สิ่งสำ�คัญประการแรกในการอุปถัมภ์พระสงฆ์และคณะสงฆ์ของพระบาท ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชคือการพระราชทานสมณศักดิ์ อันเป็น สญั ลกั ษณ์ของการทรงยกย่องพระสงฆ์ผปู้ ฏบิ ตั ิดปี ฏบิ ัตชิ อบ ประพฤติธรรมวินัย เครง่ ครดั มศี ลี าจารวตั รอนั งาม และมคี ณุ ปู การแกพ่ ระพทุ ธศาสนา การพจิ ารณา สถาปนาสมณศกั ดเ์ิ ปน็ พระราชอ�ำ นาจของพระมหากษตั รยิ ์ ซง่ึ ในรชั กาลพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชน้ัน ได้ทรงวางบรรทัดฐานเรื่องระบบ อาวุโสทางสมณศักด์ิ ในการพิจารณาลำ�ดับก่อนหลังของพระราชาคณะทุก ลำ�ดับชั้น ปัจจัยหน่ึงท่ีส่งเสริมสนับสนุนให้พระภิกษุสงฆ์เจริญในสมณศักด์ิก็คือ “พระราชศรัทธาสว่ นพระองค์” ซึ่งมาจากเหตุปัจจยั หลกั ๒ สาเหตุ คอื การท่ี พระสงฆร์ ปู นนั้ เปน็ ครุ ฏุ ฐานยี บคุ คลแหง่ องคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ และการทพี่ ระสงฆ์ รปู นัน้ เป็นพระภิกษุที่พระมหากษัตรยิ ์ทรงยกย่องในความรูค้ วามสามารถ พระเถระบางรูปที่มีคุณูปการต่อพระมหากษัตริย์เป็นกรณีพิเศษ เช่น เคยเปน็ พระราชอปุ ชั ฌาย์ พระราชกรรมวาจาจารย์ และพระราชอนสุ าวนาจารย์ หรอื เปน็ พระอาจารย์ จดั เรยี กวา่ เปน็ “ครุ ฏุ ฐานยี บคุ คล” แหง่ องคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ดังตัวอย่างปรากฏในคราวเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระผนวช ณ พระอโุ บสถ วัดพระศรรี ตั นศาสดาราม ในวนั ท่ี ๒๒ ตุลาคม พพร.ศะ.รา๒ช๔ก๙รร๙มวมาีพจารจะาศรายส์ นซึ่งโเศปภ็นณท่ีท(รจาวบนกันอดุฏีว.่าฐพารยะี)กรวรัดมมวกาุฏจากจษาัตรยริ์ยเป์ ็นเปผ็ู้นมี ความสำ�คัญย่ิงในการอุปสมบทของกุลบุตรท้ังหลายไม่น้อยไปกว่าพระอุปัชฌาย์ เปน็ เหตใุ หใ้ นวาระพระราชพธิ เี ฉลมิ พระชนมพรรษาวนั ที่ ๕ ธนั วาคมปเี ดยี วกนั นน้ั พพรระะมศหาสานวีรโศวงภศณ์ ด(ังจคววนามอตุฏอ.ฐนาหยนี)ึ่งใไนดป้รับระโกปารศดสเกถลาป้าฯนาสพถราะปศนาาสขน้ึนโเศปภ็นณสม(จเดว็นจ อุฏ.ฐาย)ี เปน็ สมเด็จพระมหาวรี วงศ์ ว่า “ทรงพระราชดำ�ริว่า พระศาสนโศภณ ได้เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ มีคุณูปการแด่พระองค์ ในคราวทรงผนวช นับว่าเป็นอุตตมครุฏฐานียบุคคล แหง่ องค์พระมหากษตั ริย์” อีกกรณีหนึ่งท่ีสะท้อนผลแห่งความเป็นคุรุฏฐานียบุคคลในองค์พระมหา กษัตริย์ซึ่งพระองค์ทรงประจักษ์แจ้งในพระราชหฤทัยถึงความมีศีลาจารวัตร อันงามและความรู้ความสามารถของพระสงฆ์รูปนั้นอย่างชัดเจน จะเห็นได้ใน กรณีของพระโสภณคณาภรณ์ (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศ ผู้เป็น 247
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 248
พระอภิบาลหรือพระพ่ีเล้ียง และพระอาจารย์รูปหนึ่งของพระภิกษุพระบาท ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในขณะทที่ รงพระผนวชอยทู่ วี่ ดั บวรนเิ วศ ซงึ่ ในเวลานนั้ ด�ำ รง สมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นเทพในราชทินนามพระโสภณคณาภรณ์ ความเป็น ครุฏฐานียบุคคลแห่งองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะพระอภิบาลและพระอาจารย์ ยังผลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชศรัทธาต่อ พระโสภณคณาภรณ์ (เจริญ สุวฑฺฒโน) ดังปรากฏว่าวาระพระราชพิธีเฉลิม พระชนมพรรษา ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ พระโสภณคณาภรณไ์ ดร้ บั พระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระธรรมวราภรณ์ ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้รับแต่งต้ังเป็น เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ และในวาระพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาปีเดียวกัน นั้น พระธรรมวราภรณ์ (เจริญ สุวฑฒฺ โน) ได้รับพระราชทานเล่อื นสมณศกั ด์ิเปน็ พระสาสนโสภณ ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเลื่อนสมณศักด์ิพระสาสนโสภณ (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นสมเด็จพระราชาคณะท่ี สมเด็จพระญาณสังวร นัยของการมี พระราชศรทั ธายงิ่ ตอ่ พระเถระรปู นยี้ งั สะทอ้ นออกมาจากราชทนิ นาม “ญาณสงั วร บรมนริศรธรรมนิติภิบาล...” อันแปลความได้ว่า “สมเด็จพระผู้มีสังวรธรรม มีธรรมเป็นเคร่ืองระวัง อันประกอบด้วยพระปรีชาญาณ ทรงเป็นพระอภิบาล ในการถวายแนะนำ�พระธรรมแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นใหญ่ อยา่ งในหมนู่ รชน” นอกจากนนั้ ยงั ปรากฏวา่ ราชทนิ นาม “ญาณสงั วร” ดงั กลา่ วนี้ เคยเป็นราชทินนามของสมเด็จพระสังฆราชมาแล้วในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มาแลว้ ด้วย นอกจากความรู้ความสามารถของพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นความสามารถ เฉพาะบุคคลดังท่ีเคยกล่าวมาแล้วข้างต้นยังมีพระเถระอีกส่วนหน่ึง ที่มีความรู้ ความสามารถพเิ ศษเป็นท่ีต้องพระราชอธั ยาศยั เช่นเปน็ พระธรรมกถกึ เปน็ พระ เถระผถู้ วายพระธรรมเทศนาในการพระราชพิธี และในการบำ�เพญ็ พระราชกศุ ล ต่างๆ เป็นหนา้ ท่ขี องพระราชาคณะต้ังแต่ชั้นสามญั ขึ้นไป ทจี่ ะได้รบั อาราธนาให้ ถวายพระธรรมเทศนาโดยเฉพาะการถวายพระธรรมเทศนาพระมงคลวิเสสกถา ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระเถระผู้รับหน้าท่ีถวายเทศน์มงคล วิเสสกถาจะต้องนำ�ความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตก่อน เม่ือมี พระบรมราชานุญาตลงมาแล้วก็ถือเป็นหน้าท่ีประจำ�ท่ีจะต้องถวายเทศน์ทุกปี จนกว่าจะมเี หตุจ�ำ เป็น จึงถวายพระพรขอพระบรมราชานญุ าตเปลีย่ นเป็นรูปอื่น 249
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่สงฆ์ว่าเป็นหน้าท่ีของสมเด็จพระสังฆราช หรือสมเด็จ พระราชาคณะทม่ี คี วามสามารถในดา้ นการเทศนาจะเปน็ ผถู้ วายพระธรรมเทศนา ปรากฏว่าสมเด็จพระราชาคณะท่ีได้รับพระบรมราชานุญาตให้เป็นผู้ถวาย พระธรรมเทศนาน้ีแทนสมเด็จพระสังฆราช คือ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศ โดยเริ่มต้นต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗ ปฏิบัติหน้าที่แทน สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพน และตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕ ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธ ตั้งแต่นั้น เปน็ ตน้ มากไ็ ดร้ ับอาราธนาใหป้ ฏิบตั หิ น้าที่น้เี รอ่ื ยมา ยังปรากฏว่ามีพระมหาเถระที่เป็นที่เจริญพระราชศรัทธาปสาทะแห่ง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชและพระราชวงศ์ ในเรอื่ งการแสดง พระธรรมเทศนาอีกรูปหน่ึง คือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) วัด ราชผาติการาม เป็นพระมหาเถระท่ีมีความรู้ความสามารถในการแสดงธรรม เป็นท่ีเลื่อมใสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ ทรงประจกั ษถ์ งึ ความสามารถในการแสดงธรรมเทศนา เปน็ ทพ่ี อพระราชหฤทยั ยง่ิ และได้รับสั่งให้เจ้าหน้าท่ีสำ�นักพระราชวังบันทึกการแสดงธรรมของสมเด็จ พระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) ทุกๆ วันธรรมสวนะ ตั้งแต่ครั้งยังไม่ได้ครอง สมณศักด์ิสมเด็จพระราชาคณะติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า ๒๐ ปี โดยพระองค์ ทรงถือว่าสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) เป็นพระอาจารย์สอนธรรม รปู หนึ่งของพระองค์เสมอมา ศาสตราจารย์สญั ญา ธรรมศกั ดิ์ อดตี ประธานองคมนตรี เคยกล่าวไวใ้ น บทความเรื่อง ความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ในทางธรรม เก่ียวกับข้อสังเกตในพระราช ศรัทธาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูท่ ีม่ ตี ่อสมเด็จพระมหาวรี วงศ์ (วิน ธมมฺ สาโร) วดั ราชผาติการาม ไวค้ วามตอนหนง่ึ วา่ “...เป็นกรณีพิเศษอย่างยิ่ง ก็คือทุกคราวท่ีเจ้าประคุณท่านได้แสดง พระธรรมเทศนาในพระบรมมหาราชวัง ต่อหน้าพระพักตร์ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หวั นั้น เม่ือแสดงจบลงแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จะใชเ้ วลา นานในการทรงมีพระราชปุจฉาในข้ออรรถธรรมในพระธรรมเทศน์นั้นๆ และ พระองค์ทรงมีความประทับพระราชหฤทัยในข้ออรรถข้อธรรมที่เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศไ์ ด้แสดง...” พระมหากษัตริย์ไทยกับพระพทุ ธศาสนา 250
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ สมเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ (วนิ ธมมฺ สาโร) ไดถ้ วายพระธรรม ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร เทศนา โดยอ้างชาดกเรอื่ งหนึ่งในทศชาติชาดกคอื เรือ่ ง “พระมหาชนก” จนเป็น เหตุสำ�คัญให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำ�ริ ทจี่ ะพระราชนพิ นธเ์ รอ่ื ง “พระมหาชนก” ดงั ในพระราชปรารภในพระราชนพิ นธ์ เรือ่ งพระมหาชนก ฉบับการ์ตูน (พมิ พ์เมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๒) พระราชทานไว้ว่า “ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เม่อื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงสดับพระธรรม เทศนาของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร มหาเถร) วัดราชผาติการาม เรื่องพระมหาชนก ทรงพระราชด�ำ รวิ า่ พระมหาชนกชาดก มีคตทิ ี่แจม่ แจ้ง และ น่าจะเปน็ ประโยชนแ์ ก่ชนทุกหมู่” ดว้ ยพระราชศรทั ธาในความรคู้ วามสามารถจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ถวายบูชากัณฑ์เทศน์ เป็นประจำ�วันธรรมสวนะ สืบมาจนสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) มรณภาพแล้วยังโปรดให้ถวาย บูชากัณฑ์เทศน์ในวัดราชผาติการามสืบต่อมาจนปัจจุบัน แม้ในยามปกติก็ทรง ห่วงใยในสุขภาพของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) เป็นอย่างยิ่ง ได้ โปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณะแพทยม์ าดแู ลสขุ ภาพของเจา้ ประคณุ สมเดจ็ อยโู่ ดยสมาํ่ เสมอ ในคราวทเ่ี จา้ ประคณุ สมเดจ็ รปู นนั้ อาพาธเขา้ รกั ษาตวั ในโรงพยาบาล กท็ รงรบั ไวใ้ น พระบรมราชานเุ คราะหท์ กุ ครง้ั เมอ่ื กลบั มาประจ�ำ ทว่ี ดั ตามปกติ กไ็ ดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหถ้ วายภัตตาหารทงั้ เช้าและเพลเป็นประจ�ำ เสมอมา พระราชศรัทธาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชต่อพระเถระรูปหนึ่งรูปใดนั้นทรงแสดงออกทั้งในเวลาที่พระเถระเหล่า นนั้ ยงั มชี วี ติ อยู่ ไปจนถงึ เมอื่ มรณภาพลง ในขณะทม่ี ชี วี ติ อยอู่ าจจะแสดงออกโดย การพระราชทานสมณศกั ดิ์ หรอื โปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ าราธนามาถวายพระธรรมเทศนา ในงานพระราชพธิ แี ละการบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลทง้ั ทเ่ี ปน็ ทางการและเปน็ การสว่ น พระองค์ นอกจากนนั้ ยงั ไดพ้ ระราชทานวตั ถสุ งิ่ ของ ซง่ึ เปน็ วตั ถสุ ญั ลกั ษณท์ แ่ี สดง ถึงพระราชศรัทธาในส่วนพระองค์หรือเป็นการตอบแทนคุณูปการของพระเถระ รปู น้ันๆ ท่มี ีในพระองค์ เช่น การพระราชทานพัดรตั นาภรณ์ อันเป็นพัดประจำ� รชั กาลทีท่ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างขน้ึ ส�ำ หรบั พระราชทานแด่พระสงฆ์ ทที่ รงเคารพนบั ถอื และคนุ้ เคยโดยเฉพาะ ถอื วา่ เปน็ พดั ยศทใี่ ชไ้ ดเ้ ฉพาะตวั ผไู้ ดร้ บั พระราชทานเท่าน้ัน ผู้อื่นจะนำ�ไปใช้ไม่ได้ ท้ังจะนำ�ไปใช้ในงานชาวบ้านก็ไม่ได้ 251
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 252
แม้แต่ในงานพระราชพิธี ได้มีระเบียบการใช้พัดรัตนาภรณ์ ว่าใช้เฉพาะเวลา ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร อนโุ มทนาในงานพระราชพธิ ฉี ตั รมงคลงานเดยี วเทา่ นนั้ ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพัด รัตนาภรณ์ แกพ่ ระมหาเถระจำ�นวน ๕ รปู คอื ๑. สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (ม.ร.ว. ชื่น สุจิตฺโต) วัดบวรนิเวศ ได้รับ พระราชทานเม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๑ ๒. สมเดจ็ พระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) วดั สระเกศ ๓. สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม ได้รับเม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะดำ�รงสมณศกั ดสิ์ มเด็จพระราชาคณะทส่ี มเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ ๔. สมเด็จพระสงั ราช (วาสน์ วาสโน) วดั ราชบพิธ ได้รบั เมือ่ พ.ศ. ๒๕๓๑ ๕. สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศ ได้รับเม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะด�ำ รงสมณศกั ดิ์ชัน้ ธรรมเปน็ ท่พี ระธรรมวราภรณ์ การแสดงออกถึงพระราชศรัทธาอันเป็นส่วนพระองค์เมื่อพระมหาเถระ เหลา่ นน้ั มรณภาพลงสว่ นใหญแ่ ลว้ จะเปน็ ไปในรปู ของการพระราชทานเกยี รตยิ ศ แก่ศพเป็นพิเศษ เช่น เมื่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) วัดพระ ศรีมหาธาตุ ซ่ึงเป็นพระมหาเถระรูปหน่ึงที่ได้รับความเล่ือมใสจากพระราชวงศ์ และพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเป็นอย่างมาก เมื่อมรณภาพลง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเล่ือนชั้นโกศจากโกศไม้ สิบสองเป็นโกศมณฑป อันเป็นสัญลักษณ์ของการพระราชทานเล่ือนเกียรติยศ ศพให้สูงข้ึนเป็นกรณีพิเศษ สมกับความเป็นพระมหาเถระท่ีมีพระราชศรัทธา เลอ่ื มใส ดงั ปรากฏในเอกสารส�ำ นกั พระราชวงั ท่ี ๐๐๐๑/๖๔๗ วนั ที่ ๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๑๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จะเสด็จพระราชดำ�เนินพระราชทานเพลิง และพระราชทานเลอ่ื นช้นั โกศเปน็ โกศมณฑปประกอบศพ เป็นต้น การพระราชทานอุปถัมภ์พระภิกษุสงฆ์ให้เจริญในสมณศักด์ิอันเนื่อง มาจากพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์นั้น พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงดำ�เนินการในกรณีนี้อย่างรอบคอบ ก่อนที่มีพระบรมราชวินิจฉัยให้พระเถระเหล่าน้ันได้รับพระราชทานสมณศักด์ิ พระองค์มีพระราชศรัทธาในความรู้ความสามารถของพระเถระที่มีผลงานเป็น ทปี่ ระจกั ษจ์ รงิ และเปน็ ทีส่ ามจี กิ รรมของบรรดาเหลา่ พระภกิ ษุด้วยกนั เอง ทงั้ ยัง ต้องทรงประจักษ์แน่ว่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายต่างก็มีศรัทธาต่อพระเถระ 253
เหลา่ นัน้ ดว้ ย นอกจากนนั้ ยงั ปรากฏว่า ในการพิจารณาสถาปนาสมณศกั ดชิ์ น้ั สงู อย่างสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระราชาคณะน้ัน พระองค์ก็มิได้ทรงเลือก พิจารณาจากพระราชหฤทัยส่วนพระองค์แต่อย่างเดยี ว แตไ่ ดท้ รงหารือพระบรม วงศานุวงศ์ องคมนตรี รวมตลอดไปจนถงึ พระเถรานเุ ถระทงั้ หลายดว้ ย การที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงตรากตรำ� พระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพ่ือพสกนิกรของพระองค์อย่างหนักหนา สาหัส และเพราะเหตุที่ทรงประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นแบบอย่าง เพ่ือประโยชน์ สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานเช่นน้ี ได้เปิดหนทางและ โอกาสอนั ยงิ่ ใหญ่ ใหท้ รงพบพระเถรานเุ ถระและพระวปิ สั สนาจารยท์ ที่ รงภมู ธิ รรม ขนั้ สงู ทง้ั ไดท้ รงศกึ ษาธรรมและรบั แนวทางปฏบิ ตั อิ นั ถกู ตอ้ งจากพระสปุ ฏั ฏปิ นั โน เหลา่ นัน้ นำ�ไปสูก่ ารทรงถงึ ซ่งึ “วชิ ชา” ในพระพทุ ธศาสนา บนั ทึกพระราชด�ำ รัส หลายครง้ั หลายหนทม่ี รี บั สง่ั กบั พระเถรานเุ ถระผทู้ รงธรรมวนิ ยั ไดส้ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ชัดเจนว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ได้บรรลุภูมิธรรมข้ันสูง ทรง แจ่มแจ้งท้ังในทางปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ อย่างยากที่พุทธศาสนิกชนคนใด จะกา้ วไปถงึ ศาสตราจารย์สญั ญา ธรรมศักด์ิ อดตี ประธานองคมนตรีเคยกล่าววา่ “กระผมเคยเหน็ ครงั้ หนง่ึ ทพี่ ระภกิ ษทุ พี่ ระองคท์ า่ นทรงอาราธนามาเจรญิ พระพุทธมนต์บำ�เพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์ ท่านชรามาก อายุ ๙๐ เศษ ท่านเดินไม่ไหว พระเจ้าอยู่หัวของเราเข้าไปประคองแขน และทรงประคองเดิน ผา่ นพวกเราไปทรงสง่ พระจนถึงรถ ทรงทำ�เองแท้ๆ ไมไ่ ด้ใชม้ หาดเล็กเลย อยา่ ง นี้เป็นภาพท่ีกระทบเข้าไปในหัวใจ ประทับใจเราว่า พระองค์ท่านทำ�อย่างน้ีด้วย พระราชศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา และภกิ ษสุ งฆอ์ ยา่ งแนบแนน่ ยิง่ ท้งั ท่ี เปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ พระองคเ์ ดยี วในโลกของชาวพทุ ธทวั่ โลก เปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ พระองคเ์ ดยี วทเ่ี ปน็ ศาสนปู ถมั ภกโดยแทจ้ รงิ และทรงเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนทแี่ ทจ้ รงิ ในโลกในเวลาน้ี ท้ังน้ีเป็นพระจริยาวัตรที่ตรึงเข้าไปในใจของประชาชนชาวพุทธ ทง้ั หลาย ประเทศไทยเปน็ ชาวพทุ ธถงึ กวา่ รอ้ ยละ ๙๐ เพราะฉะนน้ั ความเคารพรกั นบั ถอื ของชาวไทยจงึ เพม่ิ พนู ขน้ึ อยา่ งมหาศาล... ในดา้ นการพระศาสนาพระองค์ ท่านทรงศกึ ษาและปฏบิ ัตธิ รรมในพระพทุ ธศาสนาอยา่ งจรงิ จงั และลกึ ซึ้ง ซงึ่ คน ธรรมดาสามญั อยา่ งเราคาดไมถ่ งึ วา่ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงมพี ระราชภาระหนกั หนว่ ง จะทรงรอบรู้หลกั ธรรมะของพระพทุ ธศาสนาอยา่ งลึกซึ้งเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ทรง 254 พระมหากษัตรยิ ์ไทยกับพระพุทธศาสนา
ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร ๑. ๒. ๔. ๕. ๓. ๘. ๖. ๗. ภาพบน : รูเ้ ฉยๆ หากแตท่ รงปฏบิ ตั ิโดยเครง่ ครัดและจริงจงั ข้อนี้เป็นทป่ี ระจักษ์แก่คนทกุ ประมวลภาพพระบาทสมเดจ็ คนซึ่งอยู่ในปริมณฑลที่ใกล้ชิดพระองค์ การท้ังน้ีจะเห็นได้ว่า พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงปฏบิ ตั พิ ระองคต์ อ่ สมณะ คอื พระภกิ ษสุ งฆด์ ว้ ยคารวะนอบนอ้ ม พระเจ้าอยหู่ ัวทรงสนทนา นอบน้อมย่ิงเสียกว่าเราคนธรรมดาจะปฏิบัติเสียอีก คนที่เห็นจะรู้สึกว่าน่ามองดู ธรรมกับพระเกจิอาจารย์ เสียเหลือเกิน เช่น เวลาท่านทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์ ก็ทรงนั่ง ๑. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ พับเพียบต่อหน้าพระ เวลาพระสวดมนต์ พระองค์ทรงน่ังพับเพียบไม่ได้เปลี่ยน ท่านั่งพระองค์ตรงไม่กระดุกกระดิก พระองค์สามารถทำ�ได้อย่างไร เวลาภาพ (วิน ธมฺมสารเถร) ออกมาเห็นในพิธที างศาสนา หรอื ทรงเย่ียมวัดวาอาราม เมือ่ พระองคท์ ่านเขา้ ไป ๒. หลวงตามหาบวั ทรงทักสมณะผ้ใู หญ่ พระเถระทีเ่ ปน็ หวั หนา้ ทา่ นทงั้ หลายคงเห็น พระเจ้าอยูห่ วั ทรงคกุ พระชงฆล์ งไปกบั พ้นื เพอ่ื ทรงพูดกบั พระ” ญาณสัมปนั โน ๓. หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ๔. หลวงปเู่ ทสก์ เทสรังสี ๕. หลวงป่แู หวน สุจิณโณ ๖. หลวงป่ฝู ั้น อาจาโร ๗. หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ� ๘. หลวงพอ่ เกษม เขมโก 255
พวัดรญะาณมสหังาวรกาษราตัม รมหิยาไ์ วทิหายรกจับงั หพวดั รชะลพบุรุที ธศาสนา 256
ธ�ำ รงศาสนวัตถุ ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงปฏิบัติตามหลักคำ�สอน ทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดแล้ว ในด้านศาสนวัตถุ พระองค์ยังทรงเป็น ผู้อุปถัมภ์การสร้างและทำ�นุบำ�รุงถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา อาทิ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกวัดราษฎร์ให้เป็นพระอารามหลวง พระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำ�นวนหน่ึงเพ่ือนำ�ไปสร้างวัดญาณสังวราราม มหาวิหาร จังหวัดชลบุรี ซึ่งในระยะแรกวัดน้ีมีฐานะเป็นสำ�นักสงฆ์ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานวิสุงคามสีมาเม่ือวันท่ี ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ทั้งทรงพระมหากรุณารับไว้เป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์ และท่ี ส�ำ คญั ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหย้ กวดั ญาณสงั วรารามเปน็ พระอารามหลวง ชนั้ เอกชนดิ วรมหาวหิ าร ตงั้ แตว่ นั ที่ ๔ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๓๑ และเมอื่ การกอ่ สรา้ ง พระอุโบสถวัดญาณสังวรารามสำ�เร็จบริบูรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถได้เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ เปน็ ครั้งแรก เพ่ือทรงตัดหวายลูกนิมิตพระอุโบสถ ในโอกาสน้ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มพี ระราชดำ�รัสกบั สมเดจ็ พระญาณสงั วร วา่ “ควรเป็นวัดสำ�หรับผู้ไปปฏิบัติ เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ดี” การที่มี พระราชด�ำ รสั เชน่ นเี้ นอ่ื งจากไดท้ อดพระเนตรเหน็ วา่ วดั ญาณสงั วรารามเปน็ วดั ที่ สงบงดงามดว้ ยแมกไมแ้ ละขนุ เขาเหมาะกบั ผทู้ ต่ี อ้ งการปฏบิ ตั ธิ รรมและระยะทาง ไมไ่ กลจากกรงุ เทพมหานครเทา่ ใดนกั นอกจากนน้ั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ยงั มพี ระราชด�ำ รใิ นการพฒั นาบรเิ วณรอบๆ ของวดั ญาณสงั วรารามเพอื่ ประโยชน์ แกค่ ณะสงฆแ์ ละพทุ ธศาสนกิ ชนทมี่ าปฏบิ ตั ธิ รรม ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งอา่ งเกบ็ นา้ํ ขนึ้ หลายแหง่ เพอื่ ใหม้ นี าํ้ ไวใ้ ชส้ อยโดยสะดวกในบรเิ วณวดั และเปน็ ประโยชนท์ าง ดา้ นเกษตรกรรมของประชาชนทอี่ ยบู่ รเิ วณใกลเ้ คยี ง และมพี ระราชปรารภใหส้ รา้ ง ศาลารมิ อา่ ง พระราชทานนามว่า “ศาลานาคเลน่ น้ํานานาชาต”ิ และอีกทัง้ ยังได้ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งโรงพยาบาลวดั ญาณสงั วราราม เรม่ิ แรกเปน็ โรงพยาบาลขนาด ๑๐ เตียง ต่อมาได้ขยายเป็น ๓๐ เตียงซึ่งให้เกิดประโยชน์แก่พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนโดยทั่วไป ทรงจัดให้มีการสร้างศูนย์อบรมยุวเกษตรกรขึ้น และ โปรดเกล้าฯ ให้มีการปลูกป่าปลกู ผลไมเ้ พื่อเรยี กนกและความสมบรู ณข์ องผืนปา่ ให้กลบั มาอยา่ งในอดีตอีกดว้ ย 257
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เป็นอีกวัดหนึ่งท่ีพระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมพี ระราชศรทั ธาทรงสรา้ งขนึ้ ในพนื้ ทโี่ ครงการ พระราชด�ำ รสิ �ำ คญั ในเขตกรงุ เทพมหานคร คอื โครงการพฒั นาพน้ื ทบี่ งึ พระรามเกา้ ซึ่งหลังจากพัฒนาสภาพน้ําในบึงและพ้ืนท่ีบริเวณโดยรอบแล้ว ได้มีพระราชดำ�ริ ให้สร้างวัดข้ึนในที่ดินท่ีอยู่ใกล้เคียงกัน โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก เป็นองคอ์ ุปถัมภ์การจดั สร้างฝ่ายสงฆ์ และ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารเี ปน็ องคอ์ ปุ ถมั ภฝ์ า่ ยฆราวาส ในการน้ีได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการดำ�เนินงานก่อสร้างวัดพระราม ๙ กาญจนา ภิเษกขึ้น โดยมีนายจริย์ ตุลยานนท์ กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธาน คณะอนุกรรมการดำ�เนินการก่อสร้างวัด ทำ�หน้าที่รับผิดชอบในการดำ�เนินการ ก่อสร้างวัดให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ในลักษณะวัดขนาดเล็กที่มีลักษณะ เรียบง่าย ประหยัด และทันสมัย เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจและศรัทธา เป็นแหล่ง เผยแพร่ความรู้ ท้ังทางศาสนา สังคม และจริยธรรมแก่เยาวชนและประชาชน ในชมุ ชน เพอ่ื ขดั เกลาจติ ใจของสมาชกิ ชุมชนใหม้ จี ิตส�ำ นึกตอ่ สงั คมโดยส่วนรวม อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ ประเทศชาตติ อ่ ไป ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้ังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี เป็นประธานกรรมการอำ�นวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรี รัตนศาสดารามให้เสร็จสมบูรณ์งดงามทันงานฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี (เรมิ่ ด�ำ เนินการ พ.ศ. ๒๕๑๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๕) พระราชกรณยี กจิ ทส่ี �ำ คญั เกย่ี วกบั การท�ำ นบุ �ำ รงุ ถาวรวตั ถใุ นพระพทุ ธศาสนา อีกประการ ในรชั กาลของพระองคค์ ือการสรา้ งพุทธมณฑล โดยพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระราชด�ำ รใิ หจ้ ดั สรา้ งขน้ึ เพอ่ื ฉลองมงคลกาลสมยั ทพ่ี ระพทุ ธศาสนา มอี ายคุ รบ ๒,๕๐๐ ปี ในวนั วสิ าขบชู า ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ทางรฐั บาลมมี ติ เห็นชอบกบั ข้อเสนอของคณะกรรมการจดั งานเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ว่า ควรมกี ารสรา้ งปชู นยี สถานเปน็ ศนู ยก์ ลางอทุ ยานทางพระพทุ ธศาสนา ดงั นน้ั จงึ มี มตใิ หจ้ ดั สรา้ ง “พทุ ธมณฑล” ขน้ึ ซงึ่ มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กนั ระหวา่ งอ�ำ เภอสามพราน และอ�ำ เภอนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม และไดก้ ราบบงั คมทลู เชญิ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ในวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ และได้มีงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่พระพุทธศาสนาดำ�รงมา ครบ ๒๕ ศตวรรษ ในระหว่างวันท่ี ๑๒ - ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ พ ระมหากษตั รยิ ์ไทยกับพระพทุ ธศาสนา 258
ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก 259
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 260
261 รั ต น โ ก สิ น ท ร์
นอกจากวัดวาอารามแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัยขึ้น เรียกว่า “พระพุทธนวราชบพิตร” เป็น พระพุทธรูปประจำ�รัชกาล โดยท่ีฐานบัวหงายของพระพุทธนวราชบพิตร ไดบ้ รรจพุ ระพุทธรปู พมิ พ์ “ก�ำ ลงั แผน่ ดิน” หรอื “หลวงพ่อจิตรลดา” ไว้ ๑ องค์ สำ�นักพระราชวังได้วางระเบียบเกี่ยวกับพระพุทธนวราชบพิตรไว้ว่า เม่ือจังหวัด ตา่ งๆ ไดร้ ับพระพุทธนวราชบพติ รไปแล้ว เมื่อใดท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว เสด็จพระราชดำ�เนินไปยังจังหวัดใด ก็ให้อัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร มาประดิษฐานเพ่ือให้พระองค์ทรงสักการะด้วย พระพุทธนวราชบพิตรจึง เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นศูนย์รวม แห่งความจงรักภกั ดีท่มี ีอยู่ทว่ั ประเทศไทย พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพุทธศาสนา 262
ทำ�นุศาสนพิธี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงตระหนักถึง ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร ความสำ�คัญของพุทธศาสนพิธีในฐานะการปฏิบัติที่จะสร้างความพร้อมเพรียง และน้อมนำ�ให้พุทธศาสนิกชนเกิดปีติศรัทธาในพระรัตนตรัย ได้ทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลในการ พระราชพิธีต่างๆ ตามโบราณราชประเพณี รวมท้ังทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศล เปน็ การสว่ นพระองค์อีกปลี ะหลายวาระ เปน็ แบบอยา่ งอนั ดแี ก่ราษฎรท้งั หลาย หากพิจารณาดูรายละเอียดในหมายกำ�หนดการพระราชพิธีในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะพบว่าทรงเน้นความสำ�คัญ ของพระราชพิธีอันเป็นศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนาแทบทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่การ พระราชกุศลมาฆบูชาต้ังแต่ช่วงต้นปี ซึ่งก่อนจะถึงวันมาฆบูชาได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานพระราชพิธีนำ�เทียนรุ่งไปตั้งถวาย ณ พระราชฐาน ทป่ี ระทบั เพือ่ ทรงเจมิ และทรงพระราชอทุ ศิ พระราชทานให้แกพ่ ระอารามหลวง เพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยตลอดรุ่ง ในบ่ายของวันมาฆบูชาพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไป ยงั พระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ทรงสดบั พระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนตแ์ ละ สดับพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่งเป็นประจำ�ทุกปี หากไม่ได้เสด็จพระราชดำ�เนิน ดว้ ยพระองคเ์ องกจ็ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศพ์ ระองคใ์ ด พระองค์หนึ่งเป็นผู้แทนพระองค์ไปในการนี้มิเคยขาด หากประทับอยู่ ณ พระราชฐานต่างจังหวัดก็มีพระราชศรัทธาเสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงบำ�เพ็ญ พระราชกศุ ลมาฆบชู า ณ พระเจดยี สถานหรอื วดั ส�ำ คญั ในเขตพน้ื ทน่ี นั้ ๆ ในลกั ษณะ เดียวกับการบ�ำ เพ็ญพระราชกุศลท่วี ัดพระศรรี ัตนศาสดาราม การเปลย่ี นเครอ่ื งทรงถวายพระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏมิ ากรปลี ะ ๓ ครง้ั นนั้ เปน็ พระราชพธิ สี �ำ คญั อกี พระราชพธิ หี นง่ึ ทแี่ สดงถงึ ความเคารพในพระพทุ ธปฏมิ า อันเป็นสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำ�เนินไปเปลี่ยนเคร่ืองทรงพระพุทธปฏิมากร พระองค์น้ันด้วยพระองค์เองท้ังสามฤดูเป็นประจำ�ทุกปี หากมีความจำ�เป็น ท่ีจะไม่ได้เสด็จพระราชดำ�เนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้ีด้วยพระองค์เอง ก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ ราชกมุ ารทรงปฏบิ ัติแทนพระองค์ 263
พระราชกุศลวิสาขบูชาอันเป็นการทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลในวันสำ�คัญ ภาพหน้าขวา : สูงสุดทางพระพุทธศาสนา คือวันคล้ายวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ตรสั รู้ และปรนิ พิ พาน เปน็ ประเพณีสำ�คัญยงิ่ ทพี่ ทุ ธศาสนกิ ชนจะพรอ้ มใจกนั ทำ� ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ สักการบูชาพระพุทธองค์ในวันน้ี พระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ทรงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลวสิ าขบชู ามาตง้ั แตร่ ชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน นภาลัย ในรัชกาลปัจจุบันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรง ที่วัดราชประดิษฐสถิต พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีงานพระราชพิธีติดต่อกันสองวัน ในวันแรกทรงต้ัง มหาสีมาราม เปรยี ญพระภกิ ษสุ ามเณร และในวนั ทส่ี องเปน็ การบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลวสิ าขบชู า เป็นภาพการบำ�เพ็ญ โดยปกติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำ�เนินทรงบำ�เพ็ญ พระราชกศุ ลถวายผา้ พระราชกุศลในการนี้ทั้งสองวัน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระกฐินหลวงในวนั แรม ในการพระราชกุศลวิสาขบูชาน้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำ� ๘ ค่ํา เดือน ๑๑ เป็น พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทท้ังฝ่ายหน้าและฝ่ายใน พระราชพิธีใหญท่ ีม่ ีมาต้งั แต่ สวดสรรเสริญคุณพระศรีรัตนตรัย แล้วทรงนำ�ประทักษิณพระอุโบสถ จากน้ัน สมยั อยุธยา พระมหากษัตริย์ เสด็จพระราชดำ�เนนิ กลับขึ้นพระอโุ บสถ ทรงสดับพระธรรมเทศนาพรรณนาคณุ จะเสดจ็ พระราชด�ำ เนินไป แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัณฑ์หนึ่ง หากประจวบกับคราวที่พระบาท ถวายผ้าพระกฐินยังอาราม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปประทับแรมนอกพระนคร หลวงตา่ งๆ ทง้ั ทางสถลมารค กจ็ ะทรงบำ�เพญ็ พระราชกุศลวสิ าขบูชา ณ พระเจดยี สถานหรือวดั ใกลท้ ี่ประทบั และทางชลมารค ดังปรากฏว่าได้เสด็จพระราชดำ�เนินทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาใน ภาพทีเ่ หน็ นีเ้ ป็นขบวนแห่ผา้ ส่วนภูมิภาค ณ พระเจดียสถานและวัดสำ�คัญหลายแห่งในทั่วทุกภูมิภาค เช่น พระกฐินหลวงบนหลงั ช้าง ท่ีพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม วัดพระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช และม้า ณ ถนนริมก�ำ แพง วัดโสธรวรารามวรมหาวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดมหาธาตุวรวิหาร และ พระบรมมหาราชวัง พระธาตุจอมเพชร จังหวัดเพชรบุรี และพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ส่วน โดยมองเหน็ พระที่นั่ง การพระราชกุศลท่ีพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามก็ให้ปฏิบัติไปตามปกติ สทุ ไธสวรรย์เป็นฉากหลัง โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระราชวงศท์ รงปฏบิ ตั ริ าชภารกจิ แทนพระองค์ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คณะสงฆ์ ได้ถวายพระพรขอให้ทรงกำ�หนดวันนักขัตฤกษ์สำ�คัญทางพระพุทธศาสนาข้ึน อีกวันหน่ึงเรียกว่า “วันอาสาฬหบูชา” อันเป็นวันคล้ายวันท่ีสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ อันเป็นเหตุนำ�ไปสู่การ เกิดขึ้นของพระสังฆรัตนะ และความสมบูรณ์พร้อมของความเป็นพระรัตนตรัย ในวันข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๘ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนวันเริ่มเทศกาลเข้าพรรษาเพียง ๑ วัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงพระกรุณาโปรด เกลา้ ฯ ใหก้ �ำ หนดการพระราชพธิ ที รงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลเนอื่ งในวนั อาสาฬหบชู า 264 พระมหากษัตริย์ไทยกบั พระพุทธศาสนา
265 รั ต น โ ก สิ น ท ร์
และเทศกาลเข้าพรรษา เป็นงานต่อเน่ืองกันสองวัน คือในวันข้ึน ๑๕ คํ่า และ วันแรม ๑ ค่ํา เดือน ๘ ในวันอาสาฬหบูชานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปยงั พระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ทรงจดุ เทยี นพรรษา คู่หนึ่งบูชาพระรัตนตรัยแล้วทรงถวายพุ่มเทียนและดอกไม้เป็นเคร่ืองสักการะ พระสงฆ์จำ�นวน ๓๐๐ รูป โดยพระสงฆ์ที่อาราธนามารับพระราชทานพุ่มเทียน นน้ั ตงั้ ตน้ แตส่ มเดจ็ พระสงั ฆราช สมเดจ็ พระราชาคณะ รองสมเดจ็ พระราชาคณะ พระราชาคณะ พระเปรียญธรรม ๙ ประโยค และพระครูสัญญาบัตรต้ังแต่ เจ้าอาวาสพระอารามหลวงช้นั ตรีขนึ้ ไป รวมท้ังพระภิกษุนาคหลวงด้วย อยา่ งไรกด็ กี ารพระราชกศุ ลเขา้ พรรษานเี้ รม่ิ ตน้ ขนึ้ กอ่ นหนา้ วนั ขนึ้ ๑๕ คา่ํ ภาพหน้าขวา : เดือน ๘ ประมาณ ๑ เดือน ดว้ ยขนั้ ตอนของการหลอ่ เทยี นพรรษา อันเปน็ พระ สถูปทองสำ�ริดที่ประดิษฐาน ราชกุศลที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงปฏิบัติต่อเนื่องกันมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา บนยอดบรมบรรพต โดยการหลอ่ เทียนพรรษาจะมขี น้ึ ในเดือน ๗ กอ่ นวันเข้าพรรษา พระมหากษตั ริย์ หรือพระเจดียภ์ เู ขาทอง ทรงหล่อเทียนพรรษาด้วยสีผึ้งขึ้นจำ�นวนหน่ึง เรียกว่า “เทียนหล่อ” แล้ว พระบาทสมเด็จ พระราชทานให้ช่างตกแต่งลวดลายและทำ�แท่นฐานเทียนพรรษาอีกจำ�นวนหนึ่ง พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำ�ต้นเทียนด้วยไม้แกะสลักลวดลายลงรักปิดทอง (รชั กาลที่ ๕) ทรงพระกรุณา แทนการหลอ่ ดว้ ยขผี้ ง้ึ เปน็ ของถาวร แลว้ ใหท้ �ำ กระจบุ ยอดเทยี นดว้ ยตะกว่ั ส�ำ หรบั โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึน้ เพื่อ หยอดขผี้ ้งึ และไส้เทยี นลงไปสำ�หรับใชจ้ ดุ ในวันแรก ส่วนวนั อ่นื ๆ นนั้ ใช้น้าํ มันเติม บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ลงไปแทน เทยี นพรรษาประเภททแี่ กะสลกั ตน้ เทยี นจากไมน้ เี้ รยี กวา่ “เทยี นสลกั ” ซึง่ ไดร้ บั การอญั เชิญมาจาก ในรัชกาลปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณา เมืองกบิลพสั ดุ์ ประเทศ โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานเทยี นพรรษาใหแ้ กว่ ดั ตา่ งๆ ทวั่ ประเทศ ทง้ั ในกรงุ เทพฯ อินเดีย และหวั เมืองรวมกวา่ ๖๐ วัด พระราชพิธีทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินเป็นพุทธศาสนพิธี อันย่งิ ใหญ่อีกพิธหี นงึ่ ทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชทรงให้ ความส�ำ คญั มาก เนอื่ งจากเปน็ ศาสนพธิ อี นั เนอ่ื งกบั พระวนิ ยั บญั ญตั เิ รอ่ื งการถวาย ผา้ นงุ่ หม่ ส�ำ หรบั พระสงฆ์ และพทุ ธศาสนกิ ชนถอื เปน็ บญุ กริ ยิ าอนั ยงิ่ ใหญท่ ปี่ ฏบิ ตั ิ ไดเ้ พยี งปลี ะหนง่ึ ครงั้ เทา่ นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงบำ�เพญ็ พระราชกศุ ล ถวายผา้ พระกฐนิ เปน็ ประจ�ำ ทกุ ปมี เิ คยขาด เปน็ การทรงพระอนเุ คราะหใ์ หห้ มสู่ งฆ์ ได้รับประโยชน์ในทางพระวินัย มีพระราชศรัทธาในการถวายผ้าพระกฐินทั้งใน ฐานะที่เป็นพระกฐินหลวง อันได้แก่กฐินท่ีเสด็จพระราชดำ�เนินไปถวายยัง พระอารามหลวงที่กำ�หนดไว้เป็นราชประเพณีจำ�นวน ๑๖ พระอาราม เป็น พระราชพิธีทางการเรียกว่า “พระราชพิธีทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศลถวายผ้า 266 พระมหากษตั ริย์ไทยกบั พระพทุ ธศาสนา
267 รั ต น โ ก สิ น ท ร์
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เป็นประเพณีเสด็จพระราชดำ�เนินทางน้ําที่มีมาแต่อดีตกาล และเกือบจะสูญไป หลงั งานฉลองพระนครครบรอบ ๑๕๐ ปใี นรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ เพื่อคงไว้ซึ่งแบบแผนโบราณราชประเพณี หลงั จากนนั้ จงึ มพี ระราชพธิ เี สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ดว้ ยขบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคในการบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลถวาย ผ้าพระกฐิน และในโอกาสสำ�คญั ๆ ตลอดมา พระมหากษัตรยิ ์ไทยกบั พระพทุ ธศาสนา 268
269 รั ต น โ ก สิ น ท ร์
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 270
ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร ภาพบน : พระกฐิน” หรือในฐานะพระกฐินต้นอันเป็นพระกฐินท่ีเสด็จพระราชดำ�เนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปถวายด้วยพระองค์เองในพระอารามหลวงหรือวัดราษฎร์ในท้องถ่ินต่างๆ ภูมิพลอดุลยเดชทรงพระผนวช เป็นการส่วนพระองค์ และนอกจากน้ันยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มี “กฐินพระราชทาน” คือพระราชทานผ้าพระกฐินและเครื่องบริขารพระกฐิน ตามโบราณราชประเพณี ให้พระราชวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กร ณ พระอุโบสถวัด สมาคม หรอื เอกชนทม่ี ศี รทั ธาขอพระราชทาน ใหน้ �ำ ไปถวายแกพ่ ระอารามหลวง ทัว่ ราชอาณาจกั ร หรือแม้วดั ไทยในตา่ งประเทศ พระศรีรัตนศาสดาราม : จิตรกรรมฝาผนัง ในพระอุโบสถพุทธรัตนสถาน ในพระบรมมหาราชวัง 271
ธรรมะส่วนพระองค์ พุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า... สุกรํ สาธนา สาธุ : ความดี อันคนดีทำ�ง่าย มีความหมายถึง คนดีมักทำ�ความดีได้อย่างเป็นปกติวิสัย ตวั อยา่ งเชน่ ตน่ื เชา้ เราตกั บาตรและสวดมนต์ ท�ำ ใหใ้ จมคี วามสขุ เกดิ ความยมิ้ แยม้ แจ่มใสไปท้ังวัน ออกไปทำ�งานด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต ทำ�หน้าที่ของตน ขยัน และไมเ่ บยี ดเบียนใคร ขณะเดียวกนั กแ็ บง่ ปนั ความรู้ความสามารถหรือสินทรัพย์ ทห่ี ามาไดส้ คู่ นอนื่ ทด่ี อ้ ยโอกาสกวา่ เรา ลกั ษณะเชน่ นคี้ อื ความเปน็ คนดขี องสงั คม ซงึ่ เปน็ ทที่ ราบกนั ดวี า่ ธรรมะบทนเ้ี ปน็ สงิ่ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงยดึ มน่ั มาตลอด พระองคท์ รงท�ำ ใหพ้ สกนกิ รไดท้ ราบวา่ “การเปน็ คนส�ำ คญั นน้ั ดี แตเ่ ปน็ คนดีส�ำ คัญกวา่ ” จึงมีคำ�กล่าวขานอีกมากมายถึงพระธรรมคำ�สอนในพระพุทธองค์ซึ่ง กลายเป็นธรรมะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติ หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็น “ธรรมะสว่ นพระองค”์ ซึ่งรวมอยู่ในพระอิริยาบถอยา่ งเป็นธรรมชาติ เปน็ 272 พระมหากษตั ริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา
ปกติวสิ ยั เชน่ มโนปุพพังคมา ธมั มามโนเศรษฐา มโนมยา หมายถึง ใจเป็นใหญ่ ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร ใจเปน็ ประธาน ทุกส่งิ ทกุ อย่างส�ำ เรจ็ ไดด้ ้วยใจ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กลา่ วถงึ ความหมายของพทุ ธศาสนสภุ าษติ บทนไี้ วว้ า่ “ใจทง่ี ดงามทส่ี ดุ คอื ใจทไ่ี กล กเิ ลสท่สี ดุ ไกลทง้ั ความโลภ ไกลท้งั ความโกรธ ไกลทัง้ ความหลง ไกลอยา่ งส้นิ เชิง เด็ดขาด” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมใน พระธรรมค�ำ สอนบทนดี้ ว้ ยลกั ษณะของการ “ท�ำ ทกุ อยา่ งดว้ ยใจ ไมใ่ ชท่ �ำ ตามใจ” คือการท�ำ ด้วยใจทไี่ กลจากกิเลส และไกลอย่างส้ินเชิงเด็ดขาดนน่ั เอง ทรงด�ำ เนนิ ความเปน็ กัลยาณมิตร ภาพหน้าซา้ ย : พระพุทธองค์ตรัสว่า กัลยาณมิตร และ โยนิโสมนสิการ เป็นท่ีสุดแห่ง อริยมรรคมีองคแ์ ปด พรหมจรรย์ หมายถงึ การครองชวี ติ ทป่ี ระเสรฐิ บนเสน้ ทางแหง่ อรยิ มรรค มอี งคแ์ ปด โดยมีจุดเร่ิมต้นคือ การมีสัมมาทิฐิ เห็นถูก เห็นตรง เห็นชอบเป็นเบ้ืองต้น เป็นทางสายกลาง ในพระไตรปฎิ กไดบ้ ันทกึ ไว้ว่า ปจั จยั ที่ทำ�ใหเ้ กิดสัมมาทฐิ ิมี ๒ ประการคือ ประดจุ เชือกฟั่นแปดเกลียว ๑. ปรโตโฆสะ เสียงจากผู้อ่ืน การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก คือ ทีน่ �ำ ไปส่คู วามพ้นทกุ ข์ การรับฟงั ค�ำ แนะนำ�สั่งสอน เล่าเรียน หาความรู้ สนทนาซักถาม ฟังคำ�บอกเล่า ประกอบด้วย ชกั จูงของผอู้ ่นื โดยเฉพาะการสดับสัทธรรมจากผเู้ ปน็ กลั ยาณมิตร ๑. สมั มาทิฐิ ๒. โยนิโสมนสิการ การใส่ใจถูก การพิจารณา การรู้จักคิดเป็น คือ ความเขา้ ใจถกู ตอ้ ง พจิ ารณาอย่างแยบคายในใจ มองสิ่งทงั้ หลายดว้ ยความคิดพิจารณา รจู้ ักสืบสาว ๒. สมั มาสังกปั ปะ หาเหตุผล แยกแยะสิ่งน้ันหรือปัญหาน้ันๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะและตาม ความใฝใ่ จถูกต้อง ความสมั พนั ธ์แห่งเหตปุ ัจจยั ๓. สัมมาวาจา หากพิจารณาจากสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติ ก็จะ การพดู จาถกู ตอ้ ง เห็นได้ว่าทรงดำ�เนินความเป็นกัลยาณมิตรสู่พสกนิกรมาอย่างยาวนาน ๔. สมั มากมั มนั ตะ ทรงมีคุณสมบัติเพียบพร้อมท่ีจะส่ังสอน แนะนำ� หรือช่วยบอกทางให้ผู้อื่น การกระท�ำ ถกู ต้อง ได้ด�ำ เนนิ ไปในครรลองแหง่ ความถูกตอ้ งและดงี าม ๕. สมั มาอาชีวะ การดำ�รงชีพถูกตอ้ ง ๖. สมั มาวายามะ ความพากเพียรถูกตอ้ ง ๗. สมั มาสติ การระลึกประจ�ำ ใจถกู ตอ้ ง ๘. สมั มาสมาธิ การตง้ั ใจม่นั ถกู ตอ้ ง พระเมตตาคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อพสกนิกรของ พระองคจ์ ัดเปน็ อปั ปมญั ญา คอื ไมจ่ �ำ กดั ขอบเขต ไม่เลือกชนชัน้ วรรณะ ไมถ่ ือเขา ถอื เรา ไมเ่ ลอื กทรี่ กั มกั ทชี่ งั ดงั นน้ั คนไทยทง้ั แผน่ ดนิ ไมว่ า่ จะเปน็ ชาวเขา ชาวเมอื ง 273
ชาวพทุ ธ ชาวมสุ ลมิ ตา่ งกร็ ักในหลวง วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบรุ ี จังหวดั ปัตตานี เป็นสักขีพยานที่ดีในเรื่องพระเมตตาคุณไม่จำ�กัดขอบเขตนี้ เขาเล่าว่า หลายปีมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาทอดพระเนตรความ เป็นไปไดใ้ นการสรา้ งอาคารกนั้ น้าํ ที่คลองนํ้าจดื บ้านทุ่งเค็จ อำ�เภอสายบุรี วาเด็ง ปูเตะ๊ จึงได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงเปน็ คร้ังแรก “ตอนนน้ั ผมทราบแลว้ วา่ เปน็ ในหลวง ทแี รกไมก่ ลา้ ยนื อยหู่ ลงั ๆ เพราะวา่ กาลามสตู ร คือพระสตู ร นุ่งโสร่งตวั เดียว ไมไ่ ด้สวมเสอ้ื แต่เมอ่ื ได้เขา้ เฝ้าฯ ใกลๆ้ ในหลวงกบ็ อกวา่ จะมา ที่พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงแก่ ขดุ คลองชลประทานให้ ได้ยนิ อย่างนนั้ ผมก็ดีใจมาก จงึ คุยกนั เยอะ ทา่ นถามวา่ ชาวกาลามะ หมูบ่ ้าน ถ้าขุดคลองสายทุ่งเค็จนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ผมบอกท่านว่า คลองเส้นนี้ เกสปตุ ติยนิคม แคว้นโกศล มีทีด่ นิ ตดิ เขตตำ�บลแป้น ทางเหนอื ขนึ้ ไปสุดที่อำ�เภอศรีสาคร ในหลวงถามต่อว่า กาลามสตู รเป็นหลักแหง่ ถา้ ไปออกทะเลจะมกี เ่ี กาะ ผมกต็ อบทา่ นไปวา่ มี ๔ เกาะ ทา่ นกช็ มวา่ เกง่ สามารถ ความเชือ่ ทีพ่ ระพทุ ธองค์ จำ�ทุกที่ที่ผ่านไปได้ แล้วท่านก็เปิดดูแผนท่ีท่ีนำ�มาด้วย แล้วบอกว่าผมรู้จริง ทรงวางไวใ้ หแ้ ก่ ไม่โกหก ทุกสิ่งที่ผมบอกมีอยู่ในแผนท่ีของพระองค์แล้ว ...ในหลวงคุยกับผม พุทธศาสนิกชน เป็นภาษามลายู ทา่ นพูดมลายูส�ำ เนียงไทรบรุ ี คุยกนั กเ็ ข้าใจเลย พอเจอกันบ่อยๆ มีอยู่ ๑๐ ประการ ไดแ้ ก่ คยุ กนั มคี วามเหน็ ตรงกนั ทา่ นกเ็ ลยรบั ผมเปน็ พระสหาย ผมบอกวา่ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ๑. อย่าเพิง่ เชือ่ ตาม ที่บอกทา่ นไปทั้งหมดเปน็ ความจรงิ พดู โกหกไม่ได้ จะเปน็ บาป” ที่ฟังๆ กันมา ๒. อย่าเพิ่งเชือ่ ตามที่ท�ำ กาลามสูตร ต่อๆ กันมา ๓. อย่าเพิง่ เชื่อตามคำ�เล่าลือ เป็นหนทางเดียวกับสมัยท่ีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุ ๔. อยา่ เพิ่งเชือ่ โดยอา้ งตำ�รา พระอนตุ รสมั มาสมั โพธญิ านโดยการลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละทรงคน้ ควา้ ดว้ ยพระองคเ์ อง ๕. อย่าเพิ่งเชือ่ โดยนึกเดา อยา่ งเพยี รพยายามเปน็ เวลาถงึ ๖ ปเี ตม็ การด�ำ เนนิ รอยตามค�ำ สอนในพระพทุ ธองค์ ๖. อยา่ เพิง่ เชื่อโดยคาดคะเน ในเรอ่ื ง กาลามสูตร คือการทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ทรงเป็นผู้ “ทดลอง” ๗. อย่าเพิ่งเชือ่ โดยนึกคิด ใหร้ แู้ จง้ ดว้ ยพระองคเ์ องในหลายๆ เรอ่ื งทจี่ ะชว่ ยใหป้ ญั หาของพสกนกิ รไดค้ ลคี่ ลาย ลงไป โดยใช้ปัญญาเข้าพิสูจน์ถึงคุณและโทษหรือทางแก้ของปัญหาเหล่าน้ัน ตามแนวเหตผุ ล เพอ่ื ให้เกิด “ความเช่ือ” ท่ีจะมงุ่ ม่ันแกไ้ ข ๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ ถูกกับทฤษฎีของตน ๙. อย่าเพิง่ เชือ่ เพราะ ผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศคนหนึ่งได้รายงานด้วยความประหลาดใจว่า มีรปู ลักษณท์ ีค่ วรเชื่อได้ พระตำ�หนักจิตรลดารโหฐานไม่มีส่ิงหรูหราฟุ้งเฟ้อใดๆ ท่ีพระราชวังท่ัวโลก ๑๐. อยา่ เพิ่งเชื่อเพราะ มักจะมีกัน เขาพบแต่แปลงนาทดลองปลูกข้าวและโครงการพระราชดำ�ริต่างๆ ผพู้ ูดเป็นครูบาอาจารย์ ผู้สื่อข่าวคนน้ีจึงสรุปในรายงานว่า หมดสมัยแล้วที่กษัตริย์ยุคปัจจุบันจะเป็น ของตน พระมหากษตั ริย์ไทยกบั พระพทุ ธศาสนา 274
มหาราชด้วยการกรีธาทัพยึดครองดินแดนของอริราชศัตรู ถ้ากษัตริย์สมัยนี้ ัร ต น โ ก ิส น ท ์ร ต้องการจะเป็นมหาราชก็ต้องเอาอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดลุ ยเดชของไทยทท่ี รงเปน็ มหาราชเพราะทรงประกาศสงครามกบั ความทกุ ขย์ าก ของพสกนิกรชาวไทย อิทธบิ าทสี่ นอกเหนือจากธรรมะสว่ นพระองคท์ ่กี ล่าวมาแล้ว พทุ ธภาษติ สำ�คัญท่ีสดุ ทที่ �ำ ให้พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงเปน็ ปราชญ์รูธ้ รรมในยุคปจั จบุ นั คงจะ เปน็ ความยดึ ม่นั ในอทิ ธบิ าทส่ี พระพทุ ธองคต์ รสั ไว้ถงึ อทิ ธบิ าทสี่ ประกอบด้วย ฉนั ทะ = ความสุข (การรู้ใจ ไมท่ ำ�ตามใจ) พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงทำ�งานในฐานะพระราชาด้วยความรัก ความพอพระราชหฤทัยท่ีจะทำ�นุ บำ�รุงสขุ แกป่ ระชาชนท่ที า่ นรัก วริ ยิ ะ = ความเพยี ร ไมว่ า่ จะไกลหรอื ยากล�ำ บากเพยี งใด แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กย็ งั มพี ระเมตตาเสดจ็ ฯ ไปเยยี่ มเยยี นพสกนกิ รของพระองคเ์ พอื่ รบั รู้ และเข้าถึงปัญหาด้วยพระองคเ์ อง จิตตะ = ความตง้ั ม่ันใส่ใจในรายละเอียด พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทยั ใสใ่ จและตดิ ตามงานทีท่ รงกระทำ�อยู่ แมเ้ สด็จฯ กลบั จาก สถานท่ีน้ันแล้ว พระองค์ก็ยังคงคิดหาทางแก้ปัญหาหรือหาทางออกให้พื้นที่น้ัน อยา่ งต่อเนอื่ ง วิมังสา = การประเมินโดยรอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น ตน้ แบบแหง่ การเปน็ นกั จดั การความรู้ เพราะทรงจดบนั ทกึ สงิ่ ทพี่ บเหน็ ตลอดเวลา มีท้ังท่ีพระองค์ทรงบันทึกเองและผู้อื่นบันทึกถวาย พระองค์จะนำ�บันทึกทั้ง สองอย่างนี้มาประมวลและวิเคราะห์แยกแยะสาระสำ�คัญ เพื่อให้มองทางออก ของปญั หาได้อยา่ งรอบดา้ น ด้วยเหตุแห่งความกลมกลืนของพระธรรมคำ�สอนกับพระมหากษัตริย์ องค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรไทย จึงเป็นส่วนสำ�คัญที่ทำ�ให้พระพุทธศาสนาใน ดนิ แดนแหง่ นเ้ี กดิ ความสวา่ งเรอื งรองมากยง่ิ ขน้ึ ในหว้ งเวลาทผ่ี า่ นมาถงึ ๒,๖๐๐ ปี แหง่ การตรสั รูข้ องพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า 275
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 276
บทส่งท้าย บ ท ่ส ง ้ท า ย บทแรกถึงบทท่ีเจ็ดของหนังสือนี้เป็นความพยายามที่จะบอกเล่า เรื่องราวสู่ผู้อ่านถึงเหตุแห่งความม่ันคงและรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา เถรวาทแบบลังกาวงศ์ในประเทศไทย เป็นสิ่งจำ�เป็นที่จะต้องย้อนไปกล่าวถึง ก�ำ เนดิ และววิ ฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาในชมพทู วปี เสยี กอ่ น เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ น เข้าใจว่าพระพุทธศาสนามีกำ�เนิดและพัฒนามาได้อย่างไร ก่อนท่ีศาสนาน้ี จะได้รับการนำ�ออกไปเผยแผ่นอกดินแดนชมพูทวีป และเจริญรุ่งเรืองข้ึนได้ ในประเทศไทยมาจนถึงปจั จบุ นั ภาพรวมภาพแรกท่ีผู้อ่านจะเห็นประจักษ์ได้ก็คือ พระพุทธศาสนานั้นมี ชนในวรรณะกษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์มาโดยตลอด นับตั้งแต่วาระท่ีพระมหาบุรุษ สิทธัตถะโคตมะยังมิได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงพบ พระเจา้ พมิ พิสาร กษตั รยิ แ์ ห่งแคว้นมคธ ภายหลังจากท่ีพระมหาบรุ ษุ เสดจ็ ออก บรรพชา และได้เสด็จมาพักท่ีเชิงเขาปัณฑวะ ตำ�บลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้น มคธ ซ่ึงในเวลานั้นพระเจ้าพิมพิสารยังมิได้ราชาภิเษก พระองค์ทรงพระราช ศรทั ธาในบุคลกิ ลกั ษณะของพระมหาบุรุษมาก จึงทูลเชญิ ให้ครองราชสมบัตคิ ร่งึ หน่ึงในแควน้ มคธ แตพ่ ระมหาบรุ ษุ ทรงปฏเิ สธ และตรสั บอกถึงความตัง้ พระทัย ของพระองค์ท่ีจะออกผนวชเพ่ือแสวงหาพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระเจ้า ภาพหน้าซ้าย : พิมพิสารทรงอนุโมทนาในความตั้งพระทัยน้ัน และทูลขอต่อพระมหาบุรุษว่า พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ เมือ่ ได้ตรัสรแู้ ล้วขอให้เสด็จกลบั มาโปรดพระองค์ดว้ ย ซง่ึ ภายหลงั การตรสั ร้แู ล้ว สมเดจ็ พระสัมมาสมั พุทธเจา้ ไดท้ รงปฏิบัตติ ามท่พี ระเจา้ พิมพสิ ารทลู ขอ ไดเ้ สดจ็ ของพระพุทธเจ้า ภาพพิมพ์จากภาพวาดสีนํ้า โดยศิลปิน พิษณุ ศุภนิมิตร ไปทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสารและประชาชนทั้งปวง พระเจ้า พิมพิสารทรงบรรลุโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบัน และประกาศพระองค์เป็น ผู้นับถือและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ซึ่งพระบรมราชูปถัมภ์ประการแรกของ พระองค์คือ การทรงพระราชดำ�ริถึงที่ประทับอันเหมาะสมสำ�หรับพระพุทธเจ้า และพระสาวก จึงทรงถวายพระราชอุทยานเวฬุวันหรือป่าไผ่แด่พระพุทธเจ้า ซ่งึ พระพทุ ธองค์ทรงรับไวเ้ ป็นวดั แหง่ แรกในพระพทุ ธศาสนา 277
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 278
ในบรรดามหาชนบททง้ั ๑๖แควน้ ใหญ่และ๕แควน้ เลก็ เมอื่ ครง้ั พทุ ธกาลนนั้ บ ท ่ส ง ้ท า ย มพี ระราชาแหง่ ๔ แควน้ ทมี่ อี านภุ าพมากกวา่ พระมหากษตั รยิ อ์ งคอ์ น่ื ๆ คอื พระเจา้ ภาพหน้าซ้าย : พมิ พสิ ารแหง่ แควน้ มคธ พระเจา้ ปเสนทโิ กศลแหง่ แควน้ โกศล พระเจา้ จนั ฑปชั โชต กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน แห่งแควน้ อวันตี และพระเจา้ อุเทนแห่งแควน้ วัตสะ บรมกษตั รยิ ท์ ั้ง ๔ พระองค์ น้ีได้แผ่บารมีปกป้องคุ้มครองและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ให้ ของพระพุทธเจ้า เจริญรงุ่ เรอื ง พระราชาธิราชท้ัง ๔ พระองค์เปน็ พุทธมามกะทเี่ คร่งครดั จนตลอด ภาพพิมพ์จากภาพวาดสีนํ้า รชั สมยั ตา่ งพระองคม์ บี ทบาทในการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาไปยงั แวน่ แควน้ อน่ื ๆ โดยศิลปิน พิษณุ ศุภนิมิตร ในชมพูทวีป จนพระมหากษัตริย์แห่งแว่นแคว้นรองๆ ลงไปเช่น กษัตริย์ลิจฉวี แห่งแคว้นวชั ชี และมัลลกษตั ริยแ์ หง่ แคว้นมัลละ ได้มีศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา และปวารณาพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกเพ่ิมข้ึนด้วย นับเป็นปรากฏการณ์ สำ�คัญที่พระพุทธศาสนามีชนในวรรณะกษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์จนสามารถ ประดิษฐานลงได้อย่างมั่นคง และปรากฏการณ์นี้จะปรากฏสืบต่อมาในดินแดน ทีพ่ ระพุทธศาสนาได้เผยแผไ่ ปถงึ ในยุคหลังพุทธปรินิพพานนั้นสถานะของพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป ยงั คงตงั้ อยบู่ นพน้ื ฐานของการไดร้ บั การอปุ ถมั ภจ์ ากพระมหากษตั รยิ ์ ตราบเทา่ ท่ี ยังมีบรมกษัตริย์ท่ีศรัทธาในพระธรรมคำ�สอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธศาสนาก็ยังคงมีความมั่นคงไพบูลย์อยู่ได้ในชมพูทวีป ดังจะเห็นได้ว่า แม้สมเด็จพระบรมศาสดาจะเสด็จปรินิพพานล่วงไปแล้วถึงกว่าสามศตวรรษ พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งแคว้นมคธ (พ.ศ. ๒๗๐ - พ.ศ. ๓๑๑) ยังเป็น พระราชาธริ าชผอู้ ปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนา และสรา้ งความเจรญิ รงุ่ เรอื งใหพ้ ระพทุ ธ- ศาสนาอยา่ งมากมาย เชน่ ทรงสรา้ งวดั วหิ าร พระสถปู เจดยี ์ หลกั ศลิ าจารกึ แสดง การประดษิ ฐานพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั สงฆน์ าลนั ทา ทงั้ ทรงสรา้ งสงิ่ อนั เปน็ สาธารณูปโภค ไดแ้ ก่ บ่อนา้ํ ทีพ่ กั คนเดินทาง โรงพยาบาล และปลูกตน้ ไมเ้ พือ่ ให้ รม่ เงา ตามหลกั พทุ ธธรรม พระเจา้ อโศกมหาราชยงั ทรงพระราชอตุ สาหะเสดจ็ ไป นมัสการสังเวชนียสถานทั้งส่ีแห่ง และทรงสถาปนาให้เป็นสถานท่ีสักการบูชา ของพุทธศาสนิกชนสืบมา ท้ังทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกท่ีทรงผนวช ขณะทย่ี งั ทรงครองราชยอ์ ยู่ พระองคใ์ ชห้ ลกั พทุ ธธรรมในการปกครองราชอาณาจกั ร นอกจากน้ีพระเจ้าอโศกมหาราชยังทรงส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ยังดินแดนท้ังเก้านอกชมพูทวีป และทรงอุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎก คร้ังท่ีสาม ณ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร นับว่าพระองค์เป็นอัครศาสนูปถัมภ์ พระพทุ ธศาสนาอยา่ งแทจ้ รงิ ท�ำ ใหท้ รงไดร้ บั พระราชสมญั ญานาม “ธรรมาโศก” อนั แปลว่า อโศกผ้ทู รงธรรม 279
พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 280
ในยคุ หลงั จากพระเจา้ อโศกมหาราชไปกวา่ สามศตวรรษ พระพทุ ธศาสนา บ ท ่ส ง ้ท า ย ยงั คงเจรญิ รงุ่ เรอื งอยูใ่ นชมพทู วปี ภายใตพ้ ระบรมราชูปถมั ภข์ องพระมหากษัตริย์ ดังจะเห็นได้วา่ พระเจ้ากนิษกะแห่งอาณาจกั รกุษาณะ (พ.ศ. ๖๒๑ - พ.ศ. ๖๔๔) พระองคม์ คี วามเลอื่ มใสในพระพทุ ธศาสนาฝา่ ยมหายานมากจนไดร้ บั ขนานนามวา่ “พระเจ้าอโศกพระองค์ที่สอง” ทรงแผ่ขยายอาณาจักรกว้างไกลครอบคลุม แคว้นคันธาระ กัศมีระ สนิ ธุ และมัธยประเทศ (ปัจจุบันอยใู่ นเขตประเทศอิหร่าน อฟั กานิสถาน ปากีสถาน เติรก์ เมนิสถาน และบางสว่ นของอนิ เดยี ) ในรชั สมัยนี้ พระพุทธศาสนามหายานแผ่ไปสเู่ อเชียกลางและจนี อยา่ งรวดเรว็ วรรณคดภี าษา สันสกฤตได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นแทนภาษาบาลี เกิดมีพระภิกษุผู้ทรงภูมิความรู้ใน พระไตรปิฎกจำ�นวนมาก ทงั้ ยังเปน็ ยคุ ทีง่ านพทุ ธศิลปแ์ บบคนั ธาระเจริญรุ่งเรอื ง ถึงขีดสดุ พระเจ้ากนษิ กะทรงสรา้ งวัดวาอาราม เจดยี ว์ หิ ารมากมายหลายแห่ง พระพุทธศาสนาในชมพูทวีปมีอันต้องเสื่อมลง ดังท่ีมีนักวิชาการด้าน พระพุทธศาสนาได้วิเคราะห์ว่าการเสื่อมของพระพุทธศาสนาในชมพูทวีป มาจากภัยคุกคามทัง้ ภายในและภายนอกสถาบันพระพุทธศาสนาเอง พระพุทธศาสนาได้ถูกทอดท้ิงลบเลือนหายไปจากความทรงจำ�ของชาว อินเดยี ไปเป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๘๐๐ ปี จนกระทั่งรัฐบาลอาณานคิ มอนิ เดียของ องั กฤษใหค้ วามสนใจทจี่ ะด�ำ เนนิ การส�ำ รวจขดุ คน้ ทางโบราณคดแี ละบรู ณะบรรดา ศาสนสถานท่ีเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาขึ้น อกี วาระหนึ่ง ภาพหน้าซ้าย : อย่างไรก็ตามการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาทออกไปนอกดินแดน พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ชมพูทวีป โดยเฉพาะที่เกาะศรีลังกาต้ังแต่รัชกาลพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น เป็นปัจจัยสำ�คัญที่ทำ�ให้พระพุทธศาสนานิกายน้ีออกไปรุ่งเรืองอยู่ได้นอก ภายในพระวิหารกุสินารา ชมพูทวีปภายใต้อุปถัมภ์ของชนชั้นกษัตริย์ นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ ภาพพิมพ์จากภาพวาดสีนํ้า ผ้คู รองลังกาทวีปหลายพระองค์ ดังเช่น พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ (๓๐๗ - ๒๖๗ โดยศิลปิน พิษณุ ศุภนิมิตร ปีก่อนคริสตกาล) พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครอนุราธปุระ และเป็นพระมหา- กษัตริย์ลังกาพระองค์แรกที่ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก พระเจ้า วัฏฏคามินีอภัย (๑๖๑ - ๑๓๗ ปีก่อนคริสตกาล) พระเจ้าวิชัยพาหุท่ี ๑ (พ.ศ. ๑๕๙๘ - พ.ศ. ๑๖๕๓) และพระเจา้ ปรากรมพาหทุ ่ี ๑ (พ.ศ. ๑๖๙๗ - พ.ศ. ๑๗๓๐) พระมหากษัตริย์ผู้ครองลังกาทวีปเหล่านี้มีบทบาทสำ�คัญในการ อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท โดยเฉพาะการสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎก 281
เพ่ือบันทึกพระพุทธวจนะให้เป็นลายลักษณ์อักษร การสืบต่อคณะสงฆ์โดย อุปสมบทกุลบุตรชาวลังกาเป็นพระสงฆ์สามเณร การสร้างวัดวาอารามและ สถปู เจดยี ์ รวมทง้ั การกำ�หนดประเพณีพธิ กี รรมตา่ งๆ ทางพระพุทธศาสนา และ ทส่ี �ำ คญั ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั การอปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนาฝา่ ยเถรวาทของพระมหากษตั รยิ ์ แหง่ ลงั กาทวปี จนเจรญิ รงุ่ เรอื งขน้ึ มาไดอ้ กี ครงั้ ในทวปี แหง่ นน้ั เปน็ ประดจุ “ตน้ ทาง” ในการเตรียมความพร้อมให้พระพุทธศาสนาเถรวาทท่ีจะเดินทางต่อไปเจริญ รุ่งเรืองเป็นศาสนาหลักของดินแดนโพ้นทะเลอีกดินแดนหนึ่ง นั่นคือดินแดน ภาคพ้ืนทวีปของเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ อันมีประเทศไทยรวมอยูด่ ้วย พระพุทธศาสนาเถรวาทและมหายานจากดินแดนชมพูทวีปและลังกา ภพสพ๒พ๘ขพ๑วพิหอรา๑ุรก.รร,๔ศ๐า้พางะะะา๓.งพชร๐มมพมหโต๑า๐รหหปทุดนวร่าะ๘าาียธา้แพาง(อกก๓ขศพศๆชหงมษษว๐ารธ.ค่งา่ทศาสทััตัต)า์ ส.ี่มบนทรรนธม:่ว๑ีมิิยยราาีม่ีแี นร๕ข์์ปทาหีอหดกอ๘ีม่กง่าานกงแยคีต๗เึง่วรรุรจอ่ ่ากาอ-ดวงีย์ ทวีปได้รับการนำ�มาเผยแผ่ในรัฐภาคพ้ืนทวีปของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ ในยุคต้นประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองทั้งหลายในภูมิภาคน้ี โดยเร่ิมต้นจากพื้นที่ ทางตะวันตกของภาคพ้ืนทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือพ้ืนท่ีลุ่มแม่น้ําอิระวดี อันเป็นดินแดนของชาวพยู มอญ และพม่า ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๗ ได้กลายเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเถรวาทเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นคร้ังแรก ในขณะท่ีพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเข้าไปเจริญรุ่งเรืองอยู่ในลุ่มแม่น้ํา เจา้ พระยา ในคาบสมทุ รภาคใตข้ องประเทศไทยปจั จบุ นั ในอาณาจกั รของชาวเขมร ในลุ่มแม่นํ้าโขงตอนล่าง หรือแม้แต่ในอาณาจักรจามปาทางตอนกลางของ ประเทศเวียดนามปัจจบุ ัน และปรากฏหลักฐานวา่ พระพทุ ธศาสนาทง้ั สองนิกาย ได้รับการอุปถัมภ์ด้วยดีจากบรรดาพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองบ้านเมือง บนภาคพ้ืนทวีปของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นพระมหากษัตริย์แห่งรัฐ ศรเี กษตรในลมุ่ แมน่ า้ํ อริ ะวดี รฐั ทวารวดใี นลมุ่ แมน่ า้ํ เจา้ พระยา กษตั รยิ แ์ หง่ จามปา ในเวยี ดนามตอนกลาง พระเจา้ อโนรธาแหง่ พกุ าม หรอื แมแ้ ตพ่ ระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗ แห่งอาณาจกั รกัมพชู า บรรดาพระมหากษตั รยิ ์เหล่าน้ีลว้ นประกาศพระองค์เปน็ พุทธศาสนูปถัมภก สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงและรุ่งเรืองให้พระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์ทงั้ สองนกิ ายบนภาคพ้นื ทวปี ของเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ เมื่อถึงพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ อนั เป็นยุคทค่ี นไทยเร่ิมรวมตัวกันเปน็ ปึกแผ่น และก่อต้ังบ้านเมืองข้ึนในพื้นที่ต่างๆ ของดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบัน จะเกดิ ปรากฏการณท์ เี่ หมอื นกนั ในกลมุ่ บา้ นเมอื งของคนไทย นนั่ คอื การมศี รทั ธา นอ้ มรบั เอาพระพทุ ธศาสนาเถรวาทมาเปน็ แกน่ ความเชอ่ื หลกั และพระพทุ ธศาสนา เถรวาทก็ค่อยๆ ประดิษฐานลงอย่างมั่นคงบนรัฐของคนไทยทุกรัฐ ภายใต้การ อปุ ถมั ภข์ องพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยแหง่ ประชาคมรฐั นน้ั ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ สโุ ขทยั ลา้ นนา 282 พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยกบั พระพทุ ธศาสนา
283 บ ท ส่ ง ท้ า ย
กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ ซงึ่ จะเหน็ ไดว้ า่ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทกุ ยคุ สมยั ทรงสบื ตอ่ ธรรมเนยี มการประกาศ พระองคเ์ ปน็ พทุ ธศาสนปู ถมั ภกเฉกเชน่ พระมหากษตั รยิ ใ์ นอนิ เดยี และลงั กาโบราณ รวมถึงพระมหากษัตริย์ในราชอาณาจักรน้อยใหญ่บนภาคพ้ืนทวีปของเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใต้ หากจะถามวา่ เหตใุ ดพระพทุ ธศาสนาเถรวาทแบบลงั กาวงศจ์ งึ สามารถ ประดิษฐานลงได้อย่างมั่นคงในประเทศไทย พร้อมท้ังมีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นท่ีเคารพศรัทธาในหมู่มหาชนชาวไทยสืบเน่ืองมาโดยไม่ขาดสายน้ัน หากจะให้คำ�ตอบโดยเน้นแต่เพียงบทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยในการ อปุ ถมั ภ์บ�ำ รุงพระพุทธศาสนา ก็จกั เป็นสง่ิ ทไี่ มต่ รงตามขอ้ เทจ็ จริงที่เกิดขึ้นใน ประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงอาจให้คำ�ตอบโดยการสรุปเป็นประเด็นสำ�คัญ ดังต่อไปนี้ ประการแรก การทจ่ี ะพิจารณาความรุ่งเรืองไพบลู ยข์ องพระพทุ ธศาสนา ภาพหน้าขวา : เถรวาทเฉพาะในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวไม่สามารถทำ�ให้เราเห็นภาพ จิตรกรรมฝาผนัง รวมและเข้าใจเหตุปัจจัยที่ประสงค์ได้ ข้อเท็จจริงสำ�คัญทางประวัติศาสตร์ท่ีพึง ภาพพุทธประวตั ิ ยอมรบั คอื คนไทยและประเทศไทยมไิ ดเ้ ปน็ ประชากรของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ตอนมารผจญ ในพระอโุ บสถ เฉียงใต้แต่เพียงกลุ่มเดียวท่ียอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท หากยังมีชน วัดคงคาราม จงั หวัดราชบรุ ี พน้ื เมอื งบนภาคพน้ื ทวปี ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตอ้ กี หลายเผา่ พนั ธท์ุ มี่ ศี รทั ธา ภาพพระพุทธองค์ประทับ รับเอาพระพุทธศาสนานิกายน้ีไปเป็นความเชื่อหลักในประชาคมของตนเช่นกัน ขัดสมาธิ พระหตั ถ์ซา้ ยหงาย ดังเราจะเห็นได้ว่าบนภาคพ้ืนทวีปของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้ัน เว้นเสียแต่ บนพระเพลา พระหัตถข์ วา ชาวเวียดนามซึ่งนับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานแบบจีนร่วมกับลัทธิเต๋า วางขา้ งหน้าพระเพลา และขงจอื๊ บรรดาชนพน้ื เมอื งทปี่ ระสบความส�ำ เรจ็ ในการรวมกลมุ่ ประชาคมเปน็ ชี้นิ้วพระหตั ถ์ลงทีพ่ ื้นดิน บ้านเมืองและรัฐได้นั้น ล้วนแล้วแต่ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาททั้งส้ิน หมายถึง นางพระธรณี แม้จะปรากฏการนับถือลัทธิบูชาวิญญาณธรรมชาติ ศาสนาพราหมณ์ฮินดูหรือ ผู้เกบ็ น้าํ ทกั ษิโณทก พระพทุ ธศาสนามหายานมาในสมยั แรกๆ ของการกอ่ ตงั้ บา้ นเมอื งกต็ าม แตใ่ นทา้ ย จากอดีตชาติของ ที่สุดแล้ว พระพุทธศาสนาเถรวาทได้ประสบความสำ�เร็จสูงสุดเหนือศาสนาและ พระโพธิสัตว์ไว้ในมวยผม คติความเชือ่ อ่ืนๆ จนกระทงั่ ดินแดนภาคพน้ื ทวีปของเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตน้ ับ ขณะน้นั จึงไดบ้ ีบนิว้ จาก ตัง้ แต่พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ เป็นตน้ มานัน้ เป็นดินแดนแห่งพระพทุ ธศาสนาเถรวาท มวยผมออกทว่ มเหลา่ พญามารจนตอ้ งแตกพ่ายไป พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 284
285 บ ท ส่ ง ท้ า ย
ประการทสี่ อง หากพจิ ารณาเฉพาะในพนื้ ทข่ี องดนิ แดนอนั เปน็ ประเทศไทย ปัจจุบันจะพบว่า ผู้คนท่ีได้อาศัยอยู่บนดินแดนน้ีมีการยอมรับนับถือพระพุทธ- ศาสนาเป็นศาสนาหลักร่วมกับศาสนาพราหมณ์ฮินดูมาอย่างน้อยต้ังแต่ พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ ก่อนหน้าการเข้ามาของคนไทยและการก่อตั้งประชาคมรัฐ ของคนไทยในพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ แม้จะเป็นพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานหรือ ฝา่ ยเถรวาทนกิ ายทแี่ ตกตา่ งไปจากลงั กาวงศ์ ดงั เชน่ การนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาทง้ั ฝา่ ยมหายานและเถรวาทของกษตั รยิ แ์ ละผคู้ นในรฐั ทวารวดใี นลมุ่ แมน่ า้ํ เจา้ พระยา หรอื การนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาเถรวาทแบบมอญของนครหรภิ ญุ ไชย นอกจากนน้ั ยังมีปรากฏการณ์ของการท่ีพระพุทธศาสนามหายานจากอาณาจักรกัมพูชาใน บางยคุ สมยั เขา้ มาเจรญิ รงุ่ เรอื งอยใู่ นเขตแดนทเ่ี ปน็ ประเทศไทยปจั จบุ นั โดยเฉพาะ ในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ซึ่งพระองค์ทรงศรัทธายิ่งในพระพุทธศาสนา มหายานนกิ ายวัชรยาน การท่ีพระพุทธศาสนาได้หยั่งรากลึกลงในศรัทธาของผู้คนบนแผ่นดินนี้ ตง้ั แตก่ อ่ นการเขา้ มาของคนไทยนนั้ ทำ�ให้ “อารยธรรมพทุ ธศาสนา” อนั หมายถงึ วัฒนธรรมตา่ งๆ ทอี่ ย่บู นพ้นื ฐานของการนบั ถือพระพทุ ธศาสนาไดจ้ �ำ เรญิ รุ่งเรอื ง อยู่ในดินแดนประเทศไทยปัจจุบันมานานหลายศตวรรษ พระสัทธรรมและคติ ความเชื่อต่างๆ ในพระพุทธศาสนาได้บูรณาการสังคมและวัฒนธรรมของผู้คน พื้นเมืองในดินแดนท่ีเป็นประเทศไทยปัจจุบัน ซ่ึงอาจกล่าวได้อีกนัยหน่ึงว่า คนไทยนั้นเข้ามาตั้งถ่ินฐานและสร้างบ้านแปงเมืองข้ึนบนดินแดนท่ีอารยธรรม พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอยู่มาเกือบพันปีแล้ว จึงหาได้เป็นเร่ืองแปลก ประหลาดอันใดไม่ที่คนไทยกลุ่มต่างๆ จะสามารถสร้างศรัทธาและยอมรับ เอาพระพุทธศาสนามาเป็นระบบความเช่ือหลักสำ�หรับนำ�จิตวิญญาณของตน และสามารถต่อยอดความศรัทธาในพระพุทธศาสนาไปได้ถึงการยอมรับเอา พระพทุ ธศาสนาเถรวาทแบบลงั กาวงศเ์ ขา้ มาในพทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ เพอ่ื บรู ณาการ อารยธรรมพระพุทธศาสนาที่มีอยู่แต่เดิมให้เป็นอารยธรรมท่ีจะก่อเกิดประโยชน์ อันสงู สุดแกป่ ระชาคมคนไทย ประการทส่ี าม ประชาคมของคนไทยตงั้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ เปน็ ตน้ มา มีพัฒนาการของการทำ�ให้พระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์มีความเข้มแข็ง จนเปน็ “สถาบนั ทางสงั คม” ทีเ่ ปน็ หลกั สำ�คัญของสงั คมได้ จะเห็นไดต้ ั้งแตร่ ะดับ ชนชนั้ ปกครองคอื พระมหากษตั รยิ ์ พระราชวงศ์ และขนุ นาง ตงั้ แตใ่ นสมยั อาณาจกั ร พระมหากษัตรยิ ์ไทยกบั พระพทุ ธศาสนา 286
สุโขทัยและอยุธยา ได้ยกระดับฐานะของพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ บ ท ่ส ง ้ท า ย ให้กลายเป็นสถาบันทางสังคมท่ีเรียกขานกันด้วยคำ�ว่า “พุทธจักร” อันมีองค์ ประกอบส�ำ คัญคอื ศาสนธรรมและคณะสงฆท์ ่ไี ดร้ ับการจดั ระเบียบการปกครอง อย่างชัดเจน มีอำ�นาจหน้าที่ครอบคลุมตลอดทั้งราชอาณาจักร พุทธจักรนั้น ความเป็นสถาบันทางการเมืองท่ีอยู่คู่กับ “อาณาจักร” คือฝ่ายอำ�นาจรัฐอันมี พระมหากษตั ริย์เปน็ ประธาน จึงเท่ากับว่าพระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศไทยนั้นมีความมั่นคง เป็นเอกภาพในฐานะสถาบันหลักทางสังคมที่มีบทบาทในทางการเมืองการ ปกครองบ้านเมืองด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพุทธศตวรรษท่ี ๒๕ เม่ือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกย่องให้พระพุทธศาสนาเป็น หนึ่งในสถาบันหลักทัง้ สาม อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ อันเป็น สามสถาบันหลักท่ีเป็นอุดมการณ์อันสูงสุดของความเป็นราชอาณาจักรไทย ซึ่งยังเปน็ ทย่ี ึดมนั่ สืบมาจนปจั จุบนั ความเป็นสถาบันหลักทางสังคมท่ีม่ันคงของพระพุทธศาสนาเถรวาทมิได้ มีความสำ�คัญเฉพาะแต่เพียงกับชนชั้นปกครองและระบบการเมืองการปกครอง ของไทยเท่าน้ัน สถาบันพระพุทธศาสนายังเป็นหลักให้แก่วิถีชีวิตของผู้คนใน สังคมไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะเป็นเคร่ืองกำ�หนดกรอบความประพฤติและ ศีลธรรมจรรยาของผู้คนในสังคมไทย อันได้แก่ จารีตประเพณี ขนบธรรมเนียม พิธีกรรม ไปจนกระท่ังถึงค่านิยมต่างๆ ในสังคม อันประมวลรวมเข้าเป็น “วิถี ไทย” อยู่จนถึงปจั จบุ นั ซึง่ เราจะเหน็ ได้วา่ วถิ ีชีวิตของคนไทยน้นั ตง้ั แต่แรกเกิด จนถึงตายล้วนมีข้ันตอนของชีวิตที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ใน ระหว่างการใช้ชีวิตนั้นหากเกิดความทุกข์ระทมท้อแท้ก็หันเข้าหาวัดและธรรมะ ในพระพทุ ธศาสนาเปน็ ทง้ั สง่ิ ปลอบประโลมใจและก�ำ ลงั ใจได้ นอกจากนน้ั จะเหน็ วา่ วัดและพระสงฆม์ คี วามเป็นศูนย์กลางชมุ ชนมาตั้งแต่สมัยโบราณ กิจกรรมทาง สังคมต่างๆ เช่นงานนักขัตฤกษ์และเทศกาลสำ�คัญจะมีการทำ�บุญสร้างกุศลตาม คติทางพระพุทธศาสนาเปน็ องค์ประกอบหลัก หรือแม้แต่การศึกษาเลา่ เรยี นของ กลุ บตุ รไทยในสมยั โบราณกล็ ว้ นมวี ดั เปน็ ศนู ยก์ ลางการประกอบกจิ กรรมเหลา่ นน้ั แม้ว่าในยุคปัจจุบันการเติบโตของสังคมเมืองใหญ่ท่ีรับเอาวัฒนธรรมแบบสากล เข้ามาเป็นกรอบการใช้ชีวิตใหม่แทนท่ีพระพุทธศาสนาจะปรากฏให้เห็นในพ้ืนท่ี หลายแห่งท่ัวประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครยุคปัจจุบัน ทำ�ให้คน 287
ไทยในสังคมเมืองใหญ่เหล่าน้ันมีชีวิตท่ีห่างเหินจากวัดและพระสงฆ์มากขึ้น แต่ ในสังคมชนบทหรือสังคมนอกเมืองใหญ่เราจะยังได้พบเห็นวิถีไทยที่ยังผูกพันกับ พระพทุ ธศาสนาอย่างแนบแน่น ประการทสี่ ี่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ส�ำ คญั ขอ้ หนงึ่ ทไี่ มอ่ าจปฏเิ สธไดค้ อื พระมหากษตั รยิ ์ ไทยทุกยุคสมัยมีบทบาทในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่พระพุทธศาสนา เถรวาทในประเทศไทย และเหตุที่พระมหากษัตริย์ทรงประสบความสำ�เร็จใน บทบาทความเปน็ “พทุ ธศาสนปู ถมั ภก” สบื มาทกุ ยคุ สมยั นี้ ประการส�ำ คญั คอื การ ท่พี ระมหากษตั ริย์ไทยมีการสบื ราชสันตติวงศ์มาโดยไม่ขาดสายในประวตั ศิ าสตร์ อันยาวนานกว่า ๗๐๐ ปีของไทย แม้ในบางช่วงบางตอนจะเกิดความผันผวน ทางการเมอื งอนั น�ำ ไปสกู่ ารท�ำ รฐั ประหารและเปลย่ี นราชวงศข์ นึ้ พระมหากษตั รยิ ์ ผสู้ ถาปนาราชวงศใ์ หมย่ ง่ิ ตอ้ งทรงสรา้ งสทิ ธธิ รรมทางการเมอื งใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรบั ของ อาณาประชาราษฎร์ให้ได้โดยเร่งด่วน และหน่ึงในกระบวนการสร้างสิทธิธรรม ทางการเมอื งของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยคอื การแสดงออกถงึ ความเปน็ ผมู้ บี ญุ บารมี ด้วยการอปุ ถัมภพ์ ระพทุ ธศาสนาและคณะสงฆ์ ซง่ึ แสดงออกเปน็ รปู ธรรมไดด้ ว้ ย การสถาปนาถาวรวตั ถุต่างๆ ไว้ในพระพทุ ธศาสนา นอกจากนั้นการที่พระมหากษัตริย์ทรงมีบทบาทของความเป็นผู้นำ�สูงสุด ในสังคมไทยมาต้ังแต่โบราณกาลยังมีส่วนสำ�คัญที่ทำ�ให้พระพุทธศาสนาเถรวาท ได้รับการถ่ายทอดไปยังอาณาประชาราษฎร์ในราชอาณาจักรได้อย่างกว้างขวาง เพราะพระมหากษตั รยิ ใ์ นฐานะผนู้ �ำ สงั คมนนั้ มนี โยบายในการสงั่ สอนเผยแผธ่ รรมะ และแนวทางปฏบิ ตั ติ ามหลกั พระพุทธศาสนาแก่ราษฎรมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพติ ร รชั กาลปจั จบุ นั กท็ รงรกั ษาธรรมเนยี มนสี้ บื มาโดยเครง่ ครดั ตงั้ แต่ วาระแรกท่ีทรงรับบรมราชาภิเษกท่ีทรงต้ังพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปกครอง แผน่ ดนิ โดยธรรม มาจวบจนปจั จบุ นั กาล พระราชจรยิ านวุ ตั รของพระองคด์ �ำ เนนิ ไปอย่างสัปปุริสชนผู้มีพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกรอบและ แนวทางการด�ำ เนนิ ชวี ติ ทรงใชห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเปน็ เครอื่ งก�ำ กบั การ ประพฤตพิ ระองคใ์ นฐานะพระประมขุ ของรฐั และทส่ี �ำ คญั ยงิ่ คอื การทรงประยกุ ต์ หลักธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการพระราชทานพระบรมราโชวาทส่ังสอน และเตอื นสตปิ ระชาชนชาวไทย จงึ ไมเ่ ปน็ สงิ่ เกนิ เลยไปแตอ่ ยา่ งใดหากจะกลา่ ววา่ พระมหากษตั ริย์ไทยกบั พระพทุ ธศาสนา 288
บ ท ่ส ง ้ท า ย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงฟื้นฟู พระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนงั คลั แรกนาขวัญ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ : จิตรกรรมฝาผนงั ใน พระอุโบสถพทุ ธรตั นสถาน ในพระบรมมหาราชวัง 289
พระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคสมัยมีบทบาทสำ�คัญต่อการดำ�รงอยู่ของพระพุทธ- ศาสนาเถรวาทในประเทศไทย ตราบเทา่ ทีส่ ถาบันพระมหากษัตริย์ยงั คงดำ�รงอยู่ และองค์พระมหากษัตริย์ยังทรงเป็นผู้รู้และปฏิบัติธรรม ทั้งทรงนำ�ศาสนธรรม ในพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ส่ังสอนประชาชนชาวไทย ร่วมกับการทรงรับ พระราชภาระในการอุปถัมภ์บำ�รุงพระพุทธศาสนาเถรวาทในวิถีทางอื่นๆ แล้ว พระพทุ ธศาสนาเถรวาทจะยงั คงด�ำ รงความรงุ่ เรอื งไพบลู ยอ์ ยใู่ นราชอาณาจกั รไทย ไปไดต้ ราบนานเท่านาน ในทา้ ยที่สดุ ของหนังสือ “พระมหากษัตรยิ ์ไทยกบั พระพุทธศาสนา” น้ี ข้อสรุปที่จะพงึ ทง้ิ ทา้ ยไว้ ณ ทน่ี ้ีคอื ประเทศไทยเปน็ หนง่ึ ใน “ประเทศอนั ควร” ทด่ี พี รอ้ มและเหมาะสมยงิ่ แกก่ ารประดษิ ฐานและสบื อายพุ ระพทุ ธศาสนาเถรวาท แต่อย่างไรก็ดี การที่ประชากรไทยกว่าร้อยละ ๙๐ เป็นพุทธศาสนิกชน การมีวัดกว่า ๔๐,๐๐๐ วัดทั่วประเทศ และการมีพระสงฆ์กว่า ๒๐๐,๐๐๐ รูป ท่ัวราชอาณาจักรนั้น อาจไม่ใช่เคร่ืองช้ีวัดได้เสมอไปว่าพระพุทธศาสนาเถรวาท ในประเทศไทยมีความรุ่งเรืองไพบูลย์สูงสุดในบรรดาประเทศที่นับถือพระพุทธ- ศาสนาเถรวาทเป็นศาสนาประจำ�รัฐ แต่พระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศไทย มีความพิเศษอันเป็นข้อได้เปรียบพระพุทธศาสนาในประเทศเพ่ือนบ้านหรือ แม้พระพุทธศาสนาในศรีลังกาอันเป็นต้นทาง ตรงท่ีพระพุทธศาสนาเถรวาทใน ประเทศไทยน้ันยังอยู่ภายใต้อุปถัมภ์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งยังดำ�รงสถานภาพ พระประมุขของรัฐ เป็นข้อได้เปรียบอันสามารถเทียบเคียงได้เสมอสถานะของ พระพุทธศาสนาในชมพูทวีปในยุคที่ยังมีพุทธกษัตริย์ทรงอำ�นาจอยู่ พระพุทธ ศาสนาเถรวาทในประเทศไทยยังมีสถานภาพเป็นสถาบันหลักของบ้านเมือง ซ่ึงสถานะอันพิเศษเหล่านี้เป็นหลักประกันอันดีให้กับการดำ�รงคงอยู่และการ สืบอายุของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย แต่กระนั้นก็ตาม ภายใต้เงื่อนไข ความเปล่ยี นแปลงของสงั คมไทยไปตามกระแสโลกาภวิ ัตนท์ ี่กระต้นุ ให้ประชากร ไทยยุคใหม่มีความเป็น “ปัจเจกชน” ผู้นึกถึงประโยชน์เฉพาะหน้าในส่วนตน มากข้ึนทุกขณะ และบ่อยครั้งท่ีความเป็นปัจเจกชนนี้นำ�ไปสู่การต้ังคำ�ถามต่างๆ ต่อสถานะของพระพุทธศาสนา ความเที่ยงแท้ของพระสัทธรรม และสถานะ ของพระสงฆ์ในประเทศไทย พระมหากษัตริย์ไทยกบั พระพทุ ธศาสนา 290
บ ท ่ส ง ้ท า ย จงึ เปน็ สง่ิ ทพ่ี งึ จบั ตามองตอ่ ไปในอนาคตวา่ ประชากรไทยยคุ ใหมจ่ ะพงึ เหน็ คณุ คา่ และสามารถธ�ำ รงรกั ษาความเปน็ ไทยภายใต้ “อารยธรรมพระพทุ ธ- ศาสนา” ซึง่ พระมหากษัตรยิ ์และบรรพชนไทยทุกยุคสมัยมศี รัทธาสร้างสรรค์ ไว้สืบต่อไปได้หรือไม่และอย่างไร เพราะพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนาน้ัน ถึงอย่างไรก็มีคุณวิเศษประการหนึ่งในตัวอยู่แล้ว คือมีความเท่ียงแท้เป็น “อกาลิโก” ท่ียืนยงคงอยู่ได้โดยไม่จำ�กัดกาล แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ เสมอในสังคมไทย อนั เกิดจากความไม่เท่ียงของสรรพสิง่ ทัง้ หลายที่เราไม่อาจ ปฏิเสธหรอื หยดุ ย้ังไม่ให้เกดิ ขน้ึ ได้ 291
บรรณานกุ รม จารึก จารึกหลักที่ ๑ ศิลาจารึกพ่อขนุ รามค�ำ แหงมหาราช พ.ศ. ๑๘๓๕ อกั ษรไทยสโุ ขทัย จังหวดั สุโขทัย จารึกหลักที่ ๒ ศลิ าจารึกวัดศรชี ุม พทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐ อักษรไทยสุโขทยั จังหวดั สุโขทัย จารกึ หลกั ที่ ๔ ศลิ าจารึกวัดป่ามะม่วง ภาษาเขมร พุทธศักราช ๑๙๐๔ จารกึ หลักที่ ๕ ศลิ าจารึกวัดป่ามะมว่ ง ภาษาไทย อกั ษรไทย จงั หวัดสุโขทัย จารึกหลักท่ี ๖ ศลิ าจารึกวัดป่ามะม่วง อกั ษรขอม ภาษามคธ จังหวัดสโุ ขทัย จารึกหลักที่ ๗ จารกึ วัดปา่ มะมว่ ง อกั ษรไทย ภาษาไทย (ที่ ๒) จังหวดั สุโขทัย จารึกหลกั ท่ี ๘ ศลิ าจารกึ วดั เขาสมุ นกูฏ ภาษาไทยสุโขทยั พ.ศ. ๑๙๑๒ จงั หวดั สโุ ขทัย จารกึ หลกั ที่ ๑๑ ศลิ าจารกึ เขากบ เมอื งปากนํา้ โพ พ.ศ. ๑๙๒๐ อกั ษรไทยสุโขทัย จงั หวัดนครสวรรค์ จารกึ หลักท่ี ๔๖ ศิลาจารึกวดั ตาเถรขงึ หนัง อักษรไทยสุโขทัย จงั หวัดสโุ ขทัย จารึกหลกั ที่ ๔๘ จารึกลานทองวดั ส่องคบ พ.ศ. ๑๙๕๑ ภาษาไทย จงั หวัดชัยนาท หลกั ที่ ๔๙ ศลิ าจารึกวัดสรศักดิ์ พ.ศ. ๑๙๖๐ อักษรไทยสุโขทยั จังหวดั สโุ ขทยั จารกึ หลักที่ ๖๒ ศิลาจารึกวดั พระยืน จงั หวัดล�ำ พนู พ.ศ. ๑๙๑๓ อักษรไทยสโุ ขทัย จังหวดั ลำ�พนู จารกึ หลักที่ ๗๖ ศลิ าจารกึ วัดเชียงมน่ั พ.ศ. ๒๑๒๔ อักษรฝักขาม จงั หวดั เชียงใหม่ จารกึ หลกั ที่ ๙๓ ศิลาจารกึ วดั อโสการาม พ.ศ. ๑๙๔๒ อกั ษรไทย ภาษาไทย จังหวดั สุโขทัย จารกึ หลักท่ี ๑๐๖ ศลิ าจารกึ วัดชา้ งลอ้ ม อักษรไทย จงั หวัดสุโขทัย จารกึ หลักท่ี ๑๓๘ ศิลาจารึกฐานพระสมุทรเจดยี ์ พ.ศ. ๒๓๗๑ อกั ษรไทยธนบุรี - รัตนโกสินทร์ จงั หวดั สมทุ รปราการ จารึกหมายเลข ชม. ๑๓ ศิลาจารึกวดั ตโปทาราม พ.ศ. ๒๐๓๕ อักษรฝกั ขาม จังหวดั เชยี งใหม่ จารึกหมายเลข ลพ. ๙ ศิลาจารึกกษตั ริยร์ าชวงศ์มังราย พ.ศ. ๑๙๕๔ อกั ษรฝกั ขาม จังหวัดพะเยา จารึกหมายเลข ลพ. ๔๕ จารึกแผ่นทองจงั๋ โก๋ พระพุทธรปู คอระฆงั พระธาตุหริภญุ ไชย ด้านทศิ เหนอื เอกสารชั้นต้น กัณฐิกา ศรีอดุ ม และคนอน่ื ๆ (คณะบรรณาธิการ). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ� บนุ นาค) จากตน้ ฉบบั ตวั เขียนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ พร้อมค�ำ อธิบายเพิ่มเติม. กรงุ เทพฯ : สมาคมประวัตศิ าสตร์ ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ าร,ี ๒๕๕๓. จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั , พระบาทสมเด็จพระ. ประชมุ ประกาศรัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๔๐๘ - ๒๔๑๑. พระนคร : องคก์ ารคา้ ของคุรุสภา, ๒๕๐๔. ดำ�รงราชานุภาพ, สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดาร กรุงรตั นโกสนิ ทร์ รัชกาลที่ ๕. กรงุ เทพฯ : มูลนธิ ิสมเด็จฯ กรมพระยาด�ำ รงราชานภุ าพ และหมอ่ มเจ้าจงจิตรถนอม ดศิ กลุ พระธดิ า, ๒๕๓๙. ทิพากรวงศ์, เจา้ พระยา. พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รชั กาลท่ี ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๑๑ ฉะบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ.์ พระนคร : โรงพิมพ์พระจนั ทร์, ๒๔๗๗. พมิ พเ์ ปน็ ท่ีระลกึ ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ คุณหญิงธรรมสารเนติ (อบ บนุ นาค) วนั ท่ี ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ เมรวุ ัดประยรุ วงศาวาส. ทพิ ากรวงศามหาโกษาธบิ ดี, เจา้ พระยา. สมเด็จฯ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ ทรงช�ำ ระ. พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๑. พระนคร : โรงพิมพ์ พระจนั ทร์, ๒๔๗๘. ทรงพระกรุณาโปรดให้พมิ พ์ พระราชทานแจกในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื อนวุ ัตรจาตรุ นต์ ณ พระเมรวุ ดั เทพศิรินทราวาส, ๒๔๗๘. ทพิ ากรวงศมหาโกษาธบิ ดี, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสินทร์ รชั กาลท่ี ๓. พมิ พ์คร้งั ที่ ๖. กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๓๘. ประชมุ พระราชปุจฉา ภาคท่ี ๑ พระราชปจุ ฉาครงั้ กรุงศรอี ยุธยา. พระนคร : โรงพมิ พ์โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๔. ประชุมพระราชปจุ ฉา ภาคท่ี ๒ เป็นพระราชปจุ ฉาในรัชกาลท่ี ๑ (ตอนที่ ๑). พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๓. ประชมุ พระราชปุจฉา ภาคที่ ๓ พระราชปุจฉาในรัชกาลที่ ๑ (ตอนท่ี ๒). พระนคร : โรงพมิ พโ์ สภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๔. พนรตั น,์ สมเดจ็ พระ. พระราชพงศาวดารกรุงศรอี ยธุ ยา ฉบบั สมเด็จพระพนรัตน.์ พระนคร : คลงั วิทยา, ๒๕๑๔. พระราชปจุ ฉาในชัน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทรแ์ ตร่ ชั กาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลท่ี ๕ มีทง้ั พระบรมราชาธบิ ายเรือ่ งท่ีเกี่ยวด้วยพระศาสนา. พระนคร : โรงพมิ พ์ไทย, ๒๔๕๔. รวี สริ ิอิสสระนันท์ (บรรณาธิการ). พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยุธยา ฉบบั พนั จนั ทนุมาศ (เจิม) และพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา ฉบบั หลวงประเสรฐิ คำ�ใหก้ ารชาวกรงุ เก่า, คำ�ให้การขุนหลวงหาวดั . กรงุ เทพฯ : ศรีปญั ญา, ๒๕๕๓. วิทยานพิ นธ์ จริ าธร ชาติศิริ. เศรษฐกจิ สมยั ธนบรุ ี. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร)์ . บณั ฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๗. เทพรตั นราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรสี ิรินธร สยามบรมราชกุมาร,ี สมเดจ็ พระ. ทศบารมีในพทุ ธศาสนาเถรวาท. วทิ ยานิพนธ์อกั ษรศาสตรมหาบณั ฑิต (ภาษาบาลี สนั สกฤต). บณั ฑติ วทิ ยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๔. ธนเทพ ศริ พิ ัลลภ. สมเด็จพระเจา้ กรุงธนบรุ กี บั พระราชกรณยี กิจในการฟืน้ ฟพู ระพุทธศาสนา. วทิ ยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ (ประวตั ศิ าสตร์). บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๕๔. 292 พระมหากษตั รยิ ์ไทยกับพระพุทธศาสนา
พระทศพล มาบณั ฑติ ย์. การสถาปนา “สมเด็จพระราชาคณะ” ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๕๓๒. วิทยานพิ นธอ์ กั ษรศาสตรมหาบณั ฑิต (ประวัตศิ าสตร์). บัณฑติ วิทยาลยั จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๕๓. วรพร ภพู่ งศ์พันธุ์. กฎมณเทยี รบาลในฐานะหลกั ฐานประวตั ศิ าสตร์ไทยสมัยอยุธยาถงึ พ.ศ. ๒๓๔๘. วิทยานิพนธ์อกั ษรศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ (ประวตั ิศาสตร)์ . บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๔๙. วไิ ลพร วงศ์สุรกั ษ์. จิตรกรรมเร่ืองนรกภูมใิ นสมดุ ภาพไตรภูมฉิ บับกรงุ ธนบรุ ี พุทธศักราช ๒๓๑๙. วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ (ประวตั ศิ าสตร์ศิลปะ). บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๘. สุภาพรรณ ณ บางช้าง. พทุ ธศาสนาในสมัยสโุ ขทยั . วทิ ยานิพนธอ์ กั ษรศาสตรมหาบณั ฑิต (ภาษาบาลีสันสกฤต). บัณฑิตวิทยาลยั จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๑๘. อเนก มากอนันต.์ แนวคิดเร่อื งคตจิ กั รพรรดิราชของชนชน้ั นำ�ไทย ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๑๗๒ - ๒๓๙๔. วทิ ยานพิ นธอ์ ักษรศาสตรมหาบัณฑิต (ประวตั ศิ าสตร์). บัณฑติ วิทยาลัย จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๕๐. หนงั สอื ภาษาไทย กรณุ า กศุ ลาศยั . ภารตวิทยา. พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๗. กรุงเทพฯ : ศยาม, ๒๕๕๔. กองวรรณคดแี ละประวตั ิศาสตร์ กรมศิลปากร. วดั สำ�คญั กรุงรัตนโกสนิ ทร์. กรุงเทพฯ : [ม.ป.พ.], ๒๕๒๕. การสมั มนาเรอ่ื ง ไตรภูมิพระร่วง (๒๕๒๖ : กรงุ เทพฯ). ไตรภมู ิพระร่วง : สรุปผลการสมั มนา ณ หอ้ งประชมุ หอสมดุ แหง่ ชาติ ๑๙ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๒๖. จัดโดย กองวรรณคดแี ละประวตั ิศาสตร์ และกองหอสมุดแห่งชาติ กรมศลิ ปากร; ปรงุ ศรี วลั ลิโภดม, ผกาวรรณ เดชเทวพร, พรรณกิ า นลิ ณรงค,์ คณะบรรณาธกิ าร. กรุงเทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๒๖. ขจร สุขพานชิ . อยธุ ยาคดี. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๔๖. ไขม่ กุ อุทยาวลี. การศกึ ษาข้อมลู ประวตั ิศาสตร์ประเภทตำ�นานประวัตศิ าสตรใ์ นประเทศไทย. ปัตตานี : ปัตตานีการช่าง, ๒๕๕๐. คณะกรรมการอ�ำ นวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบตั ิครบ ๖๐ ปี. สารานกุ รมพระราชกรณียกิจ คกึ ฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว. พระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ “สยามรฐั ”, ๒๕๒๐. คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช, ม.ร.ว. (บรรณาธกิ าร). ลักษณะไทย. กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช, ๒๕๒๕. คึกฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว. สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์. กรุงเทพฯ : ภาควิชาประวัตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสานมิตร, ๒๕๒๓. คุณากร วาณิชย์วริ ฬุ ห.์ พลิกประวัติศาสตรโ์ ลก สำ�รวจสงั คมมนุษยจ์ ากอดตี ถึงปจั จุบัน. แปลจาก Almanac of World History โดย แพทรเิ ซีย เอส. แดเนียลส์ และสตีเวน จ.ี ไฮสลอป. เนชั่นแนล จโี อกราฟฟิก, ๒๕๔๙. จันทร์ฉาย ภัคอธิคม. การศึกษาวเิ คราะห์ ความชอบธรรมของระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์ในสมัยอยธุ ยา : รายงานการวิจยั . กรงุ เทพฯ : คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรามคำ�แหง, ๒๕๒๘. จนั ทร์ฉาย ภัคอธคิ ม. การเสียกรงุ ใน พ.ศ. 2310 : บทเรียนจากอดตี . กรงุ เทพฯ : วทิ ยาลัยการทัพบก สถาบันวิชาการทหารบกช้ันสูง, ๒๕๓๒. จำ�นงค์ ทองประเสริฐ. ประวัตศิ าสตร์พุทธศาสนาในเอเชียอาคเนย.์ กรงุ เทพฯ : อภิธรรมมลู นธิ มิ หาธาตวุ ทิ ยาลยั , ๒๕๑๔. จลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว, พระบาทสมเดจ็ พระ. พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น. พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๔๙๕. จลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั , พระบาทสมเดจ็ พระ. พระเขย้ี วแก้ว. [ม.ป.ท.] : โรงพมิ พอ์ กั ษรศรีสมติ , ๒๔๗๓. จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระธรรมเทศนาเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจา้ อยู่หวั . กรุงเทพฯ : คณะกรรมการเฉลิมพระเกียรติ ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกลา้ เจา้ อยู่หวั , ๒๕๓๐. ฉตั รสมุ าลย์ กบลิ สิงห์. คมู่ ือมัคคุเทศก์ : พทุ ธศาสนาและความเชอ่ื . กรุงเทพฯ : จารกึ , ๒๕๓๑. ฉตั รสมุ าลย์ กบิลสิงห.์ พระพทุ ธศาสนาในรัชสมัยสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ มี หาราช. กรงุ เทพฯ : คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๒๗. ฉตั รสมุ าลย์ กบลิ สงิ ห์ (บรรณาธกิ าร). หลักพุทธศาสนา : เถรวาท - มหายาน. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๒๔. เฉลมิ พล โสมอนิ ทร์. ประวัติศาสตร์พระพทุ ธศาสนาและการปกครองคณะสงฆไ์ ทย. กรงุ เทพฯ : สตู รไพศาล, ๒๕๔๖. ชลธีร์ ธรรมวรางกูร และทรงวิทย์ แก้วศรี (บรรณาธกิ าร). ประวตั วิ ดั เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม : วา่ ด้วยการสถาปนา ก่อสรา้ งเพ่มิ เติม ปฏิสงั ขรณก์ ารพิเศษ และการเกี่ยวขอ้ งตา่ งๆ. กรงุ เทพฯ : วัดเบญจมบพติ รดุสติ วนาราม, ๒๕๔๓. ชาญวทิ ย์ เกษตรศริ ิ (บรรณาธกิ าร). อยธุ ยา : ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการเมอื ง. กรงุ เทพฯ : มลู นธิ โิ ตโยตา้ ประเทศไทย : มลู นธิ โิ ครงการต�ำ ราสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร,์ ๒๕๔๒. ด�ำ รงราชานุภาพ, สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ตำ�นานคณะสงฆ์ [ม.ป.ท.] : โรงพมิ พโ์ สภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๖. ด�ำ รงราชานุภาพ, สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ตำ�นานพระปริตร. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๒. ดำ�รงราชานภุ าพ, สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ตำ�นานพระพทุ ธเจดีย.์ กรุงเทพฯ : กองทพั อากาศ, ๒๕๓๐. ด�ำ รงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ตำ�นานพระพทุ ธรูปสำ�คญั . พระนคร : ศิลปาบรรณาคาร, ๒๔๙๖. ดำ�รงราชานภุ าพ, สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ตำ�นานเร่อื งสถานทตี่ ่าง ๆ ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงสรา้ ง. พระนคร : โรงพมิ พ์ โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๔. ดำ�รงราชานภุ าพ, สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ประชุมพระนิพนธเ์ ก่ียวกับตำ�นานทางพทุ ธศาสนา. พระนคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๑๔. ทรงวิทย์ แก้วศรี. พระไตรปฎิ ก : ประวัติและความสำ�คญั . กรุงเทพฯ : มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๓๕. ทนิ กร ทองเศวต. พระมหากษัตริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา. กรงุ เทพฯ : ยวุ พุทธกิ สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์, ๒๕๐๔. ธิดา สาระยา. ประวตั ศิ าสตร์สุโขทยั : พลังคน อำ�นาจผี บารมพี ระ. กรุงเทพฯ : มตชิ น, ๒๕๔๓. 293
ธิดา สาระยา. ประวตั ศิ าสตร์อารยธรรมไทย. กรุงเทพฯ : อมรินทรพ์ ร้นิ ต้ิงแอนดพ์ บั ลชิ ช่ิง, ๒๕๔๙. ธิดา สาระยา. อารยธรรม - วฒั นธรรม ในสงั คมไทย. กรุงเทพฯ : โครงการเผยแพร่วชิ าการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๕. น. ณ ปากนํ้า (นามแฝง). ความสัมพนั ธท์ างศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ : บรรณกจิ , ๒๕๒๒. นายมี (มหาดเลก็ ). กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยหู่ วั . กรุงเทพฯ : คณะกรรมการเฉลมิ พระเกียรติ ๒๐๐ ปี พระบาท สมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจ้าอยหู่ วั , ๒๕๓๐. บุญพา มลิ ินทสตู , จารวุ รรณ พรมวงั - ขำ�เพชร (บรรณาธกิ าร). การศึกษาวฒั นธรรมชนชาตไิ ท. กรงุ เทพฯ : สำ�นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาต,ิ ๒๕๓๘. ประกจิ ลัคนผจง (และคนอืน่ ๆ). พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวกับสถาปัตยกรรมไทย. กรงุ เทพฯ : คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, ๒๕๔๘. ประพจน์ อศั ววิรฬุ หการ. โพธสิ ัตวจรรยา : มรรคาเพ่อื มหาชน. กรุงเทพฯ : โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ, ๒๕๔๖. ปรีชา ช้างขวัญยืน. วิกฤตพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ : ศนู ย์มานุษยวิทยาสริ นิ ธร, ๒๕๔๒. ปรีชา ช้างขวญั ยนื . ความคิดทางการเมืองในพระไตรปิฎก. กรุงเทพฯ : สำ�นักพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๓๔. ปรชี า ช้างขวญั ยนื . ทรรศนะทางการเมอื งของพระพุทธศาสนา. กรงุ เทพฯ : โครงการตำ�รา คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าฯ, ๒๕๔๐. ปรชี า ชา้ งขวัญยนื . ธรรมรฐั - ธรรมราชา. กรุงเทพฯ : โครงการตำ�รา คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าฯ, ๒๕๔๒. ปวฒั วงศ์ หตุ ะเสว,ี พลโท (บรรณาธกิ าร). พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยกบั พระพทุ ธศาสนา. กรงุ เทพฯ : คณะกรรมการด�ำ เนนิ การจดั งานตามโครงการปฏบิ ตั ธิ รรม เทดิ พระเกยี รติ ปี ๒๕๒๘, ๒๕๒๘. พระไกรศรี กติ ฺติสิริ จนั ทรปญั ญา. ด้วยพระบรมราชศรทั ธา แหง่ องค์มหาเจษฎาราชเจา้ . เชียงใหม่ : สุทนิ การพมิ พ,์ ๒๕๒๔. พระธรรมกติ ติวงศ์ (ทองดี สรุ เตโช). สมณศกั ด์ิ : ยศชา้ ง ขนุ นางพระ. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพเ์ ลย่ี งเชียง, ๒๕๓๖. พระธรรมกิตตวิ งศ์ (ทองดี สรุ เตโช). บทบาทของสถาบนั พระพุทธศาสนากบั การจดั การศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : สำ�นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต,ิ ๒๕๔๖. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวในรอบ ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์. กรงุ เทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๕๑. พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต). กาลานกุ รมพระพทุ ธศาสนาในอารยธรรมโลก. พมิ พ์ครัง้ ที่ ๖. นครปฐม : วดั ญาณเวศกวนั , ๒๕๕๕. พระมหาสมเสยี ม แสนขัติ. สยามวงศ์ในลังกา : ประวัตศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนา จากกรงุ ศรีอยุธยา สูล่ ังกาทวปี . กรงุ เทพฯ : มตชิ น, ๒๕๓๕. พระยาธรรมปรชี า (แก้ว). ไตรภมู โิ ลกวินิจฉยกถา ฉบับท่ี ๒ (ไตรภมู ฉิ บับหลวง). กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๒๐. พระสาสนโสภณ และ คกึ ฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว. คำ�บรรยายวชิ าพื้นฐานอารยธรรมไทย เรื่อง พระพทุ ธศาสนากบั สังคมไทย. พระนคร : โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๑๔. พระโสภณคณาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโณ). ประวตั ิศาสตร์พระพทุ ธศาสนา เล่ม ๘ : พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย ตอนท่ี ๑ (สมยั โบราณ - สมยั พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ). [ม.ป.ท.] : คณะกรรมการอำ�นวยการจัดงานเฉลิมพระเกยี รติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว, ๒๕๓๐. พระโสภณคณาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโณ). ประวัตศิ าสตรพ์ ระพุทธศาสนา เลม่ ๙ : พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ตอน ๒ (สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า เจา้ อยู่หัว - สมยั ปจั จบุ ัน). [ม.ป.ท.] : คณะกรรมการอ�ำ นวยการจดั งานเฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั , ๒๕๓๐. พิพฒั น์ พสธุ ารชาติ. รฐั กับศาสนา : บทความว่าด้วยอาณาจกั ร ศาสนจักร และเสรภี าพ. กรุงเทพฯ : ศยาม, ๒๕๕๓. พิริยะ ไกรฤกษ์ (บรรณาธกิ าร). พระพุทธปฏิมา อัตลักษณ์พทุ ธศิลปไ์ ทย. กรงุ เทพฯ : ธนาคารกรงุ เทพ จ�ำ กัด (มหาชน), ๒๕๕๑. พุทธทาสภิกข.ุ พุทธประวัติจากพระโอษฐ.์ พิมพ์ครง้ั ที่ ๑๖. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, ๒๕๕๔. พุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระ. กลอนเพลงยาวนริ าศ เรื่องรบพมา่ ที่ท่าดนิ แดง. [ม.ป.ท.] : โรงพมิ พ์โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๔. ภาควชิ าสังคมวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ตำ�นานมลู ศาสนา ฉบบั วัดปา่ แดง : ภาคปรวิ รรต ลำ�ดับท่ี ๙. เชยี งใหม่ : มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, ๒๕๑๙. ภูมิพลอดลุ ยเดช, พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา. กระแสพระราชดำ�รัสเกีย่ วกับพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก”. กรุงเทพฯ : บริษัทอมรินทร์พรนิ้ ต้ิงแอนด์ พบั ลิชช่ิง จ�ำ กดั , ๒๕๓๙. ภมู พิ ลอดลุ ยเดช,พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา.ประมวลพระบรมราโชวาทด้านศาสนาและจริยธรรม.กรุงเทพฯ:ชมรมศษิ ย์กรรมฐานพุทธสมาคมแหง่ ประเทศ ไทยฯ, ๒๕๓๙. ภูมิพลอดุลยเดช, พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา. พระบรมราชานุศาสน์ : อันเนื่องมาแต่พระบรมราโชวาทและพระราชดำ�รัสเกี่ยวกับศาสนาและจริยธรรม. กรุงเทพฯ : อมรนิ ทรพ์ ริ้นต้งิ กรุ๊พ, ๒๕๓๕. ภูมิพลอดลุ ยเดช, พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา. พระบรมราโชวาทเทียบพระพุทธศาสนสุภาษติ และนานาภาษติ . กรุงเทพฯ : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย, ๒๕๑๗. ภูมพิ ลอดุลยเดช,พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา.พระบรมราโชวาทและพระราชดำ�รสั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชเก่ยี วกบั ศาสนา ศีลธรรมและจติ ใจ. กรงุ เทพฯ : สภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาตฯิ : สมาคมสง่ เสริมเอกลกั ษณข์ องชาติ, ๒๕๓๙. ภมู ิพลอดุลยเดช, พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา. พระราชพิธแี ละพระราชกิจในการทรงผนวช. กรงุ เทพฯ : [ม.ป.พ.], ๒๕๐๐. ภูมพิ ลอดุลยเดช, พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา. พุทธศาสนาปฏิบตั อิ ย่างไร : พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลปัจจบุ ัน. กรงุ เทพฯ : ชมรมพทุ ธศาสน์ การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๒๖. มงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว, พระบาทสมเดจ็ พระ. เทศนาเสือป่า. กรงุ เทพฯ : บรรณกจิ , ๒๕๒๑. ลกั ษณา จรี จันทร์. ตามรอยพระพทุ ธเจา้ . พิมพ์ครงั้ ที่ ๙. แพรวส�ำ นกั พมิ พ์, ๒๕๕๒. วิทย์ วิศทเวทย์. พทุ ธปรชั ญา. [ม.ป.ท. : ม.ป.พ.], ๒๕๒๘. วนิ ัย พงศศ์ รีเพยี ร (บรรณาธิการ). พระพุทธศาสนาและสถาบนั สงฆ์กับสังคมไทย. กรุงเทพฯ : สำ�นักงานกองทนุ สนับสนนุ การวิจัย, ๒๕๔๙. พระมหากษตั ริยไ์ ทยกับพระพทุ ธศาสนา 294
วิษณุ เครืองาม. พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยกบั พระพุทธศาสนา [เทปบันทึกเสียง]. กรงุ เทพฯ : ห้อง ๒๐๒ อาคารจามจรุ ี ๔ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๔๕. วรี ะ สมบรู ณ์. รัฐธรรมในอดตี . กรงุ เทพฯ : openbooks, ๒๕๕๑. ศรีนติ ย์ บญุ ทอง (บรรณาธกิ าร). วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก. กรงุ เทพฯ : กองประชาสมั พันธ์ ส�ำ นักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอนั เน่อื ง มาจากพระราชดำ�ริ, ๒๕๔๖. ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม. กฎหมายตราสามดวงกับความเชือ่ ของไทย. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๔๕. ศรศี ักร วลั ลโิ ภดม. กรงุ ศรีอยุธยาของเรา. กรงุ เทพฯ : มติชน, ๒๕๔๔. ศรศี กั ร วัลลิโภดม. ความหมายของพระบรมธาตุในอารยธรรมสยามประเทศ. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๓๔. ศรศี ักร วลั ลิโภดม. ผกี ับพุทธ : ศาสนาและความเชื่อในสงั คมดา่ นซา้ ย ดลุ ยภาพทางจติ วิญญาณของชาวบ้านในลุม่ น้ําหมัน. กรุงเทพฯ : มลู นิธเิ ลก็ - ประไพ วริ ิยะพันธ์,ุ ๒๕๕๐. ศรศี กั ร วัลลิโภดม. พฒั นาการทางสังคม - วัฒนธรรมไทย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๔. ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม. เมอื งโบราณในอาณาจกั รสุโขทัย. กรุงเทพฯ : เมอื งโบราณ, ๒๕๕๒. ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม. สยามประเทศ : ภูมหิ ลงั ของประเทศไทย ต้งั แต่ยคุ ดึกดำ�บรรพ์ จนถงึ สมยั กรุงศรีอยธุ ยา ราชอาณาจักรสยาม. กรุงเทพฯ : มตชิ น, ๒๕๓๔. ศักดช์ิ ยั สายสงิ ห.์ งานชา่ ง สมยั พระนง่ั เกล้าฯ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๑. ศกั ด์ชิ ยั สายสงิ ห์. พทุ ธปฏิมา : งานชา่ งพลังแหง่ ศรัทธา. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๔. ศิลปากร, กรม. สมดุ ภาพไตรภูมิ ฉบบั กรงุ ศรีอยุธยา - ฉบบั กรุงธนบุรี. กรงุ เทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๒. สมภพ จันทรประภา. พระราชศรทั ธา. พระนคร : สโมสรไลออนส์ในประเทศไทย, ๒๕๑๗. สมมติอมรพนั ธ์, พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระ. ประกาศการพระราชพธิ .ี พระนคร : องคก์ ารค้าของครุ สุ ภา, ๒๕๐๘. สมดุ ภาพไตรภมู พิ ระรว่ ง เลา่ เรื่องภมู ิทง้ั ๓ อันเป็นท่ีอยขู่ องสตั วโ์ ลก พระราชนพิ นธข์ องพญาลิไท. กรงุ เทพฯ : ธรรมสภา, ๒๕๕๔. สนั ติ เลก็ สขุ ุม. ประวัตศิ าสตร์ศิลปะไทย (ฉบับย่อ) : การเริ่มต้นและการสืบเนือ่ งงานช่างในศาสนา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๔๕๔. สายชล สตั ยานุรักษ.์ พุทธศาสนากับแนวคิดทางการเมอื งในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๕๒). กรงุ เทพฯ : มติชน, ๒๕๔๖. สริ ิวัฒน์ คำ�วันสา. อทิ ธพิ ลวัฒนธรรมอินเดยี ในเอเชยี อาคเนย์ (เนน้ ประเทศไทย). กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจริญทัศน์, ๒๕๒๗. สนุ ทร ณ รงั สี. พทุ ธปรัชญาจากพระไตรปิฎก. กรุงเทพฯ : สำ�นักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๔. สนุ ทร ณ รงั ส.ี พทุ ธปรัชญาเถรวาท. กรุงเทพฯ : ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๒๘. สเุ นตร ชตุ ินธรานนท์. การบรรยายทางวิชาการ เรื่อง ธรรมรฐั - ธรรมราชา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๓. สุภาพรรณ ณ บางช้าง. ขนบธรรมเนยี มประเพณี : ความเชอื่ และแนวการปฏิบตั ิในสมยั สโุ ขทยั ถึงสมัยอยุธยาตอนกลาง. กรงุ เทพฯ : สถาบนั ไทยศกึ ษา : โครงการ เผยแพรผ่ ลงานวิจัย ฝา่ ยวิจยั จุฬาฯ, ๒๕๓๕. สภุ าพรรณ ณ บางชา้ ง. พทุ ธธรรมทเี่ ปน็ รากฐานสังคมไทยก่อนสมัยสโุ ขทยั ถงึ กอ่ นเปล่ยี นแปลงการปกครอง. กรงุ เทพฯ : สถาบันไทยศกึ ษา : โครงการเผยแพร่ ผลงานวจิ ยั ฝ่ายวจิ ัย จุฬาฯ, ๒๕๓๕. สุภัทรดิศ ดศิ กลุ . ศาสตราจารย์ หมอ่ มเจ้า. ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชียอาคเนยถ์ ึง พ.ศ. ๒๐๐๐. กรุงเทพฯ : สามลดา, ๒๕๕๓. สุภัทรดิศ ดศิ กลุ , หมอ่ มเจา้ . ประวตั ศิ าสตร์ศิลปะประเทศใกลเ้ คยี ง : อินเดยี , ลงั กา, ชวา, จาม, ขอม, พมา่ , ลาว. พมิ พค์ รง้ั ที่ ๓. กรุงเทพฯ : มตชิ น, ๒๕๔๓. สรุ พล ด�ำ ริหก์ ุล. เจดีย์ชา้ งลอ้ มกับประวัติศาสตร์บา้ นเมอื งและพระพทุ ธศาสนาลงั กาวงศใ์ นประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : ส�ำ นักพิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๔. เสท้อื น ศภุ โสภณ. พระพทุ ธศาสนากบั พระมหากษตั รยไ์ ทย. พระนคร : คลังวิทยา, ๒๕๐๕. หนงั สือภาษาอังกฤษ Prapod Assavavirulhakarn. The ascendancy of Theravada Buddhism in Southeast Asia. Chiang Mai : Silkworm, c 2010. Prapod Assavavirulhakarn. Buddhism and the Crystalization of Thai Intellect and Intellectuals. Kandy : The International Centre for Ethnic Studies, 1994. Moore, Elizabeth H. Ancient capitals of Thailand. Bangkok : Asia Books, c 1996. Regan, Paula. India the ultimate sights, places, and Experiences. UK : Dorling Kindersley Limited, 2008 295
สารขอบคณุ หนังสือเล่มนี้เป็นงานท่ีผมภูมิใจ เพราะเป็นผลงานท่ีเกิดจากน�้ำใจและ ความพยายามอนั แรงกลา้ ของทมี งาน ทจี่ ะท�ำหนงั สอื ทมี่ คี ณุ คา่ ใหก้ บั สาธารณชน ความอุตสาหะ ความอดทน และความทุ่มเทของท่านเหล่านี้ สามารถฟันฝ่า อุปสรรคต่างๆ ซ่ึงเกิดข้ึนระหว่างการจัดท�ำหนังสือ เฉกเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ จนงานนส้ี �ำเร็จลลุ ่วงไปไดด้ ้วยดแี ละมีคณุ ภาพ บคุ คลแรกทผี่ มตอ้ งขอบคุณคือ คุณเมตตา อทุ กะพนั ธุ์ ประธานกรรมการ บรหิ าร บรษิ ทั อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ จ�ำกดั (มหาชน) ซง่ึ ชว่ ยผมท�ำงานนี้ ดว้ ยใจและศรัทธา อย่างท่ีผมเองมิได้คาดคิดหรอื หวังมากอ่ นว่าทา่ นจะลงมอื เอง ในรายละเอียดทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การจัดหาผู้เขียน ผู้ท�ำงาน เน้ือหาสาระ และผลักดันให้หนังสือเล่มนี้ส�ำเร็จลงได้ในระยะเวลาอันส้ันเพียง ๑ เดือน เพอ่ื เรมิ่ การพิมพ์ ทา่ นทีส่ องซ่ึงผมขอบคณุ มิได้ย่งิ หยอ่ นกว่ากันคอื อาจารยด์ นิ าร์ บญุ ธรรม แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทุ่มเทเวลาและความรู้ความสามารถของท่านในการเรียบเรียงและร้อยกรอง ประวตั ศิ าสตร์ ซง่ึ มหี ลกั ฐานอา้ งองิ ไดท้ กุ ประการ ในเชงิ อรรถอนั งดงาม เหมาะสม กับเน้ือหาโดยแท้ ผมขอขอบคุณคุณอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ คุณกฤษณ์ กาญจนกญุ ชร รองราชเลขาธกิ าร และคณุ ปรชี า สง่ กติ ตสิ นุ ทร ผชู้ ว่ ยราชเลขาธกิ าร ที่ไดใ้ ห้ความร่วมมอื อยา่ งดยี ิง่ กบั ผมและคณะท�ำงานทุกคน พระมหากษัตริยไ์ ทยกบั พระพุทธศาสนา 296
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308