๑.๒ กำรหำน้ำหนกั ของวัตถุ ๑๙๗ ย่อยท่ี ๑ แรง ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชวั่ โมง ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๔ ๕ ชว้ ดั ค่าของแรง และสามารถหาค่าน้าหนกั ของวตั ถไุ ด้ ง งการหาน้าหนกั ของวตั ถุ หนา้ ๙๖-๙๗
๑๙๘ แบบประเมนิ ด้ำนคณุ ธรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ กำรหำน้ำหนกั ของวตั ถุ ช่ือผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมนิ ……………………………………………………………………………………………………………… ชอ่ื กลุ่มรบั กำรประเมิน……………………………………………………………………………………………………………………. ประเมนิ ผลคร้ังท…่ี ……………….... วนั ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........... เรือ่ ง………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดบั พฤติกรรม คะแนนที่ได้ เกิด = ๑ ไม่เกิด = 0 ๑. มีความสามัคคี ช่วยเหลอื ในการทางานกลุม่ ๒. มวี นิ ัย ๓. มคี วามมุง่ ม่ันในการทางาน รวมคะแนนทไี่ ดท้ ้งั หมด = …………… คะแนน คณุ ลกั ษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคณุ ธรรม - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๙๙ แบบประเมินด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ในกำรทำกิจกรรม แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ กำรหำนำ้ หนักของวัตถุ เกณฑ์กำรประเมินมดี ังน้ี ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ สิ่งที่ประเมิน คะแนน การสงั เกต การวดั การจดั กระทาและสือ่ ความหมายข้อมูล รวมคะแนน เกณฑก์ ำรประเมิน ทกั ษะกระบวนกำร ระดับควำมสำมำรถ ทำงวิทยำศำสตร์ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรงุ (๑) การสังเกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใ ช้ ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส ใ นการ ไม่สำมำรถใช้ประสาทสัมผัสใน รว บรว มข้อมูลเก่ี ย ว กั บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ การรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ ลักษณะของเคร่ืองชั่งสปริง ลักษณะของเคร่ืองชั่งสปริง ลักษณะของเครื่องชั่งสปริงและ และสิ่งที่เกิดข้ึนกับเคร่ืองชั่ง และส่ิงที่เกิดขึ้นกับเครื่องชั่ง สิ่งทีเ่ กดิ ข้นึ กบั เครื่องช่งั สปริงเม่ือ สปริงเมื่อออกแรงดึงด้วย สปริงเม่ือออกแรงดึงได้ โดย อ อ ก แ ร ง ดึ ง ถึ ง แ ม้ จ ะ ไ ด้ รับ ตนเอง โดยไม่เพิ่มความ กำรชแ้ี นะของครหู รือผู้อนื่ คาแนะนาจากครหู รือผอู้ น่ื คิดเหน็ การวัด ใช้เครื่องชั่งสปริงได้อย่าง ใช้เคร่ืองช่ังสปริงได้อย่าง ไม่สำมำรถเคร่ืองช่ังสปริงได้ ถูกต้องระบุหน่วยของแรงได้ ถูกต้องโดยอำศัยกำรช้ีแนะ ถูกต้อง และไม่สามารถระบุ อย่างถูกต้องดว้ ยตัวเอง ของครหู รือผ้อู ื่น หน่วยของแรงได้ ถึงแม้จะได้รับ คาแนะนาจากครหู รอื ผอู้ นื่ การจัดกระทาและ นาเสนอข้อมูลวาดภาพและ นาเสนอข้อมูลวาดภาพและ ไม่สำมำรถนาเสนอข้อมูลวาด สอื่ ความหมาย บ ร ร ย า ย ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ บ ร ร ย า ย ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ภาพและบรรยายลักษณะและ ขอ้ มลู ส่วนประกอบของเคร่ืองชั่ง ส่วนประกอบของเคร่ืองช่ัง ส่วนประกอบของเคร่ืองช่ังสปริง สปริง ให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ง่าย สปริง โดยกำรช้ีแนะของครู ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจากครู และชัดเจนด้วยตนเอง หรือผอู้ ่นื หรอื ผู้อ่นื
๒๐๐ ควำมรู้เพมิ่ เติมสำหรับครู เคร่ืองชั่งสปริงจะยืดออกเม่ือมีแรงมาดึง เราสามารถอ่านค่าของแรงที่ใช้ดึงได้จากสเกล ในกรณีท่ี นาวัตถุมาแขวนไว้กับเครื่องช่ังสปริง ค่าของแรงท่ีอ่านได้จากเคร่ืองชั่งสปริงคือแรงที่วัตถุดึงเครื่องชั่งสปริง ซึ่งเท่ากับน้าหนักของวัตถุ เช่น นาวัตถุหนัก ๘ นิวตัน มาแขวนไว้กับเคร่ืองช่ังสปริง เข็มสเกลจะชี้ท่ีเลข ๘ นิวตนั กรณนี ีค้ า่ ทอ่ี ่านได้จากเคร่อื งชัง่ สปริงเทา่ กับน้าหนักของวัตถุซ่ึงเปน็ แรงโน้มถว่ งของโลกที่กระทาต่อวัตถุ ถ้าออกแรงพยุงวัตถุขึ้นเล็กน้อย ค่าท่ีอ่านได้จากเคร่ืองช่ังสปริงจะลดลง ในขณะท่ีแรงโน้มถ่วง ของโลกท่ีกระทาต่อวัตถุมีค่าคงเดิม น้าหนักของวัตถุก็จะมีค่าคงเดิมด้วย แต่ค่าท่ีอ่านได้จากเคร่ืองชั่งสปริงจะ ลดลง แสดงว่าค่าท่ีอ่านได้จากเคร่ืองชั่งในกรณีนี้จะไม่เท่ากับน้าหนักของวัตถุ และถ้าออกแรงดึงวัตถุให้เลื่อน ลง ค่าที่อ่านได้จากเคร่ืองชั่งสปริงจะเพิ่มขึ้น ค่าที่อ่านได้นั้นก็จะไม่เท่ากับน้าหนักของวัตถุ จึงสรุปได้ว่า ค่าที่ อ่านได้จากเครื่องช่ังสปริงจะเท่ากับน้าหนักของวัตถุ ในกรณีที่แขวนวัตถุให้อยู่นิ่ง โดยไม่มีแรงอ่ืนมาเก่ียวข้อง เทา่ น้ัน สาหรบั เครอื่ งชัง่ สองแขนซึ่งอาจเหน็ ได้ตามร้านขายทองเปน็ เครื่องชั่งสาหรับชั่งมวลของวัตถุโดย เปรยี บเทียบกบั มวลมาตรฐาน โดยใช้หลกั การที่วา่ ถ้ามวลบนจานทงั้ สองขา้ งของเครือ่ งช่งั มคี ่าเทา่ กนั แขนของ เคร่ืองชงั่ จะอยู่ในแนวระดับ
๒๐๑ เฉลยใบงำน สปริงด้ำนในยืดออกมำกขึน้ และหมดุ เล่ือนลงมำดำ้ นลำ่ งมำกข้นึ ๕๐๐ ประมำณ ๔.๙ ข้ึนอยูก่ ับวตั ถุที่นำมำ แขวน
๒๐๒ เครื่องช่งั สปริงมีกำรเปล่ียนแปลงแตกต่ำงกัน เม่ือดงึ เคร่ืองชง่ั สปริงดว้ ยแรงมำก หมดุ ของเคร่ืองชง่ั จะเลื่อนลงมำก ทำให้อ่ำนค่ำแรงได้มำกขึน้ คำ่ น้ำหนกั ของถุงทรำยหรือ แรงโน้มถว่ งของโลกทกี่ ระทำตอ่ ถงุ ทรำย เครอ่ื งช่ังสปรงิ ใช้วดั ค่ำของแรง เมือ่ ออกแรงดึงขอเกี่ยวของเครอ่ื งชงั่ สปรงิ มำกขึ้น คำ่ แรงทอ่ี ่ำนจะมำกข้ึนได้ เมอ่ื แขวนถุงทรำยกบั เครื่องช่ังสปรงิ ใหน้ ่งิ จะทำใหร้ ้คู ำ่ แรงโน้มถว่ งของโลกท่กี ระทำต่อ ถุงทรำยหรือนำ้ หนกั ของถุงทรำยได้
๒๐๓ ๕๐๐ กรัม ๕ นิวตัน
๒๐๔ ดินนำ้ มนั ในกล่อง A มี น้ำหนกั ๘ นวิ ตนั ดินนำ้ มนั ในกลอ่ ง B มี นำ้ หนัก ๒ นวิ ตัน ดินน้ำมันในกลอ่ ง C มี น้ำหนัก ๕ นิวตนั น้ำหนักของดินนำ้ มันเรยี งจำกนอ้ ยไปมำก คือ B C A
๒๐๕ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ คำชีแ้ จงประกอบแผนจัดกำรเรยี นรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๓ ควำมสัมพันธข์ องมวล กำรเปลยี่ นแปลงเคลื่อนท่ีของวัตถุ และน้ำหนักของวตั ถุ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคัญของแผน มวลสัมพันธ์กับการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ และน้าหนักของวัตถุ วัตถุท่ีมีมวลมากจะเปล่ียนแปลง การเคลื่อนท่ไี ด้ยาก และวตั ถทุ ่ีมีมวลมากจะมนี ้าหนกั มากกว่าวตั ถุท่ีมีมวลน้อย ๒. ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบสุ ่ิงที่ตอ้ งกำรเน้นหรอื ขอ้ สงั เกต ขอ้ เสนอแนะ คำแนะนำ) ในเร่ืองตอ่ ไปนี้ คอื ๒.๑ ขอบข่ำยเนื้อหำ มวลเป็นสมบัติในการต้านการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุ มวลและการเปลี่ยนแปลงการ เคล่ือนท่ีสัมพันธ์กัน โดยวัตถุที่มีมวลมากจะเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ได้ยาก นอกจากนี้มวลและน้าหนัก ของวัตถมุ ีความสัมพันธ์กัน โดยเมือ่ วตั ถุที่มมี วลมากจะมนี ้าหนักมาก ๒.๒ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม คำ่ นิยม) (ถำ้ มี) จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ ระบคุ วามสมั พันธ์ของมวล การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ี และน้าหนกั ของวัตถุ จุดประสงค์ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การวัด ๓. การลงความเหน็ จากข้อมลู ๔. การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป จดุ ประสงคด์ ้ำนคุณธรรม ๑. มีความสามคั คี ช่วยเหลือในการทางานกล่มุ ๒. มีวนิ ยั ๓. มคี วามมุง่ มั่นในการทางาน ๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ ๑) กำรเตรยี มตัวของครู นักเรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำมี) ๑.๑ การจัดกลมุ่ โดยแบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน
๒๐๖ ๑.๒ ครูทาชดุ สาธิตโดยบรรจุทรายลงในขวดพลาสติกปดิ ทึบดว้ ยกระดาษสีเข้ม โดยขวดควรมี ลกั ษณะเหมือนกนั ทั้ง ๒ ใบ ขวดใบหนึง่ บรรจทุ รายเต็มขวด และอีกใบหนงึ่ บรรจทุ รายเพียง ๑ ใน ๕ ของขวด จากนัน้ ปดิ ฝาขวด ผกู ขวดไว้กบั ไมเ้ มตรใหข้ วดทั้งสองใบหา่ งกัน พอประมาณ นาไม้เมตรไปพาดระหว่างโต๊ะหรอื เก้าอใ้ี นตาแหนง่ ท่ีนกั เรยี น ทงั้ ชนั้ มองเห็น เพอ่ื ใหค้ รนู าอภิปรายสาหรบั ตรวจสอบความร้เู ดิมของนักเรียน ๒) กำรเตรียมส่ือ วัสดุอปุ กรณ์ ของครู นักเรยี น (ถ้ำม)ี สิง่ ทค่ี รูตอ้ งเตรียม คอื ๒.๑ ไมเ้ มตร ๑ อัน/กลุ่ม ๒.๒ เครื่องชั่งสปริง ๑ อัน/กลุ่ม ๒.๓ ขวดปิดทึบ ๒ ใบ/กลมุ่ ๒.๔ กระดาษสีดา ๑ แผน่ /กลุ่ม สิง่ ท่ีนักเรียนต้องเตรยี ม คอื ๒.๕ ขวดพลาสตกิ เปลา่ ขนาด ๐.๖ ลิตร ๒ ขวด/กลุ่ม ๒.๖ เชอื กฟาง ๒ เส้น/กลมุ่ ๒.๗ เก้าอี้ ๒ ตวั /กลมุ่ ๒.๘ ทราย ๑ ถัง/กลุ่ม ๓) เตรียมใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้ำมี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ มวล การเปลยี่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวตั ถแุ ละนา้ หนัก ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่อื งมวล การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวตั ถแุ ละน้าหนัก ๒.๔ วัดผลประเมนิ ผล (ถำ้ มี) ๑) วธิ กี ำรวัดผลประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม ๑.๓ สังเกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากจิ กรรม
๒๐๗ ๒) วธิ ีกำร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ๒.๑ เครื่องมอื และเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ด้ำนควำมรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนน ดงั น้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครือ่ งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกนั แลว้ ใชเ้ กณฑ์ในการให้ คะแนนดังนี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เคร่อื งมอื และเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ดำ้ นคณุ ธรรม สังเกตคณุ ลักษณะดา้ นคุณธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม (ดงั แนบ) แลว้ นา คะแนนมารวมกนั แลว้ ใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบกอ่ นเรียน หลังเรยี น แบบฝกึ หดั ก่อนเรยี น หลงั เรียน ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลังเรียน ๓. อ่ืน ๆ .................................................................................. .................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................
หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๓ แรง แนวทำงกำรจดั กิจกรรมของแ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ เรือ่ ง ควำมสัมพนั ธ์ของมวล กำรเปลย่ี นแปล รำยวชิ ำ วิทยำ ข้นั นำ แนวกำรจัด ข้นั สอน ขั้นสรุป ตรวจสอบความรู้เดิมเกีย่ วกบั ความสัม กำรวัดและประเมินผล ทากิจกรรมที่ ๑ มวล การเปล่ียนแปล นาเสนอและอภปิ รายผลการทดลองร ทาใบงาน ๐๑ มวล การเปล่ยี นแปลง อภปิ รายและลงข้อสรุปเกย่ี วกับความ ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ือง มวล ประเมนิ จากการตอบคาถาม ประเมนิ จากการทากิจกรรมในชน้ั เรยี ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัด
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑.๓ ๒๐๘ ลงกำรเคลอื่ นท่ีของวตั ถุและน้ำหนกั ของวัตถุ ำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๔ ดกิจกรรมกำรเรียนรู้ มพันธ์ระหวา่ งมวล การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่และน้าหนักของวตั ถุ ลงการเคล่ือนทแ่ี ละนา้ หนกั เก่ียวข้องกันอย่างไร รว่ มกนั งการเคลื่อนของวตั ถุท่ีและนา้ หนกั มสมั พันธร์ ะหวา่ งมวล การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนทแ่ี ละน้าหนักของวัตถุ การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวตั ถุและน้าหนัก ยน
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๓ ควำมสัมพันธ์ของมวล กำร หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๓ แรง หนว่ ยย่อ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ รำยวชิ ำ ขอบเขตเนื้อหำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ (๔ ชั่วโมง) มวลเป็นสมบัติในการต้าน ช่วั โมงท่ี ๑-๒ ขัน้ นำ (๕ นำที) การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ ๑. ครูนาขวดหอ่ ด้วยกระดาษสดี าให้ทบึ แลว้ ใส่ทรายไม่เท ข อ ง วั ต ถุ ม ว ล แ ล ะ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร เ ค ลื่ อ น ท่ี ช้ันเรียน จากน้ันครถู ามความรู้เดมิ ของนกั เรยี นโดยอา สัมพันธ์กัน โดยวัตถุท่ีมีมวลมาก ๑.๑ ขวดท้งั สองใบมนี า้ หนักแตกตา่ งกนั หรือไม่ ทรา จะเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีได้ ๑.๒ มวลของขวดทง้ั สองใบแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ ทราบ ยาก นอกจากนี้มวลและน้าหนัก ๑.๓ ถา้ แขวนขวดท้งั สองไว้ แล้วลองแตะข้างขวดเบา ของวัตถุมีความสัมพันธ์กัน โดย วัตถุท่ีมีมวลมาก จะมีน้าหนัก เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของ มาก ครูยังไม่เฉลยคาตอบให้กบั นกั เรยี น แตช่ กั ชวนใหน้ ัก ขั้นสอน (๑๐๐ นำท)ี จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ ๒. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นช่ือกิจกรรมและจุดประสงค์ในใบกจิ ระบคุ วามสมั พันธ์ของมวล น้าหนกั เกย่ี วข้องกนั อยา่ งไร หน้า ๑๐๐ จากน้นั ตรวจ โดยอาจใช้คาถาม ดงั น้ี การเปลี่ยนแปลงการเคล่อื นท่ี ๒.๑ กิจกรรมนี้นักเรยี นจะได้เรยี นเกย่ี วกบั เรื่องอะไร และน้าหนักของวตั ถุ การเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนทีข่ องวัตถุ และควา ๒.๒ นกั เรียนจะได้เรยี นเร่อื งนีด้ ้วยวธิ ีใด (การสงั เกต ๒.๓ เม่ือเรียนแล้วนกั เรยี นจะทาอะไรได้ (ระบคุ วามส เคล่ือนท่ีของวตั ถุ และความสมั พันธ์ระหวา่ งมว
๒๐๙ รเปล่ยี นแปลงกำรเคลอ่ื นทีข่ องวตั ถแุ ละนำ้ หนกั ของวัตถุ อยที่ ๑ แรง เวลำ ๔ ช่ัวโมง ำวิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๔ สื่อ / แหลง่ เรียนรู้ ๑. ไม้เมตร ท่ากันในแตล่ ะขวด แล้วนามาใหน้ กั เรยี นสังเกตหน้า ๒. เครื่องช่งั สปรงิ าจใช้คาถามดงั นี้ ๓. ขวดปิดทึบ าบได้อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) ๔. กระดาษสดี า บได้อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) ๕. ขวดพลาสติกเปล่า า ๆ ให้ขวดเรม่ิ เคล่อื นท่ี ขวดใดท่ีเคลื่อนทีไ่ ด้ยาก งตนเอง) ขนาด ๐.๖ ลิตร กเรยี นไปคน้ พบจากกจิ กรรมต่อไป ๖. เชือกฟาง ๗. เกา้ อ้ี ๘. ทราย จกรรมที่ ๑ มวล การเปล่ียนแปลงเคลื่อนที่และ จสอบความเข้าใจของนกั เรียนเกีย่ วกับส่ิงที่จะเรยี น ร (ความสัมพันธ์ระหวา่ งมวลและ ามสัมพันธ์ระหวา่ งมวลและนา้ หนัก) การวัด) สมั พันธ์ระหวา่ งมวลและการเปลยี่ นแปลงการ วลและนา้ หนักได้)
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๓ ควำมสมั พันธ์ของมวล ก หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๓ แรง หน่วยย กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ รำยวชิ จดุ ประสงค์ด้ำนทักษะกระบวน ๓. ใหน้ ักเรยี นอา่ นวิธที าโดยครเู ลอื กวธิ ีการอา่ นทเี่ หมาะ ทำงวิทยำศำสตร์ ข้ันตอนการทากจิ กรรมทลี ะขั้นตอน ครูควรเขยี นสร ๑. การสังเกต อภปิ รายโดยใชค้ าถาม ดังนี้ ๒. การวัด ๓.๑ นักเรยี นตอ้ งทาอะไรกับขวดใส่ทรายท่แี ขวนกบั ๓. การลงความเหน็ จากข้อมูล เคลื่อนที่ และขณะท่ีดึงขวดใหท้ ามุมกับแนวดง่ิ ๔. การตีความหมายข้อมูลและลง เมตร) ข้อสรุป ๓.๒ นกั เรียนต้องสังเกตอะไรบ้าง (แรงที่ใชเ้ พอื่ ทาให เคลอื่ นที่มาใหห้ ยดุ ) จุดประสงค์ด้ำนคณุ ธรรม ครอู าจสาธติ วิธกี ารแตะขวดและวิธีการวางฝ่ามอื ใน ๑. มีความสามัคคี ช่วยเหลอื ใน กจิ กรรม การทางานกลุม่ ๔. ครูให้นกั เรียนเตรียมอปุ กรณ์ให้เรยี บร้อย โดยใสท่ รา ๒. มวี ินยั เมตร จากน้นั นาไมเ้ มตรไปพาดระหว่างพนักเกา้ อ้ี ๒ ๓. มคี วามมงุ่ มัน่ ในการทางาน จนกว่าขวดทง้ั สองใบจะอย่นู ิง่ ๕. นักเรียนลงมือทากจิ กรรมและบันทึกผลลงในใบงาน นา้ หนกั หนา้ ๑๐๓ จากนน้ั ครูให้นักเรยี นนาเสนอผล กิจกรรม โดยอาจใช้คาถามดังน้ี ๕.๑ ขวดใสท่ รายทงั้ สองใบมีสิ่งใดทแ่ี ตกต่างกนั (ขวด จะมีมวลมาก และขวดทีม่ ีปริมาณทรายน้อย จ
๒๑๐ กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคลื่อนทข่ี องวตั ถุและน้ำหนกั ของวตั ถุ ย่อยท่ี ๑ แรง เวลำ ๔ ชวั่ โมง ชำวิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี ๔ ะสมกบั นกั เรยี น จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจ ภำระงำน / ชิ้นงำน รปุ ข้ันตอนการทาทลี ะขั้นแบบส้ัน ๆ บนกระดานและ ๑. การบันทกึ ผลการทากิจกรรม บไม้เมตรบ้าง (ตอ้ งใชม้ อื แตะขวดเบา ๆ ใหข้ วดเริม่ ในใบกจิ กรรม ง ตอ้ งใหเ้ พ่อื นอกี คนวางฝา่ มือในแนวเดยี วกับไม้ ๒. การทาแบบฝกึ หดั ห้ขวดท่ีแขวนอยูน่ ่งิ ให้เร่ิมขยบั และแรงท่ใี ช้จบั ขวดที่ นแนวเดียวกับไมเ้ มตรใหน้ ักเรียนดูกอ่ นลงมือท ายลงในขวด ผกู เชอื กฟางกับขวด และมัดเขา้ กับไม้ ๒ ตวั โดยครูกาชับยงั ไม่ให้นักเรียนใช้มอื แตะขวด ๐๑ มวล การเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุและ ลการทากจิ กรรม แลว้ ครูนาอภิปรายผลการทา ดทง้ั สองใบมีมวลต่างกนั ขวดทมี่ ปี ริมาณทรายมาก จะมีมวลน้อย)
แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๑.๓ ควำมสมั พนั ธ์ของมวล หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๓ แรง หน่วย กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์ รำยวชิ ๕.๒ แรงทีใ่ ชใ้ นการผลกั ขวดทัง้ สองใบให้เร่ิมเคลื่อนท ตอ้ งออกแรงมากเพ่ือแตะให้ขวดท่ีมที รายมากห ขวดทมี่ ีทรายน้อยหรือมวลนอ้ ยใหเ้ ริ่มเคลอื่ นที่) ๕.๓ แรงทีใ่ ช้ในการจบั ขวดทัง้ สองใบให้หยดุ น่ิง เหมือ ต้องออกแรงมาก เพ่ือหยดุ ขวดทมี่ ที รายมากหรือ น้อยหรือมวลน้อย) ๕.๔ วตั ถุท่ีมมี วลอย่างไร จึงต้านการเปลย่ี นแปลงการ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทีม่ าก รู้ไดจ้ ากต้องใชแ้ ร ข้ันสรปุ (๑๕ นำท)ี ๖. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทากิจกรรมไ เปล่ียนแปลงการเคล่ือนทีข่ องวัตถุ วตั ถทุ ่มี ีมวลมาก ชว่ั โมงท่ี ๓-๔ ข้นั นำ (๑๐ นำท)ี ๗. ครูทบทวนความร้ทู เ่ี รยี นมาแลว้ โดยใช้แนวคาถาม ๗.๑ เพอ่ื น ๒ คนนง่ั เล่นชงิ ช้าด้วยกัน คนหนงึ่ มวล ๕๐ จะตอ้ งชว่ ยแตล่ ะคนโยกชิงช้าให้แกวง่ ได้ จะออกแ ต่างกัน โดยต้องออกแรงโยกชงิ ชา้ ทมี่ คี นมวล ๕๐
๒๑๑ กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคลอื่ นท่ขี องวตั ถุและน้ำหนักของวตั ถุ ยย่อยท่ี ๑ แรง เวลำ ๔ ชัว่ โมง ชำวิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศึกษำปที ่ี ๔ ที่ เหมือนหรือแตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน วิธีกำรประเมิน หรือมวลมากเริ่มเคลอื่ นท่ี และออกแรงน้อยเพ่ือแตะ ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หดั อนหรือแตกต่างกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (แตกต่างกัน โดย ๒. สังเกตทักษะกระบวนการทาง อมวลมาก และออกแรงนอ้ ยเพื่อหยุดขวดทมี่ ีทราย วิทยาศาสตรใ์ นการทา รเคลอ่ื นที่ รไู้ ดอ้ ย่างไร (วตั ถุทีม่ ีมวลมากจะตา้ นการ กิจกรรม รงมากเพื่อให้มีการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนทีไ่ ด้) ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรมขณะทา กจิ กรรม ได้ว่า มวลของวัตถุมีความสัมพันธ์กับการต้านการ เกณฑ์กำรประเมนิ ก จะตา้ นการเปล่ียนแปลงการเคลือ่ นทมี่ าก ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหัด ได้ถูกต้องดว้ ยตนเอง - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ดังน้ี ๐ กิโลกรมั และอีกคนมวล ๓๕ กโิ ลกรมั ถา้ นักเรียน แรงเทา่ กันหรอื ไม่ อย่างไร (ตอ้ งออกแรงโยกชิงช้า ๐ กโิ ลกรมั นงั่ ดว้ ยแรงมากกวา่ เพราะวัตถุท่มี ีมวลมาก
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๑.๓ ควำมสมั พนั ธข์ องมวล หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓ แรง หนว่ ย กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ รำยว จะเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ไี ด้ยากกว่า) ครูถามความรู้เดมิ เพ่ือเชือ่ มโยงสกู่ จิ กรรมโดยอาจถา อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ขน้ั สอน (๙๐ นำที) ๘. ครใู ห้นักเรียนทากจิ กรรมข้อที่ ๕ ของกิจกรรมท่ี ๑ ผา่ นมา แขวนกับขอเก่ียวของเครอื่ งช่งั สปริงจากนนั้ ๙. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยอาจใชค้ าถาม ด ๙.๑ คา่ น้าหนักท่อี ่านได้เมอ่ื แขวนขวดทม่ี ปี ริมาณท หรือไม่ อยา่ งไร (แตกต่างกนั ขวดที่มปี รมิ าณท ขวดทม่ี ีปริมาณทรายน้อยหรือมีมวลนอ้ ย) ๙.๒ มวลและน้าหนักของวตั ถุเก่ียวข้องกันอย่างไร มนี ้าหนักน้อย) ๑๐. ครูประเมนิ ความเข้าใจของนกั เรยี นเกี่ยวกับมวลแ ของตวั เราให้ไดน้ ้อยลง จะทาอยา่ งไรได้บา้ งเพราะ เพราะมวลนอ้ ยลง น้าหนกั จะนอ้ ยลง หรือชงั่ มวล เพราะแรงโนม้ ถ่วงของโลกจะลดลงเม่อื อยหู่ ่างจาก
๒๑๒ กำรเปลย่ี นแปลงกำรเคล่อื นทีข่ องวตั ถุและน้ำหนกั ของวตั ถุ ยย่อยท่ี ๑ แรง เวลำ ๔ ชวั่ โมง วชิ ำวิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๔ ามว่า มวลและน้าหนักของวตั ถุมี ความสมั พันธก์ นั ๒. มที กั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรข์ ณะทากิจกรรม โดยนาขวดใสท่ รายทัง้ สองใบท่ใี ชใ้ นกิจกรรมช่วั โมงท่ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน นอา่ นค่าน้าหนกั ของขวดใส่ทรายทั้งสองใบ บันทึกผล - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ดงั นี้ - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ทรายน้อยกับขวดทีม่ ปี รมิ าณทรายมากแตกต่างกนั ทรายมากหรือมมี วลมากจะอา่ นค่าน้าหนักไดม้ ากกว่า ๓. มีคุณลักษณะดา้ นคุณธรรม - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน (วัตถุที่มีมวลมากจะมีน้าหนกั มาก วตั ถทุ ี่มมี วลน้อยจะ และน้าหนักโดยอาจใชค้ าถามว่า ถา้ ต้องการช่ังนา้ หนัก ะเหตุใด (ลดมวลหรอื ปรมิ าณเน้ือรวมท้ังร่างกายลง ลท่ีบรเิ วณยอดเขาสูงทหี่ า่ งจากจุดศูนย์กลางโลกมาก กศนู ย์กลางโลกมากข้ึน ทาให้ช่ังน้าหนักไดน้ ้อยลง)
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๓ ควำมสัมพันธข์ องมวล หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ แรง หน่วย กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ รำยว ๑๑. ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกบั ขวดปดิ ทึบ อยา่ งไรวา่ ขวดทงั้ สองใบมีมวลเท่ากันหรือไม่ เพร หรอื ออกแรงผลักขวดแต่ละใบ ถา้ ออกแรงกับขวด มวลมากจะต้านการเปลี่ยนแปลงได้มาก) ๑๒. นักเรยี นตอบคาถามหลงั จากทากิจกรรมหนา้ ๑๐ ข้ันสรุป (๒๐ นำที) ๑๓. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปผลการทากจิ กรรมไดว้ มวลมากจะมีนา้ หนกั มาก ๑๔. ครใู ห้นกั เรยี นทาใบงาน ๐๒ เรื่อง แบบฝึกหัด เร หนา้ ๑๐๔-๑๐๕
๒๑๓ กำรเปล่ยี นแปลงกำรเคล่ือนท่ีของวัตถุและน้ำหนกั ของวตั ถุ ยย่อยที่ ๑ แรง เวลำ ๔ ช่วั โมง วิชำวิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ ๔ ๔ บ ๒ ใบ ทคี่ รแู สดงให้ดูในช่วั โมงท่ีผา่ นมา จะรู้ได้ ราะเหตุใด (นกั เรยี นอาจตอบโดยวิธีการนามาแขวน ดใบใดมากกว่ากัน ขวดใบน้นั จะมีมวลมากกวา่ เพราะ ๐๓ วา่ มวลมคี วามสมั พนั ธก์ ับน้าหนักของวตั ถุ โดยวตั ถุทม่ี ี รอ่ื งมวลน้าหนักและการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่
๒๑๔ แบบประเมนิ ด้ำนคุณธรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๑.๓ ควำมสัมพันธ์ของมวล กำรเปล่ียนแปลงกำรเคลอ่ื นทีข่ องวัตถุ และน้ำหนักของวตั ถุ ชอื่ ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน……………………………………………………………………………………………………………… ช่ือกลุ่มรบั กำรประเมิน……………………………………………………………………………………………………………………. ประเมินผลคร้ังท…่ี ……………….... วนั ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........... เรอ่ื ง………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดับพฤตกิ รรม คะแนนทีไ่ ด้ เกดิ = ๑ ไม่เกิด = 0 ๑. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลอื ในการทางานกลุม่ ๒. มวี ินัย ๓. มีความม่งุ ม่ันในการทางาน รวมคะแนนทไี่ ด้ท้งั หมด = …………… คะแนน คณุ ลักษณะตามจดุ ประสงคด์ ้านคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒๑๕ แบบประเมินดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ในกำรทำกิจกรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๓ ควำมสัมพันธข์ องมวล กำรเปล่ียนแปลงกำรเคลื่อนท่ีของวัตถุ และนำ้ หนกั ของวตั ถุ เกณฑ์กำรประเมนิ มดี ังนี้ ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง คะแนน สิ่งท่ปี ระเมิน รวมคะแนน การสงั เกต การวัด การลงความเห็นจากข้อมูล การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป เกณฑ์กำรประเมนิ ระดับควำมสำมำรถ ทกั ษะ กระบวนกำรทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑) วทิ ยำศำสตร์ การสงั เกต ใช้ประสาทสัมผัสในการ ใ ช้ ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส ใ นการ ไม่สำมำรถใช้ประสาทสัมผัส การวดั รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแรงท่ี รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับแรงท่ี ในการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ ใช้ในการแตะให้วัตถุท่ีมีมวล ใช้ในการแตะให้วัตถุท่ีมีมวล แรงท่ีใช้ในการแตะให้วัตถุที่มี ต่างกันให้เริ่มเคลื่อนที่และ ต่างกันให้เริ่มเคลื่อนที่และ มวลตา่ งกนั ใหเ้ ร่มิ เคลื่อนท่ี การทาให้วัตถุที่มีมวลต่างกัน การทาให้วัตถุท่ีมีมวลต่างกัน และการทาให้วัตถุที่มีมวล ห ยุ ด ก า ร เ ค ล่ื อ น ท่ี ด้ ว ย หยุดการเคล่ือนที่ได้ โดยกำร ต่างกัน หยุดการเคล่ือนท่ี ตนเอง โดยไม่เพิ่มความ ชี้แนะของครหู รือผอู้ ืน่ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก คิดเห็น ครูหรอื ผู้อืน่ ใช้เครื่องช่ังสปริงได้อย่าง ใช้เครื่องช่ังสปริงได้อย่าง ไม่สำมำรถเครื่องช่ังสปริงได้ ถูกต้องระบุหน่วยของแรงได้ ถูกต้อง โดยอำศัยกำรช้ีแนะ ถูกต้อง และไม่สามารถระบุ อย่างถูกต้องด้วยตวั เอง ของครหู รือผู้อนื่ หน่วยของแรงได้ ถึงแม้จะ ได้รับคาแนะนาจากครูหรือ ผอู้ ืน่
๒๑๖ ทกั ษะ ระดบั ควำมสำมำรถ กระบวนกำรทำง ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรุง (๑) วทิ ยำศำสตร์ การลงความเห็น เพิม่ เติมความคดิ เห็นเกยี่ วกับ เพิ่มเติมความคิดเห็นเกี่ยวกับ ไม่สำมำรถเพ่ิมเติมความ จากข้อมูล ข้อมูลได้ว่ามีขวดที่มีทราย ข้อมูลได้ว่ามีขวดที่มีทราย คิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลได้ว่ามี การตีความหมาย ข้อมูลและลง ปรมิ าณต่างกนั มีมวลตา่ งกัน ปริมาณต่างกัน มีมวลต่างกัน ขวดที่มีทรายปริมาณต่างกัน ข้อสรปุ ได้อย่างมีเหตุผล จากความรู้ ได้อย่างมีเหตุผล จากความรู้ มี ม ว ล ต่ า ง กั น ไ ด้ อ ย่ า ง มี หรือประสบการณ์เดิมได้ หรือประสบการณ์เดิมโดย เ ห ตุ ผ ล ถึ ง แ ม้ จ ะ ไ ด้ รั บ ดว้ ยตวั เอง อำศัยคำแนะนำของครูหรือ คาแนะนาจากครหู รือผ้อู นื่ ผอู้ ่ืน สามารถตีความหมายข้อมูล ตีความหมายข้อมูลจากการ ไ ม่สำมำรถ ตีความหมาย จากการกิจกรรมได้ว่าขวดที่ กิจกรรมได้ว่าขวดท่ีมีมวลมาก ข้อมูลจากการกิจกรรมได้ว่า มีมวลมากจะต้องใช้แรง จะต้องใช้แรงกระทาต่อขวด ขวดที่มีมวลมากจะต้องใช้แรง ก ร ะ ท า ต่ อ ข ว ด ม า ก ก ว่ า มากกว่า เพ่ือให้ขวดเคลื่อนที่ กระทาตอ่ ขวดมากกวา่ เพ่อื ให้ เพื่อให้ขวดเคลื่อนทหี่ รือหยุด หรือหยุดการเคล่ือนที่ และลง ขวดเคลื่อนท่ีหรือหยุดการ การเคล่ือนท่ี และลงข้อสรุป ข้อสรุปวัตถุที่มีมวลมาก จะ เคลื่อนที่ และลงข้อสรุปวัตถทุ ี่ วัตถุท่ีมีมวลมาก จะต้านการ ต้านการเปลี่ยนแปลงการ มี ม ว ล ม า ก จ ะ ต้ า น ก า ร เปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีได้ เคลื่อนท่ีไดย้ ากจำกกำรช้ีแนะ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ได้ ยากไดด้ ้วยตนเอง จำกครแู ละผูอ้ ่ืน ยาก ถึงแม้จะได้รับคาแนะนา จากครหู รือผู้อืน่
๒๑๗ เฉลยใบงำน ข้ึนอยูก่ ับกำรพยำกรณข์ อง นกั เรยี น ข้ึนอยกู่ ับกำรวัดของนกั เรียน ข้ึนอยกู่ ับกำรวดั ของนกั เรียน
๒๑๘ ขวดใส่ทรำยทง้ั สองมีมวลแตกต่ำงกนั ขวดทมี่ ีทรำยน้อย จะมีมวลน้อย ขวดท่ีมที รำยมำกจะมีมวลมำก ขวดที่มีทรำยเต็มขวดเคล่อื นท่ไี ดย้ ำกกวำ่ รไู้ ด้จำกตอ้ งออกแรงในกำรแตะข้ำง ขวดมำกกวำ่ ขวดท่ีมีทรำยเต็มขวด หยดุ ได้ยำกกวำ่ รู้ไดจ้ ำกต้องออกแรงมำกกวำ่ เพ่ือตำ้ น ขวดให้หยดุ กำรทำใหข้ วดท่ีมีทรำยเตม็ ขวดหรอื มีมวลมำกเปล่ียนแปลงกำรเคล่ือนทีจ่ ำก อยู่นิ่งให้เร่ิมเคลอ่ื นที่ หรือทำให้ขวดท่ีเคล่อื นที่มำแล้วหยุดนง่ิ ได้ จะตอ้ งใช้ แรงมำกกวำ่ ขวดที่มที รำยน้อยหรือมีมวลนอ้ ย ตำ่ งกัน ขวดท่ีมีทรำยมำก หรือมีมวลมำก จะมนี ้ำหนกั มำกกว่ำขวดท่ีมี ทรำยน้อย หรอื มมี วลนอ้ ย
๒๑๙ มวลมีควำมสัมพนั ธ์กับน้ำหนักของวตั ถุ โดยวัตถุที่มมี วลมำกจะมีนำ้ หนักมำก มวลมีควำมสมั พันธ์กบั กำรเปลีย่ นแปลงกำรเคลอื่ นที่ของวัตถุ และมวลมี ควำมสมั พนั ธก์ ับนำ้ หนักของวัตถุ
๒๒๐ รถบรรทุกจะหยุดไดย้ ำกกวำ่ เพรำะรถบรรทุกมีมวลมำกกวำ่ จงึ เปล่ียนแปลง กำรเคลื่อนท่ีไดย้ ำกกว่ำ
๒๒๑ แรงที่ใชโ้ ยนลกู บอลแตล่ ะลกู แตกต่ำงกัน โดยต้องออกแรงมำกที่สุดเพือ่ โยนลกู บอล C ซึ่งมีมวลมำกทส่ี ดุ และออกแรงโยนน้อยลง คือลกู บอล A และ B ซงึ่ มีมวล นอ้ ยลงมำ ตำมลำดับ
๒๒๒ หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๔ แสง
๒๒๓ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวช้วี ัดของหนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๔ แสง (จำนวน ๔ ชวั่ โมง) มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวชวี้ ัด มำตรฐำน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ พลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ช้ีวัด ว ๒.๓ ป.๔/๑ จาแนกวตั ถุเป็นตวั กลางโปร่งใส ตัวกลางโปรง่ แสง และวตั ถทุ บึ แสง โดยใชล้ กั ษณะการมองเห็น ส่งิ ตา่ ง ๆ ผา่ นวตั ถุนน้ั เป็นเกณฑจ์ ากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
๒๒๔ ลำดับกำรนำเสนอแนวคิดหลักของหนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๔ แสง เมื่อแสงเคลอ่ื นทีไ่ ปกระทบวัตถตุ ่าง ๆ แสงจะสามารถผา่ นวัตถแุ ตล่ ะชนิดได้แตกต่างกัน วตั ถุทแ่ี สงผา่ นไม่ได้ เรยี กวา่ วตั ถทุ บึ แสง วตั ถุทแ่ี สงผา่ นได้ เรียกว่า ตวั กลางของแสง การจาแนกตัวกลางของแสงตามเกณฑ์การมองเห็นแสง เม่ือมองผา่ นตวั กลางนั้น จาแนกได้ ๒ ประเภท คือ ตวั กลางโปร่งใส และตวั กลางโปร่งแสง เมือ่ มองผ่านตวั กลางโปรง่ ใส จะมองเหน็ แสงชัดเจน แตเ่ มื่อมองผ่านตัวกลางโปรง่ แสง จะมองเห็นแสงไมช่ ัดเจน
๒๒๕ โครงสรำ้ งแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ขู องหน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔ แสง แผนท่ี ๑.๑ (การมองเหน็ แสงเม่ือมอง ผา่ นวตั ถุตา่ ง ๆ) (๔ ชั่วโมง) หน่วยย่อยท่ี ๑ (แสงและการมองเหน็ ) หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๔ แสง (๔ ช่วั โมง)
๒๒๖ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๔ หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ แสงและกำรมองเห็น จำนวนเวลำเรียน ๔ ชว่ั โมง ชอื่ หน่วย แสง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ๑ แผน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำระสำคญั ของหน่วย เมอ่ื มองสง่ิ ต่าง ๆ โดยมีวตั ถตุ า่ งชนิดกนั มากน้ั จะทาใหก้ ารมองเห็นสงิ่ นนั้ ๆ ชดั เจนต่างกนั จึงจาแนก วัตถุท่ีมากั้นออกเป็นตัวกลางโปร่งใสซึ่งทาให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน ตัวกลางโปร่งแสงทาให้มองเห็น ส่งิ ตา่ ง ๆ ได้ไมช่ ัดเจน และวัตถุทบึ แสงทาให้มองไมเ่ หน็ สง่ิ ต่าง ๆ นั้น มำตรฐำนและตัวชีว้ ัด มำตรฐำน มำตรฐำน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด ว ๒.๓ ป.๔/๑ จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง โดยใช้ลักษณะ การมองเหน็ สง่ิ ต่าง ๆ ผา่ นวัตถนุ ้ันเปน็ เกณฑจ์ ากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ ๒๒๗ ลำดบั กำรเสนอแนวคิดหลักของหนว่ ยย่อยท่ี ๑ แสงและกำรมองเห็น เม่อื แสงเคลอ่ื นทไ่ี ปกระทบวัตถตุ า่ ง ๆ แสงจะสามารถผา่ นวัตถแุ ต่ละชนิดไดแ้ ตกตา่ งกนั วัตถุทแี่ สงผา่ นไมไ่ ด้ เรียกว่า วตั ถุทบึ แสง วัตถุท่แี สงผ่านได้ เรียกว่า ตัวกลางของแสง การจาแนกตวั กลางของแสงตามเกณฑก์ ารมองเห็นแสง เม่ือมองผ่านตัวกลางนนั้ จาแนกได้ ๒ ประเภท คือ ตวั กลางโปร่งใส และตวั กลางโปรง่ แสง เม่อื มองผา่ นตัวกลางโปรง่ ใส จะมองเหน็ แสงชดั เจน แต่เมื่อมองผา่ นตัวกลางโปรง่ แสง จะมองเห็นแสง ไมช่ ัดเจน โครงสรำ้ งของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ แสงและกำรมองเห็น หนว่ ยกำรเรียนรู้ ช่ือหน่วยย่อย จำนวน จำนวนแผนกำร จำนวนชั่วโมง (ชว่ั โมง) จัดกำรเรียนรู้ ๔ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ แสงและ แสง การมองเหน็ ๔๑
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๒๒๘ คำชแ้ี จงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๔ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ กำรมองเห็นแสงเม่ือมองผ่ำนวัตถตุ ำ่ ง ๆ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคญั ของแผน เมื่อแสงเคลื่อนทไี่ ปกระทบวัตถตุ ่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวัตถแุ ต่ละชนดิ ได้แตกต่างกัน ๒. ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบุสิ่งที่ต้องกำรเนน้ หรือขอ้ สงั เกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ) ในเรอ่ื งต่อไปนี้ คือ ๒.๑ ขอบขำ่ ยเน้ือหำ เม่ือแสงเคลื่อนที่ไปกระทบวัตถุต่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวัตถุแต่ละชนิดได้แตกต่างกัน วตั ถทุ ่ีแสงผ่านไม่ได้ เรยี กว่า วัตถุทบึ แสง สว่ นวตั ถทุ ีแ่ สงผา่ นได้ เรยี กวา่ ตวั กลางของแสง การจาแนกตัวกลางของแสงตามเกณฑ์การมองเห็นแสง เม่ือมองผ่านตัวกลางน้ันจาแนกได้ ๒ ประเภท คอื ตัวกลางโปรง่ ใส และตัวกลางโปรง่ แสง เมือ่ มองผ่านตัวกลางโปรง่ แสงจะมองเหน็ แสง ไมช่ ดั เจน แต่เมอื่ มองผา่ นตวั กลางโปรง่ ใสจะมองเหน็ แสงชัดเจน ๒.๒ จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่ำนิยม) (ถำ้ ม)ี จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ ๑. อธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งตัวกลางของแสงและวตั ถุทึบแสง ๒. สังเกตและจาแนกวตั ถุที่นามาใช้กัน้ แสงตามลักษณะการมองเหน็ แสง เมื่อมองผ่าน วัตถุน้ัน ๆ จดุ ประสงค์ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสังเกต ๒. การจาแนกประเภท ๓. การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ จดุ ประสงค์ด้ำนคุณธรรม ๑. มคี วามสามัคคี ช่วยเหลือในการทางานกลุ่มร่วมกนั ๒. มคี วามมุ่งมั่นในการทางาน
๒๒๙ ๒.๓ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ ๑) กำรเตรยี มตัวของครู นักเรียน (กำรจัดกลุ่ม) (ถ้ำมี) การจดั กลมุ่ โดยแบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่มละ ๔ คน ๒) กำรเตรยี มส่ือ วัสดอุ ุปกรณ์ ของครู นักเรยี น (ถำ้ มี) สง่ิ ที่ครตู ้องเตรียม คือ ๑. แผ่นไม้ ๑ แผน่ / กลมุ่ ๒. กระจกใส ๑ แผน่ / กลุ่ม ๓. กระจกเงา ๑ แผ่น / กลุม่ ๔. กระดาษแข็งสี ๑ แผน่ / กลมุ่ ๕. กระดาษไข ๑ แผน่ / กลุ่ม ๖. แผน่ พลาสติกใส ๑ แผน / กลุ่ม ๗. กระบอกฉีดน้า ๑ ใบ / หอ้ ง สิง่ ทนี่ กั เรียนต้องเตรยี ม คอื ๘. ไฟฉายกระบอกเลก็ ๑ กระบอก / กลมุ่ ๙.แวน่ กนั แดด ๑ อนั / กลมุ่ ๑๐.แว่นกันแดด ๑ อนั / กลุ่ม ๑๑.ถงุ พลาสติกมหี หู ว้ิ (แบบข่นุ ) ๑ ใบ / กลมุ่ ๑๒. วัตถอุ น่ื ๆ (ตามความสนใจ) ๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถ้ำมี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การมองเห็นแสงเมื่อมองผา่ นวัตถุต่าง ๆ ๓.๒ ใบความร้เู รื่องการมองเห็นสง่ิ ตา่ ง ๆ ผ่านวตั ถุทนี่ ามากั้น ๓.๓ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่อื งการมองเห็นแสงเมื่อมองผ่านวตั ถุตา่ ง ๆ ๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถ้ำมี) ๑) วิธกี ำรวัดผลประเมินผลกำรเรยี นรู้ ๑.๑ สงั เกตการตอบคาถามในชนั้ เรียน ๑.๒ การตอบคาถามในแบบฝกึ หัด ๑.๓ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม ๑.๔ สังเกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากจิ กรรม
๒๓๐ ๒) วธิ กี ำร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ๒.๑ เครอื่ งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินดำ้ นควำมรู้ ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดงั นี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เคร่อื งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครื่องมือและเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นคณุ ธรรม สงั เกตคุณลักษณะดา้ นคุณธรรมโดยใช้แบบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม (ดังแนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกนั แล้วใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลังเรยี น แบบฝึกหัด กอ่ นเรียน หลังเรียน ทาแบบฝึกหัดในใบงานหลงั เรียน ๓. อืน่ ๆ ..................................................................................................................................................................... ........................................................................................................ .............................................................
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔ แสง แนวทำงกำรจัดกิจกรรมข หนว่ ยย่อยที่ ๑ เร่ือง แสงและกำรมองเห็น เรือ่ ง กำรมองเห็นแส รำยวชิ ขน้ั นำ แนวกำรจัด ขนั้ สอน ขั้นสรปุ ตอบคาถามเพือ่ ตรวจสอบความร้เู ดิม กำรวดั และประเมนิ ผล รว่ มกันทาใบกจิ กรรมท่ี ๑ เร่อื ง การมองเห อภิปรายผลการสงั เกตและการจาแนกวัตถ รว่ มกนั สรปุ เก่ียวกบั การมองเห็นแสง เมื่อม ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรื่องการมองเห ประเมนิ จากการตอบคาถาม ประเมนิ จากการทากจิ กรรมในชน้ั เรยี น ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด
ของแผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ ๒๓๑ สง เมอ่ื มองผำ่ นวตั ถตุ ่ำง ๆ ชำ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๕ ดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ห็นแสงเม่ือมองผ่านวตั ถตุ ่าง ๆ เปน็ อย่างไร ถตุ ามการมองเหน็ แสงเมอื่ มวี ตั ถุมาก้ัน นาเสนอผล มองผา่ นวัตถุต่าง ๆ หน็ แสงเม่ือมองผา่ นวัตถตุ า่ ง ๆ
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๔ แสง แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๑.๑ กำ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑ แสงแ รำยวชิ ำวทิ ย ขอบเขตเนอื้ หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๓ ช่ัวโมง) เม่ือแสงเคลื่อนท่ีไปกระทบวัตถุ ช่วั โมงที่ ๑-๒ ขนั้ นำ (๕ นำท)ี ต่าง ๆ แสงจะสามารถผ่านวัตถุแต่ละ ๑. ครูให้นักเรียนมองผ่านกระจกใสหรือแผ่นพ ชนิดได้แตกต่างกัน วัตถุท่ีแสงผ่านไม่ได้ เรยี กวา่ วัตถุทบึ แสง และวัตถทุ ี่แสงผ่าน พร้อมสังเกตว่าเห็นส่ิงท่ีมองได้ชัดเจนหรือไ ได้ เรยี กว่า ตัวกลางของแสง กระจกใสหรือแผ่นพลาสติกใสด้านหนึ่ง พลาสตกิ ใสอกี คร้ังหนงึ่ การจาแนกตัวกลางของแสงตาม ๒. ครชู วนนกั เรียนอภิปราย โดยใช้คาถามดังตอ่ เกณฑ์การมองเห็นแสง เม่ือมองผ่าน ตัวกลางนั้นจาแนกได้ ๒ ประเภท คือ ๒.๑ เม่ือมองผา่ นกระจกใสหรือแผ่นพลา ตวั กลางโปรง่ ใส และตัวกลาง โปร่งแสง เมื่อมองผ่านตัวกลางโปรง่ แสง ๒.๒ แสงเดินทางผ่านกระจกใสหรอื แผน่ จะมองเห็นแสงไม่ชัดเจน แต่เม่ือมอง ผ่านตัวกลางโปร่งใส จะมองเห็นแสง ๒.๓ เมื่อมองผ่านกระจกใสหรือแผ่นพล ชัดเจน แตกต่างจากครั้งแรกหรอื ไม่ อยา่ ง นักเรียนตอบตามความเข้าใจ โดยครูยังไม จากการทากิจกรรม (แนวคาตอบท่ีถูกต้องที่คร พลาสติกใสจะเห็นวตั ถุชัดเจน เม่ือมองผ่านกระจ หนึง่ จะเหน็ วัตถุไม่ชัดเจน)
๒๓๒ ำรมองเหน็ แสง เมอ่ื มองผ่ำนวัตถุตำ่ ง ๆ เวลำ ๔ ช่วั โมง และกำรมองเห็น ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๔ ยำศำสตร์ พลาสติกใสไปยังวัตถุ หรือทิวทัศน์นอกห้องเรียน ส่ือ / แหลง่ เรียนรู้ ไม่ จากน้ันใช้กระบอกฉีดน้าฉีดเป็นละอองท่ีผิว ๑. กระบอกฉีดน้า และให้นักเรียนมองผ่านกระจกใสหรือแผ่น ๒. ไฟฉายกระบอกเล็ก ๓. กรรไกร อไปนี้ ๔. แผน่ ไม้ าสตกิ ใส ผลเป็นอย่างไร ๕. ถุงพลาสติกมหี ูหวิ้ นพลาสติกใสหรือไม่ อยา่ งไร ๖. กระดาษแข็งสี ลาสติกใสที่ฉีดน้าบนผิวด้านใดด้านหนึ่ง จะเห็น ๗. กระดาษไข งไร ๘. กระจกใส ม่เฉลยคาตอบและชักชวนให้นักเรียนหาคาตอบ ๙. กระจกเงา รูควรทราบคือ เม่ือมองผ่านกระจกใสหรือแผ่น ๑๐. แวน่ กนั แดด จกใสหรอื แผ่นพลาสติกใสท่ีฉีดน้าที่ผิวด้านใดดา้ น ๑๑. วตั ถอุ ืน่ ๆ (ตามความสนใจ)
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๔ แสง แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๑.๑ กลมุ่ สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑ รำยวชิ ำวิท จดุ ประสงค์ดำ้ นควำมรู้ ขนั้ สอน (๑๐๐ นำที) ๑. อธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งตัวกลางของ แสงและวตั ถทุ ึบแสง ๓. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ ค ๒. สังเกตและจาแนกวัตถุที่นามาใช้ก้ันแสง เข้าใจในการทากิจกรรม โดยครูอาจใช้คาถามดั ตามลักษณะการมองเห็นแสง เมื่อมอง ผ่านวตั ถนุ ้นั ๆ ก่อนลงมือทากิจกรรมผ่านวัตถุต่าง ๆ หน้า ๑๐ จดุ ประสงค์ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำง ข้นั ตอนและทาความ วทิ ยำศำสตร์ ๑. การสงั เกต ๓.๑ กิจกรรมน้ีทาเพ่ืออะไร (เพ่ือสังเกต แล ๒. การจาแนกประเภท มองเหน็ แสงของไฟฉายผ่านวตั ถตุ า่ ง ๆ ๓. การตีความหมายข้อมูลและ ๓.๒ สิ่งท่ีต้องทาเป็นอันดับแรกคืออะไร (ส ลงข้อสรุป ความชัดเจนในการมองเหน็ แสงไฟฉาย ใบงาน ๐๑ แล้วทาเคร่ืองหมายตามทค่ี ๓.๓ วัตถุอื่นที่นักเรียนสนใจมีอะไรบ้าง (ให้แ คาดคะเน) ๔. ครูให้เวลานักเรียนคาคคะเนและบันทึกในใบง จากนั้นครสู ุ่มนักเรยี นนาเสนอผลการคาดคะเ เช่นน้นั ครบู ันทกึ คาตอบของนกั เรยี นลงในตา ๕. ครูชักชวนนักเรียนทากิจกรรม โดยถามว่าขณ (นักเรียนสังเกตความชัดเจนของแสงไฟฉายเ ร่วมกันอภปิ รายวา่ การมองเหน็ แสงไฟฉายชัดเ
๒๓๓ กำรมองเหน็ แสง เมอื่ มองผ่ำนวตั ถุต่ำง ๆ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ๑ แสงและกำรมองเห็น ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๔ ทยำศำสตร์ ภำระงำน / ชนิ้ งำน คน เพื่อทากิจกรรมที่ ๑ การมองเห็นแสงเม่ือมอง ๑. การทากจิ กรรม งต่อไปนี้เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน ๒. การบนั ทกึ ผลกจิ กรรมใน ๐๙ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านจุดประสงค์ ใบกิจกรรม ละจาแนกวัตถุต่าง ๆ โดยใช้ความชัดเจนในการ ๓. การทาแบบฝึกหัด ๆ ทน่ี ามาก้ันเป็นเกณฑ์) ๔. การนาเสนอ การจาแนกวัตถุตา่ ง ๆ สังเกตลักษณะของวัตถุต่าง ๆ ที่แล้วคาดคะเน ย เมอ่ื มองผา่ นวัตถตุ ่าง ๆ ท่ีอยู่ในตารางที่ ๑ ของ ในชีวิตประจาวัน ตามเกณฑก์ าร คาดคะเนไว้) มองเหน็ แสงเม่ือมวี ัตถุมากัน้ แต่ละคนบันทึกวัตถุอ่ืนที่สนใจลงในใบงานและให้ วิธกี ำรประเมนิ งาน ระหว่างน้ันครูเขียนตารางท่ี ๑ บนกระดาน ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หดั เน และซกั ถามเหตผุ ลของนักเรียนว่าทาไมจึงคิด ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการทาง ารางที่ครเู ขียนบนกระดาน ณะนักเรียนทากิจกรรมนักเรียนต้องสังเกตอะไร วทิ ยาศาสตร์ในการทากิจกรรม เม่ือมองผ่านวัตถุต่าง ๆ) จากนั้นครูและนักเรียน ๓. สังเกตดา้ นคุณธรรมขณะทากจิ กรรม เจนหรือไม่ชัดเจนเป็นอย่างไร (การเหน็ แสงไฟ
หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๔ แสง แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑.๑ กำรม กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยที่ ๑ แส รำยวชิ ำวิท จดุ ประสงคด์ ้ำนคุณธรรม ฉายชัดเจน คือเห็นแสงสวา่ งมาก และเห็นป ๑. มีความสามัคคี ชว่ ยเหลือในการทางาน ไฟฉายไม่ชัดเจน คือยังเหน็ แสงไฟฉายบ้าง แ กล่มุ ร่วมกนั ๖. ครูใหน้ ักเรียนทากิจกรรมท่ี ๑ โดยย้าวา่ ให้นัก เม่ือมองผ่านวัตถุต่าง ๆ และบันทึกผลในต ๒. มีความมงุ่ มนั่ ในการทางาน นกั เรยี นแตล่ ะคสู่ ลับกนั ทากิจกรรมและบันทกึ ๗. เม่ือนักเรียนแต่ละคู่ทากิจกรรมและบันทึกผ เหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร หาก สังเกตใหม่อีกครั้ง และลงความเหน็ รว่ มกนั ๘. ครสู ่มุ นักเรยี นออกมานาเสนอผลการสงั เกต แ ที่ครูเขียนไว้แล้วบนกระดาน หากเกิดข้อโต้แ ชัดเจนของแสงไฟฉายอีกครงั้ ๙. นกั เรียนแตล่ ะครู่ ่วมกนั จาแนกวตั ถตุ ่าง ๆ ตาม ผา่ นวตั ถุชนิดตา่ ง ๆ และบนั ทกึ ผลลงในตารา ๑๐. ครูและนกั เรยี นทงั้ ชน้ั รว่ มกันอภปิ ราย โดยค ๑๐.๑ นักเรียนจาแนกวตั ถุโดยใชเ้ กณฑใ์ ด ๑๐.๒ เม่ือมองผ่านวัตถุใดแล้วเห็นแสงไ แผ่นพลาสติกใส) ๑๐.๓ เมือ่ มองผ่านวตั ถใุ ดแลว้ เห็นแสงไฟฉา ๑๐.๔ เม่อื มองผา่ นวตั ถุใดแล้วไม่เห็นแสงไฟ
๒๓๔ มองเห็นแสง เมือ่ มองผำ่ นวตั ถุต่ำง ๆ เวลำ ๔ ช่ัวโมง สงและกำรมองเหน็ ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๔ ทยำศำสตร์ เกณฑก์ ำรประเมิน ปากกระบอกไฟฉายชดั เจน ส่วนการมองเห็นแสง ๑. การตอบคาถามในแบบฝึกหดั ได้ แต่สลัว หรอื มวั ) กเรียนสังเกตความชัดเจนของแสงไฟฉาย ถกู ต้องด้วยตนเอง ตารางที่ ๑ ของใบงาน ๐๑ หน้า ๑๑๓ และให้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน กผลของตนเอง - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน ผลเสร็จแล้ว ให้คุยกันเกี่ยวกับผลการสังเกตว่า - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน กได้ผลการสังเกตไม่เหมือนกัน ให้นักเรียนคู่น้ัน ๒. มที กั ษะกระบวนการทาง และครูบนั ทกึ คาตอบของนักเรียนลงในตารางท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ขณะทากิจกรรม แย้งกันในช้ันเรียน ครูควรให้นักเรียนสังเกตความ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน มความชดั เจนในการมองเหน็ แสงไฟฉาย เมอ่ื มอง - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน างท่ี ๒ ของใบงาน ๐๑ หน้า ๑๑๔ - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ครอู าจใชค้ าถามตอ่ ไปน้ี ๓. มีคณุ ลกั ษณะดา้ นคุณธรรม (การมองเหน็ แสงผา่ นวัตถนุ ้นั ) - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ไฟฉายได้อย่างชัดเจน (กระจกใส แว่นกันแดด - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ายไมช่ ัดเจน (ถุงพลาสตกิ มีหหู ว้ิ กระดาษไข) ฟฉาย (แผ่นไม้ กระจกเงา และกระดาษแขง็ สี)
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๔ แสง แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑ กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ รำยวิชำว ขัน้ สรปุ (๑๕ นำท)ี ๑๑. ครูและนักเรียนทั้งชั้นร่วมกันอภิปราย จนได้ข โดยมองผ่านวัตถุต่าง ๆ ท่ีนามาก้ัน จะมอง สามารถจาแนกวัตถอุ อกเปน็ ๓ กลมุ่ ไดแ้ ก่ - วตั ถุทท่ี าใหเ้ รามองไม่เหน็ แสงจากแห - วตั ถุท่ที าใหเ้ รามองเห็นแสงจากแหลง่ - วัตถุทที่ าใหเ้ รามองเห็นแสงจากแหลง่ ก ชัว่ โมงท่ี ๓-๔ ขนั้ นำ (๑๐ นำท)ี ๑๒. ครูทบทวนวิธีการทากจิ กรรมและผลการทากจิ ๑๒.๑ นักเรียนใช้วตั ถุอะไรบา้ งในการทากจิ ก ๑๒.๒ ส่ิงท่ีนักเรียนสังเกตในกิจกรรมคืออะไ วตั ถทุ ีน่ ามาก้นั แสง) ๑๒.๓ มองผ่านวัตถุต่าง ๆ แล้วใช้ความชัด จาแนกวัตถุออกเป็นก่ีกลุ่ม ได้แก่อะไร กลุ่มตนเอง)
๑.๑ กำรมองเห็นแสง เมอื่ มองผำ่ นวัตถตุ ำ่ ง ๆ ๒๓๕ แสงและกำรมองเหน็ เวลำ ๔ ช่วั โมง วิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ ข้อสรุปว่าเมื่อเรามองแสงจากแหล่งกาเนิดแส ง งเห็นแสงจากแหล่งกาเนิดแสงได้แตกต่างกัน หลง่ กาเนดิ แสง งกาเนดิ แสงได้ แตไ่ ม่ชดั เจน กาเนิดแสงได้ชดั เจน จกรรมที่ ๑ โดยอาจใชค้ าถามดังนี้ กรรม (นักเรยี นตอบตามการทากิจกรรม) ไร (ความชัดเจนในการมองเห็นแสงไฟฉายผ่าน ดเจนในการมองเห็นแสงเป็นเกณฑ์ สามารถ รบ้าง (นักเรียนตอบตามผลการทากิจกรรมของ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 469
Pages: