Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

Published by pm.punnatat, 2022-08-16 09:58:56

Description: แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

Search

Read the Text Version

แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดียว 1. ขอ้ ใดใชค้ าถกู ต้องตามฐานะของบคุ คล 5. การกระทาทเ่ี อาใจจดจ่ออยกู่ บั สงิ่ ใดสง่ิ หนึ่ง ควรใชค้ าใด ก. ประธานนักเรยี นเขา้ คารวะผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา จงึ จะถกู ตอ้ งตามความหมายทแ่ี ทจ้ รงิ ข. ประธานนักเรยี นเขา้ เยย่ี มผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา ก. อดตาหลบั ขบั ตานอน ค. ประธานนกั เรยี นเขา้ พบผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา ข. ขะมกั เขมน้ ง. ประธานนกั เรยี นเขา้ หาผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา ค. หมกมุ่น ง. มวั่ สุม อ่านขอ้ ความตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคาถาม ขอ้ 2-3 6. ขอ้ ใดกล่าวถงึ จุดประสงคข์ องการคดั ลายมอื ไดถ้ กู ตอ้ งทสี่ ุด “ คอื เธอผเู้ ป็นสดุ ทร่ี กั ยงิ่ ชวี ติ ก. ช่วยใหเ้ ขยี นตวั อกั ษรไทยไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั วธิ กี าร คอื เธอผูซ้ ่งึ เป็นทุกสงิ่ ในชวี ติ ฉนั เป็นผูท้ นี่ าทาง ตา่ งๆ ผูท้ ช่ี ท้ี าง ผูซ้ ่งึ ลขิ ติ ชวี ติ และโชคชะตา ข. ชว่ ยใหร้ กั การเขยี นภาษาไทยซ่งึ เป็นภาษาประจาชาติ คอื เธอผูเ้ ป็นดงั่ สรอ้ ยถนิมพมิ พาภรณ์ เป็นดงั่ ค. เป็นเคร่อื งมอื ในการถา่ ยทอดความรูค้ วามคดิ เครอ่ื งประดบั กายและใจใหล้ ้าเลศิ วไิ ลตลอดมา ง. ชว่ ยใหผ้ ูค้ ดั ลายมอื มสี มาธใิ นการทางาน คอื เธอผูเ้ ป็นสงิ่ ทค่ี าดหวงั ของฉัน อยา่ ทง้ิ ฉนั ไป วนั ใดทไ่ี รเ้ ธอ ฉนั คงตอ้ งถงึ แกก่ ารตาย” 7. ขอ้ พงึ ปฏบิ ตั กิ ่อนการคดั ลายมอื ขอ้ ใดสาคญั ทสี่ ดุ ก. เลอื กรูปแบบการคดั ลายมอื ตามความพอใจ 2. ขอ้ ความใดใชอ้ าการนามไมถ่ กู ตอ้ ง แลว้ เลอื กขอ้ ความทจ่ี ะคดั ก. อยา่ ทง้ิ ฉนั ไป วนั ใดทไี่ รเ้ ธอฉันคงต้องถงึ แก่การตาย ข. อ่านทาความเขา้ ใจขอ้ ความทจ่ี ะคดั ลายมอื ใหจ้ บ ข. เป็นดงั่ เครอ่ื งประดบั กายและใจใหล้ า้ เลิศวไิ ล กอ่ นลงมอื คดั ค. ผูท้ ชี่ ท้ี าง ผูซ้ ่งึ ลขิ ติ ชวี ติ และโชคชะตา ค. นงั่ ใหถ้ กู ต้องตามหลกั การนงั่ คดั ลายมอื ง. คอื เธอผเู้ ป็นสดุ ทร่ี กั ยงิ่ ชวี ติ ง. เตรยี มอปุ กรณใ์ นการคดั ลายมอื 3. ขอ้ ความน้มี จี ุดดอ้ ยอย่างไร 8. การคดั ลายมอื มจี ดุ ประสงคต์ รงกบั ขอ้ ใด ก. ใชค้ าไมถ่ กู ต้องตามชนดิ และหน้าทข่ี องคา ก. เพอ่ื ใหม้ คี วามคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการประดษิ ฐ์อกั ษรไทย ข. ใชส้ านวนภาษาตา่ งประเทศ ข. เพอ่ื ฝึกการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ ค. ใชค้ าเชอ่ื มไม่ถูกตอ้ ง ค. เพ่อื ฝึกสมาธใิ นการเขยี นตวั อกั ษรไทย ง. ใชค้ าฟ่มุ เฟือย ง. เพอ่ื ประกวดการคดั ลายมอื 4. ขอ้ ใดใชล้ กั ษณนามไม่ถูกต้อง ก. ชาวประมงกาลงั หาซ้อื เรอื ลาใหมม่ าใชแ้ ทนลาเก่าทเ่ี อา ขน้ึ คาน ข. ช่างไมท้ กี่ าลงั ซอ่ มบา้ นของเราไปซ้อื เลอ่ื ยมาหลายคนั ค. หน้าฝนน้เี ราต้องเตรยี มร่มไวห้ ลายคนั ง. เธอสวมแหวน 2 วง 214 หลกั ภาษาฯ ม.1

9. ขอ้ ใดไม่มีความจาเป็นในการฝึกคดั ลายมอื 10. ขอ้ ใดเป็นขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการคดั ลายมอื ทถ่ี ูกตอ้ ง ก. นงั่ โน้มตวั ไปดา้ นหนา้ เพอ่ื ถา่ ยน้าหนักลงทด่ี นิ สอ ก. คดั ตวั อกั ษรใหเ้ สมอแนวเดยี วกนั และใหโ้ ยไ้ ป หรอื ปากกา ขา้ งหนา้ เลก็ นอ้ ย ข. จบั ดนิ สอใหแ้ น่นเพ่อื การลงน้าหนกั ตวั อกั ษรทช่ี ดั เจน ค. ใชไ้ มบ้ รรทดั วดั ระยะช่องไฟใหม้ คี วามสม่าเสมอ ข. เวน้ ระยะชอ่ งไฟระหว่างตวั อกั ษรใหห้ ่างเสมอกนั ง. วางกระดาษใหห้ า่ งจากสายตาประมาณ 12 น้วิ ค. เรมิ่ คดั ตวั อกั ษรจากหวั ไปหาง โดยไมย่ กดนิ สอ ง. วางสระและวรรณยกุ ตใ์ หถ้ ูกท่ี มฐ. ท 2.1 ม.1/1-2, 9 ได้คะแนน คะแนนเต็ม 10 เฉลย 1. ค 2. ก 3. ง 4. ข 5. ค 6. ก 7. ข 8. ค 9. ก 10. ง 215 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร 1 ชวั่ โมง เรื่องที่ 1 การอ่านวิเคราะห์ความหมายของคา แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 การอ่านวิเคราะห์ ความหมายของคา 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านจบั ใจความจากสารคดี ผอู้ า่ นตอ้ งระบุความแตกตา่ งของคาทม่ี คี วามหมายโดยตรงและความหมาย โดยนัย 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/2 ระบุความแตกตา่ งของคาทม่ี คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ระบคุ วามแตกต่างของคาทม่ี คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยได้ 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง • การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น - สารคดี 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการตคี วาม 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการแปลความ 3) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. รกั ความเป็นไทย 1. มวี นิ ัย 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 157 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินิจสาร เรื่องท่ี 1 การอ่านวเิ คราะห์ความหมายของคา 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 2. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง ความหมายของคา แลว้ ใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งคา พรอ้ มบอกความหมาย 3. ครูเขยี นตวั อยา่ งคาทม่ี คี วามหมายโดยนยั บนกระดาน เชน่ ดอกฟ้ากบั หมาวดั หมาเห่าใบตองแหง้ แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกความหมายตามความเขา้ ใจของนักเรยี น 4. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่ คาทย่ี กตวั อย่างมาน้เี ป็นคาทม่ี คี วามหมายโดยนัย คอื ความหมายไม่ตรง ตามพจนานุกรม 5. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • การพดู ประชดประชนั กระแนะกระแหนผ้ฟู ังเป็นเหตุให้เกิดคาที่มีความหมายโดยนัยหรือไม่ อยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 6. ครแู บง่ นักเรยี นออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เกง่ ปานกลางคอ่ นขา้ งเกง่ ปานกลางค่อนขา้ งอ่อน และอ่อน แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การอา่ นวเิ คราะหค์ วามหมาย ของคา จากหนังสอื เรยี น 7. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง ความหมายของคา โดยใหส้ มาชกิ แต่ละคนในกลมุ่ หา คาตอบในใบงานดว้ ยตนเองจนครบทกุ ขอ้ จากนนั้ จบั คกู่ บั เพอ่ื นในกลมุ่ ผลดั กนั อธบิ ายคาตอบของ ตนเองใหเ้ พ่อื นฟัง (นกั เรยี นอกี คหู่ นึง่ กป็ ฏบิ ตั กิ จิ กรรมเชน่ เดยี วกนั ) 8. สมาชกิ รวมกลมุ่ 4 คน ตามเดมิ จากนนั้ ผลดั กนั อธบิ ายคาตอบของคู่ตนเองใหเ้ พอ่ื นอกี คู่หนง่ึ ฟัง และ สรุปคาตอบทเ่ี ป็นมตขิ องกลมุ่ แลว้ บนั ทกึ คาตอบลงในใบงานท่ี 3.1 เสรจ็ แลว้ นาส่งครูตรวจ 9. นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ • นักเรียนคิดว่า หากใช้คาท่ีมีความหมายโดยนัยในการส่อื สารกบั ผ้ทู ่ีไม่ร้คู วามหมายที่เราส่ง สารไปนัน้ จะเกิดผลอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน 10. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปความแตกตา่ งของคาทม่ี คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั พรอ้ ม ทงั้ บอกแนวทางในการนาไปใชใ้ หถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม 158 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินิจสาร เรื่องที่ 1 การอ่านวเิ คราะห์ความหมายของคา 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) ตรวจใบงานที่ 3.1 ใบงานที่ 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และรกั ความเป็นไทย 8 สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง ความหมายของคา 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ — 159 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เร่ืองที่ 1 การอ่านวเิ คราะห์ความหมายของคา ใบงานที่ 3.1 ความหมายของคา ตอนที่ 1 คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามทก่ี าหนดใหถ้ ูกตอ้ ง 1. คาทม่ี คี วามหมายโดยตรง มลี กั ษณะอยา่ งไร 2. คาทม่ี คี วามหมายโดยนยั มลี กั ษณะอยา่ งไร 3. การพจิ ารณาความหมายของคา มหี ลกั ในการพจิ ารณาอยา่ งไร 160 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินจิ สาร เรื่องที่ 1 การอ่านวิเคราะห์ความหมายของคา ตอนที่ 2 คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอา่ นเร่อื งทก่ี าหนด แลว้ รวบรวมคาทม่ี คี วามหมายโดยนัยวา่ มกี ค่ี า และมที ม่ี าอย่างไร ปี จอ ขอเขียนเร่ืองส่ีขา คราวน้ขี อเขยี นถงึ เจา้ สข่ี าสตั วส์ ญั ลกั ษณข์ องปีจอกนั บา้ ง สนุ ขั ตามศพั ทแ์ ปลว่า ผมู้ เี ลบ็ งาม เป็นคา สุภาพของหมา แต่สานวนไทยสว่ นใหญใ่ ชค้ าวา่ “หมา” เม่อื กลา่ วถงึ สตั วเ์ ล้ยี งชนิดน้ี ถา้ ใครรสู้ กึ วา่ หมา ไม่สภุ าพ แลว้ เปลย่ี นมาใชค้ าวา่ สนุ ัขแทนจะฟังขดั หู จะมกี เ็ พยี งสานวนหมาจนตรอกเทา่ นนั้ ทบ่ี างครงั้ ใชว้ า่ สุนขั จนตรอก ซงึ่ หมายถงึ คนทจ่ี าตอ้ งฮดึ สอู้ ยา่ งไมค่ ดิ ชวี ติ เพ่อื เอาตวั รอดเพราะไมม่ ที างเลอื กอน่ื เมอ่ื จวนตวั หมดทางกต็ อ้ งหนั มาต่อสกู้ นั จนสุดฤทธิ์ สานวนน้มี าจากพฤตกิ รรมของสนุ ขั เมอ่ื ถูกไล่ตอ้ นวนอยู่ในตรอกทต่ี นั ไมม่ ที างหนีต่อไปกม็ กั จะหนั มา ฮดึ สู้ การทส่ี านวนน้ใี ชค้ าวา่ สนุ ขั โดยไมข่ ดั หู คงเป็นเพราะมกี ารใชค้ ่กู บั สานวน เสอื สน้ิ ตวกั หมายถงึ เสอื ท่ี เลบ็ หกั หาย เมอ่ื อาวุธสาคญั สาหรบั ใชต้ ะปบคูต่ อ่ สหู้ ายไปกต็ กอยูใ่ นภาวะฮดึ สเู้ หมอื นกนั จงึ เกดิ สานวน เสอื สน้ิ ตวกั สุนขั จนตรอก เพราะคาวา่ เสอื กบั สนุ ัข ขน้ึ ตน้ ดว้ ยพยญั ชนะ ส เหมอื นกนั และคาว่า ตวกั กม็ ี เสยี งสมั ผสั กบั คาวา่ นขั เมอ่ื ใชด้ ว้ ยกนั จงึ มเี สยี งคลอ้ งจอง ฟังไพเราะ เมอ่ื แยกกล่าวเฉพาะสานวนทเ่ี กยี่ วกบั สนุ ัขจงึ พบว่ามกี ารใชท้ งั้ สานวน หมาจนตรอก และ สนุ ัขจนตรอก สุนขั เป็นสตั วเ์ ล้ยี งในบา้ นทใ่ี กลช้ ดิ คน บางคนรกั และทะนุถนอมสนุ ขั มากถงึ กบั นามากอดจบู อมุ้ ชู บางคนถงึ กบั ใหน้ อนดว้ ย คนโบราณจะรกั สนุ ขั มากขนาดน้หี รอื ไมก่ ไ็ มอ่ าจทราบได้ แตถ่ า้ สงั เกตจากสานวน ไทยจะเหน็ วา่ พฤตกิ รรมและเร่อื งราวตา่ งๆ ของสุนัขทน่ี ามาเป็นสานวนนนั้ ไมค่ อ่ ยจะบ่งบอกถงึ ความน่ารกั น่าเอน็ ดูของสุนขั สกั เทา่ ไหร่เลย เชน่ นิสยั ของสนุ ัขทช่ี อบเลยี ถา้ อมุ้ หรอื กม้ หนา้ ลงไปใกลส้ ุนขั สนุ ขั กจ็ ะเลยี แสดงอาการรกั ใคร่ ประจบประแจง คนไทยในสมยั กอ่ นไม่ไดม้ องในทางน่าเอน็ ดู แตก่ ลา่ วเป็นสานวนวา่ เลน่ กบั หมา หมาเลยี ปาก บางครงั้ กต็ ่อดว้ ยสานวนวา่ เลน่ กบั สาก สากตอ่ ยหวั โดยสงั เกตจากสากขนาดใหญ่ ทใ่ี ชต้ าขา้ วซงึ่ มกั จะวางพงิ ไวเ้ วลาไม่ใชง้ าน ถา้ ใครอยไู่ มส่ ขุ ไปจบั เลน่ สากอาจจะเลอ่ื นลม้ มาทบั เอาได้ สานวน ไทยทม่ี กั จะใชต้ อ่ เน่อื งกนั วา่ เลน่ กบั หมา หมาเลยี ปาก เลน่ กบั สาก สากต่อยหวั จงึ หมายถงึ ความวา่ ลดตวั ลง ไปพดู จาเลน่ หวั กบั บุคคลชนั้ ต่ากว่าหรอื เดก็ กวา่ เป็นการวางตวั ทไ่ี มเ่ หมาะสม กจ็ ะถกู ตเี สมอหรอื ถูกลามปาม ได้ ปกตสิ นุ ัขทถ่ี กู ปลอ่ ยใหเ้ ดนิ เพ่นพา่ นกลางถนน เรยี กว่า สุนขั จรจดั แตถ่ า้ สนุ ขั ทม่ี เี จา้ ของเลย้ี งดูอยา่ งเป็น เรอ่ื งเป็นราว จะมปี ลอกคอ คอื สายรดั รอบคอใชส้ าหรบั ลา่ มจูงใหจ้ บั งา่ ยและในขณะเดยี วกนั กเ็ ป็นเคร่อื งหมาย ว่า สนุ ขั ตวั นไ้ี มใ่ ชส่ นุ ขั กลางถนนหรอื ทเ่ี รยี กกนั ว่า หมากลางถนน แตเ่ ป็นสนุ ขั ทม่ี เี จา้ ของ ดงั นนั้ สานวน หมา มปี ลอกคอ จงึ หมายถงึ คนทม่ี ผี ทู้ รงอทิ ธพิ ลหรอื ผู้มอี านาจคอยคมุ้ ครองคอยสนับสนุนชว่ ยเหลอื อยู่ ธรรมชาตอิ ยา่ งหนง่ึ ของสุนขั คอื เมอ่ื สุนขั ตวั ใดตวั หน่งึ เขา้ จู่โจมคน สตั วช์ นิดอน่ื หรอื แมแ้ ต่สนุ ขั ดว้ ยกนั แลว้ สุนขั ตวั อ่นื ๆ จะกรกู นั เขา้ มาร่วมเหา่ ร่วมกดั ดว้ ย สานวนหมาหมู่ จงึ หมายถงึ กลมุ่ คนทก่ี ลมุ้ รมุ ทารา้ ยคนคนเดยี วมกั ใชใ้ นกรณขี องพวกนกั เลงทม่ี พี รรคพวกมาก รว่ มกนั รมุ ทารา้ ยผมู้ กี าลงั นอ้ ยกวา่ พดู ถงึ หมาหมู่แลว้ ขอพดู ถงึ หมาทต่ี อ้ งอยู่โดดเดย่ี วบา้ ง ไทยเรามสี านวน หมาหวั เน่า หมายถงึ ผซู้ งึ่ เป็นทร่ี งั เกยี จ 161 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร เร่ืองท่ี 1 การอ่านวเิ คราะห์ความหมายของคา ของผอู้ น่ื เขา้ กบั ใครไมไ่ ด้ ไม่มใี ครคบหาดว้ ย ส่วนหมาหางดว้ นนนั้ เป็นสานวน หมายถงึ ผทู้ ท่ี าอะไรผดิ พลาด จนไดร้ บั ความอบั อาย แลว้ พยายามชกั ชวนผอู้ น่ื ใหเ้ หน็ วา่ สง่ิ ทต่ี นทาไปนนั้ เป็นสงิ่ ทด่ี คี วรทาตาม เพอ่ื จะไดม้ ี พวกทท่ี าผดิ อยา่ งเดยี วกนั บา้ นของคนไทยสมยั ก่อนมกั ยกพน้ื สงู จงึ มใี ตถ้ นุ บา้ น ถา้ เป็นบา้ นของคนธรรมดาพน้ื กระดานจะไม่ปู ชดิ กนั จนสนิทจะมรี อ่ งอยู่บา้ ง โดยเฉพาะพน้ื ครวั ซง่ึ ครวั มกั จะอยมู่ ุมชานบา้ น เมอ่ื ทาอาหารอาจจะมเี ศษ อาหารหลน่ ลงร่องสุนัข มกั จะมาหาอะไรกนิ แถวๆ ใตถ้ ุนครวั บางครงั้ สุนขั มากนั หลายตวั แยง่ เศษอาหารกนั กดั กนั ส่งเสยี งเหา่ น่าราคาญ คนทาครวั อยกู่ ร็ าคาญ จงึ เอาน้ารอ้ นเทราดลงไป เมอ่ื สนุ ขั ถกู น้ารอ้ นราดกว็ ง่ิ พล่านจงึ เป็นสานวน หมาถกู น้ารอ้ น ใชก้ บั คนทม่ี ธี ุระรอ้ นตอ้ งด้นิ รน เทย่ี ววงิ่ พลา่ นไปทาธุระนนั้ ๆ เร่อื งของ สนุ ัขกบั น้ารอ้ นยงั มคี นทอ้ งถน่ิ นาไปเป็น สานวนเปรยี บอกี สานวนหนงึ่ คอื ทางานเหมอื นหมาเลยี น้ารอ้ น เพราะปกตเิ วลาสนุ ขั กนิ น้าจะใชล้ น้ิ เลยี และตวดั น้าเขา้ ปากอยา่ งรวดเรว็ แต่เมอ่ื น้านนั้ รอ้ นสนุ ัขจะไมค่ ่อยกลา้ จะเลยี บา้ ง หยุดบา้ งหรอื หนไี ปเลย สานวนทางานเหมอื นสนุ ัขเลยี น้ารอ้ น จงึ หมายถงึ คนทท่ี างานไมเ่ รยี บรอ้ ย ไวใ้ จไมไ่ ด้ รางเป็นภาชนะรปู ยาวมรี อ่ งตรงกลาง อาจจะนาไมเ้ ป็นแผน่ ยาวมาตอ่ กนั หรอื นาทอ่ นไมม้ าขดุ เป็น รอ่ งยาวตรงกลางกไ็ ด้ ชาวบา้ นจะนาอาหารมาเทในรางเพอ่ื ใหห้ มูไดก้ นิ สนุ ขั ทว่ี ง่ิ ไปกนิ อาหารรางนนั้ ทรี างน้ที ี จงึ เรยี กวา่ หมาสองราง เป็นสานวนทห่ี มายถงึ ผทู้ ท่ี าตวั เขา้ กบั ทงั้ สองฝ่ายบางครงั้ ใชส้ านวนวา่ ตสี องหน้า หมาสองราง ปกตสิ ุนขั เป็นสตั วก์ นิ เน้อื กนิ หญา้ แต่มนี ทิ านเล่าถงึ สุนขั ในรางหญ้าว่า แมค้ นจะไมก่ นิ หญา้ แตเ่ ม่อื สตั วก์ นิ หญา้ เชน่ โคกระบอื จะเขา้ มากนิ หญ้าสนุ ัขจะไมย่ อม เป็นสานวน หมาในรางหญ้า หรอื หมา หวงราง หมายถงึ ผซู้ ง่ึ หวงสงิ่ ทไ่ี ม่เป็นประโยชนต์ อ่ ตนเอง และไม่ยอมใหผ้ อู้ น่ื ไดใ้ ชป้ ระโยชน์คลา้ ยกบั หมา หวงกา้ ง แตส่ านวน หมาหวงกา้ งมนี ยั ในทานองกนั ท่าคนอ่นื ในสงิ่ ทต่ี นไดป้ ระโยชน์ไปแลว้ หรอื ใชป้ ระโยชน์ ไมไ่ ดแ้ ลว้ เหมอื นสุนขั ทก่ี นิ เน้อื ปลาหมดไปแลว้ แตย่ งั คอยระวงั ไม่ใหส้ ตั วอ์ น่ื มาแยง่ กา้ งปลาไป จะรวมไวห้ มด ทงั้ เน้อื ปลาทงั้ กา้ งปลาไม่ยอมใหใ้ ครๆ มามสี ่วนเกยี่ วขอ้ ง ท่ีมา : http://thaiidiom.kapook.com/ 162 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินิจสาร เร่ืองท่ี 1 การอ่านวเิ คราะห์ความหมายของคา ใบงานท่ี 3.1 ความหมายของคา ตอนที่ 1 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามทก่ี าหนดใหถ้ ูกตอ้ ง 1. คาทม่ี คี วามหมายโดยตรง มลี กั ษณะอยา่ งไร คาทมี่ คี วามหมายตามตวั อกั ษร ซงึ่ เป็นความหมายตามทพี่ จนานุกรมกาหนด เป็นความหมายหลกั ทใี่ ชใ้ นการ สอื่ สารทวั่ ไป 2. คาทม่ี คี วามหมายโดยนยั มลี กั ษณะอยา่ งไร คาทมี่ คี วามหมายไมต่ รงตามตวั อกั ษร แตเ่ ป็นความหมายแฝงหรอื ความหมายโดยนยั ออ้ มเพอื่ เชอื่ มโยงไปถงึ อกี สงิ่ หนงึ่ 3. การพจิ ารณาความหมายของคา มหี ลกั ในการพจิ ารณาอยา่ งไร หลกั ในการพจิ ารณาความหมายของคา มดี งั น้ี 1) พจิ ารณาความหมายตามทพี่ จนานุกรมกาหนด 2) พจิ ารณาความหมายจากสานวนโวหาร 3) พจิ ารณาความหมายจากบรบิ ท 4) พจิ ารณาความหมายจากน้าเสยี งและสหี น้าประกอบ 163 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินิจสาร เร่ืองท่ี 1 การอ่านวิเคราะห์ความหมายของคา ตอนที่ 2 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นอ่านเร่อื งทก่ี าหนด แลว้ รวบรวมคาทม่ี คี วามหมายโดยนัยวา่ มกี ค่ี า และมที ม่ี าอย่างไร ปี จอ ขอเขียนเร่ืองส่ีขา คราวน้ขี อเขยี นถงึ เจา้ สข่ี าสตั วส์ ญั ลกั ษณ์ของปีจอกนั บา้ ง สนุ ขั ตามศพั ทแ์ ปลว่า ผมู้ เี ลบ็ งาม เป็นคา สภุ าพของหมา แตส่ านวนไทยสว่ นใหญ่ใชค้ าวา่ “หมา” เม่อื กลา่ วถงึ สตั วเ์ ล้ยี งชนดิ น้ี ถา้ ใครรสู้ กึ ว่าหมา ไม่สภุ าพ แลว้ เปลย่ี นมาใชค้ าวา่ สนุ ขั แทนจะฟังขดั หู จะมกี เ็ พยี งสานวนหมาจนตรอกเท่านนั้ ทบ่ี างครงั้ ใชว้ า่ สุนัขจนตรอก ซง่ึ หมายถงึ คนทจ่ี าตอ้ งฮดึ สอู้ ยา่ งไมค่ ดิ ชวี ติ เพ่อื เอาตวั รอดเพราะไม่มที างเลอื กอน่ื เมอ่ื จวนตวั หมดทางกต็ อ้ งหนั มาตอ่ สกู้ นั จนสุดฤทธิ์ สานวนนม้ี าจากพฤตกิ รรมของสนุ ขั เม่อื ถูกไล่ตอ้ นวนอยู่ในตรอกทต่ี นั ไม่มที างหนีต่อไปกม็ กั จะหนั มา ฮดึ สู้ การทส่ี านวนน้ใี ชค้ าวา่ สนุ ขั โดยไมข่ ดั หู คงเป็นเพราะมกี ารใชค้ ู่กบั สานวน เสอื สน้ิ ตวกั หมายถงึ เสอื ท่ี เลบ็ หกั หาย เมอ่ื อาวธุ สาคญั สาหรบั ใชต้ ะปบค่ตู อ่ สหู้ ายไปกต็ กอยูใ่ นภาวะฮดึ สเู้ หมอื นกนั จงึ เกดิ สานวน เสอื สน้ิ ตวกั สุนขั จนตรอก เพราะคาวา่ เสอื กบั สุนขั ขน้ึ ตน้ ดว้ ยพยญั ชนะ ส เหมอื นกนั และคาวา่ ตวกั กม็ ี เสยี งสมั ผสั กบั คาว่า นขั เมอ่ื ใชด้ ว้ ยกนั จงึ มเี สยี งคลอ้ งจอง ฟังไพเราะ เมอ่ื แยกกล่าวเฉพาะสานวนทเ่ี กยี่ วกบั สุนัขจงึ พบวา่ มกี ารใชท้ งั้ สานวน หมาจนตรอก และ สุนัขจนตรอก สุนัขเป็นสตั วเ์ ลย้ี งในบา้ นทใ่ี กลช้ ดิ คน บางคนรกั และทะนุถนอมสนุ ขั มากถงึ กบั นามากอดจูบอมุ้ ชู บางคนถงึ กบั ใหน้ อนดว้ ย คนโบราณจะรกั สนุ ขั มากขนาดน้หี รอื ไมก่ ไ็ ม่อาจทราบได้ แต่ถา้ สงั เกตจากสานวน ไทยจะเหน็ ว่า พฤตกิ รรมและเร่อื งราวตา่ งๆ ของสุนัขทน่ี ามาเป็นสานวนนนั้ ไมค่ อ่ ยจะบ่งบอกถงึ ความน่ารกั น่าเอน็ ดูของสนุ ขั สกั เท่าไหร่เลย เชน่ นิสยั ของสนุ ัขทช่ี อบเลยี ถา้ อมุ้ หรอื กม้ หนา้ ลงไปใกลส้ นุ ขั สุนขั กจ็ ะเลยี แสดงอาการรกั ใคร่ ประจบประแจง คนไทยในสมยั กอ่ นไม่ไดม้ องในทางน่าเอน็ ดู แตก่ ล่าวเป็นสานวนวา่ เลน่ กบั หมา หมาเลยี ปาก บางครงั้ กต็ ่อดว้ ยสานวนวา่ เล่นกบั สาก สากตอ่ ยหวั โดยสงั เกตจากสากขนาดใหญ่ ทใ่ี ชต้ าขา้ วซง่ึ มกั จะวางพงิ ไวเ้ วลาไมใ่ ชง้ าน ถา้ ใครอยไู่ มส่ ขุ ไปจบั เล่น สากอาจจะเล่อื นลม้ มาทบั เอาได้ สานวน ไทยทม่ี กั จะใชต้ อ่ เน่อื งกนั วา่ เลน่ กบั หมา หมาเลยี ปาก เลน่ กบั สาก สากตอ่ ยหวั จงึ หมายถงึ ความวา่ ลดตวั ลง ไปพดู จาเลน่ หวั กบั บคุ คลชนั้ ต่ากว่าหรอื เดก็ กวา่ เป็นการวางตวั ทไ่ี มเ่ หมาะสม กจ็ ะถกู ตเี สมอหรอื ถูกลามปาม ได้ ปกตสิ นุ ัขทถ่ี กู ปล่อยใหเ้ ดนิ เพ่นพา่ นกลางถนน เรยี กว่า สุนขั จรจดั แต่ถา้ สนุ ขั ทม่ี เี จา้ ของเลย้ี งดูอย่างเป็น เร่อื งเป็นราว จะมปี ลอกคอ คอื สายรดั รอบคอใชส้ าหรบั ลา่ มจูงใหจ้ บั งา่ ยและในขณะเดยี วกนั กเ็ ป็นเคร่อื งหมาย วา่ สนุ ขั ตวั นไ้ี ม่ใชส่ นุ ขั กลางถนนหรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ หมากลางถนน แตเ่ ป็นสุนขั ทม่ี เี จา้ ของ ดงั นนั้ สานวน หมา มปี ลอกคอ จงึ หมายถงึ คนทม่ี ผี ทู้ รงอทิ ธพิ ลหรอื ผู้มอี านาจคอยคมุ้ ครองคอยสนับสนุนชว่ ยเหลอื อยู่ ธรรมชาตอิ ยา่ งหนง่ึ ของสุนขั คอื เมอ่ื สนุ ขั ตวั ใดตวั หน่งึ เขา้ จู่โจมคน สตั วช์ นิดอน่ื หรอื แมแ้ ต่สุนขั ดว้ ยกนั แลว้ สุนขั ตวั อ่นื ๆ จะกรกู นั เขา้ มารว่ มเหา่ รว่ มกดั ดว้ ย สานวนหมาหมู่ จงึ หมายถงึ กลมุ่ คนทก่ี ลมุ้ รมุ ทารา้ ยคนคนเดยี วมกั ใชใ้ นกรณีของพวกนักเลงทม่ี พี รรคพวกมาก ร่วมกนั รมุ ทารา้ ยผมู้ กี าลงั น้อยกวา่ พดู ถงึ หมาหมู่แลว้ ขอพดู ถงึ หมาทต่ี อ้ งอยู่โดดเดย่ี วบา้ ง ไทยเรามสี านวน หมาหวั เน่า หมายถงึ ผซู้ ง่ึ เป็นทร่ี งั เกยี จ 164 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินิจสาร เร่ืองที่ 1 การอ่านวิเคราะห์ความหมายของคา ของผอู้ น่ื เขา้ กบั ใครไม่ได้ ไมม่ ใี ครคบหาดว้ ย สว่ นหมาหางดว้ นนนั้ เป็นสานวน หมายถงึ ผทู้ ท่ี าอะไรผดิ พลาด จนไดร้ บั ความอบั อาย แลว้ พยายามชกั ชวนผอู้ น่ื ใหเ้ หน็ วา่ สงิ่ ทต่ี นทาไปนนั้ เป็นสง่ิ ทด่ี คี วรทาตาม เพอ่ื จะไดม้ ี พวกทท่ี าผดิ อย่างเดยี วกนั บา้ นของคนไทยสมยั กอ่ นมกั ยกพน้ื สงู จงึ มใี ตถ้ นุ บา้ น ถา้ เป็นบา้ นของคนธรรมดาพน้ื กระดานจะไมป่ ู ชดิ กนั จนสนิทจะมรี ่องอยู่บา้ ง โดยเฉพาะพน้ื ครวั ซง่ึ ครวั มกั จะอยมู่ ุมชานบา้ น เมอ่ื ทาอาหารอาจจะมเี ศษ อาหารหล่นลงรอ่ งสนุ ัข มกั จะมาหาอะไรกนิ แถวๆ ใตถ้ นุ ครวั บางครงั้ สุนขั มากนั หลายตวั แยง่ เศษอาหารกนั กดั กนั สง่ เสยี งเหา่ น่าราคาญ คนทาครวั อยกู่ ร็ าคาญ จงึ เอาน้ารอ้ นเทราดลงไป เมอ่ื สนุ ขั ถกู น้ารอ้ นราดกว็ งิ่ พลา่ นจงึ เป็นสานวน หมาถูกน้ารอ้ น ใชก้ บั คนทม่ี ธี รุ ะรอ้ นตอ้ งด้นิ รน เทย่ี ววงิ่ พล่านไปทาธรุ ะนนั้ ๆ เรอ่ื งของ สนุ ัขกบั น้ารอ้ นยงั มคี นทอ้ งถน่ิ นาไปเป็น สานวนเปรยี บอกี สานวนหนึ่ง คอื ทางานเหมอื นหมาเลยี น้ารอ้ น เพราะปกตเิ วลาสุนขั กนิ น้าจะใชล้ น้ิ เลยี และตวดั น้าเขา้ ปากอยา่ งรวดเรว็ แต่เมอ่ื น้านนั้ รอ้ นสนุ ขั จะไมค่ ่อยกลา้ จะเลยี บา้ ง หยดุ บา้ งหรอื หนไี ปเลย สานวนทางานเหมอื นสนุ ัขเลยี น้ารอ้ น จงึ หมายถงึ คนทท่ี างานไมเ่ รยี บรอ้ ย ไวใ้ จไมไ่ ด้ รางเป็นภาชนะรปู ยาวมรี ่องตรงกลาง อาจจะนาไมเ้ ป็นแผน่ ยาวมาตอ่ กนั หรอื นาท่อนไมม้ าขดุ เป็น รอ่ งยาวตรงกลางกไ็ ด้ ชาวบา้ นจะนาอาหารมาเทในรางเพอ่ื ใหห้ มูไดก้ นิ สนุ ขั ทว่ี ง่ิ ไปกนิ อาหารรางนนั้ ทรี างน้ที ี จงึ เรยี กวา่ หมาสองราง เป็นสานวนทห่ี มายถงึ ผทู้ ท่ี าตวั เขา้ กบั ทงั้ สองฝ่ายบางครงั้ ใชส้ านวนวา่ ตสี องหนา้ หมาสองราง ปกตสิ ุนัขเป็นสตั วก์ นิ เน้อื กนิ หญา้ แตม่ นี ิทานเลา่ ถงึ สนุ ขั ในรางหญา้ ว่า แมค้ นจะไมก่ นิ หญ้า แต่เมอ่ื สตั วก์ นิ หญา้ เชน่ โคกระบอื จะเขา้ มากนิ หญา้ สนุ ัขจะไมย่ อม เป็นสานวน หมาในรางหญา้ หรอื หมา หวงราง หมายถงึ ผซู้ งึ่ หวงสง่ิ ทไ่ี มเ่ ป็นประโยชน์ต่อตนเอง และไม่ยอมใหผ้ อู้ น่ื ไดใ้ ชป้ ระโยชน์คลา้ ยกบั หมา หวงกา้ ง แต่สานวน หมาหวงกา้ งมนี ยั ในทานองกนั ทา่ คนอน่ื ในสงิ่ ทต่ี นไดป้ ระโยชน์ไปแลว้ หรอื ใชป้ ระโยชน์ ไมไ่ ดแ้ ลว้ เหมอื นสนุ ขั ทก่ี นิ เนอ้ื ปลาหมดไปแลว้ แต่ยงั คอยระวงั ไมใ่ หส้ ตั วอ์ น่ื มาแยง่ กา้ งปลาไป จะรวมไวห้ มด ทงั้ เน้อื ปลาทงั้ กา้ งปลาไมย่ อมใหใ้ ครๆ มามสี ่วนเกยี่ วขอ้ ง ที่มา : http://thaiidiom.kapook.com/ คาทมี่ คี วามหมายโดยนัย มี 14 คา ไดแ้ ก่ หมาจนตรอก สนุ ขั จนตรอก เสอื ส้นิ ตวกั เล่นกบั หมาหมาเลยี ปาก หมามปี ลอกคอ หมาหมู่ หมาหวั เน่า หมาหางดว้ น หมาถูกน้ารอ้ น หมาสองราง หมาในรางหญ้า หมาหวงราง หมาหวงกา้ ง มที มี่ าจากสุภาษติ สานวน คาพงั เพย 165 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินิจสาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องท่ี 1 การอ่านวเิ คราะห์ความหมายของคา  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 166 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร 1 ชวั่ โมง เร่ืองที่ 2 การจบั ใจความสาคญั แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 การจบั ใจความสาคญั 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอา่ นจบั ใจความจากขา่ วและเหตกุ ารณ์สาคญั จะตอ้ งระบุใจความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มลู ท่ี สนับสนุนจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นแลว้ เขยี นบนั ทกึ 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/3 ระบใุ จความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มูลทส่ี นับสนุนจากเรอ่ื งทอี่ า่ น ม.3/4 อา่ นเร่อื งต่างๆ แลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บนั ทกึ ย่อความ และรายงาน 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ระบุใจความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มูลทส่ี นับสนุนจากเรอ่ื งทอ่ี ่านได้ 2) อ่านเรอ่ื งตา่ งๆ แลว้ เขยี นบนั ทกึ ได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง • การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เชน่ - ขา่ วและเหตกุ ารณ์สาคญั 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการตคี วาม 2) ทกั ษะการสรปุ ลงความคดิ เหน็ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 167 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร เรื่องที่ 2 การจับใจความสาคัญ 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 4. รกั ความเป็นไทย 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั การบรโิ ภคขา่ วในสงั คมปัจจบุ นั จากนนั้ ครนู าสอ่ื สง่ิ พมิ พป์ ระเภทตา่ งๆ มาใหน้ กั เรยี นดูเพอ่ื รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ถงึ ความสาคญั และอทิ ธพิ ลของสอ่ื สงิ่ พมิ พท์ ่ีนาเสนอขา่ ว 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • สื่อสิ่งพิมพท์ ่ีนาเสนอข่าวมอี ะไรบา้ ง และนกั เรยี นชอบอา่ นสื่อสิ่งพิมพใ์ ดมากท่ีสุด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 3. Survey (S) นกั เรยี นเลอื กอ่านขา่ วจากหนงั สอื พมิ พเ์ กย่ี วกบั ภยั ธรรมชาติ อยา่ งน้อยคนละ 3 ฉบบั 4. Question (Q) ตงั้ คาถามเกย่ี วกบั ขา่ วทอ่ี า่ น และพจิ ารณาใจความสาคญั ทผ่ี เู้ ขยี นกาลงั พดู ถงึ อยูน่ นั้ คอื อะไร ทาไมจงึ สาคญั สาคญั อย่างไร และเกย่ี วขอ้ งกบั อะไรหรอื ใครบา้ ง ตอนไหน เม่อื ไร และอย่างไร 5. Read (R) อ่านขา่ วในหนา้ หนงั สอื พมิ พท์ งั้ 3 ฉบบั อย่างละเอยี ด ในขณะเดยี วกนั กค็ น้ หาคาตอบสาหรบั คาถามทไ่ี ดต้ งั้ ไว้ ในขนั้ นจ้ี ะเป็นการอ่านเพอ่ื จบั ใจความและจบั ประเดน็ สาคญั ขณะทก่ี าลงั อ่านอยถู่ า้ นึก คาถามไดอ้ กี แลว้ ตงั้ ใจอ่านต่อไปจนกวา่ จะไดร้ บั คาตอบทต่ี อ้ งการ 6. Record (R) จดบนั ทกึ ขอ้ มลู ต่างๆ ทไ่ี ดอ้ า่ น โดยจดบนั ทกึ ในส่วนทส่ี าคญั และสงิ่ ทจ่ี าเป็น ใชข้ อ้ ความ อยา่ งรดั กมุ หรอื ยอ่ ๆ ตามความเขา้ ใจของนกั เรยี นลงในแบบบนั ทกึ การอา่ น 7. Recite (R) เขยี นบนั ทกึ สรุปใจความสาคญั จากการอ่านขา่ วภยั ธรรมชาตแิ ละวธิ กี ารแกป้ ัญหา ถา้ ยงั ไม่ แน่ใจตอนใดใหก้ ลบั ไปอา่ นซ้าใหม่ 8. Reflect (R) วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ขา่ วภยั ธรรมชาตแิ ละวธิ กี ารแกป้ ัญหา แลว้ แสดงความคดิ เหน็ ใน ประเดน็ ทผ่ี เู้ รยี นมคี วามคดิ เหน็ สอดคลอ้ ง หรอื ไม่เหน็ ดว้ ย 9. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1 - 2 1) นักเรียนคิดวา่ ภยั ธรรมชาติและวิธีการแก้ปัญหาสามารถนามาใช้ได้จริงหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 2) การให้ความเช่ือถอื ต่อขา่ วที่นาเสนอทางหน้าหนงั สอื พิมพ์ นักเรียนมหี ลกั ในการพิจารณา อยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 10. ครูตรวจประเมนิ ผลการบนั ทกึ ขา่ วภยั ธรรมชาติ แลว้ นาผลมาพฒั นานักเรยี นและปรบั ปรงุ ซอ่ มเสรมิ นกั เรยี นทเ่ี รยี นอ่อน 168 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินิจสาร เครือ่ งมือ เกณฑ์ เรื่องท่ี 2 การจับใจความสาคญั แบบบนั ทกึ การอา่ น ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 7 การวดั และประเมินผล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ วิธีการ ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ มนั่ ในการ ทางาน และรกั ความเป็นไทย 8 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) สอ่ื สงิ่ พมิ พท์ น่ี าเสนอขา่ ว 3) ขา่ วจากหนงั สอื พมิ พ์เกยี่ วกบั ภยั ธรรมชาติ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ — 169 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 2 การจับใจความสาคญั  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 170 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร เรื่องที่ 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ 1 ชวั่ โมง และแสดงความคิดเหน็ (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านจบั ใจความจากบทความ นกั เรยี นตอ้ งวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอ่ื งทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี าร เปรยี บเทยี บ เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/5 วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เร่อื งทอี่ า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ เพ่อื ใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจไดด้ ี ยง่ิ ขน้ึ 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอ่ื งทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจไดด้ ยี งิ่ ข้นึ ได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง • การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น - บทความ 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. รกั ความเป็นไทย 1. มวี นิ ัย 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 171 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร เร่ืองท่ี 3 การอ่านวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคดิ เห็น 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การแสดงความคดิ เหน็ การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ 2. นักเรยี นยกตวั อยา่ งการวเิ คราะหว์ จิ ารณ์หนังสอื ทน่ี ักเรยี นเคยอา่ น จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สนทนา เกย่ี วกบั การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และการแสดงความคดิ เหน็ 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • การวิจารณ์หนังสือเป็นผลดีอย่างไรต่อผ้เู ขียนหนังสือ (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 4. นกั เรยี นรวมกล่มุ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) แลว้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาความรู้ เร่อื ง การอา่ นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ จากหนังสอื เรยี น และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ 5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายหลกั การอา่ นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ 6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ หนา้ ชนั้ เรยี น 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และรกั ความเป็นไทย 8 ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ - หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้  แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.st.ac.th/bhatips/tip49/reading1.html - http://web.kku.ac.th/thai416102/SubjectWeb/Critical-Reading_Meaning.htm 172 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองท่ี 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เห็น  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 173 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร เรื่องที่ 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 4 การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ 1 ชวั่ โมง และแสดงความคิดเหน็ (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านจบั ใจความจากบทความ นกั เรยี นตอ้ งวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอ่ื งทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี าร เปรยี บเทยี บ เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/5 วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เร่อื งทอี่ า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ เพ่อื ใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจไดด้ ี ยง่ิ ขน้ึ 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอ่ื งทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจไดด้ ยี งิ่ ข้นึ ได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง • การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น - บทความ 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. รกั ความเป็นไทย 1. มวี นิ ัย 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 174 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เร่ืองที่ 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครอู ธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั การอา่ น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เพอ่ื ทบทวนความรู้ จากนนั้ ให้ นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ วา่ การวจิ ารณ์อย่างมอี คติ เป็นผลเสยี อยา่ งไร 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ (กลุ่มเดมิ จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) รว่ มกนั สบื คน้ บทความทก่ี ลมุ่ สนใจจาก แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศหรอื หอ้ งสมดุ จากนนั้ นาบทความดงั กลา่ วมาวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความ คดิ เหน็ ตามประเดน็ ต่อไปน้ี 1) เล่าเรอ่ื ง 2) จุดมุ่งหมายของเร่อื ง 3) วเิ คราะหเ์ นอ้ื เร่อื ง 4) บรบิ ททเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เร่อื ง 5) ประเมนิ คุณคา่ 3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงานท่ี 3.2 เรือ่ ง การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ เสรจ็ แลว้ นาส่งครตู รวจ 4. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  ถ้านักเรียนต้องการเป็นนกั วิจารณ์ท่ีดีควรปฏิบตั ิอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 5. ครูตรวจใบงานท่ี 3.2 ของนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ แลว้ เลอื กผลงานดเี ดน่ ตดิ ป้ายนเิ ทศ 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 3.2 ใบงานที่ 3.2 ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และรกั ความเป็นไทย 175 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เรื่องที่ 3 การอ่านวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคิดเหน็ 8 ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ - ใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การอา่ นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.kwamru.com/ - http://www.dmh.go.th/news/newsra.asp 176 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เร่ืองที่ 3 การอ่านวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็น ใบงานที่ 3.2 การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นเรอ่ื งทก่ี าหนด แลว้ นามาวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ ใหถ้ ูกตอ้ งตามลาดบั ขนั้ ตอน ตามประเดน็ ทก่ี าหนด “เมจิก จอห์นสนั ” 20 ปี ท่ีใช้ชีวิตร่วมกบั “เชือ้ เอชไอว”ี นบั ตงั้ แต่ประกาศอาลาวงการบาสเกตบอลเอน็ บเี อไปเมอ่ื วนั ท่ี 7 พฤศจกิ ายน ปี 1991 เมจกิ จอหน์ สนั ผคู้ วา้ แชมป์ เอน็ บเี อร่วมกบั แอล เอ เลกเกอรส์ 5 สมยั ยงั คงใชช้ วี ติ อยา่ งเป็นปกตสิ ขุ ไมต่ ่างจากคนอ่นื ๆ สขุ เสยี จนหลายคนเกอื บลมื ไปว่า ในวนั ทเ่ี ขาประกาศเลกิ เลน่ กีฬายดั หว่ งทค่ี ลกุ คลมี านานร่วมๆ 17 ปี นนั้ เป็นวนั เดยี วกบั ทโ่ี ลกไดร้ บั รวู้ ่า พอยตก์ ารด์ ช่อื ดงั ตดิ เชอ้ื ไวรสั เอชไอวี! หลงั จากแถลงขา่ วใหท้ ุกคนไดท้ ราบโดยไม่ปิดบงั วา่ ป่วยดว้ ยโรคเอดส์ เออรว์ นิ “เมจกิ จอหน์ สนั ” ในวยั 32 ปี ตัดสนิ ใจว่าจะอาลาวงการทนั ที เพราะแม้ว่าไม่ได้เป็นโรคทต่ี ิดต่อกนั ได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นโรครา้ ยท่ยี งั หาทางรกั ษาใหห้ ายขาดไม่ได้ ก่อนจะป่วยดว้ ยโรคน้ี อดตี เจา้ ของรางวลั ผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวพี ี) 3 สมยั เคยมอี คตกิ บั คนท่ตี ิดเช้อื เอชไอวมี ากอ่ น ดงั นนั้ เม่อื รแู้ น่ชดั แลว้ วา่ ตวั เองเป็นเอดส์ จงึ ยอมรบั วา่ เหมอื นกาลงั ตกอยใู่ นฝันรา้ ย “มนั เป็นวนั ทส่ี น้ิ หวงั ทส่ี ดุ ในชวี ติ ผม รสู้ กึ ราวกบั ว่าชวี ติ น้ไี ม่มอี ะไรแน่นอน เพราะไมม่ ใี ครบอกไดเ้ ลยว่า ผมจะมชี วี ติ อยู่จนถงึ ทกุ วนั น้ีหรอื เปลา่ และผมกไ็ ม่มคี วามรเู้ กยี่ วกบั เอชไอวแี ละเอดสส์ กั เท่าไร ขณะทค่ี นอ่นื ก็ ไมไ่ ดร้ จู้ กั โรคน้ดี พี อ ทกุ คนจงึ คดิ ว่าเป็นโรคทต่ี อ้ งตายสถานเดยี ว” จอห์นสนั ราลกึ ถงึ ความหลงั เม่อื ครงั้ ทไ่ี ดก้ ลบั มายนื ทส่ี นามสเตเปิลส์ เซน็ เตอร์ ของแอลเอ เลกเกอร์ส อกี ครงั้ ในงานฉลองครบ 20 ปี ของการอาลาสนามครงั้ แรกของตวั เอง เมอ่ื วันท่ี 7 พฤศจกิ ายนทผ่ี า่ นมา จอหน์ สนั รูว้ ่าตนเองตดิ เชอ้ื เมอ่ื ไดร้ บั โทรศพั ทจ์ ากแพทยป์ ระจาทมี ไมเคลิ เมลแมน ใหก้ ลบั บ้านด่วน ในระหวา่ งทเ่ี ตรยี มลงแขง่ บาสเกตบอลรายการพเิ ศษทซ่ี อลต์เลก ซติ ้ี กบั ยูทาห์ แจ๊ซซ์ หนง่ึ สปั ดาหก์ อ่ นหน้าท่ี บาสเกตบอลเอน็ บเี อฤดูกาล 1991-1992 จะเปิดฉาก หลงั ไดท้ ราบขา่ วเม่อื กลบั ถงึ บา้ น เจ้าตวั แทบไม่เช่อื หูตวั เองและขอใหม้ กี ารตรวจเลอื ดใหม่ถึง 3 ครงั้ แตส่ ุดทา้ ยกห็ นีความจรงิ ไมพ่ น้ สงิ่ แรกทจ่ี อหน์ สนั อยากรคู้ อื ภรรยา คุกก้ี และเอ.เจ. ลูกชายทก่ี าลงั จะลมื ตาขน้ึ มาดูโลก ตดิ เชอ้ื เอชไอวี ดว้ ยหรอื ไม่ ก่อนจะโล่งอกทที่ งั้ แม่และลูกปลอดภัยดี ขณะทจี่ อหน์ สนั เองก็หาคาตอบให้ตวั เองไม่ไดว้ ่าติดเช้อื เอชไอวี มาไดอ้ ย่างไร แตป่ ฏเิ สธชดั ว่าไม่ไดเ้ ป็นพวกรกั รว่ มเพศอยา่ งทมี่ ขี า่ วลอื ออกมา 177 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร เร่ืองที่ 3 การอ่านวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็น ในระหว่างท่กี าลงั เผชญิ มรสุมชวี ติ อยู่นัน้ บุคคลสาคญั ช่วยให้สตารด์ งั มกี าลงั ใจฮดึ สู้กบั โรคเอดส์ คอื เอลซิ าเบธ็ เกลเซอร์ ภรรยาของนักแสดงดงั พอล ไมเคลิ เกลเซอร์ ท่แี มจ้ ะตกเป็นเป้าของสงั คมหลงั ตดิ เชอ้ื เอช ไอวี แตเ่ อลซิ าเบธ็ กต็ อ่ สูก้ บั โรคเอดสอ์ ย่างกล้าหาญ และยงั พลกิ วกิ ฤตให้เป็นโอกาส ดว้ ยการเปล่ยี นสถานะ จากผปู้ ่วยตดิ เชอ้ื มาเป็นนักกิจกรรมเกย่ี วกบั โรคเอดสท์ ค่ี อยใหค้ วามรเู้ ป็นวทิ ยาทานกบั คนอ่นื ซงึ่ จอหน์ สนั ได้ โทรศพั ทไ์ ปขอคาแนะนาดๆี จากเกลเซอรห์ ลายตอ่ หลายครงั้ ทกุ วนั น้ี ไม่เพยี งแตด่ ารงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งเป็นสุขเท่านัน้ แตจ่ อหน์ สนั ยงั กลายเป็นโฆษกเกี่ยวกบั โรคเอดส์ และยังเป็นเจ้าของมูลนิธิเมจิก จอห์นสนั ท่ีก่อตัง้ ข้ึนมาเพ่ือให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง คน้ คว้าวจิ ยั เกยี่ วกบั โรคเอดส์ อกี ทงั้ ยงั ร่วมมอื กบั หอ้ งแล็บ “แอ๊บบ็อตต์” เพ่อื ช่วยลดการติดเช้อื เอชไอวใี น สงั คมชาวแอฟรกิ นั -อเมรกิ า ดว้ ย “ผมมกั พูดบ่อยๆ ว่า การติดเช้อื ไวรสั มที งั้ เรอื่ งดแี ละร้าย ดตี รงทผี่ มยงั ดารงชวี ติ ไดด้ ี สามารถออกไป ไหนมาไหนเพอื่ ช่วยให้คนตระหนกั ถงึ โรคน้ไี ด้ แต่ในทางกลบั กนั พอใครๆ เหน็ ผมปกตสิ ุขดอี ยู่ พวกเขาก็จะ เบาใจข้นึ เกยี่ วกบั โรคน้ี เพราะคดิ วา่ ถา้ ตดิ เช้อื เอดสข์ น้ึ มา กค็ งจะดารงชวี ติ อยูไ่ ด้ แตห่ ารไู้ มว่ า่ มคี นป่วย 2 ลา้ น คนทกี่ าลงั จะตายดว้ ยโรคน้”ี ตลอดการใชช้ วี ติ ร่วมกบั เจา้ ไวรสั รา้ ยตวั น้ี จอหน์ สนั ดูแลตนเองอยา่ งดมี าโดยตลอด เวลาน้เี ชอ้ื ไวรสั เอช ไอวจี งึ ทาไดเ้ พยี งหลบั ใหลอย่ใู นร่างกายของเขาเท่านนั้ เคล็ดลบั ทท่ี าใหเ้ ช้อื โรคเหล่าน้ีหยุดการเจรญิ เติบโต คอื การออกกาลงั กายในทุกเชา้ และควบคุมเร่อื ง การรบั ประทานอาหาร รวมถงึ ทานยาอยา่ งเคร่งครดั วนั ละ 2 มอ้ื มอ้ื ละ 3 เมด็ จากทแ่ี ต่ก่อนตอ้ งทานยามอ้ื ละ 15 เมด็ ตอ่ วนั วนั ละหลายๆ ครงั้ แมว้ า่ จะป่วยดว้ ยโรคทค่ี นในสงั คมส่วนใหญร่ งั เกยี จ แตต่ ลอด 20 ปีทผ่ี ่านมา นักกีฬาคนดงั ไมเ่ คยหมด หวงั กบั การมชี วี ติ อยู่ ด้วยเหตผุ ลสนั้ ๆ ว่า “ผมไม่เคยคิดว่าตวั เองนอนรอวนั ตาย เพราะผมเป็นนักสู้มา ตลอด ทงั้ ชีวิต” ทมี่ า : มตชิ นสดุ สปั ดาห์ ฉบบั ประจาวนั ที่18-24 พฤศจกิ ายน 2554  เล่าเรอ่ื ง 178 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ ิจสาร เร่ืองที่ 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็  จดุ ม่งุ หมายของเร่อื ง  วเิ คราะหเ์ น้อื เร่อื ง  บรบิ ททเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เร่อื ง  ประเมนิ คณุ ค่า 179 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เร่ืองที่ 3 การอ่านวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคดิ เห็น ใบงานที่ 3.2 การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเหน็ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นเร่อื งทก่ี าหนด แลว้ นามาวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ ใหถ้ ูกตอ้ งตามลาดบั ขนั้ ตอน ตามประเดน็ ทก่ี าหนด “เมจิก จอห์นสนั ” 20 ปี ท่ีใช้ชีวิตรว่ มกบั “เชื้อเอชไอว”ี นบั ตงั้ แต่ประกาศอาลาวงการบาสเกตบอลเอน็ บเี อไปเมอ่ื วนั ท่ี 7 พฤศจกิ ายน ปี 1991 เมจกิ จอหน์ สนั ผคู้ วา้ แชมป์ เอน็ บเี อร่วมกบั แอล เอ เลกเกอรส์ 5 สมยั ยงั คงใชช้ วี ติ อย่างเป็นปกตสิ ขุ ไม่ตา่ งจากคนอน่ื ๆ สขุ เสยี จนหลายคนเกอื บลมื ไปว่า ในวนั ท่เี ขาประกาศเลกิ เล่นกฬี ายดั หว่ งทค่ี ลุกคลมี านานร่วมๆ 17 ปี นนั้ เป็นวนั เดยี วกบั ทโ่ี ลกไดร้ บั รวู้ ่า พอยต์การด์ ชอ่ื ดงั ตดิ เช้ือไวรสั เอชไอว!ี หลงั จากแถลงขา่ วใหท้ กุ คนไดท้ ราบโดยไม่ปิดบงั ว่าป่วยดว้ ยโรคเอดส์ เออรว์ นิ “เมจกิ จอหน์ สนั ” ในวยั 32 ปี ตัดสนิ ใจว่าจะอาลาวงการทนั ที เพราะแม้ว่าไม่ได้เป็นโรคทต่ี ิดต่อกนั ได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นโรครา้ ยท่ยี งั หาทางรกั ษาใหห้ ายขาดไม่ได้ ก่อนจะป่วยดว้ ยโรคน้ี อดตี เจา้ ของรางวลั ผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวพี ี) 3 สมยั เคยมอี คตกิ บั คนท่ตี ิดเช้อื เอชไอวมี ากอ่ น ดงั นนั้ เมอ่ื รแู้ น่ชดั แลว้ วา่ ตวั เองเป็นเอดส์ จงึ ยอมรบั วา่ เหมอื นกาลงั ตกอยู่ในฝันรา้ ย “มนั เป็นวนั ทส่ี น้ิ หวงั ทส่ี ุดในชวี ติ ผม รสู้ กึ ราวกบั วา่ ชวี ติ น้ไี มม่ อี ะไรแน่นอน เพราะไมม่ ใี ครบอกไดเ้ ลยว่า ผมจะมชี วี ติ อยู่จนถงึ ทกุ วนั น้ีหรอื เปล่า และผมกไ็ มม่ คี วามรเู้ กย่ี วกบั เอชไอวแี ละเอดสส์ กั เท่าไร ขณะทค่ี นอน่ื ก็ ไมไ่ ดร้ จู้ กั โรคน้ดี พี อ ทกุ คนจงึ คดิ ว่าเป็นโรคทต่ี อ้ งตายสถานเดยี ว” จอห์นสนั ราลกึ ถึงความหลงั เม่อื ครงั้ ท่ไี ด้กลบั มายนื ทส่ี นามสเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ของแอลเอ เลกเกอรส์ อกี ครงั้ ในงานฉลองครบ 20 ปี ของการอาลาสนามครงั้ แรกของตวั เอง เม่อื วนั ท่ี 7 พฤศจกิ ายนทผ่ี า่ นมา จอหน์ สนั รูว้ ่าตนเองตดิ เชอ้ื เม่อื ไดร้ บั โทรศพั ท์จากแพทยป์ ระจาทมี ไมเคลิ เมลแมน ใหก้ ลบั บา้ นด่วน ในระหวา่ งทเ่ี ตรยี มลงแขง่ บาสเกตบอลรายการพเิ ศษทซ่ี อลตเ์ ลก ซติ ้ี กบั ยูทาห์ แจซ๊ ซ์ หน่งึ สปั ดาหก์ อ่ นหนา้ ท่ี บาสเกตบอลเอน็ บเี อฤดกู าล 1991-1992 จะเปิดฉาก หลงั ไดท้ ราบขา่ วเม่อื กลบั ถงึ บ้าน เจา้ ตวั แทบไม่เช่อื หูตวั เองและขอให้มกี ารตรวจเลอื ดใหม่ถงึ 3 ครงั้ แตส่ ดุ ทา้ ยกห็ นีความจรงิ ไมพ่ น้ สงิ่ แรกทจ่ี อหน์ สนั อยากรคู้ อื ภรรยา คุกก้ี และเอ.เจ. ลูกชายทก่ี าลงั จะลมื ตาขน้ึ มาดโู ลก ตดิ เชอ้ื เอชไอวี ดว้ ยหรอื ไม่ ก่อนจะโล่งอกทที่ งั้ แม่และลูกปลอดภัยดี ขณะทจี่ อห์นสนั เองก็หาคาตอบให้ตวั เองไม่ได้ว่าติดเช้อื เอชไอวี มาไดอ้ ย่างไร แต่ปฏเิ สธชดั ว่าไมไ่ ดเ้ ป็นพวกรกั รว่ มเพศอย่างทมี่ ขี า่ วลอื ออกมา 180 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ ิจสาร เร่ืองท่ี 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เห็น ในระหว่างท่กี าลงั เผชญิ มรสุมชวี ติ อยู่นัน้ บุคคลสาคญั ช่วยให้สตารด์ งั มกี าลงั ใจฮดึ สูก้ บั โรคเอดส์ คือ เอลซิ าเบธ็ เกลเซอร์ ภรรยาของนักแสดงดงั พอล ไมเคลิ เกลเซอร์ ทแ่ี ม้จะตกเป็นเป้าของสงั คมหลงั ตดิ เชอ้ื เอช ไอวี แตเ่ อลซิ าเบธ็ ก็ต่อสกู้ บั โรคเอดสอ์ ย่างกลา้ หาญ และยงั พลกิ วกิ ฤตให้เป็นโอกาส ดว้ ยการเปล่ยี นสถานะ จากผปู้ ่วยตดิ เชอ้ื มาเป็นนกั กจิ กรรมเกย่ี วกบั โรคเอดสท์ ค่ี อยใหค้ วามรเู้ ป็นวทิ ยาทานกบั คนอน่ื ซงึ่ จอหน์ สนั ได้ โทรศพั ทไ์ ปขอคาแนะนาดๆี จากเกลเซอรห์ ลายตอ่ หลายครงั้ ทุกวนั น้ี ไม่เพยี งแต่ดารงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งเป็นสุขเท่านัน้ แตจ่ อหน์ สนั ยงั กลายเป็นโฆษกเกย่ี วกบั โรคเอดส์ และยังเป็นเจ้าของมูลนิธิเมจิก จอห์นสัน ท่ีก่อตัง้ ข้ึนมาเพ่ือให้ความรู้เก่ียวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง คน้ คว้าวิจยั เกีย่ วกบั โรคเอดส์ อีกทงั้ ยงั ร่วมมอื กบั ห้องแลบ็ “แอ๊บบ็อตต์” เพ่อื ช่วยลดการตดิ เช้อื เอชไอวีใน สงั คมชาวแอฟรกิ นั -อเมรกิ า ดว้ ย “ผมมกั พูดบ่อยๆ ว่า การติดเช้อื ไวรสั มที งั้ เรอื่ งดแี ละรา้ ย ดตี รงทผี่ มยงั ดารงชวี ติ ไดด้ ี สามารถออกไป ไหนมาไหนเพอื่ ช่วยให้คนตระหนกั ถึงโรคน้ไี ด้ แต่ในทางกลบั กนั พอใครๆ เหน็ ผมปกตสิ ุขดอี ยู่ พวกเขาก็จะ เบาใจขน้ึ เกยี่ วกบั โรคน้ี เพราะคดิ วา่ ถา้ ตดิ เช้อื เอดสข์ น้ึ มา กค็ งจะดารงชวี ติ อยูไ่ ด้ แต่หารไู้ ม่ว่ามคี นป่วย 2 ลา้ น คนทกี่ าลงั จะตายดว้ ยโรคน้”ี ตลอดการใชช้ วี ติ ร่วมกบั เจา้ ไวรสั รา้ ยตวั น้ี จอหน์ สนั ดแู ลตนเองอยา่ งดมี าโดยตลอด เวลาน้เี ชอ้ื ไวรสั เอช ไอวจี งึ ทาไดเ้ พยี งหลบั ใหลอยใู่ นรา่ งกายของเขาเท่านนั้ เคล็ดลบั ท่ที าให้เชอ้ื โรคเหล่าน้ีหยุดการเจรญิ เตบิ โต คอื การออกกาลงั กายในทุกเช้า และควบคุมเร่อื ง การรบั ประทานอาหาร รวมถงึ ทานยาอยา่ งเครง่ ครดั วนั ละ 2 มอ้ื มอ้ื ละ 3 เมด็ จากทแ่ี ต่ก่อนตอ้ งทานยามอ้ื ละ 15 เมด็ ตอ่ วนั วนั ละหลายๆ ครงั้ แมว้ ่าจะป่วยดว้ ยโรคทค่ี นในสงั คมสว่ นใหญร่ งั เกยี จ แตต่ ลอด 20 ปีทผ่ี า่ นมา นกั กีฬาคนดงั ไม่เคยหมด หวงั กบั การมชี วี ติ อยู่ ดว้ ยเหตผุ ลสนั้ ๆ ว่า “ผมไม่เคยคิดว่าตวั เองนอนรอวนั ตาย เพราะผมเป็นนักสู้มา ตลอด ทงั้ ชีวิต” ทมี่ า : มตชิ นสุดสปั ดาห์ ฉบบั ประจาวนั ที่18-24 พฤศจกิ ายน 2554  เล่าเร่อื ง เล่าถงึ การใชช้ วี ติ ของเมจกิ จอหน์ สนั อดตี นักบาสเกตบอลทมี่ ชี อื่ เสยี งของสหรฐั อเมรกิ า ทอี่ าลาวงการไปหลงั จากทที่ ราบผลการตรวจของแพทยว์ ่าเป็นโรคเอดส์ เขากลายเป็นคนทสี่ น้ิ หวงั และทอ้ แท้ แตด่ ว้ ย ความช่วยเหลอื และใหก้ าลงั ใจของเอลซิ าเบธ็ เกลเซอร์ ซงึ่ เป็นคนป่วยเช่นเดยี วกนั กบั เขา เอลซิ าเบธ็ เป็นนักกจิ กรรม เกยี่ วกบั โรคเอดสท์ ใี่ หค้ วามรูเ้ ป็นวทิ ยาทานแก่คนอนื่ ปัจจุบนั เมจกิ จอหน์ สนั เป็นโฆษกเกยี่ วกบั โรคเอดส์ และเป็น เจา้ ของมูลนธิ เิ มจกิ จอหน์ สนั ทกี่ ่อตงั้ ข้นึ มาเพอื่ ใหค้ วามรูเ้ กยี่ วกบั โรคเอดสอ์ ย่างถกู ตอ้ ง ในวนั น้เี มจกิ จอหน์ สนั ใชช้ วี ติ อยู่ในสงั คมอย่างมคี วามสุขดว้ ยการทางานใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ผูป้ ่วยโรคเอดสค์ นอนื่ ๆ เคลด็ ลบั ในการทาให้เชอ้ื โรคใน รา่ งกายของเขาหยดุ การเจรญิ เตบิ โต คอื ออกกาลงั กาย ควบคมุ อาหาร และรบั ประทานยาอยา่ งเครง่ ครดั 181 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร เรื่องท่ี 3 การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคดิ เห็น  จุดม่งุ หมายของเรอ่ื ง เป็นการนาเสนอแนวทางในการใชช้ วี ติ ของผูป้ ่วยโรคเอดส์  วเิ คราะหเ์ น้อื เรอ่ื ง เน้อื เรอื่ งเป็นการใหก้ าลงั ใจผปู้ ่วยโรคเอดส์ โดยยกตวั อยา่ งเมจกิ จอหน์ สนั นกั กฬี า บาสเกตบอลทมี่ ชี อื่ เสยี งเป็นทรี่ ูจ้ กั ของคนอเมรกิ นั เพอื่ ไมใ่ หผ้ ูป้ ่วยโรคเอดสม์ คี วามสน้ิ หวงั  บรบิ ททเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เร่อื ง การประกาศอาลาวงการกฬี าบาสเกตบอลของเมจกิ จอหน์ สนั เมอื่ 20 ปีก่อนน้ี เป็นทสี่ นใจของคนทวั่ โลก ทุกคนรูด้ วี า่ โรคเอดสไ์ มม่ ที างรกั ษาใหห้ ายได้ เป็นแลว้ ตอ้ งตาย เมอื่ เขายงั มชี วี ติ อยูอ่ ยา่ ง คนปกตทิ งั้ หลาย จงึ เป็นทนี่ ่าสนใจ เรอื่ งของเขาจงึ ถกู นามาเผยแพร่ไปทวั่ โลกเพอื่ เป็นตวั อยา่ ง  ประเมนิ คุณค่า จากเรอื่ งทยี่ กมาน้ี ใหข้ อ้ คดิ เป็นกาลงั ใจในการต่อสกู้ บั โรคเอดส์ โดยทไี่ มใ่ หส้ น้ิ หวงั ถ้าผูป้ ่วยรูจ้ กั ดูแลตวั เอง ปฏบิ ตั อิ ยา่ งถูกต้องและเครง่ ครดั 182 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองท่ี 3 การอ่านวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความคดิ เห็น  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 183 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร 1 ชวั่ โมง เรื่องที่ 4 การอ่านประเมินคณุ ค่า แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 5 การอ่านประเมินคณุ ค่า 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านจบั ใจความจากงานเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ ผเู้ รยี นตอ้ งประเมนิ ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ นับสนุน ในเร่อื งทอ่ี ่าน 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/6 ประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ทใี่ ชส้ นับสนุนในเรอ่ื งทอี่ ่าน 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มูลทใ่ี ชส้ นับสนุนในเร่อื งทอ่ี า่ นได้ 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง • การอา่ นจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เชน่ - งานเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ 3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการตคี วาม 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. รกั ความเป็นไทย 1. มวี นิ ัย 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 184 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร เร่ืองท่ี 4 การอ่านประเมินคณุ ค่า 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ และการใชข้ อ้ มูลประกอบการเขยี น 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • ผทู้ ี่จะเขียนงานเขียนเชิงสร้างสรรคต์ ้องมคี ณุ ลกั ษณะอยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 3. นักเรยี นรวมกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) แลว้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละเร่อื ง การอา่ นประเมนิ คุณคา่ จากหนังสอื เรยี น 4. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทาใบงานท่ี 3.3 เรื่อง การอา่ นประเมินคณุ ค่างานเขียนเชิงสร้างสรรค์ โดยให้ สมาชกิ ในแตล่ ะกลุ่มจบั ค่กู นั เป็น 2 คู่ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะคปู่ ฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี - สมาชกิ คนท่ี 1 อ่านโจทยค์ าถาม และเขยี นคาตอบ - สมาชกิ คนท่ี 2 เป็นฝ่ายสงั เกต ตรวจสอบคาตอบ ใหส้ มาชกิ แต่ละคเู่ ปลย่ี นบทบาทกนั ในคาถามขอ้ ตอ่ ไป 5. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ (4 คน) ใหแ้ ตล่ ะคนู่ าคาตอบของคู่ตนเองมานาเสนอใหเ้ พ่อื นอกี คู่หนงึ่ ฟัง เพอ่ื ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 6. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1 – 2 1) ใครจะเป็นผตู้ ดั สินวา่ เรือ่ งใดมีคณุ คา่ หรือไม่มคี ณุ คา่ ไดด้ ีที่สุด (ผอู้ ่าน) 2) การประเมินคณุ ค่างานเขยี น ผ้ปู ระเมินจะตอ้ งมีความรคู้ วามเชี่ยวชาญในเรื่องนัน้ หรือไม่ เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 7. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานในใบงานท่ี 3.3 หนา้ ชนั้ เรยี น 7 การวดั และประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธีการ ใบงานที่ 3.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 3.3 แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ทางาน และรกั ความเป็นไทย แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 185 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ ิจสาร เร่ืองท่ี 4 การอ่านประเมนิ คุณค่า 8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ 3) ใบงานท่ี 3.3 เรอ่ื ง การอา่ นประเมนิ คุณค่างานเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ — 186 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร เรื่องท่ี 4 การอ่านประเมินคณุ ค่า ใบความรู้ เรือ่ ง การเขยี นเชิงสร้างสรรค์ การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ หมายถงึ การเขยี นทผ่ี ูเ้ ขยี นเสนอความคดิ จนิ ตนาการดว้ ยภาษา ทข่ี ดั เกลา เหมาะสม น่าอา่ น มเี น้อื หาสาระอนั เป็นประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรคใ์ หค้ ณุ คา่ และประโยชน์แก่ส่วนรวมหลายประการ เช่น ช่วยส่งเสรมิ สตปิ ัญญา ช่วยใหผ้ ูอ้ า่ นเกดิ ความเพลดิ เพลนิ เจรญิ ใจ และยงั เป็นการดารงรกั ษาวฒั นธรรมอกี ทางหนง่ึ ดว้ ย หลกั การเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์ การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรคม์ หี ลกั การ 4 ประการ ดงั น้ี 1. ใหค้ วามคดิ ใหม่ ไม่ลอกเลยี นซ้าแบบใคร เขยี นจากภูมปิ ัญญา จนิ ตนาการของตนเอง อยา่ งแยบคาย 2. ใชภ้ าษาคมคาย กะทดั รดั อ่านเขา้ ใจงา่ ย มรี ปู แบบชดั เจน เป็นตวั อยา่ งได้ 3. เรา้ ความรูส้ กึ ผูอ้ ่าน ชวนใหต้ ดิ ตาม สรา้ งความประทบั ใจ 4. จรรโลงจติ ใจ มแี ก่นสารทเี่ ป็นประโยชน์ ก่อใหเ้ กดิ จนิ ตนาการในทางดงี าม สรรคส์ รา้ ง พฒั นาความคดิ อนั เป็น ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม แนวทางการเขยี นเรือ่ ง ทุกคนฝึกฝนได้ดว้ ยตนเอง หากมคี ณุ สมบตั ดิ งั น้ี 1. มที กั ษะ (ความชานาญ) ในการอา่ น การฟัง 2. ศกึ ษารูปแบบของการเขยี นทกุ ประเภทใหม้ ากทส่ี ดุ เท่าทจ่ี ะมากได้ 3. เขยี นดว้ ยใจในงานทกุ ชน้ิ ประเภทของการเขียนเชิงสรา้ งสรรค์ งานเขยี นเชงิ สรา้ งสรรคแ์ บง่ เป็น 2 ประเภท คอื ประเภทรอ้ ยแกว้ และประเภทรอ้ ยกรอง การเขยี นบทรอ้ ยกรองเชิงสรา้ งสรรค์ การเขยี นบทรอ้ ยกรองเชงิ สรา้ งสรรคไ์ ม่ว่าในรปู ใดตอ้ งคานงึ ถงึ ลกั ษณะสาคญั 3 ประการ คอื 1. มจี นิ ตนาการ ผูเ้ ขยี นตอ้ งใชจ้ นิ ตนาการหรอื ความคดิ ของตนเองเขยี นใหผ้ ูอ้ า่ น เกดิ ความคดิ คลอ้ ยตามตนจนได้ 2. สานวนภาษาดี ผูเ้ ขยี นต้องรูจ้ กั เลอื กเฟ้นถอ้ ยคามาเรยี บเรยี งใหช้ ดั เจน เขา้ ใจ ไพเราะ สละสลวย กระทบ อารมณ์ผูอ้ ่านและตคี วามหมายตามทผี่ ูเ้ ขยี นต้องการได้ 3. มคี ุณค่าด้านจติ ใจ สตปิ ัญญา ผูอ้ ่านอ่านแลว้ เกิดความคดิ ความรูส้ กึ ทจี่ ะจรรโลง ความดงี ามและมองโลกในแงด่ ี นอกจากน้งี านนนั้ ควรเป็นความคดิ รเิ รม่ิ จากผูเ้ ขยี นเอง คอื ไมล่ อกเลยี นแบบใครดว้ ย เม่อื เป็นเช่นน้ี งานเขยี น รอ้ ยแกว้ กด็ ี รอ้ ยกรองกด็ ี ย่อมนาลกั ษณะทกี่ ลา่ วน้ไี ปใชไ้ ดท้ งั้ สน้ิ โดยไมม่ ขี ดี จากดั เพอ่ื สรา้ งผลงานการเขยี นเชงิ สรา้ งสรรคข์ องตนขน้ึ มาในโลกแห่งหนงั สอื ได้ ซง่ึ ในทีน่ ้จี ะไม่กล่าวถงึ วธิ กี ารแต่งบทรอ้ ยกรองประเภทต่างๆ ซ้าอกี เน่อื งจากไดก้ ล่าวไวแ้ ลว้ ในเร่อื งน้ี ทงั้ น้ถี า้ ผเู้ รยี นรูห้ ลกั การเขยี นบทรอ้ ยกรองเชงิ สรา้ งสรรค์ ผเู้ ขยี นกจ็ ะสามารถ นาหลกั การน้ีไปใชก้ บั บทรอ้ ยกรองไดท้ กุ ประเภท ทมี่ า : http://www.enfe.go.th/enfe_2548/thai/thai02/thai23030.html 187 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เร่ืองที่ 4 การอ่านประเมินคุณค่า ใบงานท่ี 3.3 การอ่านประเมินคณุ คา่ งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นอ่านและประเมนิ คณุ คา่ ตามประเดน็ ทก่ี าหนด คิดถึงแม่ (นภิ า บางยขี่ นั ) แม่จ๋า น้ามนั บา่ ขน้ึ ทกุ วนั เกอื บชนั้ สอง อย่าใจเยน็ มวั แตน่ งั่ แลมอง ทงั้ ขา้ วของแสนรกั กเ็ กบ็ แลว้ อยา่ มวั ห่วงสมบตั พิ สั ถาน บา้ นคอื บา้ นของเรายงั เนาแน่ว ไม่ใชค่ นทง้ิ แผน่ ดนิ ทง้ิ ถน่ิ แนว พอน้าลดกไ็ มแ่ คลว้ กลบั คนื เรอื น สงสารลูกจะหว่ งหาละลา้ ละลงั สงสารหลานจะคราญคลงั่ เพราะขาดเพอ่ื น อาหารทแ่ี ม่เตรยี มไวใ้ ชแ้ รมเดอื น ตดั น้าไฟไปกเ็ หมอื นชพี เลอ่ื นลอย น้าทะลกั บา่ แลว้ ทรงอยู่คงท่ี ปฏกิ ลู ลน้ ปรไ่ี มม่ ถี อย ทงั้ โลกมดื น้าเน่าตอ้ งเฝ้าคอย จระเขม้ ไี ม่นอ้ ยคอยทายทกั สงสารคนเขาเสย่ี งชพี เขา้ มาชว่ ย ใหโ้ อกาสคนป่วยอาการหนกั รถทหารปีนยากสงู มากนกั ผดิ ภาพลกั ษณล์ ูกแลแมเ่ คยเป็น แม่จ๋า อนิ เตอรเ์ น็ตเจรจาแลกคดิ เหน็ ตเู้ ยน็ ยกั ษเ์ ขายงั ยกไมย่ ากเยน็ ทแ่ี สนเขญ็ กม็ แี ตแ่ มค่ นเดยี ว (ทมี่ า : มตชิ นสดุ สปั ดาห์ ฉบบั วนั ที่18-24 พฤศจกิ ายน 2554)  เน้ือหา และองคป์ ระกอบของเน้อื หา 188 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินจิ สาร เร่ืองท่ี 4 การอ่านประเมนิ คณุ ค่า  ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู  คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์  แนวคดิ ของเร่อื ง 189 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร เรื่องที่ 4 การอ่านประเมนิ คุณค่า ใบงานที่ 3.3 การอ่านประเมินคณุ คา่ งานเขียนเชิงสร้างสรรค์ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอ่านและประเมนิ คณุ ค่า ตามประเดน็ ทก่ี าหนด คิดถงึ แม่ (นภิ า บางยขี่ นั ) แมจ่ ๋า น้ามนั บา่ ขน้ึ ทกุ วนั เกอื บชนั้ สอง อย่าใจเยน็ มวั แตน่ งั่ แลมอง ทงั้ ขา้ วของแสนรกั กเ็ กบ็ แลว้ อยา่ มวั หว่ งสมบตั พิ สั ถาน บา้ นคอื บา้ นของเรายงั เนาแน่ว ไมใ่ ชค่ นทง้ิ แผ่นดนิ ทง้ิ ถนิ่ แนว พอน้าลดกไ็ มแ่ คลว้ กลบั คนื เรอื น สงสารลกู จะหว่ งหาละลา้ ละลงั สงสารหลานจะคราญคลงั่ เพราะขาดเพอ่ื น อาหารทแ่ี มเ่ ตรยี มไวใ้ ชแ้ รมเดอื น ตดั น้าไฟไปกเ็ หมอื นชพี เลอ่ื นลอย น้าทะลกั บา่ แลว้ ทรงอยคู่ งท่ี ปฏกิ ลู ลน้ ปรไ่ี มม่ ถี อย ทงั้ โลกมดื น้าเน่าตอ้ งเฝ้าคอย จระเขม้ ไี มน่ อ้ ยคอยทายทกั สงสารคนเขาเสย่ี งชพี เขา้ มาช่วย ใหโ้ อกาสคนป่วยอาการหนกั รถทหารปีนยากสงู มากนกั ผดิ ภาพลกั ษณล์ ูกแลแมเ่ คยเป็น แม่จ๋า อนิ เตอรเ์ นต็ เจรจาแลกคดิ เหน็ ตเู้ ยน็ ยกั ษ์เขายงั ยกไมย่ ากเยน็ ทแ่ี สนเขญ็ กม็ แี ต่แมค่ นเดยี ว (ทมี่ า : มตชิ นสดุ สปั ดาห์ ฉบบั วนั ที่18-24 พฤศจกิ ายน 2554)  เน้อื หา และองคป์ ระกอบของเนอ้ื หา เน้อื หาในบทกวี เรอื่ ง คดิ ถงึ แม่ ของ นิภา บางยขี่ นั เป็นเรอื่ งในครอบครวั ของผูป้ ระสบอุทกภยั กวไี ดเ้ ล่าถงึ แมผ่ ู้ ยดึ ตดิ อยู่กบั บา้ นทอี่ ยอู่ าศยั ไม่ยอมอพยพไป ทงั้ ๆ ทนี่ ้ากาลงั ท่วมสงู ขน้ึ จนถงึ ชนั้ 2 ของตวั บา้ น ซงึ่ เป็นปัญหาหนกั ใจ ของลกู 190 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินจิ สาร เร่ืองที่ 4 การอ่านประเมินคุณค่า  ความถกู ตอ้ งของขอ้ มูล ขอ้ มลู ทใี่ ชเ้ ขยี นในเรอื่ งน้เี ป็นขอ้ เทจ็ จรงิ ซงึ่ มคี วามถูกต้อง สมบรู ณ์ ผูท้ ตี่ ดิ ตามขา่ วเมือ่ เกดิ อทุ กภยั ครงั้ ใหญ่ 2544 จะคนุ้ เคยกบั สภาพน้ี กวไี ดน้ าภาพเหตุการณ์ครงั้ นนั้ มาถ่ายทอดใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจน  คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ กวใี ชค้ าทเี่ ขา้ ใจงา่ ย มคี วามหมายตรงตวั ทาใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ สอื่ ความคดิ ความรูส้ กึ และอารมณ์ ไดด้ งั น้ี 1) การใชค้ าเล่นเสยี งสมั ผสั เชน่ หว่ ง – หา ละลา้ – ละลงั และสมั ผสั สระ เชน่ น้อย – คอย 2) กวเี ปรยี บเทยี บความยุ่งยากในการเคลอื่ นยา้ ยของหนนี ้า เช่น การเคลอื่ นยา้ ยตเู้ ยน็ ขนาดยกั ษ์กไ็ ม่ยากเท่ายา้ ย แม่เพยี งคนเดยี วออกจากบา้ น  แนวคดิ ของเรอ่ื ง แนวคดิ ทปี่ รากฏในเรอื่ งน้ี คอื การยดึ ตดิ กบั บา้ นทอี่ ยูอ่ าศยั ของผูส้ งู วยั ทงั้ ทอี่ นั ตรายจากน้าท่วมกาลงั จะเกดิ ขน้ึ ลูกวงิ วอนขอรอ้ งใหแ้ ม่อพยพออกจากบา้ น อยา่ อยูใ่ หเ้ ป็นภาระของผูอ้ นื่ ทตี่ ้องเสยี่ งภยั เขา้ มาชว่ ยเหลอื 191 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 4 การอ่านประเมินคุณค่า  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 192 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร 1 ชวั่ โมง เร่ืองท่ี 5 การแสดงความคดิ เหน็ โต้แย้ง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 การแสดงความคิดเหน็ โต้แย้ง (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านจบั ใจความจากขา่ วและเหตกุ ารณ์สาคญั ผเู้ รยี นตอ้ งวจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความและ ความเป็นไปไดข้ องเรอ่ื ง วเิ คราะหเ์ พอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/7 วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเร่อื ง ม.3/8 วเิ คราะหเ์ พ่อื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทอี่ ่าน 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเรอ่ื งได้ 2) วเิ คราะหเ์ พอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เร่อื งทอ่ี ่านได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง • การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น - ขา่ วและเหตุการณส์ าคญั 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการตคี วาม 2) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 193 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินิจสาร เรื่องที่ 5 การแสดงความคดิ เห็นโต้แย้ง 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 4. รกั ความเป็นไทย 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นรวมกลุม่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) แลว้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง การเขยี นโตแ้ ยง้ จากหนังสอื เรยี น 2. นกั เรยี นแตล่ ะคนอา่ นเรอ่ื ง พยากรณป์ ระเทศไทย เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2555 แลว้ ใหน้ กั เรยี นสงั เกต รบั รู้ และพจิ ารณาคา ขอ้ ความ จากเรอ่ื ง จากนนั้ ร่วมกนั สรปุ ใจความสาคญั 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  การโต้แยง้ เป็นผลดีหรอื ผลเสียอยา่ งไรต่องานเขียน (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 4. นักเรยี นรวมกลุ่มเดมิ เพอ่ื อธบิ ายหรอื ตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ เหน็ ดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั เรอ่ื ง ทอ่ี ่าน เนน้ การใหเ้ หตุผลดว้ ยหลกั การ กฎเกณฑ์ อา้ งหลกั ฐานขอ้ มลู ใหน้ ่าเช่อื ถอื 5. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1 – 2 1) จากเรื่องพยากรณ์ประเทศไทย เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2555 แสดงให้เหน็ ถึงความเช่ือในเรอ่ื งใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 2) ความเชื่อในเร่ืองนี้อย่ใู นวิถชี ีวิตของคนไทยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน) 6. นักเรยี นแต่ละคนแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ฟังความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งจากความเหน็ ของตน ไดฟ้ ังและ ตอบคาถามตามความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างกนั เนน้ การปรบั เปลย่ี นความคดิ อยา่ งมเี หตผุ ลไม่ใชอ้ ารมณ์ หรอื ถอื ความคดิ ของตนเป็นใหญ่ 7. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  การรบั ฟังความคิดเหน็ ของผ้อู ืน่ เป็นการทางานตามวิธีใด (เป็นการทางานตามหลกั ประชาธปิ ไตย) 194 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร เร่ืองที่ 5 การแสดงความคดิ เห็นโต้แย้ง 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และรกั ความเป็นไทย 8 สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) พยากรณ์ประเทศไทย เดอื นกุมภาพนั ธ์ 2555 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ — ก า ร ป ร ะ เ มิ น ช้ ิ น ง า น / ภ า ร 195 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินิจสาร เรื่องที่ 5 การแสดงความคิดเหน็ โต้แย้ง เอกสารประกอบการสอน พยากรณ์ประเทศไทย เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2555 น้าป่าไหลหลากจากภาคเหนือลงมาทาลายทุกอย่างทขี่ วางหน้า เกดิ แผ่นดนิ ไหวครงั้ ใหญ่ในกรงุ เทพฯ บา้ นเมอื งโกลาหล เกดิ แผ่นดินไหวครงั้ รา้ ยแรงในประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย วดั แรงสนั่ สะเทอื นไดถ้ งึ 9 รกิ เตอร์ ศูนยก์ ลางแผ่นดนิ ไหว อยู่ห่างจากเมอื งหลวงของประเทศไปทางเหนือราว 10 กิโลเมตร และลกึ ลงไปใต้ดนิ ราว 15 กโิ ลเมตร แรงสนั่ สะเทือน สง่ ผลให้อาคารบ้านเรอื นประชาชนไดร้ บั ความเสยี หายจานวนมาก ระดบั ความเสยี หายครงั้ น้เี ลวรา้ ยกว่ามหนั ตภยั สนึ ามิ เมอ่ื ปี 2547 มผี ูเ้ สยี ชวี ติ จากแผน่ ดนิ ไหวจานวนมากมายนับไมถ่ ว้ นและประชาชนกว่าลา้ นคนตอ้ งไรท้ อ่ี ยู่อาศยั ไขห้ วดั นกและไขห้ วดั ใหญ่จะยอ้ นมาใหม่ และรนุ แรงกวา่ เดมิ หลายเทา่ ตวั เรอื สาราญทะเลอนั ดามนั ลม่ ชนหนิ ใตน้ ้าเกาะพพี ี คนโดยสาร 500 คนเสยี ชวี ติ พระอลชั ชลี วงโลกทม่ี ชี อ่ื เสยี งถกู จบั สกึ ศลี ธรรมเสอ่ื มโทรม ทมี่ า : นิตยสารสกุลไทย รายสปั ดาห์ ฉบบั ที่2983 196 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 5 การแสดงความคดิ เห็นโต้แย้ง  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 197 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ จิ สาร 1 ชวั่ โมง เร่ืองท่ี 5 การแสดงความคดิ เหน็ โต้แย้ง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 7 การแสดงความคิดเหน็ โต้แย้ง (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านจบั ใจความจากขา่ วและเหตกุ ารณ์สาคญั ผเู้ รยี นตอ้ งวจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความและ ความเป็นไปไดข้ องเรอ่ื ง วเิ คราะหเ์ พอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/7 วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเร่อื ง ม.3/8 วเิ คราะหเ์ พ่อื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทอี่ ่าน 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเรอ่ื งได้ 2) วเิ คราะหเ์ พอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เร่อื งทอ่ี ่านได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง • การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ต่างๆ เช่น - ขา่ วและเหตุการณส์ าคญั 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการตคี วาม 2) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 198 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร เร่ืองท่ี 5 การแสดงความคดิ เหน็ โต้แย้ง 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 4. รกั ความเป็นไทย 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลงึ ของสง่ิ ตา่ งๆ ในเรอ่ื ง พยากรณ์ประเทศไทย เดอื นกุมภาพนั ธ์ 2555 (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6) แลว้ จดั กลุ่มสงิ่ ทเ่ี ป็น พวกเดยี วกนั หาเหตผุ ลหรอื กฎเกณฑม์ าเช่อื มโยงในลกั ษณะอปุ มาอุปมยั 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  การเขยี นแบบอปุ มาอปุ มยั เป็นการเขียนโดยวิธีใด (การเขยี นเปรยี บเทยี บ) 3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหเ์ ร่อื ง พยากรณ์ประเทศไทย เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2555 โดยจาแนกหา ขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย สว่ นดี ส่วนเสยี ส่วนสาคญั หรอื สว่ นทไ่ี มส่ าคญั จากเรอ่ื งดว้ ยการยกเหตุผลและหลกั ฐาน ประกอบ เช่น บอกวา่ การเขยี นเรอ่ื งนนั้ เหมาะสมหรอื ไม่เหมาะสม เพราะอะไร 4. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  นกั เรยี นคิดว่า ผเู้ ขยี นเรื่องนี้น่าจะไม่มคี วามร้ใู นเรือ่ งใด (ความรเู้ กยี่ วกบั ภูมศิ าสตร)์ 5. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั พจิ ารณาขอ้ มลู ตา่ งๆ ทเ่ี ชอ่ื มโยงเกย่ี วขอ้ งกนั แลว้ สรุปผลอยา่ งตรงไปตรงมา ตามหลกั ฐานขอ้ มลู เช่น เร่อื งพยากรณป์ ระเทศไทย เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2555 นนั้ นกั เรยี นเหน็ ว่าเป็น สง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ งหรอื ไม่ ถา้ เหน็ ดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ย นกั เรยี นควรประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ ย่างไร มเี หตผุ ลสนับสนุน อย่างไร ขอ้ ความทก่ี ล่าวมานนั้ เชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร 6. นกั เรยี นร่วมกนั เขยี นสรปุ ความคดิ เหน็ แลว้ สง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอทห่ี นา้ ชนั้ เรยี น 7. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3  ครมู อบหมายให้นักเรยี นเลอื กข่าวที่นกั เรยี นสนใจ 1 ข่าว มาเขียนแสดงความคิดเหน็ โต้แยง้ โดยใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ ตามทกี่ าหนด ดงั น้ี 1) การระบุใจความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มลู ทสี่ นบั สนุนจากเรอื่ งทอี่ ่าน 2) การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอื่ งทอี่ า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ 3) การประเมนิ ความถกู ต้องของขอ้ มูลทใี่ ชส้ นับสนุนในเรอื่ งทอี่ า่ น 4) การวจิ ารณ์ความสมเหตสุ มผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเรอื่ ง 5) การวเิ คราะหเ์ พอื่ แสดงความคดิ เหน็ โต้แยง้ เกยี่ วกบั เรอื่ งทอี่ า่ น 199 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร เรื่องท่ี 5 การแสดงความคิดเหน็ โต้แย้ง 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และรกั ความเป็นไทย ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ โต้แยง้ แบบประเมนิ การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ เกยี่ วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น โต้แยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทอี่ า่ น 8 สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ - พยากรณป์ ระเทศไทย เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2555 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ — 200 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวนิ ิจสาร เรื่องท่ี 5 การแสดงความคิดเหน็ โต้แย้ง การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการเขยี นแสดงความคิดเหน็ โต้แย้งเกี่ยวกบั เรื่องท่ีอ่าน ลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 การระบุใจความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มลู ทส่ี นบั สนุนจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น 2 การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอ่ื งทอ่ี ่าน โดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ 3 การประเมนิ ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ นับสนุน ในเร่อื งทอ่ี ่าน 4 การวจิ ารณ์ความสมเหตสุ มผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเร่อื ง 5 การวเิ คราะหเ์ พ่อื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกยี่ วกบั เร่อื งทอ่ี ่าน รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ดมี าก = 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ดี = 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก พอใช้ = 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปรบั ปรงุ = 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 201 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวนิ จิ สาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 5 การแสดงความคดิ เห็นโต้แย้ง  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 202 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การอ่านวินิจสาร เรื่องที่ 5 การแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง ชอ่ื หนังสอื ราคา ช่อื ผูแ้ ตง่ แบบบนั ทึกการอ่าน สานักพมิ พ์ สถานทพี่ มิ พ์ จานวนหน้า บาท อา่ นวนั ที่ เดอื น นามปากกา ปีทพี่ มิ พ์ พ.ศ. เวลา 1. สาระสาคญั ของเรอ่ื ง 2. วเิ คราะหข์ อ้ คดิ /ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากเร่อื งทอ่ี ่าน 3. สง่ิ ทส่ี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 4. ขอ้ เสนอแนะของครู ลงชอ่ื นกั เรยี น ลงช่อื ผปู้ กครอง ( )( ) ลงช่อื ครผู สู้ อน () เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมีความสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมีข้อบกพรอ่ งเพยี งเลก็ น้อย ให้ 3 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 203 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การอ่านวินจิ สาร เร่ืองที่ 5 การแสดงความคดิ เหน็ โต้แย้ง แบบประเมิน การนาเสนอผลงาน คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน ประเมนิ การนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทก่ี าหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 นาเสนอเน้อื หาในผลงานไดถ้ กู ตอ้ ง 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเน้อื เรอ่ื ง 3 การนาเสนอมคี วามน่าสนใจ 4 การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงช่อื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีขอ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 204 หลกั ภาษาฯ ม.3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook