5. สาระสาคัญ สามารถบอกลักษณะของพาราโบลาที่กาหนดดว้ ยสมการ y = ax2 + bx + c เมือ่ a , b , c เปน็ คา่ คง ตวั และ a≠ 0 จะตอ้ งเขยี นสมการให้อยู่ในรปู y = a(x – h )2 + k 6. สาระการเรียนรู้ โจทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ฟงั กช์ ันกาลังสอง 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันทบทวนวา่ พาราโบลาทก่ี าหนดด้วยสมการ y = a(x – h )2 + k เมือ่ a≠ 0 จะ เปน็ ไปตามลกั ษณะทัว่ ไป ดงั นี้ 1) กราฟเป็นกราฟพาราโบลาที่เป็นรปู สมมาตร โดยมีแกน Y เปน็ แกนสมมาตร - ถ้า a > 0 กราฟจะมีลักษณะเปน็ พาราโบลาหงาย ซงึ่ กราฟจะมจี ุดตา่ สุด แต่ไม่มีจดุ สงู สุด - ถา้ a < 0 กราฟจะมลี กั ษณะเปน็ พาราโบลาควา่ ซง่ึ กราฟจะมจี ุดสูงสดุ แต่ไม่มีจุดต่าสุด 2) จดุ ต่าสุดหรอื จดุ สูงสุดของกราฟอยทู่ ีจ่ ดุ ( h , k ) ค่าตา่ สดุ หรอื ค่าสงู สุดของ y เท่ากับ h - ถ้า h > 0 และ k > 0 จุดต่าสุดหรือจุดสงู สุดของกราฟ จะอยู่ทางขวาของแกน Y และอยู่ เหนือแกน X หรือกล่าวว่า จุดต่าสดุ หรอื จุดสงู สุดของกราฟอยใู่ นจตุภาคท่ี 1 - ถา้ h < 0 และ k > 0 จุดตา่ สุดหรือจุดสงู สดุ ของกราฟ จะอยู่ทางซ้ายของแกน Y และอยู่ เหนอื แกน X หรอื กลา่ วว่า จดุ ต่าสดุ หรือจุดสูงสดุ ของกราฟอยู่ในจตุภาคท่ี 2 - ถา้ h < 0 และ k < 0 จุดตา่ สุดหรือจดุ สูงสุดของกราฟ จะอยทู่ างซา้ ยของแกน Y และอยู่ ใตแ้ กน X หรือกล่าววา่ จุดตา่ สุดหรอื จดุ สูงสุดของกราฟอยใู่ นจตุภาคที่ 3 - ถา้ h > 0 และ k < 0 จุดตา่ สุดหรือจุดสงู สดุ ของกราฟ จะอยู่ทางขวาของแกน Y และอยู่ ใต้แกน X หรือกลา่ ววา่ จุดตา่ สดุ หรอื จดุ สงู สุดของกราฟอยู่ในจตุภาคที่ 4 3) กราฟของสมการ y = a(x – h )2 + k เปน็ ภาพทีไ่ ด้จากการเลื่อนขนานกราฟของสมการ y = ax2 โดย - ถ้า h > 0 และ k > 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลอ่ื นขนานตามแกน X ไปทางขวา เป็นระยะทาง h หนว่ ย แล้วเลอื่ นขนานตามแกน Y ข้ึนไป เป็นระยะทาง k หน่วย - ถ้า h < 0 และ k > 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเล่ือนขนานตามแกน X ไปทางซา้ ย เปน็ ระยะทาง |h| หน่วย แลว้ เลื่อนขนานตามแกน Y ขนึ้ ไป เป็นระยะทาง k หน่วย - ถ้า h < 0 และ k < 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลื่อนขนานตามแกน X ไปทางซ้าย เปน็ ระยะทาง |h| หนว่ ย แลว้ เลือ่ นขนานตามแกน Y ลงมา เปน็ ระยะทาง |k| หน่วย - ถ้า h > 0 และ k < 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลือ่ นขนานตามแกน X ไปทางขวา เป็นระยะทาง h หน่วย แลว้ เลื่อนขนานตามแกน Y ลงมา เป็นระยะทาง |k| หน่วย
2. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาตัวอย่างท่ี 9 ในหนังสอื เรียน หน้า 202 โดยครคู อยอธิบายเพิ่มเตมิ และแนะนาในส่วนท่ี นักเรียนไมเ่ ขา้ ใจ 3. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัดท่ี 5.2 ฉ ข้อ 4 ใหญ่ แลว้ หลงั จากนน้ั ใหน้ ักเรียนสง่ ตวั แทนออกมาเฉลย แบบฝึกหดั บนกระดาน โดยมคี รคู อยอธิบายเพิม่ เตมิ 4. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ วา่ พาราโบลาที่กาหนดดว้ ยสมการ y = a(x – h )2 + k เม่ือ a≠ 0 จะเป็นไป ตามลักษณะทัว่ ไป ดงั น้ี 1) กราฟเปน็ กราฟพาราโบลาที่เป็นรูปสมมาตร โดยมแี กน Y เปน็ แกนสมมาตร - ถา้ a > 0 กราฟจะมลี กั ษณะเป็นพาราโบลาหงาย ซ่งึ กราฟจะมจี ุดตา่ สุด แตไ่ มม่ ีจุดสูงสุด - ถา้ a < 0 กราฟจะมลี กั ษณะเปน็ พาราโบลาควา่ ซงึ่ กราฟจะมีจุดสงู สดุ แต่ไมม่ ีจดุ ต่าสุด 2) จดุ ต่าสดุ หรอื จุดสูงสุดของกราฟอยูท่ ่จี ดุ ( h , k ) ค่าตา่ สุดหรือคา่ สูงสดุ ของ y เทา่ กับ h - ถ้า h > 0 และ k > 0 จดุ ตา่ สุดหรือจุดสูงสดุ ของกราฟ จะอยู่ทางขวาของแกน Y และอยู่ เหนอื แกน X หรือกลา่ ววา่ จดุ ต่าสดุ หรอื จุดสูงสดุ ของกราฟอยู่ในจตุภาคที่ 1 - ถา้ h < 0 และ k > 0 จดุ ต่าสุดหรอื จดุ สงู สดุ ของกราฟ จะอยู่ทางซา้ ยของแกน Y และอยู่ เหนือแกน X หรือกล่าววา่ จดุ ตา่ สดุ หรอื จุดสงู สุดของกราฟอยู่ในจตุภาคที่ 2 - ถา้ h < 0 และ k < 0 จุดตา่ สุดหรือจดุ สูงสุดของกราฟ จะอยทู่ างซา้ ยของแกน Y และอยู่ ใต้แกน X หรือกล่าวว่า จุดต่าสดุ หรือจุดสงู สุดของกราฟอยใู่ นจตภุ าคที่ 3 - ถ้า h > 0 และ k < 0 จุดต่าสุดหรอื จุดสูงสุดของกราฟ จะอยู่ทางขวาของแกน Y และอยู่ ใตแ้ กน X หรอื กล่าวว่า จุดต่าสุดหรือจดุ สูงสุดของกราฟอยู่ในจตภุ าคที่ 4 3) กราฟของสมการ y = a(x – h )2 + k เปน็ ภาพที่ได้จากการเลื่อนขนานกราฟของสมการ y = ax2 โดย - ถ้า h > 0 และ k > 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลอ่ื นขนานตามแกน X ไปทางขวา เปน็ ระยะทาง h หนว่ ย แลว้ เล่ือนขนานตามแกน Y ขึน้ ไป เป็นระยะทาง k หน่วย - ถา้ h < 0 และ k > 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลอ่ื นขนานตามแกน X ไปทางซ้าย เปน็ ระยะทาง |h| หนว่ ย แล้วเล่อื นขนานตามแกน Y ขึ้นไป เปน็ ระยะทาง k หนว่ ย - ถา้ h < 0 และ k < 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลอื่ นขนานตามแกน X ไปทางซ้าย เป็นระยะทาง |h| หนว่ ย แล้วเลอ่ื นขนานตามแกน Y ลงมา เป็นระยะทาง |k| หน่วย - ถ้า h > 0 และ k < 0 กราฟของสมการ y = ax2 จะเลื่อนขนานตามแกน X ไปทางขวา เปน็ ระยะทาง h หนว่ ย แล้วเล่อื นขนานตามแกน Y ลงมา เป็นระยะทาง |k| หนว่ ย 8. ครูให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 5.2 ฉ ข้อ 5 - 6 ใหญ่
8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ แบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1. หนังสือเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล 2. แบบฝกึ หัด 5.2 ฉ 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธีการ ตรวจแบบฝึกหัด สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 1. เกณฑก์ าร (ต้องปรับปรงุ ) ประเมนิ การทา (ดมี าก) (ดี) (กาลังพัฒนา) ทาแบบฝึกไดอ้ ย่าง แบบฝึกหดั ถกู ต้องตา่ กวา่ ร้อย 2. เกณฑ์การ ทาแบบฝึกไดอ้ ย่าง ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ทาแบบฝึกได้อย่าง ละ 60 ประเมนิ ความ ทาความเขา้ ใจ สามารถในการ ถกู ต้องร้อยละ 90 ถูกต้องร้อยละ 80 - ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ 60 - ปัญหา คิดวิเคราะห์ แก้ปญั หา มีร่องรอยของการ ขนึ้ ไป 89 79 วางแผนแก้ปัญหา 3. เกณฑก์ าร แตไ่ มส่ าเรจ็ ประเมนิ ความ ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ทาความเข้าใจ ใชร้ ปู ภาษา และ ปญั หา คิด ปญั หา คิดวเิ คราะห์ ปัญหา คิดวิเคราะห์ สัญลักษณ์ทาง วเิ คราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแก้ปัญหา แก้ปัญหา และเลอื กใชว้ ิธกี าร และเลือกใช้วธิ ีการ และเลอื กใชว้ ิธีการ ท่ีเหมาะสม แต่ ไดบ้ างส่วน คาตอบ ที่เหมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ทไี่ ดย้ ังไมม่ ีความ คานึงถงึ ความ ของคาตอบยงั ไมด่ ี สมเหตุสมผล และ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ คาตอบพรอ้ มทง้ั ความถูกตอ้ งไมไ่ ด้ ความถกู ตอ้ ง ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งได้ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ สญั ลกั ษณ์ทาง สัญลกั ษณท์ าง สญั ลักษณท์ าง
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 สามารถในการ (ต้องปรบั ปรุง) สอื่ สาร สอ่ื (ดมี าก) (ดี) (กาลังพฒั นา) คณิตศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอื่ สาร คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ ส่ือความหมาย สรุปผล และ 4. เกณฑ์การ สอ่ื สาร สื่อสาร สอ่ื สาร นาเสนอไม่ได้ ประเมินความ สอ่ื ความหมาย ส่ือความหมาย สือ่ ความหมาย สามารถในการ ใชค้ วามรทู้ าง เช่ือมโยง สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ คณติ ศาสตร์เปน็ เคร่อื งมือในการ 5. เกณฑก์ าร นาเสนอได้อย่าง นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง เรียนรู้คณติ ศาสตร์ ประเมนิ ความ เนอื้ หาต่าง ๆ หรือ สามารถในการ ถกู ต้อง ชัดเจน แตข่ าดรายละเอยี ด บางสว่ น ศาสตรอ์ ่ืน ๆ และ คดิ สร้างสรรค์ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง ท่ีสมบูรณ์ 6. เกณฑ์การ ขยายแนวคิดทมี่ อี ยู่ ประเมินความมุ ใช้ความรูท้ าง ใช้ความรูท้ าง ใช้ความร้ทู าง เดมิ ไมไ่ ด้ สรา้ ง มานะในการทา แนวคดิ ใหม่เพื่อ ความเขา้ ใจ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เป็น ปรับปรุงพัฒนาองค์ ปัญหาและ เครอื่ งมอื ในการ เครอ่ื งมือในการ เครื่องมอื ในการ ความรไู้ ม่ได้ แก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ไม่มคี วามตง้ั ใจและ พยายามในการทา เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ เน้ือหาตา่ ง ๆ หรือ เน้ือหาตา่ ง ๆ หรอื ความเขา้ ใจปญั หา และแก้ปัญหาทาง ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ คณิตศาสตร์ ไม่มี ความอดทนและ นาไปใช้ในชวี ติ จริง นาไปใช้ในชวี ิตจริง นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ ง ได้บางส่วน เหมาะสม ขยายแนวคดิ ท่ีมี ขยายแนวคิดทีม่ อี ยู่ ขยายแนวคิดทมี่ อี ยู่ อยู่เดมิ หรือสร้าง เดมิ หรอื สรา้ ง เดิมได้ แต่สรา้ ง แนวคดิ ใหมเ่ พอ่ื แนวคิดใหมเ่ พือ่ แนวคดิ ใหม่เพื่อ ปรับปรุงพัฒนา ปรับปรงุ พฒั นาองค์ ปรบั ปรุงพัฒนาองค์ องค์ความรไู้ ด้อย่าง ความรู้ได้แต่ไม่ ความรู้ไม่ได้ สมบูรณ์ สมบรู ณ์ มคี วามตัง้ ใจและ มีความตั้งใจและ มคี วามต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรค
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 7. เกณฑก์ าร (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) จนทาใหแ้ กป้ ัญหา มงุ่ ม่นั ในการ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางาน จนทาให้แก้ปัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ไม่สาเร็จ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เลก็ น้อย ไมส่ าเร็จเปน็ สว่ น ใหญ่ มีความมุ่งม่ันใน มคี วามมงุ่ มัน่ ในการ มีความมุ่งมัน่ ในการ มีความมุ่งมัน่ ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ มม่ คี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบรอ้ ยส่วนนอ้ ย ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนนไี่ มผ่ ่าน มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี มผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ ผทู้ ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของส่ือ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 52 สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหัสวิชา ค 23101 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 กราฟของฟงั กช์ นั กาลังสอง เร่ือง แบบทดสอบท้ายบทท่ี 5 เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.ี่ ............ เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจและวเิ คราะห์แบบรปู ความสัมพนั ธข์ องฟังกช์ ันลาดบั และอนกุ รม และ นาไปใช้ 2. ตัวช้วี ัดชน้ั ปี เขา้ ใจและใช้ความรูเ้ ก่ียวกับฟงั กช์ นั กาลงั สองในการแกป้ ัญหาคณติ ศาสตร์ (ค 1.2 ม.3/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบไุ ดว้ ่าสมการใดเป็นสมการของพาราโบลา (K) 2. อธิบายลักษณะของพาราโบลาจากสมการ และเขยี นกราฟ (K) 3. แก้ปัญหาโดยใช้ความร้เู รื่องกราฟของฟังก์ชนั กาลงั สอง (K) 4. มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา (P) 5. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 6. มคี วามสามารถการเชื่อมโยง (P) 7. มีการคิดสรา้ งสรรค์ (P) 8. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 9. มีความม่งุ มัน่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการส่อื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคัญ สามารถบอกลกั ษณะของพาราโบลาทก่ี าหนดดว้ ยสมการ y = ax2 + bx + c เมอ่ื a , b , c เปน็ คา่ คง ตัว และ a≠ 0 จะต้องเขียนสมการให้อยู่ในรปู y = a(x – h )2 + k 6. สาระการเรียนรู้ ฟังกช์ นั กาลังสอง 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบทา้ ยบทที่ 5 เรื่องฟงั ก์ชันกาลงั สอง เพอ่ื ทดสอบความรู้ความเขา้ ใจใน เรื่องของฟงั กช์ นั กาลังสอง 8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ เครื่องมอื เกณฑ์ แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1. หนังสือเรยี น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล 2. แบบทดสอบทา้ ยบทที่ 5 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ ตรวจแบบทดสอบ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ต้องปรับปรงุ ) ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง 1. เกณฑก์ าร ถกู ตอ้ งร้อยละ 90 ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ย่าง ถูกต้องตา่ กว่ารอ้ ย ประเมินการทา ขนึ้ ไป ถูกตอ้ งร้อยละ 80 - ถกู ตอ้ งร้อยละ 60 - ละ 60 แบบทดาอบ ทาความเข้าใจ 89 79 ทาความเขา้ ใจ 2. เกณฑก์ าร ปญั หา คดิ ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ ประเมนิ ความ ปญั หา คิดวิเคราะห์ ปญั หา คิดวิเคราะห์ มรี อ่ งรอยของการ วางแผนแกป้ ญั หา วางแผนแก้ปญั หา
ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 43 2 1 สามารถในการ (ตอ้ งปรับปรุง) แกป้ ญั หา (ดีมาก) (ดี) (กาลังพัฒนา) วางแผนแกป้ ัญหา แตไ่ ม่สาเร็จ 3. เกณฑ์การ วเิ คราะห์ วางแผน และเลือกใช้วธิ กี าร และเลอื กใชว้ ธิ ีการ ประเมนิ ความ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ แกป้ ัญหา ทีเ่ หมาะสม แต่ ได้บางส่วน คาตอบ สัญลักษณ์ทาง สือ่ สาร สอื่ คณิตศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง และเลือกใชว้ ธิ ีการ ความสมเหตุสมผล ท่ไี ด้ยงั ไมม่ ีความ สอ่ื สาร คณิตศาสตร์ สือ่ ความหมาย ที่เหมาะสม โดย ของคาตอบยังไมด่ ี สมเหตุสมผล และ สรุปผล และ 4. เกณฑก์ าร นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมินความ คานงึ ถึงความ พอ และตรวจสอบ ไมม่ ีการตรวจสอบ สามารถในการ ใช้ความร้ทู าง เชื่อมโยง สมเหตุสมผลของ ความถูกต้องไม่ได้ ความถูกตอ้ ง คณิตศาสตร์เปน็ เครอื่ งมอื ในการ คาตอบพรอ้ มทัง้ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เน้ือหาตา่ ง ๆ หรือ ตรวจสอบความ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ นาไปใช้ในชีวติ จรงิ ถูกตอ้ งได้ ใช้รูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สญั ลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ สอ่ื สาร สื่อสาร สอื่ สาร สื่อความหมาย สอื่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง ถกู ต้อง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางส่วน ท่ีสมบูรณ์ ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง ใชค้ วามรู้ทาง คณติ ศาสตร์เป็น คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ เครอ่ื งมือในการ เคร่อื งมอื ในการ เครอื่ งมือในการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ เรียนรู้คณิตศาสตร์ เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื เนอื้ หาต่าง ๆ หรอื ศาสตร์อื่น ๆ และ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ นาไปใช้ในชีวติ จริง นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง นาไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้อยา่ งสอดคล้อง ได้บางส่วน เหมาะสม
ประเด็นการ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ต้องปรับปรงุ ) ขยายแนวคิดท่ีมี (ดี) (กาลงั พัฒนา) ขยายแนวคดิ ทมี่ อี ยู่ 5. เกณฑก์ าร ขยายแนวคดิ ท่มี อี ยู่ ขยายแนวคิดทมี่ อี ยู่ เดมิ ไมไ่ ด้ สร้าง ประเมนิ ความ อยเู่ ดิม หรอื สรา้ ง แนวคิดใหมเ่ พอื่ สามารถในการ เดมิ หรอื สรา้ ง เดิมได้ แต่สร้าง ปรบั ปรุงพฒั นาองค์ คิดสรา้ งสรรค์ แนวคิดใหม่เพอื่ ความร้ไู มไ่ ด้ แนวคดิ ใหม่เพ่อื แนวคดิ ใหม่เพ่ือ 6. เกณฑ์การ ปรบั ปรงุ พัฒนา ไมม่ ีความตั้งใจและ ประเมนิ ความมุ ปรับปรุงพัฒนาองค์ ปรับปรุงพัฒนาองค์ พยายามในการทา มานะในการทา องคค์ วามรไู้ ดอ้ ยา่ ง ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจ ความรไู้ ดแ้ ต่ไม่ ความร้ไู มไ่ ด้ และแก้ปัญหาทาง ปญั หาและ สมบรู ณ์ คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี แก้ปญั หาทาง สมบูรณ์ ความอดทนและ คณติ ศาสตร์ มคี วามตัง้ ใจและ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค พยายามในการทา มคี วามตั้งใจและ มคี วามตง้ั ใจและ จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ความเขา้ ใจปัญหา พยายามในการทา พยายามในการทา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ และแกป้ ัญหาทาง ความเขา้ ใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา ไมส่ าเร็จ คณิตศาสตร์ มี และแก้ปญั หาทาง และแก้ปัญหาทาง ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ จนทาให้แก้ปัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา สาเร็จ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ไมส่ าเรจ็ เล็กน้อย ไมส่ าเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ 7. เกณฑ์การ มคี วามม่งุ ม่นั ใน มีความมุ่งมนั่ ในการ มคี วามมุ่งม่นั ในการ มคี วามม่งุ มน่ั ในการ ประเมนิ ความ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแต่ไมม่ คี วาม มุง่ มั่นในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย ผลสาเรจ็ อยา่ งที่ สมบูรณ์ ควร
10. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรียนนีไ่ ม่ผ่าน มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ไี ม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมีคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
ภาคผนวก 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร)์ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล (คูณลักษณะอันพงึ ประสงค์) 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์) มคี วาม ท่ี ชื่อ – สกลุ มคี วาม สามารถใน มคี วาม มีความ มคี วาม รวม สามารถในกา การส่อื สาร สามารถใน สามารถใน สามารถใน สอ่ื ความ การเชอื่ มโยง การใหเ้ หตผุ ล การคดิ 20 แก้ปัญหา หมายทาง สรา้ งสรรค์ คะแนน คณิตศาสตร์ 43214321432143214321
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 6 - 10 พอใช้ 1-5 ปรบั ปรุง ลงชือ่ .......................................................ผูป้ ระเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล (คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์) มคี วามมมุ านะใน ท่ี ชื่อ – สกุล การทาความเข้าใจ มีความมุ่งมัน่ ใน รวม ปัญหาและ การทางาน 8 คะแนน แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ 43214321
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 7-8 ดีมาก 5-6 ดี 3-4 พอใช้ 1-2 ปรับปรงุ ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ กลุ่มที่.................................................. สมาชิกของกลุ่ม 1. ................................................................................................................... 2. .................................................................................................................. 3. .................................................................................................................. 4. .................................................................................................................. 5. .................................................................................................................. 6. .................................................................................................................. ลาดบั พฤตกิ รรม คุณภาพการปฏบิ ตั ิ ที่ 4 3 21 1 มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น 2 มคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน 3 รบั ผิดชอบในงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 มีข้ันตอนในการทางานอย่างเป็นระบบ 5 ใชเ้ วลาในการทางานอยา่ งเหมาะสม รวม ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ (......................................................) ..................../.........................../..................
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ = ปรับปรุง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 ดมี าก 13-16 ดี 9-12 พอใช้ 5-8 ปรับปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 53 สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหสั วิชา ค 23101 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 สถติ ิ (3) เร่อื ง ควอร์ไทล์ (1) เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรูท้ างสถิตใิ นการแกป้ ัญหา 2. ตัวช้ีวัดชั้นปี เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิตใิ นการนาเสนอและวเิ คราะห์ข้อมูลจากแผนภาพกลอ่ ง และแปล ความหมายผลลัพธ์ รวมทงั้ นาสถิติไปใช้ในชวี ติ จริง โดยใชเ้ ทคโนโลยที ี่เหมาะสม (ค3.1 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. หาควอร์ไทล์ของขอ้ มูลท่ีกาหนดให้ โดยใชม้ ัธยฐาน (K) 2. นาเสนอข้อมลู ในรูปแผนภาพกล่องโดยใช้วิธีการหรอื เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม (K) 3. มคี วามสามารถในการส่อื สาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถการเชอื่ มโยง (P) 5. มคี วามสามารถในการใหเ้ หตผุ ล (P) 6. มีความมมุ านะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความมงุ่ มัน่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคญั การหาควอรไ์ ทล์ ทาได้โดย 1) เรยี งขอ้ มมลู จากน้อยไปหามาก 2) หามธั ยฐานของข้อมลู จะไดค้ วอร์ไทลท์ ่ี 2 3) หามัธยฐานของข้อมลู เฉพาะขอ้ มูลท่ีอยู่ในลาดับทต่ี ่ากวา่ ควอรไ์ ทล์ที่ 2 จะไดม้ ธั ยฐานดังกลา่ ว เป็นควอรไ์ ทลท์ ี่ 1 4) หามัธยฐานของข้อมูลเฉพาะข้อมลู ที่อยู่ในลาดับทส่ี งู กว่า ควอร์ไทล์ที่ 2 จะไดม้ ธั ยฐานดงั กล่าว เปน็ ควอรไ์ ทลท์ ี่ 3 6. สาระการเรียนรู้ ควอร์ไทล์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครทู บทวนเก่ียวกบั แผนภาพจุดและแผนภาพต้น–ใบ เพื่อนาไปสูก่ ารแนะนาแผนภาพกลอ่ ง โดยยกตัวอย่าง เพอ่ื ให้นักเรยี นนึกภาพเก่ยี วกบั การกระจายของข้อมลู แผนภาพจดุและแผนภาพ ตน้ – ใบ 2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั จุดเดน่ ของแผนภาพแต่ละชนิด ทีแ่ สดงใหเ้ ห็นขอ้ มูลแต่ละตวั ทเ่ี กบ็ รวบรวมได้ พร้อมทั้งยกตวั อยา่ งกรณที ่มี ขี ้อมูลจานวนมาก ๆ ให้นกั เรียนเห็นขอ้ จากัดของการนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยแผนภาพจดุ และแผนภาพตน้ – ใบ ทไี่ ม่สะดวก ในการนาเสนอขอ้ มูลทัง้ หมด เพอื่ เช่อื มโยงไปสู่แผนภาพ กล่อง ซ่ึงเปน็ อีกเครือ่ งมือท่ีช่วยใหเ้ ห็นการกระจาย ของข้อมูล โดยไม่ต้องแสดงข้อมูลแต่ละตวั 3. ครูแนะนาใหน้ กั เรยี นรจู้ ักควอร์ไทล์ แลว้ ใหน้ ักเรยี นทา “กจิ กรรม : พลังงานจากผลไม้” ในหนังสอื เรียน หนา้ 218 – 219 เพ่ือให้นกั เรยี นเขา้ ใจและเห็นภาพตาแหน่งของควอรไ์ ทลท์ ้ังสาม 4. จากการทา “กิจกรรม : พลงั งานจากผลไม้” ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 218 – 219 เพอื่ ให้นักเรยี นเขา้ ใจและ เหน็ ภาพตาแหน่งของควอร์ไทลท์ ั้งสาม ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปจากการทากิจกรรม ดังน้ี การหาควอรไ์ ทล์ ทาไดโ้ ดย 1) เรยี งข้อมมูลจากนอ้ ยไปหามาก 2) หามธั ยฐานของข้อมลู จะไดค้ วอร์ไทลท์ ่ี 2 3) หามธั ยฐานของข้อมลู เฉพาะข้อมูลทอ่ี ยู่ในลาดับท่ีตา่ กว่า ควอรไ์ ทลท์ ่ี 2 จะได้มธั ยฐานดงั กลา่ ว เปน็ ควอร์ไทล์ท่ี 1 4) หามธั ยฐานของข้อมลู เฉพาะข้อมลู ทอ่ี ยู่ในลาดับท่ีสงู กวา่ ควอรไ์ ทล์ที่ 2 จะได้มธั ยฐานดงั กลา่ ว เป็นควอร์ไทลท์ ่ี 3
5. ครูยกตัวอย่างชุดขอ้ มูลเชงิ ปริมาณ เพือ่ ทบทวนมธั ยฐาน แล้วอธบิ ายขั้นตอนการหาควอร์ไทล์ต่าง ๆ โดย ใชม้ ธั ยฐาน 6. ครูยกตวั อยา่ งต่อไปนี้บนกระดานเพอื่ ทบทวนการหาค่าของมธั ยฐาน ตวั อย่างที่ 1 จงหามธั ยฐานของขอ้ มูลต่อไปนี้ 7 , 4 , 6 , 8 , 3 , 2 , 9 วธิ ีทา ข้ันแรกต้องเรียงคะแนนจากน้อยไปหามาก ดงั นี้ 2 367 8 9 ขอ้ มลู ทอ่ี ยู่ตรงกลาง คอื 6 ดังน้ัน มธั ยฐาน เท่ากบั 6 ตอบ มธั ยฐาน เทา่ กับ 6 ตวั อยา่ งที่ 2 จงหามัธยฐานของขอ้ มูลตอ่ ไปน้ี 26 , 20 , 31 , 24 , 21 , 28 , 30 , 32 , 25 , 35 วธิ ที า เรียงลาดบั จากคะแนนนอ้ ยไปหามาก จะได้ 20 , 21 , 24 , 25 , 26 , 28 , 31 , 30 , 32 , 35 มธั ยฐาน = 26 28 2 = 54 2 = 27 ตอบ มัธยฐาน เทา่ กับ 27 7. ครใู ห้นักเรยี นทาแบบฝึกทกั ษะท่ี 6.1.1 แลว้ สามตัวแทนนกั เรยี นออกมานาเสนอแนวคิดหน้าชน้ั เรยี น 8. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปการหาควอร์ไทล์ ดงั นี้ 1) เรียงข้อมมลู จากน้อยไปหามาก 2) หามธั ยฐานของขอ้ มลู จะได้ควอร์ไทล์ท่ี 2 3) หามัธยฐานของข้อมูลเฉพาะข้อมลู ทอ่ี ยู่ในลาดับทีต่ ่ากว่า ควอรไ์ ทล์ที่ 2 จะไดม้ ัธยฐานดังกลา่ ว เปน็ ควอร์ไทล์ท่ี 1 4) หามัธยฐานของขอ้ มูลเฉพาะข้อมลู ทอ่ี ยู่ในลาดับท่ีสูงกว่า ควอรไ์ ทล์ที่ 2 จะไดม้ ัธยฐานดังกล่าว เป็นควอรไ์ ทล์ท่ี 3 9. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หดั ท่ี 6.1 ข้อ 1 ใหญ่ ในหนงั สอื เรียนหน้า 225
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ 1. หนงั สอื เรยี น แบบฝกึ หดั และแบบฝกึ ทกั ษะ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. แบบฝึกหัดท่ี 6.1 รายบุคคล 3. แบบฝกึ ทกั ษะ 6.1.1 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร ตรวจแบบฝกึ หัดและแบบฝกึ ทักษะ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมินผล ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินการทา ทาแบบฝกึ ได้อย่าง (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบฝกึ ได้อย่าง แบบฝึกหัด ถูกตอ้ งร้อยละ 90 ถูกต้องตา่ กว่ารอ้ ย 2. เกณฑ์การ ขนึ้ ไป ทาแบบฝึกไดอ้ ยา่ ง ทาแบบฝึกได้อย่าง ละ 60 ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ สามารถในการ สญั ลกั ษณท์ าง ถกู ตอ้ งร้อยละ 80 - ถกู ตอ้ งร้อยละ 60 - สญั ลกั ษณ์ทาง สื่อสาร สอ่ื คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอ่ื สาร 89 79 สอ่ื สาร คณติ ศาสตร์ สือ่ ความหมาย สือ่ ความหมาย สรุปผล และ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สรปุ ผล และ 3. เกณฑก์ าร นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอไม่ได้ ประเมนิ ความ ถกู ต้อง ชัดเจน สัญลักษณ์ทาง สญั ลกั ษณ์ทาง รับฟงั และใหเ้ หตุผล รับฟงั และให้ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ สนับสนนุ หรอื เหตุผลสนบั สนุน โตแ้ ย้งไมไ่ ด้ หรอื โต้แยง้ เพือ่ ส่ือสาร สื่อสาร สอ่ื ความหมาย สอ่ื ความหมาย สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง แตข่ าดรายละเอยี ด บางส่วน ทสี่ มบรู ณ์ รับฟังและใหเ้ หตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตุผล สนับสนนุ หรอื สนับสนุน หรือ โตแ้ ย้ง เพอ่ื นาไปสู่ โต้แย้ง แตไ่ ม่
ประเด็นการ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรับปรุง) นาไปสู่ การสรปุ (ดี) (กาลังพฒั นา) สามารถในการ การสรปุ โดยมี นาไปสู่การสรปุ ท่ีมี ไม่มคี วามต้ังใจและ ใหเ้ หตุผล โดยมขี อ้ เท็จจริง ขอ้ เท็จจริงทาง ขอ้ เท็จจรงิ ทาง พยายามในการทา คณติ ศาสตร์รองรับ คณิตศาสตร์รองรับ ความเขา้ ใจปัญหา 4. เกณฑ์การ ทางคณติ ศาสตร์ ไดบ้ างส่วน และแกป้ ญั หาทาง ประเมินความมุ คณติ ศาสตร์ ไม่มี มานะในการทา รองรับได้อยา่ ง มีความตั้งใจและ มคี วามต้ังใจและ ความอดทนและ ความเขา้ ใจ พยายามในการทา พยายามในการทา ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ปญั หาและ สมบูรณ์ ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา แกป้ ญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง ทางคณติ ศาสตร์ได้ คณิตศาสตร์ มคี วามตงั้ ใจและ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ ไมส่ าเร็จ พยายามในการทา มีความอดทนและ มีความอดทนและ ความเข้าใจปญั หา ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค และแก้ปัญหาทาง จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาให้แก้ปัญหา คณติ ศาสตร์ มี ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ความอดทนและไม่ ไมส่ าเรจ็ เล็กน้อย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ใหญ่ จนทาให้แก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ 5. เกณฑ์การ มคี วามมงุ่ มัน่ ใน มคี วามมุง่ มั่นในการ มคี วามมุ่งมั่นในการ มีความมุ่งม่ันในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแตไ่ ม่มีความ มุ่งม่ันในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยสว่ นน้อย ผลสาเร็จอยา่ งท่ี สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ..................
นกั เรียนนีไ่ ม่ผ่าน มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทีไ่ มผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 54 สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหสั วิชา ค 23101 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 สถติ ิ (3) เรือ่ ง แผนภาพกล่อง (1) เวลา 1 ช่วั โมง วนั ที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรูท้ างสถิตใิ นการแกป้ ัญหา 2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี เข้าใจและใช้ความร้ทู างสถิติในการนาเสนอและวเิ คราะห์ข้อมูลจากแผนภาพกลอ่ ง และแปล ความหมายผลลัพธ์ รวมทั้ง นาสถติ ิไปใช้ในชวี ติ จริง โดยใชเ้ ทคโนโลยที ี่เหมาะสม (ค3.1 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. หาควอรไ์ ทลข์ องขอ้ มูลท่กี าหนดให้ โดยใชม้ ัธยฐาน (K) 2. นาเสนอขอ้ มลู ในรปู แผนภาพกล่องโดยใช้วิธีการหรอื เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม (K) 3. มคี วามสามารถในการสื่อสาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถการเชอ่ื มโยง (P) 5. มคี วามสามารถในการให้เหตผุ ล (P) 6. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ มั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. มคี วามสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคญั วธิ กี ารสรา้ งแผนภาพกล่อง 1) เรยี งขอ้ มมลู จากนอ้ ยไปหามาก 2) หาค่าต่าสุดของข้อมลู คา่ สงู สุดของขอ้ มลู ควอร์ไทลท์ ่ี 2 (Q2) ควอรไ์ ทล์ที่ 1 (Q1) และควอรไ์ ทล์ที่ 3 (Q3) 3) นาคา่ ที่หาได้ในข้อที่ 2 มาลงจดุ เหนือเส้นในแนวนอนท่มี สี เกล 4) สร้างกลอ่ งรูปสเี่ หลย่ี มมมุ ฉากโดยใชข้ อบด้านซ้ายและด้านขวาของกล่องตรงกบั ตาแหนง่ ทเี่ ปน็ Q1 และ Q3 ตามลาดับ จากนนั้ ลากเส้นภายในกลอ่ งที่ตรงกับตาแหนง่ ทเ่ี ป็น Q2 5) สรา้ งวิสเกอร์ โดยลากเสน้ จากจุดท่ตี รงกับ Q1 ไปยงั จุดทีต่ รงกับค่าต่าสดุ ของขอ้ มูล และลากเสน้ จากจดุ ทต่ี รงกบั Q3 ไปยังจดุ ท่ีตรงกับค่าสงู สุดของข้อมูล 6. สาระการเรยี นรู้ แผนภาพกล่อง 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันทบทวนการหาควอรไ์ ทล์ ดังน้ี 1) เรียงข้อมมลู จากนอ้ ยไปหามาก 2) หามธั ยฐานของข้อมลู จะได้ควอรไ์ ทล์ที่ 2 3) หามัธยฐานของขอ้ มลู เฉพาะข้อมูลที่อยู่ในลาดับทต่ี า่ กว่า ควอรไ์ ทล์ท่ี 2 จะได้มธั ยฐานดงั กลา่ ว เป็นควอร์ไทล์ท่ี 1 4) หามธั ยฐานของขอ้ มูลเฉพาะข้อมูลท่อี ยู่ในลาดับที่สงู กว่า ควอร์ไทล์ท่ี 2 จะได้มธั ยฐานดังกลา่ ว เป็นควอรไ์ ทลท์ ่ี 3 2. ครูอธบิ ายองค์ประกอบของแผนภาพกล่อง และอภปิ รายเกี่ยวกับข้ันตอนและวิธีการสร้างแผนภาพกล่อง โดยเน้น ใหน้ กั เรยี นสงั เกตว่า ระยะจากค่าตา่ สุดถึง Q1 จาก Q1 ถึง Q2 จาก Q2 ถงึ Q3 และจาก Q3 ถึง ค่าสูงสดุ แต่ละช่วงไมจ่ าเป็นต้องเท่ากัน ทง้ั นี้ เพราะการกระจายของขอ้ มลู ในแต่ละช่วงอาจแตกต่างกนั แมว้ ่า Q1 , Q2 และ Q3 จะแบ่งจานวนข้อมูลออกเปน็ 4 สว่ นเทา่ ๆ กนั ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้
3. ครูนาเสนอเทคโนโลยีที่ชว่ ยในการสร้างแผนภาพกล่องได้อยา่ งสะดวกและรวดเร็ว เชน่ ซอฟตแ์ วร์ GeoGebra หรือซอฟตแ์ วรอ์ นื่ ๆ หรือเว็บไซต์ แลว้ ใชข้ อ้ มลู ในมมุ เทคโนโลยีขา้ วเจา้ ข้าวเหนียว ในหนังสือเรยี น หน้า 225 ใหน้ ักเรียนฝึกใชเ้ ทคโนโลยีมาชว่ ยในการนาเสนอข้อมลู ดว้ ยแผนภาพกลอ่ ง 4. ครูใหน้ ักเรียนจบั คกู่ ันเพ่ือศกึ ษาวธิ กี ารสรา้ งแผนภาพกล่อง ในหนงั สอื เรียนหนา้ 221 โดยมคี รคู อยให้คา ชแ้ี นะและอธบิ ายเพ่ิมเตมิ 5. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 6.1 ขอ้ 2 ใหญ่ ขอ้ 1 – 2 ย่อย หลังจากนน้ั ครูสุม่ ตัวแทนนักเรียนออกมา แสดงวิธสี ร้างแผนภาพกล่องทีต่ นสรา้ งไดบ้ นกระดาน 6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปวธิ ีการสรา้ งแผนภาพกล่อง ดังน้ี วธิ กี ารสรา้ งแผนภาพกล่อง 1) เรยี งขอ้ มมลู จากนอ้ ยไปหามาก 2) หาค่าตา่ สุดของขอ้ มูล คา่ สูงสดุ ของขอ้ มูล ควอร์ไทล์ท่ี 2 (Q2) ควอร์ไทล์ที่ 1 (Q1) และควอร์ไทล์ที่ 3 (Q3) 3) นาคา่ ท่ีหาไดใ้ นขอ้ ที่ 2 มาลงจุดเหนอื เสน้ ในแนวนอนทมี่ ีสเกล 4) สร้างกล่องรูปส่เี หลยี่ มมมุ ฉากโดยใช้ขอบดา้ นซา้ ยและดา้ นขวาของกล่องตรงกับตาแหน่งทเ่ี ป็น Q1 และ Q3 ตามลาดับ จากนัน้ ลากเส้นภายในกลอ่ งที่ตรงกับตาแหนง่ ท่เี ป็น Q2 5) สรา้ งวสิ เกอร์ โดยลากเส้นจากจดุ ทต่ี รงกับ Q1 ไปยงั จุดทตี่ รงกับค่าต่าสดุ ของข้อมูล และลากเส้น จากจุดทตี่ รงกบั Q3 ไปยังจุดท่ีตรงกบั ค่าสงู สุดของขอ้ มลู 7. ครูให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดที่ 6.1 ข้อ 2 ใหญ่ ข้อ 3 – 4 ย่อย 8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น 2. แบบฝึกหัดที่ 6.1 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล
9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินการทา ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง แบบฝกึ หัด ถกู ตอ้ งร้อยละ 90 ถกู ต้องตา่ กว่าร้อย 2. เกณฑ์การ ข้นึ ไป ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ทาแบบฝกึ ไดอ้ ยา่ ง ละ 60 ประเมนิ ความ ใชร้ ูป ภาษา และ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สอ่ื สาร ส่ือ คณติ ศาสตรใ์ นการ 89 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สื่อสาร สอ่ื สาร คณิตศาสตร์ สอื่ ความหมาย ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ส่อื ความหมาย สรุปผล และ สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์การ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง สัญลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณท์ าง นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ ถูกต้อง ชัดเจน สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ รบั ฟงั และให้เหตผุ ล ใหเ้ หตุผล รับฟังและให้ สนบั สนนุ หรอื เหตุผลสนบั สนุน สื่อสาร สอ่ื สาร โตแ้ ย้งไมไ่ ด้ 4. เกณฑ์การ หรอื โต้แยง้ เพื่อ ประเมินความมุ นาไปสู่ การสรปุ ส่ือความหมาย สอื่ ความหมาย ไม่มคี วามตงั้ ใจและ มานะในการทา โดยมีขอ้ เท็จจริง สรปุ ผล และ สรุปผล และ พยายามในการทา ความเขา้ ใจ ทางคณิตศาสตร์ ความเขา้ ใจปัญหา ปัญหาและ รองรับไดอ้ ย่าง นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง และแกป้ ัญหาทาง แก้ปัญหาทาง สมบรู ณ์ คณิตศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ มีความต้ังใจและ แต่ขาดรายละเอียด บางส่วน ความอดทนและ พยายามในการทา ท้อแท้ต่ออุปสรรค ความเข้าใจปญั หา ท่ีสมบรู ณ์ จนทาให้แก้ปญั หา และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตุผล ความอดทนและไม่ ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค สนบั สนุน หรอื สนับสนนุ หรือ จนทาให้แก้ปัญหา โต้แย้ง เพ่อื นาไปสู่ โต้แยง้ แตไ่ ม่ การสรปุ โดยมี นาไปสู่การสรปุ ท่มี ี ขอ้ เท็จจริงทาง ข้อเทจ็ จริงทาง คณิตศาสตร์รองรบั คณติ ศาสตร์รองรับ ไดบ้ างส่วน มคี วามตง้ั ใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาให้แกป้ ญั หา
ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 5. เกณฑ์การ (ต้องปรับปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดีมาก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ทางคณิตศาสตร์ได้ มุง่ ม่นั ในการ ไม่สาเรจ็ ทางาน ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเรจ็ เปน็ สว่ น ใหญ่ มคี วามมงุ่ ม่นั ใน มคี วามมงุ่ ม่นั ในการ มีความมุ่งมน่ั ในการ มคี วามมงุ่ ม่นั ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ มม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไมป่ ระสบ เรียบร้อย ครบถว้ น เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยส่วนน้อย ผลสาเรจ็ อย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี ม่ผ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ ผทู้ ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 55 สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหสั วิชา ค 23101 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 สถติ ิ (3) เรือ่ ง แผนภาพกล่อง (2) เวลา 1 ช่วั โมง วนั ที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรูท้ างสถิตใิ นการแกป้ ัญหา 2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี เข้าใจและใช้ความร้ทู างสถิติในการนาเสนอและวเิ คราะห์ข้อมูลจากแผนภาพกลอ่ ง และแปล ความหมายผลลัพธ์ รวมทั้ง นาสถติ ิไปใช้ในชวี ติ จริง โดยใชเ้ ทคโนโลยที ี่เหมาะสม (ค3.1 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. หาควอรไ์ ทลข์ องขอ้ มูลท่กี าหนดให้ โดยใชม้ ัธยฐาน (K) 2. นาเสนอขอ้ มลู ในรปู แผนภาพกล่องโดยใช้วิธีการหรอื เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม (K) 3. มคี วามสามารถในการสื่อสาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถการเชอ่ื มโยง (P) 5. มคี วามสามารถในการให้เหตผุ ล (P) 6. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 7. มีความม่งุ มั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. มคี วามสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคัญ วิธีการสรา้ งแผนภาพกล่อง 1) เรียงขอ้ มมลู จากน้อยไปหามาก 2) หาค่าต่าสดุ ของข้อมูล ค่าสงู สุดของขอ้ มลู ควอรไ์ ทลท์ ี่ 2 (Q2) ควอร์ไทล์ที่ 1 (Q1) และควอรไ์ ทลท์ ี่ 3 (Q3) 3) นาคา่ ท่ีหาไดใ้ นข้อที่ 2 มาลงจุดเหนือเสน้ ในแนวนอนทีม่ ีสเกล 4) สรา้ งกล่องรูปสี่เหลีย่ มมุมฉากโดยใช้ขอบด้านซ้ายและดา้ นขวาของกล่องตรงกับตาแหนง่ ทเี่ ปน็ Q1 และ Q3 ตามลาดับ จากน้ันลากเสน้ ภายในกลอ่ งที่ตรงกบั ตาแหนง่ ทเี่ ป็น Q2 5) สรา้ งวสิ เกอร์ โดยลากเส้นจากจดุ ทตี่ รงกบั Q1 ไปยังจุดทตี่ รงกบั คา่ ต่าสดุ ของขอ้ มูล และลากเส้น จากจุดทีต่ รงกบั Q3 ไปยงั จุดท่ีตรงกับค่าสงู สดุ ของขอ้ มูล 6. สาระการเรียนรู้ แผนภาพกล่อง 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ทบทวนวิธีการสร้างแผนภาพกลอ่ ง 1) เรยี งข้อมมูลจากน้อยไปหามาก 2) หาค่าต่าสุดของข้อมูล ค่าสงู สดุ ของข้อมลู ควอรไ์ ทล์ท่ี 2 (Q2) ควอรไ์ ทล์ท่ี 1 (Q1) และควอรไ์ ทลท์ ี่ 3 (Q3) 3) นาค่าที่หาไดใ้ นข้อที่ 2 มาลงจุดเหนือเสน้ ในแนวนอนทมี่ สี เกล 4) สรา้ งกล่องรปู สีเ่ หล่ียมมมุ ฉากโดยใชข้ อบด้านซ้ายและดา้ นขวาของกล่องตรงกบั ตาแหนง่ ทเ่ี ป็น Q1 และ Q3 ตามลาดับ จากนั้นลากเส้นภายในกลอ่ งที่ตรงกบั ตาแหนง่ ทเ่ี ป็น Q2 5) สรา้ งวิสเกอร์ โดยลากเสน้ จากจดุ ทตี่ รงกับ Q1 ไปยงั จดุ ท่ีตรงกบั คา่ ตา่ สุดของขอ้ มูล และลากเส้น จากจุดท่ตี รงกับ Q3 ไปยงั จดุ ที่ตรงกับค่าสูงสุดของขอ้ มูล 2. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะ 6.1.2 เพ่ือทบทวนความรเู้ ร่ืองการสร้างแผนภาพกล่อง 3. ครใู ห้นักเรียนจบั คู่กนั เพือ่ ศกึ ษาตวั อย่างที่ 2 ในหนงั สอื เรียนหน้า 222 โดยมคี รคู อยใหค้ าช้แี นะและอธบิ าย เพ่ิมเตมิ
4. ครูนาเสนอเทคโนโลยีท่ชี ่วยในการสรา้ งแผนภาพกล่องได้อยา่ งสะดวกและรวดเร็ว เชน่ ซอฟต์แวร์ GeoGebra หรอื ซอฟต์แวร์อ่ืน ๆ หรือเวบ็ ไซต์ แลว้ ใช้ขอ้ มลู ในมมุ เทคโนโลยีข้าวเจ้าขา้ วเหนยี ว ในหนังสือเรยี น หนา้ 225 ใหน้ ักเรียนฝกึ ใชเ้ ทคโนโลยมี าชว่ ยในการนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยแผนภาพกลอ่ ง 5. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ท่ี 6.1 ขอ้ 3 – 4 ใหญ่ หลงั จากน้นั ครูสมุ่ ตัวแทนนักเรยี นออกมาแสดงวธิ สี รา้ ง แผนภาพกลอ่ งท่ีตนสร้างได้บนกระดาน 6. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปวิธีการสร้างแผนภาพกล่อง 1) เรียงขอ้ มมูลจากนอ้ ยไปหามาก 2) หาค่าต่าสุดของขอ้ มูล คา่ สูงสุดของขอ้ มลู ควอร์ไทลท์ ่ี 2 (Q2) ควอรไ์ ทล์ท่ี 1 (Q1) และควอร์ไทลท์ ี่ 3 (Q3) 3) นาคา่ ท่ีหาไดใ้ นข้อที่ 2 มาลงจดุ เหนือเสน้ ในแนวนอนทีม่ สี เกล 4) สรา้ งกล่องรปู ส่เี หล่ยี มมมุ ฉากโดยใชข้ อบด้านซา้ ยและดา้ นขวาของกลอ่ งตรงกบั ตาแหน่งที่เป็น Q1 และ Q3 ตามลาดับ จากนั้นลากเส้นภายในกล่องท่ีตรงกบั ตาแหนง่ ทีเ่ ปน็ Q2 5) สร้างวิสเกอร์ โดยลากเส้นจากจดุ ทต่ี รงกบั Q1 ไปยงั จดุ ที่ตรงกับคา่ ต่าสดุ ของขอ้ มลู และลากเส้น จากจุดทีต่ รงกับ Q3 ไปยงั จดุ ทตี่ รงกบั ค่าสงู สดุ ของขอ้ มลู 7. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หัดท่ี 6.1 ขอ้ 5 – 6 ใหญ่ 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบฝึกหัดท่ี 6.1 3. แบบฝกึ ทกั ษะ 6.1.2 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ หัดและแบบฝึกทกั ษะ แบบฝกึ หัดและแบบฝกึ ทกั ษะ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล
9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินการทา ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง แบบฝกึ หัด ถกู ตอ้ งร้อยละ 90 ถกู ต้องตา่ กว่าร้อย 2. เกณฑ์การ ข้นึ ไป ทาแบบฝกึ ได้อยา่ ง ทาแบบฝึกไดอ้ ยา่ ง ละ 60 ประเมนิ ความ ใชร้ ูป ภาษา และ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกต้องร้อยละ 60 - ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สอ่ื สาร ส่ือ คณติ ศาสตรใ์ นการ 89 79 คณติ ศาสตรใ์ นการ ความหมายทาง สื่อสาร สอ่ื สาร คณิตศาสตร์ สอื่ ความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ส่อื ความหมาย สรุปผล และ สรปุ ผล และ 3. เกณฑ์การ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง สัญลกั ษณท์ าง สญั ลกั ษณท์ าง นาเสนอไมไ่ ด้ ประเมนิ ความ ถูกต้อง ชัดเจน สามารถในการ คณติ ศาสตร์ในการ คณติ ศาสตรใ์ นการ รบั ฟงั และให้เหตผุ ล ใหเ้ หตุผล รับฟังและให้ สนบั สนนุ หรอื เหตุผลสนบั สนุน สื่อสาร สอ่ื สาร โตแ้ ย้งไมไ่ ด้ 4. เกณฑ์การ หรอื โต้แยง้ เพื่อ ประเมินความมุ นาไปสู่ การสรปุ ส่ือความหมาย สอื่ ความหมาย ไม่มคี วามตงั้ ใจและ มานะในการทา โดยมีขอ้ เท็จจริง สรุปผล และ สรปุ ผล และ พยายามในการทา ความเขา้ ใจ ทางคณิตศาสตร์ ความเขา้ ใจปัญหา ปัญหาและ รองรับไดอ้ ย่าง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอได้ถกู ต้อง และแกป้ ัญหาทาง แก้ปัญหาทาง สมบรู ณ์ คณิตศาสตร์ ไม่มี คณติ ศาสตร์ มีความต้ังใจและ แต่ขาดรายละเอียด บางส่วน ความอดทนและ พยายามในการทา ท้อแท้ต่ออุปสรรค ความเข้าใจปญั หา ท่ีสมบรู ณ์ จนทาให้แก้ปญั หา และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี รบั ฟงั และให้เหตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตุผล ความอดทนและไม่ ท้อแท้ต่ออปุ สรรค สนบั สนุน หรอื สนับสนุน หรือ จนทาให้แก้ปัญหา โต้แย้ง เพ่อื นาไปสู่ โต้แยง้ แตไ่ ม่ การสรปุ โดยมี นาไปสู่การสรปุ ท่มี ี ขอ้ เท็จจริงทาง ข้อเทจ็ จริงทาง คณิตศาสตร์รองรบั คณติ ศาสตร์รองรับ ไดบ้ างส่วน มคี วามตง้ั ใจและ มีความตั้งใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรค จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาให้แกป้ ญั หา
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 5. เกณฑ์การ (ต้องปรับปรงุ ) ประเมนิ ความ (ดมี าก) (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ มุง่ ม่นั ในการ ไมส่ าเรจ็ ทางาน ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไมส่ าเรจ็ เล็กนอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เปน็ สว่ น ใหญ่ มีความมุง่ มนั่ ใน มคี วามมงุ่ มัน่ ในการ มีความมุง่ มั่นในการ มีความมงุ่ ม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มคี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยสว่ นน้อย ผลสาเร็จอยา่ งที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไี่ ม่ผา่ น มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
4. นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ ผทู้ ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 56 สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ื้นฐาน รหัสวชิ า ค 23101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 สถติ ิ (3) เร่อื ง แผนภาพกล่องกบั การกระจายขอ้ มูล (1) เวลา 1 ชั่วโมง วันท่ี............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรูท้ างสถิติในการแก้ปญั หา 2. ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี เข้าใจและใช้ความรทู้ างสถติ ิในการนาเสนอและวเิ คราะห์ขอ้ มลู จากแผนภาพกลอ่ ง และแปล ความหมายผลลัพธ์ รวมทั้ง นาสถิติไปใช้ในชวี ิตจริง โดยใช้เทคโนโลยที ี่เหมาะสม (ค3.1 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อา่ นข้อมูลทีไ่ ด้จากแผนภาพกล่อง (K) 2. แปลความหมายเกย่ี วกับการกระจายของข้อมูลหนึง่ ชุด (K) 3. อา่ นขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากแผนภาพกล่องทีแ่ สดงขอ้ มลู มากกว่า 1 ชดุ (K) 4. เปรียบเทียบขอ้ มูลทีอ่ า่ นไดจ้ ากแผนภาพกล่องท่ีแสดงข้อมูลมากกว่า 1 ชดุ และใช้ขอ้ มูลในการ คาดคะเน สรปุ ผล และตัดสนิ ใจ ได้อย่างเหมาะสม (K) 5. แปลความหมายเพ่อื เปรยี บเทยี บเกี่ยวกับการกระจายของข้อมลู มากกว่า 1 ชุด และใชข้ อ้ มูลในการ คาดคะเน สรปุ ผล และตัดสนิ ใจได้อยา่ งเหมาะสม (K) 6. มคี วามสามารถในการส่ือสาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 7. มคี วามสามารถการเชอ่ื มโยง (P) 8. มีความสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 9. มีความมุมานะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 10. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. มีความสามารถในการส่อื สาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ 5. สาระสาคัญ พสิ ัยของข้อมูลสามารถใชพ้ ิจารณาความแตกต่างของขอ้ มูล ซ่งึ หาไดโ้ ดยการนาค่าสูงสุดของข้อมลู ลบ ดว้ ยคา่ ต่าสดุ ของขอ้ มูล พสิ ยั จึงบอกการกระจายข้อมูลอย่างคราว ๆ ได้ นนั่ คือ ถ้าพิสัยมคี ่ามาก แสดงวา่ ข้อมลู ต่างกันมากหรืออาจกล่าวไดว้ า่ ขอ้ มูลมีการกระจายตัวมาก 6. สาระการเรียนรู้ แผนภาพกลอ่ งกับการกระจายขอ้ มลู 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูอภปิ รายรว่ มกบั นักเรียนเก่ยี วกับการกระจายของขอ้ มลู ชุด เดยี วกัน ท่ีนาเสนอดว้ ยแผนภาพจุดและ แผนภาพกลอ่ ง 2. ครูต้ังคาถามเพ่อื ให้นักเรยี นฝกึ อา่ นและแปลความหมายของขอ้ มูลจากแผนภาพกลอ่ ง รวมท้งั ช้ใี หน้ ักเรยี น เห็นเปอรเ์ ซน็ ต์ ของจานวนขอ้ มูลในแตล่ ะชว่ งทแ่ี บง่ ด้วยควอรไ์ ทลแ์ ต่ละค่า ซ่งึ เป็นการส่ือความหมายจาก แผนภาพกลอ่ ง 3. ครูใช้บทสนทนาระหวา่ งขา้ วปั้นกบั ขา้ วหอม ในหนงั สอื เรยี นหน้า 231 เพ่ือชใ้ี หน้ ักเรียนเหน็ วา่ ลักษณะ ของ แผนภาพกล่องสมั พันธ์กบั การกระจายของขอ้ มลู กลา่ วคือ ข้อมูลในช่วงที่ยาวกวา่ มกี ารกระจายตวั มากกวา่ 4. ครูใหน้ ักเรยี นจบั กลมุ่ กลุม่ ละ 3 -4 คนเพอ่ื ทา “กิจกรรม : นบั เดอื น” ในหนงั สอื เรียน หน้า 232 เพอื่ ให้ นักเรียนฝึกสรา้ ง อา่ นและแปลความหมาย แผนภาพกลอ่ งของข้อมลู ชดุ เดยี ว ทั้งนี้ครอู าจต้ังคาถามเพ่ือนาไปสู่ การอภิปรายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกับแผนภาพกลอ่ งทีไ่ ด้ 5. จาก “กิจกรรม : นบั เดอื น” ในหนังสือเรยี น หนา้ 232 ครูใช้ความหมายของ วา่ พสิ ยั ของข้อมลู สามารถใช้ พจิ ารณาความแตกตา่ งของขอ้ มลู ซึ่งหาได้โดยการนาค่าสงู สุดของขอ้ มูลลบดว้ ยคา่ ต่าสดุ ของขอ้ มลู พิสัยจงึ บอกการกระจายข้อมูลอยา่ งคราว ๆ ได้ น่ันคือ ถ้าพิสยั มคี า่ มาก แสดงวา่ ข้อมลู ต่างกันมากหรืออาจกลา่ วไดว้ ่า ข้อมูลมกี ารกระจายตัวมาก
6. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษากรกระจายข้อมูลในหนังสือเรียนหน้า 233 พรอ้ มกัลปช์ ว่ ยกนั ตอบคาถาม หลังจากน้ันครูใหต้ วั แทนแต่ละกลุ่มออกมาอภิปรายหนา้ ชนั้ เรยี นเกยี่ วกบั สงิ่ ที่ได้ศึกษาการกระจายขอ้ มูล ดังกลา่ วแล้วให้นกั เรียนทาแบบฝึกทักษะ 6.2.1 แลว้ ร่วมกนั เฉลย 7. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรุปความหมายของพิสัย ดังน้ี พสิ ยั ของขอ้ มูลสามารถใชพ้ ิจารณาความแตกต่างของข้อมลู ซ่งึ หาไดโ้ ดยการนาคา่ สงู สุดของขอ้ มลู ลบ ด้วยคา่ ต่าสุดของข้อมูล พิสยั จึงบอกการกระจายข้อมูลอยา่ งคราว ๆ ได้ นัน่ คือ ถา้ พิสยั มีคา่ มาก แสดงวา่ ขอ้ มูล ต่างกนั มากหรืออาจกล่าวได้ว่าขอ้ มูลมีการกระจายตวั มาก 8. ครใู ห้นักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 6.2 ข้อ 1 ใหญ่ ในหนงั สือเรียน 8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝึกหัดท่ี 6.2 3. แบบฝกึ ทกั ษะ 6.2.1 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกหัดและแบบฝกึ ทกั ษะ แบบฝกึ หัดและแบบฝกึ ทกั ษะ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ต้องปรับปรงุ ) ทาแบบฝกึ ได้อย่าง (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบฝกึ ได้อย่าง 1. เกณฑก์ าร ถูกต้องร้อยละ 90 ทาแบบฝกึ ไดอ้ ย่าง ทาแบบฝึกได้อย่าง ถูกต้องต่ากว่าร้อย ประเมินการทา ขึ้นไป ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80 - ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 60 - ละ 60 แบบฝกึ หัด ใช้รปู ภาษา และ 89 79 ใช้รปู ภาษา และ 2. เกณฑ์การ สัญลักษณ์ทาง ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สัญลกั ษณท์ าง ประเมนิ ความ สัญลักษณท์ าง สญั ลักษณ์ทาง สามารถในการ
ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 สอ่ื สาร ส่ือ (ดีมาก) (ต้องปรับปรุง) ความหมายทาง คณิตศาสตรใ์ นการ (ดี) (กาลังพฒั นา) คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ ส่อื สาร สอ่ื สาร สือ่ ความหมาย คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตรใ์ นการ สอ่ื ความหมาย 3. เกณฑ์การ สรุปผล และ สรุปผล และ ประเมนิ ความ นาเสนอได้อยา่ ง สือ่ สาร สือ่ สาร นาเสนอไมไ่ ด้ สามารถในการ ถูกตอ้ ง ชดั เจน สอื่ ความหมาย ส่อื ความหมาย ใหเ้ หตุผล รบั ฟังและใหเ้ หตุผล รับฟงั และให้ สรุปผล และ สรปุ ผล และ สนบั สนุน หรอื 4. เกณฑ์การ เหตุผลสนับสนนุ โต้แย้งไมไ่ ด้ ประเมินความมุ หรือโตแ้ ยง้ เพอื่ นาเสนอได้ถูกต้อง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง มานะในการทา นาไปสู่ การสรุป ไมม่ ีความตง้ั ใจและ ความเขา้ ใจ โดยมีข้อเท็จจรงิ แต่ขาดรายละเอยี ด บางส่วน พยายามในการทา ปญั หาและ ทางคณิตศาสตร์ ความเขา้ ใจปญั หา แก้ปัญหาทาง รองรับได้อยา่ ง ที่สมบูรณ์ และแก้ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์ สมบรู ณ์ คณติ ศาสตร์ ไม่มี มคี วามต้ังใจและ รบั ฟงั และใหเ้ หตผุ ล รบั ฟงั และให้เหตุผล ความอดทนและ พยายามในการทา ท้อแท้ตอ่ อุปสรรค ความเข้าใจปญั หา สนบั สนุน หรอื สนบั สนุน หรอื จนทาใหแ้ กป้ ัญหา และแก้ปญั หาทาง ทางคณิตศาสตร์ได้ คณติ ศาสตร์ มี โต้แย้ง เพ่อื นาไปสู่ โต้แย้ง แต่ไม่ ไมส่ าเรจ็ ความอดทนและไม่ ท้อแท้ต่ออปุ สรรค การสรปุ โดยมี นาไปสู่การสรุปที่มี จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ข้อเทจ็ จริงทาง ข้อเท็จจริงทาง สาเร็จ คณิตศาสตร์รองรบั คณติ ศาสตรร์ องรบั ได้บางส่วน มคี วามตั้งใจและ มีความตั้งใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา และแก้ปัญหาทาง และแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค จนทาให้แก้ปญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ไม่สาเรจ็ เลก็ น้อย ไมส่ าเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ 5. เกณฑ์การ มีความมุ่งม่นั ใน มคี วามม่งุ มั่นในการ มีความมงุ่ ม่นั ในการ มคี วามมุ่งมน่ั ในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง รอบคอบ จนงาน ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแต่ไม่มีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 มงุ่ ม่ันในการ (ต้องปรบั ปรุง) ทางาน (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) งานไมป่ ระสบ ผลสาเรจ็ อย่างท่ี ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ควร เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยสว่ นใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย สมบรู ณ์ 10. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรียนทีไ่ ม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนมีคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 57 สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ื้นฐาน รหัสวชิ า ค 23101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 สถติ ิ (3) เร่อื ง แผนภาพกล่องกบั การกระจายขอ้ มูล (2) เวลา 1 ชั่วโมง วันท่ี............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรูท้ างสถติ ิในการแก้ปญั หา 2. ตวั ช้ีวัดชนั้ ปี เข้าใจและใช้ความรทู้ างสถติ ิในการนาเสนอและวเิ คราะห์ขอ้ มลู จากแผนภาพกลอ่ ง และแปล ความหมายผลลัพธ์ รวมทั้ง นาสถิติไปใช้ในชวี ิตจริง โดยใช้เทคโนโลยที ี่เหมาะสม (ค3.1 ม.3/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อา่ นข้อมูลทีไ่ ด้จากแผนภาพกล่อง (K) 2. แปลความหมายเกย่ี วกับการกระจายของข้อมูลหนึง่ ชุด (K) 3. อา่ นขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากแผนภาพกล่องทีแ่ สดงขอ้ มลู มากกว่า 1 ชุด (K) 4. เปรยี บเทียบขอ้ มูลทีอ่ า่ นไดจ้ ากแผนภาพกล่องท่ีแสดงข้อมูลมากกว่า 1 ชดุ และใช้ข้อมูลในการ คาดคะเน สรุปผล และตัดสนิ ใจ ได้อย่างเหมาะสม (K) 5. แปลความหมายเพ่อื เปรยี บเทยี บเกี่ยวกับการกระจายของข้อมูลมากกวา่ 1 ชุด และใช้ข้อมูลในการ คาดคะเน สรปุ ผล และตัดสนิ ใจได้อยา่ งเหมาะสม (K) 6. มคี วามสามารถในการส่ือสาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 7. มคี วามสามารถการเชอ่ื มโยง (P) 8. มีความสามารถในการใหเ้ หตุผล (P) 9. มคี วามมุมานะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 10. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A)
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั พิสยั ของข้อมลู สามารถใชพ้ ิจารณาความแตกต่างของข้อมลู ซึ่งหาไดโ้ ดยการนาคา่ สูงสุดของข้อมูลลบ ดว้ ยคา่ ตา่ สุดของข้อมูล พสิ ัยจึงบอกการกระจายข้อมูลอยา่ งคราว ๆ ได้ นน่ั คอื ถา้ พิสยั มีค่ามาก แสดงว่าขอ้ มลู ต่างกันมากหรืออาจกลา่ วไดว้ ่าข้อมูลมีการกระจายตวั มาก 6. สาระการเรียนรู้ แผนภาพกล่องกับการกระจายขอ้ มูล 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครอู ภปิ รายร่วมกับนกั เรียนเกีย่ วกบั การกระจายของขอ้ มูล ชุด เดียวกัน ที่นาเสนอดว้ ยแผนภาพจดุ และ แผนภาพกล่อง 2. ครูตั้งคาถามเพ่ือใหน้ กั เรียนฝึกอ่านและแปลความหมายของข้อมลู จากแผนภาพกล่อง รวมทัง้ ช้ใี หน้ กั เรียน เห็นเปอรเ์ ซน็ ต์ ของจานวนข้อมูลในแต่ละช่วงทแ่ี บ่งด้วยควอร์ไทลแ์ ต่ละคา่ ซ่งึ เปน็ การสอ่ื ความหมายจาก แผนภาพกลอ่ ง 3. ครใู หน้ กั เรยี นจบั กลุ่ม กลุม่ ละ 3 -4 คนเพื่อให้นกั เรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งตัวอย่างท่ี 1 - 2 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 234 – 235 เพอ่ื ศกึ ษาการเปรียบเทียบแผนภาพกลอ่ ง 4. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาแบบฝกึ ทักษะท่ี 6.2.2 แลว้ หลงั จากนั้นครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอ คาตอบของแต่ละกลมุ่ แล้วร่วมกนั อภปิ รายคาตอบของแตล่ ะกลุ่ม 5. ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรุปความหมายของพิสัย ดงั น้ี พิสยั ของขอ้ มูลสามารถใช้พิจารณาความแตกต่างของขอ้ มูล ซงึ่ หาไดโ้ ดยการนาค่าสูงสุดของขอ้ มลู ลบ ด้วยค่าตา่ สุดของข้อมูล พิสัยจงึ บอกการกระจายข้อมูลอย่างคราว ๆ ได้ นน่ั คือ ถ้าพิสยั มคี ่ามาก แสดงวา่ ข้อมลู ตา่ งกนั มากหรอื อาจกล่าวได้วา่ ข้อมูลมีการกระจายตัวมาก 6. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดที่ 6.2 ขอ้ 2 - 3 ใหญ่ ในหนงั สอื เรยี น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 480
Pages: