51 บันทกึ ผลหลงั การจดั กระบวนการเรียนรู้ ครงั้ ที.่ ....... วันท.่ี ......เดอื น............................พ.ศ............... ผลการใช้แผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดับเนือ้ หากับความเข้าใจของผเู้ รียน เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสูบ่ ทเรียนกบั เน้ือหาแตล่ ะหัวขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรูก้ บั เน้ือหาในแต่ละข้อ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตัวช้ีวัดในแตล่ ะเน้ือหา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
52 ผลการเรยี นร้ขู องผู้เรยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรียนรขู้ องครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ................................................ ผูบ้ นั ทึก () ครู กศน.ตำบล ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ .................................................. (นางมาลี เพ็งดี) ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่
53 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรขู้ องผู้เรียน ชอื่ โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ช่อื โรงเรียน/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอ่ื หวั หนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำชี้แจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมนิ ดังนี้ 5 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มากท่สี ดุ 4 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ มาก 3 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อย 1 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ยที่สุด เกณฑ์การพจิ ารณาระดับคุณภาพ คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 0 - 50 ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 50 - 69 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉล่ียร้อยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 90 - 100 ระดบั คุณภาพ ดเี ยี่ยม พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดับพฤตกิ รรม 54321 1. ความตั้งใจในการทำงาน 2. ความรับผิดชอบ 3. ความกระตือรือร้น 4. การตรงต่อเวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น 7. มคี วามคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็นในกลุ่ม 10. การมสี ว่ นรว่ มในการแก้ไขปัญหาในกลุ่ม ลงชอ่ื ......................................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.............................../.....................
54 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์และลิขสิทธใ์ิ นโลกออนไลนท์ ่ีควรรู้ เวลาเรียน 6 ชว่ั โมง แนวคิด 1.พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ ข้อควรรู้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอรแ์ ละโทษท่ีได้รบั ภยั คกุ คามทางโลกออนไลน์ และกรณีศกึ ษา : การทำผิดกฎหายตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2.ลขิ สทิ ธใิ์ นโลกออนไลนท์ ีค่ วรรู้ ลขิ สทิ ธ์ิและเร่อื งท่คี วรรู้ ประโยชน์ของลขิ สิทธ์ิ ข้ันตอนการแจ้งข้อมลู ลขิ สิทธ์ิ ประเภทของการ ละเมิดลิขสิทธิ์ บทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสทิ ธ์ิ ข้อควรรู้หากถูกละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ และกรณีศกึ ษา : การ ละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ใิ นโลกออนไลน์ 3.การหม่ินประมาทในโลกออนไลน์ ความหมายของการหมนิ่ ประมาท พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมายทีเ่ กี่ยวกับการหมิ่น ประมาทออนไลน์ ข้ันตอนการดำเนนิ การเม่ือถูกหมนิ่ ประมาทออนไลน์ บทลงโทษของการหมิ่นประมาท ออนไลน์ : การหมน่ิ ประมาทออนไลน์ ตัวชว้ี ัด 1. บอกความหมายและอธิบายความหมายของ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ได้ 2. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ 3. อธิบายสาระสำคัญของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แต่ละฉบบั ได้ 4. อธบิ ายการกระทำความผดิ เกี่ยวกบั พ.ร.บ.คอมพวิ เตอรร์ ูปแบบต่างๆและโทษที่จะได้รับได้ 5.ตระหนกั ถึงโทษทีจ่ ะไดร้ บั จากการกระทำความผิดเกีย่ วกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 6.สามารถยกตวั อยา่ งของภัยคุกคามทางโลกออนไลน์ได้ 7.ตระหนักถึงภยั คกุ คามทางโลกออนไลน์ 8.วเิ คราะหก์ รณีศึกษา : การทำผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ทีก่ ำหนดให้ศึกษาได้ 9.ตระหนกั ถึงผลกระทบของการทำผดิ กฎหมายตามพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ 10. อธบิ ายความหมายของลขิ สทิ ธิ์ การได้มาซึ่งลิขสทิ ธ์ิ หลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณางานลขิ สิทธิ์งาน อันมีลิขสิทธิ์และไม่มลี ขิ สิทธ์ิ ประเภทของงานอันมีลิขสิทธ์ิ ผู้ถอื ครองลิขสทิ ธิ์การคมุ้ ครองลิขสิทธิแ์ ละอายุ ของการคมุ้ ครองลิขสิทธิไ์ ด้ 11. บอกประโยชน์ของลขิ สิทธไ์ิ ด้ 12. ตระหนักถึงประโยชน์ของลิขสิทธิ์ได้
55 13. อธบิ ายข้นั ตอนการแจ้งข้อมลู ลิขสทิ ธ์ไิ ด้ 14. บอกความแตกตา่ งของการละเมดิ ลิขสิทธโิ์ ดยตรงและการละเมดิ ลิขสทิ ธโ์ิ ยกออ้ มได้ 15. บอกบทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสทิ ธิ์ได้ 16. บอกวิธกี ารปฏิบตั ิตนหากถกู ละเมดิ ลขิ สิทธิท์ างโลกออนไลนไ์ ด้ 17. วเิ คราะหก์ รณีศึกษา : การละเมดิ ลขิ สทิ ธิใ์ นโลกออนไลน์ได้ 18. ตระหนกั ถึงผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ จาการละเมิดลิขสิทธิ์บนโลกออนไลน์ได้ 19. อธิบายความหมายของการหมนิ่ ประมาทได้ 20. อธบิ ายสาระสำคัญของพ.ร.บ.คอมพวิ เตอรแ์ ละกฎหมายทเ่ี กี่ยวกบั ของการหมนิ่ ประมาทออนไลน์ ได้ 21. ตระหนักถึงความสำคญั ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอรแ์ ละกฎหมายที่เกย่ี วกบั การของการหมิน่ ประมาท ออนไลน์ 22 สามารถบอกขัน้ ตอนการปฏิบัติตนในการดำเนนิ การเม่ือถกู หมนิ่ ประมาทออนไลน์ได้ 23. วเิ คราะห์โทษของการหม่ินประมาทได้ 24. วิเคราะห์กรณีศึกษา : การหมนิ่ ประมาททางออนไลนท์ ี่กำหนดให้ศึกษาได้ 25. ตระหนกั ถึงผลกระทบทีเ่ กิดข้นึ จากฝา่ ฝืนพ.ร.บ.คอมพิวเตอรแ์ ละกฎหมายท่เี กย่ี วกบั การหม่นิ ประมาทออนไลน์ เนอ้ื หา 1. ข้อควรร้พู .ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2. การกระทำความผิดเกย่ี วกับพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ และโทษที่ไดร้ ับ 3. ภัยคุกคามทางโลกออนไลน์ 4. กรณศี กึ ษา : การกระทำผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 5. ลขิ สิทธแิ์ ละเรือ่ งทคี่ วรรู้ 6. ประโยชน์ของลิขสิทธ์ิ 7. ขนั้ ตอนการแจ้งข้อมูลลขิ สิทธิ์ 8. ประเภทของการละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ 9. บทกำหนดโทษจากกการละเมิดลิขสิทธิ์ 10. ข้อควรรูห้ ากถกู ละเมดิ ลิขสิทธ์ิ 11.กรณศี ึกษา : การละเมิดลิขสทิ ธใ์ิ นโลกออนไลน์ 12. ความหมายของการหม่นิ ประมาท 13. พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมายทีเ่ กีย่ วกับหม่นิ ประมาทออนไลน์ 14. ขน้ั ตอนการดำเนนิ การเมื่อถกู หมน่ิ ประมาทออนไลน์ 15. บทลงโทษของการหม่นิ ประมาทออนไลน์
56 16. กรณีศึกษา : หม่ินประมาทออนไลน์ ข้ันตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขนั้ ตอนที่ 1 การสร้างแรงบันดาลใจ ( Passion : P ) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเองและแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียน จะต้องเรียนรู้ร่วมกันในครั้งน้ี คือ เร่ือง “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ” และชวนคิดชวนคุยเก่ียวกับเร่ืองที่จะเรียนรู้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเชื่อมโยงและสร้างความพร้อมที่จะเรียนรู้ หรอื ทำกิจกรรมการเรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ครงั้ น้ี 2. ครูชีแ้ จงวตั ถุประสงค์ เน้ือหา กจิ กรรม การวดั และประเมินผลของการเรยี นรู้ในครงั้ น้ี ท่ีสอดคล้องกบั ตัวชีว้ ัดตามแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งน้ี เพื่อใหผ้ เู้ รยี นเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผ้เู รยี นจะต้องเรียนรใู้ ห้บรรลุตัวช้วี ัด ท่กี ำหนดตามแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่ือง “พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ และลิขสทิ ธิ์ในโลกออนไลน์ท่ีควรรู้”ในคร้ังน้ี โดยใหน้ ักศกึ ษาทำใบงานท่ี 1 จำนวน 2 ข้อ อธบิ ายความสำคัญ และความจำเป็นในการพัฒนาอาชีพ 3. ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และลขิ สิทธใิ์ นโลกออนไลนท์ ่คี วรร”ู้ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูให้ผเู้ รยี นศกึ ษาหนังสอื เรียนรายวิชากฎหมายท่ีควรรูค้ ู่โลกออนไลน์ สค 0200038 ระดับ ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เรือ่ ง อธบิ ายความสำคัญ พรอ้ มทัง้ แนะนำแหล่งศกึ ษาคน้ ควา้ เพิ่มเติมจากอินเทอรเ์ น็ต ซง่ึ ผูเ้ รียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำกจิ กรรม ตามที่ไดร้ ับมอบหมายด้วย ท้ังนคี้ รคู วรจะชี้แจงให้ผเู้ รยี นทราบวา่ ในการพบกล่มุ ตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ัง น้ี ผเู้ รียนจะตอ้ งเรียนรแู้ ละทำกจิ กรรมท่ีสอดคล้องกับเน้อื หาที่เรียน โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การ แลกเปลี่ยนเรยี นร้โู ดยการอภิปรายรว่ มกับเพ่ือนในกลมุ่ รวมท้ังมกี ารทดสอบหลงั เรยี นด้วย นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละครัง้ น้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรยี นไปเรยี นรู้ดว้ ยวธิ กี ารเรยี นรู้ด้วย ตนเอง ซ่ึงวิธีการเรียนรู้ดว้ ยตนเองจะต้องเกิดขึ้นในทุกๆ ตัวชีว้ ดั และเน้อื หาทีก่ ำหนดโดยผเู้ รยี นจะตอ้ งปฏิบัติ กจิ กรรมที่กำหนดให้ดว้ ยวิธเี รียนรูอ้ อนไลน์ และศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียนดังน้ัน ครจู ะต้องเชอื่ มโยง รายละเอยี ดดังกลา่ วขา้ งตน้ ใหผ้ เู้ รยี นได้เกดิ ความเขา้ ใจและเกิดแรงบนั ดาลใจในการเรยี นรู้ท่ีจะเกดิ ข้นึ เพราะ การมอบหมายงานให้ผ้เู รยี นไปเรียนรดู้ ว้ ยวิธเี รียนร้ดู ้วยตนเองนน้ั ผเู้ รียนจะต้องเรยี นรู้ออนไลนผ์ า่ น อินเทอร์เนต็ และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครูชวนคิดชวนคุยเก่ียวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรื่องที่จะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครสู ุ่มผเู้ รียนตามความสมคั รใจ จำนวน 4 –5 คนให้ตอบคำถาม จำนวน 1 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นท่ี 1 “ท่านทราบหรือไมว่ า่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และลขิ สทิ ธิ์ในโลกออนไลนท์ ่ีควรรู้ คอื อะไร ” แนวคำตอบ คอื พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฉบับลา่ สุด เป็นกฎหมายท่ีว่าดว้ ยการกระทำผดิ เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ โน็ตบคุ๊ สมาร์ตโฟน รวมไปถึงระบบต่าง ๆ ทถี่ ูกควบคมุ การกระทำระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่ง เปน็ พ.ร.บ. คอม ทีอ่ อกมาเพื่อป้องกัน และควบคมุ การกระทำผดิ ท่ีจะเกิดขนึ้ ได้การใชค้ อมพิวเตอร์ หาก ผ้ใู ดกระทำผดิ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามท่ี พระราชบัญญตั ิคอมพิวเตอร์ 2560 ทกี่ ำหนดไว้
57 ประเดน็ ที่ 2 “ท่านทราบหรือไมว่ า่ ลิขสิทธิใ์ นโลกออนไลน์ คืออะไร ” แนวคำตอบ คือ เนื่องจากของแทม้ รี าคาแพง และมีค่าใชจ้ ่ายสงู การละเมิดลขิ สิทธิ์ทำได้งา่ ยและรวดเรว็ ตวั สนิ ค้ากม็ ีคุณภาพเทียบเท่าของจริงเป็นวัฒนธรรมในบางสงั คม ซึ่งมีมาเปน็ เวลายาวนาน เชน่ การ เอือ้ เฟ้ือเผื่อแผ่ มีการแบ่งปนั กนั ในสงั คมมาโดยตลอด จงึ ทำใหผ้ ทู้ ไ่ี ด้ละเมิดลิขสทิ ธ์ิไม่คิดวา่ ตนเองได้ กระทำความผิดกลไกในการบังคบั ใชก้ ฎหมายท่ียงั ไมค่ ่อยมีประสทิ ธิภาพเท่าทีค่ วร และการหาตวั ผ้กู ระทำ ความผดิ กท็ ำไดย้ ากเชน่ กัน ขัน้ ตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครใู ห้ผู้เรียนแลกเปล่ยี นเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรยี นออกเปน็ กล่มุ ๆ กลุม่ ละ 4 – 5 คน ดำเนนิ กิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศกึ ษาเนื้อหา ในหนังสอื เรียนรายวชิ ากฎหมายทคี่ วรรู้คโู่ ลกออนไลน์ สค 0200038 ระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งผู้แทนนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ ร่วมกนั และใหผ้ เู้ รียนสรุปส่ิงท่ไี ดเ้ รียนรลู้ งในสมดุ บนั ทึกผลการเรียนรู้ของตน 2. ครแู นะนำแหล่งเรียนรใู้ ห้กับผู้เรยี นเพือ่ ใชเ้ ปน็ เครื่องมอื ในการแสวงหาความร้ดู ้วยตนเอง อาทิ หอ้ งสมดุ แหลง่ เรยี นร้ใู นชุมชน หนว่ ยงาน สถานศกึ ษาต่าง ๆ รวมทั้งการใชอ้ นิ เตอรเ์ น็ตเพ่อื การเรียนร้ดู ้วย ตนเอง เป็นตน้ 3. ครูดำเนนิ การทำหน้าทีน่ ำการอภปิ ราย โดยให้ผ้เู รียนกลุ่มใหญ่รว่ มกันแสดงความคิดเห็น คดิ วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ขอ้ มลู เพ่ิมเติมในเนื้อหาหรอื ประเด็นท่ียังไมช่ ัดเจน ตามรายละเอียดท่ี ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรรู้ ว่ มกนั หากผ้เู รียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นวา่ ยังไมส่ มบรู ณ์ มีความต้องการในการ เรยี นรู้เพม่ิ เติม ครูจะช่วยเติมเตม็ ความรใู้ ห้กบั ผเู้ รยี น หลงั จากนัน้ ครูและผเู้ รียนสรปุ สิ่งทไี่ ดเ้ รียนรใู้ นภาพรวม ทง้ั หมดแลว้ ให้ผเู้ รยี นสรปุ สงิ่ ท่ีได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทกึ การเรยี นรู้ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูชี้แจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบรว่ มกัน ในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่างๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพ่ือปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าท่ีท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างทั่วถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภปิ รายโดยผู้ใดผูห้ นง่ึ และควรมกี ารจำกัดเวลาของการอภปิ รายแตล่ ะประเดน็
58 ในระหว่างการทำกจิ กรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผ้เู รยี น และเครื่องมือประเมนิ การสังเกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปิดโอกาสให้ผูเ้ รยี นท้ังกลุม่ ร่วมกนั สนทนา เพื่อให้ผ้เู รียนมที กั ษะในการฟัง พดู คดิ วเิ คราะห์ การทำงานร่วมกับผอู้ ื่น การคิดสร้างสรรค์ ความรบั ผิดชอบ และการนำความรใู้ นเน้ือหามาใช้ โดยครบู รู ณาการ เนอื้ หาการเรียนรู้ มีการใชส้ อื่ เทคโนโลยีที่เป็นคลิปวดิ โี อจาก youtubeและ TikTok ที่สัมพันธก์ ับเนื้อหา ท้ังนี้ ครเู ชือ่ มโยงส่งิ ที่ไดเ้ รียนรู้ตามข้นั ตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปสูก่ ารปฏบิ ัตแิ ละประยกุ ต์ใชผ้ ่านคลปิ วดิ ีโอ โดย ครูเปิดคลิปวิดโี อ เร่ือง “กฎหมายที่ควรรู้คูโ่ ลกออนไลน์ ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=9- IE9SaW9xk ชว่ งเวลา 2.54 นาที หลังจากน้นั ครูดำเนนิ การ ดงั น้ี (1) ครบู รรยายเน้ือหาตามใบความรู้สำหรบั ครู เรอ่ื ง“ความสำคัญ และความจำเป็นของ กฎหมายท่คี วรรู้คโู่ ลกออนไลน์” เพื่อใชส้ ำหรับประกอบกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง “ความสำคญั และความ จำเป็นของกฎหมายท่ีควรรคู้ ูโ่ ลกออนไลน์” ในสว่ นของผ้เู รียนใหศ้ ึกษาใบความรสู้ ำหรบั ผ้เู รียน ประกอบการ บรรยายของครูตามใบความรู้สำหรบั ผเู้ รียน เรื่อง “ความสำคญั และความจำเป็นของกฎหมายที่ควรรู้คู่โลก ออนไลน์” (2) ครูอธิบาย เรอื่ ง “กฎหมายลิขสทิ ธ์ิ”พร้อมทงั้ ใหผ้ ้เู รียนไดแ้ ลกเปลีย่ นเรียนรู้ โดยให้ผเู้ รยี น ตั้งประเดน็ ขอ้ สงสัย หรือสง่ิ ท่ีต้องการเรียนรู้ และเชอื่ มโยงสูก่ ารนำไปใช้ในชีวิตจรงิ ของผู้เรียนตอ่ ไป 5.ครแู ละผเู้ รยี นอภิปรายและสรุปผลการเรียนร้รู ่วมกนั ขนั้ ตอนท่ี 3 การสะท้อนความคิดจากการเรยี นรู้ ( Reflection : R ) 1. แบ่งผูเ้ รียนออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คนใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาเนื้อหา โดยผูเ้ รียนแตล่ ะกลุ่ม วางแผนและดำเนนิ การเกยี่ วกบั การทำรายงาน เรื่องท่ี 1 ลขิ สิทธ์ิที่ควรรู้และประโยชน์ของลิขสิทธิ์ เรือ่ งที่ 2 ขน้ั ตอนการแจ้งข้อมูลลขิ สทิ ธิ์ ประเภทของการละเมิดลิขสทิ ธ์ิ เรอ่ื งที่ 3 บทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสทิ ธ์ิและขอ้ ควรรูห้ ากถกู ละเมิดลิขสิทธ์ิ เรอ่ื งที่ 4 กรณีศึกษา : การละเมดิ ลิขสิทธ์ใิ นโลกออนไลน์ 2. ใหผ้ ูเ้ รยี นแต่ละกลมุ่ ตามข้อ 1 ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามใบกจิ กรรม เร่อื ง ลิขสทิ ธิท์ ่คี วรร้แู ละประโยชน์ ของลิขสิทธิ์ ขนั้ ตอนการแจง้ ข้อมลู ลิขสทิ ธ์ิ ประเภทของการละเมิดลขิ สิทธ์ิ บทกำหนดโทษจากการละเมดิ ลิขสทิ ธแ์ิ ละข้อควรรู้หากถูกละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ กรณีศึกษา : การละเมิดลขิ สิทธ์ใิ นโลกออนไลน์ ทง้ั นี้ ครจู ะต้องกำกับการปฏิบตั กิ ิจกรรมของผเู้ รียนจนกิจกรรมแลว้ เสรจ็ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ลิขสิทธิ์ที่ควรรแู้ ละประโยชนข์ องลิขสทิ ธิ์ ขน้ั ตอนการแจง้ ขอ้ มลู ลิขสทิ ธิ์ ประเภทของการละเมิดลขิ สิทธ์ิ บทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสิทธิ์และข้อควรรู้หากถกู ละเมิดลิขสทิ ธิ์ กรณีศกึ ษา : การละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ใน โลกออนไลน์
59 3. ให้ผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอ เรอื่ ง ลขิ สิทธิท์ ่ีควรรู้และประโยชน์ของลิขสิทธิ์ ขั้นตอนการแจง้ ข้อมูล ลขิ สทิ ธ์ิ ประเภทของการละเมิดลิขสทิ ธ์ิ บทกำหนดโทษจากการละเมดิ ลิขสิทธ์ิและข้อควรรูห้ ากถกู ละเมิด ลิขสทิ ธิ์ กรณศี ึกษา : การละเมดิ ลิขสิทธใ์ิ นโลกออนไลน์ ตามใบกิจกรรมของผเู้ รียน การนำเสนอผลการศึกษา คน้ ควา้ เพื่อนำมาวเิ คราะหเ์ รื่องลิขสทิ ธิ์ท่ีควรรแู้ ละประโยชน์ของลขิ สิทธิ์ ข้ันตอนการแจ้งข้อมลู ลขิ สทิ ธิ์ ประเภทของการละเมดิ ลิขสิทธ์ิ บทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสิทธิ์และขอ้ ควรรูห้ ากถูกละเมิดลิขสทิ ธ์ิ กรณศี ึกษา : การละเมดิ ลขิ สิทธิ์ในโลกออนไลน์ 4. ครูให้ผูเ้ รยี นสะทอ้ นความคิดในการเรยี นรทู้ ีไ่ ด้จากการเรยี นรู้ จากขน้ั ตอนท่ี 1 ถงึ ข้ันตอนท่ี 3 น้ี 5. ครแู ละผู้เรยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นรู้ร่วมกัน ขนั้ ตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมินและแก้ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากบั ผู้เรียนเกี่ยวกับเรื่องทไ่ี ด้เรียนร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรู้นี้โดยครูสมุ่ ผู้เรยี นตามความ สมคั รใจ จำนวน 2 – 3 คน ให้ตอบคำถามในประเด็นตอ่ ไปนี้ ประเดน็ “ ทา่ นจะนำความรู้เรอ่ื ง พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์และลิขสิทธ์ใิ นโลกออนไลน์” แนวคำตอบ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ท่ีได้รับจากการเรียนรู้เร่ือง ลิขสิทธิ์ท่ีควรรู้และประโยชน์ของ ลิขสิทธ์ิ ข้ันตอนการแจ้งข้อมูลลิขสิทธ์ิ ประเภทของการละเมิดลิขสิทธิ์ บทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสิทธ์ิ และข้อควรรูห้ ากถูกละเมิดลิขสิทธ์ิ กรณีศึกษา : การละเมิดลิขสทิ ธิ์ในโลกออนไลน์ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริงได้ ดงั นี้ เร่ืองของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความหมาย ความสำคญั และสาระสำคญั ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การ กระทำความผิดเก่ยี วกบั พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภัยคุกตามทางโลกออนไลน์ เรอ่ื งทค่ี วรรู้ลขิ สิทธ์ิ ประโยชน์ของ ลิขสิทธิ์ ข้ันตอนการแจ้งข้อมูลลขิ สิทธป์ิ ระเภทของการละเมิดลขิ สทิ ธิ์ และบทกำหนดโทษจากการละเมดิ ลขิ สิทธิ์ 2. ครแู ละผเู้ รียนอภปิ รายและสรุปผลการเรียนรรู้ ว่ มกนั เรอ่ื ง ลิขสิทธ์ิทคี่ วรร้แู ละประโยชนข์ อง ลิขสิทธิ์ ข้นั ตอนการแจ้งข้อมูลลขิ สทิ ธิ์ ประเภทของการละเมิดลิขสิทธ์ิ บทกำหนดโทษจากการละเมิดลิขสทิ ธิ์ และข้อควรรูห้ ากถกู ละเมิดลขิ สิทธ์ิ กรณีศึกษา : การละเมิดลขิ สทิ ธใ์ิ นโลกออนไลน์ ซง่ึ จะทำให้ผเู้ รียนเกดิ ความ เขา้ ใจในกิจกรรมการเรียนร้มู ากยิง่ ขึน้ 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และลิขสิทธ์ิในโลกออนไลนท่ีควรรู้ จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครแู ละผ้เู รียนสรปุ ภาพรวมส่ิงทีไ่ ด้เรียนรูร้ ว่ มกัน นอกจากนี้ ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินข้ันตอนที่ 3 ครูมอบหมายงานให้เรียนรู้ ด้วยตนเอง รายละเอียดดังน้ี การมอบหมายงานใหเ้ รียนร้ดู ว้ ยตนเอง 1. ครูช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลมุ่ แต่ละครง้ั ผเู้ รยี นจะไดร้ บั มอบหมายงานให้ไปเรียนรูด้ ้วย วิธเี รยี นรู้ดว้ ยตนเองในลกั ษณะทีค่ รจู ะมอบหมายงานใหผ้ ู้เรียนไปศกึ ษา “หนังสือเรียนรายวิชากฎหมายทคี่ วรรู้
60 คโู่ ลกออนไลน์ สค0200038 ระดับประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย โดย ให้ศกึ ษาเนอื้ หาและปฏบิ ัตกิ จิ กรรมท้ายเร่ือง รายละเอียดของเนื้อหา แบง่ ออกเป็น 2 สว่ น ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 เนอื้ หาการเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรคู้ ร้ังน้ี สว่ นที่ 2 เน้อื หาการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ ในหนังสือเรียนเรยี นดงั กลา่ ว 2. ครมู อบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ดว้ ยตนเอง โดยใหไ้ ปศึกษา “หนงั สือเรยี นรายวชิ ากฎหมายทคี่ วร รู้คู่โลกออนไลน์ สค0200038 ระดับประถมศึกษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายละเอยี ดของกิจกรรมทีผ่ ูเ้ รยี นจะตอ้ งปฏบิ ตั ิ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ดังน้ี ส่วนที่ 1 เน้อื หาการเรยี นร้ตู ามแผนการจดั การเรยี นรูค้ ร้ังน้ี ไดแ้ ก่ หนงั สือเรียนรายวิชากฎหมายท่คี วรรู้คู่โลกออนไลน์ สค0200038 ระดับประถมศกึ ษา ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนที่ 2 มอบหมายงานใหผ้ ู้เรยี นเรยี นรู้ด้วยตนเอง ซง่ึ เน้ือหาการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ ใน“หนงั สือเรียน รายวิชากฎหมายทีค่ วรรูค้ ูโ่ ลกออนไลน์ สค0200038 ระดับประถมศึกษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ได้แก่ 1) เร่อื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2) เรอื่ งลิขสิทธใ์ิ นโลกออนไลน์ที่ควรรู้ หลังจากนั้น ครแู ละผเู้ รยี นมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลยี่ นเรยี นรู้รว่ มกนั ผ่าน ทางสือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์ ต่อไป หมายเหตุ : ให้ผเู้ รยี นลงมือปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยตนเอง ซึง่ การให้ผูเ้ รยี นลงมือปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยตนเองนั้นอาจ มคี วามแตกต่างกันบา้ งในขัน้ ตอน โดยพิจารณาจากพนื้ ฐานของผ้เู รยี น ในกรณีทผี่ ู้เรยี นมีพ้นื ฐานน้อยหรือไม่มี พน้ื ฐานมาก่อนกค็ วรจดั การเรียนรู้พ้ืนฐานท่จี ำเป็นและพอเพยี งกับผู้เรยี น หลังจากน้นั ให้ผู้เรยี นได้ปฏิบตั ดิ ้วย ตนเองในช่วงระยะหนงึ่ แลว้ จงึ ค่อยใหผ้ ู้เรยี นคิดหวั ข้อที่อยากจะทำ หรือถา้ ผู้เรยี นมีพ้นื ความรมู้ าก่อนแลว้ ให้ คิดหัวข้อท่สี นใจจะทำและให้ลงมอื ปฏิบัติได้ สอ่ื วัสดอุ ปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และลิขสทิ ธิ์ท่ีควรรใู้ นโลกออนไลน์” 2. คลปิ วดิ ีโอ เรื่อง “กฎหมายทคี่ วรรู้คโู่ ลกออนไลน์” จาก https://www.youtube.com/watch?v=9-IE9SaW9xk ชว่ งเวลา 2.54 นาที 3. ใบความรู้สำหรับผู้เรยี น เรือ่ ง พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์และลิขสิทธ์ทิ ี่ควรรใู้ นโลกออนไลน์ 4. ใบความรสู้ ำหรบั ผู้เรียน เรื่อง “ลิขสิทธ์ิท่ีควรรู้ในโลกออนไลน”์ 5. บทสรุปประกอบ PowerPoint สำหรับครู “เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์และลขิ สิทธ์ทิ ่ีควรรู้ในโลก ออนไลน”์
61 9. แบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และลิขสิทธิ์ทค่ี วรรู้ในโลกออนไลน์” 10. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นร่วม ความต้งั ใจ และความสนใจของผเู้ รียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลังเรียน 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมและสง่ิ ที่ต้องการพัฒนา/ชนิ้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เรยี น
62 สอ่ื วัสดุอุปกรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และลิขสิทธิท์ ่คี วรรใู้ นโลกออนไลน์” 2. คลปิ วดิ ีโอ เรอื่ ง “กฎหมายที่ควรรคู้ ู่โลกออนไลน์” จาก https://www.youtube.com/watch?v=9-IE9SaW9xk ช่วงเวลา 2.54 นาที 3. ใบความรูส้ ำหรบั ผู้เรยี น เรือ่ ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และลิขสิทธิ์ท่คี วรร้ใู นโลกออนไลน์ 4. ใบความรสู้ ำหรับผเู้ รียน เรอื่ ง “ลขิ สิทธ์ิท่ีควรรใู้ นโลกออนไลน”์ 5. บทสรุปประกอบ PowerPoint สำหรับครู “เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์และลิขสิทธ์ิที่ควรรูใ้ นโลก ออนไลน”์ 6. แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง “พ.ร.บ.คอมพวิ เตอรแ์ ละลิขสิทธิท์ ่คี วรร้ใู นโลกออนไลน์” 7. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นต่อการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
63 ใบความรู้ เร่อื ง กฎหมายทคี่ วรรคู้ ู่โลกออนไลน์ อาชญากรรมออนไลน์ ความหมาย การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้ คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ระบบ คอมพวิ เตอร์ในที่นี้ หมายรวมถงึ ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์ทเ่ี ชือ่ มกบั ระบบดงั กลา่ วดว้ ย อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คือ 1.การกระทำการใด ๆ เก่ียวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหย่ือได้รับความเสียหาย และผู้กระทำ ไดร้ บั ผลประโยชน์ตอบแทน 2.การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึง่ ใชเ้ ทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็นเครอื่ งมือและในการสืบสวนสอบสวน ของเจ้าหนา้ ทเี่ พอื่ นำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ตอ้ งใช้ความรู้ทางเทคโนโลยเี ชน่ เดียวกนั การประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อเศรษฐกิจของประเทศจำนวน มหาศาล อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ จึงจัดเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ อาชญากรรมทางธุรกิจ รูปแบบ หน่ึงทมี่ คี วามสำคญั ประเภทของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซ่ึงปัจจุบันท่ัวโลกจัดออกเป็น 9 ประเภท (ตามข้อมูลคณะอนกุ รรมการเฉพาะกิจรา่ งกฎหมายอาชญากรรมคอมพวิ เตอร์) 1. การขโมยขอ้ มลู ทางอนิ เตอร์เน็ต ซึง่ รวมถงึ การขโมยประโยชนใ์ นการลกั ลอบใช้บริการ 2. อาชญากรนำเอาระบบการสือ่ สารมาปกปดิ ความผิดของตนเอง 3. การละเมิดสทิ ธ์ิปลอมแปรงรูปแบบ เลียนแบบระบบซอพต์แวร์โดยมชิ อบ 4. ใช้คอมพวิ เตอรแ์ พรภ่ าพ เสยี ง ลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม 5. ใช้คอมพวิ เตอร์ฟอกเงิน 6. อนั ธพาลทางคอมพวิ เตอร์ทเ่ี ชา้ ไปก่อกวน ทำลายระบบสาราณปู โภค เช่น ระบบจ่ายนำ้ จ่ายไฟ ระบบการจราจร 7. หลอกลวงใหร้ ว่ มค้าขายหรือลงทุนปลอม 8. แทรกแซงขอ้ มลู แลว้ นำขอ้ มลู น้ันมาเป็น)ระโยชน์ต่อตนโดยมชิ อบ เชน่ ลกั รอบค้นหารหสั บัตร เครดิตคนอ่นื มาใช้ ดักข้อมูลทางการค้าเพื่อเอาผลประโยชนน์ ั้นเป็นของตน 9. ใชค้ อมพวิ เตอรแ์ อบโอนเงนิ บญั ชผี ูอ้ ่นื เข้าบัญชีตัวเอง
64 อาชญากรคอมพิวเตอร์ อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญ มีการ จำแนกไวด้ งั นี้ 1. พวกมือใหม่ (Novices) หรือมือสมัครเล่น อยากทดลองความรู้และส่วนใหญ่จะมิใช่ผู้ ท่ีเป็นอาชญากร โดยนิสัย มิได้ดำรงชีพโดยการกระทำผิด อาจหมายถึงพวกท่ีเพ่ิงได้รับความไว้วางใจให้เข้าสู่ระบบเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ 2. Darnged person คือ พวกจิตวิปริต ผิดปกติ มีลักษณะเป็นพวกชอบความรุนแรง และอันตราย มัก เปน็ พวกท่ชี อบทำลายทกุ สิ่งทขี่ วางหนา้ ไมว่ า่ จะเปน็ บคุ คล สิ่งของ หรือสภาพแวดล้อม 3. Organized Crime พวกน้ีเป็นกลุ่มอาชญากรท่ีร่วมมือกันทำผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ๆ ท่ีมีระบบ พวกเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน โดยส่วนหนึ่งอาจใช้เป็นเครื่องหาข่าวสาร เหมือนองค์กรธุรกิจทั่วไป อีก สว่ นหนึ่งก็จะใช้เทคโนโลยเี พื่อเป็นตัวประกอบสำคัญในการก่ออาชญากรรม หรอื ใช้เทคโนโลยีกลบเกล่ือนร่อง ร่อย ใหร้ อดพน้ จากเจา้ หน้าที่ 4. Career Criminal พวกอาชญากรมืออาชีพ เป็นกลุ่มอาชญากรคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่มาก กลุ่มน้ีน่าเป็น หว่ งมากท่สี ดุ เนื่องจากนับวนั จะทวจี ำนวนมากขน้ึ เรื่อยๆ โดยจับผิดแล้วจับผดิ เลา่ บอ่ ยครง้ั 5. Com Artist คือพวกหัวพัฒนา เป็นพวกท่ีชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้มาซึ่ง ผลประโยชน์ส่วนตน อาชญากรประเภทน้ีจะใช้ความก้าวหน้า เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และความรู้ของตน เพอ่ื หาเงนิ มชิ อบทางกฎหมาย 6. Dreamer พวกบา้ ลัทธิ เป็นพวกที่คอยทำผิดเนอ่ื งจากมีความเชื่อถอื สง่ิ หนง่ึ สง่ิ ใดอยา่ งรุ่นแรง 7. Cracker หมายถึง ผู้ท่ีมีความรูแ้ ละทักษะทางคอมพิวเตอรเ์ ป็นอยา่ งดี จนสามารถลักลอบเข้าสู่ระบบได้ โดยมีวัตถุประสงค์เข้าไปหาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหน่ึง มักเข้าไปทำลายหรือลบไฟล์ หรือทำให้ คอมพิวเตอร์ใช้การไม่ได้ รวมถงึ ทำลายระบบปฏิบตั กิ าร 8. นักเจาะข้อมูล (Hacker) ผู้ท่ีชอบเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อ่ืน พยายามหาความท้าทายทาง เทคโนโลยีเขา้ ไปในเครือขา่ ยของผอู้ ่ืนโดยทีต่ นเองไม่มีอำนาจ 9. อาชญากรในรูปแบบเดิมท่ีใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ เช่นพวกลักเล็กขโมยน้อยท่ี พยายามขโมยบัตร ATM ของผู้อ่นื 10. อาชญากรมืออาชีพ คนพวกนี้จะดำรงชีพจากการกระทำความผิด เช่นพวกที่มักจะใช้ ความรู้ทาง เทคโนโลยีฉ้อโกงสถาบันการเงนิ หรือการจารกรรมขอ้ มูลไปขาย เป็นตน้ 11. พวกหัวรุนแรงคล่ังอุดมการณ์หรือลัทธิ มักก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพ่ือ อุดมการณ์ทาง การเมอื ง เศรษฐกจิ ศาสนา หรือสทิ ธิมนุษย์ชน เปน็ ตน้ แหล่งท่ีมาจาก : บทเรียนบนเครือขา่ ยอินเตอรเ์ นต็ รายวิชาการงานอาชพี และเทคโนโลยี 5 ผ้พู ฒั นาเวบ็ :: นายรศั มี พุดสีเสน
65 โรงเรยี นจตุรพักตรพิมานรชั ดาภเิ ษก อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด email :: [email protected] / http://www.cpr.ac.th/krunuii/01mal.html ใบความรู้ เรอ่ื ง พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 สรปุ 13 ขอ้ สาระสำคัญจำง่ายๆ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 ถ้ายังจำกันได้ถึงการผลักด้น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบเม่ือเดือนธันวาคม เม่ือปี 2559 และได้ ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเม่ือวันที่ 24 มกราคม 2560 มผี ลบงั คบั ใชแ้ ลว้ ในวันท่ี 24 พ.ค.2560 เพ่ือการใช้ออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย สำหรับสาระสำคัญที่หลายคนควรพึงระวังใน พ.ร.บ. ว่าด้วย กระทำความผดิ เก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2560 หรอื พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ ฉบบั 2 มีสาระสำคญั จำงา่ ยๆ ดังน้ี 1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลน้ันได้ ไม่เช่นน้ันถือเป็นส แปม ปรับ 200,000 บาท 3. สง่ Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเร่ืองเก่ียวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่าย ความผดิ มาตรา 112 หรอื มีความผดิ รว่ ม 5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อ่ืน อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพฯ์ โดยเฉพาะที่กระทบตอ่ บุคคลที่ 3 6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอรข์ องเรา แต่ไมใ่ ช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ท่ีให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิด กฎหมาย เมื่อแจ้งไปท่หี นว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบเพอื่ ลบได้ทนั ที เจา้ ของระบบเวบ็ ไซตจ์ ะไม่มีความผดิ 7.สำหรับ แอดมินเพจ ทเี่ ปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความท่ีผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เม่ือลบออก จากพ้นื ทีท่ ต่ี นดูแลแลว้ จะถอื เป็นผู้พ้นผิด 8. ไมโ่ พสต์สิง่ ลามกอนาจาร ที่ทำใหเ้ กิดการเผยแพร่สูป่ ระชาชนได้ 9. การโพสเกยี่ วกับเด็ก เยาวชน ตอ้ งปิดบังใบหนา้ ยกเว้นเมือ่ เปน็ การเชิดชู ช่ืนชม อยา่ งใหเ้ กียรติ 10. การให้ข้อมลู เก่ียวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกดิ ความเส่ือมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหม่ิน เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องรอ้ งไดต้ ามกฎหมาย 11. การโพสต์ดา่ ว่าผ้อู ื่น มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจรงิ หรือถูกตัดต่อ ผ้ถู ูกกล่าวหา เอาผดิ ผู้ โพสตไ์ ด้ และมโี ทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 200,000 บาท 12. ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธ์ิผู้ใด ไมว่ า่ ขอ้ ความ เพลง รปู ภาพ หรอื วิดโี อ 13. สง่ รูปภาพแชรข์ องผ้อู น่ื เชน่ สวสั ดี อวยพร ไมผ่ ิด ถา้ ไมเ่ อาภาพไปใชใ้ นเชิงพาณิชย์ หารายได้
66 นี่เป็นเพียงส่วนหน่ึงของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นที่ส่งผล กระทบต่อการใช้งานสือ่ สังคมออนไลน์ ดงั นั้นจึงควรรู้กฎกติกาการใชง้ านไวก้ ่อน กจ็ ะชว่ ยป้องกนั ไม่ให้เราเสี่ยง ตอ่ การทำผดิ กฎหมายได้ ใบความรู้ เรื่อง การละเมิดลิขสทิ ธิใ์ นโลกออนไลน์ท่คี วรรู้ การละเมิดลิขสิทธ์ิ หมายถึงการนําผลงานของผู้อ่ืนมาใช้ เผยแพร่ ดัดแปลง ทําซ้ำ โดยผู้เป็นเจ้าของ ผลงานไมอ่ นญุ าตหรอื ไม่ไดร้ บั ทราบ ปกตแิ ล้วกรรมสิทธ์ิ และลขิ สิทธข์ิ องผสู้ ร้างสรรค์โดยปรยิ าย โดยหลัก ๆ ลิขสิทธิ์ในโลกออนไลน์ที่ควรรู้จะเก่ียวข้องเพียง 3 เร่ือง เท่าน้ัน ได้แก่ ลิขสิทธ์ิสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า สว่ นพระราชบัญญัติต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกับแผนผงั ภูมิวงจรรวม ความลบั ทางการค้า สิ่งบ่งชี้ ภูมิศาสตร์ การคุ้มครองพันธุ์พืช จะไม่ได้สอนในวิชากฎหมายลิขสิทธ์ิในโลกออนไลน์ที่ควรรู้ แต่มี พระราชบัญญัติการคุ้มครองกฎหมายลิขสิทธ์ิในโลกออนไลน์ท่ีควรรู้จะเก่ียวข้องกับกฎหมายลิขสิทธ์ิในโลก ออนไลน์ที่ควรรคู้ อื 1. พระราชบัญญัติเคร่ืองหมายการค้า (Trade Marks) เป็นเร่ืองเก่ียวกับเครื่องหมายการค้า 2. พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (Patent) พระราชบัญญัติสิทธิบัตรของไทยจะครอบคลุมถึง สิ ท ธิ บั ต ร แ ล ะ ก า ร อ อ ก แ บ บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ Design) ท า ง WIPO ได้ แ ย ก Design อ อ ก ต่ า ง ห า ก และมีบางประเทศทแ่ี ยกกฎหมาย Design ออกต่างหากจากสทิ ธิบัตร แนวคิดการให้ความคุม้ ครองทรพั ยสินทางปัญญา 1. เพอ่ื ตอบแทนความคิดสร้างสรรคข์ องบคุ คล 2. เพื่อส่งเสรมิ และจงู ใจใหส้ ร้างสรรค์ผลงาน 3. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหส้ ง่ เสรมิ ใหม้ ีการเปิดเผยความรู้สสู่ งั คม 4. เพื่อป้องกันการแขง่ ขอั ันไมเ่ ป็นะรรม 5. กระตนุ้ การแข่งขันโดยเสรี 6. เพือ่ คมุ้ ครองผู้บริโภค 7. เพอ่ื รักษาผลประโยชนท์ างการคา้ ระหว่างประเทศ สิทธขิ องเจา้ ของลขิ สทิ ธ์ใิ นโลกออนไลนท์ คี่ วรรู้ ผู้ทรงสทิ ธใิ นลิขสิทธิ์ในโลกออนไลน์ท่ีควรรู้มีสทิ ธิท่ีจะหวงกนั ไม่ให้ผ้อู ่ืนมาใชผ้ ลงานทางปัญญาทีต่ นได้ สร้างสรรค์หรอื พัฒนาขึ้น เรียกว่า สิทธิเดด็ ขาด หรือ สทิ ธิแต่เพียงผเู้ ดยี ว (Exclusive rights) มสี ทิ ธิจําหน่ายจ่ายโอนหรอื ทําให้เกดิ ภาระติดพันใด ๆ แกล่ ิขสิทธใ์ิ นโลกออนไลนท์ ี่ควรร้ขู องตน มสี ิทธิทจี่ ะฟอ้ งคดแี พง่ หรอื ระงับการละเมิดและเรยี กค่าสนิ ไหมทดแทน มสี ิทธใิ นการดาํ เนนิ คดอี าญาตามพระราชบัญญตั แิ ละประมวลกฎหมายอาญา
67 1. การกระทาํ อย่างใดอย่างหน่งึ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ทาํ ซํ้าหรอื ดัดแปลง ซ่งึ งานอันมีลขิ สิทธ์ิ 1.2 เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน ซ่งึ งานอนั มลี ขิ สทิ ธ์ิ 2. แก่งานอันมีลขิ สิทธิ์ 3. โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธ์ิตามมาตรา 15 (5) ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่20,000 ถึง 200,000 บาท (มาตรา 69) บทลงโทษ มคี วามผิดทงั้ ทางแพ่งและทางอาญา ผลกระทบของการละเมิดลิขสทิ ธ์ิในโลกออนไลน์ที่ควรรู้ - ทําให้เกิดการฟ้องร้องดําเนินคดีเพื่อโต้แย้งสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ิในโลกออนไลน์ท่ีควรรู้ ระหวา่ งกันข้ึน - ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการส่งออกไทย ก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือแก่นานาชาติ เป็นเหตุให้ผู้ ส่งออกชาวไทยไม่สามารถส่งสินค้าไปจําหน่ายท่ีต่างประเทศได้ ทําให้สูญเสียรายได้และลดการขยายตัวของ ตลาดสง่ ออก - ถูกกดดันจากต่างประเทศที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในโลกออนไลน์ที่ควรรู้ ก่อให้เกิดความไม่ม่ันใจแก่นัก ลงทุนในการลงทนุ ภายในประเทศ - ผู้สร้างสรรค์ขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรค์งานใหม่เนื่องจากการถูกลอกเลียนแบบ ส่งผลให้ขาดการ พัฒนานวัตกรรม ต้องนําเข้าความรู้และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทําให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่าง ล่าช้า วิธกี ารป้องกันสิทธใิ นลิขสทิ ธใิ์ นโลกออนไลนท์ ค่ี วรรู้ - หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องหมั่นลงสํารวจพ้ืนที่เข้าข่ายที่จะมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในโลกออนไลน์ที่ควรรู้ และดาํ เนินการปราบปรามการละเมิดหรือการกระทาํ ทผี่ ิดกฎหมายเกีย่ วกับลิขสิทธใ์ิ นโลกออนไลนท์ ่ีควรรอู้ ยา่ ง จริงจัง- จัดมาตรการคมุ้ ครองสิทธใิ นลิขสิทธิ์ในโลกออนไลน์ท่คี วรรู้ ณ จุดนําเข้า – สง่ ออก ตัวอย่างเช่น สินค้า ปลอมหรอื เลียนเคร่อื งหมายการค้า หรอื สนิ ค้าที่ทําซ้ําหรอื ดดั แปลงงานอันมีลขิ สทิ ธิ์ เปน็ ตน้ - จัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าพนักงานตํารวจและเจ้าหน้าที่ กรมศุลกากรให้เข้าใจถึงสิทธิในลิขสิทธิ์ใน โลกออนไลนท์ ่ีควรรู้ - ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทราบถึงการกระทําที่ถือเป็นการละเมิดซึ่งสิทธิในลิขสิทธิ์ในโลก ออนไลน์ทค่ี วรรู้ และโทษที่ได้รับ เช่น จัดพิธีทําลายของกลางคดีละเมิดลขิ สิทธ์ใิ นโลกออนไลนท์ ่ีควรรู้ เพอื่ มิให้ เกดิ การกระทาํ อันเปน็ เย่ียงอยา่ ง เป็นตน้ - รณรงค์ให้ประชาชนไม่สนับสนุนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ท่ีเกิดจากการละเมิดลิขสิทธ์ิในโลกออนไลน์ที่ ควรรู้
68 แบบทดสอบ ครงั้ ท่ี 4 คำช้ีแจง ให้ผูเ้ รียนเลือกคำตอบทีถ่ ูกทสี่ ุดเพยี งขอ้ เดยี วแลว้ ทำเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดกล่าวถงึ อินเทอร์เน็ตได้ถกู ต้องที่สุด ก. เป็นการเช่อื มต่อกนั ระหว่างเครอื ขา่ ย ข. เปน็ การเชือ่ มต่อกันระหว่างบคุ คลกบั บุคคล ค. เปน็ การเช่อื มต่อกนั ระหวา่ งบุคคลกบั องค์กร ง. เปน็ การเชอ่ื มต่อกันระหวา่ งองค์กรกับองคก์ ร 2.ไปรษณยี ์อิเล็กทรอนิกส์ คอื ขอ้ ใด ก. Chat ข. E -mail ค. Net ง. Web 3. มาตราท่ี 14 ผู้ใดกระทำความผดิ ตอ้ งระวางทาไมเ่ กินกีป่ ี ก. 1 ปี ข. 5 ปี ค. 10 ปี ง. 15 ปี 4. มาตราที่ 8 มฐี านความผดิ คอื การดักข้อมลู คอมพิวเตอรแ์ ล้วมีโทษจำคกุ กป่ี ี ก. 1 ปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ หกหม่ืนบาท หรือทง้ั จำทั้งปรับ ข. 2 ปี หรอื ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรอื ทงั้ จำทัง้ ปรับ ค. 3 ปี หรอื ปรับไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรอื ท้งั จำทงั้ ปรบั ง. 4 ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรือทง้ั จำท้ังปรบั 5. พระราชบัญญตั ิว่าด้วยการกระทำความผิดเก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 วา่ ดว้ ยเรอื่ งอะไร ก. ความผิดเก่ยี วกับกฎหมาย ข. ความผดิ เกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ ค. ความผิดเกีย่ วกับพระราชบัญญัติ
69 ง. ความผดิ เกีย่ วกบั พนักงานเจ้าหน้าท่ี 6. มาตรา ๖ ฐานความผดิ วา่ ด้วยการลว่ งรู้มาตราป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพวิ เตอร์ ต้องระวางโทษตามขอ้ ใด ก. ทัง้ จำทงั้ ปรับ ข. จำคุกไม่เกนิ หน่งึ ปี ค. ปรบั ไมเ่ กนิ สองหมนื่ บาท ง. ถกู ทุกข้อ 7. “ขอ้ มลู จราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความวา่ อย่างไร ก. ขอ้ มลู เกี่ยวกบั การติดตอ่ ส่ือสารของระบบคอมพิวเตอร์ ข. ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสง่ั หรือส่ิงอนื่ ใดบรรดาที่อยใู่ นระบบคอมพวิ เตอร์ ค. ถูกทง้ั ข้อ ก. และ ข. ง. ไมม่ ีข้อถูก 8. การกระทำผดิ ในข้อใดต่อไปนี้ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินหา้ ปี หรอื ปรับไม่เกินหน่งึ แสนบาท หรือทงั้ จำทง้ั ปรบั ก. การกระทำท่ีก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสยี หายน้นั จะเกดิ ขึ้นในทันทีหรือใน ภายหลังและไมว่ ่าจะเกดิ ขน้ึ พรอ้ มกันหรือไม่ ข. เป็นการกระทำท่นี า่ จะทำใหผ้ ู้อ่ืนนนั้ เสยี ช่ือเสยี ง ถูกดูหม่ิน ถกู เกลยี ดชัง หรือไดร้ บั ความอับอาย และภาพน้ันเปน็ ภาพทเ่ี กดิ จากการสร้างข้ึน ตัดต่อ ค. เปน็ การกระทำโดยประการทนี่ า่ จะเกิดความเสียหายต่อข้อมลู คอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ ท่ีเกีย่ วกับการรักษาความมั่นคงปลอดภยั ของประเทศ ง. นำเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซ่ึงข้อมลู คอมพวิ เตอร์อนั เป็นเทจ็ โดยประการท่ีน่าจะเกิดความเสยี หาย ตอ่ ความม่นั คงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตนื่ ตระหนกแกป่ ระชาชน 9. ผู้ใดกระทำโดยมิชอบดว้ ยวิธีการทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์เพ่อื ดักรบั ไว้ของผู้อ่นื ที่อยรู่ ะหวา่ งการสง่ ในระบบ คอมพวิ เตอร์ จะตอ้ งระวางโทษตามข้อใด ก. จำคุกไมเ่ กนิ หา้ ปี ข. จำคุกไม่เกนิ สีป่ ี ค. ปรบั ไมเ่ กนิ แปดหมื่นบาท ง. ปรบั ไม่เกนิ หกหมืน่ บาท
70 10. ฐานในข้อใดต่อไปนี้ต้องระวางโทษจำคุกต้ังแต่สามปีถึงสบิ หา้ ปี และปรับตั้งแต่หกหม่ืนบาทถงึ สามแสน บาท ก. นำเขา้ ส่รู ะบบคอมพวิ เตอร์ซง่ึ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ปลอมใดๆ อันเปน็ ความผดิ เกย่ี วกับความมั่นคง แหง่ ราชอาณาจักร ข. ผ้ใู ดเข้าถงึ โดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอรท์ ีม่ ีมาตรการปอ้ งกนั การเข้าถงึ โดยเฉพาะและมาตรการ นั้นมไิ ด้มีไวส้ ำหรบั ตน ค. การกระทำโดยประการทนี่ ่าจะเกดิ ความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ท่ีเก่ยี วกบั การรักษาความ ม่ันคงปลอดภยั ของประเทศ ง. นำเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ทมี่ ีลักษณะอนั ลามกและข้อมูลคอมพวิ เตอร์ นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ เฉลย 1. ก 2. ข 3. ข 4. ค 5. ข 6. ง 7. ก 8. ง 9. ง 10. ค
71 บันทกึ ผลหลงั การจัดกระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ที.่ ....... วนั ท่ี.......เดือน............................พ.ศ............... ผลการใช้แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดับเนือ้ หากับความเข้าใจของผเู้ รยี น เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสบู่ ทเรียนกบั เนือ้ หาแต่ละหัวข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธกี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้กับเนือ้ หาในแตล่ ะขอ้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตัวช้ีวัดในแต่ละเนือ้ หา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
72 ผลการเรียนรู้ของผ้เู รยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรียนรขู้ องครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ................................................ ผู้บันทกึ () ครู กศน.ตำบล ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ .................................................. (นางมาลี เพง็ ด)ี ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่
73 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนร้ขู องผู้เรยี น ชอื่ โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ช่อื โรงเรียน/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอ่ื หวั หนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำชี้แจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมนิ ดังนี้ 5 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มากท่สี ดุ 4 มพี ฤติกรรมการเรียนรู้ มาก 3 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อย 1 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ยที่สุด เกณฑ์การพจิ ารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 0 - 50 ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 50 - 69 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉล่ียร้อยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 90 - 100 ระดบั คุณภาพ ดเี ยี่ยม พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดับพฤตกิ รรม 54321 1. ความตั้งใจในการทำงาน 2. ความรับผิดชอบ 3. ความกระตือรือร้น 4. การตรงต่อเวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น 7. มคี วามคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็นในกลุ่ม 10. การมสี ว่ นรว่ มในการแก้ไขปัญหาในกลุ่ม ลงชอ่ื ......................................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.............................../.....................
74 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง ลักษณะทางภมู ศิ าสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวปี เอเชยี เวลาเรียน 6 ชวั่ โมง แนวคิด ภูมิศาสตร์กายภาพ คือวิชาทีเ่ กีย่ วข้องกบั ลักษณะการเปลย่ี นแปลงของสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพ (Physical Environment) ทอ่ี ยูร่ อบตัวมนุษยท์ ง้ั สว่ นทีเ่ ป็นธรณีภาค อุทกภาค บรรยากาศภาค และชวี ภาค ตลอดจน ความสมั พันธ์ทางพื้นที่ (spatial Relation) ของ สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพตา่ งๆ ดังกลา่ วข้างต้น การศกึ ษาภูมศิ าสตร์ทางกายภาพทวีปเอเชีย ทําให้สามารถวิเคราะหเ์ หตผุ ลประกอบกับการ สังเกตพิจารณาสิง่ ทผ่ี ันแปรเปล่ยี นแปลงในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของทวีปเอเชียไดเ้ ป็นอยา่ งดี การศึกษา ภมู ิศาสตรก์ ายภาพแผนใหม่ ตอ้ งศึกษาอยา่ งมีเหตผุ ล โดยอาศยั หลกั เกณฑ์ทางภมู ิศาสตร์ หรือ หลกั เกณฑส์ ถติ ซิ ่ึงเป็นข้อเทจ็ จริงจากวชิ าใน แขนงทเี่ ก่ียวข้องกันมาพจิ ารณาโดยรอบคอบ ตวั ชี้วดั มคี วามรู้ ความเข้าใจ ลกั ษณะภมู ศิ าสตร์กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย เนอ้ื หา 1. ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชยี - ทต่ี ้งั อาณาเขตของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชยี ขนั้ ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขัน้ ตอนท่ี 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทกั ทายผเู้ รียน พร้อมทัง้ แนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ผเู้ รียน จะตอ้ งเรียนรรู้ ่วมกนั ในครัง้ น้ี คอื เรอ่ื ง “ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย” และชวนคดิ ชวนคุยเก่ยี วกบั เรื่องทจี่ ะเรียนรู้เพื่อกระตุน้ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ความสนใจและมีความกระตือรือรน้ ในการ เชอื่ มโยงและสรา้ งความพร้อมทจ่ี ะเรียนรูห้ รือทำกิจกรรมการเรยี นรู้ตามแผนการจดั การเรียนรูค้ รงั้ น้ี 2. ครชู ีแ้ จงวัตถปุ ระสงค์ เน้ือหา กจิ กรรม การวดั และประเมินผลของการเรยี นรู้ในครั้งน้ี ทสี่ อดคล้อง กบั ตัวช้ีวัดตามแผนการจดั การเรียนรู้คร้งั น้ี เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นเข้าใจอยา่ งชดั เจนว่า ผ้เู รียนจะต้องเรียนรูใ้ ห้บรรลุ ตวั ชีว้ ดั ท่ีกำหนดตามแผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 1 เร่ือง “ลักษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ใน ทวปี เอเชีย” ในครง้ั นี้ ซึ่งมจี ำนวน 1 ขอ้ ดังนี้ 1. ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวปี เอเชยี - ทตี่ ้ังอาณาเขตของประเทศตา่ งๆ ในทวปี เอเชยี
75 3. ครนู ำเขา้ สบู่ ทเรียน เรอื่ ง “ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย” จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครใู ห้ผ้เู รียนศึกษาหนังสอื เรยี นรายวชิ าสงั คมศกึ ษา สค 21001 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2554) เรื่อง ลกั ษณะทางภูมศิ าสตรก์ ายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย หน้า 1 -12 พรอ้ มท้ังแนะนำแหล่งศึกษาค้นควา้ เพมิ่ เติมจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งผูเ้ รียนสามารถไปเรียนรไู้ ด้ด้วยตนเองและ ทำ กิจกรรมตามที่ไดร้ ับมอบหมายดว้ ย ทั้งนี้ ครคู วรจะช้ีแจงให้ผเู้ รยี นทราบว่าในการพบกลมุ่ ตามแผนการจดั การ เรียนรู้คร้ังนี้ ผูเ้ รียนจะตอ้ งเรียนรแู้ ละทำกจิ กรรมทส่ี อดคล้องกบั เน้ือหาท่เี รยี น โดยปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาคลปิ วิดโี อ และการแลกเปล่ียนเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกับเพื่อนในกล่มุ รวมทง้ั มีการทดสอบหลงั เรียนดว้ ย นอกจากนี้ ในการพบกล่มุ แต่ละครั้งนั้น ครูจะมอบหมายงานให้ผเู้ รียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซ่ึงวิธีการเรยี นรู้ด้วยตนเองจะต้องเกิดข้ึนในทุก ๆ ตวั ช้ีวัดและเนื้อหาท่ีกำหนด โดยผเู้ รียนจะต้องปฏิบัติ กิจกรรมที่กำหนดใหด้ ว้ ยวธิ ีเรียนรู้ออนไลน์ และศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียน ดงั นนั้ ครูจะตอ้ งเช่อื มโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะเกิดข้ึน เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อินเทอร์เน็ต และศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น 5. ครูชวนคิดชวนคุยเก่ียวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรื่องท่ีจะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสมุ่ ผ้เู รียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 3 ประเดน็ ดงั นี้ ประเด็นท่ี 1 “ทา่ นทราบหรือไมว่ า่ ทวปี เอเชีย แบง่ ออกเป็นกภี่ ูมภิ าค แนวคำตอบ ทวปี เอเชีย แบง่ ออกเป็น 5 ภมู ภิ าค โดยกำหนดช่อื เรียกตามทศิ ทางเป็นสำคัญ ดงั นี้ 1. ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉลยี งใต้ 2. ภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออก 3. ภูมิภาคเอเชียใต้ 4. ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ตกเฉลยี งใต้ 5. ภมู ิภาคเอเชยี กลาง ลักษณะภมู ปิ ระเทศในทวปี เอเชีย แบ่งเป็น 5 เขต 1. เขตเทอื กเขาและท่รี าบสงู (ตอนกลางของทวีป) 2. เขตทีร่ าบลุ่มแมน่ ้ำ 3. เขตท่รี าบตำ่ ภาคเหนือ 4. เขตทร่ี าบสูงเกา่ (ที่ราบสูงภาคใตแ้ ละภาคตะวันตกเฉลียงใต)้ 5. เขตหมู่เกาะ (หรือหมู่เกาะภาคตะวนั ออกและภาคตะวันออกเฉยี งใต้)
76 ขัน้ ตอนท่ี 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูใหผ้ ูเ้ รียนแลกเปล่ยี นเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรยี นออกเป็นกลุ่ม ๆ กลมุ่ ละ 4–8 คน ดำเนนิ กิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศกึ ษาเนื้อหา ใน หนังสอื เรียนรายวชิ าสงั คมศึกษา สค 21001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) เรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย หน้า 1 -12 ดังนี้ 1) ทต่ี ้ังอาณาเขตของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย (หนา้ 1- 5) ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสง่ ผูแ้ ทนนำเสนอต่อกลุ่มใหญใ่ น 1 ประเด็น ประเดน็ ท่ี 1 ท่ตี ้ังอาณาเขตของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชยี ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ ของตน 2. ครแู นะนำแหล่งเรยี นรู้ให้กับผเู้ รยี นเพ่ือใช้เป็นเครอ่ื งมอื ในการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง อาทิ ห้องสมดุ แหลง่ เรยี นรู้ในชมุ ชน หนว่ ยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อนิ เตอรเ์ น็ตเพอื่ การเรยี นรู้ดว้ ย ตนเอง เปน็ ต้น และให้ผเู้ รยี นเป็นรายบุคคลศึกษาเนื้อหา ใน หนงั สอื เรยี นรายวิชาสงั คมศกึ ษา สค 21001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2554) เรือ่ ง ลักษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชยี 3. ครดู ำเนนิ การทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรยี นกลุม่ ใหญ่รว่ มกนั แสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภปิ ราย และวเิ คราะหใ์ ห้ขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ในเน้ือหาหรอื ประเดน็ ทยี่ ังไมช่ ัดเจน ตามรายละเอียดที่ ผเู้ รยี นได้แลกเปลี่ยนเรยี นรรู้ ่วมกนั หากผู้เรียนกลุ่มใหญห่ รือครเู หน็ วา่ ยังไม่สมบูรณ์ มคี วามต้องการในการ เรยี นร้เู พ่ิมเตมิ ครจู ะช่วยเตมิ เตม็ ความรู้ให้กับผเู้ รียน หลังจากน้ันครูและผเู้ รียนสรปุ สง่ิ ที่ได้เรยี นรู้ในภาพรวม ทง้ั หมดแลว้ ใหผ้ ู้เรียนสรปุ สงิ่ ที่ได้เรยี นรู้ลงในสมดุ บันทกึ การเรยี นรขู้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนนิ กิจกรรมกลุ่ม ครชู ้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบรว่ มกัน ในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจตา่ ง ๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าที่ท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างทั่วถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผู้ใดผู้หนึ่ง และควรมีการจำกดั เวลาของการอภิปรายแต่ละประเด็น ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผเู้ รยี นให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรยี นร้ขู อง ผเู้ รยี น และเครือ่ งมอื ประเมินการสังเกตแบบประมาณค่า
77 4. ครเู ปิดโอกาสใหผ้ ้เู รยี นทั้งกลุม่ รว่ มกนั สนทนา เพ่ือให้ผ้เู รียนมีทักษะในการฟงั พดู คิดวิเคราะห์ การทำงานรว่ มกับผอู้ น่ื การคิดสร้างสรรค์ ความรบั ผิดชอบ และการนำความรใู้ นเน้ือหามาใช้ โดยครบู รู ณาการ เนื้อหาการเรียนรู้ มีการใชส้ ่ือเทคโนโลยีทีเ่ ป็นคลปิ วิดโี อจาก youtube และ TikTok ทีส่ ัมพันธก์ บั เน้อื หา ทง้ั น้ี ครูเชอ่ื มโยงสงิ่ ที่ไดเ้ รยี นรูต้ ามขั้นตอนท่ี 1 ในการนำความรไู้ ปส่กู ารปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ผา่ นคลิปวิดีโอ โดย ครูเปิดคลปิ วดิ ีโอ เร่อื ง “ทวปี เอเชยี ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=t5WznXE_HB4 ช่วงเวลา 12.56 นาที หลงั จากน้ัน ครดู ำเนนิ การ ดงั นี้ ครูบรรยายเน้ือหาตามใบความรู้สำหรับครู เรื่อง “ภูมิศาสตร์ทางกายภาพทวีปเอเชีย” เพื่อใช้ สำหรบั ประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง “ลกั ษณะทางภูมศิ าสตร์ทางกายภาพของประเทศตา่ งๆทวปี เอเชยี ” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้ สำหรบั ผู้เรยี น เรอื่ ง “ภมู ิศาสตร์ทางกายภาพทวปี เอเชียทวีปเอเชีย” 5. ครแู ละผู้เรยี นอภิปรายและสรุปผลการเรียนรรู้ ่วมกนั ขั้นตอนท่ี 3 การสะทอ้ นความคดิ จากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ โดยผ้เู รยี นแต่ละ กลมุ่ ศึกษาคน้ คว้าเร่ือง ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย 2. ใหผ้ ู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ปฏิบัติกิจกรรมตามใบกิจกรรม เรือ่ ง “ภูมศิ าสตรท์ างกายภาพทวีปเอเชีย” ทั้งนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ภูมิศาสตรท์ างกายภาพทวปี เอเชีย” 3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้า เรื่อง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของ ประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชยี ” ตามใบกจิ กรรมของผ้เู รยี น เรอ่ื ง “ภูมศิ าสตร์ทางกายภาพทวปี เอเชยี ” 4. ครใู ห้ผเู้ รียนสะท้อนความคดิ ในการเรยี นร้ทู ี่ได้จากการเรยี นรู้และการปฏิบัติการ จากขน้ั ตอนที่ 1 ถงึ ขน้ั ตอนท่ี 3 น้ี 5. ครูและผู้เรยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรูร้ ว่ มกัน ขนั้ ตอนท่ี 4 การติดตามแระเมนิ และแกไ้ ข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผูเ้ รียนเกี่ยวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมคั รใจจำนวน 2–3 คน ให้ตอบคำถามในประเดน็ ต่อไปน้ี ประเด็น “ท่านจะนำความรู้เรอื่ ง เรื่อง ลกั ษณะทางภูมศิ าสตรก์ ายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีป เอเชยี ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการแก้ปัญหาหรือไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตจริงได้อย่างไร” แนวคำตอบ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้เรื่อง เรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวปี เอเชยี ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จริงได้ ดงั น้ี
78 (1) ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย สามารถนำความรู้มาใช้ ประโยชน์ ในชีวิตประจำวันได้ เช่น สภาพภูมิศาสตร์ท่ีส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรไทย และประเทศตา่ งๆในทวปี เอเชยี (2) ลักษณะภูมิประเทศ สามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ลักษณะ ของแผ่นดิน ที่อาจมีลักษณะสูงๆ ต่ำๆ เป็นภูเขาท่ีราบ ที่ราบสูง แม่น้ำ หนอง บึง ซึ่งมีลักษณะภูมิประทศแต่ ละแบบ ต่างมีความสำคัญต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชากรที่อาศัยในภูมิประเทศนั้น ก่อให้เกิดอาชีพประมง และการเพาะปลูก เป็นอาชีพหลัก ส่วนบริเวณท่ีสูงหรือแถบเทือกเขา มักมีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ประกอบอาชพี ต่างๆกนั เชน่ ทำป่าไม้ ทำเหมืองแร่ หรอื เลยี้ งสตั ว์ (3) ลักษณะภูมิอากาศ สามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อสภาพดินฟ้าอากาศของลมประจำฤดูที่พัดผ่าน ความใกล้ไกลทะเล มีกระแสน้ำอุ่นและเย็นเลียบ ชายฝ่งั อิทธิ 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เร่ือง การ สรุปผลการเรียนรู้ “เรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย” เพ่ือเป็นการสรุป ภาพรวมของกจิ กรรมการเรยี นรู้ ซงึ่ จะทำใหผ้ ้เู รียนเกดิ ความเข้าใจในกจิ กรรมการเรยี นร้มู ากยิง่ ขน้ึ 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง “เร่ือง ลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศ ตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย” จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ ภาพรวมสง่ิ ที่ไดเ้ รยี นร้รู ว่ มกนั นอกจากนี้ ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินข้ันตอนที่ 3 ครูการมอบหมายงานให้เรียนรู้ ด้วยตนเอง รายละเอียดดงั นี้ การมอบหมายงานใหเ้ รียนรู้ด้วยตนเอง 1. ครูชแี้ จงให้ผูเ้ รียนทราบว่า ในการพบกลมุ่ แต่ละครั้งผ้เู รียนจะไดร้ บั มอบหมายงานให้ไปเรียนรดู้ ้วย วธิ เี รยี นรู้ดว้ ยตนเองในลักษณะทคี่ รจู ะมอบหมายงานให้ผูเ้ รียนไปศกึ ษา “หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศกึ ษา สค 21001 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2554) เร่ือง ลกั ษณะทางภมู ิศาสตรก์ ายภาพของ ประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชีย” หนา้ 1-12 ท้งั ภาคทฤษฎแี ละปฏบิ ัติ โดยใหศ้ กึ ษาเนื้อหาและปฏิบตั ิกจิ กรรม ท้ายเร่อื ง รายละเอยี ดของเน้ือหา แบ่งออกเปน็ 2 ส่วน ดังนี้ สว่ นท่ี 1 เน้อื หาการเรียนรูต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งน้ี ส่วนที่ 2 เนื้อหาการเรียนรู้เพิ่มเติมในหนงั สือเรียนเรยี นดังกลา่ ว 2. ครูมอบหมายงานใหผ้ ้เู รยี นเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรยี นรายวิชาสังคมศึกษา สค 21001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2554) เร่ือง ลกั ษณะทางภูมิศาสตรก์ ายภาพของ ประเทศตา่ งๆ ในทวีปเอเชยี ” รายละเอียดของกิจกรรมที่ผเู้ รยี นจะต้องปฏบิ ัติ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ดงั นี้ ส่วนท่ี 1 เนอื้ หาการเรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรูค้ รง้ั นี้ ไดแ้ ก่
79 ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศตา่ งๆ ในทวปี เอเชยี ”(หนงั สือเรียน หน้า 1-13) (กจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งในหนังสอื เรยี น 33) ส่วนท่ี 2 มอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงเนื้อหาการเรียนรู้เพิ่มเติมใน “หนังสือเรียน รายวิชาสงั คมศึกษา สค 21001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2554)” ไดแ้ ก่ 1) หลกั การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิศาสตรก์ ายภาพ (หนงั สือเรยี น หน้า 13-20) (กิจกรรมทา้ ยเรือ่ งในหนงั สอื เรียน 33) 2 เครอ่ื งมอื ทางภมู ิศาสตร์ (หนงั สอื เรียน หน้า 21- 29) (กจิ กรรมทา้ ยเรื่องในหนังสือเรียน 35-36) 3) ทรัพยากรธรรมชาติของทวปี เอเชยี (หนังสอื เรียน หน้า 30-32) (กิจกรรมทา้ ยเรื่องในหนังสือเรียน 34) 4. สภาพภมู ิศาสตรก์ ายภาพของไทยที่ส่งผลตอ่ ทรพั ยากรต่าง ๆ และส่งิ แวดลอ้ มตา่ งๆ (หนงั สือเรียน หนา้ 153-158) (กิจกรรมทา้ ยเรอ่ื งในหนังสอื เรยี น 159) 5. ความสำคญั ในการดำรงชีวติ ให้สอดคล้องกับสภาพทรพั ยากรในประเทศไทย (หนังสือเรยี น หน้า 160-170) (กิจกรรมทา้ ยเร่ืองในหนังสอื เรียน 171-172) หลังจากนนั้ ครูและผู้เรยี นมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้รว่ มกนั ผา่ น ทางสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ต่อไป หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองนั้น อาจมีความแตกต่างกันบ้างในขั้นตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีที่ผู้เรียนมี พ้ืนฐานน้อยหรอื ไม่มีพื้นฐานมากอ่ นก็ควรจัดการเรียนรพู้ ้ืนฐานท่ีจำเป็นและพอเพียงกับผู้เรียน หลังจากน้ันให้ ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพื้น ความรมู้ ากอ่ นแลว้ ใหค้ ิดหัวขอ้ ทีส่ นใจจะทำและใหล้ งมอื ปฏบิ ัตไิ ด้ ส่ือ วัสดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. นำเข้าสบู่ ทเรยี น เรื่อง “ภูมิศาสตรท์ างกายภาพทวีปเอเชียทวปี เอเชีย” 2. ใบความรู้สำหรับผ้เู รยี น เร่ือง “ภูมศิ าสตร์ทางกายภาพทวีปเอเชยี ทวปี เอเชยี ” 3. คลิปวดิ โี อ เร่อื ง “ทวปี เอเชยี ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=t5WznXE_HB4 ช่วงเวลา 12.56 นาที 4. คลปิ วิดโี อ เร่อื ง “เขตภมู ิอากาศและพืชพรรณธรรมชาติของทวปี เอเชยี ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=nEmPE644Y2w ช่วงเวลา 9.11 นาที 5. ใบความรู้สำหรบั ครู เร่อื ง “ภูมิศาสตรท์ างกายภาพทวปี เอเชยี ทวปี เอเชยี ” 6. ใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เร่ือง “ภมู ศิ าสตรท์ างกายภาพทวีปเอเชียทวปี เอเชยี ”
80 7. ใบกิจกรรมของผ้เู รยี น เร่ือง “ภมู ิศาสตรท์ างกายภาพทวีปเอเชยี ทวีปเอเชีย” 8. PowerPoint สำหรับครู เรอื่ ง การสรปุ ผลการเรยี นรู้ “เมอ่ื สารเปลย่ี นแปลง สถานะจึงเปลี่ยนไป” 9. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรบั ครู เรื่อง การสรุปผลการเรยี นรู้ “ภมู ศิ าสตร์ทางกายภาพ ทวีปเอเชยี ทวีปเอเชีย” 10. แบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง “ภูมศิ าสตร์ทางกายภาพทวปี เอเชียทวีปเอเชีย” 11. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรบั ผ้เู รยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง“ภมู ิศาสตรท์ างกายภาพทวีปเอเชยี ทวีปเอเชยี ” การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นร่วม ความต้งั ใจ และความสนใจของผเู้ รียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลังเรียน 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรค์นวตั กรรมและส่ิงทต่ี อ้ งการพฒั นา/ชน้ิ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพึงพอใจของผู้เรียน
81 รายละเอยี ดสอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. ครนู ำเข้าส่บู ทเรียน เร่อื ง “ภูมิศาสตรท์ างกายภาพทวปี เอเชียทวีปเอเชยี ” 2. ใบความรู้สำหรับผู้เรียน เร่ือง “ภมู ิศาสตร์ทางกายภาพทวีปเอเชยี ทวีปเอเชยี ” 3. คลปิ วิดโี อ เรอ่ื ง “ทวปี เอเชีย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=t5WznXE_HB4 ช่วงเวลา 12.56 นาที 4. คลปิ วิดีโอ เรื่อง “เขตภมู ิอาการและพชื พรรณธรรมชาตขิ องทวีปเอเชีย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=nEmPE644Y2w ชว่ งเวลา 9.11 นาที 5. ใบความรู้สำหรบั ครู เรือ่ ง “ภมู ศิ าสตรท์ างกายภาพทวปี เอเชียทวีปเอเชีย” 6. ใบกจิ กรรมสำหรับครู เรื่อง “ภูมิศาสตร์ทางกายภาพทวีปเอเชียทวปี เอเชีย” 7. ใบกิจกรรมของผูเ้ รียน เรื่อง “ภูมศิ าสตรท์ างกายภาพทวปี เอเชยี ทวีปเอเชีย” 8. PowerPoint สำหรับครู เรอื่ ง การสรปุ ผลการเรียนรู้ “เมอื่ สารเปลยี่ นแปลง สถานะจึงเปลยี่ นไป” 9. บทสรุปประกอบ PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรุปผลการเรยี นรู้ “ภมู ศิ าสตรท์ างกายภาพ ทวีปเอเชียทวปี เอเชยี ” 10. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง “ภมู ศิ าสตร์ทางกายภาพทวปี เอเชยี ทวีปเอเชยี ”
82 ใบความรู้ คร้งั ที่ 5 เรื่อง ภูมิศาสตร์ทางกายภาพทวปี เอเชียทวปี เอเชีย เอเชีย (Asia) มาจากคำว่า อาซู (Asu) ในภาษาอัสซีเรียน แปลว่า ดินแดนแห่งดวงตะวันข้ึน (ตะวนั ออก) ใช้เรียกดินแดนท่ีอยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรอัสซีเรียนมาต้ังแต่สมัยกรีกและโรมัน เอเชียได้ ช่ือว่าเป็นทวีปแห่งความแตกต่างหรือทวีปแห่งความตรงข้าม (a continent of contrast) หรือ ทวีปแห่ง ความเป็น ท่ีสุด (a continent of extremes) มียอดเขาเอเวอเรสต์ในเทือกเขาหิมาลัยสูงท่ีสุดใน โลก สูง 8,848 เมตร (2,928 ฟุต) มพี ้นื แผน่ ดินท่ีต่ำทสี่ ุดคอื ทะเลเดดซี อยตู่ ำ่ กวา่ ระดับนำ้ ทะเล 400 เมตร (1,312 ฟุต) และเหวทะเลมาเรียนาซ่ึงลึกท่ีสุดในโลก มีอากาศหนาวเย็นที่สุด ได้แก่ตอนเหนือของไซบีเรีย มี อากาศร้อนและแห้งแล้งที่สุดจนเป็นทะเลทรายที่เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และมีฝนตกชุกท่ีสุดในแคว้นอัสสัม ของอินเดีย นอกจากน้ียังเป็นทวีปท่ีมีประชากรมากที่สุดในโลก และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตชนบท และมี ความหนาแน่นมากกว่าทุกทวีป ขณะที่เขตทะเลทรายในเขตเอเชียแทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย ความเป็นอยู่ ของประชากรก็มีความแตกต่างกันมากตงั้ แตฐ่ านะดีจนถงึ ยากจนแร้นแค้น เอเชียจึงได้ช่ือว่าเป็นทวีปแห่งความ แตกตา่ ง
83 ท่ีตง้ั และอาณาเขตของทวปี เอเชีย ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติก ในทะเลาคารา ทะเลลัฟเตฟ และทะเลไซบีเรียตะวันออก จุดเหนือสุดคือแหลมชิลยูสกิน ประเทศสหพนั ธรัฐรัสเซีย ที่ละตดิ จูด 77 องศา 45 ลิปดาเหนอื มีเกาะขนาด ใหญ่ทางตอนเหนอื ไดแ้ ก่ เกาะเซเวอรน์ ายาเซมลีอา หมูเ่ กาะนิวไซบีเรีย และเกาะแรงเจล ทิศตะวันออก ติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิค ในเขตทะเลเบริง ทะเลโอคอต ทะเลญี่ปุ่น ทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ โดยมีคาบสมุทรเบรอง คาบสมุทรคามชัตกา และคาบสมุทรเกาหลี เป็น ส่วนของแผ่นดินด้านนี้จุดตะวันออกสุดอยู่ที่ อีสต์เคป ประเทศรัสเซีย ที่ลองติจูด 169 องศา 40 ลิปดา ตะวันตก เกาะใหญ่ได้แก่ เกาะแซคาลิน เกาะฮอนชู เกาะฮอกไกโด และเกาะชิโกกุ เกาะคิวชู เกาะไต้หวั น และเกาะลูซอน ละตจิ ดู ท่ี 1 องศา 16 ลิปดาเหนือ - 37 องศา 41 ลิปดาเหนอื ทิศใต้ ตดิ ตอ่ กบั มหาสมุทรอินเดยี น่านนำ้ ทางตอนใต้ ไดแ้ ก่ อา่ วเบงกอล ทะเลอาหรับ อา่ วเปอร์เซีย และอ่าวเอเดน จุดใต้สุดของภาคพื้นทวีปอยู่ท่ี แหลมปิไอ ประเทศมาเลเซีย ท่ีละติจูด 1 องศา 15 ลิปดา ซ่ึง อยู่ห่างเส้นศูนย์สูตรประมาณ 150 ก.ม. เกาะใหญ่ทางทิศใต้ของทวีปเอเชียได้แก่ เกาะลังกา เกาะบอร์เนียว เกาะสมุ าตรา เกาะชวา ซึ่งเปน็ เกาะทีอ่ ยูใ่ ต้สุด บริเวณละติจูดท่ี 8 องศาใต้ ทิศตะวนั ตก ติดต่อกับทะเลแดง คลองสเุ อช ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น ทะเลดำ เทือกเขาคอเคซสั ทะเล แคสเปียน และเทือกเขาอรู าล จดุ ตะวันตกสดุ อยู่ที่ แหลมบาบา ประเทศตรุ กี ทล่ี องตจิ ูด 26 องศา 40 ลิปดาตะวนั ออก เกาะใหญ่ ได้แก่ เกาะไซปรสั ขนาด รูปร่าง เอเชียเป็นทวีปท่ีใหญ่ที่สุดมีเนื้อท่ีประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นแผ่นดินผิวโลกท้ังหมด มีเน้ือท่ี ประมาณ 44,391,132 ตร.ก.ม.(17,139,455 ตร.ไมล์) หรือ 30 %ของโลก มีขนาดใหญ่กว่าทวปี ออสเตรเลียซึ่ง
84 เป็นทวีปที่เล็กท่ีสุดประมาณ 5เท่า แต่มปี ระชากรมากกวา่ ถึง 120 เท่า มีความกว้างจากตะวันออกไปตะวันตก ยาว 9,600 ก.ม. ระยะทางจากเหนอื สุดถงึ ใต้สุดของทวปี ประมาณ 6,500 ก.ม. โครงสรา้ งทางธรณวี ิทยา 1) เขตหนิ เกา่ มี 3 บรเิ วณคือ 1. ที่ราบสูงภาคเหนือในเขตสหภาพโซเวียต(เดิม) 2. บรเิ วณทีร่ าบสงู อาหรับในซาอุดิอาระเบยี 3. บรเิ วณที่ราบสูงเดคคานในอินเดีย 2.) เขตหินใหม่ เรมิ่ จากแนวเทือกเขาในประเทศตรุ กี ผ่านเอเชียใต้ เอเชยี ตะวันออก และเอเชีย ตะวันออก เฉยี งใต้ ซ่งึ ประกอบด้วยทีร่ าบสงู เทือกเขา และหมเู่ กาะต่างๆ เขตนี้พ้นื โลกมีความอ่อนตัวมากจึง มี ภเู ขาไฟ และแผ่นดนิ ไหวเสมอ ทวีปเอเชยี แบ่งออกเป็น 5 ภมู ภิ าค ไดแ้ ก่
85 1. เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ 2. เอเชยี ใต้ 3. เอเชียตะวันออก 4. เอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใต้ 5. เอเชียกลาง ลกั ษณะภมู ิประเทศของทวปี เอเชีย ลกั ษณะภูมิประเทศของทวปี เอเชยี ลกั ษณะภมู ิประเทศ แบง่ ออกเปน็ 6 เขต คอื 1. เขตท่รี าบต่ำทางเหนือ คือบรเิ วณตอนบนของทวีปซึง่ อยใู่ นเขตสหภาพโซเวยี ต(เดมิ )ในเขตไซบีเรยี ส่วนใหญเ่ ปน็ เขตโครงสรา้ งหินเกา่ ท่ีเรียกว่า แองการาชีลด์มลี กั ษณะภูมปิ ระเทศเปน็ ท่รี าบขนาดใหญ่ มีแมน่ ้ำ ออ็ บ แม่น้ำเยนิเซ และแม่นำ้ ลนี าไหลผา่ น บริเวณมอี าณาเขตกว้างขวางมากไม่ค่อยมผี ูค้ นอาศยั อยูเ่ พราะ อากาศหนาวเยน็ มาก 2. เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ ได้แก่ดินแดนแถบล่มุ แมน่ ้ำตา่ งๆซงึ่ มลี กั ษณะภมู ิประเทศเป็นท่ีราบและมักมดี นิ อุดมสมบรู ณเ์ หมาะแก่การเพาะปลกู ได้แก่ - ในเอเชยี ตะวนั ออกได้แก่ทร่ี าบลุ่มแมน่ ้ำฮวงโห ท่ีราบลมุ่ แม่นำ้ แยงซีเกียงในประเทศจีน - ในเอเชยี ใต้ ได้แก่ ทร่ี าบลุ่มแม่น้ำสินธใุ นประเทศปากสี ถาน ทร่ี าบล่มุ แมน่ ำ้ คงคาในประเทศ อินเดีย และทร่ี าบลมุ่ แมน่ ้ำพรหมบตุ ร ในบงั คลาเทศ - เอเชียตะวันตกเฉยี งใต้ ได้แกท่ รี่ าบลุม่ แม่น้ำไทกรสี ท่รี าบลุ่มแม่น้ำยูเฟรตสี ในประเทศอิรกั
86 - เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ทีร่ าบลุ่มแมน่ ้ำโขงตอนล่าง ในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม ทรี่ าบลมุ่ แมน่ ้ำแดงในประเทศเวียดนาม ท่ีราบลุ่มแมน่ ้ำเจา้ พระยาในประเทศไทยท่ีราบลุ่มแม่นำ้ สาละวนิ ตอน ลา่ งทีร่ าบลุ่มแม่น้ำ อริ ะวดี ในประเทศพมา่ 3. เขตเทอื กเขาสงู เป็นเขตหินใหม่ ตอนกลางประกอบดว้ ยท่รี าบสงู และเทอื กเขามากมายส่วนใหญ่ เป็นเทอื กเขาทแี่ ยกตวั ไปจากจดุ รวมเทอื กเขาท่เี รยี กวา่ “ปามรี ์นอต(Pamir Knot)”หรือภาษาพื้นเมืองเรยี กว่า “ปามีร์ดุนยา (PamirDunya) แปลว่า หลงั คาโลก” จุดรวมเทือกเขาปาร์มนี อต อาจแยกได้ดังนี้ เทือกเขาท่ี แยกไปทางทิศตะวนั ออก ได้แก่ เทือกเขาหิมาลยั เทือกเขาอาระกนั โยมา และเทือกเขาท่มี ีแนวตอ่ ลงมาทางใต้ มีบางส่วนท่ีจมหายไปในทะเลและบางส่วนโผล่พ้นข้ึนมาเป็นเกาะในมหาสมทุ ร อินเดยี และมหาสมุทรแปซฟิ ิค ถัดจากเทือกเขาหมิ าลัยไปทางเหนอื มีเทือกเขาที่แยกไปทางตะวนั ออก ได้แก่เทือกเขาคุนลนุ เทือกเขานาน ชาน และแนวที่แยกไปทางตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ได้แก่ เทือกเขาเทียนชานเทือกเขาคินแกน เทือกเขายาโบ ลนอย เทือกเขาสตาโนวอยและเทอื กเขาโกลีมา เทือกเขาทีแ่ ยกไปทางทิศตะวนั ตก แยกเป็นแนวเหนือและ แนวใต้ ได้แก่เทือกเขาฮินดูกูช เทือกเขาเอลบูรซ สว่ นแนวทศิ ใต้ ได้แก่ เทือกเขาสุไลมานเทือกเขาซากรอส เม่ือ เทือกเขา2แนวนม้ี าบรรจบกันทอี่ ารเ์ มเนยี นนอตแลว้ ยงั แยกออกเปน็ อกี 2แนว ในเขตประเทศตุรกี คือแนวเป็น เทอื กเขาปอนตกิ และแนวใตเ้ ป็นเทือกเขาเตารสั 4. เขตทีร่ าบสูงตอนกลางทวปี เป็นทรี่ าบสงู ในเขตหนิ ใหม่ ไดแ้ ก่ ทรี่ าบสูงทิเบตซง่ึ มีขนาดใหญ่และสูง ทสี่ ดุ ในโลกทีร่ าบสูงยูนาน ทางใตข้ องจนี และทีร่ าบสูงทีม่ ีลักษณะเหมือนแอ่งคือ ทีร่ าบสูงตากลามากัน (Takla Makan)ซงึ่ อยรู่ ะหว่างเทอื กเขาเทยี นชาน กบั เทือกเขาคนุ ลนุ แต่อยู่สงู จากระดบั น้ำทะเลมาก และมี อากาศแห้งแล้งเป็นเขตทะเลทราย 5. เขตท่ีราบสูงทางตอนใตแ้ ละตะวันตกเฉียงใต้ ได้แกท่ ี่ราบสงู ขนาดใหญ่ทางตอนใตข้ องทวีปเอเชียมี ความสงู น้อยกว่าทรี่ าบสงู ทางตอนกลางของทวปี ไดแ้ ก่ ท่รี าบสงู เดคคานในอินเดยี ท่รี าบสงู อหิ ร่านในอิหร่าน และอัฟกานิสถาน ทีร่ าบสูงอนาโตเลยี ในตุรกที ี่ราบสงู อาหรบั ในซาอุดิอาระเบยี 6. เขตหมเู่ กาะภเู ขาไฟเป็นเขตหนิ ใหม่ คอื บรเิ วณหมู่เกาะอนั เป็นท่ีตงั้ ของภูเขาไฟทั้งทีด่ ับแล้วและที่ ยังคกุ รุ่นอยูใ่ นเอเชียตะวันออกและเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ปจั จัยท่ีมีอิทธิพลต่อลกั ษณะภูมิอากาศ 1. ท่ตี ั้ง
87 ทวีปเอเชียเปน็ ดินแดนที่ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ คือ จากเขตศูนย์สูตรถงึ ข้วั โลก ทำใหท้ วปี เอเชียมีลักษณะภูมิอากาศทุกชนดิ ต้ังแต่เขตร้อนถึงเขตหนาวเย็นแบบข้ัวโลก 2. ขนาด เอเชยี เปน็ ทวีปที่มขี นาดกว้างใหญม่ าก โดยมีเสน้ ศนู ยส์ ตู รเส้นทรอปิคออฟแคนเซอรแ์ ละเสน้ อาร์กติกเซอรเ์ คลิ ลากผา่ นลักษณะเชน่ นี้แสดงว่าทวีปเอเชียมีทงั้ อากาศร้อน อบอุ่น หนาว
88 1. ความใกล้ -ไกลทะเล ทวีปเอเชยี มีดนิ แดนบางส่วนที่อยตู่ ิดทะเลทำให้ไดร้ บั ความชมุ ช้ืนจากทะเล บางส่วนที่หา่ งไกลทะเล อทิ ธพิ ลพ้นื นำ้ ไม่สามารถเขา้ ถึงภายในทวีปได้อยา่ งท่ัวถึง ภายในทวีปจึงมอี ากาศรุนแรง คือ อากาศรอ้ นจดั และฤดหู นาว หนาวจดั ในขณะท่ีชายทะเลมอี ากาศในตอนกลางวนั และกลางคืน และระหวา่ ง ฤดกู าลแตกตา่ งกนั ไม่มากนกั 2. ความสงู ตำ่ ของพืน้ ที่ เอเชียมภี มู ปิ ระเทศสูงตำ่ ตา่ งกันอยา่ งมาก ทำให้ลักษณะอากาศต่างกนั ท้ังที่อยู่ในละติจูดเดียวกัน เชน่ เขตที่ราบเมืองเดลี ต้ังอยู่ละติจูดที่ 28 องศาเหนือ ไมเ่ คยมีหมิ ะเลย แต่ที่ ยอดเขาวัดกากีรี ซึ่งสูง8,172 เมตร (26,810 ฟุต) และยอดเขาหมิ าลยั ซงึ่ อยใู่ นละตจิ ดู เดียวกันกลบั มหี มิ ะและน้ำแขง็ ปกคลมุ ตลอดปี
89 แบบทดสอบ ครั้งที่ 5 เรื่อง ลักษณะทางภูมศิ าสตร์กายภาพของประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย คำสัง่ จงทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) หน้าข้อทถ่ี ูกต้องทสี่ ุด เพยี งข้อเดียว 1. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของทวีปเอเชียในข้อใดเปน็ ปจั จยั ทีส่ ่งผลให้มปี ระชากรอาศยั อยู่อย่างหนาแนน่ ก. เปน็ ท่งุ หญา้ ขนาดใหญ่ ข. เป็นแนวเทอื กเขาสงู ค. เป็นท่รี าบลุ่มแมน่ ้ำ ง. เปน็ เกาะและหมเู่ กาะ 2. ทวปี เอเชียมดี ินแดนติดต่อกับทวปี ใด ก. ยุโรปและแอฟริกา ข. ยโุ รปและอเมริกาเหนือ ค. อเมริกาเหนือและแอฟริกา ง. อเมรกิ าเหนือและอเมริกาใต้ 3. ปจั จัยข้อใด ไม่สง่ ผล ต่อสภาพภูมอิ ากาศของทวปี เอเชยี ก. พายไุ ต้ฝุน่ ข. ความใกล้-ไกลทะเล ค. กระแสนำ้ ในมหาสมทุ ร ง. การพังทลายของหน้าดนิ 4. ขอ้ ใดเป็นปจั จยั ที่มอี ิทธิพลต่อลักษณะภมู ิอากาศของทวปี เอเชีย ก. ทตี่ ้งั ข. มีเทือกเขาสงู ค. มีอากาศแบบร้อนช้ืน ง. มีภมู ิอากาศแบบร้อนชนื้ 5. ประเทศไทยตง้ั อยใู่ นเขตภูมิภาคใด ก. เอเซยี ตะวนั ออก ข. เอเซยี ตะวนั ออกเฉลียงใต้ ค. เอเซยี ใต้ ง. เอเชยี กลาง
90 6. ทวปี เอเชีย แบ่งออกเป็นก่ีภูมภิ าค ก. 2 ภมู ิภาค ข. 3 ภูมภิ าค ค. 4 ภมู ิภาค ง. 5 ภมู ิภาค 7. ภูมภิ าคเอเชยี เหนอื จะหมายถึงดนิ แดนใด ก. สาธารณรัฐประชาชนจนี ข. ประเทศสหพันธรัฐรสั เซยี ค. ประเทศสหพนั ธรัฐเยอรมัน ง. ประเทศสหพนั ธรัฐเกาหลี 8. ประเทศต่อไปนี้มีแมน่ ้ำโขงไหล ผา่ น ยกเวน้ ประเทศใด ก. จนี ข. ลาว ค. เวยี ดนาม ง. มาเลเซีย 9. ภูมิอากาศแบบใดของทวปี อเมริกาใตท้ ี่คลา้ ยคลงึ กบั บรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศ ไทย ก. แบบทส่ี ูง ข. แบบเมดิเตอร์เรเนีย ค. แบบทงุ่ หญ้าสเตปป์ ง. แบบท่งุ หญ้าเขตร้อน 10. ภมู อิ ากาศแบบอบอนุ่ ช้ืนมีลักษณะอากาศเป็น อย่างไร ก. อากาศเยน็ สบายตลอดปี ข. มอี ากาศรอ้ นและฝนตกชกุ ค. ฝนตกมากในฤดูร้อนและอบอนุ่ ในฤดหู นาว ง. ฝนตกชุกในฤดูร้อนและแห้งแลง้ ในฤดูหนาว เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 1.ค 2.ก 3.ง 4.ก 5.ข 6.ง 7.ข 8.ข 9.ง 10.ค
91 บันทกึ ผลหลงั การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ครงั้ ที.่ ....... วันท.่ี ......เดือน............................พ.ศ............... ผลการใช้แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดับเนือ้ หากับความเขา้ ใจของผเู้ รียน เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสบู่ ทเรียนกับเนือ้ หาแตล่ ะหวั ขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นร้กู บั เนือ้ หาในแต่ละขอ้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตัวช้ีวัดในแตล่ ะเนอ้ื หา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
92 ผลการเรียนรู้ของผ้เู รยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรียนรู้ของครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ................................................ ผู้บันทกึ () ครู กศน.ตำบล ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นางมาลี เพง็ ด)ี ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่
93 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ชื่อโครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชื่อโรงเรยี น/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอ่ื หัวหน้าโครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมนิ ดงั นี้ 5 มพี ฤติกรรมการเรียนรู้ มากท่ีสุด 4 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ น้อยู่ 1 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ยู่ที่สดุ เกณฑ์การพจิ ารณาระดบั คุณภาพ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยลู่ ะ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ คะแนนเฉลีย่ ร้อยูล่ ะ 50 - 69 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉลยี่ ร้อยู่ละ 70 – 79 ระดบั คุณภาพ ดี คะแนนเฉล่ียรอ้ ยลู่ ะ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยร้อยลู่ ะ 90 - 100 ระดบั คณุ ภาพ ดีเยยี่ ม พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดับพฤตกิ รรม 54321 1. ความตง้ั ใจในการทำงาน 2. ความรับผิดชอบ 3. ความกระตือรือรน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานร่วมกบั ผู้อื่น 7. มีความคดิ ริเรมิ่ สร้างสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม 10. การมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปัญหาในกลุ่ม ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../.....................
94 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 6 เรือ่ ง จำนวนเตม็ และความหมายของเศษสว่ นและทศนิยม เวลาเรียน 6 ชวั่ โมง แนวคิด มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับจำนวนและการดำเนนิ การ เศษสว่ นและทศนยิ ม ตัวชีว้ ัด 1. ระบหุ รอื ยกตวั อยา่ งจำนวนเต็มบวก จำนวนเตม็ ลบ และศูนย์ 2. บอกความหมายของเศษส่วน และทศนยิ ม 3. บวก ลบ คูณ หาร เศษสว่ นและทศนิยมได้ และอธบิ ายผลทีเ่ กิดข้ึน เนือ้ หา 1. จำนวนเตม็ บวก จำนวนเตม็ ลบ และศนู ย์ 2. ความหมายของเศษสว่ นและทศนยิ ม - การบวกเศษสว่ นและทศนิยม - การลบเศษส่วนและทศนิยม - การคณู เศษสว่ นและทศนยิ ม - การหารเศษส่วนและทศนิยม ข้ันตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ข้นั ตอนที่ 1 การสร้างแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมท้ังแนะนำตนเอง และแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่งึ การจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียน จะต้องเรียนรู้ร่วมกันในคร้ังน้ี คือ เร่ือง จำนวนเต็มและความหมายของเศษส่วนและทศนิยม และชวนคิดชวน คุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเชื่อมโยงและ สร้างความพรอ้ มทจ่ี ะเรียนร้หู รือทำกจิ กรรมการเรียนร้ตู ามแผนการจัดการเรียนรคู้ ร้ังนี้ 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งนี้ ที่ สอดคลอ้ งกับตวั ช้ีวดั ตามแผนการจัดการเรยี นรูค้ รงั้ น้ี เพอ่ื ให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผเู้ รียนจะตอ้ งเรยี นรใู้ ห้ บรรลุตัวช้ีวัด ท่ีกำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง จำนวนเต็มและความหมายของเศษส่วนและ ทศนิยม ในคร้งั นี้ ซ่งึ มจี ำนวน 2 ขอ้ ดงั นี้ 1. จำนวนเตม็ บวก จำนวนเต็มลบ และศูนย์ 2. ความหมายของเศษส่วนและทศนยิ ม - การบวกเศษส่วนและทศนยิ ม
95 - การลบเศษสว่ นและทศนิยม - การคูณเศษส่วนและทศนยิ ม - การหารเศษส่วนและทศนยิ ม 3. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง จำนวนเต็มและความหมายของเศษสว่ นและทศนิยม จำนวน 5 ขอ้ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครูให้ผเู้ รียนศกึ ษาหนังสือเรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค21001 ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ (ฉบับ ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2554) เร่อื ง จำนวนและการดำเนนิ กาและเศษสว่ นและทศนิยม หนา้ 1-45 พร้อมท้ังแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำ กิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายด้วย ทั้งนี้ ครูควรจะชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการ เรยี นรู้คร้งั นี้ ผู้เรยี นจะต้องเรยี นรู้และทำกิจกรรมทีส่ อดคล้องกบั เนอื้ หาที่เรียน โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกับเพอื่ นในกลุ่ม รวมท้ังมกี ารทดสอบหลัง เรยี นด้วย นอกจากน้ี ในการพบกลุ่มแต่ละคร้ังน้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผเู้ รียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซ่ึงวธิ ีการเรียนรู้ด้วยตนเองจะตอ้ งเกิดขึ้นในทุก ๆ ตวั ช้ีวดั และเน้อื หาที่กำหนด โดยผเู้ รียนจะตอ้ งปฏิบตั ิ กจิ กรรมท่ีกำหนดให้ด้วยวิธีเรยี นรอู้ อนไลน์ และศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียน ดังนัน้ ครจู ะต้องเชื่อมโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรยี นรู้ท่ีจะเกิดข้ึน เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อนิ เทอร์เนต็ และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเร่ืองที่จะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครสู มุ่ ผเู้ รียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหต้ อบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดังน้ี ประเดน็ ท่ี 1 “สมบัตขิ องจำนวนเต็มและการนำใช้” แนวคำตอบ
96 ประเด็นท่ี 2 “การคูณ การหารเศษสว่ นและทศนิยม” แนวคำตอบ สมบัติของ จำนวนจริง คือ การนํา จำนวนจริงใด ๆ มากระทำต่อกันในลักษณะ เช่น การบวก การลบ การคูณ การหาร หรือกระทำ ด้วยลักษณะพิเศษที่กำหนดขึ้น แล้วมีผลลัพธ์ท่ี เกิดข้ึนใน ลักษณะหรือทำนองเดียวกนั สมบัตทิ ใ่ี ช้ในการบวก การลบ การคูณ และการหาร มีดงั น้ี
97 6. ครสู ร้างโจทยใ์ ห้ผเู้ รียนฝกึ แสดงวิธีทำ - การบวกเศษสว่ นและทศนิยม - การลบเศษส่วนและทศนยิ ม - การคูณเศษส่วนและทศนยิ ม - การหารเศษสว่ นและทศนยิ ม หลังจากน้ัน ครสู ุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหแ้ สดงวิธีทำ จำนวน 4 ประเดน็ ดงั นี้
98 ประเด็นที่ 1 การบวกเศษสว่ นและทศนิยม ประเด็นที่ 2 การลบเศษสว่ นและทศนยิ ม
99 ประเด็นที่ 3 การคณู เศษสว่ นและทศนิยม ประเดน็ ท่ี 4 การหารเศษสว่ นและทศนยิ ม
100 7. ครูและผูเ้ รียนอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรู้รว่ มกนั ข้นั ตอนที่ 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็น กลุ่ม ให้ศึกษานิยาม จากหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค21001 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) หน้า 18-45 เร่ือง การคูณ การหารเศษส่วนและทศนิยมท่ี กำหนดให้ ดงั นี้ กลุ่มที่ 1 สมบตั ิของการคูณ เศษส่วน กลุ่มท่ี 2 สมบัติของการหาร เศษสว่ น กลุม่ ท่ี 3 สมบตั ิของการคูณ ทศนยิ ม กลมุ่ ที่ 4 สมบตั ขิ องการหาร ทศนิยม โดยใหแ้ ต่ละกลุม่ แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ และสง่ ผแู้ ทนนำเสนอต่อกลุม่ ใหญใ่ น 2 ประเด็น ประเด็นท่ี 1 การคูณ การหารเศษสว่ นและทศนิยม ประเด็นท่ี 2 การคณู การหารเศษสว่ นและทศนยิ ม 1. ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ ของตน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395