ส่วนบางกนก็่ค้องฆ่าทง กือจะ!!เกอย่างไรกึ๋โมไหวแล้ว คก็่แล้วร้ายก็่แล้ว อย่างนั้ณลิ้ยงกันไมไค้ ค้องปล่อยไปฅามยถากรรม และ!บางกรั้งถึงกับค้อง \"ฆ่าทั้ง'' เถึยจริงๆ เช่นนักโทษประ!หารซวิฅเป็นค้น ดงนั้น ลอนคนจงเป็นเรื้องยาก ยากทั่โม่ค่อยไต้ดเหมือนใจ แค่การสอน คนกื่เป็นหน้าทของคน ถ้าคนไม่สอนกันแล้วใครจะ!มาสอน หากรอให้กัตว์มาเป็น ครูคนแล้ว เห็่นท่าโลกนํ้คงลุกเป็นไฟมากกว่านั้เป็นแน่ ส่วนใครจะ!ไกริบประ!โยซน่อะ!ไรจากการสอนนั้น กี่กอบว่าขู้ริบกำสอนเท่านั้น เองจึงจะ!ไต้ริบผลปรรโยซน่จากการสอน เมื๋อเขาไม่ริบฟิงไม่ปฏินัฅิกามแล้วประ!โยซน่ กี่ไม่เกิคแก่เขาเอง เหมือนกับทานอาหาร ใครทานไกรอํ่ม ผู้ใคทาน^นกี่ใค้ประ!โยชน่ จากอาหารเอง กระ!บวนการของผู้จะ!ไต้ริบผลจากกำสอนทางศาสนานั้นมื ๓ ขัน คือ (ร)) เข้าใจ (๒) ยอมร้น (๓) ปฏินัติตาม ฅ้องมทรบทั้ง ๓ ขั้นคือ ฅ้องเข้าใจในคำ(เอนอย่างขัคเจนถูกต้อง รูเ้ หฅมถ รู้วิธึการเป็นต้นแต้วยอมรับคำ(เอนนั้นต้วยใจ นำ มาปฏิบัติต้วยกายต้วยวาจาให้ถูก กับวิธการทเข้าใจ เมอครบทั้ง ๓ กร^บวนการนั้แต้วนลย่อมจiออกมาคืแนนอน หากขาคอย่างโคอย่างหนํ่ง ผลอาจไม่เกิคหรือเกิคในทางไม่มืประ!โยขน่กี่ไค้ ยกฅัวอย่างเช่น เข้าใจในกำสอนอย่างละ!เอยก รู้ทุกแง่ทุกมุม ทั้งยอมริบ ค้วยใจจริงว่ากำสอนทํ่รู้ทเข้าใจนั้นเป็นของคืจริง แกไม่เคยปฏิบัติกามอย่างทรู้นั้น เลย ทำ นองว่า \"รู้แล้วไม่ทำตามทั้รู้\" ผลจะ!เกิคกี่แกมความภูมิใจว่าตัวเอง \"รู้\" หรือ \"ฉลาด\" เท่านั้น เข้าทำนองลูกจ้างเล็้ยงโกนั้นแหละ: www.kalyanamitra.org พระธรรมกิดติวงศ์ I ๒๓๔
หรือบางกนปฏิบัติเหมือนกัน แฅไม่มืฅวามเข้าใจในสิงทํ่จะ:ปฏิบัติอย่างกพอ ปฏิบัติไก้กามทํ่เขาให้ทำ เขาว่าอย่างไรว่าห้วย ให้ทำอย่างไรทำห้วย ไม่รู้ห้นสาย ปดายเหตุว่าทำไปทำไม ปฏิบัติไปทำไม เซ่นนั้ก็่คกอยูในลักษณรงมงายไห้ง่ายแอะ: อาจปฏิบัติขิกทาง ทำ ให้เลัยเวลาเสืยแรงกี่เป็นไห้ ดังนั้น พร:!ฟานจึงเตือนไว้ว่าเมึ๋อจ^ทำอAtก็่ดู่ใ เข้าใจกT:เจ่างเ^ยก่อน แล้วทำฅามคัวยความเฅ็่มใจ คัวยความจ?งใจ ผลจึงจ^ออกมาตื ประ:โยซนทํ่จะ:ไกรับจากการปฏิบัติโกยกรง4งท่านประ:สงกี่นั้นกี่กือ \"ความ ระ:งบคบทุกข์ทังมวล\" โดย'อมซํ่งเป็นทํ่ห้องการของกนเรา กือกวามอยู่กมืสุข ปราศจากทุกข์โทษ ไม่นั่งร้อนนอนทุกข์นั่นเอง ประ:โยชนเหล่านั้แยกแยะ;ออกแล้ว กี่ไห้แก่พวกลาภลักการะ: ยศถาบรรกากักติ ทรัพย่สินเงินทอง ซํ่อเลัยงเกี่ยรติคุณ บริวารพวกพ้อง กวามเจริญก้าวหน้าในกำแหน่งหน้าทํ่ เหล่านั้แหละ;คือลังทกนเรา ห้องการ แดร:ประ:โยชน์เหล่านั้จร;เกิดมืได้ เพราะ;ปฏิบัติตามคำสอนทางศาสนา เท่านั้น ล่วนจะ;ไห้ประ;โยชน์Iห้ผลอย่างใกนั้นกี่อยู่ทึ๋การปฏิบัติหรือการกรร;ทำ เพราะ; การปฏิบัติกปฏิบัติขอบบางอย่างให้ผลทันกา บางอย่างให้ผลในโอกาสหนั่าภพหน้า ทํ่เป็นกังนั้เพราะ;กำสอนอันเป็นข้อปฏิบัติมืหลายร;;กับหลายชั้น กามกวามห้องการ ของกน ทางศาสนาบอกไว้ลรเอยค เซ่น ไกรอยากไห้ผลกอบแทนทันคาเห็่นกี่ห้อง ปฏิบัติธรรม (ทิฏฐธัมมิกักถประ;โยชน์) d ประ;การ คือ (๑) ขยันหนั่นเพยร รูจักแสวงหาทรัพยลันเงินทอง (tm) รู้จักเกบงำรักษาทรัพยสมบัติ (๓) รู้จักกบเพํ่อนทํ่ก มืถู่กรองทึ๋ด (<1) รู้จักไข้จ่ายทรัพย่ลันเงินทอง tomb i ไอฃ้อข้อง^^) www.kalyanamitra.org
d ประ!กฺารนปฏิบัติเมึ๋อใฅไค้ผดฌึ๋ซนั้น ไม่ค้องรอดึงภพหน้าชาติหน้า .ยกตัวอย่างมาพอให้เห็่นเค้าเท่านั้ หากจะ!ยกมา จงหมกกี่จะ!กลายเป็น ยกพระ!ไฅรปิฎกมาให้อ่านเป็นเล่มๆ 4งเกินวิตัยทํ่จะ!ทำไค้ และ!กี่จะ!เป็นการฅอบ ซาซากมากไปเพราะ!เกยกล่าวไว้บ้างแล้วในฉบับก่อนๆ ฃ้อนั้ขอจบเอาคั้อๆ เซ่นนั้แล. พระ!ศรวิลุทธิวงกี่ (ทองกิ ป.ธ.<๙) พระธรรมกิฅติวงส์ แ ๒๓๗ www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
ไขข้อIJOVใๆ เฅอนรธุนายน'ko^ilmo' นๆม่โศย... วนาร่โท ภํกธุ โบทณฟานกล'ๆวว่า \"พ^คอยู่ในโบสถ พT^ไม7กTธอยู่ในสr£ พรร ชอบฉรอยูในวัค\" นั้นทมายความว่าอย่างไร ช่วยอริบายไท้หายข้องใจคัวยคร้บ กำ โบราณทยกมาถามน ขมว่าท่านกง'ๆะ;กำมามิคเสียแถ้วกระ:มัง หรืออาจ จะไค้ยินเขาว่ามาอย่างนั้นจริงๆ กึ่ใค้ ถาไค้ยินมาอย่างนั้นจริง ก็่กงไค้ยินมาจาก กนปิจจุบันทขอบแปลงอารกำการฅ่ให้คูเปีนเรื่องสนุกๆ ทำ ให้ของเก่าเขาเสียไป กวามจริงเขาว่า \"พระค้อยู่ในโบสถ์ พระไม่โกรธอยู่ในสระ พระเสียสละอยู่ไนวค\" ไมใช่ หรือกรับ กำ ปริศนาโบราณกำนั้กมกายมิใช่เล่นทํเค้ยวละ เป็นการลอนกนทางอ้อม แถมวกมาสะกิกพระเข้าอ้วย เลยไค้สอนทั้งโยมทั้งพระไปพร้อมกน ทำ นองเสีย กระลนบัคเค้ยวไอ้นกลองตัวบังไงยังงั้นเลย www.kalyanamitra.org
กวามหมายซองปริศนานแบ่งไค้เป็น ๓ ท่อน ลือ ท่อนแรก \"พรร{ดอยูในโบสถ์'' ท่านหมายเอา \"พรรทุทธpj\" ว่าเป็น \"พรรด'' ลือพรรพุทธรูปนั้นท่านลืหลายอย่าง ถือเป็นองกแทนพรรสิมมาค้มพุทธเจ้า ทเคยว หากจรว่าคามตำราแล้ว กวามคฃองพรรพุทธรูปตามแบบองกจริงถืม ๓ ปรรการ ลือ (ร)) พรรกรณาคุณ พรรกุณกวามคทํ่มกวามลงสารต่อล้ฅวโลก มนั้า- พรรทัยเอื้ออาริต่อมวลมนุษย่ ทรงเลืยลลร เป็ยมล้นค้วยพรรกรุณา ขนล้ฅว่ให้พ้น จากห้วงนั้าลือทุกข โคยมิไค้ทรงกำนงถืงกวามลำบากพรรวรกายแม้แต่น้อย (ka) พรรบริคุทธิคุณ พระกุณแห่งกวามหมคจคในพรรทัย หมคกิเลส หมค ทุกซ์ ไม่ฅิคฃ้องอยู่ในอามิสค้วยประการต่างๆ ไม่ประพฤติลวงโลก ไม่ลำเอยง ทรง บริสุทธิผุคผ่องหาทํ่ตำหนิมิไค้ ทรงปฏิบัติบุ่งเพึ๋อให้อย่างเคยว มิไค้บุ่งฆลฅอบแทน (๓)พรรฮญญาคุณ พระคุณแห่งพระปีญญาครัสรู้ธรรมทถูกค้อง คาม กวามเป็นจริงคามธรรมคาของโลก ไม่กลับกลาย พิสูจนผลไค้ทุกเมื๋อ นำ ผู้ประพฤติ คามไหไค้รับผลจริงโคยไม่จำกัคเวลา เป็นกวามสว่างททรงฉายออกมาให้มวลมนุษย์ มองเหี่นทางตำเนินในวิถืซึวิฅและเพํ่อพ้นทุกขแห้จริง ค้วยกวามคทั้ง ๓ ประการนั้แล แม้พระพุทธองกจะเสคี่จปรินิพพานไป นานแล้ว ก็่ยังมผู้ทำรูปเปริยบเป็นองกแทนไว้ค้วยวัฅชุนานาขนิค เซ่น ไม้ ปูน หิน ติน โลหะ คลอคไปจนถืงทองกำ ซงเริยกว่า \"พรรพุทธรูป'' นอกจากทำไว้ เพึ๋อกราบไหว้บูขาแล้วยังเป็นการเลือนสติผู้กราบไหว้ หรือผู้พบเหี่นค้วยว่านั้ลือ รูปของพระค ลือย่างพร้อมมูล คทุกอย่าง สมกวรกราบไหว้ สมกวรนำไปเป็นแบบ ฉบับหรือนำให้เกิคสติ ให้ระลกถืงกวามชั่วกวามผิคของคนเองไค้ เริยกว่าถ้าจะหาพรรคหรือหาคทํ่พรรก็่ต้องไปหาทํ่พระพุทธรูปกันว่างั้นเถอะ ๒๔๐ I ไฬ้อฃ้อง ริจํ www.kalyanamitra.org
กราวนั้^มาว่าคามกๆามเห็่นของขมบ้าง ทํ่กนโบราณฟานบุ่งมาทํ่พรรทุทธรป ในโบฟ้ถ์ว่าเป็นพระตนั้น กงบุ่งเอาพระประธานในโบฟ้ถ์ ทั้งโบฝ็ถบ้านนอกในกรุง ทั้ง โบศถวัคราษฎรวัคหลวงโคยเฉพาะมากกว่า ทํ่บุ่งเอาเซ่นนั้กงเป็นเพราะว่ากว่าท่าน จะไค้มาประทับเป็นพระประธานในโบสกแค่ละโบสถนั้น ท่านต้องผ่าน \"ทัลยกรรม\" มามากพอสมกวร และผ่าน \"กรหธรรม\" มาอย่างโชกโซน ^ลยกรรม ก็่คือการผ่าตัดตกแต่ง ครพธรรม ก็่ทอการตำหนิฅิทิง เวลาซ่างเขาปันหรือหล่อพระพุทธรูปนั้น เขาค้องใขtเมืออย่างประณคบรรจง เป็นพิเศษ ทำ ค้วยสมาธิจิฅ ใช้เวลาก่อยๆ เติมแก่ง ครงไหนเว้าไปก็่ปะให้เค็่ม ครงไหนนูนก็่ขัคหรือฅัคออก ฅรงไหนไหtyเกินไปเล็่กเกินไปก็่ทำให้พอคสมทรง ทั้ง ในเวลานั้นจะค้องมืกนมากอยติ กอยให้กวามเหี่นค้วย ครงนั้เลี่กไป ตรงนั้อย่างนั้น ฅรงนั้นน่าจะเป็นอย่างนั้ พระพักค!ไม่ยมบ้าง พระเนครไม่เท่ากันบ้าง สารพัคจะติ ซ่างค้องอารมณเย็่น คัคแปลงไปคามกำติหรือคำหนี ทำ ใจร้อนไมไค้ ทั้งค้องคามใจ ขู้คำ หนีค้วย เพื่อไห้ใค้ผลงานทึ๋ประณึฅเพราะเป็นทํ่กราบไหว้บูขา ในเวลานั้นจะมา มัวกลัวบาปกลัวนรกกันจนไม่กล้าติไม่กล้าให้กวามเห็่นไมไค้แล้ว กังนั้น จึงมืกำกล่าวไว้ว่า \"พระพุทธรูปทงามทสุดคือพระพุทธรูปทถูก ตำ หนีมากทพุค\" และว่า \"พระพุทธรูปพื่ไม่งามคือพระพุทธรูปทไม่ผ่านการตำหนี เลย\" เที่จจริงอย่างไรไม'รับรอง ทั้งเมอประทับเป็นพระประธานในโบสกเรืยบร้อยแล้ว ขาวบ้านขาวเมืองมา กราบไหว้กันแล้วกี่จะเงยหน้ามององก่พระมองพระพักฅรพระกัน ถ้าเป็นพระงาม เขากี่จะชึ๋นชมยินคเอ่ยปากชมว่าซ่างงามเกิยนํ่กระไร ถ้าเป็นพระไม่ก่อยงาม แม้เขา จะไม่เอ่ยล่วนทมืคำหนีออกมาทางปาก แค่ใจกี่ต้องกิคบ้างว่าไม่สมล่วนบ้าง แขน ใหญ่กว่ากันบ้าง คาเล็่กบ้าง หน้ายาวบ้าง สุคจะกิค ค่างกนค่างมองจึงค่างกนค่าง เห็่นช้อบกพร่องนั้นๆ พระธรรมกิดฅิว!]^ 1 ๒๔๑ www.kalyanamitra.org
แม้เราเองก็่เหมือนกัน บางทณคยคิตเช่นนั้น ถึงกรรนั้นก็่ตาม พรรพุทธรปกลับหนักแน่นคเหลือเกิน ช่างจะตัคต่อแต่ง เติมอย่างไรกี่เฉย จะพลิกกวํ่าพลิกหงายกี่เฉย ไกรเขาจะซมกี่เฉย ไกรเขาจะนินทา คังๆ หรือในใจกี่เฉย สงไค้ทงนั้น ยมรับอยู่อย่างนั้น ไกรจะกราบกี่ไค้ไม่กราบกี่ใคั สวมรองเท้าถอครองเท้าอยู่เบองพระพักฅร์กี่เฉย นั้ ท่านค้ฅรงนั้ ค้ฅรงทํ่เฉย มอารมโนหนักแน่น ไม่เอนเอยงไหวติงไปกับ ลมปากของกน ขิกกับกนเรา พอมกนเขาขมเข้ากี่แทบจะสอยติคเพคานทเคยว แม้จะรู้ว่า ทํ่เขาซมนั้นบางทกี่ไม่เป็นกวามจริงเลยจนนิคเคยวกี่ตาม แต่พอถูกตำหนิบ้าง แม้ จะรู้เกี่มอกว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นจริง แตกยังคั้อคึงเถึยงไปข้างๆ กูๆ หรือพาล พาโลโกรธเอาเลืยเลยกี่ม พิลืกกนจริงๆ ถองทำอย่างพร:;ดั๋ในโบ(fถตูบ้างเป็นไร ใครชมก็่ช่าง ใครนินทากี่เฉย ทำ ตัว ให้หนักทำใช่ให้แน่นในอารมฌเฉย (อุเบกขา) ไม'หลงปากคน ไม่หวั่นไหวไปตามคำ ชมหรือคำติเตยนจนไม่เป็นอันทำอปรเลย หากเบ้าแต่นั่งนึกนอนคิดอยู่กับคำเหล่านั้น จ:;หาความยู่ชได้แต่ทไหนกัน ต่อไปทว่า \"พระไมโกรธอยู่ในสระ\" หมายเอา \"พระคงคา\" หรือ \"พระ วาร\" กี่กือ \"นา\" ในสระนั่นแล้ว นั้านั้นมค้หลายอย่าง แต่อย่างทํ่ค้มากกี่กือโกรธไกรไม่เป็น ไกรจะตักไปอาบ ไปคํ่มกี่ช่าง ไม่โกรธ ไกรจะตักไปรกต้นไม้ ไปล้างของสกปรก ล้างล้วม กี่ไม่โกรธ ไกรจะทงของสกปรก ทงของเน่าเหม็่น เศษขยะ ศพกน ซากลัตว่ หรือเทอุจจาระ ปิสสาวะลงไปกี่ไมโกรธไม่ว่า รับไวทั้งนั้น แม้ถูกกระทำยายจนกลายเป็นลืตำ เหมื่น เน่า ส่งกลํ่นกล้งไปหมคกี่ยังไม่โกรธอยู่นั่นแหละ ติจริงๆ 1 ๒๔๒ I ใฬอข้อป๋ ริจ่ www.kalyanamitra.org
ลองเป็นฅนคูมั่งสิ ไม่ฅ้องถึงกับเอาเศษฃยรไปทิ้งทึ๋ฅัวหรอก แกมกนทิ้วฃยร เกินผ่านให้เห็่นหรอใหไค้ถลนเท่านั้นกี่เค้นเป็นเจ้าเข้าแล้ว อาจค่าทิ้งฅ่อหน้าแลร ลับหลังนับไค้หลายกระบุงโกยเป็นของแถมค้วยชํ้า ฅรงนั้ฅนโบราณท่านเตือนไ^ห้ฅิฅว่า ให้เอาอย่างนํ้า^ นํ้าไม'โกรธใครเอย แล้วนํ้ากี่ยังอยู่ในโลกไห้อย่างอบายๆ กนเรากี่เหมือนกัน เมํ่อถูกขยะจากปากกนกือกำค่าเข้าบ้างกี่ใม่กวรโกรธ พระท่านว่าเวลาจะโกรธไกร ลองถามตัวเองคูทหรือว่าโกรธทำไม โกรธแล้วไค้อะไร ทิ้เป็นส่วนคฃนมาบ้าง เราโกรธแล้วเขาเกือกร้อนค้วยไหม เขาเจ็่บเขาชํ้าคามทิ้เรา กิกให้เขาเป็นหรือเปล่า โกรธเขาแล้วตัวเองเป็นสุขกระนั้นหรือ หากไต้คำตอบว่า โกรธมันเถึยไต้ ค่อยศบายใจขํ้น กี่ค้องถามตัวเองค่อไปว่าสิบายใจขนจริงหรือ สิงทิ้ไค้มาจากกวามโกรธมัน เป็นกวามสุขใจจริงหรือ เหมือนกับการเกาแผล เวลาเกาคูเหมือนจะมืกวามสุขถึง กับซกปาก แค่พอเกาเฝ็รี่จค้องหายามาใส่แผล รักษาแผล ซับเลือกกันก่อไป มั่น นันสุขจริงหรือ สุขเกิคจากการไม่โกรธกับสุขเกิคจากการไคโกรธเหมือนเกาแผล อย่างไหนจะกืกว่ากัน ท่อนสุกท้าย \"พระเลืยสลร!อยูในวด\" นั้นหมายกวามว่า เป็นพระอยู่ในวัก ค้องเป็นนักเลืยสิละ เลืยสิละทุกอย่าง ละทุกอย่าง ทิ้งแค่อารมณทํ่ไม่กื กิเลสินานา ประการ กลอกไปถึงวัฅถุอามิสิค่างๆ ไม่เป็นนักสิะสิม ค้องเป็นผู้ให้มากกว่าเป็น ผู้รับ ทำ ประโยซน้!ห้แก่ลังกมกามหน้าทิ้ของพระ หากไม่ทำตังนไซร้กี่จะโกนประขคเอาว่า \"พรร!ชอบฉร!อยูในวัค\" กือเซาจะ เห็่นว่าบวขมาเป็นพระอยู่ในวักแล้วมืหน้าทิ้ ๒ อย่างกือ กิน กับ นอน จนกลาย เป็น \"นางกินนร\" (อ่านว่า กิน - นอน) กี่เป็นกำประซกอกแหละ กินนอนเฉยๆ กี่เจี่บพอกวรแล้ว นเล่นเติม \"นาง\" ไว้ข้างหน้าเข้าค้วย มันเจ็่บ เข้ากรร!ดกคำเชยวนร!ท่านนร!! พระสรรมกิตติวงศ์ แ ๒๔๓ www.kalyanamitra.org
ถาม คนานเขาว่า \"ทำบุญเสิยฟถ่า ไหว้เจ้าคั๋ฑว่า กลับมาไค้กิน\" น0ะ ซ^จุบ้นทนไทยก็่มองอย่างนั้นกันมาก เพทะเขาเห็่นว่าทำบุญแล้วไม่เหื่นไค้อรไร คอบแทน ขอไห้ช่วยอธิบายค้วยว่า หากถูกถามอย่างนั้จรตอบเขาอย่างไรค iSM แม้ผมเองกึ่เกยไค้ยันมาอย่างท่านเหมือนกัน แอ;กนทํ่ว่ากื่มักเมืนกนไทย เสืยท่านมาก กนจั๋นเขาเสืยอกไม่เหื่นว่าอ;ไรเลย หรือเขาก็่ว่าแก่เราไมไค้ยันก[ม่รู้ ข้อนั้ถ้าจ;หวังผลกอบแทนกันแก่ \"ไค้กิน\" แล้ว ไหว้เจ้าย่อมกกว่าแน่นอน เพรา;ทำไปไหว้เท่าไรก็่เอากลับมากินไค้'เท่านั้น เป็นแก่รสชาคิอาจเปลบนไปบ้าง เพรา;มันเย็่นช่ค ท่วนการทำบุญกับพร;เป็นการให้เลย กน \"ไค้กิน\" กือพร; ไม่ใช่ ผูให้ มันเลยกลับกันเส์ย กือไหว้เจ้า เจ้า \"ไมไค้กน\" (ของนั้น) แก่กนไหว้!ค้กิน ท่วนทำบุญกับพร; พร;ไค้กิน (จัน) กนทำไมไค้กิน กลับตาลปิฅรอย่างนั้ กังมิ้ม หากเซา'ๆ::หวังนถ■vากกาTทำบุญเพยงแค่ \"ไตกิน\" ถัาทำแล้วไมไต้ ป็นก็่ไม่ยอมทำ อย่างนก็่ปล่อยเขาไปเถธรท่าน ลองไปถามกนจนคูเถิค ทเขาไหว้เจ้านั้นเขาหวังผลอย่างอํ่น มิไค้หวังเพํ่อ จ;นำกลับมากิน การไค้กินเป็นผลพลอยไค้เท่านั้น หากหวังจ;ไค้กินแล้ว เรื่องอ;ไร จ;ค้องเกิยเวลาแบกหามไปไหว้กันก่อน ล้ทำ กินทบ้านแล้วนั่งกินให้สบายมิค้กว่าหรือ จ;ให้ร้อนให้อร่อยอย่างไรกึ๋ไค้ การทำบุญทไค้กินกี่มื เช่นไปทำบุญทวักในเทศกาลส์ากัญ อาหารจ;มื เหลือมากมาย พร;จันไมไหว ลูกกิษบกี่กินไม่หมก ญาติโยมกี่ค้องฉลองศรัทธาพร; กันคามธรรมเนยมเพอมิให้ข้าวของเลืยหาย ติกว่าทงชว้างให้บูฅเน่าเหมื่นกลบวัค ททำบุญแล้วไค้กินอย่างนั้กี่มื แล;ไม่ต้อง \"กลับมา\" เลยกี่ไค้กินแล้ว แก่การไค้กินอย่างนั้เป็นผลพลอยไค้ เป็นผสทผ้ทำบุญเองกี่มิไค้หวังตั้งใจ มาก่อนว่าททำไปนั้จ;ไปกินทวัค ทไค้กินเพรา;ของมันเหลือ ถ้าไม่เหลือกี่มิไค้กิน หรือถ้าทำบุญทํ่บ้านกี่มักไค้กินกันทั่ว เว้นแก่ทำบุญกักบาครในคอนเข้าเท่านั้น รง ท่วนมากมิไค้กินค้วย พร;ท่านนำไปวักหมค ๒๔๔ I ไขธ้อธ้อง% www.kalyanamitra.org
หรือหลังจาถฅักบาดรแล้วใครจรคามไปคยกับพรรทวัคก็่อาจไท้ทินเหมือนกัน กนทํ่พูคออกมาว่า \"ทำบุญเ^ยเปล่า ไหว้เจ้าดกว่า กลับมาไท้กิน\" นั้น เพราร:เขามุ่งผลฅอบแทนจากการทำบุญเป็นสิงของเป็นวัฅถุหรือเป็นอย่างอํ่นทํ่มอง เห็่นในทันทํทันใค กือฅ้องการผถอานิสิงส์ทันฅา เหมือนกับไหว้เจ้าชงพอไหว้เสิร็่จ ก็่ไค้กินเลย เมึ๋อบุญไมให้ผลทันฅาทันไจก็่เลยเกิคกวามกิคว่ากงจะ:ลูญเปล่า ไม่เหี่น บุญไห้ผลอะ:ไรเลย เกยเป็นอยู่อย่างไรก็่เป็นอยู่อย่างนั้น เกยจนอยู่อย่างไรกี่จนอยู่ อย่างนั้น เกยทุกข์อยู่อย่างไรกี่ทุกขอย่างนั้น ไม่เห็่นจะ:รวยกักทํ ไม่เห็่นจะมืลุฃกักท หนักเข้าๆ กี่กิคว่าไม่เหี่นจะ:ถูกหวยรวยรางวัลใหญ่กักท เมํ่อขิคหวังบ่อยๆ เข้า กวามกิคทว่าทำบุญเสิยเปล่าเลยพอกพูนทุกทจนกระ:ทั่งเฃี่ดบุญ ไม่อยากทำบุญไป เลยกี่มื น่าสงสารแท้ๆ เชยว! น่าปงปารทเชาดราคาบุญเป็นเงินเป็นทองเปีนวัคกุไปเกิย นึกว่าบุญต้องให้ ผปเป็นเงินเป็นทองเป็นปมบัติบุกครั้งไป คงจรนึคนอกจำนวนมิใช่น้อยทตราคาบุญ ปรรเมินค่าของบุญไว้แค่น กวามจริงบุญประ:เภททํ่กล่าวมาข้างกันทั้งหมกนั้ หมายถึงบุญจากการไห้ ทานอย่างเคยว บุญประ:เกทอนมิไก้โยงไปถึง เพราะ:พูฅถึงการไห้ทานเป็นกาทถึย จึงว่าพูคถึงบุญประ:เภท \"ทาน\" เท่านั้น บุญปรรเภทนึ๊ให้นถมิใช่เป็นวัฅกุเป็นทรัพยปมบัทิปรรเภทเงินทอง แค่เป็น ความปชใจ ปบายใจ ความโล่งใจ ความหมดห่วงกังวตว่าไต้ทำแล้ว ไท้ให้แล้วหรือ ไต้คอบแทนท่านแล้ว ไต้บูชาคุณท่านแล้ว ความปุชทํ่ว่ามาน็้เกิดมาจากกาTปล่อยวาง ความครรหน ความหวงแหน ความเห็่นแก'คัว หรือความโลภคิดแค่จช่ไต้น่ายเดยก โดยไม่ยอมเท้ย การรู้จักวาง รู้จักเนึยหรือรู้จักปลรบ้าง แล้วยอมเนึยยอมปตiasวาง ไต้เช่นนย่อมทำใหใจเบาบางจากกิเลปทึ๋เการกุมหนาแน่นไต้บ้าง ทำ ให้ใจโล่งไปไต้บ้าง เมือใจเบาบางลงเช่นนิ้ ใจก็่เกิดความปบาย ไม่อดอัด เกิดความปุชทหาไต้ยาก หมด กังวลไท้จั่วคราว พระธรรมกิตติวป๋ศ์ I taaTdr www.kalyanamitra.org
ความสุขใจสบายใจทว่ามานแหลรคึอคัวบุญลร! แลร!เ!เนผลของบุญด้วย 4งเ!แนผลแท้จริงทยู้ทาด้องการจรใค้ทเ มี่ใช่แคได้กินเท'านน ผู้ทำ บุญค้วยกิคว่าบุญจะ!ต้องออกมาในรูปสมบัติเงินทอง จึงบักจะ!ผิดหวัง เอามากๆ เพราะ!ทำบุญไม่ถูกบุญจริงๆ ทำ บุญด้วยหวังลาภยศหวังรวยเซ่นนเท่ากับ เพั๋มกิเลสใหใจ ทำ ให้ใจหนักเข้าไปอก ใจเลยขาคอิสระ!มากขั้นเพราะ!กวามไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักยับยั้งของเจ้าของใจ ความทุกฃเลยติดดามไปเรึ่อยๆ ไม่มี่วันสันสุด ผู้ทำ บุญ ในขณะ!ทำบุญควรรู้จักพอ ดัดใจเสิยสละ:ของทํ่ทำบุญไต้เค็่คขาด ไม่คิดเกิยดายอิกแล้ว เซ่นนเ!เนการทำบุญทบุ่งกำจัดทุกฃ กำ จัดกิเลส เพราะ!ทุกข์ ส่วนมากนักเกิดมาจากความไม่พอ แค่สุขนั้นเกิดมาจากความพอเป็นหลัก ดังทํ่ทมี่ ผู้กล่าวเป็นคติอันแยบคายไว้ว่า \"รู้จักพอ ก่อสุขทุกสถาน\" หากจะ!ถามค่อไปว่า หากทำบุญไม่หวังรวยไม่หวังลาภหรือทรัพยสินแล้ว จะ!ทำไปทำไม กี่ต้องฅอบว่าลาภ ยศ ทรัพย์สินเงินทองจะ!เกิดมาไต้จากความขยันหมั่น- เพยรจากการรู้จักหา รู้จักไข้ รู้จักประ!หยัดเกี่บหอมรอมริบไว้ รู้จักคบคน รู้จักทำ ประ!โยซนั!ห้ลังคม เป็นต้น เซ่นนั้ค่างหากทเป็นปอเกิดของลาภยศทรัพย์สินเงินทอง และ!การทำเซ่นนั้จัดเป็นการทำความอิดามหลักพระ!พุทธศาสนา แค่มิใซ่เป็นการทำบุญ การทำบุญทแท้จริงกี่กือการทำเพอสละ!ละ!วางกิเลสเพึ๋อกำจัดอาสวรให้หมด สันไป เพึ๋อให้จัดใจสะ!อาดปราศจากมลทิน ให้หมดความเห็่นแก'ดัว ความคระ!หนั้ ความใจแคบ เป็นต้น ผลทออกมาคือความสุขใจอันยอดเยยมชงไม่เหมือนความสุข เกิดจากรูป รส กลํ่น เสิยง ลัมยัส ขั้งเป็นความสุขอมความทุกข์ หรือความสุข ทึ่ปกปิดความทุกข์ไว้ ชงพอความสุขคลายออกหรือหนจากไป ความทุกข์กี่จะ!โผล่ ออกมาสลอนทิเอิยว ทำ บุญเพํ่อกำจัดกิเลศอย่างนั้จึงจะ!ถูกบุญแลรไต้บุญจริง ๒๔๖ ไจข้อจ้องริ'? www.kalyanamitra.org
ตาม ผมเคยไห้ปีนหนเก่าๆ เขา^คกันว่า \"(เคนทาม ((ามคนนท' คนทนึ่งนั่ง แคr (/องคนคามทกัง\" แค่มิไคับอกว่าคืออilr ผมจงฃธเfยนถามมาเนึ่อใท้ช่วย ธแจงว่าคืออช่โรบาง กำ ว่า \"สิคนหาฆ ฟึามคนแห่ คนหนงนั่งแคร่ ฟึองคนคามหคั'ง\" นฟ้น กำ ฟ้อนหรือเป็นปริศนาเตือนใจกนคามแบบของโบทณ ท่านเตือนให้นกถงสิงขาร ร่างกาย ยมไค้ฟ้อบถามกนเก่าๆ แค้าท่านว่าปริศนานั่ท่านเขยนไว้มรูปสิกษณะเหมือน กนยืนอย่างน' นธ นอ นอ นอ นอ คูนฟ้ว่อ่านไค้ว่า นอหาม สามนอแห่ นอหนงนั่งแคร่ สองนอคามหอัง\" \"นอ\" จะหมายถื้งอะไรไม่ทราบ แค่ผมศิตว่าอาจย่อมาจาก \"น.นาย\" กึ๋ใค้ ขึ๋งอาจผิฅกึ๋ใต้ ใกรรูขวยบอกกล่าวต้วย นกว่าเอาบุญ บาว่ากวานหมายกันตกว่า \"ส์คนหาม\" หมายกวามว่า ร่างกายกนเรานั่มื \"ธาตุ^\" กือ ติน นั่า ไฟ ฟ้ม รวมคัวกันกอยหามกอยประกองพยุงไว้'อยู่ หากธาคMแยกกัน ไม่รวมคัวกัน ไม่ยอมหามไม่ยอมประกองไว้แล้ว ร่างกายนกี่แตกคับไป เซ่น ล้าธาตุคินบางล่วน ไม่ทำงาน เป็นต้นว่าผมไม่งอกออกมาบ้าง เนอเกิกงอกผิคทํ่บ้าง กระคูกเกิตหักบ้าง แก่นั่กนกื่จะคายกันแล้ว \"สามคนแห่\" หมายกวามว่า ร่างกายเรานนอกจากถูกหามต้วยธาตุทั้งสิ แล้ว ยังมืขรากวามแก่ พยาธิกวามเจ็่บ แฟ้ะมรณะกวามคาย รวมฟ้ามอย่างกอย พระธรรมาฅคิวป้ศ์ แ ๒๙๗ www.kalyanamitra.org
แห่ล้อมหน้าหลังอยู่อก 1หมือนนักโทษมาฅรา 1๓๑ ถูกหามไปยู่หลักประหาร ถูก เจ้าหน้าทึ๋กอยกวบกุมฅัวระวังอยู่ทุกค้าน จะวั๋งหนัไปทางไหนก็่ไมไค้ฉะนั้น ทิคคูเอาเถิฅ เกิทกันมาทั้งทึก็่เหมือนกับimโทษ เจ้าชท เจ้าพยาริ เจ้า มรณ£ กันแห'ห้อมรุมล้อมอยู่เปีนนิจ ไม่เคยปล่อยให้คลาค({ายฅาเตย ไปไหนไป ห้วย แม้จ£เข้าห้องนํ้าห้องล้วม แม้จ£กิน ปีน เคิน หรือนอน กันกึ๋ไปห้วยทุกลม หายใจ ยํ่งกว่าคุมกักโทษเปียอก ไม่ยอมให้อปรเล่รืแม้แค่วินาทเคยว พลาคท่า เปียทเปีนเล่นงานเมอนั้น เจ้าชราปรากฏโจมอยู่ทุกวัน ยํ่งอยู่นานยํ่งกุกกามมาก แม้จะมอถานทํ่ส์าหรับ \"ซะลฺอความแก่'' กือร้านเสริมอ'ไยมากมาย กอยก่คกันมิใหัเจ้าชราปรากฏโจม ออกมาก็่ฅาม มันกี่ยังไม่ยอม ยังคันทุรังโผล่หน้าออกมาให้ชาวม้านเห็่นจนไค้ ไม่โผล่ มาทํ่ผมกี่ทํ่ฟ้น ทํ่หนัง ทอายฅา ทํ่มือ หรือทํ่เห้า หนักเข้าโผล่มาทั้งคัวเอย เจ้าพยาธิกี่ไม่ยอมน้อยหน้า พลาคพลั้งมิคหน่อยกี่ระคมกำลังจูโจม พอเข้า กวบกุมอถานการโน!ค้กณะหนง พวกพ้องบริวารอกหลายกณะจะคามมาเป็นพรวน แม้จะมโรงพยาบาลหรืออถานชะลอพยาธิกวามเจ็่บไข้มากมายชํ่งเฅี่มไปค้วยแม่ทัพ นายกอง (นายแพทย์และพยาบาล) และอา'ไธ (ยาและเวชกัณฑ) หรือแม้จะมือถาน ชะลอกวามเจ็่บทั้งเถื๋อนและไม่เถํ่อนช่วยกันอย่างแขี่งชัน เจ้าพยาธิกี่ไม่หวั่นพรั่นพรืง ลักมิค ยังจูโจมเข้าถึงไค้ทุกเมํ่อ ชอให้เผลอเท่านั้น นเจ้าชรา เจ้าพยาธิ และเจ้ามรณะมันกอยแห่ห้อมอยู่อย่างนั้ แล้วกนเรา จะเอากวามอุชมาแฅ่ทํ่ไหน ผู้จลาคเท่านั้นอาจหาไค้ \"คนหนงนั่งแคร่\" หมายถึง ใจชงเป็นนายชองกายนั่งอยู่ฅรงกลาง ใจ ทำ หน้าทํ่เป็นเจ้าแผ่นกินปกกรองปฐพกือกาย มืนาม'าา \"พระเจ้าจิตราช\" มือำ มาคย์ พวกพ้องบริวาร (ไค้แก่ เจฅสิก) มากมายทำหน้าทํ่เป็นทํ่ปรืกษา ถวายกำแนะนำ อำ มาฅย์บางพวกกี่แนะนำให้ทางทกิ (โอกณเจตลัก) บางพวกกี่แนะนำทางทํ่เถึย ๒๔๘ I ไโ)ฃ้อฃ้อง'ริ'?.) www.kalyanamitra.org
{อกุศลหเคสิก) กราใคพรรห้าจิตราซส์อคำนนรนำของอำมาฅย์ฅ บ้านเมืองกี่พลอย _ร่มเย็่นเป็นสุข กราวใคทรงเซํ่ซอำมาตย์ชั่วต้วยพรรทัยเบา บ้านเมืองกี่เกิคกุกเฃี่ญ ประขา^ณคึอคร้อนไปทุกหย่อมหญ้า พระเจ้าจิตราขมือำนาจมือิสรรเป็นใหญ่อย่างน พวกจิงฅ้องจ้คแกรใหนั่ง กอยหามกอยแห่กันไป \"สองคนตามหลง*' ไค้แก่ สิงทึ๋จะฅิคตามขบวนไปไค้ ชั่งมื ๒ อย่าง กือบุญและบาป หมายกวามว่าเมึ๋อพระเจ้าจิตราขเดินทางไปไหนต่อไหน เจ้าบุญ กับเจ้าบาปจะติคตามไปเหมือนเงาดิคตามตัว เวลาไป (คือตาย) อำ มาตย์พวกพ้อง บริวารและทร้พย์สมบัดิหาดิกคามไปค้วยไค้!ม' แต่เจ้าบุญกับเจ้าบาปเขาเก่ง เขา ไปค้วยไค้ หากว่าทรงสนิทริเคชอบค้นเกยกับเจ้าบุญ เจ้าบุญกี่ตามไปอย่างใกล้ชค หากว่าทรงสนิทกับเจ้าบาปมากกว่า เจ้าบาปกี่จะเสนอหน้ากอยรับไซ!กล้ซค เริยก ว่าทั้งสองนกอยสนองรับไซ!กล้จิคบาทมูลกันเลยล่ะ ตังนั้น ห่านจึงเขยนกลอนไว้สอนไจอย่างน่าพ้งว่า ยศและลาภหาบไปไมใต้แน่ ฬ้นเสิยแต่ต้นทุนบุญกุศล ทั้งสมบ้ติทั้งหลายไต้ปวงชน ร่างของตนเขายงเอาไปเผาไฟ ฯ รวมกวามแล้ว ปริศนานั้กี่เพึ๋อเสือนกนไมให้ประมาทมัวเมาไนวัยไนจึวิค นั่นเอง เท่ากับว่าไห้ทุกกนมองตัวเองกูว่าเวลานั้เราแย่แล้วนะ ถูกหามถูกแห่ห้อม ไปเรึ๋อยๆ ไกล้ถงจุกเข้าไปทุกวันๆ แล้ว อย่ามัวนั่งเอ้อระเหยลอยขายอยู่บนนกร่ สบายๆ จะไห้!กรกามไปรับไข้!กล้ชิกกี่ริบกักริบเลอกไว้เล้ย อย่าไห้หมกเวลาไป โกยไร้ประโยขน่ ซักข้อมกับผู้รับไข้ (นายบุญหรือนายบาป)ไห้คไห้นานๆ เวลาไป ประจญจึวิตไนโลกหน้าจะไก้รับไซ!ค้ถูกและรับไซ!ค้นานๆ ท่านเสือนเรามาอย่างนั้กี่นับว่าเป็นบุญทํ่ท่านยังอุฅล่าห่เสือนไว้ เมึ๋อท่าน เสือนแล้ว กี่มาถึงตาเราบ้างละ จะค้องเตือนตัวเราก่อน หากไน่เตอน ต่อไน่!กร เขาจะมาเสือน กี่เหมือนกับคำกลอนทว่า www.kalyanamitra.org พร:&ร?มกิฅฅิวงศ์ I 10๙๙
จงเตอนตนของฅนให้พ้นผค คนเคอนจิตฅนไค1ครจะเหมือน คบเตอนตนไมไคLครจรเคอน คนแชเชอนใครจรเตือนให้ป่วยฑาT ฯ tinllla msnทรเจ้าท่านตTสรู้ค้วยคนเองทfอใคTIปีน^สอน ถ้าท่านหTสรู้จ้วย ฅนเองจfงแถ้วท่านรู้อร่โร ใคท^นพยานหลักฐานในการตจ้ส^องท่าน โปรด อธิบายด้วย ในตำนานUPรเรองราวทางทุทธศาcfนาทึ่เกยวกับพระประวัฅิฃองพระพุทธเจ้า ทํ่ตืกษากันมาแค่โบราณค้วยการท่องจำคัวยปากทเรยกว่า \"มุขปาฐร'' หรอ \"มุขบาฐ\" ก็่ก ทมืปรากฏในกัมภรทเรยกว่าพระใครปิฎก ชํ่งถูกจารกไจ้เป็นตาย อกษณอกษรแอ้วกี่ฅ ปงไวซัคเจนว่าพระพุทธเจ้าครัศรู้คัวยพระองกเองโฅยตำพัง จนซาวโลกขนานนามพระองกว่า \"อ้มมาสิ'มพุทธะ\" ซงแปลว่า ยู้ครtfรู้[คยชอบ tJ J ควยพรรองคเอง พระอรรถกถาจารยหรืออาจารยยู้แค่งกัมภรอธิบายพระพุทธพจนภายหกัง จากเลคื่จปรินิพพานแล้วไค้อธิบายกำว่า \"ห้วยพรรองคเอง\" ไว้ว่า \"ตรัส^คย มไห้มืไครมาบอก มิไห้นใครสิ'งสอนแนรนำในสิงทตรัสรูนนเสย\" หากจะย้อมภพา พร:พุททจ้าก่อนฅ?สรู้ปีไค้ทรง^กยา'รากใครเตยmธ อยู่ๆ ก็่ฅรสทู้องโคยเกิคปีญญาเธงเข่นนั้นหรือ ฃ้อนโปรกทำกวามเข้าใจกักเต็่กน้อยก่อน กือกามกวามเป็นจริงนั้นก่อนท พระองกํจะครัลรู้โก้ทรงเกยไปตืกษาเล่าเรืยนจากนู้อนมาอย่างซาซองจากหลายกรู หลายอาจารย่ ทปรากฏนามก็่มืคาบศ ๒ว ท่านคืออาพัารกาบศกับอุททกกาบศ แค่กวามรู้ทไก้จากอาจารย่เหล่านั้นทรงเห็่นว่ามิใซ่ทางบรรลุโมกซธรรมคือกวาม พ้นทุกซ มิใซ่สิงททรงประฟ้งกํ จึงไค้อำลาอาจารย่เหล่านั้นมาทคลองปฏิบัติก้วย พระองกํเอง โกยทรงบำเพ็่ญเพ้ยรทางจิกเพํ่อให้เกิกปิญญา ในทํ่ลุกกึ่ใคักริสรู้กือ ใใเธ้ออ้องรืจ/ www.kalyanamitra.org
ไค้ก้นพบทางทฅ้องการกือสิ'จธรรม อันเป็นหสิกกวามจริงททำให้บรรลุโมกขธรรม อังกล่าวมาแก้วในข้อค้น แลร:ข้อเที่จจริง พรรปิญญาฅรัลรู้ของพระ:พุทธเจ้ามิใซ่อยู่ๆ ก็่เกิอเองเหมือน กับเปิคลวิฅข้Iฟประ:เภทเปิดปึบฅิคปิบ ทํ่แท้พระ:ปิญญานั้นใค้ทรงสิงลมอบรมมาดลอด หลายร้อยหลายพันซาดิ โดยเฉพาะ:ในซาฅิฅรัลรู้กื่ทรงอบรมปมเพาะ:ปิญญาให้เกิด นับแต่เลค็่จออกจากเมืองกบิลพัลดุแก้วทรงถือเพศเป็นนักบวช ถืกษาก้นกว้าจาก สืานักอาจารยต่างๆ บ้าง ทดลองดามวิธการของพระ:องกเองบ้าง ใค้ผลเป็นทน่า พอพระ:นัยบ้างใมไค้บ้าง แต่สิงทเกิดจากการทำเซ่นนั้นกือกวามชำนาญทลนัยใหม่ เริยกว่า \"เกิดประ:ศบการณ์\" ขั้นมา ประ:ลบการณ์นั้นๆ ก็่ก่อยๆ ปมนัวมาเป็น ปิญญาขั้น ใหรู้ว่าอะไรถูกอะ:ใรผิด อะไรดกวรทำ อะไรเสิยกวรเว้น ปิญญานั้นเมํ่อ เกิดมากขั้นๆ ดามอำนาจการปมตัว ก็่ทำ ให้เกิดแลงลว่างภายใน มองอะไรทะลุ ปรุโปร่งไปหมด สิงทํ่ยังไม่เกยรู1ดรู้ สิงทยังไม่เกยเห็่นไค้เห็่น ภาวะเซ่นนั้แหละทํ่ เริยกว่า \"ตร้สรู้\" ครูใหญ่ของพรรพุทธเจ้าคือธรรมชาติรอบๆ กาย กระ:แสนํ้า ป๋าไม้ ภูเขา ท้องทุ่ง ต้นไม้ ใบหญ้า รวมไปถืงก้อนกรวด ก้อนดินและ:ทุ่ยเมฆ ทุกสิงเป็นครู ของพระ:องค์ทั้งนั้น คือพระ:องค์ทรงคืกษๆธรรมชาติของสิงเหล่านั้อย่างดร:เอยค ลออทุกแง่ทุกทุม แล้วทรงคืกษาธรรมขาคืในร่างกายของคน ทรงแยกแยะ:ออก ไท้เป็นล่วนๆ แล้วนำไปเปรยบเทยบก้บธรรมชา?(ในภายนอกนั้นๆ ศังนั้น เมอพระองคจiทรงชั้แจงเรองอรไรให้ขาวบ้านไต้เช้าใจง่ายๆ จรทรง ยกธรรมชาติมาเปรยบเ(fมอ เช่น ทรงเปรยบร่างกายนั้ว่าแตกอตายง่ายเหมือนกับ หม้อติน ทรงเปรยบช่วิตทํ่เกิตกับง่ายรวฅเรี่วเหมือนกับฟองนั้า ทรงเปรยบโลกนั้ ร้อนร่มอยู่เตมอเหมือนเรือนถูกไฟไหม้ เปีนต้น ทำ ให้ถู้ฟงเข้าใจแตรมองเห็่นตภาพ กวามจริงของต่งนั้นๆ ไต้ง่ายเพรารมืกเหี่นต่งทํ่เปรยบนั้น พระ{ชญญาเหล่านั้เกิคเองตามธรรมชาติ มิไต้มื!ใครมาบอก มิไต้มืเใครมา สอน เป็นแต่ทรงเริยนแบบมาจากธรรมชาติ ตามหลักความจริงของธรรมชาติ พระสรรมกิตติวงศ์ :| ๒(Sr๑ www.kalyanamitra.org
เพราร{ธรรมชาติจรเ^นครูใหญ่ของนักคิดทุกคน ใครเรยนรู้ธรรมชาติเข้าใจธรรมชาติ ไค้มากททุด ยู้นั้นจัดเป็นนู้ฉลาดทํ่ทุฅ เป็นเซ่นนั้ทุกยุคทุกสนัยมา เมึ๋อคอบมาถึงตรงนิ้ก็่เป็นอันเฉลยข้อช้องใจทํ่ว่าพระพุทธเจ้าฅรัลทู้องจริง หรือและท่านตรัสรู้อะไรนั่นเอง กือเท่ากับตอบว่าฅรัลทู้'รองธรรมชาติ กวามเป็นจริง ของธรรมชาติ โคยเฉพาะกี่เรํ่องธรรมชาติชองซ่วิตร่างกายทํ่ไม่เทยง เป็นทุกฃ์ เป็น อนัตตา เป็นเรํ่องไม่กวรเข้าไปถึคนั่นถึอนั่นค้วยอำนาจกวามเห็่นว่าเป็นตัวตน (อัตตา) เป็นเราเป็นเชา (อหังการ) และเป็นชองเราชองเขา (มมังการ) โคยศรุปกี่กือฅรัฟ้ทู้รํ่องทุกข์ เรื้องกวามตับทุกข์ของชึวิตตังกล่าวมาในข้อต้น แล้วนั่นแล เรํ่องผู้เป็นพยานหลักฐานกวามฅรัศรู้ของพระพุทธองก์นิ้เป็นเรื่องล่ากัญ มากทเคยว แม้แต่พระพุทธองกัก็่ทรงเห็่นข้อนั่เป็นล่ากัญเหมือนกัน ตังนั้น เราจึง ไต้พบในตำนานว่าหลังจากพระองกฅรัศรู้และเศวยวิมุตติศุขแล้วไต้เศคี่จโคยทางไกล ไปเทศนัโปรคพระปิญจวักกยนั้ง ๕ ทํ่ป้าอิสิปฅนมฤกทายวัน เขตเมืองพาราณถึ ก่อน แล้วเศค็่จย้อนกลับมาเทศนัโปรกชฎิลซึ๋งอยูทตำบลอุรุเวลา ใกล้ๆ ทฅรัศรู้ นั้นเองในภายหลัง ครงนั้ถ้ามาคิดกัน^กนิคว่า เหตุใดพระองกจึงทรงยอมลำบากเทินทางไป เมืองพาราฌคิชงคิดคามระยะทางในปีจๅบันกึ๋นับเป็นร้อยกิโตเมดร โดยทรงใช้เวถา เดินทางเป็นคิบวันเพอโปรดปีญจวัคคย์แตัวทรงย้อนกลับมาโปรดชฎิตอก ทำ ไมจึง ไม'เอค็่จไปโปรดชฎิลก่อนทั้งทอยูใกตัชนาดมองเห็่นอาดรมลันเกิยด้วยซํ้า แตัวค่อย เอดี่ๆไปเมืองพาราณลํกึ๋ได้ ข้อนั้น่าจะลงลันนิษฐานไต้ว่า ทํ่พระองกทรงยอมลงทุนเซ่นนั้กี่เพํ่อหาพยาน ในกวามฅรัศรู้ชองพระองก์นั่นเอง เพราะทรงเหี่นว่าธรรมะทครัศรู้นั้นถึก^งยากเยี่น ยํ่งนัก ยากทจะรู้ยากทึ๋จะเข้าใจ ผู้นศติปีญญาศามารถเท่านั้นจึงจะรู้ตามไต้ แล้ว ผู้มืศติปิญญานั้นเล่าก็่ต้องหาประเภททเกยรู้จักนักต้น และยินยอมทจะให้รับหังกำ todna 1 ไขข้อข้อง www.kalyanamitra.org
สิงฟ้อนคัวย เรยกว่าคัองเกยเห็่นtเมือกันมาก่อนว่างั้นเถอร หาไม่แล้วเมํ่อทรงบอก ใกรว่าฅรัฟ้รู้แล้วจรฟ้อฺนไหฟิง ไกรเขาจรเซึ๋อ ผู้ทจรยอมเชึ๋อง่ายๆ กี่เหี่นมืแก่พรร ปิญจวักกยยู้เกยฅิคฟ้อยห้อยกามกันมาแก่กั้งเกิมเท่านั้น จะอากัยพวกชฎิลหรือกี่ ยังไม่มักคันกัน ถงจรเกยรู้จักมาก่อน แก่เขากี่เป็นไหญ'เป็นหัวหน้าชฎิลนับพัน ไกร เขาจะยอมมาเป็นสืษยให้สิงฟ้อนง่ายๆ กกลงว่าไปหาปิญจวักกี่ยคกว่า ifยกว่าmงหวังเอาปีญจวัคคึย์เปีน \"พยาน\" หรอ \"ฐานรองรับ\" ความ ศรัaรู้กี่คงไค้กระมัง การโนกี่เป็นไปฟ้มพระประฟ้งก์ ปรากฏว่าพอเทศนหัวไจกวามกรัฟ้รู้กึอเ'รอง อริยสิจ^จบ หัวหน้าปิญจวักกี่ยักือโกณฑัญญรกี่ไคักวงกาเหี่นธรรมคือเกิกกวามรู้ ตามขนมา พระองก์ทรงกพระหัยมากทํ่กวามกรัฟ้รู้ของพรรองกี่!ม่เป็นหมันคือไม่!ริ' ประโยชน ฟ้ามารถไซ้การคือทำไห้เขารู้กามไคั ถึงกับทรงเปล่งพระอุทานฃ็้นไน เวลานั้นทเคืยวว่า \"โกณทัญญะรู้แล้วๆ\" ฟ้รปว่า ขู้ตร้^ตามพระองกี่นั่นแหละเป็นพยานหลักฐานความตรัฟ้เของ พระองกี่ ล่วนพยานไนปิจจุยันกคือผู้นำกำฟ้อนของพระองกี่!ปไชIปปฎิยักิแล้วลามาTti ระงับคับทุกข์ ทำ ไห้เกิคกวามฟ้ขกายฟ้ขไจไคัจริง ยู!กรับผลจากการปฏิยักิกามธรรม นั่นแหละ เป็นพยานกวามกรัฟ้รู้!คัเป็นอย่างกไนยุกฟ้มัยยัจจุยัน ชาวพุทธทุกกนพร้อมแล้วหรือยังทึ๋จะเป็นพยานกวามกรัศรู้ของพร;!สิมมา- สิมพทธเจ้า พระสรรมกิตติวงศ์ I ๒(t๓ www.kalyanamitra.org
ตาม mseslrvท่านไปแต้วไม่กฉบ ท่านไปไต้ทอ£ไรจงไม่กต้บ คอบ พระอริยบุกกลคั้งแฅ่พระอนากามฃนไปานถื้งพระอรหันฅ ท่านไปแล้วไม่ ฑลับ กือไม่กล้บมา1กิคในมนุษยโถกนอก ท่านนิพพานเลย ทท่านไม่กลับมิใช่ท่าน ไปพบแกนชุชาวกหรือโลกใหม่อันวิไลงคงามกว่าโถกนแล้วไม่กลับหรอก แก่เพราะ ว่าท่านอักเชอที๋าะนำให้มาเกิกในโลกนั้กืออวิชชาอุปาทานไก้ชากรน ถอนรากถอน โกนไห้หมกแล้ว หมายกวามว่าท่านบรรลุถึงภาวะ \"นิพพาน\" กืออับลนิทไปเลย อับโกยหาเซั้อมิไห้ หานิมิฅเกรองหมายอะไรมิไห้ หาทํ่ฅั้งมิไห้ เปีนกวามว่างไปเลย อังนั้น แคนชุชาวกหรือภพใหม่ก่อให้วิไลสวยหรูอย่างไร ท่านก็่ใม่ประลงก อกแล้ว เพราะท่านฃ้ามพ้นจากแกนนั้นๆ ไห้หมกแล้ว ไม่มอะไรทํ่จะเป็นเหกให้ ห้องมาเกิกไปเกิกในภพไหนๆ อก. พระสรวิชุทธิางอั (ทองก ป.ธ.๙) ใปิธ้อธ้อง'^.) www.kalyanamitra.org
.-J . 4-J. ใขขัGข้อvlๆ จาก \"มงทกสาร'' เคจนกรกฎาคม koStoo ถามโคย... เคึ๋กปรรซาบาส ลาม ทำ บญธย่างไrifยกว่าบุญบfสุทธิแล^ป ฐ ทอบ การท้าบุญทเรบกว่า \"บริส์ทธํ่แส๗รรเ((รัฐ\" นั้กือการท้าบุญทถูกหถักการ ไนพรรทุทธfiาส์นา ถูกจุคปร งกทํ่พระพุทธเจ้าทรงถังฟิซนไว้ กือท้าบุญให้ถูกบุญ นนเอง ถันฅั'บแรกกๆรเฃ้าใจกำว่า \"บุญ\" ให้ถูกห้องเสืยก่อน เพอว่าๆะไห้ทำบุญ ไค้ถูกจุคประสงกํ เมํ่อถูกจุคแห้ว บุญนั่นแหซะก็่จะเป็นบุญทํ่บริพุทธิ้แสะประเสริฐ กำ ว่า บุญ แปลไห้หสายอย่าง เช่น - แปลว่า ขำ ระ หนายถง ชำ ระสะสางฃจ้ฅกวานไม่คทางกาย ทางวาจา ทางใจ่ให้หมกไป ทำ ให้กาย วาจา ใจสะอากหมกจก - แปลว่า เฅื่ม หมายถึง ทำ ให้ผู้ทำเภิคกวามเฅ็่มใจ เกิกกวามอั๋มเอิบใจ นกวามกเฅี่นเปียมอย่ในหัวใจ www.kalyanamitra.org
- แปลว่า กรอง หมายถื้ง กรองเอากวามไม่คสือกิเลสออกไปจากใจ โคย กรองไห้หมคไป ทั้งกิเลสอย่างหยาบจนถึงกิเลสอย่างละเอยค - แปลว่า ความสุข หมายถึง เป็นต้นเหตุทำให้เกิฅกวามสุซกวามสบาย อันเป็นฅัวขล เมํ่อทราบคังนแล้ว หากเราต้องการจะทำบุญไห้บรสุทธิและประเสริฐ ไห้ ไค้รบผลจริง เรากึ๋กวรทำบุญต้วยประสงก d อย่าง คือ (๑) ทำ บุญประสงค์ชำระกิเลส คือทำเพึ๋อขจัคมลทินใจ4งทำไห้!จไม่สะอาค ทำ ไห้!จไม่เป็นอิสระ กิเลสทํ่ประสงค์ชำระคือกวามฅระหนํ่ กวามเห็่นแก'คัว กวาม เป็นกนไจกอกับแกบ กวามเป็นกนเจ้าอารมณ์ทุนหันพลันแล่น ใจร้อน วู่วาม กวาม เป็นกนคอคืง เจ้าทิฐมานะและซากเหตุผล เป็นต้น กิเลสกังกล่าวนแหละเป็นเหตุ ททำไห้กาย วาจา ไจไม่สะอาก ทางพระเริยกว่าเป็น \"อาสวะ\" คือสิงทหมักหมม ตกคะกอนอยู่ทก้นบงหัวใจกนมานาน ในบางกนเป็นคะกอนฅิคอยู่ลกมาก กวนเบาๆ ไม่ฟ้งออกมาให้เห็่น ต้องกวนแรงๆ บ่อยๆ จึงจะปรากฏ แคในบางกนขุ่นกลั่ก อยู่ในใจทุกลมหายใจ แสคงฅั่วฟ้งออกมาอวคซาวบ้านร้านคลาคอยู่ราไป ไม่ว่าจร เป็นเวลาไหน กังนั้น ท่านจึงเริยกว่าเป็นอาสวะ เวลาทำบุญต้องทั้งใจว่าทำเพึ๋อกำจัคอาสวะเข่นนั้นไห้หมคไป หรืออย่าง น้อยๆ กึ่ให้มันเบาบางลงไปคามลำคับ ต้วยวัคถประสงค์กังนั้จึงเกิคมกำบาลกำหนงคือกำว่า \"อๆสวฦฃยาวทํ\" ซํ่งแปลว่า \"เปีนเค่รองนำคุณธรรมทกำจัฅอา(เว^มาให้\" กังนั้น ธรรมเนยมโบราณ ท่านจึงปฏิบัติกันต่อๆ มาว่า เวลาจะถวายทานให้จบทานเถึยก่อน โคยยกซองท จะถวายฃั้นเสมอหน้าแล้วนกในใจว่า \"สุทิมนํ วต เม ทานํ อาสวฤขยาวทํ โหตุ\" แปลว่า \"ทานทข้าพเจ้าถวายคแล้วจงเปีนเครองนำคุณธรรมทกำจัฅอาสวร;มาให้ เถิท\" ถือเอากวามกี่ว่า \"ชอให้ข้าพเจ้าพ้นจากอาถวร;ห้วยเถิค\" นั่นเอง (๒)ทำ บุญประสงค์ให้เต็ม คือต้องทำต้วยกวามเต็มไจ ทำ ค้วยกิริยา ทางกายวาจาแสคงกวามเการพ ท่านชแจงไว้ว่า เวลาทำบุญเข่นถวายทานต้องม 1 ไจฃ้อข้อง'^) www.kalyanamitra.org
เ'จคนาคคึอทวามฑั้งใจ ๓ วารร คือวารรก่ธนให้ก็่คั้งใจ เฅรยมใจไว้ล่วงหน้า เฅรยม ไทยธรรม๓รองถวายคัวยกวามเฅี่มใจ ไม่เครยมอย่างเคืยไมไค้ วารรทถวายหรธ เวลาให้กีเตึ๋มใจถวาย ทำ ค้วยกวามเการพในผู้รับ ในของทถวาย คัคกวามรักกวาม เยํ่อใยในของนั้นๆ ไคัเค็่คซาค ทำ ค้วยกวามเค็่มใจ และ:วารรทลงจากทั่!ท้นล้วก็่ เคม่ใจจั๋มใจในทานนั้น ทำ ใจให้ซั๋นชมยินกว่าไค้ทำคืแล้ว ไม่เกิคกวามเคืยกายของ เสิยกายทรัพย่ทํ่ให้ไปแล้ว ไม่เถิกกวามกิกว่าไม่ทำเคืยก็่จรคือะไรทำนองนั้ ให้นึกถึง กวามกทให้ นึกถึงกวามทททำไว้เลมอ หากทำบุญคัวยกวามเตี่มใจใน ๓ วาระนั้ ท่านว่าบุญนั่นแหละจรเถิกผลอานิถงล่เฅี่มเมี่กเฅี่มหน่วย และทำให้ผู้ทำอํ่มใจ เฅ็่ม ไปคัวยนึกิกลอกกาล (m)ทำ บุญประฟ้งคักรองกิเลส กือคัองทำคัวยหวังจะกรองถิเลลออกไป จากใจ กล่าวคือกอนแรกให้กรองเอาถิเลลหยาบออกก่อน กิเลสหยาบนั้นไคัแก่ โทสะ กวามโกรธ กวามม่งร้ายคัวยใจ กวามไม่พอใจ เกรองกรองกิเลสหยาบคือ คืล ก่อไปกึ่กรองกิเลสละเอยคคือโมหะ กวามงมงาย กวามเห็่นผิกจากกวามจริง กวามก็้อกงค้วยทิฐมานะออก โกยให้กรองออกคัวยภาวนา (4) ทำ บุญปรรสงกความฟ้ฃ คือคัองทำเพอให้เถิกกวามฟ้ขอย่างแท้จริง ทำ เพํ่อบรรสุขสสุคยอกคือกวามหมกกิเลส ชงเป็นกวามสุขทสงบ ไม่มเกรอง รบกวนกิงเถึยคแทงให้เจื่บปวกทุกขทรมานก่อไป นั่นคือทำบุญเพอสุขอนเถิกจาก พระนิพพ,าน .เพรา,ะกวามสุ.ขซi,นิกนั้เป็นกวามสุขอย่iางยอกเยํ่ยมกามพระบาถึว่า \"นิ*^พานํ ปรฟ้ สุขํ - พรรนิพพานเป็นบรมสุข\" ฅังนึ การทำบุญทจะเป็นบุญบริสุทธึ๋แสะประเสริฐ เป็นบุญทพระพุทธป็งกทรง ประฟ้งกจะให้พุทธบริษัททำกันก็่คือทำเพํ่อชำระใจให้สะอาก สงบ และสว่าง นั่นเอง กัปปียการล กับ ไวยาวัจกร เปีนคนเตยวกันทรึอเปล่า แลรมหน้าท อย่างไร m กัปอยการกกับไวยาวัจกรจะเป็นกนเกยวก้'นหรอไม่ ลองดูกำขยายกวาม กันก่อนเป็นไร พระธรรมกํตรวงส์ 1 to«๗ www.kalyanamitra.org
กัปปิยการก หมายถึง ผู้กรรทำของฟ้มกวรให้แก่ภิกษุหรือผู้ปฏิบัติพรรสงฆ์ กือฃองบางอย่างภิกษุจรจัน'จรใช้โกยหยิบใช้แบบซาวบ้านทั่วไปหาไ^ม' กามพรร- วินัยถือว่าของนั้นยังเป็น \"อกัปปิยร\" คือยังเป็นของไม่สมกวรแก่ภิกษุ ต้องมกนมา ทำ ให้เป็น \"กัปปิยร\" คือให้เป็นของทึ๋สมกวรก่อน ยกตัวอย่างเช่น มโยมนำ อาหารเพลมาถวายหลวงพ่อ แก่ยังไม่ถึงเวลาจันจึงวางไว้แล้วกลับบ้านไปก่อน พอถึงเวลาเพล หลวงพ่อจึงลังให้ยกมาปรรเกน ผู้ปรรเกนนั้นจรเป็นเค็่กวักหรือ ชาวบ้านกี่กาม เรืยกว่ากัปปิยการก หรืออย่างเค็่กวักไปสอยมรม่วงในวักมาถวาย หลวงพ ก่อนถวายไก้ใช้มกปอกเปลือกหรือทำให้เป็นตำหนิต้วยของมกม เช่น เอาเล็่บจิกเลืยหน่อยแล้วจึงถวาย ผู้ทำ อย่างนั้กี่เรืยกกัปปิยการก ไวยาวัจกร หมายถึง ผู้ทำ การขวนขวายในกิจการของสงฆ์หรือผู้ทำกิจ ธุรรแทนสงฆ์ ไวยาวัจกรนั้เป็นบุกกลลัาตัญของวัก เป็นตำแหน่งทึ่ต้องแก่งกั้ง ม ฐานรเป็นเจ้าพนักงานกามกวามในปรรมวลกฎหมายอาญา การแก่งกั้งถอดถอน ไวยาวัจกรเป็นหน้าทของเจ้าอาวาสวัก โกยการอนุมัติของเจ้ากณรอำเภอ ทํ่ต้อง แก่งกั้งเป็นทางการกี่เพรารว่าวัคมึฐานรเป็นนิติบุกกล เจ้าอาวาสกี่เป็นนิติบุกกล กามกฎหมายโกยตำแหน่ง หากแก่งกั้งไวยาวัจกรโกยไม่ชอบห้วยกฎหมายแล้ว ขลปรรโยขนของวักกี่ก กิจการททำทํ่ตำเนินการไปแล้วกี่คื กี่จรพลอยเลืยหายไป ห้วย ตังนั้น การแก่งกั้งไวยาวัจกรจรห้องทำให้รักกุมถูกห้องกามรรเบยบซึ๋งมอยู่ใน กฎหมายมหาเถรสมากม ฉบับทํ่ ๘ (พ.ส. ๒๕6๖) ว่าห้วยการแก่งกั้งถอกถอน ไวยาวัจกร แลรไวยาวัจกรของแก่ลรวัคนั่นอาจมเพ่ยงกนเกยวหรือเป็นกณรกี่ไห้ แลรเมึ๋อไห้แก่งกั้งไวยาวัจกรแล้ว เจ้าอาวาสห้องมอบหมายการงานให้แก่ ไวยาวัจกรแก่ลรกนเป็นลายลักษณ์อักษร จรลังห้วยวาจามิไห้ เป็นการมิชอบห้วย กฎหมายมหาเถรสมากมฉบับนั้ หน้าทึ๋โคยกรงของไวยาวัจกรคือทำกิจธุรรแทนสงฆ์ตังกล่าวช้างห้น แลรมิ อำ นาจหน้าทํ่กูแลรักษาแลรจักการสาสนสมบัติของวักอันเกี่ยวเนั้องห้วยนลปรรโยขน ของวัก ของสาสนา เป็นเจ้าพนักงานของวักกามกฎหมาย เช่น เมื่อเกิกมการ ๒๘ ii ไฬ้อธ้อป๋ รื'ร่,' www.kalyanamitra.org
ฟ้องร้ซงเกํ่ยทกับLTองมยู้บุก?กทํ่คินฃองวัค เป็นค้น กื่เป็นหน้าทของไวยาวัจก?ท จะไปคำเนินกา?แทนวัค ?วมกวามแล้วไวยาวัจก?ก็่กึกกักนายกทคั้งคานกฎทมาบนั่นเอง เท่านิ้กี่พอจร^ค้แล้วว่ากัปปิยกา?กกับไวยาวัจก?อาจเป็นกนเคยวกันก็่ไค้ แตะเป็นกนละกนกันก็่ไค้ ถาม การทำบญเลยงพรAuงานมงคล ทรองานอวมงคลกี่คาม กร;!ผมเกี่น เขาจัดพรรพุทธpjแลรโตรห^'บูชาไว้ทางซ้ายมอพรรสงฆ์บ้าง ขวามือบ้าง เวยน ค้ายลายรญจนทองคพรiพุทธทู]กี่เวยนชวาบ้าง ซ้ายบ้าง ค้งมื ทางทํ่ถูกต้อง แต้วควรจรจคอย่างไร ■ศฺร่ช^ ในกา?จคโคะหมู่บูชาเวลาฟ้าบุญเลิ้ยงพ?ะนั่น ทั๋นิยมก็่กอจัคไว้ทางขวามือ ของพ?ะลงฟ้ โคยหันพ?ะฟ้กค?พ?ะทุทธ?ปไปทางเคั๋ยากับพ?ะกงฟ้ และนิยมหันไป ทางทิศคะวันออกห?อทิกเหนือเป็นพน แฅในบางบ้านลถานทํ่อาจไม่อำนวยใค้จัคเช่นนั่นไค้ ก็่ค้องป?บไปคามกวาม เหมาะลม คือคั้งโคะหมูไว้ทางซ้ายมือของพ?ะลงฟ้ใค้ แค่อย่าคั้งใหโคืะหมู่และพ?:- ทุทธ?ปหันมาทางเคืยวกับพ?ะลงฟ้เลยทเคืยว คืออย่าใค้อย่ในแถวเคั๋ยวกัน เช่น พ?ะลงฟ้หันหบ้าไปทางทิศคะวันออก พ?ะพุทธ?ปค้องหันไปทางทิศไค้ พ?ะลงฆ หันหน้าไปทางทิศเหนือ พ?ะพุทธ?ปกี่ค้องหันไปทางทิศคะวันออก เป็นค้น กา?จัคโค้ะหมู่อยูไว้ทางขวาห?อทางซ้ายของพ?ะลงฟ้ย่อมถูกค้วยกันหาก ฟ้าอย่างทว่ามา แค่บ้าลถานทอำนวยให้แค่ยงจัคไว้ทางซ้ายเ?ยงเคี๋ยวไปเลย เช่นนั่ ถือว่าทำไปเพ?าะไม่กู!มไคํคืกษามาก่อนเสิยมากกว่า หาก?กงไม่ทำ เพ?าะงานบุญ เช่นนั่นใก?ๆ ก็่อยากทำให้ถูกค้องและให้เป็นบุญค้วยกันนั่งกัน คังกันจืงค้องคืกษา เ?องศาลนพิธเซ้าไว้บ้าง เวลาจัคงานบุญทํ่บ้านห?อไปงานศนอนจะไค้จัคทำไค้ถูก mrs?รมกิคคิวงศ์ 1 ๒4:๙ www.kalyanamitra.org
ส์าหรบการเวยนค้ายสายสิญจน์ก็่เหมือนกัน ทํ่เวยนซ้ายบ้างขๆาบ้างกี่อาจ เป็นเพราร;ไม่รู้ ทึ๋ถูกทํ่นิยมปฏิบัติกันมากี่สือเวยนทึ๋ฐานพรรพุทธรูปโคยเวยนแบบ \"ทกฃิณาวัฏ'' คือใหสิงทเวยนอยู่ทางขวามือของยู้เกี่ยน อย่างviเราเวยนเทยน รอบโบสถหรือเวยนเวลาแห่นากนั่นแหอรถูกค้องทํ่สุค จำ ง่ายๆ ก็่ไฅ้ว่าทักขิณาวัฏnfอเวึยนขวาก็่ทือเวยนแบ]Jiช็่JJuา^ฦๆ นั่นแล การเวยนขวาเช่นนิ้ โบราณกอว่าเป็นการเวยนค้วยกวามเการพ เป็นการ แสคงกวามเการพอย่างสูงสคและ;เป็นการเว่ยนสำหTบกนเป็เ4 ส่วนการเวึยนซ้าย หรือ \"อตราวัฏ\" เป็นการเวียนคาย เช่น เวียนศพรอบเซิงครกอนหรือรอบเมรุ เรึ๋องศาสนพิธน็้ยังมืลักลั่นกันอยูในหมู่พุทธศาสนิกชนกนไทย แค่บางอย่าง กี่พออนุโลมว่าไซ้!ค้เพรารอยู่ค่างกินค่างทกัน ส่วนเรํ่องเช่นทึ๋กส่าวมานั้น่าจรคืกษา ทำ กันให้เป็นแบบเป็นแผนเหมือนกันไค้ เพรารเป็นเรึ๋องทึ๋ทำกันถูกค้องโคยมากอยู่ แล้ว ส่วนผู้ทำไม่ถูกเพรารไมไค้คืกษาหรือไมไค้กังเกกมาก่อนกี่อาจเป็มไค้ เปีม หน้าทํของพรรเราทึ๋จรค้องแนรนำชแจงให้เขาเซ้าใจเหมือนกัน บางทเขาไม่รู้เพราร ไม่เกยมืใกรบอกให้ทราบ กังนั้น หากเห็่นบ้านไหนเขาตั้งผิคทำผิค ก่อนกลบวัคกี่ บอกเขาว่าล้าจรตั้งให้ถูกค้องตั้งอย่างนั้ เวียนอย่างนั้ ไม่กวรไปตำหนิเขาก่อนหรือ ถึงกับให้เขายกกังใหม่เป็นโกลาหลกี่แล้วกัน หรืออาจจรเรืยกผู้ตั้งมาพูคกุยเป็นการ กัวค่อกัวกี่คืเหมือนกัน การช่วยแนร!นำให้คนอึ๋นเกิคกัญญาแลรให้พ้นจากการทำผิดๆ ท่านว่า เป็นบุญมีใช่น้อย เพรารหากผิดกันอยู่เรือยๆ หรือปล่อยลร!เลยตลอดไปกี่ไม่มีวัน ลูกกันกักท ลูกหลานณุ่หกังกี่จำแบบผิดๆ นั้นไปทำแลรลอนกันต่อไปยํ่งผิดหน้ก ขยายวงกว้างออกไปอก ^าทัญเมอวัคมงาน หลวงพ่อหลวงพฅ้องวัดค้องทำให้เปีน แล:;ทำให้ถูก ให้น้คนดูเปีนทัวอย่างไค้เปีนฅแหลiขอรับ ๒๖๐ 1 ไฬอช้อง^%) www.kalyanamitra.org
ฉาเf mgJiกษมอาวรปีนเอาไว้IนครอบคTอง จรนคPเอทางวินบค่รอไป ตอบ เรองพระนปีนห?อพถปีนนั้ตอมไค้เลยว่ายิควินัยพระแน่นอน แต่ค้องคกวาม กันก่อนว่า ทว่า \"ปีในกรอบครอง\" นั้นท่านเอามาเก็่บไว้ทึ่กุฐ หรอเป็นมรฅกอยู่ ทม้านชงท่านมิไค้แคะค้องเลย ม้าเป็นแบบหลังก็่ไม่เป็นไร ทํ่ว่าผิคนั้นกึอค้องกับค้อง จืงฆิค ปีนนั้นทางวินัยถือว่าเป็น \"วัคถอนามาส\" กือสิงไม่กวรกับฅ้อง ม้ากับต้อง เป็นอาบัคิ วัคธุอนามาฟ้นั้มิใฃ่มิแค่เฉพาะปีนอย่างเคยว ของทํ่ภิกษุแคะต้องไมไค่กึอ ไม่กวรแคะต้อง ทํ่เปีนวัคโ]อนามาสนั้นนังมิอกมาก เซ่น อาวุธทุกซนิค เกรอง คนครึทุกซนิค เกรํ่องแต่งกายสครึ ผมสกรึทํ่เขาคั'คไว้ เป็นต้น ทื่ท่านห้ามกับเพราะ มันเป็นวัคถุทํ่ทำให้เกิคอารมโน ทั้งอารมโนชอบอารมโนซังไต้ การคุมกำเนิดมีใท้มบุครหรือท้ามไมให้บครเกิดนั้นจรไป^นบาปทรอคร้บ เพรารว่าคนทดายไปแล้ว ทากหมดเวรหมดกรรมแล้วก็่ค้องมาจุดิทรอเกิดอก เวิยนว่ายดายเกิดอยู่อย่างนั้ ถ้าหกคนทำการคุมกำเนิด หรือทำหม้นกนหมด คนทึ๋ดายเหล่านั้นจรทาทเกิดไมไค้ ดงนจรไม'เปีนการอร้างบาปไปหรือครับท่าน เตอบ] การทุมกำ เนิคนั้น ทางศาสนามิไค้กำหนคเจาะจงไว้ว่าเป็นบาปหรึอไม่ แค่ เมอเทํยบกันสืสข้อปาโนาฅิบาฅอันเป็นการทำบาปแม้ว ก็่คอบไต้ว่าไม่เป็นบาปแค่ ประการไค เพราะยงไม่มิการฟาเกิคขน เมํ่อกังไม่มิการฆ่ากึ๋ไม่เป็นบาป การทุม กำ เมิคเป็นเพยงการม้องกันมิให้เภิคเท่านั้น กังไม่เป็นปาณาคิบาค ชงเป็นเหตุให้ มิบาป ท่านกำหนคไว้ว่าจะเป็นปาณาฅิบาคไต้ต้องกรบองก ๕ คือ (ร}) ถ้ฅว่นั้นปีซวิต (ka) รู้ว่าถ้ฅว่นั้นปีจวิฅ (cn) ปีกวามจงใจจรฆ่า (<£) พยายามองปีอฆ่า (๕) ถ้ฅว่นั้นกายไปท้วยกวามพยายามนั้น www.kalyanamitra.org พระธรรมกิตติวงศ์ :| ๒๖®
ดังนั้น ฌํ่อนำเรองการคุมกำเนิคมาเทยบแล้วกี่จะ:เหี่นไค้ว่าไม่เข้าองกปรรกอบ ทั้งห้าข้อนั้เลย เพรารยังเป็นเพยงการป้'องกันคือห้ามมิให้เชอดัวผู้ของผู้ชาย (ฟ้เปิรม- อสุจิ) เข้าไปผศมกับเชอชองผู้หญิง (โอวัม-ไซ') เท่านั้น กาทิเคประ!ตูบ้านไม่ให้แขกเข้าบ้าน จร!ผิดกฎหมายด้วยหรือ การห้ามมิไค้เกิคจึงไม่ถือว่าเป็นบาป ถ้าจรเป็นบาปเพรารฆ่าดัวสเปิรมซํ่ง ถือว่าเป็นกัดว่มซวิฅ การคุมกำเนิดกี่มิใช่การฆ่ามิใซ่หรือ จรคุมหรือไม่คุมดัวศเอรม กี่ดายทั้งนั้น เชาว่าอสุจิแด่ลรหยดมฅัวทํ่ว่านั้ปรรมาณ ๒ว00 - <iOO ล้านตัว แด่ดัวทํ่จรแหวกว่ายเข้าไปผส!.\"\"บไช'นั้นมเพยงหนึ่งตัวหรือสองตัวเท่านั้น นอกนั้น ดายหมด แลรเจ้าหนึ่งตัวนั้แหลรกี่หายากนักหนา ค้องเก่งจริงๆ ค้วยจึงจรอยู่รอด ตังนั้น พอเจ้าตัวนั้ไปผสมกับไชไค้แล้วเจริญเติบโดจนกลอดออกมาจึงเก่งนักเก่งหนา ส่วนทกิดว่าเนึ่อคุมกำเนิดกันหมด วิญญาณนึ่หมดเวรหมดกรรมแล้วจรมา เกิดไมไค้เพรารถูกบ้องกันเถืยหมดนั้น อย่าไก้วิดกทุกขร้อนไปเตย มนุษย่เรามิใช่ จรนิยมคุมกำเนิดกันทั้งหมดหรอก แสรไม่ค้องกตัวว่าคุมแล้วจรเกิดไมไค้ ไม่แน่นัก เหมือนกัน ชนาคคุมๆ อยู่นึ่แหลร กี่ยังมื \"เจ้าตัวเก่ง\" ผ่านกำแพงด่านเข้าไป เจริญเติบโดไค้อย่างลอยนวลจนเป็น \"มารหัวขน\" ชนมากี่มืตัวอย่างไหไค้ยินปอยไป เรองพรรกํนั้มันเป็น \"คุถธรรมชาติ\" มนุษย่ค้องถืบพัน^ว้ พอมากเข้าๆ กี่คุมกัน เถืยท เนึ่อคุมไมไหวกี่จรเกิดกรณลคพลโลกลงโคยวิถืธรรมชาติบ้าง โดยกฎแห่ง กรรมบ้าง เช่น เกิดกรณแผ่นดินไหว เกิดนั้าท่วมใหญ่ เกิดอุบัติเหทุร้ายแรง ทำ ให้ ดายกันเป็นเบือ หรือเกิดกวามชัดแย้งเกิดการแก้แค้นกัน จนกลายเป็นสงกราม ฆ่าฟนล้มดายกันนับไม'ถ้วน เนึ่อมนุษย์มืน้อยนักกี่ถืบพันธุกันใหม่ ใหมพอด นึ่กือ วัฏจักรชองโลก เป็นทุลธรรมชาติ ข้อนั้ชักจรนอกเรํ่องมากไปแล้ว แด่กี่พอจรปรรเทืองปิญญาไค้บ้างนิดๆ หน่อยๆ หรอกกรรบัง พรรกรืวิสุทธิวงย์ (ทองคื ป.ธ. ๒๖๒ I ใขฃ้อธ้องริ'9/ www.kalyanamitra.org
L'I'_ ไขขัอข้อvlๆ จาก \"มงคลสาร\" เคือนสิงหาคม ๒๕๒© ถามโคย... สมาขิกของท่าน ถาม ปTรเพฌเยๆศพ»fอฌาปนกิจศพนั้นมหล้'กฐานมาอย่างไร โปรดอรบาย ป็นประเพณเผาศพหรอเรยกคามกำพรรว่า \"ฌๆปบกิ-Viาพ\" ไม่ทราบ หลักฐานทแน่นอนว่าเคิมทไกรเป็นผู้ทำกรั้งแรก แค่เหี่น'จะพออนุมานกือกาคกะเน เอาไค้ว่ากงมมาคั้งแค่มมบุษยเกิคขนในโลกนั่นแหละ เพราะว่าในหมู่มนุษยทเกิคมา นั่น ระค้องมกนคายฃ็้นมา พวกทเหลือกี่นำศพนั่นลักการคามกวามกิคกวามเซํ่อ บางพวกกี่อารนำไปโ!ง บางพวกนำไปทงแม่นั่า บางพวกนำไปทงคามทุ่งให้เป็น เหยึ่อแร้งกา บางพวกนำไปเผา ลืาหรับพวกทนำไปเผากี่กงไค้กวามกิคว่าไฟเท่านั่น ทิ่เผาผลาญทุกสิงทุกอย่างให้มอคไหมไปไค้ และนิยมลืบๆ มาในหมู่พวกของคน มึมนุษยโบราณหลายพวกทํ่ไม่นิยมเผาศพกัน แค่นิยมปิงไว้ อย่างเช่นท เราเกยไค้ยนว่ามลุสานกังศพรำนวนมากในประเทศรนและประเทกอยิปค้ทึ่เป็นซาคิ www.kalyanamitra.org
โบราณ การ'ฝืงศพไว้นึ่แหลรทำให้๓คมการฃุคฅ้นพบโฅรงกรรดูกกน่&Jทณฃนทนั่น ทนั่ในส่วนต่างๆ ของโลก ในปรรเทศไทยเราก็่มการก้นพบโกรงกรรดูกทึ๋บริเวณ จังหวัคกาญจนบุริ บริเวณบ้านเซยง อำ ๓อหนองหาน จังหวัคธุครธาน แล้วก็่มา อนุมานหรือวิเกรารห์อายุของโกรงกรรดูกนั้นดามหลักวิชาการ ทำ ให้Jว่าเป็นกรรดูก กนในลมัยไหน ทำ ให้เกิคปรรโยขน่ทางปรรวัฅิขาฅิกำเนิคแลรทางโบราณกคเกํ่ยวกับ ซาฅิพันธุมนุษย์ รวมกวามว่า การเผาศพกี่ค การมังศพกี่ค มนุษย์นิยมทำกันมาแต่โบราณ ทั้งฟ้องแบบ หากว่านิยมกังอย่างเคยวก็่กงจรฃุคก้นพบโกรงกรรดูกทุกแห่ง แคใน ทึ๋บางแห่งเมึ๋อชุคลงไปแล้วกึ๋ใม่พบ จึงทำให้ลันนิษฐานไก้ว่าในถํ่นนั้นเขานิยมเขากัน มาแคโบราณ อย่างเช่นปรรเพณนิยมในหม่กนอินเคยเป็นก้น ล้าจรอ้างคำราว่ามหลักฐานอรไรทว่Jาเกิคมการเขาศพมาแต่เก่าก่อน ก พอจรอ้างไค้แลรก็่กงเป็นคำราในพรรพุทธศาฟ้นาเช่นเกย กึอในพรรกัมภรืมปทกฎ คอนหนึ๋งว่าพรรพุทธองฅทรงเล่าปรรวัฅิพรรยฟ้รกับฟ้หายว่าในฟ้มัยเมึ๋อพรรพุทธเจ้า ยังมิไก้เฟ้คี่จอุบัติในโลก ยฟ้รภิกษุกับฟ้หายเกิคเป็นกุลบุครยู้มศรท!ทอากัยในเมือง แห่งหนํ่ง ไก้เทึ๋ยวเก็่บเอาซากศพอนาถา (อนาถฟ้รืรร) มาเขา พบเหึ๋นกนตายทั้ ถูกปล่อยให้เหมื่นกลบหมู่บ้านอยู่ณก็่บมาเขา ใกรให้จัคการเขาศพกี่จัคการเขาจน เรืยบร้อย เรืยกว่าจัคการเรํ่องของศพจนลือกรรฉ่อนรู้กันทั้งเมือง หากจะเปรยบให้เห็่นชัฅกี่คือ ท่านทำหน้าทเปีนประธาน^ถนิธิร่วมกตัญญ หรือ(เมาคมปอเฅ็่กคงในปีจจุบันนนั่นแหละ ทํ่ขักอุทาหรณ์มาปรรกอบเรองด้วยกี่เพยงflห้เห็่นว่าการเขาศพนั้นมืมานาน คึกคำบรรพแล้ว แต่จรให้ขิ้ชัคลงไปว่ามืมาทั้งแต่ฝ็มัยไหนนั้นเหี่นจรมใก้ เพราร ฃืนทั้ลงไปกี่มืแต่จรขิคกับผิคเท่านั้นเอง แลรก็่ยังไม่ทราบว่ามืใกรเกยทั้มาแล้วด้วย ๒๖๔ ไฬอข้อง'^) www.kalyanamitra.org
c^งffพไว้lม'^fiมาเผา^iเ^นอiไrหfธไม่ บ^ ขัอน็้กี่กงต้องฅอมว่า ผํ่อไม่ชุกขนมาเผา มันกี่เIเอยเน่าผุพงไปเท่านั้นเอง นั้ฅป็บแบบนักเลงบนธรรมาฝ็น นก่กี่ต้องอรรถาธิบายฅ่อไปอกว่าเรองการจัฅการ กพนั้เรา'าะไปกำหนฅกฎเกณฑเอาว่านังตึกว่าหรือเผากั๋กว่านั้นไมไต้ มันแล้วแค่ กวามนิยมและเกวามเชื่อในลัทธิศาศบาซํ่งกี่ไม่เหมือนกนอยู่แล้วโกยปกฅิ กวามอริง อะ'ปึงหรือเผาย่อมถูกต้อง และมืเหคุผลต้วยกนทั้งนั้น และอะนิงหรือเผาย่อมไชไต้ เหมือนกันทั้งนั้น แฅ่เมอว่ากามกกิทางพระพุทธกาลนาแล้ว การผัเงหรือเผาหาไกิมอิทธิพล ไปถงผู้กาบไม่ หมายกวามว่า'อะนังหรือเผากี่ไม่เป็นเหคุให้ขู้กายไปกกนรกหรือขน ลวรรกไต้เลย สิงทั้มือิทธิพลในเรืองนั้กี่กือบุญกับบาปหรือกวามกกับกวามซั่าทั้ ผู้กายไต้'ทำไวในเวลาทํ่มืลมหายใ'ออยู่เท่านั้น บุญกับบาปนแหละทั๋มือิทธิพลน่าเขา ไปลงนรกหรือน่าไปชื่นลวรรก ใครทำบุญไว้มาก จรเขาหรือปึงกี่คาม เซาย่อมไค้ไปเลวยลุฃใบสุคติภูมิ ใครทำบาปไว้มาก จรเผาหรือปึงกี่คาม เขากี่ย่อมไปรับทุกฃเทษในทุคติภูมิแน่นอน ทากเ7า^ะกะเกฌฑเปีาฅายฅัวว่าค้ธงพาเท่านน^ง'Vะไปtfว7ท^ค้ กง'ระ ไม่มใคท!งกัน หtoyเากกำ}1นดไวัว'าฅัธงกังเท่านั้น^ง^รไปaวTrn ปานนแม่นดิน กึ่เๆงจรเต็่บไปด้วยซาก11พแธ£โท7งก7รดกแต้ว กังนั้น จึงบอกว่าเผากี่ไต้ ปึงกี่ไค้ กือไค้กามประเพณนิยมซองแค่ละลัทธิ กาลนา กำ กัญกรงทั้เมอยังมืลมหายใ'ออยู่พงพยายามลร้างลมแค่คุณงามกวามก เอาไว่ใหัมาก ทำ ประโยชนให้แก'ลังกมให้มาก และทำกัวให้คพอทั้กนอยู่ข้างหลังจะ น่าไปเผาหรือปึงไต้ อย่าพยายามลร้างแค่สิงชั่วข้าเลวทราม ทำ แค่กวามเกือกร้อน ให้นก่กัวและซาวบ้าน เกิกมาหาอะไรกืไมไค้เลย เมอเป็นเช่นนั้ กายไปแล้ว บางทํ กบทั้อยู่ข้างหลังเขากงรังเกํยจแม้แก่จะยกขากกพไปเผาหรือปึงไต้ มืแค่น่าไปโยน ทั้งนั้าหรือทั้งเหว ปล่อยให้เป็นเหยอของฝูงปลาหรือแร้งกาไป พระธรรมmรวงส์ 'I tatodr www.kalyanamitra.org
ถ้าฟ้นอย่างน็้ก็่น่าอนาถนัก เกิคมาฟ้นคนกบเขาทั้งท ช่างไมมคอรไร เหillอนคนอนเขาเอย ขอนถมท้ายอกนิคว่า ปรรเพณพุทธในเมองไทยเรานิยมเขาแอรจัฅงานกัน อย่างเอิกเกริก บางทกี่เข้าฟ้านอง \"คำนํ้าmnaะลายนม่นา\" คือร้นเปลึองโคยไร้ ประโยขนเคืยมากต่อมาก ทั้งนกี่ว่าเพออทิศบุญใท้ยู้คาย แต่ถองนั่งหอับคานึกกัน คูบ้างเป็นไรว่า ย่านไหนทึ่จะเป็นบุญไปถึงผ้ตายบ้าง มองให้เหี่นจริง ก็่แทบจะหา ทเป็นบุญจริงๆ ไมไค้เลยก็่ม แตะขอคอบปีญทาซ้ธนิ้แบบนักเลงบนรTTมาโ^นอกทรงว่า ก็่ถ้าclงไ^น วัคแล้วไม่ขุฅชนมาเนา นอกจากจรเป็อยเน่ามุพังแล้ว นานเชัาทางวัคก็่จรจัคการ \"ล้างน่าช้า\" เ^ยท เพํ่ธอรไรหรือ ก็่เหึ๋อเทถยร์พนทึ๋น่รจ ในบางffiffนๆเขาใช้tfง ไม'ขุดมาทำการเผาเลย เช่น อิสลาม ค(รสเดยน เพรารอ: ในบางศาสนาหรือบางอัทธิเขาไม่นิยมเขา แต่นิยมกังทั้นเพราะเขามกวาม เขซถือตามอัทธิศาสนาของเขาทํ่สอนไวัอย่างทั้น ขงกี่เป็นประเพณีนิยมและกวาม เร้อทึ่จะไปตำหนิว่าขิคไมไค้ เพราะเขากี่มเหฅุฆลของเขาเหมือนกัน คามทึ่ทราบมา ในอัทธิศาสนาทํ่นิยมกังเพราะเขามืกวามเขิ่อว่าเพื่อใท้ฆ้ตาย คำ รงร่างไว้จนกว่าจะถืงวันทพระเจ้าจะมาตัคสินโลกคือตัคสินมวลมนุษย่ว่าไค้ฟ้า กวามคืกวามขั่วอะไรไว้บ้าง พอทํ่จะนำวิญญาณไปย่สวรรกเพื่อมืซวิฅนิรันครหรือไม่ หรือพอทจะนำไปลงโทษในนรกหรือไม่ ในบางลัทธิศาสนาเขาเขํ่อว่าขู้ฅายทั้นจะค้อง กลับมาเกิคอิก แสะอาจจะกลับมาเกิคในร่างเติมจึงค้องรักษาร่างไว้ กวามเหึ่นเข่นน แหละเป็นเหตุให้เกี่บศพไว้บ้าง กังไว้บ้าง และเป็นกวามเขอถือนิยมกันมากในหมู่ขน ทางทิศคะานฅก และในทึ่นกงจะวิจารโนไมไค้ว่าคืหรือไม่คื ถูกหรือไม่ถูกอย่างไร เพราะเป็นเรํ่องละเอิยคอ่อน ขืนวิจารโน!ปก็่มืแต่จะผิคกับผิคบากกว่า ๒๖๖ II ใขข้อร้อป้ริ'?\"' www.kalyanamitra.org
ทาม ผต!^ญจากกๆทผๆนลป้กา ต่างกันอย่างh คอบ คังกล่าวนาแล้วในฃ้อฅ้นๆ ว่าการเผาก็่ก การปิงกี่สืหามั๋อิทธิพลฅ่ป็ผู้คายไม่ คามหล้กขถงพระพุทธศาศนาไนไค้กำหนคว่าการเผาหรึอการปิงอย่างใคอย่างหนึ่ง นอิทธิพลทำให้กนตายขนฟ้วรรกํหรือฅกนรก แต่ถือการกระทำหรือกรรนของผู้คาย เป็นหล้กฅัคสินหรือขชะคาผู้คายว่าจะไปคนสุขหรือไปไม่คนทุกขอย่างไร หากจรถานว่า นถบุญขธงกาทนากับการย่งทจรเกิ?เแก่ผู้ยงเป็นธยู่ค่างกัน ธย่างไ7 ก็่ทอบไตว่าย่อมไก้นตบุญเหปีธนกัน แค่!ก้กันกนตรแง'คนถรนุน คือการเผาศพนั้นนโอกาฟ้ไค้ทำบุญอํ่นๆ อิกนาก โคยเฉพาะทำบุญงานศพ ไนปิจจุบัน ไคืทงทาน ไค้รักษาคืถ และไค้เจริญภาวนาอบรนจิตไจไห้งอกงานไนบุญ และยังไค้คุณคือกวานคื กวามมั๋เกยรคิ มซอเถืยง และนหน้านคาไนยังกนแถน ท้ายอิกค้วย เรืยกว่าไค้ท้งบุญ ไค้ท้งคุณ และผู้เผาศพน้นท่านว่านอานิสิงศนาก แต่ระนากแกไหนก็่บอกไม่ถูกหมือนกัน หํ่รู้แน่ๆ ก็่ตืธว่าผู้ไปเนาflwกี่ต เจ้ากาพผู้เนา?เพก็่คกักจรไก้ก77นฐานซ้ธหนึง กืธ \"อสุภกัญญา'' หมายตวานว่าเกิตทวานนู้^กค่านึกขนนาในใจว่า ร่างกายขธง ตนเฑแม้แค่กัวเราน ไม่งคงาน ไม่ปาคูเตยจนบิตเตยก พอเกิตอสุภกัญญาแต้ว จิตใจกี่ม้กจรเกิตเมิ่อหน่ายในร่างกาย เห็่นสภาพเป็นจริงของร่างกายว่าเต็่นไปก้กย ของไม่สรธาต ปีกตํ่นเหน็่นตสุ้ง น่าเกตยคยิ่งนัก เที่นอย่างนติตอย่างนิ้เรยกว่าไต้ กรรนฐานทางใจแต้ว กี่ท่านพระยสิะไนสินัยก่อนโน้นนั่นไง ไค้รับอานิสิงล่แท่งการเทยวจัคการเผา ศพไห้ผู้อํ่นจนเกิคอสุภยัญญาบ่อยๆ มาเกิคในขาคิสุคท้าย พอเกี่นท่าเปลอยและ ท่านอนแบบแปลกๆ ของพวกสิฅรืทกอยบำรุงบำเรอไนกลางคืกกนหนึ่งเข้า แทนห จะเกิคกวานกำหนัคค้วยรากะกลับถูกอสุภยัญญาทเกยไค้รับกระตุ้นเตือนถืงกันเคิน ออกนอกน้านค้วยกวานเบื่อหน่ายเอิอนระอาเหมือนอยไนกองเพลิง บ่นพึ๋นไปทเคยว ว่า \"ทนวุ่นวายหนอ ทนขัคข้องหนอ'' นึ่อานิสิงส์แฟงการเผาศพทำไห้เกิคอสุภ- ยัญญาเซ่นนั้ พระธรรมกิตคิว!}ศ์ แ ๒๖๗ www.kalyanamitra.org
แต่ไกทะไค้อศุภสิ'ญญาหรือไม่นั้นฟ้นเรป็งใ)องแค่ตะบุกกล บางกนเมํ่ออยู่ ต่อหนัาศพต่อหน้าเมรุณกิกกวามรูสืกอย่างว่า1หมืซนกัน■ แต่บางกนแทนทํ่จะเถิก อสุภสิ'ญญากลับเถิกสุภกัญญากือกวามส์ากัญว่าศพนั้งามจริงไปเถิยก็่ม \"แหม เซาแห่งnพไฅ้งามจfงนพนร หูเขา^คคอกไ^ ปีมึธเซาแม่จ?งๆ\" อะไรทำนองนั้ เค้อ! ไปเขาศพอย่างนั้อกลักกสิบถิหนอจึงจะไค้อานิสงส์ ส่วนการHงนั้นก็่อยู่ทกบเป็น กอหากนึกถิงผู้ตายขนมาเมํ่อไรแล้วทำบุญ ธุทิศไ!!!ทํกี่ย่อมไกรัมอานิสงส์เมัอนั้น หรือหากไปเซ่นไหว้ศพแล้วกลับมาหวนระสก ถงกำฟ้อนของท่านว่าเมํ่อท่านกังนึชั๋วิตอยู่ท่านเกยอบรมเกยสอนมาอย่างนั้นอย่างนั้ แล้วปฏิบัติกามกำฟ้อนของท่านค้วยกวามกกัญฌูรู้กุณ กี่จะไค้บุญเซ่นกัน กือไค้บุญตอนทเถิอร้}งกำกังฟ้อนและปฏิบัติตามกำกังฟ้อนนั่นเอง (:11าฆ ฟานอาจารยบางฟานเทศนๆว่าถ้าไม่เยากึ!มได้!ปฆคไปเกิต จำ เ^นด้อง เยาจงจรได้ฃนสวรรค จริงไทม แต่กรรยมหคลองเอาฒลี่คข้าวเปด้อกท้นรดมา เยาไฟแถ้วเอาไปม่ง ไม่ขน แต่เมลี่คทึ๋ไม่เยา นำ เอาไปด้ง กถ้บขน เพรารอรไร เรืองค้องเขาจึงจะไค้ใปขุกไปเถิกนึ่กี่เซ่นกัน เป็นกวามเซํ่อถือของกนเท่าๆ เมี๋อวิเกราะหคามหลักพระพุทธศาสนาแล้วย่อมมิไซ่เซ่นนั้น เพราะกนเราเมํ่อตายไป แล้วกี่เหลือเพยงร่างกายเท่านั้น ส่วนวิญญาณนั้นกี่ออกจากร่างไปแล้ว ร่างทเหลือ เขาจะนำไปกัง นำ ไปเผาหรือนำไปทำอะไร วิญญาณกี่ใม่ทู้รองค้วยแล้ว วิญญาณ กี่ไปตามยถากรรมกือกามกรรมทึ่ทำไว้อย่างไร ข้อนั้มกำกอบอยู่ในข้อต้นๆ แล้ว การทคลองค้วยการเขาเมลี่กข้าวเปลือก กังว่ามาน้นแล้วอนมานเอาว่าการเผาทำใหไม่เถิกอกเหมือนเมลี่ตข้าวเปลือกถูกเขา ต้องกังเหมือนกังเมล็่กข้าวเปลือกจึงจะเถิกอก การอนมานหรือกากกะเนเอาค้วย การทกลองเซ่นว่านั้เราจะนำมาเปรยบกับการเถิกการกายในกรณนั้เมไค้ เพราะการ 1 ใtท้อจ้อ!}% www.kalyanamitra.org
เปรยบว่าถ้าเขาแล้วไม่เกิค ต้อง'องจึงเกิคนั้น เป็นการเปรยบทไม่สมกันไม่ลงกัน กือเปรยบไม่ถูก การเปรยบอย่างทํ่ทคลองนั้นต้องสรุปผลออกมาเช่นนั้จึงจะ:ถูกเรื๋องกันคือ เมลี่คข้าวเปลือกพันธุคืนั้นถูกเขาไฟ เชั้อหรือยางเหนยวทํ่เป็นตัวการทำให้ งอกนั้นฅายไปหรือไหม้หมคไป เมอนำไปปลูกย่อมไม่™ แต่ถ้าเอาไปองอินเลยย่อม ขนไต้ เพราะ:ยังมเชอหรือยางเหนยวบริบูรณ์ เปรยบกับคนบ้าง ขูใคกำจัคเชั้อหรือยางเหนํยวทํ่จะ:ทำให้มาเกิคอกหมคไปไต้ ผู้นั้นจะไม่กลับ มาเกิคอกแน่ เหมือนพันธุข้าวทถูกเขาหมคเซั้อแล้วย่อมไม่งอกอก ผู้ใคยังไมไต้กำจัค เซอทํ่จะ:ทำให้เกิคอก ยังมืเชออยู่ ผู้นั้นย่อมกลับมาเกิคอกแน่ เหมือนพันธุข้าวคีทึ๋ มิไต้ถูกกำจัฅเชั้อ เขานำไปองอินไว้ย่อมงอกไต้ เปรยบอย่างนั้จึงจะ:ลงกันสมกันและ: ส่วนเซั้อหรือยางเหนยวทเป็นตัวการทำให้กนมาเกิคอกไต้แก่อะ:ไร เห็่นจะ: ไม่ต้องวิลัขนา กิคว่ารูกันทั่วแล้ว. พระ:fiรืวิศุทธิวงกํ (ทองคื ป.ธ.๙) www.kalyanamitra.org พระสรรมกิคดิวป๋ศ์ I ๒๖๙
www.kalyanamitra.org
ไขขอข้อ7โๆ จาก ''มงคกสาร\" เคธนกนยายน 1ร0๕๒0 ถามโคย... อภิซาโค ภิกธุ ถาม ทึ๋ว่ๆ \"mreffางหนัง^อmรธภิsmiเจ็่คฅ้มภั๋รสามาrถทดแทนบญครน ของรคๆมาrคาไค้\" ireงนจ?งหfอไม'...ท่านเค้าคุณเห็่นอย่างไr |Hil^ เรองศท้งหนังสือซภิธรรม ๗ ทัมภร สามารถทคแทนกุณฃองบิคามารกา ไค้หรือไม่นั้น คูเหมือนจะเกยคอบองโนนงกสสารมากรั้งหนึ่งแล้ว แฅ่เรนฉบับไหน จำ ไมไค้เหมือนบัน แค่เมื่อถามมาก็่จะคอบอกเพอเรนประโยขนแก่ยูบังไม่รู้และไมไค้ อ่านมงกลสารฉบับก่อนๆ ในเรื่องนั้ขอยืนบันกำคอบทเกยคอบไปแล้วอกกรั้งหนึ่งว่า \"เรนไปไมไค้\" และมืกวามกิคเหี่นเข่นเคยวบับท่านเหมือนบัน บังมืกนไทยและพุทธกาสนิกซนอกมากทมืกวามเข้าใจเข่นนั้น เพราะเรา คิฅอยู่บับกำ \"โฆหณาชวนiiอ\" และกำบอกเล่าของกนเก่าๆ ทถอสืบทอคบันมา ข้อนั้กิคว่ากงมืกวามเข้าใจผิคอะไรบันล้กอย่างเป็นแน่ www.kalyanamitra.org
ขอเท้ากวามเกินของเรองสิ'กเอ็่กน้อย คือเมํ่อพระทุทธองก์ครัสิรู้แถัวไท้เสก็่จ ไปโปรคพระพุทธมารคาซํ่งอุบักิเป็นเทพบุฅรอยู่ชั้นคุสิฅ แคไปโปรคชั้นคาวคืงส์ท้วย ประสงกว่าเหล่าเทวคาชั้นคากว่าชั้นคุสิคจะไค้V?งธรรมท้วย แดะธรรมททรงแสคง โปรคพระพุทธมารคาก็่คือ \"อภิธรรม ๗ คมภิร\" ชั้งเป็นธรรมคืกชั้ง ไม่เกยวกับ บุญบาป ไม่เกํ่ยวกับกำชักซวนไห!ปเกิกในสวรรก หรือข้อห้ามทน้องกันมิไท้ตกนรก อกแถัวเพราะว่าขู้vlงเป็นเทวคาอยู่แถัว ไท้ทำคืมาจนเป็นเทวคาแถัว ไม่ท้องชักซวน หรือโน้มน้าวไจอก พระพุทธองกํจึงทรงแสคงธรรมทํ่เป็นยอกจริงๆ เป็นธรรมทํ่เป็น สภาวะถัวนคืออภิธรรม ไนคำนานเล่าว่า พระองกํสามารถทำไท้พระมารคาไท้มรรกขดคามธรรมไท้ กนโบราณจึงถือว่าไท้คอบแทนข้าวน้อนนํ้านมของพระมารคาแถัว ตามพระพุทธ- ดำ รัสทว่า \"^ดทำพ่อแม่ผู้!ม่มิศรทธาให้มสร้ฑธาไค้ ทำ พ่อแม่ผู้!ม่มคืด ไม่ม่สุตะ (การฟ้ง)ไม่ม่จาคะ ไม่ม่น้ญญา ไห้มิคืด ไห้ม่สุตะ ไห้มิจาคะ ไห้มิซญญาไค้ ผู้นั้น ถือว่าไค้ทำอุปการะตอบแทนอุปการะทพ่อแม่เคยทำไว้แล้วค้วยอุปการะทสูงล่ง\" กังนั้น จึงถือกันต่อๆ มาว่า หากจะทคแทนบุญคุณพ่อแม่ท้องทำเหมือน พระพุทธเจ้า โคยไท้พ่อแมไค้พ่งเทศนอภิธรรมไค้รู้อภิธรรม โคยไท้พ่อแม่สิ'มผัสกับ ธรรมะจริงๆ ไห้พ่อแม่มิศรัทธา มืคืล มืฟ้ฅะ มืจากะ มืปิญญาเกิคขนมาจริงๆ แต่ต่อมากดายเป็นว่าสร้างหนังถืออภิธรรมแถัวคอบแทนบุญคุณพ่อแมไท้ ซึ่งเรํ่องนั้กึ๋ไม่ทราบเหมือนกันว่าไกรเป็นท้นกิคอย'างนั้ แต่กี๋ใม่อยากจะถืบสาวราว เรืองไท้เปถืองเวดาเพราะกงไม่เกิคประโยซนั เพียงแต่ขอแนะไว!นทึ๋นั้ว่า ในฐาน^ทึ๋เปีนขาวพุทธควTเป็นผู้ทื่นฅัวฅึ๋นใจอปูเ({มอ อย่าเ4อถือเfอง เหลวไหลไร้สารรหรือคำโฆษณาชวนเ4อจนเกินไป อานิสงส์แห่งการสร้างกัมภิรพระอภิธรรมนั้นน่าจะเป็นว่าช่วยรักษากำสอน ของพระพุทธเจ้าไหยืนยาวนานต่อไปจะคืกว่า เพราะว่าพระอภิธรรมเป็นกำสอนของ ๒๗๒ ! ไขข้อธ้อง'รืจ้ไ www.kalyanamitra.org
พระพุทธIจัาแทน้บเข้าในปิฎกหนงในจำนานฟ้ามปิฎก แฅ่ทฟ้ฑ้งกันเพึยง ๗ กันภร หรอเพยงใบตาน ๗ ขูฑเทำนั้นกี่เพยงเต็่กน้อยเท่านั้นเอง อยากเฟ้นอแนะโน้นอึกนิ(ๆหนึ่งท่า หากๆะฟ้ร้างหนังอึซธรรมะเพอคำรงพระ ศาฟ้นาแต้วการอะฟ้ร้างหนังสือทเป็นประโยชนต่อผู้อ่านผู้^กนาก้วยกือหนังอึอนึ่ พระเณรใข้สืกษาไต้ ใข้หากวามร้ทางกาฟ้นาเพอนำมากังสอนชาวน้านไต้ มิใพ่ะมุ่ง สร้างแต่ทเป็นกันภ!ใบตานอย่างเคยว โคบเฉพาะหากสร้างกันไว้มากๆ และเหมือนกันหมคเซ่นสร้างพระอภิธรรม ๗ กัมภึร นอกจากพระท่านจะไม่อ่านแต้วนังรกาครกกุฏิอึกต้วย อย่างคกี่กงเป็น บุญแกให้ทานแก่ปลวกแตะให้เป็นรังชองหนูเท่านั้นเอง เพราะอะไรหรือ เพราะพระ ท่านจะอ่านกี่อ่านเพยงซุคเคยวเท่านั้นแหตะ นอกนั้นกี่เหมือนกันหมค จะเผาทง กี่ไมไต้ เลยต้องเกี่บไว้อย่างนั้นเอง บางแห่งบางาคมืเป็นร้อยๆ รุค หาฅู้หาห้อง เกี่บไม่มืเลยต้องทงส่งๆ ไป ประโยซนํน่ะมืแน่ แต่ถ้าซากันมากกี่โม่เกิคประโยชน่ เหมือนกัน ทังนั้น ฅว7(^ทัางหนงhmป็นปrdยซนั้ เข่น หนัง^อเรยน หนัง^อล่มือ หนังมือธrrม:!เ&นเต่มๆ ทัมภTเทหนั้((ธนปTะซาซน หนังมือmข่เฅrป็ฏก เป็นค้น ขัธมืาทัญซอใค้เกิตปTt:โยซนั้นั้งแก่นถวาย แถ7แก่พ7ร11าถนา ผู้จะสร้าง หนังมือทว7ไปป7กษาพ77ทํ่วฅเข่นเค้าอาวาถก่อนว่าค้ธงกา7หนังมือป77เภทโทน บ้าง ห7อพ77เณ7ซาอหนังมือธข่ไ7 ทางนัอยังไมมืหนังมืออรไ7 ปfกษาท่านให้ท่าน ข่วยค้ฅนั้อหาให้ยั๋งค ท17องไค้ว่าหนังมืธทท่านถรๆง'^รเป็นป7รโยขนัปีง^ต เพ7าร น7ซค้องกา7อย่แล้ว หลักสูตรนักรTรมชั้นตมื โท เอก โคยเฉพารวิซา \"ธรรม\" กรรนมมื ความเห็่นว่าห้วข้อธรรมบางหมวคมนซํ้าทัน น่าจรทัคออกบ้างแล้วแค้ไขปรบปรุง ททักสูตรเมือใหม่ ...ถ้าหากย่นหรือทัดหัวช้อรรรฆทซาทันออกบ้างภ็๋อรไค้สรควก ง่ายนก'การจคอำ www.kalyanamitra.org พระธรรมกิ?!คิว0ศ์ I ท
ตอบ: การแก!ฃปTบปรุงหลักสูฅรฃกงทางพระนั้นเป็นหน้าทฃองแม่กองธรรม ฟ้นามหลวง'จะเฟินอฅ่อมหาเถรศมา™ เรองนั้ผมเหี่นฅ้วยกับท่านวากวร\"จะปรับปรุง แกั!ขบ้าง แฅ่ฆมก็่มิไก้เหี่นฅัวยกัฆท่านในแง่ทึ่ว่ากวรจะปรับปรุงโคยกักข้อธรรมหรอ หมวกธรรมให้ลฅน้กบลงเพึ๋กง่ายก่อการจกจำ แง่ทํ่ว่ากวรปรับปรุงนั้น กามกวามเหี่นของผมนั้นกึอกวรเน้นเฉพาะข้อธรรม ทฟิามารถนำไ!!!ซ!นซวิฅประจำวันไค้ แล้วกำหนกเป็นหลักสูกรให้กายกัวว่าจะก้อง เรัยนหัวข้อนั้นหัวข้อนั้เท่านั้น แม้ว่าจะมากกว่าทึ่เป็นอปู หากว่าจำเป็นกี่ก้องเพั๋ม เข้ามา โกยไม่ก้องกำนึงว่าจะจำง่ายหรือจำยาก เพราะธรรมะกันมิใซ่จะให้ผลเฉพาะ เพยงแก่รู้หรือจำไก้เท่านั้น ผู้จำ ไค้แม่นกำอธิบายข้อธรรมไค้ถูกก้อง เพราะมน้อย หัวข้อ แก่ไม่เกยไค้ปฏิบักิกามเลยกี่หาไครับผลแห้จริงของธรรมะไม่ แก่แม้จะจำ ธรรมะไมไค้เลย แค่ปฏิบักิถูกค้องกรงกามข้อธรรมนั้นๆ ธรรมะกี่ให้ผลเกี่มทึ๋ ธรรมะอะไรกี่ตามล้าไม่ทำตามแล้วกี่ใร้ประโยชนทั้งนั้น อย่างทํ่มผู้กล่าวไว้ ว่า \"ธรรมใกๆ กึ๋โร้ค่าถ้าไม่ทำ\" แล:;ไม่ค้องกถัวว่าถ้า'^าไมไต้แล้ว' ปฏิบัฅิถูกอย่างไT กี่ต้องแย้งว่าล้ปฏิบัฅิ รTTมจๅบั'นนบั้นล้วนใหญ่วะวำธTTมรไม่อ่อยไต้yiTอก แอ่พธรู้ว่าปฏิบัฅ็อย่างนัน ถูกทำอย่างนนิคเท่านั้น ล้วนมู้ปTะพฤตินิอธTTมะโค้งๆ ปัน ล้วนใหญ่จะเป็นปักอำ ธทมะเล้ยมากกว่า เช่นอย่างในบางวงเหล้าๆยธTTมะกนจ้อไปเลย หลักสูครทเขาวางไวันนน่รกแถ้ว อย่าไปกัดทอนของท่านเลย จกเป็น การถอยหลังลงคลองไปเสืยหมก การกักทอนลงน่ะกันทำง่ายหรอกท่าน แก่ผล ทั้คามมาน่รสิควรกำนง ขนกัดออกไปแม้ว่าจรควรกัคกี่จริง แก่ก่อไปเรากี่จะโง่กน หมกเท่านั้นเอง ไม่ก้องอะไรหรอก ดูแก่การฟิวคมนฅของพระเรากี่แล้วกัน เคํ่ยวนั้เรากัค กันทุกบทเลย ฟิวคย่อทั้งนั้น ขนาคเจี่คคำนานเรากี่ฟิวคไค้แค่เพยงบทย่อ กิบฟิอง คำ นานไม่ก้องพูกถง จะไปฟิวกมนคงานใหญ่ๆ สูตรใหญ่ๆ กันทํกี่ท่องกันหน้าทั้ง กว่าจะไค้ หรือบางงานพอหัวหน้าขนบทเต็่มมากี่ก้องกังล้มหน้านิง ฟิวคไมไค้ เพราะ ใธจ้อข้อง''รืจ่) www.kalyanamitra.org
อะไร เพฑะการฅัคทอนนั่นแหอะทำให้พระเทขวนขวายน้อยลง จะท่องก็่เฉพาะบท ทํ่จำ เป็นห้องใซ!ปวันๆ เท่ากับว่าเราโง่ลงๆ นั่นเอง ใช่หรือไม่ กงของท่านไว้อย่างนั้นแหละคแล้ว หรือจะเพั๋มเข้ามาอึกยงคใหญ่ แค่กวร กำ หนคเป็นหลักลูฅรให้พอเหมาะพอคกับเวลาทํ่เรืยนทํ่ลอน ไมใช่บังกับให้เรืยน ทั้งหมก นอกจากนั้นให้กงไว้ และหมายเหตุไว้ว่า^ตจะดูเป็นการเพํ่อเลริมปิญญา กวามรู้กึ๋โก้ ไม่ห้าม ^าหรับนู้ทเกยจคร้านจรไปฅูกี่ตามใจท่าน เพรารคนเราคงเกยจคร้านเ^ย แต้ว อย่าว่าแต่เนอหานอกหลักปีฅรเลย ในหลักปีฅรก็่โม่ฅู ธรรมะทํ่ซํ้ากันมาก เช่น ลฅิ ปิญญา ลมาธิ กึ๋ใม่กวรกักออกหรอกท่าน เพราะธรรมะเหล่านั้จำเป็นทั้งนั้นและห้องอยู่ในหมวกใกรหมวกมัน จะขากเอึยมิไห้ เช่นกำว่า ลฅิ หากเราเรืยนในหมวกธรรมมอุปการะมากแล้ว พอพบในหมวกอนอึก จะกักออกไมไห้ เพราะจะทำให้ขากองกํประกอบไป ปฏิบัติจริงแล้วไมไห้ผล และทกำกัญถ็่คือ ธรรมะtอเดยวกันแค่อยู่ต่างหมวดกันอาจมความหมาย ทแตกค่างกัน มความลกฃงค่างกันกึ๋โค้ ธรรมะประ๓ทนั้มอยู่โม่น้อย ขอเปรืยมเทยบไห^ง เหมือนนั้าปลาหรือพริกชงไข้ปรุงอาหารไห้หลายชนิก มือยู่ในก้ม แกง มัก เกือบทุกซนิคของอาหารไทย หากขากนํ้าปลาหรือพริกเอึยแล้ว อาหารชนิคนั้นจะ ขากรลชาติไปเลยทเกยว จึงห้องใส่โปห้วยทุกกรง หากว่าอาหารซนิกนั้นห้องมื เกรองปรุงนั้ร่วมวงห้วย วิธเรืยนวิธลอนธรรมะแบบง่ายๆ ก็่กือ หากไปพบธรรมะข้อไหนทํ่เกยเรืยน ผ่านมาแล้ว ถัามืลักษณะเหมือนกันมืกวามหมายอย่างเคยวกัน ก็่ให้ผ่านไปเลย บอกว่าเกยเรืยนมาแล้วและเหมือนกับในหมวกนั้ หากมืลักษณะไม่เหมือนกันจึงก่อย เรืยนรู้เพํ่มเติม เมื๋อเรืยนจบแล้วจึงก่อยลรุปเป็นภากผนวก เช่นว่าลติมือยู่โนหมวก นั้นๆ ลมาธิมือยู่โนหมวดนั้นๆ ปีญญามือยู่ในหมวกนั้นๆ จะทำให้เรืยนและลอนง่าย พร:สรรมกิตติวงศ์ 1] ๒๗๙ www.kalyanamitra.org
หากเราเรยนรวบยอคเส์ยก่อนว่าสฑิมอยู่ในหมวคนั้นๆ พอเรยนไปถึงอ่อยอธิบาย อย่างนั้จะ!เรยนยากกว่า เหมือนบอกว่านั้าปลาใช้ปรุงอาหารซนิคนั้นชนิคนั้1ก้ คูเหมือน จะ!จำยากกว่าบอกว่าอาหารซนิคนั้นซนิคนั้ต้องใช้นาปลา นั้าฅาล หอม ฯลฯ... หรือ ท่านว่าไง ถ้าจilfยนถัศแบบ^หญ่กี่ท้องเรยนความหมายเลย คือเพนว่าลติคืออะไT ลมาธิคืออรไร ปีญญาคืออรไร เรยนให้แจ่มแจ้งกันเคืยก่อน แล้วค่อยพลิกไปฅูใน หกักลูศรว่าลฅิอยู่ฅรงไหนบ้าง ลมาธิปีญญาอยูในหมวคไหนบ้าง เปีนท้น สรุปแล้ว การเรืยนธรรมะ!นั้นอยู่ทํ่ณู้รืยนฆู้ลอนจะ:เอาจริงเอาจังแกไหน มิไต้ อยู่ทํ่หลักลูฅรว่าเก่าหรือใหม่หรอกกรับ พอเรืยนจบมาแล้วและ!มืหน้าทํ่ฅอบปิญหา ธรรมะ!อย่างผม จึงจะ!รู้ถึกว่าหลักศูฅรของเรานํ่น้อยจังเลย ต้องก้นกว้าหาจากนอก หลักสูครอกตั้งมากมายเพํ่อนำมาฅอบกำถาม เพราะ:เท่าทํ่เรืยนมาในหลักสูฅรไม่พอ ทึ๋จะ:นำ มาใช้เถึยแล้ว. พระfiรืวิลุทธิวงอ่ (ทองค ป.ธ.<๙) ๒๗๖ I ไธฃ้อข้อง ริ'?.' www.kalyanamitra.org
ไขข้อข้อvlๆ จาก \"มงคลสาร\" เคือนคุลาคม kofikno กามโศย... ทุณลุรสักค พรเจริญไพ่โรจน์ ถาม เรามทลักอปางไรทจรพิจารณาว่าพรรสงฆ์อง^หน^าเรจเ!เนพรรโสคา- สกิทาคา-อนาคา หรออรหันต์ ตธบ โฅยปกฅิแล้วเราจะไม่นู้ลยา'ๆพระรูปไหนเป็นพร;โฟ้คาบัน เป็นพระ(^กิทาคาม เป็นพระอนากาม หรือเป็นพระธรหันค เพราะท่านกี่บังมเพศภาวะ การนุ่งห่ม การ ฃบฉันเหมือนพระทั่วๆ ไป ทั้งกิริยามารยาทภายนอกเรากี่ไม่อาจล้งเกฅไคัมากนัก เหคุว่าพระภิกษุธรรมคาๆ ทํ่มืกวามล้ารวม ระวงกิริยามารยาท มืกวามเรืยบร้อย น่าเลํ่อมใส และถูกล้ายเป็นอริยบุกกล กี่มือยูใม่น้อย แค่บางรูปทํ่ไม่มืกวามละอายใจฅนเอง แสร้งท่าคนให้เหมือนพระอรหันฅจน กนหลงเชํ่อเพํ่อประโยชน์แก่ปากห้อง โคยลอกเลยนแบบอากัปกิริยาซองพระอรหันค ค่อหน้ากนมากๆ เพํ่อเรืยกร้องกวามสนใจ เพํ่อให้เขารู้ว่าเป็นพระอรหันฅหรืออริย- มกกลชั้นใคชั้นหนึ่ง กี่มือยุ)ไม่น้อยเช่นกัน www.kalyanamitra.org
ในอดฅ mitfn'พฅทองกึ๋ใม่แสดงตนว่าเป็นmiอรหันต์ แม้เป็นอัครสาวก แล้วกึ๋โม่บอกใ^ครรู้ ครั้งหนํ่งไปจำพรรษาร่วมกับพรรเทวทัฅ ณ หมู่บ้านแห่งหนํ่ง ชาวบ้านกังเข้าใจผิดว่าพรรเทวทัฅเป็นพระอรทันฅ ยกย่องกับถือกว่าพระสารบดร เถืยอก ตามข้อเท็จจริงมอผู่ว่า ยู้ทํ่จร!ทราบได้ว่าท่านองคโคเฟ้นพรรอริยบุคคล รั้นไหนจรด้องเฟ้นพระ!อริยบุคคลท็สูงกว่าท่านองคนั้นเท่านั้น เช่น พระ!ลกิทาคาม ย่อมรู้ว่า เฟ้นพระ!โลดาบันเฟ้นด้น ส์าหรํฌปุจุชนแล้วไม่ลามารลรู้1ด้เลยว่าท่าน ผูไดเฟ้นพระ!อริยบุคคลรั้นไหน แฅในทางหลักการ เรารู้!คัเพยงว่าพระ!อริยบุกกลรั้นนั้นรั้นนั้ท่านลรกิเลล หรือปมทางจิฅซงเปีนเกรํ่องผูกมักใจให้เกิคเป็นปมก้อยทางจิตรั้นไค้มากน้อยเพยงไก กามตำราเท่านั้น และ:อาจประ:เมินกวามเป็นอริยบุกกลของท่านจากพฤติกรรมทํ่ท่าน แลกงออกมาทางกายและ:ทางวาจา อันปมทางจิฅนั้ภาษาธรรมะ:เรืยกว่า \"ลังโยชน์\" แปลว่า \"กิเลลท็ผูกบัด\" หรือ \"เครึ๋องผกมด\" ลังโยชน์นม ร)0 ประ!การด้วยกน ผู้เป็นพระ:โลกาบันนั้นจะ:ก้องละ!ลังโยชน์!ก้ ๓ ประ:การ คือ ลักกายทิฐ วิจิกิจฉา และ:ลัลัพพตปรามาล เพราะ:ฉะ:นั้นเราอาจประ:เมินพฤติกรรมของท่าน ไค้โกยปริยาย คือ เมอละ!ลักกายทิฐโก้ จะ:ไม่ยึดมั่นถือเป็นเขาเป็นเรา เป็นตัวเป็นตน ยก ระตับจิตใจให้เป็นโลกกรจิกไค้แล้ว คือมจิกละเอยกรั้น ยกระตับปิญญาเป็นโลทุตร- ปีญญาไก้ คือมบัญญาเท็นแจ้งในลภาวะเป็นจริงของรูปของนามว่าตกอยูในกฏแห่ง การเปลํ่ยนแปลง คือเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัฅกา จิงมิไค้ยึกเบญจขันธ์ (รูปและ นาม) ว่าเป็นตัวเขาตัวเราอกต่อไป พูคง่ายๆ ก็่คือว่าจะละกวามเท็นแก'ตัวไค้อย่าง เกี่ตขากมั่นเอง ๒๗๘ ! ไฬอข้อป๋ริ:^ www.kalyanamitra.org
เมอละวิจิกิๆฉาไค้ จะหม?!กวามลังเลฝ็งสิ'ย หมกกวามไม่แน่ใจไนกนเซง หมกกวามระแวงในปฏิปทาทฅนกำเนินอยู่ว่าฟ้นVIางรอก เปีนทางลันกิจริงหรือไม่ กือไม่มกวามเกลอบแกลงในกุณพระรักนกรัยอกก่อไป เพราะการทํ่กนไก้รู้แจ้งลรรพสิง (รูปและนาม) ไกํกี่เพราะอาลัยพระรักนกรัย จะเ!)นผู้มั่นกงในพระรักนกรัย แบ้ว่า จะมใกรจะมากล่าวกู่ กล่าวร้ายหรือให้เลิกละกวามเชํ่อถือพระรักนกรัยกี่ไม่ยอมทำ แบ้จะก้องเอานิวิกเข้าแลกกี่ยอม เมํ่อละถืลัพพกปรามาลไค้ จะไม่ประพฤฅินอกรืคนอกรอยกำลอนของพระ- พุทธศาลนาอกก่อไป ไม่ประพฤติในลิงเหลวไหลนอกศาลนา เข่น การทรมานร่างกาย ค้วยวิธการก่างๆ การทรงเจ้าเข้าข การถือวกรแบบแปลกๆ เบ็เนก้นว่า ไม่นอน ไม่กักผม อะไรทำนองน เพราะมาเหี่นว่าพฤกิกรรมเหล่านเ!เนการกระทำนอกทาง นอกกำลอนของพระพุทธศาลนา พฤกิกรรมหรือการแลกงออกของโลกาบันบุกกลจะมลักบโนะเข่นว่กน ง เราพอจะพิจารณาไค้ว่าใกรเป็นอริยบุกกลระกับนบ้าง ผู้เป็นลกิทากามบุทกลนั้นจะก้องละลังโยขน ฃํ่งเป็นเกรืองผูกมักจิกไค้ 'ฑ อย่างเหมอนโลกาบันบุกกล เป็นแก่ว่าลามารถทำให้รากะ โทละ โมหะเบาบางลงไค้ แก่ใม่ถืงลับกำจักไค้เสิยเลย เราจิงพอลังเกกไค้ว่าผูใคหมกกวามเหี่นแก'กว เถือมัน ในพระรักนกรัยอย่างแน่นแฟ้น ไม่ยึกถือในลิงเหลวไหลไร้ลาระ นอกรืคนอกรอย ทางศาลนา และมรากะ โทละ โมหะน้อย กือแทบจะไม่มในท่านผู้นั้นเลย พึงทราบ ว่าท่านยูนั้นกอผู้เป็นลกิทากามบุกกลในกวามหมายนั้ ผู้เป็นอนากามบุกกลนั้น จะก้องละลังโยขนใค้ & ประการกือ ๓ ประการ เหมือนลับโลกาบันบุกกลและลกิทากามบุกกล ลับละกามรากะ และปฏิฆะไค้เค็่กขาก กือท่านจะไม่มืกวามยินกยินร้ายในรูป รล กลิน เถืยง ลัมผัลอกก่อไป ไม่ปรารถนา ไม่บุ่งแลวงหากวามลุขทางเนั้อหนังบังฟ้าก่อไปแล้ว และจะไม่โกรธไม่พยาบาทใน บุกกลใคๆ ทั้งสิน พร้อมจ;ให้อลัยในกวามผิฅของทุกกน แบ้ว่าผู้นั้นจะบุ่งร้าย หมายถืวิกท่านกี่คาม จะไม่ผูกใจเจ็่บก่อผูใกทั้งสิน ฬระธรรมกิคติวงศ์ I ^>๗๙ www.kalyanamitra.org
ยู้ฟ้นพระ:อรหันคนั้นจรลรสื■ง!ยชนกรบทั้ง ๑0 ประการไก้กอ ฅะรูปราศร (กวามยินฅในรูปภพหรือภพชองรูปพรหม) ละอรูปราศร (กวานยินคในอรูปภพหรือ ภพชองรูปพรหม) ถะมานร (กวามสำกัญผิฅในคัวกน) ละอุทธัจจร (กวามพล่าน กวามฟ้งซ่านไปกามกวามกิค) และละอวิชชา (กวามเขลาอันเปีนเหตุไม่รู้จริง) เสียไค้ พูฅง่ายๆ กี่กือท่านผู้เป็นพระอรหันกนั้นกิเลลคัณหานานาประการจะไม่อาา แผ้วพานหรือทำจิกชองท่านให้กกอยู่ในอำนาจไค้anLลย ท่านเป็นผู้บริลุทฐมุคม่อง หังกาย วาจา และใจ โกยประการทั้งปวง ข้อสำกัญเวลาคูพระอรหันฅค้องกกันนานๆ มิใซ่ว่าคูกันประเคึ๋ยาประก๋าๆ แล้วทึกหักเอาว่าท่านผู้นนผู้นึ้เป็นพระอรหันก๋ โกยคูเพ็ยงกิริยามารยาทและกำพูก กำ จาทแอกงออกมาหน้าฉากชโนะทั้นเท่านั้น เพราะกไม่ทึอาจไปเจอพระอรหันก๋ ประเภทอรหันคๆมเข้า เล่ากันมาว่าในกรั้งพุทธกาล พระสนองใสรูปหนงกังให้ลูกกิษยชุกหลุมโ!ง ตุ่มไวในกุฏิ เอาฝาปิคอย่างมิคซิก รูกันเพยง ๒ กนกือกนกับลูกกิษย่ แล้วกังให้ ลูกกิษยอยู่หน้าห้อง กๆเองอยู่ข้างใน เมือมกนมาหา ลูกกิษย่จะกะโกนคังๆ ทำ นอง ■ล่งกัญญาณว่าท่านอยู่ช้างใน เช้าไปหาท่านซิ อาจารย่อยู่ช้างในทราบกัญญาณแล้ๆ รืบเจกฝาตุ่มมุคไปซ่อนอยู่ในตุ่มอย่างรๆคเรี่ๆ กนทึ่มาเช้าไปคูจึงมองไม่เทื่น กลับ ออกมาถามลูกกิษย่หน้าห้องอกว่าไม่เห็่นมืใกรในห้อง ลูกกิบย่กี่บอกว่ๆมืซิ ท่านนั่ง อยู่บนเกยงนนไง กนจึงเช้าไปถูใหม่ อ้าว...ท่านนงป๋อเกยวหมากตุ่ยๆ อยู่บนเกยง นิ่เอง ทำ ไมเมิ่อทั้!ม่เห็่น ท่านกงเป็นพระอรหันก๋แน่ กลับบ้านไปโมษณาเสียไหญโฅ เลย ถวายกักการะกันมากมล สบายไปทั้งกิษย่ทั้งอาจารย่ เรั้องชองอรหันก๋ตุ่มกี่จบลง ค้วยประการจะนั้ 'ฟ้พุ่เ('เ แๆมวิรกๆTคำรงชวิคอย่างไรใน^วํคปnจำวัน ทึ๋จ£กำจ้'คกิเลสตัฌกาให เบาบางลง ๒๘0 I ไจฬ้ข้QJ ริจ www.kalyanamitra.org
ต^' วิธการศ่ารงรึiวฅประจำวันmอละกิเ{เฝ็ ตัณหา อุปาทานให้เบาบางกงนั้น ในพระทุทธกาฟ้นาท่านวางแบบแขนไว้ ๘ ประการห้วยกัน โกยเรํ่บจากการปฏิบักิ จากง่ายไปหายากขนฅามกำตับ และเมอปฐบักิไห้ถูกห้องทั้งหมฅ และปฐบักิไห้ จริงๆ จังๆ แล้ว จะกำจักกิเลส ตัณหา อุปาทานไคทั้งหมกจริง แบบในการคำเนินซวิตคามแนวทุทธนั้นก็่คือมรรคมองก ๘ นั่นเอง มรรก ๘ นั้ถือว'าเปีนมัชฌิมาปฏิปทา ชงอาจนำมาประยุกฅใขกับการ กำ เนิน^วิฅประจำวันของบุกกลไห้อย่างดและไห้อย่างพอเหมาะพอกิเกํยห้วย เพราะ เป็นการกำ เนินขวิฅแบบไม่ย่อหย่อน ไม่ฟ้งเฟ้อหริอสุรุ่ยสุร่ายจนเกินไป และไม่กิง เกริยคแห้งแล้งจนเกินไป เมถปฏิมักิฅามมรรก ๘ แบบโลกๆ กื่จะไดริบขลกึอ กวามสุฃแบบโลกๆ (โลกิยสุข) ถอง^ก^าก้นคว้าITธงมTTfๆ <๙ ใmfงๆ ก้งๆ เป็ค เราครทnบไก้ว่าเปีน ทางรอคทางเคยวทํ่จรทำ^ฅให้พัน'^ากภาวรเปีนทาของกิเธส ฅัพหๆ อุปาทาน โก้'/ริง แถรเนื๋ปีปฏิบัติคามมรรค ๘ ธย่างไม่ขาคฅกบกพร่ธงแก้วครไก้นธคังกล่าว 'รริงเปียก้วย แค่เมธเราปฏิบัติไมไก้ครบทั้ง ๘ หรืธแบบย่ธทย'ธน กื่พธวรบรททา พวกกิเถป ก้ฌหา อุปาทานให้เบาบางตงไก้บ้าง ในเชิงปฏิบัติจริงนั้นย่อมเป็นการยากทจะละไห้ อย่างเช่น การละอุปาทาน กวามยึกมั่นถือมั่นว่ายงเป็นตัวเป็นคน ยังเป็นของตัวของฅนอย่ แก่จะละอุปาทานนั้ อย่างเคยวก็่มับว่ายากมักยากหนากำหรับซาวบ้านมั่วๆ ไปแล้ว เพราะกวามหลงขิก เช้าใจผิคทมั่งสมกันมานานว่าตัวมของตัวมมั่นเอง เมํ่อยังยึดว่าตัวนของตัวมนแหละ จํงทุกฃกันไม่มวันจบสินกันกักท กวามจริงในบางขณะเราสามารถหยกไจจากกวามกิกว่ามตัวนของตัๆ ว่า เป็นตัวเป็นของตัวไห้ เช่นในเวลานอนหลับเป็นห้น ในขณะนั้นใจของเราเช้า^ภาวะ อันหนึ๋งถือภาวะ \"ว่างจากตัวคน\" หริอ \"ไม่มตัวคน\" แล้ว ในขณะนั้นเราจะรู้สืก เป็นสุข ไม่ว้าวุ่นและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หรือขณะใดเราสามารถสร้างภาวะว่าง จากตัวกนไม่นตัวตนให้เกิดในใจไห้ กวามทุกขก็่ถูจะไม่มเลย เช่นเนอเกี่กทำแก้วนั้า www.kalyanamitra.org พร:ธรรมกดทวงศ์ .1 ๒๔ร
ฅกแฅกฅ่อหน้า เราทำใจว่าแก้วเป็นซองแฅกไฅ้ มันไค้แฅกไปตามสภาว;!ของมันแก้ว มันมิไซ่ซองของเรา แต่เราไปยฅถือมันต่างหาก กิดไค้ตังนิ้แก้ววางเฉยเถืย บอก ไห้เค็่กไปเอามาไหม่ เราลองนกฅูกี่จะเห็่นไค้ว่าไนขณะนั้นกวามเคือตร้อน กวาม เถืยคาย กวามไม่พอไจ หรือกวามทุกฃ์อะไรจะไม่มแก่เราเลย เพราะไจมันว่างจาก กวามยึคถือว่าเป็นของของเรา หากไนขณะนั้นไจกิคว่ามันเป็นของของเรา เคี่กมัน มาทำของของเราแตก เราจะเกิคกวามโกรธฃ็้นมา จิคกี่จะถูกกวามมตัวมของตัว เข้ามาแทรกทันท และแก้วกวามทุกขกื่จะคามมา เพราะเกิคเถืยดายของคือแก้วทํ่ แตกไมนั้น ในทำนองเคยวกัน เนอของชองนู้อนหาย ทำ ไนเราจื้งไปทุก^จเฅึอคร้อน โปกiเขาฅ้วย แค่เนึ๋อของของเราหาย ทำ ในเราจงเปีนทกชเดือคร้อน เพราะในของ ผู้อึ๋นใจของเราไนไค้ปีฅถือนันไว้ ค่วนของของเรา ใจไปปีฅนันไว้ หรือเมึ๋อญาฅิของ เขาตาย ทำ ไนเราไม่เปียใจร้องไห้ เพราะในญาติของเขาใจเราว่างจากควานยึฅถือ ว่าเปีนของของเรา หากเปีนญาติของเราทาย เราเปียใจร้องไห้เพราะใจเราไปปีฅว่า นั่นดือญาติของเรา เรึ๋องของเรื๋องเปีนเช่นนิ้ รวมความแก้วเจ้าอปาทานคือความยคถือว่าเป็นตัวมตัว ยคถือว่าตัวเป็น ตัวมนั้แหละทำไห้เกิดทุกข์ทั้งมวล หากปล่อยวางไห้จิตว่างจากตัวจากของตัว จนกระทั่ง \"ไม่มตัว\" หรือ \"ตัวไมม\" หรือ \"ตัวหาย\" ไค้เมึ๋อไค เมึ๋อมันแหละ ความทุกข์ทั้งมวลจะหมดไปเองโดยอต่โนมัติ ความสฃจะเข้ามาแทนทเอง โดย ไม่ค้องแสวงหา จะไห้อุปาทานหมดไปไค้ก็่ค้องก่อยๆ พิจารณาสกาวะกวามเป็นจริงของ ร่างกายไห้เหี่นเป็นของเปลยนแปรไปเสมอ ทนอยู่ไนสกาพเดิมไมไค้ และบังตับ- บัญชาไมไค้ พิจารณาอย่างนั้ทุกวันๆ และดูตัวเองทุกวันๆ ว่ามันเปลํ่ยนแปลง อย่างนั้นหรือไม่ อุปาทานไนเรองนั้จะหมดไปเอง พูดก็่เหมือนง่าย ทำ ดูออกจะยาก แดไม่ยากจนเกินไปส์าหรับกนจริง ๒๘๒ I ใฬ้อข้อป๋^^ www.kalyanamitra.org
ถาม การบวซเ ภิกษุเทfflfiจงนยกเ^นพร:!มหานิกายแล£ffTรมยด ตอบ การแยกสงฆออกเป็นน็กายกึอ เป็นมหานิกายและ:ธรรนยุฅน็้เป็นเรองทาง การปกกรองกณะสงฟ้ใทย นิไฅ้เกํ่ยวกัมกวามเป็นพระหรือไม่เป็นพระ; มิไก้เกยวกับ กำ สอนทํ่แคกด่างกันออกไปเหมือนแบ่งเป็นพระสงฟ้เถรวาทแสะมหายาน ทั้งพระ มหานิกายแสะพระธรรมยุฅด่างก็่เป็นพระไทยก้วยกัน มืกํส ๒๒๗ เท่ากัน ระเมยม วินัย การกํกษา หลักสูตร ข้อสอบ การบุ่งห่มค้วยไกราวรแสะวักรปฏินัฅิอนๆ กี่ เหมือนกันหมก มิไค้แกกด่างกันเสย หากไปเห็่นพระรูปหนงเกินอยู่แถวศลากอาา าะไม่ทราบเลยว่าท่านเป็นพระมหานิกายหรือพระธรรมยุก กังกล่าวมาแล้วว่า การแบ่งเป็น ๒) นิกาย เป็นเรองฃองการปกกรอง อย่างเกิยว กือแยกลังกักกันอยู่เท่านั้น เหมือนผู้'มือาร็่เพกรู เป็นกรูเหมือนกัน กินเงินเสือนเหมือนกัน แด่อยู่กันกนสะลังกัก เช่น เป็นกรูขององกํการฯ กระทรวง มหากไทย กรูของกระทรวงสืกบาฯ กรูชองกทม. เป็นค้น ข้อล่ากัญกี่กือ เรองของพระสงฆทถูกแบ่งแยกมาแด่สนัยกลางยุกรักน- โกสินทรเพราะกวามย่อหย่อนทางวินัยเป็นเหตุอ้างของผู้'แบ่งแยก แด่เมึ๋อพระสงฆ ไทยมืระเบยบวินัยและรักษาระเปียบวินัยเสมอเหมือนกันแล้ว พระสงฆกี่เข้ากันไค้ ทั้งสองนิกาย ไม่มืกวามเหสํ่อมลํ้ากาสูงในเรึ๋องกวามกิกเหึ๋นแถะการรักษากิล กบหา สมากมกันสืเหมือนพํ่น้อง แม้ว่าจะมืลังกัคทด่างกันเพราะไกัรับมรคฑมาอย่างนั้น กี่คาม แด่หากจะมืความรุนแรงเกิกขน หรือมืกวามไม่เข้าใจกัน มืกวามชักแย้ง ถือเราถอเขา ถือพวกถือหมู่ ถือยศถือกักกิ ถือกำเนิก หรือถือกาถือสูงเกิกขน กี่พงทราบเถิกว่านั่นเป็นเรื่องเฉพาะบุกกล ไม่เกี่ยวกับลังกักแสะเป็นเรื่องของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่นังกรอบกลมอยู่อย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น ในขณะนั้หรือในขณะไหนกี่กามกวามค้องการของกณะสงฟ้ไทยกี่สือกวาม สานักกิของคณะสงฟ้โหย กวามกิกเหี่นทลงรอยเป็นอันเสืยวกัน {ทิฏฐสามัญญกา) และความประพฤกิในระเปียบวินัยกี่เท่าเทยมกัน ไม่แกกด่างกัน (สิสสานัญญกา) www.kalyanamitra.org พระสรรมกิตติวงศ์ 1 ๒๘๓
นถ:;ความฅ้ธงกาTGนนิ้ณ็่ป็นเๆวามฅ้ธงกาTชตง ฟธ\" noww- าH'มพุทธmซองLTาทั้งหธายต้วย ;^ามุ มีmรข้างบ้านองคหนึ๋งไค้มาดูดวงช:!ตาให้ผม แล:!บอกว์าผมกำล้งมี inรารพ ให้บูชาพรรราหู ร>๒ วัน โดยทำธงมีคำ ร)!รท อน แลรสวดดาถา รชคดสูตร ร)!รท จบ ชอถามว่าการสรเดารเดรารห้โดยวิรน ให้ผลปรรการใด สามารถทำให้ดวงชรคาดขนทรอไม่ ■พจบ 1รองการผูกควง คูควงซะตา และการสะเคาะเกราะหนเป็นเรึ๋องทางโหรา- สาสฅรมิใพุ่ทธศาสคร์ เพราะทุทธกาสคร์กะไม่ฟ้อนเรํ่องเหล่านิ้เลย เรํ่องฤกษ ยาน เกราะห์ต่างๆ กี่มิไค้ฟ้อนไว้ ทั้งนิไค้ฟ้นบฟ้นุนให้พระฟ้งฟ้ทำค้วย ทุทรศาสครจะสธนไว้ว่า ถ้าคนเราประพฤติค้ค้วยกาย วาจา ใจ ในคธบ เช้า คอนเช้าก็่จะเป็นเวลาฤกษค ยามค เคราะห้คใปค้วย เรยกว่าเวลาทั้ทำ ความค้นนแหละเป็นเวลาทั้คเหมาะฟ้มทั้สุค และการฟ้ะเคาะเกราะหโคยวิธั๋ทั้กุณทำนก็่มิใช่วิธการทางพุทธกาฟ้ตรค้วย เหมือนกัน ทึ่กุณทำทั้นกี่ค หรอทั้นิยมทำกันทั่วๆ ไปก็่ค้ เป็นการนำโหรากาฟ้ฅร มาประยุกค้เข้ากับพุทธกาฟ้คร กอนำพระฟ้ครในพุทธกาฟ้ฅร!ปใข้ค้วย บางแห่งก็่ ให้พระมาทำพิธกังวัธยายพระฟ้ครนนๆ โคยให้ขู้ฟ้ะเคาะเกราะห่น่งห่มอย่างนั้น อย่างนั้ รับสืลก่อนแล้าฟ้งพระฟ้าธยาบมนค เหล่านั้นถือว่าประยุกค้กันเข้าระหว่าง กาฟ้ฅรทั้งฟ้อง การกรรทำค้งกล่าวย่อมไค้ผลแน่นธน กึธผู้ทำไค้ทวามสบายใจ เพรารการ ไท้รัว่าตัวเองมีเทรารห้ร้าย ตัวเองจรโขดไม่ท้เปีนกวามทรมานทางใจอย่างมาก ทำ ให้ ไม่สบายใจ คิคมาก บางทนกินไมไค้นอนไม่หลับ จนกว่าจรไม่ทำๆ เพึ๋อแก้เทรารห้ เมียให้หมคเรองลันไม่ ทำ แต้วกึ่โถ'งอก สมองก็่ม่ตรทโม่ร่ง เกิฅกวาม \"มั่นใจ\" ใน การทำงานซนมา ใจจ้อจ้อง% www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320