291 (1) ทดี่ ินน้ันตอ้ งไมอ่ ยู่ในเขตท่ที างราชการจาแนกให้เปน็ เขตป่าไม้ถาวร (2) ความจาเป็นในกรณีทจ่ี ะออกโฉนดท่ีดินหรอื หนังสอื รับรองการทาประโยชน์ให้ได้ คอื (ก) ท่ีดนิ น้นั ถกู เวนคนื ตามพระราชบญั ญตั เิ วนคืนอสงั หาริมทรพั ย์ (ข) ผคู้ รอบครองและทาประโยชน์ประสงคจ์ ะโอนที่ดนิ นั้นแกท่ างราชการ หรอื (ค) ในกรณที ี่มคี วามจาเปน็ อยา่ งอ่ืน แตต่ ้องได้รบั อนุมตั จิ ากผวู้ า่ ราชการจังหวดั เป็น การเฉพาะราย (3) ใหน้ าความในขอ้ 5 และข้อ 6 มาใชบ้ ังคบั แก่การออกโฉนดที่ดิน หรอื หนังสือ รบั รองการทาประโยชน์ในทด่ี ินเฉพาะราย โดยอนุโลม ข้อ 10 ในกรณีทีไ่ ดม้ กี ารออกหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ไปแล้วตามความในขอ้ 9 และประสงค์จะเปลยี่ นเป็นโฉนดท่ีดนิ มใิ หน้ าความในข้อ 9 มาใช้บังคบั อีก หมวด 5 การออกโฉนดท่ดี ินและการออกหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ ในกรณีทีเ่ นอ้ื ทีแ่ ตกต่างกับหลักฐานแจง้ การครอบครอง (ขอ้ 11 ในกรณีท่ผี ู้ครองครองและทาประโยชน์ในที่ดนิ ได้แจ้งการครอบครองไวแ้ ลว้ แตเ่ นือ้ ที่ ตามหลักฐานการแจง้ การครอบครองต่างกบั เนื้อท่ที ่ีคานวณได้จากการรังวัดทาแผนที่ หรือการพิสูจนส์ อบสวน การทาประโยชน์ ใหด้ าเนินการ ดังน้ี (๑) ถา้ เน้ือท่ที ่ีคานวณไดจ้ ากการรงั วัดทาแผนท่ี หรอื จากการพิสจู น์สอบสวนการทาประโยชนน้อ์ยกว่า เนื้อทีต่ ามหลักฐานการแจง้ การครอบครอง ให้ออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนังสอื รับรองการทาประโยชน์ให้ ตาม เนอ้ื ทเ่ี ทา่ ทค่ี านวณได้ และเทา่ ที่ได้ทาประโยชนแ์ ลว้ (๒) ถ้าเน้อื ที่ท่คี านวณไดจ้ ากการรังวดั ทาแผนท่ี หรือจากการพสิ ูจนส์ อบสวนการทาประโยชน์ มากกวา่ เน้ือทีต่ ามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ให้ออกโฉนดทีด่ นิ หรือหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ให้ เท่าท่ไี ด้ทาประโยชน์อยูจ่ รงิ และต้องอยูใ่ นเงอ่ื นไข ดังตอ่ ไปนี้ด้วย คอื ก. ในกรณที ี่ปรากฏว่าทีด่ ินมีอาณาเขต ระยะ และขา้ งเคยี งทุกด้านถกู ต้องตรงกบั หลักฐาน การแจ้งการครอบครอง ข. ในกรณที ี่ข้างเคยี งทกุ ด้านถูกตอ้ งตรงกบั หลักฐานการแจ้งการครอบครอง แตร่ ะยะผดิ พลาด คลาดเคล่ือนไป หากเจา้ ของหรือผคู้ รอบครองที่ดินขา้ งเคยี งได้ลงชอื่ รับรองแนวเขตไวเ้ ปน็ การถูกต้องครบถว้ น ทุกดา้ นแลว้
292 ค. เจ้าของที่ดนิ ขา้ งเคียงตาม ก. และ ข. ให้หมายความรวมถงึ ผูซ้ งึ่ ได้ครอบครองและทาประโยชน์ ต่อเนอื่ งกันมาดว้ ย ง. ในกรณีทที่ ี่ดินนัน้ มีดา้ นหน่ึงดา้ นใดหรือหลายด้านจดทปี่ ่า หรอื ที่รกรา้ งว่างเปลา่ และระยะท่ี วดั ไดเ้ กนิ กว่าระยะที่ปรากฏในหลกั ฐานการแจ้งการครอบครอง ใหด้ าเนนิ การออกโฉนดท่ีดนิ หรอื ออกหนงั สือ รบั รองการทาประโยชน์ ตามระยะท่ีปรากฏในหลกั ฐานการแจง้ การครอบครองโดยประมาณ) (ความในข้อ 11 นี้ ถูกยกเลิกและใชค้ วามใหมแ่ ทนแล้วโดยขอ้ ๓ แหง่ ระเบียบของคณะกรรมการฯ ฉบับท่ี ๗ (พ.ศ. 2524) และ มคี วามเพม่ิ ขน้ึ เปน็ ข้อ 12 ขอ้ 13 และข้อ 14 โดยข้อ 4 แห่งระเบียบของ คณะกรรมการฯ ฉบับท่ี ๗ (พ.ศ. 2524) ฯ) ข้อ 11 ในกรณที ีผ่ คู้ รอบครองและทาประโยชนใ์ นทีด่ ินได้แจง้ การครอบครองไวแ้ ลว้ ถ้าเน้ือทท่ี ่คี านวณได้จากการรงั วัดทาแผนท่หี รือการพสิ จู น์สอบสวนการทาประโยชน์น้อยกวา่ เนือ้ ท่ีตามหลกั ฐานการแจ้งการครอบครอง ใหอ้ อกโฉนดท่ดี นิ หรือหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ ตามเน้อื ทท่ี คี่ านวณได้และเทา่ ที่ไดท้ าประโยชนแ์ ล้ว ขอ้ 12 ในกรณที ่ผี ู้ครอบครองและทาประโยชน์ในทีด่ นิ ได้แจง้ การครอบครองไวแ้ ลว้ ถา้ เน้อื ทที่ ่คี านวณไดจ้ ากการรังวัดทาแผนท่หี รอื การพสิ จู นส์ อบสวนการทาประโยชน์มากกว่า เนอ้ื ที่ตามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ใหอ้ อกโฉนดทีด่ ินหรอื หนังสือรับรองการทาประโยชน์ เทา่ ทีไ่ ด้ทาประโยชน์อยู่จริงเมือ่ ปรากฏว่าทดี่ ินมอี าณาเขต ระยะ และท่ดี ินข้างเคยี งทุกดา้ น ถกู ตอ้ งตรงกับหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ในกรณที ่ที ่ดี ินข้างเคียงทุกด้านถูกต้องตรงกบั หลกั ฐานการแจ้งการครอบครอง แต่ระยะผิดพลาดคลาดเคลอ่ื นไป ให้ออกโฉนดท่ีดนิ หรือหนังสอื รับรองการทาประโยชน์ เท่าท่ไี ด้ทาประโยชน์อยจู่ ริงเมอ่ื ผูม้ ีสิทธใิ นทีด่ นิ ขา้ งเคยี งได้ลงชอ่ื รับรองแนวเขตไว้เป็น การถูกต้องครบถว้ นทกุ ด้านแลว้ ขอ้ 13 ในกรณีตามขอ้ 12 วรรคสอง หากผมู้ ีสิทธิในท่ีดินขา้ งเคียงไมม่ าหรอื มาแตไ่ มย่ อมลงชือ่ รับรองแนวเขตครบถ้วนทกุ ด้าน ใหอ้ อกโฉนดทด่ี ินหรือหนังสอื รบั รอง การทาประโยชน์เทา่ ทีไ่ ดท้ าประโยชนอ์ ยู่จริง โดยไม่ต้องมกี ารรับรองแนวเขต แต่ต้องอยู่ ในบังคับแหง่ เงอ่ื นไขดังต่อไปนด้ี ว้ ย คอื (๑) ถ้าผ้มู ีสิทธใิ นท่ดี ินขา้ งเคยี งไดร้ ับหนังสือตดิ ตอ่ จากพนักงานเจ้าหนา้ ทใี่ ห้มา ระวงั แนวเขตแล้ว แตไ่ ม่มาหรอื มาแตไ่ ม่ยอมลงชอ่ื รับรองแนวเขต โดยไม่คดั ค้านการรงั วดั เมือ่ ผ้คู รอบครองและทาประโยชน์ในท่ดี นิ ไดท้ าบันทึกรับรองวา่ มไิ ด้นาทาการสารวจรงั วัด ทาแผนทีห่ รอื พิสูจน์สอบสวนการทาประโยชน์รกุ ล้าท่ีดนิ ขา้ งเคียงด้านทมี่ ไิ ดม้ ีการรบั รอง แนวเขต และถา้ ปรากฏในภายหลังวา่ ไดน้ าทาการสารวจรงั วดั ทาแผนท่หี รือพสิ ูจน์สอบสวน การทาประโยชน์รุกลา้ ทดี่ ินข้างเคยี งด้านทม่ี ิไดม้ ีการรบั รองแนวเขต กย็ นิ ยอมให้พนกั งาน
293 เจ้าหน้าที่แก้ไขให้ถูกต้องได้แลว้ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าที่ทาหนังสอื แจง้ ใหผ้ มู้ สี ิทธิในทดี่ นิ ขา้ งเคยี ง มาลงชอ่ื รับรองแนวเขตหรอื คัดค้านการรังวดั อกี ครัง้ หนึ่ง โดยส่งทางไปรษณยี ์ลงทะเบยี นตอบรบั ไปยังผมู้ ีสทิ ธิในทด่ี นิ ข้างเคียง และให้แจ้งไปในหนงั สอื นัน้ ด้วยวา่ ถา้ ผูม้ สี ทิ ธิในท่ีดินข้างเคยี ง ไม่ดาเนินการตามท่ีพนักงานเจา้ หนา้ ทีแ่ จ้งภายในสามสิบวันนบั แตว่ ันท่ไี ดร้ ะบไุ วใ้ นหนังสือแจง้ จะได้ออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนงั สอื รบั รองการทาประโยชน์โดยไมต่ ้องมีการรับรองแนวเขต หากผูม้ ีสิทธใิ นท่ีดินข้างเคียงไมป่ ฏิบตั ิการตามที่พนกั งานเจา้ หน้าท่ไี ด้แจง้ ไปแล้ว ให้พนกั งาน เจ้าหน้าทด่ี าเนินการออกโฉนดทดี่ นิ หรือหนังสอื รับรองการทาประโยชนไ์ ด้ โดยหมายเหตุ ไว้ในสารบญั จดทะเบียนด้วยอักษรสแี ดงว่า ในการออกโฉนดทดี่ นิ หรือหนงั สอื รบั รองการทา ประโยชนน์ ี้ ผมู้ ีสิทธิในท่ดี ินข้างเคยี งดา้ นใดมไิ ด้มาระวังแนวเขต หรือมาแตไ่ มย่ อมลงชอ่ื รับรอง แนวเขต แลว้ ลงชอื่ พนกั งานเจา้ หนา้ ที่และวนั เดอื นปีกากบั ไว้ดว้ ย (๒) ถา้ พนักงานเจา้ หนา้ ท่ไี ด้มีหนังสอื ตดิ ต่อกบั ผู้มีสทิ ธิในที่ดนิ ข้างเคียงใหม้ าระวัง แนวเขตแลว้ แต่ไม่อาจตดิ ตอ่ ได้ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าที่ปดิ หนังสอื แจ้งให้ผมู้ สี ิทธใิ นท่ดี นิ ขา้ งเคียงนัน้ มาลงชือ่ รับรองแนวเขต หรอื คดั ค้านการรงั วดั ไวใ้ นท่เี ปดิ เผย ณ บริเวณทดี่ ินของ ผมู้ ีสทิ ธิในท่ดี ินขา้ งเคียง และที่วา่ การเขตหรือทวี่ า่ การอาเภอหรือก่งิ อาเภอท้องที่ของทีด่ นิ น้ัน แห่งละหนง่ึ ฉบบั โดยมีพนกั งานฝ่ายปกครองหรือตารวจเปน็ พยานในการน้นั ถา้ เปน็ กรณี ออกโฉนดท่ดี ินใหป้ ิดไว้ ณ สานกั งานท่ดี นิ จงั หวัด หรือสานกั งานทดี่ ินสาขาอีกหนึ่งฉบบั ท้งั นี้ ให้นาความใน (๑) ในสว่ นทเี่ กยี่ วกบั การใหผ้ ูค้ รอบครองและทาประโยชนใ์ นที่ดนิ ทาบนั ทกึ คารับรองและขอ้ ความทีต่ ้องระบุไวใ้ นหนงั สอื แจ้งให้ผูม้ ีสิทธิในท่ีดินข้างเคียงทราบ รวมทั้ง การหมายเหตุในสารบัญจดทะเบยี นมาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม ขอ้ 14 ในกรณที ีท่ ดี่ ินนัน้ มีด้านหนึ่งดา้ นใดหรือหลายดา้ นจดทีป่ า่ หรือทร่ี กร้างว่างเปลา่ และระยะท่ีวดั ได้เกินระยะทปี่ รากฏในหลกั ฐานการแจง้ การครอบครอง ให้ดาเนนิ การออก โฉนดทีด่ นิ หรือหนังสือรบั รองการทาประโยชนต์ ามระยะทปี่ รากฏในหลักฐานการแจ้งการ ครอบครองโดยประมาณ” ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี 6 มนี าคม พ.ศ. ๒515 พว่ ง สวุ รรณรฐั ปลดั กระทรวงมหาดไทย ผู้ใชอ้ านาจของ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจดั ที่ดินแห่งชาติ (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 89 ตอนที่ 37 (ฉบับพเิ ศษ) วนั ท่ี 10 มีนาคม 2515)
294 ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2515) วา่ ดว้ ยวธิ ปี ฏิบัติในการแจง้ และออกคาสงั่ แก่ผฝู้ ่าฝนื มาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายทด่ี ินอยู่กอ่ นวันท่ี ประกาศของคณะปฏิวตั ิฉบับท่ี 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พทุ ธศกั ราช 2515 ใชบ้ ังคับ อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 และมาตรา 108 แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน ซง่ึ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 96 ลงวันท่ี 29 กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศักราช 2515 คณะกรรมการจัดทด่ี ินแห่งชาติ กาหนดระเบียบไวด้ งั ตอ่ ไปนี้ หมวด ๑ บทท่วั ไป ข้อ ๑ ระเบียบนีเ้ รียกวา่ “ระเบียบว่าด้วยวธิ ปี ฏบิ ัติในการแจง้ และออกคาสัง่ แก่ ผู้ฝ่าฝนื มาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายทด่ี นิ อยูก่ ่อนวนั ทปี่ ระกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ 96 ลงวันท่ี 29 กุมภาพนั ธ์ พุทธศักราช 2515 ใชบ้ งั คบั ” ขอ้ ๒ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนตี้ ้งั แต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ การแจง้ แกผ่ ้ฝู า่ ฝืนมาตรา 9 แหง่ ประมวลกฎหมายที่ดนิ อย่กู อ่ นวันทป่ี ระกาศ ของคณะ ปฏวิ ัติ ฉบบั ที่ 96 ลงวันท่ี 29 กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศกั ราช 2515 ใชบ้ ังคบั ให้พนักงาน เจา้ หน้าท่ีดาเนนิ การดงั นี้ (๑) ท่ีดินท่ีสงวนหรอื หวงห้ามไวเ้ พื่อใช้ประโยชน์ของทางราชการ เมื่อทบวงการเมอื ง ซงึ่ มีหนา้ ท่ีดูแลรกั ษาหรือใชป้ ระโยชน์รอ้ งขอใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทีแ่ จง้ ใหผ้ ู้ฝ่าฝนื ทราบ เพื่อปฏิบตั กิ ารอยา่ งหนง่ึ อย่างใด ดงั ต่อไปน้ี ก. ใหม้ าจดั การทาบันทึกไวเ้ ปน็ หลักฐานตอ่ ทางราชการภายในเวลาทก่ี าหนด ว่าไดค้ รอบครองและทาประโยชน์อยู่ในท่ีดินเป็นเนื้อทีเ่ ท่าใด ตง้ั แต่เมื่อใด และจะออกไป จาก ท่ีดินนน้ั ไดเ้ ม่ือใด ข. ใหม้ าทาความตกลงเพือ่ เสียคา่ ตอบแทนตามอตั ราและเวลาท่ีทางราชการ กาหนดให้
295 ค. เมอ่ื มคี วามจาเปน็ อาจสงั่ ให้ผู้ฝ่าฝืนและบริวารออกไปจากท่ีดนิ หรือรื้อถอน สิง่ ปลูกสรา้ งออกไปจากทด่ี นิ ด้วยก็ได้ (๒) ทดี่ นิ อนั เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินท่ปี ระชาชนใชป้ ระโยชน์รว่ มกนั ใหม้ ีคาสั่ง ให้ผ้ฝู า่ ฝืนออกไปจากท่ดี นิ เวน้ แตก่ รณีทมี่ เี หตผุ ลและความจาเป็นเปน็ พเิ ศษ และไม่เปน็ การกระทา ให้เส่ือมประโยชน์ในการที่ประชาชนจะใช้ทดี่ ินน้ัน จะผ่อนผนั ให้อยอู่ าศยั หรือใชป้ ระโยชน์ เป็นการช่วั คราวโดยเสยี คา่ ตอบแทนหรอื ไมก่ ็ได้ (๓) ที่ดินทีท่ างราชการมโี ครงการจะจัดให้ประชาชนเข้าอย่อู าศัยและประกอบอาชีพ ให้แจง้ ใหผ้ ฝู้ ่าฝนื ไปตดิ ตอ่ กบั เจ้าหนา้ ทผี่ ู้มหี นา้ ทีใ่ นการจดั ท่ีดนิ เพ่อื ขอรบั คาวินจิ ฉยั เกี่ยวกบั สทิ ธใิ นที่ดนิ และเพอ่ื ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ ขอ้ บงั คับ ขอ้ กาหนดและเงือ่ นไขในการจัดทด่ี ินตาม โครงการจดั ท่ดี ินนนั้ ต่อไป (๔) ทีด่ ินที่มีทรัพยากรธรรมชาติ เปน็ ตน้ วา่ ท่หี ิน ทกี่ รวด หรอื ท่ที ราย ไม่วา่ ทีด่ ินนั้น รฐั มนตรจี ะไดป้ ระกาศหวงห้ามไว้ตามมาตรา 9 (๒) แห่งประมวลกฎหมายที่ดนิ แล้วหรือไม่กต็ าม ถ้ามผี ้ฝู า่ ฝืนเข้าไปทาดว้ ยประการใดๆ ใหเ้ ปน็ การทาลายหรือทาใหเ้ ส่อื มสภาพหรือเป็นอนั ตราย แกท่ รพั ยากรในทด่ี นิ ให้แจ้งใหผ้ ู้บุกรกุ ระงบั การกระทาหรอื สงั่ ใหอ้ อกไปจากทีด่ ินนนั้ และ ถา้ การ กระทานน้ั กอ่ ให้เกิดความเสียหายแกส่ าธารณชน ให้ผ้ฝู า่ ฝืนแกไ้ ขการกระทานั้นให้ กลับคืนสูส่ ภาพเดิมดว้ ย ขอ้ ๔ การขอเขา้ อยู่อาศยั หรือขอใชป้ ระโยชนใ์ นทดี่ ินของรฐั เปน็ การชวั่ คราวใหด้ าเนนิ การ ตามหมวด ๓ ว่าด้วยการขอเข้าอยอู่ าศยั หรอื ขอใช้ประโยชนใ์ นท่ดี นิ ของรฐั เป็นการชั่วคราว หมวด ๒ การแจง้ และมคี าสงั่ ใหผ้ ู้ฝ่าฝืนออกจากทดี่ ินของรัฐ ขอ้ ๕ การแจ้งของพนกั งานเจา้ หนา้ ทหี่ รือผ้ซู ่ึงได้รับมอบหมายจากพนกั งานเจ้าหน้าท่ี ให้แจ้งเปน็ หนงั สอื มสี าระสาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ชอ่ื และช่อื สกลุ ของผู้ฝา่ ฝืน (๒) ตาแหน่งทดี่ นิ ท่เี ข้าไปบุกรกุ ยึดถือครอบครอง หรือใช้ประโยชน์ (๓) กาหนดวธิ ีการ เงอ่ื นไข และระยะเวลาท่ีจะให้ผู้ฝา่ ฝนื ปฏิบตั ิ ข้อ ๖ การกาหนดระยะเวลาทจี่ ะแจ้งให้ผู้ฝ่าฝนื ออกจากท่ดี นิ หรอื รอื้ ถอนส่ิงปลกู สรา้ ง ออกจากที่ดนิ ของรัฐ ใหพ้ ิจารณาดังนี้
296 (๑) ในกรณีท่ีผฝู้ า่ ฝืนไดเ้ ข้าบกุ รุก ยึดถือครอบครอง ไดป้ ลกู ไมล้ ้มลกุ หรือธัญชาติไว้ ให้กาหนดเวลาแจง้ ใหอ้ อกไปจากท่ีดนิ นั้นไม่นอ้ ยกว่าสามสิบวนั หลงั จากการเกบ็ เกี่ยวพชื ผล ในทด่ี ินนน้ั เสร็จแล้ว (๒) ในกรณีเป็นการบุกรุก ยดึ ถือครอบครองตามขอ้ ๓(๔) ใหแ้ จง้ ใหอ้ อกจากทีด่ นิ ทบ่ี ุกรุก หรือแจ้งใหร้ ือ้ ถอนสง่ิ ปลูกสรา้ งโดยเร็ว แต่ต้องไม่น้อยกวา่ เจด็ วัน นับแตว่ ันไดร้ ับ หนังสือ แจ้ง (๓) การบุกรุกยึดถอื ครอบครองในกรณอี ื่นนอกจาก (๑) และ (๒) ใหแ้ จ้งให้ออกไปจาก ที่ดินนัน้ ภายในกาหนดทแี่ จง้ แต่ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ เก้าสิบวัน นบั แตว่ นั ได้รับหนังสอื แจ้ง ข้อ ๗ การสง่ หนังสอื แจ้ง ให้ส่งโดยทางไปรษณยี ์ลงทะเบยี นตอบรบั เว้นแตท่ ้องท่ใี ด ไม่สะดวกในการสง่ ทางไปรษณีย์ตอบรับก็ใหจ้ ดั เจ้าหนา้ ทนี่ าไปสง่ ในกรณีทใ่ี หเ้ จ้าหนา้ ทน่ี าไปส่งใหป้ ฏบิ ัตดิ ังนี้ (๑) ใหผ้ ู้ฝ่าฝืนหรอื ผูท้ ี่บรรลนุ ิตภิ าวะแล้ว ซ่งึ อยอู่ าศยั ในครอบครัวเดยี วกนั กับผฝู้ ่าฝนื นนั้ ลงช่ือรับหนังสอื แจง้ ในใบรบั แล้วเก็บเข้าเร่อื งไวเ้ ปน็ หลักฐาน (๒) ในกรณีทีบ่ ุคคลดังกลา่ วตาม (๑) ไม่ยอมลงช่อื กใ็ หเ้ จ้าหนา้ ที่ผนู้ าสง่ หนังสือแจ้ง บนั ทึกเหตกุ ารณ์และเหตุผลในการไมย่ อมรับหนังสือแจ้งไว้ และใหม้ พี ยานอย่างนอ้ ย ๒ คน ลงชอื่ รับรองไวใ้ นบันทกึ นั้นด้วย เมือ่ ผู้นาสง่ หนงั สอื แจง้ ไดป้ ฏิบตั กิ ารดังกล่าวนนั้ แล้ว ใหถ้ ือวา่ ผฝู้ ่าฝนื ไดร้ ับหนงั สือแจง้ แลว้ ขอ้ ๘ ผู้ฝ่าฝืนผใู้ ดมีความจาเป็นไม่อาจจะปฏบิ ัตติ ามหนงั สือแจ้งของพนักงานเจา้ หน้าท่ีได้ ใหย้ ื่นคาร้องขอผ่อนผันล่วงหน้าไม่น้อยกวา่ สามสิบวัน กอ่ นครบกาหนดระยะเวลาตามขอ้ ๖ ถ้าพนักงานเจา้ หนา้ ทห่ี รือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมายจากพนักงานเจา้ หนา้ ทเ่ี ห็นสมควร กใ็ หม้ ีอานาจ ผอ่ นผันได้ตามความจาเปน็ แลว้ แตก่ รณี ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ฝา่ ฝืนไมป่ ฏบิ ตั ิตามหนังสือแจ้ง ให้พนกั งานเจ้าหน้าทีห่ รอื ผซู้ ง่ึ ได้รับ มอบหมายจากพนักงานเจ้าหน้าทมี่ คี าสง่ั เป็นหนงั สือส่งไปยังผฝู้ ่าฝืน และกาหนดให้ผูฝ้ ่าฝนื ออกไปจากทีด่ นิ นั้นภายในกาหนดสามสิบวัน นับแตว่ ันไดร้ ับคาสง่ั ของพนักงานเจา้ หน้าที่ หากผู้นน้ั ยงั ฝ่าฝนื อยู่อกี กใ็ หด้ าเนนิ คดีต่อไป การมีคาสั่งและการสง่ คาส่ังให้นาความในข้อ 5 และขอ้ ๗ มาใช้บงั คบั โดย อนโุ ลม
297 หมวด ๓ การขอเข้าอยอู่ าศยั หรือขอใช้ประโยชนใ์ นที่ดินของรัฐ เปน็ การชัว่ คราวและการเสยี ค่าตอบแทน ขอ้ ๑๐ การขอเข้าอยู่อาศยั และขอใชป้ ระโยชนใ์ นที่ดินของรัฐเป็นการชวั่ คราว ให้ดาเนนิ การดังน้ี (๑) ใหผ้ ู้ขอย่ืนคารอ้ งตามแบบทีท่ างราชการกาหนดต่อนายอาเภอ หรือปลดั อาเภอ ผู้เปน็ หวั หนา้ ประจากง่ิ อาเภอทอ้ งทซ่ี ึ่งทีด่ ินน้ันตงั้ อยู่ และผูข้ อจะตอ้ งเป็นผ้ไู ดเ้ ข้ายดึ ถอื ครอบครองหรอื ใชป้ ระโยชน์ในท่ีดนิ อยูก่ ่อนวันท่ีประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับท่ี 96 ลงวนั ท่ี 29 กมุ ภาพนั ธ์ พุทธศกั ราช 2515 ใช้บงั คบั (๒) เมอ่ื ไดร้ บั คาร้องแลว้ ใหน้ ายอาเภอหรือปลดั อาเภอผูเ้ ปน็ หัวหน้าประจากิ่งอาเภอ ท้องทห่ี รือข้าราชการท่ไี ด้รับมอบหมายออกไปตรวจสอบสภาพท่ีดนิ จานวนเนอื้ ทท่ี ี่ครอบครอง และการใช้ประโยชนใ์ นทดี่ ินน้ัน (๓) ผไู้ ด้รับผอ่ นผันให้อยูอ่ าศัยหรือใชป้ ระโยชน์ในที่ดนิ ของรฐั จะต้องเสยี คา่ ตอบแทน ใหแ้ ก่องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดตามขอ้ ๑๑ เวน้ แตก่ รณีขอยดื เวลาออกไปจากท่ดี ินตามข้อ ๘ จงึ ไมต่ ้องเสียค่าตอบแทน ข้อ 11 คา่ ตอบแทนในการเข้าอย่อู าศยั และการใช้ประโยชนใ์ นท่ีดินของรัฐ ใหอ้ งคก์ าร บริหารสว่ นจงั หวดั เปน็ ผ้กู าหนด โดยถอื ตามอัตราคา่ เช่าปานกลางซง่ึ มกี ารเช่าอยู่ในท้องท่นี น้ั ในวันยืน่ คาขอ ตามข้อ 10 (๑) ข้อ 12 ผไู้ ดร้ บั ผอ่ นผันให้เขา้ อยอู่ าศยั หรือใช้ประโยชนท์ ดี่ นิ จะตอ้ งปฏบิ ตั ดิ ังน้ี (๑) ต้องชาระคา่ ตอบแทน ณ สานกั งานอาเภอ หรอื กง่ิ อาเภอ ตอ่ นายอาเภอหรอื ปลดั อาเภอผเู้ ปน็ หวั หนา้ ประจาก่งิ อาเภอท้องท่ี ตามจานวนและเวลาท่อี งค์การบริหารส่วนจงั หวัด กาหนด (๒) ต้องใชป้ ระโยชนท์ ี่ดินนน้ั ตามประเภทของกิจการด้วยตนเอง (๓) ตอ้ งประกอบกิจการตามเขตและเนอ้ื ทีท่ ี่ไดร้ ับผอ่ นผนั และในการนผ้ี ูไ้ ด้รับผอ่ นผัน ให้อย่อู าศยั หรอื ใชป้ ระโยชน์ในท่ีดนิ ของรฐั ต้องปกั หลักเขตใหป้ รากฏเปน็ หลักฐานแนน่ อน (๔) ปฏบิ ัติการอ่ืนใดตามเงื่อนไขทพี่ นักงานเจ้าหนา้ ทก่ี าหนดให้ปฏิบัตเิ ปน็ การ เฉพาะราย
298 ขอ้ ๑๓ ในกรณีที่ผู้ไดร้ ับผ่อนผนั ใหเ้ ข้าอยูอ่ าศยั หรือใช้ประโยชนท์ ดี่ ินไมป่ ฏบิ ตั ิตาม ขอ้ 12 ไมว่ ่าจะเป็นกรณหี นง่ึ กรณีใด เมื่อพนกั งานเจ้าหน้าท่เี หน็ สมควร ใหม้ ีหนงั สือแจง้ ให้ ปฏิบตั ิให้ถูกต้อง และถ้าเหน็ วา่ ไมส่ มควรจะใหอ้ ยู่อาศัยหรอื ใชป้ ระโยชนใ์ นทดี่ ินนนั้ ตอ่ ไปแล้ว ใหน้ าความในขอ้ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 และขอ้ ๙ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม ให้ไว้ ณ วันท่ี 19 เมษายน พ.ศ. ๒515 พ่วง สวุ รรณรัฐ ปลดั กระทรวงมหาดไทย ผ้ใู ช้อานาจของ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจดั ที่ดนิ แห่งชาติ (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 89 ตอนท่ี 64 (ฉบับพเิ ศษ) วนั ท่ี 24 เมษายน 2515)
299 ระเบียบของคณะกรรมการจดั ทด่ี นิ แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 4 (พ.ศ. 2515)* วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์วิธกี ารและเงอ่ื นไขการออกโฉนดที่ดนิ และออกหนังสือรบั รองการทาประโยชน์ อาศัยอานาจตามความในมาตรา 20 และมาตรา 58 ทวิ มาตรา 59 ทวิ และมาตรา 59 ตรี แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน ซงึ่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ 96 ลงวนั ท่ี 29 กุมภาพันธ์ 2515 คณะกรรมการจดั ทด่ี นิ แห่งชาตกิ าหนดระเบยี บไว้ดงั ต่อไปน้ี ให้ยกเลิกความในข้อ 3 แห่งระเบยี บของคณะกรรมการจัดทดี่ นิ แหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2515) ว่าดว้ ยหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขการออกโฉนดท่ีดิน และการออกหนงั สอื รบั รองการทาประโยชน์ และให้ใช้ความตอ่ ไปน้แี ทน “ ข้อ 3 การออกโฉนดทดี่ ินใหก้ ระทาไดใ้ นบรเิ วณทดี่ ินที่ได้สร้างระวางแผนท่ีเพือ่ การ ออกโฉนดทดี่ นิ ไวแ้ ลว้ เวน้ แต่อธิบดีกรมทดี่ ินจะเหน็ เป็นการสมควรใหอ้ อกหนังสือรบั รองการทา ประโยชนใ์ นที่ดินท่ไี ด้สรา้ งระวางแผนทไ่ี ปพลางกอ่ นได้ นอกจากนีใ้ ห้ออกเปน็ หนงั สือรบั รอง การทาประโยชน์” ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 19 เมษายน พ.ศ. ๒515 พ่วง สวุ รรณรฐั ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผ้ใู ช้อานาจของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดท่ดี นิ แหง่ ชาติ (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 89 ตอนท่ี 64 (ฉบบั พเิ ศษ) วันท่ี 24 เมษายน 2515) * ระเบยี บฉบับนถี้ ูกยกเลิกโดยระเบยี บของคณะกรรมการจดั ท่ดี ินแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2532) ฯ
300 ระเบียบของคณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 5 (พ.ศ. 2521) ว่าด้วยการจดั ที่ดนิ เพ่ือประชาชน อาศัยอานาจตามความในมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายที่ดนิ ซง่ึ แก้ไขเพ่ิมเติม โดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับท่ี 96 ลงวันที่ 29 กมุ ภาพนั ธ์ 2515 คณะกรรมการจัดท่ีดนิ แหง่ ชาติ กาหนดระเบียบไวด้ ังตอ่ ไปน้ี ให้ยกเลกิ ขอ้ ความในขอ้ 12 ระเบยี บของคณะกรรมการทด่ี ินแห่งชาติ ว่าด้วยการจดั ทด่ี นิ เพื่อประชาชน พ.ศ. 2498 และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “ ขอ้ 12 บคุ คลใดประสงค์จะได้รบั การจดั ให้เข้าอยู่อาศัย หรอื ประกอบการทามาหา เล้ียงชีพในทีด่ ินแปลงใด ใหจ้ ดั เขา้ อยูอ่ าศยั หรอื ประกอบการทามาหาเลีย้ งชีพในทด่ี นิ แปลงนนั้ แต่ถา้ มีบุคคลหลายคนประสงคท์ ดี่ ินแปลงเดียวกนั ก็ใหใ้ ช้วธิ ีจบั สลาก เวน้ แตใ่ นกรณที ่มี ี ความจาเปน็ เพื่อประโยชน์ ความมัน่ คงและความปลอดภยั ของประเทศชาติ คณะกรรมการคดั เลอื ก อาจจะพิจารณาคัดเลือกบคุ คลให้อย่ใู นทด่ี นิ ตามที่เหน็ สมควรก็ได้” ประกาศ ณ วันท่ี 21 กรกฎาคม ๒521 พลเอก เกรยี งศกั ด์ิ ชมะนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 95 ตอนที่ 82 (ฉบับพเิ ศษ) วันท่ี 12 สิงหาคม 2521)
301 ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ที่ดนิ แห่งชาติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2521) วา่ ดว้ ยการจัดท่ดี นิ เพ่ือประชาชน อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซงึ่ แกไ้ ขเพมิ่ เติม โดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ 96 ลงวนั ท่ี 29 กุมภาพนั ธ์ 2515 คณะกรรมการจัดทด่ี นิ แหง่ ชาตกิ าหนดระเบยี บไวด้ งั ต่อไปนี้ ให้ยกเลกิ ข้อความในหมวด 4 ขอ้ 5 ระเบียบของคณะกรรมการจัดทด่ี นิ แหง่ ชาติวา่ ดว้ ย การจัดท่ดี นิ เพ่ือประชาชน พ.ศ. 2498 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน “ ข้อ 5 ในการจดั ทีด่ ินใหร้ าษฎรอยูอ่ าศัย หรือประกอบการทามาหาเล้ียงชีพ ใหเ้ ปน็ ไป ตามโครงการที่คณะกรรมการจัดท่ีดินแหง่ ชาติกาหนด และใหก้ รมพัฒนาทีด่ นิ ดาเนนิ การ สารวจดิน การวินจิ ฉัยคุณภาพของทีด่ ิน จาแนกสมรรถนะทด่ี นิ และวางแผนการใช้ทด่ี ินให้ถกู ตอ้ ง ตามหลกั วิชาการกอ่ นทจี่ ะดาเนินโครงการจัดทดี่ นิ ให้ประชาชน” ประกาศ ณ วันที่ 2 ตลุ าคม พ.ศ. ๒521 ดาริ นอ้ ยมณี รัฐมนตรีชว่ ยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 95 ตอนที่ 111 (ฉบับพิเศษ) วันท่ี 11 ตุลาคม 2521)
302 ระเบยี บของคณะกรรมการจัดทด่ี นิ แหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 7 (พ.ศ. 2524)* วา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดนิ และออกหนังสอื รับรองการทาประโยชน์ อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 และมาตรา 59 ตรี แห่งประมวลกฎหมายท่ดี นิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ 96 ลงวันท่ี 29 กมุ ภาพันธ์ พทุ ธศักราช 2515 คณะกรรมการจดั ทดี่ ินแหง่ ชาติกาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไขการออกโฉนดท่ีดนิ และออก หนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ไว้ ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบน้ีเรียกวา่ “ระเบียบของคณะกรรมการจัดทดี่ นิ แห่งชาติ ฉบบั ที่ 7 (พ.ศ. 2524) ว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขการออกโฉนดทดี่ ินและออกหนงั สอื รบั รอง การทาประโยชน์” ข้อ ๒ ระเบียบน้ใี ห้ใช้บงั คับตัง้ แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในขอ้ 11 แห่งระเบยี บของคณะกรรมการจัดทด่ี นิ แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2515) ว่าด้วยหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขการออกโฉนดทดี่ ินและออก หนังสอื รบั รองการทาประโยชน์และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนแี้ ทน “ข้อ 11 ในกรณที ่ผี ้คู รอบครองและทาประโยชน์ในทด่ี นิ ไดแ้ จง้ การครอบครองไว้แลว้ ถา้ เนอ้ื ท่ที ่ีคานวณไดจ้ ากการรงั วดั ทาแผนที่หรอื การพสิ จู น์สอบสวนการทาประโยชนน์ ้อยกว่า เนอ้ื ท่ตี ามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ให้ออกโฉนดทดี่ ินหรือหนังสือรับรองการทาประโยชน์ ตามเนอ้ื ท่ีทค่ี านวณไดแ้ ละเทา่ ทไี่ ดท้ าประโยชนแ์ ล้ว” ขอ้ ๔ ให้เพ่ิมความต่อไปนีเ้ ป็นข้อ 12 ข้อ 13 และข้อ 14 แห่งระเบียบของคณะกรรมการ จดั ทดี่ ินแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2515) ว่าดว้ ยหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเง่อื นไข การออกโฉนดที่ดนิ และออกหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ “ ข้อ 12 ในกรณที ี่ผู้ครอบครองและทาประโยชน์ในที่ดนิ ได้แจง้ การครอบครองไว้แลว้ ถ้าเนอื้ ที่ทค่ี านวณได้จากการรงั วัดทาแผนทีห่ รอื การพิสจู นส์ อบสวนการทาประโยชนม์ ากกว่าเน้ือ ท่ีตามหลกั ฐานการแจง้ การครอบครอง ให้ออกโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สือรับรองการทาประโยชนเ์ ท่าที่ ไดท้ าประโยชนอ์ ยู่จรงิ เมอื่ ปรากฏวา่ ท่ีดนิ มอี าณาเขต ระยะ และท่ีดินข้างเคยี งทุกด้านถูกตอ้ ง ตรงกับหลักฐานการแจ้งการครอบครอง * ระเบยี บฉบับนถี้ กู ยกเลกิ โดยระเบียบของคณะกรรมการจัดทดี่ นิ แหง่ ชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532)ฯ
303 ในกรณีท่ที ี่ดนิ ขา้ งเคียงทกุ ดา้ นถกู ตอ้ งตรงกับหลกั ฐานการแจ้งการครอบครอง แตร่ ะยะ ผดิ พลาดคลาดเคล่อื นไป ให้ออกโฉนดทดี่ ินหรือหนังสือรบั รองการทาประโยชน์เท่าทไี่ ด้ ทาประโยชนอ์ ยู่จริงเมอื่ ผูม้ ีสทิ ธิในท่ีดนิ ข้างเคียงได้ลงชือ่ รับรองแนวเขตไว้เปน็ การถกู ตอ้ งครบถ้วน ทกุ ดา้ นแล้ว ขอ้ 13 ในกรณีตามข้อ 12 วรรคสอง หากผูม้ สี ทิ ธใิ นท่ีดนิ ขา้ งเคยี งไม่มาหรือมา แตไ่ ม่ ยอมลงชื่อรบั รองแนวเขตครบถว้ นทุกดา้ น ให้ออกโฉนดท่ีดินหรอื หนงั สือรบั รองการทา ประโยชนเ์ ท่าทีไ่ ดท้ าประโยชนอ์ ยจู่ รงิ โดยไมต่ ้องมีการรบั รองแนวเขต แตต่ ้องอยูใ่ นบังคับ แหง่ เง่อื นไขดังต่อไปนีด้ ว้ ย คือ (๑) ถา้ ผูม้ สี ิทธิในท่ดี นิ ข้างเคยี งไดร้ บั หนงั สอื ติดตอ่ จากพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ใี หม้ าระวัง แนวเขตแลว้ แตไ่ มม่ าหรอื มาแตไ่ ม่ยอมลงช่ือรบั รองแนวเขต โดยไมค่ ดั คา้ นการรังวดั เม่ือผ้คู รอบครองและทาประโยชนใ์ นท่ดี นิ ได้ทาบนั ทกึ รับรองว่า มไิ ดน้ าทาการสารวจรังวัดทาแผนที่ หรือพิสูจน์สอบสวนการทาประโยชน์รกุ ล้าทด่ี ินขา้ งเคียงด้านทม่ี ไิ ด้มกี ารรับรองแนวเขต และถา้ ปรากฏในภายหลงั ว่าได้นาทาการสารวจรังวัดทาแผนทหี่ รอื พสิ จู นส์ อบสวนการทาประโยชน์รุกลา้ ทดี่ ินขา้ งเคยี งด้านทมี่ ิไดม้ ีการรบั รองแนวเขต กย็ นิ ยอมใหพ้ นักงานเจา้ หน้าที่แกไ้ ขใหถ้ ูกต้องไดแ้ ลว้ ให้พนกั งานเจา้ หน้าที่ทาหนังสอื แจ้งใหผ้ มู้ ีสทิ ธใิ นทดี่ นิ ข้างเคียงมาลงชื่อรับรองแนวเขต หรอื คดั คา้ น การรังวัดอีกคร้งั หนงึ่ โดยส่งทางไปรษณยี ์ลงทะเบยี นตอบรบั ไปยังผมู้ ีสทิ ธิในทดี่ นิ ข้างเคียง และให้แจ้งไปในหนงั สือน้นั ด้วยว่า ถ้าผู้มีสทิ ธิในทด่ี ินข้างเคยี งไม่ดาเนินการตามท่พี นักงานเจ้าหนา้ ท่ี แจ้งภายในสามสบิ วันนบั แตว่ ันท่ไี ดร้ ะบุไวใ้ นหนงั สอื แจ้ง จะไดอ้ อกโฉนดท่ดี นิ หรือหนงั สอื รบั รอง การทาประโยชนโ์ ดยไม่ตอ้ งมกี ารรับรองแนวเขต หากผู้มสี ิทธิในทด่ี ินข้างเคยี งไมป่ ฏบิ ัติการตามท่ี พนกั งานเจา้ หนา้ ทไ่ี ดแ้ จ้งไปแล้ว ให้พนักงานเจ้าหนา้ ทีด่ าเนนิ การออกโฉนดทีด่ ินหรอื หนังสือ รับรองการทาประโยชน์ได้ โดยหมายเหตไุ ว้ในสารบญั จดทะเบยี นดว้ ยอกั ษรสแี ดงว่า ในการออก โฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาประโยชนน์ ้ี ผูม้ สี ทิ ธิในทีด่ ินขา้ งเคียงดา้ นใดมิไดม้ าระวงั แนว เขต หรือมาแต่ไม่ยอมลงชื่อรบั รองแนวเขต แลว้ ลงช่อื พนักงานเจ้าหนา้ ท่แี ละวนั เดือนปี กากบั ไว้ด้วย (๒) ถา้ พนกั งานเจ้าหน้าทีไ่ ด้มหี นังสอื ตดิ ตอ่ กบั ผ้มู สี ิทธใิ นที่ดินข้างเคียงใหม้ าระวงั แนวเขตแล้ว แตไ่ ม่อาจตดิ ตอ่ ได้ ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าทป่ี ดิ หนงั สอื แจง้ ใหผ้ ู้มีสิทธใิ นทีด่ ิน ขา้ งเคียงน้ันมาลงชอ่ื รบั รองแนวเขตหรือคัดค้านการรังวัดไว้ในท่ีเปดิ เผย ณ บริเวณที่ดนิ ของ ผูม้ ีสทิ ธิในท่ีดนิ ข้างเคยี ง และท่วี ่าการเขตหรอื ท่ีวา่ การอาเภอหรอื กงิ่ อาเภอทอ้ งท่ขี องทีด่ นิ นั้น แหง่ ละหนึง่ ฉบบั โดยมพี นักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจเปน็ พยานในการน้นั ถ้าเป็นกรณีออก โฉนดท่ดี ินใหป้ ดิ ไว้ ณ สานักงานท่ีดินจังหวัด หรือสานกั งานที่ดนิ สาขาอกี หนึ่งฉบบั ท้ังนี้
304 ใหน้ าความใน (๑) ในส่วนท่เี กี่ยวกบั การใหผ้ ้คู รอบครองและทาประโยชนใ์ นที่ดินทาบนั ทกึ คารบั รองและข้อความท่ตี อ้ งระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้ผมู้ ีสทิ ธใิ นที่ดินขา้ งเคยี งทราบ รวมทง้ั การหมายเหตใุ นสารบัญจดทะเบียนมาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม ข้อ 14 ในกรณที ีท่ ่ดี นิ นั้นมดี ้านหนง่ึ ดา้ นใดหรือหลายด้านจดท่ีปา่ หรอื ทรี่ กรา้ งว่างเปล่า และระยะทวี่ ดั ไดเ้ กนิ ระยะท่ีปรากฏในหลักฐานการแจ้งการครอบครอง ใหด้ าเนนิ การออก โฉนดที่ดิน หรือหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ตามระยะท่ีปรากฏในหลกั ฐานการแจง้ การครอบครอง โดยประมาณ” ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 15 ตุลาคม พ.ศ. 2524 พลเอกสทิ ธิ จริ โรจน์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดทด่ี ินแห่งชาติ (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 98 ตอนท่ี 189 (ฉบับพเิ ศษ) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2524)
305 ระเบียบของคณะกรรมการจัดทด่ี ินแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2529) วา่ ดว้ ยการควบคุมการจดั ทีด่ นิ ของทบวงการเมือง อาศัยอานาจตามความในมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายทด่ี นิ ซึ่งแกไ้ ขเพมิ่ เติม โดยพระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายที่ดนิ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2526 คณะกรรมการ จัดทีด่ นิ แหง่ ชาติวางระเบยี บไวด้ งั ต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกวา่ “ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ท่ดี นิ แหง่ ชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2529) ว่าด้วยการควบคมุ การจดั ทีด่ นิ ของทบวงการเมือง” ขอ้ 2 ระเบยี บนใ้ี หใ้ ช้บังคบั ตั้งแต่วันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบน้ี “การจัดทด่ี ินของทบวงการเมือง” หมายความวา่ การดาเนนิ การของทบวงการเมืองใดๆ ในการนาทีด่ นิ ไปจดั ให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือประกอบการทามาหาเลย้ี งชพี ตามประมวล กฎหมายทีด่ นิ กฎหมายว่าด้วยการปฏริ ปู ทีด่ ินเพ่อื เกษตรกรรม กฎหมายวา่ ด้วยการจัดทด่ี นิ เพอื่ การครองชพี หรือตามกฎหมายอ่นื “เลขาธกิ าร” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการจัดทดี่ ินแหง่ ชาติ หมวด 1 การจดั ทาโครงการการจัดทดี่ ิน ข้อ 4 ทบวงการเมืองใดประสงค์จะดาเนนิ การจัดทดี่ ินแปลงใดให้จัดทาโครงการ การจัดทด่ี นิ แปลงนนั้ เสนอต่อคณะกรรมการเพ่ือพิจารณาอนมุ ตั ิ โดยย่ืนต่อเลขาธกิ าร เมอ่ื คณะกรรมการอนุมัติใหด้ าเนนิ การจัดทดี่ นิ แปลงใดได้แล้ว จึงให้ทบวงการเมืองดาเนินการ จัดทด่ี นิ แปลงนนั้ ได้ (ข้อ 5 กอ่ นเสนอโครงการจัดทด่ี ินแปลงใด ทีด่ นิ แปลงนั้นจะตอ้ งได้รับการสารวจดนิ วนิ ิจฉยั คณุ ภาพ ของทด่ี นิ จาแนกสมรรถนะที่ดนิ และวางแผนการใชท้ ด่ี ินจากกรมพัฒนาทด่ี นิ ก่อน) (ความในข้อ 5 ถกู ยกเลกิ โดยระเบยี บของคณะกรรมการฯ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2530)ฯ และใหใ้ ช้ ข้อความต่อไปนแ้ี ทน) ขอ้ 5 ก่อนเสนอโครงการจดั ท่ดี ินแปลงใด ทด่ี ินแปลงน้นั จะต้องได้รบั การพิจารณา การใชท้ ่ดี นิ ให้สอดคลอ้ งและเป็นไปตามมาตรการการใช้ท่ีดนิ ของการกาหนด ชั้นคณุ ภาพ
306 ลมุ่ น้าของประเทศตามที่คณะกรรมการสงิ่ แวดล้อมแหง่ ชาติกาหนดโดยความเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรี รวมท้งั ได้รับการสารวจความเหมาะสมของดิน และวางแผนการใชท้ ีด่ นิ จาก กรมพฒั นาท่ดี นิ กอ่ น ข้อ 6 โครงการจดั ท่ีดนิ อย่างนอ้ ยต้องมสี าระสาคญั ดังตอ่ ไปน้ี (1) ชื่อทบวงการเมืองท่จี ะจัดทีด่ ิน (2) ผลการพิจารณาของกรมพฒั นาทด่ี นิ ตามข้อ 5 (3) ทีต่ ้งั เน้อื ท่ี อาณาเขต และสภาพท่ดี ินทจ่ี ะดาเนนิ การจดั ท่ดี นิ (4) ผลการสารวจการถอื ครองในพน้ื ทที่ จ่ี ะดาเนนิ การจัดทด่ี ิน (5) จานวนเนือ้ ท่ที ี่จะจดั แบ่งให้ประชาชนเข้าครอบครอง (6) หลักเกณฑ์และวิธีการในการคดั เลือกบุคคลทีจ่ ะไดร้ บั การจดั ท่ดี นิ (7) เงอ่ื นไขทผ่ี ใู้ ดไดร้ บั การจดั ทีด่ นิ จะต้องปฏบิ ัติ (8) การใหส้ ิทธใิ นที่ดินแกผ่ ู้ได้รบั การจดั ท่ีดนิ (9) การจัดให้มสี าธารณปู โภคต่างๆ (10) กาหนดเวลาการจดั ท่ีดนิ ตลอดจนระยะเวลาดาเนินการ (11) งบประมาณในการดาเนินการ (12) หลักเกณฑใ์ นการใหผ้ ู้ได้รบั การจดั ที่ดนิ ชดใช้ทุนทร่ี ฐั บาลไดล้ งไปในการจดั ท่ีดนิ (13) แผนผงั แสดงพนื้ ท่ีท่จี ะดาเนินการจัดทีด่ นิ พร้อมทัง้ แสดงบริเวณที่จะจัดแบง่ ทดี่ นิ เปน็ ที่อยอู่ าศัยประกอบการทามาหาเล้ียงชพี สมบัตสิ ว่ นกลางและสาธารณปู โภค โดยใชม้ าตราส่วน ท่ีสามารถใช้พิจารณาไดส้ ะดวก ข้อ 7 ในการอนุมัตโิ ครงการของคณะกรรมการตามข้อ 4 คณะกรรมการจะกาหนด หลักเกณฑแ์ ละเง่ือนไขใดๆ ที่เห็นสมควรใหท้ บวงการเมอื งดาเนนิ การดว้ ยกไ็ ด้ หมวด 2 การควบคมุ การจดั ท่ีดนิ ตามโครงการ ข้อ 8 ใหท้ บวงการเมอื งเรมิ่ ดาเนนิ การจดั ที่ดนิ ตามโครงการทไ่ี ด้รับอนุมัติโดยไมช่ ักช้า เมื่อเรมิ่ ดาเนินการจัดท่ีดนิ แลว้ ใหท้ บวงการเมอื งรายงานผลการดาเนนิ การให้คณะกรรมการ ทราบตามแบบและระยะเวลาที่คณะกรรมการกาหนด ขอ้ 9 การจัดท่ีดนิ ของทบวงการเมืองตามโครงการใด จะต้องดาเนนิ การใหเ้ ป็นไปตาม โครงการท่คี ณะกรรมการอนุมตั ิ
307 ขอ้ 10 ในกรณที ่ีทบวงการเมืองประสงคจ์ ะเปล่ยี นแปลงสาระสาคญั ของโครงการ ท่ีไดร้ บั อนมุ ตั ิแล้ว ใหเ้ สนอรายการทป่ี ระสงคจ์ ะเปล่ยี นแปลง พรอ้ มทง้ั เหตผุ ลและความจาเป็น ให้คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ เมอื่ คณะกรรมการอนมุ ตั ิให้เปลีย่ นแปลงแล้ว จงึ ใหด้ าเนินการ ตามน้ันได้ ขอ้ 11 ในการควบคุมใหก้ ารจดั ท่ีดินดาเนินไปตามโครงการท่ไี ดร้ บั อนมุ ัติ คณะกรรมการ อาจมมี ติใหร้ ัฐมนตรี (1) มีหนงั สอื เรยี กเจา้ หนา้ ท่ขี องทบวงการเมืองมาชี้แจงข้อเทจ็ จริง หรือแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับการจัดทีด่ นิ และให้ส่งเอกสารหลักฐาน หรือส่ิงอน่ื ท่ีเกย่ี วข้องมาประกอบการพิจารณา ของคณะกรรมการ (2) แต่งตั้งพนักงานเจา้ หน้าทไ่ี ปตรวจสอบการดาเนนิ การจัดที่ดนิ ยงั สถานทท่ี ี่ดาเนินการ จดั ที่ดนิ ข้อ 12 ทบวงการเมืองใดประสบปญั หาหรืออุปสรรคในการจดั ท่ีดนิ ตามโครงการ ทีไ่ ด้รับอนมุ ตั ิ ใหเ้ สนอปญั หาและอุปสรรคตอ่ คณะกรรมการเพือ่ ทราบและพิจารณาดาเนนิ การ แกไ้ ขหรือให้ความชว่ ยเหลอื ได้ บทเฉพาะกาล ขอ้ 13 ทบวงการเมอื งใดดาเนนิ การจัดทดี่ ินอยใู่ นวันทร่ี ะเบียบนีป้ ระกาศใน ราชกจิ จา นุเบกษา ให้ดาเนินการตอ่ ไปได้โดยไมอ่ ยภู่ ายใตบ้ ังคับแห่งระเบียบน้ี แต่ต้องแจ้ง จานวนและรายละเอียดเกย่ี วกบั โครงการการจดั ทีด่ ินท่ีกาลังดาเนินการอยู่ต่อคณะกรรมการ ภายในหกสิบวนั นับแต่วนั ทร่ี ะเบียบนใี้ ช้บงั คับ และตอ้ งรายงานผลการดาเนนิ การใหค้ ณะกรรมการ ทราบตามแบบและระยะเวลาทค่ี ณะกรรมการกาหนด จนกว่าจะดาเนินการจัดท่ีดนิ ตาม โครงการ นน้ั ๆ เสร็จ ประกาศ ณ วนั ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2529 พลเอก สทิ ธิ จริ โรจน์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดทีด่ นิ แห่งชาติ (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 103 ตอนที่ 11 (ฉบบั พิเศษ) วันท่ี 23 มกราคม 2529)
308 ระเบยี บของคณะกรรมการจัดท่ีดนิ แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2529) ว่าด้วยการสงวนหรอื หวงหา้ มที่ดินของรฐั เพื่อใหป้ ระชาชน ใชป้ ระโยชน์รว่ มกนั อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 (4) และ (10) แห่งประมวลกฎหมายทด่ี นิ ซ่ึงแกไ้ ข เพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัติแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 คณะกรรมการจัดที่ดินแหง่ ชาตวิ างระเบียบไว้ ดังต่อไปน้ี ขอ้ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบของคณะกรรมการจดั ทด่ี นิ แห่งชาติ ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2529) วา่ ด้วยการสงวนหรือหวงห้ามทดี่ นิ ของรฐั เพ่ือใหป้ ระชาชนใชป้ ระโยชน์ร่วมกัน” ข้อ 2 ระเบยี บนใ้ี ห้ใชบ้ ังคบั ตัง้ แต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ 3 ใหย้ กเลกิ (1) ระเบยี บขอ้ บังคบั ว่าด้วยการประสานงานเก่ียวกับการสงวนท่ีดินตาม ประมวลกฎหมายทด่ี ินของคณะกรรมการจัดทด่ี นิ แห่งชาติ พ.ศ. 2498 ลงวนั ที่ 26 มนี าคม 2498 (2) ระเบียบขอ้ บงั คบั ว่าด้วยการประสานงานเกย่ี วกบั การสงวนทีด่ นิ ตาม ประมวลกฎหมายที่ดนิ ของคณะกรรมการจดั ทดี่ ินแหง่ ชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 ลงวนั ท่ี 14 มีนาคม 2503 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ และคาสัง่ อนื่ ๆ ในสว่ นท่ีกาหนดไวแ้ ล้วในระเบยี บน้ี หรอื ซึ่งขัดหรือแยง้ กับระเบียบน้ี ให้ใช้ระเบียบน้แี ทน ขอ้ 4 ในทอ้ งทีอ่ าเภอใดมีท่ีดินของรัฐทม่ี ิใชส่ าธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ สาหรบั พลเมือง ใชร้ ว่ มกนั หรือใช้เพือ่ ประโยชนข์ องแผน่ ดินโดยเฉพาะ เมื่อนายอาเภอหรอื ส่วนราชการใดเห็นสมควร จะสงวนหรือหวงหา้ มไว้เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ใหเ้ สนอความเห็นตอ่ ผู้วา่ ราชการจังหวัด ถา้ ผูว้ ่าราชการจงั หวดั เหน็ ชอบดว้ ย ให้สงั่ นายอาเภอของอาเภอทท่ี ีด่ ินน้ันอยู่ในเขตดาเนนิ การ เพื่อสงวนหรอื หวงหา้ มท่ีดนิ น้นั ตามระเบยี บน้ี ถา้ ท่ดี ินทจี่ ะสงวนหรือหวงห้ามนั้นอยู่ในเขตของสองอาเภอขึน้ ไป และผวู้ ่าราชการจังหวัด เหน็ สมควรจะสงวนหรือหวงห้ามท่ดี นิ ในทงั้ สองอาเภอ ใหผ้ ูว้ ่าราชการจงั หวัดสั่งให้นายอาเภอ ของแต่ละอาเภอประสานงานกันในการดาเนนิ การตามระเบียบน้ี ถ้าที่ดินท่จี ะสงวนหรือหวงห้ามนั้นอยใู่ นเขตของสองจงั หวัดข้นึ ไป และผู้ว่าราชการจังหวัด ของแต่ละจังหวดั ทท่ี ดี่ ินนนั้ อย่ใู นเขตเหน็ พ้องด้วยกนั ในอันทจี่ ะสงวนหรือหวงหา้ มทดี่ ินนน้ั ใหผ้ ูว้ ่าราชการจังหวดั แตล่ ะจงั หวดั สงั่ ใหน้ ายอาเภอของแต่ละจังหวดั ประสานงานกนั ในการ ดาเนินการตามระเบยี บนี้
309 ถา้ ผ้วู า่ ราชการจังหวดั ของจังหวดั ทท่ี ี่ดินนัน้ อยู่ในเขตคนหนึง่ คนใดเหน็ ว่าไมส่ มควร จะสงวนหรือหวงหา้ มทีด่ ินน้ัน ให้แจ้งใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวดั คนอ่นื ๆ ทราบ และถ้าผูว้ า่ ราชการจังหวดั ทไี่ ดร้ บั แจ้งเห็นสมควรที่จะสงวนหรือหวงหา้ มทีด่ ินทอ่ี ยู่ในเขตจังหวดั ของตน ให้ส่งั นายอาเภอ ของอาเภอทท่ี ี่ดนิ นัน้ อยูใ่ นเขตดาเนินการเพ่อื สงวนหรอื หวงหา้ มทดี่ ินดงั กล่าวตามระเบยี บนี้ เฉพาะส่วนที่อยใู่ นเขตจงั หวัดของตน ขอ้ 5 ภายในสามสบิ วนั นบั แต่วันทนี่ ายอาเภอไดร้ บั ทราบคาสั่งของผวู้ ่าราชการจงั หวดั ทีส่ ง่ั การให้ดาเนินการเพ่อื สงวนหรอื หวงหา้ มท่ีดนิ เพ่อื ใหป้ ระชาชนใชป้ ระโยชน์รว่ มกนั ใหน้ ายอาเภอ ดาเนินการตรวจสอบว่า (ก) ทด่ี ินนน้ั เป็นท่ดี นิ รกร้างวา่ งเปลา่ หรือเป็นทดี่ นิ ทม่ี ีผ้เู วนคืนหรือทอดทิ้งหรอื กลับมา เปน็ ของแผน่ ดินโดยประการอ่ืนตามประมวลกฎหมายท่ดี ินหรือไม่ (ข) ทด่ี นิ นน้ั มผี ้คู รอบครองหรอื ทาประโยชนแ์ ล้วหรอื ไม่ (ค) ทีด่ นิ นนั้ เปน็ ทด่ี ินทอี่ ยูใ่ นเขตที่ดินทไี่ ดจ้ าแนกให้เปน็ เขตป่าไมถ้ าวรตามมติ คณะรัฐมนตรหี รือเปน็ ท่ีดนิ ที่ได้สงวนหรือหวงห้ามไวต้ ามความต้องการของทบวงการเมืองใดแลว้ หรือไม่ (ง) คณะกรรมการหมู่บ้านและสภาตาบลเหน็ ว่า สมควรจะสงวนหรอื หวงห้ามที่ดินนน้ั เพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ร่วมกนั หรอื ไม่ ข้อ 6 ในการตรวจสอบตามข้อ 5 ถ้าปรากฏว่า (ก) ทดี่ นิ นั้นเปน็ ที่ดินรกร้างวา่ งเปลา่ หรือเป็นท่ดี นิ ที่มีผูเ้ วนคนื หรือทอดทิ้งหรอื กลับมา เปน็ ของแผน่ ดนิ โดยประการอืน่ ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน ใหน้ ายอาเภอตรวจสอบด้วยวา่ ท่ดี นิ น้นั มสี ภาพอย่างไร และจดั ทาแผนท่สี ังเขปแสดงตาแหนง่ ที่ดิน จานวนเน้ือท่ี อาณาเขต ความกว้างยาว เขตขา้ งเคยี งของท่ีดิน และแสดงขอบเขตท่ีดินน้ันลงในแผนที่ภูมปิ ระเทศ และ รายงานใหผ้ ้วู ่าราชการจงั หวัดทราบ (ข) ท่ีดนิ นั้นมผี คู้ รอบครองหรอื ทาประโยชน์อย่แู ล้ว ใหบ้ ันทึกดว้ ยว่าผ้คู รอบครอง หรือ ผทู้ าประโยชน์มีหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน หรือเอกสารหลกั ฐานแสดงวา่ ไดร้ บั อนุญาตใหท้ า ประโยชน์หรือไม่ และให้นายอาเภอแสดงอาณาเขตและจานวนเน้อื ทขี่ องที่ดินท่ีมกี ารครอบครอง หรือการทาประโยชนล์ งในแผนทีส่ งั เขป และรายงานใหผ้ ู้วา่ ราชการจังหวัดทราบ (ค) ท่ดี ินน้นั ไมเ่ ปน็ ท่ดี ินรกรา้ งวา่ งเปล่า หรือไมเ่ ปน็ ที่ดินท่ีมีผู้เวนคืนหรอื ทอดท้ิง หรือ กลับมาเป็นของแผน่ ดนิ โดยประการอืน่ ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน หรอื เปน็ ทดี่ ินท่ีอยใู่ นเขตท่ดี ิน ที่ได้จาแนกให้เป็นเขตปา่ ไม้ถาวรตามมติคณะรฐั มนตรหี รือเป็นทดี่ ินทีไ่ ด้สงวนหรือหวงห้ามไว้ ตามความต้องการของทบวงการเมืองใดแลว้ ใหน้ ายอาเภอรวบรวมหลักฐานเก่ยี วกบั ทดี่ นิ ทมี่ ี สภาพดังกล่าวข้างตน้ และรายงานให้ผวู้ ่าราชการจังหวดั ทราบ
310 (ง) คณะกรรมการหมบู่ า้ นและหรือสภาตาบลมคี วามเหน็ วา่ ไม่สมควรจะสงวนหรอื หวงหา้ มทีด่ ินนน้ั ให้นายอาเภอรวบรวมความเห็นของคณะกรรมการหม่บู า้ นและสภาตาบล และรายงานให้ผู้วา่ ราชการจังหวัดทราบ ในการรายงานผู้ว่าราชการจังหวดั ตาม (ก) (ข) (ค) หรอื (ง) ให้นายอาเภอเสนอความเหน็ ของตนไปด้วยเพ่อื ประกอบการพิจารณาของผ้วู ่าราชการจังหวัด ข้อ 7 เมอ่ื ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดไดร้ บั รายงานจากนายอาเภอตามขอ้ 6 แลว้ ใหพ้ ิจารณา ดาเนนิ การดงั น้ี (ก) ถ้าที่ดนิ ท่จี ะสงวนหรือหวงหา้ มนนั้ เป็นทีด่ ินรกร้างว่างเปลา่ หรอื เป็นทดี่ ินท่มี ี ผู้เวนคืนหรอื ทอดท้ิงหรือกลับมาเป็นของแผน่ ดนิ โดยประการอื่นตามประมวลกฎหมายท่ีดนิ ใหผ้ ู้วา่ ราชการจังหวดั พิจารณาวา่ สมควรจะสงวนหรอื หวงหา้ มที่ดินน้นั ตามรายงานของนายอาเภอ หรือไมเ่ พียงใด (ข) ถ้าที่ดนิ ทจี่ ะสงวนหรือหวงห้ามน้ันมีผคู้ รอบครองหรอื ทาประโยชน์อย่แู ลว้ ใหผ้ ูว้ า่ ราชการจังหวดั พิจารณาวา่ สมควรจะสงวนหรอื หวงหา้ มท่ดี ินดงั กล่าวหรือไม่ ถา้ เหน็ วา่ ไม่สมควรให้ผูว้ า่ ราชการจงั หวัดสง่ั ให้นายอาเภอยุตกิ ารดาเนินการในท่ีดนิ ส่วนท่ีมีการครอบครอง หรอื ทาประโยชนอ์ ยูแ่ ล้ว แต่ถา้ เหน็ ว่าสมควร ใหผ้ ูว้ ่าราชการจงั หวัดดาเนนิ การตา่ งๆ ที่จาเปน็ เพอ่ื ให้ไดท้ ่ีดนิ นน้ั มาสาหรับจะสงวนหรอื หวงหา้ มเพอ่ื ให้ประชาชนใช้ประโยชน์รว่ มกัน และถา้ หาก จาเปน็ ใหผ้ วู้ ่าราชการจงั หวัดรายงานคณะกรรมการจดั ทดี่ นิ แหง่ ชาติพรอ้ มดว้ ยความเหน็ (ค) ถ้าทดี่ นิ ทจี่ ะสงวนหรอื หวงห้ามนนั้ ไมเ่ ป็นทดี่ นิ รกร้างว่างเปลา่ หรือไม่เป็นท่ดี นิ ที่มผี ้เู วนคืนหรอื ทอดทิ้งหรอื กลบั มาเปน็ ของแผ่นดนิ โดยประการอืน่ ตามประมวลกฎหมายทดี่ นิ หรือเปน็ ทดี่ ินที่อยใู่ นเขตทีด่ ินทีไ่ ด้จาแนกให้เปน็ เขตปา่ ไม้ถาวรหรอื เป็นที่ดนิ ทไ่ี ดม้ ีการสงวน หรือหวงหา้ มไวต้ ามความตอ้ งการของทบวงการเมืองอื่นแลว้ ใหผ้ วู้ า่ ราชการจังหวัดพิจารณาวา่ สมควรจะสงวนหรอื หวงห้ามทีด่ นิ ดังกลา่ วหรือไม่ ถ้าเห็นวา่ ไมส่ มควร ใหผ้ ู้ว่าราชการจงั หวดั ส่ังใหน้ ายอาเภอยุติการดาเนินการ แตถ่ ้าเหน็ วา่ สมควร ใหผ้ ้วู า่ ราชการจงั หวัดดาเนนิ การต่างๆ ที่จาเปน็ เพ่ือให้ไดท้ ด่ี นิ นั้นมาสาหรบั จะสงวนหรือหวงหา้ มเพื่อใหป้ ระชาชนใชป้ ระโยชนร์ ่วมกัน และถ้าหากจาเป็น ให้ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั รายงานคณะกรรมการจดั ท่ดี ินแห่งชาติพรอ้ มด้วย ความเหน็ (ง) ถา้ คณะกรรมการหม่บู า้ นและหรอื สภาตาบลมคี วามเห็นวา่ ไม่สมควรสงวนหรือ หวงห้ามทดี่ นิ น้ัน ให้ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั พิจารณาว่าความเห็นดังกล่าวมีเหตุผลสมควรหรือไม่ ถ้าเห็นว่ามีเหตุผลสมควรใหผ้ ู้วา่ ราชการจังหวดั สัง่ ให้นายอาเภอยตุ กิ ารดาเนินการ แตถ่ ้าเหน็ ว่า ไม่มเี หตุผลสมควร ใหผ้ ู้ว่าราชการจังหวัดส่ังใหน้ ายอาเภอดาเนนิ การสงวนหรือหวงห้ามทดี่ ินนนั้ ต่อไป
311 ข้อ 8 เม่อื คณะกรรมการจดั ท่ีดนิ แหง่ ชาตไิ ดร้ ับรายงานจากผูว้ ่าราชการจังหวดั ตามขอ้ ๗ (ข) หรือ (ค) แล้ว ใหค้ ณะกรรมการจัดท่ีดนิ แหง่ ชาตพิ ิจารณาว่า สมควรจะสงวน หรอื หวงหา้ มทดี่ นิ นัน้ เพอ่ื ให้ประชาชนใชป้ ระโยชนร์ ่วมกนั หรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่สมควร ให้คณะกรรมการจดั ท่ดี ินแห่งชาตแิ จง้ ให้ผู้วา่ ราชการจังหวัดทราบ แต่ถ้าเห็นว่าสมควร ให้คณะกรรมการจดั ทด่ี นิ แหง่ ชาตดิ าเนนิ การตา่ งๆ ทจ่ี าเป็นเพ่อื ใหไ้ ด้ทด่ี ินนน้ั มาสาหรบั จะสงวน หรอื หวงห้ามเพือ่ ใหป้ ระชาชนใช้ประโยชนร์ ่วมกัน แล้วให้แจง้ ใหผ้ ู้วา่ ราชการจังหวดั ทราบ ข้อ 9 เมอื่ ผู้วา่ ราชการจังหวัดและหรือคณะกรรมการจดั ทีด่ นิ แห่งชาติ เหน็ สมควร ใหส้ งวนหรือหวงหา้ มทดี่ นิ เพอื่ ใหป้ ระชาชนใช้ประโยชนร์ ว่ มกันแล้ว ให้นายอาเภอของอาเภอ ทท่ี ด่ี นิ นน้ั อยู่ ในเขตโฆษณาให้ประชาชนทราบถงึ ตาแหนง่ ท่ีดิน จานวนเนื้อท่ี เขตขา้ งเคยี งของ ท่ดี ินทจ่ี ะสงวนหรือหวงหา้ ม โดยจดั ทาประกาศระบรุ ายละเอียดต่างๆ เกีย่ วกบั ทีด่ ินท่ีจะสงวน หรอื หวงห้ามตามแบบท้ายระเบียบนี้ ปิดไวใ้ นท่ีเปิดเผย ณ ศาลากลางจังหวดั สานักงานที่ดนิ จังหวดั หรอื สาขา ทว่ี า่ การอาเภอหรอื ก่งิ อาเภอ ทีท่ าการตาบล ที่ทาการหม่บู ้าน แห่งละอยา่ ง นอ้ ยหนงึ่ ฉบับ ในการโฆษณาให้ประชาชนทราบถึงที่ดินที่จะสงวนหรอื หวงห้าม เพอ่ื ให้ประชาชน ใชป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั นายอาเภอจะจัดใหม้ กี ารประชมุ ราษฎรในทอ้ งทเ่ี พอ่ื ทาการชี้แจง หรอื จะให้ มีการประกาศชแ้ี จงทางวิทยุกระจายเสยี งด้วยกไ็ ด้ ใหน้ ายอาเภอจัดให้มหี ลกั เขตหรอื เคร่อื งหมายอนื่ แสดงแนวเขตของทด่ี ินที่จะสงวน หรอื หวงหา้ ม และป้ายระบุรายละเอยี ดต่างๆ เกยี่ วกับท่ดี ินท่จี ะสงวนหรือหวงห้ามเชน่ เดยี วกบั ประกาศตามวรรคหนึ่ง มีขนาดและจานวนพอสมควรติดต้ังไว้ในบรเิ วณท่ดี ินดงั กลา่ วเพ่อื ให้ ประชาชนทราบว่าเป็นเขตท่ดี ินที่จะสงวนหรอื หวงหา้ ม ข้อ 10 ภายในหกสบิ วันนับแตว่ นั ปดิ ประกาศ ถ้าไม่มผี คู้ ดั ค้านการสงวนหรอื หวงห้าม ท่ีดิน ให้ผู้ว่าราชการจงั หวดั เสนอเร่ืองพรอ้ มดว้ ยเอกสารหลกั ฐานที่เกีย่ วขอ้ งไปยังคณะกรรมการ จดั ท่ีดนิ แห่งชาตเิ พอ่ื ดาเนนิ การตามข้อ 11 ตอ่ ไป แตถ่ า้ มีผูค้ ัดคา้ นการสงวนหรอื หวงห้ามท่ีดิน โดยอา้ งวา่ ตนเป็นผู้มกี รรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครอง หรือได้รบั อนญุ าตให้ทาประโยชน์ในทดี่ นิ ท่ีจะสงวนหรือหวงหา้ มโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ให้นายอาเภอสอบสวนหาขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ ผคู้ ัดค้าน มีกรรมสิทธ์หิ รือสิทธคิ รอบครอง หรอื ไดร้ บั อนุญาตใหท้ าประโยชนใ์ นทีด่ ินโดยชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื ไม่แล้วเสนอใหผ้ ูว้ า่ ราชการจังหวดั พจิ ารณาส่ังการ เมอ่ื ผู้วา่ ราชการจังหวดั สัง่ ประการใดแลว้ ให้แจง้ แก่ผ้คู ัดค้านทราบ ถา้ ผคู้ ัดค้านไม่พอใจคาส่งั ดงั กล่าว ก็ใหไ้ ปดาเนนิ การฟอ้ งหรือรอ้ ง ตอ่ ศาลได้ ในกรณที มี่ ีการฟ้องหรอื ร้องต่อศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจะรอการสงวนหรอื หวงหา้ มท่ีดิน ทงั้ หมดไวก้ ่อนจนกวา่ จะมคี าพพิ ากษาถึงทีส่ ุดแลว้ ก็ได้ หรอื จะดาเนินการเพอื่ สงวนและหวงหา้ ม
312 ท่ดี นิ น้นั ต่อไปโดยยกเว้นท่ีดินสว่ นที่มีผคู้ ัดค้านนน้ั จากการสงวนหรอื หวงหา้ มไวก้ ่อจนนกว่าจะมีคา พิพากษาถึงทส่ี ดุ แล้วกไ็ ด้ เมื่อไดม้ ีคาพิพากษาถงึ ท่สี ุดใหย้ กคาร้องคัดค้าน ให้ผวู้ ่าราชการจงั หวดั เสนอเร่อื ง พร้อม ด้วยเอกสารหลักฐานท่ีเก่ยี วข้องไปยังคณะกรรมการจดั ทีด่ นิ แห่งชาติเพ่อื ดาเนนิ การตาม ข้อ 11 ต่อไป แต่ถ้าศาลไดม้ ีคาพิพากษาถงึ ทส่ี ดุ วา่ ผู้คดั ค้านเป็นผ้มู กี รรมสทิ ธิ์หรือสทิ ธคิ รอบครอง หรือไดร้ บั อนุญาตให้ทาประโยชน์ในท่ีดินโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวัดรายงาน คณะกรรมการจัดทด่ี นิ แหง่ ชาตเิ พ่อื พจิ ารณาว่าสมควรจะยกเว้นท่ดี นิ ส่วนทมี่ ผี ู้คดั คา้ นจาก การ สงวนหรือหวงหา้ มหรอื จะดาเนนิ การใหท้ ี่ดนิ นั้นตกมาเป็นของรฐั เพือ่ ประโยชน์ในการ สงวนหรอื หวงห้ามเพือ่ ให้ประชาชนใชป้ ระโยชนร์ ่วมกัน ขอ้ 11 เมื่อคณะกรรมการจดั ที่ดินแหง่ ชาติได้มีมตใิ หส้ งวนหรือหวงหา้ มท่ดี ินเพือ่ ให้ ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกนั แล้ว ให้จัดทาประกาศการสงวนหรือหวงห้ามท่ีดินเพื่อให้ประชาชน ใช้ประโยชน์รว่ มกนั โดยให้มีแผนทีแ่ สดงตาแหนง่ ทดี่ ิน จานวนเนื้อท่ี และเขตขา้ งเคยี งของทีด่ ิน ทส่ี งวนหรือหวงหา้ มแนบทา้ ยประกาศดว้ ย แผนท่ีทแี่ สดงเขตท่ีดินที่สงวนหรือหวงหา้ ม ตอ้ งเปน็ แผนท่ที พี่ ร้อมจะนาลงในระวาง แผนท่หี รือระวางรปู ถา่ ยทางอากาศตามระเบียบของกรมทด่ี นิ ได้ และตอ้ งแสดงเขตติดตอ่ ข้างเคียง โดยรอบ โดยมีมาตราสว่ นขนาดพอสมควร ประกาศการสงวนหรอื หวงหา้ มทีด่ นิ เพื่อใหป้ ระชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันให้ประกาศ ในราชกจิ จานุเบกษา ข้อ 12 เมอ่ื ได้ประกาศการสงวนหรอื หวงห้ามท่ีดนิ เพ่อื ใหป้ ระชาชนใชป้ ระโยชน์รว่ มกัน ในราชกจิ จานเุ บกษาแล้ว ใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวัดโฆษณาการสงวนหรือหวงหา้ มทด่ี ินให้ประชาชนทราบ โดยปดิ สาเนาประกาศและแผนทแ่ี นบทา้ ยประกาศไว้ในท่ีเปดิ เผย ณ ศาลากลางจังหวัด สานักงานทด่ี ินจังหวัดหรือสาขา ที่วา่ การอาเภอหรือกงิ่ อาเภอ ที่ทาการตาบล ทท่ี าการหมู่บ้าน แหง่ ละอย่างน้อยหนง่ึ ฉบบั ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2529 พลเอก ประจวบ สนุ ทรางกูร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดทีด่ นิ แหง่ ชาติ (ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 103 ตอนที่ 200 (ฉบบั พิเศษ) วนั ที่ 16 พฤศจกิ ายน 2529)
313
314 ระเบียบของคณะกรรมการจดั ทีด่ นิ แห่งชาติ ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2529) ว่าดว้ ยกรณีจาเป็นสาหรับอนญุ าตให้จดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรม เป็นการเฉพาะรายในท้องทที่ กี่ าหนดใหม้ กี ารออกโฉนดท่ดี ิน สาหรบั ทีด่ ินทม่ี ีหนังสือรับรองการทาประโยชน์ โดยใชร้ ะวางรปู ถ่ายทางอากาศตามมาตรา 58 ตรี อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 (10) แห่งประมวลกฎหมายท่ีดนิ ซง่ึ แกไ้ ขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2526 และ มาตรา 58 ตรี วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายท่ีดิน ซึ่งแกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญตั ิ แก้ไข เพ่มิ เติมประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528 คณะกรรมการจดั ที่ดนิ แห่งชาติ วางระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบนเ้ี รียกวา่ “ระเบียบของคณะกรรมการการจดั ทด่ี ินแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 10 (พ.ศ. 2529) วา่ ด้วยกรณจี าเปน็ สาหรับการอนญุ าตใหจ้ ดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรม เปน็ การเฉพาะรายในทอ้ งทีท่ ี่กาหนดใหม้ ีการออกโฉนดทีด่ ินสาหรบั ทดี่ ินทม่ี ีหนงั สือรับรอง การทาประโยชนโ์ ดยใช้ระวางรปู ถา่ ยทางอากาศตามมาตรา 58 ตรี” ข้อ ๒ ระเบยี บน้ีให้ใชบ้ ังคับตง้ั แตว่ ันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ขอ้ ๓ นับแต่วันทเ่ี ริม่ ดาเนนิ การออกโฉนดท่ีดินตามประกาศของรฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงมหาดไทยตามมาตรา 58 ตรี วรรคหนงึ่ แห่งประมวลกฎหมายทดี่ ิน เจ้าพนักงานท่ดี นิ จะอนญุ าตให้มีการจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ กิ รรมใดๆ ทต่ี อ้ งมีการรังวัดทีด่ นิ ทม่ี หี นังสอื รบั รอง การทาประโยชน์โดยใช้ระวางรปู ถา่ ยทางอากาศ ในท้องที่ที่รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศกาหนด เฉพาะในกรณีจาเปน็ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เมอ่ื เป็นทดี่ นิ ทถี่ ูกเวนคนื บางสว่ นตามกฎหมายวา่ ด้วยการเวนคนื อสังหารมิ ทรัพย์ (๒) เมอื่ เปน็ ทด่ี ินที่ผู้มีสิทธิในที่ดนิ ประสงค์จะแบง่ แยกเพ่อื โอนใหแ้ กท่ บวง การเมือง รัฐวิสาหกจิ ทจี่ ดั ต้ังขน้ึ โดยพระราชบญั ญตั ิ องคก์ ารของรัฐบาลตามกฎหมายว่าดว้ ยการ จดั ตั้ง องค์การของรฐั บาล หรอื หนว่ ยงานธรุ กิจที่รัฐบาลเป็นเจา้ ของ โดยการขาย แลกเปลี่ยน หรือให้ (๓) เมือ่ เป็นท่ดี นิ ทศี่ าลได้มคี าพพิ ากษาหรอื คาส่ังถงึ ทสี่ ุดใหแ้ บง่ แยก
315 (๔) เมื่อเปน็ ทด่ี ินท่ีผ้มู สี ทิ ธิในท่ีดินได้พสิ ูจนใ์ หเ้ ป็นท่พี อใจแก่เจ้าพนักงานทีด่ นิ ว่ามี ความจาเปน็ และเรง่ ด่วนทต่ี อ้ งแบง่ แยก และหากรอไว้จะกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายอย่างร้ายแรง แก่ผมู้ สี ิทธใิ นท่ีดินนั้นหรอื ผู้รบั โอน ให้ไว้ ณ วันท่ี 27 ตลุ าคม พ.ศ. ๒529 พลเอก ประจวบ สนุ ทรางกรู รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหง่ ชาติ (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 103 ตอนท่ี 200 (ฉบับพิเศษ)วนั ที่ 16 พฤศจกิ ายน2529)
316 ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ทีด่ นิ แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2530) วา่ ดว้ ยการควบคุมการจดั ทด่ี นิ ของทบวงการเมอื ง อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 แหง่ ประมวลกฎหมายที่ดนิ ซึง่ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2526 คณะกรรมการ จดั ท่ดี ินแห่งชาติวางระเบยี บไวด้ ังตอ่ ไปน้ี ให้ยกเลกิ ความในขอ้ 5 แห่งระเบยี บของคณะกรรมการจัดท่ีดินแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2529) วา่ ด้วยการควบคมุ การจัดทดี่ ินของทบวงการเมือง และให้ใช้ความตอ่ ไปน้ีแทน “ขอ้ 5 ก่อนเสนอโครงการการจัดที่ดนิ แปลงใด ทดี่ ินแปลงนั้นจะต้องไดร้ ับการพิจารณา การใชท้ ี่ดินใหส้ อดคล้องและเปน็ ไปตามมาตรการการใช้ทีด่ นิ ของการกาหนดชัน้ คุณภาพล่มุ นา้ ของประเทศตามท่คี ณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตกิ าหนดโดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี รวมท้งั ไดร้ บั การสารวจความเหมาะสมของดิน และวางแผนการใช้ท่ีดินจากกรมพฒั นาทด่ี ินกอ่ น” ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี 17 พฤศจิกายน ๒530 ไสว พัฒโน รฐั มนตรชี ว่ ยว่าการ ปฏิบัตริ าชการแทน รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจดั ทดี่ ินแหง่ ชาติ (ราชกจิ จานเุ บกษาเล่ม 104 ตอนที่ 244 (ฉบับพเิ ศษ)วนั ท่ี 27 พฤศจิกายน 2530)
317 ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ทดี่ ินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532) วา่ ดว้ ยเงอ่ื นไขการออกโฉนดทีด่ ินหรือหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ อาศยั อานาจตามความในมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายที่ดนิ ซ่งึ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดย พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2526 มาตรา 58 ทวิ วรรคส่ี แห่งประมวลกฎหมายทด่ี ิน ซ่งึ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัติแก้ไขเพ่มิ เตมิ ประมวล กฎหมายที่ดนิ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528 และมาตรา 59 ทวิ วรรคหนง่ึ และมาตรา 59 ตรี แหง่ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ ซ่งึ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ท่ี 96 ลงวนั ท่ี 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 คณะกรรมการจดั ทด่ี นิ แห่งชาตวิ างระเบียบไวด้ ังตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ระเบยี บนเี้ รยี กว่า “ระเบียบของคณะกรรมการจัดทีด่ นิ แหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2532) วา่ ดว้ ยเงือ่ นไขการออกโฉนดท่ีดินหรอื หนังสอื รับรองการทาประโยชน์” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ใหใ้ ชบ้ ังคับตง้ั แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ให้ยกเลกิ (๑) ระเบียบของคณะกรรมการจัดท่ีดนิ แห่งชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2515) วา่ ด้วย หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอื่ นไขการออกโฉนดท่ดี ินและออกหนังสอื รับรองการทาประโยชน์ (๒) ระเบียบของคณะกรรมการจดั ทด่ี ินแห่งชาติ ฉบบั ที่ 4 (พ.ศ. 2515) วา่ ด้วย หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขออกโฉนดท่ีดนิ และออกหนังสือรับรองการทาประโยชน์ (๓ ) ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ทดี่ นิ แห่งชาติ ฉบับท่ี 7 (พ.ศ. 2524) วา่ ด้วย หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงอ่ื นไขการออกโฉนดที่ดนิ และออกหนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ ข้อ ๔ การออกโฉนดท่ีดินใหก้ ระทาได้ในบริเวณที่ดนิ ทีไ่ ด้สรา้ งระวางแผนที่เพ่ือการออก โฉนดทีด่ นิ ไวแ้ ลว้ ในบรเิ วณท่ดี นิ นอกจากนใี้ หอ้ อกเปน็ หนังสอื รับรองการทาประโยชน์ เวน้ แต่ อธิบดีกรมท่ีดนิ เห็นเป็นการสมควร ให้ออกหนังสอื รบั รองการทาประโยชนใ์ นบรเิ วณทีด่ ินทีไ่ ด้ สรา้ งระวางแผนที่ไวแ้ ล้วไปพลางกอ่ นได้
318 หมวด 1 การอนมุ ตั ิให้ออกโฉนดท่ดี นิ หรอื หนงั สือรับรองการทาประโยชน์ ตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสี่ และมาตรา 59 ทวิ วรรคหนง่ึ แหง่ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ ข้อ 5 ผูว้ า่ ราชการจังหวดั จะอนมุ ตั ิให้ออกโฉนดท่ีดินหรอื หนังสือรบั รองการทา ประโยชนร์ ายใดเกนิ หา้ สบิ ไร่ได้ตอ่ เมือ่ ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั หรือผูท้ ผ่ี ้วู า่ ราชการจังหวดั มอบหมาย ได้ตรวจสอบการทาประโยชน์แลว้ ปรากฏว่า (๑) ผคู้ รอบครองได้ทาประโยชน์หรืออานวยการทาประโยชน์ในทดี่ นิ ด้วยตนเอง และ (๒) สภาพการทาประโยชน์ในทดี่ ินนั้นเป็นหลกั ฐานมัน่ คงและมผี ลผลิตอนั เปน็ ประโยชน์ ในทางเศรษฐกิจ ขอ้ 6 ในกรณที ปี่ รากฏว่าเนื้อทที่ ่ที าประโยชน์ตอ้ งด้วยหลกั เกณฑต์ ามข้อ 5 เกนิ หา้ สิบไร่ ให้พนกั งานเจา้ หนา้ ทอ่ี อกโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สือรบั รองการทาประโยชน์เท่าจานวน เนอ้ื ท่ที ีผ่ ้วู า่ ราชการจังหวดั สง่ั อนมุ ัติ ในกรณีท่ีปรากฏวา่ เน้ือทีท่ ี่ทาประโยชน์ตอ้ งด้วยหลักเกณฑต์ ามขอ้ 5 ไมเ่ กนิ ห้าสบิ ไร่ ใหผ้ ู้ว่าราชการจงั หวัดสัง่ ไมอ่ นมุ ตั ิ ในกรณีเชน่ นีใ้ หพ้ นักงานเจ้าหน้าท่ีออกโฉนดทด่ี ินหรือหนังสือ รบั รองการทาประโยชน์ให้เทา่ จานวนเนือ้ ทที่ ี่ไดท้ าประโยชน์แลว้ ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. 2497 แตต่ ้องไม่ เกินห้าสบิ ไร่ ข้อ ๗ พนักงานเจา้ หนา้ ทจ่ี ะออกโฉนดท่ดี นิ หรือหนังสือรับรองการทาประโยชนใ์ ห้แก่ บคุ คลตามมาตรา 59 ทวิ วรรคหน่ึง เปน็ การเฉพาะรายได้ ถา้ มคี วามจาเป็นดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ทดี่ ินนน้ั ถกู เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์ (๒) ผู้ครอบครองและทาประโยชน์ในท่ีดินจะโอนท่ีดินน้นั ให้แกท่ บวงการเมอื ง องค์การ ของรัฐบาลตามกฎหมายวา่ ด้วยการจัดตัง้ องค์การของรฐั บาล หรอื รัฐวสิ าหกจิ ทจ่ี ัดตั้งขน้ึ โดย พระราชบัญญตั ิ (๓) มคี วามจาเป็นอยา่ งอนื่ โดยได้รับอนมุ ัติจากผ้วู ่าราชการจงั หวัด
319 หมวด ๒ การออกโฉนดท่ดี ินหรอื หนังสอื รบั รองการทาประโยชน์ ตามมาตรา 59 ตรี แหง่ ประมวลกฎหมายที่ดนิ ข้อ ๘ ในการออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนังสอื รับรองการทาประโยชน์ ถา้ ปรากฏวา่ ทด่ี นิ มีอาณาเขต ระยะของแนวเขต และท่ดี ินขา้ งเคียงทกุ ด้านถูกตอ้ งตรงกบั หลกั ฐานการแจง้ การครอบครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญตั ใิ ห้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. 2497 เช่ือได้ว่าเป็นทด่ี นิ แปลงเดยี วกนั แต่เนื้อทีท่ ่ีคานวณไดแ้ ตกต่างไปจากเนอ้ื ทต่ี ามหลักฐานการแจง้ การครอบครองดังกลา่ ว ให้พนักงานเจา้ หน้าที่ออกโฉนดทีด่ นิ หรือหนังสือรับรองการทาประโยชน์ เท่าจานวนเน้ือท่ีที่ไดท้ าประโยชน์แล้ว แต่ไม่เกนิ เนื้อท่ีท่ีคานวณได้ ในกรณีท่ีระยะของแนวเขตท่ีดนิ ผิดพลาดคลาดเคล่อื น ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี ออกโฉนดท่ีดินหรอื หนงั สือรบั รองการทาประโยชนเ์ ทา่ จานวนเน้อื ทท่ี ไ่ี ดท้ าประโยชน์แล้ว เมือ่ ผู้มสี ิทธใิ นท่ีดนิ ขา้ งเคียงได้ลงช่ือรับรองแนวเขตไว้เป็นการถูกตอ้ งครบถว้ นทุกดา้ น ข้อ 9 การรับรองแนวเขตของผมู้ สี ทิ ธิในทีด่ ินข้างเคียงตามขอ้ 8 วรรคสอง ให้พนกั งาน เจา้ หน้าทแ่ี จ้งเป็นหนงั สือซึ่งมขี อ้ ความด้วยวา่ ถ้าผ้มู สี ิทธิในทด่ี ินข้างเคยี งไม่มาหรือมาแต่ไม่ยอม ลงช่อื รับรองแนวเขตโดยไม่คดั คา้ นการรังวดั เมอ่ื พ้นกาหนดสามสบิ วนั นบั แตว่ ันทาการรงั วัด พนกั งานเจ้าหนา้ ทีจ่ ะไดอ้ อกโฉนดที่ดินหรอื หนงั สอื รับรองการทาประโยชนโ์ ดยไมต่ ้องมกี าร รับรองแนวเขต สง่ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยงั ผูม้ ีสิทธิในทด่ี ินขา้ งเคียงตามท่ีอยู่ทีเ่ คย ตดิ ตอ่ หรอื ตามท่ีอยทู่ ผี่ ู้มสี ิทธใิ นที่ดินข้างเคียงนนั้ ได้แจ้งเปน็ หนังสือไวต้ ่อพนกั งานเจา้ หน้าท่ี เพื่อใหม้ ารบั รองแนวเขตหรือคัดค้านการรังวดั และใหอ้ ยใู่ นบังคบั แห่งเงอื่ นไข ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ในกรณีทผ่ี ้มู ีสิทธิในทด่ี ินข้างเคียงได้รับหนงั สือจากพนักงานเจ้าหนา้ ที่ใหม้ าระวัง แนวเขตแล้ว แตไ่ มม่ าหรอื มาแต่ไม่ยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไมค่ ัดคา้ นการรงั วัด ใหพ้ นักงาน เจ้าหน้าทอ่ี อกโฉนดท่ดี ินหรอื หนงั สอื รับรองการทาประโยชนเ์ ท่าจานวนเน้อื ที่ท่ไี ด้ทาประโยชน์แลว้ โดยไมต่ ้องมีการรบั รองแนวเขต เม่ือพน้ กาหนดเวลาสามสบิ วันนับแต่วนั ทาการรังวดั (๒) ในกรณที ี่ไม่อาจติดต่อผู้มีสทิ ธิในทด่ี ินข้างเคียงให้มาระวงั แนวเขตได้ ให้พนกั งาน เจ้าหน้าท่ปี ิดประกาศแจ้งใหผ้ ูม้ ีสิทธิในทด่ี ินข้างเคยี งน้นั มาลงช่ือรับรองแนวเขตหรือคัดคา้ น การรังวดั ไว้ในทเ่ี ปิดเผย ณ สานกั งานท่ีดินจงั หวดั หรอื สานักงานท่ีดนิ สาขา สานกั งานเขตหรือ ที่วา่ การอาเภอหรอื กง่ิ อาเภอ ทีท่ าการกานนั ที่ทาการผ้ใู หญบ่ ้าน และบริเวณท่ีดินของผู้มีสิทธิ ในท่ีดนิ ข้างเคยี งแหง่ ละหนึง่ ฉบับ ในกรณีท่ดี ินอยู่ในเขตเทศบาลให้ปิด ณ สานักงานเทศบาล
320 อีกหนงึ่ ฉบบั ดว้ ย ถา้ ผมู้ ีสทิ ธใิ นท่ดี ินขา้ งเคียงไม่มาติดตอ่ หรือคดั ค้านประการใดภายในสามสิบวัน นับแต่วันปิดประกาศ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าที่ออกโฉนดท่ดี นิ หรือหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ เทา่ จานวนเน้อื ท่ีทไ่ี ด้ทาประโยชน์แลว้ โดยไมต่ ้องมกี ารรบั รองแนวเขต ข้อ ๑๐ ในกรณีท่ที ี่ดนิ นนั้ มดี า้ นหนึง่ ด้านใดหรือหลายดา้ นจดทีป่ า่ หรอื ที่รกร้างว่างเปลา่ และระยะท่วี ัดได้เกินกว่าระยะทปี่ รากฏในหลกั ฐานการแจง้ การครอบครองให้ถอื ระยะทีป่ รากฏ ในหลักฐานการแจง้ การครอบครองเป็นหลักในการออกโฉนดทดี่ ินหรือหนงั สอื รับรองการทา ประโยชน์ ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๔ ตลุ าคม พ.ศ. 2532 พลตารวจเอก ประมาณ อดเิ รกสาร รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการจัดทีด่ นิ แห่งชาติ (ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 106 ตอนท่ี 174 (ฉบบั พิเศษ) วนั ที่ 12 ตุลาคม 2532)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330