Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

Published by pm.punnatat, 2022-08-16 09:58:56

Description: แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพ่อื การส่ือสาร 1 เร่ืองที่ 1 การเขียนในโอกาสต่างๆ 4. “การดแู ลสขุ ภาพเป็นสง่ิ ทด่ี สี าหรบั ทกุ คน แนท-ซี 1 เมด็ ใหว้ ติ ามนิ ซี 1,000 มลิ ลกิ รมั ” นักเรยี นคดิ ว่าโฆษณาสนิ คา้ ดงั กล่าว จะปรบั ปรงุ อยา่ งไรใหเ้ รา้ ใจผู้อ่าน 5. ใหน้ กั เรยี นเขยี นบทพดู สนุ ทรพจน์ในหวั ขอ้ “ราชาเป็นสงา่ แห่งแควน้ ” ใชเ้ วลาพดู 3 นาที 255 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพ่อื การส่ือสาร 1 เรื่องที่ 1 การเขยี นในโอกาสต่างๆ ใบงานที่ 5.1 การเขียนข้อความตามสถานการณ์และโอกาส คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามทก่ี าหนด 1. นกั เรยี นคดิ ว่า คาอวยพรต่อไปน้ีเขยี นถูกตอ้ งตามหลกั การเขยี นหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ถา้ ไมถ่ กู ตอ้ ง ใหน้ ักเรยี นแกไ้ ข ในวโรกาสวนั ขน้ึ ปีใหมข่ อใหค้ ุณครมู คี วามสุขความเจรญิ พรงั่ พรอ้ มเกยี รตยิ ศทรพั ยส์ นิ และเงนิ ตรา เป็นทพ่ี ง่ึ พาของลกู ศษิ ยต์ ลอดไป 2. ใหน้ ักเรยี นเขยี นคาขวญั รณรงคใ์ หเ้ ดก็ ไทยอา่ นไทย เขยี นไทยใหถ้ ูกวธิ ี 3. ใหน้ กั เรยี นเขยี นคาคมเกย่ี วกบั การใชช้ วี ติ ในสงั คมไทยปัจจุบนั (พจิ ำรณำตำมคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 256 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพ่อื การส่ือสาร 1 เรื่องท่ี 1 การเขียนในโอกาสต่างๆ 4. “การดแู ลสุขภาพเป็นสง่ิ ทด่ี สี าหรบั ทกุ คน แนท-ซี 1 เมด็ ใหว้ ติ ามนิ ซี 1,000 มลิ ลกิ รมั ” นักเรยี นคดิ วา่ โฆษณาสนิ คา้ ดงั กลา่ ว จะปรบั ปรุงอยา่ งไรใหเ้ รา้ ใจผู้อา่ น 5. ใหน้ ักเรยี นเขยี นบทพดู สนุ ทรพจน์ในหวั ขอ้ “ราชาเป็นสงา่ แหง่ แควน้ ” ใชเ้ วลาพดู 3 นาที (พจิ ำรณำตำมคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 257 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพอ่ื การสื่อสาร 1 แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องท่ี 1 การเขยี นในโอกาสต่างๆ  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหำของนักเรยี นเป็นรำยบคุ คล (ถ้ำม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 258 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพื่อการส่ือสาร 1 1 ชวั่ โมง เรื่องท่ี 2 การเขยี นชีวประวัตแิ ละอัตชีวประวัติ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 การเขียนชีวประวตั ิและ อตั ชีวประวตั ิ (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นชวี ประวตั ิ หรอื อตั ชวี ประวตั โิ ดยเล่าเหตกุ ารณ์ ขอ้ คดิ เหน็ และทศั นคตใิ นเร่อื งต่างๆ ตอ้ งมี ความรใู้ นหลกั การเขยี นและมมี ารยาทในการเขยี น 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.3/3 เขยี นชวี ประวตั หิ รอื อตั ชวี ประวตั โิ ดยเลา่ เหตุการณ์ ขอ้ คดิ เห็น และทศั นคตใิ นเรอ่ื งต่างๆ ม.3/10 มมี ารยาทในการเขยี น 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) เขยี นชวี ประวตั หิ รอื อตั ชวี ประวตั โิ ดยเลา่ เหตกุ ารณ์ ขอ้ คดิ เหน็ และทศั นคตใิ นเรอ่ื งตา่ งๆ ได้ 2) มมี ารยาทในการเขยี น 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) การเขยี นอตั ชวี ประวตั หิ รอื ชวี ประวตั ิ 2) มารยาทในการเขยี น 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการประเมนิ 1) ทกั ษะการสารวจคน้ หา 3) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 259 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพือ่ การสื่อสาร 1 เรื่องท่ี 2 การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นศกึ ษาความรูเ้ ร่อื ง การเขยี นอตั ชวี ประวตั หิ รอื ชวี ประวตั ิ จากหนงั สอื เรยี น 2. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ การเขยี นอตั ชวี ประวตั หิ รอื ชวี ประวตั นิ นั้ เขยี นอยา่ งไร 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • นักเรยี นคิดวา่ ผ้เู ขยี นอตั ชีวประวตั ิได้ดี ต้องเป็นบคุ คลประเภทใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 4. นักเรยี นฝึกเขยี นอตั ชวี ประวตั ติ ามตวั อยา่ ง จากหนังสอื เรยี น โดยเขยี นทลี ะขนั้ ตอน 5. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • การเขยี นตามตวั อย่างเป็นผลดีต่อนกั เรียนอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 6. นักเรยี นสนทนากบั เพอ่ื นสนทิ ในหอ้ งเรยี นเพอ่ื หาขอ้ มลู ทจ่ี ะนามาใชใ้ นการเขยี นชวี ประวตั ิ 7. นกั เรยี นฝึกเขยี นชวี ประวตั ขิ องเพอ่ื นสนทิ โดยไมต่ อ้ งดูตวั อย่าง 7 การวดั และประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมนั่ ในการทางาน 8 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ - หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 8.2 แหล่งการเรียนรู้ - เพ่อื นสนทิ ในหอ้ งเรยี น 260 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพอ่ื การสื่อสาร 1 แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 2 การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 261 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพื่อการส่ือสาร 1 1 ชวั่ โมง เรื่องท่ี 2 การเขยี นชีวประวัตแิ ละอัตชีวประวัติ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 3 การเขียนชีวประวตั ิและ อตั ชีวประวตั ิ (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นชวี ประวตั ิ หรอื อตั ชวี ประวตั โิ ดยเล่าเหตกุ ารณ์ ขอ้ คดิ เหน็ และทศั นคตใิ นเร่อื งต่างๆ ตอ้ งมี ความรใู้ นหลกั การเขยี นและมมี ารยาทในการเขยี น 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.3/3 เขยี นชวี ประวตั หิ รอื อตั ชวี ประวตั โิ ดยเลา่ เหตุการณ์ ขอ้ คดิ เห็น และทศั นคตใิ นเรอ่ื งต่างๆ ม.3/10 มมี ารยาทในการเขยี น 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) เขยี นชวี ประวตั หิ รอื อตั ชวี ประวตั โิ ดยเลา่ เหตกุ ารณ์ ขอ้ คดิ เหน็ และทศั นคตใิ นเรอ่ื งตา่ งๆ ได้ 2) มมี ารยาทในการเขยี น 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง 1) การเขยี นอตั ชวี ประวตั หิ รอื ชวี ประวตั ิ 2) มารยาทในการเขยี น 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการประเมนิ 1) ทกั ษะการสารวจคน้ หา 3) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 262 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพ่ือการส่ือสาร 1 เรื่องที่ 2 การเขียนชีวประวตั แิ ละอัตชีวประวตั ิ 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นช่วยกนั บอกขนั้ ตอนการเขยี นอตั ชวี ประวตั หิ รอื ชวี ประวตั ิเพ่อื ทบทวนความรเู้ ดมิ 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • การเขียนชีวประวตั ิต่างจากการเขียนอตั ชีวประวตั ิอยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 3. นกั เรยี นคดั เลอื กญาตผิ ใู้ หญท่ ต่ี นเคารพนับถอื มา 1 ทา่ น แลว้ สอบถามขอ้ มลู เกยี่ วกบั ประวตั ขิ องทา่ น จากตวั ทา่ นเองหรอื พอ่ แม่ ผปู้ กครอง (ครคู วรใหน้ กั เรยี นไปสอบถามขอ้ มลู มาล่วงหนา้ ) 4. นักเรยี นนาขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสอบถามมาเขยี นชวี ประวตั ขิ องญาตผิ ใู้ หญ่ท่ตี นเคารพนบั ถอื โดยให้ นกั เรยี นปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองตามขนั้ ตอนทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจนเกดิ ความชานาญ 5. นักเรยี นจบั ค่กู บั เพอ่ื นทน่ี งั่ ใกลก้ นั แลว้ แลกเปลย่ี นกนั อ่านชวี ประวตั ขิ องญาตผิ ใู้ หญ่ของตน 6. ครสู ่มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมาอา่ นชวี ประวตั ขิ องญาติผใู้ หญ่ทต่ี นเคารพนับถอื หนา้ ชนั้ เรยี น จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทกุ คนรวบรวมผลงานสง่ ครู 7. ครตู รวจประเมนิ ผลงานการเขยี นชวี ประวตั ขิ องญาตผิ ใู้ หญ่ของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล 7 การวดั และประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ – 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ - ญาตผิ ใู้ หญท่ เ่ี คารพนบั ถอื 263 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพอ่ื การสื่อสาร 1 แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 2 การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 264 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพือ่ การส่ือสาร 1 1 ชวั่ โมง เรื่องท่ี 3 การเขียนย่อความ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 4 การเขียนยอ่ ความ (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นยอ่ ความจากส่อื ต่างๆ ตอ้ งมคี วามรเู้ กยี่ วกบั หลกั การเขยี นและมมี ารยาทในการเขยี น 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/4 เขยี นยอ่ ความ ม.3/10 มมี ารยาทในการเขยี น 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) เขยี นยอ่ ความได้ 2) มมี ารยาทในการเขยี น 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การเขยี นยอ่ ความจากส่อื ตา่ งๆ เช่น นิทาน ประวตั ิ ตานาน สารคดที างวชิ าการ พระราชดารสั พระบรมราโชวาท จดหมายราชการ 2) มารยาทในการเขยี น 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 3) ทกั ษะการสรปุ ยอ่ 5) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 265 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพือ่ การส่ือสาร 1 เรื่องท่ี 3 การเขยี นย่อความ 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การเขยี นยอ่ ความ 2. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั บทความในหนา้ หนังสอื พมิ พไ์ ทยโพสต์ เม่อื วนั ท่ี 30 กรกฎาคม 2554 วา่ ราชบณั ฑติ ยสถานหว่ งใยเดก็ ไทย ยอ่ ความไม่เป็น 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • นกั เรยี นคิดว่า การย่อความไม่เป็นน่าจะมสี าเหตมุ าจากอะไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 4. นักเรยี นศกึ ษาความรูเ้ รอ่ื ง การเขยี นยอ่ ความ จากหนังสอื เรยี น 5. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • การเขยี นย่อความมคี วามสาคญั อยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 6. นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายความรเู้ รอ่ื ง การเขยี นย่อความทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ 7. นกั เรยี นทาใบงานที่ 5.2 เร่อื ง หลกั การเขียนยอ่ ความ เมอ่ื ทาใบงานเสรจ็ แลว้ ใหน้ าสง่ ครูตรวจ 7 การวดั และประเมินผล เครอื่ งมือ เกณฑ์ วิธีการ ใบงานท่ี 5.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 5.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ตวั อยา่ งบทความ 3) ใบงานท่ี 5.2 เร่อื ง หลกั การเขยี นยอ่ ความ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ – 266 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพอ่ื การสื่อสาร 1 เรื่องที่ 3 การเขียนย่อความ เอกสารประกอบการสอน บทความ “ราชบณั ฑิตยสถาน ห่วงเดก็ ไทย ยอ่ ความไมเ่ ป็น” ราชบณั ฑิตยสถานชี้เดก็ ไทยไมร่ ้จู กั ย่อความ หรือการจบั ใจความสาคญั อาจเป็นเพราะหลกั สูตรยุคใหม่ ไม่ได้สอน \"ชวน หลกี ภยั \" ติงส่ือไม่ควรใช้ภาษาองั กฤษเป็นช่ือสถานีโทรทศั น์หรือรายการ ยกตวั อยา่ ง ไอทีวหี รอื โมเดิรน์ ไนน์ทีวี ห่วงภาษาถิ่นหายไป วอนราชบณั ฑิตฯ ช่วยกอบก้กู ลบั มา จากการจดั งาน \"วันภาษาไทยแห่งชาติ 29 กรกฎาคม 2554\" ณ ราชบัณฑติ ยสถาน สนามเสอื ป่ า กรุงเทพฯ ศ.ธานินทร์ กรยั วเิ ชยี ร องคมนตรี กล่าวตอนหน่ึงในการเปิดงานว่า การปลุกจติ สานึกและกระตุ้นคนไทยให้ตระหนักใน คณุ คา่ และเหน็ ความสาคญั ของภาษาไทยมคี วามชดั เจนตงั้ แต่ทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั *เสด็จพระราชดาเนนิ ไปรว่ ม ประชุมทางวชิ าการของชุมนุมภาษาไทย คณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาฯ เม่อื ปี 2505 และได้พระราชทานกระแสพระราชดาริ หลายประการเกยี่ วกบั ปัญหาการใชภ้ าษาไทย ทาใหว้ งการศกึ ษาโดยเฉพาะดา้ นภาษาไทยพยายามกระตุ้นใหค้ นในชาติ ตระหนักในความสาคญั ของภาษาไทย และช่วยกนั บารงุ รกั ษาให้วฒั นาถาวรทนั กบั ยุคสมยั ที่เทคโนโลยเี จรญิ กา้ วหน้าไป อยา่ งรวดเรว็ นอกจากน้ียงั ทรงหว่ งใยเรอ่ื งภาษาถน่ิ โดยมพี ระราชดารสั วา่ ต้องระวงั รกั ษาไวใ้ หด้ ี เพราะเป็นแหลง่ ท่ีจะไป ศกึ ษาภาษาไดโ้ ดยแท้ น.ส.กนกวลี ชูชยั ยะ เลขาธิการราชบณั ฑติ ยสถาน กล่าวว่า การใช้ภาษาไทยคาองั กฤษคานัน้ เป็นเร่ืองของ ภาษาท่ีมีวิวฒั นาการ มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลาดบั แต่ความถกู ต้องตามหลกั การของภาษาหรือภาษาทางการ ยงั ต้องมีอยู่ จะต้องไม่นาภาษาพดู มาใช้เป็ นภาษาทางการ ซ่ึงปัจจุบนั ราชบณั ฑิตยสถานกาลงั รณรงคเ์ รอื่ งการใช้ ภาษาไทยให้ถกู ต้องอยู่ โดยเนน้ กล่มุ เป้าหมายไปทเ่ี ดก็ และเยาวชน เพราะเป็นเร่อื งทต่ี ้องปลูกฝังตงั้ แต่เลก็ ใหเ้ ดก็ เขา้ ใจ วา่ ภาษาไทยทถี่ กู ต้องเป็นอย่างไร ซ่งึ เทา่ ทไ่ี ดท้ างานกบั เดก็ และเยาวชนจะพบวา่ เดก็ มคี วามเขา้ ใจทจี่ ะใชเ้ ป็นภาษาเฉพาะ กลุ่ม โดยเฉพาะในอินเทอรเ์ น็ต เพราะต้องการความรวดเร็ว แต่ไม่ได้นามาใช้ในชวี ติ ประจาวนั หรอื เป็นภาษาทางการ อย่างไรก็ตาม สง่ิ ทน่ี ่าเป็นห่วงสาหรบั เด็กและเยาวชนในปัจจุบนั คอื ไม่รูจ้ กั การย่อความซ่งึ เป็นเร่อื งของการจบั ใจความ สาคญั ทงั้ น้ี อาจเป็นเพราะการจดั การเรยี นการสอนไมค่ ่อยเน้นใหค้ วามสาคญั กเ็ ป็นได้ นายชวน หลกี ภยั อดตี นายกรฐั มนตรี กล่าววา่ ตนใหค้ วามสาคญั กบั ภาษาไทย ไดพ้ ยายามเตอื น ส.ส.ในพรรคทุก ครงั้ ทมี่ กี ารอบรมวา่ ใหห้ ลกี เลยี่ งการพูดภาษาไทยคาองั กฤษคา หรอื ใชค้ าทบั ศพั ท์ภาษาองั กฤษโดยไม่จาเป็น ซ่งึ เขา้ ใจว่า สงั คมเราไม่ค่อยใหค้ วามสาคญั กบั เร่อื งน้มี ากนัก อาจเป็นเพราะมองเรอ่ื งความสะดวกเป็นสาคญั เม่อื ราชบณั ฑติ ฯ เขา้ มา มบี ทบาทในเชิงรุกกข็ อให้รุกจรงิ โดยฝากราชบัณฑิตฯ ให้เตอื นส่อื และขอความร่วมมือ ทงั้ เร่อื งการตงั้ ช่อื สถานีเป็น ภาษาองั กฤษ อาทิ ไอทีวี โมเดริ น์ ไนน์ทีวี และตงั้ ช่อื รายการเป็นภาษาองั กฤษ ซง่ึ เป็นการมองดา้ นการตลาดและผลกาไร ทางธุรกิจ ไม่ได้มองอุดมการณ์จนกลายเป็นธุรกิจการเมืองและธุรกิจส่ือมวลชน ส่งผลให้ความถูกต้องชอบธรรม ลดความสาคญั ลง เมอ่ื ราชบณั ฑติ ฯ ใหค้ วามสาคญั กบั การใชภ้ าษาไทยกต็ ้องมาทบทวนว่าปัญหาภาษาไทย ภาษาชาติ จะ มผี ลต่ออนาคตอย่างไร ซ่ึงปัญหาหนึ่งท่ีน่าห่วงคือ เร่อื งภาษาถิ่นท่ีในช่วง 20-30 ปี มีการจางหายไปเร็วกว่าที่คดิ ซ่ึง สาเหตุหน่ึงมาจากโรงเรยี นห้ามเดก็ พูด จงึ อยากใหร้ าชบณั ฑติ ฯ ชว่ ยคดิ ว่าจะทาอย่างไรไม่ใหภ้ าษาถนิ่ เลือนหาย รวมถงึ เร่อื งการใช้ ค.ศ. แทน พ.ศ. ซง่ึ สอ่ื ยคุ น้ใี ชจ้ นเคยชนิ “ผมไม่หว่ งวา่ ภาษาไทยจะหายไป เพราะภาษาไทยจะเป็นภาษากลางท่เี ข้าไปแทนที่ภาษาถนิ่ แต่เป็นห่วงว่าภาษาอ่นื จะเขา้ มาทาลายภาษาไทย อยา่ งเช่น ภาษาตา่ งประเทศ ทม่ี กั จะพูดภาษาไทยคาองั กฤษคา ไมร่ ูว้ ่าเป็นปมอะไรกนั หรอื เปล่า เดยี๋ วน้ีรายการโทรทศั น์ต่างๆ พูดกนั บ่อยมากจนกลายเป็นเร่อื งปกติ” นายชวนกล่าว และว่า เม่อื ราชบณั ฑติ ยสถานเล่น บทรกุ แลว้ กค็ วรเชญิ เจา้ ของส่อื หรอื เจา้ ของรายการมาหารอื เพ่อื ขอความร่วมมอื ในการเปลย่ี นชอ่ื เป็นภาษาไทย ____________ ที่มา : http://www.thaipost.net/news/300711/42527 *พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ในทนี่ ้ีหมายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช 267 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพ่ือการสื่อสาร 1 เร่ืองท่ี 3 การเขยี นย่อความ ใบงานที่ 5.2 หลกั การเขียนยอ่ ความ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามทก่ี าหนด 1. ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายขอ้ ความทเ่ี กยี่ วกบั การยอ่ ความตอ่ ไปน้ี 1) การจบั ใจความสาคญั 2) การยอ่ บทรอ้ ยกรอง 3) การย่อบทรอ้ ยแกว้ 2. ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายการใชส้ านวนภาษาในการยอ่ ความ 3. ถา้ นักเรยี นตอ้ งการยอ่ ความทเ่ี ป็นประกาศ จะตอ้ งใชร้ ูปแบบการยอ่ ความทม่ี รี ายละเอยี ดอย่างไร 268 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพื่อการสื่อสาร 1 เร่ืองท่ี 3 การเขยี นย่อความ ใบงานที่ 5.2 หลกั การเขียนยอ่ ความ คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามทก่ี าหนด 1. ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายขอ้ ความทเ่ี กย่ี วกบั การยอ่ ความต่อไปน้ี 1) การจบั ใจความสาคญั กอ่ นทจี่ ะยอ่ ความจะตอ้ งอ่านจบั ใจความสาคญั ของเรอื่ งทยี่ อ่ แลว้ แยกใจความสาคญั ออก จากพลความ นาใจความสาคญั มาเรยี บเรยี งใหมด่ ว้ ยสานวนของผยู้ ่อ 2) การยอ่ บทรอ้ ยกรอง การย่อบทรอ้ ยกรอง คอื การย่อความจากคาประพนั ธ์ประเภทตา่ งๆ เมอื่ ยอ่ แลว้ ใหม้ ี ขอ้ ความเป็นบทรอ้ ยแกว้ ธรรมดา 3) การย่อบทรอ้ ยแกว้ การยอ่ บทรอ้ ยแกว้ คอื การย่อขอ้ ความทเี่ ป็นความเรยี งรอ้ ยแกว้ เช่น โอวาท แถลงการณ์ ฯลฯ 2. ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายการใชส้ านวนภาษาในการยอ่ ความ การใชส้ านวนภาษาในการยอ่ ความ ใหเ้ รยี บเรยี งดว้ ยภาษาของผูย้ อ่ เอง โดยใชค้ าทเี่ ขา้ ใจงา่ ย ใชส้ รรพนาม บรุ ุษที่3 หรอื ใชช้ อื่ ในเรอื่ งนนั้ โดยตรง ไมใ่ ชส้ รรพนามบรุ ษุ ที่1 และบรุ ุษที่2 ขอ้ ความในอญั ประกาศใหเ้ ขยี นเป็นเรอื่ ง เลา่ ไมใ่ ชเ้ ครอื่ งหมายอญั ประกาศในขอ้ ความทยี่ อ่ แลว้ ถา้ มคี าราชาศพั ท์กใ็ หค้ งไว้ 3. ถา้ นกั เรยี นตอ้ งการย่อความทเ่ี ป็นประกาศ จะตอ้ งใชร้ ปู แบบการยอ่ ความทม่ี รี ายละเอยี ดอย่างไร การยอ่ ความทเี่ ป็นประกาศจะตอ้ งใชร้ ูปแบบการย่อความ ดงั น้ี ย่อประกาศเรอื่ ง ของ ลงวนั ที่ ความว่า แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน 269 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพื่อการสื่อสาร 1 เรื่องท่ี 3 การเขียนย่อความ  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 270 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพือ่ การส่ือสาร 1 1 ชวั่ โมง เรื่องท่ี 3 การเขียนย่อความ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 5 การเขียนยอ่ ความ (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นยอ่ ความจากส่อื ต่างๆ ตอ้ งมคี วามรเู้ กยี่ วกบั หลกั การเขยี นและมมี ารยาทในการเขยี น 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม.3/4 เขยี นยอ่ ความ ม.3/10 มมี ารยาทในการเขยี น 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) เขยี นยอ่ ความได้ 2) มมี ารยาทในการเขยี น 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การเขยี นยอ่ ความจากส่อื ตา่ งๆ เช่น นิทาน ประวตั ิ ตานาน สารคดที างวชิ าการ พระราชดารสั พระบรมราโชวาท จดหมายราชการ 2) มารยาทในการเขยี น 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 3) ทกั ษะการสรปุ ยอ่ 5) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 271 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพ่อื การส่ือสาร 1 เร่ืองท่ี 3 การเขยี นย่อความ 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั การใชส้ านวนภาษาในการเขยี นยอ่ ความเพอ่ื ทบทวนความรเู้ ดมิ 2. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การย่อความทเ่ี ป็นบทรอ้ ยกรองกบั บทรอ้ ยแกว้ วา่ เหมอื นกนั หรอื ต่างกนั อยา่ งไร 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • นักเรียนคิดวา่ ส่ิงใดเป็นปัญหาสาคญั ในการยอ่ บทร้อยกรอง (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 4. นกั เรยี นทุกคนทาใบงานท่ี 5.3 เร่ือง การเขยี นย่อความสอ่ื ประเภทต่างๆ 5. เมอ่ื นกั เรยี นทกุ คนทาใบงานเสรจ็ แลว้ ครขู อตวั แทนนกั เรยี น 2-3 คน นาเสนอใบงานท่ี 5.3 หนา้ ชนั้ เรยี น ครกู ลา่ วชมเชยและใหค้ าแนะนาในส่วนทย่ี งั มขี อ้ บกพร่อง 6. นักเรยี นทเ่ี หลอื รวบรวมใบงานท่ี 5.3 สง่ ครตู รวจ 7. ครูตรวจใบงานท่ี 5.3 ของนกั เรยี น พรอ้ มทงั้ ใหข้ อ้ เสนอแนะกบั นกั เรยี นเป็นรายบุคคล 7 การวดั และประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ วิธีการ ใบงานที่ 5.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 5.3 สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และมุ่งมนั่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ - ใบงานท่ี 5.3 เร่อื ง การเขยี นยอ่ ความสอ่ื ประเภทต่างๆ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ – 272 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพอ่ื การสื่อสาร 1 เรื่องท่ี 3 การเขยี นย่อความ ใบงานที่ 5.3 การเขียนยอ่ ความสื่อประเภทต่างๆ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นยอ่ ขอ้ ความตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การยอ่ ความ และรูปแบบของการยอ่ ความ ขอขอบพระทยั และขอขอบใจท่านทงั้ หลายเป็นอย่างยง่ิ ท่มี ไี มตรจี ติ พรงั่ พรอ้ มกนั มาให้พรวนั เกิด รวมทงั้ ใหค้ ายดึ มนั่ สญั ญาโดยประการต่างๆ ขา้ พเจา้ ขอสนองตอ่ พร และไมตรจี ติ ทงั้ นนั้ ดว้ ยใจจรงิ เชน่ กนั ท่านทงั้ หลายในปีน้ี ผทู้ อ่ี ยใู่ นตาแหน่งหนา้ ทส่ี าคญั ทงั้ ฝ่ายพลเรอื นและทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยทู่ วั่ กนั ว่า ความมนั่ คงของประเทศชาตนิ นั้ จะเกดิ มขี น้ึ ไดก้ ด็ ว้ ยประชาชนในชาตอิ ย่ดู ี มสี ขุ ไมม่ ที ุกขย์ ากเขญ็ ดงั นนั้ การใดทเ่ี ป็นความทุกขเ์ ดอื ดรอ้ นของประชาชนทุกคน ทกุ ฝ่าย จงึ ตอ้ งถอื เป็นหนา้ ทท่ี จ่ี ะตอ้ ง รว่ มมอื กนั ปฏบิ ตั แิ กไ้ ขใหเ้ ตม็ กาลงั โดยเฉพาะขณะน้ปี ระชาชนกาลงั เดอื ดรอ้ นลาบากจากภยั น้าท่วมจงึ ขอใหร้ ่วมมอื กนั ปัดเป่า แกไ้ ขให้ผ่านพน้ ไปโดยเรว็ และจดั ทาโครงการบรหิ ารจดั การน้าอยา่ งยงั่ ยนื ดงั เช่น โครงการต่างๆ ทเ่ี คยพดู ไปนัน้ กเ็ ป็นการแนะนาไมใ่ ช่สงั่ การแต่ถา้ ปรกึ ษากนั แลว้ เหน็ ว่าเป็นประโยชน์ คมุ้ คา่ และทาไดก้ ท็ า ขอ้ สาคญั จะต้องไมข่ ดั แยง้ แตกแยกกนั หากจะตอ้ งใหก้ าลงั ใจซง่ึ กนั และกนั เพอ่ื ให้งานทท่ี าบรรลผุ ล ทม่ี ปี ระโยชน์ และความมนั่ คงปลอดภยั ของประเทศชาติ ขออานาจแห่งคุณพระรตั นตรยั และสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ จงคมุ้ ครองรกั ษาทา่ นใหป้ ราศจากทกุ ข์ ปราศจากภยั และอานวยความสุข ความเจรญิ แก่ทา่ นทวั่ กนั (กระแสพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ในการเสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ มุขเดจ็ พระทนี่ งั่ จกั รมี หาปราสาท วนั ที่5 ธนั วาคม 2554 เวลา 11.00 น.) ยอ่ ของ พระราชทานแก่ เนอื่ งใน เรอื่ ง วนั ที่ ณ ความวา่ 273 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพอ่ื การสื่อสาร 1 เรื่องท่ี 3 การเขียนย่อความ เตือนสานึก สภาวะอากาศทค่ี ลาดเคลอ่ื น เป็นเหมอื นเหมอื นกนั ทวั่ แทบทุกถน่ิ ผลกระทบอาจถงึ ตายวายชวี นิ ขา่ วใหย้ นิ ยลถท่ี ุกวว่ี นั ทเ่ี คยรอ้ นกลบั มหี มิ ะตก แลว้ หยกหยกน้ากลบั มาลา้ งอาถรรพณ์ ธารน้าแขง็ ขวั้ โลกละลายครนั ลว้ นน่าหวนั่ วา่ ยากจกั เยยี วยา เพราะมนุษยไ์ ม่หยดุ ฆ่าธรรมชาติ หรอื ไม่หวาดไม่หวนั่ ตอ่ ปัญหา แขง่ กนั กอ่ มลพษิ เหน็ ตดิ ตา ทาลายป่าหวงั เพยี งเลย้ี งตวั ตน ทงั้ ทภ่ี ยั คบื มาอยหู่ น้าบา้ น ยงั สาราญกนั เพลนิ เมนิ เหตุผล ตน่ื หมิ ะน้าคา้ งแขง็ แย่งกนั ยล หนาวทกุ ขท์ น้ กลบั เรงิ รา่ หาสานกึ เพยี งไมท่ นั สน้ิ หนาวกผ็ า่ วแหง้ แววรอ้ นแลง้ เรม่ิ เยอื นเตอื นรสู้ กึ กลบั สาเรงิ สงกรานต์กนั คกึ คกึ ตา่ งลมื ฝึกประหยดั น้าเกบ็ ทากนิ เตรยี มรบั มอื กนั เถดิ ก่อนเกดิ ผล อย่ารอจนเกดิ ภยั ชดั จงึ ตดั สนิ เรง่ รกั โลกรกั ป่ารกั วารนิ เพ่อื แผน่ ดนิ สุขสนั ต์เชน่ วนั วารฯ (รจนา เกยี รตริ กั ษาเผ่า สโมสรสมานมติ ร นติ ยสารสกุลไทย รายสปั ดาห์ ฉบบั ที่2962) ย่อเรอื่ ง ประเภทคาประพนั ธ์ ของ จากหนังสอื ความว่า หนา้ 274 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพื่อการส่ือสาร 1 เรื่องที่ 3 การเขยี นย่อความ ใบงานที่ 5.3 การเขียนยอ่ ความส่ือประเภทต่างๆ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นยอ่ ขอ้ ความตอ่ ไปน้ีใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การยอ่ ความ และรปู แบบของการย่อความ ขอขอบพระทยั และขอขอบใจท่านทงั้ หลายเป็นอย่างยง่ิ ท่มี ไี มตรจี ติ พรงั่ พรอ้ มกนั มาให้พรวนั เกิด รวมทงั้ ใหค้ ายดึ มนั่ สญั ญาโดยประการต่างๆ ขา้ พเจา้ ขอสนองต่อพร และไมตรจี ติ ทงั้ นนั้ ดว้ ยใจจรงิ เช่นกนั ทา่ นทงั้ หลายในปีน้ี ผทู้ อ่ี ยใู่ นตาแหน่งหนา้ ทส่ี าคญั ทงั้ ฝ่ายพลเรอื นและทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยทู่ วั่ กนั วา่ ความมนั่ คงของประเทศชาตนิ นั้ จะเกดิ มขี น้ึ ไดก้ ด็ ว้ ยประชาชนในชาตอิ ยดู่ ี มสี ุข ไมม่ ที ุกขย์ ากเขญ็ ดงั นนั้ การใดทเ่ี ป็นความทุกขเ์ ดอื ดรอ้ นของประชาชนทกุ คน ทุกฝ่าย จงึ ตอ้ งถอื เป็นหน้าทท่ี จ่ี ะตอ้ ง รว่ มมอื กนั ปฏบิ ตั แิ กไ้ ขใหเ้ ตม็ กาลงั โดยเฉพาะขณะน้ปี ระชาชนกาลงั เดอื ดรอ้ นลาบากจากภยั น้าท่วมจงึ ขอใหร้ ว่ มมอื กนั ปัดเป่า แกไ้ ขใหผ้ า่ นพน้ ไปโดยเรว็ และจดั ทาโครงการบรหิ ารจดั การน้าอยา่ งยงั่ ยนื ดงั เชน่ โครงการต่างๆ ทเ่ี คยพดู ไปนัน้ กเ็ ป็นการแนะนาไม่ใช่สงั่ การแตถ่ า้ ปรกึ ษากนั แลว้ เหน็ วา่ เป็นประโยชน์ คมุ้ คา่ และทาไดก้ ท็ า ขอ้ สาคญั จะต้องไมข่ ดั แยง้ แตกแยกกนั หากจะตอ้ งใหก้ าลงั ใจซง่ึ กนั และกนั เพอ่ื ใหง้ านทท่ี าบรรลผุ ล ทม่ี ปี ระโยชน์ และความมนั่ คงปลอดภยั ของประเทศชาติ ขออานาจแห่งคุณพระรตั นตรยั และสงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ จงคมุ้ ครองรกั ษาทา่ นใหป้ ราศจากทกุ ข์ ปราศจากภยั และอานวยความสุข ความเจรญิ แก่ทา่ นทวั่ กนั (กระแสพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ในการเสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ มุขเดจ็ พระทนี่ งั่ จกั รี มหาปราสาท วนั ที่5 ธนั วาคม 2554 เวลา 11.00 น.) ยอ่ ของ พระราชทานแก่ เนอื่ งใน เรอื่ ง วนั ที่ ณ ความวา่ (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน) 275 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพ่ือการสื่อสาร 1 เรื่องที่ 3 การเขียนย่อความ เตือนสานึก สภาวะอากาศทค่ี ลาดเคลอ่ื น เป็นเหมอื นเหมอื นกนั ทวั่ แทบทกุ ถน่ิ ผลกระทบอาจถงึ ตายวายชวี นิ ขา่ วใหย้ นิ ยลถที่ ุกวว่ี นั ทเ่ี คยรอ้ นกลบั มหี มิ ะตก แลว้ หยกหยกน้ากลบั มาลา้ งอาถรรพณ์ ธารน้าแขง็ ขวั้ โลกละลายครนั ลว้ นน่าหวนั่ ว่ายากจกั เยยี วยา เพราะมนุษยไ์ ม่หยดุ ฆา่ ธรรมชาติ หรอื ไม่หวาดไมห่ วนั่ ตอ่ ปัญหา แขง่ กนั กอ่ มลพษิ เหน็ ตดิ ตา ทาลายป่าหวงั เพยี งเลย้ี งตวั ตน ทงั้ ทภ่ี ยั คบื มาอยหู่ น้าบา้ น ยงั สาราญกนั เพลนิ เมนิ เหตผุ ล ต่นื หมิ ะน้าคา้ งแขง็ แย่งกนั ยล หนาวทกุ ขท์ น้ กลบั เรงิ ร่าหาสานกึ เพยี งไม่ทนั สน้ิ หนาวกผ็ ่าวแหง้ แววรอ้ นแลง้ เรมิ่ เยอื นเตอื นรสู้ กึ กลบั สาเรงิ สงกรานตก์ นั คกึ คกึ ตา่ งลมื ฝึกประหยดั น้าเกบ็ ทากนิ เตรยี มรบั มอื กนั เถดิ กอ่ นเกดิ ผล อยา่ รอจนเกดิ ภยั ชดั จงึ ตดั สนิ เร่งรกั โลกรกั ป่ารกั วารนิ เพ่อื แผน่ ดนิ สขุ สนั ต์เชน่ วนั วารฯ (รจนา เกยี รตริ กั ษาเผ่า สโมสรสมานมติ ร นติ ยสารสกุลไทย รายสปั ดาห์ ฉบบั ที่2962) ยอ่ เรอื่ ง ประเภทคาประพนั ธ์ ของ จากหนงั สอื ความว่า หนา้ (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 276 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพอื่ การส่ือสาร 1 แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องท่ี 3 การเขียนย่อความ  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 277 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพ่ือการส่ือสาร 1 1 ชวั่ โมง เร่ืองที่ 4 การเขียนจดหมาย แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 6 การเขียนจดหมาย 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะตอ้ งมคี วามรเู้ รอ่ื งหลกั การเขยี น และมมี ารยาทในการเขยี น 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.3/5 เขยี นจดหมายกจิ ธุระ ม.3/10 มมี ารยาทในการเขยี น 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะได้ 2) มมี ารยาทในการเขยี น 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การเขยี นจดหมายกจิ ธุระ - จดหมายเชญิ วทิ ยากร - จดหมายขอความอนุเคราะห์ - จดหมายแสดงความขอบคณุ 2) มารยาทในการเขยี น 3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 5) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 278 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นเพอ่ื การสื่อสาร 1 เรื่องท่ี 4 การเขียนจดหมาย 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 4. รกั ความเป็นไทย 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั ความสาคญั ของการเขยี นจดหมาย 2. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การเขยี นจดหมายในสมยั ปัจจบุ นั 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • เหตใุ ดคนในสมยั ปัจจบุ นั จึงไม่นิยมการเขยี นจดหมาย (เพราะนยิ มสอื่ สารโดยใชส้ อื่ เทคโนโลย)ี 4. นักเรยี นรวมกลุม่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) จากนนั้ ครกู าหนดหวั ขอ้ เร่อื งเพอ่ื ใหน้ ักเรยี น แตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั ศกึ ษาความรูเ้ รอ่ื ง การเขยี นจดหมายและมารยาทในการเขยี น จากหนังสอื เรยี น หอ้ งสมดุ และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ ตามทจ่ี บั สลากได้ ดงั น้ี - สลากหมายเลข 1 ศกึ ษาเรอ่ื ง การเขยี นจดหมายเชญิ วทิ ยากร - สลากหมายเลข 2 ศกึ ษาเรอ่ื ง การเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์ - สลากหมายเลข 3 ศกึ ษาเรอ่ื ง การเขยี นจดหมายขอบคุณ 5. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั กาหนดความมุ่งหมายของการทางาน และวธิ กี ารทางานในแตล่ ะกลุม่ 6. ครูเสนอแนะชอ่ื หนังสอื และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศทจ่ี ะใชค้ น้ ควา้ หาความรู้ 7. นักเรยี นรว่ มกนั วางแผนและปฏบิ ตั งิ านตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 8. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกไปนาเสนอผลงานทห่ี นา้ ชนั้ เรยี น และบอกขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน ความคดิ เหน็ ทม่ี ตี อ่ ผลงาน 9. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1 - 2 1) การเขียนจดหมายประเภทใดท่ีเป็นการแสดงออกถงึ มารยาททางสงั คม (จดหมายขอบคุณ) 2) ถ้านกั เรยี นไมเ่ ขยี นจดหมายเชิญวิทยากร แต่เชิญทางโทรศพั ทเ์ ป็นการกระทาท่ีเหมาะสม หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 10. ครปู ระเมนิ ผลการทางานของนกั เรยี นและใหค้ าแนะนาในการพฒั นาปรบั ปรงุ การทางาน 279 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพอ่ื การส่ือสาร 1 เครือ่ งมือ เกณฑ์ เรื่องที่ 4 การเขยี นจดหมาย แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 7 การวดั และประเมินผล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ และม่งุ มนั่ ในการทางาน 8 สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) สลาก 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.enfe.go.th/enfe_2548/thai/thai02/thai21030.html - http://kokai.awardspace.com/use/mail.php - http://www.ahs.chula.ac.th/main/Files/book1/Chapter6.pdf 280 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพ่ือการสื่อสาร 1 แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 4 การเขยี นจดหมาย  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 281 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนเพอ่ื การส่ือสาร 1 เร่ืองที่ 5 การกรอกแบบสมคั รงาน แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 7 การกรอกแบบสมคั รงาน (1) 1 ชวั่ โมง 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การกรอกแบบสมคั รงาน และเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ความรแู้ ละทกั ษะของตนเองทเ่ี หมาะสมกบั งาน ตอ้ งมี ความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การเขยี นและมมี ารยาทในการเขยี น 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.3/8 กรอกแบบสมคั รงาน พรอ้ มเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ความรูแ้ ละทกั ษะของตนเองทเี่ หมาะสมกบั งาน ม.3/10 มมี ารยาทในการเขยี น 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) กรอกแบบสมคั รงาน พรอ้ มเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ความรู้และทกั ษะของตนเองทเ่ี หมาะสมกบั งานได้ 2) มมี ารยาทในการเขยี น 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การกรอกแบบสมคั รงาน 2) มารยาทในการเขยี น 3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการตคี วาม 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 5) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 282 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพื่อการส่ือสาร 1 เร่ืองที่ 5 การกรอกแบบสมคั รงาน 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. วนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4. มุง่ มนั่ ในการทางาน 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั ความสาคญั ของแบบสมคั รงานและการเขยี นบรรยายเกยี่ วกบั ความรแู้ ละ ทกั ษะของตนเองทเ่ี หมาะสม 2. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การกรอกแบบสมคั รงานทม่ี ขี อ้ บกพรอ่ ง จากนนั้ นักเรยี น ตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • การกรอกแบบสมคั รงาน มีความจาเป็นต้องใช้ในชีวิตของนักเรียนหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 3. นักเรยี นศกึ ษาความรูเ้ ร่อื ง การกรอกแบบสมคั รงาน และการเขยี นบรรยายความรแู้ ละทกั ษะของตนเอง จากหนงั สอื เรยี น และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ 4. นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุปหลกั การกรอกแบบสมคั รงานและการเขยี นบรรยายความรแู้ ละทกั ษะของ ตนเองว่ามกี ว่ี ธิ ี แตล่ ะวธิ เี ขยี นไดอ้ ย่างไร 5. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • เหตใุ ดการกรอกแบบสมคั รงานจึงต้องเขียนดว้ ยลายมือของตนเอง (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 7 การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และม่งุ มนั่ ในการทางาน 283 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นเพื่อการสื่อสาร 1 เร่ืองที่ 5 การกรอกแบบสมคั รงาน 8 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ - หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ • แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.mof.go.th/home/job/application.doc - http://www.sinthoranee.com/pdf/FM-HA-01-03.pdf - http://www.tlcthai.com/education/job/12209.html - http://www.bkkresume.com/ 284 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนเพอื่ การสื่อสาร 1 แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองท่ี 5 การกรอกแบบสมัครงาน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 285 หลกั ภาษาฯ ม.3

6หน่วยการเรียนรู้ท่ี การเขียนเพื่อการสื่อสาร 2 7เวลา ชวั่ โมง 1 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.3/6 เขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโต้แยง้ อยา่ งมเี หตุผล เขยี นวเิ คราะหว์ จิ ารณ์และแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ ในเรอ่ื งตา่ งๆ ม.3/7 เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงาน ม.3/9 2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ เขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ อยา่ งมเี หตุผล รวมทงั้ เขยี นรายงานแสดงการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงาน เป็นการเขยี นเพ่อื การส่อื สารท่ี ตอ้ งคานึงถงึ รปู แบบ และวธิ กี ารเขยี นทถ่ี ูกตอ้ ง 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ในเร่อื งต่างๆ 2) การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ จากสอ่ื ตา่ งๆ เชน่ - บทโฆษณา 3) การเขยี นรายงาน ไดแ้ ก่ - การเขยี นรายงานจากการศกึ ษาคน้ ควา้ - การเขยี นรายงานโครงงาน 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 4.2 ความสามารถในการคิด 4) ทกั ษะการสรปุ ลงความคดิ เหน็ 1) ทกั ษะการสารวจคน้ หา 3) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการประเมนิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 302 หลกั ภาษาฯ ม.3

5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 1. มวี นิ ัย 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) การจดั นทิ รรศการ แสดงผลงานการเขยี นเพอ่ื การสอ่ื สาร 7 การวดั และการประเมินผล 7.1 การประเมินกอ่ นเรียน - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เร่อื ง การเขยี นเพอ่ื การสอ่ื สาร 2 7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ตรวจใบงานท่ี 6.1 เรอ่ื ง การเขยี นชแ้ี จง และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ 2) ตรวจใบงานท่ี 6.2 เรอ่ื ง การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และโตแ้ ยง้ บทโฆษณา 3) ตรวจใบงานท่ี 6.3 เรอ่ื ง หลกั การเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ 4) ตรวจการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ 5) ตรวจการเขยี นรายงานโครงงาน 6) ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน 7) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 8) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 9) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ 10) สงั เกตคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.3 การประเมินหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรอ่ื ง การเขยี นเพอ่ื การส่อื สาร 2 7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจนทิ รรศการ แสดงผลงานการเขยี นเพ่อื การส่อื สาร 8 กิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 303 หลกั ภาษาฯ ม.3

เรื่องที่ 1 การเขียนอธิบาย ชี้แจง โต้แย้ง 1 ชวั่ โมง แสดงความคิดเหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล วิธีสอนโดยการจดั การเรียนร้แู บบรว่ มมอื : เทคนิ คแบ่งปันความสาเรจ็ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน ครูอา่ นบทความเรอ่ื ง อคต.ิ ..สาวเหนือ เราไม่ใช่สาวเครอื ฟ้า ใหน้ ักเรยี นฟัง แลว้ รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั วธิ กี ารเขยี นบทความดงั กลา่ ว ขนั้ สอน 1. ครูนาเสนอเรอ่ื ง การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความ คดิ เหน็ ถงึ ความแตกตา่ งในการเขยี นแตล่ ะวธิ ี 2. ครแู บง่ นักเรยี นออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน คละกนั ตามความสามารถ แลว้ ใหแ้ ต่ละกล่มุ ร่วมกนั ศกึ ษา ความรเู้ รอ่ื ง การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง โตแ้ ยง้ แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตุผล จากหนังสอื เรยี น 3. นกั เรยี นแตล่ ะคนทาใบงานที่ 6.1 เรื่อง การเขียนชี้แจง และเขยี นแสดงความคิดเหน็ เมอ่ื ทาเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ นาส่งครตู รวจ 4. ครูตรวจใบงานท่ี 6.1 แลว้ นาคะแนนของสมาชกิ ทุกคนในกลุ่มมารวมกนั เป็นคะแนนกลุ่ม พรอ้ มประกาศ ชมเชยกลมุ่ ทม่ี คี ะแนนเฉลย่ี สงู สดุ และรองลงมาเรยี งตามลาดบั ขนั้ สรปุ นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั หลกั การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง โตแ้ ยง้ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตุผล เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ และนาไปปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 304 หลกั ภาษาฯ ม.3

เรื่องที่ 2 การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความรู้ ความคิดเหน็ หรือโต้แย้งสื่อ 2 ชวั่ โมง วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขนั้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) ครนู าตวั อยา่ งโฆษณาสนิ คา้ ตา่ งๆ จากหนงั สอื พมิ พ์ มาใหน้ ักเรยี นดู แลว้ ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย เกย่ี วกบั การเขยี นโฆษณา เพ่อื ทบทวนความรูเ้ ร่อื ง การเขยี นโฆษณา ขนั้ ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) นักเรยี นรวมกล่มุ เดมิ (จากเรอ่ื งท่ี 1) แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรูเ้ รอ่ื ง การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ สอ่ื จากหนังสอื เรยี น ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายความรเู้ รอ่ื ง หลกั การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ ส่อื ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ทาใบงานท่ี 6.2 เร่ือง การเขยี นวิเคราะห์ วิจารณ์ และโต้แยง้ บทโฆษณา เม่อื ทาใบงานเสรจ็ แลว้ ใหน้ าสง่ ครู ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) ครูตรวจใบงานท่ี 6.2 พรอ้ มทงั้ ใหข้ อ้ เสนอแนะกบั นักเรยี นเป็นรายกล่มุ 305 หลกั ภาษาฯ ม.3

เร่ืองท่ี 3 การเขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ 2 ชวั่ โมง วิธีสอนแบบ ใช้ปัญหาเป็นฐาน ขนั้ ท่ี 1 กาหนดปัญหา จดั สถานการณ์ต่างๆ นักเรยี นรวมกลุ่มเดมิ (จากเรอ่ื งท่ี 1) แลว้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั พจิ ารณาเรอ่ื งทก่ี ลมุ่ มคี วามสนใจ อยากรอู้ ยากเรยี น และตอ้ งการคน้ หาคาตอบ ขนั้ ท่ี 2 ทาความเขา้ ใจกบั ปัญหา 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ จากหนงั สอื เรยี น 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ความรู้ แลว้ ทาใบงานที่ 6.3 เร่อื ง หลกั การเขยี นรายงาน การศกึ ษาคน้ คว้า เสรจ็ แลว้ นาสง่ ครตู รวจ 3. สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั วางแผนดาเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ เร่อื งทส่ี มาชกิ กลมุ่ มคี วามสนใจอยากรอู้ ยากเรยี น และตอ้ งการคน้ หาคาตอบรว่ มกนั ขนั้ ที่ 3 ดาเนินการศึกษาค้นคว้า นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ดาเนินการศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย ขนั้ ที่ 4 สงั เคราะหค์ วามรู้ นักเรยี นแตล่ ะคนนาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษามาแลกเปลย่ี นความรู้กนั ภายในกลุ่ม อภปิ รายผลและสงั เคราะห์ ความรู้ ขนั้ ท่ี 5 สรปุ และประเมินค่าของคาตอบ นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรุปผลงานของกลุ่มตนเอง แลว้ ประเมนิ ผลงาน จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั สรุป องคค์ วามรใู้ นภาพรวมของปัญหา ขนั้ ที่ 6 นาเสนอและประเมินผลงาน นกั เรยี นนาขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าจดั ระบบองคค์ วามรแู้ ละนาเสนอในรปู แบบของการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ แลว้ ใหน้ ักเรยี นทกุ คนและผเู้ กยี่ วขอ้ งกบั ปัญหาร่วมกนั ประเมนิ ผลงานและประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั 306 หลกั ภาษาฯ ม.3

เรอื่ งท่ี 4 การเขียนรายงานโครงงาน 2 ชวั่ โมง วิธีสอนแบบ โครงงาน ขนั้ ที่ 1 กาหนดปัญหา นักเรยี นรวมกลุ่มเดมิ (จากเรอ่ื งท่ี 1) แลว้ ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มยกตวั อยา่ งเรอ่ื งทเ่ี ป็นปัญหาในสงั คม ซง่ึ กลุม่ สนใจ โดยครกู ระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นหาวธิ กี ารแกป้ ัญหา ขนั้ ท่ี 2 กาหนดจุดม่งุ หมายในการเรียน 1. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การเขยี นโครงงาน จากหนังสอื เรยี น 2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ กาหนดจุดมงุ่ หมายในการจดั ทาโครงงาน ขนั้ ที่ 3 วางแผนและวิเคราะห์โครงงาน 1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ วางแผนแกป้ ัญหา แลว้ นาเสนอแผนการดาเนนิ งาน โดยครพู จิ ารณาและใหค้ าแนะนาการ วางแผนดาเนนิ งานโครงงานของนกั เรยี น 2. นกั เรยี นเขยี นโครงงานตามองคป์ ระกอบของโครงงานและตามแผนการดาเนินงาน ขนั้ ที่ 4 ลงมือปฏิบตั ิหรอื แกป้ ัญหา 1. นักเรยี นลงมอื ปฏบิ ตั หิ รอื แกป้ ัญหาตามแผนการทก่ี าหนดไว้ 2. นักเรยี นประชุม อภปิ ราย ปรกึ ษาหารอื กนั เป็นระยะๆ วางแผนและตดั สนิ ใจทาดว้ ยตนเอง ขนั้ ท่ี 5 ประเมินผลระหวา่ งปฏิบตั ิงาน นกั เรยี นประเมนิ ผลก่อนดาเนนิ การ ระหวา่ งดาเนินการ และหลงั ดาเนนิ การ เพอ่ื ปรบั ปรุงแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ ง ขนั้ ท่ี 6 สรปุ รายงานผล และเสนอผลงาน นักเรยี นวเิ คราะหข์ อ้ มูล สรุป และเขยี นรายงานเพอ่ื นาเสนอผลงาน โดยครตู รวจประเมนิ ผลการเขยี น รายงานโครงงานของนกั เรยี น  ครมู อบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจดั นิทรรศการ แสดงผลงานการเขยี นเพื่อการสือ่ สาร โดยให้ ครอบคลุมประเดน็ ตามทกี่ าหนด นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 307 หลกั ภาษาฯ ม.3

9 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) บทความ 3) ตวั อย่างโฆษณาสนิ คา้ 4) ใบงานท่ี 6.1 เร่อื ง การเขยี นชแ้ี จง และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ 5) ใบงานท่ี 6.2 เรอ่ื ง การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และโตแ้ ยง้ บทโฆษณา 6) ใบงานท่ี 6.3 เร่อื ง หลกั การเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง 2) หอ้ งสมุด 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.tice.ac.th/Online/Online2-2549/bussiness/nantapon/n5.htm - http://www.ki.ac.th/2552/stproject/report_format.pdf - http://library.uru.ac.th/article/htmlfile/technic_project.pdf - http://www.bpcd.net/new_subject/library/research/document/sopida/research/ku/develop/ 07.pdf 308 หลกั ภาษาฯ ม.3

การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินนิทรรศการ แสดงผลงานการเขยี นเพอ่ื การส่ือสาร รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดบั คะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การเขยี นอธิบาย เขยี นถกู ต้องตาม เขยี นถกู ต้องตาม เขยี นถกู ต้องตาม เขยี นถูกตอ้ งตาม ชี้แจง แสดงความ หลกั การเขยี น ใชภ้ าษา หลกั การเขยี น ใชภ้ าษา หลกั การเขยี น ใชภ้ าษา หลกั การเขยี น ใชภ้ าษา คิดเหน็ และโต้แย้ง เขา้ ใจงา่ ย มเี หตผุ ล เขา้ ใจง่าย มเี หตุผล เขา้ ใจง่าย มเี หตุผล เขา้ ใจยาก มเี หตุผล อย่างมเี หตผุ ล ยกตวั อย่างประกอบ เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน ไม่ชดั เจน ไมย่ กตวั อย่าง ชดั เจนไม่สบั สน ยกตวั อยา่ งประกอบ ยกตวั อย่างประกอบ ประกอบ ชดั เจนไม่สบั สน ไม่ชดั เจนสบั สน เป็นบางส่วน 2. การเขียน เขยี นถกู ตอ้ งตาม เขยี นถูกต้องตาม เขยี นถูกตอ้ งตาม เขยี นถกู ต้องตาม หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น วิเคราะห์ วิจารณ์ หลกั การเขยี น มคี วามรู้ ความคดิ เหน็ มคี วามรู้ ความคดิ เหน็ มคี วามรู้ แตไ่ ม่แสดง ทเี่ ป็นประโยชน์ ทเี่ ป็นประโยชน์ ความคดิ เหน็ ทเี่ ป็น และแสดงความรู้ มคี วามรู้ ความคดิ เหน็ ใชภ้ าษาเขา้ ใจงา่ ย ใชภ้ าษาเขา้ ใจงา่ ย ประโยชน์ ใชภ้ าษา เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางสว่ น เขา้ ใจยาก ความคิดเหน็ ทเี่ ป็นประโยชน์ หรือโต้แย้งใน ใชภ้ าษาเขา้ ใจง่าย เรือ่ งต่างๆ 3. การเขยี นรายงาน เขยี นถกู ตอ้ งตาม เขยี นถกู ตอ้ งตาม เขยี นถกู ตอ้ งตาม เขยี นถูกตอ้ งตาม การศกึ ษาค้นคว้า หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น ใชร้ ะดบั ภาษาถูกตอ้ ง ใชร้ ะดบั ภาษาถูกตอ้ ง ใชร้ ะดบั ภาษาถกู ต้อง ใชร้ ะดบั ภาษาไมถ่ ูกตอ้ ง เหมาะสมกบั งาน เหมาะสมกบั งาน เหมาะสมกบั งาน ไมเ่ หมาะสมกบั งาน เป็นส่วนใหญ่ เป็นบางส่วน 4. การเขียนรายงาน เขยี นถกู ต้องตาม เขยี นถูกต้องตาม เขยี นถูกตอ้ งตาม เขยี นถกู ต้องตาม โครงงาน หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น หลกั การเขยี น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น ใชร้ ะดบั ภาษาถูกต้อง ใชร้ ะดบั ภาษาถูกต้อง ใชร้ ะดบั ภาษาถกู ตอ้ ง ใชร้ ะดบั ภาษาไมถ่ ูกต้อง เหมาะสมกบั งาน เหมาะสมกบั งาน เหมาะสมกบั งาน ไมเ่ หมาะสมกบั งาน เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ต่ากวา่ 8 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 309 หลกั ภาษาฯ ม.3

แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดียว 1. การเขยี นในขอ้ ใดมลี กั ษณะคลา้ ยกบั การเขยี นอธบิ าย 6. การใชข้ อ้ มูลภาคสนามในการทารายงานการศกึ ษา ก. การเขยี นชแ้ี จง คน้ ควา้ ทาไดโ้ ดยวธิ ใี ด ข. การเขยี นโตแ้ ยง้ ก. ผูท้ ารายงานต้องรวบรวมจากการขดุ คน้ ในสถานทจ่ี รงิ ค. การเขยี นรายงาน ข. ผูท้ ารายงานต้องรวบรวมจากส่อื ทม่ี คี วามหลากหลาย ง. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ค. ผูท้ ารายงานตอ้ งรวบรวมจากเอกสารทย่ี งั ไมไ่ ด้ เผยแพร่ 2. เร่อื งทน่ี ามาเขยี นอธบิ าย ควรมลี กั ษณะอย่างไร ง. ผูท้ ารายงานต้องรวบรวมขน้ึ จากการทดลอง ก. เร่อื งทท่ี นั สมยั การสมั ภาษณ์ การสงั เกต และอ่นื ๆ ข. เรอ่ื งทเ่ี ป็นประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ค. เรอ่ื งทน่ี ่าสนใจ น่ารู้ และต้องการคาอธบิ าย 7. ขอ้ ใดไม่ใช่ส่วนประกอบตอนต้นของรายงานการศกึ ษา ง. เร่อื งทใ่ี หค้ วามรู้ ความคดิ และนาไปปฏบิ ตั ติ ามได้ คน้ ควา้ 3. ขอ้ ใดไม่ใช่วธิ กี ารเขยี นอธบิ าย ก. คานา ข. สารบญั ก. ใชภ้ าษาทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย ค. ภาคผนวก ข. ใชถ้ ้อยคาทกี่ ระชบั รดั กุม ง. กติ ตกิ รรมประกาศ ค. เขยี นเรยี งลาดบั ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั ิ 8. ขอ้ ใดเขยี นบรรณานุกรมหนงั สอื เล่มไดถ้ กู ต้อง ง. เขยี นโดยยกเหตผุ ล และมตี วั อยา่ งประกอบชดั เจน ก. ธรี ภาพ โลหติ กุล. จดหมายถงึ สายน้าบนั ทึกถึง 4. บคุ คลใดเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ไม่ถกู ต้องตามหลกั การ ขวญั ขา้ ว. แพรวสานกั พมิ พ.์ 2551 ก. กงุ้ ไมม่ อี คตใิ นเร่อื งทเี่ ขยี น ข. ธรี ภาพ โลหติ กุล. 2551. จดหมายถึงสายน้า ข. หอย เขยี นเพ่อื ชกั จงู เกล้ยี กล่อมผูอ้ ่นื ค. ปู เขยี นโดยใชข้ อ้ มูลในการนาเสนอทถ่ี กู ต้อง บนั ทึกถงึ ขวญั ขา้ ว. กรุงเทพมหานคร : ง. ปลา ต้องการเขยี นเพอ่ื ใหเ้ กดิ การปรบั ปรงุ แพรวสานกั พมิ พ.์ เปลยี่ นแปลง พฒั นาไปในทางทดี่ ี ค. ธรี ภาพ โลหติ กุล. แพรวสานกั พมิ พ,์ จดหมายถึง 5. ขอ้ ใดแสดงว่า เลอื กเรอ่ื งทเ่ี ขยี นรายงานศกึ ษาคน้ ควา้ สายน้าบนั ทึกถงึ ขวญั ข้าว, 2551. ไมถ่ กู ต้องตามหลกั การ ง. ธรี ภาพ โลหติ กลุ . แพรวสานกั พมิ พ.์ 2551. จดหมาย ก. นดิ เลอื กเร่อื งทก่ี ่อใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในสงั คม ถงึ สายน้าบนั ทึกถึงขวญั ขา้ ว ข. น้อง เลอื กเร่อื งทย่ี งั ไม่มผี ูเ้ ขยี น หรอื ยงั ไม่แพรห่ ลาย ค. นงค์ เลอื กเร่อื งทต่ี นมคี วามสนใจและมปี ระสบการณ์ 9. ถา้ นกั เรยี นต้องการทาโครงงานเพ่อื รวบรวมขอ้ มลู ง. น้า เลอื กเร่อื งทผี่ ูอ้ ่านสนใจ เหมาะสมกบั ผูอ้ ่าน เกย่ี วกบั เพลงพน้ื บา้ นในทอ้ งถนิ่ ควรจดั ทาโครงงาน ประเภทใด และเป็นประโยชน์ตอ่ ผูอ้ ่าน ก. โครงงานคน้ ควา้ ทดลอง ข. โครงงานทเี่ ป็นการสารวจ ค. โครงงานทเี่ ป็นการประดษิ ฐ์ คดิ คน้ ง. โครงงานทเี่ ป็นการศึกษาทฤษฎี หลกั การ 310 หลกั ภาษาฯ ม.3

10. ภาษาทใี่ ชใ้ นการเขยี นชอ่ื โครงงาน ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร 13. ขอ้ ใดในส่วนทบ่ี อกใหท้ ราบถงึ สง่ิ ทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ ก. ใชภ้ าษาเขา้ ใจงา่ ย เม่อื สน้ิ สดุ โครงงาน ข. ใชภ้ าษาทนั สมยั เรา้ ใจผอู้ ่าน ก. ผลทค่ี าดหวงั ค. ใชภ้ าษาตรงไปตรงมา สอ่ื ความหมายไดอ้ ย่างชดั เจน ข. จดุ ประสงคข์ องโครงงาน ง. ใชภ้ าษาทเ่ี ป็นแบบแผน และใชถ้ อ้ ยคาทม่ี คี วามหมาย ค. วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการทาโครงงาน ลกึ ซง้ึ ง. หลกั วชิ าทนี่ ามาใชใ้ นการทาโครงงาน 11. การเขยี นชอ่ื สมาชกิ ทรี่ บั ผดิ ชอบโครงงาน 14. บทนาของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ เขยี นเรยี งลาดบั จะตอ้ งเรยี งลาดบั อย่างไร ขนั้ ตอนอยา่ งไร ก. เรยี งตามเลขที่ ก. สาเหตุในการศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์ ขอบเขต ขนั้ ตอน ข. เรยี งตามเพศชาย หญงิ วธิ กี าร ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั ค. เรยี งตามลาดบั ตวั อกั ษร ข. สาเหตใุ นการศกึ ษา วตั ถุประสงค์ ประโยชน์ทคี่ าดวา่ ง. เรยี งตามลาดบั ตาแหน่งหน้าทใี่ นการทาโครงงาน จะไดร้ บั ขอบเขต ขนั้ ตอน วธิ กี าร 12. ขอ้ ใดไมป่ รากฏในการเขยี นทมี่ าของโครงงาน ค. วตั ถุประสงค์ สาเหตุในการศกึ ษา ประโยชน์ทคี่ าดว่า ก. สาเหตทุ ท่ี าโครงงาน จะไดร้ บั ขอบเขต ขนั้ ตอน วธิ กี าร ข. เหตุจูงใจในการทาโครงงาน ง. ขอบเขต ขนั้ ตอน วธิ กี าร ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั ค. ผูท้ สี่ นับสนุนในการทาโครงงาน สาเหตใุ นการศกึ ษา วตั ถุประสงค์ ง. การวางแผนปฏบิ ตั งิ านในการทาโครงงาน 15. “มกี ารอภปิ ราย หรอื ขอ้ เสนอแนะในประเดน็ การศกึ ษา เรอ่ื งทส่ี ามารถศกึ ษาตอ่ ยอด” ขอ้ ความน้กี ล่าวถงึ การ เขยี นสว่ นใดของรายงาน ก. สรุป ข. บทนา ค. เน้อื หา ง. ภาคผนวก มฐ. ท 2.1 ม.3/6-7, 9 ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็ 15 เฉลย 1. ก 2. ค 3. ง 4. ข 5. ก 6. ง 7. ค 8. ข 9. ข 10. ค 11. ค 12. ง 13. ข 14. ก 15. ก 311 หลกั ภาษาฯ ม.3

แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. ภาษาทใี่ ชใ้ นการเขยี นชอ่ื โครงงาน ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร 5. การเขยี นในขอ้ ใดมลี กั ษณะคลา้ ยกบั การเขยี นอธบิ าย ก. ใชภ้ าษาทเ่ี ป็นแบบแผน และใชถ้ อ้ ยคาทมี่ คี วามหมาย ก. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ลกึ ซง้ึ ข. การเขยี นรายงาน ข. ใชภ้ าษาตรงไปตรงมา สอ่ื ความหมายไดอ้ ยา่ งชดั เจน ค. การเขยี นโตแ้ ยง้ ค. ใชภ้ าษาทนั สมยั เรา้ ใจผอู้ า่ น ง. การเขยี นชแ้ี จง ง. ใชภ้ าษาเขา้ ใจง่าย 6. เร่อื งทน่ี ามาเขยี นอธบิ าย ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร 2. การเขยี นชอ่ื สมาชกิ ทรี่ บั ผดิ ชอบโครงงาน ก. เรอ่ื งทใ่ี หค้ วามรู้ ความคดิ และนาไปปฏบิ ตั ติ ามได้ จะต้องเรยี งลาดบั อย่างไร ข. เร่อื งทน่ี ่าสนใจ น่ารู้ และตอ้ งการคาอธบิ าย ก. เรยี งตามลาดบั ตาแหน่งหน้าทใ่ี นการทาโครงงาน ค. เรอ่ื งทเี่ ป็นประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ข. เรยี งตามลาดบั ตวั อกั ษร ง. เร่อื งทที่ นั สมยั ค. เรยี งตามเพศชาย หญงิ ง. เรยี งตามเลขท่ี 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่วธิ กี ารเขยี นอธบิ าย 3. ขอ้ ใดไมป่ รากฏในการเขยี นทม่ี าของโครงงาน ก. เขยี นโดยยกเหตุผล และมตี วั อย่างประกอบชดั เจน ข. เขยี นเรยี งลาดบั ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั ิ ก. การวางแผนปฏบิ ตั งิ านในการทาโครงงาน ค. ใชถ้ อ้ ยคาทก่ี ระชบั รดั กุม ข. ผูท้ สี่ นับสนุนในการทาโครงงาน ง. ใชภ้ าษาทเ่ี ขา้ ใจง่าย ค. เหตุจงู ใจในการทาโครงงาน 8. บคุ คลใดเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ไมถ่ กู ต้องตามหลกั การ ง. สาเหตทุ ท่ี าโครงงาน 4. บทนาของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ เขยี นเรยี งลาดบั ก. ปลา ตอ้ งการเขยี นเพอ่ื ใหเ้ กดิ การปรบั ปรุง ขนั้ ตอนอย่างไร เปลยี่ นแปลง พฒั นาไปในทางทดี่ ี ก. ขอบเขต ขนั้ ตอน วธิ กี าร ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั ข. ปู เขยี นโดยใชข้ อ้ มูลในการนาเสนอทถี่ กู ตอ้ ง สาเหตใุ นการศกึ ษา วตั ถุประสงค์ ค. หอย เขยี นเพอ่ื ชกั จงู เกลย้ี กล่อมผูอ้ ่นื ข. วตั ถุประสงค์ สาเหตใุ นการศกึ ษา ประโยชน์ทคี่ าดว่า ง. กงุ้ ไม่มอี คตใิ นเร่อื งทเ่ี ขยี น 9. ขอ้ ใดแสดงว่า เลอื กเร่อื งทเี่ ขยี นรายงานศกึ ษาคน้ ควา้ จะไดร้ บั ขอบเขต ขนั้ ตอน วธิ กี าร ไม่ถกู ต้องตามหลกั การ ค. สาเหตใุ นการศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์ ประโยชน์ทค่ี าดวา่ ก. น้า เลอื กเร่อื งทผี่ ูอ้ า่ นสนใจ เหมาะสมกบั ผูอ้ า่ น จะไดร้ บั ขอบเขต ขนั้ ตอน วธิ กี าร และเป็นประโยชน์ต่อผูอ้ า่ น ง. สาเหตใุ นการศกึ ษา วตั ถุประสงค์ ขอบเขต ขนั้ ตอน ข. นงค์ เลอื กเร่อื งทต่ี นมคี วามสนใจและมปี ระสบการณ์ วธิ กี าร ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั ค. นอ้ ง เลอื กเร่อื งทย่ี งั ไมม่ ผี ูเ้ ขยี น หรอื ยงั ไมแ่ พร่หลาย ง. นิด เลอื กเร่อื งทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงในสงั คม 312 หลกั ภาษาฯ ม.3

10. “มกี ารอภปิ ราย หรอื ขอ้ เสนอแนะในประเดน็ การศกึ ษา 13. การใชข้ อ้ มลู ภาคสนามในการทารายงานการศึกษา เร่อื งทส่ี ามารถศกึ ษาตอ่ ยอด” ขอ้ ความน้กี ลา่ วถงึ การ คน้ ควา้ ทาไดโ้ ดยวธิ ใี ด เขยี นสว่ นใดของรายงาน ก. ผูท้ ารายงานตอ้ งรวบรวมขน้ึ จากการทดลอง ก. ภาคผนวก การสมั ภาษณ์ การสงั เกต และอ่นื ๆ ข. เน้อื หา ข. ผูท้ ารายงานต้องรวบรวมจากเอกสารทย่ี งั ไม่ได้ ค. บทนา เผยแพร่ ง. สรปุ ค. ผูท้ ารายงานต้องรวบรวมจากส่อื ทม่ี คี วามหลากหลาย ง. ผูท้ ารายงานต้องรวบรวมจากการขุดคน้ ในสถานทจี่ รงิ 11. ขอ้ ใดในส่วนทบ่ี อกใหท้ ราบถงึ สง่ิ ทต่ี ้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ เมอ่ื สน้ิ สดุ โครงงาน 14. ขอ้ ใดไม่ใช่สว่ นประกอบตอนตน้ ของรายงานการศกึ ษา ก. หลกั วชิ าทน่ี ามาใชใ้ นการทาโครงงาน ข. วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการทาโครงงาน คน้ ควา้ ค. จดุ ประสงคข์ องโครงงาน ก. กติ ตกิ รรมประกาศ ง. ผลทค่ี าดหวงั ข. ภาคผนวก ค. สารบญั 12. ขอ้ ใดเขยี นบรรณานุกรมหนงั สอื เลม่ ไดถ้ กู ต้อง ง. คานา ก. ธรี ภาพ โลหติ กุล. แพรวสานกั พมิ พ.์ 2551. จดหมาย 15. ถา้ นกั เรยี นตอ้ งการทาโครงงานเพอ่ื รวบรวมขอ้ มลู ถึงสายน้าบนั ทึกถงึ ขวญั ขา้ ว เกยี่ วกบั เพลงพน้ื บา้ นในทอ้ งถนิ่ ควรจดั ทาโครงงาน ประเภทใด ข. ธรี ภาพ โลหติ กุล. แพรวสานกั พมิ พ,์ จดหมายถงึ ก. โครงงานทเี่ ป็นการศึกษาทฤษฎี หลกั การ สายน้าบนั ทึกถงึ ขวญั ข้าว, 2551. ข. โครงงานทเี่ ป็นการประดษิ ฐ์ คดิ คน้ ค. โครงงานทเ่ี ป็นการสารวจ ค. ธรี ภาพ โลหติ กลุ . 2551. จดหมายถงึ สายน้า ง. โครงงานคน้ ควา้ ทดลอง บนั ทึกถึงขวญั ขา้ ว. กรุงเทพมหานคร : แพรวสานกั พมิ พ.์ ง. ธรี ภาพ โลหติ กุล. จดหมายถงึ สายน้าบนั ทึกถงึ ขวญั ขา้ ว. แพรวสานกั พมิ พ.์ 2551 มฐ. ท 2.1 ม.3/6-7, 9 ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็ 15 เฉลย 1. ข 2. ข 3. ก 4. ง 5. ง 6. ข 7. ก 8. ค 9. ง 10. ง 11. ค 12. ค 13. ก 14. ข 15. ค 313 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การเขียนเพอ่ื การส่ือสาร 2 เรื่องท่ี 1 การเขยี นอธิบาย ชี้แจง โต้แย้ง แสดงความคิดเห็นอย่างมเี หตุผล แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเขียนอธิบาย ชี้แจง 1 ชวั่ โมง โต้แยง้ แสดงความ คิดเหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ในเร่อื งต่างๆ จะตอ้ งมเี หตุผลประกอบใหช้ ดั เจน 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.3/6 เขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ อยา่ งมเี หตุผล 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - เขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ อย่างมเี หตุผลได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง - การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ในเรอ่ื งตา่ งๆ 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 314 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขยี นเพ่ือการสื่อสาร 2 เร่ืองท่ี 1 การเขยี นอธบิ าย ช้ีแจง โต้แย้ง แสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 คคู่ ิด...ค 2. ครูอา่ นบทความเรอ่ื ง อคต.ิ ..สาวเหนอื เราไม่ใช่สาวเครอื ฟ้า ใหน้ กั เรยี นฟัง 3. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั วธิ กี ารเขยี นบทความเรอ่ื งน้ี 4. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • จากเรอื่ งท่ีนามาอ่านให้ฟัง นกั เรยี นคิดวา่ ผ้เู ขียนเรอ่ื งนี้มคี วามร้สู ึกอย่างไรต่อคากลา่ วหา สาวเหนือ และเรอื่ งนี้มลี กั ษณะเป็นงานเขยี นประเภทใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 5. ครนู าเสนอเรอ่ื ง การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความ คดิ เหน็ ถงึ ความแตกตา่ งในการเขยี นแต่ละวธิ ี 6. ครแู บง่ นักเรยี นออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เกง่ ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งออ่ น และออ่ น แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง โตแ้ ยง้ แสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตุผล จากหนงั สอื เรยี น 7. นกั เรยี นแต่ละคนทาใบงานที่ 6.1 เร่ือง การเขยี นชีแ้ จง และเขยี นแสดงความคิดเหน็ เม่อื ทาเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ นาสง่ ครตู รวจ 8. ครูตรวจใบงานท่ี 6.1 แลว้ นาคะแนนของสมาชกิ ทุกคนในกลุ่มมารวมกนั เป็นคะแนนกลุ่ม พรอ้ มประกาศ ชมเชยกลุม่ ทม่ี คี ะแนนเฉลย่ี สงู สุด และรองลงมาเรยี งตามลาดบั 9. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • ถา้ นักเรยี นต้องการบอกขอ้ เทจ็ จริงให้ผ้อู า่ นทราบ นักเรยี นควรจะเขียนในลกั ษณะใด เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 10. นักเรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ กยี่ วกบั หลกั การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง โตแ้ ยง้ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตุผล เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ และนาไปปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) ตรวจใบงานที่ 6.1 ใบงานท่ี 6.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และม่งุ มนั่ ในการทางาน 315 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การเขียนเพื่อการสื่อสาร 2 เร่ืองที่ 1 การเขียนอธบิ าย ชี้แจง โต้แย้ง แสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล 8 สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) บทความ 3) ใบงานท่ี 6.1 เร่อื ง การเขยี นชแ้ี จง และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ — 316 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขียนเพอ่ื การส่ือสาร 2 เร่ืองที่ 1 การเขียนอธบิ าย ช้ีแจง โต้แย้ง แสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล เอกสารประกอบการสอน อคติ...สาวเหนือ เราไม่ใช่สาวเครอื ฟ้า ผ่านมากวา่ สามสปั ดาห์แลว้ สงั คมลา้ นนายงั คงวพิ ากษว์ จิ ารณก์ นั ไม่จบไม่สน้ิ ถงึ ตะกอนน้าลาย กรณีทเ่ี อกยุทธ อญั ชนั บตุ ร พดู จาหมน่ิ หยามศกั ดศิ์ รขี อง “สาวเหนอื ” โดยตวี วั กระทบคราดไปถงึ นายกรฐั มนตรหี ญงิ ทเ่ี ป็นสาวสนั กาแพง ว่ามคี ่าเพยี งแค่ “สาวขายบรกิ ารทางเพศ” (ปัจจบุ นั เราเรยี กอาชพี น้วี ่า “พนกั งานบรกิ าร” ถอื ว่าเป็นงานเล้ยี งชพี ทมี่ เี กยี รติ เหมอื นกนั กบั ทกุ ๆ อาชพี ) อนั ทจี่ รงิ คอลมั น์น้ไี มอ่ ยากเสยี เน้อื ทใ่ี หก้ บั ตรรกะวบิ ตั ขิ องเหลา่ “สลม่ิ แมงสาป” (ไมใ่ ชซ่ ่าหรมิ่ ไมใ่ ช่แมลงสาบ) เทา่ ใดนัก แตไ่ ดร้ บั ปากกบั เพ่อื นๆ เครอื สหายในเฟซบกุ๊ ไวแ้ ลว้ ทอ่ี ยากฟังมุมมองของ “สะใภ้เมอื งเหนือ” ทแี่ มจ้ ะเกดิ -โต ทก่ี รุงเทพฯ ซ้ายงั มสี ายเลอื ดปักษ์ใต้รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์กต็ ามที สาวเหนือไม่ใช่สาวเครือฟ้า ภาพลกั ษณ์ของสาวเหนือทถ่ี กู เสกสรรปั้นแต่งมอบมาใหค้ นไทยทงั้ ประเทศรูจ้ กั นนั้ คอื ภาพของ “สาวเครอื ฟ้า” หรอื ภาพสะทอ้ นสาวสวย โง่ ซ่อื ออ่ นแอ ไมท่ นั โลก ถูกหลอก งา่ ยตอ่ การล่อลวงทางเพศ แม้ฉากจบจะดูโรแมนตกิ ใน ลกั ษณะของหญงิ สาวท่ี “บชู าความรกั เป็นสรณะ” กต็ าม ก่อนจะตดั สนิ และใส่สมการวา่ สาวเหนือคอื สาวเครอื ฟ้านนั้ สงั คมไทยควรมคี วามรูเ้ ป็นภมู คิ มุ้ กนั สกั เลก็ น้อยวา่ แทจ้ รงิ แลว้ สาวเครอื ฟ้าไมม่ อี ยู่จรงิ ไมใ่ ช่เร่อื งจรงิ ในเมอื งเหนอื มนั เป็นเพยี งนิยายประโลมโลกทอ่ี ามาตยส์ ยามได้ จนิ ตนาการขน้ึ ตามแรงปรารถนาทางเพศของพวกเขา แลว้ ยดั เยยี ดมายาภาพนนั้ ใหแ้ ก่สาวเหนอื เรอ่ื งราวสาวเครอื ฟ้าถูกปั้นใหม้ ตี วั มตี นโลดแล่นบนแผ่นฟิลม์ ยุคหนังไทย 16 มม. ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2499 โดยนา บทประพนั ธล์ ะครรอ้ งของกรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ (พระองคเ์ จา้ วรวรรณากร) ผูใ้ ช้นามแฝงวา่ ประดษิ ฐอ์ กั ษร มาทาเป็นภาพยนตร์ กรมพระนราธปิ ฯ นนั้ เลา่ กท็ รงมาดดั แปลงเคา้ โครงหรอื Theme เรอ่ื งมาจากอุปรากรชอ่ื กอ้ งโลก “มาดามบตั เตอรฟ์ ลาย” ของจาโกโมปชุ ชนี ี ซ่งึ ไดต้ น้ เคา้ มาจากนวนยิ ายของ จอหน์ ลเู ธอรล์ อง อกี ตอ่ หนงึ่ เร่อื งมาดามบตั เตอรฟ์ ลายนนั้ มที ้องเรอ่ื งอยู่ในประเทศญ่ปี ่นุ กป็ รบั เปลยี่ นใหเ้ ป็นเชยี งใหม่ บทนางเอกสาวโจโจซ้ งั สาวเครอื ฟ้า ช่างฟ้อนผูห้ วานหยาดเยม้ิ และไม่ประสปี ระสาต่อความรกั เสยี น่กี ระไร ในขณะทพ่ี ระเอกเดมิ เป็นนายเรอื เอก พงิ เคอรต์ นั ชาวอเมรกิ นั กลายเป็นรอ้ ยตรพี รอ้ ม หนุ่มปากหวานผูถ้ ูกจบั คลมุ ถงุ ชนให้มภี รรยาชาวกรงุ ใหม่อกี คนชอ่ื จาปา เหน็ หรอื ยงั วา่ “สาวเครอื ฟ้า” นนั้ ไดร้ บั การอมิ พอรต์ กนั มามริ ูก้ ที่ อดตอ่ กท่ี อด กวา่ จะถกู จบั มานงั่ กางจอ้ งนุ่งซนิ่ ที่ เมอื งเชยี งใหม่ ชะตาชวี ติ ของสาวเครอื ฟ้าไม่เพยี งแตส่ ง่ ตรงมาจากขุนนางสยามภาคกลางเท่านนั้ ทวา่ จดุ เรม่ิ ต้นแห่งการ ปฏสิ นธยิ งั นบั เอาแนวคดิ ของตะวนั ตกผสมญป่ี ่นุ มาเตม็ ๆ อกี ดว้ ย หากมองในแงว่ ชิ าการถอื วา่ “สาวเครอื ฟ้า” เป็น วรรณกรรมทน่ี ่าจบั ตามองในยุคเปลย่ี นผ่านทนี่ กั ประพนั ธ์แถวหน้าของสยามกลา้ ดดั แปลงเคา้ โครงเร่อื งจากตะวนั ตกมาสู่ บทละครไทย นักเขยี นชนั้ ครกู ลุม่ สภุ าพบุรุษในยุคต่อมาหลายคน เชน่ ศรบี รู พา เขยี นเรอ่ื งขา้ งหลงั ภาพ หรอื เรยี มเอง แต่งเร่อื งชวั่ ฟ้าดนิ สลาย ต่างกร็ บั อทิ ธพิ ลมาจากกรมพระนราธปิ ฯ ทงั้ สน้ิ กล่าวคอื นกั เขยี นไฟแรงยุคนนั้ ไดห้ นั หลงั ให้กบั พลอ็ ตเร่อื งแนวอเี รยี ม ไอข้ วญั ตามอย่างไมเ้ มอื งเดมิ ดว้ ยการ เปลยี่ นคาแรก็ เตอรใ์ นลกั ษณะหญงิ สองใจทจี่ าทนแตง่ งานกบั ชายแกส่ งู ศกั ดิ์ แต่แลว้ กล็ งเอยดว้ ยการพบรกั ใหม่กบั Bad Boy ชายพเนจร เถ่อื น ทราม แตเ่ รา้ ใจ ทงั้ ขา้ งหลงั ภาพและชวั่ ฟ้าดนิ สลายตา่ งกม็ กี ลน่ิ อายละมา้ ยพลอ็ ตเรอ่ื ง Out of Africa ไมย่ งิ่ หยอ่ นไปกว่ากนั 317 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การเขยี นเพื่อการสื่อสาร 2 เรื่องที่ 1 การเขียนอธิบาย ช้ีแจง โต้แย้ง แสดงความคิดเห็นอย่างมเี หตผุ ล สาวเครอื ฟ้าไดก้ ลายเป็นบรรทดั ฐานของหนังไทยยคุ ต่อมา เหมอื นตาบอดขา้ งเดยี วจงู ฝงู คนตาบอด หรอื ตงั้ นะโมฯ ผดิ แตต่ อนเรม่ิ สวดกลายเป็นยง่ิ ตอกยา้ คา่ นิยมใหค้ นทวั่ ไปมองเหน็ ภาพลกั ษณ์ของสาวเหนอื ทบ่ี ดิ เบอื น ตามตดิ ดว้ ยเรอ่ื ง วงั บวั บาน แม่อายสะอน้ื ทเี่ น้นโศกนาฏกรรมของสาวเหนือในเชงิ ถูกทารณุ กรรมทางเพศ ถูกเหยยี บย่าศกั ดศิ์ รี พ่ายแพ้ ถกู ทอดท้งิ แลว้ ลงทา้ ยดว้ ยการสงั เวยชวี ติ หากไม่กระโดดหน้าผา กต็ อ้ งเอามดี จว้ งทที่ อ้ ง คอื พยายามเลยี นแบบโจโจซ้ งั ซ่งึ วฒั นธรรมของญป่ี ่นุ เขามกี ารใชม้ ดี ควา้ นทอ้ งแบบฮาราครี ี มุมหนึง่ ดูคลา้ ยจะยกยอ่ งวา่ สาวเหนอื ช่างน่าสรรเสรญิ เสยี ลน้ พ้น ชา่ งรกั เดยี วใจเดยี ว มหี วั ใจเดด็ เดย่ี ว แตอ่ กี มุมหน่ึงนนั้ ภาพของสาวเหนือไดถ้ ูกประทบั ตราบาปใหก้ ลายเป็นเคร่อื งเลน่ ทางเพศ ปรนเปรอบุรษุ อยา่ งเปรมปรดี ิ์ เม่อื พดู ถงึ คาว่า สาวเหนือ ไม่ว่าปิดตากจ็ ะมคี นเหน็ แตภ่ าพผหู้ ญงิ โง่ ใจง่าย ไม่รกั นวลสงวนตวั ถกู หลอกซา้ แลว้ ซ้าเลา่ สวยแตร่ ปู จบู ไม่หอม ไรก้ ารศกึ ษา ดอกไมร้ มิ ทาง ดบั กระหายคลายห่นื ใหช้ ายหนุ่ม ครนั้ เบอ่ื แลว้ จะขยท้ี ้งิ เมอ่ื ไร กไ็ ด้ (ปรศิ นาโบราณคดี : เพญ็ สุภา สขุ คตะ ใจอนิ ทร)์ 318 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขียนเพื่อการสื่อสาร 2 เรื่องท่ี 1 การเขยี นอธิบาย ชี้แจง โต้แย้ง แสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตุผล ใบงานท่ี 6.1 การเขียนชี้แจง และเขียนแสดงความคิดเหน็ ตอนที่ 1 คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นเรอ่ื งทก่ี าหนด แลว้ เขยี นชแ้ี จงใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การเขยี น อนาคตอาชีพใดมแี ววสดใสหรือดบั วบู สงิ่ ทผี่ ูป้ กครองสมยั น้มี กั วติ กกงั วลเกย่ี วกบั อนาคตของลกู ๆ ไดแ้ ก่ เมอ่ื พวกเขาโตไปแลว้ จะสามารถหางานทาไดไ้ หม เพราะอยา่ งทรี่ ูๆ้ เดยี๋ วน้ปี รมิ าณงานเรม่ิ หายากขน้ึ เร่อื ยๆ ขณะทจี่ านวนประชากรมแี ต่เพมิ่ ขน้ึ ทุกวนั สงั เกตดเู ถอะทไี่ หนเปิดรบั สมคั รงานเม่อื ไหร่ ถา้ เป็นหน่วยงานทม่ี ชี อ่ื เสยี งละ่ ก็ ไมว่ ่าจะเป็นภาครฐั หรอื ภาคเอกชน อหู้ .ู .. จะมคี นแห่ไปสมคั รงานกนั เป็นพนั เป็นหม่นื แตม่ ตี าแหน่งงานทเ่ี ปิดรบั เพยี ง 1-2 คน เท่านัน้ หรอื ตอ่ ให้ เป็นหน่วยงานทไ่ี ม่มชี ่อื เสยี งโดง่ ดงั บางทยี งั มคี นแห่ไปสมคั รเพยี บเชน่ กนั เหตนุ ้กี ารสมคั รงานจงึ ต้องใชว้ ธิ ดี าวกระจาย คอื สมคั รไปหลายๆ แห่ง เผอ่ื เอาไว้ ถา้ หน่วยงานน้ไี มไ่ ด้ อาจมหี น่วยงานอ่นื ทเ่ี ลง็ เหน็ ในความอุตสาหะและคุณสมบตั ทิ ่ี โดดเด่นเกดิ รบั ขน้ึ มากแ็ จ๋วไปเลย คาถามกค็ อื แลว้ บุตรหลานของเรามคี วามสามารถอะไรเจง๋ เป้งนอกเหนือไปจากคนอ่นื ไหม ซง่ึ ถา้ มอี ย่างเช่นมแี วว ทจ่ี ะเรยี นรูส้ งิ่ ตา่ งๆ ไดเ้ รว็ หรอื ทเี่ รยี กสนั้ ๆ วา่ หวั ไว สามารถเขา้ ใจอะไรไดง้ ่าย (แต่ควรหวั ไวในสง่ิ ทถี่ ูกทคี่ วรดว้ ยนะ) กม็ กั จะไดเ้ ปรยี บผูส้ มคั รคนอ่นื ๆ แต่อยากชใ้ี หเ้ หน็ ลกึ ลงไปวา่ ในบางอาชพี ทตี่ ้องการความเชย่ี วชาญพเิ ศษหรอื วชิ าชพี บางอยา่ งนนั้ ตอ้ งการผทู้ จี่ บ การศกึ ษาทางดา้ นนนั้ ๆ มาโดยตรง ไม่ใช่แคต่ อ้ งการคนหวั ไวอย่างเดยี วเท่านนั้ เชน่ งานทางดา้ นสถติ ิ ทนายความ แพทย์ หรอื พยาบาล ฯลฯ ใครจะทางานเหลา่ น้ีได้ กต็ ้องเรยี นใหจ้ บจากคณะทส่ี อนในสายงานนนั้ จรงิ ๆ ดงั นนั้ จงึ มผี ูว้ เิ คราะห์ ใหฟ้ ังวา่ คนเราจะประหยดั อะไรกป็ ระหยดั มธั ยสั ถไ์ ปเถอะ แตส่ าหรบั การวางรากฐานอนาคตของลกู ดา้ นการศกึ ษานี่ หา้ มประหยดั เดด็ ขาด ทว่ากข็ น้ึ อยู่กบั มนั สมองของเดก็ ดว้ ยนะ เพราะมเี หมอื นกนั ทพ่ี ่อแมท่ ุ่มเทใหล้ กู ด้านการศกึ ษา มากมาย แต่ลกู ดนั ไปเลอื กเรยี นอะไรกไ็ มร่ ู้ทม่ี แี วววา่ จบมาแลว้ จะหางานยาก หรอื ตลาดแรงงานไม่ไดต้ อ้ งการผจู้ บ ทางดา้ นน้เี ท่าไร อย่างน้ลี งทุนไปกเ็ ท่านัน้ ฉะนนั้ ผูป้ กครองควรทาหนา้ ทเี่ ป็นโค้ชคอยแนะแนวทางอนาคตใหล้ ูกๆ ดว้ ย จะเลศิ มาก ถามว่า อาชพี อะไรล่ะ ทมี่ อี นาคตสดใส แน่ๆ กอ็ าชพี ในดา้ นของการรกั ษาพยาบาลไงละ่ ต่อใหส้ ารวจกคี่ รงั้ กห่ี น กย็ งั เป็นอาชพี ทไ่ี มต่ กเทรนด์ เพราะคนเรายงั ไงกต็ อ้ งมวี นั เจบ็ ป่วย ดงั นนั้ หมอหรอื พยาบาลนี่ ถ้าเรยี นจบกร็ บั รองไดว้ า่ มงี านใหท้ าแน่ๆ แตเ่ ป็นอาชพี ทต่ี อ้ งการความรบั ผดิ ชอบสูงเอาการ อาชพี ผูจ้ ดั การด้านโซเชยี ลมเี ดยี ขององคก์ รตา่ งๆ น่ีกาลงั รุ่ง เน่อื งจากหลายหน่วยงานใชโ้ ซเชยี ลมเี ดยี เป็นเคร่อื งมอื ทาการตลาด ตดิ ต่อส่อื สารกบั ลกู คา้ มากขน้ึ ไม่วา่ จะผ่านทางเฟซบกุ๊ หรอื ทวติ เตอร์ งานในสายของเทคโนโลยชี วี ภาพ เป็นวทิ ยาการทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ทน่ี าสง่ิ มชี วี ติ หรอื ผลผลติ ของสง่ิ มชี วี ติ ไปแปรรูปเป็นอาหารหรอื ยา แตถ่ า้ อยากเรยี นรูเ้ รอ่ื งนาโนเทคโนโลยกี แ็ จ๋ว 319 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การเขียนเพอ่ื การสื่อสาร 2 เรื่องที่ 1 การเขยี นอธิบาย ช้ีแจง โต้แย้ง แสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล ดา้ นนติ ยสารฟอรบ์ สท์ ชี่ อบรายงานอนั ดบั ของเศรษฐนี นั้ ไดท้ านายวา่ อาชพี ทจี่ ะยงั คงมอี ยู่ไปเรอ่ื ยๆ นบั จากน้ไี ปอกี หลายปี ไดแ้ ก่ นกั การเมอื ง สปั เหร่อ งานจดั เกบ็ ภาษี ชา่ งทาผม ศลิ ปิน ผูใ้ หค้ วามบนั เทงิ ทหาร สว่ นอาชพี ทว่ี ่ากนั ว่าจะ หมดไปในอนาคต เช่น พนักงานเกบ็ เงนิ หรอื แคชเชยี ร์ คนงานเหมอื ง คนงานกอ่ สรา้ ง เพราะจะมเี ทคโนโลยใี หม่ๆ และ หนุ่ ยนตม์ าทาแทนไงล่ะ ทีม่ า : หนงั สอื พมิ พไ์ ทยรฐั ฉบบั วนั ที่11 ธนั วาคม 2554. 320 หลกั ภาษาฯ ม.3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook