Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (เล่ม2) นามและอัพยยศัพท์

(เล่ม2) นามและอัพยยศัพท์

Description: (เล่ม2) นามและอัพยยศัพท์

Search

Read the Text Version

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 219 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ๔. ครูสอนนักเรยี นเปลี่ยนวิภตั ติ และการันต มาต,ุ มน, กมฺม, โค และศพั ท พเิ ศษ ๖ ศพั ท (ปมุ , สา, อทฺธา, มฆว, ยุว, สข) เปนแบบอยาง แลวให นักเรียนวา ทีละองค หรือทีละแถว หรอื ทีละกลมุ ตามเหมาะสม จนครบ ๕. บัตรคำ ๖ ครสู รุปเนือ้ หาทัง้ หมด ๗. ประเมนิ ผลหลังเรียน ๘. ใบงาน - ใหน ักเรียนแจกศัพทเ หมอื น มาตุ, มน ๑-๕ ศัพทเ ปน การบาน ๙. กจิ กรรมเสนอแนะ ครูสอนควรใหนกั เรยี น ๑. ทอ งแมแ บบได ๒. เปล่ียนวภิ ัตติ และการนั ตไดถ ูกตอ ง ๓. แจกศัพทท ีแ่ จกอยา ง (สั่งเปน การบา นดว ย) สอื่ การสอน ๑. ตำราทใ่ี ชประกอบการเรยี น-การสอน ๑.๑ หนงั สอื พระไตรปฎก ๑.๒ หนงั สือพจนานุกรมมคธ-ไทย โดย พันตรี ป. หลงสมบญุ สำนักเรียนวัดปากน้ำ จดั พิมพ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑.๓ หนังสือพจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ๑.๔ หนงั สือพจนานุกรมพทุ ธศาสน ฉบบั ประมวลศพั ท โดย พระธรรมปฎก (ป.อ. ปยตุ ฺโต) ๑.๕ หนงั สือคูมือบาลีไวยากรณ นพิ นธ โดย สมเด็จพระมหาสมณเจา ฯ ๑.๖ หนงั สอื ปาลิทเทส ของสำนักเรยี นวดั ปากน้ำ ๑.๗ คัมภรี อ ภธิ านัปปทปี ก า ๑.๘ หนงั สอื อุภยั พากยปริวตั น ๒. อปุ กรณท ค่ี วรมปี ระจำหองเรยี น ๒.๑ กระดานดำ-แปรงลบกระดาน-ชอลก หรอื กระดานไวทบอรด 219

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 220 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ๒.๒ เครือ่ งฉายขา มศรี ษะ (Over-head) ๒.๓ คอมพวิ เตอรแ ละเคร่ืองฉายโปรเจคเตอร ๓. บตั รคำ ๔. ใบงาน วธิ ีวัดผล-ประเมินผล ๑. สอบถามความเขา ใจ ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว นรว มในกจิ กรรม ๓. สังเกตความกาวหนา ดานพฤตกิ รรมการเรยี นรูของผเู รียน ๔. ตรวจใบงาน ๕. ตรวจแบบประเมินผลกอ นเรยี น-หลังเรยี น 220

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 221 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ หนวยที่ ๑๑ นี้ จะไดอธิบายวิธีการแจก วิธีเปล่ียนวิภัตติ และการันต พรอ มทงั้ ขอ ควรจำของ มาตุ ศพั ท, มโนคณะ ศพั ท, กมมฺ ศพั ท, โค ศพั ท และศพั ทพ เิ ศษอกี ๖ ศัพท เปนลำดับไป มาตุ (แม) เปน อิตถลี งิ ค แจกอยางน้ี เอก. พหุ. ป. มาตา มาตโร ท.ุ มาตรํ มาตโร ต. มาตรา มาตยุ า มาตราหิ มาตราภิ มาตูหิ มาตภู ิ จ. มาตุ มาตยุ า มาตราน มาตนู ํ ปฺ. มาตรา มาตราหิ มาตราภิ มาตูหิ มาตูภิ ฉ. มาตุ มาตุยา มาตราน มาตนู ํ ส. มาตริ มาตราสุ มาตูสุ อา. มาตา มาตโร มาตุ (แม) มีวิธเี ปล่ยี นวิภัตติ และการนั ต ดงั นี้ มาตา ศพั ทเ ดิมมาจาก มาตุ อุ การนั ต ในอิตถลี งิ ค ลง สิ ปฐมาวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อุ กบั สิ เปน อา สำเรจ็ รปู เปน มาตา มาตา แปลวา อ.แม มาตโร ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถลี งิ ค ลง โย ปฐมาวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา อุ เปน อร แปลง โย เปน โอ แลวลบ อ ที่สุดแหง อร ทิ้งเสีย สำเรจ็ รปู เปน มาตโร มาตโร แปลวา อ.แม ท. มาตรํ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอติ ถีลงิ ค ลง อํ ทุตยิ าวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อุ เปน อร ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน มาตรํ มาตรํ แปลวา ซง่ึ แม มาตโร ศัพทเ ดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถลี งิ ค ลง โย ทุติยาวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง โย เปน โอ แลวลบ อ ท่ีสุดแหง อร ทิ้งเสีย สำเรจ็ รปู เปน มาตโร มาตโร แปลวา ซึง่ แม ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 221

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 222 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ มาตรา ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ มาตยุ า เอกวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง นา เปน อา แลว ลบ อ ทสี่ ุดแหง อร มาตราหิ ทงิ้ เสีย สำเร็จรูปเปน มาตรา มาตรา แปลวา ดวยแม มาตราภิ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ มาตูหิ เอกวจนะ แปลง นา เปน ยา สำเรจ็ รูปเปน มาตุยา มาตยุ า แปลวา ดว ยแม มาตูภิ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ มาตุ พหวุ จนะ เอา อุ เปน อร ทีฆะ อ เปน อา ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รูปเปน มาตยุ า มาตราหิ มาตราหิ แปลวา ดวยแม ท. มาตรานํ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ มาตนู ํ พหุวจนะ เอา อุ เปน อร ทีฆะ อ เปน อา แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รปู เปน มาตราภิ มาตราภิ แปลวา ดว ยแม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหุวจนะ ทฆี ะ อุ เปน อู ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน มาตหู ิ มาตหู ิ แปลวา ดวยแม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหวุ จนะ ทีฆะ อุ เปน อู แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รปู เปน มาตภู ิ มาตภู ิ แปลวา ดวยแม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ ลง ส ลบ ส ท้งิ เสยี สำเรจ็ รปู เปน มาตุ มาตุ แปลวา แกแม ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน ยา สำเร็จรูปเปน มาตุยา มาตุยา แปลวา แกแ ม ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อุ เปน อร ทฆี ะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรปู เปน มาตรานํ มาตรานํ แปลวา แกแ ม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อุ เปน อู ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรูปเปน มาตนู ํ มาตูนํ แปลวา แกแม ท. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 222

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 223 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ มาตรา ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ มาตราหิ เอกวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง สฺมา เปน อา แลวลบ อ ทีส่ ุดแหง อร มาตราภิ ทง้ิ เสยี สำเรจ็ รูปเปน มาตรา มาตรา แปลวา แตแ ม มาตูหิ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ มาตภู ิ พหุวจนะ เอา อุ เปน อร ทีฆะ อ เปน อา ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รูปเปน มาตุ มาตราหิ มาตราหิ แปลวา แตแ ม ท. มาตยุ า ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ มาตรานํ พหุวจนะ เอา อุ เปน อร ทีฆะ อ เปน อา แปลง หิ เปน ภิ สำเร็จรปู เปน มาตนู ํ มาตราภิ มาตราภิ แปลวา แตแ ม ท. มาตริ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ ทฆี ะ อุ เปน อู ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รูปเปน มาตูหิ มาตหู ิ แปลวา แตแม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหวุ จนะ ทฆี ะ อุ เปน อู แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รปู เปน มาตภู ิ มาตูภิ แปลวา แตแ ม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การนั ต ในอิตถีลงิ ค ลง ส ฉัฏฐวี ภิ ัตติ เอกวจนะ ลง ส ลบ ส ท้งิ เสีย สำเร็จรปู เปน มาตุ มาตุ แปลวา แหงแม ศพั ทเ ดิมมาจาก มาตุ อุ การนั ต ในอิตถีลิงค ลง ส ฉฏั ฐวี ภิ ัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน ยา สำเร็จรูปเปน มาตยุ า มาตุยา แปลวา แหง แม ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อุ เปน อร ทฆี ะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรูปเปน มาตรานํ มาตรานํ แปลวา แหงแม ท. ศพั ทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลงิ ค ลง นํ ฉฏั ฐีวิภตั ติ พหุวจนะ ทีฆะ อุ เปน อู ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรูปเปน มาตูนํ มาตูนํ แปลวา แหงแม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง สฺมึ เปน อิ แลวลบ อ ท่ีสุดแหง อร ทิ้งเสีย สำเร็จรปู เปน มาตริ มาตริ แปลวา ในแม เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 223

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 224 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ มาตราสุ ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ มาตสู ุ พหวุ จนะ เอา อุ เปน อร ทฆี ะ อ เปน อา ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รูปเปน มาตา มาตราสุ มาตราสุ แปลวา ในแม ท. มาตโร ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ พหวุ จนะ ทฆี ะ อุ เปน อู ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรูปเปน มาตสู ุ มาตูสุ แปลวา ในแม ท. ศัพทเ ดิมมาจาก มาตุ อุ การนั ต ในอติ ถลี ิงค ลง สิ อาลปนะ เอกวจนะ เอา อุ กบั สิ เปน อา สำเรจ็ รปู เปน มาตา มาตา แปลวา แนะ แม ศัพทเดมิ มาจาก มาตุ อุ การนั ต ในอิตถลี งิ ค ลง โย อาลปนะ พหุวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง โย เปน โอ แลวลบ อ ที่สุดแหง อร ทิ้งเสีย สำเรจ็ รปู เปน มาตโร มาตโร แปลวา แนะแม ท. ขอควรจำของ มาตุ ศพั ท ๑. ในอาลปนะ ใช อมฺม แทน ดังนี้ อา.เอก. อมฺม, พหุ. อมฺมา อมฺม ศัพทนี้ เมื่อเปนอาลปนะใชเรียกไดท้ังมารดา และธิดา ถาเปนวิภัตติอื่นเปนช่ือของ มารดาเทานน้ั ๒. ในตัปปรุ ิสสมาส อาลปนะ เอกวจนะ เปน มาเต, ธเี ต เหมอื นคำวา ตสิ สฺ มาเต-แนะแมดสิ , เทวมาเต-แนะแมเ ทพ, เทวธเี ต-แนะ เทพธิดา เปน ตน ๓. ศพั ททแี่ จกเหมือน มาตุ มศี พั ทเดียว คือ ธีตุ (ธดิ า) เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 224

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 225 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ แจกศพั ทเ ปน ตวั อยา ง ศพั ทแจกเหมือน มาตุ มศี ัพทเดยี วคือ ธีตุ (ธดิ า) แจกอยางนี้ เอก. พหุ. ป. ธตี า ธตี โร ทุ. ธีตรํ ธตี โร ต. ธตี รา ธีตุยา ธตี ราหิ ธตี ราภิ ธีตหู ิ ธีตูภิ จ. ธีตุ ธตี ุยา ธีตราน ธีตูนํ ปฺ. ธตี รา ธีตราหิ ธีตราภิ ธตี หู ิ ธตี ูภิ ฉ. ธีตุ ธีตยุ า ธตี ราน ธีตูนํ ส. ธีตริ ธีตราสุ ธีตสู ุ อา. ธตี า ธีตโร เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 225

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 226 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ มโนคณะ ศัพท ศพั ท ๑๒ ศพั ท มี มน ศพั ทเ ปน ตน เรยี กวา มโนคณะ, มโนคณะ แปลวา หมูแหง มนศพั ท มโนคณะมี ๑๒ ศัพท คอื มน ใจ เตช เดช อย เหล็ก ปย นำ้ นม อุร อก ยส ยศ เจต ใจ วจ วาจา ตป ความรอน วย วัย ตม ความมืด สิร หวั มน ศัพทนั้น มีวิธีแจกเหมือนกันกับ อ การันต ในปุงลิงค (ปุริส) และ นปงุ สกลงิ ค (กลุ ) แตแปลกอยู ๕ วิภตั ติ คอื นา กบั สฺมา เปน อา, ส ทง้ั ๒ เปน โอ, สมฺ ึ เปน อิ แลวลง ส อาคม เปน สา, เปน โส, เปน สิ ดงั จะแสดงตอ ไป มน (ใจ) เปนทวฺ ลิ ิงค ในปงุ ลิงค แจกอยางนี้ เอก. พห.ุ ป. มโน มนา ท.ุ มนํ (มโน) มเน ต. มนสา มเนหิ มเนภิ จ. มนโส มนานํ ปฺ. มนสา มเนหิ มเนภิ ฉ. มนโส มนานํ ส. มนสิ มเนสุ อา. มน มนา เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 226

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 227 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ มน (ใจ) เปนทวฺ ลิ งิ ค ในปงุ ลงิ ค มวี ธิ เี ปล่ียนวิภตั ติและการันต ดังน้ี มโน ศพั ทเดิมมาจาก มน อ การันตในปงุ ลิงค ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อ กับ สิ เปน โอ สำเรจ็ รปู เปน มโน มโน แปลวา อ.ใจ มนา ศัพทเ ดิมมาจาก มน อ การันตใ นปงุ ลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ กับ โย เปน อา สำเรจ็ รปู เปน มนา มนา แปลวา อ.ใจ ท. มนํ ศพั ทเดิมมาจาก มน อ การันตใ นปุงลงิ ค ลง อํ ทตุ ิยาวภิ ัตติ เอกวจนะ ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน มนํ มนํ แปลวา ซึ่งใจ (มโน) ศพั ทเ ดมิ มาจาก มน อ การันตใ นปงุ ลงิ ค ลง อํ ทตุ ิยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อํ เปน โอ สำเรจ็ รปู เปน มโน มโน แปลวา ซึ่งใจ มเน ศัพทเ ดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลงิ ค ลง โย ทตุ ยิ าวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ กับ โย เปน เอ สำเร็จรูปเปน มเน มเน แปลวา ซ่งึ ใจ ท. มนสา ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันต ในปงุ ลงิ ค ลง นา ตติยาวภิ ัตติ เอกวจนะ แปลง นา เปน อา แลวลง ส อาคม สำเรจ็ รปู เปน มนสา มนสา แปลวา ดวยใจ มเนหิ ศัพทเ ดมิ มาจาก มน อ การันตใ นปุงลงิ ค ลง หิ ตตยิ าวภิ ตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน มเนหิ มเนหิ แปลวา ดวยใจ ท. มเนภิ ศพั ทเดิมมาจาก มน อ การันตในปงุ ลงิ ค ลง หิ ตตยิ าวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ แปลง หิ เปน ภิ สำเร็จรปู เปน ปริเสภิ มเนภิ แปลวา ดว ยใจ ท. มนโส ศัพทเดมิ มาจาก มน อ การนั ตใ นปุงลงิ ค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน โอ แลว ลง ส อาคม สำเรจ็ รปู เปน มนโส มนโส แปลวา แกใจ มนานํ ศพั ทเ ดิมมาจาก มน อ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง นํ จตุตถวี ภิ ตั ติ พหุวจนะ ทฆี ะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรปู เปน มนานํ มนานํ แปลวา แกใจ ท. มนสา ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง สฺมา เปน อา แลวลง ส อาคม สำเร็จรูปเปน มนสา มนสา แปลวา แตใ จ 227

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 228 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) มเนหิ ศัพทเ ดมิ มาจาก มน อ การันตใ นปงุ ลงิ ค ลง หิ ปญจมวี ิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน มเนหิ มเนหิ แปลวา แตใจ ท. มเนภิ ศัพทเ ดิมมาจาก มน อ การันตใ นปงุ ลิงค ลง หิ ปญจมวี ภิ ัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ แปลง หิ เปน ภิ สำเร็จรปู เปน มเนภิ มเนภิ แปลวา แตใ จ ท. มนโส ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน โอ แลว ลง ส อาคม สำเรจ็ รปู เปน มนโส มนโส แปลวา แหงใจ มนานํ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อ ที่ ส เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรปู เปน มนานํ มนานํ แปลวา แหง ใจ ท. มนสิ ศพั ทเดิมมาจาก มน อ การันตใ นปุงลงิ ค ลง สมฺ ึ สตั ตมวี ภิ ตั ติ เอกวจนะ แปลง สมฺ ึ เปน อิ แลวลง ส อาคม สำเร็จรูปเปน มนสิ มนสิ แปลวา ในใจ มเนสุ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตใ นปงุ ลงิ ค ลง สุ สัตตมีวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรูปเปน มเนสุ มเนสุ แปลวา ในใจ ท. มน ศพั ทเ ดิมมาจาก มน อ การนั ตในปงุ ลิงค ลง สิ อาลปนะ เอกวจนะ ลง สิ ลบ สิ ทิง้ เสีย สำเร็จรปู เปน มน มน แปลวา แนะ ใจ มนา ศัพทเดิมมาจาก มน อ การนั ตในปงุ ลงิ ค ลง โย อาลปนะ พหวุ จนะ เอา อ กบั โย เปน อา สำเร็จรปู เปน มนา มนา แปลวา แนะใจ ท. 228

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 229 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ มน (ใจ) เปน ทวฺ ลิ ิงค ในนปุงสกลิงค แจกอยา งนี้ เอก. พห.ุ ป. มนํ มนานิ ท.ุ มนํ มนานิ ต. มนสา มเนหิ มเนภิ จ. มนโส มนานํ ปฺ. มนสา มเนหิ มเนภิ ฉ. มนโส มนานํ ส. มนสิ มเนสุ อา. มน มนา มน(ใจ)เปน ทวฺ ลิ งิ คในนปงุ สกลงิ คมวี ธิ เี ปลยี่ นวภิ ตั ตแิ ละการนั ตเหมอื นใน ปงุ ลงิ คต างกันเฉพาะหมวดปฐมาวิภัตต,ิ ทุติยาวิภตั ติ และอาลปนะ ดังน้ี มนํ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในนปุงสกลิงค ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อ กบั สิ เปน อํ สำเรจ็ รปู เปน มนํ มนํ แปลวา อ.ใจ มนานิ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในนปุงสกลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ กบั โย เปน อานิ สำเรจ็ รูปเปน มนานิ มนานิ แปลวา อ.ใจ ท. มนํ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในนปุงสกลิงค ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ ลง อํ คง อํ ไว สำเรจ็ รปู เปน มนํ มนํ แปลวา ซงึ่ ใจ มนานิ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในนปุงสกลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ กบั โย เปน อานิ สำเรจ็ รปู เปน มนานิ มนานิ แปลวา ซงึ่ ใจ ท. มน ศพั ทเ ดิมมาจาก มน อ การันตใ นนปงุ สกลิงค ลง สิ อาลปนะ เอกวจนะ ลง สิ ลบ สิ ทิ้งเสยี สำเรจ็ รูปเปน มน มน แปลวา แนะใจ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 229

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 230 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) มนานิ ศพั ทเ ดิมมาจาก มน อ การันตใ นนปุงสกลิงค ลง โย อาลปนะ พหวุ จนะ เอา อ กับ โย เปน อานิ สำเร็จรปู เปน มนานิ มนานิ แปลวา แนะใจ ท. ขอ ควรจำของ มโนคณะศพั ท ๑. เฉพาะ มน ศพั ท เปน ทฺวลิ งิ ค คอื ปงุ ลงิ ค และ นปุงสกลิงค ตงั้ แต อย ถึง สริ เปน ปงุ ลิงคอยา งเดียว และมโนคณะศพั ทน ี้ เม่ืออยูตามลำพงั ไมไดตอ เขากบั ศัพทอ ืน่ โดยมากนยิ มใชเ ปนเอกวจนะ, ไมมอี าลปนะ ๒. ในทุติยาวิภัตติ เอา อํ เปน โอ ได โดยไมตองลง ส อาคม เชน คำวา “ยโส ลทธฺ า น มชฺเชยฺย – บคุ คลไดแ ลวซง่ึ ยศ ไมพ ึงเมา” ๓. มน ศพั ท บางคราวไมแ จกอยา ง มโนคณะ แตแจกอยา ง ปรุ สิ กม็ ี เชน คำวา “มนสฺมึ นพิ ฺพินฺทติ – เขายอมหนายในใจ” ๔. ศัพทมโนคณะ เมื่อตอกับศัพทอื่น ใหเอาสระท่ีสุดของตนเปน โอ เสมอ เชน มโนคโณ–หมูแหงมนะ, อโยมยํ–ของบุคคลทำดวยเหล็ก เปนตน เฉพาะ วจ ศัพทใ หเอาท่สี ุดของตนเปน อี เชน วจกี มมฺ –ํ วจกี รรม. ๕. ศัพทที่มี อ เปนท่ีสุด ท้ังท่ีเปนพวกมโนคณะ และไมใชพวกมโนคณะ มกี ารแปลงวิภัตติซ่ึงแปลกไปจากทท่ี ้งั ปวงบา ง คอื แปลง นา วิภัตติ เปน โส ได เชน สุตฺตโส - โดยพระสูตร, พฺยฺชนโส - โดยพยัญชนะ เปนตน แปลง สฺมา วิภัตติ เปน โส ได เชน ทีฆโส - แตสว นยาว, อรุ โส - แตอก เปน ตน 230

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 231 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ กมฺม (กรรม) เปน นปุงสกลิงค แจกอยา งน้ี เอก. กมมฺ านิ พหุ. กมฺมานิ ป. กมมฺ ํ กมเฺ มหิ กมฺเมภิ ท.ุ กมมฺ ํ กมมฺ านํ กมฺเมภิ ต. กมฺมนุ า กมเฺ มหิ จ. กมมฺ โุ น กมมฺ านํ ปฺ. กมมฺ ุนา กมฺเมสุ ฉ. กมมฺ ุโน กมฺมานิ ส. กมฺมนิ อา. กมฺม กมฺมํ กมฺม (กรรม) มีวิธเี ปลี่ยนวภิ ัตติและการันต ดงั น้ี กมมฺ านิ กมฺมํ ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง สิ ปฐมาวิภัตติ กมฺมานิ เอกวจนะ เอา อ กับ สิ เปน อํ สำเร็จรูปเปน กมฺมํ กมฺมํ แปลวา กมฺมนุ า อ.กรรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อ เปน อา แปลง โย เปน นิ สำเร็จรูปเปน กมฺมานิ กมฺมานิ แปลวา อ.กรรม ท. ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน กมฺมํ กมมฺ ํ แปลวา ซ่ึงกรรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อ เปน อา แปลง โย เปน นิ สำเร็จรูปเปน กมฺมานิ กมฺมานิ แปลวา ซ่งึ กรรม ท. ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อ เปน อุ ลง นา คง นา ไว สำเรจ็ รูปเปน กมมฺ นุ า กมฺมนุ า แปลวา ดวยกรรม เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 231

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 232 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ กมเฺ มหิ ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ กมฺเมภิ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน กมฺเมหิ กมเฺ มหิ กมมฺ ุโน แปลวา ดวยกรรม ท. กมมฺ านํ ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ กมฺมุนา พหวุ จนะ เอา อ เปน เอ แปลง หิ เปน ภิ สำเร็จรปู เปน กมฺเมภิ กมเฺ มภิ กมฺเมหิ แปลวา ดว ยกรรม ท. กมเฺ มภิ ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ กมฺมุโน เอกวจนะ เอา อ เปน อุ แปลง ส เปน โน สำเร็จรปู เปน กมมฺ โุ น กมฺมโุ น กมมฺ านํ แปลวา แกกรรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหวุ จนะ ทีฆะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรปู เปน กมมฺ านํ กมฺมานํ แปลวา แกก รรม ท. ศัพทเ ดมิ มาจาก กมฺม อ การันต ในนปงุ สกลิงค ลง สมฺ า ปญ จมีวิภตั ติ เอกวจนะ เอา อ เปน อุ แปลง สมฺ า เปน นา สำเร็จรูปเปน กมมฺ นุ า กมฺมนุ า แปลวา แตก รรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน กมฺเมหิ กมเฺ มหิ แปลวา แตกรรม ท. ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รูปเปน กมฺเมภิ กมเฺ มภิ แปลวา แตกรรม ท. ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อ เปน อุ แปลง ส เปน โน สำเรจ็ รูปเปน กมฺมุโน กมฺมุโน แปลวา แหงกรรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ ทฆี ะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเรจ็ รูปเปน กมมฺ านํ กมมฺ านํ แปลวา แหงกรรม ท. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 232

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 233 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ กมมฺ นิ ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ กมฺเมสุ เอกวจนะ แปลง สฺมึ เปน นิ สำเร็จรูปเปน กมมฺ นิ กมฺมนิ แปลวา ในกรรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ กมฺม เอกวจนะ เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรูปเปน กมฺเมสุ กมฺเมสุ กมมฺ านิ แปลวา ในกรรม ท. ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง สิ อาลปนะ เอกวจนะ ลง สิ ลบ สิ ท้งิ เสีย สำเรจ็ รูปเปน กมมฺ กมมฺ แปลวา แนะกรรม ศัพทเดิมมาจาก กมฺม อ การันต ในนปุงสกลิงค ลง โย อาลปนะ พหุวจนะ ทีฆะ อ เปน อา แปลง โย เปน นิ สำเร็จรูปเปน กมฺมานิ กมมฺ านิ แปลวา แนะกรรม ท. ขอควรจำของ กมมฺ ศพั ท ๑. กมฺม (กรรม) เปนนปุงสกลิงคอยางเดียว (ลิงคโดยกำเนิด) เปน เทวฺ วจนะ คอื เปนไดท ้งั เอกวจนะ และพหุวจนะ ๒. กมฺม ศัพทนี้ แจกตามแบบ อ การันต ในนปุงสกลิงค (กุล) ก็ได แตในทีน่ แ้ี ปลกอยู ๕ วภิ ตั ติ คือ นา, ส, สฺมา, ส, สฺมึ เทา น้ัน เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 233

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 234 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ โค (โค) เปน คำสามญั ไมนิยมวาเปนเพศผู หรือเพศเมยี แจกอยางน้ี เอก. พหุ. ป. โค คาโว ท.ุ คาวํ คาวํุ คาโว ต. คาเวน โคหิ โคภิ คาเวหิ คาเวภิ จ. คาวสสฺ คนุ ฺนํ คาวานํ ปฺ. คาวสฺมา คาวมฺหา คาวา โคหิ โคภิ คาเวหิ คาเวภิ ฉ. คาวสสฺ คุนฺนํ คาวานํ ส. คาวสฺมึ คาวมหฺ ิ คาเว โคสุ คาเวสุ อา. คาว คาโว โค (โค) เปนคำสามญั ไมนยิ มวาเปน เพศผู หรือเพศเมยี มีวิธเี ปล่ยี นวภิ ัตติและการนั ต ดังน้ี โค ศพั ทเ ดิมมาจาก โค ลง สิ ปฐมาวิภตั ติ เอกวจนะ ลง สิ ลบ สิ ทิง้ เสยี คาโว สำเรจ็ รูปเปน โค โค แปลวา อ.โค คาวํ ศพั ทเ ดิมมาจาก โค ลง โย ปฐมาวภิ ตั ติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว คาวุ เอา อ กับ โย เปน โอ สำเรจ็ รูปเปน คาโว คาโว แปลวา อ.โค ท. คาโว ศัพทเดมิ มาจาก โค ลง อํ ทตุ ยิ าวิภตั ติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว คาเวน ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรปู เปน คาวํ คาวํ แปลวา ซ่งึ โค ศัพทเ ดมิ มาจาก โค ลง อํ ทตุ ยิ าวภิ ตั ติ เอกวจนะ เอา โอ แหง โค เปน อาวุ ลง อํ คง อํ ไว สำเรจ็ รูปเปน คาวุ คาวุ แปลวา ซึง่ โค ศัพทเดิมมาจาก โค ลง โย ทุติยาวิภตั ติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ กบั โย เปน โอ สำเรจ็ รูปเปน คาโว คาโว แปลวา ซ่งึ โค ท. ศัพทเดมิ มาจาก โค ลง นา ตติยาวิภตั ติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ กบั นา เปน เอน สำเรจ็ รปู เปน คาเวน คาเวน แปลวา ดว ยโค เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 234

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 235 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ โคหิ ศัพทเดิมมาจาก โค ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหุวจนะ ลง หิ คง หิ ไว โคภิ สำเรจ็ รปู เปน โคหิ โคหิ แปลวา ดวยโค ท. คาเวหิ ศัพทเดิมมาจาก โค ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหุวจนะ แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รูปเปน โคภิ โคภิ แปลวา ดวยโค ท. คาเวภิ ศพั ทเดมิ มาจาก โค ลง หิ ตตยิ าวภิ ตั ติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน คาเวหิ คาเวหิ แปลวา คาวสสฺ ดวยโค ท. คนุ ฺนํ ศพั ทเ ดมิ มาจาก โค ลง หิ ตตยิ าวภิ ตั ติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว คาวานํ เอา อ เปน เอ แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รปู เปน คาเวภิ คาเวภิ แปลวา ดวยโค ท. คาวสมฺ า ศัพทเดิมมาจาก โค ลง ส จตุตถีวิภตั ติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว คาวมหฺ า แปลง ส เปน สสฺ สำเร็จรูปเปน คาวสฺส คาวสสฺ แปลวา แกโ ค คาวา ศพั ทเดิมมาจาก โค ลง นํ จตุตถีวภิ ตั ติ พหวุ จนะ เอา โอ แหง โค เปน อุ โคหิ ซอน นฺ หนา นํ แลว คง นํ ไว สำเร็จรูปเปน คุนนฺ ํ คุนฺนํ แปลวา แกโ ค ท. โคภิ ศพั ทเ ดิมมาจาก โค ลง นํ จตุตถวี ิภัตติ พหวุ จนะ แปลง โค เปน คาว ทีฆะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเรจ็ รูปเปน คาวานํ คาวานํ แปลวา แกโ ค ท. ศัพทเดิมมาจาก โค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว ลง สฺมา คง สมฺ า ไว สำเรจ็ รูปเปน คาวสมฺ า คาวสฺมา แปลวา แตโค ศัพทเดิมมาจาก โค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว แปลง สมฺ า เปน มหฺ า สำเร็จรูปเปน คาวมหฺ า คาวมฺหา แปลวา แตโค ศพั ทเ ดมิ มาจาก โค ลง สมฺ า ปญ จมีวภิ ัตติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ กับ สฺมา เปน อา สำเร็จรปู เปน คาวา คาวา แปลวา แตโ ค ศัพทเดิมมาจาก โค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน โคหิ โคหิ แปลวา แตโ ค ท. ศัพทเดิมมาจาก โค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รูปเปน โคภิ โคภิ แปลวา แตโ ค ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 235

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 236 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ คาเวหิ ศัพทเ ดมิ มาจาก โค ลง หิ ปญ จมีวภิ ตั ติ พหวุ จนะ แปลง โค เปน คาว คาเวภิ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รูปเปน คาเวหิ คาเวหิ แปลวา แตโค ท. ศพั ทเ ดมิ มาจาก โค ลง หิ ปญ จมีวิภตั ติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว คาวสฺส เอา อ เปน เอ แปลง หิ เปน ภิ สำเรจ็ รูปเปน คาเวภิ คาเวภิ แปลวา คุนฺนํ แตโค ท. คาวานํ ศัพทเดิมมาจาก โค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว แปลง ส เปน สฺส สำเรจ็ รูปเปน คาวสฺส คาวสฺส แปลวา แหงโค คาวสฺมึ ศัพทเ ดิมมาจาก โค ลง นํ ฉฏั ฐวี ิภัตติ พหุวจนะ เอา โอ แหง โค เปน อุ คาวมฺหิ ซอ น นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน คนุ ฺนํ คุนฺนํ แปลวา แหงโค ท. คาเว ศัพทเดิมมาจาก โค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว โคสุ ทฆี ะ อ เปน อา ลง นํ คง นํ ไว สำเร็จรปู เปน คาวานํ คาวานํ แปลวา คาเวสุ แหงโค ท. คาว ศพั ทเดิมมาจาก โค ลง สฺมึ สตั ตมวี ภิ ตั ติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว คาโว ลง สฺมึ คง สฺมึ ไว สำเรจ็ รปู เปน คาวสฺมึ คาวสฺมึ แปลวา ในโค ศัพทเดมิ มาจาก โค ลง สมฺ ึ สัตตมีวภิ ตั ติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว แปลง สฺมึ เปน มฺหิ สำเร็จรปู เปน คาวมฺหิ คาวมหฺ ิ แปลวา ในโค ศพั ทเดิมมาจาก โค ลง สฺมึ สัตตมีวภิ ัตติ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ กบั สฺมึ เปน เอ สำเร็จรปู เปน คาเว คาเว แปลวา ในโค ศัพทเดิมมาจาก โค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ พหุวจนะ ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรปู เปน โคสุ โคสุ แปลวา ในโค ท. ศัพทเดิมมาจาก โค ลง สุ สตั ตมีวภิ ัตติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รูปเปน คาเวสุ คาเวสุ แปลวา ในโค ท. ศพั ทเ ดิมมาจาก โค ลง สิ อาลปนะ เอกวจนะ แปลง โค เปน คาว ลง สิ ลบ สิ ทงิ้ เสยี สำเร็จรปู เปน คาว คาว แปลวา แนะโค ศัพทเ ดมิ มาจาก โค ลง โย อาลปนะ พหวุ จนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ กับ โย เปน โอ สำเร็จรปู เปน คาโว คาโว แปลวา แนะโค ท. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 236

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 237 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ขอ ควรจำของ โค ศพั ท ๑. โค เปนคำสามัญ ไมนิยมวาเปนเพศผู หรือเพศเมีย เปน เทฺววจนะ (ในคมั ภรี ส ทั ทนตี ิ ทา นวาเปน โอ การันต ในปงุ ลงิ ค และ อิตถลี งิ ค) ๒. โค ศัพท เม่อื เขาสมาส ถามี ปติ ศพั ทอยทู าย แปลง นํ เปน อํ ได เชน โค + นํ + ปติ = ควมฺปติ (เจาแหงโค ท.) แมไมม ี ปติ ศัพทอยทู า ย กแ็ ปลง นํ เปน อํ ได เชน ควํ (แหง โค ท.) เหมือน ในคำวา “ควฺเจ ตรมานานํ, อุชุ คจฺฉติ ปุงฺคโว... – ถาเมื่อโค ทั้งหลาย วายขาม (แมน ำ้ ) ไป โคหัวหนาฝงู วา ยขามตรงไป...” ๓. โค ศพั ท เมอื่ เขา สมาสแลว คงรปู เปน โค ไวตามเดิม เชน โคปาโล, โคปติ เปน ตน ๔. โค ศัพทน้ี ในปุงลิงค มีรูปเปน โคณ แจกตามแบบ อ การันต ใน ปงุ ลงิ ค (ปรุ ิส) ในอิตถีลิงค มีรปู เปน คาวี แจกตามแบบ อี การนั ต ในอติ ถลี งิ ค (นารี) และโค ศัพท ยังเปลี่ยนแปลงรูปไดอีก ๖ อยา ง คอื (๑) เปน คาวุ (๒) เปน คาว (๓) เปน คุ (๔) เปน คว (๕) เปน ควย เปน อ การนั ต ใน ปงุ ลิงค (๖) เปน ควช เปน อ การันต ใน ปงุ ลิงค 237

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 238 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ศัพทพิเศษ ๖ ศพั ท ๑. ปมุ (ชาย) เปน ปงุ ลงิ ค มที ี่ใชแต ป. เอก. ปมุ า เทาน้ัน ๒. สา (หมา) เปนคำกลางๆ ไมนยิ มวาเปน เพศผูหรอื เพศเมีย เหมอื นกบั ศพั ท คือ โค มที ่ใี ชแต ป. เอก. สา เทานัน้ ปุงลิงค มรี ูปเปน สนุ ข แจกตามแบบ อ การันตใ นปงุ ลงิ ค (ปรุ สิ ) อิตถลี งิ ค มรี ูปเปน สุนขี แจกตามแบบ อี การนั ตในอติ ถลี ิงค (นาร)ี ๓. อทฺธา (กาลยดื ยาว) เปน ปงุ ลงิ ค มที ีใ่ ชแ ต ป. เอก. อทฺธา, ท.ุ เอก. อทฺธาน,ํ ต. เอก. อทธฺ ุนา, จ. ฉ. เอก. อทฺธุโน, ส. เอก. อทธฺ าเน เทานั้น ๔. มฆว (ช่ือพระอินทร, ทาวมฆวะ) เปนปุงลิงค มีท่ีใชแต ป. เอก. มฆวา เทา น้ัน ๕. ยวุ (ชายหนมุ ) เปนทฺวลิ งิ ค (ปงุ ลิงค และอิตถลี งิ ค) ในปงุ ลิงคใชมากแต ป. เอก. ยุวา เทานนั้ ในอิตถีลงิ ค เปน ยุวตี แจกตามแบบ อี การนั ต ในอิตถีลิงค (นารี) ๖. สข (เพือ่ น) เปนทวฺ ิลิงค (ปงุ ลิงค และอติ ถีลิงค) ในปงุ ลงิ คใ ชมากแต ป. เอก. สขา เทานัน้ ในอติ ถลี ิงค เปน สขี แจกตามแบบ อี การันต ในอติ ถีลงิ ค (นาร)ี ตอไปนี้จะแจกศัพททั้ง ๖ ซ่ึงปรากฏในคัมภีรกัจจายมูล เฉพาะวิภัตติที่ทาน แจกไวพอเปน ตัวอยา ง ถาวิภตั ตใิ ดไมป รากฏก็เวนวา งไว ดงั ตอ ไปน:้ี - 238

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 239 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ปุม (ชาย) เปน ปงุ ลิงค แจกอยางน้ี เอก. พห.ุ ป. ปุมา ปมุ าโน ปมุ า ท.ุ ต. ปมุ านา ปมุนา ปเุ มน ปุเมหิ ปุเมภิ จ. ป.ฺ ฉ. ปมุ ุโน ส. ปเุ ม ปุมาเน ปมุ าสุ ปมุ าเนสุ อา. ปมุ ํ ปมุ าโน มฆว (ทา วมฆวะ) เปนปุงลิงค แจกอยางนี้ เอก. พห.ุ มฆวานา ป. มฆวา มฆวาโน ท.ุ มฆวานํ มฆวาเนน มฆวาสุ ต. มฆวานา จ. ปฺ. ฉ. ส. อา. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 239

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 240 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ยวุ (ชายหนมุ ) เปน ทฺวลิ งิ ค ในปงุ ลงิ คแจกอยา งน้ี เอก. พหุ. ยุวานา ป. ยวุ า ยุวาโน ยุวาเน ท.ุ ยุวานํ ยเุ วน ต. ยุวานา ยวุ าสุ จ. ป.ฺ ฉ. ส. อา. สข (เพ่ือน) เปนทฺวิลิงค ในปุงลิงคแจกอยา งนี้ เอก. พหุ. สขาโน สขาโย ป. สขา สขารํ ท.ุ สขานํ สขโิ น สขาเรหิ ต. สขินา สขีนํ จ. สขิสฺส ปฺ. สขีนํ สขารานํ ฉ. สขาเรสุ ส. สขา อา. สข เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 240

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 241 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ แบบประเมินผลตนเองกอ นเรียน หนว ยท่ี ๑๑ วัตถปุ ระสงค เพอ่ื ประเมินผลความรเู ดิมของนกั เรียนเกีย่ วกบั เรอ่ื ง “กติปยศพั ท : คำช้ีแจง มาตุ, มน, กมฺม, โค และศัพทพ เิ ศษ ใหนักเรียนอานคำถาม แลวเขียนวงกลมลอมรอบขอคำตอบท่ี ถูกตองท่สี ุดเพยี งขอเดียว ๑. มาตุ ในอาลปนะ นยิ มใชศ ัพทใ ดแทน ? ก. ตาต ข. ธตี ุ ค. อมฺม ง. มน ๒. มโนคณศัพทม ศี ัพทอยเู ทาไร ? ก. ๖ ข. ๑๒ ค. ๑๘ ง. ๒๐ ๓. ศพั ทต อไปนี้ ศัพทใดมไิ ดอ ยใู นพวกมโนคณศัพท ? ก. อย ข. เจต ค. สสี ง. วจ ๔. มโนคณศพั ท เฉพาะ อํ ท.ุ เอก. นอกจากคงไวแ ลว ทำอยา งไรไดอ กี ? ก. แปลง อํ เปน ยํ ข. เอา อํ เปน นํ ค. เอา อํ เปน โอ ง. เอา อํ เปน อานิ ๕. มโนคณศพั ท เมือ่ สมาสกบั ศพั ทอนื่ ตองทำอยางไร ? ก. เอาสระที่สดุ ของตนเปน โอ ข. เอาสระทสี่ ดุ ของตนเปน อา ค. เอาสระที่สดุ ของตนเปน เอ ง. เอาสระทสี่ ุดของตนเปน อุ ๖. มโนคณศัพทมีวิธีแจกตา งจาก ปงุ ลงิ ค และ นปุงสกลงิ ค ในวิภัตตใิ ดบาง ? ก. ส,ิ นา, ส, สมฺ า ข. โย, หิ, นํ, สุ ค. อ,ํ สมฺ า, สมฺ ึ, โย ง. นา, ส, สฺมา, ส, สมฺ ึ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 241

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 242 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ ๗. กมฺม เปนลิงคอ ะไร ? ก. ปุงลงิ ค ข. อติ ถลี งิ ค ค. นปุงสกลงิ ค ง. ไตรลงิ ค ๘. โค ศพั ท เมอื่ ตองการเปน อติ ถลี ิงค ตอ งทำอยางไร ? ก. แปลงเปน โคณา ข. แปลงเปน คาวนิ ี ค. แปลงเปน คาวา ง. แปลงเปน คาวี ๙. ศพั ทพเิ ศษที่ปรากฏอยูในกตปิ ยศพั ทม เี ทา ไร ? ก. ๖ ศพั ท ข. ๑๒ ศัพท ค. ๑๘ ศัพท ง. ๒๔ ศพั ท ๑๐. สา ศัพท เมอ่ื ตองการเปนปุงลงิ ค แปลงเปนอะไร ? ก. สุนข ข. สนุ ขี ค. สาข ง. สน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 242

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 243 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ แบบประเมนิ ผลตนเองหลังเรยี น หนว ยท่ี ๑๑ วตั ถุประสงค เพอื่ ประเมินผลความกาวหนา ของนกั เรียนเก่ียวกับเรอื่ ง คำชแี้ จง “กติปยศัพท : มาตุ, มน, กมฺม, โค และศัพทพิเศษ ปญ หามี ๒ ตอน ตอนท่ี ๑ ใหน ักเรยี นแจกศพั ทตอ ไปน้มี าใหถกู ตอง ๑. ธตี ุ ๒. วจ ๓. คาวี ตอนที่ ๒ นักเรยี นจงบอกวิธีเปลี่ยนวิภัตติ และการนั ตข องบทตอ ไปน้มี าให ถกู ตอง ๑. มาตโร ๒. มนโส (ปงุ ลิงค) ๓. มนสา (ปงุ ลงิ ค) ๔. กมฺมนิ ๕. คาเวสุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 243

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 244 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เฉลยแบบประเมินผล กอ นเรยี น ๑. ค ๒. ข ๓. ค ๔. ค ๕. ก ๖. ง ๗. ค ๘. ง ๙. ก ๑๐. ก หลงั เรียน ตอนท่ี ๑ ไดแ จกศัพทเ หลา น้ันดวยวิภัตตทิ ง้ั ๗ ดงั ตอไปน้ี ๑. ธตี ุ (ธิดา) เปน อติ ถลี งิ ค แจกอยา ง มาตุ (มารดา) อยางน้ี เอก. พหุ. ป. ธีตา ธตี โร ท.ุ ธตี รํ ธีตโร ต. ธีตรา ธตี ุยา ธีตราหิ ธตี ราภิ ธีตูหิ ธตี ูภิ จ. ธตี ุ ธตี ุยา ธีตรานํ ธีตูนํ ปฺ. ธตี รา ธีตราหิ ธีตราภิ ธตี หู ิ ธตูภิ ฉ. ธีตุ ธตี ยุ า ธตี รานํ ธีตูนํ ส. ธีตริ ธีตราสุ อา. ธีตา ธีตโร เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 244

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 245 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ๒. วจ (วาจา) เปนปงุ ลิงค แจกอยาง มน (ใจ) อยางนี้ เอก. พหุ. วจา ป. วโจ (วโจ) วเจ ท.ุ วจํ วเจหิ วเจภิ ต. วจสา วจานํ จ. วจโส วเจหิ วเจภิ ปฺ. วจสา วจานํ ฉ. วจโส วเจสุ ส. วจสิ วจา อา. วจ ๓. คาวี (แมโ ค) เปน อติ ถลี งิ ค แจกอยา ง นารี (นาง) อยางนี้ เอก. พห.ุ คาวิโย คาวี ป. คาวี คาวิยํ คาวโิ ย คาวี ทุ. คาวึ คาวยิ ํ คาวหี ิ คาวีภิ ต. คาวิยา คาวนี ํ จ. คาวยิ า คาวหี ิ คาวภี ิ ป.ฺ คาวิยา คาวีนํ ฉ. คาวยิ า คาวีสุ ส. คาวิยา คาวิโย คาวี อา. คาวิ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 245

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 246 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ตอนท่ี ๒ ใหนักเรียนบอกวธิ ีเปลี่ยนวภิ ัตติ และการนั ตข องบทตอ ไปนมี้ าใหถกู ตอ ง ๑. มาตโร ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลงิ ค ลง โย ปฐมาวภิ ัตติ มาตโร พหุวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง โย เปน โอ แลวลบ อ ท่สี ุดแหง อร มาตโร ท้ิงเสยี สำเร็จรูปเปน มาตโร มาตโร แปลวา อ.แม ท. ศพั ทเดิมมาจาก มาตุ อุ การนั ต ในอติ ถลี งิ ค ลง โย ทุติยาวภิ ตั ติ ๒. มนโส พหุวจนะ เอา อุ เปน อร แปลง โย เปน โอ แลว ลบ อ ที่สุดแหง อร มนโส ท้ิงเสยี สำเร็จรูปเปน มาตโร มาตโร แปลวา ซงึ่ แม ท. ศัพทเดิมมาจาก มาตุ อุ การันต ในอิตถีลิงค ลง โย อาลปนะ ๓. มนสา พหวุ จนะ เอา อุ เปน อร แปลง โย เปน โอ แลว ลบ อ ที่สดุ แหง อร มนสา ทิ้งเสยี สำเร็จรปู เปน มาตโร มาตโร แปลวา แนะแม ท. ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ ๔. กมมฺ นิ เอกวจนะ แปลง ส เปน โอ แลวลง ส อาคม สำเรจ็ รูปเปน มนโส ๕. คาเวสุ มนโส แปลวา แกใ จ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน โอ แลวลง ส อาคม สำเร็จรูปเปน มนโส มนโส แปลวา แหง ใจ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันต ในปุงลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ แปลง นา เปน อา แลวลง ส อาคม สำเร็จรปู เปน มนสา มนสา แปลวา ดวยใจ ศัพทเดิมมาจาก มน อ การันตในปุงลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง สมฺ า เปน อา แลว ลง ส อาคม สำเรจ็ รปู เปน มนสา มนสา แปลวา แตใ จ ศพั ทเ ดมิ มาจาก กมมฺ อ การนั ต ในนปุงสกลงิ ค ลง สมฺ ึ สัตตมี วิภตั ติ เอกวจนะ แปลง สฺมึ เปน นิ สำเร็จรปู เปน กมฺมนิ กมฺมนิ แปลวา ในกรรม ศพั ทเ ดมิ มาจาก โค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ พหุวจนะ แปลง โค เปน คาว เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรปู เปน คาเวสุ คาเวสุ แปลวา ในโค ท. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 246

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 247 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ แผนการสอนวชิ าบาลไี วยากรณ หนว ยที่ ๑๒ เร่ือง สงั ขยา : ปกตสิ งั ขยา เวลาทำการสอน ๓ คาบ สาระสำคญั ภาษาบาลีมีวิธีการนับนามนาม เพ่ือใหรูวานามนามน้ันมีจำนวนมากนอย เทา ไร ซง่ึ วิธกี ารนบั ดังกลาวทางภาษาบาลเี รยี กวา สงั ขยา สังขยานนั้ ใชน บั นามนามโดยปกตบิ า ง ใชน ับนามนามเปน ทเ่ี ตม็ ในทน่ี ้นั ๆ บาง ปกติสังขยา ที่เปนสัพพนามก็ดี เปนคุณนามก็ดีบอกจำนวนของนามนามบทใด ตอ งประกอบลงิ ค วจนะ วภิ ตั ติ ใหเ หมอื นนามนามบทน้นั ปกติสังขยา ที่เปนนามนาม บอกจำนวนของนามนามบทใด ตองประกอบ นามนามบทนนั้ ดว ยฉฏั ฐีวิภตั ติ พหวุ จนะ และเรียงไวห นาปกติสังขยา จดุ ประสงค ๑. เพ่ือใหนกั เรยี นรจู ักวธิ ีการนับในทางภาษาบาลี ๒. เพ่ือใหนักเรยี นแยกประเภทของสังขยาได ๓. เพ่ือใหนักเรียนสามารถจัดปกติสังขยาลงในนามศัพท ลิงค วจนะ และ วภิ ตั ตไิ ด ๔. เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถอธบิ ายวธิ แี จกปกตสิ ังขยาไดท กุ ตัว ๕. นักเรียนรูและเขาใจในการใชปกติสงั ขยาในการนับนาม เน้ือหา ๑. สงั ขยา ๒. ประเภทของสงั ขยา ๓. วิธนี บั ปกตสิ ังขยา ๔. การจัดปกตสิ ังขยาลงในนามศพั ท ลิงค วจนะ และวภิ ัตติ 247

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 248 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ๕. วธิ ีแจกและวธิ ีเปลย่ี นวิภัตติ และการันตข องปกตสิ ังขยาดวยวิภัตติทั้ง ๗ ๖. การใชป กตสิ งั ขยาในการนบั นาม กิจกรรม ๑. ประเมินผลกอนเรียน ๒. ใหนักเรียนทองปกติสังขยาต้ังแต เอก ถึง โกฏิ และแจกปกติสังขยา ดว ยวภิ ตั ติท้ัง ๗ ในลงิ คทั้ง ๓ ลงิ ค ๓. ครนู ำเขาสบู ทเรียน และอธิบายเนอื้ หา ๔. ครูสอนนักเรียนเปลี่ยนวิภัตติ และการันตปกติสังขยาเปนแบบอยาง แลวใหนักเรียนวาทีละองค หรือทีละแถว หรือทีละกลุม ตามความ เหมาะสม จนครบ ๕. บัตรคำ ครูยกจำนวนปกติสังขยามาแลวสอบถามนักเรียนวาจัดลง ในนามศพั ท ลงิ ค วจนะ และวภิ ัตตใิ ด ๖. ครสู รุปเนอ้ื หาทงั้ หมด ๗. ประเมินผลหลงั เรียน ๘. ใบงาน - ใหน ักเรยี นแจกศพั ทป กตสิ ังขยา ๓-๕ ศพั ทเ ปนการบาน ๙. กจิ กรรมเสนอแนะ ๑. ทอ งแมแบบได ๒. เปล่ยี นวิภัตติ และการนั ตไดถ ูกตอ ง ๓. แจกศพั ทปกติสงั ขยาได (สง่ั เปน การบานดว ย) ส่อื การสอน ๑. ตำราท่ีใชประกอบการเรยี น-การสอน ๑.๑ หนังสือพระไตรปฎก ๑.๒ หนังสือพจนานุกรมมคธ-ไทย โดย พันตรี ป. หลงสมบุญ สำนักเรียนวดั ปากน้ำ จดั พิมพ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑.๓ หนงั สอื พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ 248

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 249 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ๑.๔ หนงั สอื พจนานุกรมพุทธศาสน ฉบบั ประมวลศัพท โดย พระธรรมปฎก (ป.อ. ปยตุ ฺโต) ๑.๕ หนงั สือคูมอื บาลีไวยากรณ นพิ นธ โดย สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ฯ ๑.๖ หนงั สอื ปาลิทเทส ของ สำนักเรยี นวดั ปากนำ้ ๑.๗ คัมภรี อ ภธิ านปั ปทปี ก า ๑.๘ หนังสอื อุภยั พากยป รวิ ัตน ๒. อุปกรณท่ีควรมีประจำหอ งเรยี น ๒.๑ กระดานดำ-แปรงลบกระดาน-ชอลก หรอื กระดานไวทบ อรด ๒.๒ เคร่ืองฉายขา มศรี ษะ (Over-head) ๒.๓ คอมพิวเตอรและเครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร ๓. บตั รคำ ๔. ใบงาน วธิ ีวดั ผล-ประเมินผล ๔.๑ สอบถามความเขาใจ ๔.๒ สงั เกตพฤติกรรมการมีสว นรวมในกจิ กรรม ๔.๓ สงั เกตความกาวหนาดานพฤตกิ รรมการเรยี นรขู องผเู รยี น ๔.๔ ตรวจใบงาน ๔.๕ ตรวจแบบประเมนิ ผลกอนเรียน-หลงั เรียน 249

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 250 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ สงั ขยา เมื่อกลาวถึงวิชาการทางดานคณิตศาสตร ไมวาจะเปนวิชาการทางโลกหรือ ทางธรรมก็ตาม นับไดวาเปนวิชาที่สรางความหนักใจใหแกผูเรียนบางไมมากก็นอย เพราะจะมีความยากในแบบเฉพาะของแตละประเภท ทั้งนี้ เพราะเนื้อหาของวิชาจะมี สูตรสำเร็จเปนของเฉพาะตน อยางไรก็ตาม ถึงแมจะเปนวิชาที่เขาใจกันวายาก แตถานักเรียนมีความ ตั้งใจและสนใจท่ีจะศึกษาอยางแทจริงแลว ก็จะมิใชเปนส่ิงที่ยากเกินกวาจะสามารถท่ี จะเรยี นได ในทางภาษาบาลี ศาสตรวาดวยการคำนวณ นักปราชญทางดานภาษาบาลี บัญญตั เิ รียกวา “สังขยา” ความหมายของ คำวา “สังขยา” คำวา “สังขยา” นน้ั ไดม ีนกั วชิ าการใหความหมายแตกตางกนั ออกไป ดังตอ ไปน้ี สงฺขฺยา (อติ .ฺ ) การนับ, การคำนวณ, วิชาคำนวณ สังขยา คือ ศัพทที่เปนเครื่องกำหนดนับนามนาม. สํปุพฺโพ, ขฺยา ปกถเน, อ. ส. สงฺขยา. (พจนานุกรม มคธ-ไทย โดย พันตรี ป.หลงสมบุญ สำนักเรียน วดั ปากน้ำ จัดพิมพ พ.ศ. ๒๕๔๐ หนา ๖๘๔) สงั ขยา (-ขะหยา) น. การนับ, การคำนวณ (ป. สงฺขยา ; ส. สํขยา) (พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หนา ๘๐๒) ในหนงั สือคูม อื เลม นี้ จะใหความหมายของคำวา “สังขยา” วา “ศพั ทท ่ีเปน เครอ่ื งกำหนดนับนามนาม” ประเภทของสังขยา สังขยาแบงออก เปน ๒ ประเภท คอื ปกติสงั ขยา ๑ ปรู ณสงั ขยา ๑ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 250

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 251 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ปกตสิ ังขยา ปกติสังขยา คือ การนบั จำนวนโดยปกติ เชน ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ เปนตน ทงั้ นี้ เพื่อใหรูวานามนามน้ันมีจำนวนเทาไร เหมือนคำพูดในภาษาไทยวา เด็ก ๑ คน, พระภกิ ษุ ๒ รูป เปน ตน ขอสังเกต ภาษาไทย จะมีเฉพาะจำนวนเลขวา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ เทาน้ัน ภาษาบาลี มีเฉพาะศพั ทสังขยาไมมีปจ จัยตอ ทา ย เชน เอก, ทฺว,ิ ติ เปน ตน ปรู ณสังขยา ปูรณสังขยา คือ การนับนามนามเปนจำนวนเต็มในที่นั้นๆ กลาวคือ การนบั เปนชั้นๆ ใชเปนเอกวจนะอยางเดียว เชน ที่ ๑ ท่ี ๒ ที่ ๓ ท่ี ๔ ที่ ๕ เปน ตน เหมือนคำพดู ในภาษาไทยของเราวา พระภิกษุรปู ที่ ๑, บุตรชายคนที่ ๒ เปนตน ขอ สงั เกต ภาษาไทย จะมคี ำวา “ท่ี” กำกับอยทู ่ตี วั เลขดวย เชน ท่ี ๑, ที่ ๒, ท่ี ๓, ท่ี ๔, ที่ ๕ เปนตน ภาษาบาลี จะมีปจจัย คือ ติย, ถ, , ม, อี ตอทายปกติสังขยา เชน ทตุ ิย, จตตุ ฺถ, ฉฏ , ปจฺ ม, เอกาทสี เปน ตน วิธนี ับปกติสังขยา วธิ ีนับปกตสิ งั ขยา อยา งน้ี :- เอก ๑ ทวฺ าทส, พารส ๑๒ ทวฺ ิ ๒ เตรส ๑๓ ติ ๓ จตทุ ฺทส, จุทฺทส ๑๔ จตุ ๔ ปจฺ ทส, ปณณฺ รส ๑๕ ปจฺ ๕ โสฬส ๑๖ ฉ ๖ สตตฺ รส ๑๗ สตฺต ๗ อฏ ารส ๑๘ อฏ ๘ เอกนู วีสติ, อนู วสี ๑๙ นว ๙ วีส, วสี ติ ๒๐ ทส ๑๐ เอกวีสติ ๒๑ เอกาทส ๑๑ ทฺวาวสี ต,ิ พาว.ี สติ ๒๒ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 251

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 252 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ เตวีสติ ๒๓ เทวฺ จตตฺ าฬส ๔๒ จตุวีสติ ๒๔ เตจตตฺ าฬส ๔๓ ปจฺ วีสติ ๒๕ จตจุ ตฺตาฬส ๔๔ ฉพพฺ สี ติ ๒๖ ปฺจจตฺตาฬส ๔๕ สตฺตวีสติ ๒๗ ฉจตฺตาฬส ๔๖ อฏวสี ติ ๒๘ สตฺตจตฺตาฬส ๔๗ เอกนู ตฺตึส, อูนตตฺ สึ ๒๙ อฏจตฺตาฬส ๔๘ ตสึ , ตสึ ติ ๓๐ เอกนู ปฺ าส, อูนปฺ าส ๔๙ เอกตฺตึส ๓๑ ปฺาส, ปณฺณาส ๕๐ ทวฺ ตตฺ ึส, พตตฺ ึส ๓๒ สฏ ี ๖๐ เตตตฺ สึ ๓๓ สตตฺ ติ ๗๐ จตุตตฺ ึส ๓๔ อสตี ิ ๘๐ ปจฺ ตฺตึส ๓๕ นวุติ ๙๐ ฉตตฺ ึส ๓๖ สต รอย สตตฺ ตตฺ ึส ๓๗ สหสฺส พนั อฏตฺตสึ ๓๘ ทสสหสฺส หมน่ื เอกนู จตฺตาฬส , อูนจตตฺ าฬส ๓๙ สตสหสฺส, ลกขฺ ํ แสน จตตฺ าฬส, ตาฬส ๔๐ ทสสตสหสฺส ลาน เอกจตตฺ าฬส ๔๑ โกฏิ โกฏิ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 252

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 253 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ การจัดปกตสิ ังขยาลงในนามศัพท ต้ังแต เอก ถึง จตุ (๑-๔) เปน สัพพนาม ตั้งแต ปจฺ ถึง อฏ นวตุ ิ (๕-๙๘) เปน คุณนาม ตงั้ แต เอกูนสตํ (๙๙) ขนึ้ ไป เปน นามนาม การจดั ปกติสังขยาลงในลิงค ตัง้ แต เอก ถงึ อฏารส (๑-๑๘) เปน ได ๓ ลิงค ตั้งแต เอกูนวีสติ ถงึ อฏนวุติ (๑๙-๙๘) เปน อติ ถลี ิงคอยา งเดียว ต้ังแต เอกนู สตํ (๙๙) ข้นึ ไป เปนนปุงสกลงิ คอ ยา งเดยี ว เฉพาะ โกฏิ (โกฏ)ิ เปน อิตถีลงิ ค การจัดปกตสิ ังขยาลงในวจนะ เอก เปนเอกวจนะอยา งเดยี ว ต้ังแต ทฺวิ ถึง อฏ ารส (๒-๑๘) เปนพหุวจนะอยา งเดยี ว ต้งั แต เอกนู วีสติ ถึง อฏ นวตุ ิ (๑๙-๙๘) เปน เอกวจนะอยา งเดียว ต้งั แต เอกนู สตํ (๙๙) ขึน้ ไป เปน ไดท ้งั สองวจนะ การจัดปกตสิ ังขยาลงในวิภตั ติ ตงั้ แต เอก ถึง จตุ (๑-๔) แจกตามแบบของตน ต้งั แต ปจฺ ถงึ อฏารส (๕-๑๘) แจกอยา ง ปฺจ ตงั้ แต เอกนู วสี ถงึ ปฺ าส (๑๙-๕๐) แจกอยา ง เอกูนวสี ตัง้ แต เอกนู วีสติ ถงึ อฏตฺตสึ ติ (๑๙-๓๘) แจกตามแบบ อิ การนั ต ในอิตถลี งิ ค (รตฺต)ิ ต้งั แต เอกนู สฏ ถงึ อฏสฏ  (๕๙-๖๘) แจกตามแบบ อี การันต ในอิตถีลิงค (นารี) ตัง้ แต เอกูนสตฺตติ ถึง อฏนวตุ ิ (๖๙-๙๘) แจกตามแบบ อิ การนั ต ในอิตถลี งิ ค (รตตฺ )ิ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 253

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 254 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ตัง้ แต เอกูนสตํ (๙๙) ขึ้นไป เวน โกฏิ (โกฏ)ิ แจกตามแบบ อ การนั ต เฉพาะ โกฏิ แจกอยา ง รตตฺ ิ ในนปุงสกลิงค (กลุ ) วธิ ีแจก และวิธีเปลย่ี นวิภตั ติ และการนั ตของปกติสงั ขยา เอก ศพั ท เอก ศพั ท ใชเปน ๒ อยา ง คอื เปนสังขยาอยา ง ๑ เปนสัพพนามอยาง ๑ ๑. เอกที่เปนปกติสังขยา เปนเอกวจนะอยางเดียว เปนไตรลิงค แจก ตามแบบของตน ๒. เอกที่เปนสัพพนาม เปนไดท้ังสองวจนะ เปนไตรลิงค แจกตามแบบ ย ศัพท แปลกจาก ย ศัพทเฉพาะ ในอิตถีลิงค เอกวจนะ จตุตถีวิภัตติ, ฉัฏฐีวิภัตติ เปน เอกสิ สฺ า; สัตตมีวภิ ตั ติ เปน เอกสิ ฺสํ เทา น้นั ทีเ่ ปน พหุวจนะ ใหแ ปลวา พวกหน่งึ , เหลา หนงึ่ เชน เอเก อาจรยิ า แปลวา อ. อาจารย ท. พวกหนึง่ เปนตน เอก (๑) ศพั ท เปน เอกวจนะอยางเดียว ในปุงลิงค แจกอยา งน้ี เอก. ป. เอโก ท.ุ เอกํ ต. เอเกน จ. เอกสสฺ ปฺ. เอกสฺมา เอกมฺหา ฉ. เอกสสฺ ส. เอกสฺมึ เอกมฺหิ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 254

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 255 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เอก (๑) ศพั ท ในปงุ ลงิ ค มวี ิธเี ปลยี่ นวภิ ัตติ และการนั ต ดังน้ี เอโก ศัพทเ ดิมมาจาก เอก อ การันตใ นปุงลงิ ค ลง สิ ปฐมาวภิ ัตติ เอกวจนะ เอกํ เอา อ กบั สิ เปน โอ สำเรจ็ รปู เปน เอโก เอโก (ปุริโส) แปลวา (อ.บุรุษ) เอเกน ๑ คน เอกสฺส ศพั ทเดิมมาจาก เอก อ การันตใ นปุงลิงค ลง อํ ทตุ ิยาวภิ ตั ติ เอกวจนะ เอกสมฺ า ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน เอกํ เอกํ (ปรุ ิสํ) แปลวา (ซ่ึงบรุ ษุ ) ๑ คน เอกมหฺ า ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในปุงลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอกสสฺ เอา อ กับ นา เปน เอน สำเร็จรูปเปน เอเกน เอเกน (ปรุ เิ สน) แปลวา เอกสมฺ ึ (ดวยบรุ ษุ ) ๑ คน เอกมหฺ ิ ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในปุงลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน สฺส สำเร็จรูปเปน เอกสฺส เอกสฺส (ปุริสสฺส) แปลวา (แกบรุ ษุ ) ๑ คน ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในปุงลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอก วจนะ ลง สฺมา คง สมฺ า ไว สำเร็จรปู เปน เอกสฺมา เอกสมฺ า (ปรุ สิ สฺมา) แปลวา (แตบ รุ ุษ) ๑ คน ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในปุงลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง สฺมา เปน มฺหา สำเร็จรูปเปน เอกมฺหา เอกมฺหา (ปรุ ิสสมฺ า) แปลวา (แตบ รุ ุษ) ๑ คน ศัพทเ ดิมมาจาก เอก อ การันตใ นปุงลิงค ลง ส ฉฏั ฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน สฺส สำเรจ็ รูปเปน เอกสสฺ เอกสฺส (ปุริสสสฺ ) แปลวา (แหง บุรุษ) ๑ คน ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในปุงลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ ลง สฺมึ คง สฺมึ ไว สำเร็จรูปเปน เอกสฺมึ เอกสฺมึ (ปุริสสฺมึ) แปลวา (ในบรุ ุษ) ๑ คน ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในปุงลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง สมฺ ึ เปน มฺหิ สำเร็จรูปเปน เอกมฺหิ เอกมหฺ ิ (ปรุ สิ มหฺ ิ) แปลวา (ในบุรุษ) ๑ คน เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 255

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 256 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) เอก (๑) ศัพทเ ปนเอกวจนะอยางเดียว ในอติ ถีลงิ ค (เอกา) แจกอยา งนี้ เอก. ป. เอกา ท.ุ เอกํ ต. เอกาย จ. เอกาย ปฺ. เอกาย ฉ. เอกาย ส. เอกาย เอก (๑) ศพั ท ในอิตถลี งิ ค (เอกา) มวี ธิ เี ปลย่ี นวิภัตติ และการนั ต ดงั นี้ เอกา ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ ลง สิ ลบ สิ ทิ้งเสีย สำเรจ็ รปู เปน เอกา เอกา (สาลา) แปลวา (อ.ศาลา) ๑ หลงั เอกํ ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ รสั สะ อา เปน อ ลง อํ คง อํ ไว สำเรจ็ รูปเปน เอกํ เอกํ (สาลํ) แปลวา (ซ่ึงศาลา) ๑ หลัง เอกาย ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กับ นา เปน อาย สำเร็จรปู เปน เอกาย เอกาย (สาลาย) แปลวา (ดว ยศาลา) ๑ หลัง เอกาย ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กับ ส เปน อาย สำเรจ็ รูปเปน เอกาย เอกาย (สาลาย) แปลวา (แกศาลา) ๑ หลัง เอกาย ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กับ สฺมา เปน อาย สำเร็จรูปเปน เอกาย เอกาย (สาลาย) แปลวา (แตศาลา) ๑ หลงั 256

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 257 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เอกาย ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กบั ส เปน อาย สำเรจ็ รปู เปน เอกาย เอกาย (สาลาย) แปลวา (แหงศาลา) ๑ หลัง เอกาย ศัพทเดิมมาจาก เอกา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กับ สฺมึ เปน อาย สำเร็จรูปเปน เอกาย เอกาย (สาลาย) แปลวา (ในศาลา) ๑ หลัง เอก (๑) ศพั ท เปนเอกวจนะอยางเดยี ว ในนปุงสกลงิ ค (เอกํ) แจกอยางนี้ เอก. ป. เอกํ ท.ุ เอกํ ต. เอเกน จ. เอกสสฺ ป.ฺ เอกสมฺ า เอกมฺหา ฉ. เอกสฺส ส. เอกสมฺ ึ เอกมฺหิ เอก (๑) ศพั ท ในนปงุ สกลงิ ค (เอกํ) มีวธิ ีเปล่ียนวภิ ตั ติ และการันต เหมอื นในปุงลงิ ค ตางกันเฉพาะหมวดปฐมาวิภตั ติ ดงั น้ี เอกํ ศัพทเดิมมาจาก เอก อ การันตในนปุงสกลิงค ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ แปลง สิ เปน อํ สำเร็จรูปเปน เอกํ เอกํ (ปณฺณํ) แปลวา (อ.หนังสอื ) ๑ เลม 257

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 258 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ ทวฺ ิ ศพั ท ทฺวิ เปนศัพทที่ยังไมไดแจกวิภัตติ คือ เปนศัพทเดิม ถาแจกดวยวิภัตติ ก็แจกเปน อยา งเดียวกันทงั้ ๓ ลิงค เม่ือตอกับสังขยาที่เปนจำนวนอื่นก็ดี ตอกับศัพทนามก็ดี แปลง ทฺวิ ได ๖ อยาง คอื ๑. แปลง ทฺวิ เปน ทิ เชน ทโิ ช - สตั ว เกิด ๒ หน ๒. แปลง ทฺวิ เปน ทุ เชน ทุปฏํ - ผา ๒ ชิ้น ๓. แปลง ทฺวิ เปน เทวฺ เชน เทวฺ จตฺตาฬส เปนตน ๔. แปลง ทฺวิ เปน ทวฺ า เชน ทวฺ าทส, ทวฺ าวสี ติ และ ทวฺ าสฏ  ๕. แปลง ทวฺ ิ เปน พา เชน พาวสี ติ ๖. คง ทฺวิ ไว เชน ทฺวิปาทา - สัตวสองเทา ทฺวิ (๒) ศพั ทเ ปน พหุวจนะอยางเดียว ใน ๓ ลงิ ค แจกอยางนี้ พห.ุ ทุเว ทเุ ว ป. เทวฺ ทุ. เทฺว ทวุ ินนฺ ํ ต. ทฺวีหิ จ. ทฺวินฺนํ ทวุ นิ ฺนํ ปฺ. ทฺวีหิ ฉ. ทวฺ ินฺนํ ส. ทฺวสี ุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 258

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 259 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ทวฺ ิ (๒) ศัพท ใน ๓ ลงิ ค มีวธิ ีเปลีย่ นวิภตั ติ และการันต ดงั น้ี เทฺว ศัพทเดิมมาจาก ทฺวิ ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ทฺวิ กับ โย เปน เทฺว สำเรจ็ รปู เปน เทวฺ เทวฺ (ปุตฺตา) แปลวา (อ.บตุ ร ท.) ๒ คน ทเุ ว ศัพทเดิมมาจาก ทฺวิ ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ทฺวิ กับ โย เปน ทเุ ว สำเร็จรปู เปน ทุเว ทุเว (ปุตฺตา) แปลวา (อ.บตุ ร ท.) ๒ คน เทฺว ศัพทเดิมมาจาก ทฺวิ ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ทฺวิ กับ โย เปน เทฺว สำเร็จรูปเปน เทวฺ เทฺว (ปุตฺเต) แปลวา (ซ่ึงบตุ ร ท.) ๒ คน ทเุ ว ศัพทเดิมมาจาก ทฺวิ ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ทฺวิ กับ โย เปน ทเุ ว สำเร็จรูปเปน ทุเว ทุเว (ปุตเฺ ต) แปลวา (ซึ่งบุตร ท.) ๒ คน ทฺวหี ิ ศัพทเดิมมาจาก ทฺวิ ลง หิ ตติยาวภิ ัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อิ เปน อี ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน ทฺวหี ิ ทวฺ หี ิ (ปตุ ฺเตหิ) แปลวา (ดว ยบตุ ร ท.) ๒ คน ทวฺ ินนฺ ํ ศพั ทเ ดมิ มาจาก ทฺวิ ลง นํ จตุตถวี ภิ ัตติ พหวุ จนะ ลง นํ ซอ น นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ (ปุตฺตานํ) แปลวา (แกบตุ ร ท.) ๒ คน ทุวนิ นฺ ํ ศัพทเดิมมาจาก ทฺวิ ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ เอา ทฺวิ เปน ทุว เอา อ เปน อิ ลง นํ ซอน นฺ หนา นํ แลว คง นํ ไว สำเรจ็ รปู เปน ทวุ นิ นฺ ํ ทุวินนฺ ํ (ปุตฺตานํ) แปลวา (แกบ ุตร ท.) ๒ คน ทฺวหี ิ ศัพทเ ดิมมาจาก ทวฺ ิ ลง หิ ปญจมีวภิ ัตติ พหวุ จนะ ทีฆะ อิ เปน อี ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน ทฺวหี ิ ทวฺ หี ิ (ปตุ ฺเตห)ิ แปลวา (แตบ ตุ ร ท.) ๒ คน ทฺวนิ ฺนํ ศพั ทเ ดิมมาจาก ทฺวิ ลง นํ ฉัฏฐีวภิ ัตติ พหุวจนะ ลง นํ ซอ น นฺ หนา นํ แลว คง นํ ไว สำเรจ็ รูปเปน ทวฺ ินนฺ ํ ทวฺ ินฺนํ (ปุตตฺ าน)ํ แปลวา (แหงบุตร ท.) ๒ คน ทุวนิ นฺ ํ ศัพทเดมิ มาจาก ทวฺ ิ ลง นํ ฉฏั ฐวี ิภตั ติ พหวุ จนะ เอา ทวฺ ิ เปน ทุว เอา อ เปน อิ ลง นํ ซอน นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน ทุวินฺนํ ทุวินฺนํ (ปตุ ฺตาน)ํ แปลวา (แหง บตุ ร ท.) ๒ คน ทวฺ ีสุ ศพั ทเ ดิมมาจาก ทวฺ ิ ลง สุ สตั ตมีวภิ ตั ติ พหุวจนะ ทีฆะ อิ เปน อี ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รปู เปน ทวฺ สี ุ ทฺวีสุ (ปตุ เฺ ตสุ) แปลวา (ในบุตร ท.) ๒ คน หมายเหตุ : ทฺวิ เปนไตรลิงค แตในวิธีเปลี่ยนวิภัตติ และการันตประกอบนามนาม (ปุตตฺ ) ซง่ึ เปนปุงลงิ ค ไวเปนตวั อยา งเทาน้ัน 259

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 260 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ขอ สงั เกต มีศัพทอีกศัพทหน่ึงท่ีมีความหมายเหมือนกับ ทฺวิ คือ อุภ แปลวา ทั้งสอง ใชนับนามนามอยางเดียว ไมใชเขากับสังขยานาม มีแบบแจกเฉพาะทั้ง ๓ ลิงค และ อุภ ศัพทน ี้ นิยมใชน บั นามนามทเ่ี ปน คกู ันตามธรรมชาติ เชน อโุ ภ หตฺถา - มือทั้งสอง อุโภ ชายปตกิ า - เมยี และผวั ทั้งสอง อโุ ภ จกขฺ ูนิ - นยั นต าท้งั สอง อุภ (ท้งั สอง) ศพั ท เปน พหวุ จนะอยา งเดยี ว ใน ๓ ลิงค แจกอยา งนี้ พหุ. ป. อุโภ ทุ. อุโภ ต. อุโภหิ จ. อภุ ินฺนํ ปฺ. อุโภหิ ฉ. อภุ นิ นฺ ํ ส. อโุ ภสุ อุภ (ท้ังสอง) ศพั ท ใน ๓ ลงิ ค มีวิธเี ปล่ียนวิภตั ติ และการันต ดงั น้ี อุโภ ศพั ทเ ดิมมาจาก อุภ ลง โย ปฐมาวภิ ัตติ พหุวจนะ เอา อ กบั โย เปน โอ สำเร็จรปู เปน อุโภ อโุ ภ (ปตุ ฺตา) แปลวา (อ.บตุ ร ท.) ทง้ั สองคน อุโภ ศัพทเดิมมาจาก อุภ ลง โย ทตุ ยิ าวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา อ กับ โย เปน โอ สำเรจ็ รูปเปน อุโภ อุโภ (ปตุ ฺเต) แปลวา (ซ่งึ บตุ ร ท.) ทั้งสองคน อโุ ภหิ ศัพทเ ดิมมาจาก อภุ ลง หิ ตตยิ าวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ ทส่ี ุดแหง อภุ เปน โอ ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน อุโภหิ อโุ ภหิ (ปุตเฺ ตห)ิ แปลวา (ดวยบุตร ท.) ทงั้ สองคน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 260

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 261 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ อุภินนฺ ํ ศพั ทเดิมมาจาก อภุ ลง นํ จตตุ ถีวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ ทส่ี ุดแหง อภุ เปน อิ ลง นํ ซอน นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน อุภินฺนํ อุภนิ นฺ ํ (ปตุ ตฺ าน)ํ แปลวา (แกบุตร ท.) ทั้งสองคน อุโภหิ ศัพทเดิมมาจาก อุภ ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ ท่ีสุดแหง อุภ เปน โอ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน อุโภหิ อุโภหิ (ปุตฺเตหิ) แปลวา (แตบุตร ท.) ท้งั สองคน อภุ นิ ฺนํ ศพั ทเดมิ มาจาก อุภ ลง นํ ฉฏั ฐีวภิ ตั ติ พหวุ จนะ เอา อ ทสี่ ดุ แหง อุภ เปน อิ ลง นํ ซอน นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน อุภินฺนํ อภุ นิ ฺนํ (ปุตตฺ าน)ํ แปลวา (แหงบตุ ร ท.) ทง้ั สองคน อุโภสุ ศัพทเดิมมาจาก อุภ ลง สุ สัตตมวี ิภตั ติ พหวุ จนะ เอา อ ที่สุดแหง อุภ เปน โอ ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รปู เปน อุโภสุ อุโภสุ (ปุตเฺ ตส)ุ แปลวา (ในบตุ ร ท.) ทงั้ สองคน หมายเหตุ : อุภ เปนไตรลิงค แตในวิธีเปลี่ยนวิภัตติ และการันตประกอบนามนาม (ปุตตฺ ) ซง่ึ เปน ปงุ ลิงค ไวเปนตัวอยางเทานน้ั 261

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 262 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ติ ศัพท ติ แปลวา ๓ ใชต อ กบั สังขยาคุณ สังขยานาม และนามนาม ๑. ถาตอ กบั สงั ขยาคณุ แปลง ติ เปน เต เชน ติ + ทส = เตรส (๑๓) ๒. ถาตอ กับสังขยานาม คง ติ ไว เชน ติ + สตํ = ติสตํ (สามรอย) ๓. ถา ตอ กบั นามนาม แปลง ติ เปน เต เชน ติ + วิชฺโช = เตวชิ โฺ ช (มีวชิ า ๓) ติ (๓) ศพั ท เปน พหุวจนะอยางเดยี ว ในปุงลงิ ค แจกอยา งน้ี พห.ุ ป. ตโย ท.ุ ตโย ต. ตีหิ จ. ตณิ ฺณํ ติณณฺ นนฺ ํ ปฺ. ตีหิ ฉ. ตณิ ณฺ ํ ตณิ ณฺ นฺนํ ส. ตีสุ ติ (๓) ศพั ท ในปงุ ลงิ ค มีวิธเี ปลี่ยนวภิ ัตติ และการันต ดงั น้ี ตโย ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ติ กับ โย เปน ตโย สำเร็จรูปเปน ตโย ตโย (ภิกฺขู) แปลวา (อ.ภิกษุ ท.) ๓ รูป ตโย ศพั ทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลงิ ค ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ติ กับ โย เปน ตโย สำเร็จรูปเปน ตโย ตโย (ภิกฺขโว) แปลวา (ซงึ่ ภิกษุ ท.) ๓ รปู ตหี ิ ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหุวจนะ ทฆี ะ อิ เปน อี ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน ตีหิ ตหี ิ (ภิกขฺ ูห)ิ แปลวา (ดว ยภกิ ษุ ท.) ๓ รูป 262

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 263 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ตณิ ฺณํ ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ ติณณฺ นฺนํ เอา อิ ท่ีสุดแหง ติ กับ นํ เปน อิณฺณํ สำเร็จรูปเปน ติณฺณํ ติณฺณํ ตีหิ (ภกิ ฺขูนํ) แปลวา (แกภกิ ษุ ท.) ๓ รปู ตณิ ณฺ ํ ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ ตณิ ฺณนนฺ ํ เอา อิ ท่ีสุดแหง ติ กับ นํ เปน อิณฺณนฺนํ สำเร็จรูปเปน ติณฺณนฺนํ ตสี ุ ตณิ ฺณนฺนํ (ภกิ ขฺ นู )ํ แปลวา (แกภ ิกษุ ท.) ๓ รูป ศพั ทเดิมมาจาก ติ อิ การันตใ นปุงลงิ ค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหวุ จนะ ทฆี ะ อิ เปน อี ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน ตีหิ ตีหิ (ภิกขฺ หู ิ) แปลวา (แตภิกษุ ท.) ๓ รูป ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อิ ท่ีสุดแหง ติ กับ นํ เปน อิณฺณํ สำเร็จรูปเปน ติณฺณํ ติณฺณํ (ภกิ ขฺ ูนํ) แปลวา (แหง ภิกษุ ท.) ๓ รูป ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อิ ที่สุดแหง ติ กับ นํ เปน อิณฺณนฺนํ สำเร็จรูปเปน ติณฺณนฺนํ ติณฺณนนฺ ํ (ภิกขฺ ูน)ํ แปลวา (แหงภิกษุ ท.) ๓ รูป ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในปุงลิงค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อิ เปน อี ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรปู เปน ตสี ุ ตีสุ (ภกิ ขฺ ูสุ) แปลวา (ในภิกษุ ท.) ๓ รปู ติ (๓) ศพั ท เปน พหุวจนะอยางเดียว ในอติ ถลี งิ ค แจกอยา งนี้ พหุ. ป. ติสฺโส ท.ุ ตสิ โฺ ส ต. ตีหิ จ. ตสิ สฺ นนฺ ํ ป.ฺ ตีหิ ฉ. ตสิ ฺสนฺนํ ส. ตีสุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 263

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 264 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ติ (๓) ศพั ท ในอิตถีลิงค มีวธิ ีเปลย่ี นวิภตั ติ และการนั ต ดังน้ี ตสิ ฺโส ศพั ทเดมิ มาจาก ติ อิ การันตใ นอิตถีลิงค ลง โย ปฐมาวภิ ัตติ พหุวจนะ ตสิ ฺโส เอา ติ กับ โย เปน ติสฺโส สำเร็จรูปเปน ติสฺโส ติสฺโส (นารี) แปลวา ตีหิ (อ.นาง ท.) ๓ คน ตสิ สฺ นฺนํ ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในอิตถีลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ ตีหิ พหุวจนะ เอา ติ กับ โย เปน ติสโฺ ส สำเร็จรูปเปน ติสฺโส ติสโฺ ส (นารโิ ย) ติสฺสนนฺ ํ แปลวา (ซงึ่ นาง ท.) ๓ คน ตีสุ ศัพทเดมิ มาจาก ติ อิ การนั ตใ นอติ ถลี ิงค ลง หิ ตตยิ าวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อิ เปน อี ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน ตหี ิ ตหี ิ (นารหี )ิ แปลวา (ดว ยนาง ท.) ๓ คน ศัพทเ ดิมมาจาก ติ อิ การันตในอิตถลี งิ ค ลง นํ จตตุ ถวี ิภัตติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน สฺสนฺนํ สำเร็จรูปเปน ติสฺสนฺนํ ติสฺสนฺนํ (นารีนํ) แปลวา (แกน าง ท.) ๓ คน ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหวุ จนะ ทีฆะ อิ เปน อี ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน ตหี ิ ตหี ิ (นารีห)ิ แปลวา (แตนาง ท.) ๓ คน ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในอิตถีลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ แปลง นํ เปน สฺสนฺนํ สำเร็จรูปเปน ติสฺสนฺนํ ติสฺสนฺนํ (นารีนํ) แปลวา (แหง นาง ท.) ๓ คน ศพั ทเ ดมิ มาจาก ติ อิ การันตใ นอติ ถีลิงค ลง สุ สัตตมีวภิ ัตติ พหุวจนะ ทฆี ะ อิ เปน อี ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรปู เปน ตสี ุ ตีสุ (นารสี )ุ แปลวา (ในนาง ท.) ๓ คน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 264

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 265 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ติ (๓) ศัพท เปน พหุวจนะอยางเดยี ว ในนปงุ สกลิงค แจกอยา งนี้ พห.ุ ป. ตณี ิ ทุ. ตณี ิ ต. ตหี ิ จ. ติณฺณํ ตณิ ฺณนฺนํ ปฺ. ตหี ิ ฉ. ตณิ ฺณํ ติณณฺ นฺนํ ส. ตสี ุ ติ (๓) ศัพท ในนปงุ สกลงิ ค มวี ธิ เี ปลี่ยนวิภัตติ และการันต เหมือน ในปงุ ลิงค ตา งกันเฉพาะหมวดปฐมาวภิ ัตติ และทุตยิ าวภิ ัตติ ดังนี้ ตีณิ ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในนปุงสกลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ติ กับ โย เปน ตีณิ สำเร็จรูปเปน ตีณิ ตีณิ (ฉตฺตานิ) แปลวา (อ.รม ท.) ๓ คนั ตีณิ ศัพทเดิมมาจาก ติ อิ การันตในนปุงสกลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ติ กับ โย เปน ตีณิ สำเร็จรูปเปน ตีณิ ตีณิ (ฉตฺตานิ) แปลวา (ซ่ึงรม ท.) ๓ คนั 265

¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 266 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ จตุ ศัพท จตุ แปลวา ๔ มวี ธิ ีใช ดังน้ี ๑. เมื่อตอกบั สงั ขยาคณุ แปลง จตุ เปน จุ เชน จตุ + ทส = จทุ ฺทส (๑๔) ๒. คง จตุ ไว เชน จตุ + ปารสิ ุทธฺ สิ ลี ํ = จตปุ าริสทุ ฺธสิ ีลํ จตุ (๔) ศัพท เปนพหวุ จนะอยางเดยี ว ในปุงลงิ ค แจกอยา งน้ี พหุ. ป. จตฺตาโร จตุโร ทุ. จตฺตาโร จตโุ ร ต. จตูหิ จ. จตุนฺนํ ป.ฺ จตหู ิ ฉ. จตนู ฺนํ ส. จตูสุ จตุ (๔) ศัพท ในปุงลิงค มวี ิธเี ปล่ยี นวภิ ตั ติ และการันต ดงั น้ี จตตฺ าโร ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตใ นปงุ ลิงค ลง โย ปฐมาวภิ ตั ติ พหุวจนะ จตโุ ร เอา จตุ กับ โย เปน จตฺตาโร สำเร็จรูปเปน จตฺตาโร จตฺตาโร จตฺตาโร (สามเณรา) แปลวา (อ.สามเณร ท.) ๔ รปู ศพั ทเ ดิมมาจาก จตุ อุ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง โย ปฐมาวิภตั ติ พหุวจนะ เอา จตุ กับ โย เปน จตุโร สำเรจ็ รปู เปน จตโุ ร จตุโร (สามเณรา) แปลวา (อ.สามเณร ท.) ๔ รปู ศัพทเ ดิมมาจาก จตุ อุ การันตในปงุ ลิงค ลง โย ทตุ ยิ าวภิ ัตติ พหวุ จนะ เอา จตุ กับ โย เปน จตฺตาโร สำเร็จรูปเปน จตฺตาโร จตฺตาโร (สามเณเร) แปลวา (ซงึ่ สามเณร ท.) ๔ รูป เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 266

เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 267 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ จตุโร ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง โย ทุติยาวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา จตุ กับ โย เปน จตุโร สำเร็จรูปเปน จตุโร จตุโร (สามเณเร) แปลวา (ซึ่งสามเณร ท.) ๔ รปู จตหู ิ ศพั ทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตใ นปงุ ลงิ ค ลง หิ ตตยิ าวภิ ัตติ พหุวจนะ ทฆี ะ อุ เปน อู ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน จตูหิ จตหู ิ (สามเณเรหิ) แปลวา (ดวยสามเณร ท.) ๔ รปู จตนุ ฺนํ ศพั ทเ ดิมมาจาก จตุ อุ การนั ตใ นปงุ ลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหวุ จนะ ลง นํ ซอน นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน จตุนฺนํ จตุนฺนํ (สามเณราน)ํ แปลวา (แกส ามเณร ท.) ๔ รปู จตูหิ ศัพทเดมิ มาจาก จตุ อุ การนั ตใ นปงุ ลิงค ลง หิ ปญ จมีวภิ ตั ติ พหุวจนะ ทีฆะ อุ เปน อู ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน จตูหิ จตูหิ (สามเณเรห)ิ แปลวา (แตส ามเณร ท.) ๔ รปู จตนุ ฺนํ ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในปุงลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ ลง นํ ซอน นฺ หนา นํ แลวคง นํ ไว สำเร็จรูปเปน จตุนฺนํ จตุนฺนํ (สามเณราน)ํ แปลวา (แหงสามเณร ท.) ๔ รูป จตูสุ ศัพทเ ดิมมาจาก จตุ อุ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง สุ สตั ตมวี ภิ ตั ติ พหุวจนะ ทฆี ะ อุ เปน อู ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรูปเปน จตูสุ จตูสุ (สามเณเรส)ุ แปลวา (ในสามเณร ท.) ๔ รูป จตุ (๔) ศพั ท เปน พหุวจนะอยางเดียว ในอติ ถีลงิ ค แจกอยา งน้ี พห.ุ ป. จตสฺโส ท.ุ จตสโฺ ส ต. จตูหิ จ. จตสสฺ นฺนํ ป.ฺ จตหู ิ ฉ. จตสฺสนนฺ ํ ส. จตสู ุ 267

¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 268 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ จตุ (๔) ศัพท ในอติ ถลี งิ ค มวี ธิ ีเปล่ียนวภิ ัตติ และการนั ต ดังน้ี จตสโฺ ส ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในอิตถีลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ จตสฺโส พหุวจนะ เอา จตุ กับ โย เปน จตสฺโส สำเร็จรูปเปน จตสฺโส จตสฺโส จตหู ิ (รชฺชโุ ย) แปลวา (อ.เชือก ท.) ๔ เสน จตสฺสนนฺ ํ ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในอิตถีลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ จตูหิ พหุวจนะ เอา จตุ กับ โย เปน จตสฺโส สำเร็จรูปเปน จตสฺโส จตสฺโส จตสสฺ นฺนํ (รชฺชุโย) แปลวา (ซึง่ เชือก ท.) ๔ เสน จตูสุ ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในอิตถีลิงค ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อุ เปน อู ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน จตูหิ จตูหิ (รชฺชหู )ิ แปลวา (ดว ยเชอื ก ท.) ๔ เสน ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในอิตถีลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อุ แหง จตุ เปน อ แปลง นํ เปน สสฺ นฺนํ สำเร็จรูปเปน จตสสฺ นฺนํ จตสสฺ นฺนํ (รชฺชูน)ํ แปลวา (แกเชือก ท.) ๔ เสน ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อุ เปน อู ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน จตูหิ จตูหิ (รชฺชหู ิ) แปลวา (แตเชือก ท.) ๔ เสน ศัพทเดมิ มาจาก จตุ อุ การนั ตใ นอติ ถีลงิ ค ลง นํ ฉฏั ฐีวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา อุ แหง จตุ เปน อ แปลง นํ เปน สสฺ นนฺ ํ สำเร็จรูปเปน จตสสฺ นนฺ ํ จตสสฺ นฺนํ (รชชฺ นู ํ) แปลวา (แหง เชือก ท.) ๔ เสน ศัพทเดิมมาจาก จตุ อุ การันตในอิตถีลิงค ลง สุ สัตตมีวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อุ เปน อู ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รปู เปน จตูสุ จตสู ุ (รชฺชสู )ุ แปลวา (ในเชือก ท.) ๔ เสน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 268


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook