๑๖๑ หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๓ แรง
๑๖๒ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวช้วี ดั ของหนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ แรง (จำนวน ๑๒ ช่ัวโมง) มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั มำตรำฐำน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชีว้ ดั ป.๔/๑ ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่มตี อ่ วตั ถจุ ากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ป.๔/๒ ใช้เครือ่ งชงั่ สปรงิ ในการวัดน้าหนักของวตั ถุ ป.๔/๓ บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นที่ของวตั ถุจากหลกั ฐาน เชิงประจักษ์
๑๖๓ ลำดบั กำรนำเสนอแนวคิดหลักของหน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๓ แรง มวลเปน็ ปริมาณเน้ือของสสารทั้งหมดทีป่ ระกอบกันเปน็ วตั ถุ แรงโน้มถว่ งของโลกเปน็ แรงดึงดูดทโี่ ลกกระทาต่อมวลของวัตถุ มีทศิ ทางเข้าสู่ศูนยก์ ลางโลก และเปน็ แรงไม่สมั ผัส แรงโนม้ ถว่ งของโลกท่ีกระทากับมวลของวัตถุหนึ่ง ๆ ทาให้วตั ถุตกลงสูพ่ ้นื โลก และทาให้วตั ถมุ นี ้าหนกั ช่งั นา้ หนกั ของวัตถุได้จากเคร่ืองช่งั สปริง น้าหนกั ของวัตถุขน้ึ กับมวลของวัตถุ โดยวตั ถทุ ่มี มี วลมากจะมีนา้ หนักมาก วตั ถุที่มมี วลนอ้ ยจะ มีน้าหนักนอ้ ย มวลมผี ลต่อความยากงา่ ยในการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุ วตั ถุที่มมี วลมากจะเปล่ยี นแปลง การเคลื่อนท่ีได้ยากกว่าวัตถุที่มีมวลน้อย
๑๖๔ โครงสร้ำงแผนกำรจัดกำรเรียนรขู้ องหน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ แรง แผนท่ี ๑.๑ แผนที่ ๑.๒ แผนที่ ๑.๓ แรงโนม้ ถ่วงของโลก การหานา้ หนักของวัตถุ ความสมั พันธ์ของมวล (๔ ชว่ั โมง) (๔ ชว่ั โมง) การเปล่ียนแปลง หน่วยย่อยท่ี ๑ การเคลอื่ นทีข่ องวัตถแุ ละ แรง นา้ หนกั ของวตั ถุ (๔ ช่ัวโมง) หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๓ แรง (๑๒ ชั่วโมง)
๑๖๕ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ หน่วยย่อยท่ี ๑ แรง หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ ช่อื หน่วย แรง จำนวนเวลำเรียน ๑๒ ช่วั โมง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ๓ แผน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำระสำคัญของหน่วย มวลเป็นปริมาณเนื้อของสสารทั้งหมดท่ีประกอบกันเป็นวัตถุ แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดที่โลก กระทาต่อวัตถุ มีทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางโลก และเป็นแรงไม่สัมผัส แรงดึงดูดของโลกกระทากับมวลของวัตถุ หน่งึ ๆ ทาใหว้ ัตถตุ กลงส่พู นื้ โลก และทาใหว้ ตั ถุมีนา้ หนัก ชงั่ น้าหนกั ของวตั ถุไดจ้ ากเครื่องชั่งสปริง นา้ หนักของ วัตถุขึ้นกับมวลของวัตถุ โดยวัตถุท่ีมีมวลมากจะมีน้าหนักมาก วัตถุที่มีมวลน้อยจะมีน้าหนักน้อย มวลมีผลต่อ ความยากง่ายในการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุท่ีมีมวลมากจะเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีได้ยาก กวา่ วตั ถทุ ี่มีมวลนอ้ ย มำตรฐำนและตัวชีว้ ัด มำตรำฐำน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจาวนั ผลของแรงท่กี ระทาตอ่ วตั ถุ ลกั ษณะการ เคล่อื นทีแ่ บบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชวี้ ัด ว ๒.๒ ป.๔/๑ ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งทม่ี ีต่อวัตถจุ ากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ว ๒.๒ ป.๔/๒ ใชเ้ คร่อื งช่ังสปรงิ ในการวดั น้าหนกั ของวัตถุ ว ๒.๒ ป.๔/๓ บรรยายมวลของวัตถุท่ีมีผลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นทีข่ องวตั ถุจากหลักฐาน เชงิ ประจักษ์
๑๖๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ลำดับกำรนำเสนอแนวคดิ หลักของหน่วยย่อยที่ ๑ แรง มวลเป็นปริมาณเนื้อของสสารทงั้ หมดที่ประกอบกันเป็นวัตถุ แรงโน้มถ่วงของโลกเปน็ แรงดึงดดู ท่ีโลกกระทาต่อมวลของวัตถุ มที ศิ ทางเข้าส่ศู นู ยก์ ลางโลก และเป็นแรงไมส่ ัมผัส แรงโนม้ ถว่ งของโลกที่กระทากับมวลของวัตถหุ นง่ึ ๆ ทาให้วัตถุตกลงสพู่ น้ื โลก และทาให้วัตถุมีน้าหนกั ชง่ั น้าหนักของวัตถุได้จากเครือ่ งช่ังสปรงิ นา้ หนกั ของวัตถขุ ้ึนกบั มวลของวตั ถุ โดยวัตถทุ ม่ี มี วลมากจะมนี ้าหนักมาก วัตถทุ ี่มมี วลน้อย จะมีน้าหนกั น้อย มวลมีผลต่อความยากง่ายในการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ วัตถุท่ีมีมวลมากจะเปลีย่ นแปลง การเคล่ือนทไ่ี ดย้ ากกว่าวัตถุที่มมี วลน้อย โครงสร้ำงของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ แรง หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ชื่อหน่วยย่อย จำนวนแผน ชือ่ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำนวนช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ ๓ ๑.๑ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ๔ ๔ ท่ี ๓ แรง แรง ๑.๒ การหานา้ หนกั ของ วตั ถุ ๔ ๑.๓ ความสัมพนั ธ์ของมวล การเปล่ยี นแปลงการ เคลอ่ื นท่ีของวตั ถุและ น้าหนักของวัตถุ
๑๖๗ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ คำช้แี จงประกอบแผนจดั กำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑.๑ แรงโน้มถ่วงของโลก เวลำ ๔ ชวั่ โมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคญั ของแผน แรงโนม้ ถว่ งของโลกท่ีกระทาต่อมวลของวตั ถุทาใหว้ ัตถุมีน้าหนักและทาใหว้ ตั ถุตกลงสพู่ นื้ ๒. ข้อเสนอแนะเพิม่ เติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบสุ ่ิงท่ตี อ้ งกำรเนน้ หรอื ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ) ในเรือ่ งตอ่ ไปน้ี คอื ๒.๑ ขอบขำ่ ยเนื้อหำ โลกมแี รงโนม้ ถ่วงหรือแรงดงึ ดูดกระทาต่อมวลของวตั ถุ ในทิศทางที่พงุ่ เขา้ สู่ศนู ย์กลางของโลกทาให้ วัตถุตกสพู่ ืน้ และทาใหว้ ัตถมุ ีนา้ หนกั ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่ำนยิ ม) (ถ้ำม)ี จุดประสงคด์ ้ำนควำมรู้ สงั เกตและอธิบายการเคล่ือนที่ของวัตถุเม่อื ถูกปล่อยจากมือ จุดประสงคด์ ำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การจัดกระทาและส่อื ความหมายข้อมูล ๓. การลงความเห็นจากข้อมลู จุดประสงคด์ ำ้ นคุณธรรม ๑. มีความสามคั คี ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลมุ่ ๒. มวี นิ ัย ๓. มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน ๒.๓ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ ๑) กำรเตรยี มตัวของครู นกั เรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำมี) การจัดกลุ่มนกั เรียน โดยแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ ๔ คน ๒) กำรเตรียมส่ือ วัสดอุ ุปกรณ์ ของครู นกั เรยี น (ถำ้ มี) สิ่งทค่ี รตู อ้ งเตรยี ม คอื ๒.๑ วดี ทิ ศั นแ์ สดงการทางานของนักบนิ อวกาศทีป่ ฏิบตั ิงานในยานอวกาศนอกโลกจาก youtube สิ่งทน่ี กั เรียนต้องเตรยี ม คือ ๒.๒ ดนิ นา้ มัน ๑ ก้อน/กลมุ่ ๒.๓ แทง่ ไม้ ๑ อัน/กลุ่ม ๒.๔ ใบไม้ ๑ ใบ/กลมุ่
๑๖๘ ๒.๕ ลูกบอล ๑ ลกู /กล่มุ ๒.๖ ฟองน้า ๑ อนั /กลุ่ม ๒.๗ เมลด็ ถวั่ ๑ เมด็ /กล่มุ ๓) เตรียมใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้ำมี) ๓.๑ ใบความรู้ที่ ๑ เร่อื ง มวลและแรงโน้มถว่ งของโลก ๓.๒ ใบความรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง แรงโน้มถ่วงของโลกทบ่ี ริเวณต่าง ๆ ๓.๓ ใบงาน ๐๑ มวลและแรงโน้มถ่วงของโลก ๓.๔ ใบงาน ๐๒ การเคลื่อนท่ีของวัตถุเมื่อปล่อยจากมือ ๓.๕ ใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หัด เร่ือง การเคลือ่ นท่ีของวัตถุในสถานที่ตา่ ง ๆ ๒.๔ วดั ผลประเมนิ ผล (ถ้ำมี) ๑) วธิ กี ำรวดั ผลประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม ๑.๓ สงั เกตดา้ นคุณธรรมขณะทากิจกรรม ๒) วิธกี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ๒.๑ เคร่อื งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินด้ำนควำมรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใชเ้ กณฑ์ในการให้คะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เคร่ืองมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทกั ษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดังแนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกนั แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั นี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๖๙ ๒.๓ เคร่อื งมอื และเกณฑใ์ นกำรประเมินดำ้ นคณุ ธรรม สังเกตคุณลักษณะด้านคุณธรรมโดยใชแ้ บบประเมินด้านคุณธรรม (ดงั แนบ) แลว้ นา คะแนนมารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลงั เรยี น แบบฝกึ หัดก่อนเรยี น หลงั เรยี น ทาแบบฝึกหดั ในใบงานหลังเรียน ๓. อื่น ๆ .............................................................................................................................. ..................................... ............................................................................................. .......................................................................
หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๓ แรง แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรขู้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ เรือ่ ง แรง รำยวิชำ ขั้นนำ ขน้ั สอน แนวกำรจัดกจิ ก ครูทบทวนความร้เู ดิมของนักเรียนโดยให ขน้ั สรุป อ่านใบความรู้ที่ ๑ มวลและแรงโนม้ ถ่วง กำรวดั และประเมนิ ผล ทากิจกรรมที่ ๑ เมอื่ ปล่อยวตั ถุจากมือ วัต ทาใบงาน ๐๑ มวลและแรงโน้มถว่ งของโล นาเสนอและอภปิ รายผลการทากิจกรรมร ทาใบงาน ๐๒ การเคลอื่ นที่ของวตั ถุเม่ือป อภิปรายผลการทากจิ กรรม ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั การเค ทาใบงาน ๐๓ แบบฝึกหัด เร่ืองการเคล่ือ ประเมินจากการตอบคาถาม ประเมินจากการทากิจกรรมในชน้ั เรยี น ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด
ของแผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ ๑๗๐ งโนม้ ถ่วงของโลก ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง กรรมกำรเรียนรู้ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔ ห้นกั เรียนดูวีดทิ ศั น์ และรว่ มกันอภปิ ราย ตถุเคลื่อนท่ีอยา่ งไร ลก รว่ มกัน ปล่อยจากมือ คลื่อนทข่ี องวัตถุเมื่อปลอ่ ยจากมือ อนทข่ี องวัตถใุ นสถานที่ตา่ ง ๆ
หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓ แรง แผนกำรจดั กำรเรียนร กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ รำยวิชำ ขอบเขตเน้ือหำ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ชัว่ โมง) โ ล ก มี แ ร ง โ น้ ม ถ่ ว ง ห รื อ แ ร ง ดึ ง ดู ด ชัว่ โมงที่ ๑-๒ ขัน้ นำ (๑๐ นำท)ี กระทาต่อมวลของวัตถุ ในทิศทางท่ีพุ่ง ๑. ครูเปดิ วีดทิ ัศน์แสดงการทางานของนักบนิ อ เข้าสู่ศูนย์กลางของโลก ทาให้วัตถุตกสู่ พน้ื และทาให้วัตถุมนี า้ หนัก นักเรยี นชม จากนน้ั อภปิ รายโดยใช้คาถาม ๑.๑ นกั บนิ อวกาศเคลื่อนท่ีอยา่ งไรในอวกา จดุ ประสงค์ดำ้ นควำมรู้ ๑.๒ นักบนิ อวกาศมนี า้ หนักเป็นอยา่ งไร เม สงั เกตและอธบิ ายการเคลือ่ นที่ของ ๑.๓ นักบินอวกาศมีมวลหรือไม่ เพราะเหต วตั ถเุ ม่อื ถูกปล่อยจากมือ นักเรยี นอาจตอบตามความเข้าใจของต การทากิจกรรม ๒. ครถู ามนกั เรยี นเพ่ือนาเขา้ สกู่ จิ กรรมวา่ มวลแ โลก เหมอื นหรอื แตกต่างกันหรือไม่ เพราะเ ขนั้ สอน (๑๐๐ นำที) ๓. นกั เรยี นอ่านชอื่ กิจกรรมและจุดประสงค์ขอ เคล่อื นที่อย่างไร หน้า ๙๙ จากนนั้ ครถู ามค ๓.๑ กจิ กรรมนีน้ ักเรียนจะไดเ้ รียนเก่ียวกบั เ การเคลือ่ นท่ีของวตั ถเุ ม่อื ถูกปล่อยจาก ๓.๒ นกั เรียนจะได้เรยี นเรอ่ื งนี้ด้วยวธิ ใี ด กา
รทู้ ่ี ๑.๑ แรงโน้มถว่ งของโลก ๑๗๑ อยที่ ๑ แรง ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔ อวกาศทกี่ าลังซ่อมยานหรือดาวเทียมนอกโลกให้ สอ่ื / แหลง่ เรียนรู้ ดังนี้ าศ (ลอยไปมาในอวกาศ) ๑. ดินน้ามัน มือ่ อยู่ในอวกาศ เพราะเหตุใด ๒. แท่งไม้ ตุใด ๓. ใบไม้ ตนเอง ครยู งั ไมเ่ ฉลยคาตอบ แต่ให้ไปค้นพบจาก ๔. ลกู บอล ๕. ฟองนา้ ๖. เมลด็ ถว่ั ๗. วดี ทิ ัศนแ์ สดงการทางานของนักบนิ อวกาศ และนา้ หนักของนักบนิ อวกาศนอกโลก และใน เหตุใด (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ) องกิจกรรมท่ี ๑ เมอ่ื ปลอ่ ยวัตถุจากมือ วตั ถุ คาถามดงั ต่อไปน้ี เรือ่ งอะไร (ความหมายของมวลและนา้ หนัก และ กมือ) ารอ่านข้อมลู และการสงั เกต)
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรียน กลุ่มสำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ หน่วย รำยวิช จดุ ประสงคด์ ำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำง ๓.๓ เม่อื เรยี นแล้ว นักเรียนจะทาอะไรได้ วิทยำศำสตร์ อธบิ ายการเคลื่อนท่ีของวัตถเุ มื่อถกู ป ๑. การสังเกต ๔. นกั เรยี นอ่านวธิ ที าในกิจกรรมที่ ๑ จากน้นั ๒. การจดั กระทาและส่ือความหมาย ขัน้ ตอนการทากิจกรรมของนักเรียนจนแนใ่ จว ๕. นักเรียนอ่านใบความรู้ท่ี ๑ เรื่องมวลและแ ขอ้ มลู อภปิ รายเพ่ือสรุปความเขา้ ใจจากการอ่านโดย ๓. การลงความเหน็ จากข้อมลู ๕.๑ เพราะเหตใุ ดจึงคดิ ว่าแอปเปิล้ มีประโ จดุ ประสงค์ดำ้ นคณุ ธรรม โรคได้ง่าย) ๑. มคี วามสามคั คี ชว่ ยเหลือในการ ทางานกลุ่ม ๕.๒ มวลคืออะไร (ปรมิ าณเนื้อของสสารท ๒. มวี ินัย ๕.๓ สสารท่นี กั เรยี นรู้จักมีอะไรบ้าง (นกั ๓. มคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน ๕.๔ สสารมีลกั ษณะอย่างไร (นักเรียนตอบ ครูใหค้ วามร้เู พิ่มเตมิ กับนักเรยี นเกี่ย สามารถจับต้องได้ สมั ผสั ได้ ต้องการที่อย มาเชน่ นา้ หรืออากาศ ท่ีจับต้องได้ มีนา้ ห ๕.๕ สสารอนื่ ๆ รอบตัวนกั เรียนมอี ะไรอ ไดห้ ลากหลาย เชน่ ปากกา หนงั สือ ส่งิ ของต่าง ๆ น้จี ับต้องได้ มีนา้ หนกั
นร้ทู ี่ ๑.๑ แรงโน้มถว่ งของโลก ๑๗๒ ยยอ่ ยท่ี ๑ แรง ชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๔ (บอกความหมายของมวลและน้าหนัก และ ภำระงำน / ชิน้ งำน ปล่อยจากมือ) ๑. การบันทึกผลการทากิจกรรม นครชู วนอภปิ รายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ ว่านกั เรียนทาได้ ในใบกจิ กรรม แรงโนม้ ถว่ งของโลก หนา้ ๘๐-๘๑ จากนัน้ ครูนา ๒. การทาแบบฝึกหดั ยอาจใชค้ าถาม ดังนี้ โยชน์ต่อร่างกาย (ทาให้ร่างกายแข็งแรง ไมเ่ ปน็ ท่ีรวมเป็นวตั ถทุ ั้งหมด) กเรียนตอบตามความเขา้ ใจ) บตามความเข้าใจ) ยวกับความหมายของสสารวา่ เปน็ ส่ิงต่าง ๆ ที่ ยู่ โดยครูอาจจะทบทวนกิจกรรมท่นี ักเรยี นเคยเรียน หนกั และต้องการทีอ่ ยู่ เป็นต้น อีกบา้ ง เพราะเหตุใดจงึ เป็นสสาร (นกั เรยี นตอบ อ โต๊ะ รองเทา้ ตวั นักเรียน เปน็ สสาร เพราะ ก ต้องการที่อย่)ู
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แรง แผนกำรจดั กำรเร กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ หน รำย ๕.๖ มวลของแอปเป้ิลคือส่วนใดบา้ ง (เ เนือ้ ผล เมล็ด ขวั้ ผลไม้) ๕.๘ มวลมหี นว่ ยเป็นอะไร (มวลมีหน่ว ๕.๙ เม่ือยา้ ยตาแหนง่ ที่อยูข่ องวัตถุ มว (ไม่เปล่ยี นแปลง มวลของวัตถุมีค ๕.๑๐ นกั บินอวกาศที่อยู่บนโลกแลว้ อ หรือไม่ อยา่ งไร (มวลนักบินอวกา หรือเพ่ิมขนึ้ มา) ๕.๑๑ มวลของวตั ถจุ ะเปล่ียนแปลงไดเ้ หรือเพม่ิ ขน้ึ มา) ๕.๑๒ นักวทิ ยาศาสตรท์ ี่ค้นพบแรงดึง ๕.๑๓ การคน้ พบของนิวตันมีจดุ เร่ิมต สงสยั ว่าทาไมผลแอปเปล้ิ จึงตกล ๕.๑๔ วัตถุมนี ้าหนักไดอ้ ยา่ งไร (แรงโน ๕.๑๕ นา้ หนกั ของวตั ถุมหี น่วยอะไร (
รยี นรูท้ ่ี ๑.๑ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ๑๗๓ น่วยย่อยที่ ๑ แรง ยวิชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔ เนื้อสสารท้งั หมดทีร่ วมเป็นผลแอปเปิ้ล ทงั้ เปลือก วธิ ีกำรประเมิน ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หัด วยกรมั หรือกโิ ลกรมั ) ๒. สังเกตทกั ษะกระบวนการทาง วลของวตั ถุเปลยี่ นแปลงไปหรอื ไม่ อยา่ งไร คา่ เทา่ เดมิ ไมว่ ่าจะอยูท่ ใี่ ดบนโลกหรอื นอกโลก) วทิ ยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม ออกไปทาภารกจิ ในอวกาศ มวลจะเปลี่ยนแปลง ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม าศไม่เปล่ียนแปลง ถ้าไม่มีส่วนใดของนักบินท่ีหายไป เกณฑ์กำรประเมิน ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั ได้ เมื่อใด (เม่ือมสี ่วนใดส่วนหนึง่ ของวตั ถหุ ลุดหายไป ถกู ต้องดว้ ยตนเอง - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน งดดู ของโลกคือใคร (เซอรไ์ อแซก นิวตัน) - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ต้นจากอะไร (จากการสงั เกตผลแอปเปล้ิ และเกดิ ข้อ - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ลงจากต้น ทาให้นวิ ตันศึกษาเร่ืองนอ้ี ย่างตอ่ เนื่อง) นม้ ถว่ งของโลกกระทาตอ่ วัตถ)ุ (นิวตนั )
หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรียน กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ หน่วย รำยวิช ๖. นกั เรยี นตอบคาถามหลงั จากการอภปิ ราย หนา้ ๘๒ ๗. ครชู กั ชวนนกั เรยี นสงสัยว่า นอกจากแรงโ ต่อวัตถุอยา่ งไรอกี บา้ ง และเช่ือมโยงเข้าส ๘. ความเข้าใจข้ันตอนการทากิจกรรมทีละข ทากิจกรรม โดยครูควรย้าให้นักเรียนพย เรม่ิ ปล่อยวตั ถุใหห้ ลุดจากมือจนวตั ถหุ ยุดก คาดคะเน ขั้นสรุป (๑๐ นำท)ี ๙. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจาก ปรมิ าณเน้ือของสสารทรี่ วมเป็นวตั ถทุ ั้งหม นิวตัน เป็นนักวิทยาศาสตร์ท่ีศึกษาอย่าง มวลของวัตถุ ทาใหว้ ตั ถมุ ีนา้ หนัก น้าหนัก
นรูท้ ่ี ๑.๑ แรงโน้มถว่ งของโลก ๑๗๔ ยย่อยท่ี ๑ แรง ชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔ ยลงในใบงาน ๐๑ มวลและแรงโนม้ ถ่วงของโลก ๒. มที ักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขณะทากิจกรรม โนม้ ถว่ งของโลกจะทาใหว้ ตั ถุมีนา้ หนักแลว้ ยงั มผี ล - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน สู่การทากิจกรรมท่ี ๑ เมอ่ื ปล่อยวัตถุออกจากมือ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ขั้นจนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทาได้ จึงให้นักเรียน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ยากรณ์เส้นทางการเคล่ือนท่ีของวัตถุต่าง ๆ ตั้งแต่ ๓. มคี ณุ ลักษณะด้านคณุ ธรรม การเคลอ่ื นท่ี แลว้ จึงทากจิ กรรมเพื่อตรวจสอบการ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน กการทากิจกรรมจนสรุปกิจกรรมได้ว่า มวลเป็น มด มีหนว่ ยเป็นกรมั หรอื กิโลกรมั เซอร์ไอแซก งต่อเนื่องจนค้นพบว่าโลกมีแรงโน้มถ่วงกระทาต่อ กมหี นว่ ยนวิ ตนั
หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย รำยวิชำ ๒ ชวั่ โมงที่ ๓-๔ ขัน้ นำ (๕ นำท)ี ๑๐. ครูทบทวนความรทู้ เี่ รยี นมาแลว้ เก่ียวกับม ท่ีผ่านมา โดยอาจใชค้ าถาม ดังนี้ ๑๐.๑ มวลของร่างกายของเราคอื ส่วนใดบ (มวลของร่างกาย คือทุกส่วนทปี่ ระก เลบ็ ขน มวลมีหน่วยกโิ ลกรมั ) ๑๐.๒ แรงดงึ ดดู ของโลกหรือแรงโน้มถ่วงข ๑๐.๓ กจิ กรรมในชว่ั โมงที่ผ่านมา นักเรียน (ปล่อยวัตถุต่าง ๆ จากมือ และสัง ต้ังแต่เริม่ ปลอ่ ยจากมอื จนวตั ถุหยดุ เค ขั้นสอน (๑๐๐ นำที) ๑๑. ครูสุ่มเลือกนกั เรยี น ๑-๒ กลุม่ นาเสนอผ ผลการทากจิ กรรมกบั ผลของกลุ่มท่ีนาเสน ๑๒. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลการทา ๑๒.๑ เมื่อถือวัตถใุ นมอื วัตถุมกี ารเคล่ือน
๑.๑ แรงโนม้ ถว่ งของโลก ๑๗๕ ย่อยที่ ๑ แรง ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔ มวลน้าหนกั และกจิ กรรมทน่ี ักเรียนทาเม่ือชว่ั โมง บ้าง มวลมีหน่วยอะไร กอบกนั เป็นรา่ งกายของเราทั้งหมด รวมถงึ ผม ของโลกมีผลอยา่ งไรตอ่ วตั ถุ (ทาให้วัตถุมีนา้ หนัก) นทาอะไรบา้ ง และตอ้ งสังเกตอะไร งเกตเส้นทางการเคล่ือนท่ีของวัตถุแต่ละอย่าง คลอ่ื นที)่ ผลการทากิจกรรม นักเรยี นกลมุ่ อืน่ เปรยี บเทยี บ นอ ากิจกรรมโดยอาจใชค้ าถามดังน้ี นทห่ี รือไม่ อยา่ งไร (วัตถุไมเ่ คลอื่ นที่ แต่อยนู่ ิ่ง)
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หน่วยย่อ รำยวิชำ ๑๒.๒ เมอ่ื ปล่อยวัตถุจากมือ วัตถุแต่ละช อยา่ งไร (วตั ถแุ ตล่ ะชนิดมกี ารเปลยี่ จากหยุดนิ่งในมือเป็นเคลอื่ นท่ลี งส ๑๒.๓ จากท่ีนักเรยี นเคยเรียนมาแล้ว วตั ถ เปลยี่ นแปลงการเคลื่อนท่ีได้ เมื่อม ๑๒.๔ เมอ่ื ปลอ่ ยวตั ถุออกจากมือ มแี รงจา มอื ) ๑๒.๕ ในเมอ่ื ไมม่ ีแรงที่มือกระทาต่อวัตถุ กระทาต่อวตั ถุ (มีแรงอ่นื นอกเหนือ แรงดึงดูดของโลกที่กระทาต่อวตั ถ ๑๒.๖ เส้นทางการเคลื่อนที่ของวตั ถุแตล่ ะ อย่างไร (วตั ถแุ ตล่ ะชิ้นอาจมีเสน้ ท ดินน้ามัน แท่งไม้ เคลื่อนท่ลี งสู่พนื้ ฟองน้า เมล็ดถั่ว จะกระดอนขึ้นลง
๑.๑ แรงโน้มถว่ งของโลก ๑๗๖ อยท่ี ๑ แรง ำวทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔ ชนิดมีการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทหี่ รือไม่ ยนแปลงการเคลื่อนทเ่ี หมือนกนั โดยเปลย่ี น สูพ่ ้นื ) ถเุ ปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นท่ีไดอ้ ย่างไร (วตั ถุ มีแรงกระทาต่อวัตถุ) ากมือกระทาตอ่ วตั ถุหรือไม่ (ไมม่ ีแรงกระทาจาก วัตถเุ ปลี่ยนแปลงการเคลื่อนทโ่ี ดยมแี รงอะไร อจากแรงของมือ นน่ั คือแรงโน้มถ่วงของโลกหรือ ถุ) ะชิน้ ที่ถูกปลอ่ ยจากมอื แตกต่างกนั หรือไม่ ทางการเคลื่อนทเ่ี หมือนหรือต่างกนั ได้ เช่น นในแนวตรง ขณะท่ีใบไมเ้ คลือ่ นทรี่ ่อนไปมา และ ง แตส่ ่งิ ที่เหมือนกนั คอื วัตถุทุกชนิดตกลงสู่พ้นื )
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรยี น กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ หน่วยย่อ รำยวิชำ ๑๒.๗ วตั ถุแตล่ ะช้นิ หยดุ เคลื่อนท่ีท่ีใด เห ทพ่ี ื้นเหมือนกนั ) ๑๒.๘ แรงโน้มถว่ งของโลกกระทาต่อวัตถ ทิศทางลงสู่พื้นเสมอ รูไ้ ด้จากการต ๑๓. ครใู ห้นักเรยี นตอบคาถามหลงั กจิ กรรมใน ๑๔. นักเรียนอ่านใบความรู้ท่ี ๒ เรอื่ งแรงโน้มถ ครนู าอภปิ รายและสรุปเก่ียวกับค่าแรงโน ๑๕. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปจากการอ่าน โลก และเป็นแรงไม่สัมผัส เพราะโลกมีแ ผิวโลก ขน้ั สรุป (๑๕ นำที) ๑๖. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจาก ปลอ่ ยจากมือ จะตกลงสูพ่ ื้นเสมอ เนื่องจ โน้มถ่วงของโลกแตล่ ะบริเวณมคี า่ ไม่เท่าก ๑๗. ครูให้นักเรียนทาใบงาน ๐๓ แบบฝึกหัด หน้า ๘๘-๙๑
นรูท้ ี่ ๑.๑ แรงโน้มถว่ งของโลก ๑๗๗ อยท่ี ๑ แรง ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔ หมอื นกันหรอื ไม่ (วัตถแุ ต่ละชน้ิ หยดุ การเคลอ่ื นที่ ถใุ นทิศทางใด รู้ได้อยา่ งไร (แรงโนม้ ถ่วงของโลกมี ตกลงสู่พน้ื โลกของวตั ถุต่าง ๆ) นใบงาน ๐๒ หนา้ ๘๕ ถ่วงของโลกท่ีบรเิ วณตา่ ง ๆ หนา้ ๘๖-๘๗ และ นม้ ถว่ งของโลกในบริเวณตา่ ง ๆ ท่มี คี ่าแตกต่างกนั นว่า แรงดึงดูดของโลกขึ้นอยู่กับความสูงจากพ้ืน แรงดึงดูดวัตถุได้โดยวัตถุไม่จาเป็นต้องสัมผัสกับ กการทากิจกรรมจนสรุปได้ว่า วัตถุทุกชนิดเมื่อ จากมีแรงโนม้ ถ่วงของโลกกระทาต่อวัตถุ และแรง กนั เร่ืองเม่ือปล่อยวัตถุจากมือ วัตถุเคลื่อนท่ีอย่างไร
๑๗๘ แบบประเมนิ ดำ้ นคุณธรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๑.๑ แรงโน้มถ่วงของโลก ชื่อผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมิน……………………………………………………………………………………………………………… ช่ือกลุ่มรบั กำรประเมิน……………………………………………………………………………………………………………………. ประเมนิ ผลครั้งท…่ี ……………….... วนั ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........... เร่อื ง………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดบั พฤติกรรม คะแนนทไ่ี ด้ เกดิ = ๑ ไม่เกดิ = 0 ๑. มีความสามัคคี ช่วยเหลอื ในการทางานกลมุ่ ๒. มีวนิ ัย ๓. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน รวมคะแนนท่ีไดท้ ้ังหมด = …………… คะแนน คุณลกั ษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๗๙ แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกจิ กรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๑ แรงโนม้ ถ่วงของโลก เกณฑก์ ำรประเมินมดี ังน้ี ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ คะแนน สิ่งทป่ี ระเมนิ รวมคะแนน การสังเกต การจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู การลงความเหน็ จากข้อมูล เกณฑ์กำรประเมนิ ทักษะ ระดับควำมสำมำรถ กระบวนกำรทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑) วิทยำศำสตร์ การสังเกต ใ ช้ ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส ใ น ก า ร ใ ช้ ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส ใ น ก าร ไมส่ ำมำรถใช้ประสาทสัมผัสใน รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทาง ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการ เคลื่อนที่ของวัตถุแต่ละช้ินเมื่อ เส้นทางเคลื่อนที่ของวัตถุแต่ เสน้ ทางเคลื่อนท่ีของวัตถุแต่ละ ถูกปล่อยจากมือ จนหยุดการ ละชนิ้ เมอ่ื ถูกปล่อยจากมือ จน ชิ้นเม่ือถูกปล่อยจากมือ จน เคล่ือนท่ี ด้วยตนเอง โดยไม่ หยุดการเคลื่อนท่ีได้ โดยกำร หยุดการเคลื่อนที่ ถึงแม้จะ เพิม่ ความคดิ เหน็ ชีแ้ นะของครูหรือผอู้ นื่ ไ ด้ รั บ ค า แ น ะ น า จ า ก ค รู ห รื อ ผ้อู ืน่ การจัดกระทา นาเสนอข้อมูลจากการอภิปราย น า เ ส น อ ข้ อ มู ล จ า ก ก า ร ไม่สำมำรถนาเสนอข้อมูลจาก และสอื่ เก่ียวกับเส้นทางการเคลื่อนที่ อภิปรายเกี่ยวกับเส้นทางการ การอภิปรายเกี่ยวกับเส้นทาง ความหมายข้อมูล ของวัตถุแต่ละชิ้นเม่ือถูกปล่อย เคล่ือนท่ีของวัตถุแต่ละช้ิน การเคล่ือนที่ของวัตถุแต่ละช้ิน จากมือ ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย เม่ือถูกปล่อยจากมือให้ผู้อื่น เม่ือถูกปล่อยจากมือให้ผู้อ่ืน และชัดเจนดว้ ยตนเอง เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน โดย เข้าใจได้ง่าย ถึงแม้จะได้รับ กำรช้แี นะของครหู รอื ผูอ้ ่นื คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ่ืน การลงความเหน็ เพิ่มเติมความคิดเห็นได้ว่ามีแรง เพิ่มเติมความคิดเห็นได้ว่ามี ไ ม่สำมำรถ เพิ่มเติมคว าม จากข้อมลู ก ร ะ ท า ต่ อ วั ต ถุ ท า ใ ห้ วั ต ถุ แรงกระทาต่อวัตถุทาให้วัตถุ คิดเห็นได้ว่ามีแรงกระทาต่อ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีได้ เปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีได้ วตั ถุทาใหว้ ตั ถเุ ปลยี่ นแปลงการ
๑๘๐ ทกั ษะ ระดับควำมสำมำรถ กระบวนกำรทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑) วทิ ยำศำสตร์ อย่างมีเหตุผล จากความรู้หรือ อย่างมีเหตุผล โดยอำศัย เคล่ือนที่ได้ อย่างมีเหตุผล ประสบการณ์เดิมได้ ด้วย คำแนะนำของครหู รือผอู้ ่นื ถงึ แม้จะไดร้ ับคาแนะนาจากครู ตวั เอง หรอื ผู้อื่น
๑๘๑ เฉลยใบงาน มวลเป็นปริมำณของเน้อื ของสสำรทั้งหมดท่รี วมเป็นวตั ถุ วัตถุมีน้ำหนักเน่อื งจำกมแี รงโนม้ ถว่ งของโลกหรอื แรงดึงดดู ของโลกกระทำ ตอ่ วตั ถุ แรงโนม้ ถ่วงของโลกมีทศิ ทำงเขำ้ สศู่ นู ย์กลำงของโลก
๑๘๒ ขึ้นอยู่กับกำรคำดคะเนของนกั เรียน ขึน้ อย่กู ับกำรคำดคะเนของนกั เรยี น
๑๘๓
๑๘๔ เมื่อปล่อยวัตถจุ ำกมือ วัตถุมีกำรเปลยี่ นแปลงกำรเคลื่อนท่ี จำกหยุดน่ิงในมือ เป็นเคลอ่ื นที่ เม่ือปล่อยวัตถุจำกมือ มีแรงกระทำตอ่ วัตถุ แรงท่ีมำกระทำเป็นแรงโนม้ ถว่ งของ โลก วตั ถุแต่ละชิ้นมเี สน้ ทำงกำรเคลือ่ นทีต่ ำ่ งกนั โดยดินนำ้ มัน แท่งไม้ ตกลงสพู่ ื้นแลว้ หยุดน่งิ แต่ลูกบอล ฟองน้ำ เมล็ดถวั่ จะกระดอนขน้ึ ลงจนหยุดน่ิง ใบไม้เคล่อื นท่ี รอ่ นไปทำงซำ้ ย ทำงขวำจนตกลงสพู่ นื้ แตว่ ตั ถุทกุ ชนดิ ตกลงส่พู นื้ เหมือนกัน ดงั นั้น วตั ถแุ ตล่ ะช้นิ มีเสน้ ทำงกำรเคล่ือนท่ีทงั้ เหมือนและแตกต่ำงกนั วัตถุต่ำง ๆ จะหยดุ เคลอื่ นท่ีทพี่ น้ื โดยอำจจะเหมือนหรือไม่เหมอื นกับท่ี คำดคะเนไว้ (ขึน้ อยู่กบั กำรคำดคะเนของนกั เรียน) เม่อื ปล่อยวตั ถุจำกมือ เส้นทำงกำรเคล่ือนท่ีของวัตถุแตล่ ะชนิดอำจแตกตำ่ งกนั แตว่ ตั ถทุ กุ ชนิดจะตกลงสู่พ้นื โลกเสมอ เน่อื งจำกมีแรงโน้มถว่ งของโลกกระทำ ต่อวตั ถุในทศิ ทำงเข้ำสู่พนื้ โลก
๑๘๕
๑๘๖ มแี รงโน้มถว่ งของโลกกระทำต่อผลไม้ในทศิ ทำงเข้ำส่พู ้นื โลกในแนวด่ิง ทำใหผ้ ลไม้ตกสู่พน้ื โลกในแนวดิ่ง
๑๘๗ แรงโน้มถ่วงท่ีกระทำต่อตัวเรำจะไม่เท่ำกัน โดยบริเวณยอดเขำจะมีค่ำ แรงโน้มถ่วงกระทำต่อตัวเรำน้อยกว่ำ เพรำะอยู่หำ่ งจำกจดุ ศนู ย์กลำงของ โลกมำกกวำ่
๑๘๘ มวล และน้ำหนัก มวลเปน็ ปริมำณเนอื้ ของสสำรทง้ั หมดที่รวมเป็นตัวของนักบนิ อวกำศและเม่ืออย่บู นโลกมแี รงโนม้ ถ่วงของโลกกระทำต่อนักบิน อวกำศ นักบนิ อวกำศจึงมีนำ้ หนัก มวล แต่ไม่มีนำ้ หนัก ในอวกำศ นกั บินอวกำศยังคงมีปริมำณเน้ือสสำรทรี่ วมกันเป็นตวั นกั บนิ อวกำศเช่นเดมิ แต่ในอวกำศไม่มีแรงโนม้ ถว่ งของโลกทกี่ ระทำ ต่อตวั นักบิน จึงทำให้ไม่มนี ำ้ หนกั
๑๘๙ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ คำช้ีแจงประกอบแผนจัดกำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ กำรหำนำ้ หนกั ของวัตถุ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคัญของแผน เครอื่ งช่ังสปรงิ เปน็ อุปกรณใ์ ชว้ ัดแรง น้าหนกั ของวตั ถชุ ่ังได้จากเคร่ืองช่งั สปริง ๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งทตี่ ้องกำรเน้นหรอื ข้อสังเกต ขอ้ เสนอแนะ คำแนะนำ) ในเรือ่ งตอ่ ไปน้ี คือ ๒.๑ ขอบข่ำยเนื้อหำ แรงโนม้ ถ่วงของโลกท่ีกระทาต่อมวลของวัตถุทาให้วัตถมุ ีน้าหนัก ช่งั นา้ หนักของวตั ถไุ ดโ้ ดยใช้ เครอ่ื งชง่ั สปริง เคร่ืองชง่ั สปรงิ ใชว้ ดั แรง ถา้ ตอ้ งการช่ังนา้ หนักของวัตถุ ใหน้ าวตั ถุแขวนกบั เครอ่ื งชง่ั สปรงิ เม่ือวตั ถุอยนู่ ิง่ คา่ ของแรงท่ีอ่านได้จะเท่ากบั น้าหนกั ของวตั ถุ น้าหนักมีหน่วยนิวตนั ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทกั ษะ คุณธรรมจริยธรรม ค่ำนิยม) (ถ้ำม)ี จุดประสงคด์ ้ำนควำมรู้ อธิบายวธิ ีการใชเ้ ครอ่ื งช่ังสปริง และการช่งั นา้ หนกั ของวัตถุ จุดประสงค์ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การวัด ๓. การจดั กระทาและส่อื ความหมายข้อมลู จดุ ประสงคด์ ้ำนคณุ ธรรม ๑. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลอื ในการทางานกลมุ่ ๒. มีวินัย ๓. มีความมงุ่ ม่นั ในการทางาน ๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ๑) กำรเตรียมตัวของครู นักเรียน (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำมี) การจดั กลมุ่ โดยแบง่ นักเรียนออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ ๔ คน ๒) กำรเตรยี มสื่อ วัสดอุ ปุ กรณ์ ของครู นกั เรียน (ถ้ำม)ี สิง่ ท่คี รูต้องเตรียม คือ ๒.๑ ถุงทราย ๑ ถุง/กลมุ่ ๒.๒ เคร่อื งช่งั สปริง ๑ เครอื่ ง/กลมุ่
๑๙๐ สง่ิ ทีน่ ักเรยี นต้องเตรยี ม คือ ๒.๓ วัตถอุ นื่ ๆ เช่น กอ้ นหิน กล่องใส่ดินสอ ๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถ้ำมี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การหานา้ หนักของวตั ถุ ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เรอื่ งการหานา้ หนักของวตั ถุ ๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถำ้ ม)ี ๑) วธิ ีกำรวัดผลประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการทากิจกรรม ๑.๓ สังเกตดา้ นคุณธรรมขณะทากิจกรรม ๒) วธิ กี ำร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ๒.๑ เครอื่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ด้ำนควำมรู้ ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครื่องมอื และเกณฑใ์ นกำรประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครอื่ งมือและเกณฑ์ในกำรประเมนิ ดำ้ นคณุ ธรรม สงั เกตคุณลกั ษณะด้านคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมินดา้ นคณุ ธรรม (ดังแนบ) แล้วนา คะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั น้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบกอ่ นเรยี น หลังเรียน แบบฝกึ หัดกอ่ นเรียน หลังเรยี น ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลังเรียน
๑๙๑ ๓. อืน่ ๆ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..........................................
หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๓ แรง แนวทำงกำรจัดกจิ กรรมของแ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ เรื่อง กำรหำน รำยวิชำ วทิ ขั้นนำ ขน้ั สอน แนวกำรจัด ขั้นสรุป กำรวัดและประเมินผล ทบทวนความรทู้ ี่ไดเ้ รยี นมาแลว้ ของน คาดคะเนนา้ หนกั ของวตั ถุ ทากิจกรรมท่ี ๒ หานา้ หนักวัตถุได้อย ทาใบงาน ๐๑ การหานา้ หนักของวัตถ นาเสนอและอภปิ รายผลการทดลอง ครูและนกั เรียนร่วมกันลงข้อสรุปเกย่ี ว ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่ือง การห ประเมินจากการตอบคาถาม ประเมนิ จากการทากจิ กรรมในชัน้ เรยี ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ ๑๙๒ นำ้ หนักของวตั ถุ ทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔ ดกิจกรรมกำรเรียนรู้ นกั เรยี นเกี่ยวกับความหมายของมวลและนา้ หนัก ย่างไร ถุ วกับการหาน้าหนักของวตั ถุ หานา้ หนักของวัตถุ ยน
หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ แรง แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ย รำยวชิ ขอบเขตเนือ้ หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ชว่ั โมง) ชั่วโมงท่ี ๑-๒ แ ร ง โ น้ ม ถ่ ว ง ข อ ง โ ล ก ที่ ขน้ั นำ (๕ นำท)ี กระทาต่อมวลของวตั ถุ ทาใหว้ ัตถุ ๑. ครูทบทวนความรู้ทเ่ี รียนมาโดยอาจใช้อปุ กรณ์ เช่น ก มีน้าหนัก ชั่งน้าหนักของวัตถุได้ โดยใช้เคร่ืองช่ังสปริง เคร่ืองชั่ง ๑.๑ มวลของกลอ่ งใสด่ นิ สอคือสว่ นใดบา้ ง เพรา สปริงใช้วัดแรง ถ้าต้องการชั่ง น้าหนักของวัตถุให้นาวัตถุแขวน ดนิ สอท่อี ยู่ภายในกล่องด้วย เพราะมวลเป็น กับเครื่องชั่งสปริง เมื่อวัตถุอยู่น่ิง ค่าของแรงท่ีอ่านได้จะเท่ากับ ๑.๒ กลอ่ งดนิ สอมีนา้ หนักได้อย่างไร (มแี รงดึงด น้าหนักของวัตถุ น้าหนักมีหน่วย นวิ ตัน ๑.๓ มวลมีหน่วยอะไร และน้าหนกั มีหน่วยอะไร ๒. ครูนาวัตถุหลาย ๆ ช้นิ เช่น หนังสือ หรือขวดใส่น้า ให ว่าวตั ถุเหล่าน้ีมีนา้ หนักเทา่ ไร (นกั เรียนอาจตอบได้หล เพียงความร้สู กึ ของแตล่ ะคนในการบอกน้าหนัก จะท ๓. ครูถามนักเรียนว่าจะมีวิธีการหาน้าหนักของวัตถุให้แ ใช้เครื่องช่ัง) ข้ันสอน (๑๑๐ นำที) ๔. ใหน้ กั เรียนอา่ นชือ่ กิจกรรมและจุดประสงค์ของใบกจิ ก ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเกีย่ วกับสง่ิ ทจี่ ะเรยี ๔.๑ กิจกรรมนนี้ ักเรยี นจะไดเ้ รียนเก่ยี วกับเรอื่ งอ
ที่ ๑.๒ กำรหำนำ้ หนกั ของวัตถุ ๑๙๓ ยย่อยท่ี ๑ แรง ชำวทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชวั่ โมง ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔ ส่ือ / แหล่งเรียนรู้ ๑. ถงุ ทราย กลอ่ งใส่ดนิ สอประกอบการซักถามดังน้ี ๒. เครื่องชั่งสปรงิ าะอะไร (ทุกส่วนท่ีประกอบเปน็ กล่องใสด่ ินสอ รวมท้ัง ๓. วัตถอุ น่ื ๆ เชน่ กอ้ นหิน นปรมิ าณเนื้อของสสารท้ังหมดทีร่ วมเปน็ วัตถุ) กล่องใสด่ นิ สอ ดดู ของโลกกระทาต่อตวั เรา) ร (มวลมีหนว่ ยกรัมหรือกโิ ลกรัม นา้ หนักมีหน่วยนิวตนั ) หน้ กั เรยี นสังเกตหรือยก แลว้ ลองให้นกั เรียนคาดคะเน ลากหลาย ครูอาจนาอภิปรายว่าการยกวตั ถุโดยอาศัย ทาให้บอกค่าไดแ้ ตกตา่ งกนั ) แม่นยาได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น กรรมที่ ๑ หานา้ หนักของวัตถุ หนา้ ๙๓ จากน้นั ยน โดยอาจใชค้ าถาม ดังน้ี อะไร (การหานา้ หนักของวตั ถโุ ดยใชเ้ คร่ืองชั่งสปรงิ )
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แรง แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ย รำยวชิ จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ ๔.๒ นกั เรียนจะได้เรียนเร่อื งนีด้ ว้ ยวธิ ใี ด (การสงั อธบิ ายวิธีการใชเ้ ครื่องช่ัง ๔.๒ เมือ่ เรยี นแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบา ๕. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทา โดยครูเลือกวิธีการอ่านท่ีเหม สปรงิ และการชัง่ น้าหนักของ ขน้ั ตอนการทากจิ กรรมทลี ะขน้ั ตอนจนแน่ใจวา่ นกั เรีย วัตถุ ๖. ครูให้นกั เรยี นทาข้อ ๑ สังเกตลักษณะของเครอ่ื งชง่ั สป ใบงาน ๐๑ การหาน้าหนักของวตั ถุ หน้า ๙๔ จากน้ัน ใช้คาถาม ดงั น้ี ๖.๑ เครื่องชั่งสปริงมีส่วนประกอบอะไรบ้าง จะมีขีดสเกล ๒ ด้าน ด้านหนึง่ มหี นว่ ยกรัม มีนอตหมุนด้านบนของกระบอก ด้านล่า ขอเก่ียวยึดกับสปริงที่อยู่ด้านในของกระบ เลื่อนไปมาได้) ๖.๒ ขอเก่ียวทยี่ นื ออกมาจากกระบอกใช้ทาอะไร ๖.๓ ถา้ ต้องการอา่ นค่าน้าหนักของวตั ถุ จะตอ้ ง ๖.๔ เครื่องชั่งสปริงอ่านค่าน้าหนักของวัตถุได้ส ๑๐ นวิ ตนั ) ๖.๕ เครอ่ื งชั่งสปริงอา่ นคา่ มวลได้สูงสดุ เทา่ ใด (
๑.๒ กำรหำน้ำหนักของวตั ถุ ๑๙๔ ยย่อยท่ี ๑ แรง ชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๔ งเกต) ภำระงำน / ช้นิ งำน ายการใช้เคร่ืองชงั่ สปรงิ หาค่านา้ หนักของวัตถุได้) ๑. การบันทกึ ผลการทากิจกรรม มาะสมกับนักเรยี น จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจ ยนสามารถทาได้ จงึ ใหน้ กั เรยี นทากิจกรรม ในใบกจิ กรรม ปรงิ อย่างละเอียดพร้อมวาดรูปเครอ่ื งชัง่ สปริงใน ๒. การทาแบบฝกึ หัด นครูนาอภิปรายลักษณะของเครอื่ งชั่งสปริง โดยอาจ (เครื่องชั่งสปริงประกอบด้วยตัวกระบอกเครื่องช่ัง ม และอกี ด้านหน่งึ มีหนว่ ยนิวตัน มหี จู ับด้านบน และ างของกระบอกมีขอเก่ียวยื่นออกมาจากกระบอก บอก และมีหมุดสีเงินอยู่ระหว่างกระบอก สามารถ ร (สาหรบั เก่ยี ววัตถุ) งดูหนว่ ยใดบนเครอ่ื งชงั่ สปรงิ (หน่วยนวิ ตัน) สูงสุดเท่าใด (เครื่องชั่งสปริงอ่านค่าน้าหนักได้สูงสุด (๑,๐๐๐ กรัม หรอื ๑ กโิ ลกรมั )
หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วย รำยวิช จุดประสงค์ด้ำนทกั ษะ ๗. ครูให้ความรู้นักเรียนเกี่ยวกับวิธีการใช้และอ่านค่าน กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ เครื่องช่ังสปริง ให้จับที่หูจับด้านบน ส่วนการอ่านค่า ๑. การสังเกต บากกึ่งกลางของหมุดท่ีระดับสายตาว่าตรงกับขีดบ ๒. การวดั อาจจะคลาดเคลอ่ื นได้ ถ้าระดับสายตาของผสู้ ังเกตอ ๓. การจดั กระทาและสือ่ ว่า ถ้าเครื่องช่ังสปริงบางอันมีค่าเริ่มต้นไม่ตรงกับค่าศ หมนุ นอตทีอ่ ย่ดู า้ นบนของกระบอกเครื่องชงั่ เพื่อปรับใ ความหมายข้อมลู ๘. ครูให้นกั เรยี นลงมอื ทากจิ กรรมข้อ ๒-๔ แลว้ ใหน้ กั เรีย จุดประสงค์ด้ำนคุณธรรม ขน้ั สรปุ (๕นำท)ี ๑. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลอื ๙. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปผลการทากจิ กรรมได้วา่ เค ในการทางานกลุ่ม ๒. มีวินัย ค่าของแรงไดอ้ ย่างถูกต้อง ๓. มคี วามม่งุ ม่นั ในการทางาน ช่ัวโมงท่ี ๓-๔ ขั้นนำ (๕ นำท)ี ๑๐. ครูทบทวนกิจกรรมท่ีทาในช่ัวโมงทผ่ี ่านมาโดยใช้คาถ ๑๐.๑ เคร่ืองช่งั สปรงิ ใช้งานอยา่ งไร (น้กเรยี นตอบต ๑๐.๒ อ่านค่าของน้าหนกั ให้แม่นยาทาไดอ้ ย่างไร (ครอู าจสุ่มนักเรยี นออกมาแสดงวิธีการใช้กา เคร่ืองช่งั สปรงิ )
๑.๒ กำรหำน้ำหนักของวตั ถุ ๑๙๕ ยยอ่ ยที่ ๑ แรง ชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี ๔ น้าหนักบนเคร่ืองชั่งสปริง โดยครูอธิบายวิธี การจับ วิธีกำรประเมนิ าน้าหนักจะทาได้เมื่อหมุดหยุดนิ่ง แล้วมองตรงรอย บอกค่าที่เท่าใด ครูควรกาชับว่าการอ่านค่าน้าหนัก ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หดั อยู่ต่าหรือสงู กว่าหมุดอ่านค่า นอกจากน้ีครูให้ความรู้ ๒. สงั เกตทกั ษะกระบวนการทาง ศูนย์ สามารถปรับระดับให้ตรงท่ีขีดศูนย์ได้ โดยการ ใหต้ รงที่ขดี ศูนย์ วิทยาศาสตรใ์ นการทา ยนนาเสนอผลการทากิจกรรมในชน้ั เรียน กิจกรรม ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรมขณะทา ครอื่ งช่งั สปริงต้องใชอ้ ย่างถกู วิธีเพอื่ ให้สามารถอ่าน กจิ กรรม เกณฑก์ ำรประเมนิ ถาม ดงั นี้ ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั ตามความเข้าใจของตนเอง) ได้ถูกตอ้ งด้วยตนเอง - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ารเคร่ืองชง่ั สปรงิ เพ่อื ประเมนิ ความเข้าใจวิธีการใช้
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ แรง แผนกำรจดั กำรเรยี น กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ หน รำย ขน้ั สอน (๑๐๐ นำที) ๑๑. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายผลการทากจิ กรรม ๑๑.๑ เมื่อออกแรงดึงขอเก่ียวของเครอื่ งชั่งสปรงิ (หมุดเลื่อนลงมาดา้ นล่าง) ๑๑.๒ เมื่อออกแรงดงึ ขอเกี่ยวของเครอื่ งช่ังสปรงิ ใ ลงมาดา้ นล่างมากขึ้น ค่าท่ีอ่านได้มากข้นึ ) ๑๑.๓ เมือ่ แขวนถุงทรายกบั เครื่องชัง่ สปรงิ แลว้ ถุง เลอ่ื นลงมาดา้ นล่าง) ๑๑.๔ ค่าแรงที่อา่ นได้เม่ือแขวนถงุ ทรายกบั เครื่อง ๑๑.๕ ค่าที่อ่านไดจ้ ากเคร่ืองชั่งสปริงคอื ค่าของแร ของถุงทราย) ๑๒. ครูใหค้ วามรูเ้ พิ่มเติมว่าแรงท่ถี ุงทรายดึงเครื่องชัง่ ส ของโลกที่กระทาต่อถงุ ทราย และวธิ กี ารอา่ นค่าน อยู่นิ่งในแนวดิ่ง ครวู าดแผนภาพบนกระดานแสด เครอื่ งชั่งสปริงดงึ ถงุ ทราย ดังรูป
นรู้ที่ ๑.๒ กำรหำนำ้ หนักของวตั ถุ ๑๙๖ น่วยย่อยท่ี ๑ แรง ยวชิ ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ชน้ั ประถมศึกษำปที ี่ ๔ มจากชว่ั โมงทีผ่ า่ นมาโดยใชแ้ นวคาถาม ดังนี้ ๒. มที ักษะกระบวนการทาง เกดิ อะไรข้ึนกบั เครื่องช่งั สปริง วทิ ยาศาสตรข์ ณะทากิจกรรม ใหม้ ากขน้ึ เกดิ อะไรข้ึนกับเครอื่ งชง่ั สปริง (หมดุ เล่ือน - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน งทรายอยู่นง่ิ เกิดอะไรขน้ึ กบั เคร่ืองชั่งสปรงิ (หมุด - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓. มคี ณุ ลักษณะดา้ นคณุ ธรรม งช่งั สปริงให้นิ่งเปน็ เทา่ ใด (ประมาณ ๔.๙ นวิ ตนั ) - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน รงอะไร (แรงทถ่ี ุงทรายดึงเคร่ืองชงั่ สปริงหรอื น้าหนัก - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน สปริงจะเท่ากับน้าหนกั ของถุงทราย หรอื แรงโน้มถว่ ง น้าหนกั ของถุงทรายท่ีถูกต้องทาโดยแขวนถุงทรายให้ ดงแรงโนม้ ถ่วงของโลกที่กระทาต่อถงุ ทรายและแรงท่ี
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แรง แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยย รำยวิชำ ๑๓. นกั เรียนตอบคาถามหลังจากทากจิ กรรม หน้า ๙๕ ข้นั สรุป (๑๕ นำท)ี ๑๔. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกับสรปุ ได้ว่าเครอื่ งช่ังสปรงิ ใช เมอ่ื แขวนวัตถกุ บั เคร่อื งชั่งสปริงให้อย่นู ่งิ ในแนวดง่ิ ๑๕. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เรื่อง เร่ือง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 469
Pages: