¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 319 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ อฑฒฺ ศพั ท สังขยาท่มี จี ำนวนหลังสดุ เปนครง่ึ หนึ่งของจำนวนเต็ม คอื ๕๐, ๕๐๐, ๕,๐๐๐ เปนตน เมื่อตอดวย อฑฺฒ ตองใชจำนวนเต็ม ประกอบกับ อฑฺฒ ศัพท ซ่ึง อฑฺฒ ศพั ทน ี้ แปลวา กึ่ง หรอื ครึง่ แตมไิ ดห มายถึง กงึ่ หรือ คร่ึง ของจำนวนเตม็ ท้งั หมด หมายถงึ ก่งึ หรือ ครึ่ง ของจำนวนเต็มหลงั สดุ ตวั อยา งเชน จำนวนที่ จำนวนเต็ม จำนวนเต็ม ครง่ึ หนงึ่ ประกอบ ตองการ หลังสดุ ของ อฑฒฺ จำนวนเต็ม ศพั ทเ ปน หลงั สดุ ชน ๑๕๐ คน ๒๐๐ ๑๐๐ ๕๐ ทยิ ฑฒฺ ชนสตํ รถ ๔๕๐ คนั ๕๐๐ ๑๐๐ ๕๐ อฑฒฺ ปจฺ มรถสตํ โจร ๒,๕๐๐ คน ๓,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๕๐๐ อฑฺฒเตยฺยโจรสหสฺสํ ภกิ ษุ ๕,๕๐๐ รปู ๖,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๕๐๐ อฑฺฒฉฏ ภกิ ขฺ สุ หสสฺ ํ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 319
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 320 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ การตอ อฑฒฺ ศัพทเขากับปรู ณสงั ขยา ๑. ใหเ พมิ่ จำนวนเขา ไปอกี คร่งึ หน่ึงของจำนวนเต็มหลังสุดนั้น เชน ๑๕๐ เปน ๒๐๐, ๒๕๐ เปน ๓๐๐ เปนตน ๒. ประกอบ อฑฺฒ ดวยตติยาวิภตั ติ เอกวจนะ เปน อฑเฺ ฒน แปลวา ดว ยทั้งกงึ่ ๓. ถาตอ กบั ปูรณสังขยาเปน เอกวจนะ ถา ตอกับปกติสงั ขยาเปน พหุวจนะ ๔. ถา ตอ กบั สงั ขยาจำนวนตัง้ แต ๒ - ๔ มกี ารเปลี่ยนแปลง ดงั น้ี - ตอกับ ทตุ ิย หรอื ทวฺ ิ มรี ปู เปน ทยิ ฑฺฒ หรือ ทวิ ฑฒฺ - ตอกบั ตตยิ หรือ ติ มีรปู เปน อฑฺฒเตยฺย หรอื อฑฒฺ ตยิ - ตอ กบั จตตุ ถฺ หรอื จตุ มีรูปเปน อฑฺฒฑุ ฺฒ ๕. ถา ตอกบั สังขยาต้งั แต ๕ (ปฺจ) ข้นึ ไป ใหเรียง อฑฺฒ ไวห นาสังขยา เชน อฑฒฺ ปจฺ ม, อฑฺฒฉฏ, อฑฺฒเตรสม เปนตน ตัวอยางการตอ อฑฺฒ ศพั ทเขากบั ปรู ณสังขยา ๑๕๐ = อฑเฺ ฒน ทตุ ิยํ สตํ เปน ทิยฑฒฺ สตํ ๒,๕๐๐ แปลวา อ.รอ ยทส่ี องดวยทง้ั ก่งึ ๓๕,๐๐๐ ๒๑,๕๐๐ = อฑเฺ ฒน ตติยํ สหสสฺ ํ เปน อฑฒฺ เตยฺยสหสฺสํ แปลวา อ.พันทสี่ ามดว ยทงั้ กึง่ = อฑฺเฒน จตตุ ถฺ ํ ทสสหสฺสํ เปน อฑฺฒุฑฒฺ ทสสหสสฺ ํ แปลวา อ.หมืน่ ทีส่ ด่ี ว ยทง้ั ก่ึง = อฑฺเฒน พาวสี ติมํ สหสสฺ ํ เปน อฑฺฒพาวสี ตมิ สหสสฺ ํ แปลวา อ.พันท่ยี ส่ี ิบสองดว ยทัง้ กึ่ง เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 320
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 321 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ การตอ อฑฒฺ ศพั ท เขากบั ปูรณสังขยา แบบมนี ามแทรก ในกรณีมนี ามนามมาแทรก ใหว างศัพทน ามนามไวห นาสังขยาหลักรอ ย, พนั เปน ตน ตดิ ตอกนั เชน นก ๑๕๐ ตัว = อฑเฺ ฒน ทุติยํ สกณุ สตํ เปน ทยิ ฑฒฺ สกณุ สตํ แปลวา อ.รอยแหง นกท่ีสองดว ยทงั้ กง่ึ ภกิ ษุ ๑,๒๕๐ รูป = อฑฺเฒน เตรสมํ ภิกขฺ สุ ตํ เปน อฑฒฺ เตรสมภกิ ฺขุสตํ แปลวา อ.รอยแหง ภกิ ษทุ ีส่ บิ สามดวยทง้ั ก่งึ การตอ อฑฒฺ ศพั ทเ ขา กบั ปกติสงั ขยา ๑๕๐ = อฑเฺ ฒน เทฺว สตานิ เปน ทยิ ฑฒฺ านิ สตานิ แปลวา อ.รอ ย ท. สองดว ยทงั้ ก่ึง ๑,๕๐๐ = อฑฺเฒน เทวฺ สหสสฺ านิ เปน ทิยฑฺฒานิ สหสฺสานิ แปลวา อ.พนั ท. สองดวยท้ังกง่ึ การตอ อฑฒฺ ศัพท เขา กับปกติสังขยา แบบมนี ามแทรก ในกรณมี ีนามนามมาแทรก ใหว างศพั ทนามนามไวห นาสังขยาหลักรอ ย, พัน เปน ตน ติดตอกัน เชน ปาฏิหาริย ๓,๕๐๐ อยา ง อฑฺเฒน จตตฺ าริ ปาฏิหารยิ สหสฺสานิ เปน อฑฒฺ ุฑฺฒานิ ปาฏหิ ารยิ สหสฺสานิ แปลวา อ.พันแหง ปาฏิหาริย ท. ส่ดี วยท้งั ก่งึ งู ๓๕,๐๐๐,๐๐๐ อฑเฺ ฒน จตสฺโส อหิโกฏิโย เปน อฑฺฒฑุ ฒฺ า อหิโกฏโิ ย แปลวา อ.โกฏแิ หงงู ท.สด่ี วยทงั้ ก่ึง 321
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 322 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ในกรณีที่ขางหนาเปนเลข ๑๑, ๑๒, ๑๓, ๑๔, ๑๕ ขึ้นไปเร่ือย ๆ และ ขางทายเปน ๕๐, ๕๐๐, ๕,๐๐๐, ๕๐,๐๐๐ เปนตน ทานใหรวมเลขขางหนาเปน หลักเดียวกัน เชน ๑,๑๕๐ ใหรวม ๑๑ เปนหลักรอย แลว เพมิ่ อีก ๑ เปน ๑๒ และเรยี ง อฑฒฺ ไวขา งหนา เปน อฑฺฒทวฺ าทสานิ สตานิ แปลวา อ.รอ ย ท. สบิ สองดว ยทั้งกึ่ง ๑๕,๕๐๐ ทา นใหรวม ๑๕ เปน หลกั พนั แลว เพิม่ อกี ๑ เปน ๑๖ และ เรยี ง อฑฺฒ ไวขางหนา เปน อฑฺฒโสฬสานิ สหสฺสานิ แปลวา อ. พัน ท. สิบหกดวยทัง้ ก่ึง ในกรณีที่มีนามแทรก ก็เหมือนกับการตอดวย อฑฺฒ ทั่วไป เพียงแตเพิ่ม นามทจ่ี ะนบั เขามาหนาสงั ขยาหลกั รอ ย, พนั เปนตน เชน สนุ ัข ๑๗๕,๐๐๐ ตัว เปน อฑฒฺ อฏ ารสานิ สุนขทสสหสฺสานิ แปลวา อ.หมน่ื แหง สุนขั ท. สิบแปดดว ยทง้ั กงึ่ 322
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 323 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ แบบประเมินผลตนเองกอนเรียน หนวยท่ี ๑๔ วัตถปุ ระสงค เพ่ือประเมินผลความรูเดิมของนักเรียนเก่ียวกับเรื่อง “สังขยา : คำช้ีแจง ปรู ณสงั ขยา” ใหนักเรียนทำเครื่องหมายถูก ( ) หนาขอท่ีถูกตอง และทำ เคร่อื งหมายผิด ( ) หนา ขอ ที่ผิด ( ) ๑. ปูรณสังขยา จะมีปจจัยคือ ติย ถ ม อี ตอทายปกติสังขยา ใชเปน เอกวจนะอยางเดียว ( ) ๒. อี ปจจยั ใชตอกบั สังขยาจำนวน เอกาทส ถงึ อฏารส ในลิงคท ง้ั ๓ ( ) ๓. อ.ภกิ ษุที่ ๑๐๐ ตอเปน สตมา ภกิ ฺขู ( ) ๔. ดว ยศาลา ที่ ๒๕ ตอ เปน ปฺจวสี ติมาย สาลาย ( ) ๕. อุบาสก ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ ใช อฑฺฒ ศัพทตอเปน อฑฺเฒน ทุติยาโย อุปาสกโกฏิโย = ทิยฑฺฒอุปาสกโกฏโิ ย ( ) ๖. นำ้ ๓๕,๐๐๐ ใช อฑฺฒ ศัพทตอ เปน อฑเฺ ฒน จตฺตาริ อทุ กทสหสสฺ านิ = อฑฒฺ ุฑฺฒอุทกสหสฺสานิ ( ) ๗. อฑฺฒ ศัพท ตอ เขา กับปูรณสงั ขยาไดอยา งเดยี ว ( ) ๘. ม ปจจยั ประกอบกับ เอกสงั ขยา มรี ปู เปน เอกโม ( ) ๙. ปูรณสังขยาเปนเอกวจนะอยา งเดียว ( ) ๑๐. ปูรณสงั ขยาเปนนามนามอยา งเดยี ว เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 323
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 324 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ แบบประเมินผลตนเองหลงั เรยี น หนวยที่ ๑๔ วตั ถุประสงค เพ่ือประเมินผลความกาวหนาของนักเรียนเก่ียวกับเร่ือง“สังขยา : คำชีแ้ จง ปรู ณสงั ขยา” ใหนักเรียนทำเคร่ืองหมายถูก ( ) หนาขอท่ีถูกตอง และทำ เคร่ืองหมายผดิ ( ) หนาขอ ทผ่ี ดิ ( ) ๑. ปรู ณสงั ขยา จะมปี จ จัยคอื ตยิ ถ ม อี ตอทา ยปกติสังขยา ใชไ ดท ง้ั สอง วจนะ ( ) ๒. อี ปจจัยใชต อกบั สงั ขยาจำนวน เอกาทส ถึง อฏารส เฉพาะอิตถลี ิงค ( ) ๓. อ.ภกิ ษทุ ่ี ๑๐๐ ตอเปน สตโม ภิกขฺ ุ ( ) ๔. ดว ยศาลา ที่ ๒๕ ตอเปน ปจฺ วีสติมาหิ สาลาหิ ( ) ๕. อุบาสก ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ ใช อฑฺฒ ศัพทตอเปน อฑฺเฒน ทุติยา อุปาสกโกฏิ = ทิยฑฺฒอปุ าสกโกฏิ ( ) ๖. น้ำ ๓๕,๐๐๐ ใช อฑฺฒ ศัพทตอเปน อฑฺเฒน จตฺตาริ อุทกทสหสฺสํ = อฑฒฺ ฑุ ฺฒอุทกสหสฺสํ ( ) ๗. อฑฒฺ ศัพท ตอเขากับปกตสิ งั ขยาไมไ ด ( ) ๘. ม ปจจัย ประกอบกับ เอกสังขยา มรี ูปเปน ปโม ( ) ๙. ปูรณสังขยาเปน พหุวจนะอยา งเดยี ว ( ) ๑๐. ปรู ณสงั ขยาเปน คุณนามอยางเดยี ว เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 324
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 325 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง หนวยที่ ๑๔ ขอ กอนเรยี น หลงั เรยี น ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 325
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 326 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) แผนการสอนวิชาบาลีไวยากรณ หนว ยท่ี ๑๕ เร่ือง สัพพนาม : ปุริสสัพพนาม เวลาทำการสอน ๓ คาบ สาระสำคญั นามอีกประเภทหนึ่ง ที่บัญญัติขึ้นใชแทนนามนาม เพื่อจะไมใหซ้ำซาก ซึง่ ฟง ไมเ พราะหู เชน ทาน เธอ ฉัน เปนตน เรยี กวา สพั พนามๆ แบงออกเปน ๒ คือ ปุรสิ สัพพนาม ๑ วเิ สสนสพั พนาม ๑ นามที่ใชแ ทนชอื่ นามนามโดยตรง เรยี กวา ปุรสิ สัพพนาม. จดุ ประสงค ๑. นักเรยี นรแู ละเขา ใจความหมายของสพั พนาม ๒. นกั เรียนบอกประเภทของสพั พนามได ๓. นกั เรียนบอกประเภทของปรุ สิ สพั พนามได ๔. นักเรยี นรูและเขาใจวิธีใชปรุ ิสสัพพนามได ๕. นักเรยี นสามารถแจกและเปล่ยี นวภิ ตั ติ และการนั ตป ุรสิ สัพพนามไดท กุ ตวั เนือ้ หา ๑. สัพพนาม ๒. ปุริสสัพพนาม : ต, ตมุ หฺ , อมหฺ กจิ กรรม ๑. ประเมนิ ผลกอนเรียน ๒. ครนู ำเขา สูบทเรยี น ๓. ใหน กั เรียนวาแบบ ๔. บตั รคำ ๕. ซกั ถามความเขา ใจ 326
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 327 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ๖. ประเมนิ ผลหลงั เรียน ๗. ใบงาน สือ่ การสอน ๑. ตำราท่ใี ชป ระกอบการเรียน-การสอน ๑.๑ หนังสือพระไตรปฎ ก ๑.๒ หนงั สอื พจนานุกรมมคธ-ไทย โดย พนั ตรี ป. หลงสมบุญ สำนกั เรยี นวัดปากนำ้ จดั พมิ พ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑.๓ หนงั สอื พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ๑.๔ หนังสือพจนานุกรมพทุ ธศาสน ฉบบั ประมวลศพั ท โดย พระธรรมปฎ ก (ป.อ. ปยุตฺโต) ๑.๕ หนังสอื คูมอื บาลไี วยากรณ นพิ นธ โดย สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ฯ ๑.๖ หนงั สือปาลทิ เทส ของ สำนกั เรยี นวดั ปากน้ำ ๑.๗ คมั ภรี อ ภธิ านัปปทีปกา ๑.๘ หนังสอื อภุ ยั พากยป รวิ ัตน ๒. อุปกรณท่ีควรมีประจำหอ งเรยี น ๒.๑ กระดานดำ-แปรงลบกระดาน-ชอลก หรือ กระดานไวทบ อรด ๒.๒ เคร่ืองฉายขา มศรี ษะ (Over-head) ๒.๓ คอมพวิ เตอรและเคร่ืองฉายโปรเจคเตอร ๓. บตั รคำ ๔. ใบงาน วธิ วี ดั ผล-ประเมนิ ผล ๑. สอบถามความเขา ใจ ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี วนรว มในกิจกรรม ๓. สงั เกตความกา วหนาดา นพฤติกรรมการเรยี นรขู องผเู รยี น ๔. ตรวจใบงาน ๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลกอ นเรียน-หลังเรียน สัพพนาม 327
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 328 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) สพั พนาม ผูศึกษาเคยทราบในตอนตนมาบางแลววา คำนี้จัดเปนสวนหน่ึง ของนาม ศัพทซ่ึงมลี ักษณะใชแทนคำนามนามทงั้ สอง (สาธารณะและอสาธารณะ) หรอื ขอ ความ ตา งๆ ทเ่ี คยออกช่ือ และเขาใจกันอยูแลว ซึง่ เปน คำแทนชือ่ เพือ่ ใหทราบถึงนามนาม ทเ่ี คยกลา วมาแลว , หากไมมคี ำประเภทนีไ้ วใช เนื้อความก็ดี คำพูดกด็ ี จะซ้ำๆ ซากๆ จนนาเบือ่ หู ดงั จะเหน็ ไดใ นประโยคตวั อยางนีว้ า “นายดำ ไปหานายขาว นายดำถามนายขาววา ทำไมนายขาวไมไปเท่ียว บา นนายดำบา ง เดีย๋ วน้ีบา นนายดำสนกุ มาก” ดังน้ี ขอใหผูศึกษาสังเกตการใชถอยคำซ้ำซาก เชนนั้น จะขัดหูผูฟง ผูอาน หรือ ไม ถา เปนจรงิ อยา งที่วาแลว ควรจะเปลย่ี นถอยคำสำนวนเสียใหม วา “นายดำไปหานายขาว แกถามเขาวา ทำไม คุณไมไปเท่ียวที่บานผมบาง เดี๋ยวนี้ท่นี ้ันสนกุ มาก” ดงั นี้ คำวา “แก เขา คุณ ผม นน้ั ” ทงั้ ๕ คำนปี้ รากฏขน้ึ ในประโยคตัวอยา งขาง หลงั เพอ่ื จะตดั คำนามทซ่ี ำ้ กยั นออกเสยี ง และคงไวท จ่ี ำเปน คำชนดิ นแ้ี หละ นกั ปราชญ ทางภาษาบาลีบัญญัติเรียกวา “สัพพนาม” แตทางฝายภาษาไทยเรียกวาคำแทนชื่อ ดังกลา วแลว. ความหมายของสพั พนาม สพพฺ นาม (ป.ุ ) ชื่อทง้ั ปวง, สัพพนาม, สรรพนาม ชือ่ คำนามประเภท หนึง่ สำหรับใชแทนชื่อคนและสงิ่ ของทอี่ อกชอื่ มาแลว (พจนานุกรม มคธ-ไทย โดย พนั ตรี ป.หลงสมบญุ สำนักเรยี น วัดปากนำ้ จดั พมิ พ พ.ศ. ๒๕๔๐ หนา ๗๐๙) สพั , สพั พะ (ว.ิ ) สรรพ, ทกุ ส่ิง, ทั้งปวง, ท้งั หมด (ป.สพพฺ ; ส. สรว) (พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ สถาน พ.ศ. ๒๕๓๖ หนา ๘๐๘) นาม, นามมะ (น.) ช่ือ, ราชาศัพทวา พระนาม; คำชนิดหน่ึงในไวยากรณ สำหรบั เรียกคน สัตว ที่ และสิ่งของตางๆ ; ส่ิงทีไ่ มม ีรปู คอื จติ ใจ, คูกบั รปู . (ป.) 328
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 329 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ ในหนังสือคูม อื น้ี จะใหค วามหมายของคำวา “สัพพนาม” วา “นามสำหรบั ใชแทนช่ือนามนามท่ีออกชื่อมาแลวขางตน เพ่ือไมเปนการกลาวซ้ำๆ ซากๆ ซึ่งฟง แลว ไมเ พราะหู” ประเภทของสพั พนาม สัพพนามแบง เปน ๒ ประเภท คือ ๑. ปุริสสัพพนาม ศัพทสำหรับใชแทนช่ือคนและส่ิงของ ที่ออกชื่อมาแลว ขางตน ๒. วิเสสนสัพพนาม ศพั ทสำหรบั ใชแทนชื่อคนและส่ิงของ โดยความเปน วเิ สสนะ มลี ักษณะคลา ยๆ กับคุณนาม 329
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 330 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ปรุ ิสสพั พนาม นาจะทำความเขาใจคำวา ปุริส ซึ่งอยูหนาสัพพนามเสียกอนศัพทนี้แปลกัน วา บุรุษ หรือผูชาย แตในบาลีไวยากรณไมไดหมายความวา เปนคำสำหรับใชเรียก ผูชายอยา งเดียว แมจะเปน ผหู ญิงหรอื มใิ ชก็ตามคงมคี วามหมายเชน เดียวกนั คือ ปรุ ิส ยอมมุงหมายที่จะทำหนาที่แทนตัวนามนามที่ออกช่ือมาแลว แลวโวหารที่นิยมใชกัน อยใู นสว นหนง่ึ ของบาลไี วยากรณ เพอ่ื เปน เครอ่ื งหมายสำหรบั ใชเ รยี กชอ่ื ศพั ท ประเภท หนึง่ เทา น้นั แตความมงุ หมายคงมีทวั่ ๆ ไป ดงั กลาวแลว อกี นยั หนึง่ โดยมากสำนวนโวหารของภาษาบาลีท่ีพูดเปนกลางๆ ไมเ จาะจง ใคร หรือ คนพวกหน่ึงพวกใด แตมุงจะกลาวสอนหรือตักเตือนเปนเบ้ืองหนา ก็มักจะ ยกคำวา บุรษุ บุคคล ชน สตั ว ขน้ึ กลา วเปนประธานแหง เนอ้ื ความนั้นๆ ตอไปนจี้ ะยก พระพุทธภาษิตที่มีเฉพาะแตคำวา ปุริโส หรือบุรุษ เปนประธานขึ้นเปนตัวอยางพอ เปน เคร่อื งพิสจู นเปรยี บเทยี บ คือ ๑. สทฺธา ทุติยา ปรุ ิสฺสส โหติ ศรัทธาเปนเพื่อนสองของบุรษุ . ๒. ทุลลฺ โภ ปรุ สิ าชโฺ บุรุษอาชาไนยหาไดย าก. ๓. อปฺปสฺสุตายํ ปรุ โิ ส บรุ ษุ ผูสดบั แลวนอยน้ี ยอ มแก พลิวทโฺ ทว ชรี ติ เหมือนโคถกึ . ๔. หริ ินเิ สโธ ปุรโิ ส บุรษุ ผเู กียดกันอกศุ ลวิตกเสยี ดว ย โกจิ โลกสฺมิ วชิ ชฺ ติ ความละอาย นอ ยคนจะมีในโลก. อุทาหรณทั้ง ๔ ขอน้ี ผูศึกษาคงจะเห็นแลววามีคำวา ปุริโส หรือ บุรุษ เปนตัวประธานแหงเนื้อความนั้นๆ ถาพิจารณาตามพยัญชนะแลว ดูเหมือนกับวา พระพุทธเจาจะทรงส่ังสอนแนะนำเฉพาะแตพวกบุรุษฝายเดียวเทานั้นหาไดเก่ียวของ ไปถึงฝายผูหญิงไม แตถาใครเขาใจเชนนั้น ก็นับวาเขาใจผิดถนัดเพราะพระพุทธ ภาษติ หรือ พทุ ธศาสนา ยอ มประกาศเผยแพรใหท กุ คน ไมจ ำกดั เพศภมู ฐิ านะและวยั ปฏบิ ัติตามไดทัง้ นน้ั ดังท่เี ราเขาใจกนั อยแู ลว ฉะนั้น รวมใจความวา ปุริโส คำน้ีเปนสาธารณะโวหารที่นิยมใชอยูในภาษา บาลีท่ัวไป ท้ังท่ีเปนสวนไวยากรณ และสวนธรรมคำส่ังสอน แมในอาขยาตทานก็จัด เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 330
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 331 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ บุรุษเปน ๓ ตามกิริยาศัพทท่ีประกอบดวยภัตตินั้นๆ และมีความมุงหมาย เปนอยาง เดยี วกนั ดวยอำนาจความเกย่ี วของแหง บุคคลกบั คำพดู ท่ีใชสนทนาซ่ึงกนั และกนั ปรุ สิ สัพพนามน้นั จัดเปน ๓ ตามบรุ ุษในอาขยาต คือ ๑.) ต ศพั ท = ประถมบุรษุ ๒.) ตุมฺห ศัพท = มัธยมบรุ ุษ ๓.) อมหฺ ศัพท = อตุ ตมบรุ ษุ ต (ปุรสิ สัพพนาม) ต ศัพท จัดเปน ปฐมปุริส หรือ ประถมบุรุษ สำหรับใชแทนชื่อ คน สัตว ที่ ส่ิงของ ที่กลาวมาแลว ทานบัญญัติแปลเปนไทยวา “ทาน เธอ เขา มัน” เปนตน เปลี่ยนใหถูกตามสถานะของแตละบุคคล แตในภาษาบาลีตองเปล่ียนลิงค วจนะ วภิ ตั ติ ของ ปรุ สิ สัพพนาม ใหต รงกบั ลงิ ค วจนะ วภิ ัตติ ของนามนามทอี่ อกชื่อถึง เชน ในปฐมาวิภตั ติ จะตอ งเปน ไปอยางน้ี ลิงค ประถมบุรษุ เอกวจนะ พหวุ จนะ นามนาม ประถมบุรุษ นามนาม ชโน ชนา มุนิ มนุ ิโน, มุนี ปงุ . โส กรี เต กรีโน, กรี ครุ ครโว, ครู วิ ฺู วิฺ ุโน, วิฺ ู ตารา ตาราโย, ตารา อตี ิ อตี ิโย, อตี ิ อติ . สา ธานี ตา ธานโิ ย, ธานี ยาคุ ยาคุโย, ยาคู จมู จมุโย, จมู เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 331
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 332 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เอกวจนะ พหุวจนะ ลิงค ประถมบุรษุ นามนาม ประถมบรุ ุษ นามนาม นปุง. ตํ ธนํ ธนานิ อจจฺ ิ ตานิ อจจฺ นี ิ มธุ มธนู ิ ตามตวั อยา งขางบนนี้ จะเหน็ ไดว า นามนามมกี ารันตต า งกันแต ต ศัพทแ จก วิภัตติแลวยังคงรูปอยูอยางเดียว แลวจะตองตรงกันเชนนี้ไปทุก ๆ วิภัตติ สวนการ แจกและการเปลย่ี นแปลงวภิ ตั ตนิ น้ั ในแบบไวยากรณเ ลม นาม ทา นแสดงไวโ ดยชดั เจน แลว นักศึกษาพงึ กำหนดแจก ต สพั พนาม กบั ตวั นามนามใหตรงกนั โดยนยั น้ี เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 332
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 333 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ต ศัพท ในปุงลิงค แจกอยา งนี้ เอก. พหุ. ป. โส เต ทุ. ตํ นํ เต เน ต. เตน เตหิ จ. ตสสฺ อสฺส เตสํ เตสานํ เนสํ เนสานํ ปฺ. ตสมฺ า อสฺมา ตมฺหา เตหิ ฉ. ตสฺส อสฺส เตสํ เตสานํ เนสํ เนสานํ ส. ตสฺมึ อสมฺ ึ ตมหฺ ิ เตสุ ต ศัพทใ นปงุ ลิงค มีวธิ เี ปลี่ยนวิภัตตแิ ละการันต ดงั น้ี โส ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน ส เอา อ กับ สิ เปน โอ สำเร็จรูปเปน โส โส แปลวา อ.เขา เต ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ กบั โย เปน เอ สำเรจ็ รปู เปน เต เต แปลวา อ.เขา ท. ตํ ศพั ทเ ดมิ มาจาก ต อ การนั ตในปงุ ลงิ ค ลง อํ ทุติยาวภิ ัตติ เอกวจนะ คง อํ คง อํ ไว สำเร็จรปู เปน ตํ ตํ แปลวา ซ่ึงเขา นํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน น ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน นํ นํ แปลวา ซึง่ เขา เต ศัพทเดมิ มาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง โย ทตุ ิยาวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อ กบั โย เปน เอ สำเรจ็ รปู เปน เต เต แปลวา ซงึ่ เขา ท. เน ศพั ทเ ดิมมาจาก ต อ การนั ตในปงุ ลิงค ลง โย ทุติยาวิภตั ติ พหุวจนะ แปลง ต เปน น เอา อ กับ โย เปน เอ สำเรจ็ รปู เปน เน เน แปลวา ซึ่งเขา ท. เตน ศัพทเดมิ มาจาก ต อ การันตในปงุ ลงิ ค ลง นา ตตยิ าวิภตั ติ เอกวจนะ เอา อ กับ นา เปน เอน สำเร็จรปู เปน เตน เตน แปลวา ดว ยเขา เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 333
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 334 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เตหิ ศพั ทเดมิ มาจาก ต อ การนั ตใ นปุงลงิ ค ลง หิ ตติยาวภิ ัตติ พหวุ จนะ เอา ตสสฺ อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน เตหิ เตหิ แปลวา ดวยเขา ท. อสฺส ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เตสํ แปลง ส เปน สฺส สำเรจ็ รูปเปน ตสฺส ตสสฺ แปลวา แกเขา เตสานํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน อ แปลง ส เปน สสฺ สำเร็จรปู เปน อสฺส อสสฺ แปลวา แกเ ขา เนสํ ศพั ทเดมิ มาจาก ต อ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง นํ จตตุ ถีวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สํ สำเรจ็ รปู เปน เตสํ เตสํ แปลวา แกเขา ท. เนสานํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตใ นปุงลิงค ลง นํ จตตุ ถีวภิ ัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สานํ สำเร็จรูปเปน เตสานํ เตสานํ แปลวา ตสฺมา แกเ ขา ท. อสฺมา ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ แปลง ต เปน น เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สํ สำเรจ็ รูปเปน เนสํ เนสํ ตมฺหา แปลวา แกเขา ท. เตหิ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหุวจนะ ตสฺส แปลง ต เปน น เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สานํ สำเร็จรปู เปน เนสานํ เนสานํ แปลวา แกเขา ท. ศัพทเดิมมาจาก ต อ การนั ตในปงุ ลิงค ลง สฺมา ปญ จมีวภิ ัตติ เอกวจนะ ลง สมฺ า คง สมฺ า ไว สำเร็จรปู เปน ตสมฺ า ตสฺมา แปลวา แตเขา ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตใ นปุงลิงค ลง สมฺ า ปญ จมีวภิ ตั ติ เอกวจนะ แปลง ต เปน อ ลง สมฺ า คง สมฺ า ไว สำเร็จรูปเปน อสฺมา อสฺมา แปลวา แตเ ขา ศพั ทเดมิ มาจาก ต อ การันตใ นปุงลิงค ลง สมฺ า ปญจมวี ิภัตติ เอกวจนะ แปลง สมฺ า เปน มหฺ า สำเร็จรูปเปน ตมฺหา ตมหฺ า แปลวา แตเขา ศพั ทเ ดิมมาจาก ต อ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง หิ ปญ จมวี ภิ ัตติ พหวุ จนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน เตหิ เตหิ แปลวา แตเขา ท. ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน สฺส สำเร็จรปู เปน ตสฺส ตสสฺ แปลวา แหง เขา เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 334
อสสฺ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 335 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เตสํ เตสานํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน อ แปลง ส เปน สสฺ สำเร็จรปู เปน อสสฺ อสสฺ แปลวา แหงเขา เนสํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การนั ตใ นปงุ ลงิ ค ลง นํ ฉฏั ฐีวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สํ สำเร็จรปู เปน เตสํ เตสํ แปลวา แหง เขา ท. เนสานํ ศพั ทเ ดิมมาจาก ต อ การนั ตใ นปงุ ลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สานํ สำเร็จรูปเปน เตสานํ เตสานํ แปลวา ตสฺมึ แหงเขา ท. อสมฺ ึ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ ตมฺหิ แปลง ต เปน น เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สํ สำเร็จรูปเปน เนสํ เนสํ เตสุ แปลวา แหงเขา ท. ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในปุงลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ แปลง ต เปน น เอา อ เปน เอ แปลง นํ เปน สานํ สำเร็จรปู เปน เนสานํ เนสานํ แปลวา แหง เขา ท. ศพั ทเ ดมิ มาจาก ต อ การันตใ นปงุ ลงิ ค ลง สมฺ ึ สัตตมวี ภิ ัตติ เอกวจนะ ลง สมฺ ึ คง สมฺ ึ ไว สำเร็จรปู เปน ตสมฺ ึ ตสมฺ ึ แปลวา ในเขา ศพั ทเดมิ มาจาก ต อ การันตในปุงลงิ ค ลง สมฺ ึ สตั ตมีวภิ ตั ติ เอกวจนะ แปลง ต เปน อ ลง สฺมึ คง สฺมึ ไว สำเร็จรูปเปน อสมฺ ึ อสมฺ ึ แปลวา ในเขา ศพั ทเดิมมาจาก ต อ การนั ตในปงุ ลงิ ค ลง สมฺ ึ สัตตมวี ิภตั ติ เอกวจนะ แปลง สมฺ ึ เปน มฺหิ สำเรจ็ รปู เปน ตมหฺ ิ ตมฺหิ แปลวา ในเขา ศัพทเดมิ มาจาก ต อ การนั ตใ นปุงลิงค ลง สุ สตั ตมวี ภิ ตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรูปเปน เตสุ เตสุ แปลวา ในเขา ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 335
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 336 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ต ศัพท ในอติ ถลี ิงค แจกอยา งน้ี เอก. พห.ุ ป. สา ตา ทุ. ตํ นํ ตา ต. ตาย ตาหิ จ. ตสสฺ า อสสฺ า ติสฺสา ตสิ สฺ าย ตาสํ ตาสานํ ปฺ. ตาย ตาหิ ฉ. ตสสฺ า อสสฺ า ติสฺสา ติสฺสาย ตาสํ ตาสานํ ส. ตายํ ตสฺสํ อสสฺ ํ ตสิ สฺ ํ ตาสุ ต ศพั ทในอิตถลี งิ ค มวี ิธีเปลี่ยนวิภตั ตแิ ละการันต ดังน้ี สา ศพั ทเ ดมิ มาจาก ตา อา การนั ตใ นอติ ถลี งิ ค ลง สิ ปฐมาวิภตั ติ เอกวจนะ แปลง ต เปน ส ลง สิ ลบ สิ ทิ้งเสีย สำเรจ็ รปู เปน สา สา แปลวา อ.เธอ ตา ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหวุ จนะ ลง โย ลบ โย ทงิ้ เสีย สำเรจ็ รูปเปน ตา ตา แปลวา อ.เธอ ท. ตํ ศัพทเ ดิมมาจาก ตา อา การนั ตในอิตถลี ิงค ลง อํ ทุติยาวภิ ตั ติ เอกวจนะ รัสสะ อา เปน อ ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรปู เปน ตํ ตํ แปลวา ซึ่งเธอ นํ ศพั ทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตใ นอิตถลี งิ ค ลง อํ ทตุ ยิ าวภิ ัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน น รัสสะ อา เปน อ ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน นํ แปลวา ซ่งึ เธอ ตา ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ ลง โย ลบ โย ท้งิ เสยี สำเร็จรูปเปน ตา ตา แปลวา ซึ่งเธอ ท. ตาย ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง นา ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กบั นา เปน อาย สำเร็จรปู เปน ตาย ตาย แปลวา ดว ยเธอ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 336
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 337 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ ตาหิ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตในอิตถลี ิงค ลง หิ ตติยาวภิ ัตติ พหุวจนะ ตสสฺ า ลง หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รูปเปน ตาหิ ตาหิ แปลวา ดว ยเธอ ท. อสสฺ า ศพั ทเดมิ มาจาก ตา อา การนั ตใ นอติ ถีลิงค ลง ส จตตุ ถีวภิ ตั ติ เอกวจนะ รัสสะ อา เปน อ แปลง ส เปน สสฺ า สำเรจ็ รูปเปน ตสฺสา ตสสฺ า แปลวา ติสสฺ า แกเ ธอ ศพั ทเดมิ มาจาก ตา อา การนั ตใ นอิตถีลงิ ค ลง ส จตุตถวี ภิ ตั ติ เอกวจนะ ติสฺสาย รัสสะ อา เปน อ แปลง ต เปน อ แปลง ส เปน สสฺ า สำเร็จรูปเปน อสฺสา อสสฺ า แปลวา แกเธอ ตาสํ ศัพทเ ดมิ มาจาก ตา อา การันตใ นอิตถีลงิ ค ลง ส จตตุ ถีวิภัตติ เอกวจนะ ตาสานํ แปลง ส เปน สสฺ า แปลง อา เปน อิ สำเรจ็ รูปเปน ติสสฺ า ติสฺสา แปลวา ตาย แกเธอ ตาหิ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตใ นอติ ถีลงิ ค ลง ส จตุตถวี ิภตั ติ เอกวจนะ ตสฺสา แปลง ส เปน สฺสาย แปลง อา เปน อิ สำเร็จรปู เปน ติสสฺ าย ติสฺสาย แปลวา แกเธอ ศัพทเดมิ มาจาก ตา อา การันตในอิตถีลงิ ค ลง นํ จตตุ ถีวิภตั ติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน สํ สำเร็จรูปเปน ตาสํ ตาสํ แปลวา แกเธอ ท. ศัพทเดมิ มาจาก ตา อา การันตในอิตถลี งิ ค ลง นํ จตุตถวี ภิ ัตติ พหุวจนะ แปลง นํ เปน สานํ สำเรจ็ รปู เปน ตาสานํ ตาสานํ แปลวา แกเ ธอ ท. ศพั ทเ ดิมมาจาก ตา อา การนั ตใ นอิตถีลงิ ค ลง สมฺ า ปญ จมวี ภิ ัตติ เอก วจนะ เอา อา กบั สฺมา เปน อาย สำเร็จรูปเปน ตาย ตาย แปลวา แตเธอ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหวุ จนะ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน ตาหิ ตาหิ แปลวา แตเธอ ท. ศพั ทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตในอติ ถลี ิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภตั ติ เอกวจนะ รสั สะ อา เปน อ แปลง ส เปน สสฺ า สำเร็จรปู เปน ตสฺสา ตสสฺ า แปลวา แหงเธอ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 337
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 338 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ อสสฺ า ศพั ทเ ดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถลี ิงค ลง ส ฉฏั ฐีภัตติ เอกวจนะ ตสิ ฺสา รสั สะ อา เปน อ แปลง ต เปน อ สำเรจ็ รูปเปน อสฺสา แปลง ส เปน สสฺ า ติสฺสาย สำเรจ็ รปู เปน อสฺสา อสสฺ า แปลวา แหงเธอ ตาสํ ศพั ทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตใ นอติ ถลี ิงค ลง ส ฉัฏฐีวิภตั ติ เอกวจนะ ตาสานํ แปลง ส เปน สสฺ า แปลง อา เปน อิ สำเรจ็ รปู เปน ตสิ ฺสา ตสิ ฺสา แปลวา ตาย แหง เธอ ตาหิ ศัพทเดมิ มาจาก ตา อา การันตในอิตถลี ิงค ลง ส จตตุ ถีวิภัตติ เอกวจนะ ตสสฺ า แปลง ส เปน สฺสาย แปลง อา เปน อิ สำเรจ็ รปู เปน ติสสฺ าย ตสิ สฺ าย อสสฺ า แปลวา แกเธอ ตสิ สฺ า ศัพทเดมิ มาจาก ตา อา การนั ตใ นอติ ถลี ิงค ลง นํ จตุตถวี ภิ ัตติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน สํ สำเร็จรูปเปน ตาสํ ตาสํ แปลวา แกเธอ ท. ศพั ทเดมิ มาจาก ตา อา การันตใ นอิตถลี งิ ค ลง นํ จตตุ ถวี ิภัตติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน สานํ สำเรจ็ รปู เปน ตาสานํ ตาสานํ แปลวา แกเธอ ท. ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมา ปญจมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา อา กับ สฺมา เปน อาย สำเร็จรูปเปน ตาย ตาย แปลวา แตเ ธอ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง หิ ปญจมีวิภัตติ พหวุ จนะ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน ตาหิ ตาหิ แปลวา แตเธอ ท. ศพั ทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตใ นอิตถลี งิ ค ลง ส ฉฏั ฐวี ิภัตติ เอกวจนะ รสั สะ อา เปน อ แปลง ส เปน สฺสา สำเรจ็ รปู เปน ตสฺสา ตสฺสา แปลวา แหง เธอ ศัพทเดมิ มาจาก ตา อา การนั ตใ นอติ ถลี ิงค ลง ส ฉฏั ฐีภตั ติ เอกวจนะ รัสสะ อา เปน อ แปลง ต เปน อ แปลง ส เปน สฺสา สำเรจ็ รปู เปน อสสฺ า อสสฺ า แปลวา แหงเธอ ศพั ทเดิมมาจาก ตา อา การันตใ นอิตถีลงิ ค ลง ส ฉฏั ฐีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ส เปน สสฺ า แปลง อา เปน อิ สำเรจ็ รปู เปน ตสิ สฺ า ตสิ สฺ า แปลวา แหงเธอ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 338
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 339 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ตสิ สฺ าย ศัพทเดมิ มาจาก ตา อา การันตใ นอิตถีลิงค ลง ส ฉฏั ฐวี ิภตั ติ เอกวจนะ แปลง ส เปน สฺสาย แปลง อา เปน อิ สำเรจ็ รปู เปน ตสิ ฺสาย ตสิ สฺ าย ตาสํ แปลวา แหงเธอ ตาสานํ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตในอติ ถีลิงค ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ ตายํ แปลง นํ เปน สํ สำเรจ็ รูปเปน ตาสํ ตาสํ แปลวา แหง เธอ ท. ตสสฺ ํ ศพั ทเดิมมาจาก ตา อา การนั ตในอิตถลี ิงค ลง นํ ฉฏั ฐีวิภตั ติ พหุวจนะ แปลง นํ เปน สานํ สำเรจ็ รปู เปน ตาสานํ ตาสานํ แปลวา แหงเธอ ท. อสฺสํ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง สฺมึ เปน ยํ สำเร็จรูปเปน ตายํ ตายํ แปลวา ในเธอ ติสสฺ ํ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ รัสสะ อา เปน อ แปลง สมฺ ึ เปน สสฺ ํ สำเร็จรปู เปน ตสสฺ ํ ตสสฺ ํ ตาสุ แปลวา ในเธอ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน อ แปลง สมฺ ึ เปน สฺสํ สำเร็จรปู เปน อสฺสํ อสสฺ ํ แปลวา ในเธอ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ รัสสะ อา เปน อ แปลง สฺมึ เปน สฺสํ แปลง อา เปน อิ สำเรจ็ รปู เปน ตสิ ฺสํ ติสสฺ ํ แปลวา ในเธอ ศัพทเดิมมาจาก ตา อา การันตในอิตถีลิงค ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ พหุวจนะ ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รูปเปน ตาสุ ตาสุ แปลวา ในเธอ ท. หมายเหตุ : ต ศพั ท ในอติ ถีลงิ ค ลง อา ปจ จยั เครอ่ื งหมายอิตถลี งิ ค มีรูปเปน ตา เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 339
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 340 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ต ศัพท ในนปงุ สกลิงค แจกอยา งนี้ เอก. พห.ุ ป. ตํ ตานิ ท.ุ ตํ นํ ตานิ ต. เตน เตหิ จ. ตสสฺ อสฺส เตสํ เตสานํ เนสํ เนสานํ ป.ฺ ตสฺมา อสฺมา ตมฺหา เตหิ ฉ. ตสฺส อสสฺ เตสํ เตสานํ เนสํ เนสานํ ส. ตสฺมึ อสมฺ ึ ตมหฺ ิ เตสุ ต ศพั ท ในนปุงสกลงิ ค มีวธิ เี ปลี่ยนวภิ ตั ติและการนั ต เหมอื นในปงุ ลิงค ตางกนั เฉพาะหมวดปฐมาวภิ ตั ติ และทุตยิ าวภิ ตั ติ ดังน้ี ตํ ศัพทเ ดมิ มาจาก ต อ การันตใ นนปุงสกลงิ ค ลง สิ ปฐมาวภิ ตั ติ เอกวจนะ แปลง สิ เปน อํ สำเร็จรปู เปน ตํ ตํ แปลวา อ.มัน (สงิ่ ของ) ตานิ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในนปุงสกลิงค ลง โย ปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อ เปน อา แปลง โย เปน นิ สำเรจ็ รปู เปน ตานิ ตานิ แปลวา อ.มนั ท. (ส่งิ ของ) ตํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในนปุงสกลิงค ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ ลง อํ คง อํ ไว สำเรจ็ รูปเปน ตํ ตํ แปลวา ซง่ึ มัน (สิ่งของ) นํ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในนปุงสกลิงค ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ แปลง ต เปน น ลง อํ คง อํ ไว สำเร็จรูปเปน นํ นํ แปลวา ซง่ึ มัน (สงิ่ ของ) ตานิ ศัพทเดิมมาจาก ต อ การันตในนปุงสกลิงค ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ ทีฆะ อ เปน อา แปลง โย เปน นิ สำเร็จรปู เปน ตานิ ตานิ แปลวา ซ่ึงมัน ท. (ส่ิงของ) เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 340
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 341 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ วธิ ใี ช ต ศพั ท ต ศัพท ในปุริสสัพพนามน้ี สำหรับออกชื่อคนและสิ่งของที่ผูพูดออก ช่ือถงึ เปนไดท ้ัง ๓ ลิงค ซึ่งตรงกับภาษาไทยวา ทาน, เธอ, เขา, มัน เปนตน เปล่ียน คำแปลไปตามสถานภาพของแตละบุคคล หรือแตละอยาง ในภาษาบาลีตองเปลี่ยน ลิงค วจนะ วภิ ัตติ ของ ต ศัพท ใหต รงกบั ลิงค วจนะ วภิ ัตติ ของนามนามที่ออกชอื่ ถึง น้นั แตก ารนั ตจ ะตรงหรือไม ขน้ึ อยกู ับรากศัพทแตละศัพท ตัวอยางการใช ต ศัพท ต ศพั ท ทเ่ี ปน ปรุ สิ สพั พนาม แปลวา ทา น, เธอ, เขา, มนั ทีเ่ ปน ประธานโดย มากเรียงไวตนประโยค ท่ีเรียงไวสวนอื่นของประโยคก็มี แลวแตหนาท่ีท่ีประกอบใน ประโยคนัน้ ๆ มตี วั อยา งในแตล ะลิงค ดงั นี้ ต ศพั ทท่เี ปนปงุ ลงิ ค อาจรโิ ย มํ นิจจฺ เมว โอวทติ อนสุ าสติ, โส หิ มยหฺ ํ วฑุ ฺฒึ อาสึสติ ฯ แปลวา อาจารย วากลาวอยู ตามสั่งสอนอยู ซง่ึ ขา พเจา เปนนติ ยทเี ดยี ว, เพราะวา ทาน หวังอยู ซ่ึงความเจรญิ แกข าพเจา ฯ ต ศพั ทท ี่เปน อติ ถลี ิงค รฺโ ปเสนทิโกสลสฺส มลฺลกิ า นาม เทวี พหนุ นฺ ํ ปยา อโหส,ิ สา หิ เตสํ อปุ การมกาสิ ฯ แปลวา นางเทวี ของพระราชา ปเสนทิโกศล นามวา มัลลิกา ไดเปนท่ีรัก ของชน ท้ังหลายเปนอันมาก มีแลว, เพราะวา เธอ ไดทำแลว ซ่ึงอุปการะ แกเขา ทั้งหลาย ฯ 341
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 342 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ต ศพั ทท ีเ่ ปน นปุงสกลงิ ค นามรูป อนจิ ฺจ,ํ ตหฺ ิ อุปฺปชชฺ ิตวฺ า นริ ชุ ฺฌติ ฯ แปลวา นามรปู ไมเ ท่ยี ง, เพราะวา มนั เกดิ ขนึ้ แลว ยอ มดับไป ฯ สวน ต ศัพท ทม่ี ารว มกับนามศพั ท หรอื รว มกบั ตุมฺห และ อมหฺ ศพั ท เปน วเิ สสนสัพพนาม แปลวา น้นั ตวั อยา งเชน :- ต + นามศัพท อภิฺาย โข โส ภควา ธมมฺ ํ เทเสต,ิ โน (เทเสต)ิ อนภิ ฺ าย ฯ แปลวา พระผูมพี ระภาคเจา น้ัน ยอมแสดง ซง่ึ ธรรม เพือ่ ความรูยิ่ง แล ไม (แสดง) เพอ่ื ความไมรูย่ิง ฯ น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ (กมมฺ ํ) กตฺวา อนุตปฺปติ ฯ แปลวา กรรม น้ัน อันบคุ คลทำแลว ใหประโยชนส ำเรจ็ ได หามไิ ด (บุคคล) ทำแลว ซง่ึ กรรมใดเลา ยอมเดือดรอนในภายหลงั ฯ เอกมนฺตํ ตา โข สา เทวตา ฯ แปลวา เทวดา นั้น ยืนแลว สวนขางหนง่ึ แล ฯ ต + ตมุ หฺ ศพั ท ตสสฺ เต อลาภา ฯ แปลวา มิใชลาภทั้งหลาย ของทา น นนั้ ฯ ต + อมฺห ศัพท โส โข อหํ ภนฺเต ปตุ วจนํ สกฺกโรนฺโต ฯเปฯ ทิสา นมสฺสามิ ฯ แปลวา ขาแตพระองคผูเจริญ ขาพระพุทธเจา นั้น แล เมื่อสักการะ ซึ่งคำ ของ บิดา ฯลฯ นอบนอ มอยู ซึ่งทศิ ทง้ั หลาย ฯ 342
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 343 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ต ศพั ทประถมบุรุษในภาษาบาลี เทยี บคำที่ใชในภาษาไทยของเรา ตามสถานภาพของแตละบคุ คลท่กี ลาวถึง ต ศพั ทป ระถมบุรษุ ทีใ่ ชแทนตามสถาน บคุ คลท่ี ต ศัพท ปรุ ิสสัพพนามใชแทนตามสถานภาพ ภาพในภาษาไทย พระองค พระราชา, เจานายชั้นสงู พระ ธ (ประพนั ธ) พระราชา, เจานายชั้นสูง เจานาย, ขุนนางผูใ หญ, พระสงฆ, สามเณร, ผูท่ีนับถือ เชน เธอ บิดา มารดา ครู อาจารย เปน ตน เขา, แก ผูทีย่ กยอง ผเู สมอกนั , หรอื ผทู ี่ไมส นทิ สนมกัน, คนผทู ่ไี มใชอยูใน มัน เกณฑเคารพนับกนั . สตั วเดรัจฉาน เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 343
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 344 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ตุมฺห ศพั ทป ุริสสัพพนาม ตุมหฺ (ทา น) ศัพท ในปงุ ลงิ คแ ละอิตถีลิงค แจกอยางเดียวกัน อยา งนี้ เอก. พห.ุ ป. ตวฺ ํ ตวุ ํ ตมุ ฺเห โว ทุ. ตํ ตวฺ ํ ตวุ ํ ตุมเฺ ห โว ต. ตยา ตวฺ ยา เต ตุมฺเหหิ โว จ. ตยุ ฺหํ ตมุ ฺหํ ตว เต ตมุ ฺหากํ โว ปฺ. ตยา ตุมฺเหหิ ฉ. ตุยฺหํ ตมุ หฺ ํ ตว เต ตุมฺหากํ โว ส. ตยิ ตวฺ ยิ ตุมเฺ หสุ ตมุ หฺ ศพั ทใ นปุงลิงคแ ละอิตถีลงิ ค มีวิธีเปลีย่ นวิภตั ตแิ ละการันต ดังน้ี ตฺวํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ สิ เปน ตฺวํ สำเรจ็ รปู เปน ตฺวํ ตฺวํ แปลวา อ.ทา น ตุวํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง สิ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ สิ เปน ตวุ ํ สำเร็จรูปเปน ตวุ ํ ตวุ ํ แปลวา อ.ทาน ตมุ ฺเห ศพั ทเ ดมิ มาจาก ตุมหฺ ลง โย ปฐมาวภิ ตั ติ พหวุ จนะ เอา อ กับ โย เปน เอ สำเร็จรูปเปน ตมุ เฺ ห ตุมเฺ ห แปลวา อ.ทาน ท. โว ศัพทเ ดิมมาจาก ตมุ หฺ ลง โย ปฐมาวภิ ตั ติ พหุวจนะ เอา ตุมฺห กบั โย เปน โว สำเรจ็ รูปเปน โว โว แปลวา อ.ทาน ท. ตํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ อํ เปน ตํ สำเรจ็ รูปเปน ตํ ตํ แปลวา ซงึ่ ทา น ตวฺ ํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ อํ เปน ตวฺ ํ สำเร็จรูปเปน ตวฺ ํ ตฺวํ แปลวา ซง่ึ ทาน ตุวํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง อํ ทุติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ อํ เปน ตุวํ สำเรจ็ รปู เปน ตวุ ํ ตุวํ แปลวา ซงึ่ ทาน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 344
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 345 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ตุมเฺ ห ศพั ทเดมิ มาจาก ตุมฺห ลง โย ทุติยาวภิ ตั ติ พหวุ จนะ เอา อ กับ โย เปน โว เอ สำเรจ็ รูปเปน ตุมฺเห ตมุ ฺเห แปลวา ซ่งึ ทาน ท. ตยา ศพั ทเ ดมิ มาจาก ตุมหฺ ลง โย ทุติยาวภิ ตั ติ พหวุ จนะ เอา ตุมหฺ กับ โย ตวฺ ยา เปน โว สำเร็จรปู เปน โว โว แปลวา ซง่ึ ทาน ท. เต ศพั ทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง นา ตติยาวิภตั ติ เอกวจนะ เอา ตมุ ฺห กับ นา ตุมเฺ หหิ เปน ตยา สำเรจ็ รูปเปน ตยา ตยา แปลวา ดวยทา น โว ศัพทเ ดมิ มาจาก ตมุ ฺห ลง นา ตติยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมหฺ กบั นา ตยุ หฺ ํ เปน ตฺวยา สำเร็จรปู เปน ตวฺ ยา ตฺวยา แปลวา ดวยทาน ตมุ ฺหํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง นา ตตยิ าวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา ตุมหฺ กับ นา ตว เปน เต สำเรจ็ รูปเปน เต เต แปลวา ดวยทาน เต ศพั ทเ ดิมมาจาก ตมุ ฺห ลง หิ ตติยาวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง ตมุ หฺ ากํ หิ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน ตมุ เฺ หหิ ตมุ เฺ หหิ แปลวา ดว ยทา น ท. โว ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง หิ ตติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา ตุมฺห กับ หิ เปน โว สำเร็จรปู เปน โว โว แปลวา ดว ยทา น ท. ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส เปน ตยุ ฺหํ สำเรจ็ รปู เปน ตุยฺหํ ตยุ หฺ ํ แปลวา แกทา น ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส เปน ตุมหฺ ํ สำเรจ็ รปู เปน ตุมฺหํ ตมุ ฺหํ แปลวา แกทา น ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส เปน ตว สำเร็จรูปเปน ตว ตว แปลวา แกทา น ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส จตุตถีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส เปน เต สำเร็จรปู เปน เต เต แปลวา แกทา น ศัพทเ ดมิ มาจาก ตุมหฺ ลง นํ จตุตถวี ภิ ัตติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน อากํ สำเร็จรูปเปน ตมุ ฺหากํ ตุมฺหากํ แปลวา แกทา น ท. ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง นํ จตตุ ถีวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา ตุมฺห กบั นํ เปน โว สำเรจ็ รูปเปน โว โว แปลวา แกทาน ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 345
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 346 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ ตยา ศพั ทเดมิ มาจาก ตุมฺห ลง สฺมา ปญ จมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตมุ ฺห กับ ตมุ ฺเหหิ สฺมา เปน ตยา สำเร็จรูปเปน ตยา ตยา แปลวา แตทาน ตุยหฺ ํ ศพั ทเ ดมิ มาจาก ตมุ หฺ ลง หิ ปญจมวี ิภัตติ พหวุ จนะ เอา อ เปน เอ ลง ตุมหฺ ํ หิ คง หิ ไว สำเร็จรูปเปน ตมุ ฺเหหิ ตมุ เฺ หหิ แปลวา แตทาน ท. ตว ศัพทเดิมมาจาก ตมุ ฺห ลง ส ฉฏั ฐวี ภิ ตั ติ เอกวจนะ เอา ตมุ หฺ กับ ส เปน เต ตยุ หฺ ํ สำเร็จรูปเปน ตุยฺหํ ตุยฺหํ แปลวา แหง ทา น ตมุ หฺ ากํ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส โว เปน ตมุ หฺ ํ สำเรจ็ รูปเปน ตุมหฺ ํ ตมุ ฺหํ แปลวา แหง ทาน ตยิ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส ตวฺ ยิ เปน ตว สำเร็จรปู เปน ตว ตว แปลวา แหงทาน ตมุ ฺเหสุ ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง ส ฉัฏฐีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ ส เปน เต สำเร็จรูปเปน เต เต แปลวา แหงทาน ศพั ทเดมิ มาจาก ตมุ หฺ ลง นํ ฉัฏฐีวภิ ัตติ พหุวจนะ แปลง นํ เปน อากํ สำเร็จรปู เปน ตุมฺหากํ ตมุ หฺ ากํ แปลวา แหง ทา น ท. ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหุวจนะ เอา ตุมฺห กับ นํ เปน โว สำเร็จรูปเปน โว โว แปลวา แหงทาน ท. ศพั ทเ ดิมมาจาก ตมุ ฺห ลง สฺมึ สตั ตมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตมุ ฺห กับ สฺมึ เปน ตยิ สำเร็จรปู เปน ตยิ ตยิ แปลวา ในทา น ศัพทเดิมมาจาก ตุมฺห ลง สฺมึ สัตตมีวิภัตติ เอกวจนะ เอา ตุมฺห กับ สฺมึ เปน ตฺวยิ สำเรจ็ รูปเปน ตวฺ ยิ ตวฺ ยิ แปลวา ในทาน ศัพทเดมิ มาจาก ตุมหฺ ลง สุ สตั ตมีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเรจ็ รูปเปน ตมุ เฺ หสุ ตมุ เฺ หสุ แปลวา ในทาน ท. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 346
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 347 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ วิธีใช ตมุ หฺ ศพั ท ตุมฺห ศัพท เปนมัธยมบุรุษ ใชแทนชื่อผูฟง หรือผูที่เรากำลังพูดดวย ใน ภาษาบาลใี ช ตมุ ฺห ศพั ท ซง่ึ ตรงกับภาษาไทยวา ทาน, เจา, ส,ู เอ็ง, มงึ เปนตน เม่อื นำมาใชใ นภาษาไทยตองใชคำพดู ใหเ หมาะสมแกฐานะ ตุมฺห ศัพทน้ี เปนได ๒ ลิงค คือ ปุงลิงคและอิตถีลิงค มีแบบแจกเชน เดยี วกนั ทง้ั ๒ ลิงค อน่ึง ตมุ ฺห ศพั ทน ้ี ใชแ สดงความเคารพกไ็ ด โดยประกอบเปนพหุวจนะ เม่อื ผนู อยแสดงความเคารพตอ ผใู หญ ตัวอยา งการใช ตุมฺห ศพั ท แบบท่ีใชต ามปกติ :- “ติสฺส ตเวว โทโส, ตวฺ ํ เอเต ภิกขฺ ู ขมาเปหีติ ฯ คำแปล (พระศาสดา ตรัสวา) ดูกอนติสสะ โทษ ของเธอ นั่นเทียว (มีอยู), เธอ จงยงั ภกิ ษทุ ั้งหลาย เหลา นั้น ใหอ ดโทษ ดงั น้ี ฯ แบบทใี่ ชแสดงความเคารพ :- “อมมฺ มา เอวํ วเทถ, อหํ ยาวชีวํ ตุมเฺ ห ปฏิชคคฺ สิ ฺสามีติ ฯ คำแปล (บุตร พูดกะมารดาวา) แม ทาน อยาพูด อยางนี้, ผม จักปรนนิบัติ ซึ่งทาน จนตลอดชีวิต ดงั น้ี ฯ 347
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 348 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ ตมุ ฺห ศัพท มธั ยมบรุ ุษในภาษาบาลี เทยี บกับคำทใี่ ชในภาษาไทยของเรา ตามสถานภาพของผูฟ ง คำมธั ยมบรุ ษุ ช้นั ผูพ ูด (อมฺห ศัพท) ช้นั ผูฟง (ตุมฺห ศพั ท) ใตฝ า ละอองธุลพี ระบาท ผนู อ ย พระราชา ใตฝาละอองพระบาท ผนู อ ย พระราชินี, พระยพุ ราช ใตฝ า พระบาท ผูนอย เจา นายช้นั สงู ฝา พระบาท เจานายทเ่ี สมอ, ผูน อย เจา นายช้ันรองลงมา สมเดจ็ บรมบพติ ร พระสงฆ พระราชาทยี่ กยอ ง พระราชสมภารเจา บพติ รพระราชสมภารเจา , พระสงฆ พระราชาทว่ั ไป มหาบพิตร บพติ ร พระสงฆ เจา นายขนุ นางชน้ั สูง ใตเ ทา กรณุ าเจา ผูนอย สมเดจ็ เจา พระยา ใตเทากรุณา ผนู อย ขุนนางชน้ั สูง, พระราชาคณะชน้ั สงู ใตเ ทา ผนู อ ย ขนุ นางช้ันผูใหญก วา พระราชาคณะ เธอ ผูใหญ ผนู อ ยทีย่ กยอง ทา น คนสภุ าพทั่วไป, คฤหัสถ พระสงฆท ่ีมพี รรษามากกวา พระสงฆท่มี พี รรษานอ ยกวา คนสภุ าพทวั่ ไป คุณ พระสงฆม พี รรษามากกวา พระสงฆท มี่ พี รรษานอ ยกวา คนสุภาพทั่วไป, หลอ น ชายที่รัก หญงิ ทีร่ กั สู (โบราณ) ผใู หญ ผนู อ ย, เพอื่ นท่ชี อบพอกัน เอ็ง, แก, มึง ผูเปน นาย, ผูใ หญก วา, ผูนอย, เพอื่ นท่ีชอบพอกนั เพอื่ นทีช่ อบพอกัน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 348
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 349 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ อมฺห ศัพท ปรุ สิ สพั พนาม อมฺห (ขา) ศัพท ในปุงลงิ คและอิตถลี งิ ค แจกอยางเดียวกนั อยางนี้ เอก. พหุ. ป. อหํ มยํ โน ทุ. มํ มมํ อมฺเห โน ต. มยา เม อมเฺ หหิ โน จ. มยฺหํ อมฺหํ มม มมํ เม อมฺหากํ อสฺมากํ โน ปฺ. มยา อมฺเหหิ ฉ. มยหฺ ํ อมฺหํ มม มมํ เม อมหฺ ากํ อสมฺ ากํ โน ส. มยิ อมฺเหสุ อมฺห ศพั ท ในปงุ ลิงคแ ละอติ ถลี ิงค มีวธิ ีเปลี่ยนวภิ ตั ติและการนั ต ดงั น้ี อหํ ศพั ทเ ดมิ มาจาก อมฺห ลง สิ ปฐมาวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กบั สิ เปน อหํ สำเรจ็ รูปเปน อหํ อหํ แปลวา อ.เรา มยํ ศัพทเดิมมาจาก อมฺห ลง โย ปฐมาวภิ ตั ติ พหวุ จนะ เอา อมฺห กับ โย เปน มยํ สำเร็จรูปเปน มยํ มยํ แปลวา อ.เรา ท. โน ศัพทเดิมมาจาก อมหฺ ลง โย ปฐมาวภิ ตั ติ พหุวจนะ เอา อมฺห กับ โย เปน โน สำเร็จรปู เปน โน โน แปลวา อ.เรา ท. มํ ศพั ทเดิมมาจาก อมฺห ลง อํ ทตุ ิยาวิภัตติ เอกวจนะ เอา อมฺห กบั อํ เปน มํ สำเรจ็ รปู เปน มํ มํ แปลวา ซ่งึ เรา มมํ ศพั ทเดมิ มาจาก อมฺห ลง อํ ทุตยิ าวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กบั อํ เปน มมํ สำเร็จรูปเปน มมํ มมํ แปลวา ซ่ึงเรา อมเฺ ห ศพั ทเ ดมิ มาจาก อมหฺ ลง โย ทตุ ยิ าวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ กบั โย เปน เอ สำเรจ็ รูปเปน อมฺเห อมฺเห แปลวา ซง่ึ เรา ท. โน ศพั ทเดมิ มาจาก อมหฺ ลง โย ทุติยาวิภัตติ พหุวจนะ เอา อมหฺ กบั โย เปน โน สำเร็จรูปเปน โน โน แปลวา ซึง่ เรา ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 349
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 350 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ มยา ศพั ทเดมิ มาจาก อมหฺ ลง นา ตตยิ าวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมฺห กบั นา เม เปน มยา สำเรจ็ รูปเปน มยา มยา แปลวา ดว ยเรา อมเฺ หหิ ศัพทเดมิ มาจาก อมหฺ ลง นา ตติยาวิภตั ติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ นา โน เปน เม สำเร็จรูปเปน เม เม แปลวา ดวยเรา มยฺหํ ศัพทเ ดมิ มาจาก อมหฺ ลง หิ ตตยิ าวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ อมฺหํ คง หิ ไว สำเรจ็ รปู เปน อมฺเหหิ อมฺเหหิ แปลวา ดว ยเรา ท. มม ศัพทเดิมมาจาก อมหฺ ลง หิ ตติยาวิภตั ติ พหุวจนะ เอา อมหฺ กบั หิ เปน มมํ โน สำเรจ็ รูปเปน โน โน แปลวา ดวยเรา ท. เม ศพั ทเ ดมิ มาจาก อมฺห ลง ส จตตุ ถีวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กับ ส เปน อมหฺ ากํ มยฺหํ สำเรจ็ รปู เปน มยฺหํ มยหฺ ํ แปลวา แกเ รา อสฺมากํ ศัพทเดิมมาจาก อมฺห ลง ส จตตุ ถวี ภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ ส เปน โน อมหฺ ํ สำเรจ็ รูปเปน อมฺหํ อมหฺ ํ แปลวา แกเรา มยา ศัพทเ ดมิ มาจาก อมหฺ ลง ส จตุตถีวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กับ ส เปน อมฺเหหิ มม สำเร็จรปู เปน มม มม แปลวา แกเ รา ศัพทเ ดิมมาจาก อมหฺ ลง ส จตตุ ถีวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กบั ส เปน มมํ สำเร็จรปู เปน มมํ มมํ แปลวา แกเ รา ศัพทเดมิ มาจาก อมฺห ลง ส จตตุ ถีวิภตั ติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ ส เปน เม สำเรจ็ รปู เปน เม เม แปลวา แกเ รา ศัพทเดมิ มาจาก อมหฺ ลง นํ จตตุ ถวี ภิ ตั ติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน อากํ สำเรจ็ รูปเปน อมฺหากํ อมหฺ ากํ แปลวา แกเ รา ท. ศัพทเ ดมิ มาจาก อมฺห ลง นํ จตุตถวี ิภตั ติ พหุวจนะ เอา อมหฺ กบั นํ เปน อสฺมากํ สำเรจ็ รูปเปน อสฺมากํ อสมฺ ากํ แปลวา แกเ รา ท. ศัพทเ ดิมมาจาก อมหฺ ลง นํ จตุตถีวิภัตติ พหวุ จนะ เอา อมหฺ กบั นํ เปน โน สำเร็จรูปเปน โน โน แปลวา แกเรา ท. ศพั ทเ ดิมมาจาก อมฺห ลง สมฺ า ปญ จมีวภิ ตั ติ เอกวจนะ เอา อมฺห กบั สฺมา เปน มยา สำเรจ็ รูปเปน มยา มยา แปลวา แตเรา ศัพทเดิมมาจาก อมหฺ ลง หิ ปญ จมีวิภัตติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง หิ คง หิ ไว สำเร็จรปู เปน อมเฺ หหิ อมฺเหหิ แปลวา แตเ รา ท. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 350
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 351 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ มยหฺ ํ ศพั ทเดมิ มาจาก อมหฺ ลง ส ฉฏั ฐวี ิภตั ติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ ส เปน อมฺหํ มยฺหํ สำเรจ็ รูปเปน มยฺหํ มยหฺ ํ แปลวา แหงเรา มม ศัพทเดมิ มาจาก อมหฺ ลง ส ฉฏั ฐวี ิภัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กับ ส เปน มมํ อมหฺ ํ สำเรจ็ รูปเปน อมหฺ ํ อมฺหํ แปลวา แหง เรา เม ศพั ทเดิมมาจาก อมหฺ ลง ส ฉัฏฐวี ภิ ตั ติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ ส เปน อมหฺ ากํ มม สำเรจ็ รูปเปน มม มม แปลวา แหงเรา อสฺมากํ ศัพทเดิมมาจาก อมฺห ลง ส ฉฏั ฐวี ภิ ตั ติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ ส เปน โน มมํ สำเร็จรูปเปน มมํ มมํ แปลวา แหงเรา มยิ ศพั ทเ ดิมมาจาก อมหฺ ลง ส ฉฏั ฐีวภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมหฺ กบั ส เปน อมเฺ หสุ เม สำเร็จรปู เปน เม เม แปลวา แหงเรา ศัพทเ ดมิ มาจาก อมหฺ ลง นํ ฉัฏฐีวิภัตติ พหวุ จนะ แปลง นํ เปน อากํ สำเรจ็ รปู เปน อมฺหากํ อมฺหากํ แปลวา แหง เรา ท. ศพั ทเดมิ มาจาก อมฺห ลง นํ ฉฏั ฐวี ภิ ัตติ พหุวจนะ เอา อมหฺ กบั นํ เปน อสฺมากํ สำเรจ็ รปู เปน อสมฺ ากํ อสมฺ ากํ แปลวา แหง เรา ท. ศพั ทเ ดมิ มาจาก อมหฺ ลง นํ ฉฏั ฐีวิภตั ติ พหวุ จนะ เอา อมหฺ กบั นํ เปน โน สำเร็จรปู เปน โน โน แปลวา แหง เรา ท. ศพั ทเดมิ มาจาก อมฺห ลง สมฺ ึ สัตตมวี ภิ ัตติ เอกวจนะ เอา อมฺห กับ สมฺ ึ เปน มยิ สำเร็จรูปเปน มยิ มยิ แปลวา ในเรา ศพั ทเ ดิมมาจาก อมหฺ ลง สุ สตั ตมีวภิ ตั ติ พหุวจนะ เอา อ เปน เอ ลง สุ คง สุ ไว สำเร็จรูปเปน อมเฺ หสุ อมฺเหสุ แปลวา ในเรา ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 351
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 352 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) วิธใี ช อมฺห ศัพท อมฺห ศัพท เปนอุตตมบุรุษ ใชแทนชื่อผูพูด ซึ่งผูพูดจะไมออกชื่อตนเอง โดยตรง ในภาษาบาลใี ช อมฺห ศัพท ซง่ึ ตรงกบั ภาษาไทยวา เรา, ฉนั , ขา, กู เปนตน เม่ือนำมาใชในภาษาไทย ตองใชคำพดู ใหเหมาะสมแกฐ านะ อมฺห ศัพทนี้เปนไดท้ัง ๒ ลิงค คือ ปุงลิงคและอิตถีลิงค มีแบบแจกเชน เดยี วกันทัง้ ๒ ลิงค ตวั อยางการใช อมฺห ศัพท “อยํ เม สหายกิ า อทิ านิ พหปู การา, หนทฺ าหํ กิฺจิ ปฏิคุณํ กโรมตี ิ ฯ คำแปล (ยักษิณี คิดอยางน้ีวา) หญิงสหาย ของเรา นี้ เปนผูมีอุปการะมาก ในกาลน,ี้ เอาเถิด เรา จะทำตอบแทนคุณ สักอยาง ดังนี้ ฯ 352
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 353 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ อมฺห ศพั ท อุตตมบุรุษในภาษาบาลี กบั คำทใ่ี ชใ นภาษาไทยของเรา ตามสถานภาพของผูฟง คำอุตตมบรุ ุษ ผพู ดู ผูฟง ขาพระพทุ ธเจา ผนู อยทว่ั ไป พระราชา, เจานายชน้ั สูง เกลา กระผม ผูนอ ยท่ัวไป เจา นายช้นั รองลงมา กระหมอมฉนั เจานายผใู หญ ผูเสมอ, ผนู อย กระหมอ ม ผเู สมอ พระราชา, เจานาย, ขนุ นาง หมอมฉนั ขุนนางผใู หญ ขนุ นางชน้ั สงู อาตมาภาพ พระสงฆ พระราชาคณะชน้ั สงู , พระสงฆ เกลา กระหมอ ม, กระผม ผูนอยท่วั ไป ขุนนาง ดิฉนั (โบราณ) ขุนนางผใู หญ, ผเู สมอกนั เสมอ, คนสภุ าพ ดิฉนั ผใู หญ ผนู อย, พระสงฆผ ูนอย ตู (โบราณ) ผูนอ ย (หญิง) ผใู หญ, ไมใชเ จา นาย ขา (โบราณ) สามญั สามญั ขากู (โบราณ) ผนู อ ย ผใู หญ เรา (โบราณ) ผูเปนนาย, เพ่อื นกัน, ผใู หญ คนใช, เพ่ือนกัน, ผูนอย เรา ผูใ หญท วั่ ไปหลายคน ท่ัวไป, ไมใ ชเ จา นายและ ขนุ นางช้ันสูง ขาพเจา , ขาเจา ทุกช้นั ใชเปนกลางทวั่ ไป คำแปลของปรุ สิ สพั พนาม คือ ต ตุมฺห อมฺห ท่ีกลา วมาแลวนี้ ยังไมส น้ิ เชิง คำพูดของภาษาไทยท่ีใชในคำประเภทนี้มีมากอาจหมุนเวียนไปตามกาลสมัย และ ทองถนิ่ น้ันๆ นิยมกนั . เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 353
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 354 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ ขอควรจำในการใช เต, เม, โว, โน เต เม โว โน ทมี่ าจาก ตุมฺห และ อมหฺ ศัพท ทงั้ ฝายเอกวจนะท้ังพหุวจนะ ตอ งมีบทอื่น (ทีไ่ มใ ช อาลปนะ) นำหนา กอ น จงึ จะใชได ตวั อยา งเชน บาลี ปตุ ฺโต เต วยํ ปตโฺ ต ฯ คำแปล บตุ ร ของทาน ถึงแลว ซ่งึ วัย บาลี นตถฺ ิ เม สรณํ อฺ ํ ฯ คำแปล ทีพ่ ง่ึ อน่ื ของขา พเจา ยอ มไมม ี บาลี สตตฺ โว ภกิ ขฺ เว อปรหิ านเิ ย ธมฺเม เทเสสสฺ ามิ ฯ คำแปล ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เรา จักแสดง ซึง่ ธรรมท้งั หลาย อันไมเปน ที่ตัง้ แหง ความเส่ือม ๗ ประการ แกเ ธอทั้งหลาย บาลี ธมโฺ ม โน อตุ ฺตมํ สรณํ ฯ คำแปล พระธรรม เปน ท่ีพ่ึง อันสงู สุด ของเราท้ังหลาย ตองมบี ทอืน่ นำหนา เชน นี้ ก็เพราะศพั ททัง้ ๔ น้ี เม่อื แจกวภิ ัตตมิ รี ปู เหมือนกนั กับศัพทอน่ื ซง่ึ มีความหมายไปอีกทางหนึง่ คอื เต แปลวา เขาท้ังหลาย, เหลาน้นั เปน ต ศัพท ป.ทุ.พห.ุ โว แปลวา โวย เปน นบิ าตสกั วาเปนเครอื่ งทำบทใหเต็ม โน แปลวา ไม เปนนบิ าตบอกปฏเิ สธ อาศยั เหตนุ ้ี จึงตองมบี ทอื่นนำหนา เต, โว มธั ยมบรุ ษุ และ เม, โน อุตตมบุรษุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 354
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 355 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ แบบประเมนิ ผลตนเองกอ นเรยี น หนวยที่ ๑๕ วตั ถปุ ระสงค เพื่อประเมินผลความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง “สัพพนาม : คำช้แี จง ปุรสิ สพั พนาม” ใหนักเรียนอานคำถาม แลวเขียนวงกลมลอมรอบขอคำตอบที่ ถูกตอ งท่ีสุดเพียงขอ เดยี ว ๑. สพั พนามหมายถึงอะไร ? ก. คำบอกลักษณะของนามนาม ข. คำใชแ ทนนามนาม ค. คำบอกใหร ูจำนวนของนามนาม ง. คำบอกใหรูเ พศของนามนาม ๒. สัพพนามแบงออกเปนเทา ไร ? ก. ๒ อยา ง ข. ๓ อยา ง ค. ๔ อยา ง ง. ๗ อยาง ๓. กลุมคำใดตอ ไปนจี้ ัดเปน ปรุ สิ สพั พนาม ? ก. ต เอต อมิ อมุ ข. ย อฺ อฺตร ค. กึ ก-ึ จิ ย-ก-ึ จิ ง. ต ตุมฺห อมหฺ ๔. คำวา “เจา ” จัดเปน ปุรสิ สพั พนามประเภทใด ? ก. ต ข. ย ค. ตมุ หฺ ง. กึ ๕. คำวา “ขา พเจา ” จัดเปน ปรุ ิสสัพพนามประเภทใด ? ก. ต ข. อมหฺ ค. เอต ง. กึ ๖. การแบงปุริสสัพพนาม เปน การแบง ตามอะไร ? ก. บุรษุ ของอาขยาต ข. วจนะของอาขยาต ค. วิภตั ติของอาขยาต ง. ปจ จยั ของอาขยาต ๗. มัธยมบุรษุ เทียบกบั คำในภาษาของเราวาอะไร ? ก. ทา น เธอ คณุ ข. ฉนั ขา กู ค. เขา มนั ง. น้นั นี้ โนน เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 355
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 356 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ๘. ต ศพั ทเ ปนลงิ คใ ดไดบา ง ? ก. ปุงลิงคอ ยางเดียว ข. ปงุ ลิงคและอิตถลี งิ ค ค. ปุงลิงคแ ละนปงุ สกลิงค ง. ปุงลิงค อติ ถีลิงค และนปงุ สกลงิ ค ๙. อมฺห ศัพทเปน ลงิ คใ ดไดบาง ? ก. ปงุ ลิงคอยา งเดยี ว ข. ปุงลงิ คและอิตถลี งิ ค ค. ปุงลิงคและนปงุ สกลงิ ค ง. ปุงลิงค อิตถลี ิงค และนปงุ สกลงิ ค ๑๐. เต เม โว โน มวี ธิ ีใชอยา งไร ? ก. เรยี งไวต นประโยค ข. ตองมีบทอน่ื นำหนาเสมอ ค. เรียงไวตวั สดุ ทา ยของประโยค ง. เรยี งไวท ่ีใดก็ไดต ามความเหมาะสมแบบ 356
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 357 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ แบบประเมินผลตนเองหลงั เรียน หนว ยที่ ๑๕ วัตถุประสงค เพอ่ื ประเมินผลความกาวหนาของนักเรียนเกย่ี วกบั เรอื่ ง “สพั พนาม : คำชแ้ี จง ปรุ สิ สพั พนาม” ใหนักเรียนอานคำถาม แลวเขียนวงกลมลอมรอบขอคำตอบที่ ถูกตอ งท่ีสดุ เพียงขอ เดยี ว ๑. สพั พนามหมายถงึ อะไร ? ก. คำบอกใหรูจำนวนของนามนาม ข. คำบอกใหรเู พศของนามนาม ค. คำบอกลกั ษณะของนามนาม ง. คำใชแ ทนนามนาม ๒. สพั พนามแบงออกเปน เทา ไร ? ก. ๗ อยาง ข. ๔ อยา ง ค. ๓ อยาง ง. ๒ อยาง ๓. กลมุ คำใดตอ ไปนจ้ี ัดเปนปรุ สิ สพั พนาม ? ก. ต ตุมฺห อมฺห ข. ต เอต อิม อมุ ค. กึ กึ-จิ ย-กึ-จิ ง. ย อฺ อฺตร ๔. คำวา “เจา” จัดเปน ปุริสสัพพนามประเภทใด ? ก. ย ข. ตมุ ฺห ค. กึ ง. ต ๕. คำวา “ขาพเจา ” จดั เปนปุรสิ สพั พนามประเภทใด ? ก. ต ข. เอต ค. อมหฺ ง. ต ๖. การแบง ปุรสิ สพั พนาม เปนการแบง ตามอะไร ? ก. วจนะของอาขยาต ข. ปจจยั ของอาขยาต ค. บรุ ุษของอาขยาต ง. วภิ ตั ตขิ องอาขยาต ๗. อตุ ตมบุรุษเทียบกบั คำในภาษาของเราวาอะไร ? ก. นั้น น้ี โนน ข. ฉนั ขา กู ค. เขา มัน ง. ทา น เธอ คณุ เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 357
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 358 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ๘. ต ศพั ทเปน ลงิ คใดไดบา ง ? ก. ปุงลิงคแ ละนปุงสกลิงค ข. ปงุ ลิงค อิตถีลงิ ค และนปุงสกลิงค ค. ปงุ ลงิ คและอิตถีลงิ ค ง. ปงุ ลิงคอยา งเดยี ว ๙. อมหฺ ศพั ทเ ปน ลิงคใดไดบา ง ? ก. ปงุ ลิงคอยางเดยี ว ข. ปงุ ลงิ คแ ละนปุงสกลิงค ค. ปุงลงิ คแลอติ ถีลงิ ค ง. ปุงลงิ ค อติ ถลี งิ ค และนปุงสกลงิ ค ๑๐. เต เม โว โน มวี ธิ ใี ชอ ยา งไร ? ก. เรียงไวตัวสดุ ทา ยของประโยค ข. เรียงไวที่ใดกไ็ ดตามความเหมาะสม ค. เรยี งไวต น ประโยค ง. ตอ งมบี ทอ่ืนนำหนาเสมอ 358
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 359 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง หนวยที่ ๑๕ ขอ กอ นเรยี น หลงั เรยี น ๑. ข ง ๒. ก ง ๓. ง ก ๔. ค ข ๕. ข ค ๖. ก ค ๗. ก ข ๘. ง ข ๙. ข ค ง ๑๐. ข เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 359
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 360 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) แผนการสอนวชิ าบาลีไวยากรณ หนว ยที่ ๑๖ เร่ือง สัพพนาม : วเิ สสนสัพพนาม เวลาทำการสอน ๓ คาบ สาระสำคัญ นามที่ใชแทนนามนามโดยความเปนวิเสสนะ เรียกวา วิเสสนสัพพนาม แบงออกเปน ๒ คือ อนยิ ม ๑ นยิ ม ๑ จดุ ประสงค ๑. นักเรยี นบอกประเภทของวิเสสนสัพพนามได ๒. นกั เรยี นบอกความหมายของวิเสสนสพั พนามได ๓. นกั เรียนสามารถนำวเิ สสนไปใชไ ดถ กู ตอ ง ๔. นักเรียนสามารถแจกศัพทวิเสสนสัพพนามดวยวิภัตติทั้ง ๗ ไดถูกตอง ท้ัง ๓ ลิงคทุกตวั เนื้อหา ๑. ความหมายของวเิ สสนสัพพนาม ๒. ประเภทของวเิ สสนสัพพนาม ๓. อนยิ ม - ความหมายและวธิ ีใช - วธิ แี จกศพั ท - วธิ ีเปลย่ี นวภิ ตั ติ และการันต - วธิ ใี ชศัพท ๔. นยิ ม - ความหมายและวิธใี ช - วิธีแจกศพั ท 360
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 361 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ - วิธเี ปล่ียนวภิ ัตติ และการนั ต - วธิ ใี ชศพั ท กิจกรรม ๑. ประเมนิ ผลกอ นเรียน ๒. ครูนำเขา สูบ ทเรยี น ๓. ใหน กั เรยี นวา แบบ ๔. บัตรคำ ๕. ซักถามความเขา ใจ ๖. ประเมนิ ผลหลังเรยี น ๗. ใบงาน สื่อการสอน ๑. ตำราทใี่ ชประกอบการเรยี น-การสอน ๑.๑ หนงั สอื พระไตรปฎก ๑.๒ หนงั สอื พจนานุกรมมคธ-ไทย โดย พนั ตรี ป. หลงสมบญุ สำนักเรียนวัดปากนำ้ จดั พมิ พ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑.๓ หนงั สือพจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ๑.๔ หนงั สอื พจนานกุ รมพทุ ธศาสน ฉบบั ประมวลศพั ท โดย พระธรรมปฎ ก (ป.อ. ปยุตโฺ ต) ๑.๕ หนงั สือคมู อื บาลไี วยากรณ นิพนธ โดย สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ฯ ๑.๖ หนังสือปาลทิ เทส ของ สำนักเรยี นวัดปากนำ้ ๑.๗ คัมภีรอ ภธิ านัปปทปี กา ๑.๘ หนังสอื อภุ ัยพากยปริวตั น ๒. อปุ กรณที่ควรมีประจำหองเรียน ๒.๑ กระดานดำ-แปรงลบกระดาน-ชอลก หรือ กระดานไวทบอรด ๒.๒ เครื่องฉายขา มศีรษะ (Over-head) ๒.๓ คอมพิวเตอรและเครื่องฉายโปรเจคเตอร เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 361
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 362 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ๓. บตั รคำ ๔. ใบงาน วธิ ีวัดผล-ประเมินผล ๑. สอบถามความเขา ใจ ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการมีสวนรว มในกิจกรรม ๓. สังเกตความกา วหนา ดานพฤติกรรมการเรยี นรขู องผเู รียน ๔. ตรวจใบงาน ๕. ตรวจแบบประเมนิ ผลกอ นเรียน-หลังเรยี น 362
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 363 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ñ วเิ สสนสพั พนาม เฉพาะคำวา “สัพพนาม” คำเดียว ซึ่งเปนสวนหน่ึงของนามศัพทหนึ่ง ผูศึกษายังจำไดอยูวา “เปนช่ือสำหรับใชแทนนามท่ีออกชื่อมาแลว เพ่ือจะไมใหซ้ำๆ ซากๆ ซงึ่ ไมเพราะห”ู ดงั ท่ที านไดแสดงไวใ นเลมนามและอัพยยศัพท ขอ ๓๗ น้ันแลว แตใ นทน่ี ต้ี อ งเตมิ คำวา วเิ สสนะ เขา ขา งหนา สพั พนาม อกี คำหนง่ึ จงึ รวมเปน คำเดยี วกนั เรียกวา “วิเสสนสพั พนาม” วิเสสนสัพพนามน้ี ไมไดเปนคำพูดท่ีใชแทนตัวนามนามโดยตรงทีเดียว มี ลกั ษณะคลา ยๆ กบั คณุ นาม แตก ไ็ มไ ดเ ปน คณุ นามแมเ พยี งโดยปรยิ าย เมอ่ื ใชป ระกอบ เขากับนามนามตัวใด ก็มุงหมายเพื่อใหนามนามตัวน้ันปรากฏแนชัดข้ึนทั้งเปนการ แสดงใหรูความแตกตางกันแหงนามนามน้ันกับนามนามอ่ืน ซึ่งไดออกช่ือมาแลวดวย ฉะน้ันแลว จะใหทราบความแตกตางกันในขอนี้ จึงสมควรที่จะทำความเขาใจในคำวา วเิ สสนะ เสยี กอ น. วเิ สสนะ คำนี้ ถาแปลเปนภาษาไทย ก็ตองเขียนเปน วิเสสน แปลวาการแยก การทำใหแ ตกตา ง หรือทำใหจะแจง หมายความวา เปนคำจำพวกทีใ่ ชประกอบคำอนื่ ใหมีเนื้อความแปลกพิเศษออกไปโดยชัดเจน จัดประเภทออกเปน ๓ คือ เปนคุณ ๑ สัพพนาม ๑ กิรยิ า (กติ ก) ๑. ๑. วิเสสนะ ท่ีเปนคุณ เรียก คุณนาม สำหรับประกอบกับนามนาม บอก ลักษณะของนามนามน้ันใหรูวาดีหรือชั่วอยางไร เชน เขียว (นีล), ดี (สุนฺทร), ใหญ (มหนฺต), ฯลฯ แมศัพทสังขยาที่เปนคุณนาม ก็สงเคราะหเขาในวิเสสนะ ประเภทนี้ เหมือนกัน ดังท่ไี ดอ ธิบายมาในตอนตนนั้นแลว. ๒. วิเสสนะ ท่ีเปนสัพพนาม เรียก วิเสสนสัพพนาม สำหรับบอกความ กำหนดแนน อน และใหร ูวานามนามนัน้ อยูในทใี่ กลหรอื ไกล เชน นัน้ (ต), นี้ (อิม), อื่น (อญฺ ) ฯลฯ ซ่งึ จะไดอธิบายตอไป ๓. วเิ สสนะ ทเี่ ปน กิรยิ า เรยี ก กิริยากติ ก เฉพาะทแ่ี จกวิภัตติได และเปน กิริยาที่ทำกอน กิริยาสุดทายในประโยคเดียวกัน ตัวอยางเชน จูฬปนฺถโก คจฺฉนฺโต 363
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 364 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ñ สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิ พระจูฬปนถกกำลังเดินอยู เห็นพระศาสดาแลว เขา ไปถวายบงั คม. คจฉฺ นโฺ ต เปน กริ ยิ ากติ ก จดั เปน วเิ สสนะของนามนาม คอื จฬู ปนถฺ โก เพราะเปนกิริยาท่ีทำกอน วนฺทิ อันเปนกิริยาสุดทายในประโยคน้ัน. กิริยากิตกที่ลง อนฺต ปจจัย แจกดวยปฐมาวิภัตติ ถาอยูหลังตัวประธานหนากิริยาคุมพากย ทาง สัมพันธเรียกวา อัพภันตรกิริยา โดยมากถาเปนวิภัตติอื่นจากปฐมาวิภัตติ และ ฉัฏฐีวิภัตติที่เปนกิริยาอนาทร และสัตตมีวิภัตติท่ีเปนกิริยาลักขณวันตะแลว เปน วิเสสนะท้ังสิ้น. วิเสสนะประเภทน้ี สำหรับบอกความเคลื่อนไหวของนามนาม ใหรูวา นามนามน้ันมอี าการอยา งไร เชน เดนิ (คจฺฉนฺต), ยนื (ติ ), น่งั (นิสีทนฺต) เปน ตน วิเสสนะท้ัง ๓ ประเภทน้ี เมื่อนำไปประกอบกับนามนามบทใดตองมีลิงค วจนะวภิ ัตติ เหมอื นนามนามบทน้นั พงึ เหน็ ตัวอยางดงั ตอไปน้ี วเิ สสนะ ภาษาไทย ภาษาบาลี ปุง. อิต. ทเี่ ปนคุณนาม ภเู ขาใหญ มหนโฺ ต ปพพฺ โต นปงุ . ชบาเขียว นลี า ชปา สกุลดี สุนทรํ กุลํ ทเี่ ปน สัพพนาม ชายน้ัน โส ปุรโิ ส ปงุ . หญิงน้ี อยํ อติ ฺถี อิต. ทรัพยอน่ื อฺ ํ ธนํ นปงุ . ทเ่ี ปนกิริยา คนยนื นโร ิโต ปงุ . เดก็ หญิงเดิน ทาริกา คจฺฉนตฺ ี อิต. หญางอก ติณํ รฬุ ฺหํ นปุง. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 364
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 365 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ ตัวอยางขางบนนี้เปนเอกวจนะอยางเดียว และจะเห็นไดวาวิธีเรียกคำที่เปน วิเสสนะท่ีเปนภาษาไทยกับภาษาบาลีไมเหมือนกัน คือในภาษาไทย วิเสสนะท้ัง ๓ อยาง อยูหลังนามนาม แตในภาษาบาลีน้ัน วิเสสนะที่เปนคุณกับสัพพนาม โดยมาก อยขู างหนานามนาม ที่เปนกริ ิยา มกั จะอยขู างหลงั โดยมาก. อนึ่ง ศัพทนิบาตบางศัพท ซ่ึงใชประกอบกับคำกิริยา เพื่อใหมีเน้ือความ แปลกไปจากปกติ บางแหง ทานเรียกวา คณุ ของกริ ยิ า กจ็ ดั เปน วเิ สสนะ ไดเ หมอื นกัน และเรยี กศัพทเหลา นน้ั วา กริ ยิ าวเิ สสนห รอื กริ ิยาวิเสสนะ ตวั อยา งเชน เอวํ เวทหิ เจาจงวาอยางน้ี เอวํ แปลวา อยางนี้ เปนศัพทนิบาต ประกอบ เขา กบั กิริยา คือ วเทหิ ซึง่ แปลวา เจา จงวา. ปุนปฺปุนํ กโรถ พวกทานจงทำบอยๆ ปุนปฺปุนํ แปลวาบอยๆ เปนศัพท นิบาต ประกอบเขา กับกิรยิ า คอื กโรถ ซ่งึ แปลวา จงทำ. นิบาตท่ีเปนกริ ยิ าวิเสสนะ จะตองอยูห นา กริ ยิ าเสมอไป. นามนาม กับ วิเสสนะ ตัวประธานของวิเสสนน้ัน ไดแกศัพทที่เปน นามนาม และปุริสัพพนาม ซึ่งไดกลาวมาแลวในตอนตน เวลาแปลตองออกชื่ออายตนิบาตของวิภัตติน้ันๆ ดวย สวนตัววิเสสนะ เวลาแปลไมตองออกช่ืออายตนิบาตของวิภัตติ เพราะไดออกช่ือท่ีบท นามนามแลว และบทนามนามกับวิเสสนะน้ันเลา ก็มีลิงค วจนะ วิภัตติ ตรงกัน ดงั ตวั อยา งดงั ตอ ไปน.้ี สา๓ อาวุโส๑ เทวี ๒ ปรปิ กฺกคพฺภา๔ อตตฺ โน๘ นิวาสนฏ านภตู ๗ํ เทวทหํ ๖ คนตฺ กุ ามา๕ ฯลฯ แปลวา ดกู อนผูมอี าย๑ุ อันวา พระนางเทวี ๒ พระองคน นั้ ๓ มี พ ร ะ ค ร ร ภ แ ก ๔ ใครเพ่อื จะเสดจ็ ไป๕ สูก รงุ เทวทหะ๖ เปนทีเ่ คยประทับ๗ ของพระองค ๘ ทง้ั คำไทยและภาษาบาลีหมายเลข ๒ เปนนาม ปฐมาวิภตั ติ มีออกช่อื อายต- นบิ าตปฐมาวภิ ตั ตวิ า “อนั วา ” แตห มายเลข ๓-๔-๕ จดั เปน วเิ สสนะของบทนาม หมายเลข ๖ นน้ั กเ็ ปน นามนาม แตเ ปน ทตุ ยิ าวภิ ตั ติ แปลออกชอ่ื อายตนบิ าตวา “ส”ู แตค ำหมายเลข ๗ ไมไดแปลออกช่ืออายตนิบาตเลย เพราะเปนคุณหรือวิเสสนะ ของคำหมายเลข ๖ 365
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 366 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) อยูแลว. ในวากยสัมพันธ คำนามนามท่ีไมไดประกอบปฐมาวิภัตติ และมีบทวิเสสนะ กำกบั อยูดว ย ทา นเรียกช่อื สมั พันธต ามหลักการสัมพนั ธ. วิเสสนสพั พนาม กับ คุณนาม ตางกัน วิเสสนสัพพนาม สำหรับใชเปนบทวิเสสนะของนามนาม เพื่อใหแปลกจาก ปกติและทำใหนามนามนั้นเดนชัดข้ึนอีกดวย ท้ังแสดงใหรูวากำหนดแนนอนหรือไม อยูใกลหรืออยูไกล แตจะใชเปนบทประธานเหมือนอยางปุริสสัพพนามน้ันไมได มีวิธี แจกวิภัตติอยางหน่ึงตางหาก ไมเหมือนกับคุณนาม ซึ่งจะตองแจกตามแบบนามนาม เสมอและถงึ แมจ ะอยใู นจำพวกสพั พนามดว ยกนั กจ็ รงิ แตห าไดใ ชแ ทนนามนามโดยตรง ทีเดียวไม มลี ักษณะทาทีคลายๆ กบั คณุ นามดังกลา วแลวขา งตน . สวน คุณนาม น้ัน เปนคำสำหรับใชบอกลักษณะดีหรือชั่วเปนตน ของ นามนามใหปรากฏชดั เจนข้ึน เพอื่ ใหรูวา นามนามน้นั เปนอยางไร ตัวอยางเชน “บุรษุ นั้นดี” คำวา “บรุ ษุ ” เปนนามนาม เปนบทประธานในคำพูดน้ี คำวา “นนั้ ” เปน วิเสสนสัพพนาม เพราะเปนคำที่ใชประกอบกับบทนามนาม คือ บุรุษ ใหเห็นวาอยู ไกลจากผูกลาวถึงไปหนอย และกำหนดแนนอนดวยวา เปนบุรุษคนนั้นไมใชคนอื่น หรอื คนน้ี สวนคำวา “ด”ี เปนคณุ นาม โดยตรง เพราะแสดงลักษณะบรุ ษุ ซึ่งเปน นาม นาม ใหรูวาเปนบุรุษที่ดี ไมไดเปนคนช่ัว หรือเปนอยางอื่น ตัวอยางนี้แสดงใหเห็นวา วเิ สสนสัพพนามกบั คุณนาม นนั้ ตางกันแลว อยา งไร แตล กั ษณะบางอยางท่ีเหมือนกนั ก็มี เชน ตางก็ตองใชเปนบทประกอบ บอกลักษณะอาการของนามนามดวยกัน และ ตา งกต็ อ งมี ลิงค วจนะ วิภตั ติเปน อยา งเดียวกันกับ นามนาม ตวั นน้ั . 366
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 367 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ñ วเิ สสนสพั พนาม วิเสสนสัพพนาม ไมไดเปนคำพูดที่ใชแทนตัวนามนามโดยตรง เปนแต ประกอบเขากับตัวนามนาม เพ่ือใหรูความแตกตางกันของนามนามตัวนั้นกับนามนาม ตัวอน่ื ใหรูวา มปี ระเภทอยางไร คอื ก. ตา งจากคุณนาม เพราะไมไดแ สดงลักษณะดหี รือชั่วของนามนาม ข. เหมือนกับคุณนาม เพราะตางก็เปนบทประกอบของนามนาม คือ ตอง มี ลงิ ค วจนะ และวภิ ตั ตเิ สมอกบั ตัวนามนาม ประเภทของวเิ สสนสัพพนาม วเิ สสนสัพพนามแบง ออกเปน ๒ ประเภท คอื ๑. อนิยมวิเสสนสัพพนาม คือ วเิ สสนสพั พนามท่ีบอกความไมเ ทย่ี งหรอื ไมแนนอน เพราะเมื่อประกอบกับนามนามบทใด ยอมแสดงใหรูวานามนามบทนั้นยัง ไมชี้ชดั ลงไปวาหมายถึงใคร เชน อฺตโร ภิกฺขุ – ภกิ ษุ รูปใดรูปหนึ่ง ๒. นิยมวิเสสนสัพพนาม คือ วิเสสนสัพพนามท่ีบอกความเที่ยงหรือ แนน อน เพราะเมอ่ื ประกอบกบั นามนามบทใด ยอ มแสดงใหร วู า นามนามบทนน้ั สามารถช้ี ชัดลงไปวา หมายถึงผูน น้ั ผูนี้ เชน อยํ ปุริโส – บุรษุ นี้ 367
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 368 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ñ อนิยมวเิ สสนสพั พนาม อนิยม แปลวา ไมเทย่ี ง, ไมกำหนด, ไมแ นน อน คอื ไมส ามารถกลาวชต้ี วั นามนามใหชัดเจนลงไปวาเปน ใคร หรือเปน ส่ิงไหน เชน โย ปุคคฺ โล แปลวา บุคคล ใด โย = ใด เปน อนยิ ม ประกอบกับคำวา ปุคคฺ โล = บคุ คล ใหวิเศษขึ้น แตย ังไมร วู า เปน คนไหน อนิยม มี ๑๒ ศพั ท ดงั นี้ ย ใด กตร คนไหน อฺ อน่ื กตม คนไหน อฺ ตร คนใดคนหนงึ่ เอก คนหนงึ่ , พวกหนึง่ อฺ ตม คนใดคนหนึ่ง เอกจจฺ บางคน, บางพวก ปร อืน่ สพฺพ ทง้ั ปวง อปร อืน่ อีก กึ ใคร, หรอื , อะไร ศัพทคือ อุภย บางมติทานสงเคราะหเขาในวิเสสนสัพพนามจำพวกอนิยมน้ี ดว ย เพราะมวี ธิ ตี า ง ๆ เหมือนกับศัพทท ้งั ๑๒ ศพั ทท กุ ประการ ฉะนั้น จึงรวมศัพท อนยิ มทง้ั หมดเปน ๑๓ ศพั ท เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 1) 368
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322