Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไขข้อข้องใจ

Description: ไขข้อข้องใจ

Search

Read the Text Version

^ศใ-^ขซงถูกๆะส่งผตอย่างไร ก็่ฃอให้กร'บไปอ่านณกกวามในจ?!หมายฉบับนธกกรง นล้วกิกห้วยว่าท่านเกยเห็่นลูกฃถงท่านเป็นอย่างนั้บ้างหรอไม่ นเป็นเพยงส่วนบ้อยเท่านั้นทํ่เกิกจากกวามนปมห้อยของเฅ็่ก ทท่านมส่วน ทำ ไห้เกิค ทรอจรพูคใหท้นฟิบัยหน่อยก็่ว่า ฟานนู้เป็นพ'อแม่นั่IIแหลรเปีUตัวเน่ไท้เกิตปีญหานขน แค่อย่าเ^ยใจหรือกกใจจบเกินไปเลยทํ่ว่านํ่มิใช่ทุกรายนอะทุกกนหรอก มเป็น บางกนเท่านั้น และเหคุการณกังยกกัาอย่างมากี่เป็นเพยงส่วนหนํ่งในร้อยในพันส่วน ททำให้เค็่กเกิคปมห้อยฃ็้นในขีวิค พูกให้พังแก่นั้เกี่นจะพอกรรบัง และเรื๋องทํ่กส่าวมานั้กี่มิไห้ลอนให้รู้ว่าอย่างนั้นอย่างนั้ คามแบบฉบับของ เรองขั้นคทั้งสิน เพัยงแค่อยากจะพูคให้พังบันบ้างเท่านั้นเอง เอาละ ! เวลานอกหมกแล้ว กอบปิญหาศกว่า เ^าม^ อยากทราบวิธึแก้ความอิจฉาริษยา วิธ็แก้กวามอิจฉาริษยานั้นบอกไห้เลยว่าไม่ยาก ทํ่ว่าไม่ยากนั้นหมายถง การบอกนะ แค่เวลาทำจริงๆ บันยากพอฅูเทยวละ ถ้าเปรยบความอิจฉาริษยาเป็นโรคกี่เป็นโรคซนิคอยู่ภายในร่างกายนลร อยู่ลกทเคยว ชนิคใช้ยาทา ยาพอก หรือยากินไม่หายนั่นแหละ บันก้องม่ๆกัค แล้วเอาบันทงไปเลย เพราะโรคขนิคนั้บันเป็นแขกทเช้ามายู่ร่างกายโดยทเรามิไก้ เชํญล้กนิคเคยว ล้าจะว่าให้ซคลงไป โรกริษยานํ่บันเป็นโรกทางใจ พระท่านว่าบันเป็น \"มลร\" กอเป็น \"มลทินใจ\" เป็น \"ฟ้นิมใจ\" เป็นสิงทึ่ทำให้ใจบัวหมอง ไม่น่องแก้ว รักษา ยากอยู่ เพราะขั้นขื่อว่า \"ใจ\" แล้วทจะเป็นเรองง่ายเห็่นจะไม่ก่อยม บันยากทั้งนั้น ไวใจกี่ยาก ผูกใจกี่ยาก รักษากี่ยาก นานๆ จงจะพบใจทง่ายล้กกรั้งลือ \"ใจง่าย\" พระธรรมกิตควงศ์ j «๘4: www.kalyanamitra.org

ก่อนทจรแก้โรคน จำ ต้องรู้สบุฎฐานของโรคก่อนว่ามนเกิคจากอรไร อรไรทำให้เกิคแล้วค่อยไปแก้ตรงนั้น สิงนั้น กาทเภ้ปีญหาแบบนว่าคามตำรับของmร!พุทรองกท่านกึ๋มธยู่ว่า เมึ๋อเหี่น ดัวปีญหา (ทุกช) แก้วค่อยาว่ไปหาเหทุ หfอปมุฏฐานปีญหา (ปมุทัย) เมอพบ ฅัวปญหาแก้วกี่ให้หาทางกำจัคปีญหานั้นๆ (นิโรร) โคยตำเนินการแก้ปีญหาไป คามวิรนั้นๆ (มรรค) อกท่หนง กวามอิจฉาริษยานั้มันเกิดจากการยึกมั่นส์ากัญฅัวเองผิคไปว่าฅัวเองเก่ง กัวเองแน่ ฅัวเองก้องค ก้องเด่น ก้องกังกว่าเขา พอเหี่นใกรอํ่นคกว่าเด่นกังกว่ากัว กี่จรไม่พอใจในกนๆ นั้นฃั้นมาทันทํ บางกรั้งแม้จรยังไม่เหี่นหน้าก'าฅากันเลย แด่พอ ม่ใกรมาบอกว่ากนนั้นกนนั้เก่งนร เขาศวยนร หรือเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนั้นร กี่จร หูส์งแล้วนำมาเปรยบเทยบกับกัวดู เมอเห็่นว่ากัวสั!มไก้กี่จรซังกนนั้นขั้นมาทันท ล้าเปรยบแล้วกิคว่า^วไมไคกี่จรเฉยๆ หรือยอมรบไค้ ล้ายังไม่เปรืยบกี่ยังไม่ซัง ยังไม่เฉยก่อน ศมุฏฐานหรือปิญหาเกิดจากฅรงจุดนั้ ครงทํ่นํกเปรยบแล้วกัวเองล้เขาไมโก้ นั้แหลร เพรารจิฅใก้ส์านึกมันปงว่ากัวก้องดกว่าส์ากัญกว่าทุกกน พอเหี่นใกรดกว่า ฟ้ากัญกว่าเลยไม่ยอมรับกวามคฃองเขา นึกเข้าข้างกัวเองราไป อาการเกลยต ทม้มใต้ต่อความคเด่นกว่าต้วล้กษณรนั้แหลรทเรืยกว่า ริษยา รูไค้อย่างไรว่าโครมความริษยามโรคมลทินใจอยู่ กนทเมึ๋อได้ยินไกรเขาพูดว่ากนนั้นกิกนนั้นเก่ง หรือเมํ่อใกรเขาแศคงกวาม ชนชมยินกิด่อกัน กี่เกิดกวามรู้สืกหรือแลคงอาการออกมาทำนองว่า \"รมไมใต้\" หรือ \"ทนไมใต้\" นั่นแหลรใหรู้เถิดเป็นกนมโรกริษยาอยู่ หากจรพูดอย่างไม่เกรงใจ กี่กิอว่าอย่างเช่นการแศคงออกของ \"กุณผู้ป่วยทางใจ'' นั่นแหลร ๑๘๖ แ ไอข้อข้อง^%) www.kalyanamitra.org

แฅ่ฅ้องขอซมเชยยู้ป้วยทางใจอย่างหนึ๋งกือฌํ่อรู้ฅัวว่าฅัวเองเป็นโรกนิ้แลรก็่ บอกกันมาฅรงๆ ฅือยอมรับลรว่าฅนเป็นอย่างนและ:ถามปิญหาไป แลคงว่ารู้จักโรค คัวเองคและพร้อมเลมอทึ๋จะ:แร่)ไข นับว่าเป็นกนคีฅนหนํ่ง เทยบไคักับกำพระทํ่ว่า \"ผู้!ดเป็นคนไมดแต่อวดคัวว่าเป็นคนค ยู้นนจัดว่าเป็นคนไมํดแท้ ส่วน ผู้!ดเป็นคนไม่ค แต่รู้คัวเองว่าไมดอยู่ ผู้นนยังพอจเ:นับว่าเป็นคนคได้บ้าง\" กราวนั้ก็่มาพูคถึงวิธึแก้ความอิจฉาริษยากัน (๑) ทำ กวามเข้าใจข้อเที่จจริงทว่าในโลกนมกนเก่งคนคมากมาย แต่ละกน ต่างกี่คกี่เก่งพอกัน เป็นแต่คและเก่งกันกนละค้านกนละอย่าง แม้ทึ่ว่าเก่งเหมือนกัน คเหมือนกันนั้นก็่ยังมืกวามต่างกันอยู่ ฅามพั้นกวามรู้ กามฐานะ กามอายุ กามเพก เป็นค้น เพราะฉะนั้น การทกนเราต่างกันจึงเป็นเรื๋องธรรมคา {๒) ถกกวามถึคมั่น กวามส์ากัญคัวเองว่าเก่ง ค เด่น กัง ลงเถึยบ้าง ค้วยการยอมรับกวามจริงค้วยใจคัวเองว่าคัวเองนั้นกี่มิไค้เก่งไปกว่าเขาเลย หรือ ยอมรับกวามจริงว่าผูทไคัรับยกย่องว่าเก่งว่าคเต่นนั้น เขาคเขาเก่งกว่าคัวจริง คือ ยอมรับกวามจริงว่า \"เหนือ■^ายังมา\" (๓) เมึ๋อลกกวามยึกถึอว่าคัวเองเก่งแล้ว ก้องพยายามทำใจให้ยอมรับ กวามเก่งของกนอํ่นบ้าง ยอมรับกวามคืของกนอํ่นบ้าง โกยมองในมุมกว้างและ รายละเอึยกว่าเขาก็่มืสิทธิทึ๋จะเก่งและก และสามารถลร้างกวามเก่งและคืจนให้กนอน ยอมรับไค้ เมื๋อกนอํ่นๆ เขายอมรับไค้ เรากื่กวรยอมรับไค้เช่นกัน (<1) เมึ๋อเห็่นใกรคืกว่าคัวกังกว่าคัว พยายามป็นใจไปร่วมแลคงกวามยินก กับเซาบ้าง พยายาม \"ทน\" ให้ไค้บ้าง บ่อยกรั้งเข้าก็่จะชินไปเอง เพราะการไป แลกงกวามยินคืเมํ่อกนอื๋นเขาไค้คนั้พระท่านว่าเป็น \"มุทิตา\" มุทิตานั้แหละเป็นคัวยารักษาโรค \"อิจฉาริษยา\" ขนานแท้ดั้งเดิม ชนิด เป็น \"ตำร้บเดิม\" ท้เดิยว www.kalyanamitra.org พระรรรมกิตติวป็ศ์ I «๘๗

สำ หรับกรณรองกุณ พยายามทำใรให้ฟ้นปฑอิ เลิกกิคร่งทสํวงนาแดัว เลิยเถอะ กนเรยนไม'เก่งนั้นระมเฉพาะกุณกนเสืยวเนอไหร่ ในโถกนั้มกนเรียนเก่ง ลิ'กกกน พูคกันรริงๆ แล้ว แม้ผู้?เอมปิญหานั้เองก็่ใม่นโอกาถเรียนในชั้นเท่ากุณเถย เมํ่อไม่เก่งทางเรียนกี่ซวนรวายหาทางไปเก่งอย่างอนกึ๋ใล้ ซกเชยกันไค้ แต่อย่าไปเก่งทางmฉาริษยาเข้าเท่านั้น ทกุณพ่อกุณแม่ปฐบักิไปนั้น อย่าไกิกิกว่ารักคุณน้อยกว่าพชายเลย เห็่นไร ท่านบ้างเถิก นานทํรืงระไค้พบหน้าถูกชายท่านกี่ย่อมชนใจเป็นธรรนคา ส่วนคุณอยู่ กันท่านทุกวัน เกี่นหน้าทุกวัน ท่านจะถนุกลินานกับคุณทุกวัน เรียกขานทานร้าว หรีอเอาใจใส่คุณไค้ทุกวันอย่างไรกัน เพราะเห็่นหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว อะไรทั๋มัน บ่อยๆ นํ่ มันนักจะ \"เซึ่ง\" คุณกี่รู้อยู่ และอย่าไค้กิกว่าพ่อแนไม่ห่วง ไม่รักหรีอไม่เอาใจใส่ ลองคุณห่างอกท่านไป เรียนกรุงเทพฯ บ้าง ท่านกี่กงเอาใรใส่คุณเป็นพิเกษเหมือนกัน หรีอหากคุณหายไป จากบ้านไม่กลับบ้านลิกกืนเกิยวเท่านั้น ท่านทั้งลิองเป็นออกกานหาให้กากทเกิยวละ แค่อย่าไปทกลองนะ มันอันกราย ค่อยละค่อยเลิกค่อยรักษาโรกนั้!ปเถอะ แม้ระยากเยี่นอย่างไรกี่กงไม่เหลอ บ่ากว่าแรงคุณหรอก เพราะใจคุณพร้อนระเลิกถะอยู่แล้ว พูกมาแค่ค้นแล้วว่าบอกน่ะบอกไม่ยาก แค่เวลาทำมันยากและอาจยากนาก เลิยค้วย ^^11 อยากทราบวิธทาเTองๆยคลกๆ จรใค้มเพอนมากๆ วิธหาเรองคุยกลกๆ จะไค้มืเพํ่อนมากๆ นั้เป็นซองหญ้าปากกอก ทั้ว่า อย่างนั้เพราะผูทระพูคฅลกๆ ไค้ค้องเป็นกนไม่เงยบชรีม ไม่อิจฉาริษยาผู้อน คนเราลองเงยบข?น นั่งซึม คิคแต่จรหลบหน้าคนอยู่ราไป เหมือนกับ เหมื่นหน้ากันมากักร้อนปีก็่มิปาน จรเอาธารมฌขันทํ่ไหนมานล:จรหาเพํ่อนทํ่ไหนไค้ ใพ้อข้อป้ ริจ่. www.kalyanamitra.org

วิธฝ็Iพํ่ธนมากๆ นมิใข่แค่เฉพารจะเกิ?ทากกาTกุยตตกๆ ท่าเกิยก กนพูค คลกๆ บางท่กึ๋ใม่ก่อยจะมกนฅบเหมืงนกัน อย่างกนประเภท \"คลกบรโภก\" นั่นไง ไปคลกทึ่ไหนเป็นบ่อนแคก หรอไมก \"หัวแคก\" ทนั่น สิทสิการิยะ ท่านว่าไวว่ายูใคฅัองการมึเพึ๋อนมากๆ ฅัคงทำคังน - ต้องเป็นคนแจ่}jhrาเ?ง ไปเงยบชพ - ต้องไม่เป็นคนขธิคจา?ษยาคน - ต้องต้คพูคหัคแสคงออกบ่อยๆ - ต้องทกพคเป็นแลร^งเป็น - ต้องPกแปงปีน ไม่ฅrรหน - ต้องพคเพฑรๆ ทวานๆ - ต้องไม่ฅrรหนื่แรง ต้องช่วยคนอนโคยไม่ต้องขอร้อง - ต้องรู้ต้กวางคัว ไ^วค รมนุษยคันพันธ ท่าน^คปฏิบติตามหลักคงนั้1ค้ จะมเพอนฝูงมากหน้าหลายคา ถ้าเป็น คนหล่อคนสวยค้วยแล้วจะมเสน่ห์คงคูคเพอนค่างเพศให้เข้ามาหาจนลับหลกไมใหๆ ทั๋เคยว ประ:^ทธิและตำราน[ม'ใช่คำราหลวง เพราะเขยนใบ่นกไป แด่รับรองโคย ไม่ต้องประคับคราว่าถูกต้องทั้งหนค คัวนตำราอึ๋นเป็นจันใคทั้นโปรคไปต้นแต้วคว้า เอาเองเทอญ ลาม I วิร[คทำให้ใจเข้มแฃ็่งไม'อ่อนไหวง่าย บังคับใจตนได้ ตอุบิ] วิธทำใจให้เข้มแฃ็่ง ไม่อ่อนไหวง่าย บังกับใจคนเองไคน กี่ตอบง่ายอก เหมือนกัน คู เหมือนว่ากุณตอบมาให้เลร็่จแล้วนนา www.kalyanamitra.org พระธรรมกํดควป๋ศ์ 1 ®es๙

วิ^าใจให้เข้มแฃึ๋งกึ๋คืออย่าทำใจให้อ่อนไหว เมึ๋อใจไม่อ่อนไหว ใจก็่ เข้มแฃึ๋ง แลร!การจร}ทำ ใจไมให้อ่อนไหวเพึ๋อให้เข้มแฃ็่งก็่ต้องบงห้บใจตวเองให้!ด้ เรองของเรองกึ๋ม่เท่าน ฅอบอย่างน็้อย่าเพั๋งนึกเปลยนสืญซาฅิผู้ฅอบไปเป็นซาฅิอึ๋นทเป็นเจ้าของ อาหารทํ่ทานเข้าไปแล้วทำให้เกิคโรกประ!หลาคชนิคหนํ่งซํ่งกำลังมซํ่อฅิฅอันคับอยู่ ในขณะ!น ทึ๋ฅอบไปนั้นเป็นทฤษฎีทถูกต้องและ!เป็นจริงทสุค ไม่เซื๋อลองถามไกรๆ คูก็่ใต้ กวามอ่อนไหวของจิตใจ ชงจะ!ขอกล่าวเฉพาะ!ของกนวัยรุ่นเซ่นกุณเท่านั้น เป็นลักษณะ:ประ!จำคัวทจะต้องเกิกฃั้นกับทุกกน ไม่มยกเว้น ต้องประ!ลบมาต้วยกัน ทั้งนั้น เป็นเรํ่องธรรมกา เมํ่อเขามองมากี่อย่ามองตอบเขา กุณบอกว่าไม่เกยมองเขา แต่คุณรู!ต้ อย่างไรว่าเขามองคุณ แลคงว่าคุณกี่ฟ้นใจมองเขาเหมือนกันไขไหม จึงไคัรู้'ว่าเขา มองคุณ กวามจริงอยากตอบว่าคุณเองนั่นแหละ! \"ขอบเขาเข้าแล้วเป็นไร\" กี่กลัว กุณจะ!อาย กวามจริงคุณกี่นับเป็นคุลลตริไต้ กือลามารถบังคับกายให้อยู่ในท่าปกติไต้ ขอให้บังคับไต้ตลอคไปเถิค แต่ว่าใจน่ะ!บังคับยากกี่ปล่อยมันไปบ้างเถอะ! มันเป็น ธรรมขาติ ขออย่าให้มันมือำนาจเหมือกายจนบังคับให้ตามใจมันกี่แล้วกัน วิธแก้ข้อนั้กือพูคคุยกับเขาหรือใกรกี่ใต้แบบธรรมคา อย่าหลบคา อย่า หลกเลํ่ยงการพบปะ!โคยไม่จำเป็น หากเขาพูคมาทำนองเกั้ยวพารานึกี่ทำเฉยๆ ไม่รู้ ไม่ซเนึย อย่าต่อปากต่อกำหรือทำเป็นเหนึยมอาย หรือกวรพูคเรองอํ่นไปเสิย กวร กิคไว้เลมอว่าทุกกนเป็นเพึ๋อนร่วมชั้นเพํ่อนร่วมลถาบัน ฯลฯ เพราะ!กวามฅิคว่าเป็น \"เพึ่อนกัน\" นแหละ:จะ!ทำให้หายอ่อนไหว เหี่นเป็น เรํ่องธรรมคาๆ นานเข้ากี่ซินไปเอง เหมือนการพูคคุยกับเพึ๋อนกันจริงๆ ตามปกติ กี่ไม่เหี่นจะ!ต้องอายหรือต้องหลบตากัน ๑๙๐ li ใฬอข้อง'ริจ่) www.kalyanamitra.org

แฅ่ขอบอกร'กนิฑพอะว่า พยายามเ'รยนหนังสือเสียก่อนหรือเมึ๋อเรยนจบ แถ้วแฅไม่อยากเรืยนค่อ หรือเมํ่อมหลักฐานมอาซพเสียก่อนก'อยกิคถง \"เพึ่อman ซวิฅ\" หรือ \"imuh\" อย่างทเขาพูคไว้เอมอว่า \"ธย่าrrnhouifยน\" นั่นแหละ เขาว่าถูกก้องแล้ว ผู้ชายมให้เสือกมากมายนัก จะเสือกเมํ่อไรกึ๋ไก้ หากสืงเวลา อยากจะก่งลุกาษิคลอนหญิงมาให้อ่านก็่กลัวจะถูกหาว่าเชย {^รปขัอนกี่ทธว่าบังกับกายไท้น่รคแถ้ว แฅใyแม้จะบัง^บไมไต้ในบางครั้ง กอย่าไหม้นมั๋ธำนาy¥กนำกายไป?เาม ก็่เปีนต้ถมไปแล้ว เหคไคม้เพึ๋อนน้อย ลาเหตุทั๋มเพํ่อนน้อยก็่ก้องย้อนไปอ่านข้อ ๓ ใหม่ แล้วกิฅฅรงข้ามว่า เพราะไม่มหลักข้อนั้นๆ จึงมเพํ่อมน้อย กอบแก่นั้กงจะพอ แถมข้อกิคลักนิกกึ๋ใก้ว่า \"มเพอนน้อยแต่เป็นเพอนค ยังมคุณกว่ามเพอนมากแต่เป็นเพึ๋อนเลว'' อยากทราบวิรแกักๆทบึ๋อเfยน วิธแล้การเบึ๋อเรืยนนั้นกึ๋ใม่ยากทํ่จะบอก ของไกรก็่ซองนันโฅยเฉพาะอย่าง ของกณนํ่ก้องแล้ทั๋ก้นเหตุ ตุณเมื่อเรืยนเพราะตุณไม่ม่ลมาธิเรืยน ทำ ไมไม่มลมาธิ เพราะตุณขอบมองเพํ่อน ทำ ไมจึงขอบมอง เพราะตุณยังกับใจไมไก้ ทำ ไมยังกัปใจ ไมไค้ เพราะใจไม่เข้มแขี่ง ทำ ไมใจไม่เข้มแข็่ง อ่อนไหวง่าย เพราะตุณเป็นกน เว้าอารมณ ขอบก่ากัญกัวเองว่าลวยว่าเก่งกว่าเขาและมเพํ่อนน้อย ทำ ให้ขาค ประลบการโนในการกบเพอมชาย ยัญหาและกำคอบมนออกมาเป็นพรวนอย่างนั้ วิธแล้กกือแล้จากก้นเหคใหไค้ พระธรรพกิตติวงศ์ 1 acia www.kalyanamitra.org

นลรวิธแก้นนทึ๋กต่าวมาแฅ้วในฃ้กฅ้นๆ ก่อยๆ แก้ ก่อยๆ เลิกอรไปเถิค ปิญหาทั้งหมคฯะหลุฅไปอปางง่ายฅาย ซปิคทึ่กุณเองกื่กาตไม่ถงเหมือนกัน ลิทธิการยะ ท่านว่าไกรอยากเรยนเก่งก้องทำคังน (<5)} ฅ้รงปตูกความ?ทใท้เกิฅในวิซาทฅนเรยนทุกๆ วิชา ธย่าถำเธยง คึธ ฅ้องTกทุกวิซาmfยม (๒) ฅ้รงพากเพย?ทั้งhifยมในแค่ต:;วิชาทํ่ฅมรักพอๆ ก้ม (๓) ค้องเอาhMม่ทธคทงในแต่ค:!วิชา หร่วนฅ?กท?าคูว่าก้วเองมความ บกพ?องในวิชาไคบ้าง แค้ว?บแ^ซ (d) ค้อง^ก^ง คิด ถาม จทย่อยๆ ^อมืหลัก d ประการน ท่านว่าจะเรยนเก่งและอะลิาเรึ๋อผลทุกราย ประลิทธิ แล ฯ ถาม] พำ ธย่างไ?จงจ:!พอใจในคิงทมอy พอบI การทำใจให้พอใจในลิงทั๋ฅนบอยู่นั้นเหี่นจะเป็นเรํ่องทํ่ทำไคไม่ง่ายนัก เพราะ คามปกคิใจกนนั้น \"ถมไม่เค็่ม\" อยู่แล้ว คือนักจะไม่พอใจในลิงทํ่ฅนมือยู่ โคยนักกิค ว่าของคน^ของกนอนไมไค้เส์มอ จงไม่อิ่มไม่พอ อยากไค้ลิงทํ่กิคว่าคัวเองขาคแกลน เพํ่อให้เหมือนกนอํ่นหรอเหนือกว่ากนอิ่นรํ่าไป ทโลกวุ่นวายอยู่จนทุกวนนั้ ก็่เพราะกนกิคว่าของเขาคืกว่าของคัวนั้เอง การทำกวามพอใจในลิงทํ่คัวมือยู่เป็นอยู่นั้น เรั๋มก้นทเคืยวก้องทำใจให้พอ เสิยก่อน โคยหันมากิคว่าของเราคืกว่าของเขาหรอของเรากื่เหมือนของเขา แต่อย่า เลยเถิคไปนืงเห็่นว่าคืกว่าของเขา แล้วยกคนข่มท่านเข้าล่ะ จะเกิคปิญหาอํ่นๆ อก หรอไม่งั้นกื่คิดถึง \"หลักธรรมคา\" ให้มากๆ «๙๒ แ ใฬอ!)อป้'% www.kalyanamitra.org

หลักธรTมฅาในทํ่น็้คึอหลักความจริงของโลกทึ๋ว่า คนเทเกิดมาย่อมต่างลัน โดยเฉพาะรูปธรรมนามธรรมเราแข่งขันลันไมไค้ ควรปล่อยไปตามธรรมชาฅิของลัน อย่าไปคำนึงว่านั่นคือ \"ปมค้อย\" ให้คิดว่าคนเทั้ยนั้นเป็นลักษณะของคนเอเชยลัวไป โดยเฉพาะผู้หญิงไทยไม่ปีงใหญ่เหมือนคนยุโรปหรืออเมริกา ให้คิดว่ามิใข่แต่เรา เท่านั้นทเป็นอย่างนั้ คนอึ๋นทํ่ปีงเท่าเราหรือเตยกว่าเราลังมือกมากมายลัก และ คนอื๋นทึ๋ปีงโย'งกว่าเรานั้น ลองไปถามเขาดูบ้างเป็นอย่างไร เขาจะตอบเราไคลันท ว่าความปีงของเขากี่เป็น \"ปมค้อย\" ของเขาเหมือนลัน ในฌอเปีนเหมือนกัน จะไปกิ(ๆมันทำไม ไร้ศาระ รกสมองเปล่าๆ ทมือยู่ เปีนอยู่น่ะคแล้ว อย่าขานขวายฅิ้นหาคไปกว่านิ้เลย ประเคึ๋ยวคจะแตกเสิยก่อน และกวามส์ากัญตนว่าเปีนกนล่ากัญอยู่เสมอนั้นแหละเปีนอนตราย เปีน กัตรู เปีนสิงทกวรเชิญออกไปจากไจเราไต้แล้ว เพราะนั่นมันเปีนปอเกิคแห่งกวาม ไม่นั่นไจไนเวลาแสตงออก คือเวลาจะทำจะพูกอะไรต่อหน้ากนอึ๋นหรือไนหมู่กนทํไร จงมักจะมืกวามตั้งไจจนเกินไป หัวไจเต้นแรง เลือกฉคแรง ทำ ไห!จนั่น ตัวนั่น เหงึ่อไหล กี่เพราะกลัวว่าจะทำไมไต้คเท่ากับกวามล่ากัญของตัว หรือจะทำไหต'ว ต้อยกวามล่ากัญลง หากแสกงออกไม่คืเท่าทํ่ตั้งไจนั่นเอง จุดใหญ่ทั้งหมดของปีญหาของคณกี่คือล่าลัญฅัวนิฅนั่นเอง ทัดข้อนั้ไค้เคืย อย่างเดยวกี่สบายไปหนึ๋งร้อยลับอกแปดอย่างเชยว ฉบับนั้รู้ลืกว่าจะตอบปิญหาห่างตำรามากไปหน่อย แตกกงต้องจะ \"ไขข้อ ข้องไจ\" ไต้บ้างกระมัง \"ข้าว\" แม้มนจร:งอกอยู่ \"นอกนา\" มันก็่ยงเปีนข้าวอยู่ด แลร:กี่คงจร:มื รวงดๆ ให้เกี่บเกยวไปกินได้บ้างหรอกน่า. พระศรวิสุทธิวงกี่ (ทองก ป.ธ.<ะ?50 พระธรรมกิตติว0ศ์ 1 ๑๙๓ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ไขข้อข้อVโๆ จาก \"มงคกฟ้าร\" เกอนๆมภาพนร์ ๒3๕๒10 ถามโคย... คุณ ฟ้. กณรครวิทยากรณ์ ถามj ปรร่โยขนของกาTใททานมอย่างไT Mlj การให้ทาน ถ้าจะแยกแล้ๆเป็น ๓ 'อย่าง กื้อ (๑) อารํ]สทาน ให้วัฅถุสิงของ {๒!) ธรรมทาน ให้กาามรู้ ให้!!ญญา (๓) อภัยทาน ให้อภัย สิละกิเลสิ ในทํ่นกิฅว่ากงจะถามม่งใปทํ่การให้ประการแรกนานกน่า ว่าให้แล้วจะให้ ประโยขนหรึอไห้อานิสิงล้อย่างไร ขัอนิ้ในนงกลสิฅร ท่านบ่งซักไว้เลยว่าในบรรกามงกลขวิก (โก๘ ประการ กามหลักกาสินาทุทธนั้น การให้ทานจกเป็นมงกสิซัวิฅประการหนํ่ง กือในmะmsflnciuiท่าน^ธนว่า ฅน1ฑ'ารไฅ้ฅ จะนึกวามสิรกววมเจริชุ/ มทวามก้าวหน้าmธมั่งม?ifสุข ทย่านวนใหม่เขาว่า \"อยู่ตีกินก้' ไคกื่ฅ้ธงอาก้ย www.kalyanamitra.org

การทำค้วยคัวเอง คัวเองท้องปร::พฤฅิปฏิบัติต ทำ ถูก เปีนปุจริฅทั้งทางกาก วาๆา แล^ใจ มิใช่เกิคจากเหวคา'ท้าดินหรือดวงคาวบันคาลอย'างทึ๋ชาวโลกทั่วไปเ4อแล^ ถือกัน และ!ฅามปกติธรรมคาทุกกนค้องการมงกลซวิฅฅ้ๆยกันทั้งนั้น ทั้งซาๆกัค ซาวบ้าน กำ ว่า \"มงคล\" หมายถึง เหตุทํ่ทำให้เกิคกวามลุซกวามเจริญกังกล่าว นันแหละ: และ:มงกลนั้นเกิคจากกัวเอง ไมใช่เกิคจากกนอํ่น กังนั้นมงกล ๓๘ ข้อ ในพระ:พุทธศาลนาจึงเน้นหนักในเรํ่องการทำค้วยกัวIอง โคยให้พํ่งกัวเองก่อนอื่น แลรให้ผลแก่ทุกกนเท่าเทยมกันหมค มิไค้เลือกทรักผลักทํ่ซังว่าค้องเป็นกนไทย ค้อง เป็นซาวพุทธ หรือเป็นกนชั้นสูงชั้นฅั่า อะ:ไรทำนองนั้ \"มงคล\" เป็นลัจธรรม คือเป็นธรรมซาติธรรมคาทมจริงเป็นจริงทุกยุกทุก ลนัย ไห้ผลแก่ผู้ปฏิบัติไค้คามหลักและ:ถูกหลักทุกกน โคยไม่เลือกชั้นวรรณรหรือ เพศวัยไคๆ ผู้ปฏิบัติจะเป็นกนซาติไหน ภาษาไหน เพศไหน หรือศาลนาไหนกี่คาม หากปฏิบัติกัวประ:พฤติคนเข้าหลักเข้าเกณฑมงกลแล้วเป็นไค้ผลกัคเท่ยมกันหมค โคยผู้นันจะ:รู้จักมงกล จะ:เกยไค้ยินมงกลหรือเกยเรืยนรู้มงกลมาก่อนหรือไม่กี่คาม ตรงกันข้าม แม้ยูนนจร!เรืยนเมงคลอย่างละ{เอยคลืกชั้ง ท่องจำได้คล่อง แลร!ฟ้ามารถบอกลามารถลอนเรองมงคลแก่คนอื่นได้ แตใม่เคยทำตามหกักนั้น เลย มงคลก็่จรไม่ม้แล๙ไมให้ผลแก่ผู้นั้น เปรยบเท่ยบไห้เหี่นง่ายๆ เหมือนอาหารมึประโยซนัฅ่อร่างกาย ทำ ไห้ร่างกาย เจริญเติบโต ไห้กวามอบอุ่น ไห้กำลังกายกำลังลมอง และไห้ผิวพรรณ พระท่านว่า อาหารไห้อายุ วรรณะ สูซะ พละ และปฏิภาณ แค่อาหารนั้นจะไห้ประโยซนักี่แค่ ผู้รบประทานลงไปเท่าบัน และกนทรับประทานจะรู้จักว่าเป็นอาหารชื่อนั้นซํ่อนั้ จะ รู้จักวิธปรุงหรือไม่ จะมืพิธรฅองไนการรับประทานอย่างไร และจะเป็นกนซาติไหน ภาษาไครับประทานกี่คาม หากผู้นั้นลามารถกลืนอาหารนั้นลงห้องไค้แล้วเป็นไค้รับ ประโยซนจากอาหารนั้นพอๆ กัน ไขข้อจ้อง'?จ่. www.kalyanamitra.org

ฅรงกันข้าม แม่ฅรัวหรือพ่อกรวยู้ฉลาคปรุงอาหารไค้ศาTพัคซนิค รู้จัก อาหารสารพักอย่าง ซนิคทํ่นอนกอกกำราอาหารหรือมตำราอยู่ในสมองนั่นเทยว หากตัวเองไม่รับประทานเองแล้วกี๋ใม่อาจไค้ประ:โยซนั่จากอาหารนั้นๆ เลย รู้จักแต่ปรุงให้คนอึ๋น อย่างดกึ๋ใด้แค่ความอิมอกอิมใจเท่านน แก่กวามอั๋มอกอํ่มใจนั้นจะ:เลั้ยงซึวิตเต็้ยงตัวไปไค้กักกํ่มั้อกัน หากไม่รับ ประ:ทานเข้าไปบ้าง พ่อกรัวแม่กรัวกื่กายเป็นเหมือนกันแหละ:น่า ทพูคมาเสียยืกยาวเซ่นนั้กี่เพํ่อปูพั้นกำคอบก่อไป เพราะ:ว่าหากก่อไปพูกถึง กำ ว่า \"มงคล\" อกกื่จะ:เข้าใจไค้แจ่มแจ้งค การให้ทานพระ:ท่านว่าเป็นมงกล เป็นเหฅุแห่งกวามสุขกวามเจริญค้วย ประการทั้งปวง หากจะพูกในมุมกกับก็่ว่ากวามกระหนั่หวงแหน กวามใจแกบเป็น บ่อเกิดแห่งกวามเสีอมค้วยประการทั้งปวงนั่นแล พูคแก่นั้อาจไม'ชัก จึงขอยกตำรามาอ้างไว้เป็นหกักฐานเพํ่อกวามนั่นใจ ของผู้ปฏิบัติ และเพึ๋อให้เป็นข้อกิกแนวทางแล้วหาทางพิสูจน์ก่อไปว่าเป็นอย่างบัน จริงหรือไม่ กือพระพุทธเจ้าท่านทรงแสกงอานิสงส์ของการให้ทานไว้แก่เสนาบก กนหน์งซํ่อว่าสีหะ กามทํ่ปรากฎอยู่ในบัญจกนิบาก อังกุกกรนิกาย ซํ่งพอสรุปเนั้อ กวามในพระตำรัสนั้นไค้ว่า ทายกแถรทานบท คือผู้ถวายทาน ผู้เปีนเจ้าชองทาน ให้ทานด้วยทวาม กด้าหาญ ฅัทความฅรรiหนั่ออกเคืยแด้ว และเปีนนายเปีนเจ้าของทานเอง คือยก ทานขั้นเหนือคัว ไห้แบบยกย่องทาน เฅ็่มไวให้ ไม่ไขให้แบบไห้ทาถหรือไห้เพอน ย่อมได้อานิลงด้ ๕ ประการ คือ (๑) ชนfiล ปีโย โหติ มนาโป ย่อมเปีนทรกเปีนทชอบไจซองทน กือผู้ท ชอบให้ขอบสงเกราะหถึอว่าเป็นกนไจกว้าง เป็นกนไม่ตับแกบ เอาใจบริษัทบริวารค จึงเป็นทํ่รักเป็นทํ่บับถือเกรงใจของบริษัทบริวารเหล่านั้น (๒ว) ลใ4โต ลปฺปุริลา ภชนฺติ คัทบรุษผู้ลงบย่อมทบหาด้วย กือย่อมจะไค้ เพํ่อนทํ่ก กนกจะสบักรมาเป็นเพํ่อนมากหน้า ไปทั้ใหนจะมืแก่กนรับรอง พระธรรมกิตติวงศ์ 1 ๑๙๗ www.kalyanamitra.org

(๓) กอุยาโณ กิอุตฟ้อุโท ออุภุคุททุฉติ ชธเ^ยงตย่รมขจรขายไป สือ ผู้ขอบให้ฟนนัน\")ะนแฅ่คนกฅ่าวขานถึง นำ ไปฟ้นแบบอย่าง อย่างเข่นนางกิอุาขา แตะอนาถบิณฑิกเส แมทงตองท่านสะเนขวิสไปแล้วกว่าสองพัน!! ผู้ศนโอย เฉพาะขาวพุทธทั่วโลกก็่ยังทูกท่านถึ (<£) วิสารโท อุปส^กมคิ อมงกภูโฅ จะเข้าไปทํ่ไหนถ็่ธาyหาญ ไน'เหธะเขิน เข้าไป ทอผู้ขอนให้สะไปในสถานทํ่ใค ในขุมขนใคก็่เข้าไหนเข้าไค้ ไม่มใกทังเกย'ส 'สะเข้าหาพระ เข้าหาเส้าพัาเข้าแข่นคินหรอขุมขนใหญ่โ?เแทไหนย่อมไค้รับการค้อนรับ ค้วยทวามบินตและมกนเป็นกำลังใสให้ ข้อนั้ถึบเนองสากมพวกพองและทนรู้สักมาก นั่นเอง ทูลัวอย่างไค้สากผู้ทั่เข้าเลัาในหลวงเพํ่อบริสากทรัพย่โคยเสคี่สพระราชกุสล อย่างใกล้ซิส ฅ่อหห้ากนนับร้อยนับพันถึกล้าเข้าเล้า ส์ข้อนั่เปีนผลทสะพึงไค้รับในปิส'รุบัน (๕) อุคค สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชคิ เมื๋อแฅกกายวายขนi^ปแต้วย่อมเข้าถื้ง ย่คฅิโลกปวทท กือไปเสวยสขในสถานทั่กสลอกไป เท่านั่ถึทงพอสะโห้มห้าวสิคใส ให้เห็่นกุณท่าของการให้การเสืยสละไค้ห้าง กระนัง แก่อย่าเพงเชํ่อค้วยเหฅเพึยงเท่านั่ ล้มปิญญากวรทกลองพิสูส•น พิสารณา ให้เหี่นถ่องแห้เสิยก่อนอ่อยเซํ่อกกว่า สงสะกรงลับหลักการในพระพุทธสาสนาทั่มิให้ เชออะไรง่ายๆ เมื่อพิสูสนั่แล้วโปรกทำทานให้ถูกหลัก ถูกวิธเถิก แล้วมงกลแตะ อานิสงส์ ๕ ประการนั่สะทยอยให้ผลแก่ท่านคามลำลับๆ ปTรโยชน์ชองการรกษา^ลมอย่างไร กิส ทือกุณธรรมอย่างหนงชงมไข้ลำหรับปรับปรุงกิริยามารยาททางกายและ วาสาให้อยู่ในกรอบในระเปียบอันกงาม ชงทำให้เกิคกวามเรยบร้อยสวยงามในลังกม ชํ่งเร้ยกอกอย่างหนึ่งว่า \"วินัย\" เป็นกุณธรรมทั่ปรุงแก่งกิริยาทางกายและวาสา ซองกนเราให้งกงามละเมยกละไมขน ยกระลับมารยาทการแสกงออกให้เริยบร้อยขน ให้มองกูเป็นสง่า ให้มเสน่ห้กูน่ารักขน ไธซัอฃ้อ0% www.kalyanamitra.org

คือทำให้คนเรามความความสรอาดทางกายแลร!วาจานนเอง คืลน็้เป็นเกรองประ:คับขนิคหนํ่งทประ!คับไค้ทุกชั้นวรรณะ!แลรวัยโคยไม่เลือก ประ:คับแล้วทำให้งามทางมารยาท ทางกิริยา ทั้งท่วงทกวามประ:พฤติทางกายกี่งาม ไม่มทํ่ติ ทั้งท่วงท่าวาจาทพูคออกมากี่ไพเราะ:ไม่มทํ่ติ คกว่าเกรองประ:คับเรือนหมึ๋น เรือนแลนชงทำให้งามไค้เพยงผิวเผิน คืองามเพราะ:อาภรณ์อย่างเคยว หากไม่มคืล ประ:คับอกชั้นหนํ่งแล้วจะ:งามไหวหรือ เหมือนกนทแค่งคัวอย่างกับจรไปงานวังอัน ทรงเกิยรติ แคไปยืนร้องค่าท้าทายกรืคนวชั้หน้ากนกลางถนนหนทาง เราจะ:มองคู ผู้นั้นว่าเป็น \"กนงาม\" ไค้ลงเชยวหรือ นัยตรงกันข้าม ผู้ขาคอาภรณ์อันงามประ:คับกายภายนอก แค่กิริยามารยาท เป็นระ:เบยบเรืยบร้อย จรพูคจากี่มืหลักฐาน จรวางท่าเยั้องกรายกี่เป็นรรเบยบ หรือ แม้ว่าจรมืรูปร่างไม่สวยไม่หล่อนักกี่จัคว่าเป็นกนงามไค้ แลรย่อมงามไค้ทนนานกว่า งามอาภรณ์เป็นไหนๆ ^าหรับคนท^วยอยู่แล้ว หากมาบ่รiคับฅ้วยอาภรณอันทรงค่า ซํ้ายังมึค่อ 1ปีนเครึ่องประคับอกชั้นหนง นู้นนจะงามเพึยงใศ ถองนกวาคภาพดูเอาเองเถิฅ เชยนมาถงฅรงนั้เกิคนึกถึงกำกลอนบทหนํ่งไค้ กี่เลยลงให้คูไว้เป็นเกรึ๋อง ปรรเทืองอารมณ์ คันอาภรณ จะใช้ ไค้งามเหมาะ กี่จำ เพาะ ถูกเวลา อายุขัย แต่ค่ลช่วย ปรับปลุก งามทุกวัย ไม่ว่าใคร ไค้ประคับ รับรองงาม ฯ ทว่ามานั้กี่เป็นปรรโยชนึชองคืลปรรการหนํ่งเหมือนกัน คือผู้รักษาคืถแล้ว ย่อมไค้รับผลคอบแทนคือกวามงามทางกายวาจา มืกวามฝ็รอาคทางกายวาจาเป็น เกรํ่องปรากฏ หมายกวามว่าผู้มคืลแล้วจรมืพฤติกรรมทางกายทางวาจาคื ไม่ก่อ กวามเคือคร้อนให้แก'คนแลรผู้อึ๋นในทํ่ทุกสถานในกาลทุกเมํ่อ พระธรรมกิตติวงศ์ 11 ๑๙๙ www.kalyanamitra.org

ปรร!โยซนฃองการรักษาสืลอกปรร;การหนํ่งคือ มความไม่เดอดร้อนใจเ!!เน ปรร!โยชน์ (จากฅิกนิบาฅ อังกุคฅรนิกาย) หมายกวามว่า ผู้รักษาคืลบริศุทชนั้น อยู่ทใหนย่อมอยูไค้สะ!ฅวกใจ ไม่ค้องเคือคร้อนใจ เป็นทุกฃกังวลใจถึงกวามชั่วขิก อะไรเพราร!ไมไค้ทำไว้ ย่วนกนทึ่มกวามหลังไม่คื กนทึ่เกยทำชั่วทำขิกมานั้น หาก อยู่ว่างเมํ่อไหร่กี่มักจะ!กิกถึงกวามหลังเรึ๋องหลัง กิกฃั้นมากราไคใจจะไม่สงบทุกกรง ถ้าเป็นกวามชั่วกวามขิกใหญ่ๆ กี่อาจถึงกับสะคุ้งหวากเถึยวใจทุกกรั้ง หรือหากม ไกรมาพูคใหไคืยนเข้า กายอาจพลอยสะคุ้งไปค้วยกี่ไค้ นํ่เป็นฆลของการละเมิกคืล ส่วนผู้มคืลบริสุทธิจะไม่เกือกร้อนใจอย่างนั้นเลย อยู่ทั๋ไหนอยูไค้ ไม่ก้อง หวาคระแวงกัฅรูจะมาร้าย ไปไหนไปไก[คยสะกวกใจ ไม่ก้องหลบไม่ก้องซ่อน เรืยก ว่าสะกวกใจทุกอย่าง นํ่กี่เป็นประโยชน์ของการรักษาคืลประการหนึ๋ง อกนัยหนึ่ง ท่านแสกงอานิสงส์แห่งการรักษาคืลบริสุทธื้ใว้[นอัมภร์ทางพระ- พุทธศาสนาว่า ยู้มคืลสมบูรณ์ย่อมไคืรับอานิสงลั!หญ่ ๕ ประการ คือ (๑) มหนฺตํ โภคกุขนฺธํ อธิคจฺฉติ ย่อมประสบกองโกmใหญ่อันมความ ไม่ประมาทเปีนเหตุ คือผู้มคืลนั้นมักจะไม่เป็นผู้ประมาท ไม่เกยจกร้านงอมืองอเท้า ประกอบอาชพอะไรกี่เป็นอาซ่พทสุจริฅ และไม่ก้องหลบซ่อนทำงาน ทำ ไปคามปกติ ธรรมกาค้วยกวามขยันขันแฃ็่งตามหลักธรรม เนึ่อเป็นเซ่นนั้ทรัพย์สมบัติต่างๆ กี่จะ มากมูล และทรัพยทหามาไค้กไม่ร้อน เนึ่อไม่ร้อนกี่อยูไค้นาน เพราะกนมืคืลเป็น กนเย็่น เนึ่อทรัพยสินเย็่นมาอยู่กับกนเยี่น ทรัพยกี่อยูไค้นาน กรงกันข้าม หาก ทรัพย์ร้อนมาอยู่กับกนร้อนมักจะก่อกวามร้อนให้แก'คนเองและลุกลามไปถึงกนอึ่น มากมาย ขนากทเรืยกว่าร้อนจนเกือกนั้นเทยว (๒)) กกุยาโณ กิตฺติกุทฺโท อ'กุภคฺคจุฉติ ชึ๋อเ^ยงฅีย่อมชวรชวายไป คือ กลั๋นกวามกื กลํ่นชั่อเถึยงอันเกิคจากกวามมืกืลจะฟ้งขจรไปทั้งทวนลมและกามลม เพราะอาอัย \"ลม'พิเศษ\" คือ \"ลมปากกน\" ซ่วยพักพาไป จงไปไค้ทั้งทวนลมและ คามลม ขิกกับกลํ่นหอมอื๋นๆ ชงจะพังไปไค้กี่แต่คามลมเท่านั้น ๒๐๐ ไอจ้อข้อช'รืจ้) www.kalyanamitra.org

(cn) วิฟิาtTท อุปฟ้งฺกมติ จมงฺกุภูโค ■ๆ£เข้าไปทไหนถึ่อาจหาญ ไป เออรเชินเข้าไป เพรารกวามเป็นยู้บริอุทธ ไม่มเรองผิคที๋ต้องกอยรรวังกลัวเขา'จร จับผิก จึงฝ็ามารถเข้าไปในททํ่กนทั่วไปเข้าไปไต้อย่างสง่าม่าเนย (<1) จฟิมฺบุฬฺโห กาจิ กโรติ เป็นนูไม่หลงทำกาอ:; กอเวลาใกล้สันสม หายใ'จกี่เป็นผู้มฟ้คิ ไม่หลง รู้ฅัวฅอย่เสมอ แตรล้นลมไปอย่างสงบ (๕) สุคค สคฺคํ โลกํ อุปปซฺชติ เมธแฅกกายวายซนม!ปแล้วย่อมเข้าถึง อุคฅิโถกอวททํ ทั้ง ๕ ข้อน เป็นอานิสงส์เป็นประโยขนของการรักษาติลบริสุทธหมกๆฅฅ นอกจากทั้นผู้รักษาติลย่อมเป็นทํ่รัก เป็นทขอบใ'จแสะเป็นทํ่นับถอของบุกกลทั่วไป ต้วย ไปทไหนๆ ย่อมมพวกพ้องบริวาร บกนย่าเกรงในทํ่ทั้นๆ แน้ว่าจ:!ขาคลมบฅภายนอกคึยโภคะ แค่คนมชิลก็่มอุขไค้ และเป็นอุขธัน ปrะเลริฐหาไค้ยากทออุขใจ ซึ่งอุขซปิฅนแม้นหาเคryjอันดับหนึ่งของโลกกี่อาจจะ ไปเคยพบหรอไปเคยไค้ลั้บรลเลยคลอทซวิฅของเขากึ๋ไค้ เพราะอุขซนิฅนซอทากันค้วยเงินคราแม้ลูงอุทเท่าไทรไมไค้เลย ประโยซนของการเจริญภาวนามอปางไร ภาวนา หมายถง การกบรมจิกใ'จ หรือหมายกุณธรรม ซึ่งมไว้ล้าหรับ ปรับปรุงจิกใจให้สูงขน ใหมั๋สมรรถนะกวามสามารถขนโกยเป็นจิกที่สงบระงับแล้ว และห่างไกลจากมลทินใจกอกิเลสต้วยประการทั้งปวง ภาวนานั้นมั๋ ๒ ประการ คึอ สมถภาวนา ภาวนาเพอกวามสงบใจ มกวามสงบใจเป็นอานิสงส์ วิป็ฟึสนาภาวนา ภาวนาเพอซญญา มกวามเหี่นแจ้งแทงกลอกลัจธรรม เป็นอานิสงส์ www.kalyanamitra.org พระธรรมกิคกิวงศ์ I tooe

แต่ทั้งสองปรร!การนั้!ม่ฃัคกันไม่แย้งกัน อาจสามารถปฏิบัติร่วมกันไดโคยทำ ต่อเนํ่องกันไป ดือสมถภาวนาเป็นเรํ่องของการบริกรรม ยดสิงไคสิงหนํ่งเป็นอารมโน ดือเป็นแนวทางเพอให้คำเนินไปส่ความสงบใจ เช่น ยึคสิ ซากศพ พระ:พุทธรูป เป็นค้นเป็นอารมโน์ โคยเพ่งแต่สิงนั้นแล้วทำให้โจสงบไค้ ต่วนวิปิสสนาภาวนา เป็นเรื๋องของทัศนะ:ทางใจ เป็นเรึ๋องการใซ้ปิญญา พิจารณาสกาวธรรมดือทุกสิงทุกอย่างคามสภาพธรรมคาคามกวามเป็นจริง และ: ให้เหี่นลักษณะ:ประ:จำของสิงนั้นๆ (สามัญลักษณะ:) ภาวนาฃั้นนั้เป็นทางตรงเพึ๋อ แทงคลอคลัจจะ: ทำ ให้หมครัภหมคหลง หมคกังวลในคัวเองไคํสินเช่ง ค้วยเหคุนั้ จึงพอสรุปไค้ว่าประ:โยขนของภาวนานั้นมมากนับประ:มาณมิไค้ เพราะ:ภาวนาแบบใหญ่ๆ ม ๒ แบบ แต่ละ:แบบยังแยกออกไปอกคามลักษณะ: ของอารมโนดือสิงทํ่นำมาเป็นแนวทางใหจิคยึคเพอก้าวไปต่กวามสงบหรอปีญญา คังนั้น ประ:โยขนํกี่เกิคขั้นเฉพาะ:อย่างๆไป เช่น กนนำเพ็่ญเมคคาภาวนาเป็นประ:จำ ย่อมไค้ประ:โยซนํ ๑๑ อย่าง ดือหลับกี่เป็นสุข ฅึ๋นกี่เป็นสุข เป็นทํ่รักของกนทั่วไป ผิวพรรณผ่องใส เป็นค้น แฅ่หากจ:!รวบยอทกล่าวถึงปTะโยชน์ภาวนากึ๋โด้ว่า ทำ ให้ใจaงบร^งับจากกิเถtf ทํ่นอนอยู่ในจิฅ ^ามารถบังคับกิเถต่างๆ เช่น โถภ โกรร หถง กวามเห็่นแก่คัว กวามบัวเมา กวามเย่อหยงจองหอง รวมทั้งกวามเห็่นผิฅต่างๆ ออกไปจากใจ ทำ ให้ ใจหมดจดถ£อาดไห้ เมํ่อใจถ£อาดแล้วใจก็่ปงบ เมึ๋อใจถงบปีญญากี่เกิด เมึ๋อปีญญา เกิด กวามถว่างในใจกี่เกิดขน เมึ๋อกวามปว่างเกิดขนย่อมมองเห็่นทางผิด ทางถูก ทางควรไป ไม'กวรไป แต£ทำให้เห็่นคัจรรรมทึ๋แห้จริงไห้ เมํ่อใจสะ:อาค สงบ และ!สว่างอย่างนั้นแล้วย่อมต่งผลมาถึงพฤติกรรมทาง กายวาจาห้วย ดือการกระ:ทำทางกายของผู้นั้นกี่สะ:อาคสงบ วาจาของผู้นั้นทั่เปต่ง ออกมากี่ส::อาคน่าพิง สงบเยือกเยี่น นำ มาแต่ประ:โยชน่เกั้อกูล เราจ£คังเกดเกี่นไห้ว่าผูผิกถึงชั้นหรือเพงเรมห้นกี่ดาม จ£มึกวามเยือกเกี่น ปร£ณั๋ฅชั้น พูดจาเปีนหถักเปีนฐานน่าเ4อถึอขน จ£ทำอ£ไรกี่เปีนปร£โยชน์แก่ปวงชน ๒๐๒ 1 ไขข้อรอง^ www.kalyanamitra.org

เปีนพึ๊น hitfscfudมป็'ฅิเพึ๋อฅนเอง ไม่ก่อเวรจองภัยกับใครๆ เปีนMห้มากกว่าเปีน ผู้รับ ท้าย(^ฅนิวพรรณจiผ่องใtfขั้น ทน้าคาจ:!แจ่มใd นัยน์ตาจ:!มแววอ่อนโยนถึกขั้ง ทัง้ ร่างกายจiงฅงามเอิบอมขั้น ทั้งหมคนั้ย่อมไก้จากการเจริญภาวนาเป็นพนฐาน เมึ๋อผู้นั้นๆ ไม่ละ:ทั้งกวามเพยรเสืย หมั่นอบรมใจด้วยภาวนาทั้งศองเป็น ลำ ดับๆ ไป ย่อมเข้าใกล้พระ:นิพพาน คือดับกิเลศได้ศนิทเข้าไปทุกทๆ ในระ!หว่าง ทางทจะ:ถึงลำนักพระ:นิพพานนั้น ย่อมจะ:ผ่านมรรกและ!ฆลฃั้นฅํ่าไปฅามลำดับๆ ได้ รวมกวามแล้วประ:โยซนของทาน คืล ภาวนานั้ ย่อมศูงฃั้นไปฅามลำดับ ประ:ณฅฃั้นไปทละ:ซั้น คือ ทาน เป็นเกรองกำจัคกิเลศชนิดหยาบซึ๋งอยู'ภายนอก เห็่นได้ง่าย คือกวาม เห็่นแก'ดัว กวามฅระ:หน กวามโลภ เป็นด้น ทำ ให้เป็นกนใจกว้าง เป็นนักเถึยศละ: ไม'เหี่นแก่ดัว ทำ ให้สิ'งกมอยู่กันด้วยกวามรักกันฉันพน้อง รู้จักเอั้อเทั้อเผํ่อแผ่กัน คืล เป็นเกรํ่องกำจัคกิเลศซนิคกลางคือโทศะ: ซํ่งเป็นกิเลศไม'หยาบนัก ไม่ ละเอยคนัก มองเหี่นได้Iนบางขณะในบางโอกาศ กิเลศตระกูลโทศะนั้ ได้แก่ พวก ผูกเวรกัน พยาบาทปองร้ายกัน ทำ ให้มนุษย่คุร้ายหมายทั้าหั่นกันท่าเคืยว ขนิคทม กวามกิคเด้นเร่าอยูในใจว่า \"คายเถึยไท้ข้างหน์งจึงจ:!ค\" มั่นแหละ หากกำจัดได้ ด้วยคืลแล้วจะทำให้อยู่ด้วยกันด้วยมเมตตารักใกร่กันเป็นอันคื รู้จักให้อกัยกัน ใม' ทำ ร้ายไม่พยาบาทจองเวรกัน มึกิริยามารยาททางกายเริยบร้อยศงบเศงํ่ยม มกำพูด อันเย็่นศนิท ไม'กระโขกโฮกฮากไปตามอารมโน[กรธซํ่งเป็นอารมณร้อน เป็นด้น ภาวนา เป็นเกรึ๋องกำจัคกิเลศอย่างถะเอยด ทจัดเป็นขั้นละเอยดเพราะ ว่าอยู่ข้างในมองไม่เหื่น แต่แศคงออกมาทละน้อยๆ แบบละเอยค นานๆ เกิดท แต่เกิดแล้วมฤทธิรุนแรง แกไขได้ยาก ปล่อยวางหรือละทั้งได้ยาก กิเลศขนิดนั้คือ กิเลศตระกูลโมหะมั่นเอง เมั่อนันเกิดขนจะทำให้กน \"ใจบอค\" ทันทํ คือมองอะไร ผิดพลาดไปหมดจากกวามเป็นจริง จากหสิกธรรมดา ขนิดทเรืยกว่าหน้ามือเป็น หลังมือทเคืยว มองเหื่นคืเป็นชั่ว มองเหื่นกงจักรเป็นดอกบัว มองเหื่นทางวิบัติเป็น www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวงศ์ I ๒0๓

ทางสมบัติ มองเห็่นโลกในแง่ร้าย มองเหี่นโลกในแง่อยุติธรรมกับตัวเองเสมอ ร้าย ทสุคกี่เหี่นว่าทํ่ทำติก็่เท่าบัน ทำ ซั่วกี่เท่านั้น ไม่ต่างกันเลย ว่าแล้วกี่สรุปกวามเห็่น ของตัวเองถูกก้องหมก ของกนอื๋นผิคหมก แล้วกี่จมกั๋งอยู่กับกวามกิคนั้น เกินตาม ทางกวามกิกบันกลอกไปเรํ่อยๆ ซํ่งเจ้าความกิคนั้นั่นแหละทํ่เขาเหล่านั้นถือว่าเป็น \"อุดมคติ\" ตันสูงล่ง แดในทางศาสนาถือว่าเป็น \"มิจฉาทิฐ\" ทึ่ถือเซ่นนั้เพราะ:มรากฐานมารากโมหะซึ่งปรากจากบัญญาตันแท้จริง เพราะ ไปยึกหลักธรรมชาติของโลกผกธรรมคาสามัญทั่วไป ตังนั้น เมํ่อกำจักบันเถืยไค้ เมือไร ปิญญาจะเกิกขั้น ใจกี่จะสว่างซน ไม่บอกต่อไป ผู้กำ จักกิเลสตระถูลนั้ออก ไปแล้ว จะทำอะไรกี่ทำก้วยสมอง กิคก้วยปีญญา มืเหฅุมืผล และเป็นเหตุผลทั่ เป็นธรรม ไม่ผิกระเบยบ ไม่ผิกกฎ พูกมาถืงตรงนั้ อยากจะฝากเป็นข้อลังเกตไว้ลักนิกหนั่งว่า ผูเ้ปีนมิจฉาทิ^ บัน โดยนากเปีนนู้มปีญญา เปีนขนชั้นมันมองทึ่ifยกกันว่า \"มัญญๆชน\" ทัง้นั้น เพราร({ามารถคิฅเปีนIห็่นเปีน เปีนแต่ความดิฅเหื่นชองเขาไม'ถูกท้องดามดวามเปีน จริงทํ่เรยกว่าคิดผิดเหื่นผิด แต่ปีคมั่นถือมั่นว่าความคิดเหื่นของทัวถูกท้องแล้ว แต:! จมั.ม่ยอมรับมังดวามคิดเหื่นชองใครทขัดแย้งกับดัวเองทั้งชั้น เว้นมู้มแนวดวามคิด เหมือนฅัวเท่านั้น ต่วนดนท้อยปีญญาหรือดนทั้วไปไม่อาจคิดไท้ถืกชั้งอว่ไรมากมัก ^ามารถเปถยนแปลงความคิดเหื่นไท้ ยอมเถือ^นง่าย จึงเปีนมิจฉาทิ^ไท้ยากกว่า พวกปีญญาขน ทั่งทาน กิล ภาวนานั้มืไว้คามลำตับกวามสามารถของกนเป็นล่ากัญ ไกร มืกำ ลังจะทำอย่างไรกี่เชิญเถิต จะทำไคทั่งหมกกี่ยงเป็นยอกกน ทำ ไค้บ้างไมไค้บ้าง กี่บับว่าบังก แต่ถ้าไม่ทำเถืยเลยกี่ไม่รู้ว่าจะเกิกมาทำไม จริงไหมเล่าท่าน! พระศรวิสุทธิวงกี่ (ทองค ป.ธ.©ร0 ๒๐๙ I ไขฃ้อธ้อ0ริ'?) www.kalyanamitra.org

ะ-X-r ไขขัอข้อVไจ L ^าก *'มงคลสาร'' เคอนมนาคม taa^sDO ถามโคย... ๆณสว่าง รคนเมธรัย ถาม j fiJJVก่อนทราบว่าวันสงกTๆนทเปีนวันชนtflหม่ขธงไทย แดทาไมจงยกiลิก เสืย คามความเท็่นชองmgคุณเจ้าว่าดทfอไม่ 11^ เหทุทิ่ทางทชการฟลยนวัน11ใหม\\ากเคือนเมษายนกือวัน1^งกทนคมา เป็นจั'นท ๑ นกรากมนั้นณพํ่อให้เหมือนกับประเทศต่างๆ ทั่วโอก กือให้เป็นแบบ สากลนิยมเหมือนเขานั้นเอง เพราะทุกๆ ประเทศเขานับกันอย่างนั้ทั้งนั้น เราจะ ออแพ่งใช้ของเราอย่างเกินอยู่ก็่กงจะวุ่นวายและทำกวามยุ่งยากใหกับวงงานราชการ พออู จึงเปลํ่บนเสิยให้หมกเรื่องหนอราวกันไป กวานจริงเราจะไม่เปลึ๋ยนกึ๋ใอ้ แต่เพราะเราไนไอ้อยู่โกคเกึ่ยวหรีอไนไต้ฅิคต่อ กับประเทศต่างๆ เหมือนเนอก่อน ปิจจุบนโลกแกบเช้าทุกวัน ประเทศทเจริญแล้ว เซามืเกริอข'ายและการก๊อต่อประลานงานกับต่างประเทศทั่วโลก เราจะไม่ทำกานอย่าง เขาเสิยเลยก็่อาจยุ่งยาก อ้องเสียเวลานาเทํยบวัน เคื้อน ปีกันอก เสียเวลาเปล่าๆ www.kalyanamitra.org

ถ้าจะให้'ฅอบฅามกวามเห็่นกี่ว่าฟตํ่ยนก็่สืเหมือนกัน เพราะเรามาถงยุกทํ่ ก้องทำกามกำพังเพยของเราทว่า \"เข้าLปีธงฅาทตํ่วท้ธงหถั๋วทาคาม\" แอ้วน แก่การเปลํ่ยนนปลงของเรานั้น เราทำอย่างมืท่ากือเปลยนเฉพาะวันท เคึอน เท่านั้น แก่!!เรายังนับเหมือนเก่า กึอพอขนเคึอนเมษายนเสืยก่อน เราจงเปลซน เป็นปีใหม่ สืซนับเป็นซวค ฉลู ขาล เป็นก้น ซํ่งกี่เป็นแบบไทยๆ และกวามรูอ้กว่า วันลงกรานฅกือวันป็ใหม่กี่ยังไม่ลบเลือนไปจากจิกใจกนไทยทั่วไป ฉะนั้น เราจิง ยังให้กวามลืากัญแก่วันลงกรานก่กันอยู่ ฉาม ปr^เพณสงกrานตlนเมึองไทยเทึ๋ยวนทำไมปีธอกจ^ปีต^^ก คึอไม่ค่อย ม่ใครสนใจเต่นกน ม่แค่ทางภาคเหนึอภาคเค่ยวเท่านั้นทเล'นกนอยู่ Jguj เหทุนลทํ่ประเพโนลงกรานคเกํ่ยวนั้กูจืคซืค ไม่ก่อยมืกนเล่นกันนั้น อาจ เป็นเพรา:ว่าเกี่ยวนั้กนเรามืภาระทจะก้องทำมากกว่าเมอก่อนกี่ไก้ กือในเทกกาล ลงกรานกแบบไทยๆ นั้นกี่มืการทำบุญกักบากร ปล่อยนกปล่อยปลา รกนั้าคำกัว ลากนั้าลบุกลนานกันเกี่มทํ่ ไม่ก้องกังวลเกี่ยวกับงานอะไร เพราะเมอก่อนนั้นเรานัก หยุคพักร้อนพอกี่ในเทศกาลลงกรานฅจิงลบุกลนานรื่นเริงกันเฅ็่มทํ่ ๓ วัน ๓ กี่น บางแห่งยังแถมหัวแถมห้ายเป็น ๗ วัน ๗ กี่นกี่มื เร้ยกว่าพอหยุกพักหน้านา แล้วกี่เฮฮากันลุกเหวยง พอหมกลงกรานฅแล้วกี่เรื่นงานในนาก่อ แก่เกี่ยวนั้!ม่เป็นเซ่นนั้น จำ นวนกนมืเพั๋มมากฃ็้น การทำมาหากินเรื่มอักกักขากแกลนขั้น เกยหาวัน กินลองวันไก้กี่ก้องเป็นหาวันกินวัน หรอบางกนก้องแถมหากลางกี่นก้วยจิงจะพอกิน เวลาล่าหรบจ:พักผ่อนจิงลกน้อยลง ทั่งอารมณลบุกลนานขั้งภาษาบักนั้เขาเริยกว่า \"ลุนทรยารมณ\" กี่ใม่มืจะนกถึง ฃืนนกถึงและใฝ่ยันหากี่มืหวังอกกาย ถึแก่อารมโน เกริยกเลมอๆ แล้วจะเอาเวลาไหนไปเล่นลงกรานฅกะเขา เกริยคหนักเข้าๆ อาจจะ ทนไมไหากี่มื เลยโกกเข้าเล่นลงกรานก่แบบใหม่กันปอยไป ใขขัอซ้อ0 ริจ www.kalyanamitra.org

ก็่ฟ้งกรานmลือคนั่นไง! เพรารกนทํ่ไปเล่นสงกรานฅกันไม่มากค้วยไม่ก่อยมึเวลากัน จึงถูจืคเกไป อย่างว่าแลรคูจะ!จึคซืคไปทุกแห่งแหลร แม้แต่เซยงใหม่เองณี่ถอร หากไม่มการฟ้นฟู เรยกปรรเพณสงกรานกแบบกั้งเดิมกลับมาโกยเรว ปล่อยให้เร็เนไปกามยถากรรมกัน อย่างนั่ ปรรเพณสงกรานต่ก็่กงเหลือแต่ซอให้ลูกหลานเรยนกัน เหมือนปรรเพณ ส์ากัญหลายอย่างทํ่หมกไปแล้ว มูลเหตุอกอย่างหนํ่งก็่คือ กาทล่นสงกTานฅ์ชองกนปีจๅบันผิศกับลมัยก่อน มากมาย แลรไม่ต้องย้อนไปไกลว่าก่อนแคไหนหรอก เอาก่อนแก่กักยล่บปีมานเท่านั้น สงกรานฅบังผิดกันแบบหน้ามือเป็นหกังมือท่เคยว คือเมํ่อสมัยทยู้ตอบยังเป็นเฅ็่ก ยังมิไค้บวซ เซาเล่นสงกรานฅกันแบบสุภาพ เรยบร้อย จรรกนํ้าคำหัวไกร ถ้าเป็นผู้ใหญ่กว่าก็่กล่าวกำซอโทษขอโพยกันก่อนแล้ว ต่อยบรรจงราคนํ้าบนปาบนมือ ผู้ถูกรกนั่าก็่อวยชัยให้พร นํ้าทํ่ใฃ้รากใช้รกก็่เป็นนํ้า สรอาก มืนํ้าอบนํ้าปรุงผสม ทำ ให้ผู้ถูกรกหอมกรุ่นไปกั้งตัว จรมืเล่นแรงบ้างกี่ในหมู่หนุ่มสาว เซ่น ใซ้ชันตักนํ้าแล้วสากไปทตัวหรือราก ทํ่คืรษรเพึ๋อหยอกเย้ากันเล่นเป็นทํ่สนุก แก'กี่เป็นไปอย่างสุภาพ ไม่น่าเกลืยก ไม่เป็น การอนาจาร หรือเป็นแบบทำร้ายกัน แต่นุ่งกวามสนุกและกวามสนิทสนมเป็นพั้น พ้นเทศกาลแล้วกี่มาขอโทษซอโพยกันหากจรล่วงเกินกันบ้าง และการทํ่จะเล่นแรง แบบนั้นกี่เล่นเฉพาะกับผู้ทํ่กุ้นเกยสนิทสนมกัน กนรู้จักกัน หรืออย่างน้อยกี่อยูใน หมู่บ้านคิกกัน เกยเห็่นหน้ากันมาบ้างเป็นพั้น ล่าหรับกนแปลกหน้าต่างถนหรือกน รู้จักกันแกไม่ค้นเกย จรเล่นแรงอย่างนั้นกี่ก้องซอโทษกันก่อน หากเซาโบกมือห้าม กี่จรหยุก ไม่สาก เป็นแต่ซอรากทน่าเท่านั้น น่าสนุกออก! แก่สมัยนั้ไม่ว่าจม่ปสงกรานฅทิ่ไหน ไม่ว่าเมืองเหมือหรือเมืองใต้ ดูจะเล่น กันสกปรกสันค และโรคนั้ดูจะระบาดไปทั่วทุกหัวระแหงเล่ยต้วยซ พระธรรมกิตติวงศ์ I ๒๐๗ www.kalyanamitra.org

ถ้าอยากจรคูสงกรานตแบบเคิมจริงๆ ของเมืองเหนือ จรถ้องเข้าไปคูใน หมู่บ้านลึกๆ ทึ๋ถนนหนทางไปมาลำบากหน่อย ทพวกกนเมืองไถ้!ม่ก่อยย่างกราย ไปถงนั่นแหลรจึงจรเห็่น เคึ๋ยวนั่เขาเล่นกันแบบไมใช่ราดหรือรดแล้ว แด่เขาไข้สาดเอาเลยทเคยว เผลอๆ กี่ \"ขว้าง\" ใ'ถ้กี่มื นาท!ข้ฟ้าดกี่คูกรรไรอยู่ ท!หนนํ้าปรรปาไหลกรปริด- กรปรอย พวกกี่ไข้'นากลองเล่นแทน ถ้าเป็นนํ้ากลองบ้านนอกบ้าน•ทุ่งหรือนํ้ากลอง ทํ่ทางการจัดเดรืยมไว้!หกี่พอจรซึ๋นใจบ้าง แด่นํ้ากลองในเมืองใหธุjๆ เช่น กรุงเทพฯ นํ่ซิ ทั้งลึทั้งกลั๋นมัน'พิลึกชอบกลอยู่ ผู้ถูกราดถูกสาดเข้ากี่แทบจรเป็นลมดรงทั้นเอง เลึอข้ารากาแพงดักมาใหม่ๆ พอถูกนานั้นเข้า แม้จรซักถ้วยผงชักฟอกชนิดทำลาย กราบอรไรด่อมิอรไรไถ้เกลั้ยง แม้ขู้ซักจรเป็นมือขั้นปรมาจารย่ พอเจอกราบนั้ากลอง เช่นนั้นเข้าซักทั้ง ๓ กาบ ๗ หน ยังไม่อยากจรหมดกลํ่นหมกกราบเลย เมํ่อกนสาดนั้านืกจรสาดไกรกี่สาด ไม่ถ้องขอโทษขอโพยกันลร ผู้ถูกสาด กี่ใม่พอใจไป ทํ่ปากเปรารหน่อยกี่อาจจรให้พรถึงโกดรเหง้าดักราชผู้สาดไปเลยว่า \"พวกไม่ทู้]T:;สา\" (แปลไถ้ว่าพวกพ่อแมใม'ดังสอน) ถ้วยเหคุนั้เองสงกรานฅนั้าดายจึงมักจรเกิดขน แลรถ้วยเหฅุนั้แหถรพอถึง วันสงกรานฅกนกี่เลยไม่อยากออกจากบ้าน กลัวเป็ยกนั้า (สกปรก) แลรไม่อยาก เล่นสงกรานฅในกรุงเทพฯ ถ้วย จึงเมอถึงเทสกาลนั้ทไร กนจึงเฮโลไปทางเหนือ รถเรือขนล่งกันไม่หวาดไหว เรืยกว่าไปปล่อยทเกี่ดเอาทํ่เวยงเหนือโน่น แลรพนอกเหมือนกันยั๋งสกปรกใหญ่ นั้าผสมลูกแมงลักเอย ผสมดินสอ- พองเอย ว่ากันให้มั่ว ยํ่งพฤดีกรรมปรร๓ท \"มอม\" ถ้วยแล้ว หญิงใดเจอเข้ากง เฃ็่คจนคาย เพรารก่อนหลุดเข้าไปในฝูง(ทร)ซนกี่ถูพริ้งเพราอยู่หรอก พอหลุดออก มาอกท เลึอแสงมอมแมมหมด บางทกี่ซาดรุ่งรงไปเลย ขมเข้าขาวโพลน หน้าดา ไม่ถ้อง'พูดถึงลร นั่กอสงกรานฅทั่วไป บางกนบอกว่า แหม! ไปเทยวสงกรานฅมา ๓ วัน สนุกสนานแทบดาย เลย ๒๐๘ แ ไอข้อธ้อง'ริ้^ www.kalyanamitra.org

ใช่ (1นุก^นานแทบตาย'จ?งๆ พอ ปไฅ้ว่าทํ่ฟ้งกรานฅ์ฬื^?!นั้นเพราะ!านเราเล่นสงกรานฅกันเกินขอบ1ฃฅ จนเกินอี นอกล่นอกทาง เล่นคามใจขอบโฅยไม่คำนึงถึงกวามพออีแห่งประเพณึ๋แระ ไม่คำนึงถึงกวานเสิยหายฅ่อล่วนรวม เล่นเพยงสนุกๆ คามอารมพปรารถนา กวาม ส์ากัญของเทศกาลนั้ กนจึงไห่'กวามร่วมมือน้อยดง มวิธ1ตยวทจร^นฟูไตักี่กือชั้ขวนแ(isแน:นำๆธปฏิบัติอันตงามให้ทุกกนเข้าใจ นถช่!ท้เกิคจิฅนำนกทึ่ฅชนในใจทํ่จ:rกบาทวงนหนปTรเ ให้นานเท่านาน แต:ม บทตงโทษทึ่หบักพปีศมทว?นำหอับมู้ทั๋เต่นนำปีนเกินชอบเซตจนtifางกวามเคึอดร้รน ให้นก'กนธึ๋นทfธท่าให้ท่านิยมขธงปr:เพณนเนํยไป มิเซ่นนั้นแร้ว ประเพณอันหาคูไค้ยากในโลกซํ่งมือยูในเมืองไทยเรานั้เท่านั้น จะหมคไปจากโสกเพราะกนไทยเรานั้เองเรีเนผู้ทำลาย 'ฉใ นิทานสงกร'านตทึ๋^หญ่เล่าให้พงว่ารTTมบาลๆมาTตัคห้'วท้าวกรลมหๆ- พTหมนั้นจ?งห?อไม่ หากไม่เปีนการรบกวนพร:คุณเจ้ามากเกินไป กรุณาเล่า รายล:เธยตให้พงท้วยจ:เปีนพร:คุณธย่างยง นิทานสงกรานคํทํ่เล่ากันมานั้นมืจริง กือมืเล่ากันจริงตามทปรากฏอยู่ใน จารึกวกโพธ {วัคพระเขฅุพนฯ กรงเทพฯ) ในจารึกนั้นปงว่าเรองนั้ปรากฏในบาล ฝ่ายรามัญ แค่จะเนินเรองจริงหรือไม่นั้นไม่มืใกรรับรองกักกน เพราะผู้เล่าเองกี่อี ผู้จารึกเองก็่อี แม้ผู้ฅอบปิญทานั้เองกอี ล้วนเกิคไม'ทนนิทานเรึ๋องนั้ทั้งนั้น แค่จะจริงหรือไม่จริงอย่าไปสนใจอีกว่า เพราะขนขื่อว่านิทานแร้วเขาไม่ค่อย สนใจกันมักหรอกว่าจริงหรือไม่จริง แก่จะสนใจเนั้อและสาระมากกว่า หากใครฆาเล่าอะไรใพัพง พงนั้งพง รอให้เขาเล่าจบเถึยก่อนค่อยถามว่า จริงหรือไม่จริง อย่าไปขัคคอก่อน มืหวังอคฟ้งไค้ง่ายๆ คนฉลาดเขาปฏิบติกัน อย่างนี๊ เอาละจะเล่าให่พงฅามทํ่ไฅพงมาอีกทอคหนง พระธรรมกิตควงศ์ [ ๒0๙ www.kalyanamitra.org

กิร คังไคัศคับมาว่าในศมัยฅ้นภัทรกัลฟ้นิ้ เศรษ^กนหนึ๋งมับุตรชายรูปร่าง งคงามชํ่อว่า \"ธรรมบาด\" เศรษ^รกคังแก้วคาควงโจทเคยว เพรารกว่าจรไค้มาก็่ ค้องไปอ้อนวอนบวงสรวงเทพเจ้าถึง ๓ ll เพรารถูกเจ้าฃํ้เมาข้างบ้านเยารเย้ย ต่างๆ นานาว่ามเงินเถึยเปล่าหามนํ้ายาสามารถมลูกไค้!ม่ เศรษ^เจ็่บใจมักเย้า อ้อนวอนเทวคาคังกล่าวจึงไค้บุฅรกนน็้มา ฉรนั้นจึงเย้าทรฺนุถนอมอย่างค้ ให้เรึยน ตำ ราไตรเพทในสมัยนั้น จนบุตรเติบใหญ่อายุไค้ ๗ ขวบ ตำ นานว่าธรรมบาดผู้นั้ เป็นเทวคาขู้มบุญมาเกิค มสมองเป็นเดิศ อายุไค้ ๗ ขวบเท่านั้นกี่เรยนหมังถึอ จบหมคเท่าทเขาสอนกัน ทั้งรู้ภาษากัตว่ทุกขนิคค้วย จึงเป็นทํ่มับถึอของกนทั่วไป ทั้งเป็นอาจารย์สอนวิขาการแก่เค็่กๆ ลูกขาวบ้านแถวนั้นค้วย มาจรกล่าวบทไปถึงพรรพรหมองกหนงซํ่อว่า \"กบิดพรหม\" เป็นพรหมชั้น ผู้นำ มกนมับถึอมากเหมือนกัน มืปิญญามาก แต่ว่าเป็นพรหมทํ่เกเรเอาเรํ่องอยู่ เหี่นไกรคเกินหน้าไมไค้ ค้องหาทางฃจัคให้ย่อยยับอับอายไป แต่ท่านก็่มืคอย่างหนง ทพรหมองก์อิ่นไม่มืกือมืลูกสาวสวยถึง ๗ นางห้วยกัน เป็นทเดึ๋องลือในหมู่เทวคา มากแลรแม!นเมืองมนุษย์กึ๋ใค้ยินกิตติคัพทนั้ กบิลพรหมบำราบพรหมแลรเทวคาบนสวรรก ห้วยการปรรลองยุทธถาม ปีญหาไค้หมคสินแล้วให้รู้ลืกอึคอัคในอกห้วยหากู่ต่อผู้!นเ!งปิญญาไมไค้ พอไค้ยิน กิตติคัพท์ว่าในเมืองมนุษย์มืหนุ่มน้อยหน้ามนกนหนํ่งหลักแหลมเกินมนุษย์ กบิล- พรหมฟ้งข่าวนั้นแล้วเหมือนมืใกรเอาไฟมาจก้น กิคว่าไกรมันคเกินข้าไมไค้ กิคแล้ว กี่เหารลํ่วลงมาท้าทายถามบิญหากับธรรมบาล โคยเอาลืรษรเป็นเติมพันกัน คือถ้า ธรรมบาลตอบไค้กี่ยอมให้คัคคืรษรคน ถ้าตอบไมไค้จรคัคคืรษรธรรมบาลเลืย ฝ่ายธรรมบาลกี่ขายขาติขาคร หากไม'รับกำห้ากี่จรเลืยเหลํ่ยมมนุษย์หมค เพอถูซื่อขาวมนุษย์ไว้จึงรับกำห้า กบิลพรหมจึงถามว่า ตอนเช้า ราคือยู่ทั่ไหน ตอนกลางวน ทคือย่ทั่ไหน ตอนเย็่น ราคือผู่ทั่ไหน ๒๑0 1: ไขข้อข้อง'?'9.■ www.kalyanamitra.org

พอไค้ฟิงปิญหาเข้าธรรมบาลถึงกับมึนสืบ มึคไปสิบหกค้าน เหมึอนเข้าไป ในถํ้าอันมึคสนิท มองไม่เหี่นแววกำทอบแมึกักเข้นยาแคงผ่าแปฅเพรารไม่มึในคำรา ทํ่สืกษามา แค่ฃั้นซื๋อว่ามนุษยทจะ:ยอมแพใครง่ายๆ อย่าเพํ่งหวัง เลยขอผกัคไว้ ๗ วันจะ:คอบ กบิลพรหมกี่ใจสืเหลือใจ เห็่นว่าค่อให้ ๑0 วัน กี่ห้องแพ้เพราะ; กนมันจนแห้มแข้วกี่ห้องจนคลอคไป จึงยอมยืคเวลาให้ ๗ วัน ฝ่ายธรรมบาลกุมารนั่งกิคนอนครองถึงกำคอบ ยั๋งกิคกี่ยํ่งมึค ยํ่งกิคกี่ยั๋ง ปวคหัว'๖ วันผ่านไปกี่มังคิคไม่ออก พอตกคอนเย็่นกี่กิคว่าหนคกว่าเรา ฃืนอยูไป กี่คายเปล่า ไปตายเอาคาบหน้าคกว่า ว่าแข้วกี่ลอบออกจากบ้านในคอน(าา รอนแรม มาในป้าถึงกรึ๋งคืน เหนื๋อยอ่อนนักจึงนอนพักเอาแรงทํ่โกนห้นคาลแห่งหนํ่ง บังเอิญ บนห้นคาลมันมึนกอินทร 1๓ หัวมัวเมึยกำกังปรึกษาหารือถึงทจะไปหาเหยํ่อวันรุ่งฃั้น กันอยู่ นกอินทรึหัวผู้กี่บอ■กว่าพรุ่งนั่จะ:ไห้กินคืรษะ;ไม่ของธรรมบาลกุมารกี่ของกบิล- พรหมแน่นอน นกอินทรึหัวเมึยจึงถามว่า^ห้อย่างไร หัวขูกี่เลยเล่าเรํ่องใหพ้ง หัว เมึยกี่ถามถึงกำคอบปิญหาหังสามข้อคามประ:สาของผู้เป็นเพศเมึย 4งแบ้จะ:เป็นนก กี่ยังอยากรู้อยากเห็่นอยู่ราไป หัวผู้จึงบอกว่า ตอนเช้า ราคือยูทหน้า คนจึงเอานํ้าล้างหน้า ตอนกลางวัน ราคือย่ทึ๋อก คนจึงเอานํ้าลูบอก ตอนเยึ๋น ราคือยู่ทเท้า คนจึงเอานํ้าล้างเท้า ธรรมบาลไค้ยินหังนั้นกี่หูส์งหันทเพราะ:รู้ภาษากัฅว่อยู่ กิคว่าไม่คายแข้วเรา ไม่ใซ่สวรรเ^ปรค แค่เป็นนกโปรคแท้ๆ รึบลุกขนแล้วลํ่วกกับบ้าน ถึงบ้านสว่าง พอคและ:ครบ ๗ วันพอคเซ่นกัน พอไห้เวลากบิลพรหมกี่มาทวงกำคอบคานมัค ธรรมบาลกี่คอบไปคามทํ่นกอินทรึว่า กบิลพรหมไค้พังเท่านั้นลมแทบจับ แคไม่รู้ว่า จะ:ทำอย่างไรไห้ กัญญากี่ห้องเป็นกัญญา จึงห้องเลืยคืรษะ;ให้แก'ธรรมบาลไปคาม ข้อฅกลง นึ่แหละหนา เขาว่าคนเราลองถึงทึ๋ตายแล้วมันต้องตายวันยังทา กบิลพรหม รู้aารพัค แต่มาเ^ยทพ่อหนุ่มธรรมบาลจนไต้ จะต่านึกหรือใช้ตาทิพยัต่ปีงตูล้กฎต ว่าเจ้ามนุษย์ธรรมบาลเล่นกลอะไรให้ฅูกึ๋ไม่นึ เลยต้องรับกรรมทํ่ตัวก่อไว้ www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวงศ์ I ๒๑๑

รนหาทแท้ๆ! ขั้นรื่!อว่ามนุษย์จะ:ยอมคายง่ายๆ เป็นอันไม่ม เมํ่อ^มไค้ด้วยปิญญากี่ค้อง ค้ด้วยเส่ห ด้วยกล ด้วยมนฅกาถา หรือ^มได้ด้วยสิงเหล่านิ้ โกหกเอาขั้งๆ หน้า เอาคัวรอคกี่ยังค นํ่แหละคือธรรมคาของมนุษย์ หากกบิลพรหมรู้อักนิคเคืยวเท่านัน ว่าพวกมนุษย์มนิอัยเป็นอย่างนิ้ จะไม่คายอย่างแน่นอน นํ่อะไร เป็นถึงพระพรหม มาเถึยท่ามนุษย์โด้ ขายหน้าแท้ๆ เรองยังไม่จบแค่น กบิลพรหมยอมไท้คัคคืรษะแล้วน่าจะหมคเรึ๋องกันไป แฅ่คืรษะของกบิล- พรหมนั่นแหละทำไท้มปิญหาอก คือคืรษะของกบิลพรหมไมไข่คืรษะ:ธรรมคา แต่ เป็นคืรษะทํ่มฤทธิแรง คือล้าถูกคัคแล้วคกลงไปบนพนคิน ไฟจะไหมโลกหมค ล้า คกไปในมหาสิบุทร นํ้าจะแท้งหมคโลก ล้าเก็่บไว้บนท้องฟัา จะทำไท้อากาศวิปริค ท้องท้าจะแท้งแล้วร้อนระอุไปทั่ว เมํ่อเป็นคังนั้กบิลพรหมจึงอังไท้ถูกสาวทัง นาง เอาพานมารองรับคืรษะไว้แล้วก็่คัคคืรษะคัวเองไท้คกลงไ!ไนพาน ถูกสาวกนโคซือว่า ทุงษะก็่นำคืรษะของพ่อไปไว้ในมณฑปถํ้าคันธธุลเขาไกรลาส พอกรบรอบปีคือกรบ ๓'๖๕ วัน เรั๋มนับวันท ๑ ของป็ใหม่ ถูกสาวทั่ง ๗ นางก็่ผอัคเปลยนกันนำคืรษะ ของพ่อมาแห่แหนพร้อมด้วยเทพยคาบนสวรรกทั่งหมครอบเขาพระ:สุเมรุ V>o นาท แล้วนำกลับไปไว้!นถํ้าคามเคิม ลูกสาวของกบิลพรหมจึงกลายเป็นนางสงกรานคเมือ เปลํ่ยนป็ใหม่กรั้งหนง ด้วยประการฉะนิ้ พ่งคูก็่น่าแปลกคื คืรษะของกบิลพรหมไปอยู่ในถํ้าคันธธุล แคถากลับไม่ถูก ไฟไหม้วอควาย หรือถํ้านั้นเป็นสถานทั่คักคิสิทธินัองกันไฟได้ อย่าไปคิฅมันเลย! เพรา^เปีนอจินไฅย ขืนคิฅไปจะเป็นบ้าไปเ^ยเปล่าๆ เรั้องประวัคิสงกรานฅกี่จบลงด้วยประการฉะนั้ ๒๑๒ 1 ไธฃ้อธ้องริจ้ไ) www.kalyanamitra.org

^(าม่ คามความเที่นของm:(คุณเจ้า f^งกรๆนฅ์เมองไหยคหfอไม่ คือทมทาT รครา หยคงานเล่นอคุกสมานแอ^เทยวเคร่เรนค้นในเทคกาลน ขอให้ตอบตาม ความ^กจริงๆ flflin ซ้อนคอบImpยว่า องฑราน^นเมืองไทยน่ะคแน่นอน มิใข่แค่องกรานค เท่านั้น ธรรมเนยมประเพณีค่างๆ ททำกันมาแค่โบราณและสิบสานท่อกันมาถึง ปิ'จรุบันนั้นส้วนเรนชองสืนั้งนั้น ยู้กนสิงปฐบัคและรักษาไว้ แค่ทํ่เรารู้สิกว่าไม่คไมใช่ อยู่ทํ่ธรรมเนยมประเพณีไม่ค แค่อยูทกนปฎิบัฅิกัคทำไม่ฅค่างหาก หากยู้ทำเป็นกนค ทำ ถูกระเบียบถูกแบบเสิยอย่างเกยวเท่านั้น อะไรค่อมิอะไรก็่จะพลอยกึไปก้วย ปร:เพณืtfงกรานตนั้นควรจรไค้รกบาไว้จนชั่วกัถปาว น เพรารว่าปรรเพฌ็ร เปีนประเพณคั้งเติมซธงไทย เปีนการliHคงถึงวัฒนธรรมแบบไทยๆ อย่างทนง^ง แ{เคงออกถึงกวามคืงาม เข่น การรคราคำห้วนู้ใหญ่เปีนการขอขมาตาโทบ เปีน การขอพรจากปีใหญ่ การปต่อยนกปต่อยปตาเปีนการแตคงถึงความเมทคาธรรม อันปีง การถะเต'นแบบค่างๆ ซองห้องถํ่น เข่น ห้อนรำ การวั๋งข่วง แตะอึ๋นๆ เปีน การแ({คงความtfv'กรaมานฝ็ามักกความปนิทตนมกันภายในหมู'บ้าน ถ้วนแต้วแค่ เป็นซองท เป็นประเพณทหาคูไห้ยากแต้ว และทํ่ส์ากัญกึ๋กือว่า ประเพณีเช่นว่านเป็นกัญลักษณีอันหนั้งทบ่งบอกว่า เป็นไทยและกวามเป็นชาฅิไทย ประเทศซาคิไคหากไม่มกัญลักษณีเป็นเอกกักษณี ของคัวเองแล้ว กะมือะไรเป็นเกรื่องหมายไหรู'ว่าเป็นกนซาคิไหนภาษาไหนกันเล่า ทึ๋กนไทยและซาคิไทยไค้ยนยงกำรงกวามเป็น \"ไท'' มาเช่นทุกกันนั้'^นเป็นทํ่ยอมรับ และรูกักของกนทั่วโลกกี่เพราะเรามืเอกกักษณีเป็นชองคัวเอง หากขากสิงเหล่านั้ เสิยกนไทยเราๆะเอาอะไรออกอวกเขาไค้เล่า ค้วยเหกุคังนั้สิงบอกว่าประเพณีสงกรานต์ของเราน่ะกและกทิ่สุกค้วย กวรกะ ไค้ช่วยกันฟ้นฟูและปรับปรุงไหคยํ่งฃนไปกว่าทึ่เป็นอยู่ อย่างน้อยกี่ให้เท่าเฅิมกี่อังค้ ไมไข่ปล่อยปละละเลยกนเน่าเฬะและสกปรกอย่างทํ่เป็นอยู่ใน!!ก'รุบัน หาไม่เช่นนั้น แล้วก่อไบ่ในอนากกเรากะไค้ยินแก่กำว่า \"ตงกรานค่\" ฅามกำบอกเล่าเท่านั้น แค่ ไม่รู้'ว่าสงกรานต์เขาทำอะไรกันบ้าง เพราะมันขากหายไปกากกินแกนแห่งนั้เสิยแล้ว www.kalyanamitra.org หระรรรนกิ{ทคิว I toatoi

กราวนั้กี่มาเป็นของแถมตามเกย ซํ่งณกํ่ยวกับเรองศงกรานต์นอกน่ร:แหลร; ไหนๆ เรากื่ลงทุนหากวามรู้เรองส์งกรานฅกันมาพอควรแล้ว หากจรไม่พูต่ให้หมก เปลือกก็่คูกรรไรอยู่ คือว่าหากเราสาวให้ลืกไปถงเรองราวกวามเป็นมาของวันนแล้วน่าลนใจ ไม่น้อย ชงขอแยกฃัอกิคฃัอสนใจเสนอไว้ ณ ทนิ้เป็นข้อๆ คือ (๑) จากเรองปรรวัติวันสงกรานฅนั้น แม้จรเป็นเรํ่องนิทานทํ่เ4อไมกอย ไค้นัก แฅ่กี่มข้อน่ากิคอยู่ในตอนทํ่ว่าค้วยปิญหาของกบิลพรหม แลรกำตอบของ ธรรมบาล กวามลืกซั้งกงจรไม่มเท่าทํ่ปรากฏในจารึกเพราะเหตุเพยงแก่นั้นจรลงทุน ถึงกับฅัคหัวกันเชยวหรือ น่าจะพิสคารไปกว่านั้น นักปราชญท่านจึงให้ข้อกิกไวัซง ถึน่าสนใจอยู่ คือว่า ทํ่ว่า \"ตอนเช้าราคือยู่ทหน้า ทุกคนจึงต้องล้างหน้า\" นั้นหมายถึงว่า ในเวลาเข้ากนเรากวรจรทำกวามสรอาคหน้าตาให้หมคจก ทำ หน้าตาให้แจ่มใสก่อน จรออกไปทำงานนอกม้าน ไม่กวรจรทำหน้ากาบงคืงหรือทำให้อารมณเกรึยกเพราร จรทำให้งานขิกพลากไค้ หรืออาจจรหมายถึงว่ากนเราอยู่ในวัยค้นเหมือนกับเพํ่งเรํ่ม วันใหม่ ซวิฅใหม่ กวรจรทำให้หูฅาสว่างค้วยปิญญาโคยการคืกษาเล่าเรืยน หากวามรู้ กวามสามารถใส่ตัว ไม่เกยจกร้านในซวิตวัยเค็่ก โตซั้นจรไกทนกนไม่อับจน ทํ่ว่า \"ตอนกลางวน ราคือผู่ทอก คนจึงต้องเอานํ้ๆลูบอกแลรปรรพรม ต้วยของหอม\" นั้นหมายกวามว่า ถึงกอนกลางวันแล้ว กนเราทำงานมามากแล้ว กวรหยุกพักเลืยม้าง อย่ากรากกรำทำงานหนัก พักทานอาหารให้ห้องอั๋มหรือเอา นั้าลูบตัวพักเหนํ่อยม้าง แล้วก่อยทำงานต่อเพํ่อสงวนสุขภาพร่างกายเข้าไว้ หรือ อกกวามหมายหนงว่ากนเราเมํ่อมือายุมาถึงวัยกลางกนคือกรํ่งอายุแล้ว กวรนึกถึง ปากถึงห้อง นึกถึงการกั้งตัวเป็นหลักฐานให้มาก พยายามหาทรัพย่สมนัติสรสมไว้ ยามมืกำลังแขี่งแรง พยายามทำงานค้วยกวามขยันแฃี่งไม่ท้อถอย เพรารเป็นวัยทํ่ ก้องหาทรัพย่ หายศตำแหน่งกำรงฐานรของกนใหัมั่นกง และเมอมืกรอบกรัวก็่ทำใจ ให้เย็่นเข้าไว้ หนักนิกเบาหน่อยกี่ค้องอกใจ พยุงนั้าใจกันไว้ในกรอบกรัว ไม่เอาแก่ ๒๑๔ I ใจข้อซ้องรืจ่ www.kalyanamitra.org

ใจ?!นเคง ทำ ใจใmยึ่นเหมอนกับทท่านเปรยบไว้ว่าให้เอานาถูบกกไห้เย็่นนั่นเทยว ทำ ไห้อย่างนซอเสิยงกี่จ2หอมกรุ่นไป ทํ่ว่า \"คอนเยื่นราสือยู่ทเท้า กนจงเอานํ้าล้างเท้า\" นั่นหมายกวามว่า ฅอนเย็่นกกับบ้านแห้วควรจรทำกวามฟิะอากเห้า รวมถึงร่างกาบห้วยให้เรยบร้อย กวามหมายนั่ฅูออกจรห่างไกออยู' เพราะกนเราก็่ทำอย่างนั่นกันเป็นปกคิอยู่แห้ว ทจริงกงหมายถึงว่ากนเรามอายุมาจนถึงวารรสุคห้ายของฃาตแห้ว กวรจรร้ถึกกัว ไห้แห้วว่าเหถึออกไม่กํ่เพลาก็่จรจากโอกนั่!ป คกอยู่ในฐานรไมไกลนั่งทํ่ถูกนั่าเซารลง ทุกวันๆ จึงไม่กวรประนาท ควรชำระละอางกวามไม่คไม่งามของคัวให้หมฅไป กวร ปล่อยควรวางไห้แห้ว นั่งไคเป็นกวามฅกึ่ริบก่อและเถึบเกํ่ยวให้มากเข้าไว้ หริอมึ นั่งใกทยังมิไค้จัคมิไห้ทำให้เอรี่จสินก็่ริบทำเสิยให้เอร็่จนั่นไป หากยังประมาทมัวเมา อยู่ก็่จะนั่นอมไปพร้อมกับกวามฟ้กปรกนั่งเป็นความชั่วนั่งมวล หรือไปแบบมือเปล่า ไม่มือะไรฅิคคามไปเอยหรือไปแบบนั่งปมยัญหาให้อกหลานแห้กันให้ยุ่งไปหมก คังนั่ เป็นก้น กนเราลองไม่ประมาทในวัยนั่งอามนั่แห้วกี่จะมืราถึมืรริอยู่ทุกวัย มืกวาม อยู่กกินคมั่งมืกรืฟิขทุกเมอทุกอถาน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนย่อมมืราถึจับอยู่เอมซ ไม่ว่าทหน้า ทร่างกาย หรือทเท้า มองคูปาเลื๋อมใอนั่งนั่น (๒) ห้าวกบิลพรหมมืฐานะเป็นถึง \"พรหม'' เพราะอาคัยบุญาาฟ้นาบารมื เริยกว่าไค้กแห้ว แก่ลมคัวลืมกน หลงอำนาจของคัวเอง จึงทำคัวให้วิบฅิไป เป็น การบอกใบให้รู้ว่า ผู้เป็นใหญ่ในบ้าน เป็นใหญในเมือง หรือเป็นใหญ่ในหยู่กณะก็่ เข่นกัน หากมัวเมาหลงฅิคขยู่กับอำนาจวาอนา ทำ อะไรคามอำเภอใจ ไม่บุกิฐรรม ขากเมฅฅาก่อผู้น้อย มืแก่จะข่มเหงรงแกผู้น้อย ในทฟ้กกี่จะประอบซะกากรรมเข่น เกยวกับกบิลพรหม แม้จะไม่ถึงกับถูกคัคหัว แก่กี่จะถูกคักขากจากกนกนั่งหลาย กลายเป็นกนโคกเกยวในทศุค เมธถึงวาระเข่นนั่นจะมือาบุยืนอยูไห้อย่างไร มืแต่จะอายุนั่นพกันกายนั่งนั่น พระกริวิอทธิวงกี่ {ทองก ป.ธ.๙) ฬร:ธรรมกิ71ฬิวชค I lDe<tr www.kalyanamitra.org

ft- 'Jc - -• • :s f ' mm&- '' ^' ใ. ♦JK m 4 www.kalyanamitra.org

ไขข้อข้อVใๆ ^1ๆไท\"%งflOdlT\" ฟ้อนเมษายน ๒)๕๒10 ทามโทย... ผม^r ^ขนร้นทร์ๆท l^nn ^ๆรับกับฃ้าวทึ๋ถวๆยพร^บชากบ?1าถ^:!ภูมินน เมึ๋อไหว้เสแล้วเรา จรนำมาหานไค้หรอไม' I^H อาหารทํ่ถวายพระ\\Jซาในบ้านกับไหๆศาทพระภูมินั้น จะนำมาทานไค้หรือไม่ นั้นค้องฅูเหฅุการณแอะพิจารณาใบ้รอบกอบเฉพาะรายๆ ไป กืออย่างนั้ ส่วนบากอาหารทึ่บูขาพระแล้วนิยมนำมาทานกัน อาหารซนิคนั้เรืยกว่า \"ข้าวพระทุทธ\" เวลาจะยกออกก็่ว่าเป็นภาษาบาลนั้นๆ รึ๋งเรืยกว่าลาข้าวพระพุทธ กือลาว่า \"เสรง นงคะลั'ง ยาจามิ\" เท่านั้ก็่ยกออกมาทานไค้ ททานไ™หมายเอา เฉพาะทึ่จัฅไว้อย่างลมบูรณ์พอทํ่จะทานไค้ ส่วนบางรายจัค่ใส่ภาซนะเล็่กๆ ถ้วยถาค เลกๆ แถมมิบากรเลี่กๆ อก ลาแล้วกงจะทานไม่อั๋มแน่ อย่างนั้ฟ้มกวรจะทำทาน แก่แมว หมา กา ไก่ ไปกามเรอง www.kalyanamitra.org

doนของไหว้พรรถูมินั้น มักว้คใdภาชนะเอี่กๆ เป็นdวนมาก รึ่เงนิยมว่า ทำ เหมือนกับ \"เซ่นผ\" เมปีอามาแก้วกี่กวรทำทานก่อเอยคกว่า แอะdวนทจะนำมาทานกันก่อนั้นกี่ก้องฅูใหัรอบกอบเสียก่อน กืปีฅามปกฅิ เมํ่อเราจักอาหารไปบูชาพระหรอไหว้พระภูมิแก้วเรามักจะทงไหว้นาน บางทํกั้งกรึ๋งวัน กี่มื อาหารบางอย่างอาจบูกเสียไปแก้ว ยั๋งไปกั้งกลางแจ้งกอางแกกกอนไหว้พระภูมิ ก้วยแก้วยํ่งบูกเรี่าฃน หรือไม่กี่มืฝ่นตะอองก่างๆ ปลิวกกลงไ!/!นซาหารบ้าง พวกมก และแมลงก่างๆ ลงกินอาหารทํ่จักไว้บ้าง อาหารเยี่นขืกไปบ้าง แมลงวันคอมบ้าง เมํ่อเป็นอย่างนั้อาหารขนิกนั้นๆ กี่ใม่กวรจะนำมาทานเป็นอย่างยั๋ง เพราะไม่ละอาก พอเสียแก้วหรืออาจมืเขอโรกกี่ใก้ กี่กวรทงหรือให้นกให้แมวหมาไปกามเรอง หากว่าอาหารบางอย่างไม่บูก ไม่เสีย ไม่มืนํนผงแตะแมลงวันคอม หาก ยังเสียกายถ้าจะทงเสียกี่ควรจะนำมาก้มมาอุ่นให้ลุกใหม่อกทกิกว่า ยอมเสียเวลา อุ่นกกว่าจะก้องเสียเวลาเช้าโรงพยาบาล นั้นหมายกงว่าก้องเสียเงินก้วย กันไว้คกว่านก้ เพราะก้านปแก้วมักจะนกัน]ทน ท่านว่ากับมาอย่างนั้ กาrlmmsyvาก้บศๆฉพรรฎมิเราจ^ไหว้เฉพาะวันmiWyitJ หfธด้ธง ไหว้ทกวัน mi การไหว้ ในทํ่นั้ถ้าหมายกงการแลกงกวามเการพก้ายการกราบ หรือไหว้ เฉยๆ ไมไก้หมาบถึงการ ''เซ่นไหว้\" แก้ว กี่คอบไก้ว่ากวรไหว้ทุกวัน หากจะก้อง ถึงกับจักอาหารหวานกาวเช่นไหว้ อันนั้กี่ก้องคอบว่าลุกแท้แก่ละกน หากลามารถ จักไค้ทุกวันโกยไม่เกือกร้อนกี่ย่อมทำไก้ หรือไม่อาจทำไค้ทุกวัน จะทำเฉพาะวันพระ หรือวันทํ่ลามารถจะทำไก้ก็่ใม่ผิกอันไก การกราบไหว้กี่กื การเช่นไหว้กี่กื เป็นเรื่องของกรัทธากวามเชอและปลาทะ กวามเลํ่อมใลชองบุกกล ใกรจะบังกับไกรไมไค้ เพราะบางกนทำแก้วมืกวามลบายใจ เกิกกวามนั้นใจ เพราะมืหอักยึกไว้ในใจแก้วว่าก้องทำสีาเร็่จก้วยกวามเชํ่อถือในสีงทํ่ ใจธ้อธ้อง'รืจุ่ s www.kalyanamitra.org

ฅนไคไหว้มา หากไมไค้ทำไมไค!หว้ ลับ'จะทำอรไรด้วยไม่มั่นใจ กำ ลังใจคก พะวง อยู่เสมอว่าคนไมไค้!หว้สิงทฅนเกยไหว้ทุกวัน จนทำให้เกิคกวามหวั่นไหว ทำ อะไร ด้วยกวามไม่แนไจ จึงอาจทำงานผิคพลาคได้ง่าย ส่วนบางกนไม่เจึอถือทางนิ้ ม กำ ลังใจคอยู่แล้ว มั่นใจในคัวเอง จะไมไหว้อะไรเลยกี่ย่อมเป็นสิทธิของเขา เขาย่อม อาจทำงานส่าเร็่จเรยบร้อยได้เพราะมกำลังใจค ทำ งานด้วยกวามเขื่อมั่นในคัวเอง ทังนั้น จึงทกข้างว่าทำก็่ไฅ้ ไม่ทำก็่ไฅ้ หากทำแล้ๆเกิฅความบายใจก็่ควร จ:!ทำฅกว่าไม่ไค้ทำ การไหว้พระบูขาประ'จำบ้านขื่งซาวพุทธโคยทั่วไปมกันอยู่แล้ว บางบ้านจัค เป็นห้องพระโคยเอกเทก บางบ้านมโฅะหม่บูชา แค่บางบ้านมเพยงหิ้งพระฅิคไว่กบ เลาหรือฝาเรือน และมเ'จึยงกระถางธูปอย่างเคยวเท่านั้น หากจิกใจเลอมใลศรัทธา แห้จริงแล้วย่อมมผลทางใจได้เท่าเท่ยมกัน การไหว้พระประจำบ้านเช่นน บุรพาจารย์ ท่านลอนว่ากวรไหว้กราบเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ กรั้ง คือคอนเข้า ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน หรือก่อนจะเรั้มทำกิจการงานประจำภายในบ้านภายใน ส่านักงาน กับคอนกลางคืนก่อนนอน ฅอนเข้าก่อนจะทำงานทํ่ค้องไหว้พระก่อนนั้นก็่เพอทำจิตใจให้ผ่องใส ทำ จิตใจให้สะอาคเปีนเบองค้นเปีนการเรมค้นทำงานในทางทํ่ฅี ซึ่งจะทำอะไรต่อไปก็่ย่อม ตตามไปค้วย เพราะคนเราหากออกจากบ้านค้วยอารมณทเบิกบานแจ่มใสค้วยความ มั่นใจในทัวเอง ดูอะไรๆ กี่แสนจะสดซึ่นไปหมค มองอะไรกี่ล้วนน่าดูนั้งนั้น โสกนั้ ช่างโสภาเหลือเกิน แบ้ว่ารถจะฅิคเปีนแพกี่ยังมั่งยมใจเย็่นไค้ ตรงกันข้าม ล้าหากออกจากบ้านไปทำงานด้วยอารมณ์ทไม่แจ่มใล หรือไป ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว สิงแวคล้อมในวันนั้นคูมันจะมัวๆ ไปหมค มองคูอะไรค่อมิอะไร มันเกะกะขวางคาไปสิน ถูกเมยเข้าหน้าไม่คิค ไปถืงหิ้ทำงานยั๋งเห็่นงานกองพะเนิน อยู่บนโฅะ อารมณ์ยํ่งบูคหนักขื่น แม!กรจะมาพูคท่ด้วยกี่ฟิงเป็นเสิยไป เขายมให้กี่ หาว่าเขาเยาะ เขาหัวเราะกี่หาว่าเขาเย้ย บุ่งไปหมค ทำ งานกี่ผิคพลากเถืยหายง่าย บ่อยๆ เข้าอาจเปีนโรคประสาทกี่ไค้ พระธรรมกิตติวป๋ศ์ I ๒a๙ www.kalyanamitra.org

ส่วนการไหว้พrรส์วคมนต์ตอนก่อนนอนนั้น กี่เพึ๋อทำให้จัตใจสงบหลังจาก วุ่นวายกบภารกิจมาทั้งวน เพึ๋อคืนนั้นจรใต้นอนหลับสนิท ใม่ลันท้ย ทำ ให้ร่างกาย แลร!จิตใจใต้พกม่อนเกี่มท จรใต้มกำลังใจเผชิญเหตุการณ1นว้นรุ่งขํ้น เ!เนการเพํ่ม พลังหรือเรืยกพลังคืนมาหลังจากใต้พักม่อนเกี่มทแล้ว เพรารผู้สวดมนต์!หว้พรร ก่อนนอนนั้นมักจรหลับสนิท ใม่มันร้าย ใม่สรคุ้งตึ๋นกลางคืก วางอารมณ!ต้แน่นอน วิธการไหว้พรรในตอนเช้านั้นกี่!ม่มอรไรมาก จุดธูปเทยนเช้าแล้วกี่ตั้งนโม ๓ จบ กล่าวกำบูชาพรรแล้วกราบ ๓ กรั้ง เท่านั้กี่เหื่นจรพอ แต่หากมึเวลาจร สวคมนต์ต่อกี่!ค้ ล่วนคอนกลางกืนกี่ทำแบบเคืยวกัน เป็นแต่ว่าเมํ่อกราบ ๓ กรั้ง แล้วนิยมสวคมนต์ต่อคือตั้งนโม ๓ จบ แล้วสวคบทพรรพุทธคุณ (อิฅิปิโล) บทพรร ธรรมคุณ (ลวากขาโต) แลรบทพรรสิงฆคุณ (ลุปฏิปินโน) แล้วกรวคนั้าแผ่เมตตา รรลกถงคุณพ่อคุณแม่ กรูอาจารย ฆูทื่อุปการคุณ ผู้นำ แม่นดินคือพรรเจ้าอยู่หัว เท่านั้กี่!ช้!คัแล้ว หากมศรัทธาแลรมเวลาจรลวคมนต์อนๆ ให้มากไปกว่านั้ก็่ยั๋งคืมาก เพรารการลวคมนต์กี่คือการทำลมาธิแบบหนํ่ง ในขณรลวกมนต์นั้นจิตใจจรเป็นสมาธิ นํ่งทํเกยว หากใจไม่เป็นลมาธิแล้วจรลวกไมไค้ แลรจรลวกขิกอยู่เลมอ ข้อทพงระวังคือการจุฅธูปเทยนบูชาพรรไม่ว่าคอนเข้า หรือคอนกลางคืน ก่อนออกจากบ้านไปหรือหลังจากลวฅนนฅ์ก่อนนอนจบแล้วควรดับให้อนิท อย่าเนถอ ปล่อยทงไว้จะเปีนลันคราย เพึ๋อบ้องดันความเคืยหาย จะไหว้พระปวฅมนต์โดยไม่ต้อง ๅคธูปเคืยนก็่ไต้ เปีนแค'ทั้งบูชาไหว้เฉยๆ กึ๋ไม่เคืยหายอะไร นอกจากใน ๒ เวลาดงกล่าวแล้วควรใหว้พรรในเวลาพิเศษอก ๒D คราว คือ คราวเกิดความไม่สบายใจ แลร!คราวจร!ลัดสินใจในเรองส่าคญๆ ในกราวใกเกิกกวามไม่ลบายใจขนมา เช่น มึเรองวุ่นวายในกรอบกรัว ม กวามกลุ้มอกกลุ้มใจ มกวามกับแค้นใจ หรือมกวามเคืยใจเพรารของหาย เพราร พลักพรากจากกัน เพรารล้มหายตายจากกันไป เป็นค้น กราวนั้นกวรจรไหว้พรร เป็นพิเศษ กวรใช้เวลาอยู่ต่อหน้าพรรให้มาก สวกมนต์!ปเรั้อยๆ หรือนั่งสมาธิทำใจ ให้สงบนั่ง ให้ยึคถือองกพรรเป็นสรณะทางใจ กวามคิกทพังช่านกี่จรก่อยๆ รวมตัว ๒๒0 1 ไฬอข้องรืจ} www.kalyanamitra.org

มาเ!)นหนํ่งนงแน่วป็ยู่กับองกพระ แล้วกวามทุกฃกวามไม่ฟ้บายใ'รก็่จะก่อยๆ กลาย ลงไป เพราะใจไค้รับการ!!กปนแล้ว หากฟ้าไล้บ่อยๆ จะเป็นว่ากวามทุกฃนั้นแทบ จะพ้นไปจากไจเลย ส่วนไนกราวทจะล้องคัคสินไจ จะ?เกลงฟ้างานหรือฟ้าล้ญญาอย่างไกอย่าง หนํ่ง เพื่อป้'องกันการขิกพลาคกวรไหว้พระเป็นกรณพิเศษเสิยก่อน ทำ ไจไห้ลงบนํ่ง เป็นลมาธิกังกส่าว เพราะเพื่อไจลงบไม่^งซ่านแล้วมักจะฟ้าให้ลมองแจ่มไล ปิญญา จะเก๊ก และกักสินไจไม่ขิกพลาก เฉลยเท่าน'ย่อมเป็นอันไขข้อข้องใจข้อว่าจะไหว้พระไนวันพระหรือทุกวนก ควยประการฉะน ถาม อาทารทึ๋นำไปไทomiบูชาfwfเาsmgnS บางวนไม่มขนมทวาน จรแปีน ธรไรทfธไม่ แด่มนลไม้ เซ่น ม้ม กล้วย นทน อาหารหนำไปไหว้พระบูชาหรือข้าวพระพุทธนั้นบางวันแม้จะไมมขนมหวาน มแก่ผลไม้แทนย่อมไข้!ล้ เพราะมัจจุมันถือว่าผลไม้เป็นของหวานไปแล้ว แค่โบราณ ถือว่าของพื่ใข้ถวายพระไล้นั้นล้องเป็นของประเภท ขาทนึยะ กือฃองเกยว และ โร่!ชนยะ กอของกวรบริโภก ผลไม่จักเป็นขาทนํยะซนิกหพื่ง ส่วนอาหารทไหว้สาลพระภูมินั้นเรืยกอกอย่างหนึ่งว่า \"เกรองล้งเวย\"ไน ตอนยกศาลกรั้งแรก มัมากขนิก มิทั้งห้วหมู บายสรื ปู ปลา เป็ค ไก่ เป็นล้น ไนวันต่อๆ มาจะฟ้าอย่างนั้นเป็นการสินเปลืองมากจืงให้กำหนกลกส่วนลง แต่กาม ตำ ราท่านว่าสิงทขากไมไค้กื่กือ \"เครองกระยาบวช\" {อาหารทไม่เจือล้วยของสก กาว) ไล้แก่ กล้ายนํ้าว้า มะพร้าวอ่อน ขนมล้มขาว ขนมล้มแกง แกงบวชพิกทอง หรือมันเทศ (จากหนังลือพิธมงกลของไทย โกยจันทร ไพจิฅร ป. อย่างทว่ามานั้เป็นการกล่าวกามตำรา ส่วนกวามกิคของผู้กอบเหื่นว่าอาหาร ทถวายพระพุทธหรือไหว้กาลพระภูมินั้นจะเป็นอาหารขนิกไกก็่ไล้ทเรามิ และการมิ กรบกือข้าวและนํ้า ข้าวแบ่งเป็น 1๓ กือกาวกับหวาน (หรือไข้ผลไม้แทน) ตามแต่ www.kalyanamitra.org ทระCรรมกิคคิวป้ศ์ I ๒toa

จร!หาไค้ ไม่ค้องถึงกับขวนขวายมากนัก เรามทานกันอย่างไรก็่ถวายเซ่นนั้น ขอ อย่างเฅยวทำให้สะ!อาคประ!ณฅเท่านั้นเปีนพอ อาหารทจะถวายพระนั้น แม้วะมราตาถูก เปีนอาหารพนม้านกึ๋!ม'เ^ยหาย เปีนแท่ควรวัคให้สะอาคนละประณึฅคือบรรจงจัคดึพอควร เพราะเราถือกันว่าวัค ถวายพระพุทธเจ้าหรือทำถวายเทวคา (พระภูมิ) จริงอยู่ ศาลพรรภูมิกี่กือทอยู่ของเทวดาคามกวามเชิ่อถือแต่โบราณ เทวคา ทํ่อยู่บนพั้นคินทั่วไปมซ่อเริยกว่า \"คุมมเทวดา\" หรือ \"วัตถุเทวดา\" มหน้าทปกปีก รักษาค้มกรองผู้อยู่บนพั้นกินโกยเฉพาะ!มนุษย่ มนุษย่เหี่นถุณของเทวดาข้อนั้จืงสร้าง ทํ่อยู่ให้เรืยกว่า \"ศาลพระ!ภูมิ\" ดังกล่าว การดังเวยหรือการไหว้พระ!ภูมิก็่ฅือ การ ระ!ถึกถึงเทวดาและ!ถวายของเทวดาแบบหนึ่งคามกวามเซํ่อถึอทํ่เลือนมาจากแบบเกิม คามแบบเกิมนั้น พระ!ท่านครัสว่า ย'ชุกิฌจารมฺมณํ กศวา ทชุชา ทานมมศฉรื ปุ เพ เปเตว อารพฺภ อถวา วศถุเทวตา จศตาโร ว มหาราเซ โลกปาเล ยสถุสิโน ฯเปฯ แปลกวามว่า บุคคล^ม่คระหนปรารภเหตุอย่างไคอย่างหนงให้เปีนอารมณ์ แล้วพึงให้ทาน แล้วอุทิคให้ผู้ล่วงลับไปในกาลก่อนหรือให้เทวคาประจำพั้นทึ๋ หรือให้ ห้าวมหาราชจตุโลกบาลทั้งลึ๋iผู้มยสกักคิ ฯลฯ แบบเกิมท่านบอกว่า ให้ทำบุญทำทานแล้วอุทิศล่วนบุญ แผ่เมคคาจิฅไป ให้เทวดา ให้เทวดาอนุโมทนาล่วนบุญให้เกิคเมคตาจิคฅอบ แล้วซ่วยปกปีกรักษา อุ้มกรองและ!ปีคเป่าเภทกัยให้ แต่สมัยใหม่เล่นถวายเทวดาค้วยสิงของครงๆ เลย ไมไค้ถวายล่วนบุญผ่านกนกลาง โคยการทำบุญเถึยให้ยุ่งยาก เปีนการจัคดัคกิวค เหมือนกัน หรือกลัวว่าเทวคาท่านจะ!น้อยใจว่าจะ!ให้กันทั้งทิค้องผ่านกนโน้นกนนั้เถึย ก่อนกี่ใม่ทราบไค้ วิธการถวายข้าวพระพุทธและ!การลานั้นโดยมากทราบกันคอยู่แล้ว ๒๒๒ [| ไฃฃ้อจ้อง^) www.kalyanamitra.org

ส่วนกำบูชาเกรองสิ'งเวยพรรภูมินั้นมคั'งน ภุมมา ทิฟึาภาเค สินติ ภุมมา มร!หิทธิกา เคปิ อัมเห อรนุรัทอันตุ อาโรคเยนร อุเฃนะ จะ อูปะพอัญชนะสิมป็นนัง ปะรภุญอันตุ ซะยะมังกะละ เทวะตา สิพพะโทสิง ขะมนตุ ฌ ฯ กำ ลาว่า เฟ้สิง มงคะสิง ยาจามิ ฯ กำ บูชาพระภูมินั้รมากแบบมากอย่าง สิตมาให้คูเพยงแบบเติบวเท่านั้นพอ ยู้ฟ้นใจโปรตตามก้นแล้วกว้ามาใ๓นเอาเองเทอญ ชธปีกนิตเถธร ไทนๆ ก็่พูตลงเรธงบชาข้าวmรพุทธนตรเคfธง¥งเวยพรภูมิ แต้ว ธยากจรขอฝากไ■ปี.ท้miTณาเล็่กบ้ธย กึอชาวพุทธLTานเรองไหว้mรพุทธ พธรภูมินต้วเปีนไม่ปีม ทำ กันไต้เปีนปรรจำ แฅ'กักจรลืมไหว้mรปีกธงต้ทfธฝธงองก ทธยูไกต้ๆ กัวกืธฟธแม่ไปเปีย ปล่อยให้ฟานอกๆ ธยากๆ แลรเฑมักจรไม่แๆาTV/ อ่อนน้ธบฅ่ธฟานเท่าไTมัก เปีนกาrผิกทลักเอาทเคยว เพราะพ่อเฌ่นั่นแหละเ!เน \"พระภูมิเจ้าท\" องคจริงอย่างส่าสิญทเตยวละ จำ ไว้เถิคท่าน ตุกฅๆขัๆทาสบธิวารบนศาลพรรภูมิ ทากเกิดชำรดจรทำอย่างไร ซอมา เปลยนได้ใทม เร็เนเรองธรรมคาเมํ่อมันแตกหักชำรุตแล้วจะเกี่บไว้ทำไม เกี่บไวกี่ใม่ลบายไจ เปล่าๆ จึงกวรเอมาหาเปลยนใหม่เล่ยไห้เริยบร้อย ล่านของทแตกหักนั้นก็่เก็่บไส่ถุง ใส่ห่อไห้เริยบร้อย แล้วไปทงทึ่ถังชยะเติย หรือหากไม่ลบายไจทึ่จะทิ้งเข่นนั้น จะนำ ไปเกี่บไว่ทั๋วัตตามโกนต้นโพธํ่เปีนก้นก็่ไก้ ทํ่แนรนำให้ไปเก็่บทึ๋วัคชึ๋งความจริงก็่คือนำไปทิ้งนั่นเอง เพรารว่าไม่เห็่นทํ่ใค เหมารเท่าทํ่วัค แม้จรรู้ปีกชอบกลๆ ในใจมานานแต้วก็่ทาม www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวป๋ศ ;| ๒๒ท

ทึ๋ว่าชอบกล กืออะไรกี่?เามทไม่กทั๋ซำรฅเสิยหายหักพัง เช่น สิ'ฅวพิการ ศาลพระภูนิชำรุ?! ฅุก?เาชำรุค พระหัก เบีเนฅ้น หักฯะนำไปทงทวัคกัน จึงฟ้าให้ บางวัคกลายเป็นฟิวนสิ'ฅวัพัการ หรือเป็นศุฟ้านซองหักของพังไป หหักเข้ากี่ไป อนถงกระทั่งกนปล่อยลูกปล่อยหลานกันจนเอาไนไหวแล้ว เข็่นอย่างไรกี่ใม่รอคแล้ว ทั๋ลุคท้ายทมองเกี่นกือวัค ให้พระท่านช่วยเปลั๋ยนนิสิ'ยให้ จึงเป็นภาระชองลมภารไป โคยปริยาย มแก่กนฟ้องกนกี่พอป็กปรือกันไหว ล้าเป็นสิบกนบํ่สิบกนนั้สิจะไหวหรือ และให้มา■&กเพยงเคือนกรึ่งเคอน หรืออย่างมากกี่ฟ้ามเคือนเท่านั้น จะ'!เกทนหรือ ขนาคอยู่กับพ่อแม่มาเป็นสิบหรือยึ่สิบป็ ยังเอาคืไมไค้ ให้มาอยู่วัคแก่เคือนกรํ่งเคือน แล้วจะให้คืไค้กังใจนั้น เกี่นท่าจะยากอยู่ แต่yshวทfshไหวก็่เห็่นCเมภาทเทบทกทัทนบกภา?รกั■นอกแย่บไปฅามๆ ทุกปีแหตi พอออกฬ??บาทก็่โต่งอกท กี่ลองเอาไอ้ทั่คืๆ มามอบให้อยู่วัคนานๆ ถูท้หรือ วัคนั้นจรเป็นสวรรค์ เป็นวิมาน เป็นแคนบุญสถานทั่น่าเข้าบ่าอยู่ไค้จริงแทสิกนกไหน นานๆ บ่นท กงไม่ถึงกักเสิยหายหรือก่อนชอคกันนะ เพราiทว่ามานั้มนิฅบ้างไหม ๆม^ ฌอไหว้ศาลพรรภูมิเส?จแล้ว ค้องมิบทสวคก?วดนํ้าห?อไม่ มิวิ^า? อย่างไ? - im เมํ่อไหว้พระทมิแล้วจะมบทกรวคนั้าหรือไม่อย่างไรนั้ ขอคอบอย่างกากภูมิ ว่า \"ไม'รู้'vfงๆ\" เพราะไม่เกยปฎิบัคิและไม่เกยไค้ยนไค้พังมา แค่ล้าจะให้ตอบคาม กวามกิคเหึ่นย่อมไค้กังนั้ หากจะยึคถึอตามหลักพระบาลฅามกวามในข้อ cn ทั่ว่าอทิฟ้ให้เทวคาประจำ พนทั่ (วัคถุเทวกา) ย่อมจะกรวคนั้าไค้ เพราะการกรวคนั้ากี่คื การอุทิกใทกี่คื เป็น กิริยายกผลบุญให้เหมือนกัน แค่ก่อนจะกรวคนั้าอุทิศล่วนบุญไค้จะต้องไค้ฟ้าบุญมา ใflธ้อธัอง รืจ่, www.kalyanamitra.org

ก่อนกือให้นบุญส์าหTบฯะยกให้กนอนเสิยก่อน ฅังนัน ฯรให้คฌํ่อไหว้พระภูมิเฟ้ร็่จ แล้วอวรนำอาหารนั้นมาให้ทานกอให้แก่^อก่ฅ่างๆ กังกล่าวในข้อล้นเสิยก่อน หรอ พวกผล่ใบ้จะนำไปให้แก'ฆู้อื๋นหรือใล่มากรพระก็่ย่อมไล้ ถือว่าฟ้นการทำบุญแล้ว เหมือนกัน เมํ่อทำแล้วกราวนั้กี่กรวดนั้าอุทิศฆอบุญไนํให้พระภูมิ หรือเหวกาประจำ พนทประจำพนกินไล้เอย หรือจะกรวคนั้าไปถืงไกรเหมือนอย่างทำบุญกัวไปกี่ย่อมไล้ a^ เหมอนกิน ของทไหว้ศาอพระภูมิหรือไหว้เจ้าแล้วเข่นนั้ บางกนรังเกยจว่าไม่กวรนำไป ถวายพระก่อเพราะเมินของเคน ซงกวามจริงไม่น่ารังเกยจ เพราะท่านย่อมรับของ ทึ๋เขาถวายล้วยกรัหสา (ไทยธรรม) กังนัน จะเออกรับไมไล้ เถือกฉนไมไล้ (แด่ เถือกไม่ฉันได) ต้องทำกัวให้เซาเอยงง่ายอยู่แล้ว เพราะกวามเมินอยู่ของพระเนื่อง ล้วยผูอน จะทำกามใจกัวเองหาไคใม่ ทั้งนั้มืพระคำรัอให้ภิกษุพิจารณาไว้ประจำ ข้อหนื่งว่า \"mrmiTWาเป็องๆ ว่า ถาทอยงซวิทของเราณองฅ้วย^น เราค้อง ทำ ค้วให้เขาเอยงง่าย\" บทกรวคนั้าส์าหรับการทเนื่อทำอย่างนั้แล้ว กี่เหมือนกับบทกรวกนํ้าทเรา ให้กันทั่วๆ ไปนั่นแหอะ หากว่ากามแบบไมไล้ จรนึกอุทิศให้พระภูมิเลยกี่แยบกายค เหมือนกัน เมํ่อทำบุญแอ้ว เราอุทิศfเวนบุญไ!/ให้ญาติอ้ล่ถงอ้บไปแอ้'า ทาถญาติ ไม่^จรไค้ร้ปทรอไม่ ข้อว่าเมอทำบุญแล้วเราอุทิศล่วนบุญไปให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว แก่ญาติ ไม่รู้จรไคํรับหรือไม่นั้ ปรากฐเมินหลักฐานในพระบาถืศือ กุศลทญาติๆ อุทิศไปให้ ผู้ล่วงลับไปแล้วนั้ ผู้ล่วงลับจะไกรับกี่ก่อเมอมืองกประกอบกรบถ้วนถือ ทระรรรมกิคคัวป้ค์ 1 tata๕ www.kalyanamitra.org

- มการทำบุญ - มการธุทิศ - มการอนโมทนา มการทำบุญ กือฅัองฟ้าบุญโคยเฉพารการให้ทานก่อน แถะควรให้ในเขฅ คือในเหล่าผู้มสืล ในพรรพุทธศาศนาถือว่าภิกษุฟ้งฆเป็นบุญเขตอย่างศูงสุค มการอุทิศ คือผู้ฟ้าบุญต้องกรวคนํ้า หรือน้อมใจอุทิศส่วนบุญทึ๋ฟ้านั้นๆ ไปให้แก'ผู้ล่วงลับ มการอนุ\"&Jทนา คือผู้ตายต้องอยูในฐานรอันควร คือไปเภิคเป็นเปรตจำพวก หนงซึ่งต้องไต้อาหารจากผู้มซวิฅอยู่จึงจะศุฃศบายพอควร และ;รับรู้ว่าญาติในโลก ฟ้าบุญอุทิศไ!ให้แล้วอนุโมทนายินคืต้วย เนอครบฉงค์ m น ทักรฌาคือการทำบุญ^ทิคแก่ผู้ตายย่อมจ:!^าเรึ๋ๆมถ แก่ผู้ตายโดยพลันตามฐาน:!แล หากมคำถามสอดเข้ามาว่า ถ้าญาติไมได้รัน เพรารองค์ปรรกอบข้างต้น ไม่ครบ เซ่น ผู้ตายไปเกิดเป็นเทวดาเถืยแถ้ว ทกษิณาจรไม่สูญเปล่าหรือ กี่ต้องตอบไปว่าเมํ่อเป็นคังนั้ ผลย่อมตกแก'ญาติกนอึ๋นๆ ต่อไป หากญาติ กนอืนๆ ไมไครับล'ร กี่คอบว่าเมอคนอนไมไต้รับหรือรับไมใต้กี่เป็นเรื่องของเขา ผลกี่ตกแก'ผู้!ห้เองนั้นแหลร ไม่หนหายไปไหน ตอบเช่นนั้กี่คอบตามพรรบาลท้ายขานุลโศณศูตรทึ๋ว่า \"อปิจ พุราหฺมณ ทายโกปี อนิปฺผโถ\" แปลแบบไทยๆ กี่ว่า \"เหอะน่าพราหมณ์ ทายกพ่ไมไร้ผลตอก\" พูคเรืองพรรภูมิมาเป็นต้งเป็นแควกงพอเข้าใจ แต่ใคร่ขอฝากตบท้ายรายการ อกมิคตามธรรมเนยมของกนขอบกัน มิอะไรๆ กี่อยากแถมอยากฝากกัน จะรับ หรือไม'เป็นอกเรื่อง ๒๒๖ I ไฬ้อธ้อง'?จ,5 www.kalyanamitra.org

กืออยากจะ!แนะนำว่า ถัาเราเปลยนจากการศร้าง \"พระถูมิ\" มาเป็นการ ลร้าง \"ทุทธถูมิ\" แทนกัน เห็่นว่าน่าจะคมิใช่น้อย กือแทนทึ่เราจะนำคุกคา ช้าง น้า วัว กวายไปไว้บนศาล เราก็่นำพระพุทธรูปไปไว้แทน เวลาจะไหว้คูจะลนิทหน่อย เพราะศาลพระภูมิเคึ๋ยวนิ้ทำศวยๆ คึออก และทำเป็นรูปอาการเสืยค้วยซ ท่านกง จะไม่อยู่โคคเคํ่ยวหรือกรำฟัากรำฝนหรอกเพราะอยู่ในทึ๋ทึ่เหมาะ! น่าทำนะท่าน ไปๆ มาๆ กี่มาแอนฅ็้พระภูมิจนไค้ และหากถามว่า ถ้าทำแล้วพระภูมิ เจ้าทึ่ท่านจะอยู่ทํ่ไหนล่ะ กื่อยู่กับพร:!พุทรเจ้า เปีนถูก^ษยพระพุทธเจ้า นา พระศรวิลุทธิวงกี่ (ทองค ป.ธ.๙) พระธรรมกิตติวงศ์ ll ๒๒๗ www.kalyanamitra.org

^V .J www.kalyanamitra.org

ไขขัอข้อVใจ จาก \"มงกกฟ้าร\" เสือนพฤษภาคม 1ร0๕1รท0 ถาม่โคย... คุณ ร.เรองศร ถาม คำ ว่าบวชเ^นพรรนั้นกรรมมทราบจัคแล้ว แต่ต้องการเรยนถามว่าการ บวชนั้นมกอย่าง ^หญิง'จรบวชบ้างไต้หรอไม่ กา?บวชนั้น หากจรแยกแยรออกฅามป?ะเภทนักบวชแล้ว ก็่มมากนาย หอายแบบนัก ว่าให้กรบถ้วนไค้ยาก แก่ถ้าๆรพูค?]ามแนวกี่อาจปรรมวลกา?บวช ออกไค้เป็น ๒ ป?รกา? กอ บวชนอก กับ บวชใน บวชนอก เ?ยกไค้อกอย่างหนึ๋งว่า \"บวชกาย\" ไค้แก่ กา?ถือเพศเป็น นักบวชแบบโคแบบหนํ่ง เท่าทปรากฏอยู่กี่มฤๅษ โยกี นัก?นถ ชฏิล ภิกษุ เป็นค้น ฆูถือเพศเป็นอย่างนั้มกิ?ยาอาการในภายนอกแลคงออกให้ผูอน^ค้ว่าเป็นนักบวช เข่น บูชาไฟ ปาเพ็่ญคบะแบบค่างๆ ถือวัค?ปฏิบัติบางอย่างเกร่งกรัค ถือถืถ บุ่งห่ม แปลกจากชาวถ้าน ไว้ผมไว้หนวค หรือปลงขมปลงหนาค เป็นค้น การถือเพศเป็น www.kalyanamitra.org

นักบวชเช่นนกึ๋ค การปฏิบัติกิริยามารยาทและ:การแต่งตัวเช่นนก็่ค ถือว่าเป็นการ บวชนอกถือบวชกาย เพราะ:มเพศภาวะ:เป็นนักบวชเฅี่มตัว นํ่ว่าถึงนักบวชทั่วๆ ไป ถ้าพูคถึงการบวชกายแบบพระ:พุทธศาลนาก!คัแก่การถือเพศเป็นภิกษุ ลามเณรยู้นุ่งเหลืองห่มเหลืองหรือเป็นแม่ช่ผู้น่งขาวห่มขาว โกนผม ปลงหนวค ตัคเล็่บ มกวามเป็นอยู่เนองค้วยผูอื่น ถืออยู่!ค้ค้วยอาการขออย่างประ:เลริฐ อยู่!ค้ ด้วยสิงของทํ่เชาถวายให้ค้วยศรัทธา การถือเพศและ:ปฏิบัติอย่างนถึอว่าบวชนอก ถือบวชทางกาย การบวชนอกหรือบวชกายเป็นทนิยมของบุกกลทั่วไย่!นลนัยนั้ เพรารถือกัน ว่าจรได้บุญอย่างมหาศาล ได้เป็นศาลนทายาทจะ:ได้ลืบต่อพระ:พุทธศาลนา และ:ได้ เป็นผู้ทรงผ้ากาลาวพัลกร์ซงเป็นธงชัยของพระ:อรหันต์จะ:ได้เกาะ:ชายผ้าเหลืองนั้น ข้ามพ้นทางกันการถือทุกขเข้าส่แคนเกษมถือพระ:นิพพานได้ และ:ผู้ลนับฟ้บุนให้บวช ถือพ่อแม่และ:วงศากณาญาตินั้นเล่า กี่จร:พลอยได้บุญได้กุศล พลอยได้อาตัยเกาะ: ชายจวรของลูกหลานข้ามพ้นทุกข!นลงลารไปด้วย ด้วยเหตุตังนั้แล ก่อนเข้าพรรษาแต่ลรวัฅแต่ละ:โบลถจึงนักจะ:มผู้แห่ล้อม หน้าล้อมหลังนำลูกหลานเข้ามาบวชกันมากมายเป็นพิเศษ จนบางวัคกุฏิแทบจะ: ไม่มให้อยู่ ด้องจองห้องกันล่วงหน้านับเป็นเถือนๆ กี่ม บวชนอกทำไค้ง่ายเ^ยนกรรไร การบวชนอกหรือบวชกายค้วยการถือเพflดังกล่าวจัดว่าเป็นการบวชค้วย เพรารเพดนักบวชเช่นนํ้เป็นเพดชองบู้บริ^ทธ ห่างเว้นจากการทำความชั่วค้วยประการ ทัง้ ปวง เป็นเพดปีงกว่าเพดคฤดัปถื ชาวบ้านทั่วไปให้ความเคารพนับถือแตะกราบ ไหว้ บู้ทรงเพดอย'างนั้เป็นบู้บ?ปุทธหมดจดทางกาย วาจา และใจ ละแล้ว4งทุจริต ทางกาย วาจา ใจ ประพฤติในชั่งทควรประพฤติ เว้นในชั่งทควรเว้นไค้แล้ว จะทำ อะไรกี่ตามมักจะนกถืง \"ถื\" ทห่อห้มดัวเดมอ การบวชเช่นนจึงเป็นทนิยมกัน ๒๓๐ I ไโ)ธ้ออ้อง'^ไ) www.kalyanamitra.org

ส่วน บวชใน นั้นเรยกอกอย่างหนึ๋งว่า \"บวชใจ\" ได้แก่ การนำใจไปบวช กึอด้วยการน้อมใจให้เข้าไปอยู่ในกรอบของการบวช ด้วยการงคเว้นจากการทำชั่ว ทางใจ เพราร!ทํ่กนเราทำชั่วทางกายทางวาจานั้นกี่เพรารใจมันชั่วเส่ยก่อน พอใจชั่ว แล้วกี่ส่งไปทางกายทางวาจาให้ทำชั่วฅามอกทอคหนั้ง ดังนั้น เมํ่อนำใจไปบวชเกี่ย ได้ กวามชั่วทจ;!เกิคทางกายทางวาจากี่จะ!ไม่เกิคฅามมาด้วยเพราร:ไม่มฆู้ซ่งให้ทำ พูดให้ง่ายกี่คึอการบวชใจกี่ไคัแก่การรู้จักบังคับใจดัวเองให้อยู่ในรร!เบยบ คัลธรรมอันค เว้นชั่วกลัวบาป มความลรอายทจะ!ทำชั่วทำผิด ทั้งด่อหน้าแลร! ลับหลัง รวมไปลงการอบรมใจให้มคุณธรรม ยกรร!คับจิตใจให้สูงส่งด้วยฌตดาธรรม กรุณาธรรม แลร!ทั้งมั่นอยู่ในสูจริตธรรมทุกเมึ๋อทุกโอกาสนั่นเอง แต่การจร!จับใจให้บวชได้นั้นมิใซ่ทำได้ง่ายมัก หนึ่งในร้อย หนึ่งในพันกี่ยังหา ได้ยากอยู่ แม้ผู้ทบวชกายแล้วกี่ไม่แน่มักว่าจ:!ยังดับใจให้บวชได้หรือเปส่า เพราะใจ มันดิ้นรน กวัคแกว่ง พังช่าน มักจะบุ่งใฝ่หาไปทางอารมณทชั่วฅาทรามอยู่เสมอ เหมือนนํ้าชํ่งมปกติไหลลงไปในทคาทลุ่มฉะนั้นแหละ พระรท่านเปรยบว่าการจ:!mนํ้าใiwนไหลย้อนไปบนทปีงย่อมทำไฅัยาก ฉันไต การจรยกระคับจิตใจใmlกใป้อyในการทำความฅอันลูงปงกื่ทำได้ยาก ฉันนั้น ในการบวช ๒ ปรร!การน บวชในนั้นถือว่าทำได้ยากกว่าบวชนอก เนึ่อ ทำ ได้ยากกว่ากี่ย่อมมืผลมือานิสงส่มากกว่าและคักว่าเมืนของธรรมคา ทนั้ลองมาชยายกวามวิธบวชทั้ง ๒ ประการนั้ดันคู บางกนบวชกายกึอถือเพศเป็นมักบวช บุ่งเหลืองห่มเหลืองให้รู้ว่าเป็นพระ เป็นเณร บุ่งขาวห่มชาวให้รู้ว่าเป็นซ แคใจไม่ยอมบวช กือจิต่ใจยังบุ่งแสวงหาลาภ ผล ยศดักดิ้และสิงปรนเปรอกวามฝึชทางเนั้อหนังยังสา สุขทางคา ทางหู ทางจมูก ทางปากอยู่ ใจยังละชั่วประพฤติชอบไมได้ ผู้บวชกายอย่างเคัยว แคใจไม่บวชด้วย อย่างนั้กี่มือยู่ พระธรรมกิตติวงศ์ แ ๒๓๑ www.kalyanamitra.org

บางกนบวขใจ กอละซั่วปTะ!พฤคิชอบไค้ รวัก?ปฎิบัค การก?รทำทางกาย ทางวาจาเหบือนก'บนักบวช แก่หาใช่นักบวชไม่ กือเปีนซาวบ้านธร?มศานํ่เธง เช่นน เรบกว่าบวชใจ แก่กายไม่บวช บางกนบวชกายค้ายบวซใจค้วย กือกายกี่เป็นนักบวช ใจกี่เปีนนักบวช บวชทั้งนอกและใน บุกกลเช่นนช่างประเฟ้รฐแท ใกรไค้พบเหี่นกี่ถือเป็นบุญคา ไกรไค้เลวนาค้วยก็่นับเป็นบุญคัว ไกรให้ข้าวให้นากี่นับว่าเป็นลาภมหาศาลแก่ผูให้ ส่วนบางกนกายกี่ไม่บวช ไจกี่ไม่บวช ใช้^วิฅให้หมกไปเปล่าๆ เป็นโมมบุรุษ กือ \"กนเปล่า\" ไมไค้ทำอะไรเป็นซนเป็นอันให้แก่ฃวิคเลย หรอบางทํเกิคมาชากทุน เถืยค้วย เพราะนอกจากไมไค้บวชกายบวชใจแต้วยงแถมทำชั่วทำผิกใหโทษคิกคาม ไปค้วย อย่างนกี่มมิใช่น้อย ท่านว่าเป็นกนรกโลก เถืยทํทํ่เกิคมาแห้ เมํ่อเฉลยมาอย่างนกี่เท่ากบเฉลยว่า ผู้หญิงจะบวชไค้หรอไมไค้!!/!นคัว กล่าวกือ แม้ผู้หญิงกี่ฟ้ามารถบวชไค้ทั้งกายทั้งใจ หากไม่ฟ้ามารถบวชกายไคักี่ บวชใจอยู่ทํ่บ้านกี่ไค้ กกว่าผู้บวชกาย แคใจไม่บวชเป็นไหนๆ ท่านผู้ย่านmปีนรูหญิงกงจะ(iบายh 1ลิกกังวตน้ปียธกน้อยใจว่าเกิ?เมาอาภัพ บวชกับเขาไมไ0'นเ^ท่ ๆ!! คำ ว่า \"พุทธ\" แปลว่าผู้รู้ ขอทราบว่ารู้อรไร ออนให้ผู้ไครู้รู้แล้วนำนล ปรรโยขนอรไรให้กบใคร ฌึ๋อใค ^iii^ พุทธะ แปลว่า ผรู้ กือร้กี่งทกวรร กี่งทํ่กวรร!นทํ่นท่านหมายถืงอริยอัจ- nBESBtf H ^ \\| V ธรรมกือกวามจริงทมปรากฎอยู่ในโลกทุกบุกทุกฟ้นัย ท่านแยกแยะไค้ตามลักษณะ <L อย่าง กั๋อ (ร)) ทุกข้ กวามไม่ฟ้บายกายไม่ฟ้บายใจ (ko) ฟึมุทัย เหตุเก๊กแท่งทุกข (๓) นิโรธ กวามคับทุกช่ (<£) มรรค ทางกำเนินใหถืงกวามคับทุกฃ I ไอข้อข้ร0^จ.' www.kalyanamitra.org

ขู้รู้ฅวามจริง d ประ!การนั้โคยแจ่มแจ้งซัคเจน แล๗ฏิบัติฅามคือคำเนิน ตามทางนั้นไค้จริง คับทุกฃหมคไค้จริง กำ จัคเหตุเกิคแห่งทุกฟ้.ค้จริง จัตว่าเป็น พุทธะ!คือผู้รูทงสิน หากจะ!ตอบนั้นๆ ว่าสิงทพุทธะ!รูนั้นคือทุกขกับการคับทุกฃก็่ไม่ฆิค และ!การ สอนของพุทธะ!กี่เน้นหนักไ!Aนเรํ่องทุกขเพอการคับทุกฃนั้เท่านั้น ไมไค้สอนอย่างอํ่น เพํ่ออย่างอนเลย ขอเสนอกวามเหี่นไว้ตรงนั้สิกเลี่กน้อย มคำเริยกพุทธะ!อกคำหนึ่งว่า \"พระ! สิพพัญฌู\" แปลกันว่า \"ยู้เทุกอย่าง** คือรู้เรํ่องต่างๆ มากมายในโลกนั้ สิงท พระ!กัพพัญฌูไม่^ม่ม ท่านรู้ท่านทราบหมกทั้งอคืต ปิจจุบัน อนากต แต่บางกน อธิบายฟ้งไปว่าแม้วิชาวิทยากาสตรแบบสมัยใหม่อย่างนั้พระ!กัพพัญฌูท่านกี่รู้ ทจริง กี่เป็นกวามหวังกของผู้'อธิบาย ต้องการให้ผู้ริ}งเห็่นกวามอักจรรย่ฃองพระ!สิ'พพัญฌู เพํ่อเป็นการจูงใจให้กนนับถือ แต่ifองมันไม่หมดแค่น^นะจ กนสนัยใหม่พอไกยินคำอธิบายเซ่นนั้เข้าเลยย้อนเอาว่า กี่ในเมอพระพุทธเจ้า ทรงเป็นพระ!สิพพัญฌู ทำ ไมพระ!องคํจึงไม่ทรงประคิษจ่เกรองบินไข้ ไม่ทรงประคิษจ่ กอมพิวเตอ!ใช้ หรือไม่กี่กิกวิธิปราบกนพาลให้ราบกาบไว้เพํ่อให้กนรุ่นหสิงไก1ข้กัน เลยยุ่งกันใหญ่กี่ค้องหาทางออกให้วุ่นไป ยงหาทางออกยงแก้ข้อกังขากี่ยั๋งยุ่งนุงนัง จนไม่รู้อะไรเป็นอะไรไปหมกกี่มึ แทนทํ่เขาจรแตึ๋อมใสกลับมันหลังให้ศาสนาไปเลยก็่ม่ เพทะเขาเห็่นว่าเป็น สาสนาโกหกพกลม เอาแค่นสาTอ;!ไTไมไห้ หากเราจะจำกักกวามหมายของคำว่ารู้ทุกอย่างว่า \"รู้ทุกอย่างทั้ควรรู้ คือรู้เรองทุกข์กับรู้ทางคำเนินทั้เป็นไปเพึ๋อระ!งบคับทุกข์'* เท่านั้กี่กงจะพอกระมัง หากเขาสนใจถามต่อกี่พออธิบายfpงใหริ}งกันไค้ ทั้งเป็นการบัองกันผู้'ลองคืท พยายามเกยวเขี่ญจะให้พุทธะหรือสิพพัญญเป็น \"มนุษย์คอมพิวเตอร์** ไค้อกค้วย พระธรรมกตติวงศ์ I ๒๓๓ www.kalyanamitra.org

ต่อกำถามทํ่ว่ารู้แล้วสอนให้ใกรรู้นั้นก็่ตอบได้ว่า ไกรกึ๋ให้ที่อยากรู้ อยาก พ้นทุกฃ์ มุ่งหาที่พงให้แก่ฅัวเอง ย่อมเป็นยู้สมกวรรับกำสอนให้รู้ทั้งสิน รึ่เงในทาง ศาสนาท่านจักบุกกลยู้กวรรับกำสอนไว้ ๓ กลุ่ม กือ (๑) กลุ่ม อุคฆฏิตัญญ พวกฉลากสามารถสูง (๒) กลุ่ม วิปจิตญฌู พวกฉลากสามารถปานกลาง (๓) กลุ่ม เนยยร! พวกพอจร!แนะนำได้ ได้แก่พวกเวไนยสิ'คว่ บุกกล ๓ กลุ่มนเป็นบุกกลที่สมกวรสอนให้รู้และน่าสอนทั้งนั้น ส่วนอก กลุ่มหนงกือกลุ่ม ปทปรมร! หรือพวก \"บรมบท\" ได้แก่พวกปิญญาอ่อนหรือ พวกปีญญาซนชั้นมันสมอง แกไม่ยอมรับฟิงใกร กอด้านด้วยทิฐมานะถึงชั้นเป็น มิจฉาทิฐซน พวกนั้ถึงสอนไปกี่ไร้ประโยซน่เพราะไม่ยอมพ้งไม่ยอมรับรู้ การสอนคนมิใซ่จะสอนได้ทุกกน มิใซ่จะสอนได้กามไจซอบ ด้องรู้ถึงกวาม ด้องการ รู้ถึงอุปนิสิยใจกอ รู้พนเพ รู้ฐานะ และส่ากัญด้องรู้ว่ากวรสอนหรือไม่กวร สอน สอนได้หรือสอนไมได้ ทั้งด้องรู้วิธสอนบุกกลแต่ละกนด้วย เพราะแต่ละกนม กวามด้องการเป็นด้นแกกต่างกันไป พระท่านว่าวิธtเกกนสอนกนนั้นด้องทำเหมือนสอนม้า!)กม้า คือม้าบางตัว ก้องไซ้อุบายละเอยกคือถึกนั๋มๆ ด้องปลอบโยนให้เซ้าใจ ม้าบางตัวด้องใซ้อุบาย หยาบคือด้องเฆํ่ยนก ด้องลงโทษแรงๆ จึงจะหายพยศ ม้าบางตัวด้องฆ่าทั้งเถึย คือเมํ่อถึกไมได้แล้วกี่ด้องฆ่าเอาเนั้อกินเถึย ปล่อยไว้กี่เสิยเวลาถึก เถึยเวลาเลยงคู เถึยงบประมาณ ม้าตัวไหนจะด้องถึกแบบไหน ฆูถึกด้องฉลากกู ฉลากถึก ฉันไก การถึกกนกี่เซ่นนั้น กนบางกนสอนง่ายถึกง่ายด้วยอุบายละเอึยก คือเพยงตักเคือน ชั้แนะ ปลอบโยนเท่านั้นกี่สงบเสงยม ละพยศได้ เป็นกนว่าง่ายสอนง่าย เป็นที่เบาใจซอง ยู้ปกกรอง บางกนกี่ด้องใซ้อุบายหยาบ ด้องขู่ ด้องลงโทษ ด้องเฆยนกกันจึงหลาบจำ บางกรั้งด้องกุมซังกันไว้บ้างเพึ๋อให้เฃี่ฅจึงหายพยศ ๒๓๔ II ไจข้อจ้อง รืจํ' www.kalyanamitra.org