ประโยชนข์ องทักษะและความสามารถด้านการใช้ดิจทิ ัล ประโยชนส์ าหรบั ขา้ ราชการ 1. ทางานไดร้ วดเรว็ ลดข้อผดิ พลาด 2. ภมู ใิ จในผลงานท่สี ร้างสรรคไ์ ดเ้ อง 3. แกไ้ ขปัญหาในการทางานไดม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากข้ึน 4. ตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 5. มีเครือ่ งมอื ช่วยในการเรยี นรแู้ ละเตบิ โตอย่างเหมาะสม ประโยชนส์ าหรับสว่ นราชการและหนว่ ยงานของรัฐ 1. หน่วยงานไดร้ ับการยอมรับ วา่ มคี วามทนั สมยั เปดิ กว้าง เปน็ ที่ยอมรับ 2. ได้รบั ความเช่อื มน่ั และไวว้ างใจจากประชาชนและผู้รับบริการ 3. บุคลากรสามารถใชศ้ ักยภาพในการทางานท่มี ีมลู ค่าสงู 4. กระบวนการทางานกระชบั ขึ้น คลอ่ งตัว และมปี ระสิทธภิ าพมากขึน้ 5. ประหยดั ทรัพยากรด้านบุคคลและงบประมาณ หนห้านห้า6นา้ 252151
การสือ่ สารยคุ ดิจทิ ัล องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของการส่อื สาร องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของการส่ือสาร มี 4 องค์ประกอบหลัก 1. ผู้ส่ง (Sender)คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ผู้สร้างสาร หรือเป็นแหล่งกาเนิดของสาร แล้วส่งสาร ไปยงั ผูอ้ ื่นด้วยวธิ ีการหนึ่ง หรอื หลายวิธี เช่น การพูด การเขียน การใช้สัญลักษณ์ ฯลฯ 2. ผู้รับ (Receiver)คือ ผู้ที่รับสารหรือข้อความจากบุคคลหน่ึงหรือกลุ่มบุคคลหน่ึง และส่ง ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง (Feedback) กลับไปใหผ้ ู้สง่ สร 3. สารหรือข้อความ (Message) หรือข้อมูลและข่าวสาร (Data and Information)คือ เร่ืองราว หรือสิ่งตา่ ง ๆ ท่ีเป็นขอ้ มลู ความรู้ ความคิด อารมณ์ ฯลฯ ทผ่ี ู้ส่งสารตอ้ งการจะส่งออกไปให้ผู้อ่ืนได้รบั รู้แล้ว เกดิ ปฏกิ ิริยาตอบสนองสารตา่ ง ๆ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ประเภทท่ี 1 เนื้อหาของสารที่เปน็ ขอ้ เท็จจรงิ ประเภทท่ี 2 เนือ้ หาของสารทเ่ี ปน็ ขอ้ คดิ เห็น 4. ส่ือสัญญาณ (Transmission Medium) คอื ตวั กลางทเ่ี ชือ่ มโยงผสู้ ่งสารกบั ผ้รู ับสารให้ตดิ ตอ่ กัน ได้ หากขาดสอื่ กไ็ ม่สามารถส่งไปยงั ผรู้ บั ได้ เชน่ การสือ่ สารทางวิทยุ โทรทศั น์ ฯลฯ ความแตกตา่ งระหวา่ งการสอ่ื สาร แบบ Asynchronous กบั Synchronous “Asynchronous “ คือ การส่ือสารแบบไม่ประสานเวลา เป็นการส่ือสารท่ีผู้ส่ง และผู้รับไม่ได้ หนห้านหา้6นา้ สอื่ สารตอบโต้ในเวลา หรอื สถานทีเ่ ดียวกัน เชน่ e-mail, Web board เป็นต้น “Synchoronous” คอื การสอื่ สารทผ่ี ู้ส่งสามารถโตต้ อบกับผู้รับไดท้ นั ที ถึงแม้จะอยกู่ ันคนและสถานท่ีก็ตาม 25252 โดยผ่านทางโทรศัพท์ เชน่ Chat Room, Video Call เป็นตน้ วิวฒั นาการของยุคดจิ ิทัล มี 4 ยคุ 1. ยุคบกุ เบกิ ของการทากจิ กรรม online เชน่ e-mail, website 2. ยคุ สังคมออนไลนผ์ ู้บริโภคเริม่ สรา้ งเครือขา่ ยเพื่อการสือ่ สาร 3. ยคุ ขอ้ มลู data และ application บนสมารท์ โฟน ให้ความสะดวกสบายกับผ้บู รโิ ภค 4. ยุคดจิ ิตอลลดบทบาทของมนุษย์เพิม่ ความฉลาดให้กับเทคโนโลยี เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ ระบบการส่ือสารระหว่างคอมพิวเตอร์จานวนต้ังแต่ 2 เคร่ืองข้ึนไป สามารถ โอนยา้ ยข้อมูลระหวา่ งกัน เช่น หน่วยประมวลผล หน่วยความจา เป็นตน้ มที ้ังส้นิ 3 ประเภท Lan (Local Area Network) คอื ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless Lan) หรือระบบไวไฟ (Wifi) เดิมใช้สายต่อมาใช้เคล่ือนความถ่ี ไรส้ าย คอื ไมจ่ าเปน็ ต้องเดนิ สายเคเบิ้ล การทางานมอี ปุ กรณ์ในการสง่ สัญญาณ และกระจายสญั ญาณ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ท่ีมีการเชื่อมต่อระหว่าง เครือข่ายหลายเครือข่ายทั่วโลก โดยใช้มาตรฐานการส่ือสารร่วมกันที่เรียกว่า TCD/IP โพรโทคอล (TCP/IP Protocol) อินเตอร์เน็ต มีพัฒนาการมาจาก อาร์พาเน็ต (ARPAnet) World wid web (www) เครือข่าย
ใยแมงมุม เรียกส้ันๆ ว่า เว็บ (Web) เป็นรูปแบบหนึ่งของระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet) แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื เ - เทคโนโลยบี รอดแบนด์แบบใชส้ าย 1. การสง่ สัญญาณผ่านทางสายโทรศัพท์ (DSL:Digital Subscriber Line) 2. สายใยแกว้ นาแสง (Fiber Optic) - เทคโนโลยบี รอดแบนด์แบบไร้สาย 1. การส่งสัญญาณโดยการใช้คล่ืนความถ่ีวิทยุของระบบ โทรศัพท์มือถือ (Mobile Network) 2. การรบั ส่งสญั ญาณผ่านดาวเทยี ม (Satellite) อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง Internet of Things (IOT) คือ เครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่งปลูกสร้าง และส่ิงของอื่นๆ ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ และการเช่ือมต่อกับเครือข่ายฝังตัวอยู่ และทา ให้วตั ถเุ หล่านนั้ สามารถเกบ็ บันทกึ และแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ได้ โทรศพั ท์เคลื่อนท่ี (Mobile Network) คือ ระบบโทรศัพทเ์ คลอ่ื นที่ หรือระบบโทรศพั ท์มอื ถอื ใชค้ ลนื่ วิทยุใน การติดต่อส่ือสารกัน โดยที่เครือข่ายโทรศัพท์เคล่ือนท่ี ของแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ โทรศัพท์ สื่อดิจิทัล (Digital Media) คือ สื่อที่มีการนาเอาข้อความ กราฟิก ภาพเคล่ือนไหว เสียง และวิดีโอ โดยใช้ หนหา้ นหา้6นา้ เทคโนโลยีทางด้าน คอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วยให้ข้อมูลที่เป็นส่ือต่าง ๆ มาแปลงสภาพและเช่ือมโยงเข้าด้วยกันเพ่ือสร้างเป็นส่ือ 252353 ดจิ ทิ ลั ที่สามารถใช้ในการสอ่ื สารได้อย่างมปี ระสิทธิภาพมากยิ่งขนึ้ มอี งคป์ ระกอบอยู่ 5 ชนดิ 1. ข้อความ (Text) 2. เสียง (Audio) 3. ภาพน่งิ (Still Image) 4. ภาพเคลอ่ื นไหว (Animation) 5. ภาพวดี ีโอ (Video) ข้อความดิจทิ ลั (Digital Text) ซึง่ เปน็ ส่วนหนึ่งของสอื่ ของมลั ติมเี ดยี แบง่ ได้ 3 ประเภท ข้อความที่ได้จากการพมิ พ์ พบได้ท่วั ไปจากการพมิ พ์ด้วยโปรแกรม เช่น Microsoft Word มี นามสกลุ เป็น .pdf, .jpg, .tif เป็นตน้ ขอ้ ความจากการแสกน เปน็ ขอ้ ความภาพ หรือ Image ไดจ้ ากการนาเอกสารทพี่ ิมพ์ไวแ้ ล้วมาแสกน ข้อความไฮเปอร์เท็กซ์ (Hyper Text) เป็นรปู แบบข้อความทีไ่ ดร้ บั ความนิยมสงู มากในปจั จบุ นั ภาพนิง่ (Still Image)คือขอ้ มลู รูปภาพทถ่ี ูกจัดเกบ็ ในรูปแบบดจิ ทิ ัล มี 2 ประเภทคอื - ภาพแบบเวกเตอร์ (Vector) รูปทเ่ี กบ็ จะไม่แตก - ภาพแบบราสเตอร์ หรอื บิทแมป (Raster/Bitmap) สว่ นมากรูปภาพจะแตกเพราะเกดิ การบีบ
กล้องดิจิทัล (Digital Camera) คือกล้องถ่ายภาพท่ีไม่ต้องใช้ฟิล์ม แต่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า เซ็นเซอร์เป็นตัวรับแสงผ่านการประมวลผลได้ภาพดิจิทัล ซึ่งสามารถส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์เพ่ือเก็บหรื อ ตกแตง่ ภาพดว้ ยโปรแกรมต่าง ๆ มกี ล้องดงั ตอ่ ไปน้ี - กล้องคอมแพค็ (Compact Digital Camera) - กลอ้ งสะทอ้ งภาพเลนส์เด่ยี ว หรือ D-SLR - กล้องมลิ เลอร์เลส (Mirrorless) - กลอ้ งโทรศพั ท์มือถอื ภาพเคล่ือนไหว (Animation) คือภาพท่ีสร้างขึ้นโดยการนาภาพนิ่งหลายๆ ภาพมาฉายต่อเน่ืองกันด้วย ความเรว็ สูง ทาให้เกิดภาพลวงตาของการเคลื่อนไหว แบง่ ได้ 2 ประเภท - 2D Animation คอื ภาพเคลือ่ นไหวแบบ 2 มิติ มองเหน็ ได้ท้งั ความสงู และความกว้าง - 3D Animation คือ ภายเคลอื่ นไหวแบบ 3 มิติ มองเห็นได้ท้ังความสูง ความกวา้ ง และความลึก การประชุมผ่านระบบดิจทิ ลั (Digital Conference) - Skype ใช้อยาก ไมส่ ะดวก - Google ใช้กนั เยอะ - Zoom ใช้กันเยอะ - Webex - Vroom รู้ทันสื่อดิจิทัล ในปัจจุบันมีการส่งข้อมูล รวดเร็ว จึงทาให้ข้อมูลมีท้ังเช่ือถือได้ และเป็นโทษต่อ สังคมและผู้อ่ืน ดังนั้นเราจึงจาเป็นต้องรู้เท่าทันก่อนแชรข์ ้อมูลดังกลา่ ว ควรเช็คก่อนเชื่อดังนี้ความน่าเช่อื ถือ หนห้านหา้6นา้ ของแหล่งขา่ วคุณภาพและความสดใหม่ได้รบั การยืนยนั จากผเู้ ช่ยี วชาญ ผลกระทบจากสอ่ื ดิจิทัล 252454 1. ปัญหาการละเมิดสิทธิสว่ นบุคคล 2. ปัญหาละเมิดลขิ สทิ ธิ์ 3. ปญั หาสังคมเสอ่ื มโทรมจากการใช้เทคโนโลยีในทางทผี่ ดิ 4. ปญั หาการเสพตดิ เทคโนโลยี สดุ ท้ายแนวทางการแกป้ ัญหาสอื่ ดิจทิ ัล ปลกู ฝังเรือ่ งคณุ ธรรมจริยธรรม สร้างความเขม้ แข็งเป็นภมู คิ ุม้ กนั ตนเอง ใช้แนวทางการควบคุมสงั คมโดยใช้วฒั นธรรมทีด่ ี การสร้างความเข้มแขง็ ให้กับสงั คมและชมุ ชน การบงั คบั ใชก้ ฎ ระเบยี บ และกฎหมาย
ยทุ ธศาสตร์ นโยบาย การส่งเสริมและพัฒนาท้องถ่ินร่วมขบั เคลอ่ื นลงสู่พืน้ ท่ี ว่าที่ร้อยโท กมลกาจ รงุ่ ป่ิน แผนพัฒนาท้องถ่ิน จัดทาตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยการจัดทาแผนพัฒนาทอ้ งถ่นิ พ.ศ. 2548 และที่แกไ้ ขเพม่ิ เติมถงึ ฉบบั ที่ 3 พ.ศ.2561 คณะกรรมการท่เี ก่ียวขอ้ งกับการจัดทาแผนพัฒนาท้องถ่นิ ประกอบดว้ ย 1. คณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่น ประกอบด้วย นายก รองนายก สมาชิกสภา (3 คน) ผู้ทรงคุณวุฒิ (3 คน) ผู้แทนภาคราชการหรือรัฐวิสาหกิจ (ไม่น้อยกว่า 3 คน) ผู้แทนประชาคม (3-6 คน) ปลัด (เลขาฯ) ผอ.กองแผน (ผู้ชว่ ยเลขา) 2. คณะกรรมการสนบั สนุนฯ ประกอบด้วย ปลัด หัวหน้าสว่ นทุกคน ผู้แทนประชาคม (3 คน) ผอ.กองแผน เจา้ หน้าท่วี ิเคราะหฯ์ (ผชู้ ว่ ยเลขา) 3. คณะกรรมการติดตามและประเมินผล ประกอบด้วย สมาชิกสภา (3 คน) ผู้แทนประชาคม (2 คน) ผแู้ ทนหน่วยงาน (2 คน) หัวหน้าสว่ นราชการใน อปท. (2 คน) ผู้ทรงคณุ วุฒิ (2 คน) วิสัยทัศน์กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน “ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินให้จัดบริการสาธารณะได้ ตามมาตรฐานเพื่อประชาชนมีคณุ ภาพชวี ติ ท่ดี ี” คา่ นยิ ม “มืออาชีพ คดิ สร้างสรรค์ ยดึ ม่ันธรรมาภิบาล” สว่ นประกอบของแผนพัฒนาทอ้ งถนิ่ 1. สภาพท่ัวไปและข้อมูลพ้ืนฐาน ความสัมพันธ์ระหว่างแผนพัฒนาระดับมหภาค แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับปัจจุบัน แผนพัฒนาภาค/แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด/แผนพัฒนา หนห้านหา้6นา้ จงั หวดั แผนยุทธศาสตร์การพฒั นาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจงั หวดั 2. ยุทธศาสตรอ์ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน วสิ ัยทศั น์ ยุทธศาสตร์ เปา้ ประสงค์ ตวั ชวี้ ดั คา่ เป้าหมาย กล 252555 ยทุ ธ์ จดุ ยนื ทางยุทธศาสตร์ ความเชือ่ มโยงของยุทธศาสตร์ในภาพรวม 3. การนาแผนพัฒนาท้องถ่ินไปสู่การปฏิบัติ แผนงาน/โครงการของชุมชน (เรียงตามลาดับความสาคัญ) บัญชโี ครงการพฒั นาท้องถิน่ - แบบ ผ.01 บญั ชีสรปุ โครงการพฒั นา - แบบ ผ.01/1 นามาจากแผนพฒั นาหม่บู ้าน/ชุมชน - แบบ ผ.02 รายละเอียดโครงการพฒั นา - แบบ ผ.02/1 รายละเอยี ดจากแผนหม่บู ้าน/ชมุ ชน - แบบ ผ.02/2 โครงการเกนิ ศกั ยภาพ - แบบ ผ.03 บญั ชีครภุ ณั ฑ์ การแก้ไขแผนพัฒนาตามระเบียบข้อ 21 อานาจนายก ไม่ต้องประชุม ทาบันทึก ประกาศใช้ ทาในกรณี แกไ้ ขคาผดิ ยา้ ยปี ราคากลางเปลย่ี น การเพ่ิมเติมแผนพัฒนาตามระเบียบข้อ 22 ประชุมกรรมการสนับสนุน กรรมการพัฒนา ประชาคม (อบต.สภาเห็นชอบ) ประกาศใช้ ทากรณเี พ่มิ โครงการท่ไี มเ่ คยมีอย่ใู นแผน การเปล่ียนแปลงแผนพัฒนาตามระเบียบข้อ 22/1 ประชุมกรรมการพัฒนา (อบต.สภาเห็นชอบ) ประกาศใช้ ทากรณีเปลี่ยนแปลงรายละเอยี ด เชน่ ปรมิ าณงานมากขนึ้ งบประมาณมากข้ึน
พระรำชบญั ญัติกำรจัดซ้อื จัดจำ้ งและกำรบรหิ ำรพสั ดภุ ำครฐั พ.ศ. 2560 การจดั ซอ้ื จัดจา้ ง“การดาเนนิ การเพอ่ื ให้ไดม้ าซงึ่ พัสดุ” ได้แก่ ซือ้ จา้ ง เช่า แลกเปลีย่ น พัสดุ หมายถึง สินค้า งานจ้างก่อสร้าง งานจ้างออกแบบและควบคุมงาน งานจ้างที่ปรึกษา งาน บรกิ าร สินค้า หมายถงึ วัสดุ ครภุ ณั ฑ์ ท่ดี ิน สิง่ ปลกู สรา้ ง งานบริการ หมายถึง งานจ้างบริการ งานจ้างเหมาบริการ งานจ้างทาของ การรับขนตามประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ งานกอ่ สรา้ ง หมายถึง งานก่อสรา้ งอาคาร สาธารณูปโภค การปรับปรุงซอ่ มแซม ราคากลาง “ราคากลาง” หมายความว่า ราคาเพื่อใช้เป็นฐานสาหรับเปรียบเทียบราคาท่ีผู้ย่ืน ขอ้ เสนอได้ยื่นเสนอไว้ซงึ่ สามารถจดั ซอื้ จดั จา้ งไดจ้ รงิ ตามลาดับ ดงั ต่อไปน้ี (1) ราคาทไ่ี ด้มาจากการคานวณตามหลักเกณฑท์ ่ีคณะกรรมการราคากลางกาหนด (2) ราคาทไี่ ด้มาจากฐานข้อมูลราคาอา้ งองิ ของพัสดุท่ีกรมบัญชีกลางจัดทา (3) ราคามาตรฐานที่สานกั งบประมาณหรอื หนว่ ยงานกลางอื่นกาหนด (4) ราคาทไ่ี ด้มาจากการสบื ราคาจากทอ้ งตลาด (5) ราคาท่เี คยซือ้ หรือจ้างครงั้ หลงั สุดภายในระยะเวลาสองปีงบประมาณ (6) วิธอี น่ื ใดตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร หรอื แนวทางปฏบิ ตั ิของหนว่ ยงานของรัฐนน้ั ๆ ในกรณีที่มีราคาตาม (1) ให้ใช้ราคาตาม (1) ก่อน ในกรณีท่ีไม่มีราคาตาม หนหา้ นหา้6นา้ (1) แตม่ ีราคาตาม (2) หรอื (3) ให้ใชร้ าคาตาม (2) หรอื (3) กอ่ น โดยจะใชร้ าคาใดตาม (2) หรอื (3) ให้คานึงถึง ประโยชนข์ องหนว่ ยงานของรฐั เป็นสาคญั ในกรณที ไ่ี มม่ ีราคาตาม (1) (2) และ (3) ให้ใช้ราคาตาม (4) (5)หรอื (6) 252656 โดยจะใชร้ าคาใดตาม (4) (5)หรือ (6)ใหค้ านงึ ถงึ ประโยชน์ของหนว่ ยงานของรฐั เป็นสาคัญ หลกั การจดั ซอื้ จัดจ้าง โปร่งใส ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล ตรวจสอบได้ คุ้มคา่ การกาหนดคณุ ลักษณะเฉพาะ • การกาหนดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุท่ีจะทาการจัดซ้ือจัดจ้าง ให้หน่วยงานของรัฐคานึงถึง คุณภาพ เทคนิค และวัตถุประสงค์ของการจัดซ้ือจัดจ้างพัสดุน้ัน และห้ามมิให้กาหนดคุณลักษณะ ของพัสดุให้ใกล้เคียงกับย่ีห้อใดย่ีห้อหนึ่ง หรือของผู้ขายรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ เว้นแต่พัสดุที่จะทาการจัดซ้ือจดั จ้างตามวัตถปุ ระสงคน์ นั้ มยี ่หี ้อเดียวหรอื จะต้องใช้อะไหล่ของยีห่ ้อใด กใ็ หร้ ะบยุ ่หี อ้ น้ันได้ การจัดซอื้ จดั จ้าง มี 3 วิธี วธิ ปี ระกาศเชญิ ชวนทวั่ ไป วธิ คี ัดเลอื ก วธิ เี ฉพาะเจาะจง วธิ ีประกำศเชิญชวนท่ัวไป วธิ ตี ลำดอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Market : e – market) การจัดหาพสั ดุ ซึ่งท่มี รี ายละเอยี ดคณุ ลักษณะท่ี ไม่ซบั ซ้อน เปน็ สินค้าหรือบริการทว่ั ไป มี มาตรฐานซึ่งกาหนดให้ส่วนราชการจัดซ้ือสินค้าหรืองานจ้างท่ีกาหนดไว้ในระบบ e- catalog โดยให้ผู้ขาย ผู้ให้บริการ หรือผู้รับจ้าง เสนอราคาผ่านทางระบบจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Electronic Government Procurement : e - GP ของกรมบัญชกี ลาง
วิธีประกวดรำคำอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Bidding : e – bidding) การจัดหาพัสดุคร้ังหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน 500,000 บาท โดยเป็นการจัดหาพัสดุท่ีมี รายละเอียดคุณลักษณะท่ีมีความซับซ้อน มีเทคนิคเฉพาะ หรือเป็นสินค้าหรือบริการท่ีไม่ได้กาหนดไวใ้ นระบบ e – market วิธีสอบรำคำ วิธีคดั เลือก 1. ใชว้ ธิ ปี ระกาศเชญิ ชวนท่วั ไปแล้ว ไม่มผี ูย้ ่นื ข้อเสนอ หรือข้อเสนอไม่ไดร้ ับการคัดเลือก 2. พัสดุท่ีมีคุณลักษณะเฉพาะเป็นพิเศษหรือซับซ้อน หรือต้องผลิต ก่อสร้าง หรือให้บริการโดย ผู้ประกอบการทม่ี ีฝีมือโดยเฉพาะ หรือมีความชานาญเป็นพเิ ศษ หรอื มีทกั ษะสงู และผูป้ ระกอบการมีจานวนจากัด 3. มีความจาเป็นเรง่ ดว่ น อันเนอื่ งมาจากเกิดเหตกุ ารณท์ ไี่ ม่อาจคาดหมายได้ 4. ลักษณะของการใชง้ าน หรือมขี ้อจากัดทางเทคนิคที่จาเป็นตอ้ งระบุยหี่ ้อเป็นการเฉพาะ 5. ตอ้ งซือ้ โดยตรงจากต่างประเทศ หรอื ดาเนนิ การโดยผ่านองค์การระหว่างประเทศ 6. ใช้ในราชการลับ หรือเป็นงานที่ต้องปกปิดเป็นความลับของทางราชการ หรือเกี่ยวกับความมั่นคง ของประเทศ 7. งานจา้ งซ่อมพสั ดุที่จาเปน็ ถอดตรวจให้ทราบความชารุดเสยี หายเสียกอ่ น จึงจะประมาณค่าซ่อมได้ 8. กรณีอื่นทีก่ าหนดในกฎกระทรวง วธิ เี ฉพำะเจำะจง 1. ใช้ท้ังวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้ว แต่ไม่มีผู้ย่ืนข้อเสนอ หรือ ขอ้ เสนอไมไ่ ดร้ บั การคัดเลอื ก หนหา้ นห้า6นา้ 2. การจัดซอ้ื จดั จ้างพัสดุทีก่ ารผลิต จาหน่าย หรอื ให้บรกิ ารทว่ั ไป และมวี งเงนิ ในการจดั ซื้อจดั จา้ งครั้ง 252757 หนง่ึ ไมเ่ กนิ วงเงินตามที่กาหนดในกฎกระทรวง 3. มีผู้ประกอบการท่ีมีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียว หรือผู้ประกอบการซึ่งเป็นตัวแทนจาหน่าย หรอื ตัวแทนผ้ใู ห้บรกิ ารโดยชอบด้วยกฎหมายเพยี งรายเดยี วในประเทศ และไมม่ ีพสั ดุอน่ื ทจ่ี ะใชท้ ดแทนได้ 4. มีความจาเป็นต้องใชพ้ ัสดุโดยฉกุ เฉินเน่ืองจากอุบัติภยั หรือธรรมชาติพิบัตภิ ัยและการจัดซ้ือจัดจ้าง โดยวธิ ปี ระกาศเชิญชวนทว่ั ไปหรอื วธิ คี ัดเลือกอาจกอ่ ให้เกิดความลา่ ช้าและอาจทาให้เกดิ ความเสยี หายรา้ ยแรง 5. เป็นพัสดุท่ีเก่ียวพันกับพัสดุที่ได้จัดซื้อจัดจ้างไว้ก่อนแล้ว และมีความจาเป็นต้องจัดซื้อจัดจ้าง เพิ่มเตมิ โดยมลู ค่าของพสั ดทุ ่จี ดั ซื้อจัดจา้ งเพิ่มเตมิ จะต้องไม่สงู กวา่ พสั ดุทไ่ี ด้จดั ซื้อจัดจา้ งไวก้ ่อนแลว้ 6. เป็นพัสดุท่ีจะขายทอดตลาด โดยหน่วยงานของรัฐ องค์การระหว่างประเทศ หรือหน่วยงานของ ต่างประเทศ 7. ที่ดนิ และสิ่งกอ่ สร้าง 8. กรณอี นื่ ที่กาหนดในกฎกระทรวง
เทคนคิ การบริหารความเสย่ี ง พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๗๙ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการ ตรวจสอบภายใน การควบคุมภายในและการบริหารจัดการความเส่ียง โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานและ หลักเกณฑท์ ่กี ระทรวงการคลงั กาหนด หนังสือ ท่ี กค ๐๔๐๙.๔/ว ๒๓ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ เรื่อง หลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วย มาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการบรหิ ารจัดการความเส่ียงสาหรับหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ.๒๕๖๒ ไดอ้ อกมาตรฐาน การบริหารจดั การความเสย่ี งสาหรับหน่วยงานของรฐั การบริหารจัดการความเส่ียง หมายความว่า กระบวนการบริหารจัดการเหตุการณ์ท่ีอาจเกิดขึ้นและส่งผล กระทบต่อหน่วยงานของรัฐ เพอื่ ใหห้ น่วยงานของรฐั สามารถดาเนนิ งานให้บรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องหน่วยงาน รวมถึง เพ่อื เพมิ่ ศกั ยภาพและขดี ความสามารถให้หนว่ ยงานของรฐั ตามหนังสอื ฉบับน้ียังได้กาหนดมาตรฐาน ให้องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นดาเนนิ การดงั น้ี ๑.จัดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยง เพ่ือให้ความเช่ือมั่นแก่ผู้มีส่วนได้เสียของหน่วยงานว่าหน่วยงานได้ ดาเนินการบริหารจัดการความเส่ยี งอยา่ งเหมาะสม ๒. ฝ่ายบริหารของหนว่ ยงานของรฐั ต้องจัดให้มสี ภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการบริหารจัดการความเส่ียง ภายในองค์กร อย่างน้อยประกอบด้วย การมอบหมายผู้รับผิดชอบเร่ืองการบริหารจัดการความเสี่ยง การกาหนด หนหา้ นห้า6นา้ วัฒนธรรมของหน่วยงานของรฐั ที่ส่งเสรมิ การบรหิ ารจัดการความเสยี่ ง รวมถงึ การบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล ๓. กาหนดวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม รวมถึงมีการสื่อสารการบริหาร 252858 จดั การความเส่ยี งของวัตถปุ ระสงค์ด้านต่างๆ ต่อบคุ ลากรท่ีเก่ยี วข้อง ๔. การบรหิ ารจดั การความเสยี่ งตอ้ งดาเนินการในทกุ ระดับ ๕. การบริหารจัดการความเส่ียง อย่างน้อยต้องประกอบด้วย การระบุความเสี่ยง การประเมินความเส่ียง และการตอบสนองความเสย่ี ง ๖. จัดทาแผนบริหารจัดการความสี่ยงอย่างน้อยปีละครั้งและต้องมีการสื่อสารแผนบริหารจัดการความ เสี่ยงกับผู้ทเี่ กยี่ วขอ้ งทกุ ฝ่าย ๗. มีการติดตามประเมินผลการบริหารจัดการความเส่ียงและทบทวนแผนการบริหารจัดการความเสี่ยง อยา่ งสม่าเสมอ ๘. มกี ารรายงานการบริหารจดั การความเส่ยี งของหน่วยงานตอ่ ผทู้ ่ีเกีย่ วข้อง ๙. นาเครื่องมือการบริหารความเส่ียงที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้กับหน่วยงาน เพื่อให้การบริหารจัดการ ความเส่ยี งของหน่วยงานเกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุด หนังสือ ท่ี กค ๐๔๐๙.๓/ว ๓๖ ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เร่ือง แนวทางการบริหารความเส่ียงสาหรบั หนว่ ยงานของรฐั เรือ่ ง หลกั การบริหารจดั การความเส่ยี งระดับองคก์ ร
หลกั การบรหิ ารจดั การความเส่ียงระดับองค์กร แบ่งออกเป็น ๒ สว่ น ประกอบดว้ ย หนหา้ นห้า6นา้ ๑. กรอบการบรหิ ารจดั การความเส่ยี ง 252959 ๒. กระบวนการบรหิ ารจดั การความเส่ยี ง กรอบการบรหิ ารจัดการความเสย่ี ง หน่วยงานของรัฐควรพิจารณานากรอบการบริหารจัดการความเส่ียงน้ีไปปรับใช้ในการวางระบบการ บริหารจัดการความเสี่ยงของหน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบริหารจัดการความเสี่ยง อยา่ งแทจ้ ริง กรอบบรหิ ารจดั การความเสี่ยงประกอบดว้ ย หลักการ ๘ ประการ ดงั นี้ ๑. การบริหารจัดการความเสีย่ งตอ้ งดาเนนิ การแบบบรู ณาการทั่วทงั้ องค์กร ๒. ความมุง่ ม่ันของผ้กู ากบั ดแู ล หัวหน้าหนว่ ยงานของรฐั และผ้บู ริหารระดบั สูง ๓. การสร้างและรกั ษาบุคลากรและวฒั นธรรมท่ดี ีขององค์กร ๔. การมอบหมายหน้าที่ความรบั ผดิ ชอบด้านการบริหารจัดการความเสีย่ ง ๕. การตระหนกั ถงึ ผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี ๖. การกาหนดยุทธศาสตร์/กลยทุ ธ์ วตั ถปุ ระสงค์ และการตดั สนิ ใจ ๗. การใชข้ ้อมลู สารสนเทศ ๘. การพฒั นาอย่างต่อเนื่อง กระบวนการบรหิ ารจดั การความเสยี่ ง กระบวนการบริหารจัดการความเสีย่ งเป็นกระบวนการทเ่ี ปน็ วงจรตอ่ เนอื่ ง ประกอบด้วย ๑. การวิเคราะห์องค์กรในการวิเคราะห์องค์กรหน่วยงานต้องเข้าใจเกี่ยวกับพันธกิจตามกฎหมาย อานาจหน้าที่ และความรับผิดชอบของหน่วยงาน รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ระดับกระทรวงรวมถึง นโยบายของรัฐบาลท่ีเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน โดยการวิเคราะห์องค์กรต้องวิเคราะห์ท้ังปัจจัยภายในและปัจจัย ภายนอกองคก์ ร ๒. การกาหนดนโยบายการบรหิ ารจัดการความเส่ียงผู้บริหารเป็นผ้กู าหนดนโยบายบรหิ ารจัดการ ความเส่ียง และผู้กากับดูแลเป็นผู้ให้ความเห็นชอบนโยบายดังกล่าว โดยนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงอาจ ระบุถึงวัตถุประสงค์ของการบริหารจัดการความเส่ียง บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของการบริหารจัดการความ เสยี่ ง และความเสย่ี งท่ียอมรบั ได้ระดับองค์กร ๓. การระบุความเสี่ยงการระบุความเสี่ยง คือ การระบุเหตุการณ์ท่ีอาจเกิดข้ึนที่มีผลกระทบต่อ วัตถุประสงค์ของหน่วยงานท้ังในด้านบวกและด้านลบ ในการระบุความเสี่ยงหน่วยงานอาจทารายชื่อความเสี่ยง ทง้ั หมด (Risk Inventory)โดยรายช่อื ความเสย่ี งต้องมกี ารปรบั ปรุงอย่างสมา่ เสมอโดยอาศัยข้อมลู ท่เี ป็นปัจจุบัน ๔. การประเมินความเสย่ี ง ๔.๑ การกาหนดเกณฑ์การประเมินความเส่ียง หน่วยงานอาจให้คะแนนความเสี่ยงตาม เกณฑ์การประเมินความเส่ียงด้านต่าง ๆ เช่น ด้านโอกาส ด้านผลกระทบ รวมถึงต้านความสามารถขององค์กรใน การจดั การความเสยี่ ง และดา้ นลักษณะของความเสย่ี ง โดยชว่ งคะแนนอาจกาหนดเปน็ ๓ หรือ ๕ ชว่ งคะแนน
๔.๒ การให้คะแนนความเสี่ยง วิธีการให้คะแนนความเสี่ยง เช่น การสัมภาษณ์ การทา แบบสารวจการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างหน่วยงานภายใน การทา Benchmarking การวิเคราะห์ สถานการณ์(Scenario Analysis) ทั้งนี้ การให้คะแนนความเส่ียงของแต่ละกองงาน (Slo Thinking) เพียงวิธีเดียว อาจทาใหก้ ารให้คะแนนความเสี่ยงมีความคาดเคล่ือนได้ ๔.๓ การพิจารณาความเส่ียงในภาพรวม เม่อื หน่วยงานประเมินความเสยี่ งในแต่ละความ เส่ียงที่มีต่อวัตถุประสงค์ของกิจกรรมแล้ว หน่วยงานต้องพิจารณาผลกระทบของความเส่ียงมีต่อวัตถุประสงค์ใน ระดับกลุ่มและผลกระทบที่มีต่อหน่วยงานในภาพรวม เช่น ผลกระทบต่อความเสี่ยงที่มีต่อกิจกรรมอาจมีน้อยแต่มี ผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ระดับกอง หรือความเสี่ยง ๒ ความเสี่ยงที่ไม่มีผลกระทบต่อกิจกรรมอาจมีผลกระทบตอ่ หน่วยงานในภาพรวม เปน็ ต้น ๔.๔ การจดั ลาดบั ความเสยี่ ง เม่ือหนว่ ยงานพิจารณาใหค้ ะแนนความเสย่ี งแล้ว หน่วยงาน ต้องจัดลาดับความเส่ียง เพ่ือนาไปสู่การพิจารณาจัดสรรทรัพยากรในการตอบสนองความเสี่ยง หน่วยงานอาจใช้ คะแนนความเสย่ี ง (โอกาส x ผลกระทบ) ในการจดั ลาดับความเส่ียง โดยความเสย่ี งที่เทา่ กับอาจพิจารณาปจั จัยอ่ืน ประกอบ เช่น ความสามารถของหน่วยงานในการบรหิ ารจัดการความเสี่ยงด้านน้ันของความเสี่ยงที่มีผลกระทบตอ่ หน่วยงาน เป็นต้น ๕. การตอบสนองความเสี่ยงการตอบสนองความเสี่ยง คือ กระบวนการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร ในการจัดการความเส่ียงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยผู้บริหารควรพิจารณาประเด็นดังต่อไปน้ี ในการตัดสินใจเลือกวิธีการ หนหา้ นหา้6นา้ ตอบสนองความเสีย่ งเพอ่ื จดั ทาแผนบรหิ ารจัดการความเสี่ยงของหน่วยงาน ๑) การจดั การตน้ เหตขุ องความเส่ียง 262060 ๒) ทางเลือกวิธีการจดั การความเส่ียง ๓) ทรพั ยากรท่ีตอ้ งใชใ้ นการบรหิ ารจัดการความเสี่ยง หน่วยงานสามารถพิจารณาเลือกวิธีการจัดการความเสี่ยงวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธี โดยการ พิจารณาวธิ ีการจดั การความเส่ยี งควรคานงึ ถึงตันทุนกบั ประโยชน์ท่ีไดร้ ับของวธิ ีการจดั การความเสยี่ งแตล่ ะวธิ ี ๖. การติดตามและทบทวนการติดตามและทบทวนเป็นกระบวนการที่ให้ความเช่ือมั่นว่าการ บริหารจัดการความเส่ียงท่ีมีอยูย่ ังคงมีประสิทธิผล เนื่องจากความเสย่ี งเป็นสิ่งที่เกิดข้ึนและเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ดังน้ันการติดตามและทบทวนเป็นกระบวนการที่เกิดข้ึนสม่าเสมอ ปัจจัยที่ทาให้หน่วยงานต้องทบทวนการบริหาร จัดการความเสี่ยง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงท่ีสาคัญซ่ึงเกิดจากปัจจัยภายในและภายนอก หรือผลการดาเนินงานไม่ เป็นไปตามเป้าหมายทกี่ าหนดไว้ ๗. การส่อื สารและการรายงานการสื่อสารเป็นการสร้างความตระหนัก ความเขา้ ใจ และการมสี ว่ น รว่ มของกระบวนการบรหิ ารจดั การความเสย่ี ง การสื่อสารเป็นการใหแ้ ละรบั ขอ้ มลู (Two - way Communication) หน่วยงานควรมีช่องทางการส่ือสารท้ังภายในและภายนอก โดยการส่ือสารภายในต้องเป็นการสื่อสารแบบจาก ผู้บริหารไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา (Top Down) จากผู้ใต้บังคับบัญชาไปยังผู้บริหาร (Bottom Up) และระหว่าง หน่วยงานย่อยภายใน (Across Divisions) หน่วยงานควรกาหนดบุคคลท่ีควรได้รับข้อมูล ประเภทของข้อมูลท่ีควร
ได้รับ ความถี่ของการรายงาน รูปแบบและวิธีการรายงาน เพื่อให้ผู้กากับดูแล ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้เสียได้รับ ขอ้ มูลสารสนเทศท่ีถกู ตอ้ ง ครบถ้วน เก่ยี วขอ้ งกบั การตัดสนิ ใจ และทนั ตอ่ เวลา นโยบายการยอมรับความเสย่ี งระดบั องคก์ ร เป็นการให้นโยบายเพ่ือให้ทิศทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงภายในองค์กรโดยผู้บริหาร ระดับสงู และได้รบั การเห็นชอบโดยคณะกรรมการ ผ้บู ริหารได้กาหนดความเส่ียงท่ยี อมรับไดใ้ นด้านตา่ งๆ ดงั นี้ ดา้ นการปฏบิ ัติงาน ผบู้ ริหารยอมรับความเสีย่ งในระดบั ปานกลางในกระบวนการการปฏบิ ัติงานทว่ั ไปขององค์กร และ ยอมรับความเส่ียงระดบั น้อยในการปฏบิ ัติงานมีผลกระทบทีเก่ียวข้องกับการให้บริการของประชาชน ท้ังน้ีผู้บริหาร จะยอมรับความเสี่ยงระดบั สูงในการปฏิบตั งิ านทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับนวตั กรรมและการพฒั นา ดา้ นการทจุ รติ ผู้บริหารปฏิเสธที่จะยอมรับความเสี่ยงที่เก่ียวข้องกับการทุจริตทุกกรณี และมุ่งมั่นจะสร้างระบบ การควบคมุ ป้องกัน ตรวจสอบ เพือ่ ให้ผ้มู สี ่วนได้เสยี มน่ั ใจในระบบธรรมาภบิ าลและความซ่อื ตรงขององคก์ ร ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ผบู้ ริหารปฏิเสธทจ่ี ะยอมรบั ความเส่ียงในเรอ่ื งของความปลอดภัยของระบบสารสนเทศทเ่ี กี่ยวขอ้ ง กับข้อมลู ด้านการเงิน ข้อมลู ส่วนบุคคล และข้อมลู ท่เี กยี่ วข้องกับความม่ันคงของประเทศ และยอมรบั ความ หนหา้ นห้า6นา้ เสี่ยงระดบั ปานกลางสาหรบั ระบบสารสนเทศทีเ่ กีย่ วข้องกับเร่อื งทว่ั ไป ด้านภาพลักษณข์ ององค์กร 262161 ภาพลกั ษณ์และความนา่ เชื่อถือขององค์กรเปน็ ปจั จยั ที่สาคัญในการปฏิบัติงานขององค์กรให้เป็นท่ี ยอมรับของประชาชนผู้เสยี ภาษซี ึ่งเปน็ ผู้มีสว่ นไดเ้ สียหลักขององค์กร ผู้บริหารยอมรับความเส่ียงระดับน้อยเกี่ยวกับ ความเชื่อถอื และภาพลักษณ์ขององค์กร การกาหนดประเภทความเส่ยี ง (Risk Categories) ความเส่ียงด้านกลยุทธ์ (Strategy Risks) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการกาหนดแผนกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสม หรือความเส่ียงเกดิ จากการนากลยทุ ธ์ไปใชไ้ ม่ถกู ตอ้ ง ความเส่ียงด้านการเงนิ (Financial Risks) คือ ความเส่ียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการเงิน เชน่ ความ เสี่ยงเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินไม่ถูกต้อง ความเส่ียงเก่ียวกับการรับเงินไม่ถูกต้อง ความเส่ียงในการไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายและระเบยี บทีเ่ ก่ียวข้องกบั การเงินการ ความเสี่ยงด้านการดาเนินงาน (Operation Risks) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากกระบวนการทางานที่ไม่มี ประสิทธิผลหรอื ไม่มีประสิทธภิ าพ ความเสี่ยงดา้ นการปฏบิ ัติตามกฎระเบียบ (Legal Risks) คอื ความเสีย่ งทห่ี นว่ ยงานไม่ปฏบิ ัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ ประกาศ มติคณะรัฐมนตรี รวมถึงกฎ/นโยบาย/คู่มือ/แนวทางการปฏิบัติงานของ หนว่ ยงาน ความเสย่ี งด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ (Technology Risks) คอื ความเสี่ยงทเี่ กดิ จากเทคโนโลยสี ารสนเทศ
ความเส่ยี งด้านความน่าเชอ่ื ถือขององค์กร (Reputational Risks) คอื ความเสี่ยงทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ชื่อเส่ียง หนหา้ นห้า6นา้ ความเช่อื มน่ั และความน่าเชือ่ ถอื ขององค์กร 26262 สรปุ ขน้ั ตอนกระบวนการบรหิ ารความเสยี่ ง ๑. แตง่ ตั้งคณะกรรมการ/คณะทางาน ระดบั องคก์ ร ๒. ประชุมคณะกรรมการ/คณะทางาน ระดับองคก์ ร ๓. การวิเคราะห์องค์กร ๔. กาหนดนโยบายการบริหารจดั การความเส่ียง ระบุวตั ถปุ ระสงค์ บทบาทหนา้ ทีค่ วามรบั ผิดชอบ ๕. มีหนังสือแจ้งเวียนทกุ สานัก/กอง ๖. สานกั /กอง แตง่ ต้ังคณะทางาน ระดับ สานัก/กอง ๗. ประชุมช้แี จง ระดับ สานัก/กอง ๘. การระบุความเส่ียง ๙. การประเมินความเสีย่ ง ๑) กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ความเสย่ี ง ๒) การใหค้ ะแนนความเสยี่ ง ๓) การพิจารณาความเสยี่ งในภาพรวม ๔) การจัดลาดับความเสย่ี ง ๑๐. การตอบสนองความเส่ยี ง ๑) การจดั การตน้ เหตคุ วามเสี่ยง ๒) ทางเลอื กวิธีการจัดการความเส่ยี ง ๓) ทรัพยากรท่ีต้องใชใ้ นการบริหารจดั การความเส่ียง ตัวอยา่ งวธิ กี ารจดั การความเสีย่ ง ๑) ปฏเิ สธความเส่ยี ง ๒) การลดโอกาสของความเสย่ี ง ๓) การลดผลกระทบของความเสี่ยง ๔) การโอนความเส่ยี ง ๕) ยอมรับความเสยี่ งโดยไมด่ าเนนิ การจัดการความเส่ยี ง ๖) ใชม้ าตรการการเฝ้าระวัง ๗) การทาแผนฉุกเฉนิ ๘) การส่งเสรมิ หรือผลกั ดนั เหตุการณ์ทีอ่ าจจะเกดิ ขึน้ ๑๑. การติดตามและทบทวน ๑๒. การสอ่ื สารและการรายงาน
กลยุทธก์ ารบริหารงานบุคคลท้องถนิ่ และทิศทางความก้าวหน้า การจัดตงั้ ส่วนราชการหรือการปรบั ปรุงโครงสรา้ ง 1. การกาหนดสว่ นราชการใหม่ (กองระดบั ต้น หรอื กองระดับกลาง) 2. การปรบั ประเภท (สามญั ระดบั สูง หรือพิเศษ) 3. การปรับปรุงทั้งโครงสรา้ งและระดับตาแหนง่ (ปรับปรุงจากงาน/กลุ่มงานเป็นฝ่าย หรือปรับปรุงจากฝ่ายเป็นกองระดับต้น หรือปรับปรุงจาก กองระดับต้น เป็นกองระดับกลาง หรือปรับปรุงจากกองระดับกลาง เป็นสานักระดับสูง หรือการยุบรวม กองระดบั กลางแล้วยกฐานะเปน็ สานกั ระดบั สูง) 4. การปรบั ปรงุ ระบบงานภายใน (การกาหนดงานเพ่มิ กาหนดกล่มุ งาน หรือฝา่ ยข้ึน) ให้ปฏิบัติตามประกาศ ก.จ. เรื่อง มาตรฐานท่ัวไปเกี่ยวกับโครงสร้างส่วนราชการและระดับตาแหน่ง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2558 และประกาศ ก.จ. เรื่อง มาตรฐานทั่วไป เกี่ยวกบั โครงสร้างการแบ่งสว่ นราชการ วิธีการบริหารและการปฏบิ ัติงานของขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวดั และ กิจการอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลในองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 แต่หากกาหนดตาแหน่งรองปลัด/หัวหน้าส่วนราชการ/หัวหน้าฝ่าย ไม่เป็นไปตามประกาศ ดังกล่าวข้างต้น ต้องดาเนินการตามหนังสือสานักงาน ก.จ. ที่ มท 0809.2/ว 89 ลงวันท่ี 18 สิงหาคม 2559 เร่ือง การ กาหนดตัวชี้วัดในการประเมินการกาหนดระดับตาแหน่งรองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หนหา้ นหา้6นา้ และหัวหน้าฝ่าย รายละเอียดดงั นี้ 1. ตวั ชี้วัดพนื้ ฐาน 262363 1.1 ภาระค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานบุคคลตามมาตรา 35 ในปีงบประมาณที่ผ่านมาและใน ปีงบประมาณที่ขอ เฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 35 โดยปีงบประมาณที่ขอคานวณตามกรอบแผนอัตรากาลัง 3 ปี รวมกับ คา่ ใช้จา่ ยที่เพิม่ ขึ้นจากการปรับปรุงตาแหนง่ และที่กาหนดรองรับผ้ดู ารงตาแหน่งเดมิ 1.2 งบประมาณเพ่ือการลงทุนต้องตราข้อบัญญัติงบรายจ่ายเพ่ือการลงทุนตามระเบียบ กระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยวิธีการงบประมาณฯ ในปีงบประมาณท่ีผ่านมาและในปีงบประมาณที่ขอ เฉลี่ยไม่ต่ากว่า รอ้ ยละ 20 ของงบประมาณรายจา่ ยประจาปแี ละฉบับเพมิ่ เตมิ (ถ้าม)ี 2. การประเมินตัวชี้วัดค่างาน ประกอบด้วย ตัวช้ีวัด จานวน 6 รายการ คะแนนเต็ม 600 คะแนนรายละเอยี ดดังน้ี (1) ลักษณะงาน 100 คะแนน (2) การบริหารงาน การจดั การ 150 คะแนน (3) การสอ่ื สารและปฏิสัมพันธ์ 50 คะแนน (4) การปฏบิ ัตงิ านและการตัดสนิ ใจแกไ้ ขปญั หา 100 คะแนน (5) ความทา้ ทายในความคดิ หรือความคดิ สรา้ งสรรค์ 100 คะแนน (6) ขอบเขตผลกระทบของงาน 100 คะแนน
โดยกาหนดเกณฑผ์ ่านในระดับต้น กลาง สงู ดังน้ี ระดับตาแหน่ง คะแนนรวม ตน้ กลาง ตง้ั แต่ รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป สงู ตั้งแต่ รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป ตงั้ แต่ รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป 3. อัตราว่าง การขอปรับปรุงส่วนราชการ หรือจัดตั้งส่วนราชการข้ึนใหม่ หากส่วนราชการเดิมท่ีรับผิดชอบ ภารกิจในเร่ืองน้ัน มีสัดส่วนอัตราว่างตามกรอบแผนอัตรากาลังมากกว่าร้อยละ 20 ต้องดาเนินการแก้ไขปัญหา อัตรากาลังท่ีวา่ ง โดยสรรหาให้มผี ู้มาปฏบิ ตั งิ านให้เรียบรอ้ ยเสยี กอ่ น องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาหนดส่วนราชการท่ีจาเป็น (ส่วนราชการหลัก) ในการบริหาร ราชการตามกฎหมายกาหนด 1. สานักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวดั 2. สานักงานเลขานุการองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั 3. สานัก/กองยุทธศาสตรแ์ ละงบประมาณ 4. สานกั /กองคลัง 5. สานกั /กองช่าง หนหา้ นหา้6นา้ 6. สานกั /กองสาธารณสขุ 262464 7. สานัก/กองการศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 8. สานัก/กองการเจ้าหน้าท่ี 9. หนว่ ยตรวจสอบภายใน ท้ังนี้ ให้กาหนดฝ่ายหรือกลุ่มงานอย่างน้อย 2 ฝ่าย หรือกลุ่มงาน และต้องกาหนดสายงานผู้ปฏิบัติ (ข้าราชการ) อยา่ งน้อย 2 อตั รา ซงึ่ 1 ใน 2 อัตรา เปน็ ตาแหนง่ ประเภทวิชาการ - สานักงานเลขานุการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ชื่อตาแหน่งผู้อานวยการ คือ เลขานุการองค์การ บริหารสว่ นจังหวดั - หนว่ ยตรวจสอบภายใน ข้ึนตรงตอ่ ปลัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด - การจัดตั้งส่วนราชการหลักในคร้ังแรก ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องประเมินตัวช้ีวัดโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการข้าราชการองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั (ก.จ.จ.) การกาหนดโครงสรา้ งส่วนราชการของเทศบาล (ส่วนราชการหลกั ) 1. สานักปลดั เทศบาล 2. กอง/สานักการคลัง 3. กอง/สานกั การชา่ ง
สาหรับกองหรือสว่ นราชการที่จาเป็นต้องมี ได้แก่ กอง/สานักการสาธารณสุขฯ กอง/สานักการศึกษา กอง/สานกั ยุทธศาสตรแ์ ละงบประมาณ กอง/สานกั การประปา กอง/สานกั การแพทย์ กอง/สานกั การชา่ งสุขาภิบาล กอง/สานกั สวัสดกิ ารสงั คม หนว่ ยตรวจสอบภายใน การกาหนดโครงสร้างส่วนราชการขององค์การบรหิ ารส่วนตาบล (ส่วนราชการหลกั ) 1. สานกั งานปลัดองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล 2. กองหรือส่วนการคลงั 3. กองช่างหรอื สว่ นโยธา สาหรับกองหรือส่วนราชการที่กาหนดตามความเหมาะสม ได้แก่ กองหรือส่วนส่งเสริม การเกษตร กองหรือสว่ นการศึกษาฯ กองหรือส่วนสาธารณสุขฯ กระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resource management) ประกอบด้วย การ สรรหา พัฒนา ใช้ รักษา และให้พน้ หลักการสรรหาและเลือกสรรบุคคล ประกอบด้วย หลักความสามารถ หลักความเป็นธรรม หลัก ความโปร่งใส และหลกั ความคุ้มค่า การสรรหา (Recruit) ได้แก่ การสอบแข่งขัน การคัดเลือกกรณีที่มีเหตุพิเศษที่ไม่จาเป็นต้อง สอบแข่งขนั การสอบคัดเลือก การคัดเลอื ก การคดั เลอื กเพ่อื รบั โอน ข้าราชการส่วนท้องถิ่นออกจากราชการเม่ือได้รับอนุญาตให้ลาออก, ถูกส่ังให้ออก, ถูกลงโทษไล่ หนห้านห้า6นา้ ออก ปลดออก, ตาย และพน้ จากราชการตามกฎหมาย 262565 การพัฒนาบคุ ลากร มดี งั นี้ 1. การจดั บรรยาย ศกึ ษาดงู าน ฝึกปฏิบัติ กรณีศึกษา อภปิ ราย 2. จดั กิจกรรมการแลกเปล่ียนความคิดเห็นและประสบการณ์ 3. การฝกึ ขณะปฏิบัติงาน/การสอนงาน/การเป็นพ่ีเลยี้ ง/ใหค้ าปรึกษา 4. การหมนุ เวียนงาน/การมอบหมายงาน/การเขา้ รว่ มประชมุ 5. การฝกึ งานกับผูเ้ ชยี่ วชาญ/การติดตามหวั หนา้ /การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง
การเปลี่ยนตาแหน่งเป็น ประเภทบรหิ ารท้องถน่ิ ผอ.สานกั (สูง) 4 ปี ปลัด (สูง) ผอ.กอง(สงู ) ไป รอง(สงู ) 2 ปี ผอ.สำนกั ๙+ผอ.สำนกั (สงู )=๒ปี 2 ปี 2 ปี 4 ป/ี 3 ปี ผอ.กอง (กลาง) รอง (สงู 2) 4 ป/ี 3 ปี ผอ.กอง(กลำง) ไป รอง(กลำง) ผอ.กอง๘+ผอ.สว่ น๘+ผอ.กอง ผอ.กอง (ต้น) ปี (กลำง)ผอ.สว่ น(กลำง))=๒ปี 2 หน.ฝา่ ย (ตน้ ) ปี อานวยการ ปลัด (กลาง2) ท้องถ่ิน ปี รอง (กลางป2) ี ปลัด (ตน้ ) ผอ.กอง(ตน้ ) ไป รอง(ตน้ ) รอง (ตน้ ) บริหารท้องถ่ิน หหนน.ผส.สอว่ ว่.นกน๗อ๗+ง+๗หผน+อผ..สกอว่ อ.นกงอ๖(ตง+ห(น้ผตนห)2อน้=า้.6น)๔กห26อปา้66งนี 6า้ (ตน้ )=(ปี
กำรบรหิ ำรงำนท่มี ีประสทิ ธภิ ำพ รฐั ประกอบดว้ ย 1. พลเมือง(คนที่เป็นสมาชกิ ของรฐั นน้ั ) 2.อาณาเขต (ดนิ แดน) ทแี่ น่นอน 3. รัฐบาล 4. อานาจอธิปไตย รัฐบาล คือ องค์กรที่ทาหน้าท่ีดูแลพลเมืองท่ีอยู่ในดินแดน (ด้านความ่ันคง ,สงบเรียบร้อย ,เศรษฐกิจ ,, ความเปน็ อยู่ ,(บาบดั ทกุ ข์ บารงุ สุข) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (มีหน้าที่จัดทาบริการสาธารณะ พัฒนาคุณภาพชีวิต ,การปกครอง,การ ประสานงาน อปท.อ่นื ๆ ฯลฯ ) กำรบริหำรงำนทมี่ ีประสทิ ธิภำพ (คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ 8 ประกำร) I AM READY I – Integrity ยนื หยดั ชดั เจน กลา้ ทาสง่ิ ที่ถูกตอ้ ง A – Activevness ทางานเชิงรกุ คิดบวก มจี ติ บรกิ าร M – Morality ศีลธรรม คณุ ธรรม R – respondsive ต อ บ ส น อ ง ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ประชาชน E- Efficiency มีประสทิ ธภิ าพ A – Accountibility ตรวจสอบได้ พร้อมรับผิด D – democracy ยดึ มนั่ ประชาธปิ ไตย Y – yew มุ่งเนน้ ผลสัมฤทธ์ิ หนหา้ นหา้6นา้ 262767 หลักธรรมำภิบำล และกำรบริหำรกจิ กำรบำ้ นเมืองท่ดี ี Good Governances (กพร.พ.ศ.2555) 4 ประเดน็ หลกั (เพ่อื ประโยชน์สุขประชาชน) 1.การบรหิ ารจัดการแนวใหม่ New Public Management เนน้ 3 หลัก คือ - ประสทิ ธภิ าพ -ประสิทธิผล -ตอบสนอง 2. ค่านนิ มประชาธิปไตย Democratic value เนน้ 4 หลกั -รับผิดชอบ -ตรวจสอบได้ -เปดิ เผยโปร่งใส นติ ิธรรม -หลักความสามารถ 3. การบริหารจัดการภาครัฐ Participarty State เนน้ 2 หลกั -การมีสว่ นร่วม – แสวงหาฉันทามติ 4. การบริหารจดั การ ยดึ หลกั 2 หลัก - มีมาตรฐาน -ทปี่ ระกอบด้วยคุณธรรมจริยธรรม
หลักประสิทธิภาพ Efficiency คือ การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด เกิดผลิตภาพคุ้มต่อการลงทุน และเกดิ ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ สว่ นรวม ยึดหลกั 3 ประเด็น คอื - ลดขัน้ ตอน ระยะเวลาปฏิบัติการ - อานวยความสะดวก และลดภาระคา่ ใช้จา่ ย - ยกเลิกภารกจิ ท่ลี า้ สมัย ไม่มีความจาเป็น ยทุ ธศำสตร์กำรพฒั นำดจิ ิตัล เพอื่ เศรษฐกจิ และสงั คม มปี ระเด็นหลกั ดังน้ี หนหา้ นห้า6นา้ 1.พฒั นาโครงสร้างพน้ื ฐาน 262868 2.ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจโดยเทคโนโลยดี ิจติ ลั News S Curve 3.สร้างสงั คมคณุ ภาพทีท่ ว่ั ถึงเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีดจิ ติ ัล 4.ปรับเปลีย่ นภาครัฐสกู่ ารเปน็ รฐั บาลดจิ ติ ัล 5.พฒั นากาลงั คนให้พรอ้ มสู่ยุค เศรษฐกิจ สงั คมดจิ ติ ลั 6.สร้างความเชื่อมน่ั ในการใช้เทคโนโลยีดจิ ิตัล ระบบราชการ 4.0 (ต้องเป็นท่ีพึง่ ของประชาชน และมีความเชอ่ื ถอื ได)้ โดยต้องมกี ารปฏบิ ัตกิ ารในลักษณะที่ - ยึดประชาชนเปน็ ศูนยก์ ลาง - ระบบราชการต้องเปน็ องค์กรที่มสี มรรถนะสูง และทนั สมยั - เปดิ กวา้ งและเช่ือมโยงกนั (ด้วยการ -ปรบั สคู่ วามเป็นดจิ ิตลั -สรา้ งนวัตกรรม -สานพลงั ทกุ ภาคส่วน) แผนกำรปฏริ ูปประเทศดำ้ นกำรบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดิน(ฉ.ปรบั ปรุง) ตำมกจิ กรรม (Big Rock) แบง่ เปน็ ประเดน็ ยอ่ ย ดงั นี้ งาน - การบริหารงานเป็นระบบดิจิตัล โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพ อานวยความสะดวก การเปิดเผย ข้อมูล และสรา้ งการมสี ว่ นร่วม งบฯ - มีงบประมาณในการดาเนินการ และดาเนินการตามหลัก ความรวดเรว็ คมุ้ คา่ โปร่งใส ระบบ - มรี ะบบบริหารจดั การท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ คน - มกี ารพัฒนาทรัพยากรบคุ คลทมี่ ีมาตรฐาน เปน็ ทีย่ อมรบั
- หนำ้ ทห่ี น่วยงำนภำครฐั - 1. ให้บริการในรูปแบบ และช่องทางดิจิตัล โดยเพิ่มประสิทธิภาพ อานวยความสะดวก เปิดเผยข้อมูล สร้างการมสี ่วนรว่ ม 2. จดั ทาค่มู อื ประชาชน เผยแพรท่ างสอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์ 3. จดั ทาธรรมาภิบาลขอ้ มูลภาครัฐ ในรปู แบบดจิ ิตลั 4. ก่อนดาเนินการโครงการของรัฐ ต้องเผยแพร่ข้อมูลโครงการให้ประชาชนทราบ และต้องรับฟังความ คิดเหน็ ของประชาชนผูไ้ ด้รับผลกระทบ กอ่ นเร่ิมดาเนินการ ธรรมำภบิ ำลขอ้ มูลภำครัฐ 1. กาหนดสทิ ธิ หนา้ ที่ และความรับผดิ ของหนว่ ยงานภาครัฐ 2. มรี ะบบ และกระบวนการบริหารจัดการ และคุ้มครองข้อมูล 3. ควบคมุ และพัฒนาคุณภาพของข้อมลู 4. กาหนดเกณฑ์การเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากข้อมูล 5. มีคาอธิบายชดุ ข้อมลู ดิจิตัลเชิงเทคนิค วงจรเดมมงิ่ (Deming Cycle) หนหา้ นห้า6นา้ 262969
กระบวนกำรคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ระดับกำรมีส่วนรว่ มของประชำชน หนหา้ นหา้6นา้ ประเภทและควำมสัมพนั ธข์ องข้อมูล 272070 PDCA กับกำรปรับปรุงอยำ่ งตอ่ เน่ือง
การปรับกระบวนทัศนใ์ หม่และวัฒนธรรมองค์กร ดร.นรสิ านันท์ แมนผดุง การปรับกระบวนทัศน์ ต้องเร่ิมจาก “การปรับใจ” ปรับ Mindset และเร่ิมท่ี “ตัวเรา” โดยเราต้องรู้ว่าใน สังคม เราต้องเป็นท้ังผู้ให้และผู้รับ ดังนั้นจึงต้องเคารพทั้งต่อตนเอง และเคารพผู้อื่น ซึ่งการอยู่ในสังคมต้องมีการ ปฏิสัมพันธ์กับหลากหลายผู้คน การใช้วิธีการสบตาอย่างอ่อนโยนและมีความปรารถนาดีต่อกัน จะทาให้เราได้รับ การตอบสนองในทางบวก จากการดูคลิปวิดีโอเร่ือง “มด” ทาให้เรียนรู้ว่า 1.การเป็นผู้นาจะต้องมีการประเมินความเสี่ยงและ ตรวจสอบสถานการณ์ เพื่อแสดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความเชื่อม่ันต่อสถานการณ์และตัวเราซ่ึงเป็นหัวหน้า 2. หลักการบริหาร “PDCA” ซึ่งประกอบด้วย Planning (การวางแผนการบริหารแบบมีส่วนร่วม) , Doing (การ ปฏิบัติงานหลากหลายรูปแบบ) , Checking (การตรวจสอบและประเมินผล) Acting (การพัฒนาและปรับปรุงให้ สอดคลอ้ งตามสถานการณ์ เวลา และบริบทอยเู่ สมอ) การเป็นผู้บริหารที่ดี จะต้องเข้าใจในความแตกต่างระหว่างบุคคล ทั้งในเร่ืองความคิด ทัศนคติ และ พฤติกรรม เนื่องจากแต่ละคนมาจากสภาพครอบครัว สิ่งแวดล้อม และการศึกษาท่ีแตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงต้อง “ยอมรับในความแตกต่าง” พร้อมทั้งควร “รู้สัมผัส” แสดงไมตรีท่ีเป็นมิตรต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจน “การ พูดจาในเชิงบวก” จะทาให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีขวัญและกาลังใจในการทางาน ซ่ึงส่งผลต่อการปฏิบัติงานที่มี ประสทิ ธิภาพมากย่ิงข้นึ ตามทฤษฎีสมอง สมอง ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังน้ี 1.Cerebral Cortex (สมองส่วนนอก) ทาหน้าท่ี หนหา้ นห้า6นา้ เกย่ี วกบั สติปัญญา ความฉลาด และ 2.Limbic System (สมองส่วนใน) ทาหน้าทีเ่ ก่ยี วกบั อารมณ์ ความรสู้ ึก จติ ใจ 272171 และหากสมองส่วนในได้รับการกระตุ้นในทางบวกจะทาให้ขยายส่งผลต่อสมองส่วนนอก น่ันหมายความว่า การมี ความรู้สึกท่ีดี อารมณ์แจ่มใส จะทาให้มนุษย์ฉลาดข้ึน นอกจากน้ัน สมอง แบ่งออกเป็น 2 ซีก คือ ซีกขวา ทาหน้าท่ี เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถทางศิลปะ และซีกซ้าย ทาหน้าที่เกี่ยวกับการอ่าน การพูด ความเก่ง ความฉลาด ซึ่งหากกระตุ้นสมองซีกขวาอย่างเหมาะสม จะทาให้ขยายส่งผลต่อสมองซีกซ้ายด้วย แสดงให้เห็นว่า ตามทฤษฎีสมอง หากมนุษย์มีความสุข จะส่งผลต่อปฏิกิริยาและการกระทาที่แสดงออกมา และเม่ือนาปรับใช้กับ การทางาน แสดงว่า ถ้าเราอยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เก่งและตัง้ ใจทางาน เราตอ้ งทาให้เขามีความสุขโดยใชส้ าเนียง โทนต่า ชา้ ๆ และเป็นมิตร สรุปว่าการทางานในองค์กร เราต้องปรับกระบวนทัศนใ์ หม่ โดยต้องมีการกาหนดวิสัยทัศนร์ ่วมกันระหว่าง ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อจะได้ทราบว่าองค์กรเราจะดาเนินไปในทิศทางใด มีกลยุทธ์และวิธีการ ใดบา้ งทจ่ี ะทาใหบ้ รรลุเป้าหมายที่วางไว้รว่ มกัน โดยเราซ่งึ เป็นหวั หนา้ ตอ้ งดงึ ศักยภาพของผู้ใตบ้ งั คับบญั ชาแต่ละคน ออกมาใช้ให้เหมาะสม “Put the right man on the right job” ใช้คนให้ตรงกับงาน เน้นการทางานเป็นทีม ตลอดจนเข้าใจและยอมรบั ในความตา่ งของแตล่ ะคน การบรหิ ารผลงานและการจดั ทาคาร้องการปฏิบตั ริ าชการ
ยุทธศาสตรน์ โยบายการสง่ เสริมและพฒั นาท้องถ่ินร่วมขบั เคลื่อนลงสพู่ ้นื ท่ี แผนพฒั นาท้องถิ่น พ.ศ. 2566-2570 การจดั ทาแผนพฒั นาทอ้ งถ่ินประกอบดว้ ย 1) คณะกรรมการพัฒนาทอ้ งถนิ่ 2) คณะกรรมการสนับสนนุ การจัดทาแผนพฒั นาทอ้ งถนิ่ 3) คณะกรรมการตดิ ตามและประเมนิ ผลแผนพฒั นาท้องถ่นิ ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ แตง่ ต้งั คณะกรรมการพฒั นาท้องถ่นิ ประกอบด้วย 1) ผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ ประธานกรรมการ 2) รองนายกองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ทุกคน กรรมการ 3) สมาชกิ สภาท้องถ่ิน สภาทอ้ งถนิ่ คดั เลือก 3 คน (4 ปี) กรรมการ 4) ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ผ้บู รหิ ารท้องถ่ินคดั เลือก 3 คน (4 ปี) กรรมการ 5) ผ้แู ทนภาคราชการ รฐั วิสาหกจิ ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถิ่นคดั เลือก ไม่น้อยกว่า 3 คน (4 ปี) กรรมการ 6) ผู้แทนประชาคมท้องถ่นิ ที่ประชาคมทอ้ งถ่นิ คัดเลอื กจานวน ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 คนแตไ่ มเ่ กนิ 6 คน (4 ปี) กรรมการ 7) ปลดั องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ กรรมการและเลขานุการ หนห้านห้า6นา้ 27272 8) หัวหน้าสว่ นการบริหารท่ีมีหนา้ ทจ่ี ดั ทาแผน ผู้ชว่ ยเลขนกุ าร ผู้บริหารทอ้ งถ่นิ แต่งต้ังคณะกรรมการสนับสนุนการจดั ทาแผนพัฒนาท้องถ่ินประกอบด้วย 1) ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ประธานกรรมการ 2) หัวหนา้ ส่วนการบริหารขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน กรรมการ 3) ผู้แทนประชาคมท้องถิน่ ท่ีประชาคมทอ้ งถิน่ คัดเลอื กจานวน 3 คน กรรมการ 4) หวั หนา้ ส่วนการบรหิ ารทม่ี ีหน้าที่จดั ทาแผน กรรมการและเลขานุการ 5) เจ้าหน้าทว่ี ิเคราะห์นโยบายและแผน หรือผ้ทู ร่ี ับมอบหมาย ผู้ช่วยเลขานุการ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพฒั นาทอ้ งถน่ิ ประกอบดว้ ย 1) สมาชกิ สภาท้องถนิ่ 2) ผูแ้ ทนประชาคมท้องถิน่ 3) ผแู้ ทนหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้อง 4) หวั หนา้ ส่วนในองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ 5) ผทู้ รงคุณวฒุ ิ
แผนพัฒนาท้องถิ่น พ.ศ. 2566- 2570 มีรายละเอยี ดประกอบดังน้ี หนห้านหา้6นา้ ส่วนท่ี 1 สภาพท่ัวไปและข้อมูลพ้ืนฐาน จะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างแผนพัฒนาระดับมหภาค 272373 ประกอบด้วย 1.1 แผนยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี 1.2 แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ปจั จุบัน 1.3 แผนพฒั นาภาค/ แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด/ แผนพัฒนาจังหวดั 1.4 ยุทธศาสตร์การพัฒนาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในเขตจงั หวดั ส่วนท่ี 2 ยทุ ธศาสตร์ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ประกอบดว้ ย 2.1) วิสัยทัศน์ 2.2) ยทุ ธศาสตร์ 2.3) เปา้ ประสงค์ 2.4) ตวั ช้วี ดั 2.5) ค่าเปา้ หมาย 2.6) กลยุทธ์ 2.7) จุดยนื ทางยุทธศาสตร์ 2.8) ความเชื่อมโยงของยุทธศาสตรใ์ นภาพรวม แนวทางการจัดทาและประสานแผน นายอาเภอหรือผู้บริหารท้องถิ่น จะเป็นผู้ประสานกาหนดปฏิทิน การจัดเวทีประชาคมตามท่ี กรรมการหมบู่ ้าน คณะกรรมการชมุ ชนเสนอ กรณีไม่มีกานัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้คณะกรรมการชุมชนจัดทาแผนชุมชน ส่วนการสนับสนุนและกากับ ดูแล จะมีอาเภอ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลัก สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอ เป็นหน่วยงานสนับสนุนการจัดทาแผนโดยมีนายอาเภอกากับดูแลให้การจัดทาแผนเป็นไปตามระเบียบที่ เกย่ี วขอ้ ง ส่วนที่ 3 การนาแผนพฒั นาทอ้ งถ่ินไปส่กู ารปฏิบัติ จะเปน็ แผนงาน/โครงการชมุ ชน ซงึ่ ประกอบดว้ ย 3.1) โครงการ/กิจกรรม ให้เรียงตามลาดับความสาคัญ รวมทุกด้าน อาจเพิ่มเติมความต้องการได้ และต้องสอดคล้องกับบริบทชุมชน : รูปแบบหรือตารางการนาเสนอปรับให้สอดคล้องกับหน่วยงานแหล่ง งบประมาณ เน้น ตามรปู แบบของ อปท.หรือตามประเด็นยุทธศาสตร์ 3.2 โครงการ/กจิ กรรม แยกตามด้าน ดังน้ี 3.2.1 ดา้ นเศรษฐกิจ 3.2.2 ด้านสังคมและคุณภาพชวี ติ 3.2.3 ด้านทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 3.2.4 ดา้ นความมน่ั คงและความสงบเรยี บรอ้ ย
3.2.5 ดา้ นบริหารจัดการ แบบบญั ชโี ครงการพัฒนาท้องถนิ่ มีดงั นี้ 1. แบบ ผ.01 บญั ชีสรุปโครงการพฒั นาทอ้ งถน่ิ ใหน้ าไปไว้เปน็ แผ่นแรกของแบบต่าง ๆ 2. แบบ ผ.01/1บัญชีสรุปโครงการพัฒนาท้องถ่ินท่ีนามาจากแผนพัฒนาหมู่บ้านและแผนชุมชน ใหเ้ รียงลาดับต่อจาก แบบ ผ.01 3. แบบ ผ.02 รายละเอียดโครงการพัฒนาเป็นแบบสาหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่ต้องการ ลงรายละเอียดในแผน เพ่ือนาไปจัดทางบประมาณรายจ่าย และสามารถนาโครงการในแบบ ผ.02 ไปขอ งบประมาณจากหนว่ ยงานอน่ื ได้โดยไมต่ อ้ งแกไ้ ขหรอื เปลี่ยนแปลง ไปอยใู่ นแบบ ผ.02/2 4. แบบ ผ.02/1 รายละเอียดโครงการพัฒนา เป็นแบบสาหรบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่นามา จากแผนพัฒนาหมู่บ้านและแผนพัฒนาชุมชนมาดาเนินการ หากจะนาโครงการในแบบ ผ.02/1 ไปจัดทา งบประมาณรายจา่ ย สามารถดาเนนิ การได้ 5. แบบ ผ.02/2 รายละเอียดโครงการพัฒนา สาหรับโครงการท่ีเกินศักยภาพของ อปท. ท่ีใช้ สาหรบั การประสานแผนพัฒนาท้องถ่ิน 6. แบบ ผ.03 บญั ชคี รุภัณฑ์ กระบวนการแผนพัฒนาทอ้ งถ่นิ ท่ีใชใ้ นปัจจุบัน จะใช้กับ 3 กรณี ดงั นี้ 1. แก้ไขแผน ตามระเบียบข้อ 21 เป็นอานาจของผู้บริหารท้องถิ่น เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาด หนห้านหา้6นา้ เล็กน้อย เช่นแก้ไขคาผิด ย้ายปี ราคากลาง สามารถทาบันทึกข้อความ ประกาศได้โดยไม่ต้องประชุมสภา ให้ปิด 272474 ประกาศให้ประชาชนทราบโดยเปิดเผย ไม่น้อยกว่า 30 วันนับแต่วันที่ผู้บริหารท้องถิ่นเห็นชอบ พร้อมแจ้งสภา ท้องถนิ่ อาเภอ จงั หวัดทราบ 2. เพม่ิ เติมแผน ตามระเบียบข้อ 22 มีขนั้ ตอนดังนี้ ตอ้ งมกี ารประชุมกรรมการสนับสนนุ การจัดทา แผนจัดทาร่างแผนเพือ่ เพิม่ เติมพร้อมเหตผุ ลและความจาเป็นเสนอคณะกรรมการพฒั นาท้องถน่ิ และคณะกรรมการ พัฒนาท้องถิ่น ทาการประชาคมท้องถิ่น ถ้าเป็น อบต.ต้องมีการประชุมสภาเห็นชอบ มีการประกาศ แล้วจึงเพิ่ม โครงการทไ่ี ม่เคยมีอย่ใู นแผน 3. การเปลีย่ นแปลงแผน ตามระเบียบขอ้ 22/1 เป็นอานาจของคณะกรรมการพัฒนาทอ้ งถ่นิ 4. การเปลี่ยนแปลงแผนพัฒนาท้องถ่นิ สาหรับนโยบายแห่งรฐั โครงการพระราชดาริ
งานพระราชพิธีรัฐพิธี ให้เป็นอานาจของผู้บริหารการดาเนินการตามแผนพัฒนาท้องถ่ิน ตามหนังสือ กระทรวงมหาดไทย ด่วนทีส่ ุด ที่ มท 0810.3/ว3867 ลงวันท่ี 6 กรกฎาคม 2564 ในเรื่อง การซกั ซอ้ มแนวทางการ ดาเนนิ การตามแผนพัฒนาทอ้ งถน่ิ โดยถือปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 1. ตรวจสอบแผนก่อน ให้ อปท. พิจารณาทบทวนโครงการพัฒนาตามแผนพัฒนาท้องถ่ินในการ กาหนดราคากลาง คุณลักษณะมาตรฐาน ก่อนนาไปจัดงบประมาณรายจา่ ยประจาปี งบประมาณรายจา่ ยเพิ่มเตมิ การใช้งบประมาณจากเงนิ สะสม การตงั้ งบประมาณอุดหนุนใหแ้ ก่หน่วยงานอื่น รวมถงึ การจัดทาคาของบประมาณ เงินอดุ หนุนเฉพาะกิจ 2. ผู้บริหารท้องถิ่นแผนพัฒนามีอานาจในการแก้ไข 3 เร่ือง คือ ราคากลาง แผนงาน แก้ไขปีท่ี จะดาเนนิ การตามโครงการพฒั นาที่ปรากฏ 3. เมื่อสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้ให้ความเห็นชอบในวิธีการงบประมาณและเป็นไปตาม กรอบของแผนแลว้ ไม่ต้องแกไ้ ขเปลยี่ นแปลงอีก 4. การจดั ทาแผนการดาเนนิ งานเพิ่มเตมิ ของ อปท.ให้เป็นอานาจของผู้บรหิ าร 5. ก212 6. ให้ภาคเอกขนในพื้นที่มีส่วนร่วมกับการดาเนินกิจกรรมโครงการเพ่ือให้เกิดสิทธิประโยชน์ตอบ แทนกลับสู่ อบต. 7. ปัญหาดา้ นการเดนิ ทางมารับบริการ หนหา้ นห้า6นา้ 8. กิจกรรมตามประเพณีบางกจิ กรรมไมส่ ามารถดงึ ดูดประชาชนทกุ 272575 2.1.2 กระบวนการจัดการ (Process) ผลการวจิ ยั พบว่า 1. ระเบยี บการดาเนินงานและกฎเกณฑต์ า่ ง ๆ เก่ยี วกับงานด้านการส่งเสรมิ 2. กีฬาาและนันทนาการไม่มีความชดั เจนและไม่มคี วามยืดหยนุ่ 3. การกาหนดกฎเกณฑแ์ ละระเบยี บในการดาเนนิ งานดา้ นกีฬาและ 4. นันทนาการท่มี คี วามชดั เจนจะทาให้ อบต. ดาเนนิ งานและสรา้ งสรรค์กิจกรรมกีฬา 5. ภาครัฐส่วนกลางควรส่งเสริมนโยบายด้านกีฬาและนันทนาการกับประชาชนในพื้นท่ีโดยตรง มากข้ึน เนื่องจากมีความต้องการของประชาชนแฝงอยู่ โดยมี อบต. เป็นผู้ประสานงานและอานวยความสะดวกใน พนื้ ที่ เนื่องจากส่วนกลางมีบุคลากรทม่ี อี งค์ความรู้และมีความเชย่ี วชาญมากกวา่ อบต. 6. ปัญหาความไม่สอดคล้องของนโยบายจากหน่วยงานส่วนกลาง กับหน่วยงานตรวจสอบการใช้ จ่ายงบประมาณ 7. มีการสนบั สนุนการจัดการสถานท่ใี ห้กบั โรงเรยี นในพื้นที่ 8. ปญั หาด้านการจัดการเวลาและความปลอดภัยในการใช้สถานทีข่ องสถานศกึ ษาท่ีอยู่ในพ้ืนที่
2.1.3 ผลผลติ (Output) ผลการวจิ ัยพบวา่ 1) ปัญหาด้านรูปแบบกิจกรรมกีฬาและนันทนาการ ใบด้านความซ้าเติมไม่น่าสนใจ และไม่ เหมาะสมกับคนทกุ วัย 2) เป็นจุดศูนย์รวมประชาชนในพ้ืนท่ี ให้สามารถรับบริการด้านสุขภาพจากหน่วยงานในระดับภูมิภาคที่มี กจิ กรรมโครงการส่งเสริมด้านสขุ ภาพ 3) มีการจัดหาหรืออานวยความสะดวกเกยี่ วกบั อุปกรณ์ฬา 4) เป็นศูนย์รวมภาคประชาชนทุกระดับอายุภายในชุมซนเพ่ือทากิจกรรมเชิงสุขภาพและกิจกรรม นนั ทนาการกลมุ่ อายุรณีเกดิ สาธารณภัย เหตฉุ กุ เฉนิ ไม่ไดต้ ้องจัดทาแผนพัฒนาท้องถ่นิ หนหา้ นห้า6นา้ 272676
หลักการดาเนินการตามกฎหมายผังเมืองและควบคุมอาคาร 1. ความสาคญั ของการวางแผนพฒั นาเมืองชุมชนในเขตปกครองส่วนท้องถิน่ 1. การจดั สรรทรัพยากร ก. พน้ื ทีอ่ นรุ ักษ์ มี 2 ประเภท คือ ธรรมชาติ มนษุ ย์สรา้ ง ข. พน้ื ทีน่ ามาพัฒนา 1) ภาครัฐ (1) ระบบขนส่ง - ทางบก - ทางอากาศ - ทางน้า (2) ระบบสาธารณูปโภค สาธารณปู การ และบริการสาธารณะ 2) ภาคเอกชน - ทอี่ ย่อู าศยั - เกษตรกรรม - พาณิชยกรรม - อตุ สาหกรรม 2. ปัญหาการพฒั นาเมือง 2.1. ขาดการกาหนดกรอบทช่ี ดั เจนในการแบ่งพ้นื ท่ี 2.2 พ้นื ที่พฒั นาขาดการวางแผนในการใชท้ ่ดี นิ อยา่ งเปน็ ระบบ กอ่ ให้เกิดปัญหา หนหา้ นหา้6นา้ 272777 - การทาลายทรัพยากรธรรมชาติ กระทบสิ่งแวดล้อม - ทาลายสิง่ ท่มี ีคณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตร์ - ทาลายแหล่งต้นนา้ ลาธาร - บกุ รุกลาน้าหรือแหลง่ น้าธรรมชาติ ชายทะเล หาดทราย ภเู ขา ปา่ ไม้ และพื้นที่อนรุ กั ษ์ตา่ งๆ - พัฒนาเมืองในพื้นทเี่ สีย่ งภัย ท่ีลุม่ ตา่ (ขวางทางนา้ ดินถล่ม) - เกิดการท้ิงทด่ี นิ ในเมืองให้รกรา้ งวา่ งเปล่า - ปญั หาน้าเสีย - ปัญหาขยะ - ปญั หารถติด - ปญั หาอุบตั ิเหตทุ ี่เกดิ จากการเดินทางและขนสง่ - ปัญหามลพิษ 2. ประเภทหรือชนิดของผังเมือง • ผังประเทศ • ผังภาค • ผังจังหวัดหรือผังโครงสร้างจงั หวัด • ผังเมืองรวม • ผังเมอื งเฉพาะ • ผังเฉพาะพน้ื ที่
3. กระบวนการทางผังเมอื ง ระดับประเทศ หนห้านห้า6นา้ ระดับภาค/อนภุ าค 272878 ระดบั จงั หวดั ระดับเมอื ง/ชุมชน 4. รฐั ธรรมนูญกับการผังเมอื ง มาตรา 38 บคุ คลยอ่ มมีเสรีภาพในการเดินทางและเลอื กถนิ่ ที่อยู่ การกาจัดเสรีภาพตามวรรคหน่ึงจะกระทามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายที่ตราขึ้น เพ่ือความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือการผังเมือง หรือ เพือ่ รักษาสถานภาพของครอบครัว หรือเพื่อสวสั ดภิ าพของครอบครวั มาตรา 72 รฐั พึงดาเนินการเกีย่ วกบั ท่ดี นิ ทรพั ยากรนา้ และพลังงาน ดังตอ่ ไปนี้ (1) วางแผนการใช้ท่ีดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพพื้นท่ี และศักยภาพของท่ีดินตาม หลกั การพัฒนาอยา่ งย่งั ยนื (2) จัดใหม้ ีการวางผงั เมอื งทุกระดับ และบงั คบั การใหเ้ ปน็ ไปตามผังเมืองอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รวม ตลอดท้ังพัฒนาเมืองใหม้ ีความเจรญิ โดยสอดคลอ้ งกับความต้องการของประชาชนในพนื้ ที่ 5. ความหมายของคาว่า “การผังเมือง” “การผังเมือง”หมายความว่า การวาง จัดทา และการดาเนินการ ให้เป็นไปตามผังเมืองในระดับต่าง ๆ สาหรับเปน็ กรอบชี้นาการพัฒนาทางด้านกายภาพในระดับประเทศ ระดับภาค ระดับจังหวัด ระดับเมือง ระดับชนบท และ พน้ื ท่ีเฉพาะควบค่กู ับแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ เพ่ือการพฒั นาเมือง บรเิ วณท่เี กี่ยวขอ้ ง หรือชนบทให้
มีหรือทาให้ดีย่งิ ขึน้ ซ่ึงสุขลักษณะความสะดวกสบาย ความเปน็ ระเบียบ ความสวยงาม การใชป้ ระโยชนใ์ นทรัพย์สิน หนห้านห้า6นา้ การคมนาคมและการขนส่ง ความปลอดภัยของประชาชน สวัสดิภาพของสังคม การป้องกันภัยพิบัติ และการ 272979 ป้องกันความขัดแย้ง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพ่ือส่งเสริมการเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดลอ้ ม เพ่ือดารงรักษา หรือบูรณะสถานท่ีและวัตถุท่ีมีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์หรือโบราณคดี หรือบารงุ รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม ภูมปิ ระเทศทีง่ ดงามหรือมคี ุณค่าในทางธรรมชาติ พระราชบัญญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 การใชบ้ ังคับพระราชบญั ญัติควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 (มาตรา 2) - พระราชกฤษฎีกา - เขตผงั เมืองรวม ขอ้ ยกเว้น - อาคารสงู - อาคารขนาดใหญพ่ ิเศษ - อาคารชมุ นุมคน - โรงมหรสพ 1. ไม่ใชบ้ งั คับกับ (มาตรา 6) - พระทนี่ ัง่ - พระราชวงั 2. การยกเวน้ ผอ่ นผัน หรือกาหนดเงือ่ นไขในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยกฎกระทรวง (มาตรา 7) - ทงั้ หมด - บางสว่ น อาคารต่าง ๆ ดังน้ี (1) อาคารของกระทรวง ทบวง กรม ท่ใี ชใ้ นราชการหรือใช้เพอื่ สาธารณประโยชน์ (2) อาคารของราชการส่วนทอ้ งถน่ิ ทใี่ ชใ้ นราชการหรอื ใช้เพ่ือสาธารณประโยชน์ (3) อาคารขององค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ท่ีใช้ในกิจการขององค์การหรือใช้เพื่อ สาธารณประโยชน์ (4) โบราณสถาน วัดวาอาราม หรืออาคารต่าง ๆ ที่ใช้เพ่ือการศาสนาซึ่งมีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างไว้ แล้วโดยเฉพาะ (5) อาคารท่ีทาการขององค์การระหว่างประเทศ หรืออาคารที่ทาการของหนว่ ยงานที่ตง้ั ขึ้นตามความตกลง ระหวา่ งรฐั บาลไทยกบั รฐั บาลตา่ งประเทศ (6) อาคารที่ทาการสถานทตู หรอื สถานกงสุลตา่ งประเทศ (7) อาคารช่ัวคราวเพ่อื ใช้ประโยชน์ในการก่อสรา้ งอาคารถาวรหรืออาคารเพื่อใช้ประโยชนเ์ ป็นการช่วั คราว ทีม่ ีกาหนดเวลาการร้ือถอน
(8) อาคารที่กระทรวง ทบวง กรม ราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน รฐั วสิ าหกจิ องค์การของรฐั ท่จี ัดต้งั ข้นึ ตามกฎหมาย หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ จัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสาหรับผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้ ต้องมิใช่การยกเว้นหรอื ผอ่ นผนั เง่ือนไขเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภยั ของอาคารหรือความปลอดภัยของผซู้ ่ึงอยู่อาศัยหรือ ใช้อาคาร กฎกระทรวงว่าดว้ ยการยกเวน้ ผอ่ นผัน หรือกาหนดเง่ือนไข ในการปฏบิ ัติ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการควบคุมอาคาร พ.ศ. 2550 สาระสาคญั ของกฎกระทรวง 1. ยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต ตามมาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34อาคาร ดังต่อไปนี้ (1) อาคารของกระทรวง ทบวง กรม ทใ่ี ชใ้ นราชการหรอื ใชเ้ พ่ือสาธารณประโยชน์ (2) อาคารของราชการส่วนท้องถิ่น ท่ีใช้ในราชการหรือใชเ้ พ่ือสาธารณประโยชน์ (3) อาคารขององค์การของรัฐที่จัดต้ังขึ้นตามกฎหมาย ที่ใช้ในกิจการองค์การหรือใช้เพื่อ สาธารณประโยชน์ (4) โบราณสถาน วดั วาอาราม หรืออาคารตา่ ง ๆ ท่ใี ชเ้ พ่อื การศาสนาซ่งึ มกี ฎหมายควบคมการ ก่อสร้างไวแ้ ลว้ โดยเฉพาะ (5) อาคารที่ทาการขององค์การระหวา่ งประเทศ หรืออาคารท่ีทาการของหนว่ ยงานที่ตั้งข้ึนตาม หนหา้ นห้า6นา้ ความตกลงระหว่างไทยกบั รฐั บาลต่างประเทศ (6) อาคารที่ทาการสถานทตู หรือสถานกงสลุ ตา่ งประเทศ 282080 เจ้าพนักงานท้องถน่ิ ขอ้ บญั ญัตทิ ้องถิน่ 1. ออกข้อบญั ญัติท้องถิน่ ตาม ม.9 ในเขตพ้นื ที่ทีไ่ มม่ กี ฎกระทรวงตาม ม.8 2. ออกขอ้ บัญญตั ิทอ้ งถ่ิน ตาม ม.10 ในกรณีมีกฎกระทรวงตาม ม.8 แล้ว 2.1 ออกกาหนดรายละเอียดเพิม่ เตมิ โดยไมข่ ดั หรือแยง้ กบั กฎกระทรวง 2.2 ออกขัดหรอื แยง้ กับกฎกระทรวง ท่อี อกตาม ม.8 3. ออกขอ้ บัญญตั ทิ ้องถ่ิน ตาม ม.13 ในกรณียังไมม่ กี ฎกระทรวง ม.8 (10)
กำรบริหำรทรพั ยำกรบคุ คล (Human Resource management) ควำมเปน็ มำของกฎหมำยทเ่ี กยี่ วกับกำรบริหำรงำนบุคคลขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในปัจจุบัน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การ บริหารงานบุคคล (หลักเกณฑ์ ก.จังหวัด) ที่มีการประกาศใช้บังคับในแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นไปตามท่ีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ระเบยี บบรหิ ารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถ่ิน พ.ศ. 2542 มาตรา 13, 14 หนหา้ นหา้6นา้ สาหรับตน้ กาเนิดของกฎหมายฉบับน้ี มที ม่ี าจาก 1. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540 หมวดท่ี 9 ว่าด้วยการปกครองส่วน 282181 ท้องถิ่น ตั้งแต่มำตรำ 282 ถึงมำตรำ 290 สรุปได้ว่า รัฐจะต้องให้ความเป็นอิสระแก่ท้องถิ่น ตามหลักแห่งการ ปกครองตนเอง ตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถ่ิน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้ังหลาย ย่อมมีอิสระใน การกาหนดนโยบายการปกครอง การบริหารการบริหารงานบุคคล การเงิน และการคลัง และมีอานาจหน้าที่ของ ตนเองโดยเฉพาะ โดยรัฐบาลเป็นผู้กากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เท่าที่จาเป็นภายในกรอบของกฎหมาย และเพือ่ กระจายอานาจให้แกท่ ้องถิ่น เพม่ิ ข้ึนอย่างต่อเน่อื ง 2. รัฐธรรมนญู แหง่ รำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2550 มาตรา 283 องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินย่อมมีอานาจหน้าที่โดยท่ัวไปในการดูแลและจัดทาบริการ สาธารณะเพื่อประโยชนข์ องประชาชนในท้องถ่ินและย่อมมีความเป็นอิสระในการกาหนดนโยบาย การบริหาร การ จัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลังและมีอานาจหน้าท่ีของตนเองโดยเฉพาะโดยต้อง คานึงถงึ ความสอดคลอ้ งกับการพัฒนาของจงั หวดั และประเทศเปน็ สว่ นรวมด้วย มาตรา 288 การแต่งต้ังและการให้ข้าราชการและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพ้นจาก ตาแหน่งต้องเป็นไปตามความเหมาะสมและความจาเป็นของแต่ละท้องถิ่น โดยการบริหารงานบุคคลขององค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ต้องมมี าตรฐานสอดคล้องกนั และอาจไดร้ บั การพัฒนาร่วมกนั หรือสบั เปลยี่ นบุคลากรระหว่าง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินด้วยกันได้ รวมทั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการสว่ นท้องถิ่นซึ่ง เป็นองคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถนิ่ กอ่ น ทัง้ น้ี ตามทก่ี ฎหมายบัญญัติ
ในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินต้องมีองค์กรพิทักษ์ระบบคุณธรรมของ ข้าราชการสว่ นท้องถ่ินเพ่ือสร้างระบบคุ้มครองคุณธรรมและจริยธรรมในการบริหารงานบุคคลทั้งนี้ ตามที่กฎหมาย บญั ญัติ 3. รัฐธรรมนญู แหง่ รำชอำณำจกั รไทย พ.ศ.2560 มาตรา 251 การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายบัญญัติ ซ่ึงต้องใช้ระบบคุณธรรมและต้องคานึงถึงความเหมาะสมและความจาเป็นของแต่ละท้องถิ่นและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ การจัดให้มีมาตรฐานท่ีสอดคล้องกันเพื่อให้สามารถพัฒนาร่วมกันหรือการสับเปล่ียน บคุ ลากรระหว่างองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นด้วยกนั ได้ มาตรา 258 ข. ด้านการบริหารราชการแผน่ ดิน (1) ให้มีการนาเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินและการจัดทา บริการสาธารณะเพ่อื ประโยชนใ์ นการบริหารราชการแผน่ ดนิ และเพื่ออานวยความสะดวกใหแ้ ก่ประชาชน (2) ให้มีการบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เป็นระบบ ข้อมูล เพื่อการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ และการบริการประชาชน (3) ให้มีการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างและระบบการบริหารงานของรัฐและแผนกาลังคนภาครัฐ ให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ โดยต้องดาเนินการให้เหมาะสมกับภารกิจของหน่วยงานของรฐั แต่ละหนว่ ยงานทีแ่ ตกต่างกนั (4) ให้มีการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารงานบุคคลภาครัฐเพื่อจูงใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถ อย่างแท้จริงเข้ามาทางานในหน่วยงานของรัฐ และสามารถเจริญก้าวหน้าได้ตามความสามารถและผลสัมฤทธิ์ของ งานของแต่ละบุคคล มีความซื่อสัตย์สุจริต กล้าตัดสินใจและกระทาในสิ่งท่ีถูกต้องโดยคิดถึงประโยชน์ส่วนรวม หนห้านห้า6นา้ มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีความคิดสร้างสรรค์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้การปฏิบัติราชการและการ บริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีมาตรการคุ้มครองป้องกันบุคลากรภาครัฐจากการใช้ 28282 อานาจโดยไม่เป็นธรรมของผบู้ ังคับบญั ชา (5) ให้มีการปรับปรุงระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐให้มีความคล่องตัว เปิดเผย ตรวจสอบได้ และมี กลไกในการปอ้ งกนั การทจุ รติ ทุกขั้นตอน 4. พระรำชบัญญัติระเบียบบรหิ ำรงำนบคุ คลสว่ นท้องถน่ิ พ.ศ. 2542 1) กาหนดให้มีคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) มีอานาจในการ กาหนดมาตรฐานกลางเป็นกรอบให้ ก.กลางกาหนดมาตรฐานทั่วไปตามมาตรา 30 และมาตรา 33 2) กาหนดให้มีคณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ินมีอานาจในการกาหนด มาตรฐานทว่ั ไปเปน็ กรอบให้ ก.จงั หวดั กาหนดหลกั เกณฑ์ตามมาตรา ๑๖, ๑๗, ๑๘, ๒๔, ๒๖ 3) กาหนดให้มีคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ินจังหวัดมีอานาจในการกาหนด หลักเกณฑใ์ ช้บังคับการบรหิ ารงานบุคคลตามมาตรา 13, 14 มาตรา 15 การออกคาสั่งเกี่ยวกับการบรรจุแต่งตั้งการย้ายการโอนการรับโอนการเลื่อนระดับการ เล่ือนขั้นเงนิ เดือนการสอบสวนการลงโทษทางวินัยการให้ออกจากราชการการอุทธรณ์และการร้องทุกขห์ รือการอ่ืน ใดท่ีเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลให้เป็นอานาจของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดครั้งน้ีตามหลักเกณฑ์ท่ี คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาหนดแต่สาหรับการออกคาส่ังแต่งต้ังและการให้ข้าราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตาแหน่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดก่อน
มาตรา 15 วรรคสอง ให้อานาจของนายกตามวรรคหนึ่งอาจมอบให้ผู้บังคับบัญชาข้าราชการใน ตาแหนง่ ใดเปน็ ผ้ใู ช้อานาจแทนนายกไดต้ ามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด หนหา้ นหา้6นา้ 282383 ยุทธศำสตรช์ ำติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ยุทธศำสตรท์ ่ี 6 ด้ำนกำรปรับสมดุลและพัฒนำระบบบรหิ ำรจัดกำรภำครัฐ 4.4 ภาครัฐมีความทันสมัย ทันการเปล่ียนแปลง มีขีดสมรรถนะสูง สามารถปฏิบัติงานอย่างมี ประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เทียบได้กับมาตรฐานสากล สามารถรองรับกับสภาพแวดล้อม ในการปฏิบัติงานท่ีมี ความหลากหลายซับซ้อนมากข้นึ ทนั การเปลีย่ นแปลงในอนาคต 4.4.2 พฒั นาและปรับระบบวธิ ีการปฏบิ ัติราชการให้ทนั สมยั ทันการเปล่ยี นแปลง 4.5 บุคลากรภาครัฐเป็นคนดีและเก่ง ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสานึก มีความสามารถสูง มุ่งมน่ั และเป็นมอื อาชพี ในการปฏิบตั ิหนา้ ทแ่ี ละขับเคลื่อนภารกจิ ยทุ ธศาสตร์ 4.5.1 ภาครัฐมีการบริหารกาลังคนที่มีความคลอ่ งตัว ยึดระบบคุณธรรม เพ่ิมความยืดหยุ่น คล่องตัว ใหก้ ับหน่วยงานภาครัฐในการบรหิ ารทรัพยากรบุคคลในทกุ 4.5.2 บุคลากรภาครัฐยึดค่านิยมในการทางานเพ่ือประชาชน มีคุณธรรม และมีการพัฒนาตาม เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ พัฒนาขีดความสามารถบุคลากรภาครัฐและวางมาตรฐานท่ีเหมาะสมกับเส้นทาง ความก้าวหน้าในสายอาชีพให้มีสมรรถนะใหม่ ๆ ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทางานและสร้างค่านิยม ในการ ปฏิบัติงานเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม สามารถบูรณาการการทางานร่วมกับภาคส่วนอ่ืนได้ อย่างเป็น รูปธรรม
ยุทธศำสตร์กำรบริหำรทรัพยำกรบคุ คลสว่ นท้องถนิ่ พ.ศ. 2561-2565 ยุทธศำสตร์ท่ี 1 การปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากาลังให้เหมาะสมกับประเภทองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถน่ิ กลยทุ ธ์ท่ี 1.1 จัดทาโครงสร้างองค์กรและองค์กรให้เหมาะสมกับท้องถ่ินและลกั ษณะขององค์กรส่วน ท้องถิ่น ผลลัพธ์ • มหี ลักเกณฑ์และมาตรฐานจัดรูปแบบโครงสรา้ งองค์กรทีเ่ หมาะสมและคุ้มคา่ กบั ท้องถิน่ และ ลักษณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภท • มหี ลักเกณฑ์ แนวทาง และมาตรฐานในการกาหนดอตั รากาลงั ใหส้ อดคล้องกบั ภาระงานและ สถานการณ์ทีเ่ ปลี่ยนแปลงของแต่ละพ้ืนที่ รวมถึงเคร่ืองมอื ทสี่ ามารถวเิ คราะห์และจดั สรรบุคลากรได้เหมาะสม • มีแนวทางการกาหนดอัตราสว่ นของรายจา่ ยด้านบคุ ลากรที่เหมาะสมขององค์กรปกครองส่วน ท้องถนิ่ แต่ละประเภทให้กา้ วไปสอู่ งค์กรกะทัดรดั และมปี ระสทิ ธิภาพ กลยุทธ์ที่ 1.2 จดั ระบบธนาคารคลังสมอง (Thing Tank) เตรยี มรองรับสงั คมผสู้ งู อายุ (Aging Society) ผลลพั ธ์ • มกี ลไก เครือ่ งมอื และกระบวนการรองรับสงั คมผ้สู งู อายุที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถนิ่ • มีแนวทางในการจ้างผู้ที่เกษียณอายุที่มีประสบการณ์ และความสามารถสูงเข้ามาร่วมพัฒนา หนหา้ นห้า6นา้ องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ 282484 ยทุ ธศำสตร์ที่ 2 พัฒนาประสิทธภิ าพระบบทรพั ยากรบุคคลส่วนทอ้ งถนิ่ กลยุทธ์ท่ี 2.1 ทบทวนต้นแบบสมรรถนะและพัฒนาการประเมินรูปแบบใหม่ท่ีเหมาะสม กบั Thailand 4.0 ผลลัพธ์ • มีการออกแบบ พัฒนา และทบทวนต้นแบบสมรรถนะประจาตาแหน่งท่ีเหมาะสม รองรับบริบท ท้องถน่ิ และ Thailand 4.0 • มีหลักเกณฑ์และวิธีการ หรือมาตรฐานการประเมินสมรรถนะประจาตาแหน่งท่ีน่าเชื่อถือ และ โปร่งใส สามารถนาผลการประเมินสมรรถนะมาใช้ประกอบการวางแผนการพัฒนารายบุคคล ( Individual Development Plan:IDP) กลยทุ ธ์ท่ี 2.2 ปรับกระบวนการบรหิ ารทรัพยากรบคุ คลให้มคี วามยดื หยุน่ คุ้มคา่ และเหมาะสมกับทิศ ทางการทางานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผลลัพธ์ • มขี ้อเสนอแนวทางในการปรับปรุงระบบทรพั ยากรบคุ คลที่เหมาะสมกบั บรบิ ททเ่ี ปล่ยี นแปลง • มขี ้อเสนอในการปรบั ปรงุ มาตรฐานทว่ั ไป • มีข้อเสนอการลดขั้นตอน และปรับปรุงระบบทรัพยากรบุคคลสู่ระบบการบริการจุดเดียว (one Stop Service) หรือเกิดการใช้แอพพลเิ คชนั่ (Application)
• มีการทบทวนและกาหนดกลไกในการกระจายอานาจในคณะกรรมการท้องถ่ินจังหวัดท่ีทาใหก้ าร บรหิ ารงานบุคคลคุม้ คา่ และมีความรวดเร็วมากขน้ึ • มีแนวทางการใหอ้ อกจากตาแหน่งก่อนเกษยี ณ (Early Retire) ทเ่ี หมาะสมกับองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถน่ิ ยุทธศำสตรท์ ่ี 2 พัฒนาประสทิ ธภิ าพระบบทรพั ยากรบคุ คลสว่ นท้องถิ่น กลยุทธ์ที่ 2.3 สื่อสารนโยบายและมาตรฐานการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามการ เปลีย่ นแปลง และแผนปฏิรปู ประเทศดา้ นการบรหิ ารราชการแผ่นดิน ผลลพั ธ์ • มรี ูปแบบการส่ือสารนโยบายและมาตรฐานการบริหารและพฒั นาทรัพยากรบุคคลท่ีมคี วามชัดเจน มากขนึ้ • มีคู่มือการปฏิบัติงานด้านทรัพยากรบุคคล ท่ีทาให้ผู้ท่ีเก่ียวข้องมีความเข้าใจในระบบทรัพยากร บุคคลมากขึน้ และทาใหก้ ารปฏิบัติงานได้มาตรฐานที่กาหนด กลยุทธ์ท่ี 2.4 ส่งเสริม จูงใจและสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและการเป็นองค์กรแห่งความ ผกู พนั (Engaged Organization) ผลลพั ธ์ • ข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมและเป็นธรรมโดยมีการ ทบทวนอย่างนอ้ ยทุก ๆ 2 ปี หนหา้ นห้า6นา้ • มีการสารวจการเปน็ องคก์ รแห่งความผกู พัน และไปสู่กจิ กรรมกลไกลและกระบวนการตา่ ง ๆ ท่จี ะ 282585 ทาใหข้ า้ ราชการสว่ นท้องถิ่นมีความสขุ มากขึ้น กลยทุ ธ์ที่ 2.5 สรา้ งความกา้ วหนา้ ในสายอาชพี (Career Path) ที่ชัดเจน ผลลัพธ์ • มเี ส้นทางเดินสายอาชีพของแตล่ ะสายงานและขา้ มสายงาน ดงั นี้ • มีหลักเกณฑ์และวิธีการกาหนดตาแหน่งและการประเมินค่างานสู่ระดับชานาญการพิเศษ หรือ อาวุโส หรอื เช่ียวชาญ ประเภท อานวยการทอ้ งถ่นิ ระดบั ต้น และอานวยการทอ้ งถนิ่ ระดับกลาง • มีหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินการเข้าสู่ตาแหน่งท่ีสูงขึ้นโดยคานึงถึงหลักวิชาการวัดผล ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ สมรรถนะ และคณุ ลกั ษณะอ่ืน ๆ ที่จาเป็น กลยทุ ธ์ท่ี 2.5 สร้างความก้าวหนา้ ในสายอาชพี (Career Path) ทชี่ ดั เจน ผลลัพธ์ การจัดทาระบบศูนย์จัดสรรบุคลากรลงตาแหนง่ ดงั นี้ • แนวทางการโอนกรณีมีความขัดแย้ง หรือเพิ่มประสิทธิภาพ ในระดับศูนย์รับโอนย้ายประจา จงั หวัด และศูนย์รับโอนย้ายในระดบั สว่ นกลาง • การกาหนด กลไก หน้าที่และอัตรากาลังของศูนย์จัดสรรบุคลากรเข้าสู่ตาแหน่งรวมถึง กระบวนงานและระบบงานท่ีจะสนับสนุนการทางานให้รวดเร็วและทันต่อความต้องการขององค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถ่นิ • มหี ลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารในการสับเปลี่ยนหมุนเวยี น (Rotation Plan) ตาแหน่งประเภทตา่ ง ๆ
• มีแนวทางการพฒั นาเพอ่ื สร้างความก้าวหน้าในสายอาชพี กลยุทธ์ท่ี 2.6 ปรบั ปรุงระบบประเมนิ ผลการปฏิบตั ริ าชการประจาปที เ่ี หมาะสมกบั บริบทของ อปท. ผลลัพธ์ • มีการปรับปรุงระบบประเมินผลการปฏิบัติงานประจาปี และตัวชี้วัดรายบุคคลท่ีเหมาะสมของแต่ ละสายงาน • มมี าตรฐานตัวชีว้ ดั ของแตล่ ะสายงาน (KPls Basket) • มีแนวทางใหป้ ระชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมกาหนดตวั ชวี้ ดั ในการประเมนิ ผลการปฏิบัติงานประจาปี ยุทธศำสตร์ที่ 3 ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและผู้บริหารให้มีศักยภาพท่ีสอดคล้องกับการบริหาร ทรัพยากรบุคคลตามแนวทาง Thailand 4.0 กลยุทธ์ที่ 3.1 จัดทาและขับเคล่ือนแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่ตรงกับความจาเป็นของท้องถ่ิน และสอดคลอ้ งกบั Thailand 4.0 ผลลพั ธ์ • มีแผนฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่ตรงกับความจาเป็น (Training Needs) และ สอดคล้องกับ Thailand 4.0 อันจะเป็นแนวทางในการจัดทาหลักสูตรฝึกอบรมและพัฒนาที่เหมาะสมกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถน่ิ แตล่ ะแหง่ ในการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงาน • มีการสร้างเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่ประสบความสาเร็จในการ ดาเนินการต่าง ๆ ในท้องถ่ิน รวมถึงจะนาไปสู่การพัฒนาคู่มือและองค์ความรู้ในการปฏิบัติงานส่วนท้องถ่ิน (Cooking Book) สาหรับผ้บู รหิ าร และเจา้ หนา้ ท่ีดา้ นตา่ ง ๆ หนห้านหา้6นา้ • มีมาตรฐาน และแนวทางในการจัดทาแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคลสอดคล้องแผนพัฒนา 282686 ขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ หรือปัญหาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น กลยุทธ์ที่ 3.2 พัฒนา ดูแลรักษาผู้มีศักยภาพสูง และคนดีสายงานต่าง ๆ ให้สามารถขับเคลื่อนและ ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ผลลัพธ์ • องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเพียงพอและสามารถรองรับ การพัฒนา องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินอย่างเหมาะสมสอดคล้องกบั วิสยั ทัศน์ของขา้ ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ ทตี่ ้องการในอนาคต • มีนวัตกรรมในการพัฒนาและรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพสูงและคนดี ตามบริบทขององค์กร ปกครองสว่ นท้องถิน่ ในการเลือกและตัดสินใจใหอ้ อกจากตาแหน่ง หรอื การจา่ ยค่าตอบแทนท่จี ูงใจ กลยุทธ์ที่ 3.3 จดั ทาแผนเตรียมความพร้อมสตู่ าแหน่งระดบั สูงในสายงานอานวยการและบริหาร ผลลัพธ์ • มีการพัฒนาหลักสูตรท่ีเหมาะสมเพ่ือเตรียมความพร้อมบุคลากรก่อนเข้าสู่ตาแหน่งประเภท อานวยการท้องถิน่ และบรหิ ารท้องถ่ิน อนั จะทาใหก้ ารเข้าสู่ตาแหน่งเป็นไปอยา่ งเหมาะสม • มีหลักเกณฑ์และแนวทางในการคัดสรรก่อนเข้าสู่ตาแหน่งประเภทบริหารท้องถ่ิน (รองปลัด องคก์ ารบริหารสว่ นตาบล และปลดั องค์การบรหิ ารส่วนตาบล) ที่ชัดเจนเปน็ ธรรมและโปรง่ ใส • มแี ผนรองรบั หากให้มกี ารกาหนดวาระการครองตาแหน่งประเภทบริหารท้องถ่นิ ยุทธศำสตร์ที่ 4 เน้นความโปร่งใสในระบบบริหารทรัพยากรบุคคลส่วนท้องถิ่นที่ยึดหลักสมรรถนะ และการเสริมสรา้ งหลกั ธรรมาภบิ าล
กลยทุ ธท์ ่ี 4.1 สร้างความสมดลุ ระหว่างฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจาและเกดิ การตัดสินใจ บน หลักคุณธรรม ผลลัพธ์ • มีข้อเสนอในการสรา้ งความสมดุลการใชอ้ านาจหน้าทด่ี า้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบุคคลระหวา่ งฝ่าย การเมือง และข้าราชการประจา • มีแนวทางและกลไกระบบตรวจสอบจากภาคประชาชน และเครือข่าย เพ่ือความโปร่งใสในการ ทางานขององค์การบรหิ ารสว่ นตาบล • มกี จิ กรรมการส่ือสารและฝกึ อบรมหลักคุณธรรม และธรรมาภิบาลของผ้บู รหิ าร • มีเกณฑ์และกิจกรรมการประกวดองค์การบริหารส่วนตาบลและผู้บริหารที่มีคุณธรรมดีเด่น เพื่อ เปน็ ตน้ แบบในการจดั การความรู้และแบบอยา่ งให้กบั หน่วยงานอนื่ ๆ กลยทุ ธท์ ี่ 4.2 สง่ เสริมและสรา้ งจรยิ ธรรมแกบ่ ุคลากรองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ผลลัพธ์ • มีการส่งเสริมและสรา้ งจริยธรรมบุคลากรองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ • มีกจิ กรรมเพือ่ สร้างความเข้าใจในเรื่องวินัย และค่านิยมในการปฏบิ ัติงานขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น อันจะปลูกฝังให้บุคลากรท้องถิ่นมีคุณธรรม และจริยธรรมรวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคม และ ประชาชนในการรณรงคเ์ รอื่ งคณุ ธรรมและจริยธรรม กลยุทธ์ท่ี 4.3 พัฒนาและปรับปรุงเคร่ืองมือและวิธีการในการบริหารทรัพยากรบุคคลท่ีเหมาะสม และโปร่งใส หนห้านหา้6นา้ ผลลัพธ์ • มีแนวทาง กลไก และเคร่ืองมือในการสอบแข่งที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กรปกครองส่วน 282787 ท้องถน่ิ และแต่ละสายงาน • มีการนาร่องศูนย์การประเมิน( Assessment Center) อันจะทาให้การสรรหาบุคคลมี ประสิทธิภาพองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ได้บคุ ลากรท่ีมีศกั ยภาพและเหมาะสมกับตาแหน่ง ยุทธศำสตรท์ ่ี 5 ตอ่ ยอดการเสรมิ สรา้ งคุณภาพชวี ิตทด่ี ีแก่ทรัพยากรบุคคลสว่ นทอ้ งถ่ิน กลยุทธ์ท่ี 5.1 ส่งเสริมความสขุ และสภาพแวดลอ้ มในการปฏบิ ตั ิงาน ผลลพั ธ์ • มีการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในท่ีทางาน อันจะทาให้บุคลากรส่วนท้องถ่ินมีความสุขในการ ทางานภายใตส้ ่ิงแวดลอ้ มทเี่ หมาะสม • มกี ารบรหิ ารงานโดยยึดหลกั การพฒั นาอยา่ งย่ังยนื (Sustainable Development Goals : SDGs กลยทุ ธ์ท่ี 5.2 สรา้ งความสมั พันธ์และบรหิ ารความแตกต่างระหว่างช่วงวัยและความหลากหลายของ บคุ คล ผลลัพธ์ • มีการส่งเสริมโครงการหรือกิจกรรมสร้างสัมพันธร์ ะหว่างช่วงวัย และความหลากหลายของบุคคล ภายในองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ • มีการเพ่ิมช่องทางในการแสดงความคิดเห็น อันจะทาให้บุคลากรส่วนท้องถ่ินมีความสุขในการ ปฏบิ ัติงานภายใตส้ ่ิงแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสม
• มีการบริหารช่องว่างระหว่างวัย และความหลากหลายของบุคคลอันช่วยทาให้บุคลากรในช่วงวัย ต่าง ๆ ทางานดว้ ยกันไดอ้ ย่างสามัคคแี ละมีประสทิ ธภิ าพ ยุทธศำสตรท์ ่ี 6 ขบั เคลื่อนระบบทรัพยากรบคุ คลสว่ นทอ้ งถิ่นด้วยนวตั กรรมและเทคโนโลยี กลยทุ ธท์ ี่ 6.1 พฒั นาระบบขอ้ มูลสารสนเทศเพ่ือการบรหิ ารทรัพยากรบคุ คลขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น และเชอ่ื มโยงขอ้ มูลทรพั ยากรบคุ คลของทุกหนว่ ยงาน ผลลพั ธ์ • มกี ารจดั ทาโปรแกรมขอ้ มูลสารสนเทศดา้ นทรัพยากรบุคคลทบ่ี ูรณาการร่วมกัน • มนี วัตกรรมระบบข้อมลู สารสนเทศทที่ นั สมยั และเหมาะสมกบั องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ • มีฐานข้อมูลกลางท่ีเกี่ยวข้องสามารถเข้าไปใช้ในการปฏิบัติงานเพ่ือให้การวิเคราะห์ข้อมูลด้าน ทรัพยากรบคุ คลมคี วามรวดเรว็ ประหยัดและถูกต้อง กลยทุ ธ์ที่ 6.2 การนาเทคโนโลยีขอ้ มูลสารสนเทศมาใช้ในงานทรัพยากรบคุ คล ผลลพั ธ์ • มกี ารปรบั ปรงุ เทคโนโลยีด้านการจัดการทรพั ยากรบคุ คลทเี่ หมาะสมกบั การดาเนนิ งานขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ • มีการฝกึ อบรมและเรียนรทู้ างระบบออนไลน์ • มกี ารสรา้ งเทคโนโลยสี รา้ งสรรคเ์ พื่อทรพั ยากรบุคคล กลยุทธ์ท่ี 6.3 การส่งเสรมิ นวัตกรรมดา้ นทรพั ยากรบคุ คล ผลลัพธ์ หนหา้ นหา้6นา้ • มนี วัตกรรมดา้ นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ 282888 • มรี ปู แบบการจูงใจแกข่ า้ ราชการส่วนท้องถิ่นท่ีมผี ลงานสร้างนวัตกรรมแก่องค์กร • มีระบบทรัพยากรบุคคลท่ีมีการพัฒนาและเป็นรูปแบบพิเศษที่เหมาะสมกับองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถ่ินและรองรบั Thailand 4.0 • มีการนาหลักการ Ecosystems มาประยุกต์ใช้กับการสร้างนวัตกรรมด้านทรัพยากรบุคคลส่วน ทอ้ งถิ่นอยา่ งเหมาะสมกบั การบริการสาธารณะหรือการดาเนนิ การอ่นื ๆ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ยุทธศำสตร์ที่ 7 การกากับ ตดิ ตามและประเมินผล กลยุทธ์ที่ 7.1 จัดให้มีหลักเกณฑ์ รูปแบบเคร่ืองมือ และตัวช้ีวัด สาหรับใช้กากับ ติดตาม และ ประเมินผล ผลลพั ธ์ • ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรบุคคลส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. 2561 – 2565 ได้มีการนาไปปฏิบัติ จรงิ อยา่ งเปน็ รปู ธรรม และมีผลสาเรจ็ ตามทก่ี าหนด • ทรัพยากรบุคคลส่วนท้องถ่ินได้รับการพัฒนา โดยได้รับประโยชน์และสิทธิอยา่ งเท่าเทียม โปร่งใส เป็นธรรม ตลอดจนมีความเป็นมืออาชีพ สามารถเป็นที่พ่ึงและสร้างความเชื่อมั่นใหก้ ับประชาชนในท้องถิ่นได้อย่าง ยงั่ ยืน • มีผลลัพธ์จากการกากับ ติดตาม และประเมินผล สาหรับใช้ศึกษาวิเคราะห์และถอดบทเรียนเพ่ือ ปรบั ปรุงพฒั นาการบริหารทรพั ยากรบุคคลสว่ นท้องถ่ินให้มีความเหมาะสม
ขน้ั ตอนและวิธีกำรจดั ทำแผนกลยุทธก์ ำรบรหิ ำรทรัพยำกรบุคคล ข้ันตอนที่ 1 แต่งต้ังคณะทางานจดั ทาแผนกลยทุ ธ์การบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล ข้นั ตอนที่ 2 เสริมสร้างความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั การจัดทาแผนกลยุทธ์ การบรหิ ารทรัพยากรบุคคล ตาม แนวทาง HR Scorecard ขั้นตอนที่ 3 การประเมินสถานภาพดา้ นการบริหารทรพั ยากรบคุ คล ขั้นตอนท่ี 4 กาหนดประเดน็ ยุทธศาสตร์ดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบุคคล ข้ันตอนท่ี 5 กาหนดเป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลและตัวช้ีวัดของ แตล่ ะเปา้ ประสงค์ ----------------------------------------------------------------------- หนห้านห้า6นา้ 282989
คุณธรรมและจรยิ ธรรมของนักบริหาร พล.อ.ต.นพ.บญุ เลิศ จุลเกยี รติ ปัญญาคือรู้จักตัวเอง รู้จักเท่าทันธรรมชาติ และเข้าถึงพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า ผู้มีปัญญาจะไม่ทา 3 ขอ้ คอื 1. เอาตวั รอดโดยทาความเดอื ดร้อนให้ผอู้ ืน่ 2. หาความรโู้ ดยการกระทาทผี่ ิดทานองคลองธรรม 3. กระทาในส่ิงท่เี ปน็ การฟุ่มเฟอื ย ฟุ้งเฟ้อ และไร้สาระ การรักษาความสมดุลในตวั เองคือ มปี ญั ญา มีศรทั ธา มีสติ มกี ศุ ลกรรม และเดินทางสายกลาง ผ้ทู ่ปี ระสบ ความสาเร็จสูงสุดในชีวิตอาจมีความสุขน้อยกว่าผู้ที่ประสบความสมดุลของชีวิตได้ การอยู่กับธรรมชาติอย่างรู้เท่า ทัน ปัญญาคือความรู้ท่ีปราศจากข้อสงสัย หากมนุษย์มีปัญญาและศรัทธาท่ีไม่งมงาย ความเห็นแก่ตัวก็จะลดลง อย่างชัดเจน การทุจริตคอรัปช่ัน ละเมิด รวมท้ังการเอาเปรียบกันในสังคมก็จะลดน้อยลงอย่างแน่นอนและยั่งยืน มนุษย์ทกุ คนถกู โปรแกรมใหเ้ กดิ มาแสวงหาความสุข ความสขุ ท่แี ทจ้ รงิ คือ 1. โลกียสขุ คือสุขทเี่ กดิ จากการได้ตอบสนองสญั ชาตญิ าณของการกิน นอน ปกป้องอนั ตราย และเสพกาม ดารงเผ่าพนั ธ์ุ 2. ปิติสุขระดับต้น คือความสุขท่ีเกิดจากการท่ีเราคิดดี ทาดี คือมีเมตตา กรุณา มุทิตาจิตอย่างแท้จริงและ พอเพียง 3. ปิติสุขระดับสูง คือความสุขท่ีเกิดจากปัญญาแห่งการรู้จักตนเอง รู้เท่าทันธรรมชาติและเข้าถึงพระ หนหา้ นห้า6นา้ ประสงค์ของผู้ที่สร้างเรา ทาให้เราสามารถปล่อยวางความทุกข์ท่ีเกิดจากการถูกกระทบด้วยส่ิงลบได้ (อุเบกขา) 292090 อยา่ งรูเ้ ทา่ ทันและสงา่ งาม ไตรลักษณ์ คือลักษณะสามประการของธรรมชาติ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงพบว่ามีอยู่ทุกสรรพส่ิง อันได้แก่ ความเป็น อนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความทนสภาพเดิมไม่ได้) อนัตตา (ความมิได้มีตัวตนเป็นของตัวเองท่ี แท้จริง) สรุปคนเราเกิดมาเพื่อรับใชผ้ ู้ท่ีสร้างเราขึ้นมา เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราพัฒนาตนเองได้และเลือกที่จะเปน็ คนดีท่ีมีความสุขได้ เรามีชีวติ เพื่อการรูจ้ ักตวั เอง เพ่ือการพัฒนาตัวเอง เพื่อการแก้ปัญหาอย่างถูกวธิ ี เพื่อการเสพ สขุ อยา่ งร้เู ท่าทนั และเพอ่ื โอกาสทีจ่ ะได้แบ่งปันความโชคดีให้ผอู้ ื่นที่ด้อยโอกาสกว่า
กำรบรหิ ำรผลงำนและกำรจดั ทำคำรับรองกำรปฏิบัติรำชกำร จากปัญหาระบบราชการท่ีไม่สามารถตอบสนองปัญหาความต้องการของประชาชนได้ ล่าช้า ยงุ่ ยาก ทาใหม้ กี ารปฏิรูประบบราชการ โดยการปรบั มาใช้ระบบ New public Management กำรบรหิ ำรงำนภำครฐั แนวใหม่ (New public Management) คือ การปรบั เปล่ียนการบริหาร จัดการภาครัฐ โดยการนาหลักเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการและการแสวงหาประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติราชการ ที่มุ่งความเป็นเลิศ โดยการนาเอาแนวทางหรือวิธีการบริหารงานของระบบภาคเอกชนมา ปรบั ใช้กบั การบรหิ ารภาครัฐ วิวัฒนำกำรกำรบรหิ ำรจัดกำรภำครฐั ยุค 1.0 รัชกาลท่ี 5 วางรากฐานประเทศและจัดโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินตาม แนวทางนานาอารยประเทศมีการเปล่ียนแปลง ระบบกรมกองใหม่และตั้งกระทรวงกรม ให้เหมาะสมกับ เวลาและสถานการณ์แวดล้อมรัชกาลที่ 7 วางระบบข้าราชการพลเรือนสมัยใหม่เน้นระบบคุณธรรม (merit system) ยคุ 2.0 ชว่ งแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 1 เปน็ ต้นมา จนถึงยุครัฐบาล พล เอกชาติชาย ระบบราชการมีความเข้มแข็งและเป็นผู้นาการพัฒนาประเทศ การบริหารราชการเป็นไปตาม แนวทางคลาสสิคของ Max weber ว่าด้วยความชอบธรรมทางการเมืองท่ีมาจากเหตุผลและกฎหมาย (Legal-Rational Legitimacy) – Hierarchy - Rule – based - Government – oriented - Top -down approach หนหา้ นหา้6น้า -Professionalism etc. 292191 ยุค 3.0 ปี 2540 ช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังลมแห่งชาติ ฉบับท่ี 8 เป็นต้นมาวิกฤตต้มยา กุ้ง กระแส Democratization และ NPM ทาให้เกิดแนวคิดในเร่ือง Good Governance โดยการปฏิรูป ระบบราชการปี 2545 มุ่งเน้น -Results – based -Citizen – centered -Value for money Work better and cost less -Public participation etc. ยุค 4.0 มุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 มีการกาหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภาครัฐต้องปรับตัวให้เข้ากบั การดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคติจิทัล โดยต้องเป็นที่พ่ึงของประชาชนและเป็นที่เช่ือถือ ไวว้ างใจได้โดยแนวโน้มการทางานภาครัฐมงุ่ สู่ -Citizen -Centric Government -Open and Connected Government -Smart and High Performance Government การบริหารราชการของไทย มีวิวัฒนาการมาตลอด มีการพัฒนาเพ่ือแก้ไขปัญหาระบบราชการที่ เกิดแตล่ ะยุคสมยั ท่ีแตกต่างกัน ระบบราชการ 4.0 ยึดหลักธรรมาภิบาลเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน โดยมีวิธีการดาเนินการ ดังนี้ 1. ภาครัฐที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน ต้องมีความเปิดเผย โปร่งใส ในก ารทางาน โดยบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของทางราชการหรือมีการแบ่งปันข้อมูลซ่ึงกัน สามารถ ตรวจสอบการทางานได้ 2. ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องทางานในเชิงรุกและมองไปข้างหน้า โดยตั้งคาถามว่า ประชาชนได้อะไร มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความต้องการ และตอบสนองความต้องการ ไม่ต้องรอให้ประชาชนมา ตดิ ตอ่
3. มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย ต่างทางานอย่างเตรียมไว้ล่วงหน้า มีการวิเคราะห์ความเส่ียง หนห้านหา้6นา้ สร้างนวัตกรรมหรือความคิดริเริ่ม และต้องประยุกต์องค์ความรู้ในแบบสาขาวิชาเข้ามาใช้ในการตอบโต้กับ 29292 โลกแหง่ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งฉับพลัน เพอ่ื สร้างความคมุ้ คา่ ยดื หยนุ่ 1. ระบบกำรบรหิ ำรผลกำรปฏบิ ัตงิ ำน 1. การวางแผน (Plan) 2. การติดตาม (Monitor) 3. พฒั นา (Develop) 4. ประเมนิ (Appraise) 5. ให้รางวัล (Reward) ที่สาคญั ทีจ่ ะเนน้ ก็คือ การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ริ าชการ กำรประเมินผลกำรปฏิบัติรำชกำรในระบบรำชกำรไทย กฎหมายที่เก่ียวขอ้ ง 1. พระรำชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดิน (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 3/1 การบรหิ ารราชการตามพระราชบัญญัตินีต้ ้องเป็นไปเพ่ือประโยชนส์ ุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐการลดข้ันตอนการ ปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานท่ีไม่จาเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอานาจตัดสินใจ การอานวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผรู้ บั ผิดชอบตอ่ ผลของงาน โดยในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดีโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งให้คานึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏบิ ตั ิงานตามความเหมาะสมของแตล่ ะภารกจิ 2. พระรำชกฤษฎกี ำว่ำดว้ ยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกจิ กำรบำ้ นเมอื งที่ดี พ.ศ. 2546 - เป็นกฎหมายที่กาหนดแนวทางการปฏิบัติราชการของสว่ นราชการและข้าราชการใหเ้ ปน็ ไปตาม หลกั Good Governance - เปน็ กฎหมายท่ไี มเ่ หมอื นกฎหมายอืน่ ๆ เพราะมีการใหแ้ รงจงู ใจ หากปฏบิ ตั ิตามแลว้ ได้ผลดี - การทจี่ ะทราบได้ว่า ปฏบิ ัติตามแลว้ ได้ผลดหี รอื ไมก่ ต็ ้องมีการประเมนิ ผล มำตรำ ๖ การบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งทีด่ ี ได้แก่ การบรหิ ารเป้าหมาย ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) เกดิ ประโยชน์สุขของประชาชน (2) เกิดผลสัมฤทธิต์ ่อภารกิจของรฐั (3) มีประสทิ ธภิ าพและเกิดความคมุ้ ค่าในเชงิ ภารกิจของรฐั (4) ไมม่ ีขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิงานเกินความจาเปน็ (5) มกี ารปรับปรุงภารกจิ ของสว่ นราชการให้ทันตอ่ สถานการณ์ (6) ประชาชนไดร้ ับการอานวยความสะดวกและไดร้ บั การตอบสนองความต้องการ (7) มกี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ัติราชการอย่างสม่าเสมอ หมวด 8 การประเมนิ ผลการปฏิบัติราชการ ตอ้ งมกี ารวดั ผลสัมฤทธ์กิ ารปฏบิ ัตงิ านอยา่ งสม่าเสมอ มำตรำ 47 ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพ่ือประโยชน์ในการ บริหารงานบุคคล ให้ส่วนราชการประเมินโดยคานึงถึงผลการปฏิบัติงานเฉพาะตัวของข้าราชการผู้นั้นใน
ตาแหน่งท่ีปฏิบัติประโยชน์และผลสัมฤทธ์ิที่หน่วยงานท่ีข้าราชการผู้นั้นสังกัดได้รับจากการปฏิบัติงานของ ข้าราชการผูน้ น้ั หมวด 9 บทเบ็ดเตล็ด มำตรำ 52 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจัดทาหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมือง ท่ีดตี ามแนวทางของพระราชกฤษฎกี าน้ี 2. กำรสร้ำงตวั ชว้ี ดั ในกำรทำงำน นิยำม KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือท่ีใช้วัดผลการปฏิบัติงานหรือ ประเมินผลการดาเนินงานในด้านต่างๆ ซ่ึงสามารถแสดงผลการวัดหรือประเมินผลการวัดในรูปข้อมูลเชิง ปริมาณ เพื่อสะทอ้ นประสทิ ธภิ าพ ประสิทธิผลในการปฏบิ ตั ิงาน ควำมสำคญั - สะทอ้ นเปา้ หมายขององคก์ ร - เป็นส่ิงทีส่ ามารถวดั และตดิ ตามผลในองค์กรได้ - เปน็ การสอื่ สารท่ชี ัดเจนต่อคนในองค์กรว่าอะไรคือต้องการให้สมั ฤทธิผ์ ล - เป็นส่ิงท่ีสร้างความเชื่อม่ันได้ว่าส่ิงที่บุคลากรทุกคนจะทาคือการทางานให้เป็นไปตาม หรือ มากกวา่ เป้าหมายทก่ี าหนดไว้ ท่ีมำของกำรกำหนดตัวชว้ี ดั การกาหนดตัวชี้วัดน้ัน จะต้องอิงกับงานท่ีผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ผู้ปฏิบัติรับผิดชอบ ซึ่งมี หนหา้ นหา้6นา้ ดว้ ยกนั 3 ลักษณะ ไดแ้ ก่ 1. งานตามที่ปรากฎในคารับรองการปฏิบัติราชการ หรือแผนปฏิบัติราชการประจาปีของส่วน 292393 ราชการ (งานในลักษณะน้ี บางครัง้ อาจรู้จักในนาม \"งานยุทธศาสตร์\") 2. งานตามหน้าท่ีความรับผิดชอบหลกั ของกระทรวง กรม จังหวัด อปท. สานัก หรือกอง หรือตา แหน่งานของผู้ปฏิบัติงานที่ไม่อยู่งานยุทธศาสตร์ (งานในลักษณะนี้บางคร้ังอาจรู้จักในนาม \"งานประจา/ ภารกิจ\") 3. งานที่ได้รบั มอบหมายเป็นพิเศษ ซงึ่ ไมใ่ ชง่ านประจาของส่วนราชการหรือของผู้ปฏิบัตงิ าน เชน่ งานโครงการ หรืองานในการแก้ปญั หาสาคญั เรง่ ดว่ นท่เี กิดขึ้นในรอบการประเมนิ 3. หลกั กำรกำหนดตัวช้ีวัด S เจำะจง (Specific) มคี วามเจาะจง วา่ ตอ้ งการทาอะไร และผลลัพธท์ ต่ี ้องการคืออะไร M วดั ได้ (Measurable) ตอ้ งวัดผลท่ีเกดิ ขึ้นได้ไม่เป็นภาระ ตัวช้ีวัดไม่มากเกนิ ไป A เหน็ ชอบ (Agreed Upon) ตอ้ งไดร้ บั การเห็นชอบซ่ึงกันและกันระหว่างผไู้ ด้บงั คบั บัญชา และผบู้ ังคับบญั ชา R เป็นจรงิ ได้ (Realistic and Relevant) ตอ้ งท้าทาย และสามารถทาสาเร็จได้ T ภำยใตก้ รอบเวลำทเ่ี หมำะสม (Time Bound) มีระยะเวลาในการทางานทีเ่ หมาะสม ไม่สนั้ ไมย่ าวเกินไป ประเภทตวั ช้ีวดั จำแนกตำมรปู แบบตัวช้วี ัด
ตัวช้ีวัดเชิงปริมำณ คือ ตัวชี้วัดท่ีได้รับการพัฒนาข้ึนเพื่อใช้วัดส่ิงที่นับได้ หรือส่ิงท่ีมีลักษณะเชิง หนหา้ นห้า6นา้ กายภาพ โดยมีหน่วยการวัด เช่น จานวน ร้อยละ และระยะเวลา เป็นต้น ตัวช้ีวัดเชิงปริมาณจะมีความเป็น 292494 วิทยาศาสตรค์ อ่ นข้างสูง วัดในสง่ิ ทจ่ี บั ตอ้ งได้ เป็นรูปธรรม และมีความชดั เจน ตวั อย่ำง : - จานวนพน้ื ทีท่ ไ่ี ด้รับความเสยี หายจากอทุ กภยั ท่ีสามารถแก้ไขฟื้นฟูใดภ้ ายใน 2 สัปดาห์ - ร้อยละของจานวนโครงการทส่ี ามารถดาเนนิ การลลุ ว่ งได้ตามเป้าหมาย - ร้อยละของการเพม่ิ ขน้ึ ของประชาชนทเ่ี ขา้ รบั บรกิ าร - ระยะเวลาเฉลี่ยของการจดั ทาใบขบั ข่ี ตัวช้ีวัดเชิงคุณภำพ คือ ตัวช้ีวัดท่ีการวัดไม่เป็นค่าเชิงปริมาณ หรือเป็นหน่วยวัดใดๆ แต่จะเป็น การวัดท่ีอิงกับค่าเป้าหมายที่มีลักษณะพรรณนา หรือเป็นคาอธิบายถึงเกณฑ์การประเมิน ณ ระดับ ค่าเป้าหมายต่างๆ ตัวช้ีวัดและค่าเป้าหมายนี้จึงทาหน้าท่ีเสมือนหนึ่งเป็นเกณฑ์หรือกรอบกากับการใช้ วจิ ารณญาณของผูป้ ระเมนิ กำรกำหนดค่ำเปำ้ หมำยผลสมฤทธขิ องงำน ค่าเป้าหมาย (Targets) หมายถึง เป้าหมายในเชิงปริมาณหรือคุณภาพ หรือทั้งสองส่วน ท่ีทาให้ แยกแยะได้ว่า การปฏิบัติงานประสบความสาเร็จตามตัวช้ีวัด (KPIs) ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด ภายในระยะเวลาท่รี ะบุไว้อยา่ งชดั เจน แนวทำงกำรกำหนดค่ำเปำ้ หมำย 5 ระดบั 1. ค่าเปา้ หมายต่าสุดทรี่ บั ได้ 2. คา่ เปา้ หมายในระดับต่ากว่ามาตรฐาน 3. ค่าเปา้ หมายท่เี ป็นคา่ มาตรฐานโดยทวั่ ไป 4. คา่ เปา้ หมายที่มคี วามยากปานกลาง 5. คา่ เปา้ หมายในระดบั ท้าทาย มีความยากคอ่ นขา้ งมากโอกาสสาเรจ็ น้อยกวา่ 50% เทคนิคกำรกำหนดค่ำเป้ำหมำย เปา้ หมาย (Target) [แสดงถึงผลการดาเนนิ งานที่คาดหวงั ไว้ ปจั จัยผลกั ดนั จาก ปัจจัยผลักดนั จาก ภายนอก ภายใน (External driven) ด สมรรถ (Internal driven) ความ การ มาต วธิ ีปฏิบตั ิทีด่ ี นะ คาดหวงั แข่งขนั รฐา ทส่ี ุด (Capa (Expect (Competi น (Best- bility) ation) tion) (Sta nda practice) rd)
เทคนคิ กำรกำหนดนำ้ หนกั กำหนดน้ำหนักมำก กำหนดน้ำหนักนอ้ ย 1. เป็นผลลพั ธ์ระยะยาว (Outcome) 1. เปน็ ผลลัพธ์ระยะสน้ั (Output) 2. เปน็ งานหลักที่มีผลตอ่ ความสาเรจ็ ของหน่วยงาน 2. เป็นงานรองที่มีผลต่อความสาของหน่วยงานน้อย 3. เป็นงานยาก หรืองานท่ีต้องใช้ความรู้ ทักษะ หรือไมม่ เี ลย ความสามารถสงู 3. เป็นงานง่าย หรืองานที่ไม่ต้องใช้ความทักษะ 4. เป็นงานท่ีคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ข้ึนใหม่หรืองาน ความสามารถมากนัก เชงิ กลยทุ ธ์ (Initiative) 4. เป็นงานประจา (Routine) 4. วธิ ีกำรกำหนดตวั วัดช้ีวัด/ค่ำเป้ำหมำย 1. เลอื กใชเ้ ทคนคิ วธิ กี ำรวดั วิธีใดวิธีหนง่ึ หรือ หลำยวิธผี สมกนั ㆍ การถ่ายทอดตวั ชีว้ ัดผลสาเรจ็ ของงานจากบนลงล่าง (Goal Cascading Method) ㆍ การสอบถามความคาดหวงั ของผู้รับบรกิ าร (Customer-Focused Method) ㆍการไลเ่ รียงตามผงั การเคล่ือนของงาน (Work Flow Charting Method) ㆍการพิจารณาจากประเดน็ สาคญั ทตี่ อ้ งปรับปรุง (Issue- Driven) ฯลฯ 2. กำหนดน้ำหนักของแต่ละตัวช้ีวัด หนหา้ นหา้6นา้ 5. ขอ้ แนะนำในกำรกำหนดตวั ชวี้ ัด/คำ่ เปำ้ หมำย 292595 1. กาหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายรายบุคคล โดยคานึงถึงการมอบหมายงานหรือหน้าท่ี รับผดิ ชอบของผู้ปฏบิ ตั เิ สมอ 2. กาหนดตัวขี้วัดและค่าเปา้ หมายโดยคานึงถึงอานาจจาแนกความสอดคล้องกับเป้าหมาย ของผบู้ ังคับบัญชาหรือหน่วยงานและกรอบเวลาเสมอ 3. กาหนดตัวชี้วัดในจานวนที่เหมาะสมครอบคลุมเน้ืองานหรือความคาดหวังที่สาคัญ ไม่กาหนดตวั ชี้วดั ท่ซี ้าซ้อนโดยไมจ่ าเป็น 4. พิจารณาความเป็นไปได้ในการเก็บข้อมูลเสมอ หรือในกรณีที่มีข้อจากัดในการวัด/การ เก็บข้อมูลพึงพิจารณาใช้วิธีกาหนดตัวช้ีวัดที่เชื่อมโยงกับกลไกการปฏิบัติ เพื่อท่ีจะนาผลลัพธ์จากกลไกการ ปฏิบัตินัน้ ไปใช้ในการวัดและประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน 5. พิจารณาเลือกวิธที ี่เหมาะสมในการวดั ความพึงพอใจ และการกระจายผลประเมินความ พงึ พอใจลงส่รู ายบคุ คล **************************
กลยทุ ธ์กำรดำเนนิ กำรทำงวินัยของท้องถน่ิ หนห้านห้า6นา้ โดย อ.สิรริ ัตน์ แตงรอด 292696 กฎหมำยทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 1.รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย 2.กฎหมายว่าดว้ ยการจดั ตง้ั องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ 3.พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 4.กฎหมายว่าด้วยระเบียบบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ิน - มาตรฐานท่ัวไปเก่ียวกับการคัดเลือก การบรรจุและแต่งตั้ง การย้าย การรับโอน การเล่ือนระดบั การเล่ือนขน้ั เงินเดอื น - มาตรฐานทั่วไปเกยี่ วกับวินัย การใหอ้ อกจากราชการ สทิ ธกิ ารอุทธรณ์ การพจิ ารณา อุทธรณ์ และการรอ้ งทุกข์ - มาตรฐานทั่วไปเก่ยี วกับพนกั งานจ้าง ควำมหมำย จุดมงุ่ หมำย และสำเหตุทีว่ ินัยเสื่อม นามธรรม แบบแผนความประพฤติ รูปธรรม ลักษณะพฤติกรรมทแี่ สดงออก จดุ มงุ่ หมำย 1.เพอ่ื การทางานอย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2.เพ่ือความเจรญิ สงบฯ ของชาติ 3.เพ่อื ความผาสุกของประชาชน 4.เพ่ือภาพพจน์ท่ีดขี ององคก์ ร สำเหตุทว่ี ินยั เสอื่ ม 1.อบายมุข 2.ตัวอยา่ งที่ไมด่ ี 3.ขวญั กาลังใจไม่ดี 4.งานล้นมือ 5.ความจาเปน็ ในการครองชพี 6.โอกาสเปน็ ใจ 7.การปลอ่ ยปละละเลยของผบู้ ริหาร หนำ้ ทข่ี องผบู้ ังคบั บัญชำเกย่ี วกับวินัย ข้อ 24 - ส่งเสรมิ /พฒั นาใหม้ ีวินยั (ว 2) 1.ปฏิบัตติ นเปน็ แบบอยา่ งที่ดี 2.สรา้ งขวญั กาลงั ใจ 3.การจงู ใจ 4.กระทาการอ่นื ทีจ่ ะเสรมิ สรา้ งพฒั นาทัศนคติ จติ สานกึ และพฤติกรรม - ปอ้ งกนั ไมใ่ หก้ ระทาผดิ วนิ ยั (ว 3) 1.การเอาใจใส่ 2.สังเกตการณ์ 3.ขจัดเหตทุ ีอ่ าจก่อให้เกิดการกระทาผิดวินัย
- สืบสวนขอ้ เท็จจริง (ว 5 + ว 6 + ว 8) หนหา้ นหา้6นา้ 1. การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ เก่ียวกับเร่อื งรอ้ งเรียน กล่าวหา 292797 2. โดยการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง/กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง/กรรมการ ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริง - การดาเนินการทางวินัย (ว 11) 1. กระบวนการปกติ 1.1 ไมร่ า้ ยแรง 1.2 ร้ายแรง 2. กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช./คณะกรรมการ ป.ป.ท.ช้มี ูล กำรพิจำรณำควำมผิดทำงวินยั ควำมหมำย เป็นการดาเนินการเพ่ือทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทาความผิดหรือไม่ อย่างไร ต้องกระทาโดย ผู้มีอานาจและจากขอ้ เทจ็ จรงิ ในสานวน (ต้องได้จากการสอบสวน) หลกั กำร 1.หลกั นิติธรรม - มีกฎหมายกาหนดเป็นความผดิ ทางวนิ ยั - การกระทาต้องครบองคป์ ระกอบความผดิ 2.หลกั มโนธรรม - สตสิ ัมปชัญญะ - ถูกตอ้ งตามเหตุผลทค่ี วรจะเปน็ ผู้มหี นำ้ ท่ี - กรรมการสอบสวน - นายก อปท. ตน้ สงั กดั - ก.จังหวดั ต้นสังกดั หลักกำรกำหนดโทษ ควำมหมำย เป็นการพิจารณาว่าผู้ถูกกล่าวหาควรถูกลงโทษสถานใด ต้องกระทาโดยผู้มีอานาจ และจาก ขอ้ เท็จจริงในสานวน หลกั กำร 1.หลกั นติ ิธรรม โทษตามทก่ี ฎหมายกาหนด + ความร้ายแรง 2.หลกั มโนธรรม ถูกต้องเหมาะสม + ภายในขอบเขตระดับโทษ 3.ความเป็นธรรม ไม่เลอื กปฏบิ ตั ิ ทง้ั นข้ี นึ้ อยกู่ ับขอ้ เทจ็ จริง 4.นโยบายรัฐ ผมู้ ีหน้ำที่ - กรรมการสอบสวน - นายก อปท. ต้นสังกดั - ก.จงั หวดั ต้นสงั กดั กำรขอยกเว้นคณุ สมบตั ใิ นกำรขอกลับเข้ำรบั รำชกำร ถ้าจากเหตทุ จุ ริต ไม่สามารถขอได/้ ไมม่ สี ิทธิ์ขอ ถ้าปลดออก/ไล่ออก นอกจากทจุ ริต สามารถขอยกเว้นได้ ****************************
กำรบริหำรงำนกำรเงนิ กำรคลังของ อปท. และกฎหมำยทเ่ี กยี่ วข้อง พรอ้ มกรณีศกึ ษำ กำรทกั ทว้ งของหน่วยตรวจสอบ 1. พระราชบัญญตั ิ วนิ ยั การเงนิ การคลงั ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มผี ลบงั คบั ใช้ต้งั แตว่ ันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐต้อง หนหา้ นห้า6นา้ ปฏบิ ัติงานเปน็ ไปแนวทางเดียวกัน ซ่ึงองคป์ กครองส่วนท้องเป็นหนว่ ยงานทตี่ ้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว 292898 ดว้ ยแต่จะมคี วามแตกต่างตรงรายได้ท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ จดั เกบ็ แลว้ ไมต่ ้องนาส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ จะต้องอยภู่ ายใต้กฎหมายท่ีอนญุ าตใหจ้ ่ายได้ หลกั การบริหารงานการใช้จา่ ยเงิน ของ อปท. แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดงั น้ี 1. การบริหารงาน หลักการบริหารงานการใชจ้ ่ายเงิน ของ อปท. จะต้องใช้จ่ายตามอานาจหนา้ ที่ เปน็ ไป ดังน้ี - กฎหมายจัดตั้งของ อปท. แต่ประเภทกาหนดให้มีหน้าท่ีท่ีต้องทาในเขต อปท. และหนา้ ท่ีทอี่ าจทาในเขต อปท. เชน่ พ.ร.บ. อบจ. พ.ร.บ.เทศบาล และพ.ร.บ.อบต. - กฎหมายภารกิจถ่ายโอน พ.ร.บ.กาหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่ อปท. พ.ศ. ๒๕41 มาตรา ๑๖ ให้เทศบาล เมืองพัทยา และอบต.มีอานาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการ สาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง ดังน้ี การส่งเสริมการท่องเท่ียว การสังคม สงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส การบารุงรักษาศิลปะ จารีต ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น การส่งเสริมกีฬา การสาธารณสุข การอนามัย ครอบครัว และการรักษาพยาบาล การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การรักษาความสงบเรียบรอ้ ย การ ส่งเสริมและสนบั สนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชวี ติ และทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการ การกระจายอานาจ ใหแ้ ก่ อปท.เร่อื ง กาหนดอานาจและหน้าท่ใี นการจัดระบบบรกิ ารสาธารณะ - กฎหมายอ่ืน โดยจะต้องยึดประโยชน์สูงสุด ประโยชน์สาธารณะ พิจารณาพ้ืนที่ รับผดิ ชอบก่อน
1) พ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อบกพร่อง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากมี การประกาศกาหนด เขตฉีดวัคซีนไม่เสียค่าธรรมเนียม ผวจ.แจ้งให้ท้องถ่ิน ดาเนินการ เป็นการฉีดวัคซีน สุนัขมีเจ้าของในระยะเวลา ประกาศฯ ไม่มีการบันทึกลักษณะ เพศ อายุ จานวน ท่ีอยู่ของสุนัขและลงช่ือ เจา้ ของสุนัขไวเ้ ป็นหลกั ฐาน 2) พ.ร.บ.การสาธารณสขุ พ.ศ. ๒๕๓๕ 3) พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ พ.ศ.2553 เพ่ิมเติม พ.ศ.2561 ตามประกาศสานัก นายกรัฐมนตรี เรื่อง การกาหนดหน่วยงานผู้มีอานาจหน้าท่ีรับผิดชอบดาเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองการ สง่ เสริม และการสนบั สนนุ ผสู้ ูงอายใุ นด้านตา่ ง ๆ ดังนี้ • ข้อมูลขา่ วสารทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชวี ิต (๒) พม. สธ. และอปท. • การประกอบอาชีพหรือฝึกอาชีพที่เหมาะสม (๓) ก.แรงงาน ก.ศึกษาธิการ มห. และ อปพ. • การพัฒนาตนเสงและกาชมีส่วนช่วยในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะ เครอื ข่ายหรอื ชุมซน(๔) มท. พม. ก.วัฒนธรรม และ แปท. • การยกเวน้ ค่าเข้าชมสถานทขี่ องรัฐ (๗) หนว่ ยงานในสงั กัดกระทรวง ทบวง กรม อปพ. และรฐั วิสาหกจิ ทเี่ กบ็ ค่าเขา้ ชมสถานท่ี • การช่วยเหลือผู้สูงอายซ่ึงได้รับอันตรายจากการถูกทารณกรรมหรือถูกแสวงหา ประโยชนโ์ ดยมชิ อบด้วยกฎหมาย/ ถูกทอดท้ิง (๘) พม. มท. ก.ยตุ ธิ รรม สนง.อยั การสูง • สตุ สตช. และ อปท. ท่ีมีสถานสงเคราะหค์ นชรา หนห้านหา้6นา้ การจ่ายเงินเป็นยังชีพรายเดือนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม (๑๑) หน่วยงานมีหน้าท่ีการ 292999 สงเคราะห์เบย้ี ยังที่พในสังกดั อปท. กรมบัญชกี ล (ผลบังคบั ใช้ 7 ม.ิ ย. 61) • การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี (๑๒) หน่ายงานที่มีหน้าที่ต้านการ สงเคราะหใ์ นการจดั การศพตามประเพณี ในสงั กัด พม. 4) พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ สอดรับกับระเบียบช่วยเหลือ ประชาชน ขอ้ 6 อานาจหนา้ ที่ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.๒๕5๐ มาตรา ๒๑ เมือ่ เกดิ /คาดว่าจะเกดิ สาธารณภยั ขึน้ ในพน้ื ท่ี อปท.ใดใหผ้ ู้อานวยการท้องถ่นิ นน้ั มีหน้าที่ ๑. เขา้ ดาเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยเร็ว ๒. แจง้ ผอู้ านวยการอาเภอทีร่ ับผิดชอบในเขตพนื้ ท่ีน้ันและผอู้ านวยการจังหวดั ทราบ 3. ส่ังข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถ่ินเจ้าหน้าท่ีของรัฐ เจ้าพนักงาน อาสาสมัคร และบคุ คลใดๆ ในเขตพืน้ ที่ อปท.ทเ่ี กดิ สาธารณภัยให้ปฏบิ ตั ิการอยา่ งหนง่ึ อย่างใดตามความจาเปน็ 4. ใช้อาคาร สถานที่ วัสดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งมอื 5. ขอความช่วยเหลอื จากอปท.อ่ืนในการป้องกนั และบรรเทาสารารณภัยเครื่องใช้ เครอื่ งมีอสือ่ สาร และยานพาหนะ 6. ส่ังห้ามเขา้ หรอื ให้ออกจากพน้ื ทอี่ าคารหรือสถานท่ีกาหนด 7. จัดใหม้ กี ารสงเคราะหผ์ ูป้ ระสบภยั โดยท่วั ถึงและรวดเร็ว อานาจหน้าท่ี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.๒๕5๐ มาตรา 30 ผู้อานวยการในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ มีหน้าที่ สารวจความเสียหายจากสาธารณภัยท่ีเกิดขึ้น จัดทาบัญชี รายช่ือประสบภัยและทรัพย์สินที่เสียหาย ออกหนังสือรับรองให้ผู้ประสบภัยไว้เป็นหลักฐานในการรับการ
สงเคราะห์และฟื้นฟู รายงานจังหวัด อาเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และระบุหน่วยงานที่ รบั ผดิ ชอบ 2. การใชจ้ ่ายเงนิ ของ อปท. จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ▪ ข้อปฏบิ ตั ิ (ระเบียบ/ข้อบงั คบั ) หากไมม่ จี า่ ยไม่ได้ ▪ งบประมาณ หลักความคุ้มคา่ มปี ระสทิ ธิภาพ ประสิทธิผล เปน็ ไปตามวิธีงบประมาณ ▪ ดุลพนิ จิ (ชอบด้วยกฎหมาย) จาเปน็ เหมาะสมและประหยัด ▪ โปรง่ ใส/ตรวจสอบได้ (เปิดเผย/เอกสารถูกตอ้ ง) มีหลกั ฐานชแี้ จง ระเบียบ มท. ว่าด้วยด่าใช้จ่ายเพ่ือช่วยเหลือประชาชนตามอานาจหน้าที่ของ อปท. พ.ศ. ๒๕๖๐ มผี ลใชบ้ ังดบั วันที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๐ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มผี ลใช้บังดับ วนั ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕6๒ การช่วยเหลือประชาชน การให้ความช่วยเหลือประชาชนท่ีได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในการดารงชีพ โดยอาจให้เป็นสิ่งของ หรือจ่ายเป็นเงิน หรือการจัดบริการ สาธารณะ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในระดับเขตพื้นท่ีหรือท้องถ่ิน ตามอานาจหน้าที่ของ อปท. ดาเนินการในขอบเขตอานาจหน้าท่ีของ อปท. ตามกฎหมายโดยคานึงถึงสถานะทางการคลังและความ จาเป็นเหมาะสม การชว่ ยเหลอื ประชาชน แบ่งเป็น 4 กรณี - ด้านสาธารณภัย - ดา้ นการส่งเสริมมและการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ - ด้านการปอ้ งกันแลควบคุมโรคตดิ ตอ่ หนหา้ นห้า6นา้ - ด้านเกษตรกรผูม้ ีรายไดน้ อ้ ย 303000 หลักเกณฑก์ ารใช้จ่ายเงินเพอื่ ช่วยเหลือผู้ประสบภยั พิบัติกรณฉี ุกเฉนิ พ.ศ.2563 1. ด้ำนกำรดำรงชีพ ให้ดาเนินการช่วยเหลือเป็นส่ิงของหรือจ่ายเป็นเงินโดยคานึงถึงสภาพ และเหตุการณ์ตามความเหมาะสม - ค่าอาหารจดั เล้ียง วนั ละไม่เกิน ๓ มื้อ มื้อละ ไมเ่ กนิ ๔0 บาท/คน - ค่าถงุ ยังชพี ชุดละไมเ่ กิน ๗00 บาท/ครอบครัว - ค่าจัดซ้ือ/จัดหาน้า สาหรับบริโภคและใช้สอยในท่ีอยู่อาศัยเท่าท่ีจ่ายจริงตามความจา เปน็ จนกว่าเหตกุ ารณ์ประสบภัยพิบัตจิ ะเขา้ สูภ่ าวะปกติ - ค่าใช้จ่ายในการดารงชีพเบ้ืองต้น กรณีที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังเท่าที่จ่ายจริง ครอบครวั ละไมเ่ กิน 3,๘๐๐ บาท - ค่าตัดแปลงสถานที่สาหรับที่พักช่ัวคราว เท่าท่ีจ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน ๒,๕๐๐ บาท หรือผ้าใบผ้าพลาสติกหรือวัสดุอ่ืนสาหรับกันแดดกันฝน เท่าที่จ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน 1,000 บาท - จัดหาสาธารณปู โภคในท่ีพกั ชว่ั คราว (1) คา่ ไฟฟา้ กรณ์ไฟมีไฟฟา้ ใหจ้ ดั อุปกรณแ์ สงสว่างอน่ื ทดูแทนได้ (2) จัดหา/จดั ซื้อนา้ บรโิ ภคและใชส้ อย/จดั ช้อื อปุ กรณ์บรรจนุ า้ (1) และ (๒) เทำ่ ทีจ่ ่ำยจรงิ ตำมควำมจำเป็น (๓) จัดสร้าง/จัดหาห้องน้า ห้องส้วม ๑ ที่ ต่อ ๑๐ คน เท่าท่ีจ่ายจริงเฉลี่ยท่ีละไม่ เกนิ 1,700 บาท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386