www.kalyanamitra.org
แท ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก พระภาวนาวิริยคุณ(เผด็จ ทตฺตชีโว) www.kalyanamitra.org
ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก พระภาวนาวิริยคุณ(เผด็จ ฑตตชีโว) เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ 978-974-235-543-2 พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๒ จำ นวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม ในโครงการตอบปัญหาธรรมะ \"ทางก้าวหน้า\" โดย ชมรมทุทธศาสตร์สากลฯ, www.ibscenter.net พิมพ์ครั้งที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ จำ นวน ๕๐,๐๐๐ เล่ม ในโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อส้นติภาพโลก สำ หรับบรรพชิต รุ่น๑ แสนรูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย, www.dmycenter.com ลิฃสืทร มูลนิธิธรรมกาย ที่ปรึกษา อาจารย์สุวณีย์ ศรีโสภา, ผศ.ตร.สมสุตา ผู้พัฒน์ คณะผู้จัดทำ กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต ภาพประกอบ กองพุทธศิลป๋ ออกแบบปกและพิลปกรรม ธาดา วงศ์คุณานนท์ และ บริษัท ศรีเอทโชน จำ กัด โทร. ๐๒-๘๘๓-๑๕๑๕-๖ จัดทำรูปเล่ม ส้นทัด ศักดิ้สาคร จัดพิมพ์โดย กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต พิมพ์ที่ ๒๓/๒ หมู่ ๗ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ๑๒๑๒๐ โทร. ๐๒-๘๓๑-๑๒๕๐-๒ โทรสาร ๐๒-๘๓๑-๑๒๕๙ บริษัท รุ่งศิลป๋การพิมพ์(๑๙๗๗)จำ กัด โทร. ๐๒-๗๔๓-๙๐๐๐ โทรสาร ๐๒-๗๔๖-๓๓๘๗ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ. National Library of Thailand Cataloging in Publication Data พระภาวนาวิริยคุณ(เผด็จ ทตฺตชีโว) พุทธประวิด ฉบับการฟินฟูศีลธรรมโลก. -- พิมพ์ครั้งที่ 1. -- ปทุมธานี กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต, 2552. 304 หน้า 1. พระพุทธเจ้า 2.พุทธศาสนา--ประวัติ I. ชื่อเรื่อง. 294 พ_พ ISBN 978-974-235-543-2 www.kalyanamitra.org
คำ นำ ในชีวิตประจำวันของชาวโลกโดยทั่วไปนั้น คงจะไม่มีใคร เลยที่ไม่มีปัญหาให้ต้องแ?วัIขแม้แต่วันเดียว จะต่างก้นก็ตรงที่ ลักษณะความยุ่งยากซับซ้อนของปัญหาเท่านั้น ซึ่งบางปัญหา อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ส่วนต้วโดยเฉพาะ แม้ปล่อยผ่านไป โดยไม่แกไข ก็อาจจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแต่ประการใด แต่บางปัญหา ถ้าปล่อยผ่านหรือไม่รีบแก่ไข ก็จะก่อให้เกิดความ ทุกข์ความเดีอดร้อนและอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อมวลชนไต้ เช่น ปัญหานํ้าท่วม ไฟไหม้ผ่นแลัง เป็นต้น ทุฑธประวัต ฉบบการฟ้นฟูสิลธรรมโลก (๕) สิ''พํไ www.kalyanamitra.org
การที่จะแก้ปัญหาได้สำเร็จนั้นมีหลักสำคัญอยู่ว่า ด้องหา สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาให้พบเสียก่อน แลัวจึงค่อยลงมีอแก่ไข ด้วยวิธีการที่ถูกด้องเหมาะสม แต่ก้าย้งไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง หากอนุมานหาสาเหตุ โดยยึดความน่าจะเป็น แล้วลงมีอแก่ไขท้นที ก็อาจจะคว้านํ้าเหลวได้ ด้งมีกรณีเด็กคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาอาหาร กลางวัน แทนที่จะรู้สึกหิว เขากลับปวดศีรษะ จึงบอกให้ฟ้หญ่รู้ อาการป่วยไข้ของดน ^หญ่จึงจัดหายาแก้ป่วดศีรษะมาให้เขารับ ป่ระทานท้นที อาการป่วดศีรษะก็ไม่ทุเลาลงเลย แต่กลับรุนแรง ยิ่งขึ้นอีก ครั้นเมื่อเขาได้รับป่ระทานอาหารกลางวัน และเพียง เมื่ออาหารตกถึงท้องได้ ๒-๓ คำ อาการป่วดศีรษะของเขา ก็ หายไป่เป็นป่ลิดทิ้งท้นที ทั้งเขาและ^หญ่จึงได้บทเรียนใหม่ว่า ถ้ายังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่พบ ก็ยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ เข้า ทำ นองสำนวนชาวบ้านที่ว่า \"เกาไม่ถูกที่คัน\" นั้นเอง จากกรณีของเด็กคนนี้ ย่อมเห็นได้ว่า การหาสาเหตุที่แท้ จริงของปัญหานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แม้ปัญหาของเด็กเพียง คนเดียว ยังยากที่จะหาสาเหตุที่แท้จริงได้ถูกด้อง ด้งนั้น จึงไม่ ด้องสงสัยเลยว่า การหาสาเหตุที่แท้จริงแห่งปัญหาของมวลชนใน สังคมต่างๆ นั้น ย่อมยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรหลายร้อยเท่า เพราะอาจผิดพลาดได้เสมอ และที่จริงก็ผิดพลาดก้นมาดลอด มิฉะนั้น ปัญหาต่างๆ ในสังคม ไม่เฉพาะในป่ระเทศไทยเท่านั้น แม่ในมหาป่ระเทศและป่ระเทศต่างๆ ทั้วโลกก็เช่นเดียวก้น ก็คง ไม่ร้ายแรงเรื้อรัง โดยไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ด้งที่ป่รากฎเป็นข่าวเสมอมา ด้งนั้น จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่ชาวโลกจะด้องห้นมา ศึกษาเรื่องราวของพระสัมมาสัมพุทธเจัา ผู้ทรงป่ระสบความ พุทธประวัต๊ ฉบบการฟ้นฟูสืลธรรมโลก ^ (๖) ดำ นำ www.kalyanamitra.org
สำ เร็จในการแก้ปัญหาทุกประเภท ด้วยอัจฉริยภาพ อิทธิฤทธ และคุณวิเศษอ้นประเสริฐเหนือสัตวโลก ตลอดโลก ๓ และมารโลก เพื่อยึตถือไว้เป็นหสักสำหรับแกไขทุกๆปัญหา การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำ ให้พระองค์ทั้งรู้ทั้ง เห็นชัดแจ้งว่า สาเหตุที่แท้จริง สำ คัญที่สุต ร้ายกาจที่สุด ที่ก่อ ปัญหา ซึ่งทำให้ซาวโลกมีความทุกข์ความเดือดร้อนและไร้สุขนืนื มีอยู่สิ่งเดียว คือ อาสวกิเลส หรือ อวิชชาสวะ ที่แฝงอยู่ในใจชาว โลกข้ามภพข้ามชาติมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ด้องเวียนเกิดเวียน ตายอยู่ในว้ฎสงสารอย่างไม่รู้จบ แม้อวิชชาสวะจะมีพิษสงร้ายกาจเพียงใดกิตาบ แต่คนเรา กิสามารถกำจ้ตให้ลดลงเรื่อยๆ จนถืงสิ้นไปได้อย่างเด็ดขาด โดย การปฎิบตอริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วยชีวิต นั่นคือ สามารถแก้ปัญหา ให้ลุล่วงไปอย่างมีขั้นตอนเป็นสำคับๆ พระองค์ได้ทรงเปิดเผยกุศโลบายในการกำจ้ดอวิขขาสา\" ให้สิ้นไปอย่างเด็ดขาด โดยการตรัสเทศนาตลอดเวลา ๔๕ พรรษาแห่งการเผยแฝพระพุทธศาสนา ด้วยพระทัยปรารถนา อย่างยิ่งที่จะให้สัตวโลกทั้งหลาย สามารถกำจัดอวิชชาสวะในตน ได้อย่างเด็ดขาด บรรลุธรรมเพื่อพ้นทุกข์ ประสบสุขอ้นประณีต อย่างแห้จริงเฉกเช่นพระองค์ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานื่ได้ถูกรวบรวมไว้ ในหนังสือ \"พุทธประวัติ ฉบับการพ้นฟูสิลธรรมโลก\" เล่มนี้แล้ว ด้วยอรรถาธิบายที่เข้าใจได้ง่ายๆ สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิด ประโยชน์อย่างแห้จริง ทั้งแก่ตนเองและผู้คนรอบข้าง อ้นจะมี อานิสงส์ในระด้บที่ชื่อว่า ท่านคือ ผู้ร่วมพ้นฟูคืลธรรมโลกอย่าง แท้จริง ทุทธป'ระวัต ฉบ้บการฟ้นฟูสืลธ■รรนโลก (๗) www.kalyanamitra.org
คณะผู้จัดทำหวังอย่างยิ่งว่า ธรรมบรรยายในหนังสือพุทธ ประว้ตนี้ซึ่งรวบรวมจากบทเทศinนวาระต่างๆทั้งภายในภายนอก วัด และนอกประเทศ ของพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัดตชีโว) จะช่วยให้ท่านมีดถาคดโพธิสัทธาอย่าง เหนียวแน่น เกิดความเชื่อมั่นว่าการประพฤติปฏิบดตามพระธรรม คำ สังสอนของพระพุทธองค์ เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่สามารถ ขัดเกลาจิดใจของผู้คนให้บริสุทธิ้ผ่องใส ถึงขั้นขจัดอาสวกิเลสให้ สินฤทธิได้เด็ดขาด ซึ่งจะเป็นแรงทันดาลใจให้ท่านเตรียมด้วให้ พร้อมที่จะเป็นผู้มีบทบาทในการฟินพ่ศีลธรรมโลกด้วยผู้หนึ่ง ซึ่ง อาจจะอยู่ในฐานะบรรพชิต ครู หรีอพ่อแม่ก็ตาม อันเป็นการสร้าง ความเป็นปีกแผ่นให้แก่สืลธรรม ตามโครงการร่วมมีอก้นระหว่าง ทัาน วัด โรงเรียน(บวร) ทัายที่สุดนี คณะผู้จัดท่า ขออาราธนาบารมีธรรมขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจัาทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจัา ทั้งหลาย พระอรห้นตเจัาทั้งปวง บารมีธรรมของพระเดชพระคุณ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปูวัดปากนํ้า ภาษีเจรญ พระผู้ปราบมารโปรดดลทันดาลให้ท่านผู้อาน มีใจบริสุทธี้ผ่องใส ประสบความก้าวหนัาในการปฏิบดอริยมรรคมีองค์ ๘ ยิ่งขึ้นตาม ลำ ดับๆ และประสบผลสำเร็จในการร่วมมีอก้นฟินพ่ศีลธรรมโลก โดยเร็ว เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตราบกระทั้งถึงที่สุด แห่งธรรมเทอญ คณะผู้จัดท่า กองวิชาการ อาศรมทัณฑิต ตลาคม ๒๕๕๒ ๆทรปรราติฉบับกา'รฟ้นฟูสืลธรรมโลก (๙) สำ นๆ •5 www.kalyanamitra.org
สารบัญ คำ นำ (๕') บฑที่ ๑ ป้'ญหาประจำรวิตของชาวโลก ๑ ทัศนคติของผู้คนในปัจจุบัน ๑ อิทธิพลของเทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน ๓ ๑. ทุกข์อันเกิดจากการดำรงชีวิต ๕ ๑.๑ องค์ประกอบของรูปกาย ๖ ขบวนการสร้างเซลล็ใหม่ ๘ เติมธาตุติน ๙ เติมธาตุนํ้า ๙ เติมธาตุไฟ ๙ เติมธาตุลม ๙ ๑.๒ ความรู้เรื่อง\"พอประมาณในการบริโภค\" ๑๑ ๑.๓ ความรู้เรื่อง\"หัวใจเศรษฐี\" ๑๖ ๑) อุฎฐานสัมปทา ๑๗ ๒) อาร้กขสัมปทา ๑๙ พุทธประวัสิ ฉบบการฟินฟูคีรธรรมโรท (๑') ^ สารบัญ www.kalyanamitra.org
๓) ก้ลยาณมิตตตา ๒0 ๒๑ ๔) สมชีวิตา ๒๔ ผลดีของการดำรงชีวิตอย่างถูกต้อง ๒๔ ผลเสียของการขาดความรู้เรื่องการดำรงชีวิตอย่าง ๒๕ ถูกตอง ๒๗ ๒. ทุกข์อันเกิตจากการอยู่ร่วมกัน ๒๗ สาเหตุแห่งการกระทบกระทั่งกัน ๒๔ การป้องกันปัญหาความขัตแย้ง ๓๑ การเตรียมการป้องกันปัญหา ๓๖ ๓. ทุกข์อันเกิตจากอำนาจกิเลส ๔๗ สรุป ๔๗ บทที่ ๒ มารู้จักตนเองกันเถอะ ๔๙ ๕0 ความสำคัญของมนุษย์ ความหมายคำว่ามนุษย์ ๕๑ องค์ประกอบของมนุษย์ ๕๓ องค์ประกอบของกาย ๕๓ กายเป็นเพียงที่ประชุมของธาตุ ๔ ๕๕ กำ เนิตของกายและสภาพความเป็นอยู่ ๕๗ เหตุที่ทำให้รูปกายมนุษย์ต่างจากสัตว์อื่นๆ ๕๘ คุณสมบตพิเศษของกายมนุษย์ ๖๑ ธรรมชาติของใจ ๖๘ คุณสมปัติของใจ ส่วนประกอบของใจ ทุทธประวัติ ฉบับการส์นฟูคลธรรมโรก (๑๐) สารบัญ www.kalyanamitra.org
กลไกการทำงานของใจ ๗๐ ขั้นตอนที่ ๑ การทำงานของดวงเห็น ๗๑ ขั้นตอนที่ ๒ การทำงานของดวงจำ ๗๙ ขั้นตอนที่ ๓ การทำงานของดวงคิด ๘0 ขั้นดอนที่ ๔การทำงานของดวงรู้ ๘๑ สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการรู้อารมณ์ ๘๓ สาเหตุที่ทำให้การเห็นในดวงเห็นไม่ชัดเจน ๘๘ ศัตรูตัวร้ายของมนุษย์ ๘๖ สรุป ๘๙ บฑที่ ๓ กำ รตรัสรู้ของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ๙๓ สภาพของโอกาสโลก ๙๓ ความเชื่อของผู้คนในครั้งดึกดำบรรพ์ ๙๔ ธรรมชาติของนักคิด ๙๖ ชื่อเรียก \"สิ่งที่กังไม่รู้\" หรีอ\"The Unknown Factor\" ๙๗ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่อง\"ธรรม\" ๙๘ ความเชื่อดั้งเติมเกี่ยวกับที่อยู่ของ\"ธรรม\" ๙๙ กลุ่มที่ ๑ เชื่อว่า\"ธรรม\"มีอยู่จริง และอยู่นอกตัว ๙๙ มนุษย์ กลุ่มที่ ๒ เชื่อว่า\"ธรรม\"มีอยู่จริง และอยู่ภายในตัว มนษย์ ๑๐๑ ทิฏฐิ ๖๒ ๑๐๒ กลุ่มที่ ๑ มี ๑๘ ลัทธิ ๑๐๒ กลุ่มที่ ๒ มี ๔๔ ลัทธิ ๑๐๓ ทุทรปรราดํ ฉบับกา'รฟ้นฟูดรธใ■รมโลก (®®) สารบัญ UJ \" ' -ะ www.kalyanamitra.org
แนวทางการแสวงหาธรรม ๑0๖ การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ ๑0๖ การแสวงหาที่ประเสริฐ ๑0๘ การแสวงหาสป้ยทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ๑0๙ การบำเพ็ญเพียรก่อนตรัสรู้ <^ร)ร) ในสำนักอาพารดาบส ร)ร)ร) ในสำนักอุทกดาบส ๑๑๕ สลานที่บำเพ็ญเพียรสันน่ารื่นรมย์ ๑๑๖ อุปมา ๓ ร]อ ร)ร)ต} การบำเพ็ญเพียร ณ อุรุเวลาเสนานิคม ๑๑๙ ทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา ๑๒0 ป็ญจวัคคีย์ออกบวช ๑๒๑ ทรงรำลึกถึงการบรรลุปฐมฌานที่ใต้ต้นหวัา ๑๒๒ ความก้าวหนัาในการบำเพ็ญเพียร ๑๒๒ อาการแห่งการตรัสรู้ ๑๒๖ การบรรลุฌาน ๑๒๘ วิชชาที่ ๑ รู้จักระลึกชาติ ๑๓๑ วิชชาที่ ๒ รู้การจุติและอุบํตของสรรพสัตว์ ๑๓๕ ๑. ทรงพบนานาภพภูมิของสัตวโลก ๑๓๗ ความหมายของภพ ๓ ๑๓๘ ๑)กามภพ ๑๓๘ ๒)รูปภาพ ๑๓๙ ๓)อรูปภพ ๑๘0 พุฑธปรรว้ฅิ ฉบับการฟิ[นฟูศลnรมโอก {๑๒) อารนญ www.kalyanamitra.org
๒. ทรงพบกฎแห่งกรรม ๑๔๑ ๓. ทรงพบกฎเกณฑ์การตัดสินดี-ชั่ว ๑๔๓ ๔. ทรงพบการให้ผลของกรรมตามกาล ๑๔๙ ๕. ทรงพบการให้ผลของกรรมโดยพิสดาร ๑๕๐ วิชชาที่ ๓ ทำ กิเลสอาสวะให้สิ้นไป ๑๕๓ ๑. ทรงเห็นอวิชชา ๑๕๔ ๒. ทรงเห็นอริยสัจ ๔ ๑๕๕ ๑)ทรงเห็นทุกข์ ๑๕๕ ๒)ทรงเห็นทุกขสมุทัย ๑๕๗ ๓)ทรงเห็นทุกขนิโรธ ๑๖๐ ๔)ทรงเห็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ๑๖๖ สรุป ๑๗๘ บทที่ ๔ อานุภาพแห่งการตรัสรู้ ๑๘๑ การเห็นอริยสัจ ๔ ๑๘๑ อธิบายการเห็นอริยสัจ ๔ เซิงวิทยาศาสตร์ ๑๘๓ คุณสันประเสริฐของสัมมาสมาธิ ๑๘๕ สมาธิภาวนา ๔ ประการ ๑๘๖ ๑. สมาธิภาวนาเพื่อความอยู่สุขในปัจจุบัน ๑๘๗ ๒. สมาธิภาวนาเพื่อความเห็นแจ้งตัวยญาณทัสสนะ ๑๙๐ ๓. สมาธิภาวนาเพื่อความตั้งมั่นของสติสัมปชัญญะ ๑๙๑ ๔. สมาธิภาวนาเพื่อความตับสิ้นอาสวะ ๑๙๓ ผู้กล่าวตู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๙๔ กำ สังของพระตถาคต ๑๐ ประการ ๒๐๐ พุทธประวัด ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก (๑๓) สารบัญ 0 www.kalyanamitra.org
วิบากแห่งวจีทุจริต ๒๐๔ เวสารัชชญาณ ๔ ๒๐๕ ปกิณณกธรรม ๒๐๖ บรษท ๔ ๒๐๗ ๒๐๕ กาเ'นต ๔ ๒๑๐ ตต ๕ ๒๑๒ รู้เห็นการไปทุคติและสุคติของบุคคล ๒๑๔ พรหมจรรย์มีองค์ ๔ ๒๑๙ ลัทธิต่าง ๆ ในสมัยก่อนพุทธกาล ๒๒๑ สรุป ๒๒๕ บทที่ ๕ บทส่งท้าย ๒๒๕ การตรัสรู้คือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ๒๒๖ การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ๓ ประการ ๒๒๖ ๑. การค้นพบ \"สิ่งที่ยังไม่รู้\" ที่เรียกว่า\"ธรรม\" ๒๒๗ คือ \"นิพพาน\" ๒๒๗ ๒. การค้นพบวิธีการกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นโตย ๒๓๑ เดดขาด ๒๓๑ ๓. การค้นพบว่า มนุษย์มีองค์ประกอบ ๓ ส่วน ๒๓๑ นั่นคือ กาย ใจ และธรรม ผลของการตรัสรู้อันเป็นประโยชน์ต่อชาวโลก ๑. ทุกข ๒. สมท้ย หรีอทกขสมท้ย ทุฑธประวัต ฉบับการฟ้นฟคลธรรมโลก (๑๕) สารบัญ www.kalyanamitra.org
๓, นิโรธหรือทุกขนิโรธ ๒๓๒ ๔. มรรค หรือทุกขนิโรธคามินิปฏิปทา ๒๓๒ ความหมายของ \"ธรรม\" ๒๓๒ ธรรมชาติของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ๒๓๕ ทรงอาศัยทศพลญาณในการเผยแผ่ธรรม ๒๓๖ ๒๓๖ ๑. บรรพชิตไม่ควรปฏิป้ติสุดโต่ง ๒ อย่าง ๒๓๖ ๒. ทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ๒๓๖ ๓. อริยสัจ ๔ ๒๓๙ หัวใจพระพุทธศาสนา ๒๔0 จำ นวนพระธรรมคำสอน ๒๔๒ พุทธบริษัท ๔ ๒๔๓ พระรัตนตรัย ๒๔๓ ๑. พระพุทธ ๒๔๔ ๒. พระธรรม ๒๔๔ ๓. พระสงฆ์ ๒๔๔ ๑) แกตนเอง ๒๔๔ ๒)สั่งสอนชาวโลก ๒๔๑ ภาคผนวก ๒๗๑ วิธีแกสมาธิเบื้องต้น ทุทรปรรว้ผํ ฉบับการส์นฟูสิลธรรมโลก (๑๕) สารบัญ ^ V',> www.kalyanamitra.org
บฑที่ ๑ ปัญหาประจำรวิดของชาวโลก ทัศนคติของผู้คนใน{โจจุบัน ถ้าเราจะลองติดตามศึกษาวิจัยความคิดเห็นหรือทัศนคติ ของบุคคลปรกติโดยทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งมิได้มีสติวิปลาสคลาด เคลื่อนไปจากความเปีนมนุษย์ผู้ซึ่อว่า เป็นสัตว์ที่มีจิตใจสูง หรือ มิได้เป็น^ร้สติสัมปชัญญะ ที่แสตงกิริยาอาการเสมีอนคนใบับัา ปัญญาอ่อนออกมาก็จะพบว่า แต่ละคนจะยอมรับว่าตนมีความทุกข์ ความทุกข์ที่ผู้คนโตยทั่วไปมีเหมีอนๆ กันเป็นอันด้บแรกก็คือ ความ ทุกข์เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ บุคคลที่มั่งทั่งรื่ารวยก็อาจจะใชั ถ้อยคำที่น่าฟังว่า \"เกรงว่าผลประกอบการจะไม่เข้าเป้า\" แต่คน ททรประวัติ ฉบับการส์นฟูศลธรรมโลก B, ® ri ® ป็ญทาประจำเวิตของชาวโลก www.kalyanamitra.org
ที่ไม่รารวยก็อาจจะใช้ถ้อยคำที่แสดงความวิดททังวลออทมาตรงๆว่า \"กลัวตกงาน\"หรือ \"กลัวไม่มีเงิน\" อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะใช้ถ้อยคำอย่างไร แต่ก็มีความ หมายตรงกันคอ \"กกัวจน\" นันเอง นันคือผู้คนโดยทํ่วไป!น ปัจจุบันมักคิดว่า \"ถ้าฐานะทางเศรษฐกิจของตนดีซะ0ย่าง ความ ทุกข์ก็จะหมดไป\" หรือ \"ถ้าฐานะทางเศรษฐกิจของตนดีซะอย่าง ชีวิดก็จะสุขสำราญบานใจ\" ความทุกข์และความกลัวของผู้คนโดยทั่วไป ลันดับรองจาก เรืองเศรษฐกิจ ก็คือ ความตาย ความแก่ และความเจ็บไข้ สำ หรับ เรืองความดายและความเจ็บไข้นั้น คนหนุ่มสาวที่บังมีสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง ก็มักจะมองข้ามไป แท้ที่จริงนั้น ความดายและ ความเจ็บไข้เกิดขึ้นโดยไม่เลือกรัย ดังมีปรากฏการณ์เนืองๆ ว่า พ่อแม่ซงลัวนหรังฝากผีฝากไข้กับลูกๆ กลับต้องมารับหน้าที่เผีา ไข้หรอรัดการฌาปนกิจศพลูกๆ เสียเอง ผู้คนส่วนมากมักจะกลัว เรื่องความชรามากกว่า และแทนที่จะให้ความสนใจเรื่องนั้ ดัวย การป้องกัน กลับนิยมใข้วิธีปกปีตความชราดัวยวิธีกาวต่างๆ ซึ่ง มีทั้งการใข้เครื่องสำอาง อาหารเสริม แพ่ชั่นเสื้อผ้า ไปจนถึง ดัลยกรรมพลาสติก ซึ่งเป็นเรื่องฑีดัองใข้จ่ายเงินทองอย่างสื้น เปลืองเกินจำเป็นทั้งสื้น โดยสรุปก็คอผู้คนโดยท้วไปในปัจจุบันเห็นว่า ควๆมยๆกจน เป็นทุกข์ยิ่งกว่าเรื่องอื่นใด ทุฑธประวฅิ ฉบับการส์นฟูสืลธรรมโลก ๒ บทที่ 0ปัญหาประจำขวิดขOJๆทวใรท www.kalyanamitra.org
อิทธิพลของเทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน เนื่องจากความรู้ด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันรุดหน้าไปมาก น้กประดิษฐ์ต่าง ๆ จึงสามารถผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หลากหลายประเภทออกมาอำนวยความสะดวกสบายในชีวิต ประจำวันให้แก่ผู้คนโดยทั่วไปได้เลือกใช้มากมาย เพียงแต่มีเงิน เท่านั้นผู้คนก็สามารถเลือกอุปโภคอุปกรณ์ต่างๆ ได้ตามที่ด้อง การอย่างไร้ชีดจำกัด เรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุหนื่ง ที่เป็นกระแสสังคม โน้มน้าวผู้คนให้มีค่านิยมบูชาเงินยิ่งกว่าสิ่งใด ต่างจึงมุ่งแสวงหา เงินไปตามอำนาจกิเลส โดยมองช้ามเรื่องศีลธรรมและความถูก ด้องโดยสิ้นเชิง อนื่ง การมีอุปกรณ์สมัยใหม่ไร้อำนวยความสะดวกสบาย สารพัดเช่นนี้ ดูเหมือนจะมีแต่ช้อดีอยู่มาก แต่แท้ที่จริงแล้ว ก็มี ช้อเสียอยู่มิใช่น้อย กล่าวคือผู้อุปโภคเพียงแต่สามารถกดปมต่างๆ ได้ถูกด้องดามคำแนะนำหรือคู่มีอที่แนบมากับอุปกรณ์เหล่านั้น ก็ สามารถสำเร็จประโยช'แได้อย่างกร้างขวาง สิ่งนี้เองที่สร้างนิสัย ชอบความสะดวกสบาย โดยไม่ด้องใช้ความอดทน และสติปัญญา ขบคิดแกัปัญหาเท่าที่ควร ตัวอย่างง่ายๆ ที่เ'ค็นกันอยู่ทั่วไปใน สังคมไทยปัจจุบันก็คือ คนไทยรุ่นใหม่คิดเลขในใจไม่เป็น เพียง แค่บวกเลขหลักสิบหสักร้อย ก็ด้องใช้เครื่องคิดเลขช่วย ยังไม่ด้อง กล่าวถึงเรื่องคูณและหาร ถ้าไม่มีเครื่องคิดเลขก็ดูเหมือนจะจน ปัญญาทำอะไรไม่ได้กันเลย'ทีเดียว นิสัยชอบความสะดวกสบาย ชอบทำอะไรง่ายๆ โดยไม่ ด้องใช้ความคิดพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่ยุ่งยากลืกซี้ง พอใจแต่ของ พุทธประวัติ ฉบับการฟ้นฟุสิลธรรมโลก J. ® ปัญหาประจำชีวิคขอ■ททวโลก www.kalyanamitra.org
สำ เร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารปรุงสำเร็จรูป ฯลฯ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ฑำให้คนไทยรุ่นใหม่ขาดการพิจารณาโดย แยบคาย หรือโยนิโสมนสิการ นิยมแต่เรื่องมโนสาเร่ ไม่นิยมการ อ่านหนังสือสารคดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือคัมภีร์พระพุทธคาสนๆ ซึ่งเข้าใจยากกว่าหนังสือการ์ตูน แม้บางคนที่มีความจำเป็นบังคับให้ต้องอ่านหนังสือธรรมะ แต่เพราะขาดนิสัยช่างคิดพิจารณาต้วยโยนิโสมนสิการ ประกอบ คับขาดประสบการณ1นปฏิบัติธรรม เมื่ออ่านคัมภีร์พระไตรปิฎก แล้วไม่เข้าใจ ก็ม้กจะดีความเรื่องที่อ่านดามความคิดเห็นของตน ซึ่งผิตเพี้ยนไปจากหลักธรรม หรือบางท่านอ่านแล้ว ทั้งๆ ที่ตน ยังเข้าใจไม่ตรงดามพุทธประสงค์ แต่กลับมองว่า เป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาไม่ลึกซึ่งอะไรมิหนำชํ้ายังเห็นว่าโบราณครื่าครืไร้ประโยชน์ สู้ความรู้ต้านเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ไต้เป็นต้น ต้วยความคิดทำนองนี้ จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่เรืยกตนเองว่า \"ชาวพุทธ\" แม้บางท่านจะมีดีกรืพ่วงท้ายชื่อยาวเหยียต แต่ก็ขาต ความรู้อย่างถูกต้องในต้านพระพุทธศาสนา จึงประพฤติอกุศล กรรมเป็นปรกติ ก่อปัญหาเดีอตร้อนและทุกข์แก่ทั้งตนเองและ สังคมดลอตชีวิตอย่างน่าสมเพช จากปัญหาดังกล่าวแล้ว บรรตาบุคลากรหรือผู้มีหนัาที่ ปลูกฝังอบรมศีลธรรมให้แก่เยาวชน ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ และพระภิกษุสงฆ์ จำ เป็นจะต้องร่วมมีอร่วมใจคัน สร้างแรงจูงใจให้เหล่าเยาวชน มองเห็นคุณค่าอันประเสริฐอย่าง แท้จริงของพระพุทธศาสนา แล้วหันมาสนใจศึกษาศีลธรรม ทั้ง ทุทธประวัติ ฉบับการฟ้นฟูศลธรรมโลก ๔ ฆทฑี 0 ปัญหาประจำธวิตของชาวโลก www.kalyanamitra.org
ภาคปริยัติธรรม และภาคปฏิป้ติธรรมอย่างจริงจัง โดยปราศจาก ความลังเลสงสัย จนเกิดเป็นนิสัยรักการศึกษาและปฏิบัติธรรม ตลอดชีวิด ก็จะเกิดเป็นกระแสพุทธนิยมแผ่กระจายไปในสังคมทุก ระดับ ถ้าทำไดัสำเร็จย่อมจะเป็นการสร้างสันติสุขแก่ชีวิดผู้คนใน สังคมทุกระดับไม่เฉพาะภายในประเทศเท่านัน แต่จะสามารถแผ่ ขยายออกไปนอกประเทศ เกิดเป็นสันติภาพโลกโดยปริยายใน อนาคตกาล นั่นคือ ประเทศชาติของเราจะอยู่ในฐานะดันแบบ ทางศึลธรรม ดังคำของมหาปูชนียาจารย์ที่เราไดัยินปอยๆ ว่า\"ไทย จะเป็นมหารัฐ...เป็นปีนนานาประเทศ\" ก่อนที่จะสามารถสร้างแรงจูงใจให้แก่เยาวชนไดัสำเร็จนั้น บรรดาบุคลากรดังกล่าวทั้งหมด จะต้องมีความเข้าใจอย่างถูก ต้องลึกซึ้งเกี่ยวถ้บป็ญหาเรื่องทุกข็ในชีวิตประจำจันของชาวโลก เพื่อนำไปสู่การแก่ไข ชึ่งมีอยู่ ๓ ประเด็นหลัก ดังต่อไปนี้ ๑. ทุกข์อันเกิดจากการดำรงชีวิต ๒. ทุกข์อันเกิดจากการอยู่ร่วมกัน ๓. ทุกข์อันเกิดจากอำนาจกิเลส ๑. ทุกข์อันเกิดจากการดำรงชีวิต ความทุกข์อันเกิดจากการดำรงชีวิตนี้ เป็นความทุกข์ประจำ ดัวของแต่ละคน โดยไม่มีผู้!ดหลีกเลี่ยงไต้ เช่นเดียวกับทุกข์ประจำ ดัว คือ ชาติทุกข์ ชราทุกข์ และมรณทุกข์ แต่บุคคลที่มีปัญญา หมั่นศึกษาหาความรู้ และรู้จักลังเกดพิจารณาเกี่ยวกับเรื่อง ทฑธป7£วัติ ฉบับการฟ้นฟูสิลธรรมโลก „ ^ ^ ® ปัญหาประจำขวิดของขาวโลก www.kalyanamitra.org
สังขารร่างกายของตน รวมทั้งประสบการณ์ในการดำรงชีวิต ประจำวันทั้งของตนและบุคคลแวตล้อม ก็จะช่วยให้เกิดปัญญา เพิ่มใJjนยิ่งขึ้น สามารถยึดตนเป็นที่พิ่งแห่งตนได้ ด้งพุทธพจน์ว่า \"อัตตา หิ อัตตโน นาโถ\"® ขณะเดียวกันปริมาณความทุกข์อัน เกิดจากการดำรงชีวิตของตนก็จะมีเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่มีเลย ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีสำหรับการสั่งสมบารมีได้ตลอดชีวิต และ สามารถเป็นกัลยาณมิตร ผู1ห้กำสังใจในการสรัางกุศลกรรมแก่ บุคคลรอบข้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนทั้งหลายได้ ถ้าถามว่า การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสังขารร่างกายของ คนเรานั้นมีอะไรบ้าง สิ่งจำเป็นด้องรู้Iห่ได้อย่างน้อยที่สุดมีอยู่ ๓ เรื่อง คือ ๑.๑ องค์ประกอบของรูปกาย ๑.๒ ความรู้เรื่อง\"พอประมาณในการบริโภค\" ๑.๓ ความรู้เรื่อง\"ห้วใจเศรษฐี\" ๑.๑ องค์ประกอบของรูปกาย ร่างกายหรือรูปกายของคนที่มีชีวิตนั้นเรียกว่า มหาภูตรูป ๔ แปลว่า รูปใหญ่ หรือรูปดั้งเดิมที่เกิดขึ้นแล้ว โดยมีธาตุ ๔ ชนิด คือ ดิน นํ้าไฟ ลมประกอบกันเป็นรูปกายของมนุษย์ ธาตุดิน (ปฐวีธาตุ) คือธาตุที่มีสักษณะแข้นแข็ง อยู่ในรูป ของอวัยวะต่างๆ ส่วนประกอบของอวัยวะต่างๆ หรือทำหน้าที่ ประสานกับอวัยวะต่าง ๆมี ๒๐ พิกัดหรือชนิด ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน ® ขุ.ธ.อ.(ไทย)๔๒/๒๐๘ ทุฑธประวัติ ฉบับการฟ้นฟูคลธรรมโลก ๖ นฑฑึ๋ Q ปัญหาประจำซ็วิคของซาวโลก www.kalyanamitra.org
หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไสใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า เนื้อสมอง ธาตุนํ้า(อาโปธาตุ)คือธาตุที่มีลักษณะเหลวเอิบอาบ ดูดซึม มี ๑๒ พิลัดได้แก่ ดี เสลด(เสมหะ)หนอง เลือด เหงื่อ ม้นข้น นํ้าดา เปลวม้น นํ้าลาย นํ้ามูก ไขข้อ นํ้ามูตร ธาตุลม (วาโยธาตุ) คือธาตุที่มีลักษณะพัดไปมา ภาวะสั่น ไหว เคร่งตึง คํ้าจุนในร่างกาย มี ๖ พิกัด ได้แก่ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องตา ลมพัดอยู่ในท้องนอกลำไส้ ลมพัดในลำไส้ ลม พัดดามร่างกายทั่วไป ลมหายใจ ธาตุไฟ (เตโชธาตุ) ได้แก่ความร้อนในร่างกายมี ๔ พิกัด ได้แก่ ความร้อนที่ยังกายใหัอบอุ่นอยู่เสมอ ความร้อนที่ยังกายใหั ทรุดโทรมแก่ชราร่วงโรยไป ความร้อนที่ยังกายใหัเร่าร้อน กระวนกระวาย กระลับกระส่าย และความร้อนที่เผาอาหารใน กระเพาะใหัแหลกละเอียด เพราะเหตุที่ธาตุทั้ง ๔ ของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปยังไม่ บริสุทธ ตกอยู่ในอำนาจของกิเลส และผลวิบากของบาปกรรมที่ สั่งสมข้ามภพข้ามชาติมาแต่อดีด รวมทั้งปัจจุบัน ธาตุ ๔ จึงมีการ แตกสลายอยู่เนืองๆ ในลักษณะความเสื่อมโทรมของอวัยวะต่างๆ เพราะการตายของเซลล็ในร่างกาย ด้งมีข้อมูลทางการแพทย์ ซึ่งเปิดเผยใหัเป็นที่รู้กันมานาน แลัวว่า เซลส์ในร่างกายของคนเรานั้นมีการดายและการเกิดใหม่ มาทดแทนเซลล์ที่ดายไปตลอดเวลา กล่าวคือ ในเวลา ๑ นาที จะ มีการตายของเซลล์ถึง ๓๐๐ ลัานเซลล์ ทุทธประวัติ ฉบับการส์นฟูสืลธรรมโลก B CS \"ป็ญทาประจำชีวิตของขาวโลก www.kalyanamitra.org
สำ หรับเด็กหรือเยาวชนจำนวนเซลล์ที่เกิดใหม่ มีมากกว่า จำ นวนเซลล์ที่ตายไป ดังนั้น ร่างกายของเด็กจึงเจริญเติบโตขึ้น เรื่อยๆ ดุจเดียวกับกุหลาบตูม ซึ่งพร้อมที่จะแย้มบานให้ตูสวยงาม ยิ่งขึ้น สำ หรับผู้อยู่ในรัยกลางคนจำนวนเซลล์ที่ตายและเกิตใหม่ มีจำ นวนใกล้เคียงกัน ดังนั้น การเจริญเติบโตของผู้อยู่ในรัยกลาง คนจึงเป็นอันยุติ ดุจเดียวกับตอกกุหลาบที่เปงบานเด็มที่ ตูสต สวยงตงาม และรอรันที่จะโรยราไป แต่สำหรับบุคคลที่มีปัญญา รู้จักเพียรรักษามหาภูตรูป ๔ ให้บริสุทขึ้ตามสมควร ก็จะสามารถ ยืตเวลาแห่งการโรยราออกไปไดับ้าง ส่วนผู้ที่ล่วงเข้ารัยสูงอายุนั้น จำ นวนเซลล์ที่ตายมีมากกว่า จำ นวนเซลล์ที่เกิตใหม่ ดังนั้น ร่างกายของผู้สูงอายุจึงฑรุตโทรม หรือแก่ชราลงเรื่อยๆ ถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียตเบียน บางรายที่มี มหาภูตรูป ๔ค่อนข้างบริสุทธก็จะตูสมบูรถโแข็งแรง หน้าอ่อนกว่ารัย แต่ในรายที่มหาภูตรูป ๔ ค่อนข้างไม่บริสุทขึ้ หรือสกปรกก็อาจ ถึงภับช่วยตนเองไม่ไดั ดัองนอนอยู่บนเคียงตลอตเวลา หรือมิ ฉะน้นก็กลายเป็นเจัาหญิงเจ้าชายนิทราไปจนถึงวาระสุตท้ายของชีวิต ขบวนการสร้างเซลลใหม่ เนื่องจากในแต่ละรันๆ เซลล็ในร่างกายจำนวนมากมาย มหาศาลสูญเสียประสิทธิภาพในการทำหน้าที่สน้บสนุนส่งเสริม อรัยวะต่างๆ โตยสิ้นเชิง ร่างกายจึงถูกบ้งดับให้ดัองขวนขวาย หาธาดุ ๔ จากภายนอกมาเติมเข้าไป เพื่อสร้างเซลล็ใหม่ขึ้นมา ทตแทนเซลล์ที่ทยอยตายไปทุกๆ รัน เช่น พุทธประวัดิ ฉบบการฟ้นฟูสิลธรรมโลก ^ ๘ บทที่ a ป็ญทาประจำชีวิตของซาวโลก www.kalyanamitra.org
เติมธาตุดินด้วยการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง ๕หมู่ คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน เติมธาตุนํ้ๆ ด้วยการดื่มนํ้าบริสุทธ(ไม่รวมเครื่องดื่มต่างๆ) ให้พอเพียงกับความจำเป็นของร่างกายในแต่ละรัน และรับ ประทานอาหารให้ครบทั้ง ๕ หมู่ตามหลักโภชนาการ อนึ่ง เครื่อง ดื่มต่างๆ แม่ไม่ใช่เครื่องดื่มที่เจือปนสิ่งเสพติต แต่ก็อาจเกิตผล เสียต่อธาตุอื่นๆ ได้ เช่น นม และนํ้าผลไมัอาจก่อให้เกิตความผิต ปกติแก่ธาตุลม นํ้าแข็งหรือนํ้าเย็นรัตบนทอนประสิทธิภาพของ ธาตุไฟ เป็นด้น เติมธาตุลม ด้วยการหายใจเพื่อสูตอากาศบริสุทธึ๋■เข้าสู่ ร่างกายเสมอ หลืกเลี่ยงการสูตหายใจเอามลพิษต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย เช่น ครันบุหรื่ ครันไฟ คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นด้น เติมธาตุไฟ ด้วยการสวมเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสม เพื่อป้องกันอากาศที่หนาวเย็น ด้วยการบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์ แข็งแรง โตยการรับประทานอาหารให้ถูกด้องตามหลักโภชนาการ การดื่มนํ้าอุ่นเป็นประจำ และการออกกำลังกายอย่างสมรเสมอ ใน ยามที่อากาศหนาวเย็นมาก ก็ด้องใช่วิธีผิงไฟ หรือไข้เครื่องปรับ อากาศให้อุณหภูมิในห้องที่อยู่อาศัยสูงขึ้น เป็นด้น เกี่ยวกับเรื่องธาตุ ๔ นี้ ในตำราแพทย็ไทยแผนโบราณ® กล่าวไรัว่า ® หมอศ้ณห์จ้นทนสมบ้ติกล บ.ภ.,บ.ว.วิชาแพทย์แผนโบราณ เกี่ยวกับโรคเบาหวาน พุทธประวัต ฉบับการฟ้นฟูศลธรรมโลก ^° www.kalyanamitra.org
\"ธาตุทั้ง ๔ นัน้ ในธาตุหนึ่ง หากพิกัดใดเสียไปแล้ว ไม่ทำการรักษา หรือรักษาแล้วไม่หาย โรคจึงลุกลามต่อๆ ไปทุกพิกัด ธาตุนั้นจึงชื่อว่าเสียไปทั้งธาตุ และกังทำให้ ธาตุอื่นพลอยเสียไปด้วยดังคำพังเพยว่า'ปลาข้องเดียวกัน เหม็นต้วหนึ่งแล้ว ทุกต้วก็เหม็นไปหมด'\" ข้อมูลจากตำราแพทย็ไทยแผนโบราณนี้ย่อมเห็นได้ว่า เรื่อง ธาตุ ๔ มีความสำคัญต่อการตำรงชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่ ขาดความรู้อย่างถูกด้อง ขาดความเอาใจใส่เกี่ยวกับเรื่องธาตุ ๔ ใน กายดน ย่อมมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่เสมอ และถ้าปล่อยปละ ละเลยไว้นาน ก็ยากที่จะร'กษาให้หายได้ แม้มีฐานะมั่งคั่งรื่ารวย ถ้าไม่อายุสั้น ก็ด้องระทมทุกข้ใปดลอดชีวิดด้วยความเจ็บไข้ เพราะ เหตุนี้พระพุทธองค์จึงดรัสว่า \"อาโรคยปรมา ลาภๆ - ความไม่มี โรค เป็นลาภอย่างยิ่ง\"'' บุคคลที่ตั้งใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเติมธาตุทั้ง ๔ อย่างถูกด้อง และเอาใจใส่ดูแลปฏิบัติดนอย่างถูกหลักวิชาเป็น กิจว้ดร และเป็นนิสัย ย่อมจะมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เพราะไม่ ถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน เนื่องจากจำนวนเซลล์ที่เกิดใหม่ กับ จำ นวนเซลล์ที่ดายไป ไม่แดกต่างกันมากนัก และถ้าพากเพียร ปฏิปัติธรรมอย่างต่อเนื่องจริงจัง ธาตุ ๔ ในดนย่อมบริสุทธมากขึ้น ถึงแม้จะถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนบัาง หรือถูกคุกคามด้วย ความชราบัาง ก็คงจะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน ถึงขั้นเป็น ปัญหาในการตำรงชีวิด แต่ที่สำคัญคือ สามารถเป็นที่พึ่งแก่ • • ® สุขวรรควรรณนา ะ ขุ.ธ.อ.(ไทย)๔๒/๓๗๙-๓๘๐ พุทธประวัต็ ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก ๑๐ บทที a ป็ญพาประจำชืรตของโทวโลท www.kalyanamitra.org
ตนเองได้ตลอดชีวิต และสามารถเป็นกัลยาณมิตรผู้เป็นด้นบุญ ด้นแบบ ให้แก่เยาวชนได้เป็นอย่างดี ด้งนั้น จึงกล่าวได้ว่า บุคคลจะประสบทุกชีในการดำรง ชีวิตมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความรู้ความเอาใจใส่เรื่องธาตุ ๔ ใน กายตนเป็นประการแรก ๑.ไอ ความรู้เรื่อง \"พอประมาณในการบริโภค\" คำ ว่า พอประมาณ แปลว่า เพียงปานกลาง คือไม่น้อยเกิน ไป ไม่มากเกินไป ส่วนคำว่า บริโภค แปลว่า กิน เสพ และใช้สอย ด้งนั้น \"พอประมาณในการบริโภค\" จึงมีความหมาย ครอบคลุมทั้งการรับประทานอาหารต่างๆ และการแสวงหาสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ ด้วย การจ่ายทรัพย์สินเงินทองซื้อมาเท่าที่จำเป็น และเท่าที่งบประมาณจะอำนวยให้อย่างเหมาะสม ไม่ตระหนี่ถี่ เหนียวจนเกินไป และไม่ฟ้มเพีอยจนเกินไป เพราะร่างกายเป็นที่ รองรับอาหารทั้งแข็งและอ่อน รับทั้งรสจัตสารพัตรส ครั้นเมื่อเรา รับประทานมากเกินอิ่ม กระเพาะก็ด้องทำงานหน้กขึ้น เคลื่อนไหว ตัวมากขึ้น เปงตัวให้กล้ามเนื้อหน้าห้องนูนขึ้น และหนุนกระบังลม ให้สูงขึ้นเบียดปอด ครั้นเมื่อเราหายใจเช้า ปอดก็ตันกระบังลม และ ตันกระเพาะอาหารให้ทรุดตัวตาลง เมื่อเราหายใจออก กล้ามเนื้อ หน้าห้องก็ยกกระเพาะอาหารให้สูงขึ้น การเลื่อนขึ้นของกระเพาะ อาหารตังกล่าว จึงเป็นเหตุให้มีอาการเหนื่อยมาก เมื่อรับ ประทานอาหารมากเกินอิ่ม อีกทั้งปอดก็หายใจไม่สะดวก คือ หายใจไม่เต็มปอด ทุฑ0ประว้ติ ฉบับการส์นฟูศีลธรรมโลก ๑๑ บทที ๑ ป็ญทาประจำชัวิตของชาวโลท www.kalyanamitra.org
จากขบวนการทำงานของกระเพาะที่หนักเกินปรกติ และ การทำงานของปอดไดไม่สมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว ถ้าเกิดขึ้นเป็นอาจิณ ย่อมจะทำให้ ระบบการทำงานของอวัยวะภายในต่างๆ และธาตุ ๔ ของคนเราจะผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างไรบ้าง เหล่านี้คือสาเหตุ ที่ก่อให้เกิดปัญหาในการดำรงชีวิดของคนเรา ซึ่งเป็นเพียงผล พวงของพฤติกรรมในการวับประทานมากเกินอิ่มเทำนั้น ยังมิไดั รวมสาเหตุจากพฤติกรรมอื่นๆ อีก อนึ่ง ในดำราแพทย็ไทยแผนโบราณยังไดักล่าวไว้อีกว่า การวับประทานมากเกินอิ่ม จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นํ้าดีและ เสมหะพิการ คือเสียคุณภาพเป็นอันดับแรก ครั้นนานไปก็จะ ทำ ให้นั้าปัสสาวะเสีย และแล้วธาตุอื่นๆ ในธาตุนั้าที่เหลือก็พลอย เสียไปหมุด ยิ่งกว่านั้นยังลุกลามไปถึงธาตุอื่นๆอีกไม่สิ้นสุด นั้น คือร่างกายของผู้เป็นเจ้าของธาตุดังกล่าว ไดัเป็นโรคเบาหวาน โดยสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ บุคคลประเภทที่นิยมวับประทานมากเกินอิ่ม มักจะชอบแสวงหาสิ่งของแปลกๆ มาวับประทาน ซึ่งอาจเป็นของ รสแปลกที่ตนไม่เคยวับประทานมาก่อนบ้าง ของแสลงที่ตนไม่ รู้จักบ้าง ของเลิศรสที่มีราคาแพงลิบสิ่วบ้าง สิ่งเหล่านี้ ย่อมเป็น สาเหตุให้เกิดทุกข์ตามมาอีก เช่น ผู้ที่ยังไม่เป็นโรค ของแสลงก็ อาจทำให้เกิดโรคไดั ผู้ที่มีโรคประจำคัวอยู่แล้ว ของแสลงก็อาจ ทำ ให้โรคนั้นทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอีก ส่วนของเลิศรสราคาแพง ก็อาจเป็นเหตุกระทบกระเทือนงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ถ้าทำเป็นนิสัยก็อาจจะทำให้มีหนี้สินรุงวังเข้าทำนองสำนวนโบราณ ว่า \"กินล้างกินผลาญ\" เป็นดัน พุทธประวัติ ฉบับการฟนฟูสิลธรรมโลก ๑๒ บททึ๋ 0ปัญทาประจำชีวิตของไทวโลก www.kalyanamitra.org
การแสวงหาสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยการจ่ายทรัพย์สิน เงินทองซื้อมาที่ไม่อยู่ในลักษณะ\"พอประมาณ\"ย่อมเกิดปัญหาด้งนี้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำ ให้มีการผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ออกมาสู่ท้องตลาดมากมาย ทั้งปี และทุกๆ ปี เมื่อมีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกมา ผลิตภัณฑ์รุ่น เก่าก็ลัาสมัยไปท้นที เพราะรุ่นใหม่มีประสิทธิภาพและศ้กยภาพ ในการทำงานเหนือกว่ารุ่นเก่า บุคคลที่นิยมวิ่งตามแฟชั่นหรือ สมัยนิยม ก็มักจะยอมเสียเงินซื้อผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ซึ่งมีราคา แพงกว่ามาใช้ โตยทอตทั้งผลิตภัณฑ์ชิ้นเก่าไว้อย่างไรัประโยชน์ หรืออย่างดีก็อาจจะขายขาตทุนไป ทั้งๆ ที่ยังใช้ประโยชน์ได้ดี การทำเช่นนี้ภับสินค้าราคาแพงมากๆ ด้องซื้อมาด้วย ระบบเงินผ่อน และซื้อหลายชิ้นในเวลาไล่เลี่ยภัน ย่อมมีภาระหนี้ สินผูกพนไม่ขาตระยะ และก้าด้องประสบปัญหารายได้ชะงักงัน ไม่ สามารถผ่อนชำระหนี้สินตามลัญญา ย่อมถูกบริษัทผู้เปีนเจ้าหนี้ ยึดสิ่งของเครื่องใช้คืนไป ก็จะเกิดปัญหาใหม่ตามมาอีก เหล่านี้ คือเหตุแห่งทุกข์อันเกิดจากการไม่รู้จัก\"พอประมาณในการบริโภค\" ทั้งสิ้น ยิ่งกว่านั้น บางคนที่นิยมติดตามกระแสแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย นิยมใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายราคาแพงลิบลิ่วเกิน กว่าที่ควรจะเปีน นิยมใช้อาภรถโเครื่องประด้บราคาแพงทั้งๆ ที่มี รายได้น้อย ก็หาวิธีซื้อสิ่งเหล่านั้นด้วยระบบเงินผ่อน ซึ่งนอกจาก จะด้องซื้อสินค้าราคาแพงกว่าที่ควรแลัว ยังจะด้องเสียค่าตอกเบี้ย โดยไม่มีทางต่อรอง ทุทธประวัติ ฉบ้บการส์นฟูสืลธรรมโรก ๑๓ บทที่0 ปัญหาประจำซวิตของชาวโสก « ^* จ www.kalyanamitra.org
สำ หรับเรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในท้องตลาดย่อม มีการเปลี่ยนใหม่ทุกฤดูกาล เสื้อผ้ารุ่นเก่าก็พ้นสมัยไป จึงไม่กล้า นำ กล้บมาใชอีก ส่วนอาภรณ์เครื่องประดับนั้นเล่า ย่อมต้องเปลี่ยน ใหม่อยู่เรื่อยๆ เพราะ^ชั่ใม่สามารถทนใช้อย่างจำเจไต้ ตามนิสัย และรสนิยมของตน เมื่อแต่งกายต้วยเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประต้บที่สวยงามลํ้า สมัยแล้ว คนประเภทนี้ ก็เกิตอาการทุรนทุรายอยู่เฉยไม่ไต้ จำ เป็น ต้องหาโอกาสไปโชว์ต้วเองในงานสังคมต่างๆ ซึ่งทั้งหมตนี้ ล้วน ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกก้าวย่างที่ออกจากบ้านทั้งสิ้น ไม่ว่าชายหรือหญิงที่ติตนิสัยประเภทนี้ ย่อมมีจิตใจหมกมุ่น กับความสวยความงาม ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกามคุณโตยแท้ จะมี ผลให้ธาตุ ๔ ในต้ว ซึ่งไม่บริสุทธ เป็นธรรมตาตามธรรมชาติตั้ง แต่เกิตแล้ว ทวีความไม่บริสุทธยิ่งขึ้นอีก อ้นจะเป็นสาเหตุให้[รค ภ้ยไช้เจ็บเปียตเบียนไต้ง่ายขึ้นอีก และถ้ารันใตที่ถูกโรคภัยไช้เจ็บ เปียตเปียนอย่างรุนแรง ก็จะตกอยู่ในสภาพบุคคลที่ขาตแคลน เงินออม เนื่องจากไดใช้จ่ายหมตไปภับเรื่องแฟชั่นการแต่งกาย ถ้า เป็นเช่นนั้นก็จะถูกรุมล้อมต้วยความทุกข์หลายต้านทีเดียว นี้ก็ เป็นอีกปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับการไม่รู้จัก\"พอประมาณในการบริโภค\" เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ไม่รู้จัก \"พอประมาณในการบริโภค\" โตย เฉพาะอย่างยิ่ง \"ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคปัจจัย ๔\" ก็จะ ต้องประสบปัญหาต่างๆ มากมายตลอดชีวิต และบางปัญหาก็ก่อ ปัญหาต่อเนึ่องเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ ที่เกิตขึ้น อาจสรุปไต้ต้งนี้ ทุฑรประวัติ ฉบับการส์นฟูศลธรรมโลก ^ ๑๔ บฑที่ 0ป๋ญทาประจำรวิ?เของธาวโลก ร^V a www.kalyanamitra.org
๑) เหน็ดเหนื่อยต่อการแสวงหาปัจจัย ๔ตลอดรวิต ซึ่ง อาจเป็นเพราะ เก็บไม่เป็น หามาได้เท่าไรก็บริโภคหมด หรืออาจ บริโภคมากกว่าที่หามาได้ จนทำให้มีหนี้สินรุงรัง บางรายก็อาจ เป็นเพราะไม่รู้ว่าด้องมีปัจจัย ๔หรือโภคทรัพย์สมป้ติเท่าไรจึงจะพอ จึงมุ่งแสวงหาอยู่ตลอดเวลาเข้าทำนอง \"ยิ่งมียิ่งโลภมาก\"เมื่อยิ่งโลภ ธาตุ ๔ ในด้วก็ยิ่งบริสุทธิ้น้อยลง อันจะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์กาย และใจดามมาอีกมากมาย ใอ) เสียเวลาในสิวิต ได้กล่าวแล้วว่า การศึกษาและปฎิป้ต ธรรมเท่านั้นที่จะช่วยให้ธาตุ ๔ ในตัวของคนเราบริสุทธิ้ขึ้น ซึ่งจะ ทำ ให้มีความสุขขึ้น เพราะกิเลสในใจดนมีอำนาจครอบงำน้อยลง แต่โดยเหตุที่ด้องเสียเวลาในชีวิดอยู่กับการแสวงหาปัจจัย ๔ ดลอด เวลา จึงไม่มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรม ธาตุ ๔ ในตนย่อม บริสุทธิ้น้อยลงๆ นั้นคือได้ดกอยู่ใด้อำนาจอิทธิพลของกิเลสอย่าง เบ็ดเสร็จ ทั้งความคิด การพูด และการกระทำ กลายเป็นมิจฉา ทิฏฐิบุคคลเต็มรูปแบบด้งปรากฏให้เห็นอยู่ทั้วไปในสังคมปัจจุบัน มิจฉาทิฏฐิบุคคลด้งกล่าว บางคนก็อาจจะประสบความ มั่งคั่งรารวยบางคนก็อาจจะล้มลุกคลุกคลานทั้งๆที่เสียเวลาแสวงหา ปัจจัย ๔ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพอย่างใดก็ดาม พฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิบุคคลเหล่านี้ ล้วนก่อปัญหายุ่งยากดาม มาอีกมากมาย ทั้งส่วนดนและส่วนรวม เช่น - ก่อศัตรูเพราะการแก่งแย่งกันในการแสวงหา - ทำ ลายสิ่งแวดล้อมดามธรรมชาติ ทุฑธประวัต ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก ๑๕ บทฑึ๋ a ปัญทาประจำซึว?เขฮงชาวโลก www.ka•3l^y'a^ namจitra.org
- ทำ ลายขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอ้นดีงามในสังคม - เป็นตัวอย่างพฤติกรรมชั่วรายฑุกรูปแบบแก่เยาวชน - เป็นเหตุให้รัฐตัองสิ้นเปลืองงบประมาณในการแก้ปัญหา ชั่วรายต่างๆ ฯลฯ ผลเสียของการไม่รู้เรื่อง \"พอประมาณในการบริโภค\" ยัง มีอีกมากมาย เหลำนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางประการเท่านั้น ๑.๓ ความรู้เรื่อง \"หัวใจเศรษฐี\" \"ห้วใจเศรษฐี\" เป็นคำเรียกหสักธรรมเรื่องหนึ่งที่ผูกเป็น อ้กษรย่อไวัว่า\"อุ.อา.ก.ส.\"(อ่านว่า อุ-อา-กะ-สะ)หสักธรรมนั้นคือ ทิฎฐธัมมิกัตถประโยชน์ เป็นหสักธรรมอ้นอำนวยประโยชน์สุข ขั้นตันหรีอสุขในปัจจุปันชาติ ประกอบด้วยองค์๔® ตังนี้ ๑) อุฏฐานสัมปทา ใช้อ้กษรย่อว่า \"อุ\" หมายถึง ความ ขยันในการประกอบอาชีพสุจริต ๒) อาร้กฃสัมปทา ใช้อ้กษรย่อว่า \"อา\" หมายถึง รู้จัก คุ้มครองเก็บรักษาโภคทรัพย์ที่หามาไดโดยชอบธรรม มิให้เป็นอ้นดรายหรีอเสื่อมเสีย ๓) กัลยาณมิตตตา ใช้อ้กษรย่อว่า \"ก\" (อ่านว่า กะ) หมายถึง คบคนดีเป็นมิดร ขณะเดียวก้นก็ทำหน้าที่ * ^ ® ทีฆซาณุสูตร ะ อ้ง.อัฏฐก.(ไทย)๒๓/๕๔/๓๔๐-๓๔๔ พุฑฮประวัติ ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโรก ๑๖ บทฑึ๋ a ปัญทาประจํๆซีวิ?เของชาวโลก www.ka9lyana^ motitra.org
๔) สมรวิตาใช้อักษรย่อว่า\"ส\"(อ่านว่า สะ)หมายถึง รู้จัก บริหารจัดการกับรายไดํให้มีเงินเหลือใจัเก็บรอน สำ หรับการมีดวามรู้เรื่อง \"ห้าใจเศรษเ\" นั้น มีดวามหมาย ดรอบดลุมไปถึงการนำดวานรู้ใปบ่ป็บศใน^าศบ่ น'^มี''■'ดู'^ ต้องเหมาะสมอยู่เสมอด้วย ซึ่งมคำอธิบายใดยสังเขปด้งด่อไปน ๑) อุฏฐานสัมปทา หมายถึง ขยันทำมาหากิน หริอกล่าว ณั้ๆ ว่า หาเป็น สาระสำคัญของการหาเป็น อาจกล่าวเป็นช้อๆ ไต้ ต้งนี้ ๑.๑) ต้องไม่ประกอบอารพ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทร เจ้าทรงห้ามไว้ ๕ ประเภท'' ได้แก่ การค้าขายคัสดราวุธ (หนาย ถึงการผลิตแล้วขายอาวุธนัน) การค้าขายสัดว (หมายกงการ ค้าขายมนุษย์) การค้าขายเนื้อ (หมายถึงเลียงสัตว์แล้วฆ่าเพือ ขายเนื้อ)การค้าขายของมีนเมา และการค้าขายยาพิษ ๑.๒)ต้องประกอบอารพโดยสุจริต หมายถึง ไม่มี การกระทำทุจริตด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งเป็นการผิดศีส เข่น ดดโกง หลอกลวง ปลอมแปลงสินค้า หรือเอกสาร เป็นด้น ๑.๓) ต้องหมั่นหาดวามรู้เพิ่มพูนให้ทัพสนัยอยู่เสนอ เข่น ดวามรู้ในด้านการบรืหาร การผลิด และการบรืการ เพอให้ • ®> วาณิชชาสูตร: อัง.ปัญจก.(ไทย)๒๒/๑๗๗/๒๙๕ พุทธประว้ตํ ฉบับทารพิ่นฟ่สิสธรรมโลก » ** ปัญหาประจำขวดของขาวโลก www.kalya■0 n■หa้' 'mitrVa.org
สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีปริมาณการผลิตสูง มีคุณภาพดี ด้นทุนการผลิตตาซึ่งจะมีผลดีต่อการแข่งขันไนดีๆ ๑.๔) ต้องคบคนดีเป็นหุ้นส่วน ๑.๕) ตองสรางเครือข่ายคู่ต้าที่เป็นคนดี ๑.๖) ต้องประเมินผลการทำงานอย่างสมาเส เพื่อ หาสาเหตุแห่งความสำเรจหรอความลมเพลา«^0งฐุรุ^^ชุ หรืฎงาน ในหน้าที่ที่ตนยึดเป็นอาชีพ แท้ที่จริงสาเหตุแห่งความสำเร็จ หรือความล้มเหลวนั้นมี อยู่เพียง ๖ ประการเท่านั้น คือสาเหตุพยาบ กับสาเหตุละเอียด สำ หรับสาเหตุหยาบที่ทำให้ประสบความสำเร็จหร็0ด-3ๆ3Jล้3J^y^ ก็คือ กระบวนการดำเนินงาน การบริหาร การจัดการต่างๆ ซึ่งมี ประสิทธิภาพ หรือด้อยประสิทธิภาพนั้นเอง ส่วนสาเหตุละเอียด ที่ทำ ให้ประสบความสำเร็จ ก็คือบุญ กุศลทีสังสมมาในอดีตและในป็จจุบัน แต่ผู้ที่มิได้สั่งสมบุญกุศล ทังในอดีตและปัจจุบัน ย่อมจะประสบแต่ความล้มเหลชุ บุคคลที่สามารถกระทำตามสาระสำคัญของการหาเป็น ครบ ทั้ง ๖ ประการ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพสาขาใต ย่อมประสบความ สำ เร็จอย่างงตงาม เช่น ถ้าเป็นนักธุรกิจย่อมมีรายได้ดี มีโอกาส ประสบความมั่งคั่งรารวย ถ้าเป็นขัาราชการ พนักงานบริษัท หรืฎ พนกงานรัฐวิสาหกิจ เป็นด้น ย่อมมีความถ้าวหนัาในตำแหน่ง หนาทการงานเปนอย่างต อาจจะไม่มงคงรำรวยเหมีฎนนักฐรกิชุ แต่ก็ไม่?เตเคือง มีฐานะการเงินที่อำนวยความสุขตามคัตภาพ ย่อมชื่อว่าเป็นผู้หาเป็น พุnoปรรวCFI ฉบบการหี๋[นฟ่ศลธรรมโลก บทที่ ร)ป๋ญหาประจำชีวิตของชาวโลท www<.? kalyan5amitra.org
๒) อารักขสัมปทา หมายถึงรู้จักเก็บรักษาทรัพย์สมบัติ ที่หามาได้อย่างเหมาะสม หรือ กล่าวสั้นๆ ว่า เก็บเป็น สาระสำคัญ ของการเก็บเป็น อาจกล่าวเป็นข้อๆได้ด้งนี้ ๒.๑) สามารถเก็บรวบรวมทรัพย์ให้พ้นจากอันตราย ต่าง ๆ เช่น ถูกโจรลัก ถูกไฟไหม้ ถูกนํ้าท่วม ถูกทายาทที่เป็นคน พาลลัางผลาญ ถูกหุ้นส่วนโกง เป็นด้น ๒.๒)สามารถถนอมทรัพย์สินสิงของเครื่องไซให้ จีรังยั่งยืนหมายถึงรู้จักใข้สิ่งของเครื่องใข้ต่าง ๆ อย่างทะนุถนอม เพื่อ มิให้เสื่อมคุณภาพเร็ว ทั้งด้องมีการจัดเก็บสิ่งของเครื่องใข้อย่าง เป็นระบบ ถ้ามีสิ่งใดหายไป ก็รู้!ด้ทันที ด้องรืบดามหา และถ้าสิ่ง ใดเสียหาย ก็ด้องรืบซ่อมแซม. ไม่ปล่อยทิ้งไว้เป็นขยะ แล้วห้นไป ซื้อสิ่งใหม่มาใข้แทน เป็นด้น ๒.๓)ฉลาดเลือกวิธีฝังขุมทรัพย์ การฝังขุมทรัพย์ หมายถึงการเก็บรักษาทรัพย์สมบติที่ดนหามาได้ซึ่งมีอย่๒วิธี®ด้งนี้ คือ เก็บเป็นทรัพย์หยาบ กับ เก็บเป็นทรัพย์ละเอียด การเก็บเป็นทรัพย์หยาบ เอาไว่ใชได้เฉพาะในชีวิดนี้ แต่มี อันดรายมาก เช่น อาจมีกัยจากธรรมชาติ เช่นไฟไหม้นํ้าท่วม ฯลฯ ถ้าฝากธนาคาร ก็อาจถูกลดค่าของเงิน ถูกลดดอกเปีย ถูกพนัก งานธนาคารทำทุจริด รวมถึงถูกฉกชิงวิ่งราว ถ้าเก็บสะสมไว้มากๆ โดยตั้งใจที่จะเก็บไว้เป็นมรดกของดระกูล และลูกหลาน เจัาของ ทรัพย์ก็จะได้ประโยชน์จากการเก็บทรัพย์ด้วยวิธีนี้เพียงเล็กนัอย นิธิกัณฑสูตร ะ ข.ขุ.(ไทย)๒๕/๑-๑๕/๑๗-๑๙ ทุทธประวัติ ฉบับการส์นฟูสืลธรรมโลก ๑®' บ*•ที่ 0 ปัญหาประจำธีวิลของขาวโลก - V '(^■'^ „ www.kalyanamitra.org
เท่านั้น และถ้าเจ้าของหมดบุญทรัพย์นั้นก็จะอันตรธานไปโดย ประการต่างๆ หรือบางกรณีที่กรรมเก่าตามมาทันก็อาจจะให้โทษ แก่เจ้าของทรัพย์โด้เช่นทร้พย์ที่หามาไต่โดยสุจริต อาจถูกกล่าวหา จากรัฐว่า เป็นทรัพย์ที่ไต่'มาโดยทุจริต เป็นต้น ส่วนการเก็บเป็นทรัพย์ละเอียด คือการเปลี่ยนทรัพย์นั้น เป็นบุญ ต้วยการบริจาคเป็นทานในลักษณะต่างๆ บุญอันเกิด จากการเก็บเป็นทรัพย์ละเอียดนี้ นอกจากต้วของมันเองจะพ้น อันดราย เนื่องจากไม่มีใครสามารถฉกชิง ลักขโมยไปไต้แล้ว ยัง จะสามารถต้มครองชีวิตของเราให้ปลอดภัย และประสบสันติสุข ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอีกต้วย ๓) กัลยาณมิตตตาหมายถึง เลือกคบคนดีเป็นมิดรแต่สาระ สำ คัญของข้อนีคือ ทังคบคนดี และสร้างเครือข่ายคนดีเป็น ซึ่ง อาจแบ่งออกได้เป็น ๓ บ่ระเด็น คือ ๓.๑) ต้องอบรมปรับปรุงตนเองให้เป็นคนดี มีสัมมา ทิฏฐิมั่นคงอยู่ในใจตลอดเวลา ๓.๒)เลือกคบเฉพาะคนดี ซึ่งหมายถึงคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่ารั้ารวยหรือยากจน แต่ด้องเป็นสัมมาทิฏฐิชน มีเป้าหมาย ชีวิตอยู่ที่สุคติโลกสวรรค์นั่นคือเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา ๓.๓)หมั่นดีกษๆสังเกต และชีมซับคุณความดี ของบุคคลที่เราเลือกคบเหล่านั้นเพื่อพัฒนาสัมมาฑิฎฐิในใจของเรา ให้แก่รอบยิ่งขึ้น ทุทธประวัติ ฉบับการหึ๋เนฟูสืลธรรมโลก ๒๐ บทที่ Q ป็ญหาประจาชีวิดของชาวโลก www.kalyanamitra.org
ถ้าผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านหรือชุมชนมีคุณสมบตตามข้อ ๓.๑) และแต่ละคนพยายามปฎิบ้ติตามข้อ ๓.๒) และ ๓•๓) ใตอ มีการคบหาสมาคมกันอย่างใกล้ชิต มีการชักชวนกันทำกิจกรรม ทางด้านสังคมสงเคราะห์ และการทำนุบำรุงพระพุทธศวสม''ไร่รม กันเป็นระยะๆ อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง ย่อมจะก่อให้เกิตเครอ ข่ายคนดีขึ้นในหมู่บ้านหรือชุมชม'อย่วงแม่ม'อม' แต่เป็นเครอข่วย คนดีที่เกิตจากกวรมุ่งสร้วงเครือข่วยคนดีให้เกิตขึ้มใมสังตม ใม่ เกี่ยวกับกวรทํวธุรกิจ ด้งเช่นเครือข่วยลูกด้วทีกล่ววใ'ไในเรอง หาเป็น ๔) สมสิวิตา (สะมะชีวิตา)หมายถึง รู้จักบริหารจัตการกับ รายได้ให้มีเงินเหลือไว้เก็บออม หรือกล่าวสันๆ ว่ว ใชเปน สาระสำคัญของการ ใช้เป็น ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจัว ตรัสแสตงไวิในฑีฆชาณุสูตร อาจแบ่งออกได้เป็น๒ ประการ คือ ๔.๑) ต้องรู้ทางเจริญและทางเสือมแห่งโภคทรัพย์ ทางเจริญแห่งโภคทรัพย์ หมายถึง รายจ่ายด้องน้อย กว่ารายรับ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บ ซึ่งอาจเรืยกว่า รายเหลือ ส่วน ทางเสื่อมก็ตรงข้ามกับทางเจริญ ๔.ไฮ) ต้องไม่ใช้จ่ายฟ้มเอยแต่ก็ไม*?เดเคือง การใข้จ่ายฟ่มเหืเอย นอกจากจะไม่มี รายเหลือ แล้วยัง อาจจะด้องมีหนี้สินรุงรัง เป็นการสรัางทุกข์จรให้เกิตขึ้นด้วยคววม ประมาท การใข้เงินแบบ'ฝืตเคือง หมายถึง มีทรัพย์แต่ใข้จ่าย อย่างกระเบียดกระเสียร เพราะความตระหนี้ มีการกินอยู่อย่าง *5ฑ0ประวัติ ฉบับการล้นฟูศลธรรมโรก „ a นททึ๋0ป็ญพาประจำชีวิตซฮงซาวโรท www.kalyจa\"■พn่'amVitra.org
แร้นแค้นแต่งกายขะมุกขะมอมอาศัยอยู่ในบานเรื0นซอมช่0น0ฦจๆฦ ผู้คนในสังคมจะไม่ยกย่องให้เกียรติแล้ว ยังอาจถูกมองว่าเป็นคน ยากจนข้นแค้นไม่น่าไว่ใจอีกค้วย ผลร้ายที่สุดของความตระหนี่ ก็คือ ทำ ให้เป็นคนใจแคบ ไม่แบ่งปันไม่สงเคราะห์ญาติมิตรเพื่อนฝูงย่อมไม่มีใครอยๆทผูฦฎตร ด้วย คนบ่ระเภทนี้ แม้จะมีรายเหลือ แต่ก็เก็บไม่เป็น เพราะไม่รู้จัก เรื่อง การฝังขุมทรัพย์๒ วิธี ดังไค้กล่าวไวิในเรื่องเก็บเป็น อย่างไรกตาม อาจกล่าวโตยสรุบ่ว่า ทีเรียกว่าใช้เป็นนั้น แท้ ทีจริงคือการบริหาร รายเหลือ ให้เกิตบ่ระโยชน์สูงสุต ซึ่งพระสัมมา สัมพุทธเจ้าไค้ทรงแสตงวิธีบ่ฏิบติไว้๕บ่ระการ® ค้งนี้ ๔.๒.๑)ใช้ทรัพย์นันบำรุงตนเอง มารดา บิดา ครอบครัวและบริวารให้เป็นสุข ๔.๒.๒)ใช้ทรัพย์นันสร้างเครือข่าย กัลยาณมิตร ในหมู่บ้านหรือขุมชนของตน ๔.๒.๓)ใช้ทรัพย์นั้นป้องกันกัยอันตรายต่างๆ และ เผื่อไวิใช้1นยามฉุกเฉิน ๔.๒.๔)ใช้ทรัพย์นันฑำพลื ๕อย่าง ได้แก่ ญาติพลื คือสงเคราะห์ญาติ อติถิพลื คือค้อนรับแขก ปุพพเปตพลื คื อทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย ราชพลื คือถวายเป็นของหลวง เช่น เสีย ภาษีอากร เป็นค้น และ เทวดาพลื คือ ทำ บุญอุทิศให้เทวดา ® อาทิยสูตร ะ อัง.ปัญจก.(ไทย)๒๒/๔๑/๖๔-๖๖ พุทธประวัติ ฉบับการฟ้นฟูศลธรรมโลก ๒๒ บทที่ o ปัญหาประจำชีรดของชาวโรท www.kalyanamitra.org
๔.๒.๕)ใช้ทรัพย์นั้นทำบุญกับเนื้อนาบุญ คือการ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่พระสงฆ์ผู้ ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งเป็นการทำบุญ ที่มีอานิสงส์สูงกว่าการใช้ทรัพย์สร้างบุญ กุศลทั้ง ๔ช้อแรก บุคคลใดก็ตามที่สมาคมเกี่ยวช้องอยู่กับผู้คนในเครือช่าก กัลยาณมิตร ไม่ติตต่อเกี่ยวช้องกับคนพาลเลย จิตใจของเขาย่อม มีสัมมาทิฏฐิมนคง และจะสามารถพัฒนาให้แก่รอบยิ่งๆ ขึ้น ย่อม เป็นบุคคลที่มีอาชีพบริสุทธหรือหาเป็น โตยไม่ทำอาชีพทีผิตศีล ผิตกฎหมาย เสี่ยงกับคุกตะราง ยิ่งกว่านั้น สัมมาทิฏฐิในใจบุคคลนั้นเอง ที่จะแนะนำและ ควบคุมให้เขาเก็บเป็น และใช้เป็น โตยสรุปก็คือ สัมมาทิฎฐิชน ย่อมยึตหัวใจเศรษฐีเป็นหสักในการดำเนินชีวิต ย่อมสามารถตั้งตน ได้ ไม่เดีอดร้อนเรื่องค่าครองชีพ ย่อมมีโอกาสศึกษาและปฏิบัติ ธรรมตามสมควรจึงทำให้มืความรู้เรื่ององค์ประกอบของร่กงกกอ ความรู้เรื่องรู้จักพอประมาณในการบริโภค ความรู้เหล่านี้ย่อม อนุเคราะห์บุคคลให้เกิดปัญญาสามารถดำรงชีวิตอย่างกูกด้อง และ เป็นที่พึ่งแก่ดนเองได้ โดยไม่ด้องรบกวนใครๆ ยิ่งกว่านั้นยังจะ สามารถเป็นกัลยาณมิตร และเป็นที่พึ่งแก่สมาชิกในครอบครัว และญาติมิตรได้เป็นอย่างดี ทุทธประวัต ฉบับการฟินฟูสีล5รรมโลก ^ ๒๓ ^ ® ป็ญทาประจำขวิดของชาวโลก www.kalyanamitra.org
ผลดีของการดำรงรวิตอย่างถูกต้อง การดำรงชีวิตอย่างถูกต้อง นอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพ ร่างกายแล้ว ย้งจะมีผลดีต่อนิสัยของคนเราอีกต้วย นิสัยดีก็จะ กลายเป็นโปรแกรมบุญไปตลอดชีวิตน้อมนำคนเTไให้รู้จักพึ่งตนเอง รู้จักขวนขวายในการศึกษาและปฎิบ้ตธรรมเพึ่อกลั่นธาตุ ๔ ใน ตนให้บริสุทธิ้ กลั่นจิตใจให้ผ่องใส ย่อมเป็นการลั่งสมบุญกุศลให้ ยิ่งๆ ขึ้น เพึ่อการบรรลุมรรคผลนิพพานในโอกาสต่อไป ขณะ เดียวก้นก็จะเป็นต้นบุญต้นแบบให้แก่บุตรหลาน และเยาวชนที่ เกิตมาในภายภาคหน้าสืบๆ ก้นไป ตราบใตที่ต้นบุญต้นแบบของคนนิสัยดีๆ ยังมีการสืบต่อ เนื่องไม่ขาตสาย คนเราก็จะรู้จักพึ่งตนเอง สังคมมนุษย์เราก็จะ อยู่ร่วมก้นต้วยความรักและความสามัคคี เป็นสังคมสันติสุขที่ ยงยืนถาวร เพราะปราศจากการเบียดเบียนก้น ผลเสิยของการขาดความรู้เรื่องการดำรงรวิตอย่างถูกต้อง ถ้าผู้คนในสังคมต่างมีป็ญหาในการดำรงชีวิต นอกจากจะ มีผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ยังจะมีผลเสียต่อนิสัยของคนเราอีกต้วย นิสัยไม่ดีหรือนิสัยเลว ก็จะกลายเป็นโปรแกรมบาปไปตลอดชีวิต ชักนำคนเราให้สร่างบาปเรื่อยไปต้วยการคิตผิตพูดผิตและทํๆผิตศีล ผิดธรรม และอาจผิดกฎหมายอีกต้วย ยิ่งสร้างบาปมากขึ้นเท่าไร ตนเองก็ต้องประสบทุกข์มากขึ้นเป็นเงาตามต้วอย่ๆงยากที่จะ เปลื้องออกไต้ ทุทธประวัติ ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก ๒๔ บทที่ IS ปัญทาประจำขีวิตของ!ทวโลก ■0 ' พ www.kalyanamitra.org
เพราะเหตุที่มองโลกและชีวิตตามความจริงไม่ออก เมือต้อง ประสบทุกข์มากขื้น แทนที่บุคคลจะมองว่าเกิดจากความผิด ความ บกพร่องของตน กลับไปโทษผู้อื่นบาง โทษผู้บริหารประเทศบาง ส่วนผู้บริหารประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมืหน้าที่ ดูแลปัญหาของประชาชนโดยตรง บางท่านก็อาจจะขาดความรู้เรื่อง ปัญหาการดำรงชีวิดดังไต้กล่าวแลัว บางท่านอาจจะมืความรู้บ้าง แต่ก็ไม่เคยจ้ดให้มืการศึกษาแนะนำความรู้แก่ประชาชนแต่ประการโด สำ หรับบุคคลที่ขาดความรู้เรื่องการดำรงชีวิตอย่าง ถูกต้องครั้นเมื่อประสบปัญหาทุกคนต่างก็บุ่งจับผิดและวิพากษ์ วิจารณ์ผู้อื่น โดยไม่คิดสำรวจความบกพร่องของตนเอง นืคิอ ผลเสืยอย่างรุนแรงของการขาดความรู้เรื่องการดำรงชีวิต อย่างถูกต้อง เพราะการบุ่งจับผิดผู้อื่น นอกจากไม่สามารถ แก้ปัญหาให้ตนไต้แล้ว ยังไม่สามารถช่วยให้ตนพึ่งตนเองไต้ อีกต้วย ในที่สุดก็กลายเป็นความขัดแย้งขยายวงออกไปห้ว บ้านเมือง ต้งที่ปรากฏอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ใอ. ทุกข์อันเกิดจากการอยู่ร่วมก้น สิ่งของสองสิ่งที่อยู่ใกล้กันย่อมกระทบกันเป็นธรรมดา ถ้า ไม่มืการระมัดระวังเลย ย่อมกระทบกันรุนแรงสูง ถ้ามืการ ระมัดระวังเพียงเล็กน้อย การกระทบกันย่อมมาก แต่ถ้ามืการ ระมัดระวังมาก การกระทบกันย่อมน้อยลง ดัวอย่างที่ทุกคนมื ประสบการณ์เป็นประจำก็คือ การกระทบกันระหว่างลิ้นกับฟัน »{ทรปรรวัผิ ฉบับการฟ้นฟูสืลนรรมโลก ๒๕ น*'*!a ปัญหาประจำ?วิพฃองชาวโลก www.kalyanamitra.org
ด้งมีสานวนว่า ลิ้นก้บฟัน ซึ่งมีความหมายว่า คนใกล้รดกันย่อม ไม่พ้นการทะเลาะกัน แม้คนสองคนที่ร้กกันปานจะกลืน ต่างก็เคยปรารถนาดีต่อ กันอย่างจริงใจ ก็ยังมีเรื่องผิดใจกัน กระทบกระทํ่งกัน หรือถึงขั้น ทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง ด้งจะเห็นจากสามีและภรรยาแต่ละคู่ ไม่ว่าจะมีความรักใคร่และห่วงใยกันมากเพียงใด ล้วนเคยทะเลาะ เบาะแว้งกันทั้งสิ้น คู่สามีภรรยาที่ไม่เคยทะเลาะกันเลยคงจะหา ได้ยากยิ่ง สำ หรับกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันเกินสองคนขึ้นไป ย่อมแน่นอน เหลือเกินว่า จะมีเรื่องการกระทบกระทั้งกัน หรือทะเลาะวิวาทกัน ไม่เว้นแต่ละรัน แม่ในครอบครัวที่มีสมาชิกเพียง ๔-๕ คน ก็ม้กจะ มีเรื่องกระทบกระทั้งกันเนืองๆ ระหว่างพ่อกับลูกบ้าง แม่กับลูกบ้าง พี่กับน้องบ้าง ด้งนั้นจึงไม่ด้องสงสัยเลยว่า ทำ ไมคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม น้อยใหญ่จำนวนนับแสนน้บล้าน จึงมีเรื่องกระทบกระทั้งกัน นินทา ว่ารัายกัน พยาบาทมาดร้ายกัน หรือวิวาทบาดหมางกัน ขนาด ศิษย์ซึ่งควรจะมีความเคารพนับถือครูบาอาจารย์ของดน แต่ศิษย์ บางคนก็ยังคิดอกด้ญฌูต่อผู้มีพระคุณของดนได้ ลูกบางคนก็ยัง ทำ ปิตุฆาดบุพการืของดนได้ เพี่อนบ้านที่เคยเป็นมิตรกัน เคย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาเป็นเวลานาน ก็ยังมีเรื่องผิดใจกันถึงขั้น กลายเป็นศัดรูคู่อาฆาดกันได้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ ประชาชน ก็ยังถูกประชาชนขับไล่ได้ ยิ่งพรรคการเมีองฝ่ายด้าน กับฝ่ายรัฐบาลด้วยแล้วดูเหมีอนจะแสดงท่าทีเป็นด้ดรูกันดลอดกาล ทุฑธประวัติ ฉบับการล้นฟูสืลธรรมโลก ๒๖ บทที่ Q ปัญทาประจำชีวิตของซาวโลก ap www.kalyanamitra.org
สาเหตุแห่งการกระทบกระทั่งกัน ถ้าถามว่าสาเหตุแห่งการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้คนตั้งแต่ สองคนขึ้นไป จนถึงผู้คนจำนวนมากในสังคมต่างๆนั้นเกิดจากอะไร สาเหตุแห่งการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้คนนั้น อาจมีอยู่ มากมายแตกต่างกันไประหว่างบุคคลเหตุการณ์และสภาพแวดสัอม จึงกำหนดให้ชัดเจนไม่ได้ อย่างไรก็ตามอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า สาเหตุสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้คนโดย ทั่วไปก็คือ เข้าใจผิดขึ้งกันและกัน หรือ ไม่ยอมรับขึ้งกันและกัน การป้องกันฟ้ญหาดวามข้ดแข้ง การคิดเตรืยมการป้องกันปัญหาต่าง ๆเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง ก่อนที่ปัญหาเกิด แล้วจึงตามแถ้ ทั้งนี้เพราะดามธรรมดา การแถ้ ปัญหานั้นยากกว่าการเตรืยมการป้องกันหลายสิบหลายร้อยเท่า จึงมีสำนวนพูดกันอยู่เสมอว่า \"กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วแกไม่ทัน\" ปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างบุคคล ถ้ารุนแรงถึงขั้น เด็ดชีวิตกัน นอกจากจะก่อให้เกิดความสูญเสีย และความเศร้า โศกเสียใจอย่างยิ่งสำหรับทุกฝ่ายแล้ว ยังจะเป็นการก่อเวรก่อกรรม ข้ามภพข้ามชาติต่อไปอีกอย่างยากที่จะจบสิ้น ด้งนั้น ถ้าได้มีการเดรืยมการป้องกันไว้อย่างดีก่อนแล้ว ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นเลย หรืออาจจะเกิดขึ้นบ้างก็เพียงเล็กน้อย เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจริง ย่อมฟ้องว่าการ เดรืยมการป้องกันยังมีข้อบกพร่องอยู่ ยังไม่มีประสิทธิภาพพอ พุทธปรราดิ ฉบับการฟ้นฟูคลธร■รมโลก 10๗ บทที่ 0ปัญทาประจำรวิคของชาวโลท www.kalyanamitra.org
จำ เป็นจะต้องย้อนกลับไปสำรวจการเตรียมการป้องก้นให้ถี่ถ้วน อีกครั้งหนึ่ง ย่อมจะพบข้อบกพร่อง แล้วรีบแก้!ขเสีย การเตรียมการป้องก้นฟ้ญหา ถ้าถามว่า การเตรียมการป้องก้นปัญหาการกระทบกระทั่ง ก้นระหว่างผู้คนทั่งหลายในลังคมนั้นจะต้องทำอย่างไร แท้ที่จริง คำ บรรยายในห้วข้อที่ ๑ คือ ทุกข์อ้นเกิดจากการ ดำ รงรวิตน้น คือความรู้สำหรับการเตรียมการป้องก้นปัญหา เกี่ยวก้บการกระทบกระทั่งก้นนั้นเอง บุคคลที่ไต้รับการปลูกฝังอบรมให้เข้าใจอย่างถูกต้องลึก ซึ้งเกี่ยวก้บเรื่องทุกข์อ้นเกิตจากการดำรงชีวิต ตามแนวที่ไต้ บรรยายไว่ในห้วข้อที่ ๑ และนำไปปฏิบัติในชีวิตจริงจนเกิดเป็น นิลัยนั้น ย่อมมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติตน เพื่อ พัฒนาตนตามหลักกุศลกรรมบถ ๑๐ คือ แนวทางทำกรรมดีอ้น เป็นทางนำไปสู่สุคติ ซึ่งประกอบต้วยห้วข้อต่อไปนี้ ก. กายกรรม ๓ คือการกระทำทางกาย ๓ ประการ ไต้แก่ ๑) ละการฆ่า การเปียตเบียน แต่มีเมตตากรุณา ช่วย เหลือเกื้อกูล ๒) ไม่ถือเอาของที่เขามิไดีให้โดยการขโมย เคารพ กรรมสิทธในทรัพย์สินของผู้อื่น ๓) ละการประพฤติผิดในกาม ไม่ล่วงละเมิดประเพณี ทางเพศ ทุฑรปรราด ฉบับกาใส์นฟูสืลธรรมโรก ๒๘ บทฑึ๋0ป็ญพาประจำ?วิ?เของรทวโลท www.kalyanamitra.org
ข.วจีกรรม ๔ คือการกระทำทางวาจา ๓ ประการ ได้แก่ ๔)ละการพูดเท็จ เพราะเหตุตนเอง หรือเพราะ เห็นแก่ผลประโยช'พ็ใด ๆ ๕)ละการพูดคำส่อเสียด ช่วยสมานคนที่แตกร้าวกัน ส่งเสริมคนที่สมัครสมานกัน ชอบกล่าวถ้อยคำที่ สร้างสามัคคี ๖) ละคำหยาบ พูดแต่คำสุภาพอ่อนหวาน ๗)ละการพูดเพ้อเจ้อ พูดแต่คำจริงมีเหตุผล มีสาร ประโยชน์ถูกกาลเทศะ แท้ที่จริงบุคคลที่ปฎิบติดามกายกรรม ๓ และวจีกรรม ๔ได้ บริสุทธ บริบูรณ์และสมั้าเสมอ ก็คือผู้ที่รักษาศีล ๔ ข้อแรกในศีล ๕ ได้บริสุทธึ๋บริบูรณ์นนเอง ค.มโนกรรม ๓ คือ การกระทำทาง ใจ ๓ ประการ ได้แก่ ๘)ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของ^น ๙) ไม่มีจิดคิดร้ายคิดปรารถนาแต่ว่าขอให้สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียน ไม่มีทุกข์ ครองตนอยู่ เปีนสุขเถิด ๑๐) มีสัมมาทิฏฐิ หรือมีความเห็นชอบ เช่น ทานมีผล การบูชามีผล ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมี เป็นด้น บุคคลที่มีความเห็นชอบดามมโนกรรมข้อ ๑๐ นี้ ย่อม พร้อมที่จะปฏิบ้ตดามกุศลกรรมบถ ๑๐ อยู่เสมอ ทุฑธประวัติ ฉบับการฟินฟูศลธรรมโสก ๒»* ม*'ที่0ป็ญหาประจำ?วิดขสงซาวโลก » '■f' พ www.kalyanamitra.org
บุคคลที่ปฏิบัติตนตามหลักกุศลกรรมบถ ๑0 ได้บริสุทธี้ บริบูรถ!ก็เพราะตระหนักถึงผลวิบากของกรรมชั๋ๆจึงตั้งใจคิดดีพูดดี และทำดีอยู่เสมอ จึงจัตได้ว่าเป็นบุคคลที่มีทั้งศีลและธรรมสูงส่ง ด้งนั้นเมื่อบุคคลประเภทนี้ด้องมาอยู่ใกลัชิดลัน อยู่ร่วมในลังคม เดียวลัน แม้จะมีจำนวนมากมายเพียงใดก็ตาม ปัญหาเรื่องการ กระทบกระทั้งลันย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะทุกคนสามารถควบคุมตน ให้ตั้งมํ่นอยู่ในคุณธรรมได้ตลอดทุกลมหายใจ อนึ่ง บุคคลที่มีคุณธรรมทั้งหลาย ย่อมสนใจศึกษา และ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนอย่างกว้างขวาง ย่อมจะมีโอกาส ได้เรียนรู้เกี่ยวลับเรื่องทิศ ๖ ซึ่งเป็นคำสอนเกี่ยวลับหนัาที่ของ ผู้คนในลังคม ซึ่งมีอยู่ไม่เกิน ๖ กลุ่ม จะพีงปฏิบตต่อลันอย่างถูก ด้องเหมาะสม ด้งนั้น บุคคลที่ปฏิบตกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นนิลัย มีความเข้าใจหลักธรรมเรื่องทิศ ๖ เป็นอย่างดี มีความรู้ เรื่องการ ดำ รงชีวิตอย่างถูกด้อง สามารถมีชีวิตอยู่ไดโดยปราศจากทุกข์ เกี่ยวลับการดำรงชีวิต บุคคลประเภทนี้แม้จะอยู่รวมลันมากมาย ลักเพียงใด ย่อมไม่มีปัญหาเกี่ยวลับการกระทบกระทั้งลันเกิตขึ้น อย่างแน่นอน ทั้งหมตนี้คือสาระสำคัญสำหรับการเตรียมการป้องลันปัญหา ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ตลอตจนพระภิกษุสงฆ์ผู้ทำ หนัาที่เป็นครูพระ จะด้องปลูกฝังอบรมให้แก่เยาวชนผู้เป็นบุตร หลานหรีอศิษย์ตั้งแต่ยังเยาว์รัย ให้เกิดเป็นนิลัยดีๆให้จงได้ พุทธประวัติ ฉบับการฟ้นฟูศีลธรรมโลก ๓๐ บทที๋ 0 ป็ญทาประจำธิวิตของซาวโลก www.kalyanamitra.org
เมื่อเตรียมการป้องกันปัญหาไว้อย่างถูกต้องรอบคอบแล้ว ปัญหาย่อมไม่เกิดขึ้น นั่นคือ คนเราจะไม่ต้องประสบทุกข์อันเกิด จากการอย่ร่วมกัน ข ๓. ทุกข์อันเกิดจากอำนาจกิเลส กิเลส เป็นสิ่งที่แอบแฝงติดแน่นอยู่ในใจของทุกๆ คน ตั้งแต่ อยู่ในครรภ์มารดา เมื่อถือกำเนิดเกิดมาในโลก กิเลสก็ยังเกาะติด แนบแน่นอยู่กับใจดลอดเวลา และคอยทำใหจิดใจคนเศร้าหมอง ไม่บริสุทธิ้ จึงเกิดความคิดชั่ว ซึ่งส่งผลให้คนเราพูดชั่ว และทำชั่ว อยู่เนืองๆ ครั้นเมื่อคนเราหมดลมหายใจ กิเลสก็ยังคงเกาะติด ดวงจิต ซึ่งออกจากร่างที่สิ้นชีวิดของเรา เพื่อไปเกิดในภพภูมิใหม่ ต่อไป ในทางธรรมนั่น บางครั้งท่านก็ใช้คำว่า อาสวะ แทนคำว่า กิเลส เพราะถือว่า อาสวะ และ กิเลส ทั้ง ๒ คำ นี้เป็นไวพจน์ของ กันและกัน® คำ ว่า อาสวะ แปลดามศัพท์ว่า เครื่องหมักดอง การนำ คำ นี้มาใช้เรียก เจตสิกหรีออาการของจิตอันเศร้าหมอง เพราะ เป็นสภาพที่หมักดองอยู่ในจิต เจตสิกอันเศร้าหมองนี้บางคราวเรียกว่า อาสวะ เพราะเป็น สภาพหมักหมมอยู่ในจิต ไหลซึมซ่านไปยัอมจิตเมื่อประสบอารมณ์ คืออายตนะภายนอก บางคราวเรียกว่า กิเลส เพราะเป็นสภาพ เศร้าหมองของจิต ® พระธรรมเจดีย์(ประกอบ ธมฺมเสฎโฮ) ป.ธ.๙, ธรรมวิภาคบรรยาย สำ หรับนักธรรม และธรรมศึกษาโท ตอน ๑ หน้า ๒๓๗ ทุฑธปรรวัต ฉบับการฟินฟศีลธรรมโลก ๓๑ บทฑึ๋ 0 ป็ญทาประจำขวิดของชาวโลก ' ^ เ> a ■3 V 0 www.kalyanamitra.org
ในทางธรรมนั้น แบ่งอาสวะออกเป็น ๓ ชนิด คือ ๑) กามาสวะ หรืออาสวะเป็นเหตุให้อยากได้ เป็นเจตสิก หรืออาการเศร้าหมองของจิต ที่ทำ ให้อยากได้ทรัพย์สมป๋ต ลาภ ยศ ตลอดจน รูบ่ เสียง กลิ่นรส สัมผัสที่น่าใคร่ต่างๆ ๒) กวาสวะ หรืออาสวะเป็นเหตุให้อยากเป็น เป็นเจตสิก หรืออาการเศร้าหมองของจิตที่ทำให้บ่รารถนาจะมีชีวิตยืนยาวอยู่ ในภพนี้หรือไบ่เกิดในภพชาติอื่นอีกนั้นเอง ๓) อวิชชาสวะ หรืออาสวะเป็นเหตุให้โง่เขลา เป็นเจตสิก หรืออาการเศร้าหมองของจิต ที่ทำ ให้!ม่รู้จริงในเรื่องธรรมตา จึง เกิดความเข้าใจผิดในสักษณะตรงกันข้ามกับความจริงโดยสิ้นเชิง คือเข้าใจผิดว่าสิ่งที่ไม่เป็นธรรมคือสิ่งที่เป็นธรรม และเข้าใจ ผิดว่าสิ่งที่เป็นธรรม คือสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เช่น เข้าใจผิดว่าสิ่งที่ ไม่เที่ยงแท้ คือสิ่งที่เที่ยงแท้ สิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์ คือสิ่งที่ทำให้ เป็นสุข สิ่งที่มิใช่ด้วตน เป็นด้วตน เป็นด้น อวิชชาสวะนี้เป็นอาสวะที่ร้ายแรงกว่าอวิชชาทั้งบ่วง เพราะ เป็นเหตุให้เกิดสังขาร และนามรูบ่ เป็นด้น ด้งที่บ่รากฏใน บ่ฏิจจสมุบ่บาท อนึ่ง สำ หรับเรื่องของอวิชชานี้ท่านแบ่งออกเป็น ๘ บ่ระการ คอ ๑. ไม่รูจกทุกข์ หมายถึงไม่รู้จักเรื่องทุกข็ในอริยสัจ ๔ แต่ พระสัมมาสัมพุทธเจัาทรงรู้อย่างแจ่มแจังว่า ทุกข์ทั้งหมดมีอยู่ ๒ บ่ระเภท คือ ทฑรปรรว้ฅ๊ ฉบับการฟินฟูสิลธรรมโลก ๓๒ บฑฑี๋ a ป็ญทาประจาขวิดของชาวโลก « •^''^0 www.kalyanamitra.org
๑) สภาวะทุกข์ หรือทุกข์ประจำ แปงออกเป็น ๓ ชนิด คือ ๑.๑) ชาติทุกข์ แปลว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ๑.๒) ชราทุกข์ แปลว่า ความแก่เป็นทุกข์ ๑.๓) มรณะทุกข์แปลว่า ความดายเป็นทุกข์ ๒) ปกิณกทุกข์ หรือทุกข์ที่จรมา แปงออกเป็น ๘ ชนิด คือ ๒.๑) โสกะ ความเศร้าใจ เสียใจ ๒.๒) ปริเทวะ ความรำพัน ปนเพัอ ตัดอาลัย ไม่ขาด ๒.๓) ทุกฃะ ความไม่สบายกาย เจ็บป่วย ๒.๔) โทมนัสสะ ความน้อยใจ ๒.๕) อุปายาสะ ความตับใจ ดรอมใจ ๒.๖) สัมปโยคะ ความประสบสิ่งที่เกลียด ๒.๗) วิปปโยคะ ความพลัดพรากจากสิ่งที่ร้ก ๒.๘) อลาภะ ความผิดหวัง ไม่ได้สิ่งที่ตน อยากได้ ๒. ไม่รู้จกเหตุให้เกิดทุกข์ พระลัมมาลัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่ ทรงตันพบว่า ตัณหา แปลว่า ความทะยานอยาก ซึ่งหมายถึง กิเลสนั้นเองเป็นเหตุให้คนเกิดทุกข์ และทรงแปงตัณหาออกเป็น ๓ ประเภท คือ พุทรป7รวัค๊ ฉบับการส์นฟูสืรธรรมโลก ๓๓ ม*'**0ป๋ญทาประจ่าชวิคของชาวโลก www.kalyanamitra.org
๑) กามตัณหา คือ ความอยากไดสิ่งต่างๆ เช่น สามี ภรรยา เงิน ทอง เป็นต้น ๒)ภวตัณหา คือ ความอยากเป็น เช่น อยากเป็น นายกร้ฐมนตรี อยากเป็นเศรษฐี เป็นต้น ๓)วิภวตัณหา คือ ความอยากไม่เป็น เช่น อยากไม่ เป็นคนชรา อยากไม่เป็นหัวหน้า เป็นต้น ๓. ไม่รู้จักความตับทุกข็' ความต้มทุกข์อย่างแท้จริงต้องดู ที่จิต อันไม่มีต้ณหาหลงเหลืออยู่เลย สละทิ้ง ไม่ข้องเกี่ยวหมด ห่วงอาลัยเยื่อใยในสิ่งทั้งปวง แต่คนทั้งปวงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เพราะถูกอวิชชาปิดปังไว้ ๔. ไม่รู้จักทางให้ถึงความตับทุกข์ หมายถึง ไม่รู้จักวิธี ปฏิบตอันเป็นทางสายเดียวที่จะทำใหัผู้ปฎิบตบรรลุนิพพาน หรีอ ถึงนิโรธที่เป็นความต้มทุกข์อย่างสนิท ท้ง ๔ ประการนี้ เรียกว่า ความหลงไม่รู้จริงในอริยสัจ ๔ ซึ่ง เป็นธรรมของพระอริยเจ้า ๕. ไม่รู้จักอดีต คือ ไม่รู้จักเหตุ หมายถึง ไม่รู้จักสาวเหตุใน อดีตเมื่อไต้รับผลในปัจจุบัน เช่น เมื่อประสบทุกข์ก็ไม่รู้ตามความ เป็นจริงว่า ทุกข์นั้นมีเหตุมาจากกรรมชั่วที่ตนเคยทำไว่ในอดีต กลับคิดว่าเป็นการกระทำของคนอื่นหรีอถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง ๖. ไม่รู้จักอนาคต คือ ไม่รู้จักผล หมายถึง ไม่รู้จักคาดถึง ผลในภายหน้า ที่จะเกิดจากการกระทำในปัจจุบัน เช่น ไม่รู้ว่า การประกอบกรรมชั่วในปัจจุบันจะทำใหัตนประสบทุกข็ในภายหน้า ทุทธประวัต ฉบับการฟ้นฟูสืลธรรมโลก ๓๔ บฑฑึ๋ 0 ป็ญทาประจาชีวิตของขาวโลก www.kalyanamitra.org
๗. ไม่รู้จักทั้งอดืตและอนาคต คือ ไม่รู้ทั้งเหตุและผล หมายถึง ไม่รู้ว่า การกระทำในอดีตย่อมส่งผลไหIนปัจจุบัน การ กระทำในปัจจุบันย่อมส่งผลไหในอนาคต คือ ไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรม นั่นเองซึ่งจะชักนำคนเราไห่ทำพฤติกรรมเสี่ยงต่อนรกอย่างยิ่ง ๘. ไม่รู้จักปฎิจจสมุปบาฑ คือ ไม่รู้จักว่าสภาพต่างๆ ต่อ เนื่องกัน อาศัยกันและกันเกิดขึ้นและเป็นเหตุและผลของกัน และกัน การจะดับผลได้ต้องศับที่เหตุไม่ใช่ศับที่อื่น จากเรื่องกิเลสและอาสวะที่บรรยายมาทั้งหมดนี้ ท่านผู้ อ่านคงเห็นแล้วว่า อวิชชาสวะ เป็นเรื่องที่เป็นเหตุแห่งความโง่ เขลาของคนเราอย่างแท้จริง เพราะทำให้คนเราไม่รู้เรื่องต่างๆ ตาม ความเป็นจริง ซึ่งจำเป็นต้องรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเหตุและ ผลหรือกฎแห่งกรรม เมื่อไม่รู้เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ตามความเป็นจริง หรือรู้ผิตๆ ก็ทำ ให้คนเราตั้งอยู่ในความประมาท มีความคิดเห็นผิดไปจาก ทำ นองคลองธรรม เมื่อคิดผิด ก็พูดผิด และทำผิดอยู่รื่าไป พฤติกรรมเหล่านี้ ย่อมเป็นการสั่งสมบาปอกุศลอยู่เสมอ ซึ่ง นอกจากจะก่อให้เกิดความทุกข์และความเดือดร้อนแก่ตนใน ปัจจุบันชาติแล้ว ยังจะส่งผลให้ต่อเนื่องไปยังภพชาติต่อๆไปอีก นอกจากนี้ อวิชชาสวะย่อมจะเป็นเหตุแห่งความไม่รู้ เกี่ยวกับเรื่ององค์ประกอบของรูปกาย เรื่อง \"พอประมาณใน การบริโภค\"เรื่อง\"หัวใจเศรษฐี\"ดลอดจนเรื่องกุศลกรรมบถ ๑๐ และเรื่อง ทิศ๖จึงเป็นสิ่งที่แน่นอนว่าบุคคลที่กอปรด้วยอวิชชาสวะ จะต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับทุกข์ทั้ง๓ ประการที่กล่าวมาแล้วคือ พุทธประวัต ฉบบการฟ้นฟูศลธรรมโลก ๓๕ ม*'*'0ฟ้ญพาประจำชีวี*เของขาวโลก www.kalyanamitra.org
๑. ทุกข์อันเกิดจากการดำรงชีวิต ๒. ทุกข์อันเกิดจากการอยู่ร่วมกัน ๓. ทุกข์อันเกิดจากอำนาจกิเลส สรุป บุญและบาปเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราเกิดมาแตกต่าง กันด้วยประการต่างๆ ซึ่งเป็นผลของกรรม ที่แต่ละคนเคยสร้างไว้ แต่ชาติปางก่อน แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คน ซึ่งเกิดมาใน ปัจจุบันชาตินี้ มีนิส้ย ความคิดเห็น สติปัญญา ความสามารถ ดลอดจนคุณธรรมแดกต่างกัน ก็คือ การปลูกฝังอบรมสั่งสอน แนะนำจากบุพการี คือ บิดามารดาและครูอาจารย์ ดลอดจนผู้Iกล้ ชิดด้งแต่เยาว์ว้ย กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การดำรงชีวิดของแต่ละคน นั่นเองที่ทำ ให้คนเราแดกต่างกันด้วยเรื่องต่างๆด้งกล่าวโดยเฉพาะ ที่สำ คัญอันด้บแรก ก็คือเรื่องนิสัย ผู้ที่มีนิสัยหยาบ นิสัยเกียจคร้าน นิสัยมักง่าย นิสัยตระหนึ่โดยสรุปก็คือ นิสัยไม่ดีทุกอย่างของผู้คน ในสังคม ล้วนเกิดจากสภาวะความเป็นอยู่ คือ การดำรง ชีวิตของตนทังสิน ซึ่งนอกจากจะเป็นปัญหาการดำรงชีวิตอย่าง ต่อเนืองแล้ว ยังจะเป็นเหตุให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่ง กันระหว่างผู้คนทั้งหลายอีกด้วย นิสัยไม่ดีทุกอย่าง ล้วนเกิดขื้นเองโดยไม่ด้องมีการปลูกฝัง เช่นเดียวกับว้ชพืชซึ่งเกิดขี้นได้เองโดยไม่ด้องมีผู้เพาะปลูก มิ หนำชํ้ายังเจริญงอกงามบดบังพืชที่ผู้คนปลูกไว้และดูแลเอาใจใส่ 11ฑธป'รราผ ฉบับกา'!ส์นฟูศีลธรรมโลก . . 0ฟ้ญทาป!ะจำชีวิตของชาวโลก พ'^' V www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280