Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ต้น 1-65

แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ต้น 1-65

Published by suckseedeua_20325, 2022-08-22 19:29:29

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ต้น 1-65

Search

Read the Text Version

301 7. คุณสมบัติของความนา่ จะเปน็ ให้ A เป็นเหตุการณ์ใด ๆ และ S เป็นแซมเปิลสเปซ โดยท่ี A  S 5. 0  P(A)  1 6. ถ้า A = 0 แล้ว P(A) = 0 7. ถา้ A = S แล้ว P(A) = 1 8. P(A) = 1 - P(A/) เม่อื A/ คือ นอกจาก A 8. คุณสมบัติของความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ให้ A และ B เป็นเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ 3. P(AB) = P(A) + P(B) - P(AB) 4. P(AB) = P(A) + P(B) เมอ่ื AB = 0 ในกรณีนีเ้ รียก A และ B ว่า เปน็ เหตุการณ์ที่ไม่เกิดรว่ มกนั (Mutually exclusive events) ตัวอยา่ ง ในการสอบคดั เลอื กเขา้ มหาวิทยาลัย โอกาสทนี่ ายชงิ ชยั จะสอบเขา้ มหาวิทยาลัยได้เท่ากับ 0.7 โอกาสที่นายขยันดีสอบเขา้ มหาวิทยาลนั ได้ เทา่ กับ 0.6 โอกาสทอ่ี ยา่ งนอ้ ย 1 คนใน 2 คนนี้ สอบเข้ามหาวทิ ยาลัยได้ เทา่ กับ 0.8 จงหาความนา่ จะเปน็ ท่ีคนทัง้ สองเขา้ มหาวทิ ยาลยั ได้ท้ังคู่ วิธีทำ ให้ A เปน็ เหตุการณ์ทนี่ ายชิงชยั สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ B เปน็ เหตุการณท์ ่นี ายขยันดีสอบเข้ามหาวิทยาลยั ได้ ส่ิงทโ่ี จทย์กำหนดให้คือ P(A) = 0.7 , P(B) = 0.6 และ P(AB) = 0.8 หมายเหตุ คำว่าอย่างน้อย 1 คนใน 2 คน คือ เหตกุ ารณ์ AB น่ันเอง P(AB) = P(A) + P(B) - P(A B) 0.8 = 0.7 + 0.6 - P(A B) P(A B) = 1.3 - 0.8 = 0.5

302 แบบทดสอบครั้งท่ี 14 เรอื่ ง ความนา่ จะเปน็ คำสัง่ จงเลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว 1. จัดแข่งขันฟุตบอลมี 4 ทีม ถ้าแข่งขันไปถ้าทีมท่ี 1 แข่งขัน 2ครั้ง แล้วชนะทีมที่ 2และ 3 ความน่าจะเป็นท่ี แข่งขันกับทมี ที่ 4 และจะชนะตรงกับข้อใด 32 ก. 4 ข. 3 1 ค. 2 ง. 1 2. มรี องเท้าอยู่ในตู้ 4 คู่ ถา้ หยบิ มาแลว้ 1 ข้าง ความนา่ จะเปน็ ท่ีจะหยบิ อีกขา้ งหนง่ึ แลว้ ได้ตรงค่กู ันคือข้อใด 11 ก. 4 ข. 8 17 ค. 7 ง. 8 3. ทอดลกู เต๋า 1 ลกู 1 ครง้ั ความนา่ จะเป็นท่จี ะไดแ้ ตม้ ค่ีเทา่ กบั ข้อใด 11 ก. 6 ข. 3 15 ค. 2 ง. 6 4. นายต๋มี ีถุงเท้า 4 คู่ คอื สีฟ้า ดำ เทา และน้ำเงนิ ถ้าหากหยิบถงุ เท้าจากกล่องโดยไม่มองข้ึนมาพร้อมกันสอง ข้างความนา่ จะเป็นทจ่ี ะไดส้ ีต่างกันตรงกับข้อใด 56 ก. 7 ข. 7 35 ค. 8 ง. 8

303 5. การแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีม A กับทีม B ต้องตัดสินโดยการยิงลูกโทษฝ่ายละ 5 คน เม่ือเตะไปได้ 4 คน ปรากฏทมี A เตะเข้า 3 ประตู แตท่ ีม B เขา้ 2 ประตู อยากทราบว่าโอกาสทมี A จะชนะเป็นเท่าใด 13 ก. 2 ข. 5 4 ค. 5 ง. 1 6. โยนเหรยี ญบาท 1 อัน 3 ครั้ง จงหาความน่าจะเปน็ ทีจ่ ะไดห้ วั อยา่ งนอ้ ย 2 คร้ัง เทา่ กบั เท่าใด ก. 1 ข. 1 84 3 ค. 8 ง. 1 2 7. ในการโยนท่เี ท่ยี งตรง 1 เหรียญ 2 ครงั้ จงหาความน่าจะเปน็ ท่ีเหรียญจะออกหวั 1 ครง้ั ก. 3 ข. 1 4 ค. 1 ง.1 42 8. ครอบครวั หนึ่งมีบุตร 5 คน เปน็ ชายล้วน โอกาสบุตรคนท่ี 6 จะเป็นชายเป็นเท่าใด ก. 1 ข. 5 26 ค. 3 ง. 2 43 9. นักเรียนคนหนง่ึ ทำข้อสอบแบบถกู ผดิ 3 ข้อ โดยวิธเี ดา จงหาความน่าจะเป็นทีเ่ ขาจะเดาถูกอยา่ งน้อย 2 ข้อ เทา่ กบั เท่าใด ก. 1 ข. 1 84 ค. 1 ง. 2 23 10. ทอดลูกเต๋า 1 ลกู 1 คร้งั ความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์ท่จี ะได้แตม้ มากกว่า 6 เปน็ เท่าใด ก. 0 ข.1 3 ค. 1 ง. 2 23 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ก 2. ข 3. ค 4. ค 5. ข 6. ง 7. ข 8. ก 9. ง 10. ก

304 บันทกึ ผลหลงั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครัง้ ท่.ี ....... วนั ท่.ี ......เดือน............................พ.ศ............... ผลการใช้แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนื้อหากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดบั เนอ้ื หากบั ความเขา้ ใจของผเู้ รยี น  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ สูบ่ ทเรียนกบั เน้ือหาแต่ละหวั ข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้กบั เนอื้ หาในแตล่ ะข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกับตวั ช้วี ัดในแต่ละเนอ้ื หา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

305 ผลการเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ................................................ ผูบ้ ันทึก () ครู กศน.ตำบล ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................. ............. ลงช่ือ .................................................. (นางมาลี เพ็งด)ี ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่

306 แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น ช่ือโครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชอื่ โรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ช่อื หัวหนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมินดังนี้ 5 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ มากทส่ี ุด 4 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มาก 3 มพี ฤติกรรมการเรียนรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อยู่ 1 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ยทู่ ่ีสดุ เกณฑก์ ารพิจารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยลู่ ะ 0 - 50 ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรุง คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยู่ละ 50 - 69 ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉลย่ี ร้อยลู่ ะ 70 – 79 ระดับคุณภาพ ดี คะแนนเฉล่ยี ร้อยู่ละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉล่ียร้อยู่ละ 90 - 100 ระดับคุณภาพ ดเี ยีย่ ม พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความตั้งใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตือรอื รน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผ้อู ่นื 7. มีความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม 10. การมีสว่ นรว่ มในการแก้ไขปญั หาในกลมุ่ ลงช่อื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../.....................

307 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 15 เรอ่ื ง การป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ (เวลาเรียน 6 ชัว่ โมง) แนวคิด อาชญากรรมออนไลน์ ความหมาย ประเภทของอาชญากรรมออนไลน์อาชญากรรมไซเบอร์(Hacker) สาเหตุของปัญหา อาชญากรรมออนไลน์และแนวทางการป้องกัน วิธีการเจาะหรือทำลายระบบคอมพิวเตอร์และการป้องกัน บทลงโทษการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และรูปแบบ การเกดิ การคุกคามทางเพศออนไลน์ (Cyber Sexual Harassment) การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์การป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ความแตกต่าง ของส่ือออนไลนท์ ่จี รงิ และปลอม และวธิ ีการปอ้ งกันการถูกหลอกจากช่องทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ กรณีศึกษา : อาชญากรรมบนโลกออนไลนศ์ กึ ษาวเิ คราะหก์ รณีศกึ ษา : อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ ตัวชว้ี ัด 1. อธิบายวิธีการป้องกัน อาชญากรรมออนไลน์ข้ันตอนใน การบริหารจัดการในระบบสารสนเทศ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และการป้องกันอาชญากรออนไลน์ ได้ 2. วิเคราะห์ความแตกตา่ งของสอ่ื ออนไลน์ทจี่ ริงและปลอมได้ 3. อธิบายวธิ กี ารปอ้ งกันตนเองจาก การถูกหลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ได้ 4. วิเคราะห์การเกิดอาชญากรรมบน โลกออนไลน์ต่าง ๆ ได้ และ ตระหนักถึงผลที่เกิดขึ้นจากการ เกดิ อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ เน้อื หา 1. การปอ้ งกันอาชญากรรม ออนไลน์ 1.1 วิธีการปอ้ งกัน อาชญากรรมออนไลน์ 1.2 ขัน้ ตอนในการ บรหิ ารจัดการในระบบ สารสนเทศอย่างมี ประสิทธภิ าพ 1.3 การป้องกนั อาชญา กรออนไลน์ 2. ความแตกต่างของสื่อ ออนไลน์ท่จี รงิ และปลอม 2.1 การรูเ้ ท่าทนั ส่ือบน โลกออนไลน์ 2.2 วิธกี ารการสังเกต ความแตกตา่ งของสอ่ื ท่ีจริง และปลอม 3. วธิ ีการป้องกนั การถกู หลอกจากชอ่ งทาง ตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์

308 3.1 วธิ ซี ้ือ-ขายผา่ น ช่องทางออนไลน์อยา่ ง ปลอดภัย 3.2 วิธกี ารทำธุรกรรม ออนไลน์อยา่ งปลอดภยั 3.3 วิธกี ารใช้อเี มลอยา่ ง ปลอดภยั 3.4 วธิ ีการจดั การ Cyber Bully 3.5 วธิ กี ารจดั การ Scammer 3.6 วธิ กี ารปอ้ งกันตนเอง จากการคุกคามทางเพศ ออนไลน์(Cyber Sexual Harassment) 4. กรณีศึกษา : อาชญากรรมบนโลก ออนไลน์ ขนั้ ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ตอนที่ 1 การสร้างแรงบันดาลใจ ( Passion : P ) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเองและแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียน จะต้องเรียนรู้ร่วมกันในคร้ังนี้ คือ เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” และชวนคิดชวน คุยเก่ยี วกับเรอื่ งท่จี ะเรยี นรู้เพอื่ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกดิ ความสนใจและมีความกระตือรอื ร้นในการเชื่อมโยงและสรา้ ง ความพร้อมท่ีจะเรยี นรหู้ รือทำกจิ กรรมการเรียนร้ตู ามแผนการจดั การเรียนรคู้ ร้ังนี้ 2. ให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน”์ โดย ใชเ้ วลา 10 นาที 3. ครูช้ีแจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งนี้ ท่ีสอดคล้อง กับตัวช้ีวัดตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังน้ี เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุ ตวั ชว้ี ัด ท่ีกำหนดตามแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์”ใน ครงั้ นี้ โดยให้นักศกึ ษาทำใบงานที่ 1 จำนวน 2 ข้อ อธิบายวธิ กี ารปอ้ งกันของอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา เรื่อง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” พร้อมทั้งแนะนำ แหล่งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต ซ่ึงผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมตามท่ี ได้รับมอบหมายด้วย ท้ังน้ีครูควรจะช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งน้ี ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษา คลปิ วิดีโอใน Youtube หรือ ส่อื ออนไลนอ์ ืน่ ๆ ขน้ั ตอนที่ 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน ดำเนินกิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศึกษาเนื้อหา เรื่อง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” โดยค้นหาจากสื่อ ออนไลน์ต่าง ๆ 1) เรอื่ งการป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เร่ืองความแตกต่างของส่ือออนไลน์ทีจ่ ริงและปลอม 3) เรอ่ื งวิธีการป้องกันการถกู หลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์

309 ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งผู้แทนนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ ร่วมกนั และใหผ้ ูเ้ รียนสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รียนร้ลู งในสมดุ บันทกึ ผลการเรียนรูข้ องตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือการเรียนรู้ด้วย ตนเอง เปน็ ตน้ 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดท่ี ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการ เรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากน้ันครูและผู้เรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ในภาพรวม ท้งั หมดแลว้ ใหผ้ เู้ รียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนร้ลู งในสมุดบันทึกการเรยี นรขู้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนนิ กิจกรรมกลุ่ม ครชู ้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบร่วมกัน ในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่างๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพ่ือปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าท่ีท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผูใ้ ดผู้หนงึ่ และควรมีการจำกดั เวลาของการอภิปรายแตล่ ะประเด็น ในระหว่างการทำกจิ กรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้โดยบันทึกล งในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผูเ้ รียน และเครอ่ื งมอื ประเมนิ การสงั เกตแบบประมาณคา่ ข้ันตอนท่ี 3 การสะท้อนความคิดจากการเรียนรู้ ( Reflection : R ) 1. ใหผ้ ูเ้ รียนแต่ละกลุ่มนำเสนอ 1) เร่อื งการป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกต่างของส่อื ออนไลน์ท่จี รงิ และปลอม 3) เรื่องวธิ กี ารป้องกนั การถูกหลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ ตามใบกจิ กรรมของผ้เู รียน 4) กรณีศกึ ษา : อาชญากรรมบนโลก ออนไลน์ 2. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทั้งกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานรว่ มกับผู้อ่นื การคิดสร้างสรรค์ ความรบั ผดิ ชอบ และการนำความรูใ้ นเนอ้ื หามาใช้ โดยครูบูรณาการ เนอื้ หาการเรียนรู้ มีการใชส้ ื่อเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวดิ ีโอจาก youtube และ TikTok ท่ีสัมพันธ์กบั เนื้อหา ท้งั น้ี ครูเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้ตามข้ันตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติและประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดย

310 ค รู เปิ ด ค ลิ ป วิ ดี โอ “เร่ื อ ง ก า ร ป้ อ ง กั น ต น เอ ง จ า ก อ า ช ญ า ก ร ร ม บ น โล ก อ อ น ไล น์ ” จ า ก https://www.youtube.com/watch?v=BfCVcCthmRc เวลา 8.33 นาที “เร่ืองความแตกต่างของส่ือ ออนไลน์ที่จริงและปลอม” https://www.youtube.com/watch?v=p-PtKBqXKZI เวลา 12.14 นาที และ “เร่ื อ ง วิ ธี ก า ร ป้ อ ง กั น ก า ร ถู ก ห ล อ ก จ า ก ช่ อ ง ท า ง ต่ า ง ๆ บ น โ ล ก อ อ น ไ ล น์ ” https://www.youtube.com/watch?v=uqUrek4C74Q เวลา 5.28 นาที หลงั จากนน้ั ครดู ำเนนิ การ ดังนี้ (1) ครูบรรยายเน้ือหาตามใบความร้สู ำหรับครู “เร่ืองการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบน โลกออนไลน์” เพ่ือใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ “เร่ืองความหมายประเภทและอาชญากรรม ออนไลน์” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้ สำหรบั ผู้เรียน “เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์” (2) ครูอธิบาย “เรื่องความแตกต่างของสื่อออนไลน์ท่ีจริงและปลอม” พร้อมท้ังให้ผู้เรียนได้ แลกเปล่ยี นเรียนรู้ โดยใหผ้ ้เู รยี นตงั้ ประเด็นขอ้ สงสัย หรือสิง่ ท่ีตอ้ งการเรียนรู้ และเช่ือมโยงสูก่ ารนำไปใชใ้ นชีวิต จริงของผ้เู รยี นตอ่ ไป (3) ครูอธิบาย “เรื่องวิธีการป้องกันการถูกหลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์” พร้อมทั้ง ให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ และเช่ือมโยงสู่การ นำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ ของผเู้ รยี นตอ่ ไป 3. ครใู ห้ผเู้ รยี นสะทอ้ นความคิดในการเรียนรทู้ ี่ไดจ้ ากการเรียนรู้ จากขน้ั ตอนที่ 1 ถงึ ขน้ั ตอนท่ี 3 นี้ ขัน้ ตอนท่ี 4 การติดตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น จำนวน 10 ขอ้ โดยใชเ้ วลา 15 นาที 1) เรอ่ื งการปอ้ งกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เร่อื งความแตกตา่ งของสื่อออนไลน์ทจ่ี ริงและปลอม 3) เร่ืองวธิ ีการปอ้ งกันการถกู หลอกจากชอ่ งทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ 2. ครแู ละผู้เรยี นสรุปภาพรวมสิ่งทีไ่ ดเ้ รียนรู้รว่ มกนั นอกจากนี้ ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินข้ันตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานให้ เรียนร้ดู ว้ ยตนเอง รายละเอียดดังน้ี การมอบหมายงานใหเ้ รยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 1. ครูชี้แจงให้ผู้เรียนทราบวา่ ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวธิ ีเรียนรู้ ด้วยตนเองในลักษณะท่ีครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษาจากสื่อต่าง ๆ “เรื่องการป้องกันตนเองจาก อาชญากรรมบนโลกออนไลน์” “เร่ืองความแตกต่างของสื่อออนไลน์ที่จริงและปลอม” “เร่ืองวิธีการป้องกันการ ถกู หลอกจากช่องทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์” หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองนน้ั อาจมีความแตกต่างกันบ้างในขัน้ ตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีที่ผู้เรียนมีพ้ืนฐาน

311 น้อยหรือไม่มพี ้นื ฐานมาก่อนก็ควรจดั การเรยี นรู้พืน้ ฐานท่ีจำเป็นและพอเพียงกบั ผู้เรียน หลงั จากนั้นให้ผเู้ รียนได้ ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหน่ึงแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อที่อยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพื้นความรู้มา กอ่ นแล้ว ให้คดิ หัวข้อท่สี นใจจะทำและให้ลงมอื ปฏบิ ัตไิ ด้ สอื่ วสั ดุอปุ กรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1) เร่ืองการปอ้ งกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรื่องความแตกต่างของส่อื ออนไลน์ทจี่ รงิ และปลอม 3) เรอื่ งวธิ ีการปอ้ งกันการถูกหลอกจากชอ่ งทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ 2. คลิปวดิ ีโอ “เรอ่ื งการป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=BfCVcCthmRc เวลา 8.33 นาที “เรอ่ื งความแตกต่างของส่ือออนไลน์ทีจ่ รงิ และปลอม” https://www.youtube.com/watch?v=p- PtKBqXKZI เวลา 12.14 นาที “เร่อื งวธิ กี ารป้องกันการถูกหลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=uqUrek4C74Q เวลา 5.28 นาที 3. ใบความรสู้ ำหรับผูเ้ รยี น 1) เรอื่ งการปอ้ งกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกตา่ งของส่ือออนไลน์ทจ่ี ริงและปลอม 3) เรอื่ งวธิ กี ารป้องกนั การถูกหลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 4. PowerPoint สำหรับครู 1) เรอ่ื งการปอ้ งกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกตา่ งของส่ือออนไลน์ทจ่ี ริงและปลอม 3) เรอ่ื งวิธีการป้องกนั การถกู หลอกจากชอ่ งทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ 5. แบบทดสอบหลังเรียน 1) เรอ่ื งการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกตา่ งของสื่อออนไลน์ทีจ่ รงิ และปลอม 3) เร่ืองวธิ กี ารปอ้ งกันการถกู หลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 6. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน

312 การวัดและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วม ความตั้งใจ และความสนใจของผูเ้ รียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน 3. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผเู้ รียน

313 ใบความรู้ เร่อื ง การป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ การปอ้ งกนั อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ การป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Preventing computer crime) จากการเรียนรู้เทคนิคการ เจาะข้อมูลของนักก่อกวนคอมพิวเตอร์ (Hacker) ทั้งหลาย องค์กรต่างๆ สามารถหาวิธีที่เหมาะสมเป็นการ ป้องกันอาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์ได้ 1. การว่าจ้างอย่างรอบคอบและระมัดระวัง (Hirecarefully) ดังที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วว่าปัญหา อาชญากรรมคอมพิวเตอรส์ ว่ นใหญม่ าจากพนักงานภายในองค์กร ดงั นน้ั ในกระบวนการจา้ งคนเข้าทำงานตอ้ งดู คนที่ซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ เป็นการยากท่ีจะสรรหาคนดังกล่าว แต่เราสามารถสอบถามดูข้อมูล อ้างอิงเก่าๆ ของเขาได้ หรือดูนิสัยส่วนตัวว่าดื่มสุรา สูบบุหร่ี และเล่นการพนันหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ประกอบกัน เขา้ จะเป็นสง่ิ บ่งช้นี สิ ยั ของคนได้ 2. ระวังพวกที่ไมพ่ อใจ (Beware of malcontents) ปัญหาหลักในการป้องกนั อาชญากรคอมพิวเตอร์ ก็คือพนักงานในองค์กรนั้นเอง พนักงานเหลา่ น้ันมีความรู้และความเชียวชาญในระบบคอมพิวเตอร์แต่ไม่พอใจ การบริหารงานของผู้บังคับบัญชาเน่ืองจากไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ บางคร้ังถูกให้ออกจากงาน และ เกิดความแค้นเคือง ทำให้มกี ารขโมย การทำลาย หรือการเปลย่ี นแปลงขอ้ มูลท่ีสำคัญภายในองค์กร 3. การแยกหน้าที่รับผิดชอบของพนักงาน (Separate employee function) ในกลุ่มคนที่ทำงาน รว่ มกันเรากำหนดและบ่งบอกว่าใครคนใดคนหน่ึงเป็นอาชญากรทางคอมพิวเตอร์นั้นคงยาก มีวิธีการใดบ้างท่ี จะแก้ปัญหาถ้าหากมีคนไม่ดีซึ่งประสงค์ร้ายต่อข้อมูลขององค์กร ได้มีหลายบริษัททีเดียวท่ีพยายามจัดรูปแบบ การทำงานของพนักงานที่คาดว่าน่าจะล่อแหล่มต่อการก่ออาชญากรรมข้อมูล เป็นต้นว่า คนท่ีมีหน้าที่จ่ายเช็ค (Check) ในองคก์ รกไ็ ม่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ปรับข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเดือน หรือแมแ้ ต่ในบางธนาคาร ก็จะกันพ้นื ทีจ่ ำเพาะบางสว่ นในเช็คไว้ให้เปน็ พื้นท่สี ำหรับเจ้าของเช็คได้ทำการเซ็นชอ่ื 4. การจำกัดการใช้งานในระบบ (Restrict system use) คนในองค์กรน่าที่จะมีสิทธิในการใช้ ทรัพยากรข้อมูลเท่าท่ีเหมาะสมกับหน้าท่ีงานของเขาเท่านั้น แต่ก็ยากท่ีจะบ่งชี้ชัดแบบน้ี องค์กรเองต้องหา ขั้นตอนวิธีใหม่ในการควบคุมข้อมูลท่ีสำคัญขององค์การ เราอาจจะไม่อนุญาตให้พนักงานมีการดึงหรือเรียกใช้ ข้อมูลเกินลักษณะงานท่ีเขาควรจะเรียนรู้ โดยซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สามารถควบคุมการใช้ข้อมูล ดังกล่าวได้ ย่ิงกว่านั้นเราควรกำหนดข้ันตอนการทำงานและลักษณะการใช้งานของข้อมูลไว้ด้วย ซึ่งต้องข้ึนอยู่ กับชนดิ ของขอ้ มูล และลักษณะเฉพาะขององคก์ รนัน้ ๆ เองด้วย 5. การป้องกันทรัพยากรข้อมูลด้วยรหัสผ่านหรือการตรวจสอบการมีสิทธิใช้งานของผู้ใช้ (Protect resources with passwords or other user authorization cheeks a password) รหัสผ่าน (Password) เป็นกลุ่มข้อมูลท่ีประกอบไปด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์อ่ืนๆ ท่ีประกอบกันเข้า และใช้สำหรับป้อย เข้าในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเราสามารถท่ีจะใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ได้อย่างถูกต้อง และจำกัดอยู่ เฉพาะกล่มุ คนที่มีรหัสผ่านเท่าน้ัน เช่น การใช้งานคอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่ (Mainframe) และการใช้งานระบบ

314 เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์นั้นจำเป็นตอ้ งใช้รหัสผ่าน เพราะระบบดังกล่าวออกแบบมาสำหรับผู้ใช้หลายๆ คน และ ใช้ในเวลาเดียวกันได้ด้วยอย่างไรก็ตามรหัสผ่านต้องได้รับการเปล่ียนอยู่เรื่อยๆ ในช่วงเวลากำหนด ท้ังนี้เพื่อ ป้องกนั และลดการลว่ งรไู้ ปถงึ ผูอ้ ่ืนให้น้อยทสี่ ุด 6. การเข้ารหัสข้อมูลโปรแกรม (Encrypt data and programs) การเข้ารหัสข้อมูลเป้นกระบวนใน การซ้อนหรอื เปลีย่ นรูปข้อมูลและโปรแกรมให้อยู่ในรปู ของรหัสชนดิ ใดชนิดหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนอืน่ ทราบวา่ ข้อมูล จริงคืออะไร ข้อมูลข่าวสารท่ีสำคัญขององค์กรจำเป็นต้องเข้ารหัสก่อนการส่งไปยังผู้รับซึ่งอาจจะจัดหา โปรแกรมการเข้ารหัสที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือจะพัฒนาขึ้นมาใหม่เองก็ได้ ในปี ค.ศ 1988 วิธีการเข้ารหัสข้อมูล ได้รับการพัฒนาข้ึนจากสำนักกำหนดมาตรฐานในสหรัฐอเมริกา และธนาคารก็ได้ใช้ในการทำธุรกิจของตนเอง และการติดตอ่ กบั กรมธนารักษด์ ว้ ย 7. การเฝ้าดูการเคล่ือนไหวของระบบข้อมูล (Monitor system transactions) ในการเฝ้าดูการ เคล่ือนไหวของระบบข้อมูลเคล่ือนไหว หรือระบบจัดทำรายการต่างๆ น้ันจะมีโปรแกรมช่วยงานด้านนี้ โดยเฉพาะโดยโปรแกรมจะคอยบนั ทกึ ว่ามีใครเข้ามาใช้ระบบบ้าง เวลาเทา่ ใด ณ ที่แหง่ ใดของขอ้ มูล และวกลับ ออกไปเวลาใดแฟ้มขอ้ มูลใดที่ดึงไปใชป้ รบั ปรงุ ขอ้ มูล เปน็ ต้นวา่ ลบ เพ่ิม เปลยี่ นแปลงอืน่ ๆ นนั้ ทำทขี่ อ้ มลู ชุดใด 8. การตรวจสอบระบบอย่างสมำ่ เสมอ (Conduct frequent audit) อาชญากรคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ จะถูกเปิดเผยและถูกจับได้โดยความบงั เอญิ บางคร้ังก็ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะจับได้ ในกรณีตัวอย่างของนาย M. Buss และ Lynn salerno ได้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในการลักลอบดึงข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตจาก สำนักงานเครดิตและใช้บัตรดังกล่าวซื้อสินค้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐฯ และในท่ีสุดถูก จบั ไดเ้ มือ่ บรุ ุษไปรษณยี ์ เกิดความสงสัยว่าทำไมถึงมีจดหมายและพัสดตุ ่างๆ 9. การให้ความรู้ผู้ร่วมงานในเรื่องระบบความปลอดภัยของข้อมูล (Educate people in security measures) พนกั งานทกุ คนควรตอ้ งรู้ระบบความปลอดภัยของขอ้ มลู ในองค์กรเปน็ อยา่ งดี ในกรณีตวั อย่างของ พนักงานไม่พอใจผู้บริหารอาจเน่ืองมาจากการที่ไม่ได้รับเลื่อนตำแหน่งหน้าท่ี หรือเร่ืองอื่นๆ พนักงานใน ลักษณะน้ีมีแนวโน้มที่จะคุกคามระบบความปลอดภัยข้อมูลขององค์กร โดยพยายามที่เข้าไปดูข้อมูลท่ีสำคัญ ขององค์กร และสอบถามข้อมูลท่ีสำคัญท่ีเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยซ่ึงไม่ใช่ภารกิจหรือหน้าท่ีของ พนกั งานคนดงั กล่าวท่จี ะต้องทำเชน่ นั้น

315 แบบทดสอบ ครง้ั ท่ี 15 สค0200037 วิชาอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ คำช้ีแจง ใหผ้ เู้ รียนเลอื กคำตอบทีถ่ ูกทส่ี ุดเพียงข้อเดียวแล้วทำเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ 1. ข้อใดคือคำทีป่ ระกอบกันแลว้ มคี วามหมายเหมือนคำว่า “ไอที” ก.ขอ้ มลู สารสนเทศ ข. เทคโนโลยี สารสนเทศ ค. การประมวลผล เทคโนโลยี ง. ข้อมูล การประมวลผล สารสนเทศ 2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ผลกระบททางด้านบวกของเทคโนโลยีสารสนเทศทีส่ ง่ ผลต่อคณุ ภาพชวี ติ ก. ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ข. ชว่ ยรกั ษาสภาพแวดลอ้ ม ค. เพ่มิ รายได้ให้แก่ประชาชน ง. สรา้ งความเสมอภาคในสงั คม 3. ขอ้ ใดคือผลกระทบทางด้านบวกจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศท่ีมีต่อสังคม ก. ลดปญั หาการละเมิดลขิ สิทธิ์ ข. ลดปญั หาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ค. ทำให้เข้าถึงข้อมูลของผอู้ ่ืนโดยไม่ต้องได้รบั อนญุ าต ง. ทำให้รบั ร้ขู ่าวสารและตดิ ต่อสื่อสารกันได้สะดวกยิ่งข้ึน 4. ไวรัสคอมพิวเตอรส์ ง่ ผลกระทบอย่างไรต่อสงั คม ก. เกิดความไม่เสมอภาค ข. เพ่มิ ปญั หาส่ิงแวดล้อม ค. เกดิ ความเสียหายแกข่ ้อมูล ง. เพ่มิ จำนวนผใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์ 5. ข้อใดไมใ่ ชร่ ปู แบบการป้องกนั ภัยคุกคาม ก. ตรวจสอบจากส่ิงท่ผี ูใ้ ช้รู้ ข. ตรวจสอบจากสิ่งท่ีผใู้ ช้มี ค. ตรวจสอบจากสิ่งท่ีเป็นส่วนหน่ึงของผู้ใช้ ง. ตรวจสอบจากส่งิ ทผ่ี ู้ใชท้ ำ

316 6. ขอ้ ใดไมใ่ ชผ่ ลกระทบทางลบของอนิ เตอร์เน็ต ก. การพฒั นาประสทิ ธภิ าพการทำงาน ข. เกิดการแลกเปลีย่ นวฒั นธรรมจากสงั คมหน่งึ ไปสู่อีกสังคมหน่งึ ค. เกิดช่องว่างระหว่างคนในสังคม ง. กอ่ ใหเ้ ปดิ ความเครยี ดของคนในสงั คม 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่มารยาทในการใช้อินเตอรเ์ นต็ ก. ไมใ่ ช้ข้อความหยาบคายในการสง่ ข้อความ ข. ไมใ่ ชภ้ าพที่ไมเ่ หมาะสม ค. ไม่ควรใช้ตัวอกั ษรตัวพิมพ์ใหญท่ ้ังหมด ง. ควรเคารพในสทิ ธิสว่ นบุคคลของผ้อู ื่น 8. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ โทษของอินเตอรเ์ น็ตถูกตอ้ ง ก. สามารถติดต่อสอื่ สารกันได้ทั่วถึง ข. สะดวกสบาย ค. แลกเปล่ียนเรยี นรู้กบั ผอู้ นื่ ได้ ง. เกดิ ปญั หาของลขิ สิทธิ์ 9. ปัญหาการหมกม่นุ ของเยาวชนท่เี ข้าไปในเว็บไซต์ เรยี กว่า ก. ค้นหาขอ้ มูล ข. เศรษฐกิจในระดบั ประเทศรุ่งเรอื ง ค. กอ่ ใหเ้ กิดการรบั วัฒนธรรม ง. เกดิ ความบนั เทงิ 10. บุคคลใดปฏบิ ตั ถิ ูกต้องเก่ียวกบั การใชอ้ นิ เตอรเ์ น็ต ก. โป้งใชอ้ นิ เตอรเ์ นต็ ขายสนิ คา้ ผิดกฎหมาย ข. กลางให้อนิ เตอรเ์ นต็ ติดตอ่ สอื่ สารกบั เพื่อน ค. นางใชอ้ ินเตอรเ์ น็ตโหลดเพลงมาขาย ง. กอ้ ยใช้อนิ เตอร์เน็ตล่อลวงบุคคลอนื่ เฉลย 1. ข 2. ข 3. ง 4. ค 5. ง 6. ก 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข

317 บนั ทกึ ผลหลงั การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ครัง้ ท่.ี ....... วันท่ี.......เดอื น............................พ.ศ............... ผลการใช้แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนื้อหากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดบั เนอ้ื หากับความเข้าใจของผ้เู รยี น  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ สูบ่ ทเรียนกบั เนอ้ื หาแต่ละหวั ขอ้  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้กับเน้ือหาในแตล่ ะขอ้  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกับตวั ชี้วดั ในแตล่ ะเนื้อหา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

318 ผลการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรียนรขู้ องครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ................................................ ผบู้ นั ทกึ () ครู กศน.ตำบล ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (นางมาลี เพ็งด)ี ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่

319 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรยี น ชอื่ โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ชอ่ื โรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอื่ หัวหน้าโครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำชี้แจง ให้ผู้ประเมินทำเคร่ืองหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมนิ ดงั น้ี 5 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มากทสี่ ดุ 4 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ นอ้ ย 1 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ น้อยที่สดุ เกณฑก์ ารพจิ ารณาระดับคุณภาพ คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ คะแนนเฉล่ียร้อยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 70 – 79 ระดับคุณภาพ ดี คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดเี ยีย่ ม พฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั พฤติกรรม 54321 1. ความตง้ั ใจในการทำงาน 2. ความรบั ผดิ ชอบ 3. ความกระตือรอื ร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่น 7. มคี วามคิดริเริม่ สร้างสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็นในกลุ่ม 10. การมีสว่ นร่วมในการแก้ไขปัญหาในกลมุ่ ลงช่ือ......................................................................ผู้ประเมิน ............../.............................../.....................

320 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 16 เรอ่ื ง การรู้เทา่ ทนั ข่าว และบทลงโทษการ นำเข้าข้อมูล อนั เปน็ เทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์ เวลาเรียน 6 ชวั่ โมง แนวคิด ในปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคขา่ วสารของผอู้ ่านได้เปล่ียนไปอยา่ งมาก เนือ่ งจากส่ือและเทคโนโลยี ได้ พัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการบริโภคข่าวสารผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือ ไลน์ มากข้ึน และในส่ือโซเชียลผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไปยังสามารถแสดงบทบาทเป็นผู้นำเสนอข่าว เองได้ โดยมีผู้อ่าน จำนวนไม่น้อยให้ความสนใจและคอยติดตาม เนื่องจากนำเสนอข่าวที่รวดเร็ว แปลกใหม่ หวือหวาและเร้า อารมณ์ ถึงแม้ว่าความรวดเร็วในการรายงานข่าวทางออนไลน์จะช่วยทำให้ผู้อ่านรับข้อมูลข่าวสารอย่ าง ทนั ทว่ งที แต่ปญั หาทเี่ กิดขนึ้ คอื ขา่ วออนไลนบ์ างส่วนไม่ไดร้ บั การกล่ันกรองคุณภาพและความถูกต้อง เน่ืองจาก เป็นส่ือท่ีเปิดกว้าง และไม่ได้ถูกจำกัดว่าเป็นข่าวนำเสนอจากส่ือมวลชนกระแสหลักแต่เพียง อย่างเดียวอีก ต่อไป นอกจากนี้ ขา่ วที่นำเสนอผ่านทางหน้านวิ ส์ฟีดของโซเชียลมเี ดียยังสามารถ ถูกส่งต่อหรอื แบ่งปันให้ผู้อื่น อา่ นตอ่ ได้ในวงกว้าง ซ่งึ ส่งผลทำให้เกดิ การแพรก่ ระจายของขา่ วสาร อยา่ งรวดเร็วและสรา้ งอิทธิพลตอ่ ความคิด ของคนในสังคมเปน็ อย่างมาก ดว้ ยเหตุนจี้ งึ เปน็ การเปิด โอกาสให้ผู้ไม่หวังดสี ร้างข่าวปลอมเข้ามาปะปนกับข่าว อน่ื ๆ บนโลกออนไลน์ จนทำให้ผอู้ า่ นหลงเชอ่ื ข่าวปลอม ข่าวลอื หรือ ขา่ วบิดเบือนเพราะไม่รเู้ ทา่ ทนั ส่อื เหล่าน้ี ตวั ชวี้ ัด 1. บอกความหมายของการรู้เทา่ ทัน ข่าวได้ 2. วิเคราะห์วัตถปุ ระสงคก์ ารสร้าง ขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 3. วิเคราะห์สาเหตุของการเช่ือข่าว ปลอม (Fake News) รูปแบบต่าง ๆ ที่ เกิดข้ึนในปัจจุบันและ คดิ สร้างสรรค์แนวทาง การป้องกัน ตนเองใหร้ เู้ ท่าทันขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 4. อธบิ ายลกั ษณะและรูปแบบของ เนอื้ หาขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 5. สามารถจัดการรับมอื กบั ขา่ ว ปลอม (Fake News) ได้ 6. อธิบายบทลงโทษ ที่เกดิ ข้ึนจากการนำเขา้ ขอ้ มลู อัน เป็นเทจ็ ในสังคมออนไลนใ์ นแตล่ ะ กรณไี ด้ 7. วิเคราะห์กรณศี กึ ษา : การรูเ้ ทา่ ทันข่าวปลอม (Fake News) ได้ 8. เขา้ ใจการรับมือกบั ขา่ วปลอม (Fake News) ที่เกิดข้ึนและตระหนกั ถงึ ปัญหาท่ี เกดิ ขึ้นในสังคม จาก ข่าวปลอม (Fake News) ที่เกิดข้นึ ในปจั จบุ นั เนื้อหา 1. การรู้เท่าทันขา่ วปลอม (Fake News) 1.1 ความหมายของการ ร้เู ท่าทันขา่ ว 1.2 วัตถุประสงค์ของการสรา้ งข่าวปลอม (Fake News)

321 1.3 สาเหตุของการเชือ่ ข่าวปลอม (Fake News) 1.4 การสรา้ งทักษะรู้เทา่ ทนั ข่าว 2. การรบั มือกับขา่ วปลอม (Fake News) 2.1 ลักษณะและรูปแบบเน้ือหาของขา่ ว ปลอม (Fake News) 2.2 การจัดการข่าวปลอม (Fake News) 3. บทลงโทษการนำเขา้ ข้อมลู อันเป็นเทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์ 3.1 การนำเข้าข้อมลู บิดเบอื นหลอกลวง 3.2 การนำเขา้ ข้อมลู อนั เปน็ ความผดิ เกี่ยวกับความมนั่ คงหรอื การกอ่ การรา้ ย 3.3 การนำเขา้ ภาพตัดต่อ 3.4 การใหค้ วามร่วมมือ ยินยอม รู้เหน็ เปน็ ใจในการนำเข้าขอ้ มูลอันเปน็ เทจ็ 3.5 การทำลายข้อมูลเทจ็ 4. กรณศี ึกษา : การรเู้ ทา่ ทัน ข่าวปลอม (Fake News) ข้ันตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบนั ดาล (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียน จะต้องเรียนรู้รว่ มกนั ในครง้ั นี้ คือ เร่ือง “การรู้เท่าทันข่าว และบทลงโทษการ นำเข้าขอ้ มูล อันเป็นเท็จใน โลก สังคม ออนไลน์” และชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะเรียนรู้เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความ กระตือรือร้นในการเช่ือมโยงและสร้างความพร้อมท่ีจะเรียนรู้หรือทำกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการ เรยี นรู้ คร้ังนี้ 2. ครูช้ีแจงวัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งนี้ ท่ีสอดคล้อง กับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังนี้ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุ ตัวชีว้ ัด ท่กี ำหนดตามแผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 3. ให้ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูให้ผู้เรียนศกึ ษา ใบความรู้ นอกจากน้ี ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งน้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซึ่งวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองจะต้องเกิดข้ึนในทุก ๆ ตัวชี้วัดและเน้ือหาที่กำหนดโดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ กิจกรรมท่ีกำหนดให้ด้วยวิธีเรียนรู้ออนไลน์ และศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียน ดังนั้น ครูจะต้องเชื่อมโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรยี นรู้ท่ีจะเกิดขึ้น เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อินเทอร์เน็ต และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน

322 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรื่องที่จะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4-5 คน ให้ยกตัวอย่างผลกระทบจากการอ่านข่าวท้ังที่เป็นผลดี และผลเสีย ข้ันตอนท่ี 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 - 5 คน ดำเนินกิจกรรมตาม ใบงานเป็นรายกลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ศึกษาใบความรู้เรื่อง “การรู้เท่าทันข่าว” กลุ่มท่ี 2 ศึกษาใบความรู้เร่ือง “บทลงโทษการ นำเข้าขอ้ มูล อนั เปน็ เท็จใน โลกสังคม ออนไลน”์ 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ด้วย ตนเอง เป็นต้น 3. ครูดำเนินการทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิด วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจนตามรายละเอียดที่ ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการ เรียนรู้เพ่ิมเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในภาพรวม ท้งั หมดแลว้ ใหผ้ ู้เรยี นสรุปสิง่ ที่ได้เรียนร้ลู งในสมุดบันทึกการเรียนร้ขู องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้แี จงบทบาทหนา้ ที่ในการทำงานใหผ้ เู้ รยี นได้มีความรับผิดชอบร่วมกันใน การทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจตา่ ง ๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพ่ือปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าท่ีที่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผใู้ ดผหู้ นึ่ง และควรมกี ารจำกดั เวลาของการอภปิ รายแต่ละประเด็น ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนคอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรยี นรู้ของ ผเู้ รยี น และเครอื่ งมือประเมินการสังเกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การคิดสรา้ งสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเน้ือหามาใชโ้ ดยครบู ูรณาการ เนื้อหาการเรียนรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโอจาก youtube ที่สัมพันธ์กับเนื้อหา ท้ังน้ีครูเชือ่ มโยงส่ิง ทไี่ ด้เรียนร้ตู ามขัน้ ตอนที่ 1 ในการนำความร้ไู ปสกู่ ารปฏิบัตแิ ละประยุกตใ์ ช้ หลงั จากนน้ั ครดู ำเนนิ การ ดงั นี้ (1) ครบู รรยายเนือ้ หาตามใบความรู้ เพื่อใชส้ ำหรบั ประกอบกจิ กรรมการเรยี นรู้

323 (2) ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัยหรือสิ่งที่ต้องการ เรียนรู้ในกระบวนการของการสาธิต และเชอ่ื มโยงส่กู ารนำไปใช้ในชวี ิตจรงิ ของผูเ้ รยี นต่อไป 5. ครูและผู้เรียนอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรู้ร่วมกนั ขน้ั ตอนท่ี 3 การสะท้อนความคิดจากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. โดยแบ่งผู้เรยี นออกเป็น 2 กลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 - 5 คน ดำเนินกจิ กรรมตามใบงานเป็นรายกล่มุ โดยกลมุ่ ท่ี 1 ศึกษาใบความรู้เรอ่ื ง “การรู้เทา่ ทันข่าว” กลุ่มท่ี 2 ศึกษาใบความรู้เร่ือง “บทลงโทษการ นำเขา้ ข้อมูล อัน เปน็ เทจ็ ใน โลกสังคม ออนไลน์” 2. ใหผ้ ูเ้ รียนแต่ละกลุ่ม ปฏิบัติกจิ กรรมตามใบงาน 3. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมกลมุ่ 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ 5. ครแู ละผเู้ รียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรูร้ ว่ มกัน ข้นั ตอนที่ 4 การการติดตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ครูและผู้เรยี นอภิปรายและสรุปผลการเรยี นรู้ 3. ให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูและผเู้ รยี นสรปุ ภาพรวมส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรูร้ ่วมกนั นอกจากน้ี ในตอนทา้ ยของการพบกลุม่ หลงั จากเสร็จสิ้นข้ันตอนที่ 3 ครูมอบหมายงานให้ผเู้ รียน เรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง สือ่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ใบความรู้สำหรบั ผู้เรยี น 3. .ใบงาน การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วม ความตงั้ ใจ และความสนใจของผู้เรียน 2. ผลการทดสอบก่อนและหลังเรียน 3. ผลการออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมและสิ่งท่ีต้องการพัฒนา/ชนิ้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพึงพอใจของผเู้ รยี น

324 ใบความรู้ ครง้ั ที่ 16 รายวชิ า สค 0200036 ร้ทู ันขา่ วและ Fake News การรเู้ ท่าทันข่าว 1. การร้เู ท่าทนั ข่าวปลอม (Fake News) สือ่ และเทคโนโลยีท่เี ปล่ยี นแปลง ในปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคขา่ วสารของผูอ้ ่านตอ้ ง เปลี่ยนไปอย่างมาก เนอ่ื งจากสอื่ และเทคโนโลยไี ด้พัฒนาอย่างรวดเรว็ มกี ารบริโภคขา่ วสารผ่านทางส่อื สังคมออนไลน์ เชน่ เฟซบกุ๊ ทวิตเตอร์ หรอื ไลน์ มากขน้ึ และในส่อื โซเชยี ลผูใ้ ชง้ านอนิ เทอร์เน็ตท่ัวไปยัง สามารถแสดงบทบาทเปน็ ผูน้ ำเสนอข่าวเองได้ โดยมีผอู้ า่ นจำนวนไมน่ อ้ ยให้ความสนใจและคอยติดตาม เน่อื งจากนำเสนอข่าวท่รี วดเร็วแปลกใหม่ หวอื หวาและเรา้ อารมณ์ ถึงแม้วา่ ความรวดเร็วในการรายงานข่าวทางออนไลน์จะช่วยทำให้ผูอ้ ่านรับข้อมลู ขา่ วสาร อยา่ งทันท่วงที แตป่ ัญหาทีเ่ กดิ ข้ึนคอื ขา่ วออนไลนบ์ างสว่ นไมไ่ ดร้ บั การกลั่นกรองคุณภาพและความถูกต้อง เน่ืองจากเปน็ สอ่ื ท่เี ปิดกวา้ ง และไม่ได้ถูกจำกดั วา่ เปน็ ข่าวนำเสนอจากสื่อมวลซนกระแสหลักแต่เพียงอย่างเดยี ว อีกต่อไป นอกจากน้ี ข่าวท่ีนำเสนอผ่านทางหน้านวิ ส์ฟิตของโซเชยี ลมเี ดียยังสามารถถูกส่งต่อหรือแบ่งปนั ให้ ผ้อู ่นื อา่ นต่อได้ในวงกว้าง ซึ่งส่งผลทำใหเ้ กดิ การแพร่กระจายของขา่ วสารอย่างรวดเร็วและสร้างอิทธิพลต่อ ความคิดของคนในสังคมเปน็ อย่างมาก ดว้ ยเหตุน้จี ึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ไมห่ วงั ดีสรา้ งข่าวปลอมเข้ามา ปะปนกบั ขา่ วอน่ื ๆ บนโลกออนไลน์ จนทำใหผ้ ูอ้ ่านหลงเชื่อขา่ วปลอม ขา่ วลือ หรือ ข่าวบดิ เบอื นเพราะไม่ รู้เทา่ ทนั สื่อเหล่านี้ พลเมอื งดจิ ิทัลจงึ ควรมีทักษะในการรู้เทา่ ทันขา่ ว มวี ิจารณญาณยกแยะได้วา่ ข่าวใดเปน็ ข่าว ปลอมมีทักษะในการวิเคราะห์และตรวจสอบ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการแสดงความคิดเห็น รู้จัก ประเมินและเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสังคมประชาธิปไตยที่ผู้คน แลกเปลย่ี นขอ้ มูลขา่ วสารและแสดงความคิดเหน็ บนข้อเท็จจรงิ และเหตผุ ล 1.1 ความหมายของการรู้เท่าทันข่าว การรูเ้ ทา่ ทันขา่ ว คอื ทักษะในการคดิ วเิ คราะหข์ า่ วสารเพอ่ื ท่จี ะตรวจสอบและประเมนิ ความน่าเช่ือถือของขา่ วสารและข้อมูล รวู้ า่ ข่าวน้ันนา่ เช่อื ถอื หรือไม่ รวู้ ่าขา่ วน้ันเขียนขนึ้ ด้วยจุดประสงคก์ าร แยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็นและการชี้นำของผู้สร้างและเขียนข่าว ไม่ใช้อคติในการรับข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างย่ิงรู้จักการตรวจสอบข่าวปลอมที่มักเผยแพร่ทางส่ีออินเทอร์เน็ต เพ่ือได้ไม่ตกเป็นเหย่ือของผู้ ไม่หวงั ดีพฤตกิ รรมการใชส้ ือ่ สงั คมออนไลน์ในการรบั รู้และเชอ่ื ข่าวสาร โดยขาดทกั ษะการรู้เท่าทันขา่ วน้นั เป็น

325 เร่อื งสำคัญท่ไี ม่สมควรจะมองขา้ มข่าวสารท่ีไม่มีความจริงหรือที่เรียกวา่ ข่าวปลอม (Fakenews) ทีเ่ ผยแพร่ทาง ส่ือสังคมออนไลน์นั้น สามารถจะส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวมได้เน่ืองจากข่าวปลอมมีการบิดเบือน ใส่ร้าย และชี้นำ จนอาจทำใหป้ ระชาชนเกดิ ความสบั สน และขดั แย้งจนอาจสง่ ผลใหเ้ กดิ ความวุ่นวายในสังคมได้ ปัจจบุ ันยังไม่มคี ำจำกดั ความทแ่ี นน่ อนของข่าวปลอม (Fake news) ผใู้ ห้คำนิยามก็ตี ตีความหมายของข่าวปลอมแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามความหมายกว้างๆ ของข่าวปลอมคือ \" ข่าวท่ี ไม่จรงิ \" เนื้อหาของขา่ วปลอมอาจมีข้อเท็จจริงเพยี งเล็กน้อยหรือเพียงบางส่วนแต่ขาดบริบทของรายละเอียด หรืออาจเป็นข่าวที่ไม่มีมูลความจริงเลย เน้ือหาของข่าวเป็นเร่ืองท่ีกุขึ้นมาหรือไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีแหล่งข่าว หรือคำพดู ที่ตรวจสอบได้ ข่าวปลอมบางประเภทก็อาจมีเนื้อข่าวทต่ี รวจสอบได้จริง แต่มีลกั ษณะการเขียนด้วย อคติ จงใจให้ร้าย หรือไมใ่ สร่ ายละเฮียดที่สำคญั ต่อเหตกุ ารณ์ลงใน เนื้อข่าวหรือนำเสนอจากมุมมองด้านเดียว บางคร้ังข่าวปลอมก็เป็นโฆษณาชวนเช่ือที่จงใจเขียนขึ้นมาเพ่ือชี้นำคนอ่าน โดยมีแรงจูงใจทางการเมือง หรือ อาจเป็นเพียงแค่ \" พาดหัว ยั่วให้คลิก \" (Clickbait) ที่เขียนล่อให้คนเข้ามาอ่านเพื่อเพิ่มยอดวิวโดยมีแรงจูงใจ ทางการเงนิ อยู่เบอ้ื งหลัง 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของการสร้างขา่ วปลอม (Fake News) ปัจจบุ นั ข่าวปลอมถูกสร้างโดยใครกไ็ ดท้ ่สี ามารถเขา้ ถึงอินเทอร์เนต็ เนื่องจากเทศโนโลยี ปัจจุบันทำให้การสร้างข่าวท่ีดูเหมือนจริงทำได้ง่ายยิ่งข้ึน ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ ทำวิดีโอ สร้างเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มท่ีดูเหมือนข่าวจริงๆ และข่าวเหล่าน้ีไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง หรือกลั่นกรอง จากกองบรรณาธิการย่ิงไปกว่านั้นความเป็นนิรนามของสื่อออนไลน์ทำให้คนเหล่าน้ีปกปิด ตัวตนท่ีแท้จริงได้ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตยังทำให้ข่าวปลอมง่ายต่อการเข้าถึง และแพร่สะพัดได้อย่าง รวดเร็วและเป็นวงกว้าง เร่ืองท่ีสำคัญไม่น้อยไปกว่าใครเป็นคนสร้างข่าว คือ แรงจูงใจของพวกเขา การ สร้างข่าวปลอมของนักสร้างข่าวเกิดจากหตุผลและแรงจูงใจได้มากมาย เช่น ความเกลียดชังคับแค้นใจ เผยแพร่อุดมการณ์ ใส่ร้ายคู่แข่ง ขายสินค้าและบรกิ ารอย่างไรก็ตาม แรงจูงใจหลักของการสร้างข่าวปลอมมี 3 อย่าง คือ 1. ลอ้ เลียนเสยี ดสี ผู้สรา้ งข่าวปลอมตอ้ งการใหเ้ กดิ ความขบชัน โดยการล้อเลียนหรอื เสียดสผี มู้ ี อำนาจ คนที่มีชอื่ เสียง หรือเหตุการณ์ปจั จุบนั เนื่องจากเปน็ การงา่ ยกวา่ ที่ทำให้ผอู้ ่านสนใจท่ีตวั บุคคล แทนที่ จะเปน็ การเสนอความเห็นหรอื อภปิ รายเร่ืองนโยบายที่ขับชอ้ น เชน่ ข่าวล้อเลียนในหนงั สอื พิมพผ์ จู้ ัดกวน 2. สร้างอทิ ธิพลต่อความคิดความเชื่อ ผู้สร้างขา่ วปลอมอาจมีอคติ หรือมีทศั นคติที่เอนเอยี งเลือกขา้ ง จึงต้องการชี้นำผู้อ่านให้คล้อยตามโดนการบิดเบือนข้อมูลเน้ือหาข่าวอาจจะเป็นการช่ืนชมบุคคลหรือฝ่ายท่ี ตนเองชอบเกนิ จริง หรือใส่รา้ ยฝ่ายตรงข้าม เช่น การพาดหัวข่าวที่ใส่ \" ความเหน็ ส่วนตัว \" ลงไปในลักษณะ ชน้ี ำผูอ้ ่าน ถึงแมเ้ นอ้ื หาของขา่ วน้ันจะมคี วามจรงิ อยู่บา้ ง 3. สร้างรายได้ ท่ีสำคัญข่าวปลอมสามารถสร้างรายไดใ้ หค้ นทำได้ ในการแช่งขนั ทางการเมืองหรอื ทาง ธุรกิจ อาจมีผู้ว่าจ้างให้คนทำข่าวปลอมเพ่ือสร้างรายได้ใส่ร้ายฝ่ายตรงขา้ มด้วยการบิดเบือนข้อมูลและเผยแพร่ ในโลกออนไลน์ ในโลกอินเทอร์เน็ต ข่าวท่ีมีคนเข้าไปอ่านมากจะทำรายได้จากโฆษณา ย่ิงคนเข้าไปอ่านข่าว

326 มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่โมษณาในหน้าน้ันจะถูกเห็น และทำให้ผู้ดูแลเว็บไชต์นั้นๆ มีรายได้ ผู้ดูแลจึงมัก ใช้พาดหัวข่าวในลักษณะคลิกเบทนบางกรณี ผู้สร้างข่าวปลอมหลอกให้ผู้อ่านชมคลิปข่าวปลอมเป็นจำนวน หลกั หม่ืน แล้วเว็บไซต์เหล่านี้ได้ควบคุมบัญชีเฟซบุ๊กของผู้หลงเข้าไป เพ่ือไปใช้ประโยชน์ทางการค้าพอกดดูคลิป ก็จะต้องลงช่ือเข้าใช้เฟซบุ๊ก พอกดอนุญาตในเฟซบุ๊ก คนสร้างเว็บปลอมนั้นก็จะใช้เฟซบุ๊กของเหย่ือเป็นบอท (หุ่นยนต์) และนำไปเปน็ ใช้เป็นสว่ นหน่ึงของกองทัพไลคข์ องเขา เพ่อื ขายไลคอ์ ีกต่อหนงึ่ 1.3 สาเหตขุ องการเชอ่ื มข่าวปลอม ( Fake News) มีเหตผุ ลมากมายท่ผี อู้ า่ นหลงเช่ือขา่ วปลอม ส่วนใหญม่ ักจะลืมตั้งคำถามที่สำคัญเมอื่ กำลัง อา่ นข่าว อกี ทง้ั ขา่ วปลอมยงั ถกู สร้างได้แนบเนยี นจนเราไม่ผิดสังเกตผู้อ่านขา่ วที่ 1. ตกหลุมพราง ผู้อา่ นมีแนวโน้มท่ีจะแชร์ข่าวปลอมที่ตรงกับความคดิ ความเชอ่ื ของตนเอง อยู่แล้วคนสร้างข่าวปลอมต้ังใจแต่แรกท่ีจะหลอกผู้อ่านข่าว พวกเขาจึงสร้างข่าวปลอมที่เร้าอารมณีตึงความ สนใจกลุ่มเป้าหมายเพ่ือให้เกิดความรู้สึกร่วมไปกับการช้ีนำของผู้สร้าง ผู้อ่านท่ีมีประสบการณ์ร่วมพร้อมที่จะ เชื่อและแชร์ต่อ โดยเฉพาะเมื่อเป็นข่าวท่ีตรงข้ามกับช่ัวตรงข้ามของตน พวกเขารู้สึกว่าต้องมีปฏิกิริยาตอบ กลับอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อประเด็นเนื้อหาท่ีข่าวนำเสนอด้วยการกดชอบ/ ไม่ชอบ ส่งต่อ แซร์ หรือแสดง ความเห็นต่อข่าวนั้น ทำใหข้ ่าวปลอมได้รับความสนใจมากขึ้น 2. ไม่สามารถแยกแยะขา่ วบนหน้าเว็บ จากที่เมอ่ื ก่อนขา่ วสารได้การเผยแพรผ่ ่านสอ่ื ดั้งเดมิ อย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ซ่ึงมีกระบวนการการคัดกรองข่าวอยู่แล้ว และผู้รับสารมักจะคุ้นเคยกับ ส่ือเหล่านเี้ ปน็ อยา่ งตึ จงึ พอจะแยกแยะได้วา่ ข่าวใดเปน็ ขา่ วปลอมหรอื ไม่ใส่ใจมากนัก แต่ในปัจจุบนั ท่ผี ูอ้ ่านข่าว ส่วนใหญ่รับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อที่ข่าวปลอมถูกทำให้กลมกล่ินกับข่าวจริง ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการจดั หนา้ หรอื การแอบอา้ งเปน็ แหลง่ ข่าว จึงทำใหผ้ ู้อ่านสบั สนและยากที่จะแยกแยะขา่ วปลอม 3. เปน็ กลไกของความเช่ือ เมือ่ มีเพอื่ นหรอื คนในครอบครัวสง่ ต่อข่าวมาให้อา่ นผ่านทางสอ่ื สังคมออนไลน์ ผู้อา่ นมกั จะไม่ตระหนักหรือใช้วิจารณญาณในการตรวจสอบข่าวน้ัน ๆ กอ่ น เพราะคิดว่าผู้ส่งคง กล่ันกรองมาเรียบร้อยแล้ว ในกรณีข่าวท่ี เขียนโดยคอลัมนิสต์จากสำนักข่าว บล็อกเกอร์ หรือผู้ดูแลแฟนเพจ รายงานข่าวในเฟซบุ๊กก็เช่นเดียวกัน หากเป็นบุคคลที่ผู้อ่านข่าวช่ืนชมและติดตาม พวกเขาก็จะพร้อมที่จะเช่ือ ข่าวที่นำเสนอมาได้อย่างง่ายดาย หากข่าวน้ันตรงกันกับความคิดความเช่ือของพวกเขา เช่น ข่าวที่นำเสนอ ผา่ นแฟนเพจ Drama Addict หรือ CSI LA 4. ข่าวปลอมเลน่ กับความรู้สึก ผสู้ ร้างข่าวปลอมฉลาดทีจ่ ะเลน่ กับความรู้สกึ ของผอู้ า่ น ด้วย การเน้นพาดหัวที่หวือหวา เนื้อข่าวท่ีเร้าอารมณ์ เช่น ความไม่ยุติธรรมในสังคม การเอาเปรยี บทางชนช้ัน ข่าวลับลวงพราง พวกเขารู้ว่าคนอ่านจะถูกกระตุ้นอารมณ์ให้มีปฏิกิริยาต่อข่าวน้ัน ๆ เช่นการกดเข้าไปอ่าน กดไลค์ แสดงความเหน็ และชว่ ยแชร์ขา่ วออกไป 5. ผ้อู า่ นมีชว่ งความสนใจสั้น อกี หน่ึงกลวธิ ีท่ีใชใ้ นการเผยแพรข่ ่าวปลอมหรือขา่ วทม่ี ี

327 คุณภาพต่ำคอื การหาผลประโยชน์จากพฤติกรรม “ นักอ่านเวลานอ้ ย ” เน่ืองจากขอ้ มูลขา่ วสารที่เราได้รับใน แต่ละวัน มีจำนวนมหาศาล ผู้คนจึงมักใช้เวลาอ่านเพียงพาดหัวข่าวหรือข้อความในย่อหน้าแรกก่อนแชร์ เร่ืองราวนั้นต่อ ผู้ประสงค์ร้ายจึงฉวยโอกาสน้ีด้วยการเขียนพาดหัวข่าวและย่อหน้าแรกที่ตรงไปตรงมาและ ประกอบด้วยข้อเท็จจริง โดยเรือ่ งราวส่วนทีเ่ หลอื เปน็ ข่าวปสอมและขอ้ มูลที่ไม่เปน็ ความจริง 1.4 การสร้างทักษะการรเู้ ทา่ ทัน ถงึ แมว้ า่ ปญั หาขา่ วปลอมจะไดร้ ับการดแู ลและจดั การจากภาคสว่ นต่าง ๆ เชน่ การใช้ วิจารณญาณในการรับข่าวสาร เปิดรับแหล่งข่าวที่สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็นลงโทษของ ภาครัฐ การกำกับดูแลกันเองของภาคอุตสาหกรรม การให้ความรู้และข้อเท็จจริงของ เมื่อผู้รับข่าวสารเท่ทัน ข่าว ก็จะทำให้ตดจำนวนภาคประชาสังคมและส่ือมวลชนท่ีเป็นมืออาชีพ การแชร์และแพร่กระและการวาง เผยแพร่เนื้อหาในส่ือสังคมออนไลน์ นโยบายการใช้งานของกระจายของข่าวปลอมได้ แต่สิ่งท่นี ่ากังวลคือความ ไม่รู้เท่าหัน เฟซบุ๊ก ประเทศไทย ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกต้ัง (กกต), หลุมพรางของผู้สร้างข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นผู้รบั ขา่ วสารเอง ควรมีทกั ษะ (ดีอี และศนู ยช์ ัวร์กอ่ นแชร์ สำนกั ข่าวไทย อสมห, ได้ให้คำแนะนำผู้ใช้งาน อินเตอร์เน็ต ในการเรยี นรูว้ ธิ สี ังเกตขา่ วปลอม ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ตรวจสอบวนั ท่ขี ่าวปลอมอาจมสี ำดับเหตุการณท์ ่ีไมส่ มเหตสุ มผลหรือมีการที่เนื้อพาถูกท่ี พมิ พ์ เพราะเรามักพบเหน็ ผคู้ นแชร์ 'ข่าว' เกา่ อยบู่ อ่ ยครง้ั บนโซเชยี ลมีเดีย 2. ตรวจสอบหลกั ฐานตรวจสอบแหลง่ ข้อมลู ของผเู้ ขียนเพื่อยืนยันว่าแหล่งขอ้ มูลน้ันถูกต้อง ข่าวทไี่ มม่ หี ลกั ฐานหรืออ้างองิ ผ้เู ช่ียวชาญที่ไมร่ ะบชุ ือ่ อาจชใ้ี ห้เหน็ วา่ ขา่ วตงั กลา่ วเปน็ ข่าว 3. สงั เกตสิ่งทีผ่ ิดปกตเิ วบ็ ไซตข์ ่าวปลอมหลายแห่งมกั สะกดคำผิดหรอื มีการจัดวางรูปแบบที่ ดูไม่เปน็ มืออาชีพ หากเหน็ ลกั ษณะเหล่านค้ี วรอา่ นข่าวอยา่ งระมดั ระวัง 4. อยา่ หลงเชอื่ หัวข้อขา่ วข่าวปลอมมักมีข้อความพาดหวั ทีส่ ะดุดตาทใี่ ช้ตัวหนาและ เครื่องหมายอัศเจรีย์ 1) หากหัวข้อข่าวฟังดูหวือหวาและไม่น่าเป็นไปได้ ข่าวนั้นก็น่าจะเป็นข่าวปลอม ข่าว ปลอมและข่าวท่ีมีคุณภาพต่ำมักมีการพาดหัวข่าวที่กระตุ้นความรู้สกึ เพ่ือให้เกิดจำนวนการคลิกมากท่ีสุดเท่าท่ี จะเปน็ ไปได้ 5. พิจารณารูปภาพข่าวปลอมมักมรี ูปภาพหรอื วีดโี อทถ่ี กู บิดเบอื น บางครง้ั รปู ภาพอาจเปน็ รูปจริงแต่ไม่เก่ียวข้องกับบริบทของเร่ืองข่าวเราสามารถคันหารูปภาพนั้นเพื่อตรวจสอบยืนยันแหล่งที่มาของ รปู ภาพได้ 6. ข่าวน้นั เปน็ มุกตลกหรือไม่บางคร้งั เราก็แยกข่าวปลอมออกจากมุกตลกหรือขา่ วเสียดสีได้ ยากตรวจสอบดูว่าเรื่องน้ันมาจากแหล่งที่มาท่ีข้ึนช่ือเร่ืองล้อเลียนและเสียดสีข่าวหรือไม่ และพิจารณาว่า รายละเอียด ตลอดจนน้ำเสยี งในการเลา่ เรอ่ื งพงั ดูเปน็ ไปเพ่อื ความสนุกสนานหรือไม่ 7. ตรวจสอบข้อมูลสนบั สนุนตรวจสอบเสมอวา่ ขอ้ มูลประกอบในบทความ สนบั สนุนเนอ้ื หา

328 หลักของเรื่องราวอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ ท้ังน้ีต้องระวังข้อมูลท่ีไม่สมบูรณ์หรือข้อมูลที่ถูกหยิบมาเพียงแค่ บางส่วนหรือออกนอกบริบทสามารถนำมาเป็นเครื่องมือเพ่ือบิดเบือนข้อเท็จจริงได้นอกจากนี้ เน้ือหาของข่าว ปลอมมักประกอบด้วยภาษาที่กระตุ้นอารมณ์และ บางคร้ังอาจเป็นภาษาที่ใช้คำรุนแรงรวมถึงใช้วิธีการเขียนที่ ผดิ หลกั ภาษาและมกี ารสะกดคำผิด 8. ตรวจสอบแหล่งข่าว ตรวจสอบให้แนใ่ จว่าเร่อื งราวน้ันเขยี นข้นึ โดยแหลง่ ข่าวทน่ี ่าเชอื่ ถอื และมีช่ือเสียงด้านการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง หากเร่ืองราวนั้นมาจากแหล่งข่าวท่ีเราไม่รู้จักให้ตรวจสอบที่ส่วน \" เก่ียวกับ \" ของเพจแหล่งข่าวน้ันเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม ตรวจสอบเน้ือหาอ่ืนๆที่ถูกนำเสนออยู่บนเว็บไซต์ แง่มุม ในการนำเสนอขา่ ว และรายละเอียดตดิ ต่ออนื่ ๆ ทปี่ รากฏบนเวบ็ ไชต์ 9. ตรวจสอบขอ้ มูลเกี่ยวกับผูเ้ ขียนศกึ ษาข้อมลู เบ้ืองตน้ เก่ยี วกับผู้เขยี นวา่ เป็นบุคคลทีน่ ่าเชอ่ื หรือมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ และเป็นบุคลากรท่ีอยู่ในแวดวงการรายงานข่าวมาเป็นระยะเวลามากน้อยอย่างไร ลองอา่ นเร่อื งราวอื่นๆ ท่ีเขียนโดยผูเ้ ขียนคนเดียวกนั 10. เปรียบเทยี บข่าวจากแหล่งอื่นๆหากไม่มแี หล่งข่าวอน่ื ที่รายงานเร่ืองเดยี วกนั ก็อาจเป็น สัญญาณบง่ ชีว้ ่าขา่ วนน้ั อาจเป็นข่าวปลอม ถ้าขา่ วนน้ั มีการรายงานจากหลายแหลง่ ขา่ วทีน่ า่ เชอ่ื ถอื ก็เปน็ ไปได้วา่ ข่าวน้นั จะเป็นขา่ วจริง 11. พิจารณาลงิ ก์อยา่ งถี่ถ้วนระวงั เว็บไชตป์ ลอมท่แี สร้งวา่ เป็นองคก์ รข่าวที่ดนู ่าเชื่อถอื ข่าวปลอมจำนวนมากเลยี นแบบรูปลักษณ์ของแหล่งขา่ วหรอื มตี วั สะกดท่ีตัดแปลงให้คลา้ ยกบั เวบ็ ไซต์ข่าวหลัก ควรไปทเ่ี วบ็ ไซตแ์ ละเปรยี บเทียบลงิ กน์ น้ั กับลิงกข์ องแหลง่ ขา่ วท่ีไดร้ ับการยอมรับและน่าเชอื่ ถอื ได้ 12. อย่าใชอ้ คตคิ นเรามีแนวโน้มท่ีจะเชื่อขอ้ มลู ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ความเชอ่ื สว่ นตัวของเรา ก่อนที่จะตัดสินว่าเร่ืองราวใดๆ “ ไม่เป็นความจริง ” ควรไตร่ตรองให้ดีว่าอคติส่วนตัวของเราไม่ได้เข้ามามี อทิ ธิพลตอ่ การพิจารณาเนอื้ หาดงั กลา่ วในขณะนั้น 13. บางเรื่องก็จงใจสรา้ งขน้ึ ให้เป็นขา่ วปลอมควรแชร์ข่าวทมี่ ่นั ใจวา่ เปน็ ขา่ วทีเ่ ชอ่ื ถอื ได้ เท่าน้ันด้วยการคิดวิเคราะห์และพิจารณาบริบทอย่างละเอียดถ่ีถ้วนการรู้จักสังเกดสิ่งผิดปกติท่ีรูปแบบข่ าว ปลอมมกั ใชจ้ ะชว่ ยให้เรารเู้ ทา่ ทันและมวี ิจารณญาณในการรบั ข่าวสาร 2. การรบั มือกับขา่ วปลอม (Fake News) ขา่ วจรงิ * มาจากแหล่งข่าวทนี่ ่าเชอื่ ถือ * พาดหัวมที ศิ ทางเดียวกบั เนือ้ ข่าว * มชี ่อื ผรู้ ับผิดชอบหรือผู้เขียนข่าว

329 ㆍ บอกวันท่ีทีล่ งข่าว ㆍURL เข้ากันไดก้ ับแหลง่ ข่าว * เมือ่ กคเข้าไปดูสงิ คอ์ ื่น ( สามารถย้อนไปท่แี หล่งขา่ วตน้ สังกัดได้ ข่าวปลอม * มาจากเว็บไซตท์ ีไ่ มค่ ุ้นชอ่ื * พาดหัวเรา้ อารมณห์ รอื ไม่ไปทางเตยี วกับเน้อื ข่าวไม่มชี อ่ื ผูเ้ ชยี นข่าว ㆍUAL ดูแปลก ๆ หรือเขา้ กนั ไม่ไดก้ ับแหล่งขา่ วอาจลงวันท่ีเกา่ ๆ หรือไม่ได้บอกเลย ไม่สามารถกล้งิ ค์ยอ้ นไปหาแหล่งขา่ วตน้ สงั กดั ได้ ทักษะการรู้เท่าทันข่าว เป็นเรื่องสำคัญที่พลเมืองดิจิทัลควรได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนเพราะว่าในยุค ข้อมูลข่าวสาร ผู้รับข่าวต้องรู้จักประเมินได้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริงแสะรู้จักวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารท่ีได้รับมา อย่างระมัดระวัง รู้จักแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น และรู้จักตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาจาก หลาย ๆ แหล่ง เพ่ือท่ีจะไดก้ ล่นั กรองข้อมูลทนี่ ่าเชอื่ ถือและหลากหลายในการประกอบการคิด ตดั สินใจ และ แสตงออกทางความคดิ เหน็ ในฐานะพลเมืองในสงั คมประชาธปิ ไตย 2.1 ลกั ษณะและรปู แบบเนือ้ หาของขา่ วปลอม (Fake News) สำหรับลกั ษณะเนอ้ื หาของขา่ วปลอมน้นั First Draft News ซ่ึงเปน็ องคก์ รที่ตัง้ ขน้ึ มาเพต่ื อ่ สู้ กับข่าวปลอม ร่วมกับโซเซียลมีเดีย และ Publisher อีกกว่า 30 ราย รวมถึง เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์,New York Times หรอื BuzzFeed ได้จดั รูปแบบเน้อื หาของข่าวปลอมไว้ 7 แบบโดยเรียงตามระดบั ความรุนแรงจากน้อย ไปหามาก ดงั น้ี เนอ้ื หาลอ้ เลยี นเสียดสี (Satire or Parody)ข่าวล้อเลียน ไม่ได้มเี จตนาในการสรา้ งควาเข้าใจ ผิดหรอื ตอ้ งการให้ผ้อู ่านหลงเช่ือ แต่ต้องการล้อเลยี น หรือทำให้ขบขัน มกั เปน็ การล้อเลียนเหตุการณ์บ้านเมือง ในปัจจุบัน หรือล้อเลียนคนมีชือ่ เสยี ง โดยมกั มีการจดั หน้าเลียนแบบหรือรูปแบบให้เหมือนขา่ วจริง จนบางครั้ง ผู้อ่านหลงเชื่อว่าเป็นข่าวจริงได้ เช่น บทความใน “ ผู้จัดกวน ” หรือในเว็บไชต์ “ ข่าวปด ” จริง ๆ ข่าว ลอ้ เลียนไมใ่ ชข่ ่าวปลอม แตก่ ารทผ่ี ู้อ่านอาจขาดความรู้ความเข้าใจ จึงทำให้ขา่ วล้อเลียนมคี ณุ ลกั ษณะถกู จัดว่า เปน็ ขา่ วปลอมได้เช่นกัน ชาวประเภทนีม้ ีระดบั ความรุนแรงนอ้ ยทีส่ ดุ เนือ้ หาไม่ตรงพาดหวั (False connection)เรยี กอกี อยา่ งว่า พาดหัว ยัว่ ให้คลกิ (Clickbait) คือ ข่าวมีการเชื่อมโยงเน้ือหาท่ีผิด พาดหัวข่าวรูปภาพ หรือคำบรรยาย ไม่ได้เช่ือมโยงกับเนื้อหาข่าวจริงๆ เป็นการโยงสองสิ่งไม่ได้เก่ียวข้องกันเลยแต่ถูกนำมากล่าวถึงในข่าวเดียวกันหรือทำให้มาเชื่อมโยงกัน โดยพาด หัวมักจะเป็นการเร้าอารณ์ตึงตูดให้คนเข้ามาอ่าน เนอื่ งจากปัจจุบัน ผู้อ่านมักจะมีช่วงความสนใจที่สั้นลงจึงทำ ให้สำนักข่าวออนไลน์ เน้นพาดหัวข่าวให้หวือหวา หรือใช้รูปท่ีไม่ใด้เกี่ยวข้องโดยตรงกับข่าวเพ่ือดึงความสนใจ ให้คนกดเขา้ มาอา่ น

330 เนื้อหาชน้ี ำ (Misleading) เปน็ ข่าวทมี่ ีเนอื้ หาข้อเท็จจริงแต่จงใจบิดเบือนเรอื่ งราวหรอื ใส่ ร้ายผู้อน่ื ให้เข้าใจผดิ โดยการชีน้ ำไปในทางใดทางหนึ่ง เปน็ การเขยี นช่าวโตยใช้อคติของผู้เขียน เชน่ ข่าวรฐั บาล ปลดล็อกกัญชาเสรีท่ีนักข่าวเจตนาช้นี ำใหค้ นอ่านเข้าใจผิดว่ารัฐบาลจะทำใหก้ ารเสพกัญชาถกู กฎหมายท้ังที่ใน ความจรงิ เป็นการเปดิ โอกาสใหส้ ามารถนำกัญซาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เน้อื หาทผี่ ดิ บรมิ ท (False Context) เปน็ ข่าวที่มีเนือ้ หาข้อมูลจรงิ แตน่ ำบรบิ ทอน่ื ที่ไม่ เก่ียวกับเนื้อหาน้ันมาเชื่อมโยงทำให้คนตีความผิด เช่น เนื้อหาของข่าวเป็นเร่ืองจริงแต่นำภาพประกอบจาก แหล่งอ่ืนมาประกอบ เช่น ข่าวกู้ภยั จับงูเหลือมเข้าบ้าน เนื้อช่าวเป็นเรื่องจริง แต่นำภาพประกอบงูอนาคอนดา จากภาพยนตรม์ าประกอบ ซ่ึงทำใหค้ นเขา้ ใจผิดวา่ งูเหลอื มทถี่ กู จบั นนั้ ตวั ใหญม่ าก เนอ้ื หาแอบอา้ ง (Impostor) คอื ขา่ วท่ีมกี ารแอบอา้ งบุคคล แหลง่ ขอ้ มูลหรอื แหลง่ ข่าวทไ่ี ม่ จริง หรืออ้างตัวเป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ข่าวปลอมประเภทน้ีมักเป็นข่าวออนไลน์ท่ีสร้างรูปแบบให้เหมือน สำนักข่าวจริง ๆ หรือแอบอ้างช่ือสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง ซึ่งทำความสับสนให้ผู้อ่านอย่างมาก เช่นแอบอ้างเป็น สำนกั ขา่ ว (NN โดยใชร้ ูปแบบและชือ่ โดเมนทีใ่ กล้เคียงกบั ของเวบ็ ไซต์ของ CNN เน้อื หาหลอกลวง (Manipulated) คอื ข่าวตดั ต่อหรอื ข่าวที่มเี นอ้ื หาข้อมูลหรือภาพข่าวจริง ๆ แต่ถูกตัดแปลงด้วยการปลอมหรือตัดต่อ เพ่ือสร้างเร่ืองหลอกลวง เช่น ภาพซอง อดีตประธานาธิบดีส หรัฐ George W. Bush อ่านนิทานกับเด็กในโรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่เขากลับถือหนังสือกลับหัว แต่ความจริงแล้วมัน เป็นภาพตดั ตอ่ ที่สร้างขน้ึ มา และในภาพจริงนน้ั เขาถอื หนงั สือ เน้อื หากขุ น้ึ มา (Fabricated ) คือข่าวท่กี เุ รือ่ งขึน้ มาทง้ั หมด เป็นข้อมูลเทจ็ 100% มเี จตนา ทจ่ี ะหลอกลวงหรือใส่รา้ ยขา่ วถูกสรา้ งขึ้นมาโดยผไู้ ม่หวังดี โดยอาจจะทำเองหรือจ่ายเงินจ้างให้ผู้อนื่ ทำเพ่ือหวัง ผลให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง เช่น การนำเสนอข่าวว่า ผู้มีชื่อเสียงบางคนได้เสียชีวิตแล้วท้ังท่ีเจ้าตัวยังมี ชีวิตอยู่ ส่วนใหญ่ข่าวกุมักมีเนื้อหาเก่ียวกับการเมือง เช่น ข่าวรัฐมนตรีด่ืมกาแฟแก้วละหมื่นสองพันบาท ข่าว ประเภทนี้มีระดบั ความรนุ แรงมากที่สดุ 2.2 การจดั การขา่ วปลอม (Fake News) ทางภาครัฐก็ได้ตระหนักถึงผลร้ายของข่าวปลอม จึงได้ออกมาตรการบังคับทางกฎหมายเพื่อลงโทษ ผู้กระทำผดิ และไดใ้ ห้ความรูค้ วามเข้าใจต้านกฎหมายเพ่ือที่จะเตอื นไมใ่ ห้ผ้ใู ช้งานอินเทอร์เนต็ ตกเป็นเหย่ือของ ผู้ไม่หวังดี เน่ืองจากการนำข้อมูลปลอม ข่าวปลอม ไม่ว่าจะเป็นการปลอมทั้งหมด หรือแค่บางส่วน หรือ ข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือแม้นแต่การแชร์ หรอื ส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จเหล่าน้ัน ล้วนมี ความผิด ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้ส่ือสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ อยู่ในสถานะผู้เผยแพร่เนื้อหาดิจิทัล จากการศึกษาพบว่าข่าวปล่อมถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ เหล่านี้เป็นอย่างมาก บ้านสมเด็จโพลรายงานวา่ ระบผุ ู้ใช้งานอนิ เทอร์เน็ตในกรุงเทพมหานครเจอขา่ วปลอมจาก สื่อเฟซบ๊กุ มากที่สดุ คือ ร้อยละ 54.2 เพอื่ ลดจำนวนการแพร่กระจายข่าวปลอม ผู้ให้บริการสอ่ื สังคมออนไลน์ จงึ ได้มีแนวปฏิบัติต่าง ๆ เพ่ือผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลท่ีมีคุณภาพ เช่น เฟซบุ๊กลดจำนวนการเข้าถึงเนื้อหาท่ีเป็น ข่าวปลอมและคลกิ เบท ทวติ เตอร์มกี ารลบทวีตทพ่ี สิ ูจนใ์ ด้ว่าเป็นฝีมือบอทรวมถึงการลบแฮคเคานท์ปลอม

331 อีกหน่งึ วธิ ีในการจัดการกับข่าวปลอมและป้องกนั ความสับสนในช้อมลู ขา่ วสารที่มีอยู่มากมายบนโลก อนิ เทอร์เนต็ คือการเสนอข้อมูลข่าวสารทป่ี ระกอบดว้ ยขอ้ เทจ็ จรงิ ผ่านการตรวจสอบแลว้ เพ่ือตอบโต้ข้อมลู เท็จ ท่ีกำลงั เผยแพร่อยู่ในชว่ งเวลานั้น ๆ ปัจจุบันภาครฐั และเอกชนไดพ้ ยายามเสนอข้อมูลข่าวสารที่ช่อื ไต้ เพื่อลด ความสับสนท่ีเกิดจากการนำเสนอของข่าวปลอมและเปิดโอกาสให้ประชาชนสอบถาม ตรวจสอบขา่ วทก่ี ำลงั เผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์ เช่น ศูนย์ชวั ร์กอ่ นแชร์ ของสำนกั ข่าวไทย อสมท. บทลงโทษการนำเขา้ ข้อมลู อนั เปน็ เท็จในโลกสงั คมออนไลน์ 1.1 การนำเข้าข้อมูลบดิ เบือนหลอกลวง พ.ร.บ.วา่ ดว้ ยการกระทำความผดิ เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบวุ ่า ผใู้ ด กระทาํ ความผิดทีร่ ะบไุ ว้ดงั ตอ่ ไปนี้ ต้องระวางโทษจาํ คุกไมเ่ กินหา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หน่ึงแสนบาท หรอื ท้ังจาํ ท้ัง ปรับ (1) โดยทจุ ริต หรอื โดยหลอกลวง นาํ เขา้ สูร่ ะบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมลู คอมพวิ เตอรท์ บ่ี ดิ เบือน หรือปลอมไมว่ ่าท้ังหมดหรือบางสว่ น หรอื ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการทน่ี ่าจะเกิดความเสียหาย แกป่ ระชาชน อันมใิ ชก่ ารกระทาํ ความผิดฐานหมน่ิ ประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ผโู้ พสตข์ ้อความที่จะมีความผิดตามมาตรา 14 (1) ต่อเม่ือสงิ่ ทนี่ ำเสนอนนั้ เป็น ‘ความเทจ็ ’ โดยมเี จตนา ‘ทุจรติ หรอื หลวงลวง’ ซ่งึ ขอ้ มูลน้นั อาจก่อใหเ้ กิดความเสยี หายแก่ประชาชน หมายความวา่ ผู้โพสตข์ ้อความจะต้องรอู้ ยู่แลว้ วา่ ส่งิ ทีต่ ัวเองโพสต์นน้ั เปน็ ความเทจ็ ไม่ใช่ ความจรงิ นอกจากน้ี คำว่า \"โดยทุจรติ \" มคี ำนยิ ามอยู่ในมาตรา 2 ของประมวลกฎหมายอาญา หมายถึง \"เพ่ือ แสวงหาประโยชน์ทม่ี ิควรได้โดยชอบดว้ ยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อืน่ \" ดังนั้นหากขอ้ ความทีโ่ พสต์เปน็ ความจริง กไ็ ม่ถือว่ามคี วามผิด หรือตอ่ ใหข้ ้อความดงั กล่าวเปน็ ความเท็จ แตถ่ ้าผู้โพสต์ข้อความหรือแสดงความ คิดเห็นไม่ได้มเี จตนาทจุ รติ แต่แรก ก็ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 14(1) ไดเ้ ลย เน่อื งจากขาดองคป์ ระกอบ ความผิดเร่ืองเจตนา อีกทั้ง กฎหมายยังตีกรอบไม่ให้ใช้ในลักษณะเดยี วกับความผิดฐานหมิน่ ประมาทอีกดว้ ย

332 (2) นาํ เขา้ สูร่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพวิ เตอรอ์ นั เปน็ เท็จ โดยประการทนี่ ่าจะเกดิ ความเสียหายต่อการรักษาความม่ันคงปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความม่นั คงในทาง เศรษฐกจิ ของประเทศ หรอื โครงสร้างพ้ืนฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกดิ ความตื่น ตระหนกแกป่ ระชาชนผู้โพสต์ข้อความท่ีจะมีความผิดตามมาตรา 14(2) นั้นจะต้องเปน็ กรณที ี่ข้อความหรือ ข้อมูลนน้ั เปน็ ‘ความเท็จ’ และขอ้ มูลนัน้ จะต้องกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ การรกั ษาความมัน่ คงปลอดภัย ทั้ง ในทางสาธารณะ เศรษฐกจิ หรือจะต้องก่อใหเ้ กดิ ความตนื่ ตระหนกแก่ประชาชน หากการแสดงความคิดเห็น หรอื นำเสนอข้อมลู ไม่ได้ก่อให้เกิดผลทวี่ า่ แมเ้ ปน็ ความเทจ็ กไ็ ม่อาจเปน็ ความผิดได้ เน่อื งจากขาดองค์ประกอบ ความผดิ สรุปคือการโพสต์หรอื แชร์ “ขอ้ มลู อันเปน็ เท็จ” ที่จะทำให้บคุ คลมีความผดิ ตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอรฯ์ ไม่วา่ จะเปน็ มาตรา 14 (1)(2) น้ัน คนท่ีโพสตจ์ ะต้องมีเจตนา ร้อู ยู่แล้ววา่ ขอ้ มลู เหลา่ นัน้ เปน็ เทจ็ แตก่ ย็ ังโพสตไ์ ปเชน่ น้ัน ถ้าหากข้อมลู ที่โพสตไ์ ปนน้ั เป็นความจรงิ เชน่ คลิปวดี ีโอที่ถา่ ยจากเหตุการณ์จริง หรือเป็นความคดิ เห็น เชน่ การติชมรัฐบาล การวพิ ากษ์วิจารณ์โดยสุจรติ กไ็ ม่เขา้ องคป์ ระกอบ \"ขอ้ มลู อนั เปน็ เทจ็ \" และไม่อาจเอาผดิ ตามมาตรา 14 (1) (2) ได้ (3) นําเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซง่ึ ข้อมลู คอมพวิ เตอรใ์ ดๆ อันเปน็ ความผดิ เก่ยี วกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรอื ความผิดเกี่ยวกบั การกอ่ การร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

333 ผโู้ พสตข์ อ้ ความจะมีความผิดตามมาตรา 14(3) ต่อเมื่อขอ้ ความดงั กล่าวเปน็ ความผิดทเี่ กี่ยวกับความม่นั คงแห่ง ราชอาณาจกั ร มาตรา 107-135 หรอื เป็นความผิดทีเ่ ก่ียวกับการก่อการร้าย มาตรา 135/1-135/4 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา (4) นําเข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ซง่ึ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ใดๆ ทมี่ ีลักษณะอนั ลามกและ ข้อมลู คอมพิวเตอร์นน้ั ประชาชนท่วั ไปอาจเข้าถงึ ได้ ผ้โู พสต์ขอ้ ความทจี่ ะมีความผิดตามมาตรา 14(3) ต่อเม่ือข้อความดงั กลา่ วมีเน้ือหาลามก อนาจาร และ ประชาชนท่ัวไปสามารถเขา้ ถึงเน้อื หาทว่ี ่าน้ันได้ (5) เผยแพรห่ รือส่งต่อซึง่ ข้อมูลคอมพวิ เตอรโ์ ดยรูอ้ ยู่แลว้ วา่ เปน็ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรต์ าม (1) (2) (3) หรือ (4) ประการสุดท้าย บคุ คลที่จะมคี วามผดิ ตามมาตรา 14(5) จะต้องกระทำความผดิ ครบ องค์ประกอบสองอย่าง คอื หนึ่ง เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสอง ‘โดยรูอ้ ยแู่ ล้ว’ ว่าเปน็ ข้อมลู คอมพวิ เตอรต์ าม (1) (2) (3) หรอื (4) หมายความวา่ ในการดำเนนิ การเอาผดิ คนทโี่ พสต์หรือแชร์ข้อความ ตาม พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ จะตอ้ งพิสจู นใ์ ห้ได้ก่อนว่าเปน็ ข้อมูลทีว่ ่าเปน็ ความผดิ ตามมาตรา 14 (1) (2) (3) หรือ (4) เสียก่อน และต้องพิสจู น\"์ เจตนา\" ของผกู้ ระทำความผดิ ใหไ้ ด้ คือ ต้องพสิ ูจนใ์ ห้ไดว้ ่า รู้อยู่แล้วว่าเป็น ความผิดแต่ก็ยังแชร์ เนือ่ งจากบางคร้งั การแชรโ์ พสต์จากแฟนเพจต่างๆ ผแู้ ชร์อาจจะเชื่อโดยบริสุทธใ์ิ จวา่ สงิ่ ท่ี แชร์ไม่ใช่ข้อมลู เทจ็ ทีเ่ ป็นความผดิ ตามองคป์ ระกอบอืน่ ๆ ของมาตรา 14 (1) (2) (3) และ (4) และหากพิสูจน์ได้ วา่ ไมร่ จู้ รงิ ๆ ก็อาจจะไม่มคี วามผิดตามมาตราน้ี เน่ืองจากขาดเจตนา แท้จรงิ แลว้ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ ควรมุง่ เอาผดิ การกระทำตอ่ ‘ระบบ’ ไมใ่ ช่ ‘เนอื้ หา’

334 ถ้าย้อนดูเจตนารมณ์และท่ีมาของ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ จะพบว่า กฎหมายดังกลา่ วมี รากฐานมาจากอนุสัญญาวา่ ด้วยอาชญากรรมบนอินเตอรเ์ น็ต (Convention on Cybercrime) ที่ตอ้ งการ ป้องกนั การก่ออาชญกรรมโดยใช้ระบบคอมพวิ เตอร์ แต่ด้วยการตราบทบัญญัติท่ขี าดความชดั เจนและถูกต้อง จึงทำให้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอรฯ์ ทั้งในปี 2550 และ 2560 ถกู ตีความมาใชฟ้ ้องร้องดำเนนิ คดเี อาผิดกับ \"เน้ือหา\" บนโลกออนไลน์

335 โดยสง่ิ แรกทต่ี อ้ งทำความเขา้ ใจคือความหมายของคำว่า \"ข้อมูลคอมพวิ เตอร์อันเป็นเทจ็ \" โดย แทจ้ ริงแลว้ หมายถึง \"ข้อมูลคอมพวิ เตอรท์ ่ีถกู ปลอมแปลงขึ้นมา\" เชน่ เดยี วกับการปลอมแปลงเอกสาร กล่าวคือ การพจิ ารณาวา่ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ใดเป็นข้อมลู คอมพิวเตอรอ์ ันเปน็ เทจ็ ให้พิจารณาในฐานะ \"วัตถุ\" ว่ามันถูก ปลอมแปลงขน้ึ หรือไม่ เชน่ การปลอมแปลงหนา้ เวบ็ ไซตเ์ พ่ือหลอกลวงเอาข้อมลู ส่วนบุคคล เป็นตน้ แต่เม่ือ กฎหมายเลือกใช้คำว่าข้อมูลอันเปน็ เท็จ แทนคำว่า \"ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ท่ถี ูกทำปลอมข้ึน\" จงึ ทำใหก้ ฎหมายถูก นำมาใชจ้ บั ผดิ การแสดงความคดิ เห็นบนโลกออนไลน์วา่ เปน็ เรื่องเทจ็ หรือเปน็ เร่ืองจรงิ ทั้งน้ี หากยอ้ นดูข้อเสนอของภาคประชาชนในนามกลมุ่ 'เครอื ขา่ ยพลเมอื งเนต็ ' จะพบว่า ที่ ผา่ นมา ประชาชนเคยเสนอใหแ้ กไ้ ขมาตรา 14 โดยมงุ่ หมายใหใ้ ชเ้ ฉพาะความผดิ ในเชงิ ระบบ เพ่ือป้องกนั การ ใช้เพ่ือดำเนินคดปี ดิ กั้นการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ โดยมีข้อเสนอให้แกไ้ ของค์ประกอบความผิดใหม่ ใหม้ ลี ักษณะเฉพาะเจาะจงมากขนึ้ โดยใหย้ กเลิกมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอรฯ์ ปี 2560 ทั้งมาตรา และ ให้ใชข้ อ้ ความต่อไปนแ้ี ทน \"ผู้ใดโดยทจุ รติ หลอกลวงผอู้ ่ืนดว้ ยการนำข้อมลู เข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ หรือสง่ ต่อ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ โดยรู้อยู่แล้ววา่ เปน็ ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ที่ทำปลอมขน้ึ ทั้งหมดหรอื แต่สว่ นหน่งึ สว่ นใด ถ้าได้ กระทำไปเพอ่ื ให้ผหู้ น่งึ ผู้ใดหลงเชือ่ วา่ เป็นขอ้ มลู คอมพิวเตอรท์ แ่ี ทจ้ รงิ เพื่อให้ไดไ้ ปซึ่งทรพั ย์สนิ จากผู้ถกู หลอกลวงหรอื บุคคลที่สาม หรือเพ่ือใหผ้ ูถ้ ูกหลอกลวงหรอื บคุ คลทีส่ าม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผนู้ ั้น กระทำความผดิ ฐานปลอมข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหา้ ปี หรอื ปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรอื ท้ังจำท้ังปรับ\" จากบทบญั ญัติขา้ งตน้ มีการยกเลกิ ข้อความท่เี ป็นปญั หาที่เปดิ ช่องให้ตีความไดก้ วา้ งขวาง อย่าง \"ข้อมูลคอมพิวเตอรอ์ ันเป็นเท็จ\" และให้ใชค้ ำวา่ \"ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ท่ีทำปลอมขน้ึ \" เพื่อให้ตรงกับ ความหมายคำว่าของ \"forgery\" หรือ \"การปลอม\" ในอนสุ ัญญาว่าด้วยอาชญากรรมบนอนิ เตอรเ์ น็ต นอกจากนี้ ยงั มีการเพิ่มข้อความวา่ \"เพอ่ื ให้ได้ไปซ่งึ ทรัพย์สนิ จากผ้ถู ูกหลอกลวงหรอื บุคคลที่ สาม\" และ \" เพื่อใหผ้ ถู้ กู หลอกลวงหรอื บุคคลท่สี าม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธ\"ิ เข้าไปเป็นองค์ประกอบ ความผดิ แทนข้อความว่า \"น่าจะเกดิ ความเสยี หายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน\" หรอื \"น่าจะเกดิ ความเสยี หายตอ่ ความมน่ั คงของประเทศ\" ทำใหก้ ารกระทำความผดิ ตามมาตรา 14 ของพ.ร.บ.คอมพวิ เตอรฯ์ จำกดั อยทู่ ่ีการ ปลอมแปลงข้อมูลเพ่ือให้ได้ทรัพย์สินหรือสิทธขิ องบุคคลอื่น ไมเ่ ก่ียวกบั การแสดงความคดิ เหน็ บนโลกออนไลน์ อย่างไรก็ดี ต่อใหม้ ีการแกไ้ ขมาตรา 14 ให้เอาผิดเฉพาะการปลอมแปลงข้อมูล แต่ก็ไม่ใช่ว่า ผู้คนจะโพสตข์ ้อความทีเ่ ปน็ การละเมดิ ต่อบคุ คลอ่นื อย่างไรกไ็ ดโ้ ดยไมม่ ีกฎหมายมาจำกัดกรอบ ผเู้ สยี หายยงั คง

336 สามารถดำเนินคดกี บั ผู้กระทำความผิดได้ โดยอาศยั กฎหมายอาญาฐานหมนิ่ ประมาทโดยการโฆษณาตาม มาตรา 328 หรือฟ้องร้องเอาผิดทางแพ่งเพื่อเรยี กรอ้ งค่าเสียหายได้ ซึ่งการแสดงความคดิ เห็นภายใต้กฎหมาย อาญาและกฎหมายแพ่งจะได้รับการค้มุ ครองถา้ เปน็ การแสดงความคิดเหน็ ในลกั ษณะติชมดว้ ยความสุจรติ เปน็ ความจรงิ และเปน็ การวพิ ากษว์ ิจารณ์ทเี่ ป็นประโยชนส์ าธารณะ วันท่ี 23 มกราคม พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกลา้ ฯ ให้ประกาศใช้ กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผดิ เกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ ดังตอ่ ไปน้ี มาตรา 1 พระราชบญั ญตั ิน้ีเรยี กวา่ “พระราชบญั ญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเก่ียวกับ คอมพวิ เตอร์ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2560” มาตรา 2 พระราชบญั ญัตินใ้ี ห้ใช้บงั คับเม่ือพน้ กำหนดหนึง่ ร้อยยสี่ ิบวันนับแต่วนั ประกาศใน ราชกจิ จานเุ บกษา เป็นตน้ ไป มาตรา 3 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 4 แหง่ พระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการกระทำความผิดเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน “มาตรา 4 ใหร้ ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงดิจทิ ัลเพ่ือเศรษฐกิจและสงั คมรักษาการตาม พระราชบญั ญตั ินี้ และให้มีอำนาจแตง่ ต้ังพนักงานเจ้าหน้าทกี่ บั ออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏบิ ตั กิ าร ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีกฎกระทรวงและประกาศนั้น เมอ่ื ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้” มาตรา 4 ใหเ้ พ่มิ ความต่อไปนี้เป็นวรรคสองและวรรคสามของมาตรา 11 แหง่ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “ผใู้ ดสง่ ข้อมลู คอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ก่บุคคลอืน่ อันมลี กั ษณะเป็นการ กอ่ ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแกผ่ รู้ ับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรอื จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ โดยไมเ่ ปดิ โอกาสให้ ผรู้ ับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรบั ได้โดยง่าย ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกนิ สอง แสนบาท ให้รฐั มนตรีออกประกาศกำหนดลักษณะและวิธีการสง่ รวมทั้งลักษณะและปริมาณของ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรห์ รือจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ซึ่งไม่เปน็ การก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแกผ่ รู้ บั และ ลักษณะอนั เป็นการบอกเลกิ หรอื แจง้ ความประสงค์เพ่ือปฏิเสธการตอบรับไดโ้ ดยง่าย”

337 มาตรา 5 ใหย้ กเลกิ ความในมาตรา 12 แห่งพระราชบญั ญัติว่าด้วยการกระทำความผดิ เก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน “มาตรา 12 ถา้ การกระทำความผดิ ตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 หรือมาตรา 11 เปน็ การกระทำต่อข้อมูลคอมพวิ เตอรห์ รือระบบคอมพิวเตอร์ทเี่ ก่ยี วกบั การรักษาความมัน่ คงปลอดภยั ของ ประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความม่นั คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศหรือโครงสรา้ งพนื้ ฐานอันเป็น ประโยชนส์ าธารณะ ตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแต่หน่ึงปีถงึ เจ็ดปี และปรบั ตงั้ แต่สองหมน่ื บาทถงึ หนงึ่ แสนสีห่ มนื่ บาท ถ้าการกระทำความผดิ ตามวรรคหนึ่งเปน็ เหตุใหเ้ กิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพวิ เตอร์หรอื ระบบ คอมพวิ เตอรด์ ังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตัง้ แตห่ น่ึงปถี งึ สิบปี และปรับตง้ั แตส่ องหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท ถา้ การกระทำความผดิ ตามมาตรา 9 หรอื มาตรา 10 เปน็ การกระทำต่อข้อมลู คอมพวิ เตอรห์ รอื ระบบ คอมพวิ เตอรต์ ามวรรคหนึง่ ต้องระวางโทษจำคุกต้ังแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรบั ตั้งแตห่ กหม่ืนบาทถงึ สามแสน บาท ถา้ การกระทำความผิดตามวรรคหนงึ่ หรอื วรรคสามโดยมิได้มีเจตนาฆ่า แตเ่ ปน็ เหตุใหบ้ ุคคลอน่ื ถงึ แก่ ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตง้ั แต่ห้าปีถงึ ย่ีสบิ ปี และปรับตัง้ แตห่ นึง่ แสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท” มาตรา 6 ใหเ้ พ่ิมความตอ่ ไปนเี้ ป็นมาตรา 12/1 แหง่ พระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยการกระทำ ความผิดเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 12/1 ถา้ การกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 เป็นเหตุให้เกิดอนั ตราย แกบ่ ุคคลอืน่ หรือทรัพย์สินของผูอ้ ่ืน ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสบิ ปี และปรับไมเ่ กนิ สองแสนบาทถ้าการ กระทำความผดิ ตามมาตรา ๙ หรือมาตรา 10 โดยมไิ ดม้ เี จตนาฆา่ แต่เปน็ เหตใุ หบ้ ุคคลอื่นถงึ แก่ความตาย ต้อง ระวางโทษจำคุกต้ังแต่หา้ ปถี งึ ยส่ี ิบปี และปรบั ตั้งแตห่ น่งึ แสนบาทถึงส่ีแสนบาท” มาตรา 7 ให้เพิ่มความต่อไปนเ้ี ปน็ วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้าของมาตรา 13 แหง่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผดิ เกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “ผ้ใู ดจำหนา่ ยหรอื เผยแพร่ชดุ คำสงั่ ที่จัดทำขน้ึ โดยเฉพาะเพื่อนำไปใชเ้ ปน็ เครอื่ งมือในการ กระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหน่ึงหรือวรรคสาม ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สองปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ ส่ี หมน่ื บาทหรอื ทง้ั จำท้งั ปรับ ผใู้ ดจำหนา่ ยหรือเผยแพรช่ ดุ คำส่งั ทจ่ี ดั ทำขนึ้ โดยเฉพาะเพ่อื นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการ กระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 หาก ผนู้ ำไปใช้ได้กระทำความผดิ ตามมาตรา 12 วรรคหนึง่ หรอื วรรคสาม หรือตอ้ งรับผดิ ตามมาตรา 12 วรรคสอง

338 หรอื วรรคส่ี หรอื มาตรา 12/1 ผจู้ ำหนา่ ยหรือเผยแพรช่ ุดคำสัง่ ดังกลา่ วจะตอ้ งรับผดิ ทางอาญาตามความผิดท่มี ี กำหนดโทษสูงขนึ้ ดว้ ย กเ็ ฉพาะเมื่อตนไดร้ ้หู รืออาจเล็งเหน็ ไดว้ ่าจะเกิดผลเชน่ ท่ีเกิดขึ้นนน้ั ผู้ใดจำหน่ายหรอื เผยแพร่ชุดคำส่งั ท่จี ดั ทำขนึ้ โดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการ กระทำความผดิ ตามมาตรา 12 วรรคหนง่ึ หรือวรรคสาม หากผนู้ ำไปใช้ได้กระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรค หนงึ่ หรอื วรรคสาม หรอื ตอ้ งรับผดิ ตามมาตรา 12 วรรคสอง หรอื วรรคส่ี หรอื มาตรา 12/1 ผจู้ ำหน่ายหรือ เผยแพร่ชดุ คำสัง่ ดังกลา่ วต้องรบั ผิดทางอาญาตามความผดิ ท่มี ีกำหนดโทษสูงขึ้นน้นั ดว้ ย ในกรณที ่ผี ้จู ำหน่ายหรือเผยแพรช่ ุดคำสง่ั ผูใ้ ดต้องรับผิดตามวรรคหนึง่ หรอื วรรคสอง และตาม วรรคสามหรอื วรรคส่ดี ว้ ย ให้ผนู้ ้นั ต้องรบั โทษที่มีอัตราโทษสูงทีส่ ุดแต่กระทงเดยี ว” มาตรา 8 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 14 แหง่ พระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผิด เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดทรี่ ะบไุ ว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ ห้าปหี รือปรับ ไมเ่ กนิ หนึ่งแสนบาท หรอื ท้ังจำทงั้ ปรบั (1) โดยทุจรติ หรอื โดยหลอกลวง นำเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่งึ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ทีบ่ ิดเบอื น หรอื ปลอมไมว่ า่ ท้ังหมดหรือบางสว่ น หรอื ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์อันเปน็ เท็จ โดยประการที่น่าจะเกดิ ความเสียหาย แกป่ ระชาชน อนั มิใช่การกระทำความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา (2) นำเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพวิ เตอร์อนั เปน็ เทจ็ โดยประการท่นี า่ จะเกดิ ความเสียหายต่อการรักษาความมนั่ คงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภยั สาธารณะ ความมั่นคงในทาง เศรษฐกิจของประเทศ หรอื โครงสรา้ งพน้ื ฐานอนั เป็นประโยชนส์ าธารณะของประเทศ หรอื ก่อใหเ้ กิดความต่ืน ตระหนกแก่ประชาชน (3) นำเข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอรซ์ ึง่ ข้อมลู คอมพิวเตอรใ์ ด ๆ อนั เป็นความผดิ เกย่ี วกบั ความ ม่นั คงแห่งราชอาณาจักรหรอื ความผิดเกยี่ วกบั การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นำเข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ซง่ึ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอนั ลามกและ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรน์ น้ั ประชาชนทัว่ ไปอาจเข้าถึงได้ (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซ่งึ ข้อมลู คอมพวิ เตอรโ์ ดยรูอ้ ย่แู ลว้ วา่ เป็นขอ้ มูลคอมพิวเตอรต์ าม (1) (2) (3) หรอื (4)

339 ถา้ การกระทำความผิดตามวรรคหนง่ึ (1) มิไดก้ ระทำตอ่ ประชาชน แตเ่ ป็นการกระทำต่อ บุคคลใดบุคคลหนงึ่ ผกู้ ระทำ ผเู้ ผยแพร่หรือส่งต่อซง่ึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ดงั กล่าวต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กิน สามปีหรือปรบั ไม่เกนิ หกหมื่นบาท หรือทัง้ จำท้งั ปรับ และให้เปน็ ความผิดอันยอมความได้” มาตรา 9 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผดิ เก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน “มาตรา 15 ผูใ้ หบ้ ริการผู้ใดให้ความรว่ มมือ ยนิ ยอม หรือรู้เหน็ เป็นใจให้มกี ารกระทำ ความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพวิ เตอร์ทอ่ี ยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกบั ผูก้ ระทำ ความผิดตามมาตรา 14 ใหร้ ัฐมนตรีออกประกาศกำหนดข้นั ตอนการแจ้งเตือน การระงบั การทำใหแ้ พร่หลายของ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ และการนำข้อมลู คอมพวิ เตอร์นัน้ ออกจากระบบคอมพิวเตอรถ์ า้ ผใู้ ห้บรกิ ารพิสูจนไ์ ดว้ ่าตน ได้ปฏิบัตติ ามประกาศของรฐั มนตรที ่อี อกตามวรรคสอง ผ้นู ั้นไม่ต้องรับโทษ” มาตรา 10 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 16 แหง่ พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการกระทำความผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 16 ผใู้ ดนำเขา้ สรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ทป่ี ระชาชนทั่วไปอาจเขา้ ถึงไดซ้ ่ึง ขอ้ มลู คอมพิวเตอรท์ ี่ปรากฏเป็นภาพของผอู้ ่ืน และภาพนั้นเปน็ ภาพท่ีเกิดจากการสรา้ งข้ึน ตัดต่อ เติม หรอื ดัดแปลงด้วยวธิ ีการทางอิเลก็ ทรอนิกส์หรือวธิ ีการอ่นื ใด โดยประการทีน่ ่าจะทำใหผ้ อู้ นื่ น้ันเสยี ชือ่ เสียง ถกู ดู หมิ่นถูกเกลยี ดชงั หรือไดร้ บั ความอับอาย ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสามปี และปรบั ไมเ่ กนิ สองแสนบาท ถา้ การกระทำตามวรรคหน่ึงเป็นการกระทำต่อภาพของผู้ตาย และการกระทำนนั้ น่าจะทำให้ บดิ ามารดา คู่สมรส หรอื บุตรของผูต้ ายเสียช่ือเสียง ถูกดหู ม่ิน หรอื ถูกเกลียดชงั หรือไดร้ ับความอับอาย ผู้กระทำต้องระวางโทษดังท่ีบัญญัตไิ วใ้ นวรรคหน่งึ ถ้าการกระทำตามวรรคหนงึ่ หรือวรรคสอง เป็นการนำเข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอรโ์ ดยสจุ ริตอัน เป็นการตชิ มด้วยความเปน็ ธรรม ซ่ึงบุคคลหรือส่งิ ใดอันเปน็ วสิ ยั ของประชาชนยอ่ มกระทำ ผู้กระทำไม่มี ความผิดความผดิ ตามวรรคหน่ึงและวรรคสองเปน็ ความผดิ อันยอมความได้

340 ถา้ ผู้เสียหายในความผดิ ตามวรรคหนงึ่ หรอื วรรคสองตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่ สมรสหรือบตุ รของผ้เู สียหายรอ้ งทุกข์ได้ และให้ถอื ว่าเปน็ ผเู้ สียหาย” มาตรา 11 ใหเ้ พม่ิ ความตอ่ ไปนเ้ี ปน็ มาตรา 16/1 และมาตรา 16/2 แหง่ พระราชบญั ญตั วิ ่า ดว้ ยการกระทำความผิดเกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 16/1 ในคดีความผิดตามมาตรา 14 หรอื มาตรา 16 ซง่ึ มีคำพิพากษาวา่ จำเลยมี ความผิด ศาลอาจสงั่ (1) ใหท้ ำลายขอ้ มูลตามมาตราดงั กลา่ ว (2) ให้โฆษณาหรอื เผยแพร่คำพิพากษาท้งั หมดหรือแตบ่ างส่วนในส่ืออิเล็กทรอนิกส์ วทิ ยกุ ระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนงั สอื พิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ตามท่ีศาลเหน็ สมควร โดยให้จำเลยเป็นผชู้ ำระค่า โฆษณาหรอื เผยแพร่ (3) ใหด้ ำเนนิ การอื่นตามท่ีศาลเห็นสมควรเพอื่ บรรเทาความเสยี หายทเ่ี กิดข้ึนจากการกระทำ ความผิดน้นั มาตรา 16/2 ผู้ใดรูว้ า่ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรใ์ นความครอบครองของตนเป็นข้อมูลท่ีศาลสงั่ ให้ ทำลายตามมาตรา 16/1 ผู้นั้นต้องทำลายข้อมลู ดังกลา่ ว หากฝ่าฝนื ตอ้ งระวางโทษกง่ึ หนง่ึ ของโทษท่ีบัญญัตไิ ว้ ในมาตรา 14 หรือมาตรา 16 แล้วแตก่ รณี” มาตรา 12 ใหเ้ พิม่ ความตอ่ ไปน้ีเปน็ มาตรา 17/1 ในหมวด 1 ความผดิ เกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ แหง่ พระราชบัญญัตวิ ่าดว้ ยการกระทำความผิดเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 17/1 ความผิดตาม มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 11 มาตรา 13 วรรคหนึ่งมาตรา 16/2 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 27 ให้คณะกรรมการเปรียบเทยี บท่รี ัฐมนตรีแต่งต้ังมีอำนาจเปรยี บเทียบได้ คณะกรรมการเปรยี บเทยี บท่ีรฐั มนตรแี ตง่ ตง้ั ตามวรรคหนึง่ ใหม้ ีจำนวนสามคนซ่ึงคนหนึง่ ตอ้ ง เป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา เม่อื คณะกรรมการเปรยี บเทยี บไดท้ ำการเปรยี บเทยี บกรณีใดและผตู้ อ้ งหาได้ชำระเงนิ ค่าปรับ ตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาทคี่ ณะกรรมการเปรียบเทยี บกำหนดแล้ว ให้ถอื วา่ คดีนัน้ เป็นอันเลิกกัน ตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา

341 ในกรณที ี่ผู้ต้องหาไม่ชำระเงนิ ค่าปรับภายในระยะเวลาท่ีกำหนด ใหเ้ รม่ิ นบั อายุความในการ ฟ้องคดีใหมน่ ับตง้ั แต่วันท่ีครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว” มาตรา 13 ให้ยกเลิกความในมาตรา 18 และมาตรา 19 แหง่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทำความผดิ เกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา 18 ภายใต้บงั คบั มาตรา 19 เพ่อื ประโยชนใ์ นการสืบสวนและสอบสวนในกรณีทม่ี ี เหตอุ นั ควรเช่อื ได้ว่ามกี ารกระทำความผดิ ตามพระราชบัญญตั นิ ้ี หรอื ในกรณที ่ีมีการร้องขอตามวรรคสองให้ พนกั งานเจ้าหน้าทมี่ ีอำนาจอยา่ งหนงึ่ อย่างใด ดงั ตอ่ ไปนี้ เฉพาะท่จี ำเปน็ เพื่อประโยชน์ในการใช้เปน็ หลักฐาน เกยี่ วกับการกระทำความผดิ และหาตวั ผกู้ ระทำความผดิ (1) มหี นงั สือสอบถามหรือเรียกบุคคลทีเ่ ก่ียวข้องกบั การกระทำความผดิ มาเพ่ือใหถ้ ้อยคำสง่ คำชแี้ จงเป็นหนงั สอื หรือสง่ เอกสาร ข้อมูล หรอื หลักฐานอื่นใดทอี่ ยู่ในรปู แบบที่สามารถเข้าใจได้ (2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอรจ์ ากผ้ใู หบ้ รกิ ารเกี่ยวกับการตดิ ตอ่ สื่อสารผา่ นระบบ คอมพิวเตอรห์ รือจากบุคคลอ่ืนทเ่ี กีย่ วข้อง (3) ส่ังให้ผูใ้ ห้บริการส่งมอบข้อมูลเก่ียวกับผู้ใชบ้ ริการทีต่ ้องเกบ็ ตามมาตรา 26 หรือท่ีอยใู่ น ความครอบครองหรือควบคุมของผ้ใู ห้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าทห่ี รอื ใหเ้ กบ็ ข้อมูลดังกลา่ วไว้ก่อน (4) ทำสำเนาขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์จากระบบคอมพวิ เตอร์ท่ีมเี หตุ อันควรเชื่อได้วา่ มีการกระทำความผิด ในกรณที ี่ระบบคอมพวิ เตอรน์ ้นั ยังมิได้อยู่ในความครอบครองของ พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี (5) สง่ั ใหบ้ ุคคลซงึ่ ครอบครองหรือควบคุมข้อมลู คอมพิวเตอร์ หรอื อุปกรณ์ท่ีใช้เก็บ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์สง่ มอบข้อมูลคอมพวิ เตอร์ หรืออปุ กรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ (6) ตรวจสอบหรือเขา้ ถึงระบบคอมพวิ เตอร์ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ข้อมูลจราจรทาง คอมพวิ เตอรห์ รืออุปกรณ์ทใ่ี ช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเปน็ หลกั ฐานหรอื อาจใชเ้ ป็นหลักฐาน เกย่ี วกับการกระทำความผดิ หรอื เพ่ือสบื สวนหาตวั ผู้กระทำความผิดและส่ังให้บคุ คลนน้ั สง่ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ข้อมลู จราจรทางคอมพิวเตอร์ ท่ีเก่ียวข้องเท่าท่จี ำเป็นใหด้ ว้ ยก็ได้

342 (7) ถอดรหัสลบั ของข้อมลู คอมพิวเตอร์ของบคุ คลใด หรือสั่งให้บคุ คลท่ีเก่ยี วข้องกับการ เขา้ รหสั ลับของข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ทำการถอดรหสั ลบั หรอื ให้ความร่วมมอื กบั พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีในการ ถอดรหสั ลบั ดังกล่าว (8) ยึดหรอื อายดั ระบบคอมพิวเตอรเ์ ท่าทจ่ี ำเป็นเฉพาะเพ่ือประโยชนใ์ นการทราบ รายละเอยี ดแห่งความผดิ และผกู้ ระทำความผิด เพือ่ ประโยชน์ในการสบื สวนและสอบสวนของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ ี พิจารณาความอาญา ในบรรดาความผิดอาญาต่อกฎหมายอนื่ ซง่ึ ไดใ้ ช้ระบบคอมพวิ เตอร์ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ หรืออปุ กรณ์ที่ใชเ้ กบ็ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์เป็นองค์ประกอบหรือเปน็ สว่ นหนึง่ ในการกระทำความผิดหรือมี ขอ้ มลู คอมพิวเตอรท์ ่เี ก่ยี วข้องกบั การกระทำความผิดอาญาตามกฎหมายอืน่ พนักงานสอบสวนอาจร้องขอให้ พนกั งานเจ้าหน้าท่ตี ามวรรคหนึง่ ดำเนนิ การตามวรรคหน่ึงก็ได้ หรอื หากปรากฏขอ้ เท็จจริงดงั กล่าวต่อพนักงาน เจ้าหน้าทเ่ี น่ืองจากการปฏบิ ตั ิหนา้ ทต่ี ามพระราชบัญญัตนิ ี้ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทีร่ บี รวบรวมขอ้ เท็จจรงิ และ หลกั ฐานแล้วแจง้ ไปยังเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ให้ผูไ้ ดร้ บั การร้องขอจากพนักงานเจ้าหนา้ ท่ีตามวรรคหน่ึง (1) (2) และ (3) ดำเนนิ การตามคำ รอ้ งขอโดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกนิ เจด็ วันนับแต่วนั ท่ีไดร้ ับคำร้องขอ หรือภายในระยะเวลาทพ่ี นักงานเจ้าหน้าที่ กำหนดซึง่ ต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดวนั และไมเ่ กินสิบหา้ วัน เวน้ แตใ่ นกรณีท่มี ีเหตุสมควร ตอ้ งไดร้ บั อนุญาตจาก พนกั งานเจ้าหน้าท่ี ทั้งนี้ รฐั มนตรอี าจประกาศในราชกจิ จานเุ บกษากำหนดระยะเวลาทต่ี อ้ งดำเนนิ การท่ี เหมาะสมกับประเภทของผูใ้ ห้บริการก็ได้ มาตรา 19 การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหนา้ ทต่ี ามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8)ให้ พนักงานเจ้าหน้าทย่ี น่ื คำรอ้ งต่อศาลที่มเี ขตอำนาจเพอ่ื มีคำสั่งอนญุ าตให้พนักงานเจ้าหน้าทด่ี ำเนินการตามคำ ร้อง ท้ังน้ี คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชอ่ื ไดว้ า่ บุคคลใดกระทำหรอื กำลงั จะกระทำการอย่างหนงึ่ อยา่ งใดอันเปน็ ความผิด เหตทุ ีต่ ้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอยี ดเกย่ี วกับอปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการกระทำ ความผดิ และผกู้ ระทำความผิด เท่าท่สี ามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วย ในการพจิ ารณาคำรอ้ งใหศ้ าล พิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็ว เมื่อศาลมคี ำส่งั อนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำส่ังของศาล ใหพ้ นกั งานเจ้าหน้าทีส่ ่ง สำเนาบนั ทกึ เหตุอนั ควรเชื่อท่ีทำใหต้ ้องใชอ้ ำนาจตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) มอบใหเ้ จ้าของหรือผู้ ครอบครองระบบคอมพวิ เตอร์นน้ั ไวเ้ ปน็ หลักฐาน แต่ถ้าไม่มเี จ้าของหรือผคู้ รอบครองเคร่ืองคอมพวิ เตอร์อยู่ ณ ท่ีนน้ั ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทสี่ ง่ มอบสำเนาบันทึกนนั้ ให้แกเ่ จา้ ของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทนั ทที ่ีกระทำได้

343 ให้พนักงานเจา้ หนา้ ทีผ่ ู้เปน็ หัวหนา้ ในการดำเนนิ การตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) สง่ สำเนาบนั ทกึ รายละเอยี ดการดำเนินการและเหตผุ ลแหง่ การดำเนินการให้ศาลท่ีมีเขตอำนาจภายในสส่ี ิบแปด ชัว่ โมงนบั แตเ่ วลาลงมือดำเนินการ เพ่ือเป็นหลกั ฐาน การทำสำเนาขอ้ มลู คอมพวิ เตอรต์ ามมาตรา 18 (4) ให้กระทำไดเ้ ฉพาะเม่อื มีเหตุอันควรเชอ่ื ไดว้ า่ มีการกระทำความผิด และต้องไม่เปน็ อปุ สรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรอื ผู้ครอบครอง ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์นัน้ เกินความจำเปน็ การยดึ หรืออายัดตามมาตรา 18 (8) นอกจากจะต้องสง่ มอบสำเนาหนงั สือแสดงการยึดหรอื อายดั มอบให้เจา้ ของหรือผคู้ รอบครองระบบคอมพวิ เตอร์น้ันไวเ้ ปน็ หลักฐานแล้ว พนกั งานเจา้ หนา้ ทจี่ ะสั่งยึด หรอื อายัดไว้เกินสามสบิ วันมิได้ ในกรณจี ำเปน็ ท่ีต้องยดึ หรืออายดั ไว้นานกว่านน้ั ใหย้ ่ืนคำร้องต่อศาลทม่ี เี ขต อำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรอื อายัดได้ แตศ่ าลจะอนุญาตใหข้ ยายเวลาคร้ังเดียว หรือหลายคร้ังรวมกนั ได้อีก ไม่เกินหกสิบวัน เม่อื หมดความจำเปน็ ทีจ่ ะยึดหรืออายดั หรอื ครบกำหนดเวลาดงั กล่าวแลว้ พนักงานเจ้าหน้าท่ี ต้องส่งคืนระบบคอมพวิ เตอร์ทยี่ ดึ หรือถอนการอายัดโดยพลนั หนังสอื แสดงการยึดหรอื อายัดตามวรรคห้าใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวง” มาตรา 14 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการกระทำความผดิ เกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา 20 ในกรณีท่ีมีการทำให้แพร่หลายซง่ึ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ดังต่อไปนี้ พนักงาน เจ้าหนา้ ทีโ่ ดยไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากรัฐมนตรีอาจย่นื คำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานตอ่ ศาลท่ีมีเขตอำนาจ ขอให้มคี ำสั่งระงบั การทำให้แพรห่ ลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอรน์ น้ั ออกจากระบบคอมพวิ เตอร์ได้ (1) ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ท่ีเปน็ ความผดิ ตามพระราชบัญญตั นิ ้ี (2) ข้อมลู คอมพิวเตอร์ท่ีอาจกระทบกระเทอื นตอ่ ความมั่นคงแหง่ ราชอาณาจักรตามที่กำหนด ไวใ้ นภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลกั ษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (3) ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ท่ีเป็นความผดิ อาญาตามกฎหมายเกยี่ วกบั ทรัพย์สินทางปัญญาหรอื กฎหมายอน่ื ซึ่งข้อมลู คอมพิวเตอร์นนั้ มีลักษณะขดั ต่อความสงบเรยี บรอ้ ย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและ เจา้ หนา้ ทต่ี ามกฎหมายนัน้ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาได้รอ้ งขอ

344 ในกรณีท่ีมกี ารทำใหแ้ พรห่ ลายซ่ึงข้อมูลคอมพวิ เตอร์ท่ีมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอนั ดีของประชาชน รฐั มนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกล่ันกรองข้อมูลคอมพวิ เตอรจ์ ะ มอบหมายใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทยี่ น่ื คำร้องพร้อมแสดงพยานหลกั ฐานตอ่ ศาลท่มี เี ขตอำนาจขอให้มีคำสง่ั ระงบั การทำให้แพร่หลายหรอื ลบซึ่งข้อมลู คอมพิวเตอร์นัน้ ออกจากระบบคอมพิวเตอรไ์ ด้ ท้ังนี้ ให้นำบทบัญญัติวา่ ด้วยคณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนนิ การพจิ ารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าดว้ ยวิธปี ฏบิ ัติราชการทาง ปกครองมาใชบ้ ังคบั กบั การประชมุ ของคณะกรรมการกลัน่ กรองข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยอนุโลม ให้รฐั มนตรแี ต่งตง้ั คณะกรรมการกล่นั กรองข้อมูลคอมพวิ เตอรต์ ามวรรคสองขึน้ คณะหน่ึงหรอื หลายคณะ แตล่ ะคณะให้มกี รรมการจำนวนเก้าคนซ่งึ สามในเก้าคนตอ้ งมาจากผ้แู ทนภาคเอกชนดา้ นสิทธิ มนษุ ยชน ดา้ นสอื่ สารมวลชน ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือดา้ นอื่นทเ่ี กีย่ วขอ้ ง และใหก้ รรมการไดร้ ับ ค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ท่ีรฐั มนตรกี ำหนดโดยไดร้ ับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง การดำเนนิ การของศาลตามวรรคหน่งึ และวรรคสอง ใหน้ ำประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณา ความอาญามาใช้บงั คบั โดยอนุโลม ในกรณที ศ่ี าลมคี ำส่งั ให้ระงบั การทำใหแ้ พร่หลายหรือลบข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ตามวรรคหน่งึ หรือวรรคสอง พนกั งานเจ้าหน้าท่จี ะทำการระงับการทำใหแ้ พรห่ ลาย หรอื ลบขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ นนั้ เอง หรอื จะส่งั ใหผ้ ู้ให้บริการระงับการทำให้แพรห่ ลายหรอื ลบข้อมลู คอมพวิ เตอรน์ ้นั ก็ได้ ท้ังนี้ ใหร้ ัฐมนตรี ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ ระยะเวลา และวธิ กี ารปฏบิ ัตสิ ำหรบั การระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรข์ องพนักงานเจ้าหน้าท่หี รอื ผใู้ หบ้ ริการให้เปน็ ไปในแนวทางเดียวกนั โดยคำนึงถงึ พัฒนาการ ทางเทคโนโลยที ่เี ปลี่ยนแปลงไป เว้นแต่ศาลจะมคี ำสง่ั เปน็ อยา่ งอน่ื ในกรณีท่ีมเี หตจุ ำเป็นเร่งด่วน พนักงานเจา้ หนา้ ท่จี ะย่นื คำร้องตามวรรคหนง่ึ ไปกอ่ นทจ่ี ะได้รับ ความเหน็ ชอบจากรฐั มนตรี หรอื พนักงานเจา้ หนา้ ทโี่ ดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกล่นั กรอง ข้อมลู คอมพิวเตอร์จะย่นื คำร้องตามวรรคสองไปก่อนทีร่ ฐั มนตรีจะมอบหมายก็ได้ แตท่ ง้ั น้ตี ้องรายงานให้ รัฐมนตรีทราบโดยเรว็ ” มาตรา 15 ให้ยกเลกิ ความในวรรคสองของมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการกระทำ ความผดิ เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “ชดุ คำสงั่ ไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนง่ึ หมายถงึ ชุดคำส่งั ท่ีมีผลทำให้ข้อมลู คอมพิวเตอรห์ รอื ระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสงั่ อื่นเกดิ ความเสียหาย ถูกทำลาย ถกู แกไ้ ขเปล่ียนแปลงหรอื เพิ่มเตมิ ขัดข้องหรือ ปฏบิ ตั ิงานไมต่ รงตามคำสงั่ หรือโดยประการอ่ืนตามทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง เว้นแต่เปน็ ชุดคำส่ังไม่พึง ประสงคท์ ี่อาจนำมาใชเ้ พ่ือป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสง่ั ดังกล่าวขา้ งต้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีอาจประกาศในราชกิจจา

345 นเุ บกษากำหนดรายช่อื ลักษณะ หรอื รายละเอียดของชุดคำสั่งไมพ่ ึงประสงค์ซ่งึ อาจนำมาใช้เพื่อปอ้ งกันหรือ แก้ไขชุดคำสัง่ ไม่พงึ ประสงค์ก็ได้” มาตรา 16 ให้ยกเลกิ ความในมาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 แห่ง พระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใช้ความตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา 22 ห้ามมิให้พนกั งานเจา้ หนา้ ทแ่ี ละพนกั งานสอบสวนในกรณีตามมาตรา 18 วรรค สองเปิดเผยหรอื ส่งมอบข้อมลู คอมพิวเตอร์ ขอ้ มลู จราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือขอ้ มูลของผู้ใชบ้ รกิ ารท่ไี ด้มา ตามมาตรา 18 ให้แก่บุคคลใด ความในวรรคหนึ่งมิให้ใชบ้ งั คับกบั การกระทำเพ่ือประโยชนใ์ นการดำเนินคดกี ับผู้กระทำ ความผดิ ตามพระราชบญั ญัตินี้หรอื ผกู้ ระทำความผิดตามกฎหมายอื่นในกรณตี ามมาตรา 18 วรรคสองหรือเพือ่ ประโยชน์ในการดำเนินคดกี ับพนกั งานเจ้าหน้าทเ่ี กีย่ วกับการใชอ้ ำนาจหน้าทีโ่ ดยมชิ อบ หรือกบั พนักงาน สอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัตหิ นา้ ทต่ี ามมาตรา 18 วรรคสอง โดยมชิ อบหรือเป็นการกระทำตามคำสงั่ หรอื ที่ไดร้ ับอนุญาตจากศาล พนกั งานเจ้าหน้าท่หี รือพนักงานสอบสวนผใู้ ดฝา่ ฝืนวรรคหนึง่ ต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกินสามปหี รอื ปรับไมเ่ กินหกหม่นื บาท หรือทั้งจำทง้ั ปรับ มาตรา 23 พนกั งานเจ้าหน้าท่ีหรือพนกั งานสอบสวนในกรณตี ามมาตรา 18 วรรคสองผ้ใู ด กระทำโดยประมาทเป็นเหตใุ หผ้ ู้อ่ืนล่วงร้ขู อ้ มูลคอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรอื ข้อมลู ของ ผใู้ ชบ้ รกิ าร ท่ีได้มาตามมาตรา 18 ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินหนึ่งปี หรือปรับไมเ่ กินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้ง ปรบั มาตรา 24 ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรือข้อมูลของ ผูใ้ ชบ้ ริการทพ่ี นักงานเจา้ หน้าท่ีหรอื พนักงานสอบสวนได้มาตามมาตรา 18 และเปิดเผยข้อมูลนน้ั ต่อผู้หนึ่งผูใ้ ด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สองปี หรอื ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำท้ังปรบั มาตรา 25 ข้อมลู ข้อมลู คอมพิวเตอร์หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ทพ่ี นักงานเจ้าหนา้ ท่ี ได้มาตามพระราชบัญญัตินห้ี รือที่พนกั งานสอบสวนไดม้ าตามมาตรา 18 วรรคสอง ให้อ้างและรับฟงั เป็น พยานหลักฐานตามบทบญั ญตั ิแหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาหรือกฎหมายอืน่ อนั ว่าด้วยการ สบื พยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดทม่ี ิได้เกดิ ขนึ้ จากการจงู ใจ มีคำม่ันสัญญา ขู่เขญ็ หลอกลวง หรือโดยมิชอบ ประการอน่ื ”

346 มาตรา 17 ใหย้ กเลิกความในวรรคหนึง่ ของมาตรา 26 แหง่ พระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทำ ความผดิ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 26 ผ้ใู ห้บรกิ ารต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอรไ์ ว้ไมน่ ้อยกว่าเก้าสิบวัน นบั แตว่ นั ทขี่ ้อมลู นน้ั เข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเปน็ พนกั งานเจา้ หน้าท่จี ะสง่ั ให้ผู้ใหบ้ ริการผู้ใดเกบ็ รกั ษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกนิ เกา้ สิบวนั แต่ไมเ่ กินสองปีเป็นกรณีพเิ ศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ ได”้ มาตรา 18 ใหเ้ พิ่มความตอ่ ไปนเ้ี ปน็ วรรคสองและวรรคสามของมาตรา 28 แหง่ พระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “ผู้ที่ได้รบั การแต่งตั้งเป็นพนักงานเจา้ หนา้ ท่ตี ามพระราชบัญญัตนิ ี้ อาจได้รบั ค่าตอบแทน พิเศษตามที่รฐั มนตรีกำหนดโดยได้รบั ความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลัง ในการกำหนดให้ได้รบั ค่าตอบแทนพิเศษต้องคำนงึ ถึงภาระหน้าที่ ความรู้ความเช่ยี วชาญ ความขาดแคลนในการหาผู้มาปฏบิ ัตหิ น้าที่หรือมีการสูญเสียผปู้ ฏบิ ัติงานออกจากระบบราชการเปน็ จำนวน มากคุณภาพของงาน และการดำรงตนอยู่ในความยุติธรรมโดยเปรียบเทียบคา่ ตอบแทนของผู้ปฏิบัตงิ านอน่ื ใน กระบวนการยุตธิ รรมดว้ ย” มาตรา 19 ใหเ้ พ่ิมความต่อไปนเี้ ป็นมาตรา 31 แหง่ พระราชบัญญัติว่าดว้ ยการกระทำ ความผดิ เกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 31 คา่ ใช้จ่ายในเรื่องดังต่อไปน้ี รวมทงั้ วธิ กี ารเบิกจา่ ยให้เปน็ ไปตามระเบียบที่ รัฐมนตรีกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง (1) การสืบสวน การแสวงหาขอ้ มูล และรวบรวมพยานหลักฐานในคดีความผดิ ตาม พระราชบัญญัติน้ี (2) การดำเนินการตามมาตรา 18 วรรคหนงึ่ (4) (5) (6) (7) และ (8) และมาตรา 20 (3) การดำเนนิ การอ่นื ใดอันจำเปน็ แกก่ ารป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติน้ี”

347 มาตรา 20 บรรดาระเบียบหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ท่ใี ช้บงั คบั อยู่ในวนั ก่อนวนั ที่พระราชบัญญัตนิ ใ้ี ช้บังคับ ใหย้ งั คงใช้บังคบั ตอ่ ไปเท่าท่ีไมข่ ัดหรอื แย้งกับบทบญั ญตั แิ ห่งพระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ซึง่ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ี้ จนกวา่ จะมรี ะเบยี บหรือประกาศทต่ี ้องออกตาม พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการกระทำความผิดเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซงึ่ แก้ไขเพม่ิ เติมโดย พระราชบัญญตั ินี้ ใช้บังคับ การดำเนนิ การออกระเบียบหรือประกาศตามวรรคหนง่ึ ใหด้ ำเนนิ การให้แล้วเสรจ็ ภายในหก สบิ วันนับแตว่ นั ท่ีพระราชบัญญัตนิ ี้ใชบ้ งั คับ หากไมส่ ามารถดำเนินการไดใ้ หร้ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงดจิ ิทัลเพ่ือ เศรษฐกจิ และสงั คม รายงานเหตผุ ลที่ไม่อาจดำเนินการไดต้ ่อคณะรัฐมนตรเี พ่ือทราบมาตรา 21 ให้ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงดิจทิ ัลเพอื่ เศรษฐกิจและสงั คมรักษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ 1.1 การนำเขา้ ข้อมลู บิดเบือนหลอกลวง การทอ่ งโลกออนไลน์ ทำใหเ้ ราพบเจอข่าวสารเร่อื งราวต่าง ๆ มากมาย หลายเร่ืองกก็ ระตกุ ตอ่ มคิด หลายเรอ่ื งก็กระตุกต่อมให้อยากรู้ตอ่ หรือทำให้อดไมไ่ ด้ท่จี ะกระโดดเขา้ ไปมสี ว่ นร่วม เราสามารถ แชรห์ รอื สง่ ต่อข่าวสารข้อมลู นั้นออกไป เพราะอยากใหค้ นอืน่ ๆ รู้ด้วย บางครั้งเราดาวน์โหลดภาพหรือคลิป วดิ ีโอมาเก็บไว้ หลายครัง้ ทเ่ี ราเขา้ รว่ มวงสนทนาออนไลน์ วิพากษว์ ิจารณ์เร่ืองราวอยา่ งออกรสประหนงึ่ ว่าเรา เป็นผรู้ ่วมประสบเหตุ เป็นญาติ หรือแมแ้ ต่เปน็ ผู้เสียหายเอง โดยขาดความตระหนกั ว่าการแชร์ การแท็ก การ โพสตแ์ สดงความคิดเหน็ นนั้ จะมผี ลตอ่ ใคร อยา่ งไรต่อไป โลกออนไลน์เป็นโลกที่จะแสดงความคิดเห็น โพสต์หรือส่งตอ่ ข้อมลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ ได้อย่าง อิสระ แต่ความเป็นอสิ ระน้ีก็ใช่วา่ จะไร้กรอบกติกา เนื่องจากคนบนโลกออนไลน์นนั้ มตี ัวตนอยูจ่ ริง เป็นคน เหมอื น ๆ กัน ที่มีความคิด ความเชอ่ื ความรสู้ กึ ที่อาจจะเหมือนเรา คลา้ ยเรา หรือแตกต่างจากเรา การโพสต์โดยไม่คิดไตร่ตรอง อาจส่งผลให้เขาไดร้ ับผลกระทบจากเน้ือหาเรื่องราว ขอ้ คิดเห็น หรือคำ ด่าทอเสยี ดสตี ่าง ๆ จะด้วยความตง้ั ใจหรือไม่ตงั้ ใจของผู้โพสต์ ผแู้ ชร์ หรือผู้รว่ มแสดงความคิดเห็นหรือคอม เมนต์ก็ตาม

348 นอกจากนี้ การโพสตห์ รอื ส่งต่อข้อมลู ข่าวสารบางอย่างน้ันผิดกฎหมาย เชน่ สื่อลามกอนาจาร การพนัน ข่าว ปลอม หม่ินประมาท เนื้อหาข้อมลู เท็จที่กระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม หรอื ความม่ันคงปลอดภยั แมแ้ ตก่ าร โฆษณาขายสนิ คา้ ท่สี รา้ งความเดือดร้อนรำคาญใหแ้ กผ่ คู้ นในวงกว้าง ฯลฯ การโพสตด์ ว้ ยคกึ คะนองวา่ ตนเปน็ คนวางระเบิดหนา้ ห้างสรรพสนิ คา้ ปล่อยขา่ วดาวหางกำลัง จะพงุ่ ชนโลก เข่ือนกำลงั จะแตก หุ้นตวั นัน้ จะข้นึ ตัวนีจ้ ะลงให้รีบวางแผนทำกำไร โรงไฟฟา้ ปิดซ่อมบำรุงจะทำ ให้ไฟดับท้งั เมือง ใช้สบเู่ หลวทำให้ตายเร็วกวา่ สบู่ก้อน ฯลฯ ถ้าไม่เป็นความจริงก็เข้าข่ายการสง่ ข้อมูลข่าวสาร ปลอมหรือบิดเบือนข้อมลู เท็จ ท่ีทำใหเ้ กิดความต่ืนตระหนก เสยี หาย กระทบต่อความปลอดภยั ของประชาชน ความมัน่ คงทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพ้ืนฐาน ความมัน่ คงของประเทศ การก่อการร้าย หรือการโพสต์ขอ้ มูลที่มี ลักษณะลามกอนาจารทป่ี ระชาชนท่วั ไปเขา้ ถึงได้ เหล่านี้มีความผดิ ตามมาตรา 142 วงเลบ็ 1-4 ของ พ.ร.บ. คอม มโี ทษจําคุกไม่เกินหา้ ปี หรอื ปรับไมเ่ กินหน่งึ แสนบาท หรือทัง้ จาํ ท้ังปรับ 1.2 การนำเข้าขอ้ มลู อันเปน็ ความผิดเก่ียวกับความมั่นคงหรือการก่อการร้าย การนำเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซ่งึ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์อนั เปน็ เทจ็ โดยประการทน่ี ่าจะเกดิ ความ เสียหายต่อการรกั ษาความม่นั คงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภยั สาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของ ประเทศ หรอื โครงสร้างพน้ื ฐานอนั เป็นประโยชนส์ าธารณะของประเทศ หรือกอ่ ใหเ้ กดิ ความตื่นตระหนกแกป่ ระชาชน กรณีกระทำต่อข้อมลู คอมพวิ เตอร์หรอื ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีเกยี่ วกบั การรักษาความมัน่ คง ปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภยั สาธารณะความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรอื โครงสร้าง พนื้ ฐานอันเปน็ ประโยชน์สาธารณะ เพิ่มโทษการเจาะระบบการทำลายระบบท่ีเก่ยี วกบั ความมั่นคงของประเทศ ถ้าการกระทาความผดิ ตามมาตรา 5 ,6 ,7 , 8 หรือ 11 เป็นการกระทำต่อข้อมลู /ระบบคอมพิวเตอร์ท่เี กีย่ วกับ การรกั ษาความมั่นคงปลอดภยั ของประเทศฯ ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหน่ึงเปน็ เหตุให้เกิดความเสียหายต่อข้อมลู /ระบบ คอมพวิ เตอรด์ ังกล่าว (ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแตห่ น่ึงปีถึงสิบปี และปรบั ตั้งแต่สองหมื่นบาทถงึ สองแสนบาท) ถา้ การกระทำความผดิ ตามมาตรา 9 หรอื 10 เปน็ การกระทำต่อข้อมลู /ระบบคอมพวิ เตอร์ ตามวรรคหน่ึง (ต้องระวางโทษจาคกุ ตั้งแต่ 3ถงึ 5 ปีปรบั 6 หมื่นถึง 3แสนบาท) ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหน่ึงถึงสามถ้าการกระทำความผดิ ตามมาตรา 9 หรือ 10 โดยมไิ ดม้ เี จตนาฆ่าแตเ่ ปน็ เหตุใหบ้ ุคคลอ่ืนถึงแกค่ วามตาย(ตอ้ งระวางโทษจำคุกตัง้ แตห่ า้ ปีถงึ ยส่ี ิบปี และ ปรับตั้งแต่หนง่ึ แสนบาทถงึ สี่แสนบาท”)เพ่มิ เติม 12/1 ถา้ การกระทาความผิดตามมาตรา 9 หรอื 10 เป็นเหตุ

349 ให้เกดิ อันตราย/ทรัพย์สนิ ผูอ้ ื่น และการกระทำน้นั โดยมิไดม้ ีเจตนาฆ่าแตเ่ ปน็ เหตใุ ห้บุคคลอื่นถงึ แก่ความตาย (ระวางโทษ 5 ถึง 20 ป/ี ปรบั 1 ถงึ 4 แสนบาท) มาตรา ความผดิ อตั ราโทษ ม. 12 * เมอื่ การแฮ็กข้อมูลหรอื ระบบ, ดักรับ, Spam, *เม่ือแก้ไขเปล่ียนแปลงข้อมูล,ขัดขวางหรอื เปดิ เผยมาตรการป้องกัน ทำต่อโครงสร้าง ชะลอการทำงานระบบ ทำต่อโครงสรา้ ง สำคญั เชน่ ไฟฟา้ ประปา สำคัญ เชน่ ไฟฟ้า ประปา หากเกดิ ความเสยี หายตามมาด้วย ไมเ่ จตนา แต่ทำให้คนตาย *เม่อื แกไ้ ขเปล่ียนแปลงข้อมลู ,ขัดขวางหรือ โทษ 1-7 ปี ปรับ 10,000 –140,000 บาท ชะลอการทำงานระบบ ทำต่อโครงสรา้ งสำคัญ โทษ 1-10 ปี ปรบั 20,000 –200,000 บาท เชน่ ไฟฟ้า ประปา โทษ 3-15 ปี ปรบั 60,000 –300,000 บาท ไมเจตนา แตทำให้คนตาย โทษ 5-20 ปี ปรบั 100,000 –400,000 บาท 1.3 การนำเขา้ ภาพตดั ต่อ โลกแหง่ เทคโนโลยใี นปจั จุบนั มีการพฒั นา Software ทใ่ี ช้งานไดง้ า่ ย แม้แต่คนท่ีไม่ถนดั ด้าน คอมพิวเตอร์กราฟฟิค ก็สามารถเรยี นรแู้ ละใช้โปรแกรมจำพวกตดั ต่อภาพ/ คลิปวีดีโอ/ เสยี ง ได้อยา่ งง่ายๆ แต่ บางครัง้ การใช้โปรแกรมต่างๆ ในการตัดต่อรูปภาพ/ คลิปของบคุ คลอืน่ และสง่ ผลใหบ้ ุคคลนน้ั ได้รบั ความ เดือดร้อน อับอายหรือเสยี หาย ก็ถูกควบคุมโดย พรบ.ว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ตัวอย่างการตดั ต่อภาพที่สรา้ งความเสียหายให้กับบคุ คลอ่ืนมีให้เหน็ อยู่บ่อยคร้ังดว้ ยกัน เชน่ กรณที ่ีมีขา่ วเมื่อก่อนของดาราสาวคนหนง่ึ ซง่ึ ถูกชาวต่างชาตินำภาพใบหน้าไปตดั ต่อเป็นภาพเปลอื ยหน้าอก แลว้ นำไปเผยแพรใ่ นอนิ เทอร์เนต็ สง่ ผลกระทบใหเ้ สียหายต่อภาพลกั ษณ์ของเธอเป็นอย่างมาก ยังผลกระทบ ต่อความมน่ั คงระหว่างประเทศอกี ด้วย หรอื แม้แตบ่ างประเทศทนี่ ำภาพใบหน้าของดาราไทยมากมายไปตัดต่อ เปน็ ภาพเปลอื ยเพอ่ื โฆษณาสถานบริการทางเพศ โพสหรอื เผยแพรภ่ าพเปลือย ภาพลามกอนาจารของคนรูจ้ ัก หรอื คนรักเกา่ อันเป็นเหตุให้ผ้อู ื่นได้รับความอบั อาย หรือเสยี หาย

350 กรณที ีเ่ ป็นการนำรปู ของบคุ คลอ่ืนไปตัดตอ่ ทำภาพและนำออกเผยแพรเ่ พ่ือกลน่ั แกลง้ ให้อบั อาย เสียชื่อเสียง เช่น ตดั ตอ่ ภาพใบหนา้ บนรปู ร่างท่มี ลี ักษณะน่าเกลียด หรอื การตัดต่อภาพ คลิปวดี ีโอ เพ่อื ผลิตเปน็ สื่อลามก ออกจำหนา่ ยหาผลกำไรจากความเดือดร้อนของผู้อนื่ ดังกรณที ่ีกล่าวมา ถือว่ามีความผดิ ตามพระราชบญั ญติวา่ ด้วยการกระทำผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์พ.ศ. 2550 มาตรา16 ซึ่งกล่าวไวว้ า่ ผู้ใดนำเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงไดซ้ ง่ึ ขอ้ มูลคอมพิวเตอรท์ ปี่ รากฏ เป็นภาพของผูอ้ ื่น และภาพนั้นเปน็ ภาพท่ีเกดิ จากการสร้างข้นึ ตัดตอ่ เตมิ หรือดดั แปลงดว้ ยวธิ กี ารทาง อเิ ล็กทรอนิกสห์ รือวธิ ีการอืน่ ใด ท้งั นี้ โดยประการที่นา่ จะทำใหผ้ ู้อืน่ นนั้ เสียช่ือเสียง ถูกดูหม่ิน ถูกเกลยี ดชัง หรอื ไดร้ บั ความอบั อาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไมเ่ กินหกหม่ืนบาท หรือท้ังจำทัง้ ปรบั กรณที มี่ ีการเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เนต็ หากภาพมีลักษณะเป็นภาพลามกอนาจาร กส็ ามารถเขา้ ข่ายผิดกฎหมาย การเผยแพร่สื่อลามกได้ นอกจากกน็ ้ียังมกี ฎหมายอาญาเร่ืองการหมิ่นประมาทเขา้ มาเกี่ยวข้อง โดยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ไดก้ ล่าวไว้ว่า ถ้าความผดิ ฐานหมิ่นประมาทได้ กระทำโดยการโฆษณาดว้ ยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตวั อกั ษรทท่ี ำให้ปรากฏดว้ ยวิธี ใด แผน่ เสียง หรอื สิ่งบนทกึ เสยี งอยา่ งอื่น กระทำโดยการกระจายเสียง หรือโดยการกระทำการปา่ วประกาศ ดว้ ยวิธีอื่นใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรับไม่เกนิ สองแสนบาท การใชเ้ ทคโนโลยี และสื่ออนิ เทอรเ์ นต็ ในการท่ีผดิ สรา้ งความเดือดร้อนและเสียหายให้กับ บคุ คลอนื่ เป็นการกระทำทผ่ี ิดกฎหมายและยังขาดสามัญสำนกึ ทีด่ ี ดงั นั้นในฐานะของพลเมอื งท่ดี ีเมื่อพบเหน็ เวบ็ ไซด์ หรือการโพสต์ข้อความทไ่ี ม่เหมาะสมชว่ ยกันแจ้งที่ www.thaihotline.org เพือ่ ประสานงานลบ เนอ้ื หาไม่เหมาะสม และช่วยเหลอื ผู้เสยี หาย มาตรา 16 ผูใ้ ดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทปี่ ระชาชนทว่ั ไปอาจ เข้าถึงได้ซงึ่ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ทป่ี รากฏเปน็ ภาพของผอู้ ืน่ และภาพน้นั เป็นภาพที่เกดิ จากการสรา้ งข้นึ ตดั ต่อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook