92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103 กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบญั ญัตใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 และมาตรา 65 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ 1 การรังวดั ทาแผนท่เี พอ่ื ออกโฉนดท่ีดนิ ใหก้ ระทาได้ 2 วธิ คี ือ ((1) แผนท่ชี ั้นหน่ึง กระทาโดยวธิ ีใช้กลอ้ งธีโอโดไลท์โยงยดึ หลกั เขตวัดงา่ มมุม ภาคของทศิ ระยะ และคานวณเปน็ ค่าพกิ ดั ฉากสบื เนอ่ื งจากหมดุ หลักฐานโครงงานแผนท่ี และคานวณเน้ือที่โดยวิธีคณิตศาสตร์ จากค่าพกิ ดั ฉากของแต่ละมมุ เขต) (ความใน (1) ของข้อ 1 ถกู ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี 49 (พ.ศ. 2544)ฯ และให้ใชค้ วาม ต่อไปน้ีแทน) (1) แผนทีช่ นั้ หนง่ึ กระทาโดยการใช้กลอ้ งธโี อโดไลท์และเครอ่ื งมือวัดระยะโยงยดึ หลักเขตวัดงา่ มมมุ ภาคของทิศ หรอื ใช้กลอ้ งสารวจแบบประมวลผล หรอื การรงั วดั ด้วย เครื่องรับสญั ญาณดาวเทยี มหรือดว้ ยเคร่ืองมือสารวจประเภทอนื่ ทม่ี คี วามละเอยี ดถกู ต้อง ไม่ต่ากว่าเกณฑม์ าตรฐานที่กรมที่ดินกาหนด โดยคานวณเป็นค่าพกิ ดั ฉากสืบเนือ่ งจาก หมุดหลกั ฐานแผนทข่ี องกรมที่ดนิ และคานวณพน้ื ท่ีโดยวธิ คี ณติ ศาสตร์จากคา่ พกิ ัดฉาก ของแต่ละมุมเขต (2) แผน ท่ชี ัน้ สอง ซ่งึ ใช้แผนทรี่ ะวางเป็นหลกั กระทาโดยวธิ ีวดั ระยะเปน็ มมุ ฉาก หรือ วัดระยะสกดั เป็นรปู สามเหล่ียมจากเส้นหมดุ หลักฐานโครงงานแผนทหี่ รือโดยวิธจี ากรูปถา่ ย ทางอากาศ และคานวณเนอ้ื ทโ่ี ดยวธิ คี ณิตศาสตร์ หรอื โดยมาตราส่วน ที่ดินบริเวณใดควรกระทาโดยวธิ ีใด ให้อธบิ ดกี าหนด ข้อ 2 ท่ีดนิ ในแผนทร่ี ะวางออกโฉนดที่ดินซง่ึ ทาการรงั วัดเพื่อออกโฉนดทีด่ ินไว้แล้ว โดยวธิ แี ผน ทีช่ นั้ หนง่ึ หรือโดยวิธแี ผนที่ช้นั สอง เมอ่ื มคี วามจาเป็นต้องรงั วัดใหม่ ให้ทาการรังวดั โดยมีมาตรฐานเท่าเดิมหรือดกี วา่
104 ขอ้ 3 เพอื่ ใหเ้ ส้นเขตท่ีดินทท่ี าการรังวดั เป็นเสน้ ตรงไม่คดไปคดมา ใหเ้ จา้ ของทีด่ ิน ทง้ั สองฝ่ายทาความตกลงกาหนดเส้นเขตเสียใหม่ ใหเ้ ปน็ เสน้ ตรงเสน้ เดยี วหรือหลายเส้นตอ่ กนั ได้ เมื่อตกลงกันประการใด ให้พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ทาการรงั วัดไปตามน้ัน ให้ไว้ ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรอื โท สนุ าวินวิวฒั รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 71 ตอนที่ 82 (ฉบบั พเิ ศษ) วนั ที่ 11 ธนั วาคม 2497)
105 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 7 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 อาศยั อานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญตั ใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 77 มาตรา 78 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดังตอ่ ไปนี้ (ขอ้ 1 ภายใตบ้ ังคบั ขอ้ 8 และขอ้ 9 บคุ คลใดมคี วามประสงคจ์ ะขอทาการจดทะเบียนสทิ ธิและ นติ กิ รรมให้บคุ คลนน้ั ยนื่ คาขอตามแบบ ท.ด. 1 ท้ายกฎกระทรวงน้ี พรอ้ มดว้ ยส่งโฉนดที่ดินหรอื หลักฐาน อยา่ งอื่นตอ่ พนกั งานเจ้าหนา้ ที่) (ความในข้อ 1 ถกู ยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี 42 (พ.ศ. 2536) ฯ และใคหว้ใชาม้ ตอ่ ไปนแ้ี ทน) (ข้อ 1 ภายใตบ้ งั คับขอ้ 8 และข้อ 9 บคุ คลใดมคี วามประสงคจ์ ะขอทาการจดทะเบยี นสทิ ธิและ นติ กิ รรม ใหบ้ คุ คลน้ันยืน่ คาขอตามแบบ ท.ด. 1 สาหรับท่ีดนิ ท่ีมีโฉนดทด่ี ิน หรอื แบทบ.ด. 1 ก สาหรับท่ีดนิ ที่ยัง ไม่มโี ฉนดทดี่ ินและอสังหารมิ ทรัพย์อย่างอนื่ ท้ายกฎกระทรวงน้ี พร้อมท้งั แนบหนังสือแสดงสิทธิในทด่ี ินหรอื หลกั ฐานอย่างอืน่ ตอ่ พนกั งานเจ้าหน้าท่ี) (ความในขอ้ 1 แหง่ กฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497)ฯ ซึ่งแกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี 42 (พ.ศ. 2536)ฯ ถกู ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 52 (พ.ศ. 2549)ฯ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน) ข้อ ๑ ภายใตบ้ งั คบั ข้อ 8 และขอ้ 9 บคุ คลใดมีความประสงค์จะขอทาการจดทะเบยี น สทิ ธิและนิติกรรม ใหบ้ ุคคลนน้ั ย่นื คาขอตามแบบ ท.ด. ๑ สาหรบั ที่ดนิ ที่มีโฉนดที่ดิน หรือแบบ ท.ด. ๑ ก สาหรบั ทีด่ นิ ที่ยังไม่มโี ฉนดทีด่ นิ และอสังหารมิ ทรัพย์อย่างอ่ืน พร้อมท้ังแนบหนังสอื แสดงสิทธิในทีด่ นิ หรอื หลกั ฐานอยา่ งอื่นตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าที่ แบบ ท.ด. 1 และแบบ ท.ด. ๑ ก ตามวรรคหนึ่งให้เปน็ ไปตามที่อธบิ ดีประกาศกาหนด ข้อ 2 กอ่ นทาการจดทะเบียนใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าที่สอบสวนในเร่อื งดงั ต่อไปน้ดี ้วยคือ (1) สิทธิและความสามารถของบคุ คลรวมตลอดถึงความสมบูรณ์แหง่ นิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์
106 (2) ขอ้ กาหนดสทิ ธิในท่ดี ินและการคา้ ทด่ี ิน หรือการหลกี เล่ียงกฎหมาย เช่น การไดม้ า ซงึ่ ทด่ี นิ เพ่อื ประโยชนแ์ ก่คนต่างด้าว (3) การกาหนดทนุ ทรัพย์สาหรับเสยี ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียน ขอ้ 3 ในกรณีที่เหน็ เปน็ การสมควร พนักงานเจา้ หน้าท่ีจะให้คู่กรณนี าพนกั งานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหนา้ ทีอ่ ืน่ ไปตรวจสภาพของทีด่ นิ หรอื อสงั หาริมทรพั ยอ์ ยา่ งอนื่ โดยค่กู รณีเปน็ ผูอ้ อก ค่าใชจ้ ่ายเองกไ็ ด้ ข้อ 4 นิตกิ รรมทค่ี ูก่ รณีขอใหจ้ ดทะเบียนนน้ั ถ้าทาในรปู หนงั สอื สัญญา ใหท้ าเปน็ คู่ฉบบั เพื่อเก็บไว้ ณ สานกั งานทดี่ ิน 1 ฉบับ และมอบใหผ้ ู้เป็นฝ่ายอีก 1 ฉบบั หรอื 2 ฉบับ แลว้ แต่กรณี ถ้าทาเปน็ รปู บนั ทึกข้อตกลงใหท้ า 1 ฉบับ เพื่อเก็บไว้ ณ สานักงานท่ีดิน (ขอ้ 5 การ จดทะเบยี นสทิ ธิและนติ ิกรรมเก่ียวกบั ที่ดนิ หรืออสงั หาริมทรพั ยอ์ ย่างอ่ืน ซ่ึงตอ้ ง จดทะเบียน ณ ท่ีว่าการอาเภอ หรือกิ่งอาเภอ ให้ดาเนินการตามท่กี ล่าวใน ข้อ 1. ข้อ 2. ข้อ 3. และข้อ 4. โดยอนโุ ลม แต่ตอ้ งประกาศการขอจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรม มีกาหนด 30 วนั ประกาศน้นั ให้ปิดไวใ้ นทเี่ ปิดเผย ณ ทีว่ ่าการอาเภอ หรือกงิ่ อาเภอ 1 ฉบบั ท่บี ้านกานนั 1 ฉบบั ณ ทด่ี ินหรอื อสงั หารมิ ทรพั ยอ์ ยา่ งอ่ืน นนั้ 1 ฉบบั ในเขตเทศบาลใหป้ ิดไว้ ณ สานักงานเทศบาลอกี 1 ฉบับด้วย) (ความในข้อ 5 ถูกยกเลิกโดยขอ้ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบับท่ี 35 (พ.ศ. 2531)ฯ และให้ใช้ความ ตอ่ ไปนแ้ี ทน) ขอ้ 5 การจดทะเบยี นสิทธิและนิตกิ รรมเกี่ยวกบั ท่ีดนิ ทยี่ ังไม่มโี ฉนดท่ดี ิน ใบไต่สวน หรือหนังสือรบั รองการทาประโยชนต์ ามแบบ น.ส. 3 ก. หรอื เกย่ี วกับอสังหารมิ ทรัพย์อยา่ งอน่ื ในท่ดี นิ ดังกลา่ ว หรือเกยี่ วกบั อสังหารมิ ทรัพยอ์ ย่างอ่ืนในทีด่ ินทม่ี โี ฉนดทดี่ ิน ใบไต่สวน หรือ หนังสอื รบั รองการทาประโยชนต์ ามแบบ น.ส. 3 ก. ในกรณไี มร่ วมกับทด่ี ินดงั กล่าว ใหป้ ระกาศ การขอจดทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรมมีกาหนดสามสบิ วัน ประกาศตามวรรคหนงึ่ ให้ปิดไวใ้ นทเ่ี ปดิ เผย ณ สานักงานที่ดนิ ท้องทีซ่ ึ่งทดี่ นิ หรอื อสงั หาริมทรพั ยอ์ ยา่ งอนื่ ต้ังอยู่ สานกั งานเขตหรือที่ว่าการอาเภอหรอื ทว่ี า่ การกงิ่ อาเภอทอ้ งที่ ทีท่ าการแขวงหรอื ที่ทาการกานันท้องที่ และบริเวณทด่ี ินหรืออสังหาริมทรพั ย์น้นั แหง่ ละ หน่งึ ฉบับ (ขอ้ 6 การจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรมดงั ต่อไปนี้ ไม่ต้องประกาศตามความในข้อ 5 คือ การจดทะเบยี นเลกิ สิทธิ หรอื นิตกิ รรม เช่น เลกิ เชา่ หรอื เลิกภารจายอม เปน็ ต้น การไถถ่ อนจานองหรือ ขายฝาก การขึ้นเงนิ หรือผ่อนต้นจากจานอง การโอนสิทธิการรบั จานอง การโอนหลุดเปน็ สทิ ธจิ ากจานอง การปลดเงอ่ื นไขการไถห่ รอื การโอนสทิ ธกิ ารไถ่จากการขายฝาก การไถ่ถอนจากผูร้ ับจานองหรือผู้ รบั ซ้อื ฝาก แล้วกระทาการจดทะเบยี นประเภทอืน่ ต่อไปวันเดยี วกบั การไถถ่ อนนัน้ การจดทะเบยี นประเภทใดๆ ทีไ่ ดก้ ระทา ตดิ ตอ่ ในวนั เดียวกัน ในเมื่อการจดทะเบยี นลาดับแรกได้มีประกาศมาแลว้ การจดทะเบยี นใดๆ เก่ียวกบั ทด่ี ิน
107 ซึ่งมีตราจองท่ตี ราวา่ “ไดท้ าประโยชนแ์ ล้ว” หรือมีใบไต่สวน การจดทะเบยี นการโอนตามคาสัง่ ศาล การจด ทะเบยี นการขายทอดตลาดโดยมกี ารบงั คับคดที างศาล หรือการจดทะเบียนการโอนโดยคาสง่ั พนักงานเจ้าหน้าท่ี ผมู้ ีอานาจตามกฎหมายอน่ื ) (ความในขอ้ 6 ถูกยกเลิกโดยข้อ 1 แหง่ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 33 (พ.ศ. 2526)ฯ และใหใ้ ชค้ วาม ต่อไปน้แี ทน) ขอ้ 6 การจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรมดงั ตอ่ ไปนี้ ไม่ต้องประกาศตามความใน ข้อ 5 คอื (1) การจดทะเบียนเลิกสิทธิหรอื นติ ิกรรม เชน่ เลกิ เชา่ เลกิ ภารจายอม เป็นต้น (2) การจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมทีเ่ ก่ียวเนอ่ื งกับการจานอง เช่น การไถถ่ อน การขน้ึ เงนิ การผ่อนต้น การโอนสิทธิ การโอนหลุดเป็นสิทธิ การโอนชาระหน้จี านอง การแกไ้ ข เปลยี่ นแปลงจานองหรอื หน้อี ันจานองเป็นประกัน เปน็ ต้น (3) การไถถ่ อนจากการขายฝาก การปลดเงอ่ื นไขการไถ่หรอื การโอนสทิ ธิการไถจ่ าก การขายฝาก (4) การจดทะเบียนการได้มาจากการขายทอดตลาดโดยมีการบงั คบั คดที างศาล (5) การจดทะเบยี นตาม (2) (3) หรอื (4) แลว้ จดทะเบียนสทิ ธิและนติ ิกรรม ประเภทอืน่ ต่อไปในวันเดียวกนั (6) เมือ่ มีการประกาศการขอจดทะเบียนสทิ ธิและนติ กิ รรมประเภทหนึ่งประเภทใด ไวค้ รบกาหนดแลว้ ต่อมามกี ารตกลงเปลี่ยนประเภทการจดทะเบียนหรือเปลีย่ นคกู่ รณี ฝ่ายผรู้ บั สญั ญา (7) การจดทะเบยี นสิทธแิ ละนติ กิ รรมประเภทหนงึ่ ประเภทใดซึง่ ได้กระทาติดต่อ ในวันเดยี วกันเม่อื การจดทะเบยี นลาดับแรกนัน้ มีการประกาศตามขอ้ 5 แล้ว (8) การจดทะเบียนการโอนตามคาส่ังศาล (9) การจดทะเบยี นการโอนตามคาส่งั พนกั งานเจา้ หน้าทผี่ มู้ อี านาจตามกฎหมายอ่ืน ((10) การจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ กิ รรมเกย่ี วกบั ท่ีดินท่ีมหี นงั สอื รับรองการทาประโยชนต์ ามแบบ น.ส. 3 ก. หรืออสังหาริมทรพั ย์อยา่ งอ่ืนในทดี่ นิ ดงั กล่าวรวมกับทด่ี นิ ) (ความใน (10) ของขอ้ 6 น้ี ถกู ยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 35 (พ.ศ. 2531)ฯ) (มคี วามเพิ่มข้นึ เป็นขอ้ 6 ทวิ โดยข้อ 1 แหง่ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 23 (พ.ศ. 2515) ฯ ดังตอ่ ไปนี้) (ข้อ 6 ทวิ การจดทะเบยี นสิทธิและนิตกิ รรมเกย่ี วกบั ท่ีดินทมี่ ีหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ ตามแบบ น.ส. 3 ก. ไมต่ ้องประกาศตามความในขอ้ 5) (ความในขอ้ 6 ทวิ น้ี ถูกยกเลิกโดยข้อ 2 แหง่ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 33 (พ.ศ. 2526) ฯ)
108 ข้อ 7 ในการประกาศตามความในขอ้ 5. ถ้าไมม่ ผี ู้ใดคดั ค้านภายในกาหนดเวลาแล้ว ใหด้ าเนินการจดทะเบียนตอ่ ไป ในกรณที ี่มีผคู้ ดั ค้าน ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าท่ีสอบสวนพยานหลักฐาน และทาการเปรยี บเทียบทง้ั สองฝา่ ย ถ้าตกลงกันได้ ให้ทาหนังสอื สญั ญาประนีประนอมยอมความ ไว้แลว้ ดาเนินการตามนัน้ ถ้าตกลงกันไมไ่ ด้ ใหง้ ดดาเนนิ การไว้แล้วแจง้ ใหท้ งั้ สองฝ่ายไปจัดการ ฟ้องร้องว่ากลา่ ว กนั ต่อไป และเมอ่ื มีคาพิพากษาถึงทสี่ ุดแลว้ จงึ ดาเนินการจดทะเบียนตามผล แห่งคาพพิ ากษา ข้อ 8 การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ซ่งึ ไดม้ าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1382 ใหด้ าเนินการดังนี้ (1) ผู้ได้มาตอ้ งยื่นคาขอตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าทีพ่ รอ้ มด้วยคาพพิ ากษา หรือคาสง่ั ศาล อนั ถึงที่สุด แสดงวา่ ตนมีกรรมสทิ ธ์ใิ นทด่ี ินดงั กล่าวนนั้ (2) ถา้ ผ้ไู ด้มาได้กรรมสิทธ์ทิ ีด่ นิ มาเตม็ ตามโฉนดท่ดี นิ ให้พนักงานเจา้ หน้าท่ีจดทะเบียน ในประเภทไดม้ าโดยการครอบครอง (3) ถ้าโฉนดทด่ี ินมีช่อื บุคคลคนเดียวหรอื หลายคนแต่ผู้ไดม้ าไดก้ รรมสทิ ธเิ์ ฉพาะสว่ นหน่ึง ส่วนใด ใหส้ อบสวนว่าตา่ งฝ่ายต่างจะยอมใหผ้ ู้ไดม้ ามชี ่อื รวมในโฉนดท่ีดนิ หรอื ไม่ ถา้ ตกลงกัน ก็ให้จดทะเบยี นในประเภทได้มาโดยการครอบครอง โดยเติมชอื่ ผู้ได้มาลงไปในโฉนด ถา้ ไมต่ กลง กนั กใ็ หแ้ บง่ แยกสว่ นของผไู้ ดม้ าออก โดยใหผ้ ู้ได้มา และผมู้ ชี อื่ ในโฉนดทีด่ นิ ยงั มกี รรมสิทธ์ิอยไู่ ปดู และระวังเขตท่ีดนิ ในกรรมสิทธข์ิ องตนแลว้ จดทะเบียนในประเภทแบง่ ได้มาโดยการครอบครอง ถ้าผไู้ ดม้ าได้กรรมสทิ ธเิ์ ฉพาะสว่ นของคนใดคนหน่งึ หรอื หลายคนไมเ่ ต็มตามโฉนดที่ดิน ให้จดทะเบียนในประเภทได้มาโดยการครอบครองเฉพาะส่วน (4) ในกรณตี าม (1) (2) และ (3) ถา้ ไมไ่ ด้โฉนดที่ดินมาให้ถอื ว่า โฉนดที่ดิน ศนู ย์หาย ให้เจ้าพนักงานท่ดี ินออกใบแทนโฉนดท่ีดนิ แลว้ ดาเนินการจดทะเบยี นตอ่ ไปตามควรแก่กรณี ในกรณเี ช่นว่านี้ โฉนดทด่ี ินเดมิ เปน็ อันใช้ไม่ได้ตอ่ ไป (5) ถา้ ผไู้ ด้มาได้กรรมสิทธิ์มาไม่ตรงตามโฉนดทด่ี นิ ให้เจา้ พนกั งานท่ดี ินออก โฉนด ทด่ี นิ ให้ใหม่ เมื่อออกโฉนดที่ดนิ ให้ใหมแ่ ล้ว ถา้ ได้โฉนดท่ดี นิ เดิมมา ใหห้ มายเหตุดว้ ยหมกึ แดง ลงไวใ้ นด้านหน้าของโฉนดเดมิ แสดงว่าโฉนดท่ีดนิ ฉบับน้นั ไดม้ ีการออกโฉนดใหมแ่ ลว้ สาหรับ กรณีไมไ่ ด้โฉนดทด่ี ินเดมิ มา ให้ระบุไวใ้ นประกาศแจกโฉนดท่ดี นิ แสดงว่าไม่ไดโ้ ฉนดทด่ี ินมาด้วย (6) ถ้าโฉนดท่ีดินนนั้ มกี ารจดทะเบยี นผูกพนั เชน่ จานอง เช่า ภาระจายอม ให้พนักงาน เจา้ หน้าท่ีแจ้งใหศ้ าลทราบ เม่อื ศาลแจ้งมาอยา่ งไร ให้ปฏบิ ัตติ ามควรแก่กรณี
109 ข้อ 9 การจดทะเบยี นสิทธิในทีด่ ินโดยประกาศอน่ื นอกจากนติ ิกรรม ใหด้ าเนินการดงั น้ี (1) ผไู้ ด้มาต้องยื่นคาขอต่อพนกั งานเจา้ หน้าท่ี พรอ้ มดว้ ยเอกสารแสดงสทิ ธิ การได้มา และโฉนดทด่ี ิน (2) ถ้าเปน็ กรณไี ด้มาโดยศาลสงั่ ใหจ้ ดทะเบยี นในประเภทโอนตามคาสงั่ ศาล โดยระบุ คาสั่งศาลไว้ดว้ ย (3) ถา้ เป็นกรณไี ด้มาโดยประการอน่ื ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามความใน (2) โดยอนโุ ลม (4) ถ้าโฉนดทดี่ นิ มีชอ่ื ไม่ตรงกบั กรณศี าลส่งั มาหรือมีการจดทะเบียนผกู พันอยู่ เช่น จานอง เชา่ ภารจายอม ใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าท่ีแจง้ ใหศ้ าลทราบ เม่ือศาลแจ้งมาอยา่ งไร ใหป้ ฏบิ ตั ิ ตามควรแกก่ รณี ให้ไว้ ณ วนั ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรือโท สุนาวินววิ ัฒ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 71 ตอนที่ 82 (ฉบบั พิเศษ) วันท่ี 11 ธนั วาคม 2497)
110
111
112
113
114
115
116 กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๘ (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิให้ใชป้ ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญตั ิให้ใชป้ ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 86 มาตรา 89 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ 1 คนตา่ งด้าวผู้ใดไดม้ าซ่ึงทด่ี นิ ตามความในประมวลกฎหมายทดี่ ินต้องปฏิบัตดิ งั นี้ (1) ต้องใชท้ ่ีดินนัน้ ด้วยตนเองตามท่ไี ด้รับอนญุ าต (๒) ต้องเรม่ิ ใช้ทีด่ นิ น้นั เพอ่ื กจิ การตามท่ขี อภายในกาหนดหน่งึ ปี นับแตว่ นั ท่ี ไดร้ บั โอนสทิ ธใิ นที่ดินมา (3) ถา้ จะจาหน่ายจ่ายโอนทด่ี นิ ไปต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรกี อ่ น ข้อ 2 การยืน่ คาขออนญุ าตให้ได้มาซึ่งที่ดนิ ให้ยื่นต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ตี ามความใน มาตรา 71 ข้อ 3 เมื่อได้รบั คาขอแล้ว ใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ทส่ี อบสวนแลว้ เสนอรฐั มนตรีพิจารณา ข้อ 4 แบบคาขอให้ใช้ดังน้ี (1) การขออนุญาตให้ได้มาซง่ึ ที่ดินให้ใช้แบบ ต.1 ทา้ ยกฎกระทรวงนี้ หรอื แบบ 1 ท้าย กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบญั ญัติท่ีดนิ ในส่วนที่เกย่ี วกบั คนต่างด้าว พุทธศักราช 2486 (2) การขออนญุ าตใชท้ ี่ดนิ เพือ่ กจิ การอ่ืนใหใ้ ช้แบบ ต.2 ทา้ ยกฎกระทรวงนี้ หรือแบบ 2 ทา้ ยกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในพระราชบัญญัติท่ีดินในสว่ นที่เกย่ี วกับคนต่างดา้ ว พุทธศักราช 2486 ขอ้ 5 การแจ้งไม่ใช้ทีด่ นิ ใหใ้ ช้แบบ ต.3 ทา้ ยกฎกระทรวงนี้ หรอื แบบ 2 ท้ายกฎกระทรวง มหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติทดี่ ินในสว่ นทเี่ กีย่ วกบั คนตา่ งด้าว พุทธศักราช 2486
117 ข้อ 6 ในกรณีที่นติ ิบุคคลตามมาตรา 97 ยืน่ คาขอให้ไดม้ า หรือใช้เพื่อกจิ การอย่างอื่น ซ่งึ ท่ีดิน ใหใ้ ช้แบบอยา่ งเดยี วกับท่ีบญั ญัตไิ ว้ในขอ้ 4 และข้อ 5 โดยอนุโลม แล้วให้แสดงรายการ ดังตอ่ ไปนี้ด้วย คอื (1) ถ้าเป็นบริษทั จากดั ห้างหนุ้ สว่ นจากัด หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นสามญั ที่จดทะเบยี นแล้ว ใหแ้ สดงว่ามที ุนเท่าใด แบง่ เปน็ ก่หี ุน้ มผี ู้ถือหุ้นหรอื ผู้เปน็ หนุ้ ส่วนเป็นคนสัญชาติใด เทา่ ใด ถือหนุ้ คนละเทา่ ใด ผูจ้ ดั การหรือกรรมการเปน็ คนสญั ชาติใด เฉพาะบริษัทจากดั ใหแ้ สดงดว้ ยวา่ ได้ออกใบหนุ้ ชนดิ ออกใหแ้ ก่ผู้ถอื บ้างหรือไม่ ถา้ ออกได้ออกไปเปน็ จานวนเท่าใด ถ้ามนี ิติบุคคลเป็น ผู้ถอื หุ้นหรือเป็นห้นุ สว่ น ใหแ้ สดงรายการอยา่ งเดียวกับทีก่ ล่าวมาขา้ งต้นสาหรบั นติ ิบคุ คลน้ันด้วย และให้แสดงใบสาคญั การจดทะเบียนก่อตัง้ นติ บิ ุคคลกบั หนังสอื บริคณหส์ นธิ และขอ้ บงั คบั (ถ้ามี) ด้วย (2) ถ้าเป็นสมาคมหรือสหกรณ์ ใหแ้ สดงว่ามสี มาชิกเปน็ คนสัญชาตใิ ด เทา่ ใด มีวัตถุประสงค์ อยา่ งไร มีผจู้ ัดการหรือกรรมการเป็นคนสญั ชาติใด และให้แสดงใบสาคญั การจดทะเบยี นหรอื ตราสารก่อตงั้ นติ ิบคุ คลและขอ้ บงั คับด้วย (3) ถา้ เปน็ มลู นิธิ ให้แสดงวา่ มีวตั ถุประสงคอ์ ยา่ งไร มีผจู้ ัดการหรอื กรรมการเป็นคน สัญชาติใด และใหแ้ สดงใบสาคัญการจดทะเบียนหรอื ตราสารก่อตั้งมูลนธิ ิและข้อบงั คับด้วย ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรือโท สุนาวนิ วิวัฒ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 71 ตอนที่ 82 (ฉบบั พเิ ศษ) วันที่ 11 ธนั วาคม 2497)
118
119
120
121 กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๙ (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญัติให้ใชป้ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. 2497 และมาตรา 101 แหง่ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ 1 บคุ คลใดประสงค์จะทาการค้าท่ดี นิ ให้ยน่ื คาขออนุญาตต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี ตามความในมาตรา 71 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ โดยแสดงแผนผงั ของทด่ี ินท่จี ะขาย หรอื ทจี่ ะแบง่ ขาย หรือทจ่ี ะให้เช่าซือ้ โครงการและราคาทจี่ ะขายหรอื ราคาทจ่ี ะใหเ้ ชา่ ซือ้ เสนอไปพรอ้ มกบั คาขอด้วย ขอ้ 2 เมื่อได้รบั คาขออนุญาตใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ที่สอบสวนตามระเบยี บของ กระทรวงมหาดไทย เสร็จแลว้ ใหร้ ายงานพร้อมทงั้ สง่ เอกสารการสอบสวนไปยงั รัฐมนตรี ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรือโท สนุ าวนิ ววิ ัฒ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 71 ตอนท่ี 82 (ฉบบั พิเศษ) วนั ท่ี 11 ธนั วาคม 2497)
122 กฎกระทรวง* ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 103 แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไวด้ ังตอ่ ไปนี้ ขอ้ 1 คา่ ธรรมเนยี มในการขอคารับรองทดี่ ินทีไ่ ด้ทาประโยชนแ์ ล้ว คิดรวมเปน็ รายแปลงๆ ละ 5.00 บาท ขอ้ 2 ค่าธรรมเนยี มในการขอสัมปทาน (1) ค่าขออนุญาต รายละ 50.00 บาท (2) ค่าสัมปทานคิดตามจานวนเนือ้ ท่ีดนิ ไร่ละ 5.00 บาท เศษของไร่คิดเป็นไร่ ข้อ 3 ก. คา่ ธรรมเนียมออกโฉนดท่ีดนิ ครง้ั แรก คา่ ออกโฉนดไมเ่ กนิ 20 ไร่ แปลงละ 40.00 บาท คา่ ออกโฉนดเกิน 20 ไร่ คดิ ตามเน้อื ที่ดินท่ีเกินไร่ละ 2.00 บาท เศษของไรค่ ิดเปน็ ไร่ ข. คา่ ธรรมเนียมออกโฉนดท่ดี นิ รวมหรือแบ่งแยก หรอื ออกโฉนดใหม่ ค่าออกโฉนดตามรายแปลงใหม่ แปลงละ 20.00 บาท * กฎกระทรวงฉบับนี้ถกู ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 32 (พ.ศ. 2522)ฯ
123 ข้อ 4 ค่าธรรมเนยี มในการรงั วดั เกย่ี วกบั โฉนดทีด่ นิ (1) ค่ารงั วัดทาแผนท่เี พอื่ ออก หรอื แบ่งแยกโฉนดท่ีดนิ หรอื แบง่ แยกใบไตส่ วน ท่ขี อเฉพาะแปลง คิดตามรายแปลงทีอ่ อกหรอื แบ่งแยก แปลงละ 15.00 บาท (2) คา่ รังวัดสอบเขตโฉนดท่ดี ินหรอื ใบไตส่ วน ตามรายวันทีท่ าการ แปลงหน่ึงวันละ 10.00 บาท ( 3) คา่ รงั วดั รวมโฉนดทด่ี นิ หรือใบไต่สวน ตามรายวันทีท่ าการ วนั ละ 10.00 บาท (4) คา่ รังวัดทาแผนทนี่ อกจากระบุไว้แลว้ ในกฎนี้ ตามรายวันทีท่ าการ วนั ละ 20.00 บาท (5) คา่ คัดแผนทท่ี ี่มผี ูข้ อให้คดั หรอื จาลองแผนทีแ่ ปลงละ 10.00 บาท (6) ค่าคานวณเน้อื ท่ีหรือสอบแส คิดตามรายแปลงทีข่ อให้คานวณ แปลงละ 10.00 บาท (7) ค่าจบั ระยะ แปลงละ 5.00 บาท ขอ้ 5 คา่ ธรรมเนียมในการจดทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรม ((1) คา่ จดทะเบียนสิทธิและนติ กิ รรมมที ุนทรพั ย์ คิดตามจานวนทปี่ ระเมินได้เปน็ ทุนทรพั ย์ ร้อยละ 1.00 บาท แต่อย่างตา่ ตอ้ งไมต่ า่ กวา่ 5.00 บาท เศษของร้อยนับเป็นรอ้ ย (2) แลกเปล่ยี น ให้ โอนมฤดก และได้มาโดยการครอบครอง คดิ ตามจานวนทป่ี ระเมนิ ไดเ้ ปน็ ทนุ ทรพั ย์ (3) การเช่า ให้ถือคา่ เช่าตลอดเวลาเชา่ เป็นทุนทรัพย์) (ความในขอ้ 5 (1), (2), (3) ถกู ยกเลิกโดยกฎกระทรวงฉบบั ท่ี 27 (พ.ศ. 2516)ฯ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน) (1) คา่ จดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรม มที นุ ทรพั ยค์ ดิ ตาม จานวนทนุ ทรพั ย์ รอ้ ยละ 2.00 บาท (2) ค่าจดทะเบยี นการโอนมรดก หรอื ให้ ทง้ั นเ้ี ฉพาะในระหวา่ ง
124 บพุ การกี บั ผสู้ บื สนั ดาน หรอื ระหวา่ งคสู่ มรส คดิ ตามจานวนทนุ ทรพั ย์ รอ้ ยละ 0.50 บาท (3) ค่าจดทะเบยี นการจานอง หรอื บรุ มิ สทิ ธคิ ดิ ตามราคา ทจ่ี านอง หรอื บรุ มิ สทิ ธิ ทจ่ี ดทะเบยี น รอ้ ยละ 1.00 บาท คา่ จดทะเบยี นการเชา่ คดิ ตามคา่ เชา่ ตลอดเวลา ทเ่ี ชา่ หรอื เงนิ กนิ เปลา่ หรอื ทง้ั สองอยา่ งรวมกนั รอ้ ยละ 1.00 บาท ในกรณเี ชา่ ตลอดชวี ติ ใหค้ านวณ คา่ เชา่ เทา่ กบั ระยะเวลาการเชา่ สามสบิ ปี ค่าธรรมเนียมตาม (1) (2) และ (3) อยา่ งตา่ ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 5.00 บาท เศษของรอ้ ยนบั เปน็ รอ้ ย (4) คา่ จดทะเบยี นสทิ ธปิ ระเภท “ปลดเงอื่ นไขการไถจ่ ากขายฝาก” “หลดุ เปน็ สิทธิจากจานองหรือขายฝาก (อย่างเก่า)” “ผอ่ นตน้ ” “ไถ่จากจานองหรือขายฝาก” “ระงบั จานอง (หนี้เกล่อื นกลนื กัน)” “เลิกเชา่ ” “เลกิ เช่าซ้อื ” “เลกิ อาศยั ” “แบง่ แยกในนามเดิม” “แบง่ แยกระหวา่ งเจ้าของเดิม” แปลงหน่ึงรายละ 10.00 บาท
(5) คา่ จดทะเบียนสิทธิและนติ กิ รรม 125 นอกจากทีร่ ะบไุ ว้แล้วแปลงหน่ึงรายละ 15.00 บาท 2.00 บาท ข้อ 6 คา่ ธรรมเนยี มการขอให้ไดม้ าซง่ึ ทีด่ ินของคนต่างด้าว (1) คา่ ขออนญุ าต รายละ 10.00 บาท (2) คา่ อนุญาต ไรล่ ะ 10.00 บาท เศษของไร่ คิดเป็นไร่ ขอ้ 7 ค่าธรรมเนยี มการขอให้ได้มาซง่ึ ทีด่ ินเพื่อการคา้ (1) คา่ ขออนญุ าต รายละ 10.00 บาท (2) คา่ อนุญาต ไรล่ ะ 5.00 บาท เศษของไร่ คิดเป็นไร่ ขอ้ 8 ค่าธรรมเนียมเบด็ เตล็ด (1) คา่ คาขอแปลงหนึง่ รายละ 2.00 บาท เฉพาะค่าคาขอตรวจหลกั ฐาน ทะเบียนทีด่ นิ หรอื ค่าคาขอ คัดสาเนาเอกสารคราวหนึง่ กีแ่ ปลงก็ตามเรยี กคราวละ 2.00 บาท (2) คา่ คัดสาเนาเอกสารต่างๆ รวมทัง้ ค่าคัดสาเนาเอกสาร เป็นพยานในคดแี พ่งโดย เจา้ หน้าทีเ่ ป็นผูค้ ัด ร้อยคาตน้ (ไม่ถึงรอ้ ยหรือเศษของร้อย นบั เปน็ รอ้ ย) ตอ่ ไปรอ้ ยคาละ 1.00 บาท ไม่ถึงร้อยหรอื เศษของร้อย นบั เปน็ รอ้ ย (3) ค่ารับรองเอกสารทค่ี ัด ฉบบั ละ 2.00 บาท (4) คา่ ตรวจหลักฐานทะเบยี นทด่ี นิ แปลงละ 3.00 บาท
(5) ค่ารบั อายัดท่ดี นิ แปลงละ 126 (6) ค่ามอบฉนั ทะ เร่ืองละ 3.00 บาท 5.00 บาท (7) ค่าออกใบแทนหนังสอื แสดงสิทธิในทีด่ นิ ฉบบั ละ 10.00 บาท เท่าทีม่ ีจาเป็น (8) คา่ ประกาศ 3.00 บาท และใชจ้ า่ ย ข้อ 9 คา่ ใช้จา่ ย ไปจรงิ (1) ค่าพาหนะเดินทางของ พนกั งานเจ้าหนา้ ที่ ที่ทาง และคนงานทีจ่ ้างไปทา ราชการ การรังวัดตามคาขอ (2) คา่ เบยี้ เล้ียงพนกั งาน ทีใ่ ชเ้ รียก เจา้ หน้าทีแ่ ละค่าจ้าง อยู่ในขณะ คนงานทีจ่ ้างไปทาการ นัน้ รังวัดตามคาขอ ให้เรียก ตามระเบียบและอัตรา ของทางราชการ (3) คา่ ป่วยการเจา้ พนกั งาน ผูป้ กครองท้องที่ หรอื ผูแ้ ทนทีไ่ ป ในการรังวัดคนหน่งึ วันละ 10.00 บาท (4) คา่ หลักเขต หลกั ละ 3.00 บาท ถ้าเป็นการเดนิ สารวจหรอื สอบเขตทัง้ ตาบล แปลงละ 10.00 บาท (5) ค่าปิดประกาศไดแ้ กผ่ ูไ้ ปปดิ 5.00 บาท (6) คา่ พยานได้แก่พยานคนละ 2.00 บาท (7) ค่าพาหนะเดินทางและ เทา่ อตั รา เบีย้ เลีย้ งพนกั งานเจ้าหนา้ ที่ ในกรณีไปสอบสวนการ ทาประโยชน์ในทีด่ นิ ตาม จะตอ้ งจ่าย คาขอให้เรียกจ่ายแก่ ผูไ้ ปทางาน
127 (มีความเพมิ่ ขนึ้ เปน็ ข้อ 10 โดย กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 19 (พ.ศ. 2515)ฯ ดังต่อไปนี้) ขอ้ 10 ค่าธรรมเนียมการออกหนงั สอื รบั รองการทาประโยชนต์ าม มาตรา 58 ก. เน้ือท่ีไม่เกนิ 20 ไร่ แปลงละ 20.00 บาท ข. เน้ือทเ่ี กิน 20 ไร่ สว่ นท่เี กนิ ไรล่ ะ 1.00 บาท เศษของไรใ่ หค้ ดิ เปน็ หนง่ึ ไร่ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรอื โท สนุ าวนิ วิวฒั รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 71 ตอนที่ 82 วนั ที่ 11 ธันวาคม 2497)
128 กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ. 2500) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิใหใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 10 มาตรา 11 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ 1 การขายทดี่ ินใหก้ ระทาโดยวธิ ขี ายทอดตลาด เว้นแต่ (1) การขายทีด่ ินในกรณีทีม่ ผี ู้เช่าหรือผอู้ าศัยอยู่ในท่ดี นิ นนั้ ตดิ ตอ่ กันมาไม่น้อย กว่าห้าปี ใหก้ ระทาโดยวธิ กี าหนดราคาขายตามราคาตลาด และเปิดโอกาสใหผ้ ู้เชา่ ผ้อู าศยั รวมถทึงายาทของ ผเู้ ชา่ หรอื ผู้อาศยั แล้วแตก่ รณี มโี อกาสซือ้ ไดก้ อ่ นผู้อืน่ เมือ่ ไมเ่ ป็นที่ตกลงกนั จึงให้กระทาโดยวิธี ขายทอดตลาด หรือ (2) การขายที่ดินแกบ่ คุ คลผมู้ ีส่วนไดเ้ สียหรอื ไดช้ ว่ ยทาประโยชน์ในท่ีดนิ น้ัน ใหก้ ระทา โดยวิธีกาหนดราคา แตถ่ ้าบคุ คลดงั กล่าวหลายคนประสงค์จะซอื้ ที่ดนิ แปลงเดียวกนั และไมอ่ าจ ตกลงกันได้ ให้กระทาโดยวธิ ปี ระกวดราคา ขอ้ 2 การแลกเปล่ยี นท่ีดนิ ให้แลกเปล่ยี นกบั ทดี่ นิ ซึง่ มรี าคาใกล้เคียงกนั โดยคานึงถงึ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละประโยชน์ของการแลกเปลี่ยนนน้ั ข้อ 3 การใหเ้ ช่าท่ดี ิน ใหก้ าหนดราคาคา่ เช่า โดยคานงึ ถึงสภาพแห่งทอ้ งท่ีประกอบกบั ทุนทีไ่ ดล้ งไปในทด่ี ินน้ัน ในกรณใี หเ้ ชา่ ท่ีดินสาหรับอยอู่ าศยั ถา้ ผปู้ ระสงค์จะเช่ามหี ลายคนเกนิ กว่าท่ีดินท่กี าหนดไว้ ให้พจิ ารณาคัดเลอื กบคุ คลทีม่ คี วามจาเป็นและได้รับความเดอื ดร้อนเกย่ี วกบั ทีอ่ ยูอ่ าศัยมากกว่า ได้เชา่ กอ่ นตามลาดับ การใหเ้ ชา่ ทีด่ ินแกบ่ คุ คลผมู้ ีสว่ นได้เสยี หรือได้ชว่ ยทาประโยชนใ์ นที่ดินน้ัน ให้กระทา โดยวิธกี าหนดราคาค่าเช่า แตถ่ ้าบุคคลดังกลา่ วหลายคนประสงค์จะเชา่ ทีด่ ินแปลงเดยี วกัน และไม่อาจตกลงกันได้ ให้กระทาโดยวิธีประกวดราคาคา่ เช่า
129 (มีความเพม่ิ ข้ึนเปน็ ข้อ 3 ทวิ โดยข้อ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 20 (พ.ศ. 2515)ฯ ดงั ต่อไปน้ี) ข้อ 3 ทวิ ในกรณีให้เชา่ ท่ีดินซึง่ ถูกกนั ออกจากที่ดนิ ท่ีทางราชการไมอ่ อกหนังสอื แสดงสทิ ธิในท่ีดิน ถ้าผู้ขอเช่าเปน็ ผู้ได้ครอบครองที่ดินนนั้ ให้กาหนดตามอตั ราคา่ เชา่ ปานกลาง ทม่ี ี การเช่าอยใู่ นท้องท่นี ัน้ ในวนั ทาสญั ญาเชา่ และมใิ หม้ กี ารเช่าช่วง หรือโอน สิทธิการเชา่ ใหแ้ กบ่ คุ คล อืน่ ขอ้ 4 การใหเ้ ชา่ ซอื้ ทด่ี นิ ใหก้ าหนดจานวนเงินและระยะเวลาส่งใช้เงินเปน็ คราวๆ โดยคานึงถงึ สภาพแหง่ ท้องทป่ี ระกอบกบั ทนุ ที่ได้ลงไปในท่ดี ินนัน้ ถ้าผ้ปู ระสงค์จะเชา่ ซอื้ มีหลายคนเกนิ กว่าท่ีดนิ ทีก่ าหนดไว้ ให้ดาเนินการเชา่ ซือ้ โดยวิธี จบั สลาก เว้นแตก่ ารเชา่ ซอ้ื ทด่ี ินสาหรบั อย่อู าศยั ใหพ้ จิ ารณาคดั เลอื กบคุ คลท่มี คี วามจาเปน็ และ ได้รับความเดือดรอ้ นเกยี่ วกับท่ีอยอู่ าศยั มากกวา่ ได้เช่าซื้อกอ่ นตามลาดับ (มีความเพิม่ ขึน้ เปน็ ขอ้ 4 ทวิ ข้อ 4 ตรี และขอ้ 4 จตั วา โดยข้อ 2 แหง่ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 20 (พ.ศ. 2515)ฯ ตามลาดับตอ่ ไปนี้) ข้อ 4 ทวิ ในกรณใี หเ้ ช่าซอ้ื ทด่ี นิ ซ่งึ ถกู กนั ออกจากท่ดี ินที่ทางราชการไม่ออกหนงั สือ แสดงสทิ ธใิ นที่ดนิ ถา้ ผู้ขอเช่าซอื้ เปน็ ผไู้ ดค้ รอบครองทดี่ นิ น้นั ให้ถอื เอาราคาประเมินทุนทรพั ย์ ในการจดทะเบยี นสทิ ธิและนิตกิ รรมเก่ยี วกบั ทด่ี นิ ในวนั ทาสญั ญาเชา่ ซอ้ื เป็นราคาใหเ้ ชา่ ซอ้ื การชาระค่าเช่าซอ้ื จะแบง่ เปน็ กง่ี วด แตล่ ะงวดจะชาระเปน็ รายปีหรอื หลายปตี อ่ งวดก็ได้ แต่ต้องชาระให้เสร็จสิ้นภายในยส่ี ิบปี ข้อ 4 ตรี คา่ เช่าและค่าเช่าซ้อื ที่ได้จากทดี่ ินรายใด ใหเ้ ป็นรายได้ของราชการบรหิ าร สว่ นทอ้ งถ่นิ ทีท่ ี่ดินน้นั ต้ังอยู่ และให้นาไปบารุงท้องถ่ินนน้ั ข้อ 4 จัตวา การพจิ ารณาให้เชา่ ตามข้อ 3 ทวิ หรือใหเ้ ช่าซื้อตามขอ้ 4 ทวิ ใหผ้ ูว้ ่า ราชการจังหวัดเปน็ ผพู้ ิจารณาตามควรแก่กรณี ขอ้ 5 การมอบหมายใหท้ บวงการเมืองอื่นจดั หาผลประโยชน์ ให้กระทาโดยประกาศใน ราช กิจจานุเบกษา ในการประกาศให้ระบถุ งึ เขตทด่ี นิ จานวนเนื้อทีด่ ิน ชอ่ื ทบวงการเมอื งและกจิ การที่ มอบหมาย รวมถงึ ความประสงคใ์ ห้จัดหาผลประโยชน์สาหรบั รัฐหรอื บารงุ ท้องถน่ิ ด้วย ขอ้ 6 ใหอ้ ธบิ ดหี รือหัวหนา้ ทบวงการเมืองท่ีได้รับมอบหมาย แล้วแตก่ รณี ประกาศ วตั ถุประสงค์ท่จี ะดาเนนิ การ วิธกี าร และรายละเอยี ดให้ทราบล่วงหนา้ ไม่นอ้ ยกว่าสามสบิ วัน
130 ประกาศนน้ั ใหป้ ดิ ไว้ ณ สานักงานท่ีดนิ จังหวัดหรือสานักงานทีด่ นิ สาขาหน่งึ ฉบับ ณ ท่วี า่ การ อาเภอหรอื กง่ิ อาเภอทอ้ งทห่ี นึ่ง ฉบบั ทบี่ ้านกานนั หน่ึงฉบับ และในท่เี ปดิ เผยในบรเิ วณท่ีดนิ นั้น หน่งึ ฉบับ ให้ไว้ ณ วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2500 พลโท ป. จารเุ สถยี ร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 74 ตอนที่ 110 วนั ที่ 24 ธนั วาคม 2500) หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คอื เพอ่ื กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการจัดหาผลประโยชน์ ในทีด่ ินของรัฐ ซ่งึ มิไดม้ ีบคุ คลใดมีสิทธคิ รอบครองและมิใชส่ าธารณสมบัตขิ องแผ่นดินอนั ราษฎรใช้ประโยชนร์ ่วมกัน
131 กฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2500) ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบญั ญตั ิใหใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 และมาตรา 12 แห่งประมวลกฎหมายที่ดนิ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ 1 ผใู้ ดมีความประสงค์จะขอสัมปทานเพือ่ กระทากจิ การอย่างใดๆ ในทด่ี นิ ให้ทา เร่อื งราวตามแบบ ท.ด. 73 ท้ายกฎกระทรวงน้ี ย่ืนต่อนายอาเภอทอ้ งทร่ี วมห้าชดุ พร้อมดว้ ย แผนทที่ ดี่ นิ สบิ ชดุ (มคี วามเพม่ิ ข้ึนเปน็ วรรคสองของข้อ 1 โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี 21 (พ.ศ. 2515)ฯ ดงั ต่อไปน้ี) ในกรณีขอสัมปทานที่ดิน ซ่ึงถกู กนั ออกจากที่ดนิ ท่ีทางราชการไม่ออกหนังสือแสดงสทิ ธิ ในท่ีดนิ ผขู้ อสมั ปทานจะต้องเปน็ ผซู้ งึ่ ได้ครอบครองทดี่ ินนนั้ ขอ้ 2 แผนทีท่ ่ีดนิ ตามข้อ 1 ใหแ้ สดงเขตทด่ี นิ และภมู ปิ ระเทศในบริเวณที่ขอสัมปทาน มีรัศมหี ่างจากเขตทดี่ ินออกไปด้านละอยา่ งนอ้ ย 300 เมตร และใหแ้ สดงว่ามสี ่งิ ปลกู สรา้ ง พืชพนั ธุ์ไมห้ รอื ทรัพยากรอนั มคี ่าอยา่ งใดบ้างหรอื ไม่ กับให้แสดงแผนผงั ทจี่ ะใชท้ ่ีดินนน้ั กระทา กิจการโดยละเอยี ด ข้อ 3 เม่อื ได้รบั เร่อื งราวตามขอ้ 1 ให้นายอาเภอทอ้ งท่ีปดิ ประกาศ ณ สานกั งานท่ดี ิน จังหวัดหรอื สานกั งานท่ีดินสาขา ณ ท่ีว่าการอาเภอหรือก่ิงอาเภอท้องที่ ทีบ่ ้านกานัน และในท่ี เปดิ เผยในบริเวณทีด่ ินนั้น เปน็ ระยะเวลาไม่นอ้ ยกวา่ สามสิบวัน เม่อื ครบกาหนดแลว้ จะมผี ู้คัดค้าน หรอื ไมก่ ต็ าม ใหน้ ายอาเภอสอบสวนพิจารณาเร่อื งราวเสนอความเห็นไปยังผ้วู า่ ราชการจงั หวัด และให้ผู้ว่าราชการจงั หวัดพจิ ารณาเสนอความเหน็ ไปยังรัฐมนตรเี พือ่ ส่ังการตอ่ ไป
132 ข้อ 4 การใหส้ มั ปทานทด่ี ินนน้ั ให้รัฐมนตรีอนุญาตต่อเมอื่ (1) ผู้ขอมคี วามประพฤตดิ ี (2) ผู้ขอมคี วามสามารถ และมปี ัจจัยทจ่ี ะกระทากจิ การท่ไี ดร้ ับสมั ปทานให้เป็น ผลสาเรจ็ ได้ (3) ท่ดี นิ ท่จี ะอนุญาตสมควรกบั กจิ การทขี่ อสมั ปทานและไมเ่ ป็นท่เี สื่อมเสยี แกเ่ ศรษฐกิจ ของประเทศ ไมข่ ัดตอ่ สาธารณประโยชน์ และไมเ่ ปน็ อนั ตรายแกท่ รพั ยส์ นิ หรอื ขดั ตอ่ สวสั ดิภาพ ของประชาชนทอ่ี ยใู่ นบริเวณใกล้เคียง (ข้อ 5 รฐั มนตรมี อี านาจกาหนดเงื่อนไขใดๆ ไว้ในสัมปทานและกาหนดอายุสมั ปทานตามท่ี เห็นสมควรแกก่ จิ การน้นั แต่ไมเ่ กนิ ย่สี บิ ปี สมั ปทานบัตรใหจ้ ัดทาเป็นสีฉ่ บบั เกบ็ รกั ษาไว้ท่กี รมท่ีดนิ หน่งึ ฉบับ จงั หวัดและอาเภอท้องทีแ่ ห่งละ หนงึ่ ฉบบั และให้ผ้รู ับสมั ปทานถือไว้หนง่ึ ฉบับ) (ความในข้อ 5 ถกู ยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 13 (พ.ศ. 2503)ฯ และใหใ้ ช้ควตาอ่ มไปนแี้ ทน) ขอ้ 5 รัฐมนตรมี อี านาจกาหนดเง่อื นไขใดๆ ไว้ ในสัมปทานและกาหนดอายสุ ัมปทาน ตามท่ีเห็นสมควรแก่กิจการนน้ั แตไ่ มเ่ กินห้าสบิ ปี ในกรณีทจ่ี ะใหส้ ัมปทานแก่ผใู้ ดเกินยสี่ บิ ปี ต้องได้รบั อนมุ ตั จิ ากคณะรัฐมนตรี กอ่ นเปน็ รายๆ ไป สมั ปทานบัตรให้จัดทาเปน็ สีฉ่ บับ เก็บรักษาไวท้ ก่ี รมท่ดี ินหน่ึงฉบบั จงั หวดั และ อาเภอทอ้ งทีแ่ ห่งละหน่ึงฉบบั และใหผ้ รู้ บั สมั ปทานถือไว้หนึ่งฉบบั ข้อ 6 ถ้าผูร้ บั สมั ปทานไม่มีความประสงคจ์ ะกระทากิจการทไี่ ดร้ บั สัมปทานต่อไป กใ็ ห้ ยื่นเรอ่ื งราวตอ่ รัฐมนตรีโดยผ่านนายอาเภอท้องทต่ี ามลาดับและใหส้ ัมปทานน้ันส้นิ อายนุ ับแต่ วนั ทร่ี ัฐมนตรีอนมุ ตั ิ ข้อ 7 ในกรณที ่ีผูร้ บั สมั ปทานเป็นบุคคลธรรมดา เมือ่ ผูร้ ับสัมปทานถงึ แก่กรรม ทายาท หรอื ผ้มู ีส่วนไดเ้ สียคนใดมีความประสงคจ์ ะถอื สัมปทานนั้นตอ่ ไป ใหย้ น่ื เร่ืองราวต่อรัฐมนตรี โดยผ่านนายอาเภอท้องทีต่ ามลาดบั ภายในกาหนดเกา้ สบิ วัน นับแตว่ ันที่ผรู้ ับสัมปทานถึงแกก่ รรม ถา้ ไมม่ ผี ู้ใดยน่ื เรื่องราวภายในกาหนดเวลาดังกล่าวใหถ้ อื ว่า สมั ปทานนนั้ สิน้ อายุในวนั ท่ีครบกาหนด เก้าสิบวัน
133 ขอ้ 8 ถ้าผูร้ บั สมั ปทานมคี วามประสงค์จะโอนสัมปทานให้แก่ผ้อู ื่น ให้ผ้โู อนและผูร้ บั โอน ย่นื เร่อื งราวต่อรัฐมนตรโี ดยผ่านนายอาเภอท้องทต่ี ามลาดบั เมอ่ื รัฐมนตรพี ิจารณาเห็นสมควร ก็อนญุ าตใหโ้ อนได้ ผ้รู บั โอนย่อมได้รบั ช่วงสทิ ธิและหน้าทใ่ี นกิจการของสมั ปทานนั้นตอ่ ไปเท่าทีผ่ ู้รบั สมั ปทานเดิมมีอยู่ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี 6 ธนั วาคม พ.ศ. 2500 พลโท ป. จารุเสถยี ร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 74 ตอนท่ี 110 (ฉบับพเิ ศษ) วันท่ี 24 ธันวาคม 2500) หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เพอื่ กาหนดหลักเกณฑ์และวธิ กี ารให้สมั ปทาน ให้ หรอื ให้ใช้ที่ดินของรฐั ซง่ึ มไิ ด้มบี ุคคลใดมีสทิ ธคิ รอบครอง
134
135
136
137 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 13 (พ.ศ. 2503) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิใหใ้ ช้ประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบญั ญตั ิให้ใชป้ ระมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 12 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2500) ออกตามความใน พระราชบญั ญตั ิให้ใช้ประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. 2497 และให้ใชค้ วามต่อไปนีแ้ ทน “ ข้อ 5 รฐั มนตรมี อี านาจกาหนดเง่อื นไขใด ๆ ไวใ้ นสัมปทานและกาหนดอายุสัมปทาน ตามท่เี หน็ สมควรแกก่ จิ การน้นั แตไ่ มเ่ กินห้าสบิ ปี ในกรณีที่จะใหส้ ัมปทานแก่ผู้ใดเกนิ ยี่สิบปี ต้องไดร้ บั อนุมตั ิจากคณะรัฐมนตรีก่อน เปน็ รายๆ ไป สมั ปทานบตั รให้จดั ทาเปน็ สี่ฉบับ เกบ็ รกั ษาไว้ท่กี รมทดี่ ินหนงึ่ ฉบบั จังหวดั และอาเภอ ท้องท่แี ห่งละหน่งึ ฉบับ และใหผ้ รู้ ับสมั ปทานถอื ไว้หนึง่ ฉบบั ” ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 พลเอก ป. จารเุ สถียร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 77 ตอนที่ 66 วนั ท่ี 9 สงิ หาคม 2503) หมายเหต:ุ- เหตผุ ลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบบั น้ี คือ เพอ่ื สนบั สนุนการลงทนุ ประกอบกิจการเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม ในการขอสมั ปทานท่ีดนิ ของรัฐซ่ึงใชท้ ุนมาก และระยะเวลาดาเนนิ การทไี่ ดผ้ ลตอบแทนใน ระยะยาวเช่น การทจ่ี ะ รวบรวมชาวเขา ซงึ่ บุกรกุ ทาลายปา่ บนภูเขาเพ่ือปลกู ฝิน่ ทาพชื ไร่เล่อื นลอยโดยไมม่ ีเขต จากดั ใหร้ วมกันเป็นกลมุ่ ก้อน จดั ทาพืชใหเ้ หมาะสมแกส่ ภาพท้องที่ ถ้ารัฐจะดาเนนิ การแตฝ่ ่ายเดียวจะตอ้ งลงทนุ มาก ควรใหม้ ีบคุ คลซงึ่ มีความรู้ ความชานาญ หรือมอี าชีพในการนี้ได้รับสัมปทานทด่ี นิ ไปดาเนนิ การในระยะยาว จะได้ผลดแี กก่ ารเศรษฐกิจของประเทศ
138 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 14 (พ.ศ. 2504) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. 2497 อาศยั อานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบญั ญตั ิใหใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. 2497 และมาตรา 26 (1) แหง่ ประมวลกฎหมายที่ดิน รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ขอ้ 1 บคุ คลใดมสี ทิ ธใิ นที่ดินหรอื ครอบครองทีด่ นิ ซง่ึ อยภู่ ายในเขตสารวจท่ดี ินตาม ประกาศของคณะกรรมการจดั ที่ดินแห่งชาติ และมีหนา้ ท่ีแจ้งตามมาตรา 26 (1) แห่งประมวล กฎหมายทดี่ ิน ใหแ้ จง้ รายการและลงลายมอื ช่อื ไวเ้ ปน็ สาคญั ตามแบบบญั ชแี จง้ การมสี ิทธใิ นทดี่ ิน หรือการครอบครองทด่ี นิ ในเขตสารวจทด่ี นิ ท้ายกฎกระทรวงนตี้ ่อนายอาเภอหรอื ผทู้ าการแทน หรือปลัดอาเภอผูเ้ ป็นหัวหนา้ ประจากิง่ อาเภอหรอื ผู้ทาการแทนในทอ้ งท่ีซง่ึ ทด่ี นิ ต้ังอยู่ ข้อ 2 การแจ้งตามข้อ 1 ผแู้ จง้ ตอ้ งนาหลกั ฐานการมสี ทิ ธใิ นทีด่ นิ หรือการครอบครองท่ีดนิ ไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหนา้ ที่ผูร้ บั แจ้งด้วย ข้อ 3 ในกรณีทบี่ คุ คลหลายคนมสี ทิ ธิในทีด่ นิ หรือครอบครองท่ีดินแปลงเดียวรว่ มกนั ใหค้ นใดคนหนึ่งเป็นผแู้ จ้งแทนกนั ได้ โดยระบุชอ่ื ผู้มสี ทิ ธิในท่ดี นิ หรอื ผู้ครอบครองท่ีดินรว่ มกนั นั้น ไวใ้ นแบบบญั ชีแจ้งการมีสทิ ธิในทด่ี ินหรือการครอบครองท่ีดินในเขตสารวจทดี่ ิน ในช่องช่อื ผู้มีสิทธิ ในทดี่ ินหรือผ้คู รอบครองท่ดี ิน ข้อ 4 ในกรณที ผ่ี มู้ สี ทิ ธใิ นทด่ี ินหรือผู้ครอบครองทดี่ นิ จดั ให้บุคคลอ่ืนเปน็ ผ้แู จ้งแทน ตอ้ งมีคารับรองของเจา้ พนกั งานผปู้ กครองท้องทีห่ รอื พยานอย่างนอ้ ยหน่งึ คนรบั รองว่า บุคคลอ่นื น้ันเป็นผแู้ จง้ แทนจรงิ ใหไ้ ว้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2504 พลโท ป. จารุเสถียร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 78 ตอนที่ 76 วันท่ี 26 กนั ยายน 2504) หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับน้ี คอื เพอื่ กาหนดแบบและวิธีการให้ผู้มีสิทธใิ นที่ดินหรอื ผคู้ รอบครองทดี่ ินแจง้ ทด่ี ินในเขตสารวจตามประกาศของคณะกรรมการจัดทีด่ นิ แหง่ ชาติ ตามมาตรา 25 แห่งประมวลกฎหมายทีด่ นิ
139
140 กฎกระทรวง* ฉบบั ที่ ๑๕ (พ.ศ. 2510) ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญตั ใิ ห้ใชป้ ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายท่ีดนิ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลกิ ข้อ 7 และขอ้ 11 (6) แหง่ กฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. 2497 (ขอ้ 2 แบบโฉนดทด่ี ินใหเ้ ปน็ ไปตามแบบ น.ส. 4 ทา้ ยกฎกระทรวงน้ี ในกรณีโฉนดท่ดี ินทอี่ อกเป็นโฉนดตราจองหรอื ตราจองทต่ี ราวา่ “ไดท้ าประโยชนแ์ ลว้ ” ใหม้ ีคาว่า “โฉนดตราจอง” หรอื ตราจองทตี่ ราวา่ “ได้ทาประโยชนแ์ ล้ว” แลว้ แต่กรณี ไวเ้ หนอื คาว่า “โฉนดที่ดนิ เลขที่” ขอ้ 3 แบบใบแทนโฉนดทีด่ นิ ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบ น.ส. 4 โดยประทบั ตราสแี ดงวา่ “ใบแทน” ไวใ้ น ด้านหน้าของโฉนดที่ดิน และในสารบัญจดทะเบยี นใหม้ คี าว่า “ใบแทน” และวัน เดอื น ปีที่ออก ดว้ ยหมกึ สีแดง กบั ให้เจา้ พนกั งานทดี่ นิ ลงชือ่ และประทับตราประจาตาแหนง่ ไวเ้ ป็นสาคญั สว่ นโฉนดทดี่ นิ ฉบบั สาหรับสานักงานทด่ี นิ ในสารบญั จดทะเบยี นใหม้ ีคาว่า “ไดอ้ อกใบแทนโฉนดทีด่ ิน” และวัน เดือน ปีท่ีออก ด้วยหมกึ สแี ดง กบั ให้ เจ้าพนกั งานทีด่ นิ ลงชือ่ กากบั ไว้) (ความในข้อ 2 และข้อ 3 นี้ ถกู ยกเลกิ โดยขอ้ 1 แหง่ กฎกระทรวง ฉบับท่ี 34 (พ.ศ. 2539)ฯ) ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 พลเอก ป. จารเุ สถยี ร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 84 ตอน 61 (ฉบบั พเิ ศษ) วนั ท่ี 3 กรกฎาคม 2510) หมายเหต:ุ- เหตผุ ลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบบั น้ี คอื เนอ่ื งจากแบบโฉนดทด่ี ินท่ใี ชอ้ ยูใ่ นปจั จุบนั นม้ี ขี ้อความและ ลวดลายไมร่ ดั กมุ งา่ ยแกก่ ารปลอมแปลง สมควรเปลี่ยนแบบโฉนดท่ดี นิ เสยี ใหม่ ใหม้ ขี ้อความและลวดลายรดั กุมเหมาะสม ยิง่ ขน้ึ เพอ่ื ปอ้ งกนั การทจุ รติ เกย่ี วกับการปลอมแปลงโฉนดทีด่ นิ * กฎกระทรวงฉบบั นีถ้ กู ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 34 (พ.ศ. 2529)ฯ และกฎกระทรวง ฉบับท่ี 43 (พ.ศ. 2537)ฯ
141
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330