ปาฬิสกิ ขา และสัททสังเขป โดย พระอาจารยช์ นกาภิวังสะ อัครมหาบณั ฑติ
ชอื่ หนังสือ : ปาฬสิ กิ ขา และสัททสังเขป ISBN : 978-616-565-558-3 จดั ท�าโดย : วดั ทา่ มะโอ ต.เวยี งเหนอื อ.เมือง จ.ล�าปาง ผู้แตง่ : พระอาจารย์ชนกาภิวังสะ อคั รมหาบัณฑติ ผแู้ ปล : พระนนั ทะสริ ี ตรวจทาน : พระนนั ทะสริ ี พระมหาธิติพงศ ์ อตุ ตฺ มปญโฺ ญ วัน/เดือน/ปพี มิ พ์ : ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พิมพ์ครง้ั ที ่ ๒ : จ�านวน ๒,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์เผยแผเ่ ปน็ ธรรมทาน โดย สาธุชนรว่ มกนั เปน็ เจา้ ภาพ สถานทพี่ มิ พ ์ : หา้ งหนุ้ ส่วนจ�ากดั ประยรู สาส์นไทย การพมิ พ์ ๔๔/๑๓๒ หม่ ู ๖ ถนนกา� นัลแมน้ แขวงบางขนุ เทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ๑๐๑๕๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๘๒๐ ๐๓๗๗, ๐ ๒๘๐๒ ๐๓๗๙ โทรสาร ๐ ๒๘๐๒ ๐๓๗๘ มือถอื 08-1566-2540
ปาฬสิ กิ ขา และสัททสังเขป โดย พระอาจารย์ชนกาภวิ งั สะ อัครมหาบัณฑติ สิกฺขํ ปาฬึ สติ ากาโร สิกขฺ ํ ปาฬึ สิขํ กร,ํ สกิ ฺขิตวฺ าน สิตตฺโถ โย สกิ ฺขตตฺ ยํ สขิ ํ กเร. บุคคลใด ศึกษาภาษาบาฬี มีความยินดี ศึกษาปาฬิสิกขา ให้ส�าเร็จ ยง่ิ แล้ว ขอใหบ้ คุ คลนน้ั จงชว่ ยทา� ศาสนาให้เจริญถงึ ที่สดุ ดว้ ยเถดิ
ค�ำน�ำ (ในการพิมพ์ครั้งท่ี ๑) คัมภีร์ในไวยากรณ์ทั้งหลายมีคัมภีร์กัจจายนไวยากรณ์เป็นต้น ได้ชื่อว่าเป็นทางไปสู่ พระไตรปฎิ ก ฉะน้นั ผู้ท่ีปรารถนาจะท่องเท่ียวไปในพระไตรปฎิ ก กจ็ ำ� ตอ้ งไปโดยทางไวยากรณ์ สายนี้เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันผู้ท่ีก�ำลังเดินอยู่ในทางสายนี้ส่วนมากมักจะเลี่ยงลงข้างทาง ไปบ้าง เกิดความท้อแท้แล้วไปสู่ทางอื่นเสียบ้าง ฉะน้ันผู้ที่มีความสามารถท่องเท่ียวไปใน พระไตรปิฎกจึงมีจ�ำนวนน้อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคัมภีร์ไวยากรณ์เหล่านั้นกว้างขวางมาก กำ� หนดจดจำ� ไดย้ าก จงึ ไมเ่ หมาะทจี่ ะนำ� มาเปน็ หลกั สตู รของนกั ศกึ ษาบาลชี น้ั เบอื้ งตน้ ในสมยั นี้ เพราะฉะนั้นท่านอาจารย์ ชนกาภิวํส (อคฺคมหาปณฺฑิต) จึงได้เขียนไวยากรณ์ย่ออันมีชื่อว่า ปาฬสิ กิ ขฺ า และ สททฺ สงเฺ ขป ขนึ้ เพอื่ เปน็ หลกั สตู รของนกั ศกึ ษาเหลา่ นนั้ หนงั สอื นเี้ ปน็ หนงั สอื เลม่ เลก็ ๆ เลม่ หนง่ึ กจ็ รงิ แตก่ ส็ ามารถขา้ มมหาสมทุ รคอื พระไตรปฎิ กไดเ้ หมอื นกบั กงุ้ ถงึ จะตวั นอ้ ยนดิ แตก่ ส็ ามารถขา้ มทะเลหลวงไดเ้ ชน่ กนั ในประเทศพมา่ นนั้ พวกนกั ศกึ ษา อาศยั หนงั สอื เล่มนี้แล้วเป็นผู้ช�ำนาญภาษาบาลีมีมิใช่น้อย และข้าพเจ้าก็เช่นกัน อาศัยหนังสือเล่มนี้แล้ว ได้รบั ปรญิ ญาปาฬิปารคู จากรฐั บาลพม่า คร้ันต่อมา พ.ศ. ๒๕๒๗ ข้าพเจ้าได้มาอยู่ในประเทศไทย สามเณรจ�ำรูญ ธรรมดา ได้ขอใหข้ า้ พเจ้าสอนภาษาพมา่ เพ่อื จะไปเรยี นพระไตรปิฎกตอ่ ทป่ี ระเทศพม่า ดงั นน้ั ข้าพเจา้ จึงสอนเขาโดยใช้หนังสือเล่มดังกล่าวมาแล้วนั้น โดยวิธีแปลมาจากภาษาพม่าเป็นภาษาไทย ดว้ ยหวงั วา่ สามเณรจะเขา้ ใจภาษาพมา่ ไดโ้ ดยงา่ ย และอกี ประการหนง่ึ เมอ่ื สอนจบแลว้ กจ็ ะได้ หนงั สอื ปาฬสิ กิ ขฺ า ฉบบั อกั ษรไทย ไวเ้ ปน็ คมู่ อื ของนกั ศกึ ษาภาษาบาลเี บอื้ งตน้ ดว้ ย และความหวงั ของข้าพเจ้าก็สัมฤทธิ์ผล เม่ือภิกษุสามเณรได้มาขอต้นฉบับที่เป็นตัวเขียน ไปถ่ายเอกสาร นำ� มาสอนบา้ ง เรียนบ้าง ตอ่ มาก็ได้พิมพต์ ้นฉบบั เป็นรปู เล่มเรยี บรอ้ ยแล้ว ก็ในขณะน้ันข้าพเจ้ามีความเข้าใจในภาษาไทยน้อยอยู่ ดังน้ันการแปลเป็นส�ำนวน ภาษาไทย จงึ เปน็ ภาระของสามเณรจำ� รญู ฉะนน้ั จงึ กลา่ วไดว้ า่ สามเณรจำ� รญู เปน็ ผแู้ ปลหนงั สอื เล่มนี้ ก็ในหนังสือเล่มน้ีประกอบด้วย ปาฬิสิกฺขา, สทฺทสงฺเขป และแบบฝึกหัดในการพูด การเขยี นและประโยคพิเศษทา้ ยหนงั สือ กใ็ นปาฬิสกิ ขฺ าน้ี บทเรียนหนึง่ ๆ ยังจ�ำแนกออกเป็น ๓ สว่ นคือ ใหแ้ ปลประโยคภาษาบาลีเป็นภาษาไทย กลับภาษาไทยเขยี นให้เปน็ ภาษาบาลี และ
ข ข้อควรทราบ ในประโยคภาษาบาลีที่จะแปลเป็นไทยน้ัน นักศึกษาควรท่องให้คล่องปากก่อน แล้วจึงแปล และในขณะแปลก็ดี ขณะเขียนก็ดี หากจ�ำศัพท์ไม่ได้ ก็ให้ดูในข้อควรทราบ ในขณะเขียน ก็ควรสังเกตประโยคบาลีที่เราแปลไปแล้วนั้นเป็นตัวอย่าง ก็บทเรียนหนึ่ง ๆ มที ้ังแปล และเขยี นเช่นนี้ จึงควรเรยี นบทเรยี นละ ๒ วัน โดยวนั แรกทอ่ ง และแปล ตอ่ มา วนั ท่ี ๓ จงึ เขยี น บทในบาลมี ีอยู่ ๔ บท คือ นามบท อาขยาตบท อุปสคั บท และนิบาตบท กใ็ นบท ทั้ง ๔ นน้ั ในประโยคหน่งึ ๆ มีนามบทเป็นส่วนมาก รองลงมา ก็อาขยาต นิบาตมีส่วนน้อย อุปสคั บทน้นั ตดิ อยูข่ ้างหนา้ ของบทอ่นื ๆ มอี าขยาตเป็นตน้ แลว้ ดังน้ันครูผูส้ อนจงึ ควรสอน หนงั สอื เล่มน้ีวนั ละสองรอบ คือปาฬสิ ิกขฺ ารอบหนึง่ และสททฺ สงฺเขป รอบหนงึ่ ส่วนผ้ศู ึกษา ด้วยตนเองควรศึกษาสททฺ สงฺเขป (นามปทมาลา และอาขยาตปทมาลา) ก่อนเพือ่ จะได้เขา้ ใจ วภิ ัตตแิ ละวธิ สี �ำเรจ็ รปู แลว้ จงึ ศกึ ษา ปาฬสิ ิกฺขา ในภายหลงั เม่อื นกั ศึกษาเรยี นจบ ปาฬิสิกฺขา และสททฺ สงเฺ ขป แล้ว ควรวดั ความเขา้ ใจของตัวเอง ด้วยการเรียนในแบบฝึกหดั การพดู การเขียน หากรวู้ า่ เรายังไม่เข้าใจดี กค็ วรเรียนปาฬสิ ิกขฺ า และสททฺ สงเฺ ขป อีกรอบหนึ่ง ก็จะเข้าใจในการพดู และการเขยี นขน้ึ อยา่ พงึ เบอื่ หน่ายในการ เรยี นซ�้ำ และในขณะเรยี น ครสู อนควรแบง่ นกั ศกึ ษาออกเปน็ สองฝา่ ยโดยใหฝ้ า่ ยหนงึ่ อา่ นบาลี และใหอ้ กี ฝา่ ยหนง่ึ แปล หรอื ถา้ มคี ำ� ถามคำ� ตอบกใ็ หฝ้ า่ ยหนง่ึ ถาม อกี ฝา่ ยหนงึ่ ตอบสลบั กนั ไป เชน่ นน้ี กั ศกึ ษากจ็ ะเรยี นกนั อยา่ งสนกุ สนาน ไมเ่ กดิ ความเบอื่ หนา่ ยในการศกึ ษาและยงั ไดช้ อ่ื วา่ ปพู ้ืนฐานของการเรียนพระไตรปิฎกให้นกั ศึกษาอกี ดว้ ย ข้าพเจ้าขอให้ผู้ท่ีได้ใช้หนังสือเล่มน้อยนี้ อันเปรียบเหมือนลูกศรชี้บอกทางลัดแก่ บคุ คลผู้เดินทาง จงบรรลุถงึ “ปาฬปิ ารค”ู เทอญ ปาฬิสิกฺขํ สุนสิ สฺ าย ภเวหํ ปาฬปิ ารคู, นสิ ฺสายมิ ํ ตถาญฺเปิ ภวนฺตุ ปาฬปิ ารค.ู พระนันทะสิรี วัดท่ามะโอ จ.ล�ำปาง ๑๒ กนั ยายน ๒๕๒๙
ค ค�ำน�ำ (ในการพมิ พค์ ร้งั ท่ี ๒) โสตนู ํ ปาทภาวาย ปาฬิสกิ ขฺ ํ สุมุทฺทติ ํ, เสตุํ กตวฺ าน โสตาโร โหนฺตุ เปฏกปารค.ู ขอนกั ศึกษาทง้ั หลายทำ� ปาฬิสิกขาท่ีจดั พิมพใ์ หม่อยา่ งดใี ห้เป็นสะพาน เพื่อความเปน็ บาทฐานของการศกึ ษา จงเป็นผู้ถึงฝั่งแหง่ พระไตรปฎิ กด้วยเทอญ พระนันทะสิรี วัดท่ามะโอ จ.ลำ� ปาง ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ฆ ค�ำปรารภ หนงั สอื \"ปาฬสิ ิกขา และสัททสังเขป\" เล่มน้ี เคยจดั พมิ พม์ าแลว้ ครั้งหนง่ึ เมอ่ื ๓๐ กวา่ ปที แี่ ลว้ หนงั สอื ดงั กลา่ วไดห้ มดมานานพอสมควร กอปรกบั ในปนี ้ี ทา่ นพระอาจารยน์ นั ทะ ไดก้ ลบั มาอยทู่ วี่ ดั ทา่ มะโอ และไดเ้ ปดิ เรยี นบาฬอี กี ครงั้ โดยทา่ นเรม่ิ สอนภาษาบาลจี าก \"ปาฬิ สกิ ขาและสทั ทสงั เขป\" เปน็ การปพู นื้ ฐาน โดยนำ� หนงั สอื เกา่ ไปถา่ ยเอกสารมาเรยี นมาสอน ซงึ่ มคี ่าจ่ายค่อนข้างสูง อกี อย่าง หนังสือปาฬสิ กิ ขาและสทั ทสังเขปเลม่ เกา่ ยังมีขอ้ บกพรอ่ งผดิ พลาดอยู่ส่วนหนึ่ง ทางญาติโยมจึงปรึกษาทางกระผมว่าควรจะท�ำอย่างไร กระผมก็ได้ให้ค�ำ แนะนำ� ไปว่า ควรจัดพมิ พ์ใหม่ เพือ่ ปรบั ปรงุ หนังสือ และจะได้ท�ำบุญแจกเป็นธรรมทานให้กับ ผสู้ นใจศกึ ษาภาษาบาฬอี กี ดว้ ย โดยกระผมเองไดร้ บั อาสาในการจดั ทำ� ตน้ ฉบบั ตรวจทาน และ จดั หาทนุ ในการจดั พมิ พถ์ วายให้ เพอื่ เปน็ การบชู าคณุ ของพระอาจารยน์ นั ทะทม่ี ตี อ่ กระผม และ ทดแทนบญุ คณุ พระอาจารยภ์ ทั ทนั ตธมั มานนั ทะ อดตี เจา้ อาวาสวดั ทา่ มะโอ ซงึ่ เปน็ ผฟู้ น้ื ฟบู าลี ใหญ่ใหเ้ กดิ ข้นึ กบั ประเทศไทยอีกครั้ง ในการจัดพมิ พ์คร้งั นี้ กไ็ ดร้ บั ความรว่ มมอื จากหลาย ๆ ฝ่าย จนหนงั สือสำ� เร็จออกมา สบู่ รรณพิภพอีกครัง้ ก็ต้องขออนโุ มทนากบั ทกุ ๆ ท่าน ที่รว่ มบญุ ในครง้ั นี้ ขอผลบุญในการพิมพ์หนังสือแจกเป็นธรรมทานครงั้ น้ี ส่งผลใหก้ บั ทุกๆ ทา่ นทีม่ ีส่วน ใหห้ นงั สอื \"ปาฬสิ กิ ขา และสทั ทสงั เขป\" เลม่ นี้ สำ� เรจ็ ลลุ ว่ งดว้ ยดี จงเปน็ ผมู้ ปี ญั ญาทง้ั โลกยิ ะ และโลกตุ ระดว้ ยกันทุกท่านเทอญ พระมหาธติ ิพงศ์ อุตฺตมปญโฺ ๒ ธันวาคม ๕๖๖๒
สารบัญ หน้า ๑ กัณฑ์ท่ี ๑ ๑ ๓ ๑. ไตรสรณคมน์ ๔ ๒. อรรถของปฐมาวิภตั ติ ๖ ๓. ตุลฺยตถฺ - ลงิ ฺคตฺถ ๗ ๔. กัตตา - กริ ยิ า ๘ ๕. วิธีการสอน ๙ ๖. กตฺตา - กมฺม - กิรยิ า ๑๐ ๗. ประโยคคำ� ถามทมี่ ี กึ ศพั ท์พรอ้ มคำ� ตอบ ๑๑ ๘. ตติยาวิภตั ติท่แี ปลวา่ “ด้วย” ๑๑ ๙. ตติยาวภิ ตั ติที่แปลว่า “เพราะ” ๑๒ ๑๐. ตติยาวิภตั ตทิ แ่ี ปลว่า “ด้วย” (กบั ดว้ ย) ๑๔ ๑๑. จตุตถีวภิ ัตตทิ ี่แปลวา่ “แก”่ ๑๖ ๑๒. ลงจตตุ ถวี ภิ ตั ติ ๑๗ ๑๓. ปัญจมีวภิ ตั ติท่แี ปลวา่ “จาก” ๑๘ ๑๔. ฉฏั ฐวี ิภตั ติทแี่ ปลวา่ “ของ” ๑๙ ๑๕. จตุตถีวภิ ัตติ ทแ่ี ปลว่า “เพอ่ื ” และจตตุ ถีภตั ติ ทีแ่ ปลว่า “แก”่ ๒๐ ๑๖. สตั ตมีวภิ ตติ ทิ ีแ่ ปลว่า “ใน, บน” ๒๐ ๒๑ กัณฑท์ ่ี ๒ ๒๓ ๑๗. ค�ำถามท่ปี ระกอบด้วย นุ และคำ� ตอบ ๑๘. ประโยคคำ� ถามประกอบดว้ ย นุ ตอบดว้ ย น ๑๙. คำ� ถามท่ปี ระกอบด้วย นุ และ น เข้าดว้ ยกนั ๒๐. ตวั อยา่ งการวางกิริยาในระหว่าง น และ นุ - นนุ ๒๑. ตลุ ฺยาธิกรณวเิ สสน - ลงในอรรถปฐมาวิภัตติ
หนา้ ๒๒. ตลุ ยฺ าธกิ รณวเิ สสน - ลงในอรรถทุติยาวิภตั ติ ๒๔ ๒๓. ก. ทตุ ยิ ากริ ิยาวเิ สสน ๒๕ ๒๔. ข. ทุตยิ ากิรยิ าวิเสสน ๒๖ ๒๕. ทตุ ยิ าวิภัตติอรรถสตั ตมี แปลว่า “ใน” ๒๖ ๒๖. ทตุ ิยาวิภัตติ กาลอจจฺ นตฺ สํโยค แปลว่า “ตลอด, สิ้น” ๒๗ ๒๗. ทุติยาวิภตั ติ อทฺธาอจจฺ นฺตสํโยค แปลวา่ “สนิ้ , ตลอด” ๒๘ ๒๘. ตตยิ าวิภตั ติ แปลวา่ “โดย” ๒๙ ๒๙. อนาทริย - อนาทร แปลว่า “เม่ือ” (ฉฏั ฐี), “ครน้ั เม่อื ” (สตั ตมี) ๓๐ ๓๐. ลกขฺ ณ - ลกขฺ ยฺ แปลวา่ “คร้ันเม่ือ” ๓๑ ๓๑. กมมฺ วาจก ๓๒ ๓๒. กตตฺ า ๖ กมมฺ ๑ ๓๓ ๓๓. ลกั ษณะประโยคกมั มวาจก โดยย่อ ๓๕ ๓๔. รวมอรรถของวิภตั ต ิ ๓๖ ๓๙ กัณฑ์ท่ี ๓ ๔๑ ๔๓ ๓๕. ภวิสสนั ตี อาขยาตวภิ ัตติ อนากตกาล = จกั ๔๖ ๓๖. อัชชตนี อาขยาตวิภัตติ อดตี กาล = วนั น้ี (แลว้ ) ๔๘ ๓๗. ปัญจมี อาขยาตวภิ ตั ติ (จง, เถิด, ขอจง) ๕๐ ๓๘. สตั ตมี อาขยาตวิภัตติ (ควร, พงึ ) ๕๑, ๕๒ ๓๙. กิตกก์ ริ ิยา อรรถภาวะ และกรรม ๕๓ ๔๐. ต ปัจจัยท่กี ลา่ ว กตฺตา ๕๔ ๔๑. ต ปัจจยั และ ข ปัจจัยทกี่ ล่าว กรรม ๕๕ ๔๒. ตเว, ตํุ ปัจจยั แปลว่า “อ.อนั , เพ่ืออัน” ๕๖ ๔๓. ตนุ , ตวฺ าน, ตฺวา ปัจจยั แปลวา่ “แล้ว” ๕๗ ๔๔. มาน, อนตฺ ปัจจยั (เมือ่ , อยู่, เปน็ ปัจจุบนั กาล) ๕๙ ๔๕. จ, เจวศพั ท์ ๔๖. ป,ิ อปศิ พั ท์ ๔๗. วาศพั ท์
๔๘. เอวศัพท์ หนา้ ๔๙. มาศพั ท์ ๕๙ ๖๐ สทั ทสงั เขป (ไวยากรณย์ ่อ) ๖๒ ๕๐. ไวยากรณ์ยอ่ แบ่งออกเป็น ๖ กณั ฑ์ ๖๒ ๕๑. นามคณะยอ่ ๖๔ ๕๒. วิภตั ติ ๖๔ ๕๓. ช่ือเรียกวภิ ตั ติ ๒ หมวดในอรรถกถา และฎกี า ๖๖ ๕๔. ปรุ สิ าทิคณะ ๖๗ ๕๕. จติ ตาทิคณะ ๖๙ ๕๖. กัญญาทคิ ณะ ๗๑ ๕๗. มโนคณะ ๗๓ ๕๘. มโนคณาทิคณะ ๗๕ ๕๙. คณุ วนั ตาทคิ ณะ ๗๗ ๖๐. คัจฉนั ตาทิคณะ ๘๑ ๖๑. ปมุ าทคิ ณะ ๘๓ ๖๒. ราชาทคิ ณะ ๘๘ ๖๓. สตั ถาทคิ ณะ ๙๐ ๖๔. รตั ตาทคิ ณะ ๑๐๑ ๖๕. นทาทิคณะ อติ ถีลงิ ค ์ ๑๐๔ ๖๖. คหปตาทคิ ณะ อติ ถลี งิ ค ์ ๑๐๖ ๖๗. สัพพนามคณะ ๑๒๖ ๖๘. ปจั จัยใช้ในอรรถของวภิ ตั ตินาม ๑๕ ตวั ๑๒๗ ๖๙. คำ� น�ำอาขยาต ๑๒๙ ๗๐. อาขยาต ๑๓๐ ๗๑. ภูวาทคิ ณะ ๑๓๗ ๗๒. รธุ าทคิ ณะ
๗๓. ทิวาทคิ ณะ หนา้ ๗๔. สวาทิคณะ ๑๔๓ ๗๕. กยิ าทคิ ณะ ๑๔๔ ๗๖. คหาทคิ ณะ ๑๔๗ ๗๗. ตนาทคิ ณะ ๑๔๙ ๗๘. จุราทคิ ณะ ๑๕๐ ๗๙. สนธิกณั ฑ์ ๑๕๒ ๘๐. สนธิ ๕ อยา่ ง ๑๕๔ ๘๑. วรรณะ ๔๑ ตัว ๑๕๔ ๘๒. ธนิตอักขระ ๑๐ ๑๕๔ ๘๓. สระสนธิ ๑๕๔ ๘๔. พยัญชนะสนธิ ๑๕๕ ๘๕. นคิ คหติ สนธิ ๑๖๑ ๘๖. อาคมสนธิ ๑๖๓ ๘๗. นิคคหิตโลปสนธิ ๑๖๕ ๘๘. อาเทสสนธิ ๑๖๗ ๘๙. อปุ สคคฺ นิปาต ๑๖๘ ๙๐. สมาสกัณฑ์ ๑๗๐ ๙๑. สมาสโดยย่อมี ๖ อยา่ ง ๑๗๑ ๙๒. อพยฺ ยภี าวสมาส ๑๗๑ ๙๓. กมฺมธารยสมาส ๑๗๑ ๙๔. ทิคสุ มาส ๑๗๓ ๙๕. ตปฺปุรสิ สมาส ๑๗๕ ๙๖. พหุพพฺ ีหสิ มาส ๑๗๖ ๙๗. ทฺวนทฺ สมาส ๑๗๗ ๙๘. ตทั ธิตกัณฑ์ ๑๗๘ ๙๙. ตทั ธติ ปจั จยั แบ่งออกเปน็ ๖ หมวด ๑๘๐ ๑๘๐
๑๐๐. อปจฺจตทฺธติ หนา้ ๑๐๑. อเนกตถฺ ตทธฺ ิต ๑๘๑ ๑๐๒. ภาวตทฺธติ ๑๘๒ ๑๐๓. วเิ สสตทธฺ ิต ๑๙๑ ๑๐๔. อสสฺ ตฺถติ ทฺธิต ๑๙๒ ๑๐๕. สงขฺ ยฺ าตทธฺ ติ ๑๙๓ ๑๐๖. ลำ� ดับสงั ขยา ๑๙๕ ๑๐๗. อพยฺ ยตทฺธิต ๑๙๖ ๑๐๘. กติ กก์ ัณฑ์ย่อ ๑๙๘ ๑๐๙. สาธนะ ๗ ๒๐๐ ๑๑๐. ปจั จยั ท่ลี งในสาธนะเหลา่ นั้น ๒๐๐ ๒๐๑ การฝึกอา่ น เขยี น และพดู บาลี ๒๐๖ ๒๐๗ ๑๑๑. บทเรียนที่ ๑ มโหสธกมุ ารวตฺถุ ๒๐๘ ๑๑๒. บทเรยี นที่ ๒ คามทารกวตฺถุ ๒๐๙ ๑๑๓. บทเรยี นที่ ๓ มโหสธปณฺฑติ วตถุ ๒๑๑ ๑๑๔. บทเรียนที่ ๔ สุมนาเทววิ ตถฺ ุ ๒๑๓ ๑๑๕. บทเรยี นที่ ๕ อฑฺฒุโปสถิกวตถฺ ุ ๒๑๕ ๑๑๖. บทเรยี นที่ ๖ วาสลุ ทตฺตาเทวิวตถฺ ุ ๒๑๗ ๑๑๗. บทเรยี นที่ ๗ ตาปสสหายกวตถฺ ุ ๒๑๙ ๑๑๘. บทเรยี นท่ี ๘ ปูรนฺตปฺปราชวตฺถุ ๒๒๐ ๑๑๙. บทเรยี นท่ี ๙ มาลตุ วตถฺ ุ ๒๒๒ ๑๒๐. บทเรยี นที่ ๑๐ โสภนาโสภนวิวาทวตถฺ ุ ๒๗๐ ข้อความตอนทา้ ยหนงั สือ ๑๒๑. ประโยคพเิ ศษ ๑๒๒. อุยโยชนคาถา
ปาฬิสกิ ฺขา กัณฑ์ท่ี ๑ ๑. ไตรสรณคมน์ ๑. พทุ ฺธํ สรณํ คจฺฉามิ. ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจา้ ว่าเป็นทื่พึ่ง ๒. ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม.ิ ขา้ พเจา้ ขอถงึ พระสัทธรรม ว่าเป็นท่ีพึ่ง ๓. สํฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ. ขา้ พเจ้า ขอถึงพระสงฆ์ ว่าเป็นทีพ่ ่ึง ข้อควรทราบ พยัญชนะเหล่าน้ี คือ ธํ, ธมฺ, ฆํ, ฉา ต้องสวดออกเสียงหนัก ๆ ในขณะกล่าวว่า “พทุ ธฺ ”ํ ตอ้ งนอ้ มใจระลกึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ เสมอื นกบั วา่ พระองคย์ งั ทรงพระชนมอ์ ยู่ และในขณะ กล่าวว่า “ธมมฺ ”ํ ตอ้ งนอ้ มใจถงึ พระสทั ธรรม ๑๐ ประการ คือ มรรค ๔, ผล ๔, นพิ พาน ๑ และพระไตรปฎิ ก ๑ และในขณะกลา่ ววา่ “สํฆํ” ต้องน้อมใจระลึกถงึ พระอริยสงฆ์ ๘ จ�ำพวก อหํ อ.ข้าพเจ้า คจฺฉามิ ยอ่ มถงึ พทุ ฺธํ ซงึ่ พระพุทธเจ้า สรณํ วา่ เป็นท่ีพ่ึง. (หลังจาก สรณํ ศพั ท์ ลบ อิติ ศัพท)์ ในกณั ฑน์ ้ีจะแสดงอรรถของวภิ ัตติท่งี ่ายและมใี ช้มากเทา่ น้นั ๒. อรรถของปฐมาวภิ ตั ติ (ท่อง) อยํ อ.ชายน,ี้ หญงิ นี้, หรอื สิ่งนี้ อิเม อ.ชาย ท. เหลา่ นี้ หรือ ของ ท. เหลา่ น้ี อมิ า อ.หญิง ท. เหล่านี้. ตฺว ํ อ.ท่าน ท., เธอ, เอง, มึง ตมุ เฺ ห อ.ทา่ น, เธอ ท., เอง ท., มึง ท. อหํ อ.ขา้ พเจ้า, กระผม, ดฉิ นั , กู มยํ อ.ขา้ พเจ้า ท., กระผม ท., ดฉิ นั ท., กู ท.
2 ปาฬสิ กิ ขา ขอ้ ควรจ�ำ อยํ, อิเม, อิมา, อมิ ศัพทท์ ้ังสามนใี้ ช้กับสง่ิ ใกล้ตวั เรา พอทีจ่ ะจบั ต้องได้ อยํ ศัพทเ์ ป็น “เอกวจนะ” ส�ำหรบั ใช้กับสิง่ ที่มชี วี ิต เช่น ผชู้ าย, ผู้หญงิ อเิ ม ศพั ทเ์ ปน็ ‘‘พหุวจนะ” ส�ำหรับใช้กับเพศชายเทา่ นัน้ สองคนข้นึ ไป อมิ า ศพั ทเ์ ป็น “พหุวจนะ” ส�ำหรบั ใช้กับเพศหญงิ สองคนขึน้ ไป ตฺวํ ศัพทเ์ ปน็ “เอกวจนะ” ส�ำหรบั ใช้กบั คนก�ำลังพดู กบั เรา ตุมเฺ ห ศพั ท์เปน็ “พหวุ จนะ” ส�ำหรบั ใชก้ ับคนก�ำลังพดู กับเรา สองคนขึ้นไป อหํ ศพั ท์เป็น “เอกวจนะ” ส�ำหรับใชก้ ับตวั เราเอง มยํ ศพั ท์เปน็ “พหุวจนะ” ส�ำหรบั ใช้กบั ตวั เราเอง สองคนข้ึนไป ศัพท์ทง้ั ๔ เหลา่ น้ีคอื ตวฺ ํ, ตมุ เฺ ห, อห,ํ มยํ ใชไ้ ด้ไม่จ�ำกัดลงิ ค์ คอื ใชไ้ ด้ท้งั ๓ ลิงค์ กนึ าโม ส�ำหรับท่อง กึนามา กนึ ามา - มีชือ่ วา่ อะไร ? (ส�ำหรบั เพศชาย) สุทตั นาม - มชี ื่อวา่ อะไร ? (ส�ำหรับเพศชายหลายคน) สามเณรา นาม - มชี ่ือวา่ อะไร ? (ส�ำหรบั เพศหญงิ ) - มีช่อื ว่าสทุ ตั - ชอ่ื วา่ สามเณร ท. ขอ้ ควรทราบ นามศพั ท์ (ท่ีเป็นนบิ าต) เป็นเอกวจนะเสมอ เช่น “สามเณรา นาม” ในที่นามศพั ท์ ไมต่ ้องออกส�ำเนยี งพหวุ จนะ สว่ น “นามา” ตอ้ งแปลเปน็ พหุวจนะ ทอ่ งและแปล ๑. อาวุโส สามเณร ..... อยํ ทารโก กึนาโม. ๒. ภนเฺ ต พุทธฺ รกขฺ ิต ..... อยํ ทารโก สุเทพ นาม. ๓. โภติ กญฺเ ..... อยํ ทารกิ า กึนามา.
กัณฑ์ที่ ๑ 3 ๔. โภ ปุริส ..... อยํ ทาริกา มาลินี นาม. ๕. โภ ทารก ..... ตฺวํ กนึ าโม. ๖. โภ สมณ ..... อหํ พทุ ฺธรกขฺ โิ ต นาม. ๗. โภติ ทาริเก ..... ตวฺ ํ กนึ ามา. ๘. โภ ปรุ ิส ..... อหํ อจฉฺ รา นาม. ๙. โภ สามเณร ..... อยํ วิหาโร กนึ ามา. ๑๐. โภนฺโต สมณา ..... อยํ วิหาโร ท่ามะโอ นาม. ข้อควรทราบ บทเหลา่ น้ี คอื “อาวโุ ส, ภนเฺ ต, โภนโฺ ต, โภต”ิ ใชส้ �ำหรบั รอ้ งเรยี กหรอื ขานรบั , เฉพาะ “อาวุโส” ศพั ท์ควรใชก้ ับผู้มอี ายุนอ้ ยกวา่ แปลวา่ “ผมู้ อี าย”ุ ส่วน “ภนฺเต” ใช้กบั ผูใ้ หญก่ ว่า แปลว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ” อาวุโส สามเณร ดูก่อนสามเณรผู้มีอายุ ภนฺเต พุทฺธรกฺขิต ขา้ แตท่ า่ นพทุ ธรกั ขติ ะผเู้ จรญิ สามเณโร, พทุ ธฺ รกขฺ โิ ต, ทารโก, สมโณ แจกปทมาลาเหมอื นกบั ปรุ สิ ศพั ท.์ ทารกิ าศัพท์ แจกเหมอื น กญฺ าศัพท์ วธิ แี จกนกั ศึกษาพึงดูในนามคณะไวยากรณ์ ที่ก�ำลังเรียนอยู่ ๓. ตุลฺยตถฺ - ลงิ ฺคตถฺ ทอ่ งและแปล ๑. อยํ กนึ าโม ? อยํ พุทธฺ รกฺขโิ ต นาม. ๒. อิเม กนึ ามา ? อิเม สามเณรา นาม. ๓. กนึ ามา ? อหํ สทุ ตั นาม. ๔. ตมุ เฺ ห กนึ ามา ? มยํ สมณา นาม. ขอ้ ควรทราบ ในประโยคท่ไี มม่ กี ริ ยิ า เช่น อยํ พุทฺธรกฺขิโต นาม เรียกวา่ ตุลฺยตถฺ เพราะมีอรรถ เดียวกนั (คนเดยี วกัน) และเรียกวา่ ลงิ ฺคตฺถ เพราะเป็นเพียงอรรถของลงิ คเ์ ทา่ นัน้ , ประโยค
4 ปาฬสิ ิกขา ท่มี ี กศึ ัพท์ เปน็ ประโยคค�ำถาม และประโยค อยํ พุทธฺ รกขฺ โิ ต นาม เปน็ ประโยคค�ำตอบ. (อยํ อ.ภิกษุน้ี พุทธฺ รกฺขิโต นาม ชื่อวา่ พทุ ธรักขิตะ) ๔. กัตตา - กิรยิ า (ท่อง) วภิ ตั ติ ติ, อนตฺ ิ. ส,ิ ถ. มิ, ม. (...อยู,่ ยอ่ ม..., จะ...) จงเปลย่ี นประโยคเหลา่ น้ี เปน็ ภาษาไทย อย ํ ภวติ. อเิ ม ภวนฺต.ิ ตฺวํ ภวส.ิ ตุมฺเห ภวถ. อหํ ภวาม.ิ มยํ ภวาม. ข้อควรทราบ วิภัตติสองตัวข้างหน้า คือ ติ, อนฺติ ใช้ประกอบกับนามศัพท์ที่ไม่ใช่ ตุมฺห, อมฺห เช่น อยํ, อเิ ม เปน็ ตน้ วภิ ัตตสิ องตัวกลาง คอื ส,ิ ถ ใชป้ ระกอบกับ ตุมหฺ ศพั ท์ คอื ตฺว,ํ ตมุ ฺเห. วภิ ัตติสองตัวสดุ ทา้ ยคือ มิ, ม ใชป้ ระกอบกบั อมหฺ ศัพท์ คอื อหํ มยํ. บทท้ังหลายเหล่าน้ี คือ อยํ อิเม, ตฺวํ ตุมฺเห, อหํ มยํ เป็นบทกัตตา (ผู้กระท�ำ) ส่วน ภวติ และ ภวนฺติ เป็นตน้ เปน็ บทกริ ิยา. ค�ำพูดประโยคหนึง่ ทปี่ ระกอบด้วย ‘‘กัตตา และ กิริยา เรยี กว่า ‘‘วากยฺ ” (บางครัง้ ไมม่ ีกิริยาก็ได้) กตั ตา - กิรยิ า (ทอ่ ง) จงแปลประโยคเหล่าน้ีเป็นภาษาไทย โหต,ิ โหนฺต.ิ โหส,ิ โหถ. โหม,ิ โหม. อตฺถ,ิ สนตฺ .ิ อส,ิ อตฺถ. อมฺหิ, อมหฺ . ๑. พุทฺโธ โหต.ิ ๒. ตวฺ ํ โหส.ิ พทุ ฺธา โหนตฺ .ิ ตมุ ฺเห โหถ.
กณั ฑท์ ่ี ๑ 5 ๓. อหํ โหม.ิ มยํ โหม. ๔. กญฺ า อตฺถิ. กญฺ าโย สนตฺ .ิ ๕. ตฺวํ อสิ. ตมฺเห อตถฺ . ๖. อหํ อมหฺ .ิ มยํ อมหฺ . ๗. สทิ ฺธตโฺ ถ พุทฺโธ โหติ. ๘. ทารกา สามเณรา โหนฺต.ิ ๙. อาวุโส ตฺวํ กึนาโม อสิ. ๑๐. อหํ ภนเฺ ต (พทุ ธฺ รกฺขโิ ต นาม) อมฺห.ิ (ใสช่ อื่ ของตวั เองแทน) ๑๑. ภนเฺ ต ตุมเฺ ห กนึ ามา อตถฺ . ๑๒. มยํ อาวโุ ส สมณา นาม อมฺห. ควรทราบ โหติ, โหนฺติ - ย่อมม,ี ย่อมเป็น. อตฺถิ, สนตฺ ิ - มีอยู่ สิทฺธตโฺ ถ - สทิ ธตั ถราชกมุ าร ทอ่ งจ�ำ จงแปลประโยคเหล่านเี้ ปน็ ภาษาไทย ๑. โก พทุ โฺ ธ โหติ. สิทธฺ ตโฺ ถ พุทฺโธ โหต.ิ ๒. โก สยติ. ทารโก สยต.ิ ๓. กา ปจต.ิ ทารกิ า ปจต.ิ ๔. เก คจฺฉนตฺ ิ. ปรุ สิ า คจฺฉนฺต.ิ ๕. กาโย อาคจฉฺ นฺติ. กญฺาโย อาคจฺฉนฺต.ิ จงเปล่ียนเปน็ ภาษาบาลี ก. อ.พระพทุ ธเจา้ ยอ่ มเสด็จมา ข. อ.สามเณร ยอ่ มไป
6 ปาฬสิ ิกขา ค. อ.เด็กหญงิ ยอ่ มนอน ฆ. อ.ทา่ น ยอ่ มหงุ ง. อ.ทา่ น ท. ยอ่ มไป จ. อ.ขา้ พเจา้ ยอ่ มมา ฉ. อ.เดก็ ชาย เปน็ สามเณร ยอ่ มเป็น พึงทราบ โก - อ.ใคร สยติ - ย่อมนอน เก - อ.ใคร ท. ปจนฺติ - ยอ่ มหงุ กา - อ.หญิงคนไหน คจฺฉต ิ - ยอ่ มไป กาโย - อ.หญิง ท. เหลา่ ไหน อาคจฺฉนฺต ิ - ย่อมมา ๕. วธิ ีการสอน ในวันแรก ให้นักเรียนท่องบาลีและแปลให้ข้ึนใจก่อน วันต่อไป จึงให้เขียนและ แจกปทมาลาของบททีเ่ ป็น กตฺตา. ๑. อตฺถิ นุ ทารโก. อาม... อตถฺ ิ ทารโก. ๒. คจฺฉติ นุ กญฺา. อาม... คจฉฺ ติ กญฺา. ๓. สยสิ นุ ตวฺ .ํ อาม... สยามิ อห.ํ ๔. ปจนตฺ ิ นุ ทารกิ าโย. อาม... ปจนฺติ ทารกิ าโย. จงเปล่ยี นเปน็ ภาษาบาลี ก. อ.ทา่ น ย่อมมา หรือ ? ครบั อ.ข้าพเจ้า ย่อมมา ข. อ.ท่าน ย่อมไป หรอื ? ครับ อ.ขา้ พเจา้ ย่อมไป ค. อ.เดก็ ชาย ท. ยอ่ มมี หรือ ? ครบั อ.เด็กชาย ท. ยอ่ มมี
กัณฑ์ที่ ๑ 7 พึงทราบ อตถฺ ิ นุ - ยอ่ มมหี รอื ? ปจนตฺ ิ นุ - ยอ่ มหงุ หรอื ? อาม - ครบั ในเวลาถาม - ตอบกบั นกั เรียน ตอ้ งแสดงกิริยาอาการใหเ้ ขา้ กับสภาพของค�ำถาม เชน่ ท�ำตาโพรงขึ้น แสดงอาการอยากรู้ พร้อมกับพูดว่า “อตฺถิ นุ” (มีหรือ ?) ผู้ตอบก็เช่นกัน ผงกศีรษะพรอ้ มกบั ตอบว่า “อาม” ๖. กตฺตา - กมฺม - กิริยา ๑. ทารโก มคคฺ ํ คจฉฺ ติ. ๒. ทาริกา ภตฺตํ ปจต.ิ ๓. ปุรสิ า คามํ อาคจฺฉนฺต.ิ ๕. พุทโฺ ธ ธมมฺ ํ เทเสติ. จงเปลีย่ นเปน็ ภาษาบาลี ก. อ.เดก็ ชาย ท. ย่อมไป สู่หนทาง ข. อ.เดก็ หญิง ท. ย่อมหุง ซ่ึงข้าว ค. อ.บุรษุ ยอ่ มมา สหู่ มู่บ้าน ฆ. อ.พระพุทธเจา้ ท. ยอ่ มทรงแสดง ซงึ่ ธรรม พึงทราบ ผกู้ ระท�ำเรยี กวา่ “กตตฺ า”, สงิ่ ทถ่ี กู กระท�ำเรยี กวา่ “กมมฺ ”, อาการไป อาการหงุ เปน็ ตน้ เรยี กวา่ “กริ ยิ า”, กตตฺ า แปลออกส�ำเนยี งวา่ “อนั วา่ ”, กมมฺ ออกส�ำเนยี งวา่ “ซงึ่ ” หรอื “ส”ู่ , เทเสติ - ย่อมแสดง, มคโฺ ค - หนทาง, คาโม - หมู่บา้ น, ภตตฺ ํ - ขา้ ว
8 ปาฬิสิกขา ๗. ประโยคค�ำถามทม่ี ี กึ ศัพทพ์ รอ้ มค�ำตอบ ๑. อาวุโส สามเณร... โก ธมฺมํ เทเสต.ิ ๒. ภนเฺ ต พุทธฺ รกขฺ ติ ... พุทฺโธ ธมฺมํ เทเสต.ิ ๓. โภ ปุรสิ ... เก มคคฺ ํ คจฺฉนตฺ .ิ ๔. โภ ทารก... กญฺาโย มคฺคํ คจฉฺ นฺต.ิ ๕. โภติ กญเฺ ... กา ภตฺตํ ปจต.ิ ๖. โภ ปุริส... ทาริกา ภตตฺ ํ ปจติ. จงเปลี่ยนเป็นภาษาบาลี ก. ดูก่อนบุรุษ อ.ใคร ท. ยอ่ มแสดง ซ่งึ ธรรม ข. ดกู อ่ นนางสาวน้อย อ.หญิง ท. เหลา่ ไหน ยอ่ มหุง ซ่ึงข้าว ค. ดูกอ่ นเดก็ ชาย อ.ใคร ย่อมมา สู่หมูบ่ า้ น ฆ. ดูก่อนบรุ ุษ ท. อ.ท่าน ท. ยอ่ มไป สู่หมู่บ้าน ง. ดกู อ่ นสามเณร อ.ข้าพเจ้า ยอ่ มไป สูถ่ นน ทอ่ งและแปล ๑. พทุ ฺโธ น ภวต.ิ ๒. ทารโก น สยติ. ๓. ภตฺตํ นตถฺ .ิ ๔. มนุสฺสา น สนตฺ ิ. ๕. ตวฺ ํ สามเณโร น อส.ิ ๖. อหํ มนุสฺโส น อมฺห.ิ ๗. ทารกิ า ภตฺตํ น ปจต.ิ ๘. ปรุ ิสา มคคฺ ํ น คจฺฉนตฺ ิ. ๙. สามเณรา ธมฺมํ น เทเสนฺต.ิ จงเปลี่ยนเปน็ บาลี ก. อ.นางสาวน้อย เป็นพระพทุ ธเจ้า ย่อมไมเ่ ปน็ ข. อ.เด็กชาย ไม่มีอยู่ ค. อ.ขา้ ว ท. ไม่มีอยู่
กณั ฑ์ท่ี ๑ 9 ฆ. อ.ทา่ น เป็นมนุษย์ ย่อมไม่เป็น ง. อ.นางสาวน้อย ท. ย่อมไม่หงุ ซึ่งข้าว จ. อ.ขา้ พเจ้า ท. ย่อมไม่มา สูห่ มู่บา้ น ขอ้ ควรทราบ น ศพั ทเ์ ปน็ บทกลา่ วอรรถปฏเิ สธ เพราะฉะนนั้ จงึ ตอ้ งแปลพรอ้ มกบั บททถ่ี กู ปฏเิ สธนน้ั เช่น น ภวติ - ยอ่ มไมม่ ี, น สยติ - ยอ่ มไม่นอน, น คจฉฺ ติ - ย่อมไมไ่ ป เปน็ ตน้ ๘. ตติยาวภิ ัตติทีแ่ ปลวา่ “ดว้ ย” ท่องและแปล ๑. ทารโก ปาเทน คามํ คจฺฉติ. ๒. ทาริกาโย สกเฏน นครํ คจฉฺ นฺต.ิ ๓. ปุริโส อคฺคิรเถน เทวนครํ คจฺฉต.ิ ๔. มนุสฺสา นาวาย ชลบุรีนครํ อาคจฺฉนฺต.ิ ๕. สามเณโร ยนตฺ นาวาย สีชังทปี ํ คจฉฺ ต.ิ ๖. อาคจฺฉสิ นุ ตฺวํ อาวโุ ส นครํ อคฺคริ เถน. ๗. นาหํ ภนเฺ ต อคฺคริ เถน นครํ อาคจฉฺ าม.ิ วายุยาเนน อาคจฺฉาม.ิ จงเปลีย่ นเปน็ บาลี ก. อ.ท่าน ย่อมมา สู่หมบู่ ้าน ดว้ ยอะไร ? ข. อ.ขา้ พเจ้า ย่อมมา สนู่ คร ด้วยรถไฟ ค. อ.ทา่ น ยอ่ มมา สูห่ มู่บา้ น ดว้ ยเท้าหรือ ? ฆ. อ.ขา้ พเจา้ ย่อมไม่มา ส่หู มบู่ ้าน ด้วยเท้า
10 ปาฬิสกิ ขา พงึ ทราบ ปาโท - เท้า, สกฏํ - เกวยี น, นครํ - นคร, ทีปํ - เกาะ, รโถ - รถ, อคคฺ ริ โถ - รถไฟ, อสฺสรโถ - รถม้า, วายุยาน,ํ อากาสยานํ - เคร่อื งบิน, นาวา - เรอื , ยนฺตนาวา - เรอื ยนต,์ อคฺคนิ าวา - เรือไฟ. บทเหล่าน้นี ักศึกษาพงึ แจกตามลิงคแ์ ละการันตน์ ้นั ๆ ๙. ตติยาวิภัตติท่ีแปลว่า “เพราะ” ทอ่ งและแปล ๑. ตฺวํ อาวุโส เกน วสสิ ? ๒. อหํ ภนเฺ ต อนฺเนน วสามิ. ๓. ตวฺ ํ อาวโุ ส เกน โภคํ ลภสิ ? ๔. อหํ ภนฺเต ทาเนน โภคํ ลภามิ. ๕. มนสุ สฺ า อาวโุ ส เกน สุขํ ลภนฺติ ? ๖. มนุสฺสา ภนเฺ ต สเี ลน สขุ ํ ลภนตฺ .ิ ๗. สตตฺ า อาวโุ ส เกน นพิ ฺพานํ ปาปุณนฺติ ? ๘. สตฺตา ภนฺเต ภาวนาย นพิ พฺ านํ ปาปุณนฺติ. จงแปลเปน็ บาลี ก. แนะ่ ทา่ นผมู้ ีอายุ อ.ทา่ น ย่อมหงุ ซึ่งข้าว เพราะเหตอุ ะไร ? ข. อ.ขา้ พเจา้ ยอ่ มอยู่ เพราะข้าว หามิได้ ค. อ.สตั ว์ ท. ย่อมได้ ซง่ึ อะไร เพราะทาน ? พงึ ทราบ วสติ - ยอ่ มอยู่, ลภสิ - ย่อมได้, ปาปณุ นฺติ - ย่อมถงึ , อนนฺ ํ - ขา้ ว, มนสุ ฺโส, นโร - มนุษย์, สตโฺ ต - สตั ว,์ ทานํ - ทาน, สีลํ - ศีล (การตัง้ กาย วาจา ใจไวด้ ว้ ยดี), ภาวนา - ภาวนา (การเจรญิ กมั มฏั ฐานเพ่ืออบรมจติ ), กึ - อะไร, โภโค - ทรัพย์
กณั ฑท์ ่ี ๑ 11 ๑๐. ตตยิ าวภิ ัตติท่แี ปลว่า “ด้วย” (กับด้วย) ทอ่ งและแปลเป็นไทย ๑. ตฺวํ เกน สห วิหรสิ ? ๒. อหํ พทุ เฺ ธน สห วหิ รามิ. ๓. พุทฺโธ เกน สทธฺ ึ นครํ คจฺฉติ ? ๔. พุทฺโธ สํเฆน สทฺธึ นครํ คจฺฉต.ิ ๕. ปณฺฑติ า พาเลหิ วนิ า วหิ ารํ อาคจฉฺ นฺติ. ๖. ปณฺฑติ า เกหิ วินา วิหารํ อาคจฺฉนตฺ ิ ? จงเปลยี่ นเปน็ บาลี ก. อ.ขา้ พเจ้า ยอ่ มอยู่ กบั ดว้ ยท่าน ข. อ.ทา่ น ย่อมอยู่ กับ ด้วยข้าพเจา้ ค. อ.บณั ฑิต ยอ่ มอยู่ กับ ด้วยคนพาลหรือ ? ฆ. อ.คนพาล ย่อมอยู่ เวน้ ด้วยบณั ฑติ ง. อ.พระพทุ ธเจ้า ย่อมเสดจ็ มา กับ ดว้ ยพระสงฆ์ จ. อ.พระสงฆ์ ย่อมไมม่ า เว้น ดว้ ยพระพุทธเจา้ พงึ ทราบ วหิ รามิ - ยอ่ มอย่,ู สห, สทฺธึ - กับ, วนิ า - เวน้ , ปณฺฑิโต - บณั ฑิต, ตยา - ด้วยทา่ น ๑๑. จตตุ ถีวิภตั ติท่ีแปลวา่ “แก่” ทอ่ งและแปล ๑. มนสุ ฺสา กสฺส ทานํ เทนฺต.ิ ๒. มนุสฺสา สํฆสฺส ทานํ เทนฺ ต.ิ ๓. รุจฺจติ กสฺส สจฺจํ. ๔. รุจฺจติ สฆํ สสฺ สจจฺ .ํ
12 ปาฬิสกิ ขา ๕. รุจฺจติ นุ ทารกสฺส สาท.ุ ๖. กสสฺ สาทุ น รจุ จฺ ติ. ๗. ขมติ นุ สฆํ สฺส กมมฺ ํ. ๘. อาม ขมติ สฆํ สสฺ กมมฺ .ํ ๙. นกฺขมติ น สํฆสฺส กมมฺ .ํ ๑๐. อาม นกฺขมติ สฆํ สฺส กมมฺ ํ. ข้อควรทราบ ๑๒. ลงจตตุ ถวี ภิ ตั ติ ในที่ประกอบกับ ทาธาตุ เชน่ สํฆสฺส เทติ. ในที่ประกอบกับ รุจธาตุ เช่น รจุ ฺจติ สฆํ สสฺ . ในที่ประกอบกับ ขมธุ าตุ เช่น ขมติ สํฆสฺส. ในท่ปี ระกอบกับ ฉทธี าตุ เชน่ ฉาเทติ ทารกสสฺ . ในทป่ี ระกอบกับ ธรธาตุ เชน่ อาจริยสฺส ฉตตฺ ํ ธาเรติ, ธารยติ. อณิ สามิกสฺส อิณํ ธารยต.ิ ในท่ีประกอบ นโม บท เช่น นโม ตสสฺ ภควโต. (สว่ นในท่ีประกอบ นมามิ ตอ้ งลง ทตุ ยิ าวภิ ัตติ เชน่ พทุ ฺธํ นมาม)ิ จตุตถีวิภัตติยังลงได้ในท่ีประกอบกับ อาโรเจติ, ที่มีอรรถการกล่าว หรือ เทเสติ, กถยติ, อามนฺเตติ เป็นต้น และในที่ประกอบกับ สิลาฆธาตุ หนุธาตุ เป็นต้น. ค�ำว่า “การประกอบ” หมายถงึ มีเนือ้ ความเกยี่ วข้องกนั เช่น สํฆสฺส เทติ ยอ่ มถวาย แก่พระสงฆ์ ในประโยคนี้ การถวายและพระสงฆ์มคี วามเก่ียวข้องกนั ทอ่ งและแปล ๑. ฉาเทติ นุ ทารกสฺส ภตฺต.ํ ๒. นจฺฉาเทติ ทารกสสฺ ภตฺตํ. ๓. สสิ ฺโส กสฺส ฉตฺตํ ธาเรติ. ๔. สิสฺโส อาจรยิ สฺส ฉตฺตํ ธาเรติ. ๕. โก อณิ สามกิ สฺส อณิ ํ ธาเรต.ิ
กณั ฑท์ ี่ ๑ 13 ๖. อณิ ายิโก อณิ สามกิ สฺส อณิ ํ ธารยต.ิ ๗. อาจรโิ ย สิสฺสานํ กึ อาโรเจติ. ๘. อาจริโย สิสสฺ านํ ธมมฺ กถํ อาโรเจต.ิ ๙. พทุ โฺ ธ เกสํ ธมมฺ ํ เทเสต.ิ ๑๐. พุทฺโธ เทวมนสุ ฺสานํ ธมมฺ ํ เทเสต.ิ ๑๑. โก ภควโต นโม. ๑๒. โสหํ นโม ภควโต, นโม สตตฺ นนฺ ํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ. ข้อควรทราบ ภาษาบาลีกับภาษาไทยของเรามีวิธีใช้ต่างกันบ้าง เช่น รุจฺจติ สํฆสฺส (ตามความ บาลวี า่ ) ยอ่ มชอบใจ แกพ่ ระสงฆ์ (ความไทยวา่ ) พระสงฆย์ อ่ มชอบใจ เพราะฉะนั้น ในจตตุ ถี วภิ ัตติน้ี นักศึกษาควรสังเกตให้ดแี ละจ�ำวธิ ใี ชเ้ ป็นพิเศษ รจุ จฺ ติ - ย่อมชอบใจ, ขมติ - ยอ่ มชอบใจ, สจฺจํ - ค�ำจริง, กมฺมํ - การงาน, สาทุ - ของหวาน, ฉาเทติ - ยอ่ มหวิ (ปรารถนากนิ ), ธาเรติ - ยอมทรงไว้, ยอ่ มกน้ั , อาโรเจติ - ยอ่ มบอก, อณิ สามโิ ก - เจา้ หน,้ี อณิ ายโิ ก - ลกู หน,ี้ โสหํ - ขา้ พเจา้ นน้ั , สตตฺ นนฺ ํ - เจด็ พระองค,์ สิสโฺ ส - ลูกศิษย์, ฉตตฺ ํ - ร่ม, ธมมฺ กถํ - พระธรรมกถา จงเปล่ียนเปน็ บาลี ก. อ.ทา่ น ย่อมถวาย ซ่งึ ทาน แกใ่ คร ? ข. อ.ค�ำจรงิ ยอ่ มชอบใจ แก่พระสงฆ์หรอื ? ก. อ.กรรม ยอ่ มไมช่ อบใจ แกใ่ คร ? ฆ. อ.รสอร่อย ย่อมชอบใจ แกใ่ คร ? ง. อ.อาจารย์ ยอ่ มทรงไว้ (กัน้ ) ซ่ึงร่ม แกล่ ูกศิษยห์ รอื ? จ. อ.อาจารย์ ยอ่ มไม่ทรงไว้ (กัน้ ) ซ่งึ รม่ แกล่ กู ศษิ ย์ ฉ. อ.ลกู หน้ี ยอ่ มทรงไว้ ซึ่งหน้ี แกเ่ จา้ หนหี้ รอื ? ช. อ.สามเณร ยอ่ มแสดง ซ่งึ ธรรมกถา แกเ่ ดก็ ท. ฌ. อ.ขา้ พเจา้ ยอ่ มนอบน้อม ตอ่ พระพุทธเจา้ ทงั้ เจ็ดพระองค์ ญ. อ.ลูกศษิ ย์ ย่อมให้ ซึง่ ทาง แกอ่ าจารย์
14 ปาฬสิ ิกขา ฏ. อ.อาจารย์ ท. ยอ่ มแสดง ซ่ึงธรรมกถา แกล่ ูกศษิ ย์ ท. ฐ. อ.ข้าพเจา้ ยอ่ มนอบน้อม ตอ่ พระธรรม ฑ. อ.ทา่ นนน้ั ย่อมไมถ่ วาย ซงึ่ ทาน แกพ่ ระสงฆ์ เพราะเหตุอะไร ? ๑๓. ปัญจมวี ิภัตตทิ ่แี ปลวา่ “จาก” ค�ำกลอน (ท่อง) “แต่ จาก” ปญั จมีนี้ลงได้ สด้งุ , กลวั , และ ลง, เริม่ , เลา่ เรยี น, ในท่ี ไกล, ใกล้, เวน้ , พ่ายแพ้, ออก, ตก, เพยี รจดจ�ำค�ำนี้เอย ข้อควรทราบ ลงปญั จมีวกิ ตั ติทีป่ ระกอบกับธาตุเหล่านี้ คอื ธาตทุ ี่มีอรรถว่า หลีกออก เช่น คามา อเปนฺติ - ย่อมหลีกออก จากบ้าน ธาตทุ ม่ี อี รรถวา่ ตก เช่น รกุ ฺขา ปตนฺติ - ย่อมตก จากต้นไม้ ธาตทุ ี่มอี รรถวา่ ลง เช่น ปพพฺ ตา โอโรหนตฺ ิ - ยอ่ มลง จากภเู ขา ธาตุทม่ี ีอรรถวา่ กลวั เช่น โจรา ภายติ - ย่อมกลัว จากโจร ธาตทุ ม่ี อี รรถว่า สด้งุ เช่น ปาปา อุตฺตสติ - ยอ่ มสดุ้ง จากบาป ธาตุที่มีอรรถว่า ศกึ ษา เชน่ อาจรยิ มหฺ า สิปฺปํ อุคคฺ ณหฺ าติ - ยอ่ มเรียน ซ่ึงศลิ ปะ จากอาจารย์ ธาตุทม่ี ีอรรถว่า แพ ้ เชน่ พทุ ธฺ สฺมา ปราเชนตฺ ิ ตติ ฺถิยา - อ.เดยี รถยี ์ ท. ย่อมพา่ ยแพ้ จากพระพทุ ธเจา้ ธาตุที่มอี รรถวา่ เว้น เช่น ปาณาติปาตา วริ มามิ - อ.ข้าพเจา้ ย่อมเว้น จากการฆา่ สตั ว์ ธาตทุ ม่ี ีอรรถว่า เริม่ ต้น เชน่ หิมวตา ปภวนฺติ มหานทโิ ย - อ. แม่น้�ำใหญ่ ท. ย่อมเรมิ่ มา จากภเู ขาหิมาลัย ธาตทุ ี่มอี รรถวา่ ไกล เช่น คามา ทรู ํ - ไกล จากหมบู่ า้ น อารกา สาสนา - ไกล จากศาสนา ธาตทุ ม่ี ีอรรถว่า ใกล้ เชน่ คามา สนฺติกํ - ใกล้ จากหม่บู า้ น
กัณฑท์ ี่ ๑ 15 อปาทาน หมายถึง สถานที่มีบ้านเป็นต้นที่มีบุคคลเป็นต้น ออกจากบ้านน้ันไป ตามตวั อย่างท่ีแสดงไว้ข้างบน ท่องและแปล ๑. สามเณรา กุโต อเปนตฺ ิ ? ๒. สามเณรา คามา อเปนตฺ ิ ? ๓. ราชา กโุ ต นคิ คฺ โต ? ๔. ราชา นครา นิคฺคโต. ๕. ทารโก กโุ ต ปตติ ? ๖. ทารโก รกุ ฺขา ปตติ ? ๗. ปรุ ิโส กโุ ต โอโรหติ ? ๘. ปรุ ิโส เคหา โอโรหติ. ๙. มนสุ ฺสา เกหิ ภายนตฺ ิ ? ๑๐. มนุสฺสา โจเรหิ ภายนฺติ ? พงึ ทราบ อเปนตฺ ิ - ย่อมหลกี ออก, นิคฺคโต - ยอ่ มออกไป, ออกไปแล้ว, ปตติ - ย่อมตก, โอโรหติ - ยอ่ มลง, กโุ ต - จากไหน, ภายติ - ย่อมกลัว, เคหํ - เรอื น, โจโร - โจร, รุกฺข - ตน้ ไม้, ปพฺพต - ภูเขา จงแปลเป็นไทย ๑. กญฺาโ เกหิ อตุ ฺตสนตฺ ิ. กญฺ าโย พาเลหิ อุตตฺ สนฺติ. ๒. สิสสฺ า กุโต สิปปฺ ํ อุคคฺ ณฺหนฺติ. สิสสฺ า อาจรยิ โต สิปปฺ ํ อุคคฺ ณหฺ นฺติ. ๓. สามเณรา กโุ ต อุปชฌฺ ํ คณฺหนฺติ. สามเณรา อปุ ชฌฺ ายมหฺ า อปุ ชฺฌํ คณฺหนฺติ. ๔. ติตฺถยิ า กุโต ปราเชนฺติ. ติตถฺ ยิ า พทุ ฺธสมฺ า ปราเชนตฺ ิ. ๕. มหานทโิ ย กโุ ต ปภวนฺต.ิ มหานทิโย หิมวตา ปภวนตฺ ิ. ๖. คาโม นครโต กีว ทโู ร. คาโม นครโต โยชนํ ทูโร. ๗. อาสนโฺ น นุ อาวโุ ส คาโม นครโต. น อาสนฺโน ภนฺเต นครโต คาโม. คาวตุ ํ ทูโร.
16 ปาฬิสกิ ขา พงึ ทราบ อตุ ฺตสนฺติ - ยอ่ มสดงุ้ , คณฺหนฺติ - ย่อมถือเอา, อคุ ฺคณฺหาติ - ย่อมเรยี น, ปราเชนตฺ ิ - ยอ่ มแพ,้ ปภวนตฺ ิ - ยอ่ มเริ่ม, กวี ทูโร - ไกลเท่าไร, อปุ ชฺฌาโย - พระอปุ ชั ฌาย,์ คาวุตํ - หนงึ่ คาวุต, โยชนํ - หนง่ึ โยชน์ จงเปล่ียนเป็นภาษาไทย ก. อ.ท่าน ย่อมมา จากทีไ่ หน ? ข. อ.ข้าพเจ้า ยอ่ มมา จากนคร ค. อ.ขา้ พเจา้ ท. ย่อมออกไป จากบา้ น ฆ. อ.เดก็ ชาย ย่อมตกไป จากต้นไม้ ง. อ.บัณฑติ ท. ยอ่ มกลัว จากบาป จ. อ.คนพาล ท. ย่อมไมส่ ะดงุ้ จากบาป ฉ. อ.ทา่ น ย่อมเรียน ซง่ึ ศิลปะ จากใคร ? ช. อ.ขา้ พเจา้ ท. ยอ่ มเรยี น ซง่ึ ศิลปะ จากอาจารย์ ฌ. อ.สามเณร ย่อมถือเอา ซึ่งพระอปุ ัชฌาย์ จากส�ำนัก ของพระอุปัชฌาย์ ญ. อ.หมู่บ้าน ยอ่ มเรม่ิ แตไ่ หน ? ฎ. อ.เมือง ไกล จากหม่บู า้ น เท่าไร ? ฐ. อ.หมบู่ ้าน ใกล้ จากเมือง หรอื ? นักศึกษาพึงสังเกตดูวิธีการใช้ในจตุตถีวิภัตติทั้งสองน้ีให้พิเศษกว่าวิภัตติอ่ืน ๆ และ จงก�ำหนดจดจ�ำไวใ้ หด้ ี ๑๔. ฉฏั ฐวี ิภัตตทิ ี่แปลว่า “ของ” ท่องและแปล ๑. อทิ ํ กสฺส สนตฺ กํ. ๒. อทิ ํ มม สนตฺ ก.ํ ๓. อทิ ํ กสสฺ วตถฺ .ํ ๔. อิทํ มม วตถฺ ํ. ๕. อิทํ กสฺส เคหํ. ๖. อทิ ํ มม เคห.ํ
กัณฑท์ ่ี ๑ 17 ๗. อยํ กสฺส ปตฺโต ๘. อยํ เม ปตโฺ ต. ๙. อิทํ กสฺส จีวร.ํ ๑๐. อิทํ เม จีวร.ํ ๑๐. อิทํ นุ เต สนตฺ กํ. ๑๒. นยทิ ํ มม สนตฺ ก,ํ ทารกสสฺ สนตฺ ก.ํ จงเปลี่ยนเป็นบาลี ก. อ.วตั ถนุ ้ี มใิ ช่ ของผม ข. อ.วตั ถุ ท. เหล่านี้ มิใช่ ของผม ค. อ.บาตร ของข้าพเจา้ หามไิ ด้ ขอ้ ควรทราบ อิทํ - อ.วัตถุนี้ (ใชศ้ ัพท์อะไรกไ็ ดท้ ่ีเป็นนปงุ สกลงิ ค์), อิมานิ - อ.วัตถุ ท. เหลา่ น,ี้ อยํ - อ.บุคคลนี้ หรือ บรุ ุษ หรือ หญงิ นี้, เต, ตว, ตยุ หฺ ํ - ของทา่ น, เม, มม, มยหฺ ํ - ของ ขา้ พเจา้ , สนฺตกํ - ทรัพย,์ ปตโฺ ต - บาตร, จีวรํ - จีวร, วตฺถํ - ผา้ , นยทิ ํ (น + อิทํ) ๑๕. จตุตถวี ภิ ตั ติ ทแ่ี ปลว่า “เพอ่ื ” และจตุตถวี ภิ ัตติ ท่แี ปลว่า “แก”่ ทอ่ งและแปล ๑. พุทฺโธ เนสํ อตถฺ าย อุปฺปชชฺ ต.ิ ๒. พุทโฺ ธ สตฺตานํ อตถฺ าย อปุ ฺปชชฺ ต.ิ ๓. พุทฺโธ เกสํ หติ าย สุขาย อุปฺปชฺชต.ิ ๔. พุทฺโธ เทวมนสุ ฺสานํ หิตาย สุขาย อปุ ปฺ ชฺชต.ิ ๕. ตฺวํ กิมตฺถาย คามํ คจฉฺ ส.ิ ๖. อหํ ปณิ ฑฺ าย คามํ คจฺฉาม.ิ ๗. อิทํ เกสํ ภตตฺ ํ. ๘. อทิ ํ อาคนตฺ ุกานํ ภตตฺ .ํ
18 ปาฬสิ กิ ขา จงเปล่ียนเป็นบาลี ก. อ.ทา่ น ย่อมมา เพ่อี ประโยชน์ แก่ใคร ? ข. อ.ขา้ พเจา้ ย่อมหงุ ซ่ึงข้าว เพี่อประโยชน์ แก่ทา่ น ค. อ.วหิ ารนี้ เพื่อประโยชน์ แกข่ า้ พเจา้ ควรทราบ อตถฺ าย - เพ่ีอประโยชน์, หติ าย - เพอ่ี เก้อื กลู , สขุ าย - เพีอ่ ความสุข, อุปฺปชชฺ ติ - ย่อมเสดจ็ อุบัตขิ ึ้น, กิมตฺถาย - เพีอ่ ประโยชนอ์ ะไร, ปณิ ฺฑาย - เพ่ีอก้อนข้าว, เกสํ - แกช่ น ท. เหลา่ ไหน, อาคนฺตุกานํ - แกอ่ าคนั ตุกะ ท. ๑๖. สตั ตมีวิภตั ติทแี่ ปลวา่ “ใน, บน” ท่องและแปล ๑. พุทฺโธ อนาถปณิ ฺฑกิ สสฺ อาราเม วิหรต.ิ ๒. ปณฑฺ ิตา พุทฺเธ ปสที นฺต.ิ ๓. ทารกา สยเน สยนฺติ. ๔. พาโล ปาปสมฺ ึ รมติ. ๕. อากาเส สกุณา ปกฺขนฺทนตฺ ิ. ๖. ตเิ ลสุ เตลํ ตฏิ ฺติ. จงเปลย่ี นเปน็ บาลี ก. อ.เด็กหญิง ย่อมหุง ซ่ึงข้าว ในบ้าน ข. อ.ข้าพเจ้า ท. ยอ่ มไมน่ อน ในบ้าน ก. อ.คนพาล ยอ่ มเลือ่ มใส ในพระพุทธเจา้ หรอื ? ฆ. อ.มนุษย์ ท. ย่อมบินไมไ่ ด้ ในอากาศ ง. อ.ทา่ น ย่อมนอน เพราะเหตไุ ร ?
กณั ฑ์ที่ ๒ 19 ขอ้ ควรทราบ วหิ รติ - ย่อมประทบั อย,ู่ อาราโม - วัด, ปสที นฺติ - ย่อมเลือ่ มใส, รมติ - ยอ่ มยนิ ด,ี ปกฺขนทฺ นฺติ - ย่อมบนิ ไป, ยอ่ มเหาะ, ย่อมแลน่ ไป, อนาถปิณฺฑิโก - อนาถบณิ ฑิกเศรษฐ,ี สยนํ - ทน่ี อน, อากาโส - อากาศ, สกโุ ณ - นก, ตลิ ํ - งา, เตลํ - นำ้� มนั , ตฏิ ฺ ติ - ยอ่ มต้งั อยู่ จบกณั ฑท์ ่ี ๑ กณั ฑท์ ่ี ๒ ๑๗. ค�ำถามทปี่ ระกอบด้วย นุ และ ค�ำตอบ ท่องและแปล ๑. เทเสติ นุ อาวุโส พทุ ฺโธ ธมมฺ ํ. ๒. อาม... เทเสติ พทุ โฺ ธ ธมมฺ ํ. ๓. คจฉฺ สิ นุ อาวุโส... ตวฺ ํ คามํ. ๔. อาม... คจฺฉามิ อหํ คาม.ํ ๕. ปจถ นุ โภติโย... ตมุ เฺ ห ภตตฺ ํ. ๖. อาม... ปจาม มยํ ภตฺต.ํ จงเปลย่ี นเป็นภาษาบาลี ก. ดกู ่อนท่านผมู้ ีอายุ อ.พระพทุ ธเจ้า ท. ยอ่ มทรงแสดง ซงึ่ ธรรม หรอื ? ข. ครบั อ.พระพทุ ธเจ้า ท. ย่อมทรงแสดง ซ่งึ ธรรม ท. ค. ดูกอ่ นผู้มอี ายุ อ.เธอ ท. ย่อมไป สหู่ มบู่ ้าน หรือ ? ฆ. ครับ อ.ขา้ พเจา้ ท. ย่อมไป สหู่ ม่บู ้าน ง. โอ* นางสาวน้อย อ.เธอ ยอ่ มหุง ซึ่งขา้ ว หรือ ? จ. เจ้าค่ะ อ.ดฉิ ัน ยอ่ มหุง ซึ่งขา้ ว ท. * โอ ค�ำน้เี ปน็ ค�ำแสดง อาลปน ค�ำรอ้ งเรียก
20 ปาฬิสกิ ขา ข้อควรทราบ บทอาลปนะ เชน่ อาวุโส, ภนเฺ ต โดยมากใชเ้ รียงไว้หลงั บทแรกของประโยค แต่ใน บางทหี่ รอื บางประโยคจะเรยี งไวต้ น้ ประโยคกไ็ ด้ ดงั ทไี่ ดแ้ สดงไวใ้ นกณั ฑท์ ี่ ๑ แลว้ เพราะฉะนน้ั ในกัณฑ์นี้ จงึ วางไวห้ ลังบทแรก เวลาแปล ตอ้ งแปลอาลปนะกอ่ น แลว้ จึงแปลประธานกิรยิ า และบทกรรมตามล�ำดับไป ๑๘. ประโยคค�ำถามประกอบดว้ ย นุ ตอบด้วย น ทอ่ งและแปล ๑. อตฺถิ นุ อาวุโส ภตฺตํ. ๒. นตฺถิ ภนเฺ ต ภตตฺ .ํ ๓. สนฺติ นุ อาวุโส มนสุ ฺสา. ๔. น สนฺติ ภนฺเต มนุสสฺ า. ๕. อสิ นุ ตฺวํ อาวุโส สามเณโร. ๖. น อมฺหิ ภนเฺ ต อหํ สามเณโร. ๗. ปจติ นุ อาวุโส ทาริกา ภตตฺ ํ. ๘. น ปจติ ภนฺเต ทารกิ า ภตตฺ ํ. ๙. คจฉฺ สิ นุ อาวุโส ตวฺ ํ คาม.ํ ๑๐. น คจฺฉามิ ภนฺเต อหํ คามํ. ๑๙. ค�ำถามทีป่ ระกอบด้วย นุ และ น เข้าดว้ ยกัน ทอ่ งและแปล ๑๑. อตถฺ ิ นนุ อาวโุ ส พุทฺโธ. ๑๒. อาม ภนฺเต พทุ โฺ ธ อตถฺ ิ. ๑๓. เทเสติ นนุ อาวุโส พทุ ฺโธ ธมมํ. ๑๔. อาม ภนฺเต พุทโฺ ธ ธมฺมํ เทเสติ.
กณั ฑ์ที่ ๒ 21 ๑๕. ปจติ นนุ อาวุโส กญฺา ภตฺต.ํ ๑๖. นนุ ปจติ ภนฺเต กญฺ า ภตฺต.ํ ๑๗. คจฉฺ สิ นนุ ตฺวํ อาวโุ ส คามํ. ๑๘. นนุ คจฺฉามิ ภนฺเต อหํ คามํ. จงเปลยี่ นเป็นบาลี ก. แนะ่ ทา่ นผู้มอี ายุ อ.ทา่ น ท. ยอ่ มเปน็ สามเณรหรือ ? ข. ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ข้าพเจ้า ท. ย่อมไมเ่ ปน็ สามเณร ค. แน่ะทา่ นผมู้ ีอายุ ท. อ.ทา่ น ท. ยอ่ มหุง ซึ่งขา้ วหรอื ? ฆ. ข้าแตท่ า่ นผู้เจรญิ อ.ขา้ พเจ้า ท. ย่อมไมห่ งุ ซึ่งขา้ ว ง. แนะ่ ทา่ นผ้มู อี ายุ อ.สามเณร มอี ยู่ มิใช่หรอื ? จ. ขา้ แตท่ ่านผเู้ จริญ ครบั อ.สามเณร มอี ยู่ ฉ. แนะ่ ท่านผ้มู อี ายุ อ.ทา่ น ยอ่ มหุง ซงึ่ ขา้ ว มใิ ชห่ รือ ? ซ. ขา้ แต่ท่านผู้เจริญ อ.ข้าพเจา้ ย่อมหงุ ซ่ึงขา้ ว ฌ. อ.ใคร ยอมหงุ ซ่ึงขา้ ว ญ. อ.นางสาวนอ้ ยนัน่ เทียว ย่อมหุง ซึ่งข้าว น - ไม,่ นุ - หรือ, นนุ - มใิ ชห่ รอื , (ตอ้ งแปลเข้ากับกริ ยิ า) เช่น อตถฺ ิ นนุ - มีอยู่ มิใช่หรือ ? เทเสติ นนุ - ยอ่ มแสดง มใิ ช่หรือ ? คจฉฺ ติ นนุ - ย่อมไป มใิ ชห่ รอื ? ๒๐. ตวั อยา่ งการวางกริ ิยาในระหว่าง น และ นุ - นนุ ทอ่ งและแปล ๑. น คจฉฺ สิ นุ ตวฺ ํ มคฺค.ํ ๒. อาม น คจฺฉามิ อหํ มคฺค.ํ ๓. น คจฺฉสิ นุ ตฺวํ คาม.ํ ๔. อาม อหํ คามํ น คจฉฺ ามิ. ๕. น ปจสิ นุ ตวฺ ํ ภตตฺ .ํ ๖. อาม อหํ ภตฺตํ น ปจาม.ิ
22 ปาฬสิ ิกขา ตัวอย่างการวางกริ ยิ าในระหวา่ ง น และ นนุ ทอ่ งและแปล ๗. น อตฺถิ นนุ พาโล. ๘. อตฺถิเอว พาโล. ๙. น คจฺฉสิ นนุ ตวฺ ํ คามํ. ๑๐. อาม อหํ คามํ น คจฉฺ าม.ิ ๑๑. น ปจสิ นนุ ตวฺ ํ ภตตฺ ํ. ๑๒. อาม อหํ ภตตฺ ํ น ปจามิ. จงเปล่ยี นเปน็ บาลี ก. ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.พระพทุ ธเจ้า ไม่มีอย่หู รือ ? ข. แน่ะผ้มู อี ายุ อ.พระพทุ ธเจ้า มอี ยู่ ก. แน่ะผู้มีอายุ อ.สามเณร ย่อมไมห่ ุง ซ่ึงข้าวหรือ ? ฆ. ครบั อ.สามเณร ท. ย่อมไมห่ งุ ซึ่งขา้ ว ควรทราบ น - ไม่, คจฉฺ ติ - ยอ่ มไป, นุ - หรือ, ส�ำเร็จเป็น น คจฺฉติ นุ - ยอ่ มไม่ไปหรอื ? น คจฉฺ ติ นนุ - ย่อมไม่ไป มใิ ช่หรอื ? น อตถฺ ิ นนุ - ยอ่ มไมม่ ี มใิ ชห่ รอื ? น โหติ นนุ - ยอ่ มไมเ่ ป็น มใิ ช่หรอื ? นกั ศกึ ษาพงึ แปลไปตามบทอย่างน้ี ทอ่ งและแปล ๑. พทุ โฺ ธ โหต.ิ ๒. พุทฺโธ น โหติ. ๓. พทุ โฺ ธ โหติ น.ุ ๔. พทุ ฺโธ โหติ นน.ุ ๕. พุทโฺ ธ น โหติ นุ. ๖. พทุ โฺ ธ น โหติ นนุ.
กัณฑท์ ่ี ๒ 23 ข้อควรทราบ ประโยคท่มี ี น เชน่ น โหติ - ย่อมไมเ่ ปน็ , ประโยคทม่ี ี นุ เชน่ โหติ นุ - ย่อมเป็น หรอื ? ประโยคที่ประกอบด้วย น และ นุ เข้ากัน เช่น โหติ นนุ - ย่อมเปน็ มใิ ชห่ รอื ? ประโยคทแ่ี ยก น ออกจาก นุ (มีกริ ิยาในระหว่าง) เชน่ น โหติ นุ - ยอ่ มไม่เป็นหรอื ? นนุ จะตอ้ งอยู่หลงั กิริยาเสมอ สว่ น น ตอ้ งอยู่หน้ากิรยิ าเสมอ เช่น น โหติ นนุ - ย่อมไมเ่ ปน็ มใิ ช่หรือ ? ประโยคเช่นน้ีมอี ยู่ ๕ ประโยคเท่าน้นั (ขอ้ ๒ ถึง ๖) นักศกึ ษาพึงประกอบประโยค ที่แสดงไว้แล้ว ตามความรูข้ องตนเถดิ ๒๑. ตลุ ฺยาธิกรณวิเสสน - ลงในอรรถปฐมาวิภตั ติ (วเิ สสนะ บทขยาย มีวิภตั ตแิ ละสภาพเหมอื นกันกับ วิเสสยะ บทถูกขยาย) ทอ่ งและแปล ๑. เอโก ปุรโิ ส วหิ ารํ อาคจฺฉต.ิ ๒. ตวฺ ํ มหนฺโต ปณฑฺ ิโต อสิ. ๓. ตมุ เฺ ห มหนตฺ า ปณฑฺ ิตา อตฺถ. ๔. อหํ มหนฺโต ปณฺฑโิ ต อมฺห.ิ ๕. มยํ มหนตฺ า ปณฺฑิตา อมฺห. ๖. อสิ นุ ตฺวํ พาโล มนุสโฺ ส. ๗. นาหํ อมหฺ ิ พาโล มนสุ โฺ ส ปณฺฑโิ ตมหฺ .ิ จงเปล่ยี นเป็นบาลี ก. อ.มนุษย์ คนหนง่ึ ยอ่ มไป สหู่ มู่บา้ น ข. อ.บณั ฑติ ท. ผปู้ ระเสริฐ ย่อมเขา้ ไปน่ังใกล้ ซึ่งพระพุทธเจ้า ค. อ.ข้าพเจ้า ท. เป็นคนพาล หามไิ ด้ ฆ. อ.บรุ ุษ ผู้ประเสริฐ ง. อ.บรุ ษุ ผูป้ ระเสรฐิ คนหน่งึ จ. อ.นางสาวนอ้ ย ผปู้ ระเสรฐิ
24 ปาฬิสิกขา ฉ. อ.นางสาวน้อย ผปู้ ระเสริฐ คนหน่งึ ช. อ.เดก็ ชาย ผ้โู งเ่ ขลา คนหนึ่ง ฌ. อ.เด็กหญงิ ผ้ฉู ลาด คนหน่งึ ควรทราบ บทวิเสสนะ แปลไมอ่ อกส�ำเนียงอายตนบิ าต เชน่ เอโก ปรุ ิโส อ.บุรุษ คนหนึง่ และ แปลว่า ผู้, มี, อัน เช่น มหนฺโต - ผปู้ ระเสริฐ (ในอติ ถลี งิ ค์ เปน็ มหนฺต,ี นปงุ สกลงิ ค์ เปน็ มหนตฺ )ํ , พาโล - ผู้โง่, ตรุโณ - ผเู้ ปน็ หนุ่ม, เฉโก - ผ้ฉู ลาด ๒๒. ตุลยฺ าธิกรณวเิ สสน - ลงในอรรถทตุ ิยาวิภตั ติ ทอ่ งและแปล ๑. อหํ เอกํ ทารกิ ํ ปสฺสามิ. ๒. กญฺา อภริ ูปํ ทารกํ โอโลเกติ. ๓. อิจฺฉสิ นุ ตฺวํ พาลํ สสิ ฺสํ. ๔. น อจิ ฺฉามิ อหํ พาลํ สิสฺสํ, อจิ ฉามิ อหํ ปณฑฺ ิตํ สิสสฺ .ํ ๕. สมณา เชตวนํ นาม อารามํ อาคจฉฺ นตฺ .ิ จงเปลีย่ นเป็นบาลี ก. อ.ข้าพเจา้ ย่อมไมป่ รารถนา ซึ่งบรุ ุษ ผโู้ ง่ ข. อ.มนุษย์ ท. ย่อมดู ซ่งึ นางสาวนอ้ ย ผฉู้ ลาด ก. อ.เด็กชาย ยอ่ มมา สูว่ ัด ชอื่ ว่าทา่ มะโอ ฆ. อ.ภกิ ษุ ท. ย่อมไม่ได้ ซึง่ กอ้ นขา้ ว ทม่ี ีรสอรอ่ ย ง. อ.ชายหนุ่ม ผรู้ ปู หล่อยิง่ ย่อมไมไ่ ด้ ซ่งึ หญิงสาว ผรู้ ปู งามย่ิง จ. ซึ่งบุรุษ ผยู้ งิ่ ใหญ่ ฉ. ซึง่ บุรุษ ผปู้ ระเสริฐ คนหนง่ึ ช. ซงึ่ นางสาวน้อย ผู้ประเสริฐ คนหน่ึง
กัณฑท์ ี่ ๒ 25 ควรทราบ ปสสฺ ามิ - ย่อมเหน็ , โอโลเกติ - ยอ่ มแลดู, อจิ ฺฉามิ - ย่อมปรารถนา, อภริ ปู ํ - ผมู้ ี รปู งาม, เชตวนํ นาม - ชอื่ วา่ เชตวัน, อาราโม - สวน, อทุ ยาน, วดั ๒๓. ก. ทตุ ยิ ากริ ยิ าวเิ สสนะ ท่องและแปล ๑. ทารโก สุขํ สยติ. ๒. อหํ ทกุ ฺขํ น สยาม.ิ ๓. ทารกิ า โอทนํ มทุ ํุ น ปจติ. ๔. โอทโน มทุ ุํ น ปจฺจติ. ๕. ปรโิ ส เอกมนฺตํ นิสที ติ. ๖. ตวฺ ํ เอกมนฺตํ น นิสที ส.ิ จงเปลีย่ นเปน็ บาลี ก. อ.ทา่ น ย่อมนอน เป็นสุข หรอื ? ข. อ.ขา้ พเจา้ ยอ่ มนอน เปน็ สขุ ยอ่ มไม่อยู่ เป็นทกุ ข์ ค. อ.ข้าว ยอ่ มสกุ ออ่ นนุม่ หรือ ? ฆ. อ.เดก็ หญงิ ยอ่ มน่ัง เรียบรอ้ ย ขอ้ ควรทราบ บทที่ท�ำกริ ยิ าให้วเิ ศษขนึ้ เรยี กว่า “กิริยาวิเสสน” เช่น สขุ ํ สยต.ิ (สยติ - ยอ่ มนอน สขุ ํ - เป็นสขุ ) เพราะฉะนัน้ บทว่า สุขํ จงึ เป็นบทขยายกิริยาการนอนให้พิเศษขึน้ วา่ นอน เปน็ สขุ มใิ ชน่ อนเปน็ ทกุ ข.์ ปจจฺ ติ - ยอ่ มหงุ , นสิ ที ติ - ยอ่ มนงั่ , สขุ ํ - ความสขุ , ทกุ ขฺ ํ - ความทกุ ข,์ มุทุํ - อ่อนน่มุ , บทเหลา่ นี้ อาจารย์บางทา่ นมคี วามเห็นว่า เปน็ ปมนฺต วเิ สสนบท (วิเสสนะ ท่ลี งปฐมาวภิ ัตต)ิ เอกมนตฺ ํ - เรยี บรอ้ ย (ในท่อี นั สมควร)
26 ปาฬสิ กิ ขา ๒๔. ข. ทตุ ิยากิรยิ าวิเสสน ท่องและแปล ๑. มนุสสฺ า สีฆํ คจฉฺ นฺติ. ๒. สมณา สณิกํ คจฺฉนฺติ. ๓. วิสาขา นาม กญฺา สณกิ ํ อาคจฺฉต.ิ ๔. พาลา กญฺาโย สีฆํ สฆี ํ อาคจฉฺ นฺติ. ๕. สามเณรา ปรมิ ณฑฺ ลํ นวิ าเสนตฺ ,ิ ปริมณฑฺ ลํ ปารปุ นฺต.ิ ๖. สมณา กายปปฺ จาลกํ น คจฺฉนฺติ. ๗. สมณา สรุ ุสรุ ุการกํ น ภุญชฺ นตฺ .ิ จงเปลย่ี นเป็นบาลี ก. อ.ท่าน ท. จงมา ชา้ ๆ หรอื อย่ามาเรว็ ข. อ.ทา่ น ท. ยอ่ มไมน่ งุ่ ย่อมไม่ห่ม เป็นปริมณฑล ค. อ.ทา่ น ท. ย่อมกิน เสยี งดังซดู๊ ๆ ควรทราบ นิวาเสนตฺ ิ - ยอ่ มนั่ง, ปารุปนตฺ ิ - ย่อมห่ม, ปริมณฺฑลํ - เป็นปริมณฑล, กายปปฺ จาลกํ - เดนิ โคลงกาย (แกวง่ กาย), สรุ ุสุรุการกํ - ท�ำเสียงซู๊ด ๆ, สฆี ํ - เร็ว, สณิกํ - ช้า ๆ, ค่อย ๆ, ภญุ ฺชนฺติ - ยอ่ มฉนั , กิน, โอทนํ - ซ่งึ ขา้ ว, โอทโน - ข้าว ๒๕. ทตุ ิยาวิภตั ตอิ รรถสตั ตมี แปลวา่ “ใน” ท่องและแปล ๑. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วหิ รติ คิชฌฺ กูเฏ ปพพฺ เต. ๒. สมณา ปุพพฺ ณฺหสมยํ คามํ ปิณฺฑาย ปวสิ นตฺ ิ. ๓. ปรุ ิโส อคารํ อชฺฌาวสติ. ๔. มนุสฺสา เอกมนฺตํ นิสที นตฺ .ิ
กัณฑ์ท่ี ๒ 27 จงเปลีย่ นเปน็ บาลี ก. ในสมยั หน่งึ อ.ขา้ พเจา้ ย่อมอยู่ ในเมืองล�ำปาง ข. อ.ท่าน ท. ยอ่ มเข้าไป สเู่ มือง ในเวลาเชา้ เพ่ือบณิ ฑบาต ค. อ.ขา้ พเจา้ ย่อมอยู่ ในวัดท่ามะโอ ฆ. อ.ขา้ พเจ้า ท. ยอ่ มน่งั ในท่คี วรส่วนข้างหนง่ึ ควรทราบ ปวสิ นตฺ ิ - ยอ่ มเขา้ ไป, อชฌฺ าวสติ - ยอ่ มอย,ู่ นสิ ที ติ - ยอ่ มนงั่ , เอกํ สมยํ - ในสมยั หนง่ึ , ปพุ พฺ ณหฺ สมยํ - ในเวลาเชา้ , อคารํ - ในบ้าน, เอกมนฺตํ (เอกํ + อนฺตํ) - ในทค่ี วรส่วน ขา้ งหนง่ึ , (หากเปน็ กิรยิ าวเิ สสนะ แปลวา่ เรียบร้อย) ปพฺพเต - บนภูเขา, คิชฌฺ กเู ฏ - ชอื่ ว่า คชิ ฌกูฏ, ราชคเห - ในเมืองราชคฤห์ ๒๖. ทตุ ยิ าวภิ ัตติ กาลอจจฺ นฺตสํโยค แปลวา่ “ตลอด, สิน้ ” ท่องและแปล ๑. มาสํ มโํ สทโน โหต.ิ ๒. สพพฺ กาลํ วหิ าโร รมณโี ย. ๓. ตยิ ามํ สยติ. ๔. อิมสมฺ ึ วิหาเร อมิ ํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปม.ิ จงเปลี่ยนเป็นบาลี ก. อ.ขา้ ว มีอยู่ ตลอดหน่งึ เดอื น ข. อ.พระนคร นา่ รน่ื รมย์ ตลอดกาลทง้ั ปวง ค. อ.เด็กชาย ยอ่ มนอน ตลอดสามยาม ฆ. อ.เรา ย่อมอยู่ ในวดั นี้ ตลอดหนงึ่ เดือน
28 ปาฬิสกิ ขา ข้อควรทราบ อจฺจนฺตสํโยค คือ สภาพของวัตถุส่ิงของมี ข้าว เป็นต้น, กิริยา มีการไปเป็นต้น, และคุณมีความน่าร่ืนรมยเ์ ป็นต้นท่เี ป็นไป (มีอย)ู่ ตลอดกาลเวลาหรอื ตลอดระยะทางโดยไม่ หมดไป (ขาดชว่ งลง) ในระหวา่ งทีก่ ลา่ วถึง รมณโี ย - น่ารนื่ รมย์, อเุ ปติ - ยอ่ มเข้าไป, มโํ สทโน (มํส + โอทโน) ขา้ วคลุกเนื้อ, สพพฺ กาลํ - ตลอดกาลทงั้ ปวง, ติยามํ - ตลอดสามยาม หรอื ตลอดราตร,ี อมิ ํ เตมาสํ - ตลอด สามเดือนน,ี้ วสสฺ ํ - ตลอดพรรษา, (การอยู่จ�ำในฤดฝู น), มาสํ - ตลอดหนง่ึ เดอื น ๒๗. ทุติยาวิภตั ติ อทธฺ าอจฺจนฺตสํโยค แปลว่า “สนิ้ , ตลอด” ท่องและแปล ๑. โยชนํ วนราชิ ปกาสติ. ๒. คาวตุ ํ ปพพฺ โต ทโี ฆ. ๓. โกสํ สชฌฺ ายติ. จงเปล่ียนเป็นบาลี ก. อ.ราวป่า ยาว ตลอดหนึง่ โยชน์ ข. อ.ขา้ พเจ้า ท. ยอ่ มเหน็ ซึ่งภูเขา อันมคี วามยาว หน่งึ คาวตุ ค. อ.ท่าน ท. ย่อมไป ตลอดหนึง่ โกสะ ข้อควรทราบ อุทาหรณ์เหล่านี้เป็น อจฺจนฺตสํโยค หมายถึง ความยาวหรือระยะทาง แปลว่า ตลอด, ส้นิ หรอื ถงึ , ปกาสติ - ย่อมปรากฏ, สชฌฺ ายติ - ยอ่ มสาธยาย, โยชนํ - ตลอด หนงึ่ โยชน์, วนราชิ - ราวป่า, โกสํ - ตลอดหนงึ่ โกสะ (ระยะทาง ๕๐๐ ชว่ งคนั ธนู เป็นหน่ึง โกสะ, ๔ โกสะ เป็นหน่ึงคาวตุ , ชั่วคันธนูทีโ่ กง่ แล้วเปน็ ๔ ศอก) ทโี ฆ - อันมคี วามยาว
กัณฑ์ท่ี ๒ 29 ๒๘. ตตยิ าวิภตั ติ แปลว่า “โดย’’ ทอ่ งและแปล ๑. อมฺหากํ พทุ ฺโธ โคตเฺ ตน โคตโม นาม โหต.ิ ๒. ชาตยิ า สากโิ ย นาม โหต.ิ ๓. นาเมน สิทธฺ ตโฺ ถ นาม กมุ าโร โหต.ิ ๔. ปกตยิ า อภริ โู ป. ๕. ชาตยิ า โสฬสวสโฺ ส. จงเปล่ยี นเป็นบาลี ก. อ.ข้าพเจา้ ยอ่ มนอบน้อม ซึง่ พระพทุ ธเจ้า ทรงพระนามวา่ โคตมะ โดยพระโคตร ข. อ.ขา้ พเจา้ ท. ย่อมนอบน้อม ซงึ่ พระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าสากยิ ะ โดยตระกูล ค. อ.ท่าน ย่อมเห็น ซ่ึงพระราชกุมาร ทรงพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้มีรูปอันงดงาม โดยปกตหิ รอื ? ฆ. อ.ท่าน มีอายุ เทา่ ไร โดยก�ำเนดิ ? ควรทราบ โคตเฺ ตน - โดยพระโคตร, ชาตยิ า - โดยตระกลู (ขอ้ ๒), ชาตยิ า - โดยก�ำเนดิ (ขอ้ ๕), ปกติยา - โดยปกติ (มิไดต้ บแต่ง), กุมาโร - พระราชกุมาร, อภิรูโป - ผูม้ ีพระรูปงดงาม, โสฬสวสโฺ ส - ผมู้ พี ระชนม์ ๑๖ พรรษา, กติวสฺโส - มอี ายุเทา่ ไร (ในบาลี ถ้าจะถาม ใช้เปน็ กตวิ สโฺ สส)ิ , ปสฺสสิ, ทกขฺ สิ - ยอ่ มเห็น, อมหฺ ากํ - ของเรา ท.
30 ปาฬสิ ิกขา ๒๙. อนาทรยิ - อนาทร แปลว่า “เม่ือ” (ฉฏั ฐีวิภัตต)ิ “ครนั้ เมอ่ื ” (สัตตมีวภิ ัตต)ิ ท่องและแปล ๑. ทารกสฺส รทุ โต, ปิตา ปพฺพชติ. ๒. ทารเก รทุ นฺตสมฺ ึ, ปติ า ปพฺพชต.ิ ๓. เวสฺสนฺตรสฺส เปกขฺ โต, ชูชโก ทารเก เนต.ิ ๔. มหาชเน เปกฺขมาเน, มจฺจุ คลิ านํ เนติ. จงเปลยี่ นเปน็ บาลี ก. เม่ือเด็ก ร้องไห้อยู,่ อ.แม่ ยอ่ มออกไป จากบา้ น ข. เม่อื ภิกษุ ดแู ลอย,ู่ อ.โจร ยอ่ มขโมย ซ่ึงบาตรและจวี ร ค. เมอื่ อาจารย์ กลา่ วอยู่, อ.ลูกศิษย์ ท. ย่อมนอน (ใช้ฉฏั ฐีหรือสตั ตมวี ิภัตติกไ็ ด)้ หมายเหตุ ค�ำว่า “อนาทรยิ ” หมายถึง สิ่งทีถ่ กู ไม่ใยดี (ถกู เมนิ ) และค�ำว่า “อนาทร” หมายถงึ ผ้ไู มใ่ ยดี (ผู้เมนิ ) ฉะนัน้ ในท่ีนี้ เด็ก คือ ทารก เป็นผู้ถกู ไมใ่ ยดี (ถูกเมิน) จงึ ตอ้ งลงฉฎั ฐี หรอื สัตตมีวิภัตติ และบทวา่ รทุ โต เป็นบทกิริยาอาการร้องไห้ของเด็ก จึงต้องลงฉัฏฐี หรอื สัตตมี วภิ ตั ติ เหมอื นกบั ทารก สว่ นพอ่ คอื ปติ า เปน็ ผแู้ สดงความไมใ่ ยดี ตอ้ งลงปฐมาวภิ ตั ติ เพราะเปน็ กตั ตา (ประธาน) ของกิรยิ าอาขยาต นีเ้ ปน็ ลกั ษณะของประโยคอนาทร ข้อควรทราบ ปพฺพชติ - ยอ่ มบวช, เนติ - ย่อมน�ำไป, รทุ นฺตสมฺ ,ึ รทุ โต, คร้ันเม่อื , เมอื่ รอ้ งไห้อย่,ู เปกขฺ โต, เปกฺขมาเน - เม่ือ, คร้ันเมื่อแลดอู ย,ู่ เวสฺสนตฺ โร - พระเจา้ เวสสันดร, ชชู โก - พราหมณช์ ชู ก, มหาชเน - คร้ันเมื่อมหาชน, มจจฺ ุ - ความตาย, คลิ าโน - คนไข้
กัณฑท์ ่ี ๒ 31 ๓๐. ลกขฺ ณ - ลกฺขยฺ แปลว่า “ครั้นเมือ่ ” ท่องและแปล ๑. โพธิสตเฺ ต ชายมาเน, มาตา ปโมทต.ิ ๒. ภิกขฺ ูสุ ภุตเฺ ตส,ุ ปุริโส ปจฺจาคจฺฉติ. ๓. เอวํ วตุ ฺเต, ปรุ โิ ส ปฏวิ จนํ น เทต.ิ ๔. เอวํ วุจฺจมาโน ทารโก อาคจฺฉติ. จงเปลยี่ นเป็นบาลี ก. คร้ันเมือ่ เดก็ เกิดอยู่, อ.พ่อ ยอ่ มชอบใจยิ่ง ข. คร้ันเมื่อเดก็ หญงิ กนิ ขา้ วแล้ว, อ.แม่ ย่อมไป ค. อ.ขา้ พเจา้ เม่ืออยู่ ทีว่ ัดท่ามะโอ ย่อมเขียน ซึ่งปาฬิสกิ ขานี้ หมายเหตุ ค�ำวา่ “ลกฺขณ” หมายถึง สิง่ ท่ีเป็นเครื่องหมายส�ำหรบั จดจ�ำของบคุ คล ส่วน ลกฺขฺย หมายถึงบุคคลผู้จดจ�ำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยเครื่องหมายนั้น ฉะนั้นในท่ีนี้ แม่ดีใจในขณะ พระโพธสิ ัตว์เกดิ “โพธสิ ตฺเต” จงึ ต้องลงสตั ตมีวิภตั ติ และ “ชายมาเน” เปน็ กิรยิ าการเกดิ ของโพธิสตั วจ์ งึ มวี ิภตั ตเิ หมอื นกับ โพธสิ ตเฺ ต สว่ น มาตา เปน็ ผแู้ สดงความดใี จอันเป็น กตั ตา ของกริ ิยาอาขยาต จงึ ต้องลงปฐมาวิภัตตนิ เ้ี ปน็ ลักษณะของประโยคลักขณะ ข้อควรทราบ ปโมทติ - ยอ่ มยินด,ี ปจจฺ าคจฺฉติ - ยอ่ มกลับมา, ชายมาเน - เกิดอยู่, ภตุ ฺเตสุ - เมื่อกินแล้ว, เอวํ วุตฺเต - ครั้นเมื่อกล่าวแล้ว อย่างน้ี, วุจฺจมาโน - เม่ือถูกกล่าวอยู่, วิหรนฺโต - เมื่ออยู่, ลิขามิ - ย่อมเขียน, เอวํ - อย่างน้ี, (บางแห่ง มานปัจจัยและอนฺต ปัจจัย มีรูปเป็นปฐมาวิภัตติ ก็แปลว่า “เมื่อ” ได้ เช่น อหํ ท่ามะโออาราเม วิหรนฺโต (วหิ รมาโน) อมิ ํ ปาลสิ กิ ขฺ ํ สกิ ขฺ าม.ิ อ.กระผม เมอ่ื อยู่ ทวี่ ดั ทา่ มะโอ ยอ่ มศกึ ษา ซงึ่ ปาฬสิ กิ ขาน)้ี
32 ปาฬสิ ิกขา ๓๑. กมฺมวาจก (ตอ้ งท่อง) ๑. ตตยิ า กตตฺ า, ปมา กมมฺ (บท กตั ตา เปน็ ตตยิ าวภิ ตั ติ บทกรรมเปน็ ปฐมาวภิ ตั ต)ิ ๒. ในประโยคกรรมวาจกเวลาแปลต้องใสค่ �ำวา่ “ถูก” หรอื “อนั เขา” เขา้ มาทก่ี ริ ิยา ๓. วิภัตติสองตัวแรก ส�ำหรับนามศัพท์ สองตัวกลาง ส�ำหรับ ตุมฺหศัพท์ ส่วน สองตัวหลงั ส�ำหรับอมฺหศัพท์ วภิ ตั ติ (ทอ่ ง) เต อนเฺ ต เส เวฺห เอ เมฺห คจฉฺ ยี เต คจฉฺ ยี นเฺ ต คจฺฉยี เส คจฺฉียเวฺห คจฺฉีเย คจฺฉยี าเมฺห ขอ้ ควรทราบ ในประโยคกตั ตุวาจก เชน่ ปรุ โิ ส มคคฺ ํ คจฉฺ ติ กตั ตาตอ้ งลงปฐมาวิภตั ติ และบทกรรม ต้องลงทุติยาวิภัตติ ส่วนประโยคกัมมวาจกไม่เป็นเช่นน้ัน คือบทกัตตาต้องลงตติยาวิภัตติ เป็น ปุรเิ สน บทกรรมต้องลงปฐมาวิภัตติ เป็น มคฺโค ในประโยคกัตตุวาจก กริ ิยากล่าวถึง กตั ตา (ผ้กู ระท�ำ) ตอ้ งแปล คจฺฉติ ว่า ย่อมไป ส่วนในประโยคกัมมวาจก ตอ้ งเพมิ่ ค�ำวา่ ถกู หรอื อนั เขา เขา้ มา เชน่ คจฉฺ ยี เต ยอ่ มถกู ไป หรอื อนั เขายอ่ มไป ในประโยคกตั ตวุ าจก นกั ศกึ ษา ประกอบวิภัตติอาขยาตมี ติ และ อนฺติ ให้ตรงกับกัตตา (ประธาน) ท้ังประโยคและวจนะ เช่นไร แม้ในประโยคกัมมวาจกน้ี นักศึกษาก็ต้องประกอบวิภัตติอาขยาตมี เต และ อนฺเต เป็นต้น ให้ตรงกับบทกรรม (ประธาน) ท้ังเอกพจน์ พหูพจน์ และศัพท์ ๓ คือ นามศัพท์ (ปรุ โิ ส, ปุรสิ า ฯ) ตมุ ฺหศัพท์ (ตฺว,ํ ตมุ เฺ ห), อมหฺ ศพั ท์ (อห,ํ มยํ) เช่นนัน้ จงสงั เกตดูอทุ าหรณ์ ทจ่ี ะกล่าวตอ่ ไป
กัณฑ์ที่ ๒ 33 อทุ าหรณข์ องประโยค กมั มวาจก ทอ่ งและแปล ๑. ปุริเสน มคฺโค คจฉฺ ียเต. ๒. ปุริเสน มคฺคา คจฉฺ ยี นฺเต. ๓. ปรุ เิ สน ตวฺ ํ คจฉฺ ยี เส. ๔. ปุริเสน ตมุ ฺเห คจฺฉียเวฺห. ๕. ปรุ เิ สน อหํ คจฺฉีเย. ๖. ปุรเิ สน มยํ คจฉฺ ยี าเมฺห. ข้อควรทราบ ในประโยคกมั มวาจก บทกรรมและบทกริ ยิ าตอ้ งมวี จนะและประโยคตรงกนั เสมอ เชน่ บทกิรยิ าเปน็ เอกพจน์ นามศพั ท์ บทกรรม กต็ ้องเปน็ นามที่เปน็ เอกพจน,์ หากวา่ บทกรรมเปน็ อมหฺ ศพั ท์ พหพู จน์ กิริยาก็ตอ้ งเป็นอมหฺ โยค พหูพจน์ ตรงกันเสมอ ส่วน กตั ตา (บททเ่ี ป็น ตตยิ าวิภตั ต)ิ เป็นไดท้ งั้ ๓ ศพั ท์ คอื นามศพั ท์ ตมุ หฺ ศัพท์ อมฺหศัพท์ ทัง้ เอกพจนแ์ ละพหูพจน์ โปรดสังเกตดอู ุทาหรณ์ในบทเรยี นต่อไป ๓๒. กตฺตา ๖ กมมฺ ๑ ในทน่ี หี้ มายเอาบทกรรม (มคฺโค) บทเดียว แต่กตั ตา สามารถเปล่ยี นได้ ๖ รปู แบบ หรือ ๖ ประโยค หากวา่ บทกรรมมี ๖ บท หรอื ๖ รูป คอื มคโฺ ค, มคคฺ า, ตวฺ ํ, ตุมฺเห, อหํ, มยํ กจ็ ะได้ รูปกตั ตา ๓๖ รปู หรือ ๓๖ ประโยค ดงั ตอ่ ไปนี้ คือ บทกัตตา บทกรรม บทกริ ยิ า ๑. ปุริเสน มคฺโค คจฉฺ ียเต. ๒. ปรุ ิเสหิ มคฺโค คจฉฺ ียเต. ๓. ตยา มคโฺ ค คจฺฉียเต. ๔. ตุมเฺ หหิ มคโฺ ค คจฺฉยี เต.
34 ปาฬสิ กิ ขา ๕. มยา มคโฺ ค คจฉฺ ียเต. ๖. อมฺเหหิ มคฺโค คจฉฺ ียเต. คจฺฉียนเฺ ต. ๑-๖. ปรุ เิ สน ฯ อมฺเหหิ มคฺคา คจฉฺ ียเส. ๑-๖. ปุรเิ สน ฯ อมฺเหห ิ ตฺวํ คจฺฉียเวหฺ . ๑-๖. ปรุ เิ สน ฯ อมเฺ หหิ ตมุ เฺ ห คจฉฺ เี ย. ๑-๖. ปรุ เิ สน ฯ อมฺเหหิ อห ํ คจฺฉียาเมฺห. ๑-๖. ปรุ เิ สน ฯ อมฺเหหิ มย ํ ๖ x ๖ = ๓๖ ข้อควรทราบ นักศึกษาควรสังเกตบทกรรมคือ มคฺโค บทเดียวมีกัตตา (บทที่ลงตติยาวิภัตติ ทัง้ เอกวจนะและพหวุ จนะ) ไดถ้ ึง ๖ บท. ส่วนบทกรรมมี มคคฺ เป็นต้น กเ็ ปลยี่ นกัตตาได้ เชน่ เดยี วกบั ประโยคของ มคโฺ ค และตอ้ งระลกึ ไวเ้ สมอวา่ ถา้ บทกรรมเปน็ ตมุ หฺ ศพั ท์ บทกริ ยิ า ก็ต้องเป็นตมุ ฺหศพั ทเ์ ป็นต้น ต้องตรงกันเสมอ จงแปลเปน็ ไทย ๑. กญฺาย ภตตฺ ํ ปจจฺ เต. ๒. พทุ เฺ ธน ธมโฺ ม เทสยี เต. ๓. ตยา ภตตฺ านิ ปจจฺ นฺเต. ๔. มยา ทาเนน โภคา ลพภฺ นเฺ ต. ๕. ตุมเฺ หหิ สีเลน สุขานิ ลพภฺ นฺเต. ๖. สมเณหิ ภาวนาย นพิ พฺ านํ ปาปยี เต. ๗. ปณฑฺ ิเตหิ วินา พาเลหิ วหิ าโร อาคจฺฉยี เต. ๘. อมเฺ หหิ สํฆสฺส ทานานิ ทียนเฺ ต. ๙. สสิ เฺ สหิ อาจรยิ สฺส ฉตฺตํ ธารยี เต. ๑๐. พุทเฺ ธน เทวมนสุ สฺ านํ ธมโฺ ม เทสยี เต. ๑๑. สสิ ฺเสหิ อาจรยิ โต สิปปฺ ํ อุคคฺ ยฺหเต.
กัณฑท์ ่ี ๒ 35 ๑๒. พุทฺเธน สตฺตานํ อตถฺ าย ธมโฺ ม เทสยี เต. ๑๓. มยา ปณิ ฑฺ าย คาโม คจฺฉียเต. ๑๔. ปุริเสหิ อาคนฺตุกานํ ภตฺตํ ทียเต. หมายเหตุ: ประโยคตัวอย่างเหล่านี้น�ำมาจากประโยคกัตตุวาจก ที่เคยได้แสดงไปแล้ว เปลยี่ นแปลงใหเ้ ป็นประโยคกัมมวาจกเทา่ นัน้ ๓๓. ลกั ษณะประโยคกมั มวาจก โดยย่อ ๑. บทกรรมต้องเปน็ ปฐมาวภิ ตั ติ ๒. บทกัตตาต้องเป็นตตยิ าวภิ ตั ติ หรือฉัฏฐีวิภัตติ ๓. บทกริ ยิ าตอ้ งเปน็ อตั ตโนบท คอื เต, อนเฺ ต. เส, เวหฺ . เอ, เมหฺ เทา่ นนั้ และตอ้ งมี ออี าคม และ ยปจั จยั ประกอบอยู่ดว้ ยเป็นสว่ นมาก ควรทราบ ปจจฺ เต - (อันเขา) ย่อมหงุ ลพภฺ นเฺ ต - (อนั เขา) ย่อมได้ เทสียเต - (อันเขา) ย่อมแสดง ปาปยี เต - (อันเขา) ย่อมถึง ทียนฺเต - (อันเขา) ยอ่ มถวาย ธารียเต - (อันเขา) ย่อมทรงไว้ อคุ ฺคยฺหเต - (อนั เขา) ยอ่ มเรยี น เม่ือจะใช้บทกรรมเป็น ตฺวํ, ตุมฺเห, อหํ, มยํ ก็ต้องประกอบกิริยาเป็น ปจฺจเส, ปจฺจเวหฺ , ปจเฺ จ, ปจจฺ าเมหฺ เป็นต้น ตามแบบอยา่ งที่ไดแ้ สดงไปแลว้ จงเปลย่ี นเป็นบาลี ๑. อ.ท่าน (ขา้ ว) อันนางสาวน้อย ย่อมหุง ๒. อ.ข้าพเจา้ ท. (พระธรรม) อันพระพทุ ธเจ้า ผูป้ ระเสรฐิ ย่อมทรงแสดง ๓. อ.ขา้ พเจา้ (ทรัพย)์ อนั ทา่ น ท. ย่อมได้ เพราะทาน ๔. อ.ทา่ น ท. (ความสุข) อนั ข้าพเจา้ ท. ยอ่ มได้ เพราะศีล ๕. อ.พระนพิ พาน อนั สามเณร ย่อมถึง เพราะภาวนา
36 ปาฬิสกิ ขา ๖. อ.วหิ าร อันข้าพเจา้ ท. เว้น จากคนพาล ท. ยอ่ มมา ๗. อ.ทาน ท. อันท่าน ย่อมถวาย แกพ่ ระสงฆ์ ๘. อ.รม่ อนั อาจารย์ ยอ่ มไม่ทรงไว้ แก่ลูกศิษย์ ๙. อ.ท่าน (พระธรรม) อนั พระพุทธเจ้า ย่อมแสดง แก่สัตว์ ท. ๑๐. อ.ข้าพเจา้ (ศิลป์) อันทา่ น ท. (ลกู ศษิ ย)์ ย่อมเรียน จากอาจารย์ ๑๑. อ.ทา่ น (หมู่บา้ น) อันขา้ พเจา้ ย่อมไป เพ่อื ก้อนขา้ ว ๑๒. อ.ข้าพเจา้ (ขา้ ว) อันท่าน ท. ยอ่ มหุง เพ่ือประโยชน์ แกอ่ าคันตุกะ ท. ๑๓. เม่ือพระเจา้ เวสสันดร ทรงทอดพระเนตรอยู,่ อ.เด็ก ท. อันพราหมณช์ ูชก ยอ่ มน�ำไป ๑๔. เม่อื ภิกษุ ฉนั ขา้ วอย,ู่ อ.บา้ น อนั บรุ ษุ ยอ่ มกลับมา หมายเหตุ: ในแบบฝึกหัดนี้ ค�ำในวงเล็บมี (ข้าว) เป็นต้น เป็นค�ำสมมุติ ท่าน (ตฺวํ) ใหเ้ ป็นขา้ ว (โอทโน) ถูกหุง เป็นตน้ ๓๔. รวมอรรถของวิภตั ติ ๑. ปฐมาวภิ ตั ติ แปลว่า อนั วา่ เชน่ ปรุ ิโส คจฉฺ ต.ิ อ.บรุ ษุ ย่อมไป มคโฺ ค คจฺฉียเต. อ.หนทาง ยอ่ มถูกไป ๒. ทตุ ยิ าวภิ ัตติ แปลว่า ซึ่ง, สู่, ยงั , สน้ิ , ตลอด, กะ, เฉพาะ, ใน. การแปลเนื้อความของกิริยาวิเสสนะ ไม่ต้องออกส�ำเนียงอายตนิบาต เช่น เอกมนฺตํ - ณ ท่ีควรส่วนขา้ งหนึ่ง, สขุ ํ - สบาย, กายปฺปจารกํ - การคนองกาย, สมํ - เสมอ, วสิ มํ - ไม่เสมอ ๓. ตตยิ าวภิ ัตติ แปลว่า ดว้ ย, โดย, อัน, ตาม, เพราะ, มี, ด้วยทั้ง, ใน ตตยิ าวภิ ตั ตลิ งในอรรถ กรณะ (เครอื่ งมอื ) ใหแ้ ปลวา่ “ดว้ ย” เชน่ ปาเทน คจฉฺ ติ - ย่อมไป ด้วยเทา้ , สว่ นทีล่ งในกัตตา แปลว่า “อัน” เชน่ ปุริเสน มคโฺ ค คจฉฺ ยี เต - อ.ทาง
กณั ฑท์ ่ี ๒ 37 อันบรุ ษุ ยอ่ มไป, ทล่ี งในอรรถเหตุ ใหแ้ ปลวา่ “เพราะ” เชน่ ทาเนน โภควา - ผูม้ ีทรพั ย์ เพราะการให้ทาน ในทป่ี ระกอบกับ สห ศพั ท์ สทฺธึ ศพั ท์ หรอื ไมป่ ระกอบกบั ศัพท์เหล่านี้ แต่ลงในอรรถ ของ สห ศพั ท์ กต็ อ้ งแปลวา่ “กบั ดว้ ย” เชน่ สเํ ฆน สทธฺ ึ - กบั ดว้ ยพระสงฆ,์ สว่ นตตยิ าวภิ ตั ติ ทแ่ี ปลออกส�ำเนยี งวา่ “โดย” นนั้ เปน็ ตตยิ าวภิ ตั ตทิ ลี่ งในอรรถ “วเิ สสน” เชน่ โคตเฺ ตน โคตโม นาโถ - พระพทุ ธเจ้า พระนามวา่ โคดม โดยพระโคตร. (ในท่ีนีเ้ ป็น ภนิ ฺนาธกิ รณนามวิเสสน) และตตยิ าวภิ ัตตทิ ีเ่ ปน็ “กิรยิ าวิเสสน” แปลวา่ “โดย” เช่น สเมน ธาวติ - ย่อมวงิ่ โดยพร้อม กนั , นอกจากอรรถเหลา่ นีแ้ ล้ว ตตยิ าวิภตั ติ ยงั แปลว่า “ใน” ได้อีก (ตติยาวภิ ตั ติลงในอรรถ สตั ตมี) เช่น “เตน สมเยน” ในสมยั น้ัน ๔. จตุตถวี ภิ ตั ติ แปลวา่ แก,่ เพ่อื , ต่อ จตตุ ถีวิภตั ติ เชน่ สฆํ สฺส เทติ - ย่อมถวาย แกพ่ ระสงฆ,์ อตถฺ าย อปุ ปฺ ชฺชติ - เสดจ็ อุบัติขน้ึ เพ่ีอประโยชน,์ อาคนฺตกุ านํ ภตตฺ ํ - ภัตร (เพึอ่ ประโยชน์) แกอ่ าคนั ตกุ ะ ท. ๕. ปญั จมวี ภิ ัตติ แปลว่า แต,่ จาก, กว่า, เหตุ, เพราะ, โดย ปญั จมวี ภิ ัตติ นอกจากจะแปลว่า “จาก” เช่น คามา จากหมูบ่ า้ น เป็นต้นแล้ว ยงั สามารถแปลอรรถไดอ้ กี หลายอยา่ ง เช่น สลี สมฺ า หีนํ ทานํ - ทาน ต�่ำ กวา่ ศีล, กสมฺ า - เพราะเหตุไร, ยสฺมา - เพราะเหตุใด ส�ำหรับปญั จมวี ภิ ัตติ ยังมปี จั จัยบางตัวลงแทนได้ เช่น “โตปจั จัย” อทุ าหรณ์ ทานโต - จากทาน, กวา่ ทาน, เพราะทาน, อนิจฺจโต - โดยความไม่แน่นอน หรอื ไม่แนน่ อน (โตปัจจัย ใน อนิจฺจโต มอี รรถ = อติ ิ แปลวา่ “อนจิ จโต - วา่ ไมเ่ ที่ยง”) ๖. ฉัฏฐีวิภัตติ แปลวา่ แหง่ , ของ, เม่อื , อนั , ซึง่ , แห่ง...หนา, บรรดา, กวา่ ฉัฏฐวี ภิ ัตติ นอกจากจะแปลว่า แห่ง, ของ เช่น ปรุ สิ สฺ - ของบุรษ แล้วยงั แปลได้ อีกมาก เชน่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287