Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ป.3 สสวท

ป.3 สสวท

Published by patteenee21, 2020-05-11 01:25:14

Description: ป.3 สสวท

Search

Read the Text Version

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ิต 42 นักเรยี นบนั ทกึ ตามท่ีได้อภปิ ราย เช่น น้า ใชด้ มื่ ใช้ในการเพาะปลูก สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

43 คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ติ นกั เรียนตอบตามทไี่ ด้สืบคน้ ข้อมูล เชน่ การใช้น้าในการชาระล้าง แลว้ ปลอ่ ย กลับสูแ่ หล่งน้า ทาใหน้ า้ เสีย นกั เรียนตอบตามท่ีบนั ทกึ เช่น น้า ดิน นักเรยี นตอบตามที่บันทึก เช่น ใชใ้ นการเพาะปลกู ใชด้ ืม่ ใช้กิน ใช้ทาเคร่ืองใช้ ใช้ทาที่อยู่อาศยั นกั เรยี นตอบตามท่ีบันทึก เช่น ใช้น้าแล้วทาใหน้ า้ เน่าเสีย ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชีวติ 44 นักเรียนตอบตามท่ีบนั ทกึ เช่น ทรัพยากรธรรมชาตใิ นท้องถิ่นมีหลายอยา่ ง เช่น นา้ อากาศ ปา่ ไม้ มนุษยใ์ ช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตมิ ากมาย เช่น ใชเ้ ปน็ อาหาร ใชท้ าเครอื่ งใช้ ใชท้ าท่ีอยู่อาศยั ใชใ้ นการเพาะปลกู และคนในท้องถ่นิ มีการใชท้ รัพยากรธรรมชาติบางอย่างแลว้ ทาให้เกิดปญั หาสง่ิ แวดล้อม เชน่ น้าเสยี อากาศเปน็ พิษ คนในทอ้ งถ่ินมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติหลายดา้ น และมีการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ระมัดระวังจนกอ่ ให้เกิดปญั หาสิ่งแวดลอ้ มในท้องถนิ่ ตามมา ครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรียนฝึกต้ังคาถามเกยี่ วกับเร่อื งท่สี งสัย หรืออยากรูเ้ พิ่มเติม หรอื สิง่ ทยี่ ังไม่เข้าใจจากการทากิจกรรมในหอ้ งเรียน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

45 คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชวี ิต แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรขู้ องนักเรียนทาได้ ดงั นี้ 1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในช้ันเรียน 2. ประเมินการเรยี นร้จู ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และแบบฝกึ หัด 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากการทากิจกรรมของนักเรียน การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 2.1 ในทอ้ งถ่นิ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างไร ระดับคะแนน 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถึง ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้ สิ่งทป่ี ระเมิน คะแนน 6. การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมูล 8. การลงความเห็นจากข้อมลู 13. การตคี วามหมายข้อมลู และการลงข้อสรุป รวมคะแนน ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 6. การจดั กระทา นาเสนอข้อมูลท่ีไดจ้ ากการ นาเสนอข้อมลู ที่ได้จากการ ไมส่ ามารถนาเสนอข้อมลู ที่ และส่อื ความหมาย สารวจการใช้ สารวจการใช้ ไดจ้ ากการสารวจการใช้ ขอ้ มูล ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถ่ิน ทรพั ยากรธรรมชาติในทอ้ งถน่ิ ทรพั ยากรธรรมชาติใน และการสืบค้นข้อมลู การใช้ และการสบื คน้ ข้อมลู การใช้ ทอ้ งถ่นิ และการสืบคน้ ข้อมลู ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่นิ ที่ ทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถิ่นท่ี การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติใน กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาส่ิงแวดลอ้ มให้ ก่อใหเ้ กิดปัญหาสิ่งแวดลอ้ มให้ ท้องถน่ิ ทีก่ ่อใหเ้ กิดปญั หา ผู้อน่ื เข้าใจง่ายและชัดเจนได้ ผอู้ ืน่ เขา้ ใจง่ายและชดั เจนจาก สง่ิ แวดล้อมให้ผอู้ ืน่ เขา้ ใจง่าย ด้วยตนเอง ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชีวิต 46 ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 8. การลงความเห็น จากข้อมลู เพ่มิ เติมความคิดเห็นเกี่ยวกับ การช้ีแนะของครหู รือผูอ้ ่นื และ และชัดเจนแมว้ า่ ครหู รือผอู้ ่ืน การใชท้ รัพยากรธรรมชาติและ 13. การ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติใน เพิม่ เติมความคิดเหน็ ช่วยแนะนาหรอื ชแ้ี นะ ตคี วามหมายข้อมลู ท้องถิ่นที่ก่อใหเ้ กดิ ปัญหา และการลงข้อสรปุ สิ่งแวดล้อมได้อยา่ งถกู ต้องได้ เพม่ิ เติมความคิดเหน็ เกย่ี วกับ ไม่สามารถเพิ่มเติมความ ด้วยตนเอง การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละ คดิ เหน็ เกี่ยวกบั การใช้ ตีความหมายข้อมูลจากการ อภปิ รายและสืบค้นขอ้ มลู และ การใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ น ทรัพยากรธรรมชาติและการ ลงข้อสรุปไดด้ ว้ ยตนเอง ว่า ทรพั ยากรธรรมชาตเิ ปน็ สงิ่ ที่ ท้องถิ่นทก่ี ่อใหเ้ กดิ ปญั หา ใชท้ รัพยากรธรรมชาตใิ น เกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติและ มนษุ ยน์ ามาใช้ประโยชน์ในดา้ น ส่ิงแวดลอ้ มได้อย่างถูกต้องโดย ทอ้ งถิน่ ที่ก่อให้เกิดปญั หา ต่าง ๆ เช่น การเพาะปลกู หาก ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติอย่างไม่ อาศยั คาแนะนาของครูหรอื สง่ิ แวดลอ้ มได้อย่างถกู ต้อง ระมดั ระวังจะก่อใหเ้ กดิ ปญั หา ส่ิงแวดลอ้ ม ผู้อื่น แมว้ ่าครูหรือผู้อื่นช่วยแนะนา หรอื ชแ้ี นะ ครหู รอื ผอู้ น่ื ต้องช่วยแนะนา ไม่สามารถตีความหมาย หรือชีแ้ นะจึงจะสามารถ ข้อมลู จากการอภปิ รายและ ตคี วามหมายข้อมูลจากการ สบื คน้ ขอ้ มูล และลงข้อสรปุ อภิปรายและสืบคน้ ขอ้ มูล และ ไดว้ ่าทรัพยากรธรรมชาตเิ ปน็ ลงข้อสรุปได้วา่ สิ่งที่เกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาติเปน็ ส่งิ ที่ และมนุษย์นามาใช้ประโยชน์ เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาตแิ ละ ในด้านต่าง ๆ เช่น การ มนษุ ย์นามาใช้ประโยชน์ในดา้ น เพาะปลูก หากใช้ ตา่ ง ๆ เชน่ การเพาะปลูก หาก ทรพั ยากรธรรมชาติอย่างไม่ ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติอยา่ งไม่ ระมดั ระวงั จะก่อใหเ้ กดิ ระมดั ระวังจะก่อใหเ้ กิดปญั หา ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม สิง่ แวดล้อม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

47 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชีวิต กจิ กรรมท่ี 2.2 ใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคุ้มคา่ ไดอ้ ย่างไร กจิ กรรมนี้นักเรยี นจะไดอ้ ภปิ รายและนาเสนอเกีย่ วกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งประหยัดและคุ้มค่า เวลา 2 ช่วั โมง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ อภปิ รายและนาเสนอการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อยา่ งประหยดั และคมุ้ ค่า วัสดุ-อุปกรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม สง่ิ ทค่ี รตู ้องเตรยี ม/กลมุ่ - สิ่งทนี่ ักเรียนต้องเตรยี ม - ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การจัดกระทาและส่อื ความหมายข้อมลู การลงความเห็นจากข้อมลู การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป แนวการจดั การเรียนรู้ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบคาถาม หรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ คุณครู 1. ครูตรวจสอบความรู้ของนักเรียนเก่ียวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ควรให้เวลานักเรียนคิดอย่างเหมาะสม โดยน ารู ปทรั พยากรธรรมชาติ ท่ี อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ แ ล ะ รู ป ร อ ค อ ย อ ย่ า ง อ ด ท น แ ล ะ รั บ ฟั ง ทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรม เช่น ภูเขาท่ีมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ แนวความคิดของนักเรียน และภเู ขาหวั โล้น มาให้นกั เรียนสงั เกต และใช้คาถาม ดังนี้ 1.1 จากรูปมที รัพยากรธรรมชาติอะไรบ้าง (ปา่ ไม้ ดิน หนิ ) อยา่ ลมื นะ! 1.2 รูปท้ัง 2 รูปมีอะไรแตกต่างกันบ้าง (นักเรียนตอบตามความ เข้าใจ เช่น รูปหน่ึงมีป่าไม้เต็มภูเขา อีกรูปไม่มีป่าไม้ กลายเป็นภูเขาหัวโล้น) 1.3 นักเรียนคิดว่าก่อนท่ีจะเป็นภูเขาหัวโล้น ภูเขาตรงน้ีเคยเป็น อยา่ งไร (เคยมีต้นไม)้ 1.4 นักเรียนคิดว่าต้นไม้ในรูปภูเขาหัวโล้นหายไปได้อย่างไร (หายไปจากการที่มนุษย์ตัดไมท้ าลายป่า) ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกับชวี ิต 48 1.5 ทาอย่างไรเพื่อไม่ให้ภูเขาท่ีมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์กลายเป็นเขา นักเรียนอาจไม่สามารถตอบคาถาม หัวโล้น (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ไม่ตัด หรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ คุณครู ไม้ทาลายป่า ใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่างประหยัดและคุ้มคา่ ควรให้เวลานักเรียนคิดอย่างเหมาะสม และควรปลกู ตน้ ไมท้ ดแทน) ร อ ค อ ย อ ย่ า ง อ ด ท น แ ล ะ รั บ ฟั ง แนวความคิดของนักเรยี น 2. ครูชักชวนให้นักเรียนหาคาตอบว่าสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไรให้ประหยัดและคุ้มค่า โดยให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 12 อ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น จากนั้นตรวจสอบ ความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับส่ิงที่จะเรียน โดยใช้คาถาม ดงั ต่อไปนี้ 2.1 กิ จ ก ร ร ม น้ี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด้ เ รี ย น เ รื่ อ ง อ ะ ไ ร ( ก า ร ใ ช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยดั และคุ้มค่า) 2.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่อื งนี้ด้วยวธิ ีใด (การอภิปราย) 2.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (สามารถนาเสนอการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งประหยดั และคุ้มคา่ ) 3. ครูให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 12 โดยครู เลือกใช้วิธีฝึกอ่านตามความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูและ นักเรียนร่วมกันอภิปรายข้ันตอนการทากิจกรรม โดยครูอาจใช้ คาถาม ดงั น้ี 3.1 มีเร่ืองเก่ียวกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติเรื่อง อะไรบ้าง (มี 3 เร่ือง คือ 1. พลาสติกใช้ง่าย สลายยาก 2. กระดาษจากตน้ ไม้ และ 3. ท่มี าของดินสอ) 3.2 นักเรียนต้องอ่านเรื่องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาตกิ ี่เร่อื ง (เลอื กอ่าน 1 เรอ่ื ง) 3.3 หลังจากอา่ นแลว้ นักเรียนต้องทาอะไร (นาเสนอเรอ่ื งที่อ่านให้ นา่ สนใจ) (6) 3.4 นกั เรยี นตอ้ งอภิปรายจากเร่ืองที่อ่านในหัวข้อใดบ้าง (มีการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติใดบ้าง และใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้ันให้ ประหยัดและคมุ้ คา่ อย่างไร) 3.5 การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้ประหยัดและคุ้มค่าทาได้ อย่างไรบ้าง (ลดการใช้ โดยการใช้ของเท่าที่จาเป็นและใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ซ้าเป็นการใช้ของหลาย ๆ คร้ัง ให้คุ้มค่าที่สุด นากลับมาใช้ใหม่เป็นการแปรรูปเป็นของใหม่ แล้วนากลับมาใช้ และเลี่ยงการใช้เป็นการไม่เลือกใช้ของที่ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

49 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ิต ใ ช้ ไ ด้ เ พี ย ง ค รั้ ง เ ดี ย ว แ ล ะ ข อ ง ท่ี ท า ใ ห้ เ กิ ด ผ ล เ สี ย ต่ อ การเตรียมตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู สง่ิ แวดล้อม) เพอ่ื จดั การเรียนรใู้ นครง้ั ถัดไป ครูควรอภิปรายพร้อมยกตัวอย่างท่ีทาให้นักเรียนเข้าใจคาว่า ลดการใช้ ใชซ้ า้ นากลบั มาใช้ใหม่ และเลีย่ งการใช้ ในคาบถัดไ ป นักเรียนจะ ไ ด้ ท า 4. จากนัน้ ครใู หน้ ักเรียนทากิจกรรม โดยการสุม่ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม กิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียนและ อ่านเร่ืองเก่ียวกับการใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติกลมุ่ ละ ฝกึ ฝนตนเอง 1 เรอ่ื ง 5. เมื่อนักเรียนอ่านเรื่องเสร็จแล้ว หรือให้นักเรียนอ่านล่วงหน้า ครูอาจให้นักเรียนเลือกทบทวนสิ่งท่ีได้ มาแลว้ ครใู ห้แต่ละกลุม่ นาเสนอเรอื่ งที่อา่ น (6) เ รี ย น รู้ ม า ทั้ ง ห ม ด ใ น ห น่ ว ย ท่ี 1 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายในข้อท่ี 3.1 และ 3.2 จนได้ ทรัพยากรธรรมชาติกับชวี ติ ขอ้ สรุปและนาเสนอผลการอภิปราย (8) (13) 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายโดยอาจใชค้ าถามดงั ต่อไปน้ี 7.1 ในเร่ืองพลาสตกิ ใช้งา่ ยสลายยาก มกี ารใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ อะไรบา้ ง (ปิโตรเลยี ม) 7.2 นักเรียนมีวิธีการใช้ปิโตรเลียมอย่างประหยัดและคุ้มค่าได้ อย่างไร (นักเรียนตอบตามที่ได้อภิปราย เช่น ใช้ถุงพลาสติก ซ้าหลาย ๆ ครั้ง ลดการใชโ้ ดยใชถ้ ุงผ้าหรือตะกรา้ แทน) 7.3 ในเรื่องกระดาษจากต้นไม้ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อะไรบา้ ง (ตน้ ไม)้ 7.4 นักเรียนมีวิธีการใช้กระดาษอย่างประหยัดและคุ้มค่าได้ อย่างไร (นักเรียนตอบตามท่ีได้อภิปราย เช่น นากระดาษ กลบั มาใชใ้ หม)่ 7.5 ในเร่ืองที่มาของดินสอ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอะไรบ้าง (แกรไฟต์ ยาง ดนิ เหนียว แร่พลวง และไมซ้ ดี าร)์ 7.6 ในการทาดินสอมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด และค้มุ ค่าได้อย่างไร (นักเรยี นตอบตามท่ีได้อภปิ ราย เช่น ใช้ ดนิ สอใหห้ มดแทง่ ) 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่าจากเรื่องท่ีอ่านมีการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อนามาทาเป็นพลาสติก กระดาษ และ ดินสอ ดังน้ันจึงควรใช้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่าน้ีอย่างประหยัด และคุ้มค่า โดยลดการใช้ ใช้ซ้า นากลับมาใช้ใหม่ หรือเล่ียงการใช้ เพอื่ ท่จี ะได้มีทรัพยากรธรรมชาตใิ ชไ้ ด้นาน (13) ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชีวิต 50 9. ครใู ห้นักเรียนตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร ในแบบฝึกหัดหนา้ 25 โดย ครูใหเ้ วลานกั เรียนตอบคาถามในเวลาทเี่ หมาะสม 10. ครูให้นักเรียนอ่านคาถามใน อยากรู้อีกว่า ในแบบฝึกหดั หนา้ 26 เป็นตัวอย่างแล้ว เขียนคาถามที่อยากรู้เก่ียว กับก าร ใช้ ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งประหยัดและคุ้มค่าคนละ 1 คาถาม 11. ครูให้นักเรียน ตรว จ ส อบ ตน เ องว่ า ได้ ท า อ ะ ไรเ ห มื อ น นกั วทิ ยาศาสตร์บา้ ง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

51 คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ติ แนวคาตอบในแบบฝึกหัด อภปิ รายและนาเสนอการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งประหยดั และคุ้มคา่ เช่น พลาสติกใช้ง่าย สลายยาก ปิโตรเลยี ม ใชถ้ งุ พลาสติกเท่าท่ีจาเปน็ ใช้ถงุ พลาสติกซา้ หลาย ๆ คร้ัง - ไมใ่ ช้ถุงพลาสติก แต่ใชถ้ ุงผา้ หรอื ตะกร้าแทน ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชีวติ 52 ปโิ ตรเลยี ม ตน้ ไม้ แกรไฟต์ ยาง ดนิ เหนียว แร่พลวง และไมซ้ ดี าร์ ลดการใช้ เป็นการใชข้ องเท่าที่จาเปน็ และใช้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ใชซ้ า้ เปน็ การใช้ของหลาย ๆ ครัง้ ใหค้ ุ้มคา่ ท่ีสุด นากลบั มาใชใ้ หม่ เป็นการแปรรปู เป็นของใหม่แล้วนากลบั มาใช้ และเลยี่ ง การใช้เป็นการไม่เลือกใช้ของทใี่ ชเ้ พียงคร้งั เดยี ว และของทที่ าให้เกิดผลเสยี ต่อส่ิงแวดลอ้ ม วิธกี ารใช้ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างประหยัดและคมุ้ คา่ มีหลายวธิ ี 1. ลดการใช้ เชน่ ใชถ้ ุงพลาสตกิ เท่าทจี่ าเป็น 2. ใช้ซ้า เช่น ใช้กระดาษซ้าหลาย ๆ ครง้ั 3. นากลับมา ใชใ้ หม่ เช่น การนากระดาษไปแปรรูป 4. เลี่ยงการใช้ เชน่ ใชถ้ งุ ผ้าแทนถุงพลาสตกิ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

53 คู่มือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ิต วิธกี ารใช้ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างประหยัดและคุ้มคา่ ทาไดโ้ ดยลดการใช้ ใช้ซ้า นากลับมาใชใ้ หม่ และเลีย่ งการใช้ ครกู ระตุ้นใหน้ กั เรยี นฝกึ ตั้งคาถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีสงสัย หรืออยากรเู้ พ่ิมเตมิ หรือส่งิ ทยี่ ังไมเ่ ขา้ ใจจากการทากิจกรรมในหอ้ งเรียน ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชีวิต 54 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้ของนกั เรยี นทาได้ ดังน้ี 1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรียน 2. ประเมินการเรียนรู้จากคาตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนร้แู ละแบบฝกึ หัด 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จากการทากิจกรรมของนักเรียน การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 2.2 ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคมุ้ คา่ ได้อยา่ งไร ระดับคะแนน 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ ส่ิงทป่ี ระเมนิ คะแนน 6. การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู 8. การลงความเห็นจากขอ้ มลู 13. การตีความหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรปุ รวมคะแนน ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดงั นี้ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้ 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ ทกั ษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 6. การจดั กระทา นาเสนอข้อมลู ที่ได้จากการอ่าน นาเสนอข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการอ่าน ไมส่ ามารถนาเสนอข้อมูลท่ี และสื่อความหมาย และการอภปิ รายวธิ กี ารใช้ และการอภปิ รายวิธกี ารใช้ ไดจ้ ากการอ่านและการ ข้อมูล ทรัพยากรธรรมชาติให้ประหยัด ทรัพยากรธรรมชาติให้ประหยัด อภิปรายวธิ ีการใช้ และค้มุ ค่า ใหผ้ ู้อื่นเขา้ ใจง่ายและ และคมุ้ คา่ ให้ผู้อ่นื เขา้ ใจง่าย ทรพั ยากรธรรมชาติให้ ชดั เจนได้ดว้ ยตนเอง และชัดเจนจากการชแ้ี นะของ ประหยัดและค้มุ ค่า ให้ผ้อู ่นื ครูหรอื ผอู้ นื่ และเพ่ิมเติมความ เข้าใจงา่ ยและชดั เจนแมว้ า่ ครู คิดเห็น หรอื ผูอ้ น่ื ชว่ ยแนะนาหรือ ช้แี นะ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

55 คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.1 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรสู้ ิ่งต่าง ๆ รอบตัว ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 8. การลงความเหน็ เพ่ิมเติมความคิดเหน็ เกยี่ วกับ เพมิ่ เติมความคิดเหน็ เก่ียวกบั ไม่สามารถเพิ่มเตมิ ความ จากข้อมลู การใช้ทรพั ยากรธรรมชาติให้ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้ คิดเหน็ เกยี่ วกบั การใช้ ประหยดั และคมุ้ ค่าได้อย่าง ประหยัดและคุ้มค่าได้อยา่ ง ทรัพยากรธรรมชาติให้ ถูกต้องได้ด้วยตนเอง ถกู ต้องโดยอาศัยคาแนะนาของ ประหยดั และค้มุ ค่าได้อยา่ ง ครูหรอื ผ้อู น่ื ถกู ต้องแม้วา่ ครหู รือผูอ้ น่ื ชว่ ย แนะนาหรือชแี้ นะ 13. การ ตีความหมายข้อมูลจากการอ่าน ครหู รอื ผู้อ่นื ตอ้ งช่วยแนะนา ไมส่ ามารถตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล และอภิปราย และลงขอ้ สรปุ ได้ด้วย หรือชีแ้ นะจงึ จะสามารถ ตคี วามหมายข้อมูลจากการ และลงข้อสรปุ ตนเองว่าการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ตีความหมายข้อมูลจากการอ่าน อา่ นและการอภิปราย และลง และการอภิปราย และลง ข้อสรุปได้ว่าการใช้ ให้ประหยัดและปลอดภัยทาได้โดย ข้อสรุปได้วา่ การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติให้ ลดการใช้ ใช้ซ้า นากลับมาใช้ใหม่ ทรัพยากรธรรมชาติให้ประหยัด ประหยดั และปลอดภยั ทาได้ และเล่ยี งการใช้ และปลอดภัยทาได้โดยลดการ โดยลดการใช้ ใชซ้ า้ นา ใช้ ใชซ้ า้ นากลับมาใชใ้ หม่ และ กลับมาใชใ้ หม่ และเลย่ี งการ เลี่ยงการใช้ ใช้ แมว้ ่าครหู รือผอู้ น่ื ชว่ ย แนะนาหรือชแี้ นะ ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรสู้ ิง่ ต่าง ๆ รอบตัว 56 สรุปบทท่ี 1 สง่ิ มชี ีวติ กบั ทรพั ยากรธรรมชาติรอบตัว แนวการสรุปท้ายบท 1. นักเรียนร่วมกันอ่านในใจฉันเรียนรู้อะไรเก่ียวกับสิ่งมีชีวิตกับ ทรัพยากรธรรมชาติรอบตัวในหนังสือเรียนหน้า 17 กลับไปทา กจิ กรรมสารวจความรกู้ อ่ นเรยี น ในแบบฝึกหดั หน้า 10-11 2. นักเรียนทากิจกรรมฝึกฝนตนเอง และแบบฝึกหัดท้ายหน่วย จากน้ันครูนาอภิปรายโดยให้นักเรียนนาเสนอแนวคาตอบของ ตนเอง หากนักเรียนยังมีแนวคิดคลาดเคล่ือนให้ครูแก้ไขแนวคิด นั้นใหถ้ ูกต้อง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

57 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรยี นรสู้ ่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั แนวคาตอบในฝึกฝนตนเอง สงิ โตกินมา้ ลายเปน็ อาหาร จระเข้กนิ น้าและใช้น้าเป็นที่อยู่อาศยั งูกับต้นไม้ กวางกับน้า งูอาศัยอยบู่ นตน้ ไม้ กวางกินน้า กระตา่ ยกับหญ้า ต้นไม้ หญ้า กบั ดนิ กระตา่ ยกนิ หญา้ เป็นอาหาร ตน้ ไม้ หญา้ ดดู นา้ และธาตอุ าหารทอ่ี ย่ใู นดนิ และใชห้ ญา้ เป็นท่ีอยู่อาศัย และเลีย้ งดลู กู ออ่ น ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.1 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรู้สง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว 58 คาตอบมีไดห้ ลากหลาย เช่น อาจอยรู่ อดได้ เพราะต๊กั แตนอาจปรบั สใี ห้เขา้ กบั สขี องใบไม้ทเ่ี ปลย่ี นไป หรืออาจไมร่ อด เนอ่ื งจากตก๊ั แตนไม่มีการปรบั ตัวทาให้ คนเหน็ ไดง้ า่ ยจึงถกู จับไปขาย ลักษณะของหน้า ใบหู จมกู ขน หาง และสีขน สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

59 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนร้สู ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว ลักษณะลาตน้ ใบ ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 การเรียนร้สู ิ่งต่าง ๆ รอบตวั 60 ให้โยงเสน้ จับควู่ ธิ กี ารใชท้ รพั ยากรธรรมชาตกิ ับตัวอยา่ งการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติใหถ้ ูกต้อง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

61 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั ได้ เพราะการเรืองแสงเปน็ ลกั ษณะทางพันธกุ รรม คาตอบมีไดห้ ลากหลาย เชน่ ใช้ไมพ้ ะยงู เท่าท่จี าเปน็ มีการปลกู ทดแทนหรอื ปลูกเพิ่มขึ้น ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.1 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 การเรยี นรู้สิง่ ตา่ ง ๆ รอบตัว 62 ชิ้นงานข้นึ อยกู่ ับแนวคดิ ของนกั เรยี น สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

63 คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนร้สู ่งิ ต่าง ๆ รอบตวั 1. แนวคาตอบในแบบฝึกหดั ทา้ ยหนว่ ย ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 การเรยี นรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตวั 64 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

65 คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.1 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 การเรียนรสู้ ิ่งต่าง ๆ รอบตวั ต้นไม้เปน็ ท่ีอยู่อาศยั และแหลง่ อาหารของนก หนเู ปน็ อาหารของงู ตน้ ไม้เปน็ ท่ีอยู่อาศัยของ กวาง หญา้ เป็นอาหารของกวาง ของป่า ข้าวโพด กะหลา่ ปลี และปลาเปน็ อาหารของคน หินเปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั ของงู ลาธารเป็นทอ่ี ย่อู าศัยของปลา อพยพหนไี ป หรือตาย หรือมีการปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมเพื่อใหส้ ามารถดารงชวี ิตใน พนื้ ท่ที ไ่ี ม่มีป่าได้ การเผาปา่ ทาให้เกดิ ปัญหาส่งิ แวดล้อม โดยเม่อื ไม่มปี ่าอาจส่งผลให้เกิดน้าป่าไหลหลาก ทาใหเ้ กดิ นา้ ทว่ มในช่วงทีม่ ีฝนตกชกุ หรอื เกิดภยั แลง้ ในชว่ งฤดหู นาวและฤดรู อ้ น ตน้ ไม้ สัตว์ปา่ เช่น นก งู กวาง ปลา และของปา่ ไม่ เพราะใช้ประโยชน์จากต้นไมเ้ พยี งสร้างบ้านไม่คุ้มคา่ และเผาปา่ เพอื่ ต้องใช้พื้นที่ เพาะปลูกเปน็ การใช้พ้ืนที่ปา่ อย่างไม่เหมาะสม ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

67 คูม่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ หน่วยท่ี 2 น้ำ อำกำศ กบั ชีวิต ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวิต 68 ลา้ ดบั แนวคดิ ส้าคญั หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวิต หากแบ่งพื้นผวิ โลกออกเป็น 4 ส่วน จะพบว่ามีพ้ืนน้าปกคลมุ 3 ส่วน และพ้นื ดนิ ปกคลมุ 1 ส่วน หากแบ่งนา้ บนโลกเป็น 100 สว่ น จะพบว่าเป็นน้าเค็ม 97 สว่ น และน้าจืด 3 ส่วน น้าจืดที่มนุษยน์ ้ามาใชไ้ ดม้ ปี รมิ าณน้อยมาก จึงต้องใชน้ ้าอยา่ งประหยัดและคุ้มคา่ น้าบนโลกมที ง้ั สถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ พันธกุ รรม น้ามนี า้ หนกั เปลี่ยนแปลงรูปร่างตามภาชนชะนทิดีบ่นรน้ั รจุ รกั ษาระดบั ผิวหนา้ ใหอ้ ยู่ระดับเดียวกัน และไหลจากที่สงู ลงสูท่ ีต่ ่า้ เสมอ อากาศเป็นแกส๊ ไม่มีสี ไม่มีกลิน่ มนี า้ หนัก ต้องการท่ีอยู่ อากาศประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซเิ จน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ และแกส๊ อ่ืน ๆ นอกจากน้ี อากาศยังมีไอนา้ และฝุ่นละออง ความแตกต่างระหว่างอณุ หภมู ิของอากาศ 2 บรเิ วณทีอ่ ยใู่ กล้เคยี งกันจะท้าให้อากาศเกิดการเคลื่อนที่ อากาศท่ีเคลือ่ นที่เรยี กวา่ ลม ซง่ึ เคล่อื นที่ไดท้ ้ังตามแนวราบและตามแนวด่ิง ลมมีท้ังประโยชน์และโทษตอ่ มนุษย์ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

69 ค่มู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวิต บทที่ 1 น้าและสมบัตขิ องน้า แนวคิดส้าคัญ พ้ืนผิวโลกมีน้าปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเกือบท้ังหมดเป็นน้าเค็ม ส่วนน้าจืดท่ีน้ามาใช้ได้มีปริมาณน้อยมาก จึงต้องใข้อย่างประหยัดและ คุ้มค่า แหล่งน้าในท้องถิ่นอาจมีหลายแหล่งซ่ึงน้าในแต่ละแหล่งอาจมีสี กลิ่น และความโปร่งใสแตกต่างกัน ซึ่งน้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการ บอกคุณภาพเบ้ืองตน้ ของน้าได้ น้าบนโลกสามารถพบได้ทั้งของแข็ง ของเหลว และแก๊ส น้ามี น้าหนักเหมือนกับวัตถุอื่น ๆ ซ่ึงน้าหนักเป็นแรงท่ีโลกดึงดูดวัตถุให้ตก ลงสู่พื้นโลก ดังนั้นจึงไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่้า น้ารักษาระดับท้าให้ ผิวหน้าเรียบและอยู่ในแนวราบเสมอ น้าเปล่ียนรูปร่างตามภาชนะที่ บรรจุ และละลายสารได้หลายชนิด บทนี้มีอะไร เรือ่ งที่ 1 ความสา้ คญั ของนา้ อ่านเป็น แหลง่ น้า กิจกรรมท่ี 1.1 นา้ บนโลกมีอยเู่ ท่าใด กจิ กรรมท่ี 1.2 นา้ จากแหลง่ นา้ ในทอ้ งถ่นิ เป็นอย่างไร กจิ กรรมท่ี 1.3 ใชน้ ้าอย่างไรให้ประหยดั เร่ืองที่ 2 สมบตั ิของนา้ อา่ นเป็น น้าแข็ง น้า ไอน้า กิจกรรมท่ี 2.1 น้าแข็ง นา้ ไอนา้ มลี ักษณะอยา่ งไร กิจกรรมที่ 2.2 น้ามสี มบัติอย่างไร ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น หน้า 24-49 2. แบบฝกึ หดั หน้า 37-69 แหล่งเรียนรู้ 1. การประปานครหลวง http://www.mwa.co.th/main.php?filename=index 2. การประปาสว่ นภูมภิ าค http://www.pwa.co.th/ ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กบั ชีวิต 70 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมที่ แนวคิดคลาดเคล่ือน ครูควรฟังการสนทนาอภิปรายของนักเรียนอย่าง ที่ ทกั ษะ 1.1 1.2 1.3 2.1 2.2 ต่อเน่ือง พร้อมบันทึกแนวคิดของนักเรียนไว้ เพื่อท่ีจะจัดการเรียนรู้ให้สามารถแก้ไขแนวคิด 1. การสงั เกต   คลาดเคลือ่ นและตอ่ ยอดแนวคิดที่ถกู ต้อง 2. การวัด   3. การใช้ตวั เลข  แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น แนวคดิ ที่ถกู ตอ้ ง 4. การจ้าแนกประเภท น้าในโลกสามารถ น้าจืดที่มนุษย์น้ามาใช้ ใชไ้ ดไ้ มม่ วี ันหมด ได้มีอยูจ่ า้ กัด 5. การหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง  - สเปซกับสเปซ - สเปซกบั เวลา 6. การจดั กระท้าและ  ส่อื ความหมายข้อมูล 7. การพยากรณ์ / การคาดคะเน  8. การลงความเห็นจากขอ้ มลู   9. การต้ังสมมติฐาน 10. การกา้ หนดนิยามเชิงกจิ กรรม 11. การก้าหนดและควบคมุ ตัว แปร 12. การทดลอง 13. การตีความหมายขอ้ มูล  และการลงข้อสรปุ 14. การสร้างแบบจ้าลอง สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

71 คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 น้า อากาศ กับชีวติ บทนเ้ี ร่ิมตน้ อย่างไร (1 ชวั่ โมง) ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น ส้าคัญ และยังไม่เฉลยค้าตอบใด ๆ 1. ครูน้าเข้าสู่บทเรียนโดยครูอาจใช้วีดิทัศน์ รูปภาพ หรือสื่อต่าง ๆ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไป จากนั้นใช้ค้าถามเพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับน้า หาค้าตอบที่ถูกต้องในกิจกรรมต่าง ๆ ตัวอยา่ งค้าถาม เช่น ในบทเรียนน้ี 1.1 ส่ิงที่จ้าเป็นต่อการด้ารงชีวิตมีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบได้ตาม ความเขา้ ใจของตนเอง) 1.2 นา้ มคี วามส้าคัญอย่างไรบ้าง (นักเรยี นตอบได้ตามความเข้าใจ ของตนเอง) 1.3 ถ้าไม่มีน้าเราจะสามารถด้ารงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ (นักเรียนตอบ ไดต้ ามความเข้าใจของตนเอง) 1.4 แหล่งน้าที่พบบนโลกมีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบได้ตามความ เขา้ ใจของตนเอง) 1.5 แหล่งน้าที่เป็นน้าจืด มีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบได้ตามความ เขา้ ใจของตนเอง) 1.6 แหล่งน้าจืดที่มีอยู่ มนุษย์สามารถน้ามาใช้ได้ท้ังหมดหรือไม่ อย่างไร (นกั เรียนตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง) 1.7 น้ามสี มบัตอิ ะไรบา้ ง (นกั เรียนตอบไดต้ ามความเข้าใจของตนเอง) โดยครจู ดคา้ ตอบของนกั เรยี นแต่ยังไมเ่ ฉลยค้าตอบท่ีถกู ต้อง 2. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 25 อ่าน ชื่อหน่วย ช่ือบท และแนวคดิ สา้ คญั จากนน้ั ครูใช้วธิ กี ารสอนอ่านตามความเหมาะสม กับความสามารถของนักเรียน ใชค้ า้ ถามดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 ในบทเรยี นนจ้ี ะเรยี นเร่ืองอะไร (น้าและสมบัติของน้า) 2.2 ผิวโลกสว่ นใหญป่ กคลุมไปด้วยอะไร (น้า) 2.3 น้าสว่ นใหญ่ทป่ี กคลุมผวิ โลกน้ีเป็นนา้ อะไร (นา้ เค็ม ) 2.4 เพราะเหตุใดจึงต้องใช้น้าอยา่ งประหยัดและคุ้มค่า (เพราะน้าที่ นา้ มาใช้ไดม้ ีปริมาณน้อยมาก) 2.5 หากต้องการทราบคุณภาพเบื้องต้นของแหล่งน้าในท้องถ่ิน สามารถดูได้จากอะไรบ้าง (สี กล่ิน ความโปร่งใส สิ่งมีชีวิต ขนาดเล็กในนา้ ) 2.6 น้าบนโลกอยใู่ นสถานะใดได้บา้ ง (ของแข็ง ของเหลวและแก๊ส) 2.7 นา้ มสี มบตั ิอยา่ งไร (น้ามนี ้าหนกั ไหลจากที่สูงไปสทู่ ี่ต่า้ ผวิ หน้า เรียบและรักษาระดับเสมอ น้าเปล่ียนตามรูปร่างตามภาชนะท่ี บรรจแุ ละละลายสารได้หลายชนิด) ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กบั ชีวติ 72 3. ครูให้นักเรียนอ่านเน้ือเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 26 จากนั้นครูใช้ ค้าถามตรวจสอบความเขา้ ใจดังน้ี 3.1 เพราะเหตุใดโลกจึงมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ (โลกมีบรรยากาศ ห่อห้มุ และมนี ้า) 3.2 บรรยากาศทีห่ ่อหุ้มมีความส้าคัญอย่างไร (บรรยากาศ ท้าให้มี ลมฟ้าอากาศทีเ่ หมาะสมต่อการดา้ รงชวี ติ ) 3.3 เพราะเหตุใดเมื่อมองโลกจากอวกาศจึงเห็นโลกเป็นสีน้าเงิน (พน้ื ท่ผี ิวโลกสว่ นใหญป่ กคลุมดว้ ยนา้ ) 4. นกั เรยี นทา้ กิจกรรมสา้ รวจความร้กู ่อนเรียนในแบบฝึกหัดหนา้ 37 โดย อา่ น ทา้ เป็นคิดเปน็ ครูอาจตรวจสอบความเขา้ ใจโดยใช้ค้าถาม ดังนี้ 4.1 กจิ กรรมน้นี ักเรยี นจะได้เรยี นเรื่องอะไร (นา้ และสมบัตขิ องน้า) 4.2 ทา้ กิจกรรมนโี้ ดยวิธใี ด (อภปิ ราย) 4.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (บอกสิ่งท่ีรู้เกี่ยวกับน้า และสมบัตขิ องน้าได้) 5. นกั เรยี นอา่ นสง่ิ ทต่ี ้องใชแ้ ละท้าอยา่ งไรทีละข้อโดยครูอาจใช้ค้าถาม ต่อไปนี้ 5.1 กิจกรรมนี้นักเรียนต้องใช้อุปกรณ์อะไร (แบบจ้าลองศึกษา สมบตั ิของของเหลว) 5.2 ในตอนท่ี 1 นักเรียนต้องท้าอะไร (ตอบค้าถามเก่ียวกับน้าตาม ความเข้าใจของตนเอง) 5.3 ในตอนที่ 2 นักเรียนต้องท้าอะไรเป็นอันดับแรก (สังเกต แบบจ้าลอง) 5.4 จากน้นั นักเรียนจะต้องท้าอย่างไร (เลอื กรูปที่แสดงทิศทางการ ไหลและลา้ ดบั การไหลของน้าทถี่ ูกต้อง) 5.5 ในข้อที่ 2 นักเรียนต้องท้าอะไร (ระบายสีแสดงระดับผิวหน้า ของน้าในภาชนะแต่ละใบเมื่อน้าหยดุ ไหล) 5.6 ในข้อท่ี 3 นักเรียนต้องท้าอะไร (ระบายสีและขีดเส้นแสดง ระดับผิวหน้าของน้าในแต่ละภาชนะ เมื่อเอียงแบบจา้ ลอง) เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่านักเรียนเข้าใจ ให้นักเรียนท้ากิจกรรม สา้ รวจความรู้กอ่ นเรยี นและตอบค้าถามฉนั รอู้ ะไร 6. เม่ือนักเรียนน้าเสนอค้าตอบ ครูรับฟังค้าตอบของนักเรียนโดยยังไม่ เฉลยค้าตอบ แต่บันทึกค้าตอบของนักเรียนไว้เป็นข้อมูลเพ่ือใช้ใน การสอนต่อไป สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

73 คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ แนวค้าตอบในแบบฝกึ หัด ค้าตอบของนักเรียนในการส้ารวจความรูก้ ่อนเรยี นคร้งั แรก ขนึ้ อยกู่ ับความรเู้ ดิมของนักเรียน ซึง่ อาจเหมือนหรือแตกต่างจากแนวคา้ ตอบน้ไี ด้ และเมื่อกลบั มาสา้ รวจความรกู้ อ่ นเรียนอกี ครั้ง ควรได้ค้าตอบท่ถี ูกตอ้ ง 3 ✓ ✓ ✓ ✓ ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวิต 74 เป็นที่อยู่อาศยั เป็นที่หลบภัย เป็นอาหาร เป็นท่ีอยู่อาศยั เป็นอาหาร สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

75 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวติ ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กับชีวิต 76 นักเรียนตอบได้ตามเข้าใจของตนเอง นกั เรยี นตอบไดต้ ามเข้าใจของตนเอง นกั เรียนตอบไดต้ ามเข้าใจของตนเอง นกั เรยี นตอบได้ตามเข้าใจของตนเอง นกั เรยี นตอบได้ตามเขา้ ใจของตนเอง นกั เรียนตอบไดต้ ามเข้าใจของตนเอง นกั เรยี นตอบได้ตามเขา้ ใจของตนเอง สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

77 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ มพี ื้นน้าปกคลุม 3 ส่วน นา้ บนโลกสว่ นใหญเ่ ป็น นา้ เค็ม น้าที่มคี ุณภาพดคี วรมลี กั ษณะใส ไม่มีสี ไม่มีกลนิ่ เมอ่ื รนิ น้าสลี งภาชนะ ทิศทางการไหลของน้าจะไหลจากบนลงลา่ ง และน้าจะไหลไปในแนวราบตามทอ่ จนเต็มก้นภาชนะ เมอื่ น้าในภาชนะหยุดไหล ระดับผวิ หน้าของน้าในแต่ละภาชนะจะอยู่ ในระดับเดยี วกัน เม่ือเอียงแบบจา้ ลอง ระดับผิวหนา้ ของน้าจะรกั ษาระดับอยใู่ นแนวราบ เสมอกัน รปู ร่างของน้าในแต่ละภาชนะ จะเหมอื นรปู ร่างของภาชนะแต่ละใบ ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กบั ชีวติ 78 เรือ่ งที่ 1 ความสา้ คญั ของนา้ ในเรื่องนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับปริมาณของน้าบนผิวโลก ลักษณะของน้าในแหล่งน้าท้องถิ่น และการใช้น้าอย่าง ประหยดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ค้านวณส่วนท่ีเป็นพ้ืนดินและพื้นน้าเปรียบเทียบกับพื้นที่ผิวโลก ทัง้ หมด 2. ระบุและเปรยี บเทยี บปริมาณน้าจืดและน้าเค็มบนโลก 3. สังเกตและเปรียบเทียบลกั ษณะของน้าจากแหลง่ นา้ ในท้องถน่ิ 4. ส้ารวจ สบื ค้นข้อมูล และอธิบายการใชน้ ้าให้ประหยัด เวลา 6 ช่วั โมง วสั ดุ อปุ กรณส์ ้าหรับทา้ กจิ กรรม - สอื่ การเรียนรู้ หนา้ 27-36 หน้า 40-53 1. หนังสือเรียน 2. แบบฝึกหดั แหล่งเรยี นรู้ - แนวการจดั การเรยี นรู้ (เวลา 1 ชั่วโมง) ในการตรวจสอบความรู้ ครูเพียงรบั ฟังเหตุผลของนักเรียนและยังไม่เฉลย ขั้นตรวจสอบความรู้ (10 นาที) ค้าตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้นักเรียนไปหา 1. ครูนา้ เขา้ สูบ่ ทเรียนโดยการตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียน เชน่ ค้าตอบด้วยตนเองจากการอา่ นเน้อื เร่ือง ใหน้ กั เรยี นบอกประโยชน์ของน้าให้ไดม้ ากท่สี ดุ จากนน้ั อาจใช้ถาม ความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับน้า เช่น “หากไม่มีน้าเราจะ สามารถดา้ รงชีวิตอยูไ่ ด้หรือไม่” ครูรบั ฟงั ค้าตอบและเหตุผลของนกั เรยี นโดยยงั ไมเ่ ฉลยคา้ ตอบ ขั้นฝึกทกั ษะจากการอ่าน (30 นาที) 2. จากน้ันใหน้ กั เรยี นอา่ นและตอบค้าถาม ชวนคดิ โดยครจู ดค้าตอบ ของนกั เรยี นไว้เพ่ือใช้เปรียบเทียบกับค้าตอบของนักเรยี นหลังจาก สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

79 คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวิต อา่ นเนอื้ เรอ่ื ง 3. ครูแนะน้าค้าศัพท์ในหัวข้อ อ่านเป็น โดยครูเขียนค้าศัพท์บน กระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นสะกดแตล่ ะค้าพรอ้ มกัน 4. ครูให้นักเรียนอ่านเร่ือง ความส้าคัญของน้า ในหนังสือเรียนหน้า 27 โดยครูใชว้ ธิ กี ารสอนอ่านตามความเหมาะสมกับความสามารถ ของนักเรียน จากนั้นตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยครู อาจใชค้ ้าถาม ดงั นี้ 4.1 ในชีวิตประจ้าวันของเราใช้น้าในกิจกรรมอะไรบ้าง (อาบน้า แปรงฟนั ซกั ผา้ และลา้ งจาน) 4.2 แหล่งน้าคืออะไร (บรเิ วณท่มี ีนา้ อยู่รวมกันเป็นจา้ นวนมาก) 4.3 แหล่งน้าบนโลกอยทู่ ่ีใดบา้ ง (บนผิวดนิ และใตด้ ิน) 4.4 น้ากินน้าใชข้ องสง่ิ มีชวี ิตเปน็ น้าชนดิ ใด (น้าจดื ) 4.5 แหล่งน้านอกจากใช้เป็นน้ากินน้าใชแ้ ล้วยงั ใชป้ ระโยชน์อะไร อีกบ้าง (เป็นท่ีอยู่ของสัตว์น้า เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และใช้ในการคมนาคม) ข้ันสรุปจากการอ่าน (20 นาที) 5. นักเรียนตอบค้าถาม รู้หรือยัง ในแบบฝึกหัดหน้า 44 จากน้ันครู ให้นักเรียนเปรียบเทียบค้าตอบกับการตอบค้าถามชวนคิดท่ีครูจด ไว้บนกระดานเพ่ือตรวจสอบความรู้ก่อนอ่านและหลังอ่านของ ตนเอง 6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปจากการอ่านว่า มนุษย์ใช้น้าท้ากจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจา้ วัน แหลง่ นา้ บนโลกมี ท้ังน้าจืดและน้าเค็ม ซ่ึงอยู่ที่ผิวดินและใต้ดิน น้ามีประโยชน์ต่อ ส่ิงมีชวี ติ มากมายเช่น เปน็ น้าดม่ื นา้ ใช้ เป็นทอี่ ย่อู าศัยของสิ่งมีชีวิต เป็นแหลง่ พกั ผอ่ นหย่อนใจ และใชใ้ นการคมนาคม 7. ครูให้นักเรียนอ่าน ค้าถามส้าคัญ เพื่อชักชวนให้นักเรียนท้า กิจกรรม ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ 80 แนวค้าตอบในแบบฝกึ หดั บริเวณท่มี นี ้าอย่รู วมกันเป็นจา้ นวนมาก อยู่บนผิวดนิ และอยู่ใตด้ ิน สิ่งมีชวี ิตใช้ประโยชน์จากแหล่งน้า โดยเป็นแหล่งอาหาร แหลง่ ท่ีอยู่ อาศยั แหลง่ พกั ผ่อนหย่อนใจ และใชใ้ นการคมนาคม สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

81 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ กจิ กรรมท่ี 1.1 น้าบนโลกมอี ยู่เท่าใด ในกิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับส่วนท่ีเป็นพื้นดินและพื้นน้าบนพ้ืนท่ีผิวโลกท้ังหมด โดยค้านวณส่วนที่เป็น พนื้ ดนิ และพื้นน้าเปรยี บเทยี บกับพน้ื ทผ่ี วิ โลกทงั้ หมด และเปรียบเทยี บเพ่ือระบปุ ริมาณนา้ จดื และน้าเค็มบนโลก เวลา 2 ชวั่ โมง จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ค้านวณส่วนที่เป็นพื้นดินและพื้นน้าเปรียบเทียบกับพื้นท่ี ผิวโลกท้งั หมด 2. ระบุและเปรยี บเทียบปริมาณน้าจดื และน้าเค็มบนโลก วัสดุ อปุ กรณส์ ้าหรบั ทา้ กิจกรรม สงิ่ ที่ครูตอ้ งเตรยี ม/กลมุ่ สีไม้ 1 กลอ่ ง ส่งิ ท่ีนกั เรยี นตอ้ งเตรียม/กลุ่ม - ส่อื การเรยี นรู้ หนา้ 28-31 หนา้ 45-47 1. หนงั สือเรียน 2. แบบฝกึ หดั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การใชต้ วั เลข การจัดกระทา้ และส่ือความหมายขอ้ มูล การตีความหมายขอ้ มูลและการลงขอ้ สรปุ ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ 82 แนวการจัดการเรียนรู้ 1. ครูตรวจสอบความรูเ้ กี่ยวกับเร่อื งที่จะเรยี นของนักเรยี นโดยอาจใช้ ลกู โลกประกอบการใช้ตวั อยา่ งค้าถาม ดงั ต่อไปน้ี 1.1 นักเรียนสังเกตเห็นสีอะไรบนลูกโลกบ้าง (สีฟ้า สีเขียว และ สีนา้ ตาล) 1.2 สฟี ้าบนลกู โลก คอื อะไร (ส่วนทเ่ี ป็นพื้นน้า) 1.3 ส่วนทีไ่ ม่ใชส่ ฟี า้ คืออะไร (สว่ นทเ่ี ปน็ พืน้ ดนิ ) 1.4 สที ่ีนักเรียนเหน็ นี้ สีใดมมี ากกว่ากัน (สีฟา้ ) 1.5 หากน้าพื้นดินกับพ้ืนน้ามาเปรียบเทียบกับพื้นท่ีผิวโลก ทั้งหมด นักเรียนคิดว่าจะแบ่งเป็นท้ังหมดกี่ส่วนอย่างไร (นกั เรยี นตอบได้ตามความเขา้ ใจของตนเอง) 2. ให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 28 อ่านช่ือกิจกรรม และหัวข้อ ท้าเป็นคิดเปน็ ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกยี่ วกับส่ิงที่ จะเรยี น โดยอาจใชค้ ้าถามตอ่ ไปน้ี 2.1 ในกิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (ปริมาณพื้นน้า บนโลก) 2.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองน้ีด้วยวิธีใด (การค้านวณและ เปรียบเทยี บ) 2.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (ระบุส่วนท่ีเป็นพ้ืนน้า และพ้ืนดินกับพื้นท่ีผิวโลกทั้งหมด และ ระบุปริมาณน้าเค็ม กบั ปริมาณน้าจดื บนโลก) 3. จากน้ันนักเรียนอ่าน ท้าอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 28 โดยครู ใช้วิธีการสอนอ่านตามความเหมาะสมกับความสามารถนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจข้ันตอนการท้ากิจกรรมทีละ ข้นั ตอนโดยใช้คา้ ถาม ดังน้ี 3.1 ขั้นตอนแรกนักเรียนต้องท้ากิจกรรมอย่างไร (สังเกตพื้นท่ี ผิวโลกในตาราง 160 ชอ่ ง) 3.2 รูปพื้นที่โลกในตาราง 160 ช่องอยู่ท่ีใด (หนังสือเรียน หนา้ 29) 3.3 เมื่อนกั เรยี นนบั จา้ นวนชอ่ งทเ่ี ป็นพื้นดินและคา้ นวณช่องท่ีเป็น พื้นน้าแล้ว นักเรียนต้องท้าอะไร (ระบายสีส่วนท่ีเป็นพ้ืนดิน และพน้ื น้าโดยต้องระบสุ ีท่ใี ช้) 3.4 นักเรียนต้องระบายสีส่วนที่เป็นพ้ืนดินและพื้นน้าลงที่ใด (ใน สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

83 ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 น้า อากาศ กับชีวติ แบบฝึกหดั หน้า 45) 3.5 สีที่นักเรียนใช้ระบายสีพื้นดินและพื้นน้าในแบบฝึกหัดควร เป็นสีเดียวกันหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ควร เพราะจะไม่ สามารถบอกความแตกตา่ งของพื้นดนิ และพน้ื น้าได้) 3.6 เมื่อนักเรียนระบายสีเสร็จแล้ว นักเรียนต้องท้าอะไรต่อไป (ค้านวณและเปรียบเทียบส่วนพ้ืนดิน พ้ืนน้ากับพื้นท่ีผิวโลก จากนัน้ อา่ นใบความรู้เรือ่ ง น้าบนโลก) 4. เมอ่ื นกั เรียนเข้าใจตรงกันแลว้ จึงใหน้ กั เรียนลงมอื ทา้ กจิ กรรม โดย ครูอาจช่วยแนะน้าวิธีการนับบริเวณส่วนที่เป็นพ้ืนดิน โดยครูให้ นักเรียนสังเกตพื้นที่ผิวโลกในตาราง 160 ช่อง หน้า 29 ซึ่งบาง ช่องจะสังเกตเห็นว่าจะมีพื้นดินอยู่เต็มช่อง และบางช่องจะมี พ้ืนดินอยู่ไม่เต็มช่อง เพื่อให้ง่ายต่อการนับควรให้นักเรียนนับ พ้ืนดินในสว่ นท่มี ีพื้นดนิ เต็มช่องก่อน และการป้องกันการนับซ้าท้า ได้โดยท้าเคร่ืองหมาย เช่น เขียนเลข 1 ไว้ในช่องท่ีนับไปแล้ว จากน้ันครอู าจถามนกั เรียนวา่ พืน้ ดนิ สว่ นที่เหลือ นกั เรยี นมวี ธิ กี าร นับอย่างไร หากนักเรียนท้าไม่ได้ครูอาจท้าเป็นตัวอย่าง รวม พ้ืนดินที่กระจายอยู่ตามช่องต่าง ๆ ให้รวมเป็นพื้นดินเต็ม 1 ช่อง พร้อมทา้ เครอื่ งหมายพน้ื ดินทน่ี ับไปแลว้ เมื่อแน่ใจว่านักเรียนสามารถท้ากิจกรรมได้แล้วจึงให้นักเรียนนับ สว่ นทเี่ หลอื ต่อไป (3) 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลการท้ากิจกรรมของ นกั เรยี นโดยใช้ค้าถามดงั น้ี 5.1 ตาราง 160 ชอ่ งน้ี แทนอะไร (พืน้ ท่ีผวิ โลกทัง้ หมด) 5.2 หากแบง่ ตาราง 160 ชอ่ งทีแ่ ทนพ้ืนท่ผี ิวโลกท้ังหมด ตามเส้น ทึบในแบบฝึกหัด หน้า 45 แสดงว่าพื้นที่ผิวโลกมี ทั้งหมดก่ี สว่ น (4 สว่ น) 5.3 นักเรียนระบายสีส่วนท่ีเป็นพื้นดินไปทั้งหมดประมาณก่ีส่วน (1 ส่วน) 5.4 พืน้ ท่ีทเี่ หลือประมาณ 3 สว่ น คืออะไร (พื้นน้า) 5.5 เม่ือเปรียบให้โลกใหญ่เท่ากับพื้นท่ีตารางท้ังหมด โลกจะมี พื้นที่ทั้งหมดกี่ส่วน และแบ่งเป็นพ้ืนดินก่ีส่วน พื้นน้าก่ีส่วน (โลกมีพืน้ ทเ่ี ท่ากบั ตาราง 4 สว่ น โดยเปน็ พนื้ ดิน 1 สว่ น เป็น พืน้ นา้ 3 สว่ น) (6) ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวิต 84 6. ครูอาจใช้ค้าถามเพอ่ื ตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนก่อนอ่านใบ การเตรยี มตัวลว่ งหน้าส้าหรบั ครู ความรู้ และเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนหาค้าตอบจากใบความรู้ โดย เพอื่ จดั การเรียนรใู้ นครง้ั ถัดไป อาจใชค้ ้าถาม เชน่ 6.1 นักเรียนคิดว่าส่วนที่เป็นพ้ืนน้าทั้งหมดเป็นน้าชนิดเดียวกัน ในคาบถดั ไป นักเรียนจะได้ท้ากจิ กรรม หรือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบได้ตามความเข้าใจของ ท่ี 1.2 เร่ือง น้าจากแหล่งน้าในท้องถ่ิน ตนเอง) เป็นอย่างไรครูควรเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 6.2 น้าที่นักเรียนใช้มาจากบริเวณใดของพื้นโลก (นักเรียน ดงั น้ี สามารถตอบได้ตามความคดิ ของตนเอง) 1. ขวดพลาสตกิ ขนาด 600 มลิ ลิลติ ร โดยครูยังไม่เฉลยค้าตอบ แล้วจึงให้นักเรียนอ่านใบความรู้ เร่ือง น้าบนโลก จากน้ันครูถามค้าถามเพ่ือตรวจสอบความ กลุ่มละ 1 ขวด เข้าใจของนักเรียน ดังนี้ 2. เทปกาวย่น 6.3 พืน้ ที่ผิวโลกส่วนใหญป่ กคลุมด้วยน้าจืด หรอื น้าเค็ม (น้าเคม็ ) 6.4 เม่ือสมมติให้น้าบนโลกท้ังหมดเป็น 100 ส่วน จะเป็นน้าเค็ม ครูอาจท้าขวดส้าหรับตรวจสอบความ ก่สี ว่ นและน้าจดื กี่สว่ น (นา้ เคม็ 97 สว่ น และน้าจดื 3 สว่ น) โ ป ร่ ง ใ ส ข อ ง น้ า ไ ว้ ล่ ว ง ห น้ า เ พ่ื อ เ ป็ น 6.5 น้าจืดพบที่ใดบ้าง (บริเวณข้ัวโลก บริเวณใต้ดิน และน้าบน ตวั อย่างให้นกั เรยี นไดส้ ังเกต ผิวโลก เช่น แมน่ ้า ลา้ ธาร) 6.6 นกั เรยี นคดิ ว่านา้ จืดทมี่ นษุ ยส์ ามารถน้ามาใชไ้ ด้มีปริมาณมาก หรือน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณน้าทั้งหมดของโลก (น้าจืดที่ มนุษย์สามารถน้ามาใช้ได้จะมาจากแม่น้า ล้าธาร เมื่อเทียบ กับปริมาณน้าทั้งหมดบนโลกนับว่ามีปริมาณน้อยมาก ๆ) (13) 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปจากการท้ากิจกรรม เรือ่ งน้าบนโลกว่า เม่อื แบง่ พน้ื ท่ีผิวโลกออกเป็น 4 ส่วน พบวา่ เป็น พ้ืนดินประมาณ 1 ส่วน อีกประมาณ 3 ส่วน เป็นพ้ืนน้า และเมื่อ แบ่งส่วนท่ีเป็นพ้ืนน้าออกเป็น 100 ส่วน จะเป็นน้าเค็ม 97 ส่วน และน้าจืด 3 ส่วน ซึ่งน้าจืดทั้งหมด 3 ส่วนนี้ส่วนใหญ่เป็นน้าแข็ง บริเวณข้ัวโลก น้าใต้ดิน และน้าผิวดิน ท้าให้เหลือน้าจืดที่มนุษย์ สามารถน้ามาใช้ได้ปริมาณน้อยมาก ๆ ตามแหล่งต่าง ๆ เช่น แมน่ ้า คลอง และล้าธาร (13) 8. นักเรียนตอบค้าถาม ฉันรู้อะไร และ อยากรู้อีกว่า ในแบบฝึกหัด หนา้ 46-47 9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์อะไรบา้ งและในขน้ั ตอนใดบา้ ง สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

85 คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 น้า อากาศ กับชีวติ คคววาามมรรู้เู้เพพ่มิ่มิ เเตตมิิมสสา้ า้ หหรรับับคครูรู หากเปรยี บเทยี บน้าในโลกทงั้ หมดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ น้าปริมาณ 96.5 เปอร์เซน็ ต์จะเป็นนา้ เค็ม น้าปริมาณ 2.5 เปอร์เซ็นตจ์ ะเปน็ นา้ จืด และเป็นน้ากร่อยในทะเลสาบและน้ากร่อยบริเวณผิวโลกประมาณ 1 เปอรเ์ ซน็ ต์ หากเทยี บน้าจืด 2.5 เปอร์เซ็นต์ ให้เป็น 100 เปอร์เซ็นต์ จะพบวา่ จะมนี า้ จืดอยทู่ ่ธี ารนา้ แข็งในมหาสมุทรและ บนยอดเขาอยูป่ ระมาณ 68.6 เปอรเ์ ซน็ ต์ เปน็ น้าจดื ใต้ดนิ ประมาณ 30.1 เปอร์เซ็นต์ และเป็นน้าจืดผิวดนิ ประมาณ 1.2 เปอร์เซ็นต์ และเม่ือเปรียบเทยี บนา้ จืดผวิ ดนิ ท่ีมีอยู่ 1.2 เปอร์เซ็นตใ์ ห้เปน็ 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ จะพบว่าจะเป็นนา้ จืดที่อยูใ่ น รปู ของนา้ แขง็ และหมิ ะประมาณ 69.0 เปอรเ์ ซ็นต์ เปน็ น้าจืดท่อี ยูใ่ นทะเลสาบประมาณ 20.9 เปอรเ์ ซ็นต์ เป็นนา้ จดื ท่ี อยูใ่ นเม็ดดนิ ประมาณ 3.8 เปอร์เซน็ ต์ เปน็ น้าจืดท่ีอยู่ในบริเวณพน้ื ทชี่ ้ืนแฉะ 2.6 เปอร์เซน็ ต์ นา้ ในแม่น้า 0.49 เปอร์เซ็นต์ นา้ ในสงิ่ มชี วี ิต 0.26 เปอรเ์ ซ็นต์ และเป็นนา้ ในอากาศ 3 เปอรเ์ ซ็นต์ ซึ่งน้าทม่ี นุษย์สามารถน้ามาใช้ไดจ้ ะเป็น นา้ จดื ที่อยใู่ นแม่น้าล้าธาร ซ่งึ คดิ เป็น 0.000015 เปอรเ์ ซน็ ต์ของนา้ ทัง้ หมดบนโลก นับว่าเปน็ ปรมิ าณที่น้อยมาก สบื คน้ จาก U.S. Geological Survey.(1993).Earthwherewater, November 2560, https://water.usgs.gov/edu/earthwherewater.html ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 น้า อากาศ กบั ชีวติ 86 แนวค้าตอบในแบบฝกึ หัด 1. ค้านวณสว่ นที่เปน็ พ้นื ดินและพ้นื น้าเปรียบเทียบกบั พื้นทผ่ี ิวโลกทั้งหมด 2. ระบุและเปรียบเทียบปริมาณน้าจดื และน้าเค็มบนโลก 40 120 4 1 3 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

87 คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 นา้ อากาศ กบั ชีวิต 14 34 น้าบนโลกส่วนใหญ่เป็นน้าเค็มอยู่บริเวณมหาสมุทร ทะเล รู้ได้จากข้อมูลจากใบความรู้ว่า จากน้าบนโลกทั้งหมด100 สว่ น จะเปน็ น้าเคม็ 97 สว่ น นา้ จดื 3 สว่ น แสดงว่าเป็นน้าเค็มมากกวา่ น้าจืดทั้งหมดบนโลกมนุษย์ไม่สามารถน้ามาใช้ได้ท้ังหมด เพราะน้าจืดบนโลกส่วนใหญ่เป็น น้าแข็งบรเิ วณข้ัวโลก บางส่วนอยูใ่ ตด้ นิ ทไี่ มส่ ามารถน้าข้ึนมาใชไ้ ด้ เม่ือแบ่งพื้นที่ผิวโลกท้ังหมดออกเป็น 4 ส่วน จะมีพื้นน้าปกคลุมอยู่ทั้งหมด 3 ส่วนและพื้นดิน ปกคลุมเพียง 1 ส่วน และเม่ือแบ่งน้าของโลกเป็น 100 ส่วน จะเป็นน้าเค็ม 97 ส่วน และน้าจืด 3 ส่วน น้าจืดบนโลกส่วนใหญเ่ ปน็ นา้ แขง็ บริเวณขว้ั โลก และบางสว่ นอยู่ใต้ดนิ ซงึ่ มนษุ ย์น้ามาใช้ได้ ยาก น้าสว่ นที่เหลือท่อี ยู่บนผิวโลก เชน่ แม่น้า ล้าธาร ซึง่ มนุษย์น้ามาใชไ้ ดจ้ งึ มปี ริมาณน้อยมาก ๆ พ้นื ทผ่ี วิ โลกส่วนใหญ่ปกคลุมดว้ ยน้า ซึ่งส่วนใหญเ่ ป็นน้าเค็ม น้าจืดท่มี นษุ ยน์ ้ามาใชไ้ ด้ มปี ริมาณนอ้ ยมาก ๆ ⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 น้า อากาศ กบั ชีวิต 88 ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกต้ังค้าถาม โดยค้าถามเหล่านั้นเป็นเร่ืองที่ สงสัยอยากรู้เพ่ิมเติม หรือส่ิงท่ียังไม่เข้าใจจากการท้ากิจกรรมใน ห้องเรยี น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

89 ค่มู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 นา้ อากาศ กบั ชีวติ แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรขู้ องนกั เรียนท้าได้ ดงั นี้ 1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรยี น 2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากคา้ ตอบของนักเรียนระหวา่ งการจัดการเรียนรู้และแบบฝกึ หัด 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากการท้ากจิ กรรมของนกั เรียน การประเมนิ จากการทา้ กจิ กรรมท่ี 1.1 น้าบนโลกมีอยูเ่ ทา่ ใด ระดับคะแนน 0 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ สง่ิ ทป่ี ระเมิน คะแนน 3. การใชต้ ัวเลข 6. การจัดกระทา้ และส่อื ความหมายข้อมูล 13. การตคี วามหมายข้อมลู และการลงข้อสรุป รวมคะแนน ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดังนี้ 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ ทกั ษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 3. การใช้ตวั เลข สามารถนบั จ้านวนช่องและหา สามารถนบั จ้านวนช่องและหา ไม่สามารถนับจ้านวนช่องและ สัดสว่ นของพืน้ ท่ที ป่ี กคลมุ ดว้ ย สัดสว่ นของพ้นื ทีท่ ่ปี กคลมุ ด้วย หาสดั สว่ นของพ้นื ทท่ี ี่ปกคลุม พน้ื ดนิ และพนื้ นา้ เปรยี บเทยี บ พืน้ ดนิ และพ้นื นา้ เปรยี บเทียบ ด้วยพืน้ ดินและพืน้ น้า กับพื้นผวิ ทงั้ หมดได้ถกู ต้องด้วย กบั พ้ืนผวิ ท้ังหมดได้ถูกต้องโดย เปรียบเทียบกับพน้ื ผวิ ทั้งหมดได้ ตนเอง โดยไมเ่ พิม่ เตมิ ความ อาศัยการชี้แนะหรอื แนะน้า แม้วา่ ครหู รอื ผู้อ่ืนช่วยแนะนา้ คดิ เห็น ของครหู รือผู้อนื่ หรอื ชแี้ นะ ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 น้า อากาศ กับชีวติ 90 ทกั ษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 6. การจัดกระทา้ แสดงความคิดเหน็ ตอบคา้ ถาม แสดงความคดิ เห็น ตอบค้าถาม ไม่สามารถแสดงความคิดเห็น และสื่อความหมาย หรือน้าเสนอข้อมลู ที่ได้จากการ หรอื น้าเสนอข้อมูลทไี่ ดจ้ ากการ ตอบค้าถาม หรือน้าเสนอ ข้อมลู ระบายสีให้ผู้อนื่ เขา้ ใจไดง้ า่ ย สบื คน้ ข้อมูลปริมาณนา้ บนโลก ข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น และชดั เจน โดยเลอื กใช้วธิ ีการที่ ให้ผู้อน่ื เข้าใจได้ง่าย และชัดเจน ข้อมูลปริมาณน้าบนโลกให้ เหมาะสมไดด้ ้วยตนเอง โดยอาศัยการชี้แนะหรอื แนะนา้ ผู้อ่ืนเข้าใจได้ง่าย แม้ว่าครู ของครหู รือผอู้ น่ื ห รื อ ผู้ อื่ น ช่ ว ย แ น ะ น้ า ห รื อ ช้ีแนะ 13. การตีความหมาย ตีความหมายข้อมูลจากการ ครหู รือผอู้ ่ืนต้องช่วยแนะนา้ ไม่สามารถตคี วามหมาย ข้อมลู และการลง สังเกตการนับ และใบความรู้ หรือชี้แนะจึงจะสามารถ ข้อมลู จากการสังเกต การนบั ข้อสรปุ จากนั้นลงข้อสรุปได้ด้วยตนเอง ตคี วามหมายข้อมูลจากการ และใบความรู้ และนลง ว่า ผิวโลกส่วนใหญ่ปกคลุมด้วย สังเกต การนบั และใบความรู้ ขอ้ สรุปได้ด้วยตนเอง แมว้ า่ น้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้าเค็ม น้า จากนนั้ ลงข้อสรปุ ได้ด้วยตนเอง ครูหรอื ผอู้ ่นื ช่วยแนะน้าหรือ จืดที่มนุษย์น้ามาใช้ได้จึง มี ช้แี นะ ปรมิ าณนอ้ ยมาก ๆ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

91 คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 นา้ อากาศ กบั ชีวิต กจิ กรรมที่ 1.2 น้าจากแหลง่ น้าในท้องถ่นิ เป็นอยา่ งไร ในกิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของน้า โดยสังเกตและเปรียบเทียบลักษณะของน้าจากแหล่งน้าใน ทอ้ งถ่ิน เวลา 1 ชั่วโมง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ สังเกตและเปรียบเทยี บลักษณะของนา้ จากแหลง่ น้าในทอ้ งถนิ่ วัสดุ อุปกรณ์สา้ หรบั ท้ากจิ กรรม - ส่อื การเรยี นรู้ หนา้ 32-34 หนา้ 48-50 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบฝึกหดั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสงั เกต การลงความเหน็ จากข้อมูล การตีความหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรุป แนวการจัดการเรยี นรู้ 1. ครูน้าเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนแข่งขันกันบอกช่ือแหล่งน้า ที่นักเรียนรู้จัก ครูเขียนชื่อแหล่งน้าที่นักเรียนบอกบนกระดาน หลังจากน้ันครูถามเก่ียวกับลักษณะของน้าในแหล่งน้าเหล่าน้ัน มลี ักษณะเปน็ อย่างไร 2. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 32 อ่านชื่อกิจกรรม และหัวข้อ ท้าเป็นคิดเป็น ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับส่ิงท่ี จะเรียน โดยอาจใชค้ า้ ถามต่อไปน้ี 2.1 ในกิจกรรมน้นี กั เรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (น้าจากแหลง่ น้าใน ทอ้ งถิน่ ) 2.2 นักเรยี นจะได้เรียนเร่ืองนี้ด้วยวธิ ใี ด (1) 2.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทา้ อะไรได้ (เปรียบเทียบลกั ษณะของ แหล่งนา้ ในท้องถิน่ ) ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 น้า อากาศ กบั ชีวติ 92 3. จากน้นั นกั เรยี นอา่ น ท้าอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 32 โดยครูใช้ ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น วิธีการสอนอ่านตามความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ส้าคัญ และยังไม่เฉลยค้าตอบใด ๆ จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจข้ันตอนการท้ากิจกรรมทีละ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไป ขน้ั ตอนโดยใชค้ ้าถาม ดงั น้ี หาค้าตอบท่ีถูกต้องในกิจกรรมต่าง ๆ 3.1 นักเรียนต้องท้าอะไร (เก็บตัวอย่างน้าใส่ขวดพลาสติกใสท่ีมี ในบทเรยี นนี้ รูปรา่ งและขนาดเท่ากนั แหลง่ ละ 1 ขวด) 3.2 แถบวัดปริมาณน้ามีวิธีการท้าอย่างไร (น้ากระดาษกาวย่นมา แบ่งออกเปน็ 9 สว่ นเทา่ ๆ กนั พรอ้ มทัง้ ทา้ ขีดเคร่ืองหมาย 1-9) 3.3 เมื่อนักเรียนมีแถบวัดปริมาณน้าแล้วนักเรียนต้องท้าอะไร ต่อไป (น้าแถบน้ีไปติดกาวย่นบริเวณข้างขวดโดยเริ่มจากก้น ขวดขึน้ ไปตามความสูงของขวด) 3.4 จากนั้นนักเรียนตอ้ งทา้ อะไร (สงั เกตความโปรง่ ใสของน้า) 3.5 วิธีการสังเกตความโปร่งใสของน้าท้าได้อย่างไร (โดยเติมน้า จากแหล่งท่ีเก็บมาลงในขวดให้ถึงขีดที่ 1 จากนั้นวางก้นขวด ทับตัวหนังสือแล้วสังเกตตัวหนังสือผ่านน้าจากบริเวณด้านบน ของขวด เติมน้าเพิ่มขึ้นทีละขีดพร้อมสังเกตตัวหนังสือทุกครั้ง จนครบไมส่ ามารถมองเห็นตวั หนังสือผ่านน้าได้) 3.6 เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้ขวดท่ีใช้สังเกตความโปร่งใสมาใส่ น้าแหล่งใหม่ต่อเลย (เนื่องจากอาจท้าให้เกิดความ คลาดเคล่ือนจากการสังเกตความโปร่งใสของแหล่งน้าได้ จงึ ควรทา้ ความสะอาดกอ่ นน้ามาใช้) 3.7 เมือ่ นกั เรียนสังเกตลักษณะน้าของแต่ละแหล่งต่าง ๆ แลว้ นักเรยี น ต้องท้าอะไร (เปรียบเทียบลักษณะน้าของแต่ละแหล่ง) (6) เมื่อ แน่ใจว่านักเรียนสามารถท้ากิจกรรมได้แล้วจึงให้นักเรียน เร่ิมท้ากจิ กรรม 4. ครูให้นักเรียนน้าผลการท้ากิจกรรมมาอภิปรายโดยอาจใช้ คา้ ถามต่อไปน้ี 4.1 น้าจากแหล่งต่าง ๆ มีสีเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียน ตอบได้ตามข้อมูลที่ได้ เช่น แหล่งน้าที่ 1 มีสีเขียวอ่อน แหล่งน้าท่ี 2 ใส ไม่มสี ี และแหล่งน้า 3 ใส ไมม่ สี ี) 4.2 น้าจากแหล่งต่าง ๆ มีกลิ่นเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบได้ตามสิ่งที่สังเกตได้จริง เช่น แหล่งน้าท่ี 1 มี กลิน่ แหลง่ น้าท่ี 2 ไมม่ ีกลิน่ และแหลง่ น้าที่ 3 มีกล่นิ ) สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook