Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ต้น 1-65

แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ต้น 1-65

Published by suckseedeua_20325, 2022-08-22 19:29:29

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ต้น 1-65

Search

Read the Text Version

151 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น ช่ือโครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชอื่ โรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ช่อื หัวหนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมินดังนี้ 5 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ มากที่สุด 4 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อยู่ 1 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ยทู่ ่ีสดุ เกณฑก์ ารพิจารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยลู่ ะ 0 - 50 ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรุง คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยู่ละ 50 - 69 ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉลย่ี ร้อยลู่ ะ 70 – 79 ระดับคุณภาพ ดี คะแนนเฉล่ยี ร้อยู่ละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉล่ียร้อยู่ละ 90 - 100 ระดับคุณภาพ ดเี ยีย่ ม พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความตั้งใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตือรอื รน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผู้อ่นื 7. มีความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม 10. การมีสว่ นรว่ มในการแก้ไขปญั หาในกลมุ่ ลงช่อื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../.....................

152 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 เรอ่ื ง การหาพ้ืนทีข่ องรปู เรขาคณิตและการหาพืน้ ทปี่ ริมาตรปริซึม เวลาเรยี น 6 ชวั่ โมง แนวคดิ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของการวัด การวัดความยาวพ้ืนที่ ที่มีหน่วยต่างกันสามารถ นาํ มาเปรียบเทียบกนั ได และปริมาตรและพื้นท่ีผิวจำเป็นจะตองรูกระบวนการคิด และการ ใชสูตร เพ่ือ สะดวกในการคํานวณอันจะเป็นประโยชนตอการนาํ ไปใชในชวี ติ จริง ตวั ชว้ี ดั 1. หาพื้นทีข่ องรปู เรขาคณิต 2. อธบิ ายลักษณะและสมบตั ิของปรซิ ึม พรี ะมดิ ทรงกระบอก กรวย ทรงกลม หาปริมาตรและพื้นท่ี ผิวของปริซึม เนอื้ หา 1. การหาพน้ื ท่ีของรปู เรขาคณติ 2. ลกั ษณะสมบตั แิ ละการหาพน้ื ท่ผี วิ และปรมิ าตรของ ปริซมึ ขน้ั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขัน้ ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเอง และแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่งึ การจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียน จะต้องเรียนรู้รว่ มกันในคร้งั นี้ คือ เร่ือง การหาพื้นท่ีของรูปเรขาคณิตและการหาพื้นที่ปริมาตรปริซึม และชวน คิดชวนคยุ เกี่ยวกับเรื่องท่ีจะเรยี นรู้เพื่อกระตนุ้ ให้ผเู้ รียนเกิดความสนใจและมีความกระตอื รอื รน้ ในการเช่ือมโยง และสร้างความพร้อมทจ่ี ะเรียนรหู้ รอื ทำกิจกรรมการเรียนรตู้ ามแผนการจดั การเรียนรูค้ รง้ั น้ี 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งน้ี ที่สอดคล้อง กับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ เพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุ ตัวช้ีวัด ที่กำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิตและการหาพื้นท่ีปริมาตร ปรซิ มึ ในครั้งนี้ ซงึ่ มีจำนวน 2 ขอ้ ดังน้ี 1. การหาพน้ื ที่ของรปู เรขาคณติ 2. ลกั ษณะสมบัติและการหาพื้นทผ่ี วิ และปรมิ าตรของ ปริซมึ 3. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง การหาพื้นทีข่ องรูปเรขาคณติ จำนวน 10 ข้อ โดยใช้ เวลา 10 นาที

153 4. ครใู ห้ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค21001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบับ ปรับปรงุ พ.ศ. 2554) เรื่อง จำนวนและการดำเนินกาและเศษสว่ นและทศนยิ ม หนา้ 76-126 พร้อมทั้งแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต ซ่ึงผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำ กิจกรรมตามท่ีได้รับมอบหมายด้วย ทั้งนี้ ครูควรจะชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการ เรียนรู้คร้ังนี้ ผูเ้ รียนจะต้องเรยี นร้แู ละทำกิจกรรมทส่ี อดคล้องกบั เนอ้ื หาที่เรียน โดยปฏบิ ัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอ และการแลกเปลี่ยนเรียนรูโ้ ดยการอภิปรายร่วมกบั เพ่อื นในกลุ่ม รวมทง้ั มกี ารทดสอบหลัง เรียนดว้ ย นอกจากนี้ ในการพบกล่มุ แต่ละคร้ังน้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผเู้ รียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซึ่งวธิ ีการเรียนรู้ด้วยตนเองจะต้องเกิดขึ้นในทกุ ๆ ตัวช้ีวดั และเนอ้ื หาทก่ี ำหนด โดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ กจิ กรรมท่ีกำหนดให้ดว้ ยวธิ ีเรยี นรู้ออนไลน์ และศกึ ษาจากเอกสารประกอบการเรยี น ดังน้ัน ครจู ะต้องเชื่อมโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรยี นรู้ที่จะเกิดข้ึน เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อินเทอร์เน็ต และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี น 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเร่ืองที่จะเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครสู มุ่ ผูเ้ รยี นตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหต้ อบคำถาม จำนวน 3 ประเด็น ดงั นี้

154 ประเด็นที่ 1 “การเปรยี บเทียบหนวยความยาวและพ้นื ท่ี” แนวคำตอบ

155 ประเด็นที่ 2 “สตู รการหาพืน้ ที่” แนวคำตอบ 6. ครูสร้างโจทย์ให้ผู้เรียนฝึกแสดงวิธีทำ หลังจากนั้น ครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหแ้ สดงวิธที ำ จำนวน 4 ประเด็น ดงั น้ี ประเดน็ ท่ี 1 รปู สี่เหลีย่ ม

156 ประเดน็ ท่ี 3 การหาพนื้ ทข่ี องรปู สีเ่ หลี่ยมดานขนาน ประเดน็ ที่ 4 สตู รการหาพน้ื ที่ผวิ ของปรซิ มึ

157 7. ครูและผเู้ รียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกัน ข้ันตอนที่ 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็น กลุ่ม ให้ศึกษานิยาม จากหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค21001 ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 76-126 เรื่อง การหาพ้ืนที่ของรูปเรขาคณิตและการหา พน้ื ท่ปี รมิ าตรปรซิ ึม ดงั น้ี 1. ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ ของตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมดุ แหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน หน่วยงาน สถานศกึ ษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อ การเรียนรู้ ด้วยตนเอง เป็นต้น และให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคลศึกษาเนื้อหา ในหนังสือเรียน รายวิชา คณิตศาสตร์ พค21001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 76-126 เร่ือง การหา พนื้ ทขี่ องรูปเรขาคณติ และการหาพื้นที่ปรมิ าตรปรซิ ึม 3. ครูดำเนินการทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็นคิด วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นท่ียังไม่ชัดเจน ตาม รายละเอียดที่ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความ ต้องการในการเรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากน้ันครูและผู้เรียนสรุปส่ิงท่ีได้ เรียนรู้ในภาพรวมทัง้ หมดแลว้ ให้ผู้เรียนสรปุ สง่ิ ที่ได้เรียนร้ลู งในสมุดบนั ทกึ การเรยี นรู้ ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความ รับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปราย แลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งตั้งเลขานุการของกลุ่ม เป็นผู้จดบันทึกและผู้รักษาเวลา เพอื่ ปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวตั ถุประสงค์ท่ีตั้งไว้ และพิจารณาว่า สมาชิกลุ่มทุกคนควรมคี วามเข้าใจตรงกนั วา่ ตนมีบทบาทหน้าท่ีท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครคู วรให้ คำแนะนำถึงความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างทั่วถึง ไม่ให้มีการ ผูกขาดการอภปิ รายโดยผู้ใดผหู้ น่งึ และควรมีการจำกดั เวลาของการอภปิ รายแต่ละประเด็น ในระหวา่ งการทำกจิ กรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ของ ผู้เรียนคอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการ เรยี นรขู้ องผเู้ รียน และเครอ่ื งมอื ประเมนิ การสังเกตแบบประมาณค่า 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทั้งกลุ่มร่วมกันสนทนา เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ืน่ การคดิ สร้างสรรค์ ความรับผดิ ชอบ และการนำความรูใ้ นเนื้อหามาใช้ โดยครูบูรณาการ เน้อื หาการเรียนรู้ มีการใชส้ ื่อเทคโนโลยีท่ีเป็นคลิปวิดีโอจาก youtube และ TikTok ที่สัมพันธ์กับเน้ือหา ทง้ั นี้ ครูเช่ือมโยงส่ิงท่ีได้เรียนรู้ตามข้ันตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดย ครูเปิดคลิปวิดโี อ เร่อื ง

158 โจทย์ การหาพื้นท่ีของรปู เรขาคณติ https://www.youtube.com/watch?v=bA3nIMBqROs ความยาวคลิป 7.58 นาที https://www.youtube.com/watch?v=bA3nIMBqROs ยาวคลิป 4.51 นาที เทคนิค(สูตรลัด)การหาพน้ื ทีร่ ูปเรขาคณิต https://www.youtube.com/watch?v=UPD1pq9yvd8 ความยาวคลปิ 30.40 นาที หลังจากที่ไดช้ มคลิปวิดีโอแล้ว ครไู ดอ้ ธิบายตามเนือ้ หาในบทเรยี น หลังจากนั้น ครูดำเนินการ ดังน้ี ขนั้ ตอนที่ 3 การสะทอ้ นความคิดจากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือฝึกแก้โจทย์ เร่ือง “การหาพ้ืนที่ของรูป เรขาคณิตและการหาพนื้ ท่ปี รมิ าตรปริซึม” ตามหนงั สือเรียนรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค21001 ระดับมธั ยมศึกษา ตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 76-126 เรื่อง “การหาพื้นท่ีของรูปเรขาคณิตและการหาพ้ืนท่ี ปริมาตรปริซึม” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “การหาพื้นท่ีของรูปเรขาคณิตและการหาพ้ืนท่ีปริมาตร ปรซิ มึ ” 2. ให้ผู้เรียนแต่ละกล่มุ ตามขอ้ 1 ทำแบบฝึกหักตามกจิ กรรม เรื่อง “การหาพ้นื ทข่ี องรูปเรขาคณิต” ท้ังน้ี ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เรือ่ ง “การหาพ้นื ทข่ี องรปู เรขาคณิต” 3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอการแก้โจทย์เลขกิจกรรมตาม ข้อท่ี 1 เร่ือง “การหาพ้ืนที่ปริมาตร ปรซิ ึม” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรอื่ ง “การหาพื้นทปี่ ริมาตรปริซมึ ” 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ จากขั้นตอนท่ี 1 ถงึ ข้ันตอนที่ 3 น้ี 5. ครูและผูเ้ รียนอภปิ รายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกนั

159 ขน้ั ตอนที่ 4 การติดตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเก่ียวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมัครใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ตอบคำถามในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ประเดน็ ที่ 1 “การหาพื้นทขี่ องรปู เรขาคณิต” แนวคำตอบ 1. รปู สามเหลี่ยม รูปสามเหล่ยี ม คือ รูปปดที่มีดานสามดาน มุมสามมุม เมื่อกําหนดใหดานใดดานหนึ่งเปนฐา นของรปู สามเหล่ียม แลวมมุ ที่อยูตรงขามกับฐานจะเปนมุมยอด และถาลากเสนตรงจากมมุ ยอดมาตัง้ ฉากกับ ฐานหรอื สวนตอของฐานจะเรียกเสนต้งั ฉากวาสวนสูงจากรูปสามเหล่ียม ABC ใหกําหนด BC เปนฐานเรียก A วา มมุ ยอดเรยี ก AD วา สวนสูง

160 ประเดน็ ที่ 2 “ปรมิ าตรของปริซึมพ้นื ทผี่ ิวและปรมิ าตรของปริซึม” แนวคำตอบ 2. ปริมาตรของปรซิ มึ 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง “การหาพ้ืนที่ของรูปเรขาคณิตและการหาพ้ืนที่ปริมาตร ปริซึม” จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครแู ละผเู้ รียนสรุปภาพรวมส่งิ ท่ีไดเ้ รยี นรูร้ ว่ มกนั นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จสิ้นข้ันตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานให้ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง รายละเอยี ดดงั นี้ การมอบหมายงานใหเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเอง 1. ครูช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วย วธิ เี รยี นร้ดู ้วยตนเองในลักษณะที่ครจู ะมอบหมายงานใหผ้ ้เู รียนไปศกึ ษา “หนงั สือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค 31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554)” เร่ือง “การหาพื้นที่ของรูป เรขาคณิตและการหาพื้นท่ีปริมาตรปริซึม” หน้า 76-126 ท้ังภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยให้ศึกษาเน้ือหาและ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมท้ายเร่ือง รายละเอียดของเน้อื หา แบ่งออกเป็น 2 สว่ น ดังน้ี สว่ นท่ี 1 เนอ้ื หาการเรยี นรูต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังน้ี ส่วนที่ 2 เนอื้ หาการเรียนรู้เพิม่ เตมิ ในหนงั สือเรยี นเรียนดงั กลา่ ว

161 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรูด้ ้วยตนเอง โดยใหไ้ ปศึกษา “หนังสือเรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554)” รายละเอียดของกิจกรรมท่ีผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ แบ่ง ออกเปน็ 2 สว่ น ดังนี้ สว่ นท่ี 1 เน้ือหาการเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังน้ี ได้แก่ 1) “การหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิต” (หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2554 หนา้ 81 - 99) (กิจกรรมท้ายเรื่องในหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2554 หน้า 82 - 97) 2 “การหาพ้ืนท่ีปริมาตรปริซึม” (หนังสือเรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2554 หนา้ 106-126) (กิจกรรมท้ายเร่ืองในหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค31001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2554 หนา้ 110 - 124) หลังจากนั้น ครูและผู้เรยี นมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้รว่ มกนั ผ่าน ทางสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ตอ่ ไป หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองนั้น อาจมีความแตกต่างกันบ้างในข้ันตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีที่ผู้เรียนมี พื้นฐานน้อยหรือไม่มีพื้นฐานมากอ่ นก็ควรจัดการเรียนรู้พ้ืนฐานที่จำเป็นและพอเพียงกับผู้เรียน หลังจากน้ันให้ ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพ้ืน ความรู้มาก่อนแลว้ ใหค้ ิดหัวขอ้ ที่สนใจจะทำและใหล้ งมือปฏบิ ัตไิ ด้ สอ่ื วัสดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่ือง “การหาพ้ืนท่ีของรปู เรขาคณิตและการหาพ้ืนทปี่ ริมาตรปริซึม” 2. ใบความรู้สำหรบั ผู้เรียน เร่อื ง “การหาพ้ืนที่ของรูปเรขาคณิต” 3. ใบความรูส้ ำหรับผ้เู รยี น เร่ือง “การหาพ้ืนท่ีปรมิ าตรปรซิ ึม” 4. โจทย์ การหาพน้ื ทีข่ องรูปเรขาคณติ https://www.youtube.com/watch?v=bA3nIMBqROs ความยาวคลปิ 7.58 นาที https://www.youtube.com/watch?v=bA3nIMBqROs ยาวคลปิ 4.51 นาที 5. เทคนิค(สตู รลดั )การหาพน้ื ท่รี ปู เรขาคณิต https://www.youtube.com/watch?v=UPD1pq9yvd8 ความยาวคลปิ 30.40 นาที 6. PowerPoint สำหรับครู เรอื่ ง “การหาพืน้ ที่ของรปู เรขาคณติ และการหาพ้นื ท่ีปริมาตรปรซิ ึม”

162 7. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การสรุปผลการเรยี นรู้ “การหาพืน้ ท่ีของรปู เรขาคณติ และการหาพน้ื ที่ปริมาตรปริซึม” 8. แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง “การหาพ้นื ที่ของรูปเรขาคณิต” 9. แบบทดสอบหลงั เรียน เรอ่ื ง “การหาพ้นื ทปี่ รมิ าตรปริซมึ ” 10. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรบั ผูเ้ รยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง“การหาพื้นท่ีของรูปเรขาคณติ และการหาพน้ื ท่ปี ริมาตรปริซมึ ”

163 ใบความรู้ คร้ังท่ี 9 พค21001 (คณิตศาสตร์) เรือ่ งท่ี 1 การเปรยี บเทียบหนวยความยาวและพน้ื ท่ี การวัด การวัดเปนเร่ืองท่ีมีความสําคัญ และจําเปนตอชีวิตประจําวันอยางมากในทุกยุคทุกสมัย ในแตละถิ่น ฐานแตละประเทศ จะมีหนวยการวัดทแ่ี ตกตางกนั ออกไป และเมอื่ โลกเจริญกาวหนาทง้ั ดานเทคโนโลยีและการ สื่อสาร จึงมีความจําเปนท่ีตองมีความชัดเจนของการสื่อสารความหมายเก่ียวกับปรมิ าณของการวัดหนวยการ วดั เพือ่ ใหเกดิ ความสะดวกในการนํามาเปรยี บเทียบ และเพ่อื ประโยชนในการใชงาน โดยทั่วไปคนเรามักจะคุนเคยกับการวดั หมายถึง การชง่ั การตวง การวดั ความยาว การจับเวลา เปนตน ในความเปนจริงน้นั การวดั มีหลายอยาง เชน 1. การวดั ความยาว มีหนวยเปน มิลลเิ มตร เซนตเิ มตร น้ิว ฟตุ เมตร กิโลเมตร 2. การวัดพนื้ ที่ มหี นวยเปน ตารางวา ตารางเมตร งาน ไร 3. การช่งั มหี นวยเปน กรัม ขีด ปอนด ตนั 4. การตวง มหี นวยเปน ลูกบาศกเซนตเิ มตร ลติ ร ถัง 5. การวดั อณุ หภูมิ มีหนวยเปน องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต 6. การวดั เวลา มีหนวยเปน วนิ าที นาที ช่ัวโมง วัน ป 7. การวดั ความเร็วหรืออตั ราเรว็ มหี นวยเปน กโิ ลเมตร/ชวั่ โมง 1.1 การเปรียบเทยี บการวัดความยาว หน่วยการวัดความยาวท่ีนิยมใช้กนั ในประเทศไทย หน่วยการวดั ความยาวในระบบอังกฤษ 12 นิว้ เทา่ กบั 1 ฟุต 3 ฟตุ เทา่ กบั 1 หลา 1,760 หลา เทา่ กบั 1 ไมล์ หนว่ ยการวัดความยาวในระบบเมตรกิ 10 มิลลเิ มตร เท่ากบั 1 เซนตเิ มตร 100 เซนตเิ มตร เทา่ กบั 1 เมตร 1,000 เมตร เท่ากบั 1 กิโลเมตร หน่วยการวดั ความยาวในมาตรไทย 12 นิ้ว เทา่ กับ 1 คบื 2 คืบ เท่ากับ 1 ศอก 4 ศอก เทา่ กับ 1 วา 20 วา เทา่ กับ 1 เสน้ 400 เส้น เท่ากับ 1 โยชน์ กำหนดการเทียบ 1 วา เทา่ กับ 2 เมตร

164 หนว่ ยการวดั ความยาวในระบบอังกฤษเทียบกับระบบเมตรกิ ( โดยประมาณ ) 1 นวิ้ เท่ากับ 2.54 เซนติเมตร 1 หลา เท่ากับ 0.9144 เมตร 1 ไมล์ เทา่ กบั 1.6093 กโิ ลเมตร ตัวอยา่ ง การเปรียบเทยี บหน่วยการวัดในระบบเดยี วกันและตา่ งระบบกนั 1. แก้วสูง 160 เซนติเมตร อยากทราบวา่ แก้วสูงกเี่ มตร เน่ืองจาก 100 เซนติเมตร เทา่ กับ 1 เมตร และแก้วสูง 160 เซนตเิ มตร ดงั นน้ั แกว้ สงู 160 = 1.60 เมตร 100 2. ความกว้างของรั้วบ้านด้านตดิ ถนนเปน็ 1.05 กิโลเมตร อยากทราบว่าความกวา้ งของรั้วบ้านด้านติดกับถนน เปน็ กี่เมตร เนือ่ งจาก 1 กิโลเมตร เทา่ กับ 1,000 เมตร และรั้วบ้านกวา้ ง 1.05 กโิ ลเมตร ดงั นน้ั ความกว้างของรั้วบา้ นเป็น 1.05 x 1,000 = 1,050 เมตร การวัดพน้ื ที่ หนว่ ยการวดั พ้ืนท่ีทส่ี ำคัญ ทค่ี วรรูจ้ ัก หนว่ ยการวัดพน้ื ทีใ่ นระบบเมตริก 1 ตารางเซนตเิ มตร เท่ากบั 100 หรอื 102 ตารางมิลลิเมตร หรือ 104 ตารางเซนตเิ มตร 1 ตารางเมตร เทา่ กับ 10,000 หรอื 106 ตารางเซนตเิ มตร 1 ตารางกโิ ลเมตร เท่ากบั 1,000,000 หนว่ ยการวดั พ้นื ท่ใี นระบบอังกฤษ 1 ตารางฟตุ เท่ากับ 144 หรือ 122 ตารางนิว้ 32 ตารางนิว้ 1 ตารางหลา เทา่ กับ 9 หรือ 1 เอเคอร์ เทา่ กบั 4, 840 ตารางหลา 1 ตารางไมล์ เท่ากบั 640 เอเคอร์ หรือ 1 ตารางไมล์ เท่ากับ 1, 7602 ตารางหลา หน่วยการวดั พื้นทใ่ี นมาตราไทย 100 ตารางวา เท่ากับ 1 งาน 4 งาน เท่ากับ 1 ไร่ หรอื 400 ตารางวา เท่ากับ 1 ไร่

165 หนว่ ยการวัดพืน้ ทีใ่ นมาตราไทยเทยี บกบั ระบบเมตรกิ 1 ตารางวา เท่ากบั 4 ตารางเมตร 1 งาน เท่ากบั 400 ตารางเมตร หรือ 1 ไร่ เทา่ กบั 1,600 ตารางเมตร 1 ตารางกโิ ลเมตร เท่ากบั 625 ไร่ หน่วยการวดั พ้นื ที่ในระบบอังกฤษกับระบบเมตรกิ ( โดยประมาณ ) 1 ตารางนวิ้ เท่ากบั 6.4516 ตารางเซนตเิ มตร 1 ตารางฟตุ เท่ากบั 0.0929 ตารางเมตร 1 ตารางหลา เท่ากบั 0.8361 ตารางเมตร 1 เอเคอร์ เท่ากับ 4046.856 ตารางเมตร ( 2. 529 ไร่ ) 1 ตารางไมล์ เท่ากบั 2.5899 ตารางกโิ ลเมตร ตวั อย่าง 1. ทด่ี นิ 12.5 ตารางกิโลเมตร คดิ เปน็ กีต่ ารางเมตร เนื่องจาก พืน้ ที่ 1 ตารางกโิ ลเมตร เท่ากับ 1600 ตารางเมตร ดังน้นั พน้ื ท่ี 12.5 ตารางกิโลเมตร เท่ากับ 12.5 x 1600 = 12.5 x1600 ตารางเมตร ตอบ 12.5 x 1600ตารางเมตร = 20,000 ตารางเมตร 2. พ้ืนท่ีชั้นล่างของบ้านรูปสี่เหล่ียมพ้ืนผ้ากว้าง 6 วา ยาว 12 วา ผู้รับเหมาปูพื้นคิดค่าปูพื้นตาราง เมตรละ 37 บาท จะตอ้ งเสยี คา่ ปพู ้นื เป็นเงนิ เท่าไร พื้นทชี่ น้ั ล่างของบ้านมคี วามกว้าง 6 วา ความยาว 12 วา ดังนน้ั พื้นท่ชี ้ันล่างของบ้านมพี ้นื ที่เปน็ 6 x 12 = 72 ตารางวา พื้นที่ 1 ตารางวา เทา่ กบั 4 ตารางเมตร ถ้าคิดพ้นื ทเี่ ป็นตารางเมตร พนื้ ทชี่ ้ันล่างของบา้ นมพี น้ื ท่ีเปน็ 72 x 4 = 288 ตารางเมตร ดงั น้นั เสียค่าปูพนื้ เปน็ เงิน 288 x 37 = 10,656 บาท ตอบ 10,656 บาท

166 เรอ่ื งท่ี 2 การเลอื กใชหนวยการวัดความยาวและพ้ืนท่ี การวดั ความยาว หรือการวัดพืน้ ท่ี ควรเลอื กใชหนวยการวดั ท่ีเปนมาตรฐาน และเหมาะสมกบั ส่งิ ท่ี ตองการวดั เชน - ความหนาของกระเบ้อื งหรือความหนาของกระจก ใชหนวยวัดเปน \"มิลลเิ มตร\" - ความยาวของกระเปาหรือความสงู ของนักเรียน ใชหนวยวดั เปน \"เซนตเิ มตร\" - ความยาวของถนน ความสงู ของตึก ใชหนวยวัดเปน \"เมตร\" - ระยะทางจากรงุ เทพฯ ถงึ นครศรธี รรมราช ใชหนวยวดั เปน \"กิโลเมตร\" เรอื่ งท่ี 3 การหาพื้นทขี่ องรูปเรขาคณิต

167 เรอื่ งที่ 4 การแกโจทยปญหาเกยี่ วกับพ้ืนที่ในสถานการณตางๆ ตัวอยาง ทีด่ ินรูปสเี่ หลย่ี มผืนผากวาง 12 เมตร ยาว 20 วา ตองการทําถนนในท่ีดินกวาง 1 วา โดยรอบถนนจะ มีพื้นที่กตี่ ารางวา

168 เรือ่ งที่ 5 การคาดคะเนเวลา ระยะทาง ขนาด นำ้ หนัก ในชีวิตประจําวันบางคร้ังเราอาจตองการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา ระยะทาง ขนาด หรือ นำ้ หนัก ของส่ิงตางๆแตไมสะดวกที่จะวัดสิ่งตางๆ เหลานั้น เนื่องจากมีขอจํากัดบางประการ ตัวอยางเชน ตอง การวัดความยาว และความกวางของสนามฟุตบอลของโรงเรียน แตไมมีอุปกรณที่เหมาะสม ทําใหตองมีการ ประมาณอยางคราวๆ ซึ่งในบางคร้ังอาจจะถูกตอง หรืออาจผิดไปจากความเปนจริงบาง เราเรียกวิธีการ ประมาณในลกั ษณะน้ีวา การคาดคะเน การคาดคะเนปริมาณตางๆ เชน ชวงเวลา ระยะทาง ขนาด และน้ำหนักของสิ่งตาง ๆ ผูคาดคะเน มักใชสายตารวมกับประสบการณของผูคาดคะเนเอง ซ่ึงในการคาดคะเนแตละคร้ังอาจถูกตองพอดี หรืออาจ มีขอผิดพลาดเกิดขึ้นบางก็ได เราเรียกขอผิดพลาดน้ีวา ความคลาดเคลื่อนและความคลาดเคลื่อนคํานวณได จากผลตางของปริมาณที่คาดคะเนไวกับปริมาณท่ีวัดไดจริง เชน การคาดคะเนวาหนังสือเรียนกวาง 15 เซนตเิ มตร ยาว 20 เซนติเมตร และหนา 1 เซนติเมตร แตเมื่อวดั จริงพบวาหนงั สอื เรียนกวาง 14.6 เซนตเิ มตร ยาว 20.9 เซนติเมตร และหนา 1 เซนติเมตร ดังนั้นคะเนความกวางและความยาวของหนังสือเรียน คลาดเคลื่อนไป 0.4 และ 0.9 ตามลําดับ (15.0 เซนติเมตร –14.6 เซนติเมตร = 0.4 เซนติเมตร และ 20.9 เซนติเมตร –20 เซนตเิ มตร = 0.9 เซนติเมตร สวนความหนาคาดคะเนไดถกู ตองไมคลาดเคลอื่ นเลย ) หมายเหตุ บางครั้งอาจพบการใชสัญลักษณ  ตามความคลาดเคล่ือน เชน เครื่องบรรจุน้ำไดขวดละ 1,000 ลูกบาศกเซนติเมตร  5 ลกู บาศกเซนติเมตร หมายความวา โดยปกติแลวน้ำดื่มที่บรรจุขวดโดยเคร่ือง น้ีจะมีปริมาตร 1,000 ลูกบาศกเซนติเมตร แตอาจจะมีบางขวดท่ีมีปริมาตรมากกวาหรือนอยกวา 1,000 ลูก บาศกเซนติเมตร ซึ่งปริมาตรท่ีคลาดเคลื่อนนี้ไมเกิน 5 ลูกบาศกเซนติเมตร นั่นคือ น้ำดื่มท่ีบรรจุขวดจะมี ปรมิ าตรต้ังแต 995 ลกู บาศกเซนติเมตร ถึง 1,005 ลูกบาศกเซนตเิ มตร เรื่องท่ี 6 ลกั ษณะสมบัตแิ ละการหาพืน้ ทผ่ี ิวและปรมิ าตรของปริซมึ พื้นที่ผิวและปรมิ าตรของปริซึม รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีหนาตัด (ฐาน)ทั้งสองเปนรูปหลายเหลี่ยมท่ีเทากันทุกประการและอยูใน ระนาบทขี่ นานกันมหี นาขางเปนรูปส่ีเหลี่ยมดานขนาน เรยี กวาปริซมึ

169 เรื่องที่ 7 การหาปรมิ าตรและพืน้ ทีผ่ ิวของทรงกระบอก ทรงกระบอก คือ ทรงสามมติ ทิ ี่มีฐานเปนรปู วงกลมท่ีเทากันทกุ ประการ และอยูในระนาบทีข่ นาน กัน ซึ่งเมื่อตัดทรงสามมิติน้ีดวยระนาบท่ีขนานกับฐานแลวจะไดรอยตัดเปนวงกลมท่ีเทากันทุกประการกับฐาน เสมอ เรื่องที่ 8 การหาปริมาตรของพรี ะมดิ กรวยและทรงกลม 8.1 พ้ืนท่ีผิวและปริมาตรของพรี ะมดิ พีระมิด คือ ทรงสามมิติท่ีมีฐานเปนรูปเหล่ียมใดๆ มียอดแหลม ซ่ึงไมอยูในระนาบเดียวกับฐาน และ หนาทุกหนาเปนรูปสามเหลี่ยม ที่มีจุดยอดรวมกันท่ียอดแหลม1. พีระมิด(Pyramid) คือทรงสามเหล่ียมท่ีมี ฐานเป็นรูปเหล่ียมใด ๆ มียอดแหลมซึ่งไม่อยู่บนระนาบเดียวกัน และทุกหน้าเป็นรูปสามเหล่ียมท่ีมีจุดยอด ร่วมกันทยี่ อดแหลมนน้ั

170 พื้นท่ีผิวเอยี ง = (1/2) x เสน้ รอบฐาน x สูงเอยี ง พนื้ ที่ผิวท้ังหมด = พน้ื ทผี่ วิ เอยี ง + พนื้ ทีฐ่ าน ปริมาตร = (1/3) x พืน้ ท่ฐี าน x สงู 8.2 พืน้ ทผ่ี วิ และปรมิ าตรของทรงกรวย กรวย คือ ทรงสามมิติท่ีมีฐานเปนรูปวงกลม มียอดแหลมท่ีไมอยูบนระนาบเดียวกับฐาน และเสนท่ีต อระหวางจดุ ยอดกับจุดใด ๆ บนเสนรอบวงของฐาน เรียกเสนตรงนวี้ า “สงู เอียง” 8.3 พ้นื ทีผ่ ิวและปรมิ าตรของทรงกลม ทรงกลม คอื ทรงสามมติ ทิ มี่ ีผิวโคงเรียบ และจดุ ทกุ จดุ อยูบนผิวโคงอยูหางจากจุดคงที่จดุ หนงึ่ เปน ระยะเทากันจุดคงท่ี เรียกวา จุดศนู ยกลางของทรงกลมระยะทเ่ี ทากนั เรยี กวา รศั มีของทรงกลม เร่อื งท่ี 9 การเปรียบเทยี บหนวยปริมาตร หนวยการตวงในมาตราไทย เปนหนวยการตวงท่นี ยิ มใชกนั มาก คอื 1 ลิตร = 1,000 มลิ ลลิ ติ ร 1,000ลิตร = 1 กิโลลิตร 1 ลติ ร = 1,000 ลกู บาศกเซนติเมตร 10 มิลลิลติ ร = 1 ลกู บาศกเซนติเมตร

171 1 ลกู บาศกเมตร = 1,000 ลิตร 1 ลกู บาศกเมตร = 1,000,000 ลกู บาศกเซนติเมตร 1 ถัง = 20ลิตร(ทะนานหลวง) 1เกวยี น = 100 ถงั 1 เกวยี น = 2 ลกู บาศกเมตร 1 เกวียน = 2,000 ลติ ร 1 แกลลอน = 4.546 ลติ ร 1 ลกู บาศกน้วิ = 16.103235 ลูกบาศกเซนติเมตร 1 ลูกบาศกนว้ิ = 0.0164 ลติ ร 1 ลกู บาศกฟุต = 1.728 ลูกบาศกน้ิว 1 ลูกบาศกฟุต = 28.32 ลติ ร 1 บารเรล = 158.98 ลติ ร เรอื่ งที่ 10 การแกโจทยปญหาเก่ียวกับปริมาตรและพื้นท่ีผิว ตัวอยาง ลังกระดาษบรรจุกลองซดี ี วดั ความยาวภายในไดกวาง 12 เซนตเิ มตร บรรจุ ยาว 14 เซนติเมตร และ สงู 15 เซนติเมตร และบรรจุกลองซดี ีเตม็ ลงั พอดี ลังกระดาษนมี้ ปี รมิ าตรเทาไร และถาหยิบกลองซดี ีออกมา 1 กลอง ซ่งึ มีปริมาตร 270 ลกู บาศกเซนตเิ มตร กลองซีดจี ะหนาเทาไร

172 เรอ่ื งท่ี 6 การคาดคะเนเกย่ี วกับปริมาตรและพน้ื ท่ผี วิ การคาดคะเนพ้นื ท่ี เปนการประมาณพนื้ ท่ีอยางคราวๆ จากการมองโดยอาศยั ประสบการณและความ รเู ก่ยี วกบั ขนาดและความยาวมาชวยในการเปรยี บเทียบและตดั สนิ ใจ เพื่อใหใกลเคียงกับพื้นทจ่ี ริงมากทีส่ ดุ หนวยพื้นทท่ี ่ีนยิ มใช คอื ตารางเซนติเมตร(ซม.2 ) ตารางเมตร(ม.2 ) และตารางวา(วา2 )

173 แบบทดสอบ คร้ังท่ี 9 พค21001 คณติ ศาสตร์ 1. สวนแห่งหนง่ึ มีพนื้ ท่ี 4,800 ตารางเมตร คดิ เป็นพืน้ ท่ีกี่ไร่ ง. 9 ไร่ ก. 3 ไร่ ข. 5 ไร่ ค. 7 ไร่ เฉลย ก. 3 ไร่ พน้ื ท่ี 1,600 ตารางเมตร เท่ากบั 1 ไร่ วิธีทำ พน้ื ท่ี 4,800 ตารางเมตร เท่ากบั 4,800 = 3 ไร่ 1,600 2. พ้นื ท่ี 5,625 ไร่ คดิ เป็นพ้นื ที่ ก่ตี ารางกิโลเมตร ง. 9 ไร่ ก. 3 ไร่ ข. 5 ไร่ ค. 7 ไร่ เฉลย ง. 9 ไร่ วิธีทำ พ้ืนที่ 625 ไร่ = 1 ตารางกิโลเมตร พน้ื ที่ 5,625 ไร่ = 5,625 = 9 ตารางกิโลเมตร 625 3. ลุงแดงแบ่งท่ีดนิ ให้ลูกชาย 3 คน โดยแบ่งให้ลกู ชายคนโตได้ 2 ไร่ ลกู ชายคนกลาง 850 ตารางวา และลูก ชายคนเล็กได้ 3,000 ตารางเมตร อยากทราบว่าใครได้สว่ นแบ่งทดี่ นิ มากทีส่ ุด ก. ลูกชายคนโต ข. ลูกชายคนกลาง ค. ลูกชายคนเล็ก ง. ได้เท่ากันทั้ง 3 คน เฉลย ข. ลูกชายคนกลาง 2 x 1,600 = 3,200 ตารางเมตร วธิ ีทำ คนโตได้ 2 ไร่ คดิ เปน็ 850 x 4 = 3,400 ตารางเมตร คนท่ีสองได้ 850 ตารางวา คิดเป็น คนเล็กได้ 3,000 ตารางเมตร แสดงว่า คนกลางได้มากทส่ี ดุ

174 4. สมเกยี รตซิ ้ือโลหะแผน่ ชนิดหนง่ึ 3 ตารางเมตร ราคา 456 บาท สมนกึ ซ้ือโลหะแผ่นชนิดเดียวกัน 4 ตาราง หลา ราคา 567 บาท อยากทราบวา่ ใครซือ้ ไดถ้ ูกกวา่ กนั ตารางเมตรละกบี่ าท (กำหนด 1 หลา = 90 เซนติเมตร) ก. สมนึกซ้ือได้ในราคาถูกกวา่ 145 บาท ข. สมนกึ ซ้ือได้ในราคาถูกกว่า 175 บาท ค. สมเกียรตซิ ้อื ไดใ้ นราคาถูกกว่า 152 บาท ง. สมเกียรตซิ ือ้ ได้ในราคาถูกกว่า 159 บาท เฉลย ค. สมเกียรตซิ อ้ื ไดใ้ นราคาถกู กว่า 152 บาท วธิ ีทำ 1 หลา = 90 เซนตเิ มตร 1 ตารางหลา = 90 x 90 ตารางเซนตเิ มตร 4 ตารางหลา = 90 x 90 x 4 ตารางเซนติเมตร 100 x 100 ตารางเซนตเิ มตร = 1 ตารางเมตร ดังนนั้ 90 x 90 x 4 ตารางเซนตเิ มตร = 90������90������4 = 3.24 ตารางเมตร 100������100 ดังนน้ั สมนึกซ้ือโลหะแผน่ ราคา 567 บาท คิดเป็นราคาตารางเมตรละ 567 = 175 บาท 3.24 สมเกียรตซิ ื้อโลหะแผ่นราคา 456 บาท คดิ เปน็ ราคาตารางเมตรละ 456 = 132 บาท 3 ดงั นั้น สมเกยี รตซิ ื้อได้ในราคาที่ถกู กวา่ 5. รูปสามเหลย่ี มหนึง่ รปู มีพืน้ ท่ี 90 ตารางเซนติเมตร มฐี านยาว 12 เซนติเมตร จะมีความสูงก่ีเซนติเมตร ก. 15 เซนติเมตร ข. 20 เซนตเิ มตร ค. 25 เซนติเมตร ง. 30 เซนติเมตร เฉลย ก. 15 เซนตเิ มตร = 1 x 12 x สงู วิธที ำ จากสูตรการหาพื้นท่สี ามเหล่ยี ม 1 x ฐาน x สูง = 2 2 90������2 = 15 เซนตเิ มตร รูปสามเหลย่ี มหน่งึ รปู มพี ื้นท่ี 90 ตารางเซนติเมตร 12 จะมีความสงู

175 6. สระแหง่ หน่งึ เป็นรปู สี่เหล่ียมผนื ผ้า กน้ สระกวา้ ง 5 วา ลกึ 3 เมตร ยาว 15 เมตร ถา้ ใช้เครือ่ งสบู น้ำออกจาก สระไดน้ าทลี ะ 9,000 ลิตร จะตอ้ งใชเ้ วลาสบู นำ้ เทา่ ไร ก. 30 นาที ข. 40 นาที ค. 50 นาที ง. 60 นาที เฉลย ค. 50 นาที = กวา้ ง x ยาว x ลกึ วิธที ำ ปริมาตรสระนำ้ = 10 x 15 x 3 ลกู บาศก์เมตร = 450 ลูกบาศกเ์ มตร 1 ลูกบาศก์เมตร = 1,000,000 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร = 450 x 1,000,000 1 ลิตร = 450,000,000 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร สบู นำ้ ออกจากสระไดน้ าทีละ = 1,000 ลกู บาศก์เซนติเมตร ต้องใชเ้ วลาสบู น้ำ 450,000,000 = 450,000 ลติ ร = = 1,000 = 9,000 ลิตร 450,000 = 50 นาที 9,000 7. อ่างเลี้ยงปลาทรงส่เี หล่ยี มมมุ ฉากกวา้ ง 90 เซนติเมตร ยาว 1.2 เมตร จุนำ้ 540 ลติ ร ต้องการปูกระเบอื้ ง ภายในอา่ งดว้ ยแผน่ กระเบ้ืองรูปส่เี หลยี่ มจัตรุ ัส ยาวดา้ นละ 10 เซนติเมตร ต้องใชก้ ระเบื้องอย่างน้อยทีส่ ดุ เทา่ ไร ก. 420 แผน่ ข. 426 แผน่ ค. 450 แผ่น ง. 475 แผน่ เฉลย ข. 426 แผน่ วิธีทำ อ่างเล้ียงปลาจนุ ำ้ 540 ลติ ร คิดเป็น 540 x 1,000 = 540,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร หาความลึกอ่างเลย้ี งปลาจาก 540,000 = 90 x 120 x ลึก ความลกึ = 540,000 = 50 เซนตเิ มตร 90������120 หาพน้ื ท่ีอา่ งเลี้ยงปลาด้านท่ี 1 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนติเมตร หาพ้ืนที่อา่ งเลย้ี งปลาด้านที่ 2 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนติเมตร หาพื้นที่อา่ งเลี้ยงปลาดา้ นที่ 3 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนตเิ มตร หาพื้นท่ีอา่ งเลยี้ งปลาด้านที่ 4 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนตเิ มตร หาพนื้ ที่อ่างเลย้ี งปลาด้านที่ 5 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนตเิ มตร

176 หาพืน้ ท่ีอา่ งเลีย้ งปลาดา้ นท่ี 6 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนตเิ มตร ดังน้ันพ้นื ที่อา่ งเล้ยี งปลาทั้งหมด = 4,500 +4,500 +6,000 +6,000 + 10,800 +10,800 = 42,600 ตารางเซนตเิ มตร หาพน้ื ทีก่ ระเบื้อง = 10 x 10 = 100 ตารางเซนติเมตร ดงั นนั้ ตอ้ งใช้กระเบ้ือง = 42,600 = 426 แผ่น 100 8. นำ้ ยาบว้ นปากขวดหน่งึ ปริมาตรสุทธิ 700 มลิ ลิลิตร ใช้อมป้วนปากคร้งั ละ 10 มลิ ลลิ ิตร วนั ละ 2 ครั้ง จะ ใชไ้ ด้กี่วนั ก. 20 วนั ข. 25 วนั ค. 30 วัน ง. 35 วัน เฉลย ง. 35 วนั 700 มิลลลิ ติ ร วธิ ีทำ น้ำยาบ้วนปากขวดหนึ่งปรมิ าตรสทุ ธิ = 10 x 2 = 20 มิลลลิ ติ ร = 700 = 35 วนั ใช้นำ้ ยาบว้ นปาก ครั้งละ 10 มิลลิลติ ร วนั ละ 2 ครง้ั 20 จะใชไ้ ด้ท้ังหมด 9. ถังนำ้ ทรงลูกบาศก์ยาวด้านละ 2 เมตร จนุ ำ้ ได้ก่ีลิตร ก. 4,000 ลติ ร ข. 6,000 ลิตร ค. 8,000 ลิตร ง. 10,000 ลิตร เฉลย ค. 8,000 ลิตร =2x2x2 = 8 ลูกบาศกเ์ มตร วิธที ำ ถังนำ้ ทรงลูกบาศก์ มีความจุ = 8 x 1,000,000 คดิ เป็น = 8,000,000 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร จุน้ำได้ = 8,000,000 = 8,000 ลิตร 1,000

177 10. ถังทรงสี่เหลีย่ มมุมฉากวัดภายในกว้าง 90 เซนติเมตร ยาว 1.50 เซนติเมตร สงู 1.20 เมตร บรรจนุ ้ำเตม็ ถัง ถา้ ตอ้ งการตวงนำ้ มนั จากถังใสแ่ กลอนซึ่งมีความจุ 4.5 ลิตร จะได้น้ำท้ังหมดกแ่ี กลอน ก. 360 แกลอน ข. 400 แกลอน ค. 460 แกลอน ง. 500 แกลอน เฉลย ก. 360 แกลอน วธิ ที ำ ถังทรงสเี่ หลย่ี มมปี ริมาตร = 90 x 150 x 120 = 1,620,000 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร สามารถจนุ ้ำได้ = 1,620,000 = 1,620 ลติ ร และแกลอน 1 ใบสามารถจุน้ำได้ = 1,000 4.5 ลติ ร ดงั นนั้ น้ำ 1,620 ลิตร สามารถจไุ ด้ = 1,620 = 360 แกลอน 4.5

178 บันทกึ ผลหลงั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครัง้ ท่.ี ....... วนั ท่.ี ......เดือน............................พ.ศ............... ผลการใชแ้ ผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนอ้ื หากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดบั เนอ้ื หากบั ความเขา้ ใจของผเู้ รียน  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสูบ่ ทเรียนกบั เน้ือหาแต่ละหัวข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้กบั เนื้อหาในแต่ละข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกับตวั ช้วี ัดในแต่ละเนอ้ื หา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

179 ผลการเรยี นร้ขู องผู้เรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรียนรขู้ องครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ................................................ ผบู้ นั ทึก () ครู กศน.ตำบล ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................. ............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ .................................................. (นางมาลี เพง็ ดี) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่

180 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผ้เู รยี น ชอ่ื โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชือ่ โรงเรยี น/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอ่ื หัวหน้าโครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมินดังน้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มากทสี่ ดุ 4 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ยู่ 1 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ น้อยู่ทสี่ ุด เกณฑก์ ารพจิ ารณาระดบั คุณภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยู่ละ 0 - 50 ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉลีย่ ร้อยู่ละ 50 - 69 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉลี่ยร้อยลู่ ะ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลี่ยรอ้ ย่ลู ะ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนนเฉล่ยี ร้อยลู่ ะ 90 - 100 ระดบั คณุ ภาพ ดีเย่ยี ม พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความต้ังใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตอื รือรน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานร่วมกับผอู้ ื่น 7. มีความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในกล่มุ 10. การมีสว่ นร่วมในการแกไ้ ขปัญหาในกล่มุ ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../.....................

181 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 10 จำนวน......6.........ชว่ั โมง เรอื่ ง โครงการพฒั นาอาชพี ให้มคี วามเข้มแขง็ ตวั ชี้วัด 1.วเิ คราะห์ความเปน็ ไปไดข้ องแผนตา่ งๆ 2.เขยี นโครงการการพัฒนาอาชพี ได้ 3.ตรวจสอบความเปน็ ไปได้ของโครงการพัฒนาอาชพี ได้ 4.ปรบั ปรงุ โครงการพฒั นาอาชพี ได้ เนอื้ หา 1.วเิ คราะห์ความเปน็ ไปไดข้ องแผนต่างๆ 2.เขยี นโครงการการพฒั นาอาชพี ได้ 3.ตรวจสอบความเปน็ ไปไดข้ องโครงการพฒั นาอาชพี ได้ 4.ปรับปรงุ โครงการพัฒนาอาชีพได้ ขั้นตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 การกำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ 1. ครตู ดิ ตามชักถามผู้เรยี นเร่อื งงานทม่ี อบหมายให้ไปค้นคว้าความรู้เร่ืองการเขยี นโครงการมา 2.ครูให้ผู้เรียนบอกวิธีการขั้นตอนการเขียนโครงการตามที่ได้ไปค้นคว้ามา โดยการสุ่มถามคนละ 10 นาที ครูสรุปและใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ัติกิจกรรมการเรยี นเรอื่ ง โครงการพฒั นาอาชพี ให้มีความเขม็ แขง็ ขัน้ ที่ 2 การแสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ 1. ใหผ้ ูเ้ รยี น ศึกษาใบความร้เู กีย่ วกับวธิ ีการเขียนโครงการพฒั นาอาชีพให้มีความเข้มแขง็ 2. ศกึ ษาวธิ กี ารเขียนโครงการพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามเข้มแข็ง 3. ครูยกตัวอย่างวิธีการเขียนโครงการพร้อมกับแจกใบความรู้ข้ันตอนการเขียนโครงการให้ผู้เรียน เรียนรู้ 20 นาที ให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนความคิดเห็นร่วมกับเพ่ือนและลงมือเขียนโครงการเพื่อต้องการพัฒนา อาชีพในชมุ ชนของตนเองให้มีความเขม็ แขง็ ใชเ้ วลา 1 ชวั่ โมง คนละ 1 โครงการพรอ้ มกับต้ังช่ือโครงการและ หาวธิ ีการแก้ไขโครงการด้วย 4. ใหผ้ ้เู รียนนำเสนอผลงาน โดยการสมุ่ 5. ครูยกตัวอยา่ งคนท่ีเขียนโครงการถกู ตอ้ งให้เพ่ือนดแู ละนำผลงานตดิ บอร์ดหนา้ ห้องเป็นตัวอย่างชมเชย ผลงานผเู้ รยี น และให้ผเู้ รียนทำข้อสอบหลงั บทเรยี น ครตู รวจเกบ็ คะแนนใชเ้ วลา 20 นาที ขนั้ ท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยุกตใ์ ช้

182 1. ครูสรปุ ผลวิธีการเขียนโครงการ โดยการสังเกตพฤตกิ รรมผู้เรียนในการทำงานและการนำเสนองาน ใชเ้ วลา 25 นาที และใหผ้ ู้เรยี นบนั ทึกกจิ กรรมลงในสมดุ บันทกึ กจิ กรรมใช้เวลา 30 นาที 2.ผู้เรียนนำโครงการท่ีได้จากการเขียนโครงการไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ความรู้การเขียนโครงการ ในชุมชนของตนเอง ขนั้ ที่ 4 การประเมินผล 1.ใบงาน 2.โครงการ(ชนิ้ งาน) 3.สมุดบนั ทึกกิจกรรม การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ ม ความตง้ั ใจ และความสนใจของผ้เู รยี น 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรยี น 3. ผลการออกแบบและสร้างสรรคน์ วตั กรรมและส่ิงที่ตอ้ งการพัฒนา/ช้ินงาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้เรียน

183 ใบความรู้ ครง้ั ท่ี 10 วิชา พัฒนาอาชีพใหม้ ีความเข้มเข็ง (อช 21003) การวิเคราะหค์ วามเปน็ ไปไดข้ องแผน การปฏบิ ัติงานขององค์กรก่อนทีจ่ ะทำงานในเรื่องใดไมว่ ่าจะเปน็ ช่วงเวลาท่สี น้ั หรอื ยาวต้องกำหนด ล่วงหนา้ วา่ อนาคตทงั้ ใกลแ้ ละไกลตามสภาพความจำเปน็ ตา่ งๆเราจะทำอะไรบา้ งมปี ระสทิ ธภิ าพและ ประสทิ ธิผลเพ่อื ใหง้ านที่ทำบรรลวุ ัตถปุ ระสงคเ์ กิดประโยชนส์ งู สุดตอ่ องคก์ รและประชาชนทกุ ด้านขององค์กร จงึ ถูกกำหนดและออกแบบไว้ลว่ งหน้าโดย “แผน”ขององค์กรแผนจึงต้องผา่ นการวิเคราะหก์ ารประเมินอนาคต และกำหนดวัตถปุ ระสงคท์ ี่พงึ ปรารถนาเพ่ือเตรียมรบั สถานการณ์ท่ีไมแ่ น่นอนและเพื่อให้บคุ คลใชเ้ ปน็ แนวทาง ในการปฏบิ ัติงานว่าจะทำอะไรเพอ่ื ใครเพราะเหตุใดจงึ ต้องทำและจะทำเม่ือใด 1. ความหมายของการวิเคราะหแ์ ผน แผน หมายถึง งานทุกดา้ นขององค์กรท่ีถูกกำหนดขน้ึ อย่างมเี หตุผลเป็นระเบยี บวิธหี รอื ข้ันตอนท่ีเปน็ ระบบท่บี ุคลากรใชเ้ ป็นคู่มือหรือแนวทางการดำเนินงานขององค์กร การวเิ คราะห์ หมายถึง การแยกแยะรายละเอยี ดความเปน็ ไปได้แลว้ สังเคราะหใ์ ห้เห็นความสมั พนั ธ์ และเกดิ กจิ กรรมท่ีมีเป้าหมายทิศทางไปสคู่ วามสำเรจ็ 2. ประเภทของแผน 1. แผนระยะยาวเป็นแผนท่ีมีขอบข่ายกวา้ งมีความยดื หยุน่ สงู มรี ะยะเวลาตัง้ แต่ 10 - 20 ปี 2. แผนระยะปานกลางเป็นแผนทีม่ ีความแนน่ อนและเฉพาะเจาะจงมากกว่าแผนระยะยาวมีระยะเวลา 4 - 6 ปี 3. แผนระยะส้ันเป็นแผนที่สามารถดำเนนิ การใหส้ ำเรจ็ ได้ในเวลาอนั ส้ันอยู่ท่ีองค์กรกำหนด การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนในเร่ืองนี้เปน็ การนำแผนตา่ งๆทไ่ี ด้จัดทำไวใ้ นบทก่อนหนา้ นี้ไดแ้ ก่แผนการ พัฒนาการตลาดแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการการพัฒนาธรุ กจิ เชงิ รุกนำมาวเิ คราะหอ์ ีกคร้ังหนึ่งเพื่อ ตรวจสอบความเป็นไปได้ก่อนที่จะเขียนเปน็ โครงการเชน่ แผนพฒั นาการผลติ ในการปลกู ผักเกษตรอินทรยี ์มี ตรวจสอบความเปน็ ไปได้จากการทำปุ๋ยหมักมาเป็นการปลูกป๋ยุ พืชสดแลว้ ไถกลบเนอื่ งจากมคี วามเปน็ ไปได้ มากกว่าเพราะไม่ตอ้ งจัดหาวัสดทุ ำปยุ๋ หมกั ท่ไี ม่มีในท้องถิ่นทัง้ ยงั ต้องเสียคา่ ขนสง่ ทำใหต้ ้นทนุ สูงข้ึน การเขยี นโครงการพัฒนาอาชพี ให้มีความเข้มแขง็ โครงการ

184 เปน็ การสรปุ การดำเนนิ งานของการพฒั นาอาชพี เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แผนการปฏบิ ัติงานตรวจสอบโครงการได้ วา่ บรรลจุ ุดประสงคข์ องโครงการทกี่ ำหนดไว้หรอื ไม่ ความหมายของโครงการ หมายถงึ แผนงานย่อยทีป่ ระกอบด้วยกิจกรรมหลายกจิ กรรมหรือหลายงานท่รี ะบุรายละเอียดชดั เจน ดังนนั้ การเขียนโครงการขน้ึ มารองรบั แผนงานย่อมเปน็ สงิ่ สำคญั และจำเปน็ ยิง่ เพราะจะทำใหง้ า่ ยต่อการปฏบิ ตั ิ และง่ายต่อการติดตามและประเมินผลเพราะถ้าโครงการบรรลผุ ลสำเร็จน่นั ยอ่ มหมายความวา่ แผนงานและ นโยบายนั้นบรรลุผลสำเร็จดว้ ย ความสำคัญของโครงการ 1. ชว่ ยชใี้ หเ้ ห็นถึงปญั หาและภมู หิ ลงั ของการทำงาน 2. ช่วยให้ปฏบิ ัตงิ านตามแผนเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 3. ช่วยให้แผนงานมคี วามชดั เจนโดยบุคคลทเ่ี ก่ียวข้องมีความเขา้ ใจและรับรถู้ ึงปัญหารว่ มกนั 4. ช่วยให้แผนงานมที รพั ยากรใชอ้ ย่างเพียงพอเหมาะสมกับสภาพปฏิบัติจรงิ เพราะมีรายละเอียดการ ใช้ทรัพยากรที่ชดั เจน 5. ช่วยให้แผนงานมีความเป็นไปไดส้ ูงเพราะมีผูร้ บั ผิดชอบและมีความเข้าใจในการดำเนินงาน 6. ชว่ ยลดความขัดแยง้ และขจัดความซำ้ ซ้อนในหน้าที่ความรบั ผดิ ชอบของหน่วยงานเพราะแตล่ ะ หน่วยงานมีโครงการที่ไดร้ บั ผิดชอบเป็นการเฉพาะเหมาะสมกบั ความรู้ความสามารถของบคุ คลในหน่วยงาน 7. สรา้ งทศั นคติที่ดีต่อบุคลากรในหนว่ ยงานเปน็ การเสรมิ สร้างความสามัคคีและความรบั ผิดชอบ รว่ มกันตามความรูค้ วามสามารถและศักยภาพของแต่ละบุคคลอยา่ งเต็มที่ 8. สรา้ งความม่ันคงใหก้ บั แผนงานและสร้างความมัน่ ใจในการดำเนนิ งานให้กับผมู้ หี น้าท่ีรับผดิ ชอบ 9. สามารถควบคุมการทำงานได้สะดวกไม่ซ้ำซอ้ นเพราะงานได้แยกออกเปน็ ส่วนตา่ งๆตาม ลกั ษณะเฉพาะของงาน ลกั ษณะสำคญั ของโครงการ การเขียนโครงการมีลักษณะการเขยี นแตกต่างไปจากการเขียนประเภทอ่ืนๆโครงการทด่ี ีควรมลี กั ษณะ ดังตอ่ ไปน้ี 1. ต้องมีระบบโครงการต้องประกอบดว้ ยส่วนต่างๆท่มี ีความสมั พันธ์เกย่ี วข้องเป็นกระบวนการถา้ ส่วน ใดเปลี่ยนแปลงไปจะเกิดการเปล่ยี นแปลงในสว่ นอ่นื ๆตามไปดว้ ย 2. ตอ้ งมวี ัตถุประสงค์ชดั เจนโครงการต้องกำหนดวตั ถปุ ระสงค์สอดคลอ้ งกบั ความเปน็ มาของโครงการ มีความเป็นไปได้ชัดเจนและเปา้ หมายของโครงการตอ้ งประกอบด้วยเชิงปรมิ าณและเชิงคุณภาพ 3. ต้องเปน็ การดำเนินงานอนาคตเนือ่ งจากการปฏบิ ตั งิ านท่ีผา่ นมามีข้อบกพรอ่ งและควรแก้ไข ปรบั ปรุงโครงการจงึ เป็นการดำเนินงานเพื่ออนาคต

185 4. เปน็ การทำงานชั่วคราวโครงการเป็นการทำงานเฉพาะกจิ เป็นคราวๆเพื่อแกไ้ ขปรบั ปรุงและพัฒนา ไม่ใชก่ ารทำงานที่เป็นการทำงานประจำหรืองานปกติ 5. มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนโครงการต้องกำหนดระยะเวลาทแ่ี นน่ อนโดยกำหนดเวลาเริ่มต้นและ เวลาที่ส้ินสุดให้ชัดเจนถา้ ไม่กำหนดเวลาหรือปล่อยใหโ้ ครงการโครงการดำเนินไปเร่ือยๆยอ่ มไม่สามารถ ประเมินผลสำเรจ็ ได้ซ่ึงจะกลายเป็นการดำเนนิ งานตามปกติ 6. มลี ักษณะเป็นงานที่เร่งดว่ นโครงการต้องเปน็ กิจกรรมที่จดั ข้ึนเพื่อสนองนโยบายเรง่ ด่วนท่ีตอ้ งการ จะพัฒนางานให้ก้าวหนา้ อยา่ งรวดเรว็ ทนั ต่อเหตกุ ารณห์ รอื เป็นงานใหม่ 7. ตอ้ งมีต้นทุนการผลิตตำ่ การดำเนินงานตามโครงการต้องมีการใชท้ รัพยากรหรืองบประมาณซึ่ง โครงการจะมปี ระสิทธิภาพกต็ ่อเม่ือมีการลงทุนน้อยแต่ไดร้ ับประโยชนส์ ูงสดุ 8. เปน็ การรเิ รมิ่ หรอื พฒั นางานโครงการต้องเปน็ ความคิดริเริ่มท่แี ปลกใหม่เพื่อแก้ปญั หาและอปุ สรรค และพัฒนางานให้เจรญิ กา้ วหน้า ลกั ษณะของโครงการท่ีดี โครงการท่ีดีน้ันควรมีลักษณะดงั ต่อไปน้ี 1. สามารถแก้ปญั หาขององค์กรหรือหนว่ ยงานน้ันได้ 2. มรี ายละเอยี ดวตั ถุประสงค์และเปา้ หมายต่างๆชัดเจนสามารถดำเนินงานได้ 3. รายละเอียดของโครงการต่อเนื่องสอดคล้องสมั พันธก์ ัน 4. ตอบสนองความต้องการของกล่มุ ชนสังคมและประเทศชาติ 5. ปฏิบตั แิ ลว้ สอดคล้องกับแผนงานหลกั ขององค์กร 6. กำหนดข้ึนอย่างมีข้อมลู ความจรงิ และเป็นข้อมูลทีไ่ ด้รับการวเิ คราะห์อย่างรอบคอบ 7. ไดร้ ับการสนับสนุนจากผู้บริหารทุกด้านโดยเฉพาะดา้ นทรพั ยากรท่ีจำเปน็ 8. มีระยะเวลาในการดำเนนิ งานแน่นอนระบุวันเวลาเร่มิ ต้นและสนิ้ สดุ 9. สามารถตดิ ตามประเมินผลได โครงสร้างของโครงการ 1. ชอื่ โครงการ 2. ชอ่ื ผู้ที่ทำโครงการหรือช่ือกลมุ่ ท่รี ่วมทำโครงการ 3. ช่ือทีป่ รกึ ษาโครงการ 4. หลักการและเหตุผลโดยให้อธบิ ายถงึ สาเหตุท่ีเลอื กทำโครงการและบอกประโยชนข์ องโครงการท่มี ี ต่อการพัฒนาอาชีพ 5. วัตถุประสงคข์ องโครงการให้บอกจดุ ประสงค์ในการทำโครงการใหช้ ัดเจนวา่ เม่ือทำโครงการนีแ้ ล้ว จะสามารถนำความรู้ที่ไดร้ บั ไปประยกุ ต์ใช้พร้อมพฒั นาอาชีพได้อยา่ งไร 6. เป้าหมายควรระบุเปา้ หมายให้ชดั เจนวา่ จะเกดิ อะไรข้ึนกับใคร

186 7. ข้นั ตอนการดำเนนิ งานให้อธบิ ายถึงข้นั ตอนการปฏิบตั ิงานอย่างละเอียดตั้งแต่การศกึ ษาข้อมูล ขัน้ ตอนการปฏบิ ตั งิ านตามลำดับข้นั กำหนดระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิทกุ ข้นั ตอนการประเมินผลในแตล่ ะข้ันตอน เพอ่ื หาทางแกไ้ ข 8. ระยะเวลาดำเนินการกำหนดวนั เริม่ ตน้ ทำงานจนถึงวันที่ปฏบิ ัติงานเสร็จ 9. สถานทป่ี ฏบิ ัติงานให้ระบสุ ถานท่ีปฏบิ ัติงานให้ชัดเจน 10. งบประมาณค่าใชจ้ า่ ยคา่ ใช้จา่ ยถ้ามีควรระบุใหช้ ดั เจนเช่นคา่ วัสดอุ ุปกรณ์ค่าจา้ ง (บริการ) เชน่ คา่ ถ่ายเอกสารและระบุแหลง่ ท่ีมาของเงินคา่ ใชจ้ ่ายดว้ ย 11. ผลทคี่ าดว่าจะได้รับใหร้ ะบวุ ่าเมอื่ ทำโครงการนี้เสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ ผเู้ รยี นคาดวา่ จะไดร้ ับอะไร 12. ตัวช้ีวดั ผลสำเรจ็ ของโครงการ - ตวั ช้ีวดั ผลผลติ หมายถึงตวั ชวี้ ดั ที่แสดงผลงานเป็นรปู ธรรมในเชงิ ปรมิ าณและหรอื คุณภาพ อนั เกิดจากงานตามวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ - ตวั ชว้ี ัดผลลัพธ์หมายถงึ ตวั ชีว้ ัดท่ีแสดงถึงผลประโยชน์จากผลผลติ ทมี่ ตี ่อบุคคลชุมชน สิ่งแวดลอ้ มเศรษฐกจิ และสังคมโดยรวม ตวั อยา่ งโครงการพฒั นาอาชีพให้มคี วามเข้มแขง็ 1. ชอื่ โครงการ การปลูกพืชสมุนไพรป้องกันกำจดั ศตั รูพืช 2. ช่อื ผู้รับผิดชอบโครงการ นายเด่น ดวงดี 3. ชอ่ื ท่ปี รกึ ษาโครงการ ผ้ใู หญบ่ ้านแดงมีความสามารถ 4. เหตุผลความจำเป็น อาชีพการเกษตรในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาในการทำให้พืชปลอดสารเคมี เน่ืองจากสารเคมีที่ใช้จะก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษกระทบต่อสภาพแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของ เกษตรกรคือเส่ียงต่อการเป็นมะเร็งสูงมากจนเกษตรกรผู้ใช้เองก็เร่ิมตระหนักถึงผลที่เกิดขึ้นกับสมาชิกใน ครอบครัวท่ีมีสุขภาพเส่ือมโทรมรวมท้ังส่งผลต่อผลผลิตการเกษตรที่เป็นสนิ ค้าส่งออกไปต่างประเทศเนื่องจาก สารพิษตกค้างท่ีมีเกินกว่าค่าความปลอดภัยนอกจากนี้แล้วสารเคมีทางการเกษตรที่สังเคราะห์ขึ้นยังทำให้ศัตรู ธรรมชาติลดนอ้ ยลงและประสิทธิภาพในการทำลายแมลงศัตรพู ืชก็ลดลงเนื่องจากเกิดการตา้ นทานของโรคและ แมลงศัตรูพืชและทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการซ้ือสารเคมีดังน้ันเพ่ือเป็นการแก้ปัญหาท่ีเกิดข้ึนจากการใช้ สารเคมีทางการเกษตรชนิดสังเคราะห์จึงต้องหาสิ่งทดแทนคือสารธรรมชาติจากพืชท่ีมีศักยภาพในการป้องกัน กำจัดศตั รูพืชซึ่งมคี ุณสมบตั ดิ งั น้ี 4.1 เกษตรกรสามารถทำใชเ้ องได้ 4.2 สามารถสลายตัวได้เร็วไม่ก่อปัญหาสารพิษตกค้างในพืชและสงิ่ แวดลอ้ ม 4.3 ไม่เกิดปัญหาสิ่งแวดลอ้ มเป็นพษิ

187 4.4 ไมท่ ำให้โรคและแมลงสร้างความตา้ นทานไดเ้ รว็ กว่าสารสังเคราะห์เรื่องการปลูกพืชสมนุ ไพร ป้องกนั กำจดั ศัตรพู ืชเพ่ือนำสารธรรมชาตจิ ากพืชสมนุ ไพรชนิดต่างๆมาสกัดสารออกฤทธิ์ท่สี ามารถใช้ป้องกัน กำจัดศตั รูพชื แทนการใชส้ ารเคมีสังเคราะห์ 5. วัตถุประสงค์ เพ่ือให้การพฒั นาอาชีพมีความเขม้ แข็งโดยการปลูกพชื สมุนไพรมาใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืชทำให้ผล ผลิตเป็นที่ตอ้ งการของลกู ค้าสูง 6. เปา้ หมาย ปลูกพชื สมนุ ไพรป้องกนั กำจดั ศตั รพู ืช 1 ไรส่ ำหรับใช้กับพืชท่ปี ลูก 10 ไร่ 7. การดำเนินงาน 7.1 ประชุมประสานงานทุกฝ่ายทเี่ กย่ี วข้องจัดทำร่างโครงการ 7.2 ศึกษาดูงานผ้ทู ป่ี ระสบความสำเรจ็ หรอื หนว่ ยงานตา่ งๆท่เี ก่ียวกบั การสกดั สารธรรมชาติ 7.3 เปดิ เวทสี ัมมนาแลกเปลย่ี นเรียนร้ซู ่งึ กนั และกัน 7.4 ดำเนนิ การโดยใหแ้ ตล่ ะคนไปปฏบิ ัตจิ ริงยังแปลงของตนเอง 7.5 นำผลการดำเนินงานมาสัมมนาแลกเปลย่ี นเรยี นร้ซู ่ึงกนั และกัน 7.6 แตล่ ะคนบันทึกสรปุ เป็นความรูข้ องตนเองเพ่ือพัฒนาต่อไป 8. ระยะเวลาดำเนนิ การวนั ที่ 1 เดอื นพฤษภาคม พ.ศ 2554 ถงึ วนั ที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ. 2554 9. พืน้ ที่ดำเนนิ การ หอ้ งประชุม กศน.ตำบล............อำเภอ........จงั หวดั ... 10. งบประมาณ 5,000 บาทเปน็ คา่ ใช้จา่ ยดงั นี้ 10.1 การไปศึกษาดงู าน 4,000 บาท 10.2 คา่ วสั ดฝุ ึกในการสาธิต 1,000 บาท 11. ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รบั 11.1 มกี ารพัฒนาพืชสมุนไพรสำหรบั ป้องกันกำจัดศัตรูพืช 11.2 สามารถใชส้ ารธรรมชาติจากพืชสมุนไพร 11.3 ใช้พชื สมุนไพรในการปอ้ งกันและกำจดั ศัตรูพืชได้ถกู ต้อง

188 12. ตวั ชีว้ ัดความสำเร็จของโครงการ สามารถใช้พืชสมุนไพรกำจัดศัตรูพืชในพน้ื ที่ 10 ไร่ การเขยี นแผนปฏบิ ัติการ เมื่อจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพใหม้ ีความเข้มแขง็ เสรจ็ แลว้ เพอ่ื ใหน้ ำสกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ด้ควรทำแผน ดำเนินการลำดับงานกอ่ นหลังตามภารกจิ ของงานน้นั ๆเช่นการพฒั นาอาชีพโดยการปลกู พืชสมุนไพรใชป้ อ้ งกนั กำจัดศตั รูพืชในแปลงปลกู พืช ที่ กจิ กรรมดำเนนิ งาน ตัวอยา่ งแผนปฏิบัตกิ าร ระยะเวลาดำเนินการก.ค. ปี 2554 1 จัดเตรยี มปัจจยั การปลกู พชื สมุนไพรเพ่ือนำมาใช้พฒั นา ม.ค ก.พ ม.ี ค เม. พ.ค ม.ิ ย ก.ค ส.ค ก.ย. ต.ค พ.ย ธ.ค. อาชพี . . .ย. . . . เตรียมดิน 2 ปลูกพชื สมุนไพร 3 ดแู ลรกั ษาพืชสมนุ ไพร 4 การทยอยเก็บเกีย่ ว 5 สกัดสารจากพชื สมุนไพร 6 นำไปใช้ในแปลงปลูกพชื 7 ฯลฯ

189 การปรับปรุงโครงการพัฒนาอาชพี การปรบั ปรงุ โครงการ เปน็ การปรบั ปรงุ โครงการพัฒนาอาชพี ท่ีไดจ้ ดั ทำไวแ้ ลว้ เพื่อให้ไดโ้ ครงการทม่ี ีความเป็นไปไดใ้ หม้ าก ทีส่ ุดการกำกับตดิ ตามเป็นกจิ กรรมของผ้บู ริหารเพ่ือหาคำตอบและตอบคำถามการใช้ทรัพยากรได้ครบตรงตาม วตั ถุประสงค์หรือไมโ่ ครงการเป็นไปตามแผนทก่ี ำหนดไวห้ รอื ไม่งบประมาณเพยี งพอและเป็นประโยชนต์ ่อ ประชาชนเพยี งใดซึง่ ข้อมูลท่ีไดม้ าจะเปน็ ประโยชนอ์ ย่างย่ิงตอ่ การปรับปรุงโครงการดำเนินไปตามเป้าหมาย แล้วเสรจ็ ภายในเวลา ประโยชน์ของการปรบั ปรุงโครงการ การปรบั ปรุงโครงการเป็นกิจกรรมทีส่ ำคัญทส่ี ดุ ในวงจรการวางแผนและการบรหิ ารโครงการพอสรุปได้ ดังน้ี 1. ชว่ ยให้ตัดสนิ ใจการใช้ทรพั ยากรท่ีจำเป็นและความเปน็ ไปได้ของกจิ กรรมตา่ งๆในโครงการ 2. ชว่ ยใหก้ ารกำหนดวตั ถุประสงค์ของโครงการมคี วามชดั เจน 3. ชว่ ยให้ได้ขอ้ มูลความกา้ วหนา้ ปญั หาอุปสรรคของโครงการ 4. ชว่ ยให้รขู้ อ้ มลู ความสำเร็จหรือล้มเหลวของโครงการเพ่อื นำไปใชใ้ นการตัดสนิ ใจ 5.ชว่ ยบ่งบอกประสิทธภิ าพของการดำเนินโครงการว่ามีคุณคา่ กับการลงทนุ หรือ

190 แบบทดสอบ คร้ังที่ 10 วชิ า พัฒนาอาชีพให้มคี วามเข้มแขง็ (อช21003) คำชี้แจง ให้กา  ทับตวั อักษรหนา้ ข้อความทเี่ ปน็ คำตอบทถ่ี ูกทสี่ ุดเพียงข้อเดยี ว 1. ข้อใดเปน็ ทกั ษะทส่ี ำคัญในการปฏิบตั งิ านท่ดี ี ทำใหเ้ กิดความรู้ความชำนาญในการทำงาน ก. ทำงานไปพร้อมกบั วางแผนควบคูก่ นั ไป ข. ลงมอื ปฏบิ ัติและศกึ ษาหาความรูไ้ ปพร้อมๆ กัน ค. ศกึ ษาหาความรู้จากงานน้ันๆ กอ่ นลงมือปฏบิ ัติ ง. ทำงานตามขั้นตอน พรอ้ มตรวจสอบความเรยี บรอ้ ย 2. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ อาชพี รับจา้ งทางด้านแรงงาน ก. รบั จ้างพมิ พ์บทความ ข. ขายข้าวแกงอย่ทู ่ีบ้าน ค. เจา้ หน้าทีร่ กั ษาความปลอดภยั ง. เจา้ หนา้ ทบี่ ญั ชขี องบริษทั 3. ข้อใดเปน็ ลักษณะของสมาชิกที่มีความสำคัญต่อกลมุ่ ก. มีความเปน็ ผนู้ ำ ข. มีความคิดเห็น ค. มคี วามสามัคคี ง. มคี วามเฉลียวฉลาด 4. การรวมกลุ่มอย่างมีประสทิ ธิภาพ มลี กั ษณะอยา่ งไร ก. กลมุ่ จะต้องมีผนู้ ำทดี่ ี ข. จะตอ้ งเปน็ กลุม่ ในการพฒั นา ค. สมาชกิ จะต้องมีความรู้หลายๆ ดา้ น ง. สมาชกิ ต้องรบั ผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตน 5. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเรจ็ อยทู่ ่ีนน่ั ขอ้ ความนส้ี ่งเสริมคณุ ธรรมในขอ้ ใด ก. ความสามัคคี ข. ความม่นั คง ค. ความอดทน ง. ความขยัน

191 6. ขอ้ ใดเป็นจุดประสงค์การประเมนิ ผลการประกอบอาชพี อุตสาหกรรม ก. สำรวจความตอ้ งการของตลาด ข. การคาดคะเนจำนวนสนิ ค้าทจ่ี ะผลิต ค. ปรับปรงุ สินคา้ เพ่ือให้ได้กำไรมากขน้ึ ง. ปรบั ปรุงและพัฒนาการดำเนนิ งานให้กา้ วหนา้ มากขึน้ 7. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ประโยชนข์ องการมอี าชพี ก. ช่วยเวยี นการใช้ทรพั ยากรเพอื่ สนองความต้องการได้มาก ข. ทำใหม้ รี ายได้เล้ียงตนเองและครอบครัว ค. ทำใหเ้ สรมิ สรา้ งลักษณะนิสัยทด่ี ีมคี วามรบั ผดิ ชอบ ง. ช่วยสรา้ งสรรค์ความเจริญให้แกส่ ังคมและประเทศชาติ 8. ข้อควรคำนึงในการตัดสนิ ใจประกอบอาชีพของตนเอง คือข้อใด ก. พ่อแม่พนี่ ้องแนะนำให้ทำ ข. ความร้คู วามสามารถของตน ค. เพ่ือนๆ ในหมู่บ้านทำกนั มาก ง. คนสว่ นใหญ่นยิ มทำกัน 9. ความตอ้ งการดา้ นอาชีพที่แทจ้ รงิ ของชุมชน คอื ขอ้ ใด ก. คนส่วนมากในชมุ ชนต้องการ ข. นโยบายของรัฐบาลต้องการให้มีข้ึน ค. คณะกรรมการจังหวดั อยากให้มี ง. คณะกรรมการชุมชนต้องการให้มีอาชีพน้นั ในชุมชน 10. หลกั การบริหารจดั การอาชพี ข้อใดทีม่ ีความสำคญั น้อยทีส่ ดุ ก. ราคาสนิ ค้า ข. แหลง่ วตั ถุดิบในชุมชน ค. สถานทผ่ี ลิตและจำหน่าย ง. คณุ ภาพสินค้าและการประชาสัมพันธ์ เฉลย แบบทดสอบ ครั้งท่ี 10 วิชา พฒั นาอาชีพให้มีความเข้มแข็ง (อช21003) 1. ค 2. ข 3. ค 4. ง 5. ค 6. ง 7. ก 8. ข 9. ก 10. ข

192 บนั ทกึ ผลหลงั การจัดกระบวนการเรียนรู้ คร้งั ท.่ี ....... วันที่.......เดอื น............................พ.ศ............... ผลการใชแ้ ผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนอ้ื หากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดบั เน้ือหากบั ความเขา้ ใจของผู้เรียน  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสู่บทเรียนกบั เนื้อหาแต่ละหัวขอ้  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ ีการจดั กจิ กรรมการเรียนรกู้ ับเนือ้ หาในแตล่ ะข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกับตัวชีว้ ดั ในแตล่ ะเน้อื หา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

193 ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรยี นร้ขู องครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ................................................ ผู้บันทึก () ครู กศน.ตำบล ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .................................................. (นางมาลี เพง็ ด)ี ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่

194 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นร้ขู องผ้เู รยี น ชอ่ื โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชือ่ โรงเรยี น/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอ่ื หัวหน้าโครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมินดังน้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มากทสี่ ดุ 4 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ยู่ 1 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ น้อยู่ทสี่ ุด เกณฑก์ ารพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยู่ละ 0 - 50 ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉลีย่ ร้อยู่ละ 50 - 69 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลี่ยร้อยลู่ ะ 70 – 79 ระดับคุณภาพ ดี คะแนนเฉลี่ยรอ้ ย่ลู ะ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดีมาก คะแนนเฉล่ยี ร้อยลู่ ะ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดเี ย่ียม พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความต้ังใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตอื รือรน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานร่วมกับผู้อ่นื 7. มีความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในกล่มุ 10. การมีสว่ นร่วมในการแกไ้ ขปัญหาในกล่มุ ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../.....................

195 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 11 เร่อื ง กราฟและความสมั พันธระหวางรปู เรขาคณติ สองมติ แิ ละสามมติ ิ เวลาเรยี น 6 ชว่ั โมง แนวคดิ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความหมายของคู่อันดับและกราฟคูอันดับ เป็นการจับคูระหว่างสมาชิก สองตัวจากกลุม เพื่อนําไปจัดทำกราฟบนระนาบพิกัด หา ปริมาณ ความเก่ียวของของปริมาณสองชุดมีความ สัมพันธกนั เปนอยางมาก เหมาะท่จี ะนําไปใชในการประดษิ ฐเปนรปู ลูกบาศกและใชประโยชนในชีวิตประจำวัน ตวั ชว้ี ัด 1. เขยี นกราฟแสดงความเกี่ยวขอ้ ง ของปรมิ าณสองชุดทกี่ ำหนดให้ 2. อธบิ ายลักษณะของรปู เรขาคณิตสามมติ จิ ากภาพสองมติ ิท่กี ำหนดให้ เน้อื หา 1. การนำคอู่ นั ดับ และกราฟไปใช้ 2. ภาพของรปู เรขาคณิตสองมติ ิท่เี กดิ จากการคล่รี ูปเรขาคณิตสามมติ ิ ขัน้ ตอนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ตอนท่ี 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรียนรู้ ซึง่ การจัดการเรยี นรู้ท่ีผู้เรียน จะต้องเรียนรู้ร่วมกันในคร้ังนี้ คือ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ และ ชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการ เชอื่ มโยงและสร้างความพร้อมทจี่ ะเรียนรหู้ รอื ทำกิจกรรมการเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ครง้ั น้ี 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในคร้ังนี้ ท่ี สอดคล้องกับตวั ชว้ี ัดตามแผนการจัดการเรียนร้คู รัง้ น้ี เพอื่ ให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชดั เจนว่า ผเู้ รียนจะต้องเรยี นรู้ให้ บรรลุตัวชี้วัด ท่ีกำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสอง มิตแิ ละสามมิติ ในคร้งั นี้ ซึง่ มจี ำนวน 2 ข้อ ดงั น้ี 1. คูอนั ดบั และกราฟ 2. ความสมั พนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณิตสองมิตแิ ละสามมิติ 3. ให้ผ้เู รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรือ่ ง กราฟ จำนวน 5 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูให้ผเู้ รียนศกึ ษาหนังสอื เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค21001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2554) เรอ่ื ง จำนวนและการดำเนนิ กาและเศษสว่ นและทศนิยม หนา้ 128-149

196 พร้อมท้ังแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมจากอินเทอร์เน็ต ซ่ึงผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำ กิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายด้วย ทั้งน้ี ครูควรจะช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการ เรียนรู้ครง้ั น้ี ผเู้ รียนจะต้องเรยี นรู้และทำกิจกรรมที่สอดคล้องกบั เน้อื หาทเี่ รียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาคลปิ วิดีโอ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกบั เพือ่ นในกลุ่ม รวมทั้งมีการทดสอบหลัง เรียนด้วย นอกจากน้ี ในการพบกลมุ่ แต่ละคร้ังนั้น ครูจะมอบหมายงานให้ผเู้ รยี นไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซ่ึงวิธีการเรยี นรดู้ ้วยตนเองจะตอ้ งเกดิ ขึ้นในทุก ๆ ตัวช้ีวดั และเนอื้ หาทีก่ ำหนด โดยผ้เู รียนจะตอ้ งปฏิบัติ กิจกรรมที่กำหนดใหด้ ้วยวธิ ีเรียนร้อู อนไลน์ และศึกษาจากเอกสารประกอบการเรยี น ดังนัน้ ครจู ะต้องเชอื่ มโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรยี นรู้ที่จะเกิดขึ้น เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนจะต้องเรี ยนรู้ออนไลน์ผ่าน อนิ เทอร์เนต็ และศึกษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครูชวนคิดชวนคุยเก่ียวกับประสบการณ์เดิมของครูในเร่ืองที่จะเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูส่มุ ผูเ้ รยี นตามความสมคั รใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหต้ อบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดงั นี้ ประเดน็ ท่ี 1 “กราฟ” แนวคำตอบ

197 ประเด็นท่ี 2 “ภาพของรปู เรขาคณติ สองมิติที่เกดิ จากการคลีร่ ูปเรขาคณิตสามมิติ” แนวคำตอบ

198 6. ครูสร้างโจทย์ให้ผู้เรียนฝึกแสดงวิธีทำ หลังจากน้ัน ครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้แสดงวธิ ีทำ จำนวน 2 ประเดน็ ดงั น้ี ประเด็นที่ 1 กราฟ ประเดน็ ท่ี 2 ภาพของรปู เรขาคณิตสองมิตทิ เ่ี กิดจากการคลี่รปู เรขาคณติ สามมิติ

199 7. ครแู ละผเู้ รยี นอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรู้รว่ มกนั ขน้ั ตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็น กลุ่ม ให้ศึกษานิยาม จากหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค21001 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 128-149 เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์ระหว่างรูป เรขาคณติ สองมิตแิ ละสามมิติ ดงั น้ี 1. ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ ของตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ หอ้ งสมดุ แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาตา่ ง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือ การเรียนรู้ ด้วยตนเอง เป็นต้น และให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคลศึกษาเนื้อหา ในหนังสือเรียน รายวิชา คณิตศาสตร์ พค21001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 128-149 เรอ่ื ง กราฟและ ความสมั พันธ์ระหวา่ งรูปเรขาคณติ สองมิตแิ ละสามมิติ 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็นคิด วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อหาหรือประเด็นท่ียังไม่ชัดเจน ตาม รายละเอียดท่ีผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความ ต้องการในการเรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุปสิ่งท่ีได้ เรียนรูใ้ นภาพรวมท้งั หมดแล้วให้ผเู้ รียนสรุปสงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรลู้ งในสมุดบันทกึ การเรยี นรู้ ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความ รับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งตั้งเลขานุการของกลุ่ม เป็นผู้จดบันทึกและผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวตั ถุประสงคท์ ี่ต้ังไว้ และพิจารณาว่า สมาชิกลุ่มทุกคนควรมคี วามเข้าใจตรงกนั ว่า ตนมีบทบาทหน้าทท่ี ี่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครคู วรให้ คำแนะนำถึงความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการ ผกู ขาดการอภิปรายโดยผู้ใดผหู้ น่งึ และควรมีการจำกดั เวลาของการอภิปรายแต่ละประเด็น ในระหวา่ งการทำกจิ กรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ของ ผู้เรียนคอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการ เรียนรู้ของผูเ้ รยี น และเครอ่ื งมือประเมินการสงั เกตแบบประมาณค่า 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานรว่ มกับผูอ้ น่ื การคดิ สร้างสรรค์ ความรบั ผิดชอบ และการนำความรูใ้ นเน้อื หามาใช้ โดยครูบูรณาการ เนื้อหาการเรยี นรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโอจาก youtube และ TikTok ที่สัมพันธ์กับเนื้อหา ทั้งนี้ ครูเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้ตามข้ันตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดย ครเู ปดิ คลปิ วิดีโอ เรื่อง ค่อู นั ดับและกราฟของคอู่ ันดับ

200 https://www.youtube.com/watch?v=B7Is0u0wooc ความยาวคลิป 9.08 นาที หน้าตดั ของรูปเรขาคณติ สามมติ ิ https://www.youtube.com/watch?v=1YJ43z2VyDc ยาวคลปิ 8.07 นาที หลังจากที่ไดช้ มคลปิ วดิ โี อแลว้ ครูไดอ้ ธบิ ายตามเนอ้ื หาในบทเรียน หลงั จากน้นั ครูดำเนนิ การ ดังน้ี ขั้นตอนท่ี 3 การสะท้อนความคิดจากการเรียนรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือฝึกแก้โจทย์ เรื่อง “กราฟและความสัมพันธ์ ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ” ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค21001 ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 128-149 เร่ือง “กราฟและความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสอง มิติและสามมิติ” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “กราฟและความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติและ สามมิต”ิ 2. ใหผ้ ู้เรียนแต่ละกลมุ่ ตามขอ้ 1 ทำแบบฝกึ หักตามกจิ กรรม เร่อื ง “กราฟ” ท้ังนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “กราฟ” 3. ให้ผ้เู รียนแต่ละกลุ่มนำเสนอการแก้โจทยเ์ ลขกิจกรรมตาม ข้อที่ 1 เรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่างรูป เรขาคณิตสองมิติและสามมิติ” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เร่ือง “ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติ และสามมิต”ิ 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ จาก ขั้นตอนท่ี 1 ถงึ ขัน้ ตอนที่ 3 น้ี 5. ครแู ละผู้เรยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรูร้ ่วมกนั ขัน้ ตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมนิ และแก้ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเก่ียวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมัครใจจำนวน 2 – 3 คน ใหต้ อบคำถามในประเด็น ตอ่ ไปน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook