(4) สร้างท่ีรองรับ ทาลาย หรือกาจัดขยะมลู ฝอยเท่าทจ่ี า่ ยจริง - ค่าเครือ่ งนุ่งห่ม ท่ไี ด้รับความเสียหายและไม่สามารถนากลับมาใช้ได้อีก/จาเป็นต้องใช้ ในการดารงชพี กรณีไม่มเี ครอ่ื งนุง่ หม่ ในการดารงชพี ขณะเกิดภยั รายละไมเ่ กิน 1,๑๐๐ บาท - ค่าเคร่ืองครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร ท่ีสูญหายหรือได้รับความเสียหาย และไม่สามารถนากลับมาใช้ได้อีก เท่าทจี่ า่ ยจริงครอบครวั ละไม่เกิน ๓,๕๐๐ บาท - ค่าเครื่องนอน ท่ีสูญหาย/ได้รับความเสียหาย และไม่สามารถนากลับมาใช้ได้อีก หรือ มคี วามจาเปน็ ต้องใช้ในการดารงชีพ กรณไี มม่ ีเครื่องนอนในการดารงชีพขณะเกิดภัย เทา่ ท่ีจา่ ยจรงิ คนละไม่ เกนิ ๑,00๐ บาท - ค่าวัสดุซ่อมแชมที่อยู่อาศัยประจา ซ่ึงผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของท่ีได้รับความเสียหาย เทา่ ทีจ่ า่ ยจริงหลังละไมเ่ กิน ๔๙,๕๐๐ บาท - ค่าเช่าบ้านแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีเช่าบ้านเรือนผู้อื่นและบ้านเช่าเสียหายจากภัย พิบัติท้ังหลังหรือเสียทายบางส่วนจนอยู่ไม่ได้ เท่าท่ีจ่ายจริงในอัตรา ครอบครัวละไม่เกินเดือนละ ๑,๔00 บาท ไม่เกนิ ๒ เดือน - คา่ วสั ดุซอ่ มแซมหรอื สรา้ งยุ้งข้าว โรงเรอื นสาหรับเกบ็ พืชผลและคอกสัตว์ที่ได้รับความ เสียหาย เท่าทจ่ี ่ายจรงิ ครอบครวั ละไม่เกิน ๔,๓๐๐ บาท - เครื่องมือประกอบอาชีพและหรือเงินทุนสาหรับผู้ประสบภัยพิบัติที่เป็นอาชีพหลักใน การทาเล้ียงครอบครัว เทา่ ทีจ่ ่ายจริงครอบดรัวละไม่เกิน ๑๑,๔๐๐ บาท - ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต รายละไม่เกิน 29,700 บาท และในกรณีผู้ประสบภัยท่ี เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวให้พิจารณาช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ หนหา้ นห้า6นา้ ครอบครวั อีกไม่เกนิ 29,700 บาท การให้ความช่วยเหลือเยียวยาหรือฟื้นฟูหลังเกิดสาธารณภัยกรณีมีประกาศเขตการให้ความ 303101 ช่วยเหลือผ้ปู ระสบภัยพบิ ตั ฉิ กุ เฉินในพ้นื ท่เี กดิ ขอ้ 7(1) ให้ อปท. ดาเนินการตามอานาจหน้าทีแ่ ลว้ รายงาน อาเภอหรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือใช้เงินทดรองราชการโดยปฏิบัติตาม นส. ท่ี มท 0810.4/ว1381 ลว 30 มิ.ย. 64 แจง้ ตาม นส.ปภ. ที่ มท 0652/4647 ลว. ๒๒ มิ.ย. ๖๔ การให้ความช่วยเหลือเยียวยาหรือฟ้ืนฟูหลังเกิดสาธารณภัยกรณีไม่มีประกาศเขตการให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินในพื้นที่เกิด ข้อ ๗(๒) อปท. สารวจความเสียหายของผู้ประสบภัย เสนอ คกก.พจิ ารณานารายืชอ่ ของ ปชช. ที่เดือดร้อน มาพิจารณา ตามหลักเกณฑ์ กค. ประกาศให้ ปชช.ทราบ ไม่ น้อยกว่า ๑๕ วัน ช่วยเหลือตามมติ คกก. ช่วยเหลือประชาชน กระบวนการจัดซ้ือจัดจ้าง จัดทาโครงการ เข้า แผนพัฒนา และ ต้ัง งปม.หมวดรายจ่าย ช่วยด้านดารงชีพ โดยคานึงถึงสภาพ และเหตุการณ์ ตาม ความเหมาะสมท้ังนี้ ไมเ่ กินหลักเกณฑท์ ี่ กค. กาหนดในระเบยี บน้ี 2. ด้ำนกำรเกษตร ให้ดาเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติท่ีข้ึนทะเบียนหรือปรับปรุง ทะเบียนกับหน่วยงานที่กากับดูแลแต่ละด้านของ กษ. ก่อนเกิดภัยพิบัติแล้วเท่าน้ัน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ปี ฏิบตั ปิ ลกี ย่อยเก่ยี วกับการใหค้ วามช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉนิ พ.ศ.๒๕๖๔ มี ผลใชบ้ งั คับตั้งแต่ ๑ ก.ย. ๖๔ การช่วยเหลือประชาชนด้านส่งเสรมิ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ในสถานการณ ์โรคตดิเชื้อไวรัสโค โรน่า 2019 หนงั สือ มท. ด่วนที่สดุ ท่ี ๐๘๐๘.๒/ว ๒๒๐๗ ลว.๑๔ เม.ย.๒๕๖๓ และ ๐๘๐๘.๒/ว๒๗๑๕ ลว. ๑๓ พ.ค.๒๕๖๓
การช่วยเหลือประชาชนด้านส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต กรณีโรคโควิด-19 ให้ อปท. ประกาศให้ประชาชนมายน่ ืลงทะเบียนตอ่ อปท. เพอ่ ืเสนอคณะกรรมการชว่ ยเหลอืประชาชน พจิ ารณา โดย ช่วยตามหลักเกณฑ์ท่ี มท. หรือ พม.ก าหนด ซ่ึงตามระเบียบกรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ ว่าด้วยการ สงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ท่ีพึ่ง พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๘ การสงเคราะห์ครอบครัวที่เดือดร้อน ให้ด าเนินการตามความจ าเป็น (๘.๑) ช่วยเหลอื ด้านการเงิน หรือส่ิงของ เป็นวงเงินในการช่วยเหลือไม่เกิน คร้ังละ ๓,๐๐๐ บาทต่อครอบครัว ไม่เกิน ๓ ครั้งต่อปีงบประมาณ กรณีโรคโควิด - 19 ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน จาเปน็ เรง่ ดว่ น เมอ่ื คณะกรรมการช่วยเหลอื ประชาชนของ อปท. ได้ปดิ ประกาศรายชื่อประชาชนท่ีจะได้รับ ความช่วยเหลอืแล้วให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบสิบห้าวัน และถือเป็นกรณี เร่งด่วน หากไม่ดาเนินการแก้ไขจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการหรือประชาชน ดังน้ันอปท.จึงไม่ต้อง จัดทาเป็นแผนพฒั นาทอ้ งถ่นิ แนวทำงกำรดำเนินกำรและกำรใช้จ่ำยงบประมำณ ในกำรป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โควิด-19 ค่ำใช้จ่ำยในกำรดำเนินกำรกำรจัดต้ัง โรงพยำบำล สนำมระดับพื้นที่ (หนังสือท่ี กระทรวงมหาดไทย ด่วนทที่ สี่ ุด ที่ มท 0808.2 /ว ๒๓๔๓ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๔) 1. ดา้ นสถานที่ - สถานทรี่ าชการ หรือเช่าสถานทเ่ี อกชน - ค่าทาความสะอาดฆา่ เชื้อ โดยจ้างแรงงานหรือจ้างเหมา - ค่าสาธารณปู โภค เชน่ คา่ ไฟฟ้า คา่ นา้ คา่ ใชจ้ า่ ยอืน่ ท่ีจาเปน็ เชน่ วัสดุ ครภุ ัณฑ์ เปน็ ต้น ๒. ดา้ นจดั หาวัสดุอุปกรณ์ หนหา้ นห้า6นา้ จัดหาวัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ในการปฏิบัติงาน ป้องกันรักษาและควบคุมโรคของผู้ป่วย เช่น 303202 หนา้ กากอนามยั เจลแอลกอฮอล์ เครือ่ งพน่ ยา เวชภัณฑ์ เครอ่ื งมอื ในการตรวจโรค เรอื่ งวัดอุณหภูมิ เป็นต้น ๓. ดา้ นเจ้าหน้าท่ี บคุ ลากรผูป้ ฏบิ ัตแิ ละผู้ปว่ ย มีคาสั่งให้เจ้าหน้าท่ีของ อปท. ปฏิบัติหน้าท่ี เบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ ผู้ป่วยและ เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงานเบิกค่าอาหารกลางวัน ไม่เกิน 3 มื้อ ๆ ละ 50 บาท/คน (จนท.เบิกค่าอาหารแล้วไม่ให้ เบกิ เบ้ียเลี้ยง) 4. ดา้ นงบประมาณ - งบประมาณ ให้เบิกจา่ ยงบกลาง ประเภทเงินสารองจา่ ย รบ.งปม.ฯ ขอ้ 1๙ - โอนงบประมาณรายจ่ายทีเหลือจ่ายหรือไม่มีความจาเป็นต้องจ่ายไปเพิ่มได้ (รบ.งปม.ฯ ข้อ 26 และ ขอ้ 27) -ใชจ้ า่ ยเงนิ สะสม (นส.ยกเวน้ ว ๑๖๐๘) -นาเงนิ ทุนสารองเงินสะสมมาใชจ้ ่าย (รบ.เบิกจา่ ยฯ ข้อ ๘๗) ๕. การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ สาหรับการป้องกัน รักษาและควบคุมโรคของผู้ป่วย แต่ละครั้งทุก วงเงนิ ถือเปน็ ความจาเปน็ เร่งดว่ น ดาเนนิ การตามขอ้ 79 วรรคสอง (รบ.กค.จัดซื้อจัดจ้าง และ นส.ว ๑๑๕) 6. เงินอดุ หนุน - อปท.ไมด่ าเนนิ การ/รว่ มดาเนินการ อาจสนับสนุน งปม. ใหืแกห่ นว่ ยงานอืน่ ได้ - ตอ้ งมีในแผนพฒั นา และตั้งไว้ในหมวดเงินอดุ หนุน
- ไมส่ ามารถจา่ ยจากเงนิ สะสม (รบ.เงนิ อดุ หนนุ ฯ) สถำนที่ควบคุมเพอื่ สังเกตอำกำรเริ่มปว่ ย ศูนย์พักคอยและแยกกักตวั ทีบ่ ำ้ น กรณี ผวจ.หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก ผวจ. มอบหมายให้ อปท.ดาเนินการจัดต้ังสถานที่ ควบคุมเพื่อสังเกตอาการเร่ิมป่วย (Quarantine) ศูนย์พักคอย (Community Isolation) และ การแยกกัก ตวั ที่บ้าน (Home Isolation) เพอื่ ประโยชน์ในการปอ้ งกันควบคมุ โรคกรณีผู้ป่วยหรือกรณีกลุ่มบุคคลที่มีความเส่ียงสูง ผู้ป่วยต่อไปน้ีอาจพิจารณาให้เข้าพักในศูนย์พักคอยหรือสถานท่ีควบคุมเพื่อสังเกตอาการเร่ิม ปว่ ยได้ ๑. ไมม่ ีช่ือในทะเบียนบ้านแต่อาศยั อย่เู ปน็ ประจา ในพื้นท่ขี อง อปท. ๒. เปน็ บุคคลท่ไี ม่มสี ัญชาตไิ ทย ๓. เป็นผู้ป่วยในเขตพื้นที่ของ อปท.อื่น อาจพิจารณาให้เข้าพักในศูนย์พักคอย (Community Isolation) หรือสถานที่ควบคุม เพ่ือสังเกตการเร่ิมป่วย (Quarantine) และเบิกค่าใช้จ่ายสาหรับบุคคล ดังกลา่ วได้ อปท.อาจดาเนนิ การในการป้องกนั ยับยั้งก่อนเกดิ สาธารณภยั ได้ดงั น้ี 1. จัดหาวัสดุทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์ท่ีไม่ใช่ยา สาหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ในพื้นที่ เส่ียง กลุม่ บุคคลที่เสี่ยง กิจกรรมท่ีเสย่ี ง 2. จัดเลีย้ งอาหารบุคคลท่เี ปน็ กลมุ่ เสี่ยง ทที่ างราชการส่ังให้กักตัวท่ีบ้าน วันละไม่เกนิ ๓ มอ้ื ๆละไม่ เกิน ๕๐ บาทต่อคน (หนังสือ มท. ด่วนท่ีสุด ที่ มท ๐๘๐๘.๒/ว ๔๑๑๖ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔) หนหา้ นหา้6นา้ คำ่ ใช้จ่ำยศนู ยพ์ กั คอย (Community Isolation) และแยกกกั ตัวที่บ้ำน (Home Isolation) 30303 สปสช.ได้กาหนดแนวทางปฏิบัติการขอรับค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19 สาหรับการดูแลรกั ษาในที่พักระหวา่ งรอเข้ารับการรกั ษาแบบผ้ปู ่วยในโรงพยาบาล (Home Isolation) และ การดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนามสาหรับคนในชุมชน (Community Isolation) ให้ อปท.พิจารณาเบิก ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการศูนย์พักคอยและการแยกกักตัวท่ีบ้าน (Community Isolation และ (Home Isolation) โดยจะต้องไม่ซ้าซ้อนกับการดาเนินการของหน่วยงานอื่นท่ีมีหน้าที่ในการดาเนินการดังกล่าว (หนังสอื ด่วนที่สดุ ท่ี มท ๐๘๐๘.๒/ว ๑๕๖๒ ลงวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) กำรจัดหำวคั ซนี (COVID-19) อปท. สามารถจัดหาวัคซีน ได้ตามประกาศ ศบค.ฯ ลว.๘ มิ.ย. ๖๔ ข้อ ๕ โดยจัดหาจาก หน่วยงานตามประกาศ ข้อ ๓ เช่น กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬา ภรณ์ฯลฯ และต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหลักเกณฑ์หรือแผนการใช้จ่าย งปม.ของ อปท. และต้องสอดคล้องกับแนวทางการบรหิ ารจัดการวัคซีนภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินฯ กาหนด การดาเนินการตามวรรคหน่ึงของ อปท.ในแต่ละพ้ืนท่ีใหืเป็นไปตามแนวทาง หรืออยู่ในการกากับดูแลของ ผวจ.และคณะกรรมการโรคติดตอ่ จงั หวัด งบประมาณไดด้ ังนี้ ๑. งบกลาง ประเภทเงินสารองจา่ ย ๒ .โอนงบประมาณเหลอื จา่ ยหรอื ไม่มคี วามจาเปน็ ต้องจ่ายไปเพิ่มให้ (รบ.งปมขอ้ ๒๖-๒๗)
๓. ใช้เงินสะสม ตาม นส.มท.ด่วนที่สุด ท่ี มท ๐๘๐๘.๒/ว๑๖๐๘ ลว.๑๗ มี.ค.๖๓ ๔.ขอทา ความตกลงกบั ผวจ.เพ่ือนาเงินทุนสารองาใช้ตาม รบ.เบิกจ่ายฯ ขอ้ ๘๗ วิธีการจัดหาวัคซีนให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ ละ นส. ท่ี กค (กวจ) ๐๔๐๕.๒/ว ๑๑๕ โดยการจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละครั้งทุกวงเงินถือเป็นกรณี จาเป็นเร่งดว่ น ดาเนนิ การตามข้อ ๗๙ วรรคสอง แห่ง รบ.จัดซื้อจดั จ้าง) ค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดเตรียมสถำนท่ีเพ่ือให้หน่วยงำนที่เก่ียวข้องดำเนินกำรฉีดวัคซีนให้ ประชำชน 1. กำรจัดสถำนที่ ค่าใช้จ่ายในการจัดสถานท่ีให้หน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพ่ือฉีดวัคซีนให้แก่ ประชาชนในพน้ื ที่ ๒. เจ้ำหน้ำที่และบุคลำกรผู้ปฏิบัติ ค่าเบ้ียเล้ียง/ค่าอาหารวันละไม่เกิน ๓ มื้อ ๆ ละ ไม่เกิน ๔๐ บาทต่อคน กรณีมีคาสั่งแต่งต้ังเจ้าหน้าท่ีของ อปท. หรือบุคคลภายนอกให้ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนให้ ประชาชน ๓. วัสดุอุปกรณแ์ ละรถรับสง่ ประชาชน - ค่าวัสดทุ ่ใี ชใ้ นการฉีดวคั ซนี คา่ เช้ือเพลิงและน้ามันหล่อลนื่ - ค่ารถรับสง่ ประชาชน ใช้รถยนตส์ ่วนกลาง หากไมม่ /ี ไม่เพียงพอใหจ้ ้างเหมาบริการได้ ๔. งบประมาณทีใ่ ชด้ าเนินการใหด้ าเนนิ การตามลาดบั - ใชง้ บกลาง ประเภทเงนิ สารองจา่ ย - เงนิ สารองจา่ ยไมเ่ พียงพอโอนงบประมาณเหลือจา่ ยหรือไม่มคี วามจาเปน็ ไปชว่ ยได้ - งบประมาณไมเ่ พยี งพอ ใชจ้ า่ ยเงนิ สะสม หนหา้ นห้า6นา้ - ขอทาความตาลง ผวจ. ขอใหเ้ งนิ ทุนสารองเงินสะสมมาใช้จา่ ย 303404 ข้อกำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชกำหนดกำรบริหำรรำชกำรใน สถำนกำรณ์ฉกุ เฉนิ พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๒) ข้อ ๓ กำหนดมำตรกำรเพื่อเตรียมควำมพร้อมสำหรับกำร จะบังคับใช้อนำคตโดยให้เพิ่มควำมระมัดระวัง ในกำรป้องกันตนเองขั้นสูงสุด ตำม “มำตรกำรป้อง กนักำรติดเช้ือแบบครอบจักรวำล (Universal Prevention for COVIC-19) และกำหนดให้ผู้มีหน้ำท่ี รับผิดชอบขององค์กรหรือหน่วยงำนตรวจสอบและกำกับดูแลให้มีกำรปฏิบัติตำม “มำตรกำร ปลอดภัย สำหรับองค์กร” (Covid Free Setting) เพ่ือลดควำมเสี่ยงต่อกำรแพร่โรคติดเช้ือไวรสั โคโรนำ 2019 การเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ และน้ายาท่ีเก่ียวข้อง กับการวินิจฉัยการติดเช้ือ SARS-CoV-2 (เชื้อ ก่อ โรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนตเิ จน ด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) การเบิกจา่ ยค่าชดุ ตรวจ ATK สาหรับเจ้าหน้าท่ีทอ้ งถิน่ ทม่ี ีความเสี่ยงสงู - ถือเป็นการเบิกจ่ายค่าวัสดุตามนัยระเบียบ มท. ว่าด้วยการเบิกจ่าย ค่าใช้จ่ายในการ บริหารงานของ อปท. พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๗ ค่าวัสดุตาม หลักการจาแนกประเภทรายจ่ายตามงบประมาณ ของ อปท. ให้ผู้บริหาร ท้องถ่ินเบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง ตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยัด และ เพื่อ ประโยชน์ของทาง ราชการ - ผู้บริหารสามารถพิจารณาอนุมัติให้เบิกจ่ายได้เท่าท่ีจ่ายจริงตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยัดและเพื่อประโยชนข์ องทางราชการ โดยคานึงถึงสถานะการเงนิ การคลัง - อปท.ควบคุมให้มีการเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ ATK ให้สอดคล้องกับจานวน จนท. ที่เข้า ปฏบิ ตั งิ านตามจริง และจัดใหม้ ีการติดตามการคัดกรองดว้ ย ชุดตรวจ ATK ดงั กลา่ ว
กำรใช้จ่ำยงบประมำณของ อปท. (ชว่ ยเหลอื โควดิ -19) ระเบียบ มท.วำ่ ดว้ ยวิธีกำรงบประมำณของ อปท. พ.ศ. 2563 ขอ้ 19 อปท. กาหนดให้มเี งินสารองจ่ายในงบกลางเพอื่ 1. กรณีฉุกเฉินทท่ีมีเหตสาธารณภัยเกิดข้ึน หรือกรณีการป้องกันและยับยั้งก่อนการเกิดสา ธารณภยั หรือ คาดว่าจะเกดิ สาธารณภยั ได้ 2. กรณฉี ุกเฉนิ เพ่อื บรรเทาปญั หาความเดือดรอน้ ของประชาชน เป็นส่วนรวม การใชเ้ งินสารองจ่ายตามวรรคหนึ่ง เป็นอานาจของผบู้ ริหารทอ้ งถิ่น ระเบียบ มท. วำ่ ด้วยกำรเบกิ คำ่ ใช้จำ่ ยเกีย่ วกบั กำรปฏิบตั ิรำชกำรของ อปท .พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๖ ค่าใช้จ่ายปฏิบัติราชการในเรื่องใด ที่ มท. ยังมิได้กาหนดไว้ให้ช้ระเบียบข้อบังคับ คาสั่ง หนงั สือส่ังการของกระทรวงการคลังโดยอนโุ ลม ระเบียบ กค.วำ่ ด้วยเงินทดรองรำชกำรเพ่ือชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภัยพิบตั ฉิ กุ เฉนิ พ.ศ.๒๕๖๒ ข้อ ๑๘ เมื่อเป็นท่ีคาดหมายวา่ จะเกิดภัยพิบตั ิกรณีฉกุ เฉินข้ึนในเวลาอันใกล้และจาเป็นต้องรีบ ดาเนินการโดยฉับพลันให้ส่วนราชการดังต่อไปน้ีอาจใช้จ่ายเงินทดรองราชการ ในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัย พิบัติกรณีฉุกเฉินน้ันได้โดยไม่ต้องประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณี (๒) ในกรณี จงั หวดั ให้เป็นอานาจหนา้ ที่ของ ปภ.จ. โดย ผวจ.เปน็ ผมู้ ีอานาจ อนุมตั จิ า่ ยเงิน ท้ังนี้ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเงื่อนไข ที่ ปภ.กาหนด โดยความเหน็ ชอบของ กค. ข้อทักทว้ งของหนว่ ยตรวจสอบ กำรจ้ำงเหมำบรกิ ำรบุคคลภำยนอก หนหา้ นหา้6นา้ การจา้ งเหมาบรกิ ารบคุคลภายนอกจดมาตรวดั น้า จัดเกบ็ เงินคา่ น้าประปาและทวงหน้ี - เป็นการไม่ปฏิบัติตาม พรบ.กาหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอานาจให้แก่ อปท. 303505 พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๙ วรรคสาม อปท.จะมอบให้ส่วนราชการอื่นจัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียม ค่า ใบอนุญาต ค่าตอบแทนหรือรายได้อ่ืนใด เพื่อ อปท.น้ันก็ได้ ท้ังน้ีให้คิดค่าใช้จ่ายได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราที่กาหนดในกฎกระทรวง ซึ่งไม่มีการบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ คาส่ังหรือหนังสือสั่งการใดที่ กาหนดให้ อปท.มอบอานาจให้เอกชนเปน็ ผู้จัดเก็บค่าธรรมเนียม และรายได้อ่ืนแทนได้ประกอบกับ หนังสือ สถ. ที่ มท ๐๘๐๘.๒/๕๕๙๕ ลงวันที่ ๓๐ พ.ค.๒๕๖๐ พิจารณาข้อหารือการจ้างเหมาบริการไม่อาจมอบให้ เอกชนจัดเก็บเงินค่าน้าประปาหมู่บ้านแทนได้ - ให้ดาเนินการสอบข้อเท็จจริง กรณีจ่ายค่าจ้างเหมาบริการบุคคลภายนอกทาาหน้าที่เป็นผู้ จัดเก็บ ค่าธรรมเนียมและรายไดอ้ นื่ แทน หากพบวืา ไม่สามารถเบิกจา่ ยได้ยายผลการตรวจสอบ การเบกิ จา่ ย ท่ีเป็นไปตามกฎหมายและน าเงินคืนคลังโดยเร็ว และสั่งการกาชับ จนท.รับผิดชอบ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสอื สัง่ การที่เก่ียวขอ้ ง โดยเครง่ ครัดในโอกาดต่อไป หลกั ประกันสญั ญำ - ให้บุคคลเปน็ ผู้ค้าประกันสัญญา กรณีการจา้ งเหมาบริการเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กค. ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๖๗ หลักประกันสัญญาให้ใช้ หลักประกันอยา่ งหน่ึงอย่างใด ดงัตอ่ ไปนี้ (๑) เงินสด (๒) เช็คหรือดราฟท์ท่ีธนาคารเซ็นสั่งจ่าย ซึ่งเป็นเช็คหรือดราฟท์ลงวันท่ีที่ใช้เช็คหรือ ดราฟท์ นัน้ ชาระตอ่ เจา้ หน้าที่ หรอื กอ่ นวนั นัน้ ไม่เกนิ ๓ วันทาการ
(๓) หนังสือค้าประกันของธนาคารภายในประเทศตามตัวอย่างที่คณะกรรมการนโยบาย กาหนดโดยอาจเปน็ หนังสอื คา้ ประกันอิเล็กทรอนิกส์ตามวธิ กี ารที่กรมบญั ชกี ลางกาหนดก็ได้ (๔) หนังสือค้าประกันของบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ ประกอบกจิ การเงินทุนเพ่ือการพาณชิ ย์ และประกอบธุรกจิ คา้ ประกันตามประกาศของธนาคารแหง่ ประเทศ ไทย ตามรายชื่อบริษัทเงินทุนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งเวียนให้ทราบโดยอนุโลมให้ใช้ตามตัวอย่าง หนงั สอื คา้ ประกนั ของธนาคา ท่ี คกก. นโยบายกาหนด (๕) พันธบตั รรฐั บาลไทย หนหา้ นห้า6นา้ 303606
พระราชบญั ญัติขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 หนหา้ นห้า6นา้ 303707 เหตผุ ลในประกาศใช้พระราชบญั ญัตนิ ี้ 1.เพ่ือใหป้ ระชาชนมีโอกาสอยา่ งกวา้ งขวางในการได้รบั ร้ขู ้อมูลขา่ วสารเกยี่ วกบั การดาเนินการตา่ ง ๆ ของรฐั 2.เพ่ือกาหนดหลักเกณฑเ์ ก่ียวกับขอ้ มลู ข่าวสารที่ หนว่ ยงานของรัฐไมต่ ้องเปิดเผยหรืออาจไมเ่ ปิดเผย 3.เพอ่ื คุม้ ครองสิทธิส่วนบุคคล ขอ้ มูลข่าวสาร (มาตรา 4) สง่ิ ทส่ี ื่อความหมายใหร้ ู้เรื่องราวข้อเทจ็ จริงข้อมูล หรอื ส่ิงใด ๆ ไม่ว่าการส่ือความหมายนนั้ จะทาไดโ้ ดยสภาพ ของส่งิ นนั้ เองหรอื โดยผ่านวธิ ีการใด ๆ และไมว่ ่าจะจัดทาไวใ้ นรปู ของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนงั สอื แผนผงั แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟลิ ม์ การบนั ทกึ ภาพหรือเสียงการบันทึกโดยเครื่องคอมพวิ เตอร์ หรือวิธีอื่นใดท่ีทาใหส้ ่ิงที่บันทึก ไวป้ รากฏได้ ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ (มาตรา 4) 1.ข้อมลู ทีอ่ ยใู่ นความครอบครองหรอื ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ 2.เปน็ ข้อมลู ขา่ วสารเก่ียวกบั การดาเนินงานของรัฐหรือข้อมูลขา่ วสารเกยี่ วกับเอกชน ขอ้ มูลข่าวสารส่วนบคุ คล (มาตรา 4) ข้อมูลข่าวสารที่เก่ียวกับสิ่งเฉพาะตัวบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติ อาชญากรรม หรอื ประวตั ิการทางาน บรรดาท่ีมีชอ่ื ของผูน้ ้นั หรือมีเลขหมาย รหสั หรอื สิ่งบอกลกั ษณะอนื่ ท่ีทาให้รู้ตัว ผู้น้ันได้ เช่นลายพิมพ์น้ิวมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสาร เก่ยี วกับสง่ิ เฉพาะตวั ของผูท้ ่ีถงึ แก่กรรมแล้วดว้ ย การเปดิ เผยข้อมูลขา่ วสาร ประกอบด้วย ขอ้ มูลท่ีต้องรู้ ลงประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (มาตรา 7) ถ้ายงั ไม่ไดล้ งพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะ นามาใช้บังคับในทางที่ไม่เป็นคุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารน้ันตามความเป็นจริงมา กอ่ นแลว้ เปน็ เวลาพอสมควร (มาตรา 8) ขอ้ มลู ท่ีควรรู้ จัดให้ประชาชนเขา้ ตรวจดูในศูนย์ข้อมูลข่าวสาร (มาตรา 9) ข้อมลู อยากรู้ จดั หาให้ประชานเฉพาะรายตามที่ขอ (มาตรา 11) วิธีการจัดใหต้ รวจดูประกาศคณะกรรมการฯ 24 ก.พ.41 1.จดั ให้มีสถานที่ 2.จดั ทาดรรชนี 3.ประชาชนสามารถคน้ หาเองได้ 4.คานงึ ถงึ ความสะดวก 5.อาจเป็นหอ้ งสมุดหรอื ห้องในหนว่ ยงานอ่ืน มติคณะรฐั มนตรเี มอ่ื วันท่ี 20 เมษายน 2554 ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัตใิ นการนาข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 7 (เปน็ ข้อมูลท่ีลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา) และมาตรา 9 [เปน็ ขอ้ มูลท่ีคณะกรรมการกาหนดไว้ใน (1) – (8)] แห่ง
พ.ร.บ. ข้อมูลขา่ วสารฯ เผยแพร่ผา่ นทางเว็บไซต์ของหน่วยงานทุกหน่วยงานดังน้ัน ข้อมลู ขา่ วสารท่ีต้องนามาแสดง ในศูนย์ขอ้ มูลข่าวสารฯ จงึ เป็นขอ้ มูลข่าวสาร ท้งั มาตรา 7 และ 9 ผมู้ ีสทิ ธติ รวจดู 1.บคุ คลผ้ใู ชส้ ิทธเิ ข้าตรวจดูไม่จาเป็นต้องมีส่วนได้เสยี หรือเกีย่ วขอ้ งกบั ข้อมลู ขา่ วสารนนั้ และไมต่ ้องระบุ วา่ จะนาข้อมลู ข่าวสารไปใชใ้ นการใด (ม. 9 วรรคสาม) 2. คนตา่ งดา้ วมีสทิ ธิจะเข้าตรวจดขู ้อมลู ขา่ วสารของราชการเท่าทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ประกาศ คกก. เร่อื งการเรียกเกบ็ ค่าธรรมเนียม กระดาษ เอ 4 หนา้ ละไม่เกนิ 1 บาท กระดาษ เอฟ 14 หนา้ ละไม่เกนิ 1.50 บาท กระดาษ บี 4 หนา้ ละไม่เกิน 2 บาท กระดาษ เอ 3 หน้าละไมเ่ กิน 3 บาท กระดาษพิมพเ์ ขยี ว เอ 2 หน้าละไมเ่ กนิ 8 บาท กระดาษพิมพเ์ ขียว เอ 1 หน้าละไมเ่ กิน 15 บาท กระดาษพิมพ์เขียว เอ 0 หน้าละไมเ่ กนิ 30 บาท คา่ ธรรมเนยี มคารับรอง คารบั รอ หน้าละไมเ่ กิน 5 บาท หนหา้ นหา้6นา้ 303808 ข้อมูลข่าวสาวของทางราชการที่หน่วยงานของรัฐอาจมีคาสง่ั ให้เปิดเผยต้องมีการใช้ดุลยพินิจก่อนออกคาสั่ง ต้องคานงึ ถงึ หลักเกณฑ์ 3 ประการ ดังนี้
1. การปฏิบัติหน้าท่ตี ามกฎหมาย 2. ประโยชน์สาธารณะ 3. ประโยชน์ของเอกชนทเ่ี กย่ี วขอ้ ง มิข้อมูลข่าวสารทอี าจมคี าสง่ั ให้เปดิ เผย 1. ขอ้ มลู ขา่ วสารท่ีการเปิดเผยจะกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายต่อความม่นั คงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ หรือความมน่ั คงในทางเศรษฐกจิ หรือการคลังของประเทศ (มาตรา 15 (1) 1.1 ขอ้ มูลข่าวสารทกี่ ารเปิดเผยจะกระทบต่อความมน่ั คงของประเทศ เชน่ แผนป้องกนั หรอื ต่อตา้ นกองกาลังตา่ งชาติ ในกรณที ีป่ ระเทศไทยถกู โจมตี เป็นตน้ 1.2 ขอ้ มลู ข่าวสารทก่ี ารเปดิ เผยจะกระทบต่อความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ เช่น ข้อมูลข่าวสารท่ี มเี นื้อหาเกยี่ วกบั เรอื่ งปัญหาการบริหารงานภายในของประเทศอน่ื เป็นตน้ 1.3 ข้อมูลข่าวสารที่การเปิดเผยจะกระทบต่อความม่ันคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลังของ ประเทศ เช่น ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ และกลยุทธ์ในการบริหาร อัตราแลกเปล่ียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใน การรกั ษาเสถยี รภาพของอัตราแลกเปลีย่ นและระบบเศรษฐกจิ เปน็ ต้น 1.4 ข้อมูลข่าวสารท่ีการเปิดเผยจะทาให้การบังคับกฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสาเร็จตาม วัตถุประสงค์ได้ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟ้องคดี การป้องกันการปราบปรามการทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งท่ีมาของข้อมูล ข่าวสารหรือไม่ก็ตาม ( มาตรา 15 (2)) เช่น ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับการสอบสวนวินัย การสอบสวนข้อเท็จจริง ซ่ึงยัง หนหา้ นห้า6นา้ ดาเนินการสอบสวนไมแ่ ลว้ เสร็จ เป็นต้น 1.5 ความเห็นหรือคาแนะนาภายในหน่วยงานของรัฐในการดาเนินการเร่ืองใดเรื่องหนึ่งแต่ท้ังนี้ไม่รวมถึง 303909 รายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารท่ีนามาใช้ในการทาความเห็นหรือคาแนะนาภายใน ดังกล่าว (มาตรา 15 (3) การใหค้ วามเปน็ อสิ ระกับเจา้ หนา้ ทีใ่ นการเสนอความเหน็ อย่างเต็มท่ีโดยไม่ถูกรบกวนก่อนมี ผลยุติจึงเป็นส่ิงที่จาเป็นอย่างไรก็ตามถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่า มิใช่เรื่องสาคัญที่จะกระทบความเป็นอิสระและ ผลสาเร็จในการทางานของเจ้าหน้าท่ี หน่วยงานของรัฐจะส่ังให้เปิดเผยก็ได้ อน่ึง ข้อมูลข่าวสารที่จะไม่เปิดเผยนี้ต้องเป็นส่วน หน่ึงของความเห็นเท่าน้ันไม่รวมไปถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ใช้เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณา เช่น รายงานทาง วชิ าการ และรายงานข้อเท็จจริง เป็นตน้ 1.6 ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลใด บุคคลหน่ึง(มาตรา 15 (4)) เช่น ข้อมูลข่าวสารที่เก่ียวกับพยานในการสอบสวนเร่ืองต่าง ๆ ตลอดจนผู้ท่ีเป็นผู้ ร้องเรียนเก่ียวกับการทุจริต หรือประพฤติไม่ถูกต้องต่าง ๆ ซึ่งอาจได้รับอันตรายถ้ามีการเปิดเผยข้อมูลที่ทาให้รู้ตัว พยานเหลา่ นี้ เปน็ ตน้ 1.7 ข้อมูลข่าวสารที่เก่ียวกับรายงานแพทย์ หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ซึ่งการเปิดเผยจะเป็น การรกุ ล้าสิทธสิ ่วนบุคคลโดยไมส่ มควร (มาตรา 15 (5)) ประวัติการรักษาพยาบาลของคนไขต้ ่าง ๆ ซึง่ ถอื ไดว้ ่าเป็น ประวัติสุขภาพ หรือประวัติการรักษาพยาบาลของบุคคลใดบุคคลหนึ่งและเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลโดยปกติ แพทย์จะไมน่ าไปเปิดเผยให้บคุ คลอนื่ ไดท้ ราบ
ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารท่ีมีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทาง ราชการนาไปเปดิ เผยตอ่ ผอู้ ื่น (มาตรา 15 (6)) กรณีท่ีหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ อาจมีกฎหมายที่เก่ียวข้องกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานน้ัน มีข้อกาหนดมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารบางประเภทไว้ เช่น กรมสรรพากรมีประมวลรัษฎากร มาตรา 10ท่ีกาหนดห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับกิจการของผู้เสียภาษีแก่ผู้ใดเว้นแต่เจ้าพนักงานผู้มีอานาจหรอื ศาล เร่ืองการแจ้งเบาะแสเก่ียวกับการทุจริตประพฤตมิ ิ ชอบ หรือการทาผิดในเร่อื งสาคญั เชน่ เร่ืองยาเสพติด เป็นต้ ข้อมูลข่าวสารท่ีมีการกาหนดในพระราชกฤษฎีกาเพ่ิมเติม(มาตรา15(7)) ข้อมูลข่าวสารตามข้อนี้จะเป็นข้อมูลข่าวสารที่ คณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการพจิ ารณาแลว้ เห็นว่า ควรกาหนดให้หนว่ ยงานของรฐั หรือเจ้าหนา้ ที่ของรัฐอาจมีคาส่ังมิ ให้เปิดเผยทั้งส้ีเพื่อให้สอดคล้องกับการป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือส่วนได้ส่วน เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอ่ืน โดยในกรณีท่ีต้องการจะกาหนดประเภทของข้อมูลข่าวสารที่อาจมคาสั่งมิให้ เปิดเผยเพ่ิมเติมได้ จะตอ้ งนาไปกาหนดในพระราชกฤษฎีกา หนหา้ นห้า6นา้ 313010
หนห้านห้า6นา้ 313111 วธิ กี ารจดั หาให้ประชาชนท่ีมาขอเป็นการเฉพาะรายมีดังตอ่ ไปนี้ 1.ยื่นคาขอตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ผคู้ วบคุมหรอื ครอบครองขอ้ มูล (ม. 11 วรรคหน่งึ )
2.ระบุลกั ษณะของขอ้ มูลทตี่ ้องการ 3.ระบุไว้ไม่เขา้ ใจ จนท. ปฏิเสธได้ 4.หนว่ ยงานของรัฐจดั หาขอ้ มลู ขา่ วสารภายในเวลาอนั สมควร 5.ขอบ่อยคร้ัง หรอื จานวนมาก ปฏิเสธได้ (ม. 11 วรรคหนึ่ง) 6.ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้ หรือจะ จัดทาสาเนาให้ในสภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพอ่ื มิให้เกดิ ความเสียหายแก่ข้อมลู ข่าวสารนั้นกไ็ ด้ 7.ข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีหน่วยงานของรัฐจัดหาให้ ต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมจะ ให้ได้ มิใช่ต้องไปจดั ทา วิเคราะห์ จาแนก รวบรวม หรอื จัดใหม้ ขี น้ึ ใหม่ แต่ไม่ห้ามหน่วยงานของรัฐ ที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการใดข้ึนใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอ หากเป็นการ สอดคล้องด้วยอานาจหน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐน้ันอยู่แล้ว ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทาโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น บุคคลไม่ว่าจะมีสว่ นได้เสียเก่ียวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดูขอสาเนาหรือขอสาเนาที่มคี ารับรองถูกต้อง ของข้อมูลขา่ วสาร การขอข้อมูลข่าวสารซ่งึ อยู่ในความดูแลของหนว่ ยงานอ่นื (ม.12) 1. หนว่ ยงานท่ไี ดร้ บั คาขอ ให้แนะนาประชาชนผูข้ อให้ไปยื่นคาขอตอ่ หน่วยงานทคี่ วบคมุ ดแู ลข้อมูล โดยไม่ชกั ช้า หนหา้ นห้า6นา้ 2. ถ้าพบวา่ ข้อมูลท่ีประชาชนขอ เป็นข้อมลู ของหนว่ ยงานอ่ืน และระบหุ ้ามการเปดิ เผย (ม. 16) ให้ 313212 ส่งคาขอให้หน่วยงานน้ันพจิ ารณาเพอ่ื มีคาสัง่ ต่อไป กำรร้องเรยี นต่อคณะกรรมกำรขอ้ มูลข่ำวสำร (ม.13) 1. หน่วยงานของรฐั ไมจ่ ดั พมิ พ์ข้อมลู ขา่ วสารตามตรา 7 2. ไม่จดั ข้อมูลขา่ วสารไว้ให้ประชาชนตรวจดู ตามาตรา 9 3. ไมจ่ ัดหาข้อมลู ขา่ วสารใหแ้ ก่ตน ตามมาตรา 11 4. ฝา่ ฝืนไมป่ ฏิบัตติ าม พ.ร.บ. น้ี 5. ปฏบิ ัติหน้าทีล่ ่าช้า 6. ไมไ่ ดร้ ับความสะดวกโดยไม่มเี หตุอันควร คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาร้อง กรณีมีเหตุจาเป็น ขยายได้ แต่ต้องแสดงเหตผุ ลและรวมเวลาท้งั หมดต้องไมเ่ กิน 60 วนั การรบั ผิดทางกฎหมายของเจา้ หน้าท่ขี องรฐั (มาตรา 20) เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ไม่ตอ้ งรบั ผดิ หากกระทาการโดยสุจรติ 1. เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ไดด้ าเนนิ การโดยถกู ตอ้ งตามระเบียบว่าด้วยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ 2. เปิดเผยเป็นการทั่วไปหรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อประโยชน์อันสาคัญยิ่งกว่าท่ีเก่ียวกับประโยชน์ สาธารณะ หรือชวี ิต ร่างกาย สขุ ภาพ หรือประโยชนอ์ ื่นของบคุ คล และคาส่งั น้ันได้กระทาโดยสมควรแก่เหตุ
องค์ประกอบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลประกอบด้วย 1. ข้อมลู เกี่ยวกบั สิ่งเฉพาะตวั ของบุคคล ได้แก่ ฐานะการเงิน การศึกษา ประวตั ิสขุ ภาพ ประวัตอิ าชญากรรม ประวตั ิการทางาน 2. มีส่ิงบอกลกั ษณะท่ีทาใหร้ ู้ตัวผู้นั้นได้ ไดแ้ ก่ ชอื่ - นามสกลุ ลายพิมพ์น้ิวมอื แผ่นบันทึกลักษณะเสียง รูปภาพ การคมุ้ ครองข้อมูลข่าวสารส่วนบคุ คล ตามมาตรา 23 หนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งดาเนินการ ดังนี้ 1. จดั ใหม้ รี ะบบข้อมูลสว่ นบุคคลเท่าท่เี กี่ยวขอ้ ง/จาเป็น และยกเลิกเมื่อหมดความจาเปน็ 2. เกบ็ ข้อมลู จากเจ้าของขอ้ มูล 3. จัดพมิ พ์ในราชกจิ จาฯ เช่น ประเภทของบุคคลท่ีเก็บลักษณะการใชข้ ้อมูลตามปกติ และแหลง่ ทม่ี าของ ขอ้ มูล เป็นตน้ 4. แก้ไขให้ถูกต้องเสมอ 5. จัดระบบรกั ษาความปลอดภยั เพ่อื ไม่ให้นาไปใชอ้ ยา่ งไม่เหมาะสม คณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร มาจาก 5 คณะด้วยกัน คือ สาขาด้านต่างประเทศและความและ ความม่ันคง สาขาดา้ นสงั คมการบรหิ ารราชการแผ่นดิน สาขาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาดา้ นเศรษฐกิจและ การคลัง สาขาด้านการแพทย์และสาธารณสุข ให้ กขร. ส่งคาอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยคานึงถึงความเช่ียวชาญเฉพาะด้าน หนหา้ นหา้6นา้ ภายใน 7 วนั นับแตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั คาอทุ ธรณ์ (เพอ่ื พิจารณาภายใน 30 วนั ) คอก. พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ เร่ืองรอ้ งเรียน ภายใน 30 วัน กรณีมีเหตุจาเป็นใหข้ ยายเวลาให้แต่ตอ้ งแสดงเหตผุ ล รวม 31313 แล้วไม่เกิน 60 วัน คาวนิ ิจฉยั ของ กวฉ. ให้เปน็ ที่สดุ (ม. 37) ถา้ ผอู้ ุทธรณไ์ ม่พอใจคาวินิจฉัยของ กวฉ. กม็ สี ทิ ธิฟอ้ งคดี ตอ่ ศาล ปกครองได้ (พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ม. 42) หนว่ ยงานของรฐั ต้องปฏิบัติตามคาวินจิ ฉยั โดยเครง่ ครัด ภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับทราบคาวินิจฉัย ถ้าไม่ปฏิบัติ ตามโดยไม่มีเหตุผลท่ีสมควร ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษ ทางวินัยทุกกรณี (มติ ครม. 9 มี.ค. 2542) ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีปกครองเพื่อเพิกถอนคาวินิจฉัย (มติ ครม. 11 เม.ย. 2549) --------------------------------
กำรพฒั นำบคุ ลิกภำพและพธิ กี ำรสมำคม “บุคลิกภาพ หมายรวมถึง สภาพทางกายและสภาพทางจิตหรือ ลักษณะท่ีสาคัญต่อการปรับตัว ของแต่ละบุคคลได้แก่รปู รา่ ง หนา้ ตา ทา่ ทาง ความสามารถ แรงจงู ใจ และการแสดงออกทางอารมณ์ และผลที่ เกิดจากประสบการณ์โดยจะปรากฎออกมาเป็นลักษณะทางพฤติกรรมให้ผู้อื่นเห็น รู้ และเข้าใจในถานการณ์ จากชีวิตของผู้น้ัน” • บุคลากรในองค์กร เปน็ หวั ใจสาคญั อีกประการหนึง่ ของความสาเรจ็ หรือ ลม้ เหลวขององค์กร • บุคลากรในองค์กรที่จะถือได้ว่ามีคุณภาพ นอกจากจะต้องมีทักษะประสบการณ์และความรู้ ความสามารถ ในการทางาน ตามภาระหนา้ ทแี่ ลว้ ควรต้องมบี ุคลิกภาพทเ่ี หมาะสม สอดคลอ้ งกบั งาน • บุคลิกภาพเน้นคุณลักษณะเฉพาะตัวของบุคคล จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทางานแล ะ ปฏิสมั พันธก์ บั ผูอ้ นื่ ทัง้ ในองค์กร และนอกองค์กร และยังเปน็ ภาพลกั ษณ์ที่สาคญั ขององค์กรด้วย • บุคลิกภาพเป็นเร่อื งทเ่ี รียนรู้ฝึกฝนและพัฒนาได้ แม้บางลกั ษณะอาจจะตอ้ งใช้เวลา และพฒั นาได้ • “บุคลกิ ภาพ” (personality) เปน็ ลักษณะเฉพาะของบคุ คลทบี่ ่งบอกความแตกตา่ งระหว่างบุคคล • บุคลิกภาพ คือตัวบคุ คลโดยส่วนรวม ทงั้ ลกั ษณะทางกาย ซึ่งสงั เกตได้ง่าย อันได้แก่รูปรา่ งหน้าตา กริ ยิ าทา่ ทาง นา้ เสียง คาพดู ความสามารถทางสมอง ความสาคญั ของบุคลิกภาพ • บคุ ลิกภาพมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงาน หนหา้ นหา้6นา้ ทาใหบ้ คุ คลมีความอดทน ต่อสู้ บากบ่ัน ใชค้ วามสามารถ ลงทุนลงแรง สนใจใฝร่ ใู้ นทุกสงิ่ ท่เี กีย่ วข้องเพ่ือพฒั นางาน 313414 ใหเ้ จริญก้าวหน้า • บุคลิกภาพกาหนดทิศทางการดาเนินงานบุคลิกภาพทางด้านความคิดริเร่ิม ด้านกล้าได้กล้าเสีย และด้านความระมดั ระวังรอบคอบ มผี ลต่อทศิ ทางการดาเนินงาน ถา้ บคุ คลมคี วามคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์สูง • บคุ ลิกภาพมผี ลต่อความนา่ เชื่อถือบุคลกิ ภาพบางดา้ น มีส่วนชว่ ยสร้างเสริมความนา่ เชื่อถอื การพิจารณาบุคลกิ ภาพของคน 1. ลักษณะทางกาย ได้แก่ รูปร่าง ความสูง น้าหนัก ความปกติของอวัยวะ สีผม ผิวพรรณ หน้าตา ทว่ งที ทา่ ทาง การแตง่ กาย (ตามกาลเทศะ) ฯลฯ ส่งิ เหล่านยี้ ่อมเป็นเคร่ืองแสดงให้ทราบถงึ ประสิทธภิ าพของบุคคล ทางกายซงึ่ ผพู้ บเหน็ จะประเมินเราเมื่อเจอกันในเวลา 1-5 วนิ าทแี รก 2. คุณลักษณะทางจิตใจ เช่น สติปัญญา ความจา จินตนาการ ความถนัด เจตคติ ความสนใจ ความตงั้ ใจ การตดั สนิ ใจ ความคิดด้วยเหตผุ ล ฯลฯ เหลา่ น้เี กย่ี วกับสมองทง้ั สนิ้ 3. อุปนิสัย หมายถงึ ลักษณะโดยรวมของนสิ ยั หลายๆ อยา่ ง ของบุคคลทแ่ี สดงออกเปน็ พฤติกรรม เป็นระยะท่ยี าวนานพอสมควร จนกลายเป็นความประพฤติหรือความมีศลี ธรรม จรรยา มารยาท และคณุ ธรรม 4. อารมณ์ ได้แก่ ความรู้สึกแห่งจิตท่ีก่อให้เกิดการกระทาต่างๆ เช่น ชื่นชอบ ต่ืนเต้น โกรธ กล้า หาญ หวาดกลวั ตกใจงา่ ย ร่าเริง หดหู่ หงดุ หงิด กังวล ฯลฯ
5. การสมาคม คือ กิริยา ท่าที อาการที่บุคคลแสดงต่อผู้อ่ืน เช่น ชอบคบค้าสมาคม หรือเก็บตัว หนห้านหา้6นา้ เมตตาปราณี เห็นอกเห็นใจผู้อนื่ หรอื ไมแ่ ยแสเอาใจใสก่ บั ผ้ใู ด 313515 บคุ ลกิ ภาพทีพ่ งึ ประสงคใ์ นการทางาน • ช่างสังเกต ช่างคิด ช่างสืบค้น ช่างแสวงหาคาตอบในปัญหาทุกส่ิงทุกอย่าง บุคคลท่ีประสบ ความสาเร็จ มักเป็นคนประเภทท่ีบอกตนเองอยู่เสมอว่า ไม่มีส่ิงใดท่ีเขาไม่รู้ ไม่มีปัญหาใดที่ตอบไม่ได้ ไม่มีงานใดที่ ทาไม่ได้ ไม่มีส่ิงใดที่จะเอาชนะไม่ได้ ฯลฯ ลักษณะดังกล่าวส่งผลให้บุคคลมีการเคล่ือนไหวตลอดเวลา ท้ังทางด้าน ความคดิ และการกระทา • ไม่อย่นู ิ่งเฉยกับท่ี แตห่ นักแน่น คือ ชอบการเปลยี่ นแปลงและปรบั ปรุงใหไ้ ด้อะไรแปลกใหม่อยู่ เสมอ แตจ่ ะยังไมเ่ ปล่ยี นหากยังขาดข้อมลู ทเี่ ด่นชดั วา่ เปลย่ี นแล้วจะตอ้ งไปเผชญิ อะไรข้างหนา้ • มคี วามคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ถ้าองคก์ รใดมบี ุคคลท่ีมีความคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์ หาวธิ ีการแปลก ใหมก่ ็จะทาใหง้ านก้าวหนา้ ไปอยา่ งรวดเร็ว • เป็นระเบียบและมวี นิ ัย ส่งผลให้มคี วามรับผดิ ชอบ ตรงเวลา ทางานอยา่ งมีเป้าหมาย ทช่ี ดั เจน สามารถคาดคะเนความสาเร็จไดล้ ว่ งหน้าและรจู้ กั ทางานอยา่ งมีแผน มีระบบงานที่ดี • แสดงออกไดโ้ ดยเหมาะสมตามกาลเทศะอันควร ผูบ้ ริหารแสดงตนไดเ้ หมาะสมทง้ั การ แตง่ กาย การเข้าสมาคม ทา่ ทางการเดนิ การพูด อิรยิ าบถตา่ งๆ ตลอดจนความสามารถในการควบคุม อารมณ์ และการแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม • มคี วามสามารถในการปรับตวั ให้เข้ากับภาวะแวดล้อมได้ดี วางตัวและปฏบิ ัตงิ านให้ผสมกลมกลนื กับสภาพแวดล้อมท้งั บุคคล เวลา สถานที่ และสถานการณ์ตา่ งๆ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การพัฒนาบุคลกิ ภาพในการทางาน 1. การพัฒนาบุคลิกภาพทางกาย ควรใช้เคร่ืองแต่งกายท่ีสะอาดเรียบร้อย ใช้ให้เหมาะสมกับ รูปรา่ งของตน ไมฟ่ ฟู่ ่าหรอื นาสมยั จนเกินไป บุคลกิ ภาพทางกายเปน็ สง่ิ ที่ทาใหค้ นประทับใจคร้ังแรก 2. การพัฒนาบุคลิกภาพทางสติปัญญา ความรู้สึกนึกคิด เจตคติ และความสนใจ ผู้ทางาน โดยท่ัวไป ไม่จาเปน็ จะตอ้ งฉลาดเฉลยี วมไี หวพรบิ สงู เสมอไป 3. การพัฒนาบคุ ลิกภาพทางอารมณ์ การสังเกต คิดหาเหตผุ ล ไมฉ่ ุนเฉียว ไม่ก้าวร้าวหยาบ คาย 4. การพัฒนาบุคลิกภาพทางสังคม กิริยาท่าทาง น้าเสียง ภาษาพูด การแต่งกาย และการวางตน เป็นปัจจยั เบ้ืองต้นทจ่ี งู ใจ ให้บุคคลอน่ื ๆ อยากคบหาสมาคมดว้ ย หลักการพัฒนาบคุ ลิกภาพตามแนวของยอรช์ วอชิงตัน ประธานาธิบดคี นแรกของสหรัฐอเมริกา 1. การกระทาทุกอย่างในหมู่คณะ ควรที่จะทาโดยแสดงใหเ้ ห็นวา่ เราเคารพผทู้ ี่รว่ มงาน 2. อย่าหลับในเม่ือคนอ่ืนๆ กาลังพูดอยู่ อย่าน่ังเม่ือผู้อ่ืนยืน อย่าพูดในเม่ือควรจะน่ิง อย่าเดินใน เมอื่ คนอืน่ ๆ หยดุ เดนิ 3. ทาสีหน้าใหช้ ่นื บาน แต่ในกรณีท่มี ีเร่อื งรา้ ยแรงพึงทาสีหน้าใหเ้ คร่งขรมึ บา้ ง
4. อย่าโตเ้ ถียงกบั ผทู้ ี่อยู่เหนือกวา่ แตพ่ งึ เสนอขอ้ วนิ ิจฉัยของตนแก่ผู้นนั้ อยา่ งออ่ นน้อมถ่อมตน หนห้านหา้6นา้ 5. เม่อื ผู้ใดพยายามทางานจนสุดความสามารถแลว้ แมจ้ ะไมไ่ ดร้ บั ผลสาเรจ็ เปน็ อยา่ งดี กไ็ ม่ควรจะ 313616 ตาหนติ ิเตยี นเขา 6. อย่าใชถ้ ้อยคารนุ แรงตเิ ตียนหรอื ดดุ ่าผูห้ นง่ึ ผใู้ ด 7. อยา่ ผลผี ลามเช่ือข่าวลอื ท่กี อ่ ความกระทบกระเทอื นให้แก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด 8. อย่ารับทาในส่ิงท่ตี นไมส่ ามารถทาได้ แตเ่ มอื่ สัญญาแลว้ กต็ ้องทาตามสญั ญาน้ัน ประโยชนข์ องการมบี ุคลิกภาพที่ดี 1. มีความสามารถในการรบั รแู้ ละเข้าใจในสภาพความเป็นจรงิ ได้อย่างถกู ต้อง 2. การแสดงอารมณ์จะอยูใ่ นลกั ษณะและขอบเขตท่เี หมาะสม 3. มีความสามารถในการสรา้ งความสมั พันธก์ ับบคุ คลอ่นื และสงั คมได้ดี 4. มคี วามสามารถในการทางานท่ีอานวยประโยชนต์ ่อผู้อื่นและสังคมได้ 5. มคี วามรกั และความผูกพันตอ่ ผู้อื่น 6. มีความสามารถในการพัฒนาตนเอง และการพัฒนาทางการแสดงออกของตนต่อผอู้ ่ืนไดด้ ขี ึ้น บคุ ลิกภาพภายนอกที่ตอ้ งพัฒนา 1. รูปร่างหนา้ ตา 2. การแต่งกาย 3. การปรากฏตัว 4. กิริยาทา่ ทาง 5. การสบสายตา 6. การใช้น้าเสียง 7. การใช้ถอ้ ยคาภาษา 8. ศิลปะการพดู มารยาทในการรับประทานอาหาร - ไม่ส่งเสียงดังขณะรบั ประทานอาหาร - ควรตักอาหารคาเล็ก ๆ ไมเ่ ลอื กตกั เฉพาะอาหารท่ีชอบ - อย่าบ่นเมอื่ อาหารไม่ถูกปาก - ไม่ควรบงั คับให้แขกรบั ประทานอาหารอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ตามท่ตี วั เองอยากใหร้ บั ประทาน - พ ย า ย า ม พู ด คุ ย กั น บ น โ ต๊ ะ อ า ห า ร บ้ า ง เ พ่ื อ ไ ม่ ใ ห้ โ ต๊ ะ อ า ห า ร เ งี ย บ จ น เ กิ น ไ ป - ไมค่ วรวา่ กลา่ วหรือนนิ ทาใครขณะรับประทานอาหาร - ควรน่งั รับประทานอาหารดว้ ยท่าทางท่ีสง่าผ่าเผย - ไมก่ ระดิกเทา้ หรือเคาะโตะ๊ - ไม่สูบบหุ รี่ หรือเคีย้ วหมากฝร่งั - ถ้าอาหารท่ยี กมาเสิร์ฟมีฝาปดิ ใหเ้ ปิดฝาลงไว้ในจาน
- ไมร่ บั ประทานอาหารมมู มาม สรปุ ผูท้ ่มี บี คุ ลกิ ภาพดี จะเป็นท่ยี อมรบั ในสงั คม มคี วามเชือ่ ม่ันในตนเอง มีอารมณด์ ี สามารถปฏิบัติ ตนไดถ้ ูกตอ้ งตามกาลเทศะ ประสบความสาเรจ็ ในชวี ิต และอยูใ่ นสงั คมได้อยา่ งมคี วามสขุ ......................................... หนหา้ นห้า6นา้ 313717
หลกั การจดั การภยั พบิ ัตแิ ละสาธารณภยั หนห้านห้า6นา้ 313818
หลกั การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายวธิ ปี ฏิบัติราชการทางปกครองและความรบั ผิดทางละเมิด หนห้านห้า6นา้ 313919
หลกั การปฏบิ ตั ติ าม พ.ร.บ.ข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ หนห้านห้า6นา้ 323020
หลกั การทานติ กิ รรมและการบรหิ ารสญั ญา หนห้านห้า6นา้ 323121
การบริหารความขัดแยง้ โดยสันตวิ ธิ ี หนห้านห้า6นา้ 323222
หลกั การจัดการงานดา้ นกจิ การสภาทอ้ งถ่นิ หนห้านห้า6นา้ 32323
เทคนคิ การจัดประชุมและสมั มนา หนห้านห้า6นา้ 323424
หลักและวธิ ปี ฏบิ ัตงิ านรฐั พธิ ี หนห้านห้า6นา้ 323525
เทคนิคการพดู และนาเสนออยา่ งมีประสิทธิภาพ หนห้านห้า6นา้ 323626
การศึกษาดงู านนอกสถานที่ เทศบาลเมอื งบางกะดี อาเภอเมือง จงั หวดั ปทมุ ธานี หนห้านห้า6นา้ 323727
ประวัติความเป็นมาของเทศบาลเมืองบางกะดี เทศบาลเมืองบางกะดี ได้จัดต้ังโดยเปล่ียนแปลง หนหา้ นห้า6นา้ ฐานะจากเทศบาลตาบลบางกะดีเป็นเทศบาลเมืองบางกะดี ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ประกาศในราชกิจจา 323828 นุเบกษา เล่มที่ 137 ตอนพิเศษ 204 ง โดยมีผลบังคับใช้ ต้ังแต่วันที่ 8 กันยายน 2563 ปัจจุบันเทศบาลเมืองบาง กะดีมีประชากร 14,357 คน วิสัยทัศน์(Vision) เทศบาลเมืองบางกะดีได้ กาหนดวิสัยทัศน์ (Vision) เพ่ือแสดง สถานะในอดุ มคตซิ ่ึงเป็นจดุ ม่งุ หมายความ พันธกิจ (Mission) 1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคสาธารณูปการให้ได้มาตรฐานและเพียงพอกับความ ตอ้ งการ ประชาชนควบค่กู บั การวางผังเมอื งท่ีดี 2. พฒั นาและปรบั ปรุงระบบการศกึ ษาสาธารณสขุ และความปลอดภยั ในชีวิตและทรัพย์สิน 3. พฒั นาจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมใหย้ งั ยืนอย่างเปน็ ระบบ ่ 4. พฒั นาและสง่ เสรมิ การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปญั ญาท้องถ่นิ 5. ส่งเสรมิ การพัฒนาอาชพี และการสร้างงานใหแ้ กช่ ุมชน 6. การพัฒนาและปรบั ปรงุ การบริหารจัดการทมี่ ีประสิทธิภาพและสรา้ งความเขม้ แขง็ ให้ชมุ ชน สภาพภูมิประเทศตั้งอยู่บริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้าเจ้าพระยา มีลาคลองธรรมชาติ 21 สาย สภาพสังคม มีวดั 4 แหง่ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 2 แหง่ การศกึ ษามีสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรนิ ธร (ศนู ยบ์ างกะดี) สภาพเศรษฐกจิ ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบอตุ สาหกรรม และมศี ูนยร์ าชการกรมปศุสัตว์ การขนสง่ มีถนนสายหลกั สองสาย ไดแ้ ก่ ถนนตวิ านนท์และถนนรงั สติ -ปทุมธานี เขตเทศบาลเมอื งบางกะดมี อี าณาเขตติดตอ่ กบั เขตองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินข้างเคียงดงั ต่อไปนี้ • ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตเทศบาลเมอื งปทุมธานีและเขตเทศบาลตาบลบ้านกลาง (อาเภอเมืองปทุมธานี) • ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตเทศบาลตาบลบางพนู (อาเภอเมืองปทมุ ธาน)ี • ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกับเขตเทศบาลตาบลบ้านใหม่และเขตเทศบาลตาบลบางขะแยง (อาเภอเมืองปทุมธาน)ี • ทศิ ตะวันตก ติดต่อกับเขตเทศบาลตาบลบางเดื่อและเขตเทศบาลตาบลบางหลวง (อาเภอเมอื งปทุมธานี) เทศบาลเมืองบางกะดีครอบคลุมพืน้ ทีท่ ้ังตาบลบางกะดซี ่ึงแบง่ การปกครองออกเปน็ 5 หมูบ่ า้ น ได้แก่ • หมทู่ ี่ 1 บา้ นเกริน • หมูท่ ี่ 2 บา้ นโคกชะพลู • หมู่ที่ 3 บ้านกางซอง • หมทู่ ี่ 4 บา้ นลาพหู รอื บ้านบางกะดี • หมทู่ ี่ 5 บา้ นบางง้ิว
การจัดการส่ิงแวดล้อมในสวนอุตสาหกรรมบางกะดีรวมทั้งอุตสาหกรรมในเขตพ้ืนท่ี และการ จดั ตั้งกองทนุ CSR (Corporate social responsibility) CSR เป็นคาย่อจากภาษาอังกฤษ ได้แก่คาว่า corporate social responsibility หากแปลแยกแต่ ละคาก็จะไดว้ ่า corporate หมายถึง การจดั กจิ กรรมที่ไมแ่ สวงหาผลกาไร social หมายถึงสงั คม กลุ่มสังคมอาจจะ เป็นสง่ิ มีชีวติ หรอื ไมม่ ชี ีวติ ก็ได้ ข้นึ อยกู่ บั ว่าเราตอ้ งการพฒั นาสังคมไหน responsibility หมายถึงการรว่ มรบั ผดิ ชอบ ทั้งในด้านบวกและด้านลบต่อการทาธุรกิจ จนมาถึงการทากิจกรรมเพ่ือสร้างสรรค์ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซ่ึงถ้า แปล โดยรวมแล้วคาว่า CSR หมายถึง ความรับผิดชอบต่อสังคมและส่ิงแวดล้อมขององค์กร ดาเนินกิจการภายใต้หลัก จริยธรรมและการจัดการท่ีดี โดยรับผิดชอบสังคมและส่ิงเเวดล้อมท้ังภายในและภายนอกองค์กร อันนาไปสู่การ พัฒนาทยี่ ง่ั ยืน โดย CSR สามารถแบง่ ออกเป็น 4 ระดบั ดงั น้ี ระดับ 1 Mandatory Level ข้อกาหนดตามกฎหมาย หมายถึง การที่ธุรกิจมีหน้าท่ีต้องปฎิบัติให้ เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ทเี่ กี่ยวข้อง เช่น กฎหมายค้มุ ครองผบู้ รโิ ภค,กฎหมายเเรงงาน, การจา่ ยภาษี ระดับ 2 Elementary Level ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หมายถึง การที่ธุรกิจคานงึ ถึงความสามารถใน การอยู่รอดและให้ผลตอบเเทนแกผ่ ถู้ ือหุ้น ซ่ึงกาไรที่ได้นน้ั ต้องมิใชก่ าไรซ่ึงเกิดจากการเบยี ดเบียนสังคม ระดับ 3 Preemptive Level จรรยาบรรณทางธุรกิจ หมายถึง การที่ธุรกิจสามารถสร้างผลกาไรแก่ ผู้ถือหุ้นได้ในอัตราท่ีเหมาะสมและผู้ประกอบธุรกิจได้ใส่ใจเพ่ือให้ประโยชน์ตอบแทนเเก่สังคมมากข้ึน โดยเฉพาะ สงั คมใกลท้ ่อี ยรู่ อบขา้ งทีม่ คี วามคาดหวังวา่ จะไดร้ บั การดูเเล หรือเอาใจใสจ่ ากผูป้ ระกอบธุรกจิ หนหา้ นห้า6นา้ ระดับ 4 Voluntary Level ความสมัครใจ หมายถึง การดาเนินธุรกิจควบคู่กับการปฏิบัติตามเเน วทางของ CSR ด้วยความสมัครใจไม่ได้ถูกเรียกร้องจากสังคม ซึ่งการประกอบธุรกิจอยู่บนพื้นฐานของการมุ่ง 323929 ประโยชน์ของสังคมเป็นสาคัญ ทั้งน้ี ธุรกิจต้องดาเนินการตามเกณฑ์ในระดับ 1 เป็นอย่างน้อย ส่วนการดาเนินการในระดับต่อไปให้ ขึ้นกับความพร้อมของแตล่ ะองค์กร โดยหลักสาคัญของการปฏิบัติตามเเนวทาง CSR ควรอยู่บนหลกั พอประมาณท่ี ธุรกิจต้องไม่เบียดเบียนตนเอง และขณะเดียวกันก็ต้องไม่เบียดเบียนสังคมแม้การทา CSR จะเป็นส่วนหน่ึงของ แผนการตลาด แต่จะต้องวางกลยุทธ์ให้ดี ไม่ให้ผู้อ่ืนรู้สึกได้ว่า เป็นการสร้างภาพลักษณ์มากจนเกินไป ที่สาคัญควร ทาด้วยใจ เพราะไม่เพียงสร้างผลประโยชน์แก่องค์กรเท่าน้ัน แต่ชุมชน มูลนิธิ หรือคนอื่น ๆ ก็จะได้รับประโยชนไ์ ป ด้วยสาหรับการทา CSR ท่ีดจี ะตอ้ งสร้างความแตกต่างอยา่ งมเี อกลกั ษณ์ ที่สาคญั ควรจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ไว้ อย่างต่อเนื่อง เพ่ือทาให้การทา CSR นั้นเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดได้ ที่สาคัญสามารถสร้างความ นา่ เชือ่ ถอื และสร้างภาพลักษณใ์ นสายตาคนในสังคมได้ CSR มคี วามสาคัญอยา่ งไร CSR มีความสาคัญกับองค์กร เพราะองค์กรไม่สามารถประกอบการได้หากไม่มีสังคมหรือสิ่งแวดลอ้ ม เอื้ออานวย แรงจูงใจของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมก็คือการรักษาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม เพ่ือให้ องคก์ รสามารถทางานต่อไปได้ในระยะยาว แม้จะเสียกาไรในระยะสั้น
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีมาตรการบังคับทางกฎหมาย แต่องค์กรส่วนมากก็อยากให้ความสาคัญเร่ืองความ รับผิดชอบทางสังคม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเพราะองค์กรอยากทาดีด้วยตัวเอง ทาดีเพราะอยากกระตุ้นพนักงาน หรอื ทาดีเพราะอยากให้ลกู ค้าประทับใจ การที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น แปลว่าลูกค้าก็จะรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับสังคมและ ส่ิงแวดล้อมได้ง่ายขึ้นเชน่ กัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงปัญหาที่เกิดขึ้นท่ีเป็นผลกระทบจากการกระทาขององค์กร ในกรณี น้คี นส่วนมากกเ็ ร่ิมมีความคาดหวังให้องค์กรรับผิดชอบต่อสังคมมากขนึ้ หลายคนเลือกหาเฉพาะสินค้าจากองค์กรท่ี แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยซ้าในเชิงของธุรกิจน้ัน หากการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม แปลว่าองค์กร สามารถดึงดูดลูกค้าท่ีชอบสินค้าที่รับผิดชอบต่อสังคมได้ ก็เท่ากับว่าองค์กรจะสามารถเรียบเรียงความต้องการของ ลกู ค้าและการกระทาขององค์กรใหต้ รงกันได้ การทา CRS นั้นมีหลากหลายรูปแบบกิจกรรม เพราะไม่ได้มีกฎตายตัว ทาให้การสร้างสรรค์กิจกรรม ออกมาได้หลายรูปแบบมาก ซง่ึ สามารถคัดแยกแบง่ กลุม่ กิจกรรม CSR ไวไ้ ด้ดังน้ี In process หมายถงึ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสงิ่ แวดล้อมท่ีมีผลต่อผมู้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสียและส่งิ แวดล้อม ขององค์กร เช่น การดูแลสวัสดิการพนักงาน, การผลิตส่ิงของท่ีไม่ทาลายสิ่งแวดล้อม, ความรับผิดชอบต่อลูกค้า, การทากจิ กรรมลดโลกรอ้ น เปน็ ต้น After process หมายถึง กิจกรรมเพื่อสังคมและส่ิงแวดล้อมที่มีผลต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ไม่ เก่ียวกับการดาเนินงานขององค์กรโดยตรง เช่น การปลูกป่า, การบริจาคทุนการศึกษา,การรณรงค์สร้างจิตสานึก, หนห้านหา้6นา้ การชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั 333030 As Process หมายถึง องค์กรท่ีจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสังคมและส่ิงแวดล้อม โดยไม่มุ่งหวังผลกาไร เช่น มลู นิธิ หรอื สมาคมการกุศลต่าง ๆ เปน็ ต้น
“CSR ก็คือ หน้าท่ีหน่ึงของบริษัทในฐานะพลเมืองของ สังคม เป็นสิ่งท่ีองค์กรต้องปฏิบัติเพ่ือให้ ไดม้ าซ่ึงสิทธใิ นการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรที่มใี นสงั คม” แนวทางการทา CSR ผู้บริโภคยังคงให้ความสาคัญกับเป้าหมายส่วนตัว อาทิ เป้าหมายด้านสุขภาพหรือหน้าท่ีการงาน แต่ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เรม่ิ ให้ความสาคญั กับบริษัทหรือแบรนดท์ ี่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) มากขนึ้ โดย เป้าหมายของธรุ กิจน้ัน ไมไ่ ด้วดั เพียงแคด่ ้านผลกาไรหรือตวั เลข แต่ต้องเปน็ การสร้างประโยชน์ใหแ้ ก่ผู้มีสว่ นได้ส่วน เสียและสาธารณชนด้วยเช่นกนั ดังน้ันจึงอยากแนะนาแนวทางการทา CSR ดงั น้ี 1. การลงทุนรเิ ริ่มในสง่ิ ใหม่ๆ ด้านสงั คมและส่งิ แวดลอ้ ม โดยอาจจะสนับสนุนองค์กรระดับท้องถ่ินหรือระดับประเทศ ผ่านการบริจาค หรือแม้แต่อาจจัดงาน รณรงค์ เพื่อแก้ปัญหาใด ๆ และอาจใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรในการเป็นกระบอกเสียง เพ่ือให้คนหันมาเห็น ความสาคญั ของปัญหา หรือเข้ามาช่วยเหลอื บางองค์กรอาจส่งเสริมหรือเชิญชวนให้พนักงานบรจิ าค เพ่ือช่วยเหลือ สังคมในด้านตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นการศึกษา การสร้างรายได้ หรอื ด้านสุขภาพ เปน็ ต้น 2. การใชแ้ รงงานอยา่ งมี \"จรยิ ธรรม\" องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักว่าท้ังพนักงานมีแนวโน้มจะเป็นพนักงาน ในอนาคตล้วนมองหาบริษัทท่ี ดูแลพนักงาน ทั้งในและนอกเวลางาน ดังนั้นเพ่ือให้แน่ใจว่า องค์กรดึงดูดคนท่ีมีความสามารถมากพอ และมี หนห้านหา้6นา้ จรยิ ธรรมธุรกิจท่ดี ี ด้วยการใหแ้ รงจูงใจท่ีดีและแข่งขนั ได้ สร้างสถานท่ีทางานที่สะดวกสบาย และสร้างความผูกพัน ในหมู่พนกั งานเสมอๆ 333131 3. การสง่ เสรมิ การทาบุญเพือ่ การกุศล อาจมีพันธกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ด้วยการต้ังทีมงานด้านความรับผิดต่อสังคมขึ้นมา เพื่อให้ องค์กรสามารถช่วยเหลือกลับคืนสู่สังคม เช่น บางบริษัทอาจจูงใจให้พนักงานร่วมทาการกุศล หรืออาจไปร่วมกับ พนั ธมติ ร ภายนอกองค์กรเพ่ือสร้างการเปลย่ี นแปลงทางด้านเศรษฐกจิ และสง่ิ แวดล้อม การใส่ใจกบั เรอื่ งส่งิ แวดล้อม ปัจจุบันผู้บริโภคเร่ิมมองหาหนทางที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเร่ือย ๆ รวมถึงหันมาสนับสนุนแบรนด์ หรอื ธรุ กจิ ทีท่ าเชน่ เดียวกนั 4. การใสใ่ จกบั เรื่องสิง่ แวดล้อม ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหาหนทางที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเร่ือย ๆ รวมถึงหันมา สนับสนนุ แบรนดห์ รอื ธุรกจิ ท่ีทาเชน่ เดียวกัน 5. การมุ่งลดโลกร้อน ซึ่งเป็นกระแสในปัจจุบันพอดี ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างต่อเน่ือง เพ่ือลดก๊าซ คาร์บอนไดออกไซดห์ รือลดภาวะโลกรอ้ น โดยมหี ลากหลายวธิ ที ส่ี ามารถทาได้ เชน่ การเพมิ่ การรีไซเคิล การลดการ ใช้พลังงาน และนาการบริหารจัดการของเสีย เช่น การลดการใชก้ ระดาษ การนาของเสียกลับมาทาปุ๋ย การลดการ
ใช้พลาสติก และการออกนโยบายต่าง ๆ ท่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม เช่น นโยบายการเดินทางโดยรถสาธารณะ คาร์พูล หรือการให้ผลประโยชนแ์ ก่ผใู้ ชร้ ถไฮบรดิ หรือการเขา้ พกั ท่โี รงแรมท่เี ป็นมติ รตอ่ สิ่งแวดล้อม เปน็ ตน้ การทา CSR ถือว่าเป็นการทาประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงช่องทางของผู้บริโภคกับชุมชนได้ดี ที่สุดและ สามารถวางแผนร่วมกับการทาประชาสัมพันธ์ขององค์การได้ ดังนั้น การทา CSR ควบคู่ไปกับการทาธุรกิจไม่ใช่ เร่ืองยาก นอกจากน้กี ารทา CSR ไม่ใชเ่ ป็นการแขง่ ขันในการทมุ่ เงินเพื่อสงั คม ทวา่ เป็นทาอย่างไรให้พนักงานมีใจท่ี เป็น CSR โดยแนวทางน้ีถือเป็นการนา CSR ที่มีคุณค่าอย่างย่ิง เพราะยังมีผลประโยชน์ทางอ้อมในการเชื่อม ความสมั พันธข์ องคนในองคก์ รอกี ดว้ ย เริ่มทา CSR อย่างไรดี 1.ต้องพิจารณาว่ากิจกรรมน้ันทาแล้วส่งผลต่อผู้อ่ืน ส่ิงแวดล้อม หรือระบบนิเวศโดยรวมหรือไม่ การ ทา CSR จะเป็นกิจกรรมท่ีแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อการดาเนินงานนั้น ไม่ว่าจะดาเนินการตามข้อกฎหมาย กาหนด หรือเป็นการบรรเทาผลกระทบนอกเหนือจากท่กี ฎหมายกาหนดไว้ 2. “สังคม” ท่ีอยู่ในคาว่า “Corporate Social Responsibility” คือ การดาเนินความรับผิดชอบต่อ สังคมกบั ผมู้ สี ว่ นได้เสียภายในองค์กรก่อน และตอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบในการจา่ ยค่าจา้ งเงนิ เดือนหรือผลตอบแทนให้ ตรงตอ่ เวลาการจัดสภาพแวดล้อมในการทางานใหม้ ีความปลอดภัยและอาชีวอนามยั สงั คมหรือผู้มีสว่ นไดเ้ สียภายใน องค์กร 3. ผบู้ รหิ ารหรือผจู้ ดั การทอี่ งค์กรต้องรบั ผิดชอบดeเนนิ การจดั วางระบบการบริหารให้มีความโปร่งใส หนหา้ นหา้6นา้ ตรวจสอบได้ มีโครงสร้างและกลไกการกากับดแู ลกิจการที่ดี มีการเสริมสร้างวฒั นธรรมค่านิยมองค์กรและทัศนคติ ของบุคลากรที่เอ้ือต่อการดาเนินความรับผิดชอบต่อสังคม เพ่ือเป็นรากฐานให้เกิดการบูรณาการความรับผิดชอบ 333232 ต่อสังคมท่ัวทัง้ องคก์ ร สรุป องค์กรท่ีเริ่มจากการทา CSR ภายในองค์กรได้ด่ังข้างต้นจะมีความพร้อมต่อการขับเคล่ือน CSR ภายนอกองค์กรมากกว่าองค์กรท่ีเริ่มต้นจากการทากิจกรรม CSR เพื่อสังคมภายนอก ตั้งแต่แรก อีกทั้งยังเป็นการ เพิ่มความน่าเชื่อถือในการดาเนินความรับผิดชอบต่อสังคมที่เริ่มจากการมีบรรษัทภิบาล หรือ Corporate Governance (CG) ในองค์กร ซึ่งเป็นฐานสาหรับการดาเนิน เรื่อง CSR กับสังคมภายนอกองค์กรในขั้นต่อไป หวังว่าบทความนจ้ี ะชว่ ยใหห้ นว่ ยงานท่กี าลังเร่ิมทา CSR ได้เข้าใจวา่ ควรจะเร่มิ ทา CSR จากตรงจุดไหนก่อน
การจดั ทาโครงการของสวนอตุ สาหกรรมบางกะดีกบั ชุมชน หนห้านห้า6นา้ 33333
ความรบั ผิดชอบต่อสงิ แวดล้อมโดยรอบภายในสวนอตุ สาหกรรมบางกะดี หนห้านห้า6นา้ 333434
หนหา้ นห้า6นา้ 333535 ความหมายของตราเครื่องหมายองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา รูปสังข์ทักษิณาวัตรประดิษฐานบนพานทองบรรจุไว้ภายในปราสาท หมายถึง เมื่อราวศุภมัสดุ 721 ปีขาล โทศก วันศุกร์ เดือนห้า ข้ึนหกค่า เพลา 3 นาฬิกา 9 บาท หรือ ตรงกับวันท่ี 3 เมษายน พ.ศ. 1893 พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา ข้ึนที่ตาบลหนองโสน ชีพ่อพราหมณ์ได้ฤกษ์ต้ังพิธีกลบาตร สมุ เพลิง (ชื่อพิธที าเพอื่ แก้เสนียด) ได้สงั ขท์ กั ษณิ าวัตรขอนหนึ่งใต้ตน้ หมนั - วงกลม หมายถึง การทางานทเ่ี ช่อื มโยงกันในทุกภาคสว่ น - ลายไทย หมายถงึ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและภูมปิ ัญญาท้องถิน่ - สีม่วง หมายถึง สปี ระจาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา
ประวัตคิ วามเปน็ มาขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด หนหา้ นห้า6นา้ 333636 ประวัติความเป็นมา การจัดรูปแบบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดซ่ึงเป็นการปกครองท้องถิ่น รูปแบบหนึ่งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้มีการปรับปรุงแก้ไขและวิวัฒนาการมาตามลาดับ โดยจัดให้สภาจังหวัดขึ้นเป็น คร้ังแรกในปี พ.ศ. 2476 ตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476 ฐานะของสภาจังหวัด ขณะนน้ั มีลักษณะเป็นองค์การแทนประชาชนทาหน้าท่ีให้คาปรึกษาหารือแนะนาแก่คณะกรรมการจังหวัด ยงั มิได้ มีฐานะเป็นนิติบุคคลท่ีแยกต่างหากจากราชการบริหารส่วนภูมิภาค หรือเป็นหน่วยการปกครองท้องถิ่นตาม กฎหมายต่อมาในปี พ.ศ. 2481 ได้มีการตราพระราชบัญญัติสภาจังหวัด พ.ศ. 2481 ขึ้นโดยมีความประสงค์ท่ีจะ แยกกฎหมายท่ีเกี่ยวกับสภาจังหวัดไว้โดยเฉพาะ สาหรับสาระสาคัญของพระราชบัญญัติฯ น้ันยังมิได้มีการ เปลี่ยนแปลงฐานะและบทบาทของสภาจังหวดั ไปจากเดิม กลา่ วคอื สภาจังหวดั ยงั คงทาหนา้ ที่เปน็ สภาทป่ี รึกษาของ คณะกรรมการจังหวัดเท่านั้น จนกระท่ังได้มีการการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 ซึ่งกาหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบบริหาร ราชการในส่วนจังหวัดของกระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ โดยตรงแทนคณะกรรมการจังหวัดเดิม โดยผลแห่ง พระราชบญั ญัติฯ น้ีทาให้สภาจังหวัดมีฐานะเปน็ สภาทปี่ รกึ ษาของผ้วู า่ ราชการจังหวัด แตเ่ นอ่ื งจากบทบาทและการ ดาเนินงานของสภาจังหวัดในฐานะทป่ี รึกษา ซง่ึ คอยให้คาแนะนาและควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของจังหวดั ไม่สู้จะ ได้ผลตามความมุ่งหมายเท่าใดนัก จึงทาให้เกิดแนวคิดที่จะปรับปรุงบทบาทของสภาจังหวัดให้มีประสิทธิภาพ โดย ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนในการปกครองตนเองยิ่งขึ้น ในปี พ.ศ. 2498 อันมีผลให้เกิด \"องค์การบริหารส่วน จังหวัด\" ข้ึนตามภูมิภาค ต่อมาได้มีการประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ซึ่งเป็น กฎหมายแม่บทว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กาหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีฐานะเป็น หน่วยการปกครองท้องถิ่นรูปหน่ึง เม่ือสภาจังหวัดแปรสภาพมาเป็นสภาการปกครองท้องถ่ินจึงมีบทบาทและ อานาจหน้าทเ่ี พิ่มขน้ึ อย่างมาก ดังน้ันเพ่ือประโยชน์ในการทาความเข้าใจในอานาจหน้าที่และบทบาทของสภาจังหวัดจากอดีตจนถงึ ปัจจุบนั จงึ ขอแบ่งระยะววิ ัฒนาการของสภาจงั หวดั ออกเปน็ 3 ระยะ ดงั นี้ ระยะท่ี 1 (พ.ศ. 2476-2498)นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ที่ได้มีการจัดต้ังสภาจังหวัดข้ึน ตาม พระราชบัญญัติระเบยี บเทศบาล พ.ศ. 2476 ซงึ่ นบั เป็นจัดกาเนิดและรากฐานของการพฒั นาท่ีทาให้ให้มีหนว่ ยงาน ปกครองท้องถ่ินในรูปองค์การบริหารส่วนจังหวัดขึ้นจน ถึงปี พ.ศ. 2498 นั้น อาจกล่าวโดยสรุปถึงฐานะอานาจ หน้าทบี่ ทบาทของสภาจงั หวัดไดว้ ่ามลี กั ษณะดังนี้ -ฐานะสภาจังหวัดในขณะน้ันกย็ ังมไิ ด้มฐี านะเปน็ หน่วยการปกครองท้องถิน่ -เป็นนติ บิ ุคคลที่แยกต่างหากจากราชการบรหิ ารสว่ นภมู ิภาค -ตามกฎหมายเป็นเพียงองค์กรตัวแทนประชาชนรูปแบบหน่ึง ที่ทาหน้าที่ให้คาปรึกษาแนะนาแก่ จังหวัด ซ่ึงพระราชบัญญัติบริหารราชการแห่งพระราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2476 กาหนดให้จังหวัดเป็นหน่วย ราชการบริหารส่วนภูมิภาค อานาจการบริหารงานในจังหวัดอยู่ภายใต้การดาเนินงานของคณะกรรมการจังหวัด ซ่ึงมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานสภาจังหวัด จึงมีบทบาทเป็นเพียงที่ปรึกษาเกี่ยวกับกิจการของสภาจังหวดั แก่
คณะกรรมการจังหวัด และคณะกรรมการจังหวัดไม่จาเป็นต้องปฏิบัตติ ามเสมอไป กระท่งั ในปี พ.ศ. 2495 ได้มกี าร หนห้านห้า6นา้ ตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนแผ่นดิน กาหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น 333737 หัวหน้าปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบบริหารราชการในส่วนจังหวัดของกระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ โดยตรงแทนคณะกรรมการจงั หวดั เดมิ สภาจังหวัดเปลีย่ น บทบาทจากสภาทป่ี รกึ ษาของกรรมการจงั หวัดมาเป็น สภาทปี่ รึกษาของผู้วา่ ราชการจังหวัด สาหรับอานาจหน้าท่ีของสภาจังหวัด พระราชบัญญัติสภาจังหวัด พ.ศ. 2481 มาตรา 25 ได้ กาหนดใหส้ ภาจงั หวดั มีอานาจหน้าท่ี ดงั ต่อไปน้ี 1. ตรวจและรายงานเร่ืองงบประมาณท่ีทางจังหวัดต้ังขึ้น และสอบสวนการคลังทางจังหวัดตาม ระเบียบซงึ่ จะไดม้ กี ฎกระทรวงกาหนดไว้ 2. แบง่ สรรเงนิ ทนุ อุดหนุนของรัฐบาลระหวา่ งบรรดาเทศบาลในจังหวัด 3. เสนอข้อแนะนาและใหค้ าปรกึ ษาตอ่ คณะกรรมการจงั หวัดในกิจการจงั หวดั ดังตอ่ ไปน้ี ก. การรกั ษาความสงบเรยี บร้อยและศีลธรรมอนั ดีของประชาชน ข. การประถมศกึ ษาและอาชีวศกึ ษา ค. การปอ้ งกันโรค การบาบัดโรค การจดั ตง้ั และบารงุ สถานพยาบาล ง. การจัดใหม้ ีและบารงุ ทางบก ทางนา้ จ. การกสิกรรมและการขนสง่ ฉ. การเก็บภาษีอากรโดยตรง ซง่ึ จะเป็นรายไดส้ ่วนจงั หวดั ช. การเปลย่ี นแปลงเขตหมู่บา้ น ตาบล อาเภอ และเขตเทศบาล 4. ใหค้ าปรึกษาในกิจการคณะกรรมการจงั หวดั ร้องขอ ระยะท่ี 2 (พ.ศ. 2498-2540) การจัดต้ังและการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบ ราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498 ซึ่งกาหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคลและประกาศของ คณะ ปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ได้กาหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นหน่วยการปกครองท้องถิ่นรูปหน่ึง ดังนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงเป็นหน่วยราชการบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล และในพระราชบัญญัติ ฯ ดังกล่าว ได้กาหนดอานาจหน้าท่ีขององค์การบริหารส่วนจังหวัดไว้ เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยและ ศีลธรรมอันดีของประชาชน การศึกษา การทานุบารุงศาสนาและการส่งเสริมวัฒนธรรม การสาธารณูปการ การ ป้องกันโรค การบาบัดโรคและการจัดตั้งและบารุงสถานพยาบาล ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้องค์การบริหารส่วน จังหวดั ยังอาจทากจิ การซ่ึงอยูน่ อกเขต เมอ่ื กิจการน้นั จาเปน็ ต้องทาและเป็นการเกี่ยวเนื่องกับกจิ กรรมท่ดี าเนินตาม อานาจหน้าที่อยู่ภายในเขตของตน โดยได้รับความยินยอมจากสภาเทศบาล คณะกรรมการสุขาภิบาล สภาจังหวัด หรือ สภาตาบลท่ีเกี่ยวขอ้ งนั้น และได้รบั อนุมตั จิ ากรฐั มนตรวี า่ กากระทรวงมหาดไทยแล้วดว้ ย ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2540-ปัจจุบัน)พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ได้ผ่านการ พิจารณาของรัฐสภาและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 62 ก ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2540 โดยใช้
บังคับต้ังแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นมา พระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นกฎหมายท่ีกล่าวถึงระเบียบวิธีการ หนหา้ นห้า6นา้ บริหารงานขององค์การบริหารสว่ นจังหวัด ซ่ึงเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถ่ินแทนท่ีองค์การบรหิ ารส่วน 333838 จังหวดั ตามพระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนจงั หวดั พ.ศ. 2498สาหรบั เหตุผลของการใช้พระราชบัญญัติ ฉบับน้ีอาจพิจารณาได้จากบทบัญญัติของพระราชบัญญัติซึ่งระบุว่า \"โดยท่ีองค์การบริหารส่วนจังหวัดท่ีจัดตั้งขึ้น ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498 เป็นองค์กรปกครองท้องถ่ินที่รับผิดชอบใน พ้ืนท่ีทั้งจังหวัดท่ีอยู่นอกเขตสุขาภิบาล และเทศบาล เม่ือได้มีพระราชบัญญัติสภาตาบลและองค์การบริหารส่วน ตาบล ในการน้ีสมควรปรับปรุงบทบาทและอานาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดให้สอดคล้องกันและ ปรับปรุงโครงสร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เหมาะสมย่ิงขึ้น\" นอกจากจะพิจารณาในเหตุผลของ พระราชบัญญัติแล้ว จากบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ซ่ึงพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดครั้งที่ 2 วันที่ 13 มีนาคม 2540 ท่ีประชุมได้อภิปรายประเด็น วตั ถปุ ระสงคข์ องการออกกฎหมายสรุปวา่ 1. เพ่ือจัดระบบบริหารให้มีประสิทธิภาพซึ่งปัจจุบันมีปัญหาด้านการบริหารการ จัดการด้านพ้ืนท่ี และรายไดช้ า้ ซอ้ น 2. เพ่ือเป็นการปรับเปล่ียนตามการเปล่ียนแปลงของการเมืองการปกครองท้องถิ่นที่มีการ เปลีย่ นแปลงทางด้านการขยายความเจรญิ เตบิ โตของแต่ละท้องถิ่น 3. เพื่อเป็นการถ่ายโอนอานาจการปกครองส่วนภูมิภาคมาสู่ท้องถ่ิน โดยให้องค์การบริหารส่วน จังหวัดทาหน้าท่ีในการประสานกับองค์กรปกครองท้องถิ่น การประสานกับรัฐบาล และตัวแทนหน่วยงานของรัฐ การถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณที่เคยอยใู่ นภูมภิ าคไปอยใู่ นองค์การบริหารส่วนจังหวัด 4. เพื่อเป็นการกระจายอานาจสู่ท้องถิ่นให้มากย่ิงข้ึน โดยจะเพิ่มอิสระให้กับองค์การบริหารส่วน จงั หวัดมากขึน้ ด้วย โดยการลดการกากับดแู ลจากสว่ นกลางลง การจดั ต้งั และฐานะ พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 กาหนดให้มีหน่วยการบริหารราชการส่วน ท้องถิ่นรูปแบบหน่ึงเรียกว่า “องค์การบริหารส่วนจังหวัด” โดยมีอยู่ในทุกจังหวัด ๆ ละ 1 แห่ง รวม 75 แห่ง มีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีพื้นท่ีรับผิดชอบทั่วทั้งจังหวัด โดยทับซ้อนกับพื้นที่ของหน่วยการบริหารราชการส่วน ท้องถิ่นอื่น คือ เทศบาล สุขาภิบาล และองค์การบริหารส่ วนตาบลในจังหวัดน้ัน ความเป็นนิติบุคคล ก่อให้เกิด ความสามารถในการทานิติกรรม ความเป็นหน่วยการบริหารราชการสว่ นท้องถ่ินกอ่ ใหเ้ กดิ อานาจ หนา้ ที่ และขอบเขตพืน้ ท่ใี นการใช้อานาจหน้าท่ีนน้ั ความเปน็ มาขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา สานักงานองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยาเดิมน้ัน อย่รู ว่ มกับจงั หวัดที่ศาลากลางจังหวัด หลังเดิม ซึ่งต้ังอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา ต่อมาเม่ือจังหวัดได้ก่อสร้างศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ เพ่ือเป็นศูนย์ ราชการของจังหวัด ซ่ึงอยูต่ ิดถนนสายเอเชีย องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ก็ไดย้ ้ายมาอย่ชู น้ั 4 ของอาคารศาลากลาง หลงั ใหม่
ปัจจุบันสานักงานองค์การบริการส่วนจังหวัด ต้ังอยู่เลขท่ี 55 หมู่ท่ี 7 ถนนศูนย์ราชการ-สนามกีฬา ตาบลคลองสวนพลู อาเภอพระนครศรีอยุธยา ซ่ึงอาคารสานักงานแห่งนี้ก่อสร้างบนพ้ืนท่ีของหนองแพงพวย จานวน 12 ไร่เศษ ด้วยงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัด จานวน 20,890,000 บาท โดยได้ย้ายเข้ามา ปฏิบัติงานในอาคารแห่งนี้ เม่อื วนั ท่ี 7 มถิ ุนายน 2542 ทตี่ งั้ 55 หมู่ที่ 7 ถนนศนู ย์ราชการ-สนามกีฬา ตาบลคลองสวนพลู อาเภอพระนครศรอี ยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000 โทรศพั ท์ 0-35796-456 / โทรสาร 0-3579-6438 E-mail : [email protected] หนหา้ นห้า6นา้ 333939
จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีเน้อื ที่ประมาณ 1,556.64 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,597,900 ไร่ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 62 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 11 ของจังหวัดในภาคกลาง ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่างของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มน้าท่วมถึง พื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ไม่มีภูเขา ไม่มีป่าไม้ มีแม่น้าไหลผ่าน 4 สาย ได้แก่ แม่น้าเจ้าพระยา แม่น้าป่าสัก แม่น้าลพบุรี และแม่น้าน้อย รวมความยาวประมาณ 200 กิโลเมตรมีลา คลองใหญ่น้อย ประมาณ 1,254 คลอง เช่ือมต่อกับแม่น้าเกือบทั่วบริเวณพ้ืนท่ี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครทาง รถยนต์ ประมาณ 75 กิโลเมตร ทางรถไฟประมาณ 72 กิโลเมตร และทางเรือประมาณ 137 กิโลเมตร โดยมี ส่วนกว้างท่ีสุดของจังหวัดจากบ้านหนองโสน อาเภอวังน้อย ถึง บ้านปอกรวด อาเภอบางซ้าย เป็นระยะทาง ประมาณ 60 กโิ ลเมตร และสว่ นยาวทส่ี ุดจากบ้านข่อย อาเภอบ้านแพรก ถงึ ใตท้ ี่สดุ ที่บ้านปากคลอง ตาบลเชียงราก นอ้ ย อาเภอบางปะอนิ เป็นระยะทางประมาณ 74 กิโลเมตร จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา มอี าณาเขตติดต่อกับจงั หวดั ใกล้เคียงดังน้ี - ทิศเหนอื ติดต่อกบั จงั หวัดอา่ งทอง จังหวดั ลพบรุ ี - ทิศใต้ ติดต่อกบั จงั หวัดนครปฐม จงั หวัดนนทบุรี จังหวดั ปทมุ ธานี - ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั จังหวดั สระบรุ ี - ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กับ จังหวดั สุพรรณบุรี จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยาแบง่ เขตการปกครองออกเปน็ 16 อาเภอ ประกอบดว้ ย หนห้านหา้6นา้ 343040 1. อาเภอท่าเรือ 2. อาเภอนครหลวง 3. อาเภอบางซ้าย 4. อาเภอบางไทร 5. อาเภอบางบาล 6. อาเภอบางปะหัน 7. อาเภอบางปะอิน 8. อาเภอบ้านแพรก 9. อาเภอนครหลวง 10. อาเภอพระนครศรีอยธุ ยา 11. อาเภอภาชี 12. อาเภอมหาราช 13. อาเภอลาดบัวหลวง 14. อาเภอวังน้อย 15. อาเภอเสนา 16. อาเภออทุ ยั
โครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยบริเวณทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทุ่งมะขามหย่อง ตาบลบ้านใหม่ อาเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความสาคญั ทางประวตั ิศาสตร์ เป็นสมรภมู สิ ู้รบระหว่างไทยกับพมา่ หลายครง้ั เปน็ ท่ตี ั้งของพระราชานสุ าว รียส์ มเดจ็ พระศรสี ุริโยทัย มปี ระวตั ศิ าสตร์ความเป็นมาทีน่ ่าสนใจเปน็ อย่างย่ิง เมอ่ื อดีตทุ่งมะขามหย่องแห่งน้ี เปน็ บริเวณทีก่ องทัพไทยปะทะกบั ทัพพม่าในศึก ที่สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ส้ินพระชนม์บนคอช้าง ทนี่ น่ี บั เป็น หน่ึงในสถานท่ีสาคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย นับจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยในสมัย“สมเด็จพระมหาจัก พรรดิ” แห่งกรุงศรีอยุธยา หลังพระองค์ขึ้นครองราชย์ได้ประมาณ 7 เดือน พม่าได้ยกทัพนาโดยพระเจ้าหง สาวีตะเบงชะเวต้ีเข้ามารุกรานการศึกคร้ังนั้น “สมเด็จพระสุริโยทัย” พระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหา จักรพรรดิ ได้แต่งพระองค์อย่างมหาอุปราช ทรงช้างออกมาทายุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร แต่ความท่ีเป็นสตรี ทาให้พระองค์พลาดท่าเสียที ต้องพระแสงของ้าวของพระเจ้าแปรส้ินพระชนม์บนคอช้าง แต่การศึกครั้งน้ัน ไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะกัน ด้วยวีรกรรมในครั้งนัน้ คร้ันเมื่อเวลาผา่ นเลยมาจนถึงสมัยรัชกาลปัจจุบัน แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดาริให้จัดสร้าง “พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระสุริโยทัย” ข้ึน ณ บริเวณทุ่งมะขามหย่อง เพื่อเฉลิมพระเกียรติมาวีรกษัตริย์ไทย และเพ่ือน้อม เกล้าน้อมกระหม่อมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เน่ืองในมหามงคลสมัยเฉลิม พระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 หนหา้ นห้า6นา้ 343141
ทุ่งมะขามหย่อง เป็นพ้ืนที่ต้ังของ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย เป็นโครงการจัดสร้างขึ้นตาม พระราชดาริรัฐบาลและพสกนิกรชาวไทย ได้ร่วมกันสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายเพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535 โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดาเนินมา ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2534 และสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันท่ี 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดาเนิน มาประกอบพิธี บวงสรวงดวงพระวญิ ญาณสมเดจ็ พระศรสี รุ โิ ยทยั หนห้านห้า6นา้ 343242 ทุ่งมะขามหย่อง เป็นพื้นท่ีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพื้นที่แก้มลิง แก้ไขปัญหาน้าท่วมในฤดูน้าหลาก และในฤดูแล้งจะนานา้ ที่กักเก็บไว้ให้เกษตรกรได้ใชใ้ นการเพาะปลกู เพื่อ พสกนกิ รชาว จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา โดยสถานที่สาคัญทั้ง 2 แห่ง ยังบง่ บอกทางประวัติศาสตร์ของ “ทุ่ง มะขามหยอ่ ง” และ “ทงุ่ ภเู ขาทอง” ท่ี สมเด็จพระศรีสรุ โิ ยทยั และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยสูร้ บกับ พม่า นอกจากนี้ผืนแผ่นดินทั้ง 2 แห่ง จึงได้ตั้งชื่อผืนแผ่นดินทั้ง 2 แห่งน้ีว่า “ผืนแผ่นดินแห่งพระมหา กรณุ าธคิ ณุ ” สาหรับทุ่งมะขามหย่อง มีเน้ือที่ทั้งหมด 250 ไร่ ใช้เป็นอ่างเก็บน้า (แก้มลิง) จานวน 180 ไร่ มีความจุน้าได้ ถงึ 2,100,000 ลกู บาศก์เมตร เพือ่ ใชใ้ นการปอ้ งกนั อุทกภัยท่ีจะเกิดในอนาคต และยงั สามารถนาเอาน้าท่ีกัก เก็บไว้ ไปใช้เพ่ือเกษตรกรรมได้ในฤดูแล้งที่ต้อง การใช้น้าทุ่งมะขามหย่องยังเป็นสวนสาธารณะท่ีประชาชน สามารถมาเที่ยวชมความสวยงามและ เป็นท่ีพักผ่อนได้ คุณประโยชน์มมี หาศาล
1. ความเป็นมา วนั ท่ี 10 กรกฎาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดาริ ณวังไกลกังวล ให้การก่อสร้างโครงการ พระราชานุสาวรีย์ฯมีการใช้น้าที่เก็บในสระเก็บน้าจานวนมากเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งของ ราษฎรท่ีมีพนื้ ที่อยรู่ อบบรเิ วณพระราชานสุ าวรียฯ์ วนั ท่ี 24 ตุลาคม 2538 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั มพี ระราชกระแสให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปล่อยน้าเข้าพื้นที่ ของพระราชานุสาวรีย์ฯ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรที่ถูกน้าท่วมและเพื่อเป็นการ เกบ็ น้าไวใ้ ช้เพื่อการเกษตรในชว่ งฤดแู ล้งอีกทางหน่ึงดว้ ยและนาที่ไดเ้ กบ็ กักไว้ในสระเพื่อให้เกษตรกรนาไปใช้ ประโยชน์ตามแนวพระราชดาริด้านการเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ งโดยส่งเสริม อาชีพเสริมแก่รา ษฎ ร 4 โครงการ คือโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวนาปรัง โครงการปลูกพืชอายุสั้นและไม้ผล โครงการส่งเสริม อาชีพการเล้ียงปลาและโครงการเลีย้ งสตั วแ์ บบผสมผสาน วนั ที่13 พฤศจิกายน 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดาริให้พิจารณาปรับปรุงบริเวณพ้ืนท่ี โครงการให้สามารถเก็บน้าได้มากขึ้นเป็น200 ไร่ เหลอื เป็นพื้นท่ีพระราชานุสาวรีย์ไว้ 50 ไร่ และยกระดับถนนใน พืน้ ทขี่ นึ้ ด้วย หนห้านหา้6นา้ วันท4่ี ธันวาคม 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดารัสกับบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ 34343 ถวายพระพรชยั มงคลเน่ืองในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา สรุปความได้ว่า ...ในท่ีสุด ปีน้ีน้าก็ท่วมและเกิดระลึกขึ้นมาได้ว่ามีโครงการน้ีอยู่...จึงให้คนไปถ่ายรูปมีหลายฝ่าย ท้ังทางภาคพ้ืนดิน ท้ังทางอากาศ ในรูปได้เห็นว่ามีการสูบน้าปลายหน่ึงของท่อจุ่มอยู่ในสระ และดูดน้าออก จากสระ น้าในสระนั้นมีระดับวัดได้ 3เมตร 50 เซนติเมตร แต่เม่ือดูแล้วข้างนอก น้าขึ้นสูงไปมากกว่าน้ันจึง บอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งหยุดสูบน้าออกไปและถ้าอย่างไรให้เปิดประตูน้าที่เป็นท่อ และช่องท่ีเปิดน้าให้ เข้า-ออกได้ ให้น้าเข้ามา น้าก็ค่อยๆเข้ามาเอื่อย ๆ น้าจึงข้ึนมาหน่อย แต่ว่าเข้ามาช้ามาก... ก็เลยบอกว่าให้ฟัน คัน ให้ใช้รถตักท่ีเขาเรียกว่าแบ็คโฮตักคันที่ก้ันน้าน้ันให้น้าเข้ามา...และในเวลาเดียวกันก็วัดระดับน้า ปรากฏ ว่าระดับน้าทางด้านตะวันออกคือน้าที่มาจากแม่น้าป่าสักสูงกว่าด้านท่ี มาจากแม่น้าเจ้าพระยาประมาณ 20เซนติเมตร ความรู้น้ี ไม่มีใครเคยรู้ว่า น้าท่ีอยู่ในทุ่งด้านป่าสักมีความสูงกว่าแม่น้าเจ้าพระยา และความรู้นี้ ทาใหเ้ จ้าหน้าที่ รวมท้งั กรมชลประทานเกิดความรวู้ า่ น้าท่วมกรงุ เทพฯ มาจากไหนและไปไหน... ...ก็บอกใหท้ าต่อไปจนกระทั่งนา้ ขา้ งนอกกับนา้ ข้างในเทา่ กนั และวัดดูโดยต่อจากมาตรวดั น้า ซึ่งทีแรก สูง 4 เมตร ต่อข้ึนมา 5 เมตร ก็ท่วม 5 เมตรจนกระทั่งข้ึนมาถึง 5 เมตร 70 เซนติเมตร เป็นอันว่าน้าที่เข้ามา ในบริเวณนั้นจากเดิม3 เมตร 50 เซนติเมตร ขึ้นมาเป็น 5 เมตร 70 เซนติเมตร และน้าในสระน้ันแทนท่ีจะมี ประมาณห้าแสน ก็ขนึ้ มาเกอื บสองลา้ นลูกบาศก์เมตรเม่ือถงึ ขนาดนั้นแลว้ จึงส่ังให้ปิดไดใ้ หป้ ดิ เพ่ือทีจ่ ะเก็บน้า
น้ีไว้ข้างใน ...ทาให้ราษฎรเห็นว่าอนุสาวรีย์น้ีทาประโยชน์และสมเด็จพระสุริโยทัย น้ีเป็นวีรสตรีในอดีต กลบั มาเปน็ วรี สตรใี นปจั จบุ นั ดว้ ยฉะนนั้ โครงการนีก้ ็ไดผ้ ลเต็มท.่ี .. ...ทฤษฎีใหม่นี่มีไว้สาหรับป้องกันความขาดแคลนในยามปกติก็จะทาให้ร่ารวยมากขึ้น ในยามท่ีมี อุทกภัยก็สามารถที่จะฟ้ืนตัวได้เร็วโดยไม่ต้องให้ทางราชการไปช่วยมากเกินไปทาให้ประชาชนมีโอกาส พ่งึ ตนเองไดอ้ ยา่ งดี ฉะนน้ั จงึ ไดส้ นบั สนุนให้มีการปฏิบตั ติ ามทฤษฎีใหม.่ .. วนั ที่ 23 มกราคม 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดาเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จ พระสุรโิ ยทยั เพอื่ ทรงเย่ียมเกษตรกร และทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการดาเนินงานการก่อสร้างอ่างเก็บ น้าในพื้นที่รอบพระราชานุสาวรีย์ในการน้ี ทรงเปิดคันบังคับน้า เพื่อปล่อยน้าเข้าสู่ท่อส่งน้าท่ี 2เพื่อส่ง น้า ให้แก่พ้ืนที่การเกษตรของราษฎรที่อาศัยอยู่โดยรอบและทรงมีพระราชดาริในเร่ืองต่างๆกับคณะทางาน เฉพาะกิจด้านการแก้ไขปัญหาน้าท่วมและเจ้าหน้าท่ีที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้าท่วมและการ ประกอบอาชีพของราษฎรโดยพระราชทานพระราชดารใิ หด้ าเนนิ การพิจารณานาทฤษฎีใหม่มาใช้งานโดยให้ ขุดสระน้าในพื้นท่ีลุ่มต่าในเขตโครงการและบริเวณใกล้เคียงเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้าในฤดูฝน และพิจารณา เพิ่มระดับเก็บกักรวมท้ังให้ขุดลอกสระเก็บน้าให้ลึกลงไปตามความเหมาะสมเพ่ือเพ่ิมปริมาณความจุให้สระ เกบ็ น้า วันท่ี 14 พฤษภาคม 2539 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั พรอ้ มด้วยสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ เสดจ็ พระ หนหา้ นห้า6นา้ ราชดาเนินไปยังพระราชานุสาวรยี ์สมเด็จพระสุริโยทัยเพื่อทรงเกย่ี วข้าวในนาซ่ึงเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพปลูก 343444 ข้าวนาปรัง และพระราชทานข้าวที่ทรงเกี่ยวเพื่อไปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญใน การนที้ รงมพี ระราชดาริให้กรมชลประทาน กรมโยธาธกิ าร และกรมพฒั นาที่ดนิ ปรบั ปรุงสระเก็บน้าพระราชา นุสาวรีย์ฯโดยขุดดินก้นสระให้มีความลึกโดยเฉลี่ยอีกประมาณ 1 เมตร เพื่อกักเก็บน้าให้มากกว่าเดิมดินท่ีขุดได้ ส่วนหนง่ึ ให้นาไปทาทางสัญจรด้านทิศเหนือขนานไปกับคันกั้นน้าให้ประชาชนใช้เป็นเส้นทางเช่ือมระหว่างถนน รมิ แม่นา้ กบั ถนนสายใหญ่ดินอีกสว่ นหนึ่งให้นาไปทาถนนเสรมิ คันกน้ั นา้ เดิมให้สูงถึงระดบั 6.20 เมตร (รทก.) หากมีน้าไหลหลากมากเหมือนปี 2538 จะได้ระบายน้าเข้ามาในสระเก็บน้าน้าจะได้ไม่ท่วมหลังคันกั้นน้าซึ่ง จะทาใหม้ ีน้าเกบ็ กกั ไวใ้ ช้ในฤดูแล้งเพม่ิ มากข้นึ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยีย่ มราษฎรและได้ทรงเปิดคันบังคับน้าเพื่อ ปล่อยน้าเข้าสู่ท่อส่งน้าสายที่2 เพ่ือส่งน้าให้แก่พื้นท่ีการเกษตรของราษฎรท่ีอยู่อาศัยโดยรอบ พระราชานุสาวรีย์สมเดจ็ พระสุริโยทยั เม่อื วนั ท่ี 23 มกราคม 2539 หนห้านห้า6นา้ 343545
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดาเนินไปยัง พระราชานุสาวรยี ์สมเด็จพระสรุ โิ ยทัยบรเิ วณทุ่งมะขามหย่อง เพื่อทรงเก่ียวข้าวในแปลงนาข้าวของราษฎรซ่ึงเป็น โครงการสง่ เสรมิ อาชีพปลกู ขา้ วนาปรังรอบพ้ืนท่ีพระราชานุสาวรีย์ฯ เม่อื วันที่ 14 พฤษภาคม 2539 หนห้านห้า6นา้ 343646
2. ลกั ษณะของโครงการ โครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยมีพ้ืนท่ีโดยรวมท้ังสิ้นประมาณ 256 ไร่ ประกอบด้วย องคป์ ระกอบ 2 ส่วน ดงั น้ี ส่วนที่ 1 พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยสวนสาธารณะ และอื่น ๆ มีพื้นที่ประมาณ 56ไร่ หนหา้ นห้า6นา้ 343747 ประกอบด้วยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ดงั น้ี - องค์พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยทรงช้างประดิษฐานบนเกาะเนินดิน พน้ื ท่ีประมาณ 24 ไร่ - อาคารประกอบอื่น ๆในบริเวณเช่น อาคารจาหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรและ อตุ สาหกรรมในครวั เรือน ส่วนแสดงแผนผงั บริเวณและอาคารบารงุ รักษา ระบายนา้ และบา้ นพักเจา้ หนา้ ท่ี สว่ นที่ 2 พ้นื ที่สระเก็บน้า มีพ้ืนท่ีประมาณ 200 ไร่ สามารถกักเก็บน้าไว้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรกรรมในช่วงฤดู แลง้ และรองรับนา้ ในช่วงฤดนู ้าหลาก - พืน้ ที่ผวิ น้าทร่ี ะดบั เก็บกัก 158 ไร่ - ปรมิ าณความจทุ รี่ ะดับเกบ็ กัก 1,209,000 ลกู บาศกเ์ มตร - ระดับคันกั้นน้า + 6.20 เมตร (รทก.) - ระดบั เกบ็ กักปกติ +4.50 เมตร (รทก.) - ระดับเกบ็ กกั สงู สุด +5.760 เมตร (รทก.) (ในปี 2538 เกดิ ปญั หาอทุ กภัยสามารถกักเก็บนา้ ได้1,583,040 ลกู บาศก์เมตร) - ปริมาณน้าเก็บกักที่สามารถ 500,000ลูกบาศก์เมตร นามาใช้ประโยชน์โดยวิธีการ ธรรมชาติ
3.แนวทางการบรหิ ารจดั การน้า โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยาดาเนนิ การบรหิ ารจัดการสระเก็บนา้ โครงการพระราชา นสุ าวรยี ส์ มเดจ็ พระสรุ โิ ยทัยในรปู แบบพนื้ ทแ่ี ก้มลงิ โดยมแี นวทางการบรหิ ารจดั การ ดังน้ี 3.1การเติมน้าเข้าสระ การรับน้าเข้าสู่พื้นท่ีสระเก็บน้าทาโดยใช้ระบบท่อเพ่ือเติมน้า ประกอบด้วย 3 รูปแบบ ดังน้ี (1) ทอ่ สง่ นา้ จากคลองชัยนาท – อยธุ ยา จานวน 1 ทอ่ ขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 0.80 เมตร ความยาว 516 เมตร ส่งน้าได้ 0.73 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีหรือวันละ 63,000 ลูกบาศก์เมตรสามารถส่งน้าได้ เฉพาะในฤดูฝนชว่ งเดือนตุลาคมน้าในคลองชยั นาท – อยุธยา จะสามารถไหลเข้าสระเกบ็ น้าไดส้ ่วนหนึ่ง (2) โรงสูบน้าจากแม่น้าเจ้าพระยาโดยติดตั้งเคร่ืองสูบน้าไฟฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 น้ิว จานวน 3 เครื่อง บรเิ วณหนา้ วัดเกตุ ตาบลบ้านใหม่ อาเภอพระนครศรีอยธุ ยาสามารถสบู นา้ ได้ 0.60 ลูกบาศก์ เมตรต่อวินาทีหรือวันละ 166,000 ลูกบาศก์เมตร โดยส่งน้าไปตามท่อคอนกรีตเสริมเหล็กจานวน 1 ท่อ ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.80 x 254 เมตร สามารถสูบน้าเข้าสระได้ท้ังฤดูแล้งและฤดูฝนและหากน้าในแม่น้า เจ้าพระยามีระดบั สูง จะสามารถไหลเข้าสระเก็บนา้ ได้โดยธรรมชาติ (3) ท่อรับน้าและระบายน้าทรงส่ีเหลี่ยมจานวน 2 ท่อ ขนาด1.5 x 1.80 เมตร จานวน 1 แหง่ ในช่วงฤดนู ้า สามารถรับน้าเข้าพื้นท่ไี ดว้ นั ละประมาณ300,000 ลกู บาศกเ์ มตร 3.2 การนาน้าไปใช้ประโยชน์ ในช่วงฤดูแล้งจะทาการส่งน้าให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมรอบโครงการฯจานวน 1,037 ไร่ หนห้านห้า6นา้ ผา่ นระบบชลประทาน ประกอบด้วย 343848 (1) อาคารระบายนา้ ที่1 (ดา้ นทศิ เหนือ) ขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลาง 0.60 เมตร พร้อมติดต้ัง เคร่ืองสูบน้าดว้ ยไฟฟ้าขนาดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง10 น้วิ จานวน 1 เครอื่ ง สามารถสูบน้าได้ 0.20 ลกู บาศก์เมตร ตอ่ วินาที สง่ น้าให้พื้นทก่ี ารเกษตรทางดา้ นทศิ เหนอื (2) อาคารระบายน้าท่ี2 (ด้านตะวันออก) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.60 เมตร พร้อม ตดิ ต้ังเครื่องสูบนา้ ด้วยไฟฟ้าขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลาง10 นิว้ จานวน 1 เครอ่ื ง สามารถสบู นา้ ได้ 0.20 ลูกบาศก์ เมตรตอ่ วินาที ส่งให้พ้ืนทกี่ ารเกษตรทางดา้ นทศิ ตะวนั ออก (3) อาคารระบายน้าที่ 3 (ด้านทศิ ใต้) ขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง0.60 เมตร พรอ้ มตดิ ต้งั เคร่ือง สูบน้าด้วยไฟฟ้า ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว จานวน1 เคร่ือง สามารถสูบน้าได้ 0.20 ลูกบาศก์เมตรต่อ วนิ าทสี ่งใหพ้ ืน้ ทก่ี ารเกษตรทางดา้ นทิศใต้ (4) คสู ง่ น้าดาดคอนกรตี จานวน 3 สาย ความยาวรวม 4,070 เมตร สายที่ 1 ขนาดท้องคกู วา้ ง0.30 เมตร ยาว 1,290 เมตร มพี ื้นท่เี กษตรกรรมจานวน 242 ไร่ สายที่2 ขนาดทอ้ งคูกว้าง 0.30 เมตร ยาว 1,740 เมตร มพี ื้นท่ีเกษตรกรรมจานวน 522 ไร่ สายท่ี 3 ขนาดทอ้ งคูกวา้ ง0.30 เมตร ยาว 1,040 เมตร มีพื้นที่เกษตรกรรมจานวน 165 ไร่
ปัจจุบันโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยาได้ดาเนินการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้า(กลุ่ม พน้ื ฐาน)“ทุ่งมะขามหย่อง” คิดเป็นพนื้ ท่ีรับประโยชน์ 1,037 ไร่ ครอบคลุมพน้ื ที่ตาบลบา้ นใหม่ ตาบลวดั ตูม และตาบลภเู ขาทอง อาเภอพระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา 3.3 การบรหิ ารจดั การน้าในชว่ งเกิดอทุ กภัย ในช่วงน้าหลากและเกดิ ปัญหาอุทกภัยโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา จะทาการเฝ้าระวัง และตดิ ตามสถานการณ์นา้ ในสระเกบ็ นา้ ตลอดเวลา โดยในปี 2553 และ ปี 2554 ไดด้ าเนนิ การดังน้ี ปี2553 ทาการเปิดรับน้าจากแม่น้าเจ้าพระยาเข้าสู่พื้นท่ีสระเก็บน้าโดยวิธีการธรรมชาติ (Gravity) จนเต็มสระเก็บน้าที่ระดับ + 5.0 เมตร (รทก.)ซ่ึงสูงกว่าระดับเก็บกักปกติ 50 เซนติเมตรโดยไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พ้นื ท่ภี ายในโครงการ ปี2554 เกิดปัญหาอุทกภัยร้ายแรงในหลายพ้ืนที่ระดับน้าในแม่น้าเจ้าพระยามีระดับสูง ตั้งแต่เดือนกันยายน ส่งผลให้ น้าเข้าท่วมเต็มพื้นท่ีสระเก็บน้าสูงถึงระดับ+7.00 เมตร (รทก.) สูงกว่าระดับ คันก้ันน้ารอบสระท่ีมีระดับ+6.20 เมตร (รทก.) คิดเป็นปริมาตรน้าประมาณ 5.4 ล้านลูกบาศก์เมตรเมตร ภายหลังระดับนา้ ลดลงไม่ปรากฏวา่ อาคารระบบชลประทานไดร้ ับความเสียหาย การเปิดรับน้าเข้าพื้นที่สระเก็บน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยเป็นการบริหาร จัดการตามหลักการของแก้มลิง โดยในยามน้าหลากจะเปิดรับน้าเข้าสระเก็บน้าโดยวิธีธรรมชาติและในช่วงฤดู แล้งจะบริหารจดั การน้าด้วยระบบชลประทานเพื่อนาน้าไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรกรรม ซึ่งเป็นการพร่องน้า หนหา้ นห้า6นา้ เพือ่ เตรยี มพร้อมทจ่ี ะรองรับปริมาณนา้ หลากครง้ั ตอ่ ไป 343949 สภาพพื้นที่โดยรอบพระราชานสุ าวรยี ส์ มเด็จพระสุรโิ ยทยั บริเวณทงุ่ มะขามหย่องในช่วงท่ีเกดิ ปัญหาอุทกภัย เดือนตลุ าคม2538 สามารถเก็บกกั นา้ ได้ 1,583,040 ลกู บาศกเ์ มตร
หนห้านหา้6นา้ 353050
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386