3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสือ่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 39 สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน รหัสวิชา ค 23101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ความคล้าย เรื่อง โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับรูปสามเหลย่ี มทคี่ ล้ายกัน (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วันที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบตั ิของรูปเรขาคณิต ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง รปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาไปใช้ 2. ตัวชวี้ ัดชั้นปี เข้าใจและใช้สมบตั ิของรปู สามเหลี่ยมที่คลา้ ยกนั ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวติ จรงิ (ค 2.2 ม.3/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถใช้สมบัตขิ องรูปสามเหล่ียมทค่ี ล้ายกนั ในการแก้โจทยป์ ัญหาในชวี ิตจรงิ (K) 2. มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา (P) 3. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถการเช่ือมโยง (P) 5. มคี วามสามารถในการให้เหตุผล (P) 6. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ ม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั - ทฤษฎีบท ถา้ อตั ราสว่ นของความยาวของด้านคู่ท่ีสมนัยกันทุกคขู่ องรปู สามเหล่ยี มสองรปู เปน็ อตั ราสว่ นท่ีเทา่ กัน แลว้ รปู สามเหลีย่ มสองรปู นน้ั เป็นรูปสามเหลีย่ มท่คี ลา้ ยกัน - รปู สามเหล่ยี มสองรูปจะเป็นรปู สามเหล่ยี มที่คล้ายกันเมื่อมเี งอ่ื นไขใดเงอื่ นไขหนง่ึ เพยี งเงอื่ นไขเดยี ว จากสองเง่อื นไขตอ่ ไปนี้ 1) รปู สามเหลย่ี มท้งั สองรูปนั้นมีขนาดของมุมเท่ากนั เป็นคู่ ๆ สามคู่ หรอื 2) อตั ราส่วนของความยาวของด้านคู่ทส่ี มนยั กันทุกคู่เป็นอัตราส่วนทเ่ี ท่ากัน 6. สาระการเรียนรู้ โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกับรูปสามเหลี่ยมท่คี ลา้ ยกัน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั สถานการณ์ในชีวิตจรงิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการใช้ความรู้ในเร่อื งรูป สามเหล่ยี ม ที่คล้ายกนั เช่น การหาความสงู ของตึก การหาความกวา้ งของแมน่ า้ และตัวอยา่ งอ่ืนท่ีนกั เรียน สามารถนึกภาพได้ เพื่อกระตนุ้ ความสนใจให้นักเรียนค้นหาแนวทางการแก้ปญั หาโดยใชค้ วามร้เู รือ่ งรูป สามเหลีย่ มทค่ี ล้ายกนั 2. ครทู บทวนความรเู้ รื่องการนาความคล้ายมาแกโ้ จทยป์ ัญหาโดยให้นักเรียนทาแบบฝึกทกั ษะที่ 4.4.1 แลว้ สุ่ม ตวั แทนนกั เรียนออกมานาเสนอวธิ ีคดิ 3. จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นฝึกการนกึ ภาพเกย่ี วกบั สถานการณ์ การวาดภาพจาลอง และวิเคราะหเ์ พ่ือทาความ เขา้ ใจ ปัญหา ซงึ่ ครูควรช้ีให้นกั เรยี นเห็นว่า เมอ่ื วาดภาพจาลองแทนสถานการณ์เหลา่ นนั้ แล้วรูปท่ไี ดจ้ ะมี ลกั ษณะเป็น รูปสามเหลยี่ มทค่ี ล้ายกนั ซ่งึ จะสามารถใชส้ มบัตขิ องรูปสามเหลี่ยมท่ีคล้ายกันท่ไี ด้เรยี นมา ในการ หาคาตอบได้ 4. ในการแก้โจทยป์ ญั หาเก่ียวกับรปู สามเหล่ียมที่คล้ายกนั ครูเนน้ ยา้ ให้นักเรียนตรวจสอบความคล้ายกนั ของ รูปสามเหล่ียม ก่อนทจี่ ะใช้สมบัติของรูปสามเหล่ยี มท่ีคล้ายกันในการแกป้ ัญหา 5. ครูอาจให้นักเรยี นสร้างโจทยป์ ัญหาเอง หรอื อาจจัดกจิ กรรมให้นกั เรยี นได้ลงมือปฏบิ ัตินอกห้องเรียน เชน่ หาความสงู ของเสาธง หาความสูงของอาคารเรียน หาความกวา้ งของสระน้า โดยใช้การจาลองสถานการณ์ สมบัตขิ อง รูปสามเหล่ยี มท่ีคลา้ ยกนั และกระบวนการแก้ปัญหาท่ีได้ 6. ครยู กตัวอย่างการใชค้ วามคล้ายในการแกโ้ จทย์ปญั หา หรอื สถานการณ์ตา่ ง ๆ บนกระดาน ดังนี้ ตัวอย่างท่ี 2 ชายคนหน่งึ ต้องการทราบระยะห่างของตน้ ไมส้ องต้นท่ีอย่บู นฝั่งคนละข้างของแอ่ง น้าแห่งหน่งึ เขาจงึ สมมตจิ ุด P และจุด Q แทนตาแหน่งของต้นไม้ท้ังสองและบนฝั่งน้าท่ีเขายืนอยู่ เขาสร้าง
ST ขนานกับ PQ แล้วสรา้ ง PT และ QS ใหต้ ดั กนั ที่จุด R ดังรปู จากนน้ั วัดระยะ ST , RS และ QR โดยยาว 22, 20.3 และ 60.9 เมตร ตามลาดับ จงหาระยะหา่ งระหว่างต้นไม้ท้งั สองต้น วธิ ีทา จากโจทย์จะได้วา่ PQR TSR เพราะว่า 1. (มุมแยง้ ทเ่ี กิดจากเส้นตดั เส้นขนานมขี นาดเทา่ กนั ) RPQ RTS 2. (มุมแยง้ ทเ่ี กิดจากเสน้ ตดั เส้นขนานมขี นาดเทา่ กัน) RQP RST 3. (เสน้ ตรงสองเสน้ ตดั กนั มมุ ตรงขา้ มมขี นาดเทา่ กนั ) PRQ TRS นัน่ คือ PQ QR TS ST แทนค่า PQ 60.9 = 66 22 20.3 นนั่ คือ ต้นไม้ทง้ั สองอยูห่ า่ งกนั 66 เมตร 7. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหดั ที่ 4.3 ข้อ 2 - 6 ใหญ่ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ เครือ่ งมือ เกณฑ์ 1. หนงั สือเรยี น แบบฝกึ หัด ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. แบบฝกึ หัดที่ 4.3 รายบคุ คล 3. แบบฝึกทักษะ 4.4.1 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ ตรวจแบบฝึกหัด สังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบคุ คล
9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินการทา (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบฝึกไดอ้ ย่าง แบบฝกึ หัด ถกู ตอ้ งต่ากวา่ ร้อย 2. เกณฑ์การ ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝึกไดอ้ ย่าง ละ 60 ประเมินความ ทาความเข้าใจ สามารถในการ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถูกต้องร้อยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ปัญหา คิดวเิ คราะห์ แกป้ ัญหา มีรอ่ งรอยของการ ขน้ึ ไป 89 79 วางแผนแก้ปัญหา 3. เกณฑ์การ แต่ไม่สาเรจ็ ประเมินความ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ สามารถในการ ใช้รูป ภาษา และ สอื่ สาร สอื่ ปญั หา คดิ ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ สัญลักษณ์ทาง ความหมายทาง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแก้ปญั หา สอ่ื สาร ส่ือความหมาย 4. เกณฑก์ าร แก้ปญั หา และเลือกใชว้ ิธกี าร และเลือกใชว้ ิธีการ สรปุ ผล และ ประเมนิ ความ นาเสนอไมไ่ ด้ สามารถในการ และเลอื กใชว้ ิธีการ ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ เชื่อมโยง ใช้ความร้ทู าง ท่ีเหมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ที่ได้ยงั ไมม่ คี วาม คณิตศาสตรเ์ ป็น เครือ่ งมอื ในการ คานงึ ถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ กี ารตรวจสอบ คาตอบพร้อมท้ัง ความถกู ตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งได้ ใชร้ ูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สญั ลกั ษณ์ทาง สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ ส่ือสาร สื่อสาร ส่ือสาร สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถูกต้อง ถูกต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ท่ีสมบรู ณ์ ใชค้ วามรูท้ าง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรทู้ าง คณติ ศาสตร์เปน็ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ เคร่ืองมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เคร่ืองมือในการ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรอื
ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ (ดี) (กาลังพฒั นา) ศาสตร์อ่ืน ๆ และ 5. เกณฑ์การ นาไปใช้ในชวี ิตจริง ศาสตร์อ่นื ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ประเมนิ ความ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง นาไปใชใ้ นชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ สามารถในการ เหมาะสม ไดบ้ างส่วน รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล ให้เหตุผล รบั ฟังและให้ สนับสนุน หรอื รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รับฟงั และใหเ้ หตุผล โต้แย้งไม่ได้ 6. เกณฑก์ าร เหตุผลสนบั สนนุ สนบั สนนุ หรือ สนบั สนนุ หรือ ประเมินความมุ โต้แย้ง เพอ่ื นาไปสู่ โต้แย้ง แต่ไม่ ไมม่ คี วามตั้งใจและ มานะในการทา หรือโตแ้ ยง้ เพื่อ การสรุปโดยมี นาไปส่กู ารสรุปทม่ี ี พยายามในการทา ความเขา้ ใจ ขอ้ เทจ็ จริงทาง ขอ้ เท็จจริงทาง ความเข้าใจปัญหา ปญั หาและ นาไปสู่ การสรปุ คณิตศาสตร์รองรบั คณิตศาสตร์รองรับ และแก้ปัญหาทาง แก้ปญั หาทาง ไดบ้ างสว่ น คณติ ศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ โดยมขี อ้ เท็จจรงิ ความอดทนและ มคี วามตัง้ ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ทางคณติ ศาสตร์ พยายามในการทา พยายามในการทา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ รองรบั ได้อย่าง และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง ไมส่ าเร็จ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ สมบรู ณ์ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค มีความตั้งใจและ จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาให้แก้ปญั หา พยายามในการทา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ความเข้าใจปัญหา ไม่สาเรจ็ เล็กน้อย ไม่สาเรจ็ เป็นสว่ น และแก้ปัญหาทาง ใหญ่ คณิตศาสตร์ มี ความอดทนและไม่ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค จนทาให้แกป้ ัญหา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ 7. เกณฑก์ าร มีความมุ่งมัน่ ใน มคี วามมงุ่ มนั่ ในการ มีความมุง่ มั่นในการ มีความม่งุ มั่นในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุ่งม่นั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บร้อยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรุง) เรียบรอ้ ย ครบถว้ น (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนี่ไม่ผา่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 40 สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน รหสั วชิ า ค 23101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ความคล้าย เรื่อง โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับรูปสามเหล่ยี มทคี่ ล้ายกัน (3) เวลา 1 ช่วั โมง วันที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบตั ิของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง รปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาไปใช้ 2. ตัวชวี้ ัดชั้นปี เข้าใจและใช้สมบตั ิของรปู สามเหลี่ยมที่คลา้ ยกันในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชีวติ จรงิ (ค 2.2 ม.3/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถใช้สมบตั ขิ องรูปสามเหล่ียมทค่ี ลา้ ยกนั ในการแกโ้ จทย์ปัญหาในชวี ิตจรงิ (K) 2. มีความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา (P) 3. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถการเช่ือมโยง (P) 5. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 6. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ ม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. มีความสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคญั - ทฤษฎบี ท ถา้ อตั ราส่วนของความยาวของดา้ นคู่ทส่ี มนัยกนั ทุกคขู่ องรูปสามเหลย่ี มสองรูปเปน็ อตั ราสว่ นทเ่ี ทา่ กัน แลว้ รูปสามเหล่ียมสองรปู นั้นเปน็ รูปสามเหลย่ี มท่ีคล้ายกนั - รูปสามเหลยี่ มสองรูปจะเป็นรูปสามเหล่ียมท่ีคล้ายกนั เมือ่ มเี ง่อื นไขใดเง่ือนไขหนง่ึ เพียงเงื่อนไขเดยี ว จากสองเงอื่ นไขตอ่ ไปนี้ 1) รปู สามเหล่ยี มทั้งสองรูปนน้ั มีขนาดของมมุ เท่ากนั เปน็ คู่ ๆ สามคู่ หรือ 2) อตั ราสว่ นของความยาวของด้านคู่ท่ีสมนัยกันทุกคู่เป็นอตั ราส่วนท่เี ท่ากัน 6. สาระการเรียนรู้ โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกบั รปู สามเหลีย่ มที่คลา้ ยกนั 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันทบทวนเกีย่ วกบั รปู สามเหลย่ี มสองรปู จะเป็นรปู สามเหล่ยี มทีค่ ลา้ ยกนั เมอ่ื มีเง่ือนไข ใดเงือ่ นไขหนึ่งเพยี งเงอื่ นไขเดียวจากสองเงอื่ นไขต่อไปนี้ 1) รปู สามเหลย่ี มท้ังสองรูปนัน้ มีขนาดของมุมเท่ากันเป็นคู่ ๆ สามคู่ หรอื 2) อตั ราส่วนของความยาวของดา้ นคู่ทสี่ มนัยกันทุกคู่เปน็ อัตราส่วนทเ่ี ท่ากนั 2. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะที่ 4.4.2 เพื่อทบทวนการแกโ้ ทย์ปญั หาโดยให้ความร้เู รอ่ื งความคล้าย แล้วสุม่ ตวั แทนนักเรียนออกมานาเสนอแนวคิด 3. ในการแกโ้ จทยป์ ัญหาเกี่ยวกับรูปสามเหลยี่ มที่คล้ายกนั ครูเนน้ ย้าให้นกั เรียนตรวจสอบความคล้ายกนั ของ รูปสามเหล่ยี ม กอ่ นท่จี ะใช้สมบตั ิของรูปสามเหลี่ยมทีค่ ล้ายกนั ในการแก้ปัญหา 4. ครูอาจให้นกั เรยี นสร้างโจทยป์ ญั หาเอง หรอื อาจจัดกิจกรรมใหน้ ักเรยี นได้ลงมือปฏิบัตนิ อกห้องเรยี น เช่น หาความสงู ของเสาธง หาความสูงของอาคารเรียน หาความกวา้ งของสระนา้ โดยใชก้ ารจาลองสถานการณ์ สมบัติของ รปู สามเหล่ียมท่ีคลา้ ยกนั และกระบวนการแกป้ ญั หาทไี่ ด้ 5. ครูยกตัวอย่างการใช้ความคล้ายในการแก้โจทย์ปญั หา หรอื สถานการณ์ตา่ ง ๆ บนกระดาน ดังน้ี ตัวอยา่ งท่ี 3 บันไดยาว 4 เมตร พาดอยกู่ ับผนังตึก เม่อื ชา่ งทาสขี ึน้ บนั ไดไปได้ 2 ของ 5 บนั ไดเขาทาแปรงทาสีตก ถ้าจดุ ท่ีแปรงทาสตี กลงมาถกู พืน้ ดนิ ห่างจากผนงั ตกึ 1.2 เมตร จงหาว่า เชิงบนั ไดอยหู่ ่างจากผนังตกึ ประมาณเทา่ ไร วิธีทา สมมตวิ ่าให้เชิงบนั ไดหา่ งจากผนังตึก X เมตร
ดังนัน้ จดุ ที่แปรงทาสีตกห่างจากเชิงบนั ได X - 1.2 เมตร เน่อื งจากบนั ไดยาว 4 เมตร ดังนน้ั 2 ของบันได = 2 X 4 1.6 เมตร 55 จากคุณสมบตั ิของสามเหลีย่ มคล้าย 1.6 4 X 1.2 X 1.6X = 4(X-1.2) 1.6X = 4X - 4.8 2.4X = 4.8 X =2 ดงั นัน้ เชิงบนั ไดอย่หู ่างจากผนงั ตกึ 2 เมตร 6. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั ที่ 4.3 ขอ้ 7 ใหญ่ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ เครือ่ งมือ เกณฑ์ 1. หนงั สือเรียน แบบฝึกหดั และแบบฝกึ ทักษะ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. แบบฝึกหัดที่ 4.3 รายบุคคล 3. แบบฝึกทกั ษะ 4.4.2 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ ตรวจแบบฝึกหัดและแบบฝกึ ทักษะ สังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคล
9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินการทา (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบฝึกได้อย่าง แบบฝกึ หัด ถกู ตอ้ งต่ากวา่ ร้อย 2. เกณฑ์การ ทาแบบฝึกได้อยา่ ง ทาแบบฝึกไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝึกไดอ้ ยา่ ง ละ 60 ประเมินความ ทาความเขา้ ใจ สามารถในการ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถูกต้องร้อยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ปัญหา คิดวเิ คราะห์ แกป้ ัญหา มีร่องรอยของการ ขน้ึ ไป 89 79 วางแผนแก้ปญั หา 3. เกณฑ์การ แต่ไม่สาเรจ็ ประเมินความ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ สามารถในการ ใช้รูป ภาษา และ สอื่ สาร สอื่ ปญั หา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ สัญลักษณ์ทาง ความหมายทาง คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแก้ปัญหา วางแผนแก้ปญั หา สอ่ื สาร ส่ือความหมาย 4. เกณฑก์ าร แก้ปญั หา และเลือกใช้วิธกี าร และเลือกใชว้ ิธีการ สรปุ ผล และ ประเมนิ ความ นาเสนอไม่ได้ สามารถในการ และเลอื กใช้วิธีการ ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ เชื่อมโยง ใช้ความร้ทู าง ท่ีเหมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ที่ได้ยงั ไมม่ คี วาม คณติ ศาสตร์เป็น เครือ่ งมอื ในการ คานงึ ถงึ ความ ของคาตอบยงั ไม่ดี สมเหตุสมผล และ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ กี ารตรวจสอบ คาตอบพรอ้ มท้ัง ความถกู ตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งได้ ใชร้ ูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ ส่ือสาร สื่อสาร ส่ือสาร สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้อย่าง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถูกต้อง ถูกต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ท่ีสมบรู ณ์ ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง คณติ ศาสตร์เปน็ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ เคร่ืองมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เคร่ืองมือในการ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรอื
ประเด็นการ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) ศาสตร์อ่นื ๆ และ (ดี) (กาลังพฒั นา) ศาสตร์อ่ืน ๆ และ 5. เกณฑ์การ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ประเมนิ ความ ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ สามารถในการ เหมาะสม ไดบ้ างส่วน รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล ให้เหตุผล รับฟังและให้ สนับสนุน หรอื รับฟังและให้เหตผุ ล รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล โต้แย้งไม่ได้ 6. เกณฑก์ าร เหตผุ ลสนับสนนุ สนับสนนุ หรือ สนบั สนนุ หรือ ประเมนิ ความมุ โตแ้ ยง้ เพ่ือนาไปสู่ โต้แย้ง แต่ไม่ ไมม่ ีความตั้งใจและ มานะในการทา หรือโตแ้ ยง้ เพอ่ื การสรปุ โดยมี นาไปส่กู ารสรุปทม่ี ี พยายามในการทา ความเข้าใจ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง ขอ้ เท็จจริงทาง ความเข้าใจปัญหา ปญั หาและ นาไปสู่ การสรุป คณิตศาสตรร์ องรับ คณิตศาสตร์รองรับ และแก้ปัญหาทาง แก้ปญั หาทาง ไดบ้ างสว่ น คณติ ศาสตร์ ไม่มี คณิตศาสตร์ โดยมขี ้อเท็จจริง ความอดทนและ มีความต้งั ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ทางคณติ ศาสตร์ พยายามในการทา พยายามในการทา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ รองรบั ไดอ้ ย่าง และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง ไมส่ าเร็จ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ สมบรู ณ์ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค มคี วามต้งั ใจและ จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาให้แก้ปญั หา พยายามในการทา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ความเขา้ ใจปญั หา ไม่สาเร็จเล็กน้อย ไม่สาเรจ็ เป็นสว่ น และแก้ปัญหาทาง ใหญ่ คณิตศาสตร์ มี ความอดทนและไม่ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ 7. เกณฑก์ าร มีความมงุ่ มัน่ ใน มีความมุ่งม่ันในการ มีความมุง่ มั่นในการ มีความม่งุ มั่นในการ ประเมินความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุ่งมั่นในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบร้อยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย
ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรงุ ) เรยี บร้อย ครบถ้วน (ดี) (กาลงั พัฒนา) ผลสาเร็จอยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร 10. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ีไมผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมคี ุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 41 สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน รหัสวิชา ค 23101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ความคล้าย เรื่อง โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับรูปสามเหลย่ี มทคี่ ล้ายกัน (4) เวลา 1 ช่วั โมง วันที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิต สมบตั ิของรูปเรขาคณิต ความสมั พันธร์ ะหว่าง รปู เรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาไปใช้ 2. ตัวชวี้ ัดชั้นปี เข้าใจและใช้สมบตั ิของรปู สามเหลี่ยมที่คลา้ ยกันในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ิตจริง (ค 2.2 ม.3/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถใช้สมบัตขิ องรูปสามเหลย่ี มทค่ี ลา้ ยกนั ในการแกโ้ จทยป์ ญั หาในชวี ิตจรงิ (K) 2. มคี วามสามารถในการแก้ไขปัญหา (P) 3. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถการเช่ือมโยง (P) 5. มีความสามารถในการให้เหตุผล (P) 6. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ ม่นั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคัญ - ทฤษฎีบท ถ้าอัตราส่วนของความยาวของด้านคู่ทสี่ มนัยกนั ทกุ คู่ของรูปสามเหลี่ยมสองรปู เป็น อตั ราส่วนทีเ่ ทา่ กนั แลว้ รปู สามเหลย่ี มสองรูปนั้นเป็นรูปสามเหล่ียมท่คี ลา้ ยกัน - รูปสามเหลีย่ มสองรูปจะเปน็ รูปสามเหล่ียมที่คล้ายกนั เม่ือมเี ง่ือนไขใดเง่ือนไขหนงึ่ เพยี งเงื่อนไขเดยี ว จากสองเง่ือนไขตอ่ ไปนี้ 1) รูปสามเหลยี่ มทั้งสองรูปนน้ั มขี นาดของมุมเท่ากนั เป็นคู่ ๆ สามคู่ หรอื 2) อตั ราสว่ นของความยาวของด้านคู่ท่ีสมนยั กนั ทุกคู่เปน็ อตั ราสว่ นทเ่ี ท่ากนั 6. สาระการเรียนรู้ โจทยป์ ญั หาเก่ยี วกับรูปสามเหลี่ยมทคี่ ลา้ ยกัน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันทบทวนเกย่ี วกับรูปสามเหลี่ยมสองรูปจะเปน็ รูปสามเหล่ยี มทคี่ ล้ายกันเม่อื มีเง่ือนไข ใดเงอ่ื นไขหนง่ึ เพยี งเงือ่ นไขเดยี วจากสองเงื่อนไขตอ่ ไปนี้ 1) รปู สามเหลยี่ มทง้ั สองรูปนั้นมขี นาดของมุมเทา่ กันเป็นคู่ ๆ สามคู่ หรือ 2) อัตราส่วนของความยาวของดา้ นคู่ที่สมนยั กนั ทุกคู่เปน็ อัตราสว่ นทเ่ี ท่ากัน 2. ในการแกโ้ จทยป์ ญั หาเก่ียวกับรปู สามเหลย่ี มท่ีคล้ายกัน ครเู น้นยา้ ให้นกั เรยี นตรวจสอบความคล้ายกันของ รปู สามเหลี่ยม กอ่ นท่ีจะใช้สมบัติของรปู สามเหล่ียมทค่ี ล้ายกันในการแก้ปัญหา 3. ครูอาจให้นักเรยี นสรา้ งโจทยป์ ญั หาเอง หรืออาจจัดกิจกรรมใหน้ ักเรียนได้ลงมอื ปฏบิ ัตนิ อกห้องเรยี น เชน่ หาความสงู ของเสาธง หาความสงู ของอาคารเรียน หาความกวา้ งของสระน้า โดยใชก้ ารจาลองสถานการณ์ สมบตั ิของ รูปสามเหล่ยี มที่คลา้ ยกนั และกระบวนการแก้ปญั หาทไี่ ด้ 4. ครูให้นักเรยี นจับคกู่ นั เพอ่ื ศกึ ษาตวั อย่างท่ี 1 – 3 ในหนงั สือเรยี นหนา้ 141 – 143 โดยมีครูคอยให้ คาแนะนาและชว่ ยอธิบายเพม่ิ เติมจนนกั เรียนเข้าใจ 5. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละค่ทู ากจิ กรรมมมุ คณติ ในหนังสอื เรียนหน้า 148 หลงั จากนน้ั สมุ่ ตวั แทนนกั เรยี นออกมา อภิปรายรว่ มกนั 6. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัดที่ 4.3 ขอ้ 8 ใหญ่
8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ เคร่ืองมือ เกณฑ์ 1. หนังสือเรียน แบบฝกึ หดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 2. แบบฝกึ หัดท่ี 4.3 รายบคุ คล 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ ตรวจแบบฝึกหัด สังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคล 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมนิ การทา (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝึกได้อยา่ ง แบบฝกึ หัด ถูกตอ้ งต่ากว่ารอ้ ย 2. เกณฑก์ าร ทาแบบฝกึ ไดอ้ ย่าง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ย่าง ละ 60 ประเมินความ ทาความเข้าใจ สามารถในการ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถูกต้องรอ้ ยละ 80 - ถกู ต้องรอ้ ยละ 60 - ปัญหา คิดวเิ คราะห์ แกป้ ญั หา มีร่องรอยของการ ขึน้ ไป 89 79 วางแผนแกป้ ญั หา 3. เกณฑ์การ แต่ไมส่ าเรจ็ ประเมินความ ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเขา้ ใจ ใช้รูป ภาษา และ ปญั หา คิด ปัญหา คดิ วิเคราะห์ ปัญหา คดิ วิเคราะห์ สัญลักษณท์ าง วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแกป้ ัญหา แก้ปญั หา และเลือกใชว้ ิธีการ และเลอื กใช้วธิ ีการ และเลือกใช้วิธกี าร ทีเ่ หมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ท่เี หมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ทไ่ี ดย้ งั ไมม่ ีความ คานงึ ถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ กี ารตรวจสอบ คาตอบพร้อมทง้ั ความถูกต้องไม่ได้ ความถกู ต้อง ตรวจสอบความ ถกู ต้องได้ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สัญลักษณท์ าง สญั ลักษณ์ทาง สญั ลักษณ์ทาง
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 สามารถในการ (ตอ้ งปรับปรงุ ) สอื่ สาร สือ่ (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง ส่อื สาร คณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ 4. เกณฑ์การ ส่ือสาร สื่อสาร ส่อื สาร นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สามารถในการ ส่อื ความหมาย สื่อความหมาย สื่อความหมาย ใชค้ วามรทู้ าง เช่ือมโยง คณิตศาสตร์เปน็ สรุปผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ เครอ่ื งมอื ในการ 5. เกณฑก์ าร เรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ ประเมินความ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง นาเสนอได้ถกู ต้อง เน้ือหาต่าง ๆ หรอื สามารถในการ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ให้เหตุผล ถกู ต้อง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน นาไปใช้ในชวี ิตจริง 6. เกณฑก์ าร ทสี่ มบูรณ์ รับฟงั และให้เหตผุ ล ประเมนิ ความมุ สนับสนนุ หรอื มานะในการทา ใช้ความร้ทู าง ใช้ความร้ทู าง ใช้ความร้ทู าง โต้แยง้ ไมไ่ ด้ ความเข้าใจ ปญั หาและ คณติ ศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ ไมม่ คี วามต้ังใจและ พยายามในการทา เครอ่ื งมือในการ เคร่ืองมอื ในการ เครอ่ื งมือในการ ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง เรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื เนื้อหาต่าง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรือ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตร์อื่น ๆ และ นาไปใช้ในชีวิตจรงิ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ ได้อยา่ งสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น เหมาะสม รับฟงั และให้ รับฟังและใหเ้ หตผุ ล รบั ฟังและให้เหตผุ ล เหตุผลสนับสนนุ สนบั สนนุ หรอื สนับสนนุ หรือ หรอื โตแ้ ย้ง เพ่อื โต้แย้ง เพอื่ นาไปสู่ โตแ้ ย้ง แตไ่ ม่ นาไปสู่ การสรปุ การสรุปโดยมี นาไปสกู่ ารสรุปทีม่ ี โดยมขี อ้ เทจ็ จริง ข้อเท็จจริงทาง ข้อเทจ็ จริงทาง ทางคณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์รองรบั คณติ ศาสตร์รองรับ รองรับไดอ้ ย่าง ได้บางสว่ น สมบูรณ์ มีความต้ังใจและ มคี วามตง้ั ใจและ มีความตงั้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 แกป้ ญั หาทาง (ตอ้ งปรบั ปรุง) คณติ ศาสตร์ (ดีมาก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ความอดทนและ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค 7. เกณฑก์ าร ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ จนทาให้แก้ปญั หา ประเมนิ ความ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ มงุ่ มั่นในการ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค ไมส่ าเร็จ ทางาน จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาให้แก้ปญั หา ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เลก็ น้อย ไม่สาเรจ็ เปน็ ส่วน ใหญ่ มคี วามม่งุ ม่ันใน มีความมงุ่ มั่นในการ มีความมุ่งมั่นในการ มีความมงุ่ มนั่ ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ คี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยส่วนนอ้ ย ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ีไม่ผ่าน มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนทไี่ มผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
3. นกั เรียนเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของส่อื ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 42 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน รหัสวิชา ค 23101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ความคล้าย เรือ่ ง แบบทดสอบท้ายบทท่ี 4 เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท.่ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผูส้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เขา้ ใจและวเิ คราะห์รปู เรขาคณิต สมบัติของรปู เรขาคณิต ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง รูปเรขาคณิต และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และนาไปใช้ 2. ตวั ช้วี ัดชนั้ ปี เข้าใจและใช้สมบตั ิของรูปสามเหลยี่ มที่คลา้ ยกันในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ิตจริง (ค 2.2 ม.3/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถใช้สมบัตขิ องรปู สามเหลีย่ มทค่ี ลา้ ยกันในการแกโ้ จทย์ปัญหาในชีวิตจรงิ (K) 2. มีความสามารถในการแก้ไขปญั หา (P) 3. มีความสามารถในการสอ่ื สาร ส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มีความสามารถการเชือ่ มโยง (P) 5. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 6. มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มคี วามมุ่งมนั่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคญั - ทฤษฎบี ท ถา้ อัตราสว่ นของความยาวของดา้ นคู่ท่สี มนยั กันทุกคขู่ องรปู สามเหลี่ยมสองรปู เป็น อัตราสว่ นทเ่ี ท่ากัน แลว้ รปู สามเหลย่ี มสองรปู นน้ั เปน็ รูปสามเหลย่ี มท่คี ลา้ ยกัน - รปู สามเหลี่ยมสองรูปจะเป็นรปู สามเหลี่ยมท่ีคล้ายกนั เมื่อมเี ง่ือนไขใดเงอ่ื นไขหนง่ึ เพียงเงอ่ื นไขเดยี ว จากสองเง่อื นไขตอ่ ไปนี้ 1) รูปสามเหลยี่ มท้ังสองรูปน้ันมขี นาดของมมุ เท่ากนั เปน็ คู่ ๆ สามคู่ หรือ 2) อัตราสว่ นของความยาวของดา้ นคู่ทีส่ มนยั กันทุกคู่เป็นอตั ราสว่ นทีเ่ ท่ากนั 6. สาระการเรียนรู้ ความคล้าย 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบทา้ ยบทที่ 4 เร่ืองความคล้าย เพอื่ ทดสอบความรู้ความเข้าใจเรื่องความ คลา้ ย 8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบทดสอบท้ายบทเรอื่ งความคล้าย 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบท้ายบท แบบทดสอบท้ายบท ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบคุ คล
9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมนิ การทา (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบฝึกไดอ้ ย่าง แบบฝกึ หัด ถกู ตอ้ งต่ากวา่ ร้อย 2. เกณฑ์การ ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝึกไดอ้ ยา่ ง ละ 60 ประเมนิ ความ ทาความเข้าใจ สามารถในการ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถูกต้องร้อยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ปัญหา คิดวเิ คราะห์ แกป้ ัญหา มีรอ่ งรอยของการ ขน้ึ ไป 89 79 วางแผนแก้ปัญหา 3. เกณฑ์การ แต่ไม่สาเรจ็ ประเมินความ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ สามารถในการ ใช้รูป ภาษา และ สอื่ สาร สอื่ ปญั หา คดิ ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ สัญลักษณ์ทาง ความหมายทาง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแก้ปญั หา สอ่ื สาร ส่ือความหมาย 4. เกณฑก์ าร แกป้ ญั หา และเลือกใชว้ ิธกี าร และเลือกใชว้ ิธีการ สรปุ ผล และ ประเมินความ นาเสนอไมไ่ ด้ สามารถในการ และเลอื กใช้วิธีการ ที่เหมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ เชื่อมโยง ใช้ความร้ทู าง ท่ีเหมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ที่ได้ยงั ไมม่ คี วาม คณิตศาสตรเ์ ป็น เครือ่ งมอื ในการ คานงึ ถงึ ความ ของคาตอบยังไม่ดี สมเหตุสมผล และ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ กี ารตรวจสอบ คาตอบพรอ้ มท้ัง ความถกู ตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งได้ ใชร้ ูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ ส่ือสาร สื่อสาร ส่ือสาร สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถูกต้อง ถูกต้อง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ท่ีสมบรู ณ์ ใชค้ วามรู้ทาง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรทู้ าง คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ เคร่ืองมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เคร่ืองมือในการ เรียนรูค้ ณิตศาสตร์ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนื้อหาต่าง ๆ หรอื
ประเด็นการ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) ศาสตร์อ่นื ๆ และ (ด)ี (กาลังพฒั นา) ศาสตร์อ่ืน ๆ และ 5. เกณฑ์การ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ ศาสตร์อืน่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ประเมนิ ความ ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ สามารถในการ เหมาะสม ไดบ้ างส่วน รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล ให้เหตุผล รับฟังและให้ สนับสนุน หรอื รับฟังและให้เหตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตุผล โต้แย้งไม่ได้ 6. เกณฑ์การ เหตผุ ลสนับสนนุ สนับสนนุ หรือ สนบั สนนุ หรอื ประเมินความมุ โตแ้ ยง้ เพ่อื นาไปสู่ โต้แย้ง แตไ่ ม่ ไมม่ คี วามตั้งใจและ มานะในการทา หรือโตแ้ ยง้ เพอ่ื การสรปุ โดยมี นาไปส่กู ารสรุปทม่ี ี พยายามในการทา ความเข้าใจ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทาง ขอ้ เท็จจริงทาง ความเข้าใจปัญหา ปญั หาและ นาไปสู่ การสรุป คณิตศาสตรร์ องรับ คณิตศาสตร์รองรับ และแก้ปัญหาทาง แก้ปญั หาทาง ไดบ้ างสว่ น คณติ ศาสตร์ ไม่มี คณิตศาสตร์ โดยมขี ้อเท็จจริง ความอดทนและ มีความต้งั ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค ทางคณติ ศาสตร์ พยายามในการทา พยายามในการทา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ รองรบั ไดอ้ ย่าง และแกป้ ญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง ไมส่ าเร็จ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ สมบรู ณ์ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค มคี วามต้งั ใจและ จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาให้แก้ปัญหา พยายามในการทา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ความเขา้ ใจปญั หา ไม่สาเร็จเลก็ น้อย ไม่สาเรจ็ เป็นสว่ น และแก้ปัญหาทาง ใหญ่ คณิตศาสตร์ มี ความอดทนและไม่ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ สาเรจ็ 7. เกณฑก์ าร มีความมงุ่ มัน่ ใน มีความมุ่งม่ันในการ มีความมุง่ มัน่ ในการ มีความม่งุ มั่นในการ ประเมินความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุ่งมั่นในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ งานไมป่ ระสบ เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย
ประเดน็ การ 4 ระดบั คุณภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรุง) เรยี บร้อย ครบถว้ น (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ผลสาเรจ็ อย่างท่ี สมบูรณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนนีไ่ ม่ผ่าน มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมคี ณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
ภาคผนวก 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร)์ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล (คูณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์) 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์) มคี วาม ท่ี ชื่อ – สกลุ มคี วาม สามารถใน มคี วาม มีความ มคี วาม รวม สามารถในกา การส่อื สาร สามารถใน สามารถใน สามารถใน สอ่ื ความ การเชอื่ มโยง การใหเ้ หตผุ ล การคดิ 20 แก้ปัญหา หมายทาง สรา้ งสรรค์ คะแนน คณิตศาสตร์ 43214321432143214321
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 6 - 10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง ลงชือ่ .......................................................ผูป้ ระเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์) มีความมมุ านะใน ท่ี ชื่อ – สกุล การทาความเข้าใจ มีความมุ่งมัน่ ใน รวม ปัญหาและ การทางาน 8 คะแนน แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ 43214321
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 3-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ กลุ่มที่.................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดบั พฤตกิ รรม คณุ ภาพการปฏบิ ตั ิ ที่ 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทางานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงชอ่ื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 43 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวชิ า ค 23101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 กราฟของฟังกช์ นั กาลงั สอง เรือ่ ง แนะนาฟงั ก์ชัน (1) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.ี่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวเิ คราะห์แบบรปู ความสมั พันธข์ องฟังก์ชันลาดับและอนุกรม และ นาไปใช้ 2. ตวั ชวี้ ัดช้ันปี เข้าใจและใช้ความรูเ้ กยี่ วกับฟังกช์ ันกาลงั สองในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์ (ค 1.2 ม.3/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมายของฟังก์ชัน (K) 2. หาคา่ ของฟังกช์ ัน f ท่ี x หรือ f(x) เม่ือกาหนดค่า x มาให้ (K) 3. มคี วามสามารถในการแก้ไขปญั หา (P) 4. มีความสามารถในการสื่อสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามสามารถการเช่ือมโยง (P) 6. มีความสามารถในการให้เหตผุ ล (P) 7. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มีความมุ่งมั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคัญ ฟงั กช์ ัน ( function ) คือ ความสัมพันธ์ของปรมิ าณ x และปริมาณ y โดยท่ี x แต่ละค่า จะมีปริมาณ y ทส่ี อดคลอ้ งกันเพียง 1 คา่ 6. สาระการเรียนรู้ แนะนาฟงั ก์ชัน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครสู นทนากบั นกั เรียนเพอื่ ทบทวนควาสมั พันธ์ของปรมิ าณสองปริมาณ โดยให้นกั เรียนยกตวั อย่าง ความสมั พันธ์จากสถานการณ์ในชวี ติ ประจาวัน 2. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ชมธารซือ้ สม้ สายน้าผึง้ ในหนงั สอื เรียน หน้า 159 เพอ่ื ทบทวนว่าความสมั พันธ์ ของปรมิ าณสองปริมาณสามารถแสดงไดใ้ นรปู ข้อความ ตาราง แผนภาพ คอู่ ันดบั กราฟ หรอื สมการ 3. จากสถานการณ์ชมธารซอ้ื สม้ สายน้าผงึ้ ให้นักเรียนสังเกตว่า ราคาของสม้ สายนา้ ผึง้ ข้นึ อยูก่ ับนา้ หนักของส้ม โดยน้าหนักของสม้ 1 คา่ จะได้ราคา 1 ค่า เพ่ือนาไปสู่การแนะนาวา่ ความสมั พันธ์ ในลักษณะน้ี ในทาง คณติ ศาสตร์ เรียกวา่ “ฟังกช์ นั ” 4. ครใู หน้ ักเรียนทาา “กิจกรรม : ทาความรจู้ กั ฟังก์ชนั ” ในหนังสอื เรียนหน้า 161 – 162 เพอ่ื ให้นักเรียน เขา้ ใจเรอ่ื ง ฟังก์ชนั มากข้ึน 5. ครใู หน้ ักเรยี นสงั เกตว่า คา่ x แตล่ ะค่าที่ใส่ลงในเคร่อื งจกั รและผา่ นกระบวนการตามท่ีกาหนดไว้ จะได้ ผลลัพธ์ y เพียงคา่ เดยี ว ดงั นน้ั ความสัมพนั ธข์ องปรมิ าณ x และ y จากการทากจิ กรรมขา้ งต้น จงึ เปน็ ฟังก์ชันดว้ ย 6. ครูใหน้ กั เรียนจบั กลุม่ 3 – 4 คน เพอ่ื ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกัน สมมตุ ิสถานการณใ์ นชีวิตประจาวนั ที่ เก่ยี วข้องกบั ความสมั พันธ์ แลว้ ให้แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ สถานการณต์ ่าง ๆ ทก่ี ลุ่มของตนคิดมา โดยมคี รู คอยใหค้ าแนะนา 7. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ วา่ ฟังกช์ นั ( function ) คอื ความสมั พนั ธข์ องปริมาณ x และปรมิ าณ y โดยที่ x แต่ละคา่ จะมปี ริมาณ y ท่ีสอดคลอ้ งกนั เพียง 1 ค่า 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน 2. กิจกรรม : ทาความรูจ้ ักฟงั ก์ชัน
9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจกจิ กรรม : ทาความรจู้ กั ฟงั กช์ ัน กิจกรรม : ทาความรูจ้ กั ฟังก์ชัน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบุคคล รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรบั ปรุง) ประเมินการทา (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทาแบบฝึกได้อย่าง กิจกรรม : ทา ถูกต้องต่ากวา่ รอ้ ย ความรจู้ กั ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝึกได้อย่าง ละ 60 ฟังกช์ นั 2. เกณฑ์การ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 90 ถกู ตอ้ งร้อยละ 80 - ถกู ต้องรอ้ ยละ 60 - ทาความเข้าใจ ประเมนิ ความ ปญั หา คดิ วเิ คราะห์ สามารถในการ ขึ้นไป 89 79 มีร่องรอยของการ แกป้ ญั หา วางแผนแกป้ ญั หา ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ แตไ่ ม่สาเรจ็ 3. เกณฑก์ าร ปัญหา คดิ วิเคราะห์ ประเมนิ ความ ปัญหา คดิ ปญั หา คดิ วิเคราะห์ วางแผนแก้ปัญหา ใช้รปู ภาษา และ สามารถในการ และเลอื กใช้วธิ ีการ สญั ลักษณท์ าง ส่อื สาร ส่อื วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา ได้บางสว่ น คาตอบ คณิตศาสตรใ์ นการ ทไ่ี ด้ยงั ไม่มีความ สอ่ื สาร แกป้ ญั หา และเลือกใช้วิธกี าร สมเหตุสมผล และ ไมม่ กี ารตรวจสอบ และเลือกใช้วธิ กี าร ทเี่ หมาะสม แต่ ความถกู ตอ้ ง ทเี่ หมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ใชร้ ปู ภาษา และ สญั ลักษณ์ทาง คานงึ ถงึ ความ ของคาตอบยงั ไมด่ ี คณติ ศาสตร์ในการ สือ่ สาร สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ คาตอบพรอ้ มทั้ง ความถูกต้องไมไ่ ด้ ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งได้ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สัญลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณท์ าง คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ สอื่ สาร สือ่ สาร
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 ความหมายทาง (ตอ้ งปรับปรงุ ) คณติ ศาสตร์ (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) ส่ือความหมาย สรุปผล และ 4. เกณฑก์ าร สอ่ื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สื่อความหมาย นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ สามารถในการ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ ใชค้ วามรทู้ าง เชอ่ื มโยง นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง คณิตศาสตร์เป็น เคร่อื งมือในการ 5. เกณฑ์การ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอียด บางส่วน เรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ ประเมนิ ความ เน้อื หาต่าง ๆ หรือ สามารถในการ ท่ีสมบูรณ์ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ให้เหตุผล นาไปใช้ในชีวติ จริง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรูท้ าง ใช้ความรูท้ าง 6. เกณฑ์การ รับฟังและใหเ้ หตุผล ประเมินความมุ คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น สนับสนนุ หรือ มานะในการทา โต้แย้งไมไ่ ด้ ความเข้าใจ เครอื่ งมือในการ เคร่ืองมือในการ เครื่องมือในการ ปัญหาและ ไม่มีความตง้ั ใจและ แกป้ ญั หาทาง เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ พยายามในการทา คณติ ศาสตร์ เน้อื หาตา่ ง ๆ หรือ เน้ือหาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาตา่ ง ๆ หรอื ความเขา้ ใจปัญหา และแก้ปญั หาทาง ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ คณิตศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นาไปใช้ในชวี ิตจริง ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ได้อยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างสว่ น เหมาะสม รบั ฟงั และให้ รบั ฟังและให้เหตผุ ล รับฟงั และให้เหตผุ ล เหตผุ ลสนับสนนุ สนบั สนนุ หรอื สนบั สนุน หรือ หรือโตแ้ ยง้ เพอื่ โต้แย้ง เพอ่ื นาไปสู่ โต้แยง้ แตไ่ ม่ นาไปสู่ การสรปุ การสรุปโดยมี นาไปสกู่ ารสรุปที่มี โดยมีขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ เท็จจริงทาง ขอ้ เทจ็ จริงทาง ทางคณิตศาสตร์ คณติ ศาสตร์รองรับ คณิตศาสตรร์ องรับ รองรบั ได้อยา่ ง ได้บางส่วน สมบูรณ์ มีความตัง้ ใจและ มีความตง้ั ใจและ มคี วามต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค
ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 7. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรุง) ประเมนิ ความ (ดมี าก) (ดี) (กาลังพัฒนา) จนทาใหแ้ ก้ปญั หา มงุ่ ม่นั ในการ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางาน จนทาให้แก้ปญั หา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ไม่สาเร็จ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเร็จ ไมส่ าเร็จเลก็ น้อย ไม่สาเร็จเปน็ ส่วน ใหญ่ มีความมุ่งมนั่ ใน มคี วามมุง่ ม่ันในการ มีความม่งุ มน่ั ในการ มคี วามมงุ่ ม่นั ในการ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแต่ไมม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรยี บรอ้ ยส่วนน้อย ผลสาเร็จอย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรียนน่ีไมผ่ ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ไี ม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความร้คู วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
4. นักเรียนมีคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 44 สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวชิ า ค 23101 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 กราฟของฟังก์ชันกาลงั สอง เรื่อง แนะนาฟังกช์ นั (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.่ี ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสมั พันธข์ องฟังกช์ ันลาดับและอนกุ รม และ นาไปใช้ 2. ตัวช้ีวัดชั้นปี เขา้ ใจและใช้ความรเู้ กย่ี วกบั ฟังกช์ ันกาลงั สองในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์ (ค 1.2 ม.3/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมายของฟังก์ชัน (K) 2. หาค่าของฟังกช์ นั f ท่ี x หรอื f(x) เมอื่ กาหนดค่า x มาให้ (K) 3. มคี วามสามารถในการแก้ไขปญั หา (P) 4. มีความสามารถในการส่ือสาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มีความสามารถการเชอื่ มโยง (P) 6. มีความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 7. มีความมมุ านะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคญั ฟงั ก์ชนั ( function ) คอื ความสมั พนั ธ์ของปริมาณ x และปริมาณ y โดยที่ x แต่ละค่า จะมีปริมาณ y ทสี่ อดคลอ้ งกนั เพยี ง 1 คา่ 6. สาระการเรยี นรู้ แนะนาฟงั ก์ชัน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั ทบทวนความหมายของฟงั กช์ ัน ( function ) คอื ความสมั พันธ์ของปรมิ าณ x และ ปรมิ าณ y โดยที่ x แต่ละค่า จะมีปรมิ าณ y ท่สี อดคล้องกนั เพยี ง 1 คา่ 2. ครูให้นักเรยี นแต่ละคนยกตัวอยา่ งสถานการณ์ที่เกี่ยวกับฟังกช์ นั ในชีวติ ประจาวันของนกั เรียน เพอื่ เปน็ การ ทบทวนความร้เู รอื่ งความหมายของฟงั กช์ ัน โดยครูจะเขยี นสถานการณ์ต่าง ๆ ทนี่ กั เรียนเสนอมาไวบ้ นกระดาน 3. ครูอธบิ ายความหมายของฟังก์ชนั แนะนาสัญลกั ษณ์ y = f(x) และสญั ลักษณ์ f(x) รวมทั้งการหาค่า ของฟังก์ชันโดยอาจใช้ตวั อย่างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความยาวของดา้ นอละพน้ื ทข่ี องรูปส่ีเหลีย่ มจัตรุ ัส ใน หนงั สือเรียน หนา้ 163 4. ครูอภิปรายกบั นกั เรยี นเกี่ยวกบั การพจิ ารณาความสัมพนั ธ์ที่เป็นฟงั ก์ชัน ซ่งึ ทาได้โดยการแทนคา่ x ลงใน ความสมั พนั ธด์ ว้ ยจานวนจรงิ ใด ๆ แล้วแตล่ ะคา่ ของ x จะได้คา่ y เพยี ง 1 ค่า หรอื พจิ ารณาจากกราฟแสดง ความสัมพันธ์ ซ่งึ หากค่า x แต่ละค่า ให้ค่า y ท่ีสอดคลอ้ งกันเพยี ง 1 ค่า ความสัมพนั ธน์ ั้นจะเปน็ ฟังก์ชนั 5. ครูยกตวั อยา่ งที่ 1 ในหนงั สือเรยี น หนา้ 163 และบทสนทนาของขา้ วหอมกับข้าวกล้อง ในหนังสอื เรียน หนา้ 164 5. ครอู าจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 5.1 : ฟงั กช์ นั ปริศนา” ในคมู่ ือครู หนา้ 278 ใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึกสังเกต ความสัมพนั ธ์ ระหว่างคา่ x และคา่ f(x) เพอื่ สร้างและทดสอบขอ้ ความคาดการณว์ ่าฟงั ก์ชนั ปรศิ นาคืออะไร ซึ่งครสู ามารถ ปรบั เปลี่ยนบตั รฟังกช์ ันให้มีความยากง่ายเหมาะสมกับความสามารถของนกั เรียนได้ 6. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาตัวอย่างท่ี 2 ในหนังสอื เรยี นหน้า 165 โดยมคี รคู อยช้แี นะ และอธิบายเพิ่มเติม จน นักเรยี นเขา้ ใจ แต่หากนักเรียนไมเ่ ขา้ ใจ ครอู าจจะยกตวั อย่างเพิ่มเตมิ แลว้ ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกทักษะ 5.1 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ว่า ฟงั ก์ชัน ( function ) คือ ความสมั พนั ธ์ของปรมิ าณ x และปรมิ าณ y โดยที่ x แต่ละค่า จะมีปรมิ าณ y ทส่ี อดคลอ้ งกันเพยี ง 1 คา่ 8. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัด 5.1 ในหนงั สือเรยี นหน้า 165
8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ เครอื่ งมือ เกณฑ์ แบบฝกึ หัด และแบบฝึกทักษะ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1. หนังสือเรยี น แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล 2. แบบฝกึ หัด 5.1 3. แบบฝึกทกั ษะ 5.1 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร ตรวจแบบฝกึ หัดและแบบฝึกทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบุคคล 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรุง) ประเมนิ การทา (ดีมาก) (ดี) (กาลังพัฒนา) ทาแบบฝึกไดอ้ ยา่ ง แบบฝึกหดั ถูกตอ้ งตา่ กว่ารอ้ ย 2. เกณฑก์ าร ทาแบบฝึกได้อย่าง ทาแบบฝกึ ได้อย่าง ทาแบบฝกึ ได้อย่าง ละ 60 ประเมนิ ความ ทาความเข้าใจ สามารถในการ ถูกต้องร้อยละ 90 ถกู ต้องร้อยละ 80 - ถูกต้องรอ้ ยละ 60 - ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหา มีรอ่ งรอยของการ ขน้ึ ไป 89 79 วางแผนแก้ปญั หา แตไ่ ม่สาเร็จ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ปญั หา คิด ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ ปัญหา คดิ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา วางแผนแกป้ ญั หา แกป้ ญั หา และเลือกใชว้ ธิ กี าร และเลือกใช้วธิ กี าร และเลอื กใช้วิธีการ ท่เี หมาะสม แต่ ได้บางสว่ น คาตอบ ท่เี หมาะสม โดย ความสมเหตุสมผล ทไี่ ดย้ ังไม่มีความ คานึงถึงความ ของคาตอบยงั ไมด่ ี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ คาตอบพร้อมทง้ั ความถกู ต้องไม่ได้ ความถกู ต้อง ตรวจสอบความ ถูกต้องได้
ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 3. เกณฑก์ าร (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมินความ (ดีมาก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลกั ษณ์ทาง สือ่ สาร สอ่ื ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ คณิตศาสตร์ในการ ความหมายทาง สื่อสาร คณิตศาสตร์ สญั ลักษณท์ าง สญั ลักษณท์ าง สญั ลักษณท์ าง ส่ือความหมาย คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ สรปุ ผล และ 4. เกณฑ์การ นาเสนอไม่ได้ ประเมนิ ความ สื่อสาร สอ่ื สาร สอ่ื สาร สามารถในการ ใชค้ วามรูท้ าง เช่อื มโยง สอ่ื ความหมาย สอ่ื ความหมาย ส่อื ความหมาย คณิตศาสตร์เป็น เคร่อื งมอื ในการ 5. เกณฑ์การ สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ประเมินความ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรอื สามารถในการ นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง ศาสตร์อน่ื ๆ และ ใหเ้ หตุผล ถูกต้อง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางสว่ น นาไปใช้ในชวี ติ จรงิ 6. เกณฑ์การ ทสี่ มบูรณ์ รบั ฟงั และใหเ้ หตุผล ประเมนิ ความมุ สนบั สนุน หรือ มานะในการทา ใชค้ วามรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรทู้ าง โตแ้ ย้งไมไ่ ด้ คณิตศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น ไม่มคี วามตงั้ ใจและ พยายามในการทา เคร่ืองมอื ในการ เครอื่ งมือในการ เครือ่ งมอื ในการ ความเขา้ ใจปัญหา เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื เนือ้ หาต่าง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตร์อ่นื ๆ และ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใชใ้ นชีวิตจริง นาไปใช้ในชีวิตจริง ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น เหมาะสม รบั ฟงั และให้ รบั ฟังและให้เหตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตผุ ล เหตผุ ลสนบั สนนุ สนบั สนุน หรอื สนับสนุน หรอื หรือโต้แย้ง เพือ่ โต้แย้ง เพอื่ นาไปสู่ โตแ้ ย้ง แตไ่ ม่ นาไปสู่ การสรุป การสรปุ โดยมี นาไปสูก่ ารสรปุ ท่ีมี โดยมขี ้อเท็จจรงิ ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ทางคณิตศาสตร์ คณติ ศาสตร์รองรบั คณติ ศาสตร์รองรับ รองรับไดอ้ ยา่ ง ไดบ้ างส่วน สมบรู ณ์ มีความตั้งใจและ มคี วามตั้งใจและ มีความตัง้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปัญหา
ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรุง) และแก้ปัญหาทาง (ดี) (กาลังพัฒนา) และแกป้ ญั หาทาง ความเขา้ ใจ คณิตศาสตร์ มี และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง คณิตศาสตร์ ไม่มี ปญั หาและ ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและ แก้ปัญหาทาง ท้อแท้ต่ออปุ สรรค มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค คณิตศาสตร์ จนทาให้แก้ปญั หา ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ทางคณิตศาสตร์ได้ จนทาให้แก้ปญั หา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางคณติ ศาสตร์ได้ 7. เกณฑก์ าร สาเร็จ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ไมส่ าเร็จ ประเมินความ ไมส่ าเรจ็ เลก็ น้อย ไม่สาเร็จเป็นส่วน มุ่งม่ันในการ ทางาน ใหญ่ มีความมุง่ มนั่ ใน มีความมุ่งมั่นในการ มคี วามมุง่ มัน่ ในการ มีความมุ่งม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ ม่มคี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นน้อย ผลสาเรจ็ อยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 480
Pages: