ทนิ้กี่พอจรไฅ้กวามหมายมงกลในแบบกับมงกลนอกแบบไต้แล้ว \"มงคลในแบบ\" กือมงกลทํ่พรรพุทธเจ้าไต้ทรงลอนไว้จำนวน ๓ฝ อย่าง ทั้ง ๓๘ อย่างนั้เท่านั้นจึงจรนำกวามฟ้ขกวามเจริญมาให้แก่มนุษย1ต้อย่างแท้จริง \"มงคลนอกแบบ\" กือมงกลทํ่นอกเหนือไปจาก ๓๘ ปรรการนั้น ชํ่ง ไต้แก่ มงกลทํ่ซาวโลกทั่วไปนับถือว่าเป็นของคกังกล่าวถงข้างต้น พูฅง่ายๆ อกทก็่ทือ กงคลในแบบเป็นมงทถณกิดจากกาTnr^ทำก้วยฅัวเอง ไมใช่เfองคลบันคาลให้เป็นไป หรือห้วยอำนาจของเทพเจ้า ควงดาว แลร!วัตถุใคๆ ทัง้ร้น แต่เป็นผลทึ๋เกิคจากอิทริพลของกาTลงมือปฏิบัติของมนุษย ต่วนมงคลนอก แบบเป็นมงคลทํ่เกิคจากวัตถุภายนอก จากอำนาจคลบันตาลของเทพเจ้า ตวงคาว หรืออยู่ภายให้ของโชคเค ห้ เป็นห้น มงกลทั้งลองนั้ ในทางพรรพุทธศาลนาให้เซื๋อมงกลในแบบเท่านั้น เพราร ลามารถนำกวามลุฃ กวามเจริญ นำ ลมบัฅิทั่มนุษย์ต้องการมาให้!ต้ทุกอย่าง นับ ทั้งแก่มนุษย์สมบัติ ลวรรกลมบัติ แลรนิพพานส์มบัติอันเป็นลมบัฅิวิเศษศูงสุค มงคลในแบบ ๓๘ ปรรการนั้น เซ่น การไม่กบกนพาล การคบแก่บัณฑิต การบูชา สิงทํ่ควรบูชา การทั้งตนไว้ชอบ เป็นต้น จนชั้นลูงลุคกือการท่าใจให้หมคจกจาก กิเลล ให้มความเกษม ส่วนมงคลนอกแบบชงไต้แก่วัฅถุบางอย่าง เซ่น ต้าย อาวธ ใบไม้บางอย่าง เซ่น ใบเงินใบทอง ขนมบางอย่าง เซ่น ทองหยิบ ฝอยทอง ถ้วยฟู ล้ฅวบางชนิค เซ่น แมว ข้าง ม้า โก นก รวมไปทั้งอำนาจชองเทพเจ้า ควงคาวก่างๆ มงคล นอกแบบเหล่านั้ย่อมเป็นไปไมไต้ทจรบันคาลกวามลุฃ ความเจริญ แลรสมบัติให้แก่ มนุษย์ใต้ทุกอย่างเหมือนมงคลในแบบ แก่ซาวโลกยอมรับว่าเป็นมงกล จึงให้กวาม นับถือกันอยู่ ก็่เพรารนำกวามลบายใจมาให้แก่ยู้เป็นเจ้าชอง เซ่น ถ้าแก่งงานไม่มื มงกตแฝคลวม กู่ปาวลาวก็่จรไม่ลบายใจ ถือว่าท่าไม่ถูกวิธ เมํ่อไม่ลบายใจก็่ท่าให้ เป็นกังวลอยู่เรํ่อย ท่าให้จิฅใจหวาครรแวงอยู่เสมอ หากมืเรืองไม่คเกิคชั้นภายหลัง ก็่จรโทษทันทว่าเพรารไม่สวมมงกลแฝกเป็นต้น ชั้งทั่จริงแล้วคนทั่สวมมงคลแฝก แก่งงานกลับหย่าร้างกันมืเรํ่องราวกันก็่มาก ส่วนกนไมไต้สวมแก่อยู่คกินคก็่มืถมไป พระธรรมกิตติวงศ์ I ๘๕ www.kalyanamitra.org
แฅ่ทํ่ยังถือยังทำอยูกเพราร;ทำเพํ่อให้เกิคกวามสบายใจ ถือตกในกฅิทํ่ว่า ทำ คกว่าไม่ทำ ทำ ไปแล้วกใม่เถืยหายอันใค เรองอํ่นๆ ก็่เช่นกันถือกันมาเถืยจนเป็นปกติธรรมคา ไม่เป็นของแปลก แต่ ถ้าไม่ถือสิกลับเป็นแปลกไป ก็่อยูในลักษณรเคยวกันนั้น ถือทำคึกว่าไม่ทำ มคึกว่า ไม่ม เซํ่อคึกว่าไม่เชื่อ อ:;ไรทำนองนั้น ยังมอกมงกลหนงทึ่ทางศาสนาปฏิเสธว่าเป็นสิงไม่กวรถือถือ มงคลตนข่าว อน มงคลคืนข่าว ก็่ถือการเถือถืออรไรตามข่าวราถือคามทํ่ไตยนไคึฟิงมา เข้าลักษณ::กนหูเบา เชื่ออรไรง่ายๆ เช่นเมอเรวๆ นั้มสาส์นแห่งการนำโซกลาภ รรบาคไปทั่วกรุง กนทํ่เชื่อณกรงกลัว พิมพ์แจกกนโน้นบ้างกนนั้บ้างต่อๆ กันไป กนทไม่เถือกี่เฉยๆ แลรกี่ไม่เห็่นจรมอรไรเกิคซั้นคังนั้เป็นต้น นึ๋เป็นการเชื่อแบบกน หูเบา แบบโง่เขลา ไม่กิคถืงเหตุผล กวามเป็นไปไต้ ตกอยู่ในกวามกลัวตาย เขาว่า กนโง่เป็นเหยือฃองกนฉลาคกี่เพรารอย่างนั้เอง ไมไคไซปิญญาพิจารณาไตร่ตรอง คูเหตุผลเถืยก่อน ว่าเป็นไต้หรือไมใต้ นแหลรหนอ อิทธิพลมงคอฅนข่าว ปีฅบังปีญญาคนฉลาฅๆ กึ๋ใต้ ทำ ให้ ฅาบอคฅามัวก็่ไคั แล:!ทำให้ล่มวมกันมาไม่ทู้ท่าไmแต้ว ยังไม่เพกันอิก กรรมของมนุษย์แท้ๆ! พรรมหาทองคึ ศุรเตโช ป.ธ.(ะ^ ๘๖ แ ไขข้อซ้อง'รื'0 www.kalyanamitra.org
ไขขัอข้อVโๆ จาก \"มงทกป็าร'' เคอนพฤษภาคม kD&®๙»' กามโคย... ๆฌสิทธิรัย เคโช ฉาพ อายซองศาสนาพทรมกปี เรมต้นเมึ๋อไร ร้นสุดเมอไร s.พ'อช;; เรองธายุของพระทุทธศานานิ้ฟ้นเรํ่องทํ่กนโบราณเชํ่อถือกันมานานแล้'ว ว่าศานาพุทธฯะมอายุไล้ ๕,000 บแท่านั้น โดยนับเรํ่มแค่ป็ทพระพุทธเล้า 1ไรินิพพาน กือเท่ากับ พ-ศ. ร) ในป็นั้นนั่นเอง กี่แฟ้ฅงว่าศาศนาพุทธนอายุอ่วง มาไล้ ๒๕ร)๙ ปีแล้ว กราวนั้บาว่ากันคามหกักวิชาบ้าง ผู้คอบยังไม่พบหกักฐาน■จากทํ่ไทนทํ่บ่ง บอกว่าพระพุทธองก์ไล้ครัฟ้อายุพระพุทธศาศนาไว้เพบง ๕,000 ปี เหี่นมแค่ ปรากฏในกัมภรญาโณทัยปกรณ ซํ่งพระพุทธโร!ษาไล้แต่งไว้เมื่อประมาณศควnw ท ร)0 พระเถระองกนั้เป็นผู้ฉลาด แค่งกัมภรอธิบายกวามพระพุทธพจนไว้มาก จนไค้รับยกย่องจากนักปราชญทั่วไปทั้งในประเทศทนับถือศาฟ้นาพุทธและนบถืบ ศาสนาคํ่น กัมถืรทท่านแค่งไว้นั้น กณะสงฟ้ใทยไล้นำมาเป็นหกักสูฅรใท^กบา เล่าเรยนกันดั้งแค่ขั้นประโยก ป.ธ.๓ ถึง ป.ธ. เลยทเคยว www.kalyanamitra.org
ในคัมภรญาโณปกรณนั้น มบทเริ่มก้นว่า \"พรรพุทธสาสนาจ;!ครบกำทนฅ ๕,๐0๐ ปี ในปีชวค\" ฃัอกวามเพียงเท่านั้กระมังทํ่ทำให้กนโบราณถือว่าเป็นอายุพรรพุทธ•ศาสนา และบอกเล่ากันฅ่อๆ มา ตามกวามเห็่นของยู้ฅอบแล้ว เหี่นว่าอายุของพระศาลนาอาจมากหรือน้อย กว่านั้นก็่ใก้ แต่อย่าไก้เป็นห่วงอายุพระศาลนาเท่านั้นเลย ห่วงอายุของตัวเองเถิค อย่าให้อายุของตัวล่วงเลยไปโฅยเปล่าประโยขน ประพฤติคปฏิบัติชอบตามหลัก ศาลนาไว้เลมอแล้วศาลนาก็่ชํ่อว่าบังอยู่ อายุศาลนาจะบังไม่สินไป ตอนนั้ขออ้างตำราหน่อย ถือในตำราท่านว่าไว้ว่า กวามลูญสินไปแห่ง ศาลนาบันเป็นไปตามลำตับขั้นตอน ถือเถือมไปตั้งแต่ข้อก้นจนถืงฃ้อลุคห้าย ลำ ตับของกวามเถือมม ๕ ขั้น ถือ (๑) ปริยัตติอันตรธาน กวามเถือมแห่งการถืกษาเล่าเรืยนธ•รรมวิบัย (๒) ปฏิบัตติอันตรธาน กวามเถือมแห่งการปฏิบัติธรรม (๓) ปฏิเวธอันตรธาน กวามเถือมแห่งการรู้แจ้งธรรม {๕) ลิงคอันตรธาน กวามเถือมแห่งเพศ (๕) ธาตุอันตรธาน กวามเถือมแห่งพระธาตุ หมายกวามว่า อันตับแรกการถืกษาเล่าเรืยนพระธรรมวิบัยแลร!กำลอน ของพระพุทธเจ้าจะเถือมลูญไปก่อน หาผู้ถืกษาไมไก้ เมํ่อไม่ถืกษาก็่ใม่รู้ เมํ่อไม่รู้ ก็่ปฏิบัติไม่ถูก ปฏิบัติตามใจชอบ การปฏิบัติธรรมกี่เถือมลูญ เมํ่อไม่ปฏบัติธรรม การรู้แจ้งแทงตลอคมรรกผลกี่ไม่เกิคชน พระเณรกี่เป็นเพียงน้น่งเหลืองห่มเหลือง เท่านน หบักเข้าๆ กี่ใม่มยู้ศรัทธาทํ่จะบวช บวชแล้วกี่ไม่มยู้เลํ่อมใลศรัทธาทจะ; บำ รุงเลั้ยง กวามเป็นอยู่ชองพระเณรกี่ลำบาก เมํ่อลำบากกี่อยู่ไมไอ้ พากันลืกไป หมค ทบวชใหม่เพิมเติมกไม่ม ผู้คำ รงเพศเป็นพระกี่หมคไป เมํ่อพระเณรหมคกี่ไม่ม กนกราบไหว้บูชารักษาพระธาตุ พระธาตุกี่ย่อมเถือมลูญไปตามธรรมลภาพ เมํ่อ พระธาตุอันตรธานเถือมลูญไป ศาลนากี่ชํ่อว่าหมคอายุลงก้วยประการฉะ:นั้ ๘๘ ไพ้อซ้อง ริ'9 www.kalyanamitra.org
ใน ๕ ข้อนั้น ข้อแรกเรั๋มก่อตัวขนแอ้'ว นอะมแนาโน้มว่าจเรมอันศรธานไป โศยเร็่วเ^แฅ้วยซ ถาม ไคท^นผู้njรตซอบfiๆสนา}^ทร (ทมายถงโลกวิญญาณ} ตอษ.' ^บธคชอบฅ่อศ นาพุทธนั้นหาใขไกรทํ่ไหนเอย ทแทกพวกเราชาาพุทธ นํ่แหลร ซาวพุทธทํ่เรยกว่า \"พุทธบริษัท\" ทั้งภิกษุ ภิกษุณ อุบาฟิก อุบาสิกา ทุกท่านนี่เองทิ่เป็นขู้รับธศชอบฅ่อพระพุทธกาฟินา เป็นกาส์นทายาทททัเมรคกศาฟินา มาจากบรรพบุรุษแอ้วศ้องข่ายกันประตับประกองไว้ใหค ข่ายกันรับผิคและรับขอบ ทเกิศขนฅ่อพระกาฟินา กอก้องรับทั้งส่วนทํ่ผิคและสิานทขอบ ไมใข่รับเฉพาะส่านทึ่ ขอบอย่างเคยว ส่านทธฅกืถ กวามผิคพลาฅในการคำเนินการรักษาพระกาฟินา กาามมิค พลาฅในนโยบายการเผยแผ่พระกาฟินา กล่าวกือกวามเสิยหายทเภิคข็้นแอ้า ท กำ ลังเภิฅขน และทจะพงเกิคขนในวงการพระกาฟินาก้องยอมรับกันว่าเป็นกวามมิค แอ้าข่ายกันหาทางแก!ขปรับปรุง ไมโยนกลองกันไปมาหรือหันหลังให้ส่านทมิคนั้ เพราะคราบใฅพุทธบริษัทไม่ยอมรับส่านทมิคว่าเป็นมิค กี่ย่อมจะแห้กาามมิคไมไก้ เหมือนหมอจะรักษาโรกก้องยอมรับว่านั่นเป็นโรคจริงๆ เลัยก่อนจงจะรักษาให้หาย ไค้ หากไม่ยอมรับว่ามนเป็นโรกแอ้ายากทจะรักษาไค้ หรือบางทไม่ยอมรักษาไปเลย ส่วนการรับขอบนั้นไม่ก้องพูคถงเพราะส่านใหญ่กี่ขอบกันอยู่แอ้า ขรับมิคซอบค่อศาสนานั้นคือพุทธบริษัทตังกล่าว คราานพุทธบริษัททว่า นั้นอยู่ในวั'คกี่มื อยู่โนบ้านกี่มื โคยเฉพาะผู้อยู่ในวคค้องเป็นแกนกลาง เป็นขู้ริเรม เป็นผู้นำเป็นผู้เสนอ ผู้อยู่บ้านเป็นผู้คาม เป็นผู้สนอง ผู้อยู่วัค ไก้แก่พระเณร ทั้งนี่เป็นมหาเถระ พระเถระ อุปิขณาย่ อาจารย่ จนถงพระหนุ่มเณรน้อยทั้งหลาย พระธรรมกิตควงศ์ I ๘๙ www.kalyanamitra.org
ผู้อยู่บ้าน ไค้แก่พ่อบ้าน แม่บ้าน สมาซิกในกTอบกราทั้งหมค รวมทั้ง หน่วยงานทางราชการทํ่มหน้าทึ่รับผิคฃอบก่อสาสนาโดย{ๆรง เข่น กรมถารสาสนา กรมสืสปากร และโคยอ้■อม เข่น โรงเรยน เป็นค้น ฌื่อ^ายวัคป้ายบ้านมาช่วยกันพิๆ ^งๆ นตัว finสมาพุทรmsเป็นไปไท้ อย่างTาบTU หากย่างก็่ข่วยกมไปคามหมัาทํ่เท่านั้น ไม'รทวามรับผิดชอบ ไม่กร:!ฅร- fsTU ไม่รสิฅย่านึกว'าท้ธงทำเฬื่ธสาสนาธ้'นเป็นทื่รักเป็นทหวงแหนแตัว สทาพ ชองศาสนาใ^ทรก็่สรร'งทงเป็นธย่ธย่างทํ่เห็่นๆ กัน รอาจสรเอวร้ายสงทุกกันๆ กล่าวคอ นู้คนย่างวัดห่างศาสนากันมากขน กัยศาสนาเกิดอกสามมากขน ศาสนา หรืออัทริอํ่นย่อมไท้โอกาสไท้ซ่องทํ่สรเนยแม่ศาสนาของคนไท้รวดเร็่วซนท้วยจํ้า น้าวะว่าใหซัครัค!ไมลงไปก็่กือว่า ขอให้พทธบ?ษัทพยายามประพฤคิปฏิบัคิ ธรรม ทั้งสอนอบรมธรรม และทำดวทำไวให้อยู่ในกรอบชองธรรมเท่านั้น เท่ากับว่า ไค้ช่วยกัน?บผิคขอบก่อศาสนาแล้ว เพราะการทำเข่นนั้นเท่ากับว่าไค้สร้างพลังใน วงการศาสนา หากวงการศาสนามพลังอย่างว่าและค่างกี่คค้วยกันทั้งหมดแล้ว ใคร วะมาทำอะไรเราไค้ เหมือนมือทปราศวากแผล วะกอบวะกำยาพิษไปไหนก็่ย่อมไค้ ยาพิษวะทำพิษใหใมไค้เสย เพราะเราไม่มืแผลให้ยาพิษแทรกขึมเข้าไป รวมศวามนตัวท้องช่วยกันแสรช่วยกันสริงๆ ว่างนเถอร ถาม , ทำ ไมพุทรศาสนิกชนท้องถูภกัทธิอึ๋นมาปราบปรๆมแถรเทยยคทยามท่ๆอๆย ศาสนาพุทรของเท องคพรรท้มมากัมพุทธเจ้าทำไมไม่สหการเอง (ทมายกงทำลาย เอง ไม่ท้องถูกเหยยคหยาม) ^ว่'!พระพุทธศาสนิกซนมักถูกกนลัทธิอนมาปราบปรามและเหยยคหยาม ทำ ลายอยู่เสมอนั้นกงเป็นเพราะว่า พุทธศาสนิกขนไค้รบการอบรมมาอย่างฅแล้วว่า อย่าไค้เบยคเมืยนกัน แก่ค้องช่วยเหลอกันคามมืฅามกำลัง ทั้งเหล่านั้เป็นเหคุไมให้ จองเวรกัน ให้อยู่กันค้วยลันฅิสุข มืกวามร้กใกร่ปรองกองกัน มืเมคฅาวิคหกังคก่อ กัน บางกนอาววะเข้าใวว่าเป็นกำสอนทั้ทำให้กนอ่อนแอ ทำ ให้กนขาดสมรรถภาพ ทำ ให้ประเทศซาคิล่มวม ใใ!ขัอธ้อง% www.kalyanamitra.org
ถ้ามองอย่างผิวเผินก็่อาจจรเป็นฟนนั้น เพราะ!ผู้มกุณธรรมเหมือนเป็นกน อ่อนแอ แต่ถ้ามองใถ้ลึกแล้ว คุณธรรมเหล่านั้นสร้างกนให้เข้มแฃี่ง สร้างพลังให้ กนทเคยๆ พลังทว่านั้เป็นพลังภายใน พลังภายใน'นนฅ้องเป็นพลังทเกิคจากกวาม อ่อนละ:มุนด้วยคุณธรรม และ:จะ;สามารถเอาชนะ:ลัฅรูด้วยพลังนั้นได้!ม่ยากนัก กามปิญหานั้น ถ้าเราจรมองกูกามประ:วัคิศาสฅรแล้ว จรเห็่นได้ว่าทพรร- พทธศาสนาอยู่ในปรรเทศนั้นๆ ไมได้ โคยทํ่สุกแมIนปรรเทศอินเกยชงเป็นด้นกำเนิค พรร'พุทธศาสนากี่กาม เป็นเพรารว่ากนในปรรเทศนันๆ ยังมืคุณธรรมอันเป็นพลัง เหล่านั้ลันอยู่หรือ ไม่มืเลย 'พุทธบริษัทในประเทศนันๆ ต่างแก่งแย่งชิงคชิงเต่นลัน ต่างทำลายลันเองจนอ่อนแอ ข้าลึกลักรูแทบจรไม่ก้องออกกำลังเลย กี่เอาชนรได้ โกยง่าย กราวนั้มามองกูในเมืองเราบ้าง เรานับถือศาสนาพุทธลันมากั้งแต่กรุงสุโขทัย แลรกี่นับถือเ'รอยมาจนถืงษัคนั้กี่เกือบพันป็แล้ว เรากี่ยังนับถือลันคอยู่ แม้จรมืบางกรั้ง เกิคลึกสงกรามหรือมืกนต่างศาสนาต่างลัทธิมาเขยแพร่ก็่ทำล่าเร็่จไม่กํ่เปอรเซึ๋นด้นัก กนไทยเรากี่ยังมั่นกงในศาสนาเดิมชองกน ใกรจรยุยงให้เราแกกลัน ให้ทรเลารลัน เรากี่เป็นไปกามนั้นบ้างกามกำยุหรือด้วยกวามหลงผิค แก'ต่อมาเรากี่ล่านึกได้แล้ว รวมตัวลันเหมือนเดิม ชาติไทยเราแลรศาสนาพุทธเราจึงคำรงมาได้จนถืงทุกวันนั้ นเปีนเพราiเรานคณธรรมทบางคนเหึ่นว่าคน(เอนให้ตนอ่อนแอมิใช่หรือ ข้อล่ากัญชาวพุทธเราอย่าเหยยคหยามอย่าทำลายศาสนาพุทธเองเถืยเท่านั้น ถ้าเราทำลายลันเลึยเองแล้ว ศาสนาพุทธจะอยู่!มได้ เหมือนสนิมเหลื่กมั่นไง มันเกิก จากเหล็่กแล้วกี่ลัคเหล็่กทํ่คนเกิคนั้นแหลรจนกร่อนไป ไม่ใช่สนิมจากเหล็่กอันอํ่นเลย ศาสนากี่เช่นลัน ชาวพุทธเรานํ่แหละจรทำลายเลึยเอง กนลัทธิอื่นศาสนาอนทำลาย ไมได้หรอก ททำลายมาล่าเรืจกี่เพรารกนพุทธล่วนใหญ่เลิกนับถือพุทธหรือกลายเป็น ด้ามให้เขามาทำลายพุทธมั่นเอง ทคุณถามว่าทำไมองกํพระลัมมาลัมพุทธเจ้าไม่จัคการทำลายผู้ทำลายศาสนา เลึยเองนั้น ข้อนั้กอบได้ง่ายมาก พระธรรมกิคคิวงศ์ I ๙๑ www.kalyanamitra.org
กึป็พTะทุทธองก์ทรงฟ้ธนไว้เองmฅยวว่าไมให้เบยคเบยนกัน มให้ทำดายกัน ทำ ไมพระองกจรทรงทำลายเสืยเองเล่า เป็นไปไมไห้ ถ้าพระพุทธเว้ายังทรงพระซนมอยู่อาๆทรงคอบปิญหาของทุนJOT Swun กึ๋เปีนนักทำตายเหรอนกัน นฅ่ทำลายกิเกtl นาควานไม่ฅปีอกไป'9ากh และช่วยให้ ขาวบ้านทำลายกิเถลขธงคนๆ ทวยนะ\" อะไรทำนองนแน่ ในดนัยพระพุทธเว้าเองกี่ยังมผู้ทำลายพุทธคาดนา ยังเหบยคหยามพระองท เหมอนกัน แต่พระองกกี่ทรงใช้ทุศโลบายทำลายกๆามกิฅเห็่นผิคๆ ซองบุกกลนั้น เสียไห้ โคยใช้ธรรมาวุธกอพระกรุณาคุณและพระ!]ญญากุน!ซองพระองก ทำ ให้ ถ้นั้นหันเช้าหาธรรมเป็นทํ่พํ่งไห้ ใน^นะทเราเปีนพทธบฅร ทำ ไนเราไม่ลองนำธทนาวุธต่างๆ ทิ่พระพุทธเจ้า ประทานไว้นาไซ้ทำให้คนทำลายคาลนา เหปียคหยามคาลนาทันนาบ้นถือคาลนากัน บ้างเล่า ถาม นู้ทำ ตายคาสนาพุทรคะต้องถูกกรรมตามในชาตินไทม ;RflU| กำ ถามนั้เป็นกำถามทํ่กว้างมาก คุณกงหมายคๆามว่าเขาาเะไค้รับกรรมใน ชาคินั้!หมนั่นเอง ช้อนั้ห้องแยกประเค็่นออกใ'หซัคเจน กือเซาทำลายอะไรในศาลนา ทำ ลาย กาลนว้ฅถุ ทำ ลายกาลนลถาน ทำ ลายกาลนธรรม หรือทำลายกาลนบุกกล และ ทำ ลายห้วยวิธไหนอย่างไร ห้องแยกออกอย่างนั้ เพราะผลกรรมไม่เหมือนกัน ช้อนั้ จึงคอบยากมาก ว่ากันเฉพาะผลกรรมในซาคินั้คาม!]ญหากี่แล้วกัน ยู'ทำลายกาลนาในห้านวัคคุ เซ่น ลักขโมยพระพุทธรูป หรือคคเสียรพระ ลักซองในวัค อาจถูกจับไห้แล:ถูกจำคุกจำซังเป็นห้น หากทำลายกาลนบุกกล เซ่น ทำ ร้ายภิกษุลามเณรกี่อาจถูกจำคุกจำซังเซ่นกัน และโทษต่างๆ ทไค้รับกี่หนักเบา ไม่เท่ากันคังทมองเหี่นกันอยู่ ใพ้อฃัอป่ รืจํ www.kalyanamitra.org
ว่าง่ายๆ ให้เห็่นชัดๆ ขออ้างดำราดกว่า เพทะ:ศาสนาเป็นสิงทํ่หาขวิฅไมไค้ ใศรมาทำลายกี่ลุกฃั้นวั๋งหนหรือไปแจ้ง กวามฟัองร้องอุทธรณฎกาไมไค้ทั้งนั้น เท่ากับว่าทำการโค้ฅอบผู้นั้นไมไค้ว่างันเถอะ: แต่ว่าผู้ทำลายศาสนาย่อมถูกลงโทษแน่นอน กือใกรทำลายศาสนากี่เท่ากับว่าทำลาย ตัวเองย่อมไค้รับโทษเอง เหมือนถ่มนั้าลายรคฟ้าหรือเหมือนเฅะ:ฟุตบอลเข้าหากำแพง ย่อมจะ:หล่นมาบนหน้าหรือกระ:คอนกลับมาหาตัวอยู่นั่นเอง พระ:พุทธองกํตรัสไว้ว่า ผู้ไคประ:ทุษร้ายกอทำร้ายทำการล่วงเกินในบุกกลอน หรือส่งอํ่นทไม่ประ:ทุษร้ายตอบหรือโค้ตอบไมไค้ เซ่น ทำ ร้ายผู้ทรงกิลหรือผู้มืพระ:กุณ เป็นค้น ผู้นั้นย่อมไค้รับโทษ ๑0 ประ:การอย่างโคอย่างหนึ่ง หรือมากอย่าง หรือ ทั้งหมค ไม่วันใคกี่วันหนึ่งในภพซาตินั้แหละ:คือ (๑) เวทนิ ผรุนิ ไค้รับทุกขเวทนาทรุนแรงเกี่คร้อน คือไค้รับ กวามลำบากมาก (๒) ซานิ เส่อมจากลาภ ยศตักค และ:เส่อมเคืยซอเกี่ยง (๓) สรรลุเสว เภทนิ ถูกทำร้ายร่างกาย (d) ครุกํ วา!) อาพาธํ เกิคเจี่บไข้อย่างหนัก {๕) จิตฺตกฺเข!]ว ปาปุเณ จิตฟังซ่าน เป็นบ้า (๖) ทซโต วา อุปสคคํ ไค้รับกวามขัคข้องจากผู้มือำนาจ จากเจ้านาย (๗) อพฺภฦฃานิว ทารุณํ ถูกกล่าวต่อย่างรุนแรง (๘) ปริกฃยํว ฌาตนิ สินญาคิซาคมิตร (<๙) โภคานิว ปภงฺคุณํ โภกทรัพย์ต่างๆ วิบัติฉิบหาย (๑o) อถวๆลุส อคาทนิ ถูกไฟไหม้บ้านหรือทรัพย์สมบัติ อลุคิ ฑหติ ปาวโก นึ่เป็นโทษของผู้ทำร้ายกนหรือวัตถุทเซาเการพบูซากันชึ่งทํ่ไม่มืทางโต้ตอบ โทษนั้ย่อมไค้รับโคยเรี่วพลันทันตาเหึ๋น พระธรรมกิตติว0ศ์ I ๙๓ www.kalyanamitra.org
ฅ่อไป กายชุฟิ เภโท ทุปฺปญโฌ นิรยํ โฝ็ อุปปชฺชคิ - เรายูโง่!ซกานั้น ?ทยไปแล้วย่อมเขัาถงนรกแล 1ถ่ๆฬิ กทำลายศาสนา}Vทธมทาง^นขนมาใทมใทม คอบ ประเทศทถูกฟ้าลายศากนาพุทธมาแล้วมทางฟ้นฟูไล้ กือจะกลับมาเจริญ รุ่งเรือง เป็นทินแฅนแห่งล้ากากาวพัสทรือกกึ๋ใล้ เพราะศากนาพุทธไมใช่วัททุลังรอง ทํ่ล้องซอล้องขาบกัน และไม่มิการจำกัคเขตไว้ว่าทินแทนนั้อยูไค ทินแคนนั้อยูไมไล้ พระพุทธศากนาจะอยู่ทไหนกึ๋ไล้ และอยู่!ล้อย่างคเลับล้วย ^ากัญร^ทว่า กใ/!นติ■นนฅนนั๋นเขา'จ:;ยยมถงทุนถงแTงท ^ไหม จ^ vaiJTVนับถึอแถ:!ปฐบฅิฅา1Jคำt1ธนซองflาสนาทfอไม่เท่านั้นเอง หากเซาบอบทำ ยอบทเก็่โม่เป็น!!ญหา กตวแค่ว่าเซาจม่ม่ยอบเท่านั้นแหถร เพท:!rเาถนาเป็นนาบ- ธรรม ^รอยู่กับ^ยอมพันับถึธไ^นนเท่านั้น แม้ศนไทยเองก็่เถอะ แม้จะเกิคและอยูในทินแคนทื่รุ่งเรืองล้าบล้าเหลือง หาก ใจไม่ยอมรัมคำศอน ตัวไม่ยอมปฐนัทิคามหลักคำกอน ก็่หาไค้ซํ่อว่าเป็นพุทธศากนิกซน เคึ่มตัวไม่ เขาเป็นเพบงขาวพุทธแค่ปากและเป็นพุทธบุครเพยงย่านประกอบภาบนอก เทานิน ถา!]!; finสนาพุทรของเทมจุคค่างพTอยทไหนบาง ถงมาพบจุตจบอย่างน่าเวทนๆ ตฺอ่บ่' ศากนาพุทธไม่มิจุคค่างพรอบทํ่ไหนหรอก คำ กอนทางศากนาพุทธนั้นบริกุทธ บริบูรโนลันเซิง กมบูรโนล้ายกวามหมายแล;พกัญซนะ เพราะเป็น กวากขาคธรรม พระพุทธเจ้าครักไว้คแล้า เป็น ลันทิฏฐกธรรม ล้ปฐบัทิพงรู้เห็่นนั้นคามเองไล้ เป็น อกาลิกธรรม ไม่จำกัคกากเวลาให้ยล ปฏิบัติเมอใคไล้ยลเมํ่อนั้น เป็น เอหิปีกลัก-■ ธรรม เรืยกมาคูเซิญมาพิกูจนใล้ทุกเมํ่อ เป็น โอปนยิกธรรม ศวรทจะน้อมนำมา เป็นแนวทางปฏิบัติไล้ และเป็น ปีจจ้ตตเวทิตัพพธรรม อันล้รู้ทั้งหลายพึงทราบไล้ ล้วยตนเองเมํ่อมาลักพาทคลองปฏิบัติ ใธอ้อซ้รง% www.kalyanamitra.org
นอกจากนั้นทาอนในพรพุทรเทสนายังทันcfมัยธย่เtiมอ ไม่ต้าหตัง บTTๆ mcimต่างๆ ไว้nrบถ้'วน ไม่ว่าวรเปีนหตัทตังคน11า(^ฅร จิทnาสm วิทยาfเาสฅปี สุขเ^าสฅT ปรรวัทิทาสฅร ภมิทๆสฅT หรึธฅ้านปfซญา ตรรกทาสทปี มทั้งหมค ปีย่างน่าตัทวรรย ขึ่งทาไค้ยากในทาสนาอน เราวรจิกยาพุทธทาสนาในนงใตก็่ไค้ วAค้พบตังทํ่ค้องการกส่าวจิงไว้อย่างทรยค้สน เรยบร้อยซาพิสูวน่โค้ค้วย จิงกส่าว ไค้ว่า กำ สอนซองพร^พุทธเว้าบริสุทธนริบูรกงตันเจิง แค่พระพุทธสาส์นาในบางปรรเทศบางถํ่น โคยทสุ?]แม!นชมพูทวปอันเป็น ถํ่นเกิคเองมาพบ'รุฅจบลือมารนสุคลงอย่างน่าเวทนาอย่างทศุณว่านั้น มิใช่ว่า พระพุทธศาลนา'จะไม่คเพราะมจุคค่างก็่หาไม่ แค่กวาม'จริงแล้วพุทธศาลนิnชนใน คินแฅนนั้นม'จุคค่างค่างหากเล่า กนในคินแคนนินไม่ประพฤคิธรรม เหินห่างกำลอน ทางศาลนา และไม่นำพาในเรํ่องศาลนามิใช่หรือ ชาคกุณธรรมค่างๆ อังกล่าวคาม ฃ้อฅ้นๆ มิใช่หรือ แลรตังทิ่พบวุควบอย่างน่าเวทนาน็้ทาใซ่พรรพุทธทาสนาไม่ กตับเปีนพุทธ- ทาสนิกชนทํ่ละเลยกำสอนทางทาสนาต่างทากเส่า เถาม รู้จิกว่ๆนู้ทึ๋ทำลายทาสนาพุทรมจิตใจโหตเทยมกว่านู้นบถอทาสนๆพุทธ (จากประเททเขมร) หากว่าขาวพุทธทั้งทลายพร้อมใจกนต่ปีต้านจรนิตจิกรรรมไทม |ทุ'0บฺ กี่ถูกของกุโนทํ่ว่ากนทำลายศาลนาพุทธจ๊คใจโหคเหิยมกว่ามูป็อพุทธจริงๆ แค่จะไปโทษเขานักกึ๋ใม่ถูก เพราะเขาถูกอบรมอังฟ้อนมาอย่างนั้น เขาไม่รู้หรอกว่า อังทเขาทำนันหยาบช้าทารุณหรือโหคร้ายเพยงไหน เพราะเขาอยูในภาวะคัองทำ เหมือนทหารซาวพุทธทเช้าลงกราม'จำค้องม่าอัครูหมารุกราน หรือเหมือนถู้พิพากษา จำ ค้องอักอันประหารนักโทษทิ่ทำผิครุนแรง จะไปว่าเขาเหล่านนว่าโหคเหิยมกึ๋!.ม่ถูก เหมือนอันไขไหม เขาทำไปกามหน้าทึ่ เขาทำไปกามภาวะทค้องทำ การทำเช่นนั้น เป็นการอังลอน เป็นการลงโทษ ข้อนั้วิญฌูชนทั้งหลายทราบอันกและยอมรับอัน มาแคโบราณแล้ว พระธร'รมกิดรเวงศ์ il ๙๕ www.kalyanamitra.org
การทซาวพุทธทั้งหลายพร้อมใจกันฅ่อฑ้านสื■ตรูภายนอทนั้■นเปีนของคแน่ แต่ว่าค้องฅ่อต้านด้วยธรรมาจุธของพรรพุทธm ทำ เซ่นนกึ๋ใม่ผิคสืลธรรมอันใคหรอภ อาจจร:ถามว่า ถ้างนเราก็่โคนฆ่าหมคน่ร!ช nmบไฅ้วำทํ่โทนฆ่านั้นเพราiฅ่อต้านหรอไม่ท่อฅ้านฅ้วยธรรมาวธทนแน่ ร่างกายทํ่แฃ็่งแรง มอนามัยทํ่ฝ็มบูรถJ อวัยวะ!ในร่างกายไม่ต่อค้านกันแลร กัน ซึ๋งเร้ยกรวมว่ามัภูมิทุ้มกันสื โรกกัยไฃัเจ็่บภายนอกณบยคเนยนไค้ยาก ฉันไค ปรรเทศชาติศาสนาก็่อยูในลักษณรนั้น หากกนในประ!เทศกนในศาลนามกกามลามักสื แขื่งแรง คุณธรรมยังมึกรบบริบูรณ์ ไม่ต่อค้านกันด้วยกวามกิคเห็่นทึ๋เปีนทิฐมานร ไม่กอยแต่จะ:ยุให้รำคำให้รั่ว กัตรูภายนอกก็่เฃัามายํ่ายไค้ยาก ฉันนั้นเหมือนกัน กลัวอยู่อย่างเคยว กนในชาติกนในศาลนาจรยอมเป็นด้าม เป็นเกรื่องมือ ให้เขาเข้ามาประ:หัฅประ!หารกนไทยแลรกนพุทฐกันเองเท่านั้น ถ้าอย่างนั้แล้วต่อให้ต่อค้านด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายร้ายแรงลักเห้ยงใก กึ๋1ม่มืทางเอาซนรข้ามืกกัครูไค้ คงนน การท'ต้องกนทา(เนาไต้ แทนทึเราจะต้วมาต้องกันภัยภายนอก'จๆฦ ทา({นาจากลัทรอึ๋น เราหันกลับมาต้องกันกันเองภายใน โคยเออเ^อเนึ๋อแม่จึ๋งกัน แตะกัน ไม่เอารัคเอาเปรยบกันจนเกินไป ทร้างคนให้มรรรมาวุรกันทุกกน ทร้างกน ให้มคุณธรรม นัง้มู้อยู่วัคอยู่บ้านร่วมแรงแชึ่งชันช่วยกันจริงจัง ({ร้างพลังให้เกิคชน ภายในชาติภายในทาทนา อย่างนั้แล้วยังเอาชาติเอาทาทนาไม่รอกก็่ให้^ป พระ:มหาทองค ลุรเคโข ป.ธ. ๙๖ ไขข้อ{เอร่^) www.kalyanamitra.org
•.ilia : 1ขข้อข้อvlๆ จาก '•มงคกฟ้าร\" เคธบร็]ดุนายน ๒๕®ร\"/ ถามโคย... คุณฟ้กญญา ศรTWนดุล ■ถุาม กาTตั้งm^yvmnJmnภายในบานนั้นศวrตั้งหนm^พั'กตrพr:lพทรnJ ไปทางทิศไหน ถ้าหันไปทางทิศเหนือจรไค้ทรอไป มกำหนดไว้อย่างไร แลรตอน เช้า-เพล เราจรไม่นำช้าวไปบูชาพรรพุทธทู]เลยจรบาปไหม ค,อฺน การตั้งพระทุทธรูปบูชาภายในบ'านนั้น ทํ่นิยมกันมาน kD นบบ คือกัน พระพักฅร!ปทางทิศเหนือแบบหนํ่ง กันไปทางทิศคะวันออกแบบหนํ่ง ทํ่นิยมกันไปทางทิศเหนือนั้น กี่เพราะถือว่าพระพทธเจ้าทรงเป็นโลกุคระ คือผู้อยู่เหนือโลกตั้งมวล และถือว่าเมื๋อกันพระพุทธรูปไปทางทิศเหนือ แล้วจะคล บันคาลให้ผู้บูชาหรือเจ้าชองอยู่ \"เหนือ\" บุกกลตั้งปวง ส่วนทึ่นิยบกันพระพักคร์ ไปทางทิศฅะวันออกเพราะถือฅคิว่าพระพุทธองกตรัส^นวันเพี่ญาลาซะนั้นทรงกัน พระพักตร!ปทางทิศคะวันออก และถือว่าพระพุทธองคืทรงผินพระพักค!ไปทางนั้น จึงไค้ชนะมาร ชนะกิเลสจนไค้ตรัสรู้ จึงกันพระพุทธรูปไปทางทิศคะวันออก เพํ่อ เจ้าชองบูชาแล้วจะไค้ชัยชนะในทุกตั้งทุกประการ www.kalyanamitra.org
แลรยังมนิยมไมให้หันพรรพักฅ!ไปทางทิศฅะ!วันตกแล!!ทิศใค้ เพรา!!ถึอเรอง โขกลางว่าจ!!ทำให้ผู้บูชาทำอ!!ไรก็่ \"ตก\" ไปห้วย และอยู่ \"ใต้\" เขาไปเรื๋อย โคย ไปยึคถือเอาชึ๋อฃองทิศคึอฅกแล!!ให้เป็นเกณฑ์ ทั้งหมฅนเป็นความนิยมของซาวพุทธ โคยเฉพา!!ขาวพุทธในปร!!เทศไทย ซาวพุทธประเทศอึ่นไม่ปรากฏกวามนิยมเซ่นน ทึ๋ถูกทํ่กวรในเรํ่องการตั้งพระพุทธรูปไว้ทํ่บ้านน ขอให้คูลถานทํ่เป็นเกณฑ์ เพํ่อกวามเหมาะลม หากหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออกเหมาะค ก็่กวรตั้งอย่างนั้น หากไม่เหมาะก็่ตั้งหันไปทางทิศอํ่นไห้ เซ่น หันไปทางเหนือ ทาง ทิศให้ หรือทิศเฉยงอะไรก็่แล้วแฅ่กวามเหมาะลม แต่มฃัอนิยมของกนโบราณเกํ่ยวกับการตั้งพระพุทธนอยู่ ๓ ประการ ซง เป็นฃ้อทํ่น่าปฏิบัติตาม คือ (๑) ลถานทั๋ตั้งพระพุทธรูปกวรแยกเป็นเอกเทศต่างหาก จะเป็นห้องหนํ่ง หรือเป็นส่วนหนั้งของห้องกึ๋โห้ และห้องนั้นกวรว่างพอกวร ละอาคฅา ไม่นิยมตั้ง พระพุทธรูปบูซาไว้ห้องเตยวกับห้องนอนซองลามภรรยาทอยู่ห้วยกัน เพราะคูไม่ เหมาะลม ถ้าอยู่คนเคืยวกึ๋ใม่น่าเกลยคอันไค (๒) พั้นฐานหรือห้องทตั้งพระพุทธรูปกวรเป็นททํ่มั่นกงทํ่ลุก คือไมโยกโกลง หรือไหวละเทือนไห้เมํ่อเตินผ่านไปมาหรือเมอฃนลงบ้าน เพราะจะทำให้พระพุทธรูป ละเทือนไปห้วย โบราณถือว่า ถ้าหากพระพุทธรูปละเทือนอยู่เลมอจะทำให้เจ้าของ บ้านมฐานะไม่มั่นกง มักกลอนแกลนเรอยไป ท่านอาจจะบอกใบ้ว่าระวังพระพุทธรูป จะตกลงมาแตกหักเถืยหายกึ๋ให้ (๓) ห้องพระหรือทํ่ตั้งพระพุทธรูปไม่กวรอยู่ใฅบันไค หรือให้ทางเคินผ่าน ไปมาประจำ หรือใกล้ทางเตินทกนห้องเตินเฉยคไปมาอยู่เลมอ ส่วนการทํ่เราจะบูซาข้าวพระพุทธรูปหรือไม่นั้น ไมไห้ถือว่าเป็นบาปอะไร ความจริงพระพุทธรูปท่านไม่มาฉันอะไรซองเราหรอก แต่ทํ่เราทำเพราะเราถือว่าเรา ๙๘ I ใไเธ้อฃ้องริ'9 www.kalyanamitra.org
ยูซาท่านฟ้วยอาหา?ชงย่อมนำกวามฌิกบานแช่มขึ่นใๆนาให้แก่ผู้^ชาไค้เหมือนอม่าง แายูชาพ?ะค้วบกอกไม้ธูปเทยนบั่บแหละ! เพราะจะบูชาค้วบอาหา?ก็่กาม ค้วยกอกไม้ ธูปเทยนกื่กาน ค้วยวัคถุอํ่นใคก็่กาม กอว่าไค้บูชาพ?ะพุทธองก่ค้วยอามิสบูชาทั้งนน เพราะฉะนั้น หากศามา?ถบูชาพระพุทธ?ปค้ายอาหา?ไก้กทำเถิก หากไม่อาจทำไค้ จะบูชาค้ายกอกไม้ธูปเทํยนเท่านั้นกื่เพบงพอแล้ว ขธธย่างเตึยว เมธมพTรอยูไนบ้านแล้ว ขอใบ้เล้าของบ้านมใ'แปีurns ขธ ใบ้ธyไนโธวาท!ๆาสธนขธงพระเท่านั้น ย'ธมฅกว่าคนทบูซาmะ!ฅ้วยอาหาT คอกไม้ ธูปเทยนทุกวัน แฅไแไม'ค่อยเป็นพn แอ^ไม'ค่อยทำฅัวฅามทื่mรปธนล้กวัน ถาม เวตามงานศพ โดยมากมักจ£แจภกาhกำหนดงาน แตรในกาTดจ£บอก ว่าเวตาเท่านั้นเท่านมเทศนแจง m ธะฌาสน เทศนแจงคอเทศนอย่างไร ทำ ไม ต้องม ๓ ธรรมาสนต้วย แตรทำไมต้องกำหนดแรพารในงานศพเท่านั้น งานอึ๋นๆ ไม่เห็่นมเทศนแจงกน ตจบ กาานจริงกา?เทศนทึ่เ?ยกว่า \"เทศนแจง\" นั้เ!เนเรํ่องเก่าทํ่รู้กันทั้าไปในหมู่ กนเก่า แก่กนรุ่นใหมไค้ยินซอแล้วนักไม่เช้าใจเพ?าะไม่เกยร้รง หรอy3งกันพอเป็น พิธ กือฟิงมั่งไม่ท!งนั่ง ฟิงพอให้หมกเวลาไปเท่านั้น กาามรู้กวานเช้าใจจืงไม่เถิก เมํ่อไม่เถิกกวามรู้^ม่อยากท้เงก่อไปเลยก็่ม เทศนแจง มซอเรยกอั๋กหลายอย่าง เช่น เทศน์ปฐมล้งคติกถา ม้าง เทศน์ สิงคายนา บ้าง ชงหมายถึงกา?เทศน์ประวัติศาลก?ศาลนาพุทธ กอนทํ่พ?ะลงฟ้ ร่วมกันราบรานกำสอนซองพระพุทธเจ้าไว้เป็นหมวกเป็นซคก'น หลังจากพระพุทธเจ้า ปรินิพพานใหม่ๆ ลันเป็นห้าเลยวหัวก่อชองศาสนา กืออย่างนั้ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระลงฆหมู่หนึ๋งจำนวน ๕00 ?ป มพระมหากัสลปะเป็นประธาน พากันห่วงใยพระศาสนาว่ากำสอนของพระพุทธเจ้า www.kalyanamitra.org ทร:ธรรมกิตควงส์ I ๙๙
ยังกระจัคกรรจายกันอยู่ คือยังไม่เฃัาซุคกันเป็นหมวคหมู่ กวรจะจัคเรึ๋องแบบเคืยว กันไว้เป็นหมวคเคืยวกัน จึงไฅ้ช่วยกันแจงคือแยกแยะคำสอนให้กรรจายออก แล้ว จัครวมกันใหม่เป็นพวกๆ เรื๋องแบบเคืยวกันไว้พวกเคืยวกัน เช่น เรองทํ่เป็นระเบยบ เป็นข้อห้าม เป็นกฎหมายของพระ ก็่รวมไว้พวกหนึ๋ง เรยกว่า \"พระวินย\" ธรรมะ ททรงแสคงเป็นเรํ่องราวยกนิทานเป็นหลักฐานอ้างอิงกี่แยกไว้พวกหนํ่ง เรยกว่า \"พระสูตร\" เป็นค้น เมื๋อแยกรวมเป็นพวกใหญ่ๆ แล้วไค้ ๓ พวก หรือ ๓ หมวค ชงเรา เรืยกกันในปิจจุบันว่า \"พร^ดทเฎก\" นั่นเอง วิธทำในครั้งนั้นกล้ายๆ กับการ \"ลัมมนา\" กันนั่นเอง คือพระ ๕00 องก มาประชุมร่วมกันทำ ชงพระทั้งหมคนั้ล้วนเป็นพระอรห้นฅ มกวาม!'แตกฉานใน คำ สอนของพระพุทธเจ้า และเกยไค้ยนไค้ฟิงกำสอนมาจากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น โคย ทั้งเป็นกองงานรวม ๓ กองค้วยกัน คือ ฝ่ายถามมพระมหากัสสปะเป็นหัวหน้า ฝ่ายวินัยมพระอุบาลเป็นหัวหน้า ฝ่ายพระสูตรและพระอภิธรรมมพระอานนทํเป็น หัวหน้า เมึ๋อฝ่ายถามซักถามเรึ๋องอะไรมา หัวหน้าฝ่ายคอบกี่คอบ คอบแล้วไม่ ถูกค้องอย่างไร พระทํ่เข้าร่วมประชุมซึ๋งเรืยกว่า \"พระสิ'งคืติการก\" บางองกอาจ จะหักห้วงว่าไม่ถูก หัวหน้าฝ่ายคอบกี่คอบใหม่ เมอเห็่นว่าถูกคืแล้วพระลังกติ- การกทั้งหมกกี่พากันสวคคือท่องจดจำกันไว้[คยว่าพร้อมๆ กัน การว่าพร้อมๆ กัน นั้แหละเรืยกว่า \"สิ'งคายนา\" ท่านทำอย่างนั้จนจบพระไครปิฎก กินเวลา ๗ เดือนเกษ นเปีนประวัฅิย่อของเทศน์แจงท่รอการ^งคายนาครั้งแพในโตก กราวนั้หันมาเข้าประเคี่นปิญหาเส์ยท ทว่าทำไมเทกน้แจงค้องม ๓ ธรรมาสน์ค้วยนั้น กี่คือท่านกำหนคหน้าทํ่ เรํ่องราวให้สอดกล้องกับการแจงกรั้งแรก โคยให้เป็นฝ่ายถามธรรมาสน์หนั่ง ฝ่าย พระวินัยธรรมาสน์หนั่ง และฝ่ายพระสูฅรพระอภิธรรมธรรมาสน์หนั่ง จึงเป็น ๓ ธรรมาสน์ ๑๐๐ 1 ไธฃ้อข้อง' www.kalyanamitra.org
แต่จรเทศนแจงธรรมาฟ้นเคยวรูปเฅยวก็่ไม่ผิคอันใฅ นอกจากไม่ค้องค้วย ปรรเพณนิยมทำมาแคโบราณเท่านั้น ชงปิจจุบันกี่ไม่ต่อยถือ ถือไม่ต่อยมแจง ๓ ธรรมาศนกันเท่าไรแล้ว ทํ่นิยมเทศนแจงเฉพารในงานศพเท่านั้น กี่เพรารเปีนปรรเพณนิยมปรรการ หนํ่ง โคยมากำหนคว่าเทศนแจงกรั้งแรกกี่เพรารปรารภการปรินิพพานของพรร- พทธเจ้า ถือปรารภเรั้องตายเปีนเหตุ ส่วนเหตุผลอย่างอึ๋นเท่าทึ๋เกยไค้ยนไค้ฟิงมานั้นกี่ถือว่า ทางเจ้าภาพงาน ค้องการทำบุญใหญ่เพึ๋อใหไค้กุศลใหญ่อุทิศไม่!ห้ยู้คายเพรารทำเปีนกรั้งศุคท้ายแล้ว กราวนั้ทำอย่างไรจึงจรให้ใหญ่โคไค้กี่ค้องมเทศนแจง เพรารเทศนแจงมพิเศษกว่า เทศนอึ๋นๆ ถือมพรรเทศน ๓ รูป นิมนฅพรรแจงอก พรรแจงนั้ลมมติว่าเปีนพรร อังกฅการกผู้ร่วมทำกังกายนาค้วย นิยมนิมนฅจำนวนมากๆ เซ่น เท่าอายุผู้คาย เท่าอายุพรรพุทธเจ้าถือ ๘0 รูป หรือนิมนต่ ๕00 รูป เท่าพรรแจงในลบัยโน้น เลย ล้านิมนฅจำนวนนั้มักจรพูคกันว่า \"เทศฟ้แจง ๕00\" เมํ่อนิมนต่พรรมากรูป กี่ค้องถวายเกรั้องจตุปีจจัยไทยธรรมมาก เมอไค้ ถวายมากกี่ถือว่าไค้บุญมาก อนึ๋ง การเทศนแจงเท่ากับว่าไค้ซ่วยกันจรรโลงกำลอนในพรรพุทธศาลนาไว้ เพรารพรรท่านจรเทศน์ทั้งพระไครปิฎก แม้จะเทศน์ปิฎกลรเลี่กลรน้อยกี่ถือว่าไค้เทศน์ กรบ ๓ ปิฎก และรูพิงกี่ไค้พิงทั้ง ๓ ปิฎก ทั้งเท่ากับว่าให้พระท่านไค้สอบทาน กวามรู้ กวามเข้าใจ แลรกวามทรงจำพระธรรมวินัยค้วย ถือว่าเป็นการกังกายนา เลี่กๆ กรั้งหนึ๋ง ค้วยเหตุผลนั้จึงนิยมเทศน์แจงในงานศพกัน และอาจจรมเหตุผลอํ่นๆ ทั้ แยบกายกว่านั้ ซงผู้สนใจอาจติคคามพิงไค้จากพรรทํ่ท่านเทศน์แจงในงานนั้นๆ www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวงศ์ 1 ๑0๑
ถาม ทพโรพทรเจ้าทรงสอนว่า อย่าคมคนพาลนั้น มิเท่ๆภ้บว่าทอททงคนพาล Hffl เพรารคนพาลทังหลามเมึ๋อ่ไม่มใคTคบเชาจรหายพาลไค้อย่างไT บ้านเมอง คงจรเค็่มไปด้วยคนพาล เพรารเขา^กทอคทง ไมไค้รับการเอาใจใย่จากคนคเ^ยแล้ว ตอบ ซ้อนฟ้นปิญหานผนบังณูฃา กือกซ้ายบับว่าทํ่ทรงสอนไมให้กบกนพาลนั้น เท่าบับให้ทอกทงกนพาล อย่าไ!เกอแยห้วย แก่กวามจริงแซ้วกำสอนซ้อนั้มซ้อทึ๋ห้อง ทำ กวามเซ้าใจหลายฅอน ฅอนแรก ห้องเข้าโจกวามหมายซองกำว่า \"คบ\" ก่อน กำ ๆ นั้ ในภาษา ไทยเราออกจะแกมไปหน่อย กือหมายถึงเข้าพวกบันหรอหมายถึงเพยงการไปไหน มาไหนห้วยบันเท่านั้น ส่วนกำ เฅิมทํ่เราแปลออกมาว่า \"กบ\" นั้นไห้แก่กำว่า \"เสวนา\" ท่าน แจกถกอธิบายไว้ว่าหมายถึง {ฑ ลักษณะ คือ - ภรนา การกบหาสมากมบัน รู้จกบัน - สหายคา การไปไหนมาไหนห้วยบัน เป็นเพอนบัน อยู่ห้วยบัน - ฟ้มฺปวงฺกคา การเข้าเป็นพวกเคืยวบัน เอาไงเอาบัน ไปไหนไปบัน \"เสวนา\" ซองพระมิใฃ่เพยงแก่กบคามภาษาทเราเข้าใจบันเท่านั้น ยัง หมายถึงการอยู่รวมบันแบบสามบับภริยา แบบบิคามารดาบับบุคร แบบนายจ้าง กับถูกจ้าง เป็นห้นห้วย กราวนั้วกเข้ามาถึง!!ญหาทึ่พระพุทธองกํทรงห้ามคบกนพาลกี่เพราะถ้ากบ กนพาลจะเป็นอัปมงกลคือมแก่ทางเสืย ไม่มทางไห้ บิใช่หมายถึงให้ทอคทงกนพาล เถึยเลย แก่ให้ \"เข้าใกล้\" กนพาลไห้ ซออย่าไปกบเท่านั้น \"เข้าใกล้\" บับ \"คบ\" ไม่เหมือนบัน เข้าใกล้ หมายเพั๋ยงเข้าไปมาหาส่ เกินไปหา ไปนั่งใกล้เท่านั้น เช่นทำงาน ห้วยบัน เริยนห้วยบัน แก่นั้ใม่เถึยหายอะไรมากหรอก ใฬ้อจ้อป๋% www.kalyanamitra.org
ส่วน คบ หมายถึง การไปมาทาส่ปรฬำจนเป็นพ'ไกเคยวกันคังความหมาย ข้างค้น จนกระ!ทั่งถ่ายทอคนิกัยแล:!พฤติกรรมของกนใNาลทํ่ฅนกษมาเลย อย่างน็้ เถึยแน่ กังนั้น เมํ่อเรารู้'ว่าใครเป็นพาล หากมจิฅเมคฅาลงลารค้องการให้เขาหาย พาลกี่อย่าทอคทงเขาเลย จงเข้าใปใกล้เขาใว้ พยายามVVคกุยโน้มน้าวจิฅใจของเขา พยายามถ่ายทอตกวามคของเราใปให้เขา แต่อย่าถ่ายทอคของเขามาส่เราเท่านั้น แก่น!มซอว่ากบกนพาลกังกล่าวมา และกี่หาโทษมิใค้ค้วย การเข้าใกล้กนพาลนั้น ใม่ค้องระวังกนพาลหรอก ระวังตัวเองจะใปถ่ายทอค อะไรๆ จากกนพาลมาเท่านั้น ขอให้กิคถึงหมอหรือพยาบาลทรักษากนใข้ทเป็นโรก ฅิคฅ่อร้ายแรงกี่แล้วกัน พวกเขารักษากนไข้!กล้ซิคกนไข้ แต่จะไม่ยอมให้[รกของ กนไข้มาติกตัวไค้ กือพยายามป้'องกันตัวเองอยู่เลมอในขณะทํ่รักษากนไข้นั้นอยู่ การทึ๋เราเข้าไปหากนพาลเพํ่อแนะนำ เพื๋ออบรมทั่งลอนหรือเพํ่อให้เลิกเป็น พาลนั้น มิใช่ว่าเราจะพลอยเป็นกนพาลไปค้วย เหมือนกับพระพุทธเจ้าเลค็่จไปลอน โจรองกุลมาลจะทรงเป็นโจรไปค้วยกี่หาไม่ พนั้น {{ารุชนทนดั๋ทั้งหลาย'จงหวังกวามอนุเครา^ทเป็นทึ๋คั้ง มเบฅฅาจิต เป็นกำลังช่วยกนพาลเถิค เข้าใกล้กนพาลกันเถิก แต่อย่ากบกนพาลเลย ให้กนพาล เอาอย่างเถิก อย่าเอาอย่างคนพาลเลย แล้วโลกน'จ:!ลันฅิลุชแกไหน ไม่ต้องบTTยาย กร:!มัง พระมหาทองค ลรเฅโซ ป.ธ.ร^ Sf?7^ I www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวป๋ศ์ 1 ๑๐๓
www.kalyanamitra.org
ไขขอข้อVโๆ 3ๆาก ••มงคลฝ็าร\" เสือนกรกฎาคม ๒๕®๙»' ถามโคย... คุณเถริม จงชาญสิทโธ ^าม ท^หญ'บางคนฬบmรสงฆฝานมา แล้วเขาจ^นั่งลงยกมือไหว้ ทำ ปาก ฃมุบขมิบนั่น เขาว่าอฟ้.รบ้างครบ เแธบ่ไ ข้อนยังไม่พบแบบแผนทแน่นอน เป็นแต่ว่าๆ กันมาคามโบราณ ต่างกน ค่างว่า ว่ากันไปกนละแบบกนละถั๋น เหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบัาง ถ้าจะไห้คกวร ไต่ถามฆู!หญ่แถวบ้านคุณนั่นแหละ จะไค้กวามซัคคั๋ เท่าททราบเขาว่ากันอย่างนั่ บางกนเขาถือว่าเขาไหว้พระสงนั่ จึงกล่าวกำนมัสการในใจหรือออกเถืยง เบาๆ ว่า คุปฎิปีนโน ภควโต สาวกสิ'งโฆ สิงฆัง นมามิ พร้อมกับยกมือขั้นจบค้วย บางกนว่า สิงโรJ เม สรระณ้'ง วรรัง บางกนว่า สิงโฆ เม นาโถ - พรรสงฆ์เป็นทํ่พงซองเรา www.kalyanamitra.org
บางกนไมไค้กล่าวนมัสการ แต่ขอพรจากพรรทฅัวไหว้ เช่น ขอให้มอายุยืน ไม่มโรกภัยไข้เจี่บ เป็นค้น คงจะมแบบอํ่นทึ๋ยังไม่ทราบอกมาก จึงขอให้ยู้สนใจสอบถามเอาเองเถิก ด้วยเหฅุน็้เอง เวลาmะเฅินผ่านโยมทํ่กำลังยกมือไหว้อยู่ พระท่านกี่จ:! อริษฐานในใจเหมือนลันว่า \"เอลัง โพด\" หมายความว่า ขอความปรารถนาทํ่โยม ปรารถนาแล้วจงผ่าเรี่จอย่างนั้นเถิท หรอว่า \"สาร อายุ ลัณโณ สขง พะลัง\" จะใช้แบบหนงแบบใฅกี่ได้ ในเรํ่องพบพระเกินผ่านไปน็้ มเรํ่องทํ่จะแถมเป็นกวามรู้อกเถ็่กน้อยเพํ่อ กวามถูกค้องกงาม เพราะปิจจุบันธรรมเนยมปฏิยักิเมอเกินสวนทางกับพระชักจะ เลือนๆ ไป ยั๋งในทํ่เจริญๆ ค้วยแล้ว พระค้องหถบเอาทึเกิยว กือเมํ่อเหี่นพระเกินสวนทางมา นิยมหลืกทางให้ท่านผ่าน โกยหลืกเข้าขิก ทางค้านข้ายมือของพระ ยืนตรง ประสานมือทั้งสองไว้ข้างหน้า หันหน้ามาทางพระ เมํ่อท่านเกินมาถงก็่น้อมไหว้หนํ่งกรั้ง หรือจะนั่งกระหย่งยกมือไหว้อย่างทึ๋ถามมาก็่ไค้ แล้วแต่สถานทํ่จะเหมาะหรือไม่เหมาะ พอท่านเกินผ่านไปแล้วต่อยเกินไปคามปกกิ ถ้าท่านพูกค้วยกื่พูกกับท่านในอิริยาบถนั้น หากเป็นพระเถระผู้ใหญ่ จะประนมมือ พูคค้วยก็่เป็นการก เป็นการแสกงกวามเการพและแสกงถงกวามเป็นผู้คและเป็นผู้รู้ ธรรมเนยมทั้กิ เมื่อเห็่นภิกษุหรือสามเณรเกินกามหลังมา กี่นิยมทำเหมือนกับท่านเกินมา ข้างหน้า กือหลืกทางข้ายมือของท่าน ให้ท่านผ่านไปก่อนโกยปฏิบัติทุกอย่างเหมือน ทิ่กล่าวแล้ว ช้อผ่าลัญอย่าทำเปีนไม่รูไม่นั้หรอด้องให้พระเทินแซงไปเองเลย ใครเห็่นเช้า เขาไม่ว่าพระรบร้อนหรอก แต่เขาจะว่าคนนั้นแหละว่าไม่มืลัมมาคารวะ ขาคสมบัติ m และไมไครับการอบรม I ไขข้อฃ้อป๋% www.kalyanamitra.org
แค่ถาฟ้นกรโนพิเfiH เข่น ทางแกบกั'บขัน ๆะหตบทางซ้ายมือท่านไม่ใต้ หรอพระท่านหตบทางซ้ายมือเราเสืยก่อน อย่างนเพยงแค่บนหลบไห้ท่านฆ่านไป เท่านั้น ทากนอของอยู่ในมือกึ๋ใม่ต้องถงกับาางฃองแต้ๆยกมือไหว้ เพยงแก่หต้กทาง แต้วยืนครงให้ท่านฆ่านไปก่อน ณรีเนอันแฟิคงกวามเการพเหมือนกัน ถาม บางคนโคยสารrถยนต พอม่านโบราณสถาน พร^พุทธทู] วัค ค่รั้อ ศาลเจ้าก็่ยกมอไหว้ทำปากขมบขมบ เขาว่าอย่างไรคร้บ ตอบ ซ้อนั้กี่เหมือนกัน ไม่ยุติแน่นอน แต้วแคไกรจะไต้ยินไคฟิงมาอย่างไร แค่กี่ กงไม่พ้นนนัตการพระไปไต้ แค่เปลํ่ยนจากพระลงฟ้มาเป็นพระทุทธรูปเท่านั้น เพราะ โบสนแตะโบราณตถานเป็นทประติษฐานพระพุทธรูป กังนั้น ทึ่เขาทำปากๆ!มุบรมิบ กี่ กงว่า - พุทธง ภรคะวนกัง อรทิวาเทมิ - พุท!ธ เม สรรรณัง วรรง - พุทโธ เม นาโถ หรอ - เพํ่อขอพรไนการเคินทาง และกี่เกยเหี่นม่อยเหมือนกันทํ่บางกนเวลานั่งรถฆ่านาคหรือสถานทึ่กักคสิทธ เข่น วัคพระแก้ว พระปฐมเจคย กาลหลักเมือง เป็นต้น จรยกมือขนประนมแต้วยก เลยฃ็้นไปเสยทํ่ติรษะนั้งสองมือ บางกนสงลัยว่าทำเข่นนั้นทำไม กี่ซอคอบไว้ ณ ทิ่นั้ เลยจะไต้หายซ้องใจ ไม่ต้องเสิยเวลาถาม เวลายกมือไหว้นั้นกี่กงว่าอย่างทกล่าวมาแต้วข้างต้น ล่วนทํ่ยกมือขนเสย ติรษะนั้นเท่ากับเป็นการขอพรขอบารมืสิงกักคติทธิ๋นั้นไห้ข่ายปกเกกปกเกต้าคนต้ๆย ขอไห้การเกินทางปลอคภยทุกประการและไต้รับสวัสคมืโขกมืขัยกลับมานั่นเอง กี่ นับเป็นการแสคงกวามเการพแบบหนั่งซงนิยมกันมาก แสะคออกจะง่ายติเต้ยต้วย พระธรรมกิตติวงศ์ I @0๗ www.kalyanamitra.org
ส่วนเวลาผ่านศาลmแล้วยกมอทำปากฃบุบฃมิบนั้น กงไม่พ้นขอพรจากเล้า เป็นแน่แท้ เพรารผูใหว้เล้าทุกกนหวังกวามสวัศกืมชัย หวังมีโชกมลากกันทั้งนั้น ถาม เวลาแต่งงาน คู่สมรสทำกาTไหว้พ่อแม่ญาติ^หญ่ ทำ ไมจ£ติ'ธงไหว้เชา ลง €ท ครง จ£ไหว้กราบครั้งเติยวไมได้หรือ ฅอบฺ การกราบบุกกลอํ่น เข่นผู้ทํ่คนเการพนบถือและญาติเป็นล้น นิยมกราบ กรั้งเกยว ส่วนพ่อแม่นั้นนิยมกราบ ๓ กรั้ง ทนิยมทำกังน ท่านใท้เหคุผลไว้ว่า เพราะพ่อนม่มีคุณธรรมถือ เมตคา กรุณา มุทํคา และอุเบกขาค่อลูกมาก มีคุณธรรม เทํยบเท่ากับพระอรหันคทมีก่อกัควโลก กังนั้นจงถือว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันก่ของลูก ซาวโลกนิยมกราบพระอรหันค ๓ กรง ฉันไค ถูกก็่กวรกราบพระอรหันคซองคนถือ พ่อแม่ ๓ กรั้ง ฉันนั้น จะกราบกรั้งเคยวหรือ (ฑ กรั้ง ไม่เป็นปิญหาหรอก ปญหามันอยู่ทว่า กราบกรั้งเคยว กราบอย่างไร กราบ cn กรั้ง กราบอย่างไรก่างหาก กราบกรั้งเคยว ใช้ส่าหรับกราบบุกกลหรือกราบศพ ปฏิบัติกังนั้ - นั่งพั'บเพยบแบบเก็่บเท้า พับขาใท้ราบไปกับพนทางช้าย คะแกงกัวช้าง ชวาไปทางบุกกลทจะกราบ - หมอบลงกับพนโคยวางแขนชวาลงราบกับพนก่อน ถือให้ราบไปกรั้งแชน จากข้อศอกถืงมีอ ทั้งฝ่ามือขั้นไม่แบกวาแล้ววางแขนช้ายราบลงกู่กับแขนชวา มือ ทั้งศองแนบขิคแบบประนมมือใท้ศอกช้ายอยู่ช้างกัาล้านช้าย ศอกชวาก่อกับเข่าชวา ท้มถืรษะลง ให้หน้าผากจรคกันมือ ปลายนั้วขั้อยู่ระหว่างกว แล้วลุกนั่งพับเพึ่บบ คามปกติ ส่วนการกราบ ๓ กรั้ง เรืยกว่ากราบแบบ \"เบญจางกประติษ^\" หมายถึง การกราบใหไล้องก่ ๕ ถือ หัวเข่า ๒ ฝ่ามือ ๒ หน้าผาก ๑ โคยใท้ทั้ง ๕ ส่วนนั้จรคลงถึงพน ใช้ส่าหรับกราบพระรัคนครัยและกราบพ่อแม่กังกล่าวมา ใโ)ข้อจ้อป๋ รืจ www.kalyanamitra.org
วิรปภิบติ โ\" J ^ „ A d' เพอให้เป็นรรเบยบ มองคูสวยงามทงในเวลากราบกนเคยวหรือหลายกน พร้อมกัน ท่านจึงกำหนคไว้เป็นจังหวรๆ รวม ๓ จังหวะ:ห้วยกัน เรมคันห้วยวิธนั่งก่อน ผู้ชายให้นั่ง \"ท่าพรหม\" หรือ \"ท่าเทพบุตร\" กือ นั่งกุกเข่าให้ฝ่าเท้าตั้งขนแล้วนั่งทับห้นเห้าลงไป ผู้หญิงให้นั่ง \"ท่าเทพธิดา\" กือ นั่งให้หลังเท้าตั้งสองแนบลงกับพั้น แล้วนั่งทับฝ่าเท้า นั่งถูกห้องแล้วให้ตั้งท่าเป็น จังหวะ:เหมือนกันตั้งชายและ:หญิงกังนั้ จังหวะ:ท ๑ ยกมือชนประ:นมระ:หว่างอก ให้นวมือตั้ง ๑0 ซิคกัน ให้ ปลายนิ้วตั้งชั้นพองาม พองฝ่ามือนิคๆ ให้เป็นบัวตูม แบบนิ้เรืยกว่า \"อัญชลั\" กือการประ:นมมือหรือกระ:พุ่มมือ จังหวะ:ท ๒) ยกกระ!พุ่มมือชั้นจรคหน้าผาก ให้นิ้วหัวแม่มือตั้งสองอยู่ ระ!หว่างกว ปลายนิ้วชั้จรกหน้าผากพอค แบบนิ้เรืยกว่า \"วันทา\" กือการไหว้ จังหวะ!ท ๓ หมอบลง ให้ฝ่ามือแบนราบลงกับพั้น นิ้วซิคกันเหมือนเฅิม แคให้ฝ่ามือห่างกันเล็่กน้อยพอหน้าผากลงระ!หว่างไห้ แล้วก้มจึรษะ:ลง ให้หน้าผาก จรคพั้นระ!หว่างฝ่ามือตั้งสอง ทำ หลังให้แบนราบและ:ไม่กรร:คกก้นชั้น แบบนิ้เรืยก ว่า \"อภิวาท\" คือการกราบ เมํ่อหน้าผากจรคพั้นแล้ว ให้เงยชั้นมาตั้งท่าทำจังหวะทํ่ ๑ และทํ่ 1๓ ใหม่ จนกรบ ๓ กรั้ง เวลาหมอบลงในจังหวะทํ่ ๓ นั้น กำ หรับชาย เวลาหมอบห้องให้ข้อศอก ตั้งสองต่อกับเข่า ไม่กางออกหรือทุบเข้าจนเกินไป กำ หรับหญิง ข้อศอกตั้งสอง ห้องอยู่ข้างคัวแนบชิคชาพับตั้งสอง ไม่ให้ต่อเข่าเหมือนชาย การกราบแบบนิ้ห้องทำฅิคต่อเรื้อยไปไมให้สะคุคอยูในจังหวะไคจังหวะหนิ้ง อันจะทำให้มองไม่งามคา และกวรระวังอย่าให้ก้นกระคกชั้น คูไม่สุภาพเรืยบร้อย และพอกรบ ๓ กรั้งแล้วกี่ยกมือชั้นไหว้ คือให้หัวแม่มืออยู่ระหว่างกวอั๋กกรั้งหนํ่ง www.kalyanamitra.org พระธรรมกัคคิวป๋ศ์ แ ๑๐๙
1รรงกราบนท้องtกฝนทำบ่อยๆ ทำ ใท้เอย§น^งจ:ทำไท้^กท้อง อากนานๆ ทำ ทํจ:ดูเออ:เขินซธบกอ ทำ ไม่อปีท ทfอห^ณดูแบบอย่างทํ่เซาทำเป็นจ:ไท้ทำถูก อย่างเขา ย่วนแบบทํ่ไม่ถูกกี่อย่าเอาอย่างเขา หรือใอรจ:ทำ ไม่ทำ จ:เป็น ไม่เป็น กี่เรึ๋ธงซองเขา อย่าไปว่าเซา หากไมไข่หน้าทึ๋ เราทำซองเราเองให้ถูกเช้าไว้ ใอรจ: ว่าอ'ธนขอคกี่ข่างเขา เราทำอ็ไว้เพํ่อถูก ทำ ถูกไว้เmหอานกี่เป็นกุออแล้ว ถาม การเช้าไปหาพร:ทว้ด บางคนไหว้กราบกง ๓ ครั้ง เวลากกั'บไหว้ครั้งเดยว ทำ อย่างไหนจงจ:ถูกต้องแน่คร้บ คอบ ทารไหว้การกฑบพระฟ้งฆนกึ๋ใม่แน่นอนอึกเหป็อนกัน ทั๋นิยมกี่กือ ทั้งไป แกะกลับนิยมกราบ ๓ กรั้งแบบกังกล่าวแล้'ว แค่าะกราบกรงเคยวกึ๋ใม่ธค ทั้งกี่ มทำกันมิใซ่น้อย เป็นการแส์คงกวามเการพพอๆ กัน กี่ฃอแถมอึกหน่อยเถอะ เวลาทเข้าไปทาพระทํ่วคนั้น ระกังอย่าเยถอกัวกี่ แล้วกัน เมอกราบเลรี่จแล้ว อย่านั่งอา๙นะเคยวกับท่านหรือนั่งเถมอกับท่าน ตอน นั่งกี่กวรเกี่บเท้าให้เรืยบรอย ถ้าเป็นหญิงกี่กวรระกังเกรองนุ่งห่มห้วย กวรปีกบัง วางท่าให้เรยบร้อย เวลาลนทนากี่กวรใซ้เอึยงพอไห้ยิน ไม่เอะอะโวยวายๆนพระ เณรอนรำกาญ ใช้กำพูคพอเหมาะพอลมฐานะ อย่างนั้ๆงๆะคูงามไม่ฃัคฟิงไม่ฃัคหู แค่เห็่นมไม่น้อย ฅอนแรกๆ เช้าไปกี่คูทท่าเการพท่านเป็น \"หลวงพ่อ\" พอ คุ้นเกยหน่อย ลฅฐานะท่านมาเป็น \"หลวงพ\" นานเช้ากลายเป็น \"หลวงเพอน\" ไปเอึยแล้ว แม้พระเองกี่ยอมให้เขาลคฐานะอย่างนั้นเสิยห้วย หรือกัวเองเคึ่มใๆลคฐานะ เป็นอย่างนั้นไปห้วย โกยกิกว่าบันๆะไห้ลนิทกันค ผลทออกมา'กํอ \"ความเศร้าหมอง\" ในวงการศาลนานั่นเอง ไtเขัอข้อง% www.kalyanamitra.org
ถาม ปr:iเพณการVวซ นาคทํ่ใปฃปีชมาลาพ่อแม่ยู้Iหญ' จgค้องกรๆบไทว้กครง จึงจรถูกค้อง แลรพิรการบวชทํ่ทำถูกค้องไค้บญมากกว่าไค้บาปนนมวิธการอย่างไร (เรั๋มฅั้งแต่การโกนนมนลรการเฅรยมของบวชเรอยไปจนกรรทั่งเข้าโบสถ) คุอฺบ,-; ข้อปฏิบัติในการฃอขมาฃองนากกี่พืงทำเหมือนอย่างทกล่าวแล้วในข้อต้น กือพ่อแม่กราบ ๓ กรั้ง หรือ^หญ่ทํ่เการพอย่างสูงกี่กราบ ๓ กรั้ง โคยยกย่อง ท่านเหล่านั้นเสมอพระ ล่วนกำถานทํ่ว่าการบวชทถูกต้องไต้บุญมากกว่าไต้บาปทำอย่างไรนั้น ต้อง ซแจงกันมาก เพราะเป็นเรองเพื่อการปฏิบัติ ไมใซ่เพั๋ยงเพื่อรู้อย่างเคยว ก่อนอนต้องเข้าใจเกี่ยก่อนว่ายู!ค้รับบุญนั้นกี่อใกร ฅามปกคิการบวซมืผู้!ค้รับับุญ ๒ ร่เาย คือ ป็ายผู้!ห้บวช ชงไค้แก่บิคา มารคาและวงศาคณาญาติ และป็ายผู้บวชเอง คงนั้นจึงจะเรั๋มแค่ผู้!ต้บวขหรอทนิบมเรยกกันว่า \"เจ้าภาพ\" ไปก่อน คามปกติเต้าภาพบวซพระกี่เป็นบิคามารคาชองนากเสืยโคยมาก จะมืญาติ หรือบุกกสอํ่นบ้างกี่เป็นส่วนนัอย แค่วิธการปฏิบัติกี่เหมือนกัน เมอหวังทำบุญกี่ ควรจะทำให้เป็นบุญ ทำ ให้ถูกบุญ บุญคือการชำระกาย วาจา และใจให้สรอาด บ?สุทธิ ให้หมดจากกิเลสเครึ๋องทจะทำใจให้เศร้าหมอง โตยเฉพาะการบวชนาก เต้าภาพมักจะทำบุญต้วยการบริจากทานเป็นพื่น คือเสิยสละทรัพย่สมบัติเป็นค่า เกรั้องอัฐบริขารบ้าง เกรํ่องไทยธรรมบ้าง กัฅคาหารบ้าง การเสืยสสะทรัพบสมบัติ ถือเป็นค่ากำต้คโสภะกวามเห็่นแก่ควและกวามตระหนให้หมคไปจากจิฅใจ การทำบุญทจะไค้บุญนั้นค้องคำนงถงเรึ๋องเหล่านั้ {๑) ก่อนทำบุญทุกครั้งต้องเฅ็่มใจทํ่จะทำ ม!จเบิกบานทจะเถืยสละ ขณะ ทำ กี่ฅงใจทำ ริกษากรัทฮาให้มั่นกงเข้าไว้ ทำ ต้วยใจพื่แฃ่มซนเบิกบาน ทำ เสรจแล้ว กี่ใม่เถืยคายในภายหลัง รักษากวามอั๋มใจไว้เสมอ และเมอทำบุญต้องทำคามกำลัง www.kalyanamitra.org ทระรรรมทิคติวงศ์ I eea
ของฅัวเอง ทั้งกำลังทรัพย กำ ลังกาย อย่าให้เกินกำลังของคัว เพราะ!หากเกินกำลัง อาจฅ้องพึ๋งผูอื๋น ทำ ให้เสือคร้อนภายหลัง มเท่าไรทำเท่านั้น พอเหมาะ!พอสื (๒) การจัคงานกวรให้หนักไปในเรํ่องการบุญการกุศลให้มาก สือเสืยทรัพย์ ไปแล้วกวรเป็นบุญทุกบาททุกฟ้ฅางกให้ยํ่งสื สิงไกไม่จำเป็นกวรงกเสืย อย่าทำ หรือ ถ้าจะ!ทำกี่ทำแก่น้อย เข่น การเลั้ยงดูปูเสือ เลั้ยงเหล้ายาปลาปีงกัน การมึมหรสพ การมกนกรืบรรเลงทั้งขณะ!ทํ่อยู่บ้านและ!แห่แหนไปวักเป็นทึ๋เอิกเกริกโกลาหล เพราะ! สิงเหล่านั้ใม่จำเป็นเลย มเพํ่อกวามสนุกสนานกันชั่วครั้ง เอิกเกริกเฮฮากันชั่วกราว เท่านั้น แมไม่มกี่บวขเป็นพระ!ไห้ บางงานชอบตำนั้าพริกละ!ลายแม่นั้า บวชนากแก่ละ!ทจัคเสืยใหญ่โก หมกเงิน เป็นหมํ่นเป็นแสน แก่พอบวกลบคูณหารแล้วเป็นบุญน้อยกว่าเป็นบาป จ่ายในสิง ไม่เป็นเรื๋องมากกว่า ทั้งทั้การบวชนั้นใช้เงินเพยง ๒,000 บาท กี่บวซไก้อย่าง สบายแล้ว แก่โกยมากเรามาเปลืองในสิงมอมเมามากกว่า น่าเสืยกายเงินทองมาก แม้จะ!อยูในฐานะ!ทั้จะ!ทำไห้กี่กาม แก่กวรนำไปทำอย่างอนกกว่า หากจะ!เสืยสละ!กัน จริงๆ นอกเสิยจากว่าทำไปไม่หวังบุญ แก่หวังซื๋อเสิยง หวังกวามเก่นคังและ!หวัง เอาหน้าเอากาเท่านั้น ถ้าหวังอย่างนั้นกี่คงไค้สมประ!สงกแน่ แก่กี่ยังเสิยกายเงินทองอยู่ค เพราะ!บางงานแทนทั้จะ!ไค้หน้ากลับเสิยหน้า ถูกค่าเปิงไปกี่ม เพราะ!เกิกเมากันจนแอ่น ฆ่ากันกายกลางงานเลย (๓) สิงชองทั้จะ!ถวายพระ!สงฆ่ ทั้งอุปิชฌาย์ คู่สวก และ!พระ!อันคับกี่กวร คูพอเหมาะ!พอกวร ให้ท่านใซใค้ ให้กวรแก่สมณะ! ไม่กวรถวายสิงของทั้ท่านม ฟ่มเทืเอยอยู่แล้ว อย่าถวายสิงของทั้ท่านไมไคใช้ หรือถวายของทั้จะ!ทำให้ท่านนำ ไปบำเรอกวามสุขของท่าน ไมไข่ห้ามถวายหรอก ไห้ถวายไค้ แก่ถ้าไม่รู้จักถวาย แทนทั้จะ!เป็นบุญ กลับจะ!เป็นบาปไปเสิยอกน่ะ!นา เพราะ!เกยเห็่นบางวัก กุปิชฌาย์ท่านรับมาแล้วกี่ นำ มาเกี่บไว้ทํ่กุฏิ ใซ้กี่ไมไค้1ช้ บางอย่างกี่ใซใมไค้ จ:!ทั้งเสิยกี่เสิยกายของ เกรง เจ้าของเขาจะ!ว่าเอา จฟ้,ห้กนอํ่นเอาไปบวชก่อกี่ใม่มไกรมาขอ เลยค้องเกี่บไว้รก ๑๑๒ 11 ไขอ้อจ้อง'ริฐ้ www.kalyanamitra.org
กุฏิ แถมเป็นเซั้อไฟอย่างคทเคึ๋ยว บางกรั้งโคนพวกกรรแหนะกรร:แหนเสิยอกว่า \"แหม...ไม่รู้จะงกไปถึงไหน\" น่าเสียคาย น่าเสียคาย! (d) เวลาทำอย่าให้กนอํ่นเคือคร้อน อย่าใหเfวเองเคือคร้อน ห้องไม่มการ บังกับให้ทำ ให้เขาร่วมทำห้วยกวามเฅ็่มใจและกำลังศรัทธา (๕) ห้องทำห้วยมเหตุผล อย่าทำเพึ๋อเอาหน้าหรือประกาศกวามยํ่งใหญ่ ของคน ห้องเห็่นห้วยปิญญาว่า เมํ่อทำอย่างนั้!ปแล้วจะเป็นบุญกุศล เป็นประโยซน่ แก่คนและบุกกลอน (๖) ห้องทำบุญเพึ๋อเป็นบุญเพํ่อกวามคื เพึ๋อกวามศุฃใจ สบายใจ ส่วน ฆลอนๆ เป็นประโยซน่พลอยให้ นํ่ว่าถึงหลักการทำบุญทั่วๆ ไปและใซ!ห้ทุกงาน ไม่.เฉพาะแค่งานบวชเท่านั้น' สำ หรับฝ่ายผู้บวชนั้นก็ต้องทำตัวทำใจให้เป็นบุญด้วย โดยปฏิบัติตังนํ้ (๑) เมํ่อถูกนำตัวไปฝากวัคแล้วกวรทำคัวให้เป็น \"นาค\" คือเป็นผู้ประเสริฐ สิงใคทั่เป็นกวามซั่วกวามผิคทั่เกยปฏิบัติเกยทำมาก่อน กวรงคเว้นให้เค็่คฃาค เพํ่อ ป็กหัคกวามอคทนกวามอคกลั้นฅ่ออารมโนฝ่ายฅํ่า ต่อไปคอนเป็นพระจะไกไม่ผืเนใจ มากนัก (๒ว) เวลาเป็นนากกวรท่องปนกำขานนาก กำ พระต่างๆ ทจำเป็น บทสวค ทำ วัฅรเช้า-เย็่นให้!ห้ เพราะเวลาเข้าโบสถจะไห้ว่าไห้กล่องแกส่ว หากท่องไมไห้ก็่ ห้องสอนกัน เมํ่อถึงขั้นห้องฟ้อนกันแล้ว กวามสำกัญของการบวชจะลคน้อยลงไป ทั้งแสคงว่าผู้บวชมิไค!ส่ใจเรํ่องนั้ (๓) คอนเช้าไปหาอุปิซฌาย่กวรทำห้วยกวามเฅ็่มใจ อย่าทำเป็นเล่นเพราะ กำ ลังอยู่ท่ามกลางสงฆ อยู่ต่อหน้าพระปฏิมาลันกักคิสิทธิในอุโบสถ เท่ากับอยู่ต่อ พระพักฅร่พระพุทธเจ้า หากทำเป็นเล่นไม่จริงจัง จะมองคูไม่เหมาะสม พระสรรมกตตวงศ์ I ๑๑๓ www.kalyanamitra.org
(<i) เมํ่อบวชแล้วกวรลืมภาวะ:ฆราวาสให้หมค มสฅิอยู่เสมอว่าตัวเป็น พระ: กวรทำกิจของพระให้สมบูรณ ทำ หน้าทํ่พระให้ถูกห้อง รักษามารยาททาง กาย วาจาให้สมตับเป็นพระ ให้น่าเการพกราบไหว้ ให้สมตับเป็นปูซนยบุกกลของ กนทั่วไป (๕) ในขณะเป็นพระอยู่กวรหาโอกาสสืกษาเล่าเรยนพระธรรมวินัยฅามสคิ ปีญญา หากำราทางศาสนามาอ่านบ้างหรือเข้าหากรูอาจารย!ห้ท่านแนะนำ ให้ท่าน โอ่วาททั่งสอนฅามเวลาฅามสมกวร เพราะสิงทํ่ไห้มาฅอนนแหละจะฅิคกามกนไปไห้ แม้จะลาเพศไปแล้ว กวามเป็นพระคิกตัวไปไมให้นาน นอกเลืยจากจะเกิกกวาม เกยซน และมึกวามรู้ทางพระอย่างถูกห้องถ่องแท้เท่านั้น (๖) อย่าก่อมลทินก่อกวามเลืยหายจนเลืยซื่อเลืยงให้เกิกฃิ้นในวักในศาสนา ห้วยการปฏิบัติกนนอกทางนอกธรรมวินัย เพราะวัคหากเลืยไปแล้วเกินหนํไมไห้ ห้อง รับสภาพเลืยหายอยู่กลอกไป ส่วนกนทำเลืยนั้นหนํไปไหนต่อไปไหนแล้วก!ม่รู้ ข้อปฏิบัติเพยงเท่านั้ก็่พอจะเป็นบุญไห้กระบัง ขอฝากไว้ ณ ทั่นั้ห้วยว่า เวลามงานบวขนั้นขอให้ขาวพุทธกำนึงลืงกวาม สินเปลืองทางเศรษฐกิจห้วย ขอให้ช่วยตันประหยักทุกวิถทาง โกยทำตังนั้ (๑) เวลาทำขวัญนาก กี่ขอให้หาหมอขวัญทํ่เปีนบุกกลตัวอย่างให้มา ทำ ขวัญแก'ลูกหลาน อย่าพาหมอขวัญขนิกเมาแอ๋มาเลย เพราะแทนทจะมาทำ ขวัญนากใหกขน จะกลายเป็นทำลายขวัญนากไปเลืย (๒) การแห'นากเวียนโบสกไม่กวรจะเอิกเกริกเฮฮาห้วยการหาสิงโค แกรวง กลองยาวหรือสิงอนๆ กลอกทั้งโห่ฮาป่า เพราะวัคเป็นสถานทึ่สงบ ไม่กวรจะทำให้ เลืยลักษณะนั้นไป ประโยขน่จากการเอิกเกริกอย่างนั้!ม'มเลย มแต่เลืยอย่างเคยว (๓) เวลานากเวียนโบสถ์ ไม่กวรให้ชื้นกอหรือหาม เพราะนอกจากจะเป็น การไม่เการพแล้วยังมองกูน่าเกลืยคห้วย แถมทรมานนากโกยใช่เหคุ ไหนจะทั้งใจ ภาวนา ไหนจะระวังตัวกลัวจะหล่นลงมาสารพัก ทำ ให้!จพะวักพะวนไม่เป็นสมาธิ 1 ไขข้อฃ้อป๋%' www.kalyanamitra.org
(<i) การหว่านทานก่อนจะเข้าโบฟ้ถ ศวรงคเสืย เพราะ!การให้ทานแบบนัน เรยกว่า \"ทาสทาน\" เป็นการให้แบบโยนให้เหวยงให้ไม่เการพฆูรบ ไม่เคารพทาน (๕) ฅอนนำนากเข้าโบสก่ บิคามารคากวรจับมอนฺากกนละข้าง ไกรอยู่ ข้างไหนกึ๋ใค!ม่ฅ้องแย่งกัน ช่วยจูงพยุงเข้าไป อย่าอุ้มนากเข้าไป คูทุลักทุเลเฅ็่มทน มองไม่งามคา ไม่ใช่จะฃั้นสวรรก่วิมานกันไค้ครงนั้หรอก ชอให้เข้าไปนั่งครงทํ่พระนั่งคูเถิค เวลาเขาอุ้มนากเข้าโบสก เท้านากจะถูก ยกฃ็้นจนให้ค้นเท้าพระประธานและพระสงฆทึเคยว ทังผ้าผ่อนนากก็่จะคูซะเวิก- ซะวาก งามตานกหรือ! ซแจงมายืคยาวแบบสะเปะสะปะกถา ซอให้ปะคิคปะฅ่อเอาเองเถอะ ก็่กงพอ จะรู!ค้บ้างว่าการบวซทึ่ถูกท้องเซาทำอย่างไร และทำอย่างไรจะไค้บุญหรือไค้บาป. พระมหาทองค ทุรเตโซ ป.ธ. พระธรรมกิตติวป็ศ์ 1 ๑๑๕ www.kalyanamitra.org
ะ^ www.kalyanamitra.org
ไขข้อข้อๆ จาก •'มงศลสาร\" เคอบรงหาคม ๒๕®๙ ถามโคย... คุพมบฟ้ ไพรคคทุส ถาม ก่อนพรรจรจันอาหารทำไมจงต้องปTรเคนเ^ยก่อน จรหรบฉันเองเตน ไมใด้หfอ หากไมมผู้ปrรเคนmรมิธคฉันหfอ แลรกๆรปรรเคนทํ่^กว็^นต้องทำ อย่างไT «อบ การประเกนพระ กอการยกสิงของส่งใหถงมึอพระค้ายกวามเการพอ่อนน้อน เป็นการบ่งบอกว่ายกให้ เรํ่องการประเกนนเป็นเรํ่องซองพระวินัยอันเป็นทุทธบัญญักิ ทจะหสิกเลึ่ยงมิไค้ ทฅัธงปrรเคนท่อนนก็่เพอป็'ธงกันพรรdงฆมิให้ถูกข้อหาว่าลักชโมยเพTาร ไปหยิบนวยหfธนำขรงมาใช้มาฉันโคยไมใ^บอนุญาคจากเจ้าซองก่ปีน ซึ๋งมีบห บัญญัติไว้ช้ธหนํ่งว่ๆภิกษุไปหยิบฉวยถธเอายิงซองทํ่เซามิไคไห้ฅ้วยอากาTแบบขโมย ห้องอาบัติหนักถึงขาคจากกวามเป็นภิกษุ ตังนั้นเพอบัองกันมิให้พTรห้องอาบัติหนัก ช้อน จงmงรนุญาค่ไห้พTรรบปrรเคนก่อน คอห้องไหมคนยกให้ก่อนจึงฉันแถรใช้ไห้ เป็นอันพ้นช้อหาว่าเปีนซโมยไป www.kalyanamitra.org
แต่แม้ว่าพระ!ศงฆจรได้รบอนุญาตค้วยปากจากmของให้ฉัน หรือใฟ้,ด้ใคย ไม่ต้องประ!เกนก็่ฅามก็่ยังไม่ฝ็มกวรอยู่ก เพราะ:เท่ากับว่า^ห้มิไต้เการพผูรับกือพรร เลย พระ!จึงต้องไปหยิบมาฉันเองตามใจชอบ หรืออย่างกรณทํ่พระ!ไปม้านของญาติ ทํ่มักต้นหรือม้านของโยมแมโยมพ่อ เกิคหิวขนมาจึงไปเปีคคู้เย็่นหยิบขลไม้มาฉัน หรือเข้ากรัวกคข้าวมาฉันเองเลย หรือพอใจอยากไต้ของอะ!ไรกี่หยิบฉวยมาไข้ อย่างนิ้ จะ!เหมาะ:ไหม ภาพเช่นนิ้อาจทำให้ผู้พบเห็่นเสือมศรัทธาในพรรลงฆกี่อาจเป็นไปไต้ และ!กิริยาเรึ๋องฉันเรํ่องใข้กี่จรไม่ผิคไปจากฆราวาลทั่วไป ข้อ^าคัญอึกอย่างหนึงทึท้องประเคนเ^ยก่อนฉัน เพราฒระเปียบปฏิบัฅิ วางไว้ก่าหรบพระข้อหนง คอเวลาภิกษรับของใข้ของฉันหรือmfยกว่าปีจจัย^นั้น ท้องพิจารณาปีจจัย^ฉันพร้อมไปท้วย โดยปีบทอึาหรับพิจารณาโคยเฉพาะ หากพระ ไม่พิจารณาก่อนใข้ก่อนฉัน ถือว่าปีโทษทางพระวิฉัย นัง้นั้คงปีพุทรประลงคว่าให้ พระปีลฅิฉัมปชัญญะ รู้ว่าอะไรควรหยิบ อะไรไม่ควรหยิบ อะไรควรรับมาฉัน อะไร ไม่ควรรับมาฉัน ฅูเอึยก่อนให้แน่นอน และฉัองกันมิให้พระหยิบฉวยอะไรมาฉันไท้ คามชอบใจของฅน ฉันไม่เหมาะแก'ความเปีนลมณะเลย ใช่...หากไม่มผู้ปรรเกน พรรเป็นต้องอกแน่ แตกมพรรพุทธานุญาตไว้ ของ บางอย่างภิกษุรับปรรเกนแล้วเกี่บไว้ฉันไต้หลายวัน ซํ่งต้องสืกษาเรํ่องนเคยเฉพาะ: จึงขอผ่านไปก่อน กังนั้น พรรจึงต้องมลูกติษย่ชํ่งภาษาทางวินัยเรืยกว่า \"กัปป็ยการก\" แปล ว่า ผู้กรรทำสิงทควรถวายพรร กือช่วยทำสิงทพรรจับพรรฉันไมใด้ใหิจับไต้ฉันไต้ เช่น ไต้มรพร้าวมาทั้งเปลือกยังฉันไมไต้ กัปปิยการกกี่ช่วยปอกเปลือก ผ่า นำ มา ปรรเกนให้ฉัน อย่างนั้เป็นต้น เรื๋องการปรรเกนนั้กวรได้ลืกษาวิธการให้ถูกต้องถ่องแห้เข้าไว้ ไม่เวลาไต กี่เวลาหนั้งต้องได้ไข้แน่นอน แลรเมํ่อนั้นหากได้ลืกษารูเว้ม้างกี่จะ!ปฏิบัติไต้ถูกต้อง ไม่เกอรเขิน เป็นทั่นิยมซมชอบของผู้พบเหี่น หากทำไม่เป็นกี่อาจได้รับกำก่อนขอก ไต้ว่าเป็นซาวพุทธอย่างไรกัน แก่ปรรเกนพรรกี่ทำไม่เป็น ทำ ไม่ถูก อรไรทำนองนั้ I ไขข้อธ้อป๋ ริจ www.kalyanamitra.org
หล้กของการปรรเคนทน่'าสืกษาเ ร\"\"ช้''^'^'พ'พ^ ^ ปรร!การ คอ {(ร)) ^งทจ:!ปรรเคนฅ้องไมใหญ่yifอหนัเกินไป ควTมฃนาคทึ๋คนมึกิาลัง ปานกลางยกขนไหว แล:!ของน้นต้องยกจากพนลังไห้'คT:!ไค้ (๒) นูป้ร:!เคนค้องอยูในหัตกบา^ คึอฟางจากพร:!ปร:!มาณ (ร) ปอก (m) มูป้ร^นค้องน้อมของประเคนนั้นเปีมาให้ค้'^ยกิ^ย'เปี'^ปี'^^^^<^^ป'^'^^ เคารพอ่อนน้อม (d) กิริยาทํ่น้อมเข้ามาหันจ:!ลังค้วยมือคึ๋ไค้ ไห้ของแ^ปีงต^^ต'เ^ ปี'ต ไ'ปี หัพพหักไนเวลาตักบาตรตอนเข้าก็่ไค้ (๕) พรรภิกษุนู้รับประเคนจiไช้มอรับกึ๋ไค้ ไข้ของเนองควยกาย เข่น บาตร จาน น้า เป็นค้นรับก็่ไค้ มึบทบัญญัติห้ามไว้ส์าหรับของทไน่การประ!'■คนพร- กือฃองทใหญ่โตเกินไป ของทํ่ยกจากพั้นไมไห้ ของทํ่เป็นอนามาอทพระ:จับไมไห้ เซ่น ขันเงิน พานเงิน พานทอง สร้อยเงิน สร้อยทอง เป็นห้น ส่วนวิธประ:เกนของพระ:นั้นมธรรมเนียมนิยมคังนั้ - ถ้าผู้ประ:เกนเป็นขายกี่ส่งให้ถึงมือพระ:ไห้เสย หากเปนหญิงหรอพญิงกน ชายประ:เกนร่วมกันกี่วางไว้บนผ้าทพระ!ทอดออกมารับ รอให้พระ!จับผ้าททอดนั้นเสิน ก่อนก่อยวางของ - ถ้าพระ:นั่งอยู่กับพั้น ผู้ประ:เกนนิยมนั่งกุกเซ่าประ!เกน ถ้าพระ:นั่งเถ้าอั้!น กรณฉันบนโตะ: ผู้ประ:เกนนิยมยืนประ:เกน - สิงของทห้องประ:เกนกือสิงทพระ:กันไห้เท่านน (ยกเว้นนำเปส่าไม่ห้อง ประ:เกนกี่ไต) ส่วนของใช้และ:ของทั๋กันไมไห้ เซ่น กระ:โกน ช้อน จาน กระ:ดาษ เซี่คมือ เป็นต้นไม่ห้องประ:เกน - อาหารกาวหวานทุกขนิด เมํ่อประ:เกนพระ:แล้ว ห้ามกฤหัสถ์แตะ:ต้องอก หากแตะ:ห้องถือว่าขาดประ:เกน นิยมประ:เกนใหม่ พระธรรมกิตติวป๋ศ์ - 1 ๑๑๙ www.kalyanamitra.org
- เมํ่ธปรรเกนแล้ว กวรกราบหfธไหว้กามกวทเท่กรโน ขัอฟ้งจํๆในเรองนกือ ห้ามจับของหลายอย่างiJi-jtnuพร้อมๆ กัน หรอ จับขนๆ กัน หรือจับเพยงผ้าขาวหร้อผ้าพลาอสืกปTtเกน หรือยกทั้งโกรปรรเกน เรนกิริยาประ;เกนทไม่เหมาะลมนลรไม่ถูกห้อง แถะของทึ๋จะประเกนพระโกยเฉพาะอาหาร กะประเกนพระไก้หี่เฉพาะไมกาล กือทั้งแฅ่อรุณขนไปกนถึงเทํ่ยงวันเท่านั้น หากเป็นเวลาวิกาล กอทั้งแก'เหยงวันไป จนถึงอรุณขนอกวันหนํ่ง ไม่กวรประเกนของฉันเหล่านั้น เรํ่องนั้จึงนับเนํ่องกับการกกบากรเช้ามกห้วย ห้องให้!ห้อรุณกอมแลงลว่าง ห้วยแสงตะวันขนเถึยท่อน ไมใช่กักกันทั้งมกๆ เหมึอนกักบากรในวันป็ใหม่เพราะ ช่วงเวลานั้นยังไมไห้อรุณ แม้พระรับไปถึนิกพระวินัย ฐานรับอาหารในเวลาวิกาล ขบฉันเมึ๋อไรก็่เปีนกวามยิกเมํ่อนั้น ■fflw ปTSiพณั๋กๆTTคนํ้' พกับกๆTTคนๆ^งขมั๋มาแฅ่คTงไหน นล£มั๋ความหมาย อย่างไSUTอไม' ชธใทชน^งเทือ1^นนนวทาง11ฏิกัติทเๅบ เนอมึกวามย่ๆเปีนกัอง1x1 ในงานนั้นๆ ปิญหาขอน ขอแยกกอบเปนสองคอน เพราะเป็นกนละเรืองกนละงานกัน และไมมใกรทำร่วมกันเถึยห้วย กอประเพณรกนํ้ากพกอนหนํ่งกับประเพณรกนั้ากังช่ ตอนหนึ่ง อันกับแรกประเพณรคนั้าศพนั้นเป็นเรํ่องเท่านทมมาแก่โยรา[น แก่อะโบราณ ขนาคไหนยังสาวไปไม่ถึง ลงเป็นเรืองโบราณแล้วเป็นอันว่าห้องมีอะไรๆ แฝงอถู่เสมอ จึงกวรจะไห้ถึกษาเพอทราบกวามมุ่งหมายกันไว้ห้างHmหมีซนกัน เส์อจะไห้นำไม่ใช้ เมือมีกวามจำเป็นและทำไห้อย่างถูกห้องก - การรคนํ้าศพ มีจุกหมายโกยกรงกือเพํ่อขอขมาลาโทษก่อผ้กาย หรือไป อโหสิกรรมให้แท่กัน อย่ามีเวรมีกรรม หรือจองเวรจองกรรมกันก่อไปอก ขอให้ I ไอข้อข้อ0% www.kalyanamitra.org
สินสุคกันแก่น แก่ถ้าผูฅายมอาวุโสน้อยกว่า ไม่นิยมรคนํ้าศพเพึ๋อขอขมา แก่โป ในงานเพื๋อให้เกยรติและ:ไว้อาลัยแก'ผู้ฅาย ส่วนจุคม่งหมายโคยอ้อมณพึ๋อเป็นกติสอนใจกนเป็นนั่นเอง ขอขมาแต:!สอนใจอย่างไร จย่ไค้แสคงไปตามลำคับ กวามจริงของเติมแท้ๆ กงไม่มการรคนํ้าศพเป็นพิธการอย่างเคึ๋ยวนั่ กงม อาบนํ้าศพกันเท่านั้นพอ แม้บคนั้คามซนบทกี่มแก่อาบนั้าศพกัน โคยอาบเป็นพิธการ ทเคยว เริยกลูกๆ หลานๆ ญาติพน้องมาอาบกันเป็นการใหญ่ ไม่ม้การรคนั้าศพ อย่างทํ่ทำกันในบัคนั้ แค่เฉพาะ;ในททเจริญแล้วเซ่นในเมืองนิยมม้การอาบนั้าศพด้วย รคนั้าศพด้วย การอาบนํ้าศพเป็นเรองภายในกรอบกริวและ;ญาติสนิททำกันก่อน เมึ๋อ อาบนั้าศพแล้วณเค่งฅัวศพเสิยใหม่ ผัคหน้าทาขมนอย่างคทเคยว แล้วนิาศพนั้น ออกมาให้แขกเหรึ๋อรคนํ้าศพภายหลัง วิธรคนั้าศพนั้นเท่าททราบ ถ้าเป็นศพกฤหัสถซึ๋งมือาวุโสสูงกว่าคัว หาก ศพวางไวิกับพั้น ยู้รคนั้าก็่นั่งกุกเซ่า หากศพวางไว้บนเคยงกี่ยืนน้อมไหว้ศพก่อน พร้อมกับนกในใจว่า \"กายร!กัมมง วร!จกัมมัง มร!โนกัมมัง อร!โหสิกัมมง โทตุ\" (ข้าพเจ้าไค้ล่วงเกินท่อท่านทางกายก็่ฅ ทางวาจากี่ฅ ทางใจก็่ฅ ขอท่าน โปรคอโหกิกรรมให้แก'ข้าพเจ้าค้วยเถิด) เมํ่อยกมือไหว้ขอขมาศพแล้วก็่ริบภาขนะ!นํ้าส่าหริบรค ประ;กองเทนํ้าด้วย มือทั้งสองรคลงบนฝ่ามือขวาของศพ พร้อมกับนึกในใจว่า \"อิทง มร!ตร!กร!สร!TTง อาสิญจิโตทะ!กัง วิยร! อร!โทสิกัมมง\" (ร่างกายทึ๋ฅายแถ้วนย่อมเป็นอโหถิกรรม ไม'มโทษ เหมือนนํ้าทํ่รคแถ้ว) จะ;ว่าเป็นภาษาบาลหรือเฉพาะ;ภาษาไทยอย่างเคยว หรือทั้งสองอย่างเป็น ลันไชโคทั้งนั้น www.kalyanamitra.org พร:ธรรมกิดฅิวเ]ศ์ 1 0๒(ร)
ฒอรคเciรี่รแล้วน้อมฅัวลงยกมือไหว้พร้อมกับนึกอธิษฐานในใจว่า \"ขอจงไป^ส์คติๆ เถิด\" นํ่เป็นรรเบยบปฏิบัติเวลารคนํ้าศพคฤหัลถ ถ้าเป็นศพพรรลงฆให้เปลํ่ยน จากน้อมไหว้มาเป็นกราบถ้วยเบญจางกปร^ติษ^ ๓ กรั้ง ส่วนการนึกในใจกงใช้ เช่นเคยวกัน การรด'นาศพนั้ มืข้อน่าคิดเป็นคติสอนใจอยู่ kn ปรรการ คือ ประ:การแรก เวลาเขาวางศพให้รค'นํ้านิยมให้ศพนอนเหยยคยาว จัคมือขวา ให้วางหงายเหยยคออกกอยรับการรคนํ้า เหมือนจะให้ศพประ:กาศกวามหมายออก มาว่า \"นึ๋แน่ะท่านทั้งหลาย ศูมือฉัน§ ฉันไปมือเปล่านะ ฉันไมไค้นำเอาอะไรใน โลกนไปเลยแม้แท่น้อยทนง แม้ท่านก็่จักเป็นเช่นฉันเหมือนกัน\" พูคกันใ'กซั'คก็่กือเ'พอให้เราเกิคศติเกิคจิฅส่านึกว่า แน้ยู้คายจะรารวยกัก ปานไหน มืทรัพยสมบัติมืบริวารมากกักเพยงไค คายไปแล้วกี่นำอะไรไปไมไถ้เลย กักอย่างเคืยว ทำ นองว่า \"เขามามือเปล่ากี่ไปมือเปล่าเหมือนเชามา\" นั่นเอง จะมา มัวโลภโมห้โทกันกันไปนึงไหน ทำ สิงทจะติคฅามฅนไปไค้มคืกว่าหรือ จะไคโม่เสิยท ทํ่เกิคมาเป็นมบุษย่ และอกประการหนั่งเป็นการเตือนสติว่า อยู่เป็นมนุษย์อย่าไต้มืเวรมืกัย อย่า ไค้เมืยคเปียนกันและกันเลย มืข้อบาดหมางอะไรกี่ควรอโหล่กรรมกัน ให้อกัยกันเล่ย ดายไปแล้วร่างกาย'จะไค้อโหล่กรรมหมดมลทิน ไม่นำเวรนำภัยไปค้วย เหมือนนํ้า ทํ่รดศพฉะนั้น คืออย่างไร ธรรมดานั้าเป็นล่งทไม่มือโทษโกรธใกรเป็น ใครจะทั้งของเน่าของเหมื่นลงไป ในนั้า หรือใครจะนำนั้าไปราดไปรดอาบล้างชองเหมื่นเน่าของหอม หรือของปีงดา อย่างไร นั้านั้นกี่ไม'ยินฅไม่ยินร้าย วางเฉยเลมอ ไม่เป็นพิษเป็นภัยท่อใครทั้งนั้น ๑๒๒ I ไจธ้อฃ้อง'^จ^ www.kalyanamitra.org
พร้อมทั้งไม่เถึอกทพัผลักทํ่ชังด้วย วางตัว(fมาIffมอทุกเวถา ม่ความยุฅิธรรมฅถอฅ กาถ จึงมนุษยเราน่าจ;!ทำตัวให้เหมือนตับนำทํ่รตffพลันบ้าง โลกคง(fงบกว่าน รคนํ้าศพมกวามมุ่งหมายและเป็นกฅิฟ้อนใจอย่างนิ้ ส่วนการรดนํ้าสิงฃ์หรือรดนำถู่บ่าวสาวนันกี่มประเพณเก่าแก่เหมือนกัน สูเหมือนจะมาจากอินเคย แต่เราทเของเขามาแล้วปร้มแปองเส่ยใหม่ เพอให้ เข้ากบบรรยากาศแบบไทยๆ อย่างทเรามกขอบทำกนอยู่เกอบทุกเรือง ฟ้มัยโบราณ ชาวอินเคยและลังกาก็่นิยมใช้นํ้าเปีนหลักในการแต่งงาน คือ พวกญาติๆ ทั้งฟ้องฝ่ายชองกู่บ่าวฟ้าวจะนั่งล้อมวงกัน แล้วจับมือชองทังฟ้องกน จุ่มลงในถาคนํ้าทํ่เฅ็่มเป็ยม แล้วกล่าวกำอวยชัยให้พรพร้อมทังฟ้อนกู่บ่าวฟ้าวไป ในทัวค้วยว่า \"อิทัง อุทะกัง วิยะ ล้งล้ฏฐา อะเภขชา โทถะ\" แปลว่า \"เจ้าทั้งถองจงปรองตองตัน ไม่แตกแยกตันเหมือนนํ้านํ่นะ\" อินเคืยลังกาเชาใช้นํ้าเปีนหลักเป็นเกรองหมายในการแต่งงานอย่างนิ้ ล่วน กนไทยเรานำมาใช้เหมือนกัน เป็นแต่นำมาคัคแปลงเป็นรคนำใล่มือกู่บ่าวฟ้าวแทน แฅ่กี่ใช้นำเป็นหลักเหมือนกัน และเวลากล่าวให้พรคอนรคนํ้ากี่กล่าวเหมือนช้างค้น บางทยังแถมภาษาไทยๆ เช้าไปค้วย คือว่าทั้งไทยและบาลเลย หรือบางกนว่าบาล ไมไค้กื่ว่าเป็นภาษาไทยเคืยยาวยืคไปเลยกี่มื คำ นิ้เตยกลายเป็นคำทำหรับกล่าวเวลารศนํ้าคู่บ่าวถาวไปด้วยประการจะน แค่หากจะเติมกำว่า \"อุขิตา โหลร\" แปลว่า \"ขอให้อยู่เยึ๋นเป็นสขกัน เถิด\" ต่อห้ายเช้าไปกี่ชลังคืไม่น้อยเหมือนกัน ทนมาถึงปีญหาทึ๋ว่า ทำ ไมทั้งแขกทั้งไทยจึงนิยมใช้'นามาเป็นหลักเป็นหัวใจ ในพิธึน จะใช้ของอึ๋นๆ แทนมิได้หรือ กึ๋ค้องตอบว่าท่านมืหลักเกณฑ์มืเหคุผลชองท่านอยู่ ซํ่งเหคุผลอันนั้นค้อง กินใจคืเคืยค้วยจึงไม่ยอมยกเลิกกัน ทั้งนั้ก็่เพราะท่านรู้ธรรมชาติชองนั้านั้นว่าเป็น พระธรรมกิตติวงศ์ แ ๑๒๓ www.kalyanamitra.org
เกรองเดือนใจ และเดือนสฅิถู่บ่าวสาวไค้ ดือให้คูนํ้าเป็นตัวอย่างในเวลากรองเรือน กรองรักกัน ธรรมชากิของนํ้านั้นดือ - เข้ากันได้ ดือนํ้ามปกกิเข้ากันไค้กับนํ้าค้วยกันอย่างสนิท ไม่ว่าจะเป็น นํ้าบ่อ นํ้าฝน นํ้าประปา นํ้ากลอง เมึ๋อนำมาเทรวมกันกี่จะเข้ากันไค้จนแยกไม่ออก ว่าส่วนใหนเป็นนํ้าบ่อ ส่วนไหนเป็นนํ้าฝน เป็นค้น - ชุ่มเย็น ดือนํ้ามธรรมซากิให้กวามชุ่มเย็นแก่พืชแลรสิ'ฅๆทุกชนิก หรือ ใกรจะกินจะอาบกี่ใค้รับกวามชุ่มซํ่นเสมอกันหมกเพรารนํ้ามกวามเย็นเป็นปกกิ ใกT จะกินจะอาบกี่ใกิรับกวามชุ่มเย็นเป็นปกกิ ใกรหิวใกรร้อนมา นํ้าย่อมตับกวามร้อน นั้นไค้ - รวมตัว ดือนั้าย่อมมกวามเป็นอันเกยวกันเสมอ ไม่แกกแยกกันง่าย อยู่ทไหนกี่ย่อมไหลรวมกันเข้ากันไค้เสมอ เวลามใกรเหวึ๋ยงก้อนกินลงไป นั้าจร แกกตัวจากกันเพืยงขั่วกรู่ จะสะเทือนเพืยงชั่วกราวแล้วจะกลับมารวมกันแนบสนิท สงบนั๋งเหมือนเกิม - แน่นอน ดือนั้ามืกวามแน่นอน มืกวามยุกิธรรมเสมอ ไม่เลือกทํ่รักผลัก ทํ่ขัง ไกรจะกินจะอาบกี่ให้ผลเท่ากันหมก ทำ หน้าทชองกนก่อทุกกนเหมือนกันหมก เซื๋อใจและไว้วางใจไค้ทุกกาล - ปทเตัวไค้ด็ ดือนั้ามืปกกิปรับตัวไกกับทุกสถานท ไม่คั้อดืงแขี่งฃืน ทำ ตัว ใหิมืรูปทรงเหมือนกับลืงทํ่บรรจุไค้ทุกอย่าง ให้อยูในขวกกี่จะปรับตัวใหิโค้งงอกามรูป ฃวก ให้อยู่ในสายยาง จะทำตัวยาวกามรูปสายยางไค้ นํ้ามืการปรับตัวกอย่างนั้ แม้คู่ปาว(fาวกี่ควทอานํ้าเอาธทมชาทิชองนํ้ามาเปีนแบบอย่างในกาพำเนิน ^วิฅ คือ - ด้องเข้ากันได้ ดือค้องเชั่อมประสานกันให้สนิทแม้จะก่างเพศ ก่างคระกูล หรือก่างถั๋นทึ่กัน ๑๒๔ II ไขธ้อข้อป็'รืจ) www.kalyanamitra.org
- ค้องชุ่มเย็่น กอฅัซงทำใจให้ฌื่น ใช้กำพูกฌ็่นๆ เช้าหากันเศมอ ucti ต่างภี่ค้องทำกวามซุ่มเย็่นให้แก่กัน ฝ่ายหนงรอนมาอกายหนงค้องเย็่นกอยกับร้อน ห้องอยู่ค้วขกันค้วยนํ้ากํอเมกกากวามรักกวามหวังกัต่อกัน - ค้องรวมค้ว กือค้องมกวามรักกวามปรองกองกันไว้ เหี่นอกเห็่นใจกัน แฅะเช้าใจกัน เวอามช้อบากหมางใจกันเกิฅขน หรอมใกรมาทำให้ต้องระแวงใจกัน ก็่กวรหันหน้าปรึกษาหารอแอะปรับกวามเช้าใจกันโคยเร็่ว เหมือนนํ้ารวมคัวกันเรึว จะนั้น - ค้องแน่นอน กอต้องมืนั้าใจหน้กแน่นแน่นอนในกัจจะทํ่ให้!ว้ต่อกัน มื กวามขึ่อกรงต่อกัน ไม่แปงปินกายและใจไปยังกนอํ่นทํ่มิใช่กู่กรองของคัว มืกวาม ยุกิธรรมและทำหน้าทของกนให้อมบูรโน เหมือนนํ้ามืกวามแน่นอนเศมอฉะนั้ - ค้องปรับคัวไคค กือต้องปรับคัวให้เช้ากันไต้กับทุกกนและกับกู่กรอง ของกน ปรับปิกัยใจกอให้เหมือนๆ กัน ปรับหักนกติและกวามประพฤฅิให้เช้ากันไต้ ไมไห้ชกแย้งกันในเรองเทล่านั้ เหมือนนั้าลามารถปรับคัวไก้กฉะนั้น กนเก่าก่อนพยายามกิคต้นหาวิธการกอนใจกู่บ่าวสาวแทนกำพูกมานาน กว่าจะพบว่านั้าเท่านั้นมืกวามหมายคักว่าอย่างอํ่น ถูกเย้าประสงกํกว่า จงนิยมใช้ นั้าเรํ่อยมาและกี่รวคเร็่วกว่าลอนห้วยปากต้วบ จึงจำเป็นต้องคักษาไว้เป็นแนวทาง บ้าง แมไมไต้นำไปใซ้ก็่ถือเคัยว่า \"flolช่ว่าใส่ม่านบกหาม\" ก็่แล้วกัน PISi หากจ^nJ^ลอุโบtfถในว้'นm^ทางวิทยหfอโทTf^^^นจะถอว'าเ^นอhJสถ ^ลทfอไม่ แลรกๆร^งเทศน์ทางวิทยุโทรฑั'ศนกั'บกๆร^งทวดอย่างไหนจส่ไค้บุญ มากกว่าก้น Q0 เรํ่องการรับคัลธุโบลถนั้จะรับทํ่วัก รับทํ่บ้าน หรึอรับทางวิทยุโทรหักนํอย่าง ทํ่ถามมากี่ถือว่าเป็นคัลอุโบสถ ถูกต้องกามพระพุทธานุญาฅเหมือนกัน เพราะ เรํ่องนั้ถือเจคนาคัอกวามกั้งใจทจะสมาทานถือปฏิบติเพํ่องกช้อทํ่ห้ามไว้เป็นเกณฑ www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวงศ์ 1 «๒๙
และ!ย่อมจรไค้รับผลอานิสงส์เซ่นเฅยวกัน ถ้ารักษาไค้บริสุทธิ้บริยูรณ ไม่ค่างพร้อย เท่ากัน ส่วนการฟิงเทศน์ทางวิทยุหรือโทรทัศน์ทํ่บ้านกับการฟิงทวัค อย่างไหนจะ ไค้บุญมากกว่ากันนั้น ตอบว่าไม่แน่นอนลงไปไค้ เพราะขนอยู่กับสภาพแวคล้อม นั้งทึ๋บ้านและทํ่วัค พร้อมทั้งคัวของผู้ทังเองเป็นเกณฑ ตามปกฅิการฟงเทสน์นั้น นู้^งต้องการบุญเกิคจากการ^ง คือต้องการ ความรู้ความเข้าใจ ต้องการทำจิตใจให้สงบ ให้เป็นสมาธิ ให้ห่างไกลจากกิเลส ประเภทโลภ โกรร หลงไต้ชั่วขณะทฟง และyไงเพึ๋อนำข้อธรรมทํ่ตนไต้^งนั้นๆ ไป เป็นแนวทางปฏิบัติ นคือจุทประสงคของผูใจิง ดงนั้น หากทังทไหนแล้วทำให้ผู้ทังไค้สิงทั้ต้องประสงคมากกว่า การทัง ทํ่นั้นย่อมคักว่า การทังทํ่บ้านอาจไค้ผลน้อยกว่าทวัค เพราะสภาพแวคล้อมภายในบ้านย่อม ผู้วัคไมไค้ เซ่น อาจเป็นทํ่พลุกพส่านค้วยผู้คนในบ้านหรือรอบๆ บ้าน มเคัยงรถ เส์ยงเรือ และเส์ยงลูกหลานรบกวนอยู่เสมอ เมํ่อเป็นอย่างนั้จิฅใจกึ๋ใม่สงบลงไค้ เพราะมัวพะวักพะวงอยู่กับเสิยงรบกวน เมํ่อใจถูกรบกวนกี่ทังเทศน์ใม่รู้เรํ่อง ทัง ไม่ขัค ไม่ปะคิคปะค่อกันจนจับใจกวามไมไค้ ผลบุญทํ่จะไค้รับกี่ลคลงไป หfอบางครั้งเมอถูกรบกวนมากๆ เข้า โทสะอาจจะซนหน้าและลามปาม ลงมาทปากกี่เป็นไต้ ลูกหลานกี่เลยหัวเราะเยาะเอาว่า^งเทคน้บังไงถึงหน้าตาเป็น บักษไปไต้ ส่วน คนั้น สภาพแวคล้อมย่อมคักว่า โคยมากกี่ห่างจากเสิยงรบกวน อย่างนั้น เพราะวัคเป็นสถานทั้สงบอยู่แล้ว ทั้งเป็นทํ่ห่างไกลจากเกรื่องก่อให้เกิค โลภ โกรธ หลงค้วย และก่อนทจะทังเทศน์ ส่วนใหโยู่จะไค้รับอารมณ์ทคั ไค้ทัศนา สิงสวยๆ งาม เซ่น พระพุทธรูปในโบสถ!นศาลา ไค้เหี่นพระสงฆสามเณรผู้'บุ่งห่ม เรืยบร้อย มกิริยามารยาทงาม น่าเลอมใส และเห็่นอุบาสกอุบาสิกาทํ่สงบเสงํ่ยม ๑๒๖ 1 ไขข้อข้อง' www.kalyanamitra.org
ภาพเหล่านั้จรก่อใหัเกิคกวามเบิกบานชึ๋'นนานใ'จ เมือโอ บานก่อนแต้ว เวดาฟิง ธรรมอิคใอก็่ฟ้งบไค้iTว สิงแวฅต้อมทึ่วักองคกว่าทํ่บ้านอบ่างน การฟิงเทกนทวัก อึงมกไค้ผอกว่า นฅ่ทั้งนั้มิไข่เป็นกฎเฑณ•ทฅายฅัวเฟ้มอไป หากทั๋วัฅมืศกาพแวกต้อมทเลว กว่าบัาน 4งก็่มืซยูไม่น้อยโกยเฉพาะไนเมืองไหญ่ๆ ฟิงอยู่ทบ้านซึ๋งมืภาพแวกต้อม ลงบสงัคก็่บ่อมไค้ผลกกว่าทวัก เพราะบางทั๋ไปทํ่วักแต้วไปพบลภาพแวกต้อมทวัฅ เป็นอย่างนั้นเข้า แทนทํ่จะโ^งเทกนั้กลบไปเทกนพระเทกน้ากฟ้ยเอง เรืองมันอะ ยุ่งกันไปเสิยเปล่าๆ ฅังนั้น ก็่กวร'ๆ^เaอกทํ่ใ^งไท้เทมา^เถิ?เ ทึ่ใคทำให้เกิคบุญfinถเกิครญญา ทำ ไหมสมาธิกว่ากน นัง้ทำให้ห่างไกถทากกิเสสมากกว่ากัน นู้ฅ้ธงการบุญกังหลาย กี่ควรไปยังสถานหํ่นั้นๆ เพธรับบุญทคนปรารถนาเถิท อะ!เข้พามศ้องการแก. พระ:มหาทองก ลุรเฅโช ป.ธ.๙ ฬร:สรรมกิททว!]^ I «๒๗ www.kalyanamitra.org
m i iI www.kalyanamitra.org
ไขขอข้อๆ ^าก ''มง«0«(าร'' พอนกันยายน \\ai๕'ร>๙ ถามโคย... คุณ ธ.คุวรรณ iilMliir! ทัง้ ๕ ข้อ แต่อรข้อมองคปรรกอบเท่าไT อย่างเช่นต่ลข้อ ร) ม องค ๕ เช่น ข้ตวนั้นมซั๋วิฅ รู้ว่าข้ดวนั้นมช่วิอ เนั้เนต้น เมอบคคอกรรทำรอ^อ ไปไม่ครบองค ๕ จรเปีนบาปไหม อย่างเช่นต่อข้อ ร} นิคเพองแต่ ๓ องค ต่อ ต้ตว่นั้นม่ชวิต รู้ว่าต้คว่นั้นม่ขวิค ต้คว่นั้นคาย แต่ไม่ม่เจตนา ก่อนฅอบปิญหาทว่าสืลทั้ง & ข้อนั๋องก่สืลเท่าไรนั้น ขอพูคทำกาามเข้าใจ เกยากับกำว่า \"องศสืfi\" ก่อน เพํ่อเป็นประโยซนกำหรับท่านทั้อาจจะกังไม่ทราบ กวานหมายแอะประโยซนคพอ กำ ว่า \"องฅ์สืล\" คือองก์ประกอบหรอกำนประกอบทรามกันเข้าเป็น^ล ขึ๋งท่านกำหนกไาเป็นข้อๆ กำ หรับให้ผูรักษาคืลไฅ้ทราบว่าคือซองกนจะซากไปค้าย เหคุอะไรบ้าง จะค่างจะพร้อยไปค้ายเหคุอะไรบ้าง องกํคืลนั้เป็นเกรํ่องกัก?นว่าคือ จะซาคหรือไม่ซาก เหป็อนเกกํยาเ^อกหลายๆ เกลยวทั้นรามกันเป็นเซือกเค้นหนั้ง www.kalyanamitra.org
ฌํ่อ๓สิยวเซึอกทุกเสืนขาคหน?!จึงกล่าวไค้ว่าเ^ธฑขาค ถ้ายังขากไม่หน?!ทุกเกลยว กื่ยังพูกไมไค้ว่าเชือกขาก ปรรโยชนขององกจึลกือ ทาให้ผู้รกพาจึถรู้ตัวอยู่เสนอว่าถ้าล่วงอรเนิก องกจึสช้อนนฃ้อน็้ จึถ\")ะฃาคหรือจรค่างจรพร้อยไป แลรเ!เนเกรื่องตักสินว่าถ้าตัว ไปทำอย่างนั้นอย่างนมา จึถจรขาดหรือไม่ขากโกยนำการกรรทำมาเทํยบกับองตัสิถ ทุกช้อของสิลช้อนั้นๆ หากลรเมิคกรบทุกช้อกี่แสคงว่าสืลช้อนั้นขากนถ้ว หาก ไม่กรบองกกี่แศคงว่ายังไม่ขาด เป็นแค่ค่างหรือพร้อยไปเท่านั้น ดือสิถไม่บริสุทธ ผุดผ่องเหมือนเดิมนั่นเอง ในเบญจดืลหรือดืส ๕ ข้อนั้น แค่สรข้อมืองกตังนั้ ดือฃัอท ® ปาณาคิบาด - การฆ่าตัคว่ ประกอบด้วยองก ๕ ดือ - ตัดวทํ่ฆ่าเป็นตัดว่มืปราณ ดือมืสนหายใจหรือมืชืวิด - ผู'้ ฆ่ากี่รู้ว่าตัฅว่นั้นมืปราณ - มืกวานดั้งใจจรฆ่าให้ดาย - พยายามฆ่าตัดว่นั้นด้วยกายหรือด้วยวาจา เข่น ตังให้ฆ่า - ตัดว่ดายด้วยกวามพยายามนั้น ดือข้อทึ๋ ๒ อทินนาทาน - การตักทรพย่ ประกอบด้วยองก ๕ ดือ - ของทตักเป็นของมืเจ้าของ - ผู้ตักก็่รู้ว่าของนั้นมืเจ้าของ - มืกวามจงใจทํ่จะตัก - พยายามตักของนั้นด้วยกายหรือด้วยวาจา - นำ ของนั้นมาได้ล่าเร็่จด้วยกวานพยายามนั้น ดือขัอท m กาเมสมิจฉาจาร - การประพฤคิผิคในกาม ประกอบด้วย องก d ดือ - เป็นบุกกลทึ๋ไม่กวรสรเนิท เข่น ขายหรือหญิงทมืภรรยาหรือสามื แถ้ว เป็นด้น - |1 ไอข้อข้อง''?จ www.kalyanamitra.org
/ - จงใจๆะ!เฟ้พสิง'วาสิ!นบุกกลนั้น - มกวามพยายามในการเฟ้พสิงวาส - ให้อวัยวะ:เพศถึงกัน ถึลฃ้อท d บุลาวาท - การพูคเที่จ ประ:กอบก้วยองก d กือ - เรํ่องทํ่พูคเป็นเรองไม่มจริงไม่เป็นจริง - จงใจจะ:พูฅให้ฆิคไปจากกวามจริง - พูคกำนั้นออกไป - ผูริ!งเฃ้าใจเนั้อกวามเหมือนอย่างทพูคออกไปนัน ถึลฃ้อทํ่ ๕ ลุราเมรยมัซซปมาทัฏฐาน - การคมลุราเมรัย ประกอบห้วย องกํ cn กือ - ของทคํ่มหรือเลพเป็นของททำให้มืนหรือLมาไห้ เช่น ลุรา ^เน เป็นห้น - จงใจจะ:คํ่มหรือเฟ้พ - สิงทคมหรือเลพล่วงลำกอลงไป เมอบุกกลกระ:ทำผิคไปแคใม่กรบองก ถึอว่าถึลข้อนั้นๆ ยังไม่ขาค แฅ่เมอ พูคถึงโทษว่าจะ:บาปไหม กี่ห้องว่ากันไปอกอย่างหนํ่ง คามทํ่กุณยกคัวอย่างมานั้น แม้เป็นการทำผิคทํ่ไม่กรบองกเพราะขาคเจคนา จึงไม่ถึอว่าถึลขาคกี่จริง แค่กี่ถึอว่าผิคแถะเป็นบาปแน่นอนเพราะสิต'วนั้นคายไปแล้'ว แค่ผิคไม่รุนแรงเหมือนกรบองกี่ ถึงกฎหมายในทางโลกกี่ถึอว่าเป็นมิคเหมือนกัม เช่นขับรถซนกนคายโคยไม่มืเจตนา แค่กี่มืกวามมิคฐานทำให้กนคายโคยปร-มาห โทษกี่ลคลงคามล่วน นัยเคยวกัน การทำชั่วโคยไม่กรบองก์กํลกี่กันนั้น แม้จะไม่มิคกึเลกือถึล ไม่ขาค แค่กี่เป็นบาป แค่เป็นบาปทเบาลง มืผลไม่รุนแรง อย่างน้อยบาปนั้นกี่ฅิคอยู่ ฟ้.จของผู้ทำ ทำ ให้นกเคือคร้อนใจอยู่เลมอว่าเกยทำใหสิค'ว์คายมาแล'า โคยเฉพาะ พระธรรมกิตติวป๋ศ์ 1 ๑๓® www.kalyanamitra.org
หากสิ'?)วนั้นเป็นมนุษยฺค้วยแฐ้วก็่ยั๋งทรมานใจยั่ง?น แม้ว่า^ลจรไม่ฃาค ไม่ฅิคกุก หะทงอะไร ขลมึกี่แก่นกรรบัง แม้!นสืลฃัออึ๋นกพงเห็่นและเทยบเกยงกันถู เทม, ในขฌรหฆมขับTถไปตามท้องถนนในเวลากตางคืน ตวแมลงบินเล่นไf^ ทท้า}บแล้วมากโรทบท้บกจกบ้าง หท้าทบ้อนํ้าTถบ้าง ดายไป บางคrงเหยยบ คางคกตาย อย่างนํ้จรเง็่เนบาปหรอไม่ ชงในขณรนั้นไม่ม่เจลนา แลรล้ตวนั้นจร จองเวรเราหรอเปล่า ในข้ง?กี่เหมือนกับข้อต้นนั่นเอง ไม่ขิกสืล แก่เป็นบาป บาปเพรารทำให้ สิกวกาย ขลทื่ไค้รับกึอกวามไม่ลบายใจจนถึงกับก้องเขยนทบังสือUๅถาร]ไปๆ'าบาป หรือไม่นึ๋ไง ข้ป็ทํ่ว่าสิกวนั้นจรจองเวรหรือไม่ กี่อาจบอกไก้ว่า \"คงไม่จองเๆร\" เพราะ สิกวนนกายในพริบฅา ไม่มโอกาสจองเวรไก้ มองอกแง่หนํ่งกี่กือสิฅว่เหล่านั้นกง มืเวรมากจั๋งต้องมากายในทำนองนั้ เป็นการใข้เวรกามปกกิ เท่าทํ่ทราบมายู้จอง เวรกันนั้นมักจะถูกทรมานให้!ค้รับกวามเสือกร้อนแสบสาหัส แสรไม่อาจโก้กอบใน ฃฌรนั้นไกจึงจองเวรกันไว้แล้วกี่กายไป เกิฅมาใหม่กี่มาไข้เวรกันอย่างนั้ ในก}ฌึ๋ขธงๆฌ ถบายใจไค้แล้ว อย่าวิฅกทุกชรอนไปเตย หากยังไม่วางใจ เ4ธ ทำ บุญทำทานเมึ๋อไรกี่กรวดนั้าธุทิคล่วนบุญล่วนกุคลเปลธงปถทภัยเวรให้แก่ ล้ฅวเหล่านั้นเคืย ดวามวิตกกังวลใจจรไค้หมดไป เรึ่องทำให้สิกว้คายโกยไมม้เจตนาเช่นนั้ มิใช่จะมแก่เฉพารกุณหรือกนอน ในบัจจุบันนเท่านน แม้พรรอรหันก!นสบัยพรรพุทธเจ้ากี่เกยทำมากอพระจักขุบาส เถระ ท่านองก่นั้เป็นพระอรหันฅตาบอกทั้งสองข้างเพรารบำเพื่ญเพียรอย่างหนัก กืนหนงท่านลงเกินจงกรมกามปกกิ แต่เผอิญกนนั้นฝนกกแล้วหยุกไ!/!หม่ๆ พวก แมลงเม่าจึงบินว่อนออกมา แล้วป็กหลุกหล่นกามทางเกินจงกรมของท่าน ท่าน ไซร้อธ้อป้% www.kalyanamitra.org
มองไม่เห็่นจงเคินเหยยบเTอยไป พอไค้เวลาณฃ้าหพัก วันรุ;งพวกพTiต่างวัคมา เหี่นเข้า ไม่รู้ว่าท่านคาบอค จึงไค้!ปพูคกุยกันหาว่าท่านฆ่าร'ฅว่ กวามทราบไปถึง พระทุทธเจ้า พระองกจึงครรถามพระเหล่านั้นว่าพวกเธอเห็่นพระจักขุบาลเหยยบ แมลงเม่าหรือ เมํ่อพระเหล่านั้นกราบทูลว่าไม่เห็่น จึงฅรสว่าพระจักขุบาลก็่ใม่เห็่น แมลงเม่าเหมือนกัน เจคนาจะฆ่าของพระจักขุบาลไม่มื อย่าไปโทษท่านเลย จากคัวอย่างนั้แสคงว่าพระจักขุบาลไม่มืกวามผิค เพราะพระอรหนค้เป็น \"ปาปมุฅ\" กือพ้นบาปไปแล้ว ไม่ทำบาปอกแล้ว แต่ผลกรรมกังมืนิคหน่อย ก็่กือ ถูกค่าฟรืนั้นเอง เพอนฆมชอบสตfยู้หนงชง ามึ๋แล้ว เพยงแฅ่ต่วงเกินภายนอก จรรด ^ลขัอ cn หffihJ เพยงแต่ล่วงเกินกายนอกกึ๋ใม่ขิคค้ลข้อ ๓ เพราะไม่กรบองกสืล แค่บอก ไค้ว่าอย่าลำพองใจไปว่าจะไม่บาปนะ เพราะการประพฤคิอย่างนั้นกันเป็นบาปทางใจ กันจะเผารุมจิคใจอปูเสมอ นั้งผ่เายชายและม่ายหญิง และแม้ว่าจะไม่ผิฅจึลก็่กังไม่พ้นผิฅ เพราะกังผิคธรรมอปู ธันดวามนิคนั้นมึ kn อย่างคืร มิค^aกับผิฅธ77ม กวามผิคบางอย่างเป็นผิคถึลอย่างเค้ยว แต่ใม่ผิคธรรม เข่น การแกล้งปล่อย นั้าอสุจิซองภิกษุ กวามผิคบางอย่างเป็นผิคธรรม แคไม่ผิคจึล เข่น เหี่นกนคกนั้า ต่อหน้าต่อคาทั้งทพอจะลงไปช่วยไค้แค่ยืนเฉยเถึย อย่างนั้ไม่ผิคจึลแต่ผิกธรรม กอฃาคเมกคากรุณา กวามผิคบางอย่างเป็นขิคทั้งจึลรคทั้งธรรม เข่น ฆ่าล้คว่โคย เจคนาผิฅทั้งจึตข้อทํ่ ร) และถึอว่าฃาคเมคคากรุณา เป็นกนใจกอโหคร้ายค้วย ในกรณทถามมานั้น แม้จะไม'ผิคถึลเพราะไม่กรบองก แค่ก็่ผิคธรรมแน่นอน เพราะฃาฅล้นโฅษ กือกวามยินค้พอใจในกู่กรองของคัวเอง ไปพอใจในกู่กรองของ กนอน ขาคหิริโอฅคัปปธรรม คือไม่ละอายใจคัวเองว่ากำลังทำฆิคทํ่ไปล่วงละเมิค พระธรรมกิตติว0ศ์ 1 «91๓ www.kalyanamitra.org
กรรมสิทธํ่ของผู้อึ่น ปล่อยให้อำนาจฝ่ายฅํ่าเข้ามากรอบงำใจ ไม่เกรงกลั'วกวามชั่ว กวามขิกทํ่จะคิดกามมา นํ่ย'งดนะทฟ้าขิกแก่เพยงภายนอก หากเกนไปกว่านั้นจรเรนฅราบาปไปจน คาย แฅ่จะปีฅเพยงแค่นไปไ^กกํ่วัน ทากยังขืนปร:พฤติกันอยู่ธย่างนั้น ทฅว่าหง ไม่นกถัวขาคติถ เนื่ธถึงเวตานั้นIปีนกันหวังไค้พบนรกในชาตินั้นล:ซาติทน้านน่นอน ติธฅ้ธงเติอคร้อนhไปทั้งชาติ คายนถัวกไปเติอฅร้อนในอบายฅ่ออก บอกไห้เพื่อนกนนั้นเลิกเสืยเถอะ ถ้าพูดกันไนแง่ของqณธรรมทางโลกแอ้ว กวามประพฤคิเซ่นนั้เบี)นกวาม ประพฤคิไม่คั๋เอามากๆ ทีเดยา เพราะเบี]นการเหยยบยานั้าไจซองสามของผู้หญิง กนนั้น ขํ่งถ้าสมมคิว่าสามของหญิงกนนั้นเบี]นเรา เรากี่กงจะทนไมไค้ กงเกิดกรโน ยกเมยไห้ผู้หรือกรณหย่าร้างกันชั้นมา หรือไม่งั้นกี่ค้องปากันดายไปข้างหนึ่งเท่านั้น เอง แสะหากถูกจบไค้ ไกรเขาจะเชั้อว่าเพยงภายนอก เบี!นเรํ่องพิสูจนกันไค้หรือ • กี่ไม่อยากจะฅอบมาก เพราะด่างกี่Pค้วยกันทั้งนั้น เป็นแก่ว่าจะยอมรับ กวามจริงกันหรือไม่เท่านั้นเอง #ๆน11 มพร:ธยู่สององค องคหนั้งพูคว่าเคยวผมจ:เสกมรพร้าวให้ตกลงมาถูกหัว ท่าน องคทสองจงถามว่าคุณเสกไค้■จริงทรอ องค์นรกกึ๋ตอมว่าเสกให้ ในซณ:ท พร:องค์แรกพูดว่าผมเสกไห้นน ใจของท่านก็่นกไปว่าท่านองค์นั้กาถังห้างชาม เราจ:เสกให้ท่านห้างชาม เพรา:อย่างไรท่านก็ห้างชามอยู่แห้ว แดคานั้ถังไมไห้พูด ในทนงติอมงคลสารถักท ทถังว่าพร:คณเจ้าคงจ:หอบให้ทายช้องใจ โดยเจพา: ใจท้อจ้อป๋ริจ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320