) นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมอุปกรณ์มา ได้แก่ 4.3 เหตุการณ์ดังกล่าวควรเกิดขึ้นในฤดูใด เพราะเหตุใด (ฤดู ไม้บรรทัดพลาสติก ไม้บรรทัดเหล็ก หนาว เพราะอากาศแห้ง) เศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ยางลบ ดินสอไม้ 4.4 อากาศแห้งเป็นอยา่ งไร (อากาศทที่ าใหผ้ ิวแห้งแตก) และปากกาแท่งกลม และเพื่อให้นักเรียน 4.5 การทผี่ มถกู ดึงดูดติดไปกับหวี และเสอื้ ผ้าแนบกับตวั เกิดความสนใจในกิจกรรมมากย่ิงข้ึน ครู เกดิ จากอะไร (แรงไฟฟา้ ) อาจใช้กิจกรรมนาเข้าสู่บทเรียน โดยเตรียม ภาชนะพลาสติกใสท่ีบรรจุเม็ดโฟม ผ้า และ ขั้นสรุปจากการอา่ น (5 นาที) แท่งพลาสติกหรือหลอดดูดยาวไว้ล่วงหน้า ในกรณที ี่ใช้หลอดดูดที่แกะจากห่อใหม่ ควร 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายจนไดข้ ้อสรุปจากการอ่านว่าวัสดุบาง นา หลอดดูดไปแช่น้าไว้สักพัก เพื่อให้ ชนิดที่ไม่ใช่สารแม่เหล็ก เช่น เส้นผม หวี เสื้อผ้า ก็สามารถดึงดูดกัน หลอดดดู ไม่มปี ระจไุ ฟฟ้าเหลืออยู่ ได้ โดยเฉพาะในวันทม่ี ีอากาศแห้ง แรงดงึ ดดู น้ีเรียกว่า แรงไฟฟ้า 6. นักเรียนตอบคาถาม รู้หรือยัง ในแบบฝึกหัดหน้า 104 จากนั้นครู ให้นักเรียนกลับไปเปรียบเทียบกับคาตอบในคาถามชวนคิดซ่ึงครู จดไวบ้ นกระดานก่อนอ่านเนื้อเรือ่ ง 7. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นคาถามสาคัญเพ่ือชักชวนให้นักเรยี นทากิจกรรม สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

221 คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ แนวคาตอบในแบบฝกึ หดั นอกจากแรงดงึ ดดู จะเกดิ จากแรงแมเ่ หลก็ แล้ว ยังเกิดจากแรงอืน่ ได้ เรียกแรงนัน้ วา่ แรงไฟฟ้า ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวิต 222 กิจกรรมท่ี 1.1 แรงไฟฟา้ เกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร กิจกรรมนี้นักเรยี นจะได้เรยี นรู้วา่ เม่อื นาวัตถุบางชนดิ มาถูกับกระดาษเยือ่ วัตถนุ น้ั สามารถดงึ ดดู วตั ถุที่ไม่ได้ผ่านการถู ได้ ผา่ นการสังเกต เวลา 2 ชวั่ โมง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สังเกตและอธบิ ายการเกดิ แรงไฟฟ้า วสั ดุ อปุ กรณส์ าหรับทากจิ กรรม สิ่งท่ีครูต้องเตรยี ม/กลมุ่ 1. กระดาษเย่อื 4 – 5 แผน่ 2. แผน่ พลาสติกใส 1 แผ่น ลูก 3. ขวดพลาสตกิ ฝานนู 1 ใบ 4. ลกู โป่ง 2 สงิ่ ท่นี ักเรียนตอ้ งเตรียม/กลมุ่ 1. ไมบ้ รรทัดพลาสติก 1 อัน 2. ไม้บรรทัดเหล็ก 1 อัน 3. เศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ 4 – 5 ชน้ิ กอ้ น แท่ง 4. ยางลบ 1 ดา้ ม 5. ดนิ สอไม้ 1 6. ปากกาพลาสติกแท่งกลม 2 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน หนา้ 73 – 75 2. แบบฝกึ หดั หนา้ 105 – 107 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสงั เกต การลงความเห็นจากข้อมลู การตคี วามหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรุป สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

223 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ิต แนวการจัดการเรียนรู้ ครยู งั ไม่ตอ้ งเฉลยคาตอบท่ีถูกตอ้ งให้ นักเรยี น แต่ชักชวนใหน้ ักเรียนหาคาตอบ 1. ครูนาแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดยาว และภาชนะพลาสติกที่ จากการทากิจกรรม บรรจุเม็ดโฟมมาให้นักเรียนดู จากนั้นถามนักเรียนว่าถ้าครูจุ่ม แท่งพลาสติกหรือหลอดดูดลงไปในภาชนะท่ีบรรจุเม็ดโฟมจะ รปู เมด็ โฟมที่ติดกบั แทง่ พลาสตกิ ที่ผา่ นการถูแลว้ เกิดอะไรข้ึน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น จะ มีเม็ดโฟมติดขึ้นมากับแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดที่จุ่มลงไป หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น) จากน้ันครูจุ่มหลอดดูดลงไปในภาชนะ พลาสติกซึ่งผลที่ได้คือจะไม่มีเม็ดโฟมติดหลอดดูดหรืออาจมี เมด็ โฟมติดข้ึนมาเล็กนอ้ ย 2. ครูนาแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดอันเดิมมาถูกับผ้าโดยไม่ให้ นักเรียนเห็น จากนั้นขออาสาสมัครมาหน้าห้อง ให้แท่ง พลาสติกหรือหลอดดูดที่ผ่านการถูแล้วกับนักเรียน และถาม นกั เรยี นอีกครงั้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าใหน้ ักเรยี นจุ่มแท่งพลาสติก หรือหลอดดูดอันนี้ลงในภาชนะพลาสติกท่ีบรรจุเม็ดโฟม (นกั เรยี นอาจตอบว่าไมเ่ กิดอะไรขน้ึ หรอื อาจดึงดดู เมด็ โฟมได้) จากน้ันให้นักเรียนจุ่มแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดลงในภาชนะ พลาสตกิ ครูถามคาถามนกั เรียน ดงั น้ี 2.1 เกิดอะไรข้ึนกับแท่งพลาสติกหรือหลอดดูด (เม็ดโฟมติด อยูท่ ีแ่ ทง่ พลาสติกหรือหลอดดดู ) 2.2 นักเรียนคิดว่าเม็ดโฟมติดกับแท่งพลาสติกหรือหลอดดูด ได้อย่างไร (นักเรียนอาจตอบได้หลากหลาย เช่น ครูทา กาวไว้ที่แท่งพลาสติก หากเกิดกรณีนี้ ครูอาจให้ นกั เรยี นจบั แท่งพลาสติกวา่ ไม่ได้ทากาวไว้) 3. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 73 อ่านชื่อกิจกรรม และ หัวข้อทาเป็นคิดเป็น ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เก่ียวกบั สิง่ ที่จะเรียน โดยใช้คาถามดังต่อไปนี้ 3.1 กิจกรรมนน้ี ักเรยี นจะได้เรยี นเกยี่ วกบั เรอ่ื งอะไร (การ เกิดแรงไฟฟา้ ) 3.2 นกั เรียนจะได้เรียนเร่ืองนดี้ ้วยวธิ ใี ด (การสงั เกต) 3.3 เมื่อเรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบายการเกดิ แรง ไฟฟ้าได)้ ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 224 4. ครูให้นักเรียนอ่านฝึกทักษะแล้วชี้แจงว่าในกิจกรรมนี้นักเรียน จะได้ฝกึ ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์เหล่าน้ี 5. ครูให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูเลือกวิธีการอ่านที่ เหมาะสมกับนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจใน ข้ันตอนการทากิจกรรมทีละข้ันตอน จนแน่ใจว่านักเรียน สามารถทาได้ จงึ ใหน้ กั เรียนทากิจกรรม 6. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนนาเสนอและร่วมกัน อภปิ รายผลการทากิจกรรม โดยอาจใช้คาถามดังน้ี 6.1 เกิดอะไรข้ึนเม่ือนาไม้บรรทัดพลาสติกเข้าใกล้เศษ กระดาษ (1) (ไม่เกดิ การเปลยี่ นแปลง) 6.2 เกิดอะไรข้ึนเม่ือนาไม้บรรทัดไปถูกับกระดาษเย่ือแล้ว นาเข้าใกล้เศษกระดาษ (1) (เศษกระดาษเคล่ือนที่มา ติดกบั ไม้บรรทัด) 6.3 มีแรงกระทาต่อเศษกระดาษหรือไม่ รู้ได้อย่างไร (8) (มี รู้ได้จากเศษกระดาษมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี จากอย่นู ่งิ เป็นเคลื่อนทมี่ าติดกับไม้บรรทดั ) 6.4 มีวัตถุอ่ืน ๆ อะไรอีกบ้างท่ีถูด้วยกระดาษเย่ือแล้ว สามารถดึงดูดเศษกระดาษได้ (ลูกโป่ง แผ่นพลาสติกใส และปากกาพลาสตกิ แทง่ กลม) 6.5 มีวัตถุอะไรบ้างที่ถูด้วยกระดาษเยื่อแล้วไม่สามารถ ดึงดูดเศษกระดาษได้ (ยางลบ ไม้บรรทัดเหล็ก และ ดนิ สอไม)้ 6.6 การท่ีจะทาให้วัตถุบางชนิดสามารถดึงดูดเศษกระดาษ เล็ก ๆ ได้ จะตอ้ งอย่างไร (นาวตั ถมุ าถดู ว้ ยกระดาษเย่ือ) 6.7 สรุปกิจกรรมน้ีได้อย่างไร (วัตถุบางอย่าง เช่น พลาสติก เ ม่ื อ น า ม า ถู ด้ ว ย ก ร ะ ด า ษ เ ย่ื อ แ ล้ ว ส า ม า ร ถ ดึ ง ดู ด เศษกระดาษหรอื วตั ถเุ บา ๆ ได)้ 7. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่าแรงที่ทาให้วัตถุที่ไม่ได้ผ่านการถู เคลือ่ นทเี่ ข้าหาวัตถุท่ีผา่ นการถู เรียกว่า แรงไฟฟ้า 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทากิจกรรมได้ว่าเมื่อถูวัตถุ บางอย่างแล้วนาเข้าใกล้วัตถุเบา ๆ วัตถุที่ผ่านการถูจะดึงดูด วัตถุน้นั ได้ แรงที่ทาใหว้ ัตถเุ คลอื่ นที่ได้นี้ เรียกว่า แรงไฟฟา้ (13) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

225 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 9. นักเรียนตอบคาถาม ฉันรู้อะไร และอยากรู้อีกว่าในแบบฝกึ หดั การเตรยี มตวั ล่วงหนา้ สาหรับครู หน้า 106 และ 107 จากนั้นครูสุ่มให้นักเรียน 2 – 3 คน เพื่อจดั การเรยี นรูใ้ นครงั้ ถัดไป นาเสนอคาถามของตนเองหนา้ ชัน้ เรยี น ในคาบถัดไป นักเรียนจะได้ทา 10. ครูนาอภิปรายให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ กิจกรรมท่ี 1.2 ผลของแรงไฟฟา้ เป็นอย่างไร ทางวิทยาศาสตรใ์ นขัน้ ตอนใดบา้ ง โดยใช้การสังเกตเม่ือถูวัตถุชนิดเดียวกัน และต่างชนิดกันด้วยกระดาษเย่ือแล้วนาไป เข้าใกล้กัน โดยครูอาจจะหาวัสดุอุปกรณ์ อื่น ๆ ท่ีนักเรียนสนใจมาเพิ่มเติมจากสิ่งท่ี ต้องใช้ในกิจกรรมได้ วัตถุที่นามาทา กิจกรรมต้องสะอาดและแห้ง และกิจกรรม นี้ควรทาในฤดูหนาวที่มีอากาศแห้ง หรือใน หอ้ งเรยี นที่มีเคร่ืองปรบั อากาศ ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ 226 แนวคาตอบในแบบฝึกหัด สังเกตและอธิบายการเกิดแรงไฟฟา้        สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

227 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวิต เศษกระดาษยงั คงอยทู่ ีเ่ ดมิ ไม่เปลยี่ นแปลง เศษกระดาษเคล่ือนทีไ่ ปติดกับวัตถนุ น้ั ไมบ้ รรทัดพลาสติก ปากกาพลาสติกแท่งกลม ลกู โป่ง และแผ่นพลาสตกิ ใส มี เพราะเศษกระดาษเคล่ือนทไ่ี ปตดิ กับวัตถุนั้น ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงานกับชีวติ 228 ไม้บรรทดั พลาสติก ปากกาพลาสติกแท่งกลม ลกู โป่ง แผ่นพลาสตกิ ใส แรง ดึงดูด แรงไฟฟ้า ถู แรงไฟฟ้า ดงึ ดดู ครกู ระตนุ้ ให้นักเรยี นฝกึ ตัง้ คาถามเกย่ี วกับเร่อื งท่สี งสัย หรอื อยากรู้ เพม่ิ เตมิ หรือส่ิงทย่ี ังไม่เข้าใจจากการทากิจกรรมในห้องเรยี น สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

229 คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงานกับชีวติ แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นรขู้ องนักเรยี นทาได้ ดังนี้ 1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภิปรายในช้ันเรียน 2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจัดการเรียนร้แู ละแบบฝกึ หัด 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ ากการทากจิ กรรมของนักเรียน การประเมนิ จากการทากจิ กรรมที่ 1.1 แรงไฟฟา้ เกดิ ขึ้นไดอ้ ย่างไร ระดบั คะแนน 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 2 คะแนน หมายถึง ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ สิ่งที่ประเมนิ คะแนน 1. การสังเกต 8. การลงความเห็นจากข้อมูล 13. การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรปุ รวมคะแนน ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดังนี้ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้ 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง ทกั ษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 1. การสังเกต ใช้ประสาทสัมผสั เก็บ ใ ช้ ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส เ ก็ บ แม้ครูหรือผู้อนื่ ช่วยแนะนา รายละเอียดของสิ่งท่เี กิดขนึ้ ได้ รายละเอียดของส่ิงท่ีเกิดข้ึน โดย หรือชี้แนะกไ็ มส่ ามารถใช้ ด้วยตนเองโดยไม่เพ่ิมความ ต้องอาศัยการช้ีแนะของครูหรือ ประสาทสมั ผัสในการเกบ็ คดิ เห็น ส่งิ ทสี่ งั เกต คอื วตั ถบุ าง ผู้อ่ืน หรือใช้ประสาทสัมผัสได้ ขอ้ มลู หรือมกี ารเพ่ิมเติม ชนดิ ทถ่ี ูด้วยกระดาษเยื่อแลว้ จะ ด้วยตนเอง แต่เพ่ิมเติมความ ความคิดเห็น สามารถดงึ ดดู เศษกระดาษชนิ้ คิดเหน็ เล็ก ๆ ได้ ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 230 ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 8. การลงความเหน็ เพ่ิมเติมความคิดเห็นเกี่ยวกับ เพ่มิ เติมความคิดเหน็ เกีย่ วกับ ไม่สามารถแสดงความ จากข้อมลู ข้อมูลที่มอี ยู่อยา่ งถกู ต้อง มีเหตผุ ล ขอ้ มูลท่ีมีอยู่อยา่ งถกู ต้อง คดิ เห็นเกยี่ วกบั ข้อมลู ท่ีมีอยู่ จากความรู้หรือประสบการณ์เดิม บางส่วน พยายามใหเ้ หตุผลจาก หรือเพ่มิ เตมิ ความคิดเห็น ไดด้ ้วยตนเอง ความรู้หรือประสบการณ์เดมิ ได้ อย่างไมส่ มเหตสุ มผล แม้วา่ จากการช้แี นะของครูหรือผอู้ ่ืน ครหู รือผอู้ ื่นชว่ ยแนะนาหรือ ช้แี นะ 13.การตีความหมาย ตีความหมายข้อมูลจากผลการ ครูหรอื ผู้อนื่ ตอ้ งช่วยแนะนา ไมส่ ามารถตีความหมาย ข้อมลู และการลง ทากิจกรรม และลงข้อสรุปได้ หรอื ชแ้ี นะจงึ จะสามารถ ข้อมลู และลงข้อสรปุ ไดว้ ่า ขอ้ สรุป ด้วยตนเองว่า แรงไฟฟ้าเกิด ตคี วามหมายข้อมูล และลง แรงไฟฟ้าเกิดจากการถูวัตถุ จากการถูวัตถุบางอย่าง และทา ขอ้ สรปุ ไดว้ า่ แรงไฟฟ้าเกิดจาก บางอยา่ ง และทาให้ดงึ ดูด ใหด้ งึ ดูดวตั ถุทไ่ี ม่ได้ผ่านการถูได้ การถวู ตั ถุบางอย่าง และทาให้ วัตถทุ ี่ไม่ไดผ้ า่ นการถูได้ ดึงดูดวัตถทุ ี่ไม่ได้ผ่านการถไู ด้ แมว้ า่ ครหู รือผู้อ่นื ชว่ ยแนะนา หรอื ชแ้ี นะ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

231 คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ กิจกรรมที่ 1.2 ผลของแรงไฟฟ้าเปน็ อย่างไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้ว่าแรงที่เกิดจากการนาวัตถุท่ีผ่านการถูมาเข้าใกล้กันมีท้ังแรงดึงดูดและแรงผลัก ผา่ นการสงั เกต จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สังเกตและอธบิ ายผลของแรงไฟฟ้า เวลา 2 ช่วั โมง วัสดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม สิง่ ท่ีครตู อ้ งเตรียม/กลมุ่ 1. ขวดพลาสติกฝานูน 1 ใบ 2. แผน่ พลาสติกใส 2 แผ่น 3. แผน่ เปอร์สเปกซ์ 1 แผ่น 4. แผน่ พวี ซี ี 1 แผ่น 5. ลกู โป่ง 2 ลูก 6. กระดาษเย่ือ 4 - 5 แผน่ 7. ปากกาพลาสตกิ แทง่ กลม 2 ดา้ ม ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ ส่อื การเรยี นรู้ 1. ครูอาจให้นักเรียนหาวสั ดุอุปกรณอ์ ื่น ๆ ท่ีนักเรยี นสนใจมาทากจิ กรรมเพิม่ เติมได้ 1. หนงั สือเรยี น หนา้ 76 – 78 2. ครอู าจใช้ผา้ แหง้ หรือผ้าสักหลาดแทน 2. แบบฝกึ หัด หน้า 108 – 111 กระดาษเยือ่ ได้ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. วตั ถทุ ่นี ามาทากิจกรรมต้องสะอาดและ แหง้ กจิ กรรมนี้ควรทาในฤดหู นาวที่มี การสงั เกต อากาศแห้ง หรือในหอ้ งเรียนทม่ี ี เครื่องปรับอากาศ การพยากรณห์ รือการคาดคะเน การตีความหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรุป ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวติ 232 แนวการจัดการเรียนรู้ ครูยังไม่ตอ้ งเฉลยคาตอบท่ีถกู ต้อง ให้นกั เรียน แต่ชกั ชวนให้นักเรยี นหา 1. ครทู บทวนความรูพ้ ้นื ฐานของนักเรียน โดยอาจใช้คาถามดังนี้ คาตอบจากการทากิจกรรม 1.1 จากกิจกรรมทผี่ า่ นมา เมือ่ ถวู ัตถุบางชนดิ ด้วยกระดาษ เย่ือ แล้วนาเข้าใกล้วัตถุเบา ๆ เกิดอะไรขึ้น (วัตถุเบา ๆ จะถูกดึงดูด) 1.2 วัตถเุ หลา่ น้นั ทามาจากวัสดอุ ะไรบ้าง (พลาสติก ยาง) 1.3 แรงท่ีเกิดข้นึ เหมือนแรงแม่เหล็กหรือไม่ อย่างไร (มที ั้ง เหมอื นและไมเ่ หมือน ดังน้ี - เหมือนกัน เพราะเป็นแรงไม่สัมผัสเหมือนกัน และทาใหเ้ กดิ แรงดึงดูดกับวัตถุบางอยา่ งได้ - ไมเ่ หมือน เพราะแรงทีเ่ กดิ ข้ึนเกิดจากการถูวัตถุ) 2. ครูถามคาถามเพื่อนาเข้าสู่กิจกรรมว่าถ้าเปลี่ยนจากการถู วัตถุชนิดหน่ึงแล้วนาเข้าใกล้วัตถุอื่นท่ีไม่ได้ผ่านการถู เป็น การถวู ัตถทุ ้ัง 2 ชิน้ ด้วยกระดาษเยื่อ แล้วนามาเข้าใกล้กนั จะ เกิดอะไรข้ึน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง แต่ แนวคาตอบท่ีครูควรรู้และยังไม่เฉลยให้นักเรียน คือ เมื่อถู วัตถุทั้ง 2 ชิ้นด้วยกระดาษเยื่อแล้วนามาเข้าใกล้กัน อาจเกิด แรงดงึ ดดู หรือแรงผลักกัน) 3. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 76 อ่านชื่อกิจกรรม และหวั ข้อทาเป็นคิดเปน็ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน เกยี่ วกับส่ิงที่จะเรียน โดยอาจใช้คาถาม ดังนี้ 3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (ผลของแรง ไฟฟา้ ) 3.2 นักเรียนจะได้เรียนเรอื่ งนี้ดว้ ยวธิ ใี ด (การสงั เกต) 3.3 เมอ่ื เรียนจบแลว้ นกั เรยี นจะสามารถทาอะไรได้ (อธบิ าย ผลของแรงไฟฟา้ ) 4. ครูให้นักเรียนอ่านฝึกทักษะแล้วช้ีแจงว่าในกิจกรรมน้ี นกั เรยี นจะไดฝ้ กึ ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์เหลา่ น้ี 5. ครูให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ข้อ 1 - 3 โดยครูเลือกใช้ วิธีการอ่านที่เหมาะสมกับนักเรียน จากน้ันคาดคะเนว่าจะ เกิดอะไรข้ึนเม่ือถูวัตถุชนิดเดียวกัน 2 ช้ิน ด้วยกระดาษเยื่อ แล้วนามาเข้าใกล้กัน (7) นาเสนอในช้ันเรียนก่อนเริ่ม สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

233 คูม่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ ตรวจสอบการคาดคะเน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจ ดา้ นทีผ่ ่านการถู ขนั้ ตอนการทากิจกรรมทลี ะข้ันตอน โดยอาจใชค้ าถาม ดังน้ี 5.1 ต้องถูปากกาพลาสติกทัง้ หมดกี่ด้าม (2 ดา้ ม) รูป การจบั ลูกโปง่ 5.2 เมื่อถูปากกาอีกด้ามหน่ึงด้วยกระดาษเยื่อแล้ว จะต้อง นามาเข้าใกล้กับปลายด้านใดของปากกาที่วางบนฝา ขวด (ปลายดา้ นทีถ่ ูแล้ว) 5.3 เมื่อเปล่ียนจากปากกาเป็นลูกโป่ง ต้องวางลูกโป่ง อย่างไร (เป่าลูกโป่งแล้วมัดปากลูกโป่งไว้ จากนั้นใช้มือ แต่ละขา้ งจับปากลูกโป่งให้ลูกโป่งห้อยลงแลว้ หนั ลูกโป่ง ด้านท่ถี ูแลว้ เขา้ ใกลก้ ัน) 5.4 เม่ือเปล่ียนจากปากกาเป็นแผ่นพลาสติกใส ต้องวาง แผ่นพลาสติกใสอย่างไร (ใช้มือแต่ละข้างจับขอบของ แผ่นพลาสติกใสด้านใดด้านหนึ่ง แลว้ หันด้านทผี่ ่านการ ถูเขา้ ใกลก้ นั ) เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่านักเรียนเข้าใจวิธีทา กิจกรรมแลว้ ให้นักเรยี นลงมอื ทากจิ กรรม 6. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนนาเสนอและร่วมกัน อภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยอาจใช้คาถามดังนี้ 6.1 เกิดอะไรข้ึนเมื่อนาวัตถุชนิดเดียวกันท่ีผ่านการถูทั้ง 2 ชิ้น เข้าใกลก้ นั พร้อมยกตวั อย่างวัตถุ (วัตถุ 2 ชนิ้ จะ เคลื่อนท่ีออกห่างจากกันเสมอ เช่น ปากกากับปากกา ลกู โปง่ กบั ลูกโป่ง) (1) 6.2 มีแรงกระทาต่อวัตถุท้ังสองหรือไม่ รู้ได้อย่างไร (มีแรง กระทา รู้ได้จากวัตถุเคลอ่ื นที่ได)้ 6.3 แรงที่มากระทาต่อวัตถุทั้งสองท่ีผ่านการถูแล้วคือแรง อะไร รู้ได้อย่างไร (แรงไฟฟ้า เพราะเกิดขึ้นเมื่อถูวัตถุ ดว้ ยกระดาษเยื่อ) 6.4 แรงไฟฟ้าทท่ี าใหว้ ัตถุชนดิ เดียวกนั ท่ีผา่ นการถูเหมือนกัน ท้ัง 2 ชิ้น เคล่ือนท่ีออกห่างจากกัน เป็นแรงแบบใด (แรงผลกั ) 7. ครใู ห้นักเรยี นอา่ นทาอยา่ งไร ขอ้ 4 – 5 จากน้ันคาดคะเนว่า จะเกิดอะไรขน้ึ เม่ือถวู ตั ถุต่างชนิดกนั 2 ชิ้น ด้วยกระดาษเยื่อ ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ิต 234 แล้วนาเข้าใกล้กัน (7) นาเสนอในช้ันเรียน จากนั้นจึงทา การเตรียมตัวล่วงหนา้ สาหรบั ครู กจิ กรรมเพือ่ ตรวจสอบการคาดคะเน เพื่อจดั การเรียนรใู้ นครง้ั ถดั ไป 8. ครูสาธติ เพื่อทาความเข้าใจกับนักเรียนว่าในกรณีคู่วัตถุท่ีเป็น ปากกาพลาสติก แผ่นพีวีซี และแผ่นเปอร์สเปกซ์ ให้นาวัตถุ ในคาบถัดไป นักเรียนจะได้เรียน เหล่านี้วางบนฝาขวดนูน แล้วนาวัตถุต่างชนิดกันด้านท่ีผ่าน เรื่องที่ 2 พลังงานไฟฟ้า โดยการอ่านเนื้อ การถูแล้วอีกชิ้นหนึ่งมาเข้าใกล้ปลายวัตถุที่วางอยู่บนฝาขวด เ รื่ อ ง เ กี่ ย ว กั บ ไ ฟ ฟ้ า ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ า วั น นูนทางด้านที่ผ่านการถูแล้ว ส่วนคู่วัตถุอ่ืน ได้แก่ ลูกโป่ง เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจและมีส่วน และแผ่นพลาสติกใส ให้ใช้วิธีการจับปลายปากลูกโป่งเพื่อให้ ร่ ว ม ใ น ก า ร อ ภิ ป ร า ย ค รู ค ว ร ใ ช้ ลกู โปง่ ห้อยลง สว่ นแผ่นพลาสติกใส ใหใ้ ช้มอื จับปลายด้านใด ภาพประกอบเก่ียวกับความสาคัญของ ด้านหน่ึงของแผ่นพลาสติกใส คล้ายกับการจับลูกโป่ง โดย ไฟฟ้าต่อการดารงชีวิตของคน เช่น ภาพ หันด้านท่ีผ่านการถูแล้วของวัตถทุ ั้งสองเขา้ ใกลก้ ัน) เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเพื่ออานวยความสะดวก 9. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนนาเสนอและร่วมกัน ต่าง ๆ หรือภาพไฟฟ้าท่ีให้แสงสว่างบน อภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยอาจใชค้ าถาม ดังน้ี ทอ้ งถนน โดยควรเตรียมภาพไว้ลว่ งหนา้ 9.1 เกิดอะไรข้ึนเม่ือนาวัตถุต่างชนิดกันที่ผ่านการถูท้ัง 2 ช้ิน เขา้ ใกล้กนั พร้อมยกตวั อยา่ งวตั ถุ (วัตถุบางชนิดเคล่อื นที่ เข้าหากัน เกิดการดึงดูดกัน เช่น แผ่นพีวีซีกับแผ่นเปอร์ สเปกซ์ แต่วัตถุบางชนิดเคล่ือนท่ีออกห่างจากกัน เกิด การผลักกัน เชน่ ปากกากบั ลูกโปง่ ) (1) 9.2 สิ่งใดกาหนดการดึงดูดหรือการผลักกันของวัตถุท่ีผ่าน การถูทั้ง 2 ช้ิน (ชนดิ ของวตั ถุ) 10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมว่า เม่ือนาวัตถุชนิด เดียวกัน 2 ช้ิน ไปขัดถู แล้วนาเข้าใกล้กันจะเกิดการผลักกัน แต่เมื่อนาวัตถุต่างชนิดกัน 2 ช้ิน ไปขัดถู แล้วนาเข้าใกล้กัน อาจจะเกิดการดึงดูดหรือการผลักได้ ข้ึนอยู่กับชนิดของวัตถุ (13) 11. นักเรียนตอบคาถามในฉันรู้อะไร และอยากรู้อีกว่าใน แบบฝึกหัดหน้า 108 จากน้ันครูสุ่มให้นักเรียน 2 – 3 คน นาเสนอคาถามของตนเองหน้าชน้ั เรียน 12. ค รู น า อ ภิ ป ร า ย ใ ห้นั ก เ รีย นท บ ท ว น ว่า ไ ด้ฝึ ก ทั ก ษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในขั้นตอนใดบา้ ง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

235 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวิต แนวคาตอบในแบบฝึกหัด สังเกตและอธิบายผลของแรงไฟฟ้า การคาดคะเนของนกั เรียนอาจมหี ลากหลาย เช่น เม่ือถูวัตถชุ นดิ เดยี วกัน 2 ช้นิ แลว้ นามาเข้าใกล้กัน วัตถุท้ัง 2 ชิน้ จะผลักกนั ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 236 การคาดคะเนของนกั เรยี นอาจมีหลากหลาย เช่น เมื่อถูวัตถตุ ่างชนิดกนั 2 ช้นิ ด้วยกระดาษเย่อื แลว้ นามาเขา้ ใกล้กนั วัตถุทั้ง 2 ชิน้ จะผลกั กัน สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

237 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ ผลักกัน ดงึ ดดู หรอื ผลักกนั ลูกโปง่ กับลูกโป่ง ผลกั กนั ปากกาพลาสตกิ กบั แผน่ พลาสตกิ ใส ผลกั กนั แผน่ พีวีซีกบั แผ่นเปอร์สเปกซ์ ดงึ ดูดกัน ดึงดดู กนั ผลกั กนั ⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 238 ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตง้ั คาถามเกย่ี วกับเรือ่ งที่สงสัย หรอื อยากรู้ เพิม่ เติม หรือสิ่งท่ยี ังไมเ่ ขา้ ใจจากการทากจิ กรรมในหอ้ งเรียน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

239 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชีวิต แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ของนักเรยี นทาได้ ดงั นี้ 1. ประเมนิ ความร้เู ดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจัดการเรยี นรแู้ ละแบบฝกึ หัด 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จากการทากจิ กรรมของนกั เรียน การประเมนิ จากการทากจิ กรรมที่ 1.2 ผลของแรงไฟฟา้ เป็นอยา่ งไร ระดับคะแนน 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถึง ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ สิง่ ทปี่ ระเมนิ คะแนน 1. การสังเกต 7. การพยากรณ์หรอื การคาดคะเน 13. การตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรปุ รวมคะแนน ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดังน้ี 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ ทกั ษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 1. การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสเก็บรายละเอียด ใช้ประสาทสมั ผัสเก็บ แมค้ รหู รือผู้อน่ื ชว่ ยแนะนา ของส่ิงที่เกิดข้ึนได้ด้วยตนเอง รายละเอยี ดของส่ิงทเ่ี กิดขึน้ หรือชีแ้ นะก็ไม่สามารถใช้ โดยไม่เพ่ิมความคิดเห็น ส่ิงที่ โดยต้องอาศยั การช้แี นะของครู ประสาทสมั ผสั ในการเก็บ สงั เกตได้ คือการเปล่ียนแปลงการ หรอื ผู้อน่ื หรือใชป้ ระสาทสัมผสั ข้อมลู หรือมกี ารเพ่ิมเตมิ เคลื่อนท่ีของวัตถุ 2 ชิ้น ท่ีถูด้วย ไดด้ ว้ ยตนเอง แตเ่ พ่ิมเติมความ ความคิดเหน็ กระดาษเย่ือ แล้วนาเข้าใกล้กัน คดิ เหน็ 7. การพยากรณ์ คาดคะเนผลหรือสิ่งท่ีจะเกิดขึ้น คาดคะเนผลหรือส่ิงท่จี ะเกดิ ข้ึน ไมส่ ามารถคาดคะเนผลหรอื หรอื การคาดคะเน ล่วงหน้าเมื่อถูวัตถุชนิดเดียวกัน ล่วงหน้าเมอ่ื ถูวตั ถุชนดิ เดยี วกัน สิง่ ทจี่ ะเกิดขึ้นล่วงหนา้ เมื่อถู ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 3 แรงและพลังงานกับชีวิต 240 ทกั ษะกระบวนการ ดี ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรงุ ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ 2 ชิ้น และวัตถุต่างชนิดกัน 2 2 ชน้ิ และวัตถตุ า่ งชนิดกัน 2 วัตถชุ นิดเดยี วกนั 2 ชน้ิ และ ช้ิน แล้วนามาเข้าใกล้กันได้ ชิ้น แลว้ นามาเขา้ ใกลก้ นั ได้ วัตถุตา่ งชนิดกัน 2 ช้ิน แลว้ อย่างมีเหตุผลโดยอาศัยความรู้ อยา่ งมเี หตุผลโดยอาศัยการ นามาเขา้ ใกลก้ นั ได้ แม้ครู หรือประสบการณ์เดิมมาช่วยได้ ชีแ้ นะของครหู รือผู้อื่น หรือผอู้ ืน่ ชว่ ยแนะนาหรือ ชแ้ี นะ ดว้ ยตนเอง 13. การ ตีความหมายข้อมูลแล ะลง ครหู รอื ผู้อื่นตอ้ งช่วยแนะนา ไมส่ ามารถตคี วามหมาย ตคี วามหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรุป ข้อสรุปได้ด้วยตนเองว่าเม่ือถู หรือชีแ้ นะจงึ จะสามารถ ข้อมูลและลงข้อสรปุ ได้ว่าเมือ่ วัตถชุ นิดเดยี วกันทง้ั 2 ชิน้ แลว้ ตีความหมายข้อมลู และลง ถวู ตั ถชุ นิดเดียวกันทง้ั 2 ชนิ้ ขอ้ สรุปไดว้ ่าเม่อื ถูวตั ถุชนดิ แล้วนาเขา้ ใกล้กัน จะผลกั กัน นาเข้าใกล้กัน จะผลักกัน แต่ เดยี วกนั ท้ัง 2 ชิ้น แลว้ นาเข้า แตเ่ มอื่ ถวู ัตถุตา่ งชนิดกันทัง้ 2 เม่ือถูวัตถุต่างชนิดกันทั้ง 2 ชิ้น ใกลก้ ัน จะผลักกัน แต่เมอ่ื ถูวตั ถุ ชน้ิ อาจจะดงึ ดูดหรือผลักได้ อาจจะดึงดูดหรือผลักได้ ข้ึนอยู่ ต่างชนดิ กันท้ัง 2 ชน้ิ อาจจะ ขึน้ อย่กู ับชนดิ ของวัตถุ แม้ครู กบั ชนิดของวตั ถุ ดึงดดู หรอื ผลกั ได้ ข้ึนอยูก่ ับชนิด หรือผู้อื่นช่วยแนะนาหรือ ของวตั ถุ ชีแ้ นะ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

241 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ ความรเู้ พิม่ เติมสาหรับครู ความรูเ้ พม่ิ เตมิ สาหรับครู เบนจามิน แฟรงคลิน นักวทิ ยาศาสตรช์ าวอเมริกนั ไดจ้ าแนกประจุไฟฟ้าเป็น 2 ชนิด คอื ประจุไฟฟ้าบวกและประจุ ไฟฟ้าลบ วตั ถชุ นิดหนึง่ ๆ ประกอบดว้ ยอะตอมจานวนมาก แต่ละอะตอมมีนิวเคลียส ซง่ึ ภายในนิวเคลียสมีอนภุ าคทม่ี ีประจุ ไฟฟ้าบวก เรียกว่า โปรตอน และอนุภาคที่เป็นกลางทางไฟฟ้า เรียกว่า นิวตรอน โดยมีอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าลบเรียกว่า อิเล็กตรอน เคล่ือนท่ีรอบนิวเคลียส อะตอมที่มีจานวนโปรตอนและจานวนอิเล็กตรอนเท่ากันจะเป็นกลางทางไฟฟ้า ประจุ ไฟฟ้าไมม่ ีการสญู หาย และไมม่ ีการสร้างขน้ึ ใหม่ แต่ประจไุ ฟฟ้าสามารถถ่ายโอนจากที่หนึ่งไปยังอีกท่ีหน่ึงได้ เม่อื นาวัตถุมา ขัดถูกัน จะมีการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าลบ หรืออิเล็กตรอน จากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่ง วัตถุท่ีเสียประจุไฟฟ้าลบไป จะมี ประจุไฟฟ้าบวกมากกว่า ถือว่าวัตถุนั้นมีประจุไฟฟ้าบวก ส่วนวตั ถุท่ีรับประจุไฟฟ้าลบไปจะมีประจุไฟฟ้าลบมากกว่า ถอื ว่า วัตถุนน้ั มปี ระจไุ ฟฟ้าลบ เชน่ เมือ่ ถแู ท่งแก้วกับผา้ แพร แท่งแกว้ จะมปี ระจุไฟฟ้าบวก ส่วนผา้ แพรจะมีประจุไฟฟ้าลบ เม่ือนาวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกันเข้าใกล้กัน จะเกิดแรงระหว่างประจุไฟฟ้าที่ทาให้เกิดการผลักซ่ึงกันและ กัน แต่ถ้านาวัตถุท่ีมีประจุไฟฟ้าชนิดตรงข้ามกันเข้าใกล้กัน จะเกิดแรงระหว่างประจุไฟฟ้าที่ทาให้เกิดการดึงดูดซ่ึงกันและ กัน เมื่อนาแท่งแก้วที่มีประจุไฟฟ้าบวกเข้าใกล้วัตถุเบา ๆ เช่น กระดาษเย่ือ แท่งแก้วจะดึงดูดวัตถุเบา ๆ ได้โดยประจุ ไฟฟ้าบวกในแท่งแก้วจะมีแรงดึงดูดประจุไฟฟ้าลบในวัตถุน้ัน ทาให้ประจุไฟฟ้าลบของวัตถุน้ันอยู่ใกล้แท่งแก้วมากกว่า ประจุไฟฟ้าบวกท่ีอยู่ไกลแท่งแก้ว แท่งแก้วจึงดึงดูดวัตถุเบา ๆ นน้ั ได้ แท่งแก้ว ประจไุ ฟฟ้าท่ถี ูกเหน่ยี วนา การนาวัตถุท่ีมีประจุไฟฟ้าเข้าใกล้วัตถุหนึ่งท่ีเป็นกลางทางไฟฟ้า แล้วทาให้เกิดประจุไฟฟ้าชนิดตรงกันข้ามบน วตั ถุท่เี ปน็ กลางทางด้านท่ีอยู่ใกลว้ ัตถุทีม่ ีประจุไฟฟ้า เรียกว่า เกดิ การเหนี่ยวนาไฟฟ้า พีวีซี (PVC: โพลี ไวนิล คลอไรด์) และเปอร์สเปกซ์ (Perspex หรือพลาสติกชนิดโพลิเมทิลเมทาครีเลต) เป็น พลาสติกเหมือนกัน แต่ผลิตขึ้นมาจากสารที่แตกต่างกันจึงทาให้พีวีซีและเปอร์สเปกซ์มีสมบัติต่างกัน เช่น เปอร์สเปกซ์มี สมบัติเด่นในเร่ืองความเหนียว (toughness) ความโปร่งใส (transparent) ในขณะที่พีวีซีมีสมบัติเด่นเร่ืองความยืดหยุ่น เม่ือสมบัติของวัสดุท้ัง 2 ชนิดน้ีต่างกัน ความสามารถในการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าจึงแตกต่างกันด้วย โดยเมื่อถูวัสดุท้ังสอง ด้วยกระดาษเยื่อ ประจไุ ฟฟ้าบนวสั ดทุ ้ังสองจะตา่ งกนั ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ิต 242 เร่ืองที่ 2 พลงั งานไฟฟา้ เร่ืองน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอ่ืน การผลิตไฟฟ้า แหล่ง พลังงานที่ใช้ผลติ ไฟฟ้า รวมถงึ การใช้ไฟฟา้ อย่างประหยัดและปลอดภัย จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สารวจและอธบิ ายผลของไฟฟ้าทีม่ ีต่อการทางานของเครื่องใช้ไฟฟา้ 2. สารวจและระบุการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอ่ืนของ เครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ 3. สารวจและอธบิ ายเก่ียวกับการผลติ ไฟฟา้ 4. สืบค้นข้อมูลและจาแนกแหลง่ พลังงานทใี่ ชผ้ ลิตไฟฟา้ 5. สืบค้นข้อมูลและอธิบายเก่ียวกับการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและ ปลอดภัย เวลา 6 ชัว่ โมง วัสดุ อปุ กรณส์ าหรับทากจิ กรรม ถา่ นไฟฉาย หลอดไฟฟา้ พรอ้ มฐานหลอด สายไฟฟา้ มอเตอร์ไฟฟ้าพรอ้ มใบพดั เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ชุดสาธิตไดนาโม สื่อการเรยี นรู้ หน้า 79 – 92 หน้า 111 – 125 1. หนังสือเรียน 2. แบบฝึกหัด แนวการจัดการเรยี นรู้ (1 ช่วั โมง) ข้ันตรวจสอบความรู้ (5 นาที) 1. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อเร่ือง จากน้ันครูใช้คาถามเพื่ออภิปรายกับ นักเรียน ดงั น้ี 1.1 ในแต่ละวัน นักเรียนมีการใช้ไฟฟ้าบ้างหรือไม่ และใช้ทา อะไรบา้ ง (นักเรียนตอบไดต้ ามความเข้าใจของตวั เอง) 1.2 ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีไฟฟ้าใช้ นักเรียนคิดว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง (นักเรยี นตอบไดต้ ามความเข้าใจของตัวเอง) 2. ครใู ห้นกั เรยี นตอบคาถามชวนคดิ โดยครูเขยี นคาตอบของนกั เรียน บนกระดานเพ่ือกลับมาเปรียบเทียบกับคาตอบหลังจากอ่านเน้ือ เร่อื งแลว้ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook