Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประมวลกฎหมายที่ดิน

ประมวลกฎหมายที่ดิน

Description: ประมวลกฎหมายที่ดิน

Search

Read the Text Version

43 ( มาตรา 80 ในกรณีไถ่ถอนจากจานอง หรอื ไถถ่ อนจากการขายฝากซึ่งทดี่ นิ มีหนงั สอื แสดงสทิ ธิ ในทีด่ นิ แลว้ เม่ือผรู้ ับจานองหรอื ผู้รับซอ้ื ฝากไดท้ าหลักฐานเป็นหนังสอื วา่ ไดม้ กี ารไถถ่ อนแลว้ ให้ผมู้ ีสิทธิ ในทีด่ ินหรือผู้มสี ิทธไิ ถถ่ อนนาหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี นิ มาขอจด ทะเบยี นไถ่ถอนต่อพนักงานเจ้าหน้าทไี่ ด้ เมือ่ พนักงานเจ้าหนา้ ที่ตรวจเปน็ การถกู ต้อง ก็ใหจ้ ดทะเบยี นในหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดินใหป้ รากฏ การไถถ่ อนน้ัน) (ความในมาตรา 80 ซง่ึ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยประกาศของคณะปฏวิ ัติฉบบั ที่ 334 ลงวันที่ 13 ธนั วาคม พทุ ธศักราช 2515 ถูกยกเลกิ โดยมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2556 และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน) มาตรา 80 ในกรณีไถ่ถอนจากจานอง หรือไถถ่ อนจากการขายฝากซ่ึงท่ีดินท่ีมี หนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดินหรืออสังหารมิ ทรัพย์อ่นื เมือ่ ผู้รบั จานองหรอื ผรู้ บั ซื้อฝากได้ทา หลักฐานเปน็ หนงั สอื ว่าได้มีการไถ่ถอนแลว้ ให้ผมู้ ีสิทธิไถ่ถอนหรือผมู้ สี ิทธิในอสังหารมิ ทรพั ย์ นาหลักฐานทแ่ี สดงวา่ ไดม้ ีการไถ่ถอนแล้วมาขอจดทะเบียนไถถ่ อนตอ่ พนกั งานเจ้าหนา้ ทไ่ี ด้ เม่ือพนักงานเจ้าหนา้ ทีต่ รวจเปน็ การถูกตอ้ ง ให้จดทะเบยี นในหนังสอื แสดงสทิ ธิ ในที่ดินหรอื ในทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรมเกีย่ วกบั อสงั หารมิ ทรัพยใ์ ห้ปรากฏการไถถ่ อนน้นั (มาตรา 81 การไดม้ าซ่ึงทด่ี ินทางมฤดก ให้ผูข้ อรบั มฤดกนาหลักฐานหรอื หนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน มายนื่ คาขอต่อพนักงานเจ้าหนา้ ที่ ให้พนกั งานเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานหลกั ฐาน และประกาศใหท้ ราบในที่ เปิดเผยในสานักงานทดี่ นิ จงั หวดั หรือสานกั งานทด่ี นิ สาขา ในท่ีวา่ การอาเภอ และในบริเวณทดี่ นิ มีกาหนด หกสบิ วนั เมอื่ ไม่มีผู้โต้แยง้ และหลกั ฐานเปน็ ทเ่ี ชอื่ ไดว้ า่ ผรู้ อ้ งมสี ทิ ธใิ นการรบั มฤดกกใ็ หจ้ ดทะเบยี นใหต้ าม คาขอ ในกรณที ีม่ ผี ้โู ต้แย้ง ใหพ้ นักงานเจ้าหนา้ ท่มี ีอานาจสอบสวนค่กู รณี และเรียกบุคคลใดๆ มาใหถ้ ้อยคา หรือส่งเอกสารทีเ่ กีย่ วขอ้ งได้ตามความจาเปน็ และให้พนกั งานเจา้ หนา้ ทเ่ี ปรียบเทยี บ ถ้าเปรยี บเทยี บไมต่ กลง ก็ให้พนกั งานเจา้ หน้าทส่ี ง่ั การไปตามท่ีเหน็ สมควร ถ้าฝ่ายใดไมพ่ อใจคาสง่ั ของพนกั งานเจา้ หน้าท่ี ก็ใหฝ้ า่ ยน้ันไปฟ้องร้องกนั เองยงั ศาล ภายในกาหนด หกสิบวนั นับแต่วันทราบคาสงั่ แต่ในกรณีทเ่ี จ้ามฤดกตายไปยงั ไมถ่ ึงหนึง่ ปี กใ็ หพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ท่กี าหนดเวลา ให้ไปฟ้องร้องกนั เองได้ แต่ตอ้ งไมเ่ กินหน่ึงปีกับหกสบิ วัน นบั แตว่ ันเจา้ มฤดกตาย) (ความในมาตรา 81 เดมิ ถูกยกเลิกโดยข้อ 11 แห่งประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ท่ี 334 ลงวนั ท่ี 13 ธันวาคม พุทธศักราช 2515 และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน) (มาตรา 81 การขอจดทะเบยี นสิทธิเก่ยี วกบั อสงั หารมิ ทรัพยซ์ ่งึ ได้มาโดยทางมรดก ใหผ้ ู้ไดร้ ับมรดก นาหลกั ฐานสาหรับทด่ี นิ หรือหนังสอื แสดงสิทธิในท่ีดนิ พรอ้ มดว้ ยหลกั ฐานในการได้รับมรดกมาย่ืนคาขอต่อ พนักงานเจา้ หนา้ ที่ ถา้ หนงั สือแสดงสทิ ธิในทีด่ นิ อยูก่ ับบุคคลอื่น ให้พนกั งานเจ้าหนา้ ทมี่ อี านาจเรียกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ ดังกล่าวนั้นได้ เม่อื พนกั งานเจ้าหนา้ ทส่ี อบสวนพยานหลักฐาน และเช่ือได้วา่ ผขู้ อเปน็ ทายาทแล้ว ให้ประกาศ โดยทาเปน็ หนงั สือปดิ ไวใ้ นที่เปิดเผยมีกาหนดหกสบิ วนั ในกรณีการขอจดทะเบยี นสทิ ธซิ งึ่ กระทาต่อพนักงาน

44 เจ้าหนา้ ที่ตามมาตรา ๗๑ (๑) ให้ปดิ ประกาศ ณ สานกั งานทีด่ นิ ที่ว่าการอาเภอหรอื กง่ิ อาเภอท้องที่ ทที่ าการ กานนั และบริเวณที่ดินน้นั แห่งละหน่งึ ฉบับ ถ้าเปน็ กรณีการขอจดทะเบยี นสิทธิซ่งึ กระทาตอ่ พนักงานเจา้ หน้าท่ี ตามมาตรา 71 (๒) ให้ปิดประกาศ ณ ท่วี ่าการอาเภอหรือกง่ิ อาเภอ ทท่ี าการกานันและบรเิ วณทีด่ นิ นัน้ แหง่ ละหนึง่ ฉบบั ในการนใ้ี ห้พนกั งานเจ้าหนา้ ที่มหี นงั สอื ส่งประกาศดังกลา่ วใหบ้ คุ คลท่ผี ้ขู อแจ้งวา่ เปน็ ทายาททุกคน ทราบเท่าที่สามารถจะทาได้ หากไม่มีผูใ้ ดโตแ้ ย้งภายในกาหนดเวลาท่ปี ระกาศ และมีหลกั ฐานเป็นท่เี ชอ่ื ไดว้ า่ ผู้ขอมสี ทิ ธิไดร้ บั มรดกแลว้ ให้พนกั งานเจ้าหน้าท่ดี าเนินการจดทะเบยี นให้ตามทผี่ ู้ขอแสดงหลักฐานการมสี ทิ ธิ ตามกฎหมาย ทัง้ น้ี ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ในกรณที ีม่ ผี โู้ ตแ้ ย้ง ให้พนกั งานเจา้ หนา้ ท่มี ีอานาจสอบสวนคกู่ รณี และเรียกบุคคลใดๆ มาใหถ้ ้อยคา หรือใหส้ ่งเอกสารที่เก่ยี วข้องไดต้ ามความจาเป็น และให้พนักงานเจา้ หนา้ ทเี่ ปรียบเทียบ ถ้าเปรยี บเทยี บไมต่ กลง ให้พนักงานเจ้าหน้าทส่ี ่งั การไปตามทีเ่ ห็นสมควร ถา้ ฝ่ายใดไมพ่ อใจคาส่ังของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี ใหฝ้ ่ายนนั้ ไปฟ้องรอ้ งต่อศาลภายในกาหนดหกสิบวนั นบั แต่วนั ทราบคาส่ัง ในกรณีทไี่ ด้ฟอ้ งรอ้ งตอ่ ศาล ให้รอเรือ่ งไว้ เมอ่ื ศาลได้พพิ ากษาหรอื มคี าสัง่ ถงึ ทีส่ ุดประการใด ให้ดาเนินการไปตามนั้น ถา้ ไม่ฟ้องร้องภายในกาหนด ให้ดาเนนิ การไปตามคาสัง่ ของพนกั งานเจ้าหน้าท่ี) (ความในมาตรา 81 ซึง่ แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 ลงวันท่ี 13 ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช 2515 ถูกยกเลิกโดยมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2528และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน) (มาตรา 81 การขอจดทะเบยี นสทิ ธิเกีย่ วกบั อสังหารมิ ทรัพย์ซง่ึ ได้มาโดยทางมรดก ใหผ้ ไู้ ดร้ บั มรดก นาหลักฐานสาหรับทด่ี นิ หรือหนงั สือแสดงสิทธิในทีด่ ินพรอ้ มดว้ ยหลักฐานในการได้รับมรดก มายื่นคาขอต่อ พนกั งานเจ้าหน้าทีต่ ามมาตรา 71 ถา้ หนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ ินอยู่กับบคุ คลอนื่ ให้พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีมอี านาจ เรยี กหนงั สอื แสดงสทิ ธิ ในทด่ี นิ ดงั กลา่ วน้นั ได้ เมอื่ พนักงานเจา้ หนา้ ทสี่ อบสวนพยานหลักฐาน และเชื่อไดว้ า่ ผู้ขอเป็นทายาทแลว้ ใหป้ ระกาศ โดยทาเป็นหนังสอื ปดิ ไว้ในท่เี ปดิ เผยมกี าหนดหกสบิ วนั ณ สานักงานทด่ี ินทอ้ งท่ซี ึ่งท่ีดินตง้ั อยู่ เขตหรอื ที่วา่ การอาเภอหรือก่งิ อาเภอท้องท่ี ทที่ าการแขวงหรอื ทท่ี าการกานัน และบรเิ วณที่ดินน้ันแห่งละหนงึ่ ฉบบั และใหพ้ นักงานเจ้าหนา้ ที่มหี นังสือส่งประกาศดังกล่าวให้บคุ คลทผ่ี ู้ขอแจง้ วา่ เปน็ ทายาททกุ คนทราบ เท่าที่ สามารถจะทาได้ หากไมม่ ผี ูใ้ ดโต้แยง้ ภายในกาหนดเวลาที่ประกาศและมีหลกั ฐานเป็นท่เี ชือ่ ไดว้ ่าผ้ขู อมีสิทธิ ไดร้ ับมรดกแล้ว ให้พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ดี าเนนิ การจดทะเบยี นให้ตามท่ีผู้ขอแสดงหลกั ฐานการมีสิทธติ าม กฎหมาย ทงั้ น้ี ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และวิธีการทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ในกรณีทม่ี ผี โู้ ต้แย้ง ใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ที่มอี านาจสอบสวนคู่กรณี และเรียกบุคคลใดๆ มาใหถ้ ้อยคา หรือส่งั ให้สง่ เอกสารท่เี กย่ี วขอ้ งไดต้ ามความจาเป็น และใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าทีเ่ ปรียบเทยี บ ถา้ เปรยี บเทยี บ ไมต่ กลง ให้พนกั งานเจ้าหน้าทส่ี งั่ การไปตามท่เี หน็ สมควร เมื่อพนักงานเจ้าหนา้ ทสี่ ง่ั การประการใดแลว้ ให้แจง้ ให้คู่กรณที ราบ และใหฝ้ า่ ยท่ไี มพ่ อใจไปดาเนนิ การ ฟอ้ งต่อศาลภายในกาหนดหกสบิ วนั นบั แตว่ นั ท่ที ราบคาส่ัง ในกรณีที่ไดฟ้ ้องตอ่ ศาลแลว้ ใหร้ อเรอ่ื งไว้ เมอื่ ศาลไดพ้ พิ ากษาหรือมีคาสัง่ ถงึ ทส่ี ดุ ประการใด จงึ ให้ดาเนนิ การไปตามกรณี ถา้ ไมฟ่ ้องภายในกาหนดกใ็ หด้ าเนินการไปตามทพ่ี นกั งานเจ้าหนา้ ทส่ี งั่ )

45 (ความในมาตรา 81 แห่งประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพมิ่ เติม ประมวลกฎหมายทดี่ ิน (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2528 ถกู ยกเลกิ โดยมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพ่มิ เตมิ ประมวล กฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ที่ 9) 2543 และใหใ้ คชว้ ามตอ่ ไปนี้แทน) (มาตรา 81 การขอจดทะเบียนสิทธิเก่ยี วกบั อสังหารมิ ทรัพยซ์ ง่ึ ไดม้ าโดยทางมรดก ใหผ้ ไู้ ดร้ ับมรดก นาหลักฐานสาหรับทีด่ ินหรอื หนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ดี ินพรอ้ มด้วยหลกั ฐานในการได้รบั มรดกมายน่ื คาขอต่อ พนักงานเจ้าหน้าท่ตี ามมาตรา 71 ถ้าหนังสอื แสดงสทิ ธิใน ทีด่ ินอยกู่ ับบคุ คลอนื่ ให้พนักงานเจา้ หน้าทีม่ ี อานาจเรียกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ ินดังกล่าวนนั้ ได้ เม่อื พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานหลกั ฐานและเช่อื ไดว้ ่าผู้ขอ เป็นทายาทแล้ว ให้ประกาศ โดยทาเปน็ หนังสอื ปิดไวใ้ นที่เปิดเผยมกี าหนดสามสบิ วัน ณ สานกั งานที่ดนิ เขตหรือทวี่ ่าการอาเภอหรือ กง่ิ อาเภอ สานกั งานเทศบาล ทที่ าการองคก์ ารบริหารส่วนตาบล ทีท่ าการแขวงหรอื ท่ีทาการกานนั ท้องที่ซงึ่ ทดี่ ินต้ังอยู่ และบรเิ วณทีด่ นิ นั้นแห่งละหน่งึ ฉบับ และใหพ้ นักงานเจา้ หน้าที่มหี นังสอื ส่งประกาศดงั กลา่ วให้ บคุ คลทผ่ี ้ขู อ แจ้งว่าเป็นทายาททุกคนทราบเท่าท่จี ะทาได้ หากไม่มีทายาทซ่งึ มสี ทิ ธิไดร้ บั มรดกโต้แย้งภายใน กาหนดเวลาทีป่ ระกาศและมหี ลักฐานเป็นท่ีเช่อื ได้ว่าผขู้ อมีสทิ ธิได้รบั มรดกแลว้ ใหพ้ นักงาเจน้าหนา้ ทีด่ าเนนิ การ จดทะเบียนให้ตามที่ผูข้ อแสดงหลักฐานการมีสทิ ธิตามกฎหมาย ทัง้ น้ี ให้ เป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการที่ กาหนดในกฎกระทรวง) (ความในวรรคหน่ึงและวรรคสองของมาตรา 81 ซึง่ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ที่ 9) พ.ศ. 2543 ถูกยกเลิกโดยมาตรา 5 แหง่ พ.ร.บ. แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบบั ที่ 13) พ.ศ. 2556 และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน) มาตรา ๘๑ การขอจดทะเบยี นสทิ ธเิ กยี่ วกบั อสงั หารมิ ทรัพยซ์ ง่ึ ได้มาโดยทางมรดก ใหผ้ ู้ได้รับมรดกนาหลักฐานสาหรบั ทดี่ นิ หรือหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ินหรอื หลักฐานเกีย่ วกบั อสงั หารมิ ทรัพยอ์ ื่นพรอ้ มดว้ ยหลักฐานในการได้รบั มรดกมาย่นื คาขอต่อพนกั งานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา ๗๑ ถา้ หนังสือแสดงสิทธิในทดี่ ินอยกู่ บั บุคคลอ่นื ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ท่ีมอี านาจ เรียกหนังสือแสดงสิทธิในท่ดี นิ ดังกลา่ วน้นั ได้ เมอื่ พนักงานเจา้ หน้าท่สี อบสวนพยานหลกั ฐานและเชอื่ ไดว้ า่ ผูข้ อเปน็ ทายาทแล้ว ให้ประกาศโดย ทาเป็นหนงั สือปดิ ไว้ในทีเ่ ปิดเผยมี กาหนด สามสิบวัน ณ สานักงานทด่ี นิ สานักงานเขตหรอื ท่วี า่ การอาเภอหรือก่งิ อาเภอ สานักงานเทศบาล ที่ทาการองคก์ ารบริหาร สว่ นตาบล ท่ีทาการแขวงหรอื ทท่ี าการกานนั ท่ีทาการผใู้ หญบ่ ้านแหง่ ท้องท่ีซ่ึงอสงั หาริมทรพั ย์ ตง้ั อยู่ และบริเวณอสังหาริมทรพั ยน์ นั้ แหง่ ละหนึง่ ฉบบั และให้พนกั งานเจา้ หน้าที่มีหนังสือ สง่ ประกาศดังกลา่ วให้บคุ คลท่ีผูข้ อแจ้งวา่ เป็นทายาทและมไิ ด้มาด้วยในวันย่ืน คาขอทราบ เท่าท่ีจะทาได้ หากไมม่ ที ายาทซึ่งมสี ิทธไิ ด้รับมรดกโต้แยง้ ภายในกาหนดเวลาท่ปี ระกาศและ มีหลักฐานเปน็ ทเี่ ชือ่ ได้ว่าผู้ขอมีสิทธไิ ด้รบั มรดกแลว้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดาเนินการ

46 จดทะเบียนให้ตามที่ผ้ขู อแสดงหลักฐานการมีสทิ ธิตามกฎหมาย ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่ี กาหนดในกฎกระทรวง27 (ความในวรรคสามถึงวรรคหา้ ของมาตรา 81 แหง่ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ ถูกแก้ไขเพ่มิ เติมโดย พ.ร.บ. แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบบั ที่ 9) 2543 แต่ไม่มีการแกไ้ ขเพิ่มเติมตามพ.ร.บ. แกไ้ ข เพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบับท่ี 13) พ.ศ. 2556 แต่อย่างใด) ในกรณที ม่ี ีทายาทซึง่ มีสิทธิได้รบั มรดกโต้แย้ง ใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ที่ มีอานาจ สอบสวนคู่กรณแี ละเรยี กบุคคลใดๆ มาให้ถ้อยคา หรือสง่ั ให้สง่ เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ได้ตาม ความจาเป็น และใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าท่เี ปรียบเทียบ ถ้าเปรยี บเทยี บไมต่ กลง ใหพ้ นกั งาน เจา้ หนา้ ที่สงั่ การไปตามท่เี หน็ สมควร เม่ือพนักงานเจ้าหนา้ ที่สั่งประการใดแลว้ ให้แจง้ ใหค้ ู่กรณีทราบ และใหฝ้ ่ายท่ีไมพ่ อใจ ไปดาเนินการฟอ้ งต่อศาลภายในกาหนดหกสิบวันนบั แตว่ นั ที่ไดร้ ับแจง้ หากผู้นน้ั มไิ ด้ฟ้อง ตอ่ ศาลและนาหลักฐานการยืน่ ฟ้องพรอ้ มสาเนาคาฟ้องเก่ียวกบั สทิ ธิในการได้รบั มรดก มาแสดงตอ่ พนักงานเจ้าหน้าทภ่ี ายในกาหนดเวลาดงั กลา่ วก็ให้ดาเนินการไปตามที่พนักงาน เจา้ หนา้ ที่สั่ง ในกรณีทีท่ ายาทได้ยน่ื ฟอ้ งต่อศาลภายในกาหนดเวลาตามความในวรรคสี่ หรอื ทายาทอื่นซึ่งมสี ิทธไิ ดร้ ับมรดกไดฟ้ ้องคดเี กี่ยวกบั สิทธใิ นการได้รบั มรดกตอ่ ศาล ก่อนที่ พนักงานเจา้ หนา้ ทไ่ี ดจ้ ดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรมการได้มาโดยทางมรดก เม่ือผนู้ ้นั นา หลักฐานการย่ืนฟ้องพรอ้ มสาเนาคาฟ้องแสดงต่อพนักงานเจา้ หนา้ ท่ี ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าที่ ระงับการจดทะเบยี นไว้ เมื่อศาลไดม้ ีคาพพิ ากษาหรอื คาส่งั ทีส่ ดุ ประการใดก็ใหด้ าเนนิ การ ไปตามคาพิพากษาหรอื คาสัง่ นน้ั (มาตรา 82 ในกรณีที่มผี ้มู าย่ืนคาขอเปน็ ผู้จดั การมฤดก หรอื ทรัสตีที่กอ่ ตัง้ ทรสั ต์ข้ึนไว้แล้ว โดยชอบ ด้วยกฎหมายกอ่ นวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 เก่ยี วกับท่ีดนิ หรืออสังหาริมทรัพย์ อยา่ งอ่ืน ให้พนักงานเจ้าหนา้ ที่สอบสวนพยานหลกั ฐานแลว้ จึงให้รบั จดทะเบียนจัดการมฤดกหรอื ทรสั ตีได้ ) (ความในมาตรา 8๒ เดิมถกู ยกเลกิ โดยข้อ 11 แหง่ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ท่ี 334 ลงวันท่ี 13 ธันวาคม พุทธศักราช 2515 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน) (มาตรา 82 ผใู้ ดประสงคจ์ ะขอจดทะเบยี นลงช่ือผู้จัดการมรดกในหนังสือแสดงสทิ ธิในทด่ี นิ ให้ยืน่ คาขอพร้อมดว้ ยนาหนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ นัน้ และหลักฐานการเปน็ ผู้จัดการ มรดกมาแสดงต่อ พนักงานเจา้ หน้าท่ีตามมาตรา 71 ถา้ เป็นผ้จู ัดการมรดกโดยคาสั่งศาล ใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ท่ีดาเนนิ การ จดทะเบยี นใหต้ ามคาขอ แต่ถา้ เป็นผู้จัดการมรดกในกรณีอนื่ ให้พนักงานเจา้ หนา้ ทสี่ อบสวนและตรวจสอบ 27 กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 24 (พ.ศ. 2516)

47 หลกั ฐาน และให้นาความในมาตรา 81 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม เมอ่ื ไม่มผี ูโ้ ตแ้ ยง้ ใหพ้ นักงาน เจา้ หนา้ ทจ่ี ดทะเบยี นลงชอื่ ผ้จู ัดการมรดกในหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ีดินนนั้ ได้ แต่ถา้ มผี ู้โต้แย้งก็ใหร้ อเร่ืองไว้ และ ให้คู่กรณไี ปฟ้องรอ้ งต่อศาล เม่ือศาลมีคาพพิ ากษาหรอื คาสงั่ ถึงทสี่ ุดประการใดแลว้ ใหด้ าเนนิ การไปตามคา พพิ ากษาหรอื คาสัง่ ศาลนน้ั ในกรณีทีผ่ ้จู ดั การมรดกซ่งึ ไดม้ ชี ่ือในหนังสือแสดงสิทธใิ นทดี่ นิ แล้วขอจดทะเบยี น สทิ ธใิ นทด่ี นิ ให้แก่ ทายาท ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ที่ดาเนนิ การจดทะเบียนใหต้ ามคาขอโดยไม่ ตอ้ งประกาศตามมาตรา 81 ในกรณที ีท่ รสั ตขี องทรัสตซ์ ง่ึ ได้กอ่ ต้ังข้นึ โดยชอบดว้ ยกฎหมายไว้แล้วขอจดทะเบียน ในฐานะ เป็นทรสั ตี เมื่อพนกั งานเจ้าหน้าท่ีสอบสวนพยานหลักฐานแลว้ ใหด้ าเนนิ การจด ทะเบียนได้) (ความในมาตรา 82 ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบบั ที่ 334 ลงวันที่ 13 ธนั วาคม พทุ ธศักราช 2515 ถกู ยกเลกิ โดยมาตรา 6 แหง่ พ.ร.บ. แกไ้ ขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบบั ที่ 13) พ.ศ. 2556 และให้ใช้ความต่อไปนีแ้ ทน) มาตรา ๘๒ ผู้ใดประสงค์จะขอจดทะเบียนลงช่ือผจู้ ัดการมรดกในหนังสือแสดงสิทธิ ในทด่ี ินหรือประสงค์จะขอจดทะเบียนให้ปรากฏชอ่ื ผู้จดั การมรดกในทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม เกย่ี วกับอสังหารมิ ทรพั ยใ์ ห้ยื่นคาขอพร้อมดว้ ยนาหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ หรอื หลกั ฐาน เกี่ยวกับอสงั หาริมทรพั ยอ์ น่ื นั้น และหลักฐานการเปน็ ผ้จู ัดการมรดกมาแสดงตอ่ พนักงาน เจา้ หน้าทต่ี ามมาตรา ๗๑ ถ้าเป็นผจู้ ดั การมรดกโดยคาส่ังศาลใหพ้ นักงานเจ้าหน้าท่ีดาเนินการ จดทะเบยี นให้ตามคาขอ แตถ่ ้าเปน็ ผ้จู ัดการมรดกในกรณอี ืน่ ใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ทสี่ อบสวน และตรวจสอบหลกั ฐาน และให้ นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนโุ ลม เมือ่ ไม่มผี ใู้ ดโต้แย้งให้พนักงานเจา้ หนา้ ทจ่ี ดทะเบยี นลงช่ือผจู้ ดั การมรดกในหนงั สอื แสดงสทิ ธิ ในทด่ี ินนัน้ หรือในทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ ิกรรมเกย่ี วกับอสังหารมิ ทรัพยไ์ ด้ แตถ่ ้ามีผโู้ ต้แย้งกใ็ ห้ รอเรอ่ื งไว้และแจ้งให้คู่กรณีไปฟอ้ ตง่อศาล เมอื่ ศาลมคี าพิพากษาหรือคาสง่ั ถงึ ท่ีสดุ ประการใดแลว้ ใหด้ าเนนิ การไปตามคาพพิ ากษาหรือคาสัง่ ศาลนัน้ ในกรณที ี่ผู้จดั การมรดกซึ่งไดม้ ีชอื่ ในหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดินแลว้ ขอจดทะเบยี น สทิ ธใิ นทด่ี นิ หรือจดทะเบียนสทิ ธิในที่ดนิ พร้อมกับอสังหาริมทรพั ยอ์ ่ืนรวมกับทด่ี นิ ดงั กล่าว ให้แก่ทายาท หรือผจู้ ดั การมรดกซงึ่ ปรากฏช่อื ในทะเบียนสิทธิและนติ กิ รรมเกีย่ วกบั อสงั หารมิ ทรพั ย์แล้ว ขอจดทะเบียนสิทธิในอสงั หารมิ ทรัพยอ์ ่ืนใหแ้ กท่ ายาท ให้พนักงาน เจา้ หน้าทีด่ าเนินการจดทะเบยี นใหต้ ามคาขอโดยไมต่ ้องประกาศตามมาตรา ๘๑ ในกรณีที่ทรัสตขี องทรสั ตซ์ ่ึงได้กอ่ ตง้ั ข้ึนโดยชอบด้วยกฎหมายไวแ้ ล้วขอจดทะเบยี น ในฐานะเปน็ ทรัสตี เม่ือพนกั งานเจา้ หน้าท่สี อบสวนพยานหลกั ฐานแล้ว ให้ดาเนินการจด ทะเบียนได้

48 (มาตรา 83 ผู้ใดมสี ว่ นไดเ้ สียในทดี่ นิ อนั อาจจะฟอ้ งบังคับใหม้ ีการจดทะเบียนหรอื ให้มีการเปล่ยี นแปลง ทางทะเบียนได้ มคี วามประสงคจ์ ะขออายัดที่ดนิ ต่อพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีก็ให้ทาได้ เม่อื พนักงานเจา้ หน้าทีส่ อบสวนเห็นสมควรให้รบั อายัดไวไ้ ด้ไมเ่ กนิ กาหนดหกสิบวันนับแตว่ ันท่ขี ออายดั โดยใหผ้ นู้ ้ันไปดาเนินการทางศาล เมื่อศาลได้มีคาสง่ั หรือคาพพิ ากษาแล้ว ให้พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ดาเนนิ การตอ่ ไป ตามควรแกก่ รณี) (ความในมาตรา 83 เดิมถูกยกเลิกโดยมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายท่ดี ิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528 และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน) (มาตรา 83 ผ้ใู ดมีส่วนไดเ้ สยี ในทด่ี ินใดอันอาจจะฟ้องบังคบั ใหม้ กี ารจดทะเบยี นหรือให้มีการเปลยี่ นแปลง ทางทะเบียนได้ มีความประสงคจ์ ะขออายดั ทดี่ นิ ใหย้ ืน่ คาขอต่อเจ้าพนกั งานทด่ี ิน เมื่อเจา้ พนกั งานทด่ี ินสอบสวนหลักฐานท่ผี ู้ขอไดน้ ามาแสดงใหป้ รากฏแล้ว ถ้าเห็นสมควรเชื่อถอื กใ็ ห้รับอายดั ไวไ้ ดม้ กี าหนดหกสบิ วนั นบั แตว่ นั ทีข่ ออายดั โดยใหผ้ นู้ น้ั ไปดาเนนิ การทางศาลและใหน้ าหลักฐาน การยน่ื ฟอ้ งพรอ้ มสาเนาคาฟอ้ งในกรณีที่ขออายัดมาแสดงต่อเจา้ พนกั งานทีด่ นิ ผรู้ บั อายัดภายในกาหนดเวลา ท่ีอายดั ถ้าผู้ขออายดั มิได้ปฏิบัติดงั กลา่ ว ใหถ้ ือว่าการอายัดสิ้นสดุ และจะขออายดั ซ้าในกรณีเดียวกันอีกไม่ได้ แต่ถ้าผขู้ ออายดั ไดแ้ สดงหลกั ฐานดงั กล่าวภายในกาหนดเวลาทอ่ี ายัด ใหก้ ารอายดั มผี ลต่อไปจนกว่าศาลจะสง่ั ใหถ้ อนการอายดั หรอื มีคาพพิ ากษาหรอื คาสั่งถงึ ท่สี ุด ถา้ เจ้าพนกั งานท่ดี นิ เห็นเองหรอื ผมู้ ีสว่ นได้เสยี คดั ค้านวา่ การอายัดน้นั ไม่ชอบดว้ ยกฎหมายให้มีอานาจ สอบสวนพยานหลักฐานเท่าท่ีจาเป็น เม่ือเปน็ ทเ่ี ชอ่ื ไดว้ า่ ได้รบั อายดั ไวโ้ ดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย เจา้ พนักงานทด่ี นิ มีอานาจสงั่ ให้ยกเลกิ การอายดั น้ันได้ และแจ้งใหผ้ ขู้ ออายัดทราบ) (ความในมาตรา 83 แหง่ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซง่ึ แก้ไขเพ่มิ เติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพมิ่ เติม ประมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบับที่ ๔ ) พ.ศ. 2528 ถูกยกเลิกโดยมาตรา 5 แหง่ พ.ร.บ. แก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. 2543 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน) มาตรา 83 ผูใ้ ดมีสว่ นไดเ้ สียในทดี่ ินใดอนั อาจจะฟ้องบงั คับให้มกี ารจดทะเบียน หรอื ใหม้ กี ารเปลี่ยนแปลงทางทะเบยี นได้ มีความประสงคจ์ ะขออายดั ที่ดิน ให้ยื่นคาขอต่อ พนกั งานเจา้ หนา้ ทต่ี ามมาตรา 71 เมือ่ พนักงานเจ้าหนา้ ทีส่ อบสวนเอกสารหลักฐานทผ่ี ขู้ อได้นามาแสดงแลว้ ถ้าเห็นสมควร เชอ่ื ถอื กใ็ หร้ บั อายดั ไวม้ ีกาหนดสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ท่สี ่ังรบั อายดั เมื่อพ้นกาหนดระยะเวลา ดังกลา่ ว ให้ถือว่าการอายัดสิ้นสดุ ลงและผู้นน้ั จะขออายดั ซา้ ในกรณีเดยี วกนั อกี ไม่ได้ ถา้ ผูม้ สี ว่ นไดเ้ สยี คดั คา้ นว่าการอายดั น้ันไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย ให้พนักงานเจา้ หน้าท่ี มีอานาจสอบสวนพยานหลกั ฐานเท่าทจ่ี าเป็น เม่อื เปน็ ที่เชื่อได้วา่ ไดร้ บั อายัดไว้ โดยไมช่ อบ ดว้ ยกฎหมาย ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าท่มี อี านาจสง่ั ยกเลิกการอายัดน้ัน และแจ้งให้ผูข้ ออายัดทราบ

49 หมวด 7 การกาหนดสทิ ธิในท่ีดินเพ่ือการศาสนา มาตรา 84 การได้มาซง่ึ ทีด่ ินของวัดวาอาราม วดั บาดหลวงโรมันคาธอลคิ มลู นธิ ิ เกี่ยวกบั คริสตจ์ กั รหรอื มัสยิดอสิ ลาม ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี และใหไ้ ด้มาไมเ่ กนิ 50 ไร่ ในกรณที ่ีเปน็ การสมควร รฐั มนตรจี ะอนญุ าตใหไ้ ด้มาซึง่ ท่ดี นิ เกินจานวน ท่บี ัญญตั ิไว้ใน วรรคแรกก็ได้ บทบัญญัติในมาตราน้ไี มก่ ระทบกระเทือนการได้มาซึง่ ทด่ี นิ ท่มี ีอย่แู ล้ว ก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายนใี้ ช้บงั คับ และการไดม้ าซึง่ ทด่ี นิ ของมัสยดิ อิสลามโดยทางบทบัญญตั แิ หง่ ศาสนาอสิ ลามในจงั หวัดท่มี ตี าแหน่งดะโตะ๊ ยตุ ธิ รรม มาตรา 85 ในกรณที น่ี ิติบคุ คลได้มาซ่งึ ทีด่ ินเกินกาหนด ตามความในมาตรา 84 เม่ือประมวลกฎหมายน้ีไดใ้ ช้บงั คบั แล้ว ใหน้ ิตบิ คุ คลด่ังกล่าวจัดการจาหนา่ ยภายในห้าปี ถ้าไม่จาหน่ายท่ีดนิ ภายในเวลาทก่ี าหนด ใหอ้ ธิบดีมีอานาจจาหนา่ ยที่ดินน้ัน และใหน้ าบทบญั ญัติ เรอื่ งการบงั คับจาหนา่ ยทดี่ นิ ตามความในหมวด 3 มาใชบ้ ังคับอนุโลม หมวด 8 การกาหนดสิทธิในที่ดนิ ของคนตา่ งด้าว มาตรา 86 คนตา่ งด้าวจะไดม้ าซ่งึ ทดี่ นิ ก็โดยอาศัยบทสนธสิ ญั ญาซึง่ บญั ญตั ใิ ห้มีกรรมสิทธิ์ ในอสงั หาริมทรัพย์ได้ และอยใู่ นบงั คบั บทบัญญัตแิ ห่งประมวลกฎหมายนด้ี ว้ ย ภายใต้บงั คบั มาตรา 84 คนต่างด้าวดั่งกลา่ วจะไดม้ าซึง่ ท่ดี ินเพอื่ ใช้ เปน็ ท่อี ยู่อาศยั ประกอบกิจการในทางพาณิชยกรรม อตุ สาหกรรม เกษตรกรรม การสสุ าน การกศุ ลสาธารณ หรือการศาสนา ต้องเป็นไปตามเงอ่ื นไขและวธิ ีการซงึ่ กาหนดโดยกฎกระทรวง 28 และต้องไดร้ บั อนญุ าตจากรฐั มนตรี มาตรา 87 จานวนที่ดินท่จี ะพึงอนญุ าตให้ตามความในมาตรากอ่ น มีกาหนดดงั่ น้ี (1) ทอี่ ยู่อาศัย ครอบครวั ละไมเ่ กนิ 1 ไร่ (2) ท่ีใชเ้ พอื่ พาณชิ ยกรรม ไม่เกนิ 1 ไร่ (3) ที่ใช้เพ่อื อุตสาหกรรม ไม่เกิน 10 ไร่ 28 กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๘ (พ.ศ. 2497)

50 (4) ท่ใี ชเ้ พอ่ื เกษตรกรรม ครอบครัวละไมเ่ กนิ 10 ไร่ (๕) ทีใ่ ช้เพือ่ การศาสนา ไม่เกิน 1 ไร่ (๖) ที่ใชเ้ พอ่ื การกุศลสาธารณ ไม่เกิน 5 ไร่ (๗) ที่ใช้เพ่อื การสุสาน ตระกลู ละไมเ่ กนิ 1/2 ไร่ คนต่างดา้ วผ้ใู ดตอ้ งการมีสิทธิในที่ดินเพ่อื การอุตสาหกรรมเกนิ กวา่ ทบ่ี ญั ญตั ิ ไวใ้ น (๓) ถ้าเหน็ เปน็ การสมควร คณะรัฐมนตรจี ะอนญุ าตให้ได้มาซงึ่ ที่ดินเกินกวา่ จานวนท่ีกาหนดไว้ โดยกาหนดเงอ่ื นไขก็ได้ และใหน้ าบทบัญญตั ิมาตรา 48 มาใช้บงั คับโดยอนุโลม มาตรา 88 บทบัญญตั ใิ นมาตรา 87 มิให้กระทบกระเทือนแก่ทด่ี ินของคนต่างด้าว ทม่ี ีอยู่แล้ว เกินกาหนดตามความในมาตรา 87 ก่อนวนั ท่ปี ระมวลกฎหมายน้ใี ช้บังคับ ส่วนผู้ทม่ี ี ที่ดนิ อยู่แลว้ น้อยกว่ากาหนด หรอื ผู้ทีไ่ ด้จาหนา่ ยท่ดี ินเดิมของตนไป อาจไดม้ าซ่งึ ทดี่ ินไดอ้ กี แต่รวมแลว้ ต้องไมเ่ กนิ กาหนดตามมาตรา 87 มาตรา 89 เม่อื คนตา่ งด้าวได้รับอนุญาตให้ไดม้ าซึ่งท่ีดินเพอื่ กิจการใด ผรู้ ับอนญุ าต ต้องใชท้ ่ีดินเพอ่ื กิจการนัน้ จะใชเ้ พื่อกิจการอ่นื ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รบั อนุญาตใหใ้ ชเ้ พอื่ กิจการอ่ืนใหม่ ตามจานวนทไ่ี ม่เกินกาหนดในมาตรา 87 ถา้ จะไม่ใช้ทีด่ นิ ตามท่ีไดร้ บั อนญุ าตน้นั ต้องแจ้ง ให้ทราบตามแบบและวิธีการทีก่ าหนดในกฎกระทรวง 29 ภายในกาหนดสามสิบวนั นบั แตว่ นั ไม่ใช้ท่ดี นิ นั้น คนตา่ งดา้ วผูใ้ ดประสงคจ์ ะใช้ทด่ี ินเพ่ือกจิ การอน่ื ใหม่ ใหข้ ออนญุ าตใหมต่ อ่ รัฐมนตรี ตามแบบและวิธกี ารทกี่ าหนดในกฎกระทรวง30 ถา้ รัฐมนตรีเหน็ สมควรกใ็ หม้ อี านาจอนญุ าต มาตรา 90 คนต่างดา้ วท่ีได้รับอนญุ าตใหม้ ีและใช้ทีด่ นิ เพอ่ื กจิ การใด ถ้าไม่ใช้ทดี่ นิ น้ัน ต่อไป หรือไดใ้ ชท้ ่ีดินเพื่อกิจการอื่นโดยไมไ่ ด้รับอนุญาตใหม่ ใหจ้ ัดการจาหน่ายท่ีดนิ นั้นภายใน เวลาทอ่ี ธิบดกี าหนด ซ่งึ ไม่น้อยกว่าหนงึ่ ร้อยแปดสิบวนั แตไ่ มใ่ หเ้ กนิ หน่งึ ปี ถา้ พน้ กาหนดเวลา ดง่ั กล่าว ใหอ้ ธบิ ดมี อี านาจจาหน่ายที่ดินนน้ั มาตรา 91 คนตา่ งด้าวทีไ่ ด้รบั อนญุ าตใหใ้ ช้ท่ีดนิ เพอ่ื กจิ การใด ถา้ ได้รับอนุญาตใหม่ ให้ใชท้ ด่ี ินนน้ั เพ่อื กิจการอนื่ ซงึ่ จานวนทีด่ ินท่ีได้รับอนญุ าตนลี้ ดลง ใหจ้ าหนา่ ยที่ดินสว่ นท่ีเกนิ นน้ั ภายในเวลาที่อธบิ ดีกาหนด ซ่ึงไมน่ อ้ ยกว่าหนึ่งร้อยแปดสบิ วนั แตไ่ ม่ใหเ้ กนิ หนึง่ ปี ถ้าพน้ กาหนด เวลาดงั่ กลา่ ว ใหอ้ ธิบดมี อี านาจจาหน่ายที่ดนิ น้ัน 29-30 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 8 (พ.ศ. 2497)

51 มาตรา ๙๒ คนต่างดา้ วผ้ใู ดไดร้ ับอนุญาตใหไ้ ดม้ าซง่ึ ที่ดินตามความในมาตรา ๘๗ วรรคสอง ถ้าไม่ได้ปฏิบัตติ ามเงื่อนไขท่คี ณะรัฐมนตรีกาหนด ใหจ้ าหน่ายทด่ี นิ สว่ นท่ไี ดร้ ับอนุญาต ให้ได้มาเกินกวา่ จานวนท่กี าหนดไวน้ ้นั ภายในเวลาที่อธบิ ดีกาหนด ซง่ึ ไมน่ อ้ ยกวา่ หน่งึ ร้อยแปดสบิ วนั แตไ่ มใ่ หเ้ กนิ หนง่ึ ปี ถา้ พ้นกาหนดเวลาดัง่ กลา่ ว ใหอ้ ธิบดมี ีอานาจจาหน่ายท่ีดินน้ัน มาตรา ๙๓ คนต่างดา้ วไดม้ าซ่ึงท่ีดนิ โดยไดร้ บั ม ฤดกในฐานะที่เปน็ ทายาทโดยธรรม รฐั มนตรีจะอนญุ าตใหไ้ ดม้ าซ่งึ ที่ดนิ นน้ั แตเ่ ม่อื รวมกับท่ีมีอยู่แลว้ ไม่เกินจานวนทีจ่ ะพึงมีไดต้ าม ความในมาตรา ๘๗ ก็ได้ มาตรา ๙๔ บรรดาท่ีดนิ ท่คี นตา่ งดา้ วได้มาโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย หรอื ไม่ไดร้ ับอนญุ าต ให้คนตา่ งดา้ วน้นั จัดการจาหน่ายภายในเวลาทอี่ ธบิ ดกี าหนดให้ ซ่งึ ไม่น้อยกวา่ หนงึ่ ร้อยแปดสิบวัน แตไ่ มเ่ กนิ หนึ่งปี ถ้าไมจ่ าหน่ายที่ดินภายในเวลาทกี่ าหนด ใหอ้ ธิบดีมีอานาจจาหน่ายที่ดนิ นัน้ และให้นาบทบญั ญตั ิเร่ืองการบังคบั จาหน่ายท่ีดนิ ตามความในหมวด ๓ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม มาตรา ๙๕ ผูใ้ ดไดม้ าซึง่ ทดี่ นิ ในขณะทีม่ สี ัญชาติไทย ถ้าภายหลังผนู้ ัน้ เปลีย่ นสญั ชาติ เป็นคนต่างดา้ ว ให้คงมีสิทธถิ อื ทีด่ ินไดเ้ ทา่ ทค่ี นตา่ งด้าวนน้ั จะพึงมี นอกจากนน้ั ใหท้ าการจาหนา่ ย และให้นาบทบัญญัตมิ าตรา ๙๔ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม มาตรา ๙๖ เม่ือปรากฏวา่ ผูใ้ ดไดม้ าซง่ึ ทีด่ นิ แหง่ ใดในฐานะเปน็ เจา้ ของแทนคนต่างด้าว หรือนิติบุคคลตามความในมาตรา ๙๗ หรือมาตรา ๙๘ ใหอ้ ธิบดมี อี านาจทาการจาหนา่ ยทดี่ นิ นั้น และใหน้ าบทบญั ญตั มิ าตรา ๙๔ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม (มีความเพิ่มขึน้ เปน็ มาตรา ๙๖ ทวิ และมาตรา ๙๖ ตรี โดยมาตรา ๓ แหง่ พระราชบญั ญัติ แก้ไขเพมิ่ เติม ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั ตอ่ ไปน้ี) มาตรา ๙๖ ทวิ บทบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยคนต่างดา้ วจะได้มาซึง่ ทีด่ ินโดยอาศัยบทสนธสิ ญั ญา ตามมาตรา ๘๖ วรรคหน่ึง มิใหใ้ ชบ้ ังคบั กับคนต่างดา้ ว ซึ่งไดน้ าเงินมาลงทนุ ตามจานวน ทกี่ าหนดในกฎกระทรวง ซ่งึ ตอ้ งไมต่ ่ากว่าสส่ี ิบล้านบาท โดยให้ไดม้ าซงึ่ ทีด่ ินเพ่อื ใช้เปน็ ที่อยู่อาศยั ไดไ้ ม่เกินหนึง่ ไร่ และตอ้ งได้รบั อนุญาตจากรฐั มนตรี การได้มาซงึ่ ท่ีดนิ ของคนต่างด้าวตามวรรคหนง่ึ ใหเ้ ป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไขท่กี าหนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวง 31 อย่างน้อยต้องมีสาระสาคญั ดังต่อไปนี้ (๑) ประเภทของธุรกิจท่ีคนต่างด้าวลงทนุ ซึ่งตอ้ งเปน็ ประโยชน์ต่อเศรษฐกจิ และสังคม ของประเทศ หรือเปน็ กจิ การที่คณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทุนได้ประกาศให้เป็นกิจการ ท่ีสามารถขอรบั การส่งเสรมิ การลงทุนตามกฎหมายวา่ ด้วยการส่งเสริมการลงทนุ ได้ 31 กฎกระทรวง กาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงอ่ื นไข การได้มาซง่ึ ทดี่ ิน เพ่ือใหเ้ ป็นทีอ่ ย่อู าศยั ของคนต่างดา้ ว พ.ศ. 2545

52 (๒) ระยะเวลาการดารงการลงทุนต้องไม่นอ้ ยกว่าสามปี (๓) บริเวณทดี่ นิ ท่ีอนุญาตให้คนตา่ งดา้ วได้มาต้องอยภู่ ายในเขตกรงุ เทพมหานคร เขตเมืองพทั ยา เขตเทศบาล หรอื อยภู่ ายในบรเิ วณที่กาหนดเปน็ เขตทอี่ ยู่อาศัยตามกฎหมาย ว่าด้วยการผังเมือง มาตรา 96 ตรี คน ต่างด้าวซ่งึ ไดร้ ับอนญุ าตให้ไดม้ าซงึ่ ท่ดี นิ ตามมาตรา 96 ทวิ ถา้ กระทาการผิดหลกั เกณฑ์หรือเงอ่ื นไขทกี่ าหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา 96 ทวิ วรรคสอง ให้จัดการจาหน่ายทดี่ ินในส่วนที่ตนมสี ทิ ธิภายในเวลาที่อธิบดีกาหนด ซึ่งไม่น้อยกวา่ หนึ่งรอ้ ยแปดสิบวนั แต่ไมเ่ กนิ หน่งึ ปี ถา้ พน้ กาหนดเวลาดังกล่าวใหอ้ ธิบดีมีอานาจจาหนา่ ย ทดี่ ินนั้น คนต่างดา้ วซ่ึงไดร้ บั อนญุ าตให้ได้มาซึ่งทดี่ นิ ตามมาตรา ๙๖ ทวิ ถา้ ไม่ไดใ้ ช้ท่ดี ินน้นั เพื่อเป็นที่อยู่อาศยั ภายในกาหนดเวลาสองปีนบั แตว่ นั จดทะเบยี นการไดม้ า ใหอ้ ธบิ ดมี อี านาจ จาหน่ายท่ีดนิ น้ัน หมวด ๙ การกาหนดสิทธใิ นท่ีดนิ ของนติ ิบุคคลบางประเภท มาตรา ๙๗ นิตบิ คุ คลดัง่ ตอ่ ไปนใ้ี หม้ สี ทิ ธใิ นทดี่ ินไดเ้ สมอื นกบั คนตา่ งด้าว ((๑) บรษิ ัทจากัดทม่ี ีทุนของคนตา่ งดา้ วเกนิ กว่ารอ้ ยละสส่ี ิบเกา้ หรอื ผ้ถู อื หุน้ เปน็ คนตา่ งดา้ วเกนิ กวา่ กึ่งจานวนผ้ถู อื หนุ้ แล้วแตก่ รณี เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ บริษทั จากัดใดออกใบหุ้นชนิดออกให้แกผ่ ถู้ อื ให้ถอื ว่าใบหุ้นน้นั คนต่างดา้ ว เปน็ ผูถ้ ือ (๒) หา้ งหนุ้ สว่ นจากดั หรือหา้ งหนุ้ สว่ นสามัญทจ่ี ดทะเบยี นแลว้ บรรดาท่ีมที ุนของคนต่างดา้ วเกนิ กว่า ร้อยละสส่ี บิ เก้า หรอื ผู้เป็นหุ้นสว่ นเป็นคนต่างด้าวเกินกวา่ กง่ึ จานวนของผู้เป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี) (ความในมาตรา 97 (1) และ (2) เดิม ถกู ยกเลกิ โดยมาตรา ๓ แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๓๕ และใหใ้ ช้ความต่อไปนีแ้ ทน) (๑) บรษิ ัทจากดั หรือบริษทั มหาชนจากดั ท่ีมีหนุ้ อนั เปน็ ทุนจดทะเบียน ถอื โดย คนต่างดา้ วเกินกว่าร้อยละสส่ี บิ เก้าของทุนจดทะเบียน หรือผถู้ อื หุ้นเป็นคนต่างด้าวเกนิ กว่า กง่ึ จานวนผถู้ อื ห้นุ แล้วแต่กรณี เพือ่ ประโยชนแ์ ห่งหมวดน้บี ริษัทจากัดใดออกใบห้นุ ชนดิ ออกใหแ้ ก่ ผ้ถู อื ใหถ้ ือว่า ใบห้นุ น้ันคนตา่ งดา้ วเป็นผู้ถือ

53 (๒) ห้างหุ้นส่วนจากัด หรือห้างหุ้นสว่ นสามญั ท่จี ดทะเบยี นแล้ว ทม่ี ีคนต่างดา้ ว ลงหนุ้ มีมลู คา่ เกนิ กว่ารอ้ ยละส่สี บิ เก้าของทุนทั้งหมด หรือผู้เปน็ หุ้นสว่ นเปน็ คน ต่างดา้ ว เกินกวา่ ก่ึงจานวนของผเู้ ปน็ หุ้นสว่ น แลว้ แต่กรณี (๓) สมาคมรวมท้ังสหกรณ์ท่ีมีสมาชิกเปน็ คนตา่ งดา้ ว เกนิ กว่าก่งึ จานวน หรือดาเนิน กจิ การเพอ่ื ประโยชนค์ นต่างดา้ วโดยเฉพาะ หรอื เปน็ ส่วนใหญ่ (๔) มลู นิธทิ ่ีมวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อประโยชนค์ นต่างดา้ วโดยเฉพาะ หรือเปน็ สว่ นใหญ่ ((๕) นติ บิ คุ คลใดในมาตราน้ที ีผ่ จู้ ัดการ หรือกรรมการเปน็ คนต่างดา้ ว) (ความในมาตรา 97 (5) ถกู ยกเลิกโดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ ๔๙ ลงวนั ท่ี 13 มกราคม พุทธศกั ราช 2502) (มาตรา 98 ในกรณที น่ี ติ บิ คุ คลตามทรี่ ะบไุ ว้ในมาตรา 97 เขา้ เป็นเจ้าของทนุ หรอื เปน็ ผู้ถือห้นุ หรือเป็นหุ้นสว่ น แลว้ แต่กรณี ในนติ บิ คุ คลอน่ื ตามนยั ทก่ี ลา่ วในมาตราก่อนใหถ้ อื วา่ นติ บิ ุคคลดัง่ กล่าวน้ี เป็นคน ตา่ งด้าว) (ความในมาตรา 98 เดิม ถูกยกเลกิ โดยมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ที่ 6) พ.ศ. 2535 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน) มาตรา 98 ในกรณที ่นี ติ ิบุคคลท่รี ะบไุ วใ้ นมาตรา 97 เขา้ ถอื ห้นุ หรือลงหนุ้ แลว้ แตก่ รณี ในนิตบิ คุ คลอน่ื ตามนยั ทก่ี ล่าวในมาตรา 97 ใหถ้ ือวา่ นติ บิ คุ คลอน่ื น้นั เป็นคนตา่ งด้าว (มาตรา 99 ในกรณีท่ีนติ ิบคุ คลตามความในมาตรา 97 หรอื มาตรา 98 จะไดม้ าหรอื ต้องจาหน่ายไป ซง่ึ สทิ ธิในท่ดี นิ ให้นาบทบญั ญัตติ ามความในหมวด 8 และหมวด 10 มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม และใหน้ ติ บิ ุคคล ดั่งกลา่ วมหี น้าที่และความรับผดิ ชอบเช่นเดยี วกับทกี่ าหนดไว้สาหรับคนต่างดา้ วและบคุ คลทั่วไป) (ความในมาตรา 99 ถูกยกเลกิ โดยมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดนิ (ฉบับท่ี 12) พ.ศ. 2551และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน) มาตรา 99 ในกรณที ่ีนิตบิ คุ คลตามมาตรา 97 หรอื มาตรา 98 จะได้มาหรอื ตอ้ ง จาหนา่ ยไปซึ่งสิทธใิ นทดี่ นิ ใหน้ าบทบัญญตั ใิ นหมวด 8 มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม และให้ นติ ิบคุ คลดงั กล่าวมหี น้าที่และความรับผดิ เช่นเดยี วกบั ทก่ี าหนดไวส้ าหรับคนตา่ งด้าวและ บคุ คลทว่ั ไป มาตรา 100 นติ ิบคุ คลใดไดม้ าซึ่งทีด่ นิ ในขณะทีไ่ มต่ อ้ งด้วยบญั ญัตขิ องมาตรา 97 และมาตรา 98 ถา้ ภายหลงั มสี ภาพต้องดว้ ยบทบัญญัติในมาตรา 97 หรอื มาตรา 98 ใหน้ า บทบญั ญัตมิ าตรา 95 มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม

54 (หมวด 10) (การคา้ ท่ดี ิน) (ความในหมวด 10 การคา้ ทดี่ ิน มาตรา 101 และมาตรา 102 ถูกยกเลกิ โดยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบบั ท่ี 12) พ.ศ. 2551) ( มาตรา 101 บุคคลใดประสงค์จะทาการคา้ ที่ดนิ ต้องได้รบั อนญุ าตเปน็ การเฉพาะรายทีด่ นิ จาก รัฐมนตรี ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารทีก่ าหนดในกฎกระทรวง32 ในการอนญุ าตนน้ั รัฐมนตรจี ะกาหนดเงอ่ื นไขอย่างใดกไ็ ด้ มาตรา 102 ในกรณที ี่ผู้ทาการคา้ ที่ดินตามมาตรา 101 ไมป่ ฏบิ ัติตามเงอ่ื นไขก็ดี ไมส่ ามารถ ขาย แลกเปลย่ี น หรือใหเ้ ช่าซอื้ ท่ีดนิ ไดห้ มดภายในเวลาสามปี นับแตว่ นั ไดร้ ับอนญุ าตก็ดี ใหอ้ ธบิ ดีมีอานาจ จาหนา่ ยท่ีดินนน้ั และใหน้ าบทบญั ญัติเรื่องการบงั คบั จาหน่ายท่ีดนิ ตามความในหมวด 3 มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม) หมวด 11 คา่ ธรรมเนยี ม ( มาตรา 103 เม่อื มผี มู้ าขอให้ดาเนินการออกโฉนดทด่ี ิน การรังวดั หรือการจดทะเบียนสิทธิ และ นิติกรรม หรอื ขอให้ทาธรุ ะอ่ืนๆ เกยี่ วกับท่ดี ิน ใหผ้ ูน้ ัน้ เสยี เงนิ คา่ ธรรมเนยี มตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไมเ่ กนิ อตั ราตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายน้ี) (ความในมาตรา 103 เดมิ ถูกยกเลิกโดยขอ้ 9 แหง่ ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับท่ี 96 ลงวนั ที่ 29 กุมภาพันธ์ พุทธศกั ราช 2515 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน) (มาตรา 103 ในการดาเนนิ การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน การรงั วดั การจดทะเบียนสิทธิและ นติ ิกรรม หรือการทาธุระอื่นๆ เกยี่ วกบั อสงั หารมิ ทรพั ย์ ให้เรียกเกบ็ ค่าธรรมเนียมตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไมเ่ กนิ อตั ราตามบัญชที ้ายประมวลกฎหมายนี้ การออกโฉนดทีด่ ินหรอื หนังสอื รบั รองการทาประโยชนต์ ามมาตรา 58 ผูม้ สี ทิ ธิในท่ดี นิ จะขอรับ โฉนด ทีด่ ินหรือหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ไปก่อน โดยยังไมช่ าระเงนิ คา่ ธรรมเนียมการออกโฉนดที่ดินหรือ หนงั สือรับรองการทาประโยชนก์ ็ได้ และใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ท่จี ดแจง้ การค้างชาระเงินค่าธรรมเนียมให้ปรากฏ ในโฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สอื รับรองการทาประโยชนน์ ัน้ ถา้ ได้ย่นื คาขอจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ ิกรรมคร้ัง แรก ใหผ้ ูย้ ื่นคาขอเปน็ ผู้ชาระค่าธรรมเนียมทีค่ ้างชาระ) (ความในมาตรา 103 ซึ่งแกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2515 ถกู ยกเลิกโดยมาตรา 8 แหง่ พ.ร.บ. แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. 2521 และให้ใช้ความตอ่ ไปน้ีแทน) 32 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2497)

55 มาตรา 103 ในการดาเนินการออกหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดิน การรงั วัด การจด ทะเบยี นสทิ ธิและนิตกิ รรม หรือการทาธุระอื่นๆ เกย่ี วกับอสังหาริมทรัพย์ ใหเ้ รยี กเก็บ คา่ ธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง 33 แตต่ อ้ งไมเ่ กินอตั ราตามบญั ชี ท้ายประมวลกฎหมายน้ี (การออกโฉนดท่ดี นิ หรือหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ตามมาตรา 58 ผูม้ สี ิทธิ ในทีด่ นิ จะขอรับ โฉนดท่ีดินหรือหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ไปกอ่ น โดยยงั ไมช่ าระเงนิ คา่ ธรรมเนียมการ ออกโฉนดที่ดิน หรอื หนังสอื รับรองการทาประโยชนก์ ไ็ ด้ และใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ทีจ่ ดแจง้ การคา้ งชาระเงนิ คา่ ธรรมเนยี มให้ ปรากฏในโฉนดที่ดนิ หรือหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์นั้น ถา้ ได้ยนื่ คาขอจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ ิกรรมคร้งั แรก ใหผ้ ู้ยืน่ คาขอเป็นผชู้ าระค่าธรรมเนยี มท่คี ้างชาระ) (ความในมาตรา 103 วรรคสอง ซึง่ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดย พ.ร.บ. แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๒๑ ถกู ยกเลิกโดยมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายท่ีดนิ (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. 2528 และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน) ในกรณีออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสอื รับรองการทาประโยชน์ตามมาตรา 58ใหเ้ รียกเก็บ เฉพาะค่าธรรมเนยี มเป็นค่าออกโฉนดทด่ี นิ คา่ ออกหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ ค่าหลกั เขต ทดี่ ิน และค่ามอบอานาจในกรณที ี่มีการมอบอานาจ แลว้ แตก่ รณี โดยผมู้ ีสิทธใิ นทีด่ นิ จะขอรับ โฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สือรับรองการทาประโยชนไ์ ปก่อนแต่ยงั ไมช่ าระเงินคา่ ธรรมเนียมก็ได้ และให้พนักงานเจ้าหน้าทจี่ ดแจ้งการค้างชาระเงินคา่ ธรรมเนยี มให้ปรากฏ ในโฉนดท่ีดิน หรอื หนงั สือรับรองการทาประโยชนน์ นั้ ถ้าไดย้ นื่ คาขอจดทะเบียนสทิ ธิและนติ ิกรรมคร้ังแรก ให้ผู้ย่ืนคาขอเปน็ ผชู้ าระคา่ ธรรมเนียมท่ีคา้ งชาระ (มีความเพม่ิ ข้ึนเปน็ วรรคสามของมาตรา 103 โดยมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ประมวล กฎหมายทีด่ ิน (ฉบับท่ี 4)พ.ศ. 2528 ดังตอ่ ไปน้ี) ในกรณีออกโฉนดท่ดี นิ ตามาตรา 58 ตรี ให้ได้รับยกเว้นคา่ ธรรมเนียมและคา่ ใชจ้ า่ ย (มีความเพมิ่ ข้ึนเป็นมาตรา 103 ทวิ โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 16 ลงวนั ท่ี 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2520 ดังต่อไปน้ี) มาตรา 103 ทวิ การจดทะเบยี นสิทธิและนิตกิ รรมเกีย่ วกบั อสงั หาริมทรัพย์ท่บี รจิ าค ใหแ้ กท่ างราชการ ใหไ้ ดร้ บั ยกเว้นคา่ ธรรมเนยี ม (มาตรา 104 เม่อื มีผูม้ าขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งแสดงจานวนทุนทรพั ยส์ าหรับ เสยี คา่ ธรรมเนยี ม ให้ผู้ขอแสดงราคาทรัพย์ตามความเปน็ จรงิ และให้พนักงานเจา้ หน้าที่มีอานาจกาหนดจานวน ราคาทรพั ย์ตามราคาตลาดในขณะนน้ั และใหม้ อี านาจสอบสวนพยานหรือหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาได้) (ความในมาตรา 104 เดมิ ถูกยกเลกิ โดยมาตรา 3 แหง่ พ.ร.บ. แก้ไขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน (ฉบับท่ี 5 ) พ.ศ. 2534 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน) 33 กฎกระทรวง ฉบบั ที่ 47 (พ.ศ. 2541) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 48 (พ.ศ. 2542)

56 ( มาตรา 104 ในการขอจดทะเบยี นสิทธิและนิตกิ รรมเกี่ยวกบั อสังหารมิ ทรพั ย์ ใหผ้ ู้ขอจดทะเบียน เสียคา่ ธรรมเนยี มจดทะเบียนสิทธิและนติ ิกรรมโดยคานวณตามราคาประเมินทุนทรัพยต์ ามมาตรา 105 เบญจ) (ความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายที่ดนิ ซึง่ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2534 ถกู ยกเลิกโดยมาตรา 6 แหง่ พ.ร.บ. แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบบั ท่ี 9) พ.ศ. 2543 และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน) มาตรา 104 ในกรณีการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสทิ ธ์ิหรอื สทิ ธิ ครอบครองในท่ีดนิ หรอื อสังหาริมทรัพย์ ให้ผูข้ อจดทะเบียนเสียค่าธรรมเนยี มจดทะเบยี นสิทธิ และนติ กิ รรมโดยคานวณตามราคาประเมินทุนทรพั ยต์ ามาตรา 105 เบญจ การขอจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ ิกรรมเกยี่ วกบั อสังหารมิ ทรัพย์ในกรณอี น่ื นอกจากท่ี กาหนดไว้ในวรรคหน่ึง ให้ผู้ขอจดทะเบยี นเสยี คา่ ธรรมเนียมจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม โดยคานวณตามจานวนทุนทรัพย์ท่ผี ู้ขอจดทะเบียนแสดงตามความเป็นจรงิ (มาตรา 105 ให้มกี รรมการคณะหนึ่งเรียกวา่ “คณะกรรมการประเมนิ ทุนทรัพยใ์ นการจดทะเบียน สิทธแิ ละนิตกิ รรม” มจี านวนไม่น้อยกวา่ 7 คน แต่ไมเ่ กนิ 9 คน ซงึ่ รัฐมนตรจี ะไดแ้ ต่งตงั้ โดยประกาศใน ราชกิจจานุเบกษามหี นา้ ที่พจิ ารณากาหนดจานวนทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรม ใหค้ ณะกรรมการประเมนิ ทุนทรัพย์ตงั้ อนกุ รรมการประจาจงั หวัด มจี านวนไม่นอ้ ยกวา่ 5 คน แต่ไมเ่ กิน 7 คน เพ่ือพิจารณาและกาหนดจานวนทุนทรัพย์ในการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ ิกรรมในท้องท่จี งั หวดั นนั้ ๆ) (ความในมาตรา 105 เดิม ถกู ยกเลิกโดยมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2534 และให้ใช้ข้อความตอ่ ไปน้แี ทน) (มาตรา 105 ให้มคี ณะกรรมการกาหนดราคาประเมินทุนทรพั ย์ ประกอบดว้ ยปลดั กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ อธิบดกี รมการปกครองหรือผแู้ ทน อธิบดีกรมสรรพากรหรือผูแ้ ทน อธบิ ดกี รมโยธาธกิ าร หรือผู้แทน อธบิ ดีกรมทดี่ นิ หรอื ผู้แทน ผู้อานวยการสานกั งานเศรษฐกิจการคลังหรือผู้แทน และผ้ทู รงคณุ วุฒิ อกี ไมเ่ กินสีค่ นซึ่งรฐั มนตรีแตง่ ต้งั เปน็ กรรมการ และใหผ้ ้อู านวยการสานกั งานกลางประเมินราคาทรพั ย์สนิ เป็นกรรมการและเลขานุการ) (ในมาตรา 105 ใหแ้ ก้ไขคาวา่ “อธิบดกี รมท่ีดินหรอื ผู้แทน” เป็น “อธิบดีกรมธนารักษ์หรอื ผแู้ ทน” และคาวา่ “อธิบดีกรมโยธาธิการหรือผ้แู ทน” เป็น “อธิบดกี รมโยธาธกิ ารและผังเมืองหรือผแู้ ทน” ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.ฎ. แก้ไขบทบญั ญตั ใิ ห้สอดคล้องกับการโอนอานาจหน้าที่ของสว่ นราชการ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. ปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2545) มาตรา 105 ให้มีคณะกรรมการกาหนดราคาประเมนิ ทุนทรพั ย์ ประกอบดว้ ย ปลดั กระทรวงมหาดไทยเปน็ ประธานกรรมการ อธบิ ดกี รมการปกครองหรอื ผแู้ ทน อธิบดี กรมสรรพากรหรอื ผู้แทน อธิบดีกรมโยธาธิการและผงั เมอื งหรอื ผ้แู ทน อธิบดีกรมธนารกั ษ์ หรือผ้แู ทน ผ้อู านวยการสานักงานเศรษฐกิจการคลงั หรอื ผู้แทน และผู้ทรงคุณวุฒอิ กี ไมเ่ กิน สีค่ นซึ่งรัฐมนตรแี ตง่ ตั้งเป็นกรรมการ และใหผ้ ูอ้ านวยการสานักงานกลางประเมนิ ราคาทรพั ย์สิน เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร

57 (มคี วามเพม่ิ เปน็ มาตรา 105 ทวิ มาตรา 105 ตรี มาตรา 105 จตั วา มาตรา 105 เบญจ มาตรา 105 ฉ มาตรา 105 สัตต และมาตรา 105 อัฏฐ โดยมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายทดี่ ิน (ฉบบั ท่ี ๕)พ.ศ. 2535 โดยลาดับ ดงั น้ี) มาตรา 105 ทวิ กรรมการซึ่งรฐั มนตรแี ตง่ ตัง้ มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสามปี กรรมการซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระอาจได้รับแตง่ ตง้ั เป็นกรรมการอกี ได้ มาตรา 105 ตรี นอกจากการพน้ ตาแหน่งตามวาระตามมาตรา 105 ทวิ กรรมการ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งต้งั พ้นจากตาแหนง่ เม่ือ (๑) ตาย (2) ลาออก (๓) รัฐมนตรใี ห้ออก (๔) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรอื คนเสมือนไรค้ วามสามารถ หรอื เปน็ บคุ คลล้มละลาย (5) ไดร้ ับโทษจาคุกโดยคาพพิ ากษาถึงทส่ี ดุ ให้จาคุกหรอื คาสั่งท่ีชอบด้วยกฎหมาย ให้จาคุก เว้นแต่เปน็ โทษสาหรบั ความผิดท่ีกระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ในกรณีที่กรรมการพน้ จากตาแหนง่ กอ่ นวาระ ให้รฐั มนตรแี ต่งตั้งผอู้ นื่ เปน็ กรรมการ แทน กรรมการซงึ่ ไดร้ ับแต่งต้ังตามวรรคสอง ใหอ้ ยู่ในตาแหนง่ ได้เทา่ กบั วาระ ทเ่ี หลืออยู่ ของกรรมการซง่ึ ได้แตง่ ตัง้ ไวแ้ ลว้ นนั้ มาตรา 105 จัตวา การประชุมของคณะกรรมการกาหนดราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ย์ ต้องมีกรรมการมาประชมุ ไม่น้อยกว่าก่งึ หนงึ่ ของจานวนกรรมการทัง้ หมด จงึ จะเป็นองคป์ ระชุม ถ้าประธานกรรมการไมอ่ ยู่ในท่ปี ระชมุ ใหก้ รรมการทีม่ าประชุมเลือกกรรมการ คนหน่งึ เปน็ ประธานในที่ประชมุ การวนิ ิจฉยั ชขี้ าดของที่ประชุมให้ถอื เสียงขา้ งมาก กรรมการคนหน่งึ ให้มเี สยี งหนง่ึ ในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากันใหป้ ระธาน ในท่ปี ระชุมออกเสียงเพม่ิ ขน้ึ อกี เสยี งหนงึ่ ชขี้ าด มาตรา 105 เบญจ ใหค้ ณะกรรมการกาหนดราคาประเมินทุนทรพั ย์มีอานาจหนา้ ท่ี ดังต่อไปนี้ (๑) กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการในการกาหนดราคาประเมนิ ทนุ ทรัพย์ของ อสงั หาริมทรพั ย์เพ่ือเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมตามประมวล กฎหมายนี้

58 (2) ให้ความเหน็ ชอบต่อการกาหนดราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ย์ทีค่ ณะอนุกรรมการ ประจาจงั หวัดเสนอเพือ่ ใชใ้ นการเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนียมจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรมสาหรบั อสังหารมิ ทรพั ย์ทตี่ งั้ อยูใ่ นเขตจังหวัดน้นั หรอื ในทอ้ งท่ีหนง่ึ ท้องที่ใดในเขตจังหวดั นน้ั (3) วนิ จิ ฉยั ปญั หาเกย่ี วกับการเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ ิกรรม ตามทกี่ รมทดี่ ินขอความเหน็ (๔) แตง่ ต้ังคณะอนุกรรมการเพือ่ พจิ ารณาหรือปฏิบตั ิการอย่างหนงึ่ อยา่ งใดตามท่ี คณะกรรมการกาหนดราคาประเมนิ ทุนทรพั ย์มอบหมายก็ได้ แล้วรายงานต่อคณะกรรมการ กาหนดราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ย์ (๕) ปฏบิ ตั ิการอ่ืนตามท่บี ญั ญตั ไิ วใ้ นประมวลกฎหมายนห้ี รือกฎหมายอนื่ ราคาประเมินทุนทรพั ย์ท่คี ณะกรรมการกาหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ ได้ใหค้ วาม เหน็ ชอบตาม (2) แล้ว ให้ปิดประกาศไว้ ณ สานักงานท่ดี นิ จงั หวดั สานักงานทดี่ นิ สาขา และสานกั งานเขต หรือที่ว่าการอาเภอหรอื ท่วี า่ การก่ิงอาเภอท้องที่ ( มาตรา 105 ฉ ใหม้ ีคณะอนุกรรมการประจาจงั หวัดแต่ละจงั หวัด ประกอบด้วยผูว้ ่าราชการจงั หวดั เปน็ ประธานอนกุ รรมการ ปลัดจังหวดั สรรพากรจังหวดั และผู้ทรงคุณวุฒอิ กี ไมเ่ กนิ สามคน ซึง่ คณะกรรมการ กาหนดราคาประเมินทนุ ทรัพย์แตง่ ตัง้ เปน็ อนุกรรมการ และใหเ้ จา้ พนักงานที่ดนิ จังหวัด เป็นอนกุ รรมการและ เลขานกุ าร คณะอนกุ รรมการประจาจงั หวัดสาหรบั กรงุ เทพมหานครประกอบด้วยปลัดกรุงเทพมหานคร เป็น ประธานอนกุ รรมการ ผู้แทนกรมการปกครอง ผแู้ ทนกรมสรรพากร เจา้ พนกั งานท่ีดินกรุงเทพมหานคร และผู้ทรงคุณวุฒอิ กี ไมเ่ กนิ สามคนซ่งึ คณะกรรมการกาหนดราคาประเมินทุนทรพั ย์แต่งตั้ง เปน็ อนุกรรมการ และใหผ้ อู้ านวยการสานักงานกลางประเมินราคาทรพั ยส์ นิ เปน็ อนุกรรมการและเลขานุการ ใหน้ ามาตรา 105 ทวิ มาตรา 105 ตรี และมาตรา 105 จัตวา มาใช้บังคบั แกค่ ณะอนกุ รรมการ ประจาจงั หวัดโดยอนโุ ลม) (ในมาตรา 105 ฉ ให้แก้ไขคาว่า “เจ้าพนกั งานท่ีดินจังหวัด” เป็น “ธนารกั ษ์จังหวัด” ตาม มาตรา 4 แหง่ พ.ร.ฎ. แก้ไขบทบญั ญตั ิให้สอดคลอ้ งกบั การโอนอานาจหนา้ ท่ีของส่วนราชการให้เป็นไป ตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2545) มาตรา 105 ฉ ให้มคี ณะอนุกรรมการประจาจังหวดั แตล่ ะจังหวัด ประกอบดว้ ย ผูว้ า่ ราชการจงั หวัดเปน็ ประธานอนกุ รรมการ ปลัดจังหวัด สรรพากรจงั หวัด และผ้ทู รงคุณวฒุ ิ อีกไมเ่ กินสามคน ซง่ึ คณะกรรมการกาหนดราคาประเมินทุนทรพั ยแ์ ต่งต้งั เปน็ อนกุ รรมการ และใหธ้ นารกั ษ์จงั หวัด เปน็ อนุกรรมการและเลขานุการ

59 คณะอนุกรรมการประจาจงั หวดั สาหรบั กรงุ เทพมหานครประกอบด้วย ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานอนุกรรมการ ผ้แู ทนกรมการปกครอง ผแู้ ทนกรมสรรพากร เจา้ พนกั งานทีด่ ินกรงุ เทพมหานคร และผู้ทรงคุณวุฒอิ กี ไมเ่ กนิ สามคนซึง่ คณะกรรมการ กาหนดราคาประเมินทุนทรัพยแ์ ต่งตง้ั เปน็ อนุกรรมการ และให้ผู้อานวยการสานกั งานกลาง ประเมนิ ราคาทรัพย์สนิ เป็นอนกุ รรมการและเลขานกุ าร ให้นามาตรา 105 ทวิ มาตรา 105 ตรี และมาตรา 105 จตั วา มาใช้บังคบั แก่ คณะอนุกรรมการประจาจังหวัดโดยอนุโลม มาตรา 105 สัตต ใหค้ ณะอนกุ รรมการประจาจงั หวัดมหี นา้ ทพี่ ิจารณากาหนด ราคาประเมนิ ทุนทรพั ย์เพ่อื ใชใ้ นการเรียกเก็บค่าธรรมเนยี มจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรม สาหรบั อสังหารมิ ทรัพย์ท่ตี ง้ั อยู่ในเขตจังหวัดนัน้ หรือในทอ้ งท่ีหน่งึ ท้องท่ใี ดในเขตจงั หวัดน้นั เพอื่ เสนอขอความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการกาหนดราคาประเมินทนุ ทรัพย์ มาตรา 105 อฏั ฐ เมอ่ื ได้มีการประกาศกาหนดราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ย์สาหรับเขต จงั หวดั ใดไวแ้ ล้ว ถา้ ตอ่ มาปรากฏวา่ ราคาท่ซี อ้ื ขายกันตามปกตใิ นทอ้ งตลาดของอสงั หาริมทรัพย์ ในท้องทห่ี น่งึ ท้องทใี่ ดในเขตจงั หวัดนัน้ แตกต่างจากราคาประเมนิ ทนุ ทรัพย์ท่ไี ดป้ ระกาศกาหนด ไว้มากพอสมควร ใหค้ ณะอนุกรรมการประจาจังหวัดน้ันพิจารณาปรบั ปรงุ ราคาประเมิน ทุนทรัพย์สาหรับท้องท่ีน้นั เพือ่ เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกาหนดราคา ประเมินทนุ ทรัพยโ์ ดยเร็ว (มาตรา 106 ถา้ พนกั งานเจา้ หน้าทีเ่ หน็ ว่า จานวนทนุ ทรัพยท์ แี่ สดงไว้น้ันน้อยกวา่ สมควร ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทปี่ ระเมนิ ทนุ ทรัพย์เพอ่ื เรยี กค่าธรรมเนยี มโดยอาศยั หลักฐาน หรือตามระเบียบการท่ี รัฐมนตรกี าหนด ถา้ ไม่เปน็ อันตกลงกนั ได้ให้พนักงานเจา้ หนา้ ที่มอี านาจนาเรื่องพร้อมดว้ ยความเหน็ เสนอต่อ คณะอนกุ รรมการประจาจงั หวัด เมอ่ื คณะอนกุ รรมการประจาจังหวดั พจิ ารณาเหน็ ควรประเมินทุนทรัพย์ เทา่ ใดแลว้ กใ็ ห้พนักงานเจ้าหนา้ ทีด่ าเนนิ การไปตามน้นั ถ้าผู้ขอจดทะเบียนไม่พอใจ กใ็ หพ้ นักงานเจา้ หนา้ ที่ รอเร่ืองไว้กอ่ น และใหผ้ ู้ขอจดทะเบยี นอุทธรณต์ ่อคณะกรรมการประเมินทุนทรัพย์โดยเสนอผ่านพนักงาน เจา้ หน้าที่ เมือ่ คณะกรรมการประเมินทุนทรพั ยพ์ จิ ารณากาหนดเทา่ ใด กใ็ ห้ถือเป็นอนั ยตุ เิ ฉพาะคราวน้นั ทง้ั นี้ เวน้ แต่ค่กู รณจี ะขอจดทะเบยี นโดยยนิ ยอมเสียค่าธรรมเนียมชว่ั คราวตามที่คณะอนุกรรมการประจาจงั หวัด กาหนด ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ดี าเนนิ การจดทะเบียนทันที สว่ นการอทุ ธรณใ์ หด้ าเนินต่อไป เมอ่ื คณะกรรมการ ประเมินทุนทรัพยส์ ง่ั ประการใดแล้ว ใหด้ าเนินการตอ่ ไปตามน้นั ) (ความในมาตรา 106 ถกู ยกเลิกโดยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. แกไ้ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2534)

60 หมวด 12 บทกาหนดโทษ (มาตรา 107 ผมู้ สี ิทธิในที่ดนิ ผใู้ ดไม่นาพนกั งานเจ้าหน้าท่ที าการรงั วัดทด่ี นิ ของตน และไมต่ งั้ ตัวแทนเพือ่ การนน้ั ตามท่ีผ้วู ่าราชการจงั หวัดประกาศกาหนด ตามความในมาตรา 58 หรอื มาตรา 69 หรือผ้ใู ดฝ่าฝนื ไมป่ ฏบิ ัตติ ามมาตรา 26 หรือมาตรา 70 มคี วามผิดต้องระวางโทษปรบั ไม่เกนิ สองร้อยบาท) (ความในมาตรา 107 เดิม ถกู ยกเลกิ โดยข้อ 10 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ท่ี 96 ลงวนั ที่ 29 กุมภาพันธ์ พทุ ธศักราช 2515 และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน) มาตรา 107 ผ้ใู ดไมน่ าพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ทาการสารวจรังวดั ทาแผนทห่ี รอื พิสจู น์ สอบสวนการทาประโยชนใ์ นที่ดินของตน หรอื ไม่ตั้งตวั แทนเพ่ือการดังกล่าว ตามาตรา 58 หรือมาตรา 69 หรอื ผู้ใดฝ่าฝนื หรอื ไม่ปฏบิ ัติตามาตรา 26 หรอื มาตรา 70 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกนิ ห้ารอ้ ยบาท (มาตรา 108 ผใู้ ดฝ่าฝนื หรือไมป่ ฏบิ ตั ิตามมาตรา 9 หรือมาตรา 66 มคี วามผิดตอ้ งระวางโทษ ปรับไม่เกนิ หา้ รอ้ ยบาท) (ความในมาตรา 108 เดิมถูกยกเลิกโดยขอ้ 11 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ท่ี 96 ลงวนั ที่ 29 กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศกั ราช 2515 และให้ใช้ความใหมแ่ ทน เป็นมาตรา 108 มาตรา 108 ทวิ และมาตรา 108 ตรี โดยลาดบั ดังนี้) มาตรา 108 ผใู้ ดฝา่ ฝืนมาตรา 9 อยู่ก่อนวนั ทีป่ ระกาศของคณะปฏิวตั ิฉบบั นใี้ ช้บงั คบั พนกั งานเจา้ หนา้ ที่หรอื ผซู้ ึง่ ได้รบั มอบหมายจากพนักงานเจา้ หน้าทีม่ ีอานาจแจ้งเป็นหนังสอื ให้ผฝู้ า่ ฝนื ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บทค่ี ณะกรรมการกาหนด 34 ถ้าผู้ฝ่าฝืนเพิกเฉยหรอื ไมป่ ฏิบัติ ให้ถกู ต้องตามระเบยี บ ใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ที่มีคาส่งั เป็นหนังสือใหผ้ ู้ฝา่ ฝนื ออกจากที่ดนิ และ หรือรอ้ื ถอนส่ิงปลูกสรา้ งในทดี่ ินน้ันภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ถ้าไม่ปฏบิ ัติตามคาสง่ั ของ พนักงานเจา้ หนา้ ที่ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหนง่ึ ปี หรือปรบั ไม่เกนิ ห้าพัน บาท หรอื ทั้งจา ทง้ั ปรับ ในการกาหนดระเบยี บตามวรรคหน่งึ คณะกรรมการจะกาหนดใหผ้ ฝู้ ่าฝืน ต้องเสีย ค่าตอบแทนในการใช้ทีด่ นิ นัน้ ให้แกร่ ัฐหรอื ราชการบรหิ ารสว่ นทอ้ งถนิ่ ดว้ ยกไ็ ด้ มาตรา 108 ทวิ นบั ต้ังแตว่ ันทปี่ ระกาศของคณะปฏิวัติฉบบั นใี้ ชบ้ งั คับ ผใู้ ดฝา่ ฝนื มาตรา 9 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหนง่ึ ปี หรอื ปรับไมเ่ กินหา้ พนั บาท หรอื ท้งั จาทัง้ ปรับ 34 ระเบียบคณะกรรมการจัดทด่ี นิ แหง่ ชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2515)

61 ถ้าความผิดตามวรรคหนง่ึ ไดก้ ระทาแกท่ ่ดี ินซง่ึ เป็นสาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ ท่ปี ระชาชนใช้รว่ มกัน หรือที่ใช้เพ่อื ประโยชนข์ องแผ่นดนิ โดยเฉพาะ ตอ้ งระวางโทษจาคุก ไม่เกินสามปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนงึ่ หมืน่ บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ ถา้ ความผิดตามวรรคสองได้กระทาเป็นเนอื้ ทีเ่ กนิ กว่าหา้ สบิ ไร่ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองหมืน่ บาท หรือทง้ั จาทงั้ ปรับ ในกรณีทีค่ าพิพากษาว่าผใู้ ดกระทาความผิดตามมาตรานี้ ศาลมอี านาจสัง่ ใน คาพพิ ากษาให้ผูก้ ระทาความผดิ คนงาน ผู้รบั จ้าง ผู้แทน และบริ วารของผู้กระทาความผิด ออกไปจากทีด่ นิ น้นั ดว้ ย บรรดาเครอ่ื งมือ เคร่อื งใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรอื เครื่องจกั รกลใดๆ ซ่งึ บุคคล ได้ใชใ้ นการกระทาความผดิ หรือไดใ้ ชเ้ ป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทาความผดิ ดงั กล่าว ให้รบิ เสียทง้ั สิน้ ไม่ว่าจะมผี ู้ถูกลงโทษตามคาพิพากษาหรือไม่ มาตรา 108 ตรี ผู้ใดขัดขวางหรอื ไมใ่ ห้ความสะดวกตอ่ พนกั งานเจ้าหน้าที่ซง่ึ ปฏบิ ตั ิ หน้าท่ีตามมาตรา 66 ตอ้ งระวางโทษปรับไมเ่ กนิ หน่งึ พนั บาท มาตรา 109 ผใู้ ดฝา่ ฝนื หรอื ไม่ปฏิบัตติ ามาตรา 38 มาตรา 67 หรอื มาตรา 74 มีความผิดตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกินสองพันบาท หรือจาคกุ ไม่เกนิ สามเดอื น หรือทง้ั ปรับทั้งจา มาตรา 110 ผู้ใดฝา่ ฝืน หรอื ไม่ปฏิบัติตามาตรา 89 มคี วามผิดตอ้ งระวางโทษปรับ ไมเ่ กินสามพนั บาท หรือจาคกุ ไมเ่ กนิ หกเดอื น หรอื ท้งั ปรบั ทง้ั จา (มาตรา 111 ผ้ใู ดฝา่ ฝืน หรอื ไม่ปฏบิ ตั ิตามมาตรา 86 หรือมาตรา 101 หรือไม่ปฏบิ ัตติ าม เง่อื นไข ตามความในมาตรา 102 มีความผิดตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กินสองหม่นื บาท หรือจาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือทงั้ ปรบั ทง้ั จา) (ความในมาตรา 111เดมิ ถกู ยกเลิกโดยมาตรา6 แห่ง พ.ร.บ.แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบับท่ี 12) พ.ศ. 2551 และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน) มาตรา 111 ผู้ใดฝ่าฝนื หรือไม่ปฏิบตั ติ ามมาตรา 86 มคี วามผดิ ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกนิ สองหม่ืนบาท หรือจาคกุ ไมเ่ กนิ สองปี หรือทงั้ ปรบั ทงั้ จา มาตรา 112 นิติบุคคลใด (1) ได้มาซึง่ ที่ดนิ เป็นการฝา่ ฝนื บทแหง่ ประมวลกฎหมายน้ี (2) ใช้ท่ีดินนน้ั เพื่อกิจการอืน่ นอกจากทไี่ ด้รบั อนญุ าต (3) ใชท้ ี่ดินผดิ เงอื่ นไขทค่ี ณะรฐั มนตรกี าหนดตามความในมาตรา 99 ประกอบดว้ ย มาตรา 87 วรรคสอง (4) ไม่แจง้ การไมใ่ ชท้ ี่ดนิ ตามความในมาตรา 99 ประกอบดว้ ยมาตรา 8ห9รอื

62 ((5) ค้าทด่ี ินอันเป็นการฝา่ ฝนื มาตรา 101 หรือไมป่ ฏิบตั ิตามเงอื่ นไขตามความในมาตรา 10) 2 (ความในมาตรา 112 (5) เดิม ถกู ยกเลิกโดยมาตรา 7 แหง่ พ.ร.บ. แก้ไขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบับท่ี 12) พ.ศ. 2551) (5) (ยกเลกิ ) มีความผิดตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกนิ ห้าหม่ืนบาท มาตรา 113 ผู้ใดได้มาซึ่งทีด่ นิ ในฐานะเป็นตวั แทนของคนต่างดา้ ว หรอื นิติบุคคล ตามความในมาตรา 97 หรือมาตรา 98 มคี วามผดิ ต้องระวางโทษปรับไมเ่ กนิ สองหมืน่ บาท หรอื จาคุกไมเ่ กินสองปี หรอื ท้ังปรบั ทง้ั จา (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 71 ตอนที่ 78 (ฉบับพิเศษ) วนั ที่ 30 พฤศจิกายน 2497)

63 (อตั ราคา่ ธรรมเนียมท้ายประมวลกฎหมายท่ีดิน) ((1. คา่ ธรรมเนียมในการขอคารบั รองทีด่ ินทไี่ ดท้ าประโยชนแ์ คลิดว้ รวมเป็นรายแปลงๆ ละ ๑๐.๐๐ บาท 2. คา่ ธรรมเนยี มในการขอสมั ปทาน รายละ ๑๐๐.๐๐ บาท 3. ค่าสัมปทานปหี นึ่ง ไรล่ ะ หรือเศษของไร่ ๑๐.๐๐ บาท 4. ค่าธรรมเนยี มออกโฉนดทดี่ ิน ก. ท่ีดินไม่เกนิ ๒๐ ไร่ ๕๐.๐๐ บาท ข. ทด่ี นิ เกิน ๒๐ ไร่ ค่าธรรมเนียมท่ีดนิ ไร่ละ ๒.๐๐ บาท 5. ค่าธรรมเนยี มรงั วัดเกยี่ วกับโฉนดท่ดี นิ ก. ถา้ เรยี กเปน็ รายแปลงๆ ละ ๒๐.๐๐ บาท ข. ถ้าเรยี กเป็นรายวันๆ ละ ๒๐.๐๐ บาท ค. คา่ คัดหรอื จาลองแผนท่ี ๑๕.๐๐ บาท ง. คา่ คานวณเน้อื ที่หรอื สอบแส ๑๕.๐๐ บาท จ. คา่ จับระยะแปลงละ ๕.๐๐ บาท 6. คา่ ธรรมเนยี มจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ก. เรยี กตามจานวนทุนทรัพย์ รอ้ ยละ ๒.๐๐ บาท อยา่ งตา่ ไมต่ า่ กวา่ ๕.๐๐ บาท ข. ไมม่ ีทนุ ทรพั ย์ ๒๐.๐๐ บาท 7. คา่ ธรรมเนยี มการขอให้ได้มาซ่ึงทดี่ นิ ของคนตา่ งด้าว รายละ ๑๐.๐๐ บาท คา่ อนญุ าตไร่ละ ๑๐.๐๐ บาท 8. ค่าธรรมเนียมการขอให้ได้มาซึง่ ท่ีดินเพอ่ื การคา้ ท่ดี นิ รายละ ๑๐.๐๐ บาท คา่ อนญุ าตไร่ละ ๕.๐๐ บาท 9. ค่าธรรมเนยี มเบด็ เตลด็ (๑) ค่าคาขอ ๒.๐๐ บาท (๒) คา่ คดั สาเนาเอกสารต่างๆ รวมท้ังคา่ คัดสาเนาเอกสาร เปน็ พยานในคดีแพง่ โดยเจ้าหน้าท่ีเป็นผคู้ ดั ร้อยคาตน้ (ไม่ถงึ ร้อยหรือเศษของร้อยนบั เปน็ ร้อย) ๒.๐๐ บาท ต่อไปรอ้ ยละ (ไมถ่ ึงร้อยหรอื เศษของร้อยนับเปน็ ร้อย) ๒.๐๐ บาท (๓) คา่ รับรองเอกสารท่คี ัด ฉบับละ 2.00 บาท (๔) คา่ ตรวจหลักฐานทะเบียนทด่ี นิ แปลงละ 5.00 บาท (๕) ค่ารบั อายัดที่ดินแปลงละ 5.00 บาท (๖) คา่ มอบฉันทะ เรือ่ งละ 5.00 บาท (๗) ค่าออกใบแทนโฉนดทด่ี ิน หรือหนงั สอื แสดงสิทธิ ในทีด่ นิ อย่างอ่ืน ฉบบั ละ 20.00 บาท (๘) คา่ ประกาศ 5.00 บาท

64 10. ค่าใชจ้ า่ ย (๑) ค่าพาหนะเดนิ ทางของเจา้ พนักงาน พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ี เทา่ ที่จาเป็นและใช้จ่ายไปจรงิ และคนงานทจี่ ้างไปทาการังวัดตามคาขอ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะน้นั (2) คา่ เบย้ี เล้ียงและคา่ จา้ งคนงานท่จี ้างไปทาการรังวดั ตามทาขอ ให้เรียกตามระเบียบ และอตั ราของทางราชการ (๓) ค่าปว่ ยการเจา้ พนกั งาน ผู้ปกครองทอ้ งที่ หรอื ผแู้ ทนทีไ่ ปในการรังวดั คนหนึง่ วันละ 15.00 บาท (๔) คา่ หลักเขตหลกั ละ 3.00 บาท ถา้ เป็นการเดนิ สารวจหรอื สอบเขตท้งั ตาบล คิดเปน็ รายแปลงๆ ละ 12.00 บาท (๕) คา่ ปิดประกาศไดแ้ กผ่ ้ไู ปปิดประกาศ รายละ 10.00 บาท (๖) ค่าพยานไดแ้ ก่พยาน คนละ 2.00 บาท (๗) ค่าพาหนะเดนิ ทางและเบ้ียเลีย้ งพนักงานเจ้าหนา้ ทใี่ นกรณีไปสอบสวน เทา่ อตั ราท่ีทางราชการ การทาประโยชน์ในท่ีดนิ ตามคาขอ ให้เรียกจา่ ยแก่ผไู้ ปทางาน จะต้องจ่าย ( มีความเพ่ิมขึน้ เป็น 11 ของอัตราค่าธรรมเนียมท้ายประมวลกฎหมายท่ดี ินโดยขอ้ 12 แห่งประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ที่ 96 ลงวันท่ี 29 กุมภาพนั ธ์ พทุ ธศกั ราช 2515 ดังต่อไปน้ี) 11. ค่าธรรมเนยี มออกหนงั สอื รบั รองการทาประโยชนต์ ามมาตรา 58 ก. เนอ้ื ทีไ่ ม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 30.00 บาท ข. เนอื้ ท่เี กิน 20 ไร่ ไร่ละ 2.00 บาท สว่ นทเี่ กินเศษของไรใ่ ห้คิดเปน็ หนึง่ ไร่) (อัตราค่าธรรมเนียมทา้ ยประมวลกฎหมายท่ีดิน ถูกยกเลกิ และใหใ้ ช้ความใหม่แทนโดยมาตรา ๙ แหง่ พ.ร.บ.แกไ้ ขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2521 ดงั ต่อไปนี้) บัญชีอตั ราค่าธรรมเนียมและค่าใชจ้ า่ ยท้ายประมวลกฎหมายทดี่ นิ 1. คา่ ธรรมเนียมในการขอสมั ปทาน รายละ 500 บาท 2. ค่าสมั ปทานปีหนึ่ง ไรล่ ะ 20 บาท เศษของไร่ใหค้ ิดเป็นหนงึ่ ไร่ 3. คา่ ธรรมเนยี มออกหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ (๑) ที่ดินเนอื้ ท่ไี มเ่ กนิ 20 ไร่ แปลงละ 30 บาท (๒) ท่ีดินเนื้อทเ่ี กนิ 20 ไร่ สว่ นท่ีเกนิ ไรล่ ะ 2 บาท เศษของไรใ่ หค้ ดิ เปน็ หนง่ึ ไร่ 4. คา่ ธรรมเนียมการพสิ ูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเน้อื ท่เี กยี่ วกับหนงั สอื รบั รองการทา ประโยชน์

65 (๑) ถา้ เรียกเปน็ รายแปลง แปลงละ 30 บาท (๒) ถ้าเรียกเปน็ รายวนั วนั ละ 30 บาท (๓) ค่าคัดหรอื จาลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท (๔) คา่ คานวณเนอ้ื ที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท (๕) ค่าจบั ระยะ แปลงละ 10 บาท 5. คา่ ธรรมเนียมออกโฉนดท่ีดนิ (1) ทดี่ ินเนอื้ ท่ีไมเ่ กิน 20 ไร่ แปลงละ 50 บาท (๒) ท่ดี นิ เนื้อทีเ่ กนิ 20 ไร่ ส่วนทเ่ี กินไรล่ ะ 2 บาท เศษของไรใ่ หค้ ดิ เปน็ หนง่ึ ไร่ 40 บาท 6. ค่าธรรมเนยี มรังวดั เกี่ยวกบั โฉนดทด่ี ิน 40 บาท 30 บาท (๑) ถ้าเรยี กเปน็ รายแปลง แปลงละ 30 บาท (๒) ถา้ เรยี กเป็นรายวนั วันละ 10 บาท (๓) ค่าคดั หรอื จาลองแผนที่ แปลงละ (๔) ค่าคานวณเน้ือทีห่ รอื สอบแส แปลงละ (๕) คา่ จบั ระยะ แปลงละ (7. ค่าธรรมเนียมจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนิตกิ รรม (๑) มที ุนทรพั ย์ ใหเ้ รียกเก็บรอ้ ยละ 2 ของทนุ ทรัพย์ เศษของรอ้ ยให้คดิ เป็นหน่งึ ร้อย ) (ความใน (๑) ของ ๗. เดมิ ถกู ยกเลิกโดยมาตรา ๖ แหง่ พ.ร.บ. แก้ไขเพมิ่ เตมิประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. 2534 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน) ((๑) มที นุ ทรัพย์ ใหเ้ รียกเกบ็ ร้อยละ 2 ของราคาประเมนิ ทุนทรพั ย์ เศษของรอ้ ยให้คดิ เปน็ หนง่ึ ร้อย (๒) ไมม่ ีทุนทรัพย์ แปลงละ 50 บาท) (ความใน ๗. ซึง่ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แกไ้ ขเพ่มิ เปตริมะมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. 2534 ถูกยกเลกิ โดยมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี ๙) พ.ศ. 2543 และให้ใช้ความตอ่ ไปน้แี ทน) 7. คา่ ธรรมเนยี มจดทะเบยี นสทิ ธิและนิตกิ รรม (๑) มที ุนทรพั ยใ์ ห้เรยี กเก็บร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรพั ยส์ าหรับ การขอจดทะเบียนสิทแธลิ ะนติ ิกรรมโอนกรรมสิทธ์หิ รือสทิ ธคิ รอบครอง ในทด่ี นิ หรืออสงั หารมิ ทรพั ย์ ส่วนกรณีอ่นื ใหเ้ รยี กเกบ็ ร้อยละ 2 ของจานวนทนุ ทรัพย์ท่ีผู้ขอจดทะเบยี นแสดงตามความเปน็ จริง เศษของร้อยให้คิดเปน็ หนงึ่ ร้อย (๒) ไมม่ ีทนุ ทรพั ย์ แปลงละ 1 ,000 บาท

66 8. คา่ ธรรมเนียมการขอให้ไดม้ าซึ่งทด่ี นิ ของคนต่างด้าว รายละ 500 บาท ค่าอนญุ าต ไร่ละ 100 บาท เศษของไรใ่ หค้ ิดเปน็ หนึง่ ไร่ (9. ค่าธรรมเนยี มการขอให้ไดม้ าซง่ึ ที่ดนิ เพ่อื การคา้ ทดี่ ิน รายละ 500 บาท ค่าอนญุ าต ไรล่ ะ 20 บาท เศษของไร่ให้คดิ เปน็ หนึ่งไร่) (บญั ชอี ตั ราค่าธรรมเนียมและค่าใชจ้ ่ายทา้ ยประมวลกฎหมายท่ดี ิน 9. เดิม ถกู ยกเลิกโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบบั ที่ 12) พ.ศ. 2551) 9. (ยกเลกิ ) 10. ค่าธรรมเนยี มเบด็ เตล็ด (๑) คา่ คาขอ แปลงละ 5 บาท (2) ค่าคัดสาเนาเอกสารตา่ งๆ รวมทัง้ คา่ คดั สาเนาเอกสาร เปน็ พยานในคดีแพง่ โดยเจา้ หนา้ ทเี่ ป็นผู้คัด รอ้ ยคาแรกหรอื ไมถ่ งึ รอ้ ยคา 10 บาท ร้อยคาต่อไป รอ้ ยละ 5 บาท เศษของร้อยใหค้ ดิ เป็นหนึง่ รอ้ ย (๓) คา่ รับรองเอกสารที่คดั ฉบบั ละ 10 บาท (๔) คา่ ตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทดี่ ิน แปลงละ 10 บาท (๕) คา่ รบั อายัดทด่ี ิน แปลงละ 10 บาท (๖) คา่ มอบอานาจ เร่ืองละ 20 บาท (๗) ค่าออกใบแทนโฉนดที่ดนิ หรือหนังสือแสดงสทิ ธิ ในท่ดี ินอยา่ งอน่ื ฉบบั ละ 50 บาท (๘) ค่าประกาศ แปลงละ 10 บาท (๙) ค่าหลกั เขตท่ีดนิ หลักละ 15 บาท ถา้ เป็นการเดนิ สารวจหรือสอบเขตท้ังตาบลสาหรับกรณี ออกโฉนดท่ีดินเป็นรายแปลง แปลงละ 60 บาท (มคี วามเพมิ่ เป็น (๑๐) และ (๑๑) โดยมาตรา ๘ แห่ง พ.ร.บ.แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน (ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. 2543) (10) ค่าตรวจสอบข้อมูลด้านงานรังวดั ดา้ นทะเบยี นที่ดิน ดา้ นประเมินราคาหรอื ข้อมลู อ่นื ครั้งละ 100 บาท

67 (1๑) คา่ สาเนาจากส่อื บันทกึ ขอ้ มูลทางคอมพวิ เตอร์ แผ่นละ 50 บาท หรอื สอื่ อิเล็กทรอนิกสอ์ นื่ หรอื สาเนาขอ้ มลู อน่ื (11. ค่าใช้จ่าย (๑) ค่าพาหนะเดนิ ทาง ให้แกเ่ จา้ พนกั งาน ใหจ้ ่ายเทา่ ทีจ่ าเป็น พนกั งานเจา้ หน้าที่และคนงานทจ่ี ้างไป และใช้จา่ ยไปจรงิ ทาการรงั วัด เก่ียวกบั โฉนดทดี่ ินหรอื พิสูจน์สอบสวน หรอื ตรวจสอบเนอื้ ท่เี กย่ี วกบั หนงั สือรบั รอง การทาประโยชนต์ ามคาขอ (2) ค่าเบ้ยี เลี้ยง ใหแ้ ก่พนักงาน พนกั งานเจ้าหน้าท่ี ใหจ้ ่ายเทา่ ทจ่ี าเปน็ และคา่ จา้ งคนงานท่ีจา้ งไปทาการรังวัดเก่ยี วกับ ตามระเบยี บของ โฉนดทีด่ นิ หรอื พิสูจนส์ อบสวนหรือตรวจสอบเน้อื ที่ ทางราชการแก่ เกีย่ วกบั หนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ ผูไ้ ปทางานเทา่ อัตรา ตามคาขอ ของทางราชการ (๓) ค่าปว่ ยการให้แกเ่ จา้ พนักงานผปู้ กครอง ทอ้ งท่ี หรือผู้แทนทไ่ี ปในการรงั วดั เกย่ี วกับ โฉนดที่ดนิ หรอื พิสจู น์สอบสวนหรอื ตรวจสอบ เนอื้ ทีเ่ กยี่ วกบั หนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ คนหนง่ึ วนั ละ 30.00 บาท (๔) ค่าปดิ ประกาศ ใหแ้ ก่ผู้ปดิ ประกาศ แปลงละ 10.00 บาท (๕) ค่าพยาน ใหแ้ ก่พยาน คนละ 10.00 บาท) (ความใน 11 แหง่ บญั ชอี ัตราคา่ ธรรมเนยี มและค่าใชจ้ า่ ยทา้ ยประมวลกฎหมายทดี่ ิน ถูกยกเลกิ โดยมาตรา ๓ แห่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพมิ่ เติม ประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. 2541 และใหใ้ ช้ความ ตอ่ ไปนแี้ ทน) 11. คา่ ใชจ้ า่ ย (๑) ค่าพาหนะเดนิ ทางใหแ้ กเ่ จา้ พนกั งาน ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่าย พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี และคนงานทจี่ ้าง ตามระเบียบกระทรวง ไปทาการรงั วัดเกยี่ วกบั โฉนดท่ดี นิ หรือ มหาดไทยดว้ ยความเห็นชอบ พสิ จู นส์ อบสวน หรอื ตรวจสอบเนอ้ื ท่ี ของกระทรวงการคลงั เก่ยี วกับหนังสอื รับรองการทาประโยชน์ ตามคาขอ (๒) ค่าเบ้ยี เลีย้ งให้แก่เจ้าพนกั งาน ให้จ่ายในลกั ษณะเหมาจ่าย พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี และค่าจา้ งคนงาน ตามระเบยี บกระทรวง ที่จา้ งไปทาการรงั วดั เกย่ี วกับโฉนดทด่ี นิ มหาดไทยด้วยความเหน็ ชอบ

68 หรือพสิ จู น์สอบสวน หรือตรวจสอบเนอื้ ที่ ของกระทรวงการคลงั เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทาประโยชน์ ตามคาขอ (๓) คา่ ปว่ ยการให้แกเ่ จา้ พนกั งานผ้ปู กครอง ทอ้ งทห่ี รือผู้แทนที่ไปในการรงั วดั เก่ียวกบั โฉนดทีด่ ิน หรือพสิ ูจน์สอบสวน หรอื ตรวจสอบเน้ือที่เกีย่ วกบั หนังสอื รับรอง การทาประโยชน์ คนหนง่ึ วนั ละ 100 บาท (๔) ค่าใชจ้ า่ ยอืน่ ๆ ในการรงั วดั เกยี่ วกับ ให้จา่ ยในลักษณะเหมาจา่ ย โฉนดทีด่ ิน หรือพสิ จู น์สอบสวน หรือ ตามระเบียบกระทรวง ตรวจสอบเน้ือทเี่ กี่ยวกับหนงั สอื รับรอง มหาดไทยด้วยความเห็นชอบ การทาประโยชน์ ของกระทรวงการคลัง (๕) ค่าปดิ ประกาศให้แก่ผู้ปดิ ประกาศ แปลงละ 20 บาท (๖) คา่ พยานใหแ้ กพ่ ยาน คนละ 20 บาท (มีความเพ่มิ เป็นบัญชคี ่าตอบแทนทา้ ยประมวลกฎหมายท่ดี ิน โดยข้อ 12 แห่งประกาศของ คณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ท่ี 334 ลงวันที่ 13 ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช 2515 ดังตอ่ ไปน้ี) บญั ชคี ่าตอบแทนท้ายประมวลกฎหมายทด่ี นิ (คา่ ตอบแทนในการอนุญาต (๑) ตามมาตรา ๙ (๑) ไรล่ ะ ๑๐๐ บาท ตอ่ ปี (๒) ตามมาตรา ๙ (๒) หรอื มาตรา ๙ (๓) ไร่ละ ๕,๐๐๐ บาท และหรือลูกบาศกเ์ มตรละ ๕ บาทต่อป)ี (บัญชีคา่ ตอบแทนท้ายประมวลกฎหมายท่ีดนิ ถูกยกเลกิ โดยมาตรา ๔ แหง่ พ.ร.บ.แก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบบั ที่ ๗) พ.ศ. 2541 และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน) คา่ ตอบแทนในการอนุญาต (๑) ตามมาตรา ๙ (๑) ไร่ละ 1,000 บาทต่อปี (๒) ตามมาตรา ๙ (๒) หรอื มาตรา ๙ (๓) (ก) การขดุ หรอื ดดู ทราย ลูกบาศก์เมตรละ 28 บาท (ข) การขดุ ดนิ หรือลูกรัง หรอื อ่ืนๆ ไรล่ ะ 10,000 บาทตอ่ ปี หรือลกู บาศก์เมตรละ 10 บาท

69 หมายเหตุ การประกาศใช้กฎหมายทด่ี ิน 1. พระราชบัญญัติให้ใชป้ ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 (ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 71 ตอนท่ี 78 (ฉบบั พิเศษ) วนั ที่ 30 พฤศจิกายน 2497) 2. ประมวลกฎหมายที่ดิน (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ท่ี 71 ตอนท่ี 78 (ฉบับพเิ ศษ) วันท่ี 30 พฤศจกิ ายน 2497) ๓. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ที่ 49 ลงวันท่ี 13 มกราคม 2502 (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ ที่ 76 ตอนท่ี 8 วนั ที่ 13 มกราคม 2502) ๔. ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ท่ี 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2515 (ราชกจิ จานุเบกษา เล่มที่ 89 ตอนที่ 33 (ฉบบั พิเศษ) วันที่ 3 มีนาคม 2515) ๕. ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ 334 ลงวนั ท่ี 13 ธนั วาคม พุทธศกั ราช 2515 (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 89 ตอนท่ี 190 (ฉบบั พเิ ศษ) วันที่ 13 ธนั วาคม 2515) ๖. พระราชบัญญัติแกไ้ ขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2520 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 94 ตอนที่ 86 วนั ที่ 19 กนั ยายน 2520) ๗. ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ท่ี 16 ลงวันที่ 7 พฤศจกิ ายน พุทธศกั ราช 2520 (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 94 ตอนท่ี 109 วันที่ 8 พฤศจกิ ายน 2520) ๘. พระราชบัญญัตแิ กไ้ ขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2521 (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 95 ตอนท่ี 138 วนั ท่ี 11 ธันวาคม 2521) ๙. พระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2526 (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 100 ตอนที่ 160 (ฉบบั พิเศษ) วนั ท่ี 6 ตลุ าคม 2526) 10. พระราชบญั ญัตแิ ก้ไขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2528 (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 102 ตอนที่ 201 วนั ท่ี 31 ธนั วาคม 2528) 11. พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2534 (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 108 ตอนท่ี 164 วนั ท่ี 18 กนั ยายน 2534) 12. พระราชบญั ญัติแก้ไขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. 2535 (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 109 ตอนที่ 14 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2534) 13. พระราชบัญญัติแก้ไขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2541 (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 115 ตอนที่ 89 ก วันที่ 26 พฤศจิกายน 2541) 14. พระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับท่ี 8) พ.ศ. 2542 (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 116 ตอนที่ 39 ก วนั ท่ี 18 พฤษภาคม 2542)

70 15. พระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบบั ที่ 9) พ.ศ. 2543 (ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 117 ตอนที่ 29 ก วันที่ 1 เมษายน 2543) 16. พระราชบัญญตั ิแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดนิ (ฉบับ1ท0ี่) พ.ศ. 2550 (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 124 ตอนท่ี 61 ก วนั ท่ี 27 กนั ยายน 2550) 17. พระราชบัญญตั แิ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน (ฉบบั 1ท1่ี) พ.ศ. 2551 (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 125 ตอนท่ี 29 ก วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551) 18. พระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับ1ท2่ี) พ.ศ. 2551 (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 125 ตอนท่ี 33 ก วนั ท่ี 13 กุมภาพันธ์ 2551) 19. พระราชบัญญตั ิแก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบบั 1ท3ี่) พ.ศ. 2556 (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 130 ตอนท่ี 120 ก วันที่ 19 ธนั วาคม 2556)

กฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. 2497

71 กฎกระทรวง* (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ช้ประม วล กฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในทอ้ งทซ่ี ึง่ ไดม้ ีการออกโฉนดทดี่ ินแล้ว บคุ คลทคี่ รอบครองทีด่ นิ ตงั้ แต่วนั ท่ี พระราชบญั ญัตอิ อกโฉนดทดี่ ิน (ฉบบั ที่ ๖) พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ ใช้บังคับเปน็ ตน้ มา และก่อน วันที่ประมวลกฎหมายทีด่ นิ ใช้บงั คับ โดยไม่ได้ดาเนนิ การให้ชอบด้วยกฎหมายท่ีใชบ้ งั คบั อยใู่ น ขณะน้ัน และไดแ้ จ้งการครอบครองไวแ้ ล้ว หากประสงคจ์ ะขอรบั โฉนดทด่ี ิน ใหไ้ ปยืน่ คาขอตอ่ เจ้าพนกั งานทดี่ นิ ในเขตทีม่ ีสานกั งานที่ดนิ หรอื นายอาเภอในเขตท่ีไมม่ สี านกั งานทีด่ นิ ข้อ ๒ เมือ่ เจ้าพนกั งานทด่ี นิ หรอื นายอาเภอแลว้ แต่กรณีไดร้ บั คาขอไวแ้ ล้ว ให้นายอาเภอ ทอ้ งท่พี จิ ารณาสภาพทด่ี นิ วา่ เปน็ ท่ซี งึ่ อยู่ในหลกั เกณฑ์ท่จี ะออกโฉนดให้ได้หรือไม่ ขอ้ ๓ หลกั เกณฑ์และวธิ ีการ ออกโฉนดทดี่ ินนอกจากท่กี ลา่ วน้ี ให้นากฎกระทรวง มหาดไทย ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ ห้ใช้ประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๔ ถา้ ปรากฏวา่ ท่ดี ินทผ่ี ขู้ อออกโฉนดครอบครองเปน็ ทซ่ี ึ่งไมอ่ าจจะออกโฉนดทีด่ นิ ให้ได้ ก็ให้อธิบดีแจ้งให้ผ้นู ัน้ ทราบและส่ังให้ผู้นัน้ ออกไปเสยี จากท่ดี ินนน้ั ตามบทบญั ญตั ิแหง่ พระราชบญั ญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับท่ี ๖) พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ ใหไ้ ว้ ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรือโท สนุ าวินวิวฒั รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ๗๑ ตอนท่ี ๘๒ (ฉบบั พเิ ศษ) วันท่ี ๑๑ ธนั วาคม ๒๔๙๗) * กฎกระทรวงฉบบั นี้ถูกยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537)ฯ

72 กฎกระทรวง* ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ อาศยั อานาจตามความในมาตรา 8 และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบญั ญัตใิ หใ้ ชป้ ระม วล กฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ดงั ต่อไปน้ี ข้อ ๑ บุคคลท่ีครอบครองและทาประโยชน์ในทด่ี นิ โดยชอบดว้ ยกฎหมายก่อนวันที่ พระราชบัญญตั ิออกโฉนดทีด่ นิ (ฉบบั ที่ ๖) พทุ ธศกั ราช 2479 ใชบ้ ังคับ ผ้รู ับโอนท่ดี นิ ดังกลา่ ว และผทู้ ไ่ี ดร้ บั ตราจองและใบเหยียบยา่ ไวแ้ ล้ว แต่ยังไมม่ ีคารบั รองว่า “ได้ทาประโยชนแ์ ลว้ ” ถา้ ประสงค์จะไดค้ ารับรองใหย้ ่ืนคาขอคารับรองการทาประโยชนต์ ามแบบ น.ส. ๑ ท้ายกฎกระทรวงน้ี หรอื ตามแบบหมายเลข ๕ ทา้ ยกฎกระทรวงเกษตราธิการออกตามความในพระราชบัญญตั ิ ออกโฉนดทด่ี ิน (ฉบับท่ี ๖) พทุ ธศักราช 2479 ลงวนั ที่ 25 ตุลาคม พุทธศักราช 2480 ตอ่ นายอาเภอหรอื ปลัดอาเภอผเู้ ปน็ หวั หนา้ ประจาก่งิ อาเภอทอ้ งที่ ขอ้ ๒ เมื่อได้รับคาขอแลว้ ใหน้ ายอาเภอหรือปลดั อาเภอผูเ้ ป็นหวั หน้าประจากง่ิ อาเภอ แลว้ แตก่ รณี ไปทาการพิสจู น์ยังทด่ี นิ ตามแบบท้ายคาขอ ในการนน้ี ายอาเภอหรอื ปลัดอาเภอ ผู้เปน็ หวั หน้าประจากง่ิ อาเภอจะมอบใหข้ ้าราชการหรือกานันไปทาการแทนก็ได้ ขอ้ ๓ การออกหนังสือรบั รองว่า “ไดท้ าประโยชน์แลว้ ” ใหก้ ระทาสาหรับท่ีดินทจี่ ะพึง ออกโฉนดทดี่ นิ ไดต้ ามกฎหมาย ขอ้ ๔ เมือ่ ไดพ้ ิสจู นก์ ารทาประโยชนต์ ามความในข้อ ๒ แลว้ ปรากฏว่าได้มีการครอบครอง และทาประโยชนต์ ามสมควรแก่สภาพของทีด่ ินในทอ้ งถิ่น ตลอดจนสภาพของกิจการทีไ่ ด้ทา ประโยชน์ กใ็ หน้ ายอาเภอหรือปลัดอาเภอผ้เู ปน็ หัวหนา้ ประจากิง่ อาเภอประกาศคาขอคารับรอง เปน็ เวลา 30 วนั ประกาศน้นั ให้ปิดไว้ในที่เปดิ เผย ณ ที่ว่าการอาเภอ หรือก่ิงอาเภอ ๑ ฉบบั ท่ีบ้านกานัน ๑ ฉบบั และในทด่ี นิ นั้นอีก ๑ ฉบบั ในเขตเทศบาลให้ปดิ ไว้ ณ สานกั งานเทศบาล อีก ๑ ฉบับดว้ ย * กฎกระทรวงฉบับนถ้ี กู ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 43 (พ.ศ. 2537)ฯ

73 ข้อ ๕ เม่อื ไมม่ ีผู้คัดคา้ นภายในกาหนดเวลาดังกล่าวในข้อ ๔ กใ็ ห้นายอาเภอหรอื ปลดั อาเภอผ้เู ปน็ หัวหนา้ ประจากง่ิ อาเภอออกหนังสือรบั รองการทาประโยชน์ตามขอ้ ๓ แห่งกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบบั ท่ี ๕ (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใ้ ช้ ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 (ข้อ 6. ในกรณีที่มผี ู้คดั ค้านให้นายอาเภอหรอื ปลัดอาเภอผ้เู ป็นหวั หนา้ ประจากงิ่ อาเภอสอบสวน พยานหลกั ฐาน และทาการเปรียบเทยี บท้ังสองฝา่ ย ถ้าตกลงกนั ได้ใหท้ าหนังสอื สัญญาประนีประนอม ยอมความไว้ แลว้ ดาเนินการตามนั้นต่อไป ถ้าตกลงกันไมไ่ ด้ ให้งดดาเนินการไว้ แลว้ แจง้ ให้ท้ังสองฝ่าย ไปจัดการฟ้องรอ้ งวา่ กล่าวกันต่อไป และเมอื่ มคี าพิพากษาถึงที่สุดแลว้ ใหอ้ อกหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ ตามผลแหง่ คาพิพากษา) (ความในข้อ 6 นี้ ถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี 16 (พ.ศ. ๒๕๑๔) ฯ และให้ใชค้ วาม ตอ่ ไปนแ้ี ทน) ขอ้ 6 ในกรณที ่ีมผี โู้ ตแ้ ย้ง ให้นายอาเภอหรือปลดั อาเภอผ้เู ป็นหัวหน้าประจากิง่ อาเภอ มีอานาจสอบสวนเปรยี บเทียบ เมือ่ ตกลงกนั ไดก้ ใ็ หด้ าเนินไปตามข้อตกลงน้ัน หากตกลงกนั ไมไ่ ด้ ให้มคี าสง่ั ว่าจะออกหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ให้แกฝ่ ่ายใด และใหฝ้ ่ายทีไ่ ม่พอใจ ไปดาเนนิ การ ฟอ้ งรอ้ งตอ่ ศาลภายในกาหนดหกสบิ วนั นับแตว่ ันทราบคาส่งั ในกรณีท่ีมีการฟ้องรอ้ งตอ่ ศาลแลว้ ใหร้ อเรือ่ งไวจ้ นกวา่ ศาลจะพพิ ากษาหรอื มคี าสงั่ ประการใด ถ้ามิไดม้ ีการฟอ้ งรอ้ งภายในกาหนดดังกลา่ ว หรือศาลได้วนิ ิจฉัยแลว้ กใ็ หด้ าเนินการ ไปตามควรแกก่ รณี ขอ้ 7 . ถ้าปรากฏวา่ การออกหนงั สือรบั รองการทาประโยชน์นัน้ ไดก้ ระทาไปโดย ความผิดหลงก็ดี เป็นการฝา่ ฝนื กฎหมายก็ดี ไมถ่ กู ตอ้ งโดยประการอน่ื ก็ดี เม่อื ได้สอบสวนแล้ว ให้ผู้วา่ ราชการจงั หวัดมีอานาจเพกิ ถอนหนังสือรบั รองการทาประโยชนเ์ สียได้ แลว้ แจง้ ใหผ้ ไู้ ดร้ ับ หนงั สือรบั รองการทาประโยชน์ทราบ ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ 9 ธนั วาคม พ.ศ. 2497 พลเรอื โท สนุ าวนิ ววิ ัฒ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๗๑ ตอนที่ ๘๒ (ฉบบั พิเศษ) วนั ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๔๙๗)

74

75

76

77 กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใ้ ช้ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญตั ใิ ห้ใชป้ ระมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. 2497 และมาตรา 38 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปน้ี ขอ้ 1 บคุ คลใดมที ดี่ ินเกินกวา่ สิทธติ ามจานวนที่กาหนดไว้ในมาตรา 34 และมีหนา้ ท่ี แจ้งตามมาตรา 38 (1) ใหแ้ จ้งตามแบบ จ.ส. 1 ท้ายกฎกระทรวงน้ี ขอ้ 2 การแจง้ ตามความในขอ้ 1 ใหก้ รอกจานวนที่ดินซงึ่ ผแู้ จง้ มอี ยู่ทกุ แปลงรวม ลงในแบบแจง้ ฉบับเดยี ว ในกรณีทีผ่ ้แู จง้ ถอื สิทธใิ นท่ดี ินเพ่ือประโยชนข์ องบุคคลอ่ืนตามมาตรา 41 หรือมาตรา 42 ใหร้ ะบุลงไวใ้ นชอ่ งหมายเหตุของแบบ จ.ส. 1 ดว้ ย การระบุในชอ่ งหมายเหตุ ดงั กลา่ วไม่กระทบกระเทือนหน้าทีท่ ่จี ะต้องแจง้ ตามความในมาตรา 41 หรือมาตรา 42 อีกชน้ั หนึ่ง และใหร้ ะบุถึงขอ้ เท็จจรงิ ท่ที าให้ผแู้ จ้งมสี ิทธใิ นที่ดินเกนิ กาหนด (ถา้ มี) ไว้ดว้ ย ขอ้ 3 ในกรณีทบี่ คุ คลหลายคนมีสิทธิในทดี่ ินแปลงเดียวรว่ มกัน ใหแ้ ต่ละคนลงรายการ จานวนท่ีดนิ แปลงนัน้ ทงั้ แปลงในแบบแจ้งของตน แต่ให้ระบไุ ว้ในช่องหมายเหตใุ หท้ ราบว่ามีสทิ ธิ รว่ มกับบุคคลใดบา้ ง และใหบ้ คุ คลผู้เป็นเจ้าของร่วมลงลายมือชอื่ กากบั ไว้ในช่องหมายเหตุด้วย ในกรณีที่เจา้ ของรว่ มไมไ่ ด้ลงลายมือช่อื ก็ใหห้ มายเหตไุ วใ้ นชอ่ งหมายเหตวุ ่าเจา้ ของร่วม ไม่ได้ลงลายมอื ช่อื เพราะเหตใุ ด ข้อ 4 พนักงานเจา้ หนา้ ท่ีผู้รบั แจ้ง คือ (1) เจา้ พนักงานที่ดินในท้องที่ซึง่ มสี านกั งานที่ดนิ หรอื (2) นายอาเภอหรอื ปลดั อาเภอผู้เปน็ หวั หน้าประจาก่งิ อาเภอในท้องท่ซี ง่ึ ไมม่ ีสานักงาน ท่ดี นิ ขอ้ 5 การแจง้ ให้แจ้งต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ในทอ้ งทซ่ี ่ึงท่ีดินตง้ั อยู่ และในกรณที ี่มีทีด่ ิน หลายแปลง จะแจ้งตอ่ พนักงานเจ้าหนา้ ที่ในทอ้ งท่ีซงึ่ ที่ดนิ แปลงใดแปลงหน่งึ ตงั้ อยู่กไ็ ด้

78 ข้อ 6 เมือ่ พนักงานเจา้ หน้าท่ไี ดร้ ับแบบ จ.ส. 1 ไวแ้ ล้ว ใหอ้ อกใบรับมอบใหผ้ ้แู จ้ง ยึดถอื ไว้เป็นหลักฐาน ขอ้ 7 บุคคลใดมที ี่ดินเกินกวา่ สิทธิตามจานวนท่กี าหนดไวใ้ นมาตรา 34 และมหี นา้ ท่ี แจ้งตามมาตรา 38 (2) ให้แจ้งต่อพนกั งานเจ้าหน้าทผ่ี ู้รับจดทะเบยี นในขณะทีท่ าการจดทะเบียน สทิ ธแิ ละนติ กิ รรมตามแบบ จ.ส. 1 ทา้ ยกฎกระทรวงนี้ แต่ให้ระบุในช่องหมายเหตถุ ึงกรณีท่ี ข้อเทจ็ จรงิ แห่งสิทธิในที่ดินไดเ้ ปลยี่ นแปลงไปดว้ ย ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรอื โท สนุ าวินวิวัฒ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 71 ตอนท่ี 82 (ฉบับพเิ ศษ) วนั ที่ 11 ธันวาคม 2497)

79

80 กฎกระทรวง ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. 2497 อาศยั อานาจตามความในมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญัตใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. 2497 และมาตรา 50 แหง่ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ 1 ในการทีอ่ ธบิ ดีใชอ้ านาจจาหนา่ ยทีด่ นิ โดยการขาย หรือใหเ้ ชา่ ซื้อให้ปฏิบตั ดิ งั น้ี (1) กรณีขาย ใหข้ ายโดยวธิ ีซื้อขายธรรมดา โดยการประกวดราคา หรือโดยการทอดตลาด (2) กรณีใหเ้ ช่าซ้อื ใหป้ ฏบิ ัติตามความใน (1) โดยอนโุ ลม ข้อ 2 ผมู้ ีสิทธใิ นทด่ี นิ จะเสนอความเหน็ ต่ออธบิ ดวี า่ ในการขายหรอื การใหเ้ ช่าซ้ือนั้น ควรจะใช้วธิ ซี ้ือขายธรรมดา การประกวดราคา หรอื การทอดตลาดก็ได้ ขอ้ 3 การขายหรือการให้เชา่ ซ้ือ ให้ดาเนินการในท้องที่ซง่ึ ท่ดี นิ ต้ังอย่กู ่อนทจี่ ะทา การขายหรอื ใหเ้ ช่าซอ้ื ท่ดี นิ แปลงใดตอ้ งประกาศให้ประชาชนทราบมีกาหนด 30 วนั ประกาศนนั้ ใหป้ ดิ ไว้ในท่เี ปิดเผย ณ สานักงานทีด่ ินจงั หวดั หรอื สานักงานทดี่ นิ สาขา 1 ฉบับ ณ ทว่ี า่ การ อาเภอ หรอื กงิ่ อาเภอท้องท่ี 1 ฉบับ ที่บา้ นกานัน 1 ฉบับ และในบริเวณทดี่ นิ ที่จะขาย 1 ฉบบั ในเขตเทศบาลใหป้ ิดไว้ ณ สานกั งานเทศบาล 1 ฉบับ และจะประกาศในหนังสอื พิมพร์ ายวัน ด้วยก็ได้ ขอ้ 4 เมือ่ หมดกาหนดระยะเวลาประกาศใหข้ ายหรือให้เชา่ ซ้ือที่ดนิ ตามขอ้ 3 ถา้ มี ผูเ้ สนอขอตกลงซ้ือหรอื ขอเช่าซือ้ เทา่ กับหรือสูงกว่าราคาทบ่ี ัญญัตไิ ว้ในมาตรา 52 กใ็ หข้ ายหรือ ใหเ้ ชา่ ซอ้ื ไปได้ แตถ่ า้ มีผูเ้ สนอขอซื้อต่ากวา่ ราคาท่บี ัญญตั ไิ วใ้ นมาตรา 52 เมื่อผ้มู ีสทิ ธใิ นท่ีดิน ยนิ ยอมกใ็ ห้ ขายหรอื ให้เช่าซอื้ ไปได้

81 ข้อ 5 เมอ่ื มีการตกลงซอ้ื ขายหรอื ใหเ้ ชา่ ซื้อกนั แล้ว ใหผ้ ู้ซ้ือหรือผเู้ ช่าซ้อื ชาระราคาที่ดนิ ไว้รอ้ ยละยส่ี ิบกอ่ น สว่ นราคาทีด่ นิ ทเี่ หลือนน้ั สาหรบั กรณซี อ้ื ขายเดด็ ขาดใหช้ าระใหเ้ สรจ็ ในเมื่อ จดทะเบียนโอนทีด่ นิ ต่อพนักงานเจา้ หน้าที่ สาหรบั กรณีเช่าซ้อื หรือซ้อื โดยผ่อนชาระราคา ใหค้ านวณราคาทีจ่ ะพงึ ผ่อนชาระเป็นงวดๆ ใหเ้ สรจ็ สิน้ ภายในกาหนดเวลาทีร่ ะบุไวใ้ นมาตรา 54 ใหไ้ ว้ ณ วันที่ 9 ธนั วาคม พ.ศ. 2497 พลเรือโท สนุ าวนิ ววิ ฒั รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 71 ตอนที่ 82 (ฉบบั พิเศษ) วนั ที่ 11 ธนั วาคม 2497)

82 กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิให้ใชป้ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. 2497 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญตั ิให้ใชป้ ระมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. 2497 และมาตรา 56 แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปน้ี หมวด 1 ใบจอง ขอ้ 1 แบบใบจองใหท้ าตามแบบ น.ส. 2 ท้ายกฎกระทรวงน้ี ขอ้ 2 การออกใบแทนใบจอง ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าท่ีดาเนินการตามวธิ ีการออกใบแทน โฉนดทดี่ ินโดยอนุโลม หมวด 2 หนังสือรบั รองการทาประโยชน์ ขอ้ 3 แบบหนังสือรบั รองการทาประโยชนใ์ หท้ าตามแบบ น.ส. 3 ท้ายกฎกระทรวงนี้ หรือแบบหมายเลข 3 ทา้ ยกฎกระทรวงเกษตราธิการ ออกตามความในพระราชบญั ญัติ ออกโฉนดทด่ี นิ (ฉบับที่ 6) พทุ ธศักราช 2479 ลงวันท่ี 25 ตลุ าคม พทุ ธศักราช 2480 ข้อ 4 การขอหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ ใหด้ าเนนิ การดงั น้ี (1) ใหผ้ ขู้ อยืน่ คาขอตามแบบ น.ส. 1 ทา้ ยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ ห้ใช้ประมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. 2497 ต่อนายอาเภอหรือ ปลัดอาเภอผ้เู ปน็ หัวหนา้ ประจาก่ิงอาเภอท้องที่ (2) ในการย่นื คาขอตามทกี่ ลา่ วใน (1) ให้ผขู้ อแนบใบจอง ใบเหยียบย่า ตราจอง หรือ ใบแจง้ การครอบครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัตใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. 2497 สาหรับที่ดนิ แปลงนั้นดว้ ย * กฎกระทรวงฉบบั น้ีถกู ยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537)ฯ

83 ขอ้ 5 เม่ือไดม้ กี ารพิสจู น์การทาประโยชนต์ ามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แลว้ กใ็ ห้ออกหนังสือรบั รองการทาประโยชนต์ ามข้อ 3 ใหไ้ ด้ ขอ้ 6 วิธอี อกใบแทนหนังสือรับรองการทาประโยชน์ ใหน้ ายอาเภอหรือปลัดอาเภอ ผู้เป็นหวั หนา้ ประจาก่ิงอาเภอดาเนนิ การตามวธิ กี ารออกใบแทนโฉนดท่ีดินโดยอนุโลม หมวด 3 โฉนดทด่ี ิน (ขอ้ 7 แบบโฉนดท่ดี ินมี 3 แบบ คือแบบ น.ส. 4 ก., น.ส. 4 ข. และ น.ส. 4 ค. ทา้ ยกฎกระทรวง)นี้ (ความในขอ้ 7 น้ี ถูกยกเลกิ โดยขอ้ 1 แหง่ กฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2510) ฯ) ข้อ 8 ท่ีดนิ ท่จี ะพึงออกโฉนดท่ีดินต้องเปน็ ทดี่ ินทผ่ี ู้มสี ทิ ธิในทดี่ ินไดค้ รอบครองและ ทาประโยชนแ์ ลว้ และเปน็ ที่ดินท่ีจะพึงออกโฉนดท่ีดนิ ได้ตามกฎหมายแตห่ า้ มมใิ หอ้ อกโฉนดที่ดนิ สาหรบั ทด่ี ินดังตอ่ ไปนี้ (1) ทีด่ ินทร่ี าษฎรใชป้ ระโยชนร์ ่วมกัน เช่น ทางนา้ ทางหลวง ทะเลสาบ ที่ชายตลิง่ (2) ท่ีเขา ท่ีภเู ขาหรอื ทสี่ งวนหวงห้าม หรอื ท่ีดนิ ซงึ่ ทางราชการเหน็ วา่ ควรสงวนไวเ้ พ่อื ทรัพยากรธรรมชาติ ข้อ 9 การออกโฉนดท่ีดนิ ตามมาตรา 58 ให้ปฏิบัติดงั น้ี (1) ให้มกี ารรงั วัดทาแผนทีต่ ามวิธกี ารรงั วัดเพ่อื ออกโฉนดที่ดิน โดยให้เจ้าของทดี่ ิน ปกั หลักหมายเขตทด่ี ินไวท้ กุ มมุ ทด่ี นิ ของตน (2) ใหเ้ จ้าของหรอื ผแู้ ทนให้ถ้อยคาตามแบบ น.ส. 5 ท้ายกฎกระทรวงนี้ (3) กอ่ นแจกโฉนดที่ดิน ให้เจ้าพนกั งานทีด่ นิ ประกาศการแจกโฉนดใหท้ ราบมกี าหนด 30 วัน ประกาศนน้ั ให้ปิดไว้ในท่ีเปดิ เผย ณ สานักงานท่ดี ินจงั หวัดหรือสานกั งานทดี่ นิ สาขา 1 ฉบับ ณ ทว่ี ่าการอาเภอหรือกิ่งอาเภอทอ้ งท่ี 1 ฉบับ ทบ่ี ้านกานนั 1 ฉบบั และในบริเวณท่ีดนิ น้นั 1 ฉบบั ในเขตเทศบาลให้ปดิ ไว้ ณ สานักงานเทศบาลอีก 1 ฉบับ ขอ้ 10 ในกรณีออกโฉนดทีด่ นิ เฉพาะรายตามมาตรา 59 ใหผ้ มู้ ีสทิ ธคิ รอบครองที่ดนิ ยนื่ คาขอและให้นาความทีก่ าหนดในข้อ 9 มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม ข้อ 11 การออกใบแทนโฉนดทดี่ ินให้ปฏิบตั ดิ ังน้ี (1) ในกรณโี ฉนดท่ดี นิ เปน็ อันตรายหรือศนู ย์หาย ให้เจา้ ของท่ีดนิ ย่ืนคาขอและปฏิญาณ ตนตอ่ เจา้ พนกั งานที่ดนิ โดยให้นาพยานหลักฐานมาใหเ้ จ้าพนกั งานท่ีดินทาการสอบสวนจนเป็นที่ เชือ่ ถือได้ ใหเ้ จ้าพนกั งานท่ีดนิ ประกาศให้ทราบมกี าหนด 30 วนั ประกาศนัน้ ใหป้ ดิ ไว้ใน ที่

84 เปดิ เผย ณ สานักงานที่ดนิ จังหวัดหรือสานกั งานทด่ี นิ สาขา 1 ฉบบั ณ ที่ว่าการอาเภอหรอื กิ่งอาเภอ ทอ้ งที่ 1 ฉบบั ทบี่ ้านกานัน 1 ฉบบั และในบรเิ วณทีด่ ินน้ัน 1 ฉบับ ในเขตเทศบาลใหป้ ิดไว้ ณ สานักงานเทศบาลอกี 1 ฉบบั ถา้ มีผูค้ ัดค้านภายในเวลาท่กี าหนดและนาพยานหลักฐามนาแสดง ให้เจ้าพนกั งานทีด่ นิ สอบสวนแลว้ สงั่ การไปตามควรแกก่ รณี ถา้ ไมม่ ีผ้ใู ดคัดค้านภายในกาหนดก็ ออกใบแทนให้ไปตามคาขอ ((2) ในกรณีโฉนดที่ดินชารุด ถา้ เจ้าของที่ดนิ นาตน้ ฉบับอนั ชารดุ มาแสดงได้ก็ให้ออก ใบแทนไปได้ ถา้ แตต่ ้นฉบับชารดุ จนไมส่ ามารถตรวจสอบไดว้ ่าตรงกับโฉนดทดี่ ินฉบบั ใด จงึ ใหด้ าเนนิ การ สอบสวนและนาความใน (1) มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม) (ความใน (2) ของข้อ 11 ถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 22 (พ.ศ. 2515) ฯ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน) (2) ในกรณีโฉนดท่ดี ินชารุด ถ้าเจ้าของท่ดี นิ นาโฉนดท่ดี นิ ท่ีชารดุ นัน้ มามอบ และโฉนดที่ดนิ ชารุดนน้ั ยังมตี าแหน่งท่ดี นิ เลขที่โฉนดท่ีดนิ ชอ่ื และตราประจาตาแหน่ง ของผู้ว่าราชการจงั หวดั และหรอื ช่ือและตราประจาตาแหน่งของเจ้าพนกั งานที่ดินตามแบบ โฉนดที่ดินปรากฏอยู่ซึง่ สามารถตรวจสอบได้ ให้ออกใบแทนให้ไปได้ ถา้ ขาดข้อความสาคญั ดงั กล่าวใหน้ าความใน (1) มาใช้บงั คับ (3) ในกรณศี าลมีคาสงั่ หรอื มีคาพพิ ากษาเกี่ยวกับโฉนดทด่ี ินและปรากฏว่า โฉนดที่ดนิ เดิมเป็นอนั ตรายชารดุ หรอื ศูนย์หายดว้ ยประการใด ให้ปฏิบตั ทิ านองเดียวกับกรณี เจา้ ของท่ีดินมาขอใบแทนตามท่กี าหนดไวใ้ น (1) หรือ (2) แลว้ แตก่ รณี แต่ไม่ต้องสอบสวน ((4) ในกรณเี จา้ พนกั งานสรรพากรขอให้ออกใบแทนโฉนดทีด่ ินสาหรับทด่ี นิ ไมไ่ ด้ชาระ ภาษอี ากรซึ่งเจา้ พนักงานยึดขายทอดตลาดแล้ว แต่ไม่ได้โฉนดท่ีดนิ มา หรือโฉนดท่ดี ินเดมิ ศนู ย์หายหรอื ชารดุ ให้ถอื หนังสือของเจ้าพนักงานสรรพากรเปน็ คาขอและดาเนนิ การทานองเดยี วกับที่กาหนดไว้ (3)) (ความใน (4) น้ี ถกู ยกเลกิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 39 (พ.ศ. 2533)ฯ และให้ใช้ ความตอ่ ไปน้ีแทน) (4) ในกรณีเจา้ พนกั งานผ้มู อี านาจในการยดึ และขายทอดตลาดทดี่ นิ ของผูท้ ี่คา้ งชาระภาษีอากรหรอื เงินคา้ งจา่ ยใด ๆ ตามท่ีกฎหมายบัญญตั ไิ ว้ ขอให้ออกใบ แทน โฉนดที่ดนิ สาหรับทีด่ ินดงั กล่าวซึง่ เจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจได้ยึดมาขายทอดตลาดแลว้ แตไ่ ม่ได้ โฉนดที่ดินมา หรือโฉนดท่ีดินสญู หายหรือชารุด ใหถ้ ือหนังสอื ของเจ้าพนกั งานดงั กล่าว เป็นคาขอ และดาเนินการทานองเดยี วกบั ทกี่ าหนดไว้ใน (3) (5) ใน กรณอี ธิบดจี ะใช้อานาจจาหนา่ ยท่ดี ินตามประมวลกฎหมายท่ดี ิน แต่ไมไ่ ดโ้ ฉนดท่ีดนิ มา ก็ให้ดาเนินการทานองเดยี วกับท่ีกาหนดไวใ้ น (4)

85 ((6) แบบของใบแทนโฉนดท่ีดนิ ใหใ้ ช้แบบโฉนดท่ดี ิน แต่ใหเ้ ขยี น คาวา่ “ใบแทน” ดว้ ยอักษร แดง ไวใ้ นสารบัญจดทะเบยี นแลว้ ลงวัน เดือน ปี ที่ออกใบแทน และใหเ้ จ้าพนักงานท่ีดนิ ลงชือ่ รับรอง สว่ นโฉนดฉบบั สานกั งานทดี่ นิ ให้จดดว้ ยอักษรแดงไวใ้ นสารบญั จดทะเบยี น ว่าไดอ้ อก ใบแทนโฉนดท่ดี ินและลงวนั เดอื นปี ท่ีออกใบแทนโฉนดทดี่ นิ และใหเ้ จา้ พนกั งานท่ีดนิ ลงนามกากบั ไว)้ (ความใน (6) ของข้อ 11 น้ี ถูกยกเลิกแลว้ โดยข้อ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 15 (พ.ศ. 2510ฯ) แตต่ อ่ มาได้มีความเปน็ (6) ของข้อ 11 นี้ เพิ่มขึ้นอีกโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 30 (พ.ศ. 251ด8ัง)ตฯอ่ ไปนี้) (6) ในกรณอี ธิบดีใช้อานาจเพกิ ถอนรายการจดทะเบียน หรอื แกไ้ ข โฉนดทด่ี ิน ตามมาตรา 61 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน ซึ่งแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยประกาศของ คณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ 334 ลงวันท่ี 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 แต่ไม่ไดโ้ ฉนดที่ดินมาหรอื โฉนดท่ีดินชารุด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบแทนโฉนดท่ดี นิ ให้โดยดาเนินการทานองเดียวกบั ที่กาหนดไว้ใน (3) โดยอนุโลม ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 9 ธันวาคม พ.ศ. 2497 พลเรอื โท สนุ าวนิ ววิ ฒั รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย (ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม 71 ตอนท่ี 28 (ฉบบั พเิ ศษ) วันที่ 11 ธันวาคม 2497)

86

87

88

89

90

91


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook