แผนการสอน รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ตามหลกั สูตรปรบั ปรงุ 2560 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 โรงเรยี นวดั ปา่ ตงึ หว้ ยยาบ อาเภอบา้ นธิ จงั หวดั ลาพนู สานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาพนู เขต 1 สานกั งานการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตรพ์ นื้ ฐาน รหสั วชิ า ค 21101 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 จานวนเต็ม เรื่อง จานวนเต็ม เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ท.ี่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ้สู อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกดิ ขึน้ จากการดาเนินการ สมบัตขิ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดชั้นปี เข้าใจจานวนตรรกยะและความสัมพนั ธ์ของจานวนตรรกยะ และใชส้ มบตั ิของจานวนตรรกยะในการ แก้ปญั หาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ติ จรงิ ( ค1.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ระบหุ รือยกตัวอย่างจานวนเตม็ บวก จานวนเตม็ ลบ และศูนย์ (K) 2. เปรียบเทียบจานวนเตม็ (K) 3. มีความสามารถในการสอ่ื สาร สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มีความมุ่งม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการส่ือสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั จานวนเต็ม ประกอบด้วย จานวนเตม็ บวก จานวนเตม็ ลบ และศนู ย์ เราใชจ้ านวนเตม็ แทนปรมิ าณ เพือ่ เปรยี บเทียบ หรือนาผลลพั ธท์ ่ไี ดจ้ ากการดาเนนิ การไปสือ่ ความหมายตา่ งๆ อีกทง้ั สมบัตขิ องการบวกและ
การคณู จานวนเต็มช่วยให้ การดาเนินการของจานวนเต็มง่ายขน้ึ จงึ ถกู นาไปใช้ประโยชนใ์ นการคดิ คานวณและ แกป้ ญั หา 6. สาระการเรียนรู้ จานวนเตม็ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนความรกู้ ่อนเรยี นโดยใชเ้ สน้ จานวน ดงั น้ี ตัวอย่างของเสน้ จานวน 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 0 5 10 15 20 25 30 การบวก และการลบจานวนนบั สามารถใช้เส้นจานวนแสดงการหาผลบวกและผลลบได้ เชน่ หาผลบวก 6 + 3 โดยใช้วธิ ีการนับตอ่ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 6+3=9 หาผลลบ 7 - 4 โดยใชว้ ธิ กี ารนับถอยหลัง 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 7- 4 = 3 การคูณจานวนนบั สามารถทาไดโ้ ดยการบวกเพ่มิ ครง้ั ละเท่า ๆ กนั เช่น 5 × 3 = 3 + 3 + 3 + 3 + 3 = 15 การหารจานวนนบั ท่เี ปน็ การหารลงตวั สามารถทาไดโ้ ดยการหาจานวนนบั ท่ีนามาคูณกบั ตวั หารแล้ว ได้ผลคูณ เท่ากบั ตัวต้ัง เช่น 18 ÷ 6 จะตอ้ งหาจานวนนบั ท่นี ามาคูณกับ 6 แล้วได้ 18 นั่นคอื 3 ดังน้นั 18 ÷ 6 = 3
2. ครนู าสนทนาเก่ียวกับความหมายของศูนยใ์ นสถานการณต์ า่ งๆ เช่น การใช้ 0 แทนความไม่มี หรือ การใช้ 0แทน การมีอยูใ่ นระดับหนึ่งๆ รวมทงั้ ความหมายและความสาคญั ของจานวนเตม็ ลบในชีวติ จรงิ เช่น อณุ หภมู ิท่ีตดิ ลบ 3. ครใู ห้นักเรียนพจิ ารณาเส้นจานวนและใชค้ าถามเพ่อื ใหน้ กั เรยี นเกดิ ความคิดรวบยอดเก่ยี วกับ จานวนเตม็ ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี จานวนเต็มลบ ศนู ย์ จานวนเต็มบวก -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 1) จากภาพเส้นจานวนแบ่งออกเปน็ กส่ี ่วน และมีอะไรบ้าง ( 3 ส่วน คอื จานวนเตม็ ลบ ศนู ย์ และจานวนเต็มบวก) 2) สว่ นทเ่ี ป็นจานวนเต็มลบไดแ้ ก่ จานวนใดบ้าง (-1 -2 -3 -4 -5 และ -6) 3) ส่วนท่ีเปน็ จานวนเตม็ บวกไดแ้ ก่จานวนใดบ้าง ( 1 2 3 4 5 และ 6) 4) 0 เปน็ จานวนนับหรอื ไม่ (0 ไมใ่ ช่จานวนนบั ) 5) 0 เป็นจานวนเตม็ ท่ีเป็นจานวนเตม็ บวกหรือไม่ ( 0 ไม่ใชจ่ านวนเต็มบวก) 6) 0 เปน็ จานวนเตม็ ลบหรือไม่ ( 0 ไม่ใช่จานวนเตม็ ลบ) 7) จานวนเตม็ บวกท่ีนอ้ ยที่สุดคอื จานวนใด ( 1 ) 8) จานวนเตม็ ท่ีมากท่ีสดุ คอื จานวนใด (ไมม่ ีจานวนเต็มบวกท่มี ากที่สุด) 9) จานวนเตม็ ลบท่มี ากท่ีสุดคือจานวนใด (-1) 10) จานวนเต็มลบทนี่ อ้ ยท่ีสดุ คอื จานวนใด (ไมม่ ีจานวนเต็มลบที่น้อยท่สี ุด) 4. จากกจิ กรรมในข้อท่ี 3 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สงิ่ ทคี่ ้นพบดังน้ี 1) จานวนเตม็ ทอ่ี ยู่ทางขวาของศูนยเ์ ป็นจานวน เตม็ บวก จานวนเตม็ ที่อยู่ทางซ้ายของศนู ย์ เป็นจานวนเตม็ ลบ และจานวนท่ีอยู่ ทางขวาจะมากกวา่ จานวนท่ีอย่ทู างซา้ ยเสมอ 2) ศนู ยเ์ ปน็ จานวนเตม็ ที่ไมใ่ ช่จานวนเตม็ บวก และไมใ่ ช่จานวนเตม็ ลบ 5. ครูสนทนาเกย่ี วกบั จานวนและการเปรยี บเทยี บจานวนในชีวิตจรงิ และอาจใช้คาถามเพือ่ พัฒนา ความร้สู ึกเชงิ จานวนเกย่ี วกับจานวนเตม็ และการเปรยี บเทยี บจานวนเต็ม เชน่
- การเปรียบเทยี บราคาสินค้าชนดิ เดยี วกนั จากรา้ นต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสนิ ใจ - การเปรียบเทยี บอุณหภูมิของอากาศในประเทศตา่ งๆ เพ่อื เตรยี มความพร้อมในการเดนิ ทาง 6. ครูนาเสนอการเปรียบเทียบจานวนเต็มโดยการใช้เส้นจานวน ดงั น้ี 1) เปรียบเทยี บ -2 กับ -5 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 -2 อยทู่ างขวาของ -5 แสดงวา่ -2 > -5 หรือ -5 อย่ทู างซ้ายของ -2 แสดงวา่ -5 < -2 2) เปรียบเทยี บ 5 กับ -6 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 5 อย่ทู างขวาของ -6 แสดงว่า 5 > -6 หรือ -6 อยู่ทางซ้ายของ 5 แสดงว่า -6 < 5 3) จงเรียงลาดับ 2 1 -4 0 3 และ -2 จากนอ้ ยไปหามาก -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 จากการลงจุดบนเสน้ จานวน สามารถเรยี งลาดับจานวนเตม็ ท่ี กาหนดใหจ้ ากนอ้ ยไปมาก ได้ดังน้ี -4, -2, 0, 1 , 2 และ 3 7. จากตวั อยา่ งครแู ละนักเรียนสรุปรว่ มกนั ดงั นี้ เราอาจใช้เสน้ จานวนในการเปรยี บเทยี บจานวนเต็มสองจานวนท่ีไมเ่ ท่ากัน โดยการลงจดุ บน เสน้ จานวน แล้วใช้หลักการ พิจารณาท่ีว่า จานวนเต็มทอ่ี ยูท่ างขวาจะมากกวา่ จานวนเตม็ ท่ีอยูท่ างซา้ ยเสมอ 8. จากนัน้ ให้นกั เรยี นเปรยี บเทียบจานวนเต็มโดยใชเ้ สน้ จานวน เพื่อฝกึ การนึกภาพเกีย่ วกับตาแหนง่ ของจานวนเตม็ ตา่ งๆ บนเส้นจานวนซ่ึงเป็นวิธีทีง่ า่ ยในการเปรียบเทยี บจานวนเต็ม และเพ่ือนาไปสู่การสรุป หลกั การเปรยี บเทยี บจานวนเต็ม โดยให้นักเรียนทาแบบฝึกทักษะที่ 1.1 การเปรยี บเทยี บจานวนเตม็ โดยใช้เสน้ จานวน
8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝึกทกั ษะที่ 1.1 การเปรียบเทียบจานวนเต็มโดยใชเ้ ส้นจานวน 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะการเปรียบเทียบ แบบฝกึ ทกั ษะเร่อื ง การ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ จานวนเต็มโดยใช้เสน้ จานวน เปรียบเทยี บจานวนเตม็ โดยใชเ้ ส้น จานวน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบคุ คล รายบุคคล 9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ต้องปรบั ปรุง) ประเมนิ การฝึก ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถูกต้องรอ้ ย อย่างถูกต้องตา่ กว่า แบบฝกึ หัด ละ 90 ข้นึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ใช้รูป ภาษา และ อย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ อยา่ งถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สัญลักษณ์ทาง สัญลกั ษณ์ทาง ส่ือสาร สอ่ื คณิตศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณติ ศาสตร์ในการ ความหมายทาง สือ่ สาร สอื่ สาร คณติ ศาสตร์ สอื่ ความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ สื่อความหมาย สรปุ ผล และ สญั ลักษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง สรปุ ผล และ นาเสนอได้อย่าง คณิตศาสตร์ในการ คณติ ศาสตร์ในการ นาเสนอไม่ได้ ถกู ต้อง ชดั เจน สอ่ื สาร ส่ือสาร สื่อความหมาย สอ่ื ความหมาย สรุปผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้ถูกตอ้ ง นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ท่สี มบรู ณ์
ประเด็นการ 4 ระดับคุณภาพ 1 ประเมนิ (ดีมาก) 32 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) มีความตัง้ ใจและ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ไม่มีความต้งั ใจและ 3. เกณฑก์ าร พยายามในการทา มคี วามต้ังใจและ มีความต้งั ใจและ พยายามในการทา ประเมินความมุ ความเขา้ ใจปัญหา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา มานะในการทา และแกป้ ญั หาทาง ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ัญหาทาง ความเขา้ ใจ คณิตศาสตร์ มี และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ ไมม่ ี ปญั หาและ ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและ แกป้ ัญหาทาง ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค คณติ ศาสตร์ จนทาให้แกป้ ญั หา ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเร็จ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ไม่สาเร็จ ไม่สาเร็จเล็กนอ้ ย ไม่สาเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ 4. เกณฑก์ าร มีความมุ่งมน่ั ใน มคี วามมุง่ มนั่ ในการ มีความมงุ่ มั่นในการ มคี วามมุง่ ม่นั ในการ ประเมนิ ความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มคี วาม มุ่งมน่ั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไมป่ ระสบ เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรยี บร้อยส่วนนอ้ ย ผลสาเร็จอย่างที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนนี่ไม่ผา่ น มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................
แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทีไ่ มผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมคี ุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ .............................................. 11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ ผ้ทู ่ีไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................
2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง..............................................
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 2 สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั วชิ า ค 21101 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 จานวนเต็ม เร่อื ง การเปรียบเทียบจานวนเตม็ เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครูผสู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้ 2. ตัวช้วี ัดช้ันปี เข้าใจจานวนตรรกยะและความสมั พันธ์ของจานวนตรรกยะ และใชส้ มบัตขิ องจานวนตรรกยะในการ แก้ปญั หาคณิตศาสตรแ์ ละปญั หาในชวี ิตจริง ( ค1.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ระบุหรอื ยกตวั อย่างจานวนเตม็ บวก จานวนเต็มลบ และศูนย์ (K) 2. เปรยี บเทียบจานวนเต็ม (K) 3. มคี วามสามารถในการส่อื สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 4. มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 5. มีความมุง่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. มีความสามารถในการสอ่ื สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ 5. สาระสาคญั จานวนเตม็ ประกอบด้วย จานวนเตม็ บวก จานวนเต็มลบ และศนู ย์ เราใชจ้ านวนเต็มแทนปรมิ าณ เพ่ือเปรยี บเทยี บ หรอื นาผลลัพธท์ ี่ไดจ้ ากการดาเนินการไปสื่อความหมายต่างๆ อีกท้ังสมบัตขิ องการบวกและ
การคูณจานวนเตม็ ช่วยให้ การดาเนินการของจานวนเตม็ ง่ายขนึ้ จงึ ถกู นาไปใชป้ ระโยชน์ในการคิดคานวณและ แกป้ ญั หา 6. สาระการเรียนรู้ การเปรยี บเทียบจานวนเตม็ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครทู บทวนการเปรยี บเทียบจานวนเต็มโดยใชเ้ ส้นจานวนโดยเขยี นจานวนเตม็ บนกระดานแลว้ ให้ นกั เรยี นออกมาเขียนเสน้ จานวนเพือ่ เปรยี บเทยี บจานวนเตม็ ดงั น้ี - 3 และ 8 - -8 และ 2 - 0 และ -4 - 5 และ 9 2. ครแู บง่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน เพื่อทากิจกรรม กรรมการอ่านผลกอลฟ์ 3. ครูอธบิ ายกตกิ าการแข่งขันกอล์ฟพอสงั เขปพร้อมท้ังยกตัวอยา่ งผลการแข่งขันกอลฟ์ จากใบ กจิ กรรม กรรมการอา่ นผลกอล์ฟ ตอนท่ี 1 4. ครแู ละนักเรียนอภปิ รายร่วมกันเกี่ยวกบั ข้อมลู ในตารางแสดงผลการแข่งขนั จากใบกจิกรรม ตอนท่ี 1 แลว้ ตอบคาถาม ลงในใบกิจกรรม 5. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันทาใบกิจกรรม ตอนที่ 2 ซงึ่ เปน็ การหาคะแนนของนกั กอล์ฟแต่ละ คนจากข้อมูลทีก่ าหนดให้และตอบคาถาม ท้งั น้นี ักเรยี นสามารถหาคะแนนของนักกอล์ฟแต่ละคนโดยไมต่ อ้ งใช้ การคานวณ แตอ่ าจใชก้ ารนบั บนเส้นจานวน 6. ครูเน้นยา้ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า จานวนเต็มลบท่ีมคี า่ สัมบรู ณ์มากกว่า จะน้อยกวา่ จานวนเตม็ ลบทม่ี ี ค่าสมั บรู ณ์ น้อยกวา่ เชน่ -8 น้อยกวา่ -3 โดยอาจพิจารณาจากตาแหนง่ ของจานวนเตม็ บนเสน้ จานวนหรือ สถานการณ์ ในชวี ติ จรงิ ประกอบ 7. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั ท่ี 1.1 ในหนงั สือเรียน 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น 2. ใบกจิ กรรม กรรมการอ่านผลกอล์ฟ
9. การวัดและประเมนิ ผล เครือ่ งมือ เกณฑ์ ใบกิจกรรม กรรมการอ่านผล รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.1 การวัดผล กอลฟ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ วธิ กี าร รายบุคคล ตรวจใบกจิ กรรม กรรมการอา่ นผล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ กอลฟ์ กล่มุ สังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรุง) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลงั พฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อยา่ งถกู ต้องร้อย อย่างถกู ต้องต่ากว่า แบบฝกึ หัด ละ 90 ขนึ้ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ ใชร้ ูป ภาษา และ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ ใชร้ ปู ภาษา และ สามารถในการ สญั ลักษณท์ าง สัญลักษณท์ าง ส่อื สาร สือ่ คณติ ศาสตรใ์ นการ 80 - 89 60 - 79 คณิตศาสตร์ในการ ความหมายทาง สอื่ สาร สอ่ื สาร คณิตศาสตร์ สอ่ื ความหมาย ใชร้ ปู ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ส่อื ความหมาย สรุปผล และ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สรุปผล และ 3. เกณฑ์การ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไม่ได้ ประเมินความมุ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน ส่ือสาร สอื่ สาร มานะในการทา ส่ือความหมาย สื่อความหมาย ไม่มคี วามตัง้ ใจและ ความเข้าใจ มคี วามต้ังใจและ สรุปผล และ สรุปผล และ พยายามในการทา พยายามในการทา นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอไดถ้ ูกต้อง ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจปญั หา แตข่ าดรายละเอยี ด บางสว่ น และแก้ปัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง ท่ีสมบูรณ์ มีความตง้ั ใจและ มคี วามตัง้ ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเขา้ ใจปัญหา และแก้ปญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง
ประเดน็ การ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมนิ (ดมี าก) 32 (ต้องปรับปรงุ ) คณิตศาสตร์ มี (ดี) (กาลงั พัฒนา) คณิตศาสตร์ ไม่มี ปญั หาและ ความอดทนและไม่ คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและ แกป้ ัญหาทาง ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค คณติ ศาสตร์ จนทาให้แก้ปญั หา ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ได้ จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ทางคณิตศาสตร์ได้ 4. เกณฑ์การ สาเรจ็ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ ไมส่ าเรจ็ ประเมินความ ไม่สาเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเปน็ สว่ น ม่งุ มนั่ ในการ ทางาน ใหญ่ มีความมงุ่ มั่นใน มีความมุง่ ม่นั ในการ มคี วามมุ่งมน่ั ในการ มีความมุ่งมัน่ ในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไม่มคี วาม รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเรจ็ งานไมป่ ระสบ เรยี บรอ้ ย ครบถว้ น เรียบรอ้ ยส่วนใหญ่ เรียบรอ้ ยสว่ นนอ้ ย ผลสาเร็จอยา่ งที่ สมบรู ณ์ ควร 10. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไี่ มผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
3. นกั เรียนเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนือ้ หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของส่อื ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ นื้ ฐาน รหัสวิชา ค 21101 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 จานวนเต็ม เร่อื ง การบวกจานวนเต็มชนิดเดียวกนั เวลา 1 ชวั่ โมง วันที่............. เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนนิ การของ จานวน ผลที่เกดิ ขึน้ จากการดาเนนิ การ สมบตั ิของการดาเนนิ การ และนาไปใช้ 2. ตัวช้ีวัดชั้นปี เข้าใจจานวนตรรกยะและความสัมพนั ธข์ องจานวนตรรกยะ และใชส้ มบตั ขิ องจานวนตรรกยะในการ แกป้ ัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวติ จริง ( ค1.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. หาผลบวกของจานวนเต็มท่ีกาหนดให้ (K) 2. ตระหนักถงึ ความสมเหตสุ มผลของผลบวกของจานวนเต็มทไี่ ด้ (K) 3. มีความสามารถในเชอื่ มโยงความร้ทู างคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการสื่อสาร สือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 6. มีความมุ่งมัน่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร 2. มีความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ 5. สาระสาคญั 1. การบวกจานวนเต็มบวกด้วยจานวนเต็มบวกทาได้เชน่ เดียวกบั การรบวก จานวนนบั ด้วยจานวนนบั ซงึ่ สามารถใช้เส้นจานวนแสดงการหาผลบวกโดยวิธกี ารนบั ต่อไปทางขวา
2. การบวกจานวนเต็มลบดว้ ยจานวนเตม็ ลบ สามารถใช้เสน้ จานวน แสดงการหาผลบวกโดยวธิ กี ารร นับต่อไปทางซ้าย 6. สาระการเรียนรู้ การบวกจานวนเตม็ ชนดิ เดยี วกัน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครทู บทวนการบวกจานวน และการลบจานวนนบั โดยใชเ้ ส้นจานวนดังน้ี หาผลบวก 5 + 4 โดยใชว้ ธิ กี ารนบั ตอ่ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 5+4=9 หาผลลบ 8 – 6 โดยใช้วิธกี ารนบั ถอยหลงั 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 8- 6 = 2 2. ครนู าเสนอวธิ ีการบวกจานวนเตม็ บวกด้วยจานวน เต็มบวก และการบวกจานวนเตม็ ลบด้วยจานวน เตม็ ลบดังนี้ 1) การบวกจานวนเต็มบวกดว้ ยจานวนเตม็ บวกทาได้เชน่ เดยี วกบั การบวก จานวนนับด้วย จานวนนบั ซ่ึงสามารถใช้เส้นจานวนแสดงการหาผลบวก โดยวิธีการนับต่อไปทางขวา 2) การบวกจานวนเตม็ ลบด้วยจานวนเตม็ ลบ สามารถใชเ้ ส้นจานวน แสดงการหาผลบวกโดย วธิ กี ารรนบั ตอ่ ไปทางซา้ ย 3. ครูยกตวั อย่างการบวกจานวนเต็มบวกด้วยจานวนเตม็ บวก และการบวกจานวนเตม็ ลบด้วยจานวน เตม็ ลบโดยใชเ้ สน้ จานวน ดงั นี้
ตวั อย่างที่ 1 จงหาผลบวก 8 + 3 วิธที า เริ่มตน้ ท่ี 0 แล้วนบั ไปทางขวาถงึ 8 และเมือ่ บวกด้วย 3 ให้นับต่อไปทางขวาอกี 3 หนว่ ย ซง่ึ จะไปส้นิ สดุ ท่ี 11 ดังนี้ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ดังนั้น 8 + 3= 11 ตอบ 11 ตัวอยา่ งที่ 2 จงหาผลบวก (-5) + (-2) วิธที า เริ่มต้นท่ี 0 แล้วนบั ไปทางซ้ายถงึ -5 และเมือ่ บวกด้วย -2 ใหน้ บั ตอ่ ไปทางซา้ ยอีก 2 หนว่ ย ซ่งึ จะไปสน้ิ สุดท่ี -7 ดงั น้ี -12 -11 -10 -9 -8 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 ดงั นนั้ (-5) + (-2)= -7 ตอบ -7 ตวั อย่างท่ี 3 จงหาผลบวก (-8) + (-4) วิธีทา เร่ิมต้นที่ 0 แลว้ นับไปทางซา้ ยถึง -8 และเมือ่ บวกด้วย -4 ให้นบั ต่อไปทางซ้ายอกี 4 หนว่ ย ซง่ึ จะไปส้นิ สุดที่ -12 ดงั นี้ -12 -11 -10 -9 -8 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 ดงั น้ัน (-8) + (-4)= -12 ตอบ -12 4. ครูยา้ วธิ ีการบวกจานวนเต็มบวกด้วยจานวนเต็มบวก และการบวกจานวนเต็มลบด้วยจานวนเตม็ ลบดังน้ี 1) การบวกจานวนเตม็ บวกด้วยจานวนเตม็ บวกทาได้เชน่ เดียวกับการบวก จานวนนับดว้ ย จานวนนบั ซ่ึงสามารถใช้เส้นจานวนแสดงการหาผลบวก โดยวิธกี ารนบั ต่อไปทางขวา 2) การบวกจานวนเต็มลบดว้ ยจานวนเต็มลบ สามารถใช้เสน้ จานวน แสดงการหาผลบวกโดย วธิ ีการรนับตอ่ ไปทางซ้าย 5. ครใู ห้นักเรียนทาแบบฝึกทักษะที่ 1.2 เร่ือง การบวกจานวนเตม็ ชนิดเดยี วกนั
8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.2 เรอ่ื ง การบวกจานวนเต็มชนิดเดียวกัน 9. การวดั และประเมินผล 9.1 การวัดผล วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะท่ี 1.2 เรื่อง การ แบบฝึกทกั ษะท่ี 1.2 เร่อื ง การ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ บวกจานวนเต็มชนิดเดยี วกัน บวกจานวนเตม็ ชนดิ เดียวกนั สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล รายบุคคล 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลังพฒั นา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถูกต้องรอ้ ย อย่างถกู ต้องตา่ กวา่ แบบฝึกหัด ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมนิ ความ อยา่ งถกู ต้องร้อยละ อยา่ งถูกตอ้ งรอ้ ยละ ใช้ความรทู้ าง สามารถในการ คณิตศาสตรเ์ ป็น เชื่อมโยง 80 - 89 60 - 79 เคร่อื งมอื ในการ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ 3. เกณฑ์การ ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรูท้ าง ใชค้ วามรู้ทาง เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื ประเมนิ ความ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ ศาสตรอ์ น่ื ๆ และ เครือ่ งมอื ในการ เครอ่ื งมือในการ เครื่องมือในการ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรยี นร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ เนือ้ หาต่าง ๆ หรือ เนอ้ื หาตา่ ง ๆ หรอื เนอ้ื หาต่าง ๆ หรอื ใชร้ ปู ภาษา และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ สัญลกั ษณ์ทาง นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นาไปใช้ในชีวิตจริง นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น เหมาะสม ใช้รูป ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ใชร้ ูป ภาษา และ สญั ลักษณท์ าง สัญลักษณ์ทาง สญั ลักษณ์ทาง
ประเดน็ การ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 ประเมิน (ดมี าก) 32 (ต้องปรบั ปรงุ ) คณิตศาสตร์ในการ (ด)ี (กาลังพัฒนา) คณิตศาสตร์ในการ สามารถในการ ส่อื สาร คณิตศาสตรใ์ นการ คณิตศาสตร์ในการ สื่อสาร ส่อื สาร สอ่ื สือ่ ความหมาย สื่อสาร สอ่ื สาร ส่ือความหมาย ความหมายทาง สรปุ ผล และ สือ่ ความหมาย สือ่ ความหมาย สรปุ ผล และ คณิตศาสตร์ นาเสนอไดอ้ ย่าง สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอไมไ่ ด้ ถกู ต้อง ชดั เจน นาเสนอได้ถกู ต้อง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง 4. เกณฑ์การ แตข่ าดรายละเอียด บางสว่ น ไมม่ ีความต้งั ใจและ ประเมนิ ความมุ มีความตงั้ ใจและ ท่สี มบรู ณ์ พยายามในการทา มานะในการทา พยายามในการทา มีความตง้ั ใจและ มคี วามตั้งใจและ ความเข้าใจปัญหา ความเขา้ ใจ ความเขา้ ใจปญั หา พยายามในการทา พยายามในการทา และแก้ปัญหาทาง ปัญหาและ และแกป้ ัญหาทาง ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ มี และแกป้ ัญหาทาง และแก้ปัญหาทาง ความอดทนและ คณติ ศาสตร์ ความอดทนและไม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ คณิตศาสตร์ แต่ไม่ ท้อแทต้ ่ออุปสรรค ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค มคี วามอดทนและ มคี วามอดทนและ จนทาใหแ้ ก้ปญั หา จนทาให้แก้ปัญหา ท้อแทต้ ่ออปุ สรรค ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ จนทาใหแ้ กป้ ัญหา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา ไมส่ าเร็จ สาเรจ็ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ไม่สาเรจ็ เลก็ นอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เป็นส่วน ใหญ่ 5. เกณฑก์ าร มีความมุ่งมั่นใน มคี วามม่งุ ม่นั ในการ มคี วามมงุ่ ม่ันในการ มีความมงุ่ ม่ันในการ ประเมินความ การทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ คี วาม มุ่งม่นั ในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเร็จ งานไม่ประสบ เรยี บร้อย ครบถ้วน เรียบรอ้ ยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยส่วนนอ้ ย ผลสาเรจ็ อย่างท่ี สมบรู ณ์ ควร
10. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนน่ไี มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไี่ มผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกดิ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรียนมีคณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
11. ความคิดเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสอื่ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ รายวิชา คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหัสวชิ า ค 21101 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 จานวนเต็ม เรอ่ื ง การบวกจานวนเต็มทต่ี า่ งชนิดกันโดยใช้เส้นจานวน เวลา 1 ช่ัวโมง วันท.ี่ ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลท่ีเกิดขึ้นจากการดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้ 2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี เข้าใจจานวนตรรกยะและความสัมพนั ธข์ องจานวนตรรกยะ และใช้สมบัติของจานวนตรรกยะในการ แกป้ ญั หาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง ( ค1.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. หาผลบวกของจานวนเต็มทีก่ าหนดให้ (K) 2. ตระหนักถึงความสมเหตสุ มผลของผลบวกของจานวนเตม็ ทไี่ ด้ (K) 3. มคี วามสามารถในเชอ่ื มโยงความร้ทู างคณติ ศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการส่อื สาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามมุมานะในการทาความเข้าใจปญั หาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 6. มีความมงุ่ มั่นในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 3. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ 5. สาระสาคัญ 1. การบวกกันของจานวนเต็มบวกกบั จานวนเต็มลบสามารถใช้ เสน้ จานวนแสดงการหาผลบวกโดยใช้ การนบั แบบย้อนทิศทางกนั
2. การบวกจานวนเต็มใดๆ กบั ศูนย์จะได้ผลบวกเป็นจานวนเตม็ นัน้ โดยสามารถใช้เสน้ จานวนแสดง การหาผลบวกได้ 6. สาระการเรยี นรู้ การบวกจานวนเต็มท่ีตา่ งชนดิ กันโดยใชเ้ สน้ จานวน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยแตล่ ะกลมุ่ แบ่งออกเปน็ 2 ฝ่าย คอื ฝ่าย ก และ ฝ่าย ข 2. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาวธิ กี ารบวกกันของจานวนเต็มบวกและจานวนเต็มลบของชาวจนี โดยอาจ ยกตัวอย่างเพิ่มเติมเพือ่ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจมากขน้ึ ดังนี้ ไมแ้ ดง 1 อัน รวมกับไม้แดง 1 อัน จะได้เป็นไมแ้ ดง 2 อัน เปรียบได้กับ 1 + 1 ซึง่ เท่ากับ 2 ฏ ในทานองเดยี วกนั ถา้ ไมด้ 1 อนั รวมกบั ไมด้ า 1 อัน จะได้เปน็ ไม้ดา 2 อนั เปรยี บได้กับ (-1) + (-1) ซึง่ เท่ากบั -2 ไมแ้ ดง 1 อนั รวมกบั ไมด้ า 1 อนั จะหักลา้ งกนั หมดไป เปรยี บได้กบั 1 + (-1) ซึง่ เท่ากับ 0 ฏ ไมแ้ ดง 2 อัน รวมกับไมด้ า 1 อนั เหลอื ไม้แดง 1 อัน เปรยี บได้กับ 2 + (-1) ซง่ึ เท่ากับ 1 ฏ 3. ครูกาหนดใหน้ ักเรยี นฝา่ ย ก ตง้ั โจทยก์ ารบวกระหว่างจานวนเต็มบวกและจานวนเตม็ ลบที่มีจานวน เตม็ บวกไม่เกนิ 20 และจานวนเตม็ ลบไม่นอ้ ยกวา่ -20 แลว้ ใหน้ กั เรียนฝ่าย ข หาคาตอบ โดยใชแ้ นวคิด เช่นเดยี วกับชาวจีนในสมยั โบราณ โดยใชไ้ มไ้ อศกรมี แทนไมส้ ตี ่าง ๆ ของชาวจนี 4. สลับให้นกั เรียนฝา่ ย ข เปน็ ผู้ตงั้ โจทย์ และนกั เรียนฝ่าย ก เปน็ ผู้หาคาตอบ 5.ทาเช่นน้จี นแต่ละฝ่ายแกป้ ญั หาครบ 5 ข้อ 6. ครนู าเสนอวธิ ีการบวกกันของจานวนเตม็ บวกกบั จานวนเตม็ ลบสามารถใช้ เสน้ จานวนแสดงการหา ผลบวกโดยใช้การนับแบบยอ้ นทิศทางกนั ดังน้ี
ตวั อยา่ งท่ี 1 จงหาผลบวก (-8) + (4) วิธีทา เริ่มตน้ ท่ี 0 แลว้ นบั ไปทางซ้ายถงึ -8 และเมอื่ บวกด้วย 4 ใหน้ ับไปทางขวาอกี 4 หนว่ ย ซ่ึงจะ ไปส้นิ สุดที่ -4 ดงั นี้ -12 -11 -10 -9 -8 -7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 ดังนนั้ (-8) + (4) = -4 ตอบ -4 ตวั อยา่ งที่ 2 จงหาผลบวก 6 + (-8) วธิ ที า เร่ิมตน้ ท่ี 0 แลว้ นบั ไปทางขวาถงึ 6 และเมอ่ื บวกดว้ ย -8 ใหน้ ับไปทางซ้ายอีก 8 หนว่ ย ซงึ่ จะ ไปสิ้นสุดที่ -2 ดังนี้ -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 ดังนัน้ 6 + (-8) = -2 ตอบ -2 ตัวอยา่ งที่ 3 จงหาผลบวก (-5) + 5 วธิ ีทา เริ่มตน้ ที่ 0 แล้วนบั ไปทางซ้ายถึง -5 และเมื่อบวกดว้ ย 5 ใหน้ บั ไปทางขวาอกี 5 หน่วย ซ่งึ จะ ไปสน้ิ สุดที่ 0 ดงั น้ี -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 ดงั น้ัน (-5) + 5 = 0 ตอบ 0 7. ครูนาเสนอการบวกจานวนเต็มใดๆ กับศนู ย์จะไดผ้ ลบวกเป็นจานวนเต็มนน้ั โดยสามารถใชเ้ ส้น จานวนแสดงการหาผลบวกได้ ดงั นี้ ตัวอยา่ งท่ี 4 จงหาผลบวก (-5) + 0 วธิ ีทา เริ่มตน้ ท่ี 0 ให้นับไปทางซ้ายถึง -5 และเมอื่ บวกด้วยศูนย์ หมายถึง ไมต่ อ้ งนับตอ่ จงึ สนิ้ สุดท่ี -5 ดงั น้ี -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 ดังน้ัน (-5) + 0 = -5 ตอบ -5
8. ครูย้ากับนกั เรียน ดงั น้ี 1) การบวกกนั ของจานวนเต็มบวกกับจานวนเตม็ ลบสามารถใช้ เส้นจานวนแสดงการหา ผลบวกโดยใชก้ ารนับแบบย้อนทิศทางกนั 2) การบวกจานวนเต็มใดๆ กบั ศูนยจ์ ะได้ผลบวกเป็นจานวนเต็มนนั้ โดยสามารถใช้เสน้ จานวน แสดงการหาผลบวกได้ 9. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกทักษะที่ 1.3 เรือ่ งการบวกจานวนเตม็ ที่ต่างชนดิ กันโดยใช้เสน้ จานวน 8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.3 เรื่องการบวกจานวนเตม็ ที่ตา่ งชนดิ กันโดยใช้เสน้ จานวน 3. ไม้ไอศกรมี แทนไมส้ ตี ่าง ๆ 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบฝกึ ทักษะที่ 1.3 เร่ืองการ บวกจานวนเต็มท่ีต่างชนดิ กนั โดยใช้ แบบฝกึ ทักษะที่ 1.3 เรอ่ื งการบวก รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ เส้นจานวน สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน จานวนเตม็ ทีต่ า่ งชนดิ กนั โดยใช้เส้น รายบุคคล สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ จานวน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ กลมุ่
9.2 การประเมินผล ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑก์ าร (ดีมาก) (ต้องปรบั ปรงุ ) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลังพัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อย่างถูกต้องร้อย อยา่ งถกู ต้องต่ากว่า แบบฝกึ หัด ละ 90 ขน้ึ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ร้อยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ อย่างถูกตอ้ งร้อยละ อย่างถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ใช้ความรูท้ าง สามารถในการ คณิตศาสตรเ์ ปน็ เช่ือมโยง 80 - 89 60 - 79 เครือ่ งมอื ในการ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ 3. เกณฑ์การ ใช้ความรทู้ าง ใช้ความรูท้ าง ใช้ความรู้ทาง เนื้อหาตา่ ง ๆ หรอื ประเมินความ คณิตศาสตรเ์ ป็น คณติ ศาสตร์เป็น คณติ ศาสตร์เปน็ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ สามารถในการ เครอ่ื งมอื ในการ เครอื่ งมอื ในการ เคร่ืองมอื ในการ นาไปใช้ในชีวติ จริง ส่อื สาร สื่อ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ เรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ความหมายทาง เนื้อหาต่าง ๆ หรือ เนือ้ หาต่าง ๆ หรอื เน้ือหาต่าง ๆ หรือ ใช้รปู ภาษา และ คณติ ศาสตร์ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตรอ์ ืน่ ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ สญั ลกั ษณ์ทาง นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นาไปใช้ในชวี ติ จริง นาไปใช้ในชวี ิตจริง คณติ ศาสตรใ์ นการ 4. เกณฑก์ าร ไดอ้ ยา่ งสอดคล้อง ไดบ้ างสว่ น ส่ือสาร ประเมินความมุ เหมาะสม ใช้รปู ภาษา และ ส่อื ความหมาย มานะในการทา ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ สญั ลกั ษณท์ าง สรปุ ผล และ ความเข้าใจ สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตร์ในการ นาเสนอไม่ได้ ปญั หาและ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ สอื่ สาร สอ่ื สาร ส่อื สาร สื่อความหมาย ไม่มีความตง้ั ใจและ สอื่ ความหมาย สอ่ื ความหมาย สรุปผล และ พยายามในการทา สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง ความเขา้ ใจปัญหา นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง บางสว่ น และแกป้ ัญหาทาง ถูกตอ้ ง ชดั เจน แต่ขาดรายละเอียด คณิตศาสตร์ ไม่มี มคี วามตั้งใจและ ความอดทนและ ที่สมบรู ณ์ พยายามในการทา มคี วามต้งั ใจและ มคี วามต้ังใจและ ความเขา้ ใจปัญหา พยายามในการทา พยายามในการทา และแกป้ ัญหาทาง ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา คณิตศาสตร์ แต่ไม่ และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ญั หาทาง มคี วามอดทนและ คณิตศาสตร์ มี คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ
ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 แกป้ ัญหาทาง (ต้องปรับปรุง) คณติ ศาสตร์ (ดมี าก) (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค จนทาให้แกป้ ญั หา 5. เกณฑก์ าร ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรค ทางคณิตศาสตร์ได้ ประเมินความ ไม่สาเรจ็ มุ่งมน่ั ในการ จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แกป้ ัญหา จนทาให้แกป้ ญั หา ทางาน ทางคณิตศาสตร์ได้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ สาเร็จ ไมส่ าเรจ็ เล็กนอ้ ย ไม่สาเร็จเป็นสว่ น ใหญ่ มีความมุ่งมนั่ ใน มคี วามมงุ่ มน่ั ในการ มีความมุง่ มน่ั ในการ มคี วามม่งุ ม่ันในการ การทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานแต่ไมม่ ีความ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ ส่งผลให้ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บรอ้ ยส่วนใหญ่ เรียบร้อยสว่ นนอ้ ย ผลสาเรจ็ อยา่ งท่ี สมบูรณ์ ควร 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 10.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไี่ ม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................
3. นกั เรียนเกดิ ทักษะทางคณิตศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมีคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 10.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ ผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................
4. ความเหมาะสมของส่ือ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ ืน้ ฐาน รหสั วิชา ค 21101 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 จานวนเต็ม เรอื่ ง การบวกจานวนเต็มโดยใช้ค่าสมั บูรณ์ เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกดิ ขนึ้ จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้ 2. ตัวชว้ี ัดชั้นปี เขา้ ใจจานวนตรรกยะและความสัมพันธ์ของจานวนตรรกยะ และใช้สมบตั ิของจานวนตรรกยะในการ แกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวิตจรงิ ( ค1.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. หาผลบวกของจานวนเต็มทีก่ าหนดให้ (K) 2. ตระหนกั ถึงความสมเหตุสมผลของผลบวกของจานวนเตม็ ท่ไี ด้ (K) 3. มีความสามารถในเชอ่ื มโยงความรทู้ างคณิตศาสตร์ (P) 4. มคี วามสามารถในการส่อื สาร ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 5. มคี วามมมุ านะในการทาความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 6. มีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. มีความสามารถในการสื่อสาร 2. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 5. สาระสาคญั 1. ค่าสมับรณู ์ (absolute value) ของจานวนเตม็ จานวนหนึ่ง คอื ระยะทจ่ี านวนเต็มนั้นอย่หู ่างจาก 0 บนเสน้ จานวน
2. การบวกกนั ของจานวนเต็มบวกกับจานวนเต็มลบท่มี ีคา่ สมั บูรณเ์ ท่ากัน ให้นาค่าสมั บูรณ์ของจานวน ทัง้ สองนั้นมาลบกนั ซึ่งจะได้ผลบวกเปน็ ศนู ย์ 3. การบวกจานวนเตม็ ลบดว้ ยจานวนเต็มลบ ใหน้ าคา่ สมั บรู ณข์ องจานวนเตม็ ลบ ท้ังสองจานวนมา บวกกนั แล้วตอบเปน็ จานวนเต็มลบ 4. การบวกกนั ของจานวนเตม็ บวกกบั จานวนเต็มลบ ท่ีมีคา่ สมั บูรณ์ไมเ่ ทา่ กนั ใหน้ าค่าสมั บูรณ์ที่ มากกวา่ ลบด้วยค่าสัมบรู ณ์ที่นอ้ ยกวา่ แล้วตอบเปน็ จานวนเตม็ ชนดิ เดยี วกับจานวนเต็มทีม่ ีคา่ สมั บรู ณ์ มากกวา่ 5. การบวกกนั ของจานวนเต็มบวกกบั จานวนเตม็ ลบท่มี ีค่าสมั บูรณ์เท่ากนั ใหน้ าค่าสมั บูรณ์ของ จานวนท้ังสองนั้นมาลบกนั ซึ่งจะได้ผลบวกเปน็ ศูนย์ 6. สาระการเรียนรู้ การบวกจานวนเตม็ โดยใช้ค่าสมั บรู ณ์ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนความรู้เรือ่ งการบวกจานวนเต็มท่ีต่างกนั โดยใชเ้ ส้นจานวนโดยเขียนโจทยต์ อ่ ไปน้ี บน กระดานแลว้ ให้นักเรียนออกมาแสดงวธิ ีหาคาตอบ - จงหาผลบวกของ 10 + (-11) - จงหาผลบวกของ (-4) + (7) - จงหาผลบวกของ 9 + (-13) - จงหาผลบวกของ (-8) + (0) 2. ครูแนะนากับนักเรยี นว่านอกจากการหาผลบวกโดยใชเ้ สน้ จานวนแล้วยังมอี ีกวธิ ี โดยการใช้คา่ สัมบรู ณม์ าชว่ ยในการหาคาตอบ 3. ครูอธิบายความหมายของคาสมบูรณ์ ดงั นี้ คา่ สมบั รณู ์ (absolute value) ของจานวนเต็มจานวน หนึง่ คอื ระยะท่จี านวนเต็มนน้ั อยหู่ า่ งจาก 0 บนเส้นจานวน เชน่
จากแผนภาพ -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 จะเห็นว่า -5 อย่หู ่างจาก 0 เป็นระยะ 5หนว่ ย จงึ กล่าวไดว้ ่า คา่ สมั บูรณ์ของ -5 เท่ากบั 5 4. ครนู าเสนอการบวกจานวนเต็มท่ีชนิดเดียวกนั โดยใชค้ ่าสัมบูรณ์ แลว้ ใหน้ ักเรยี นพิจารณา ดงั น้ี ตัวอย่างท่ี 1 การหาผลบวก (-14) + (-19) ทาไดโ้ ดย นาค่าสมั บูรณ์ของ -14 บวกด้วยคา่ สัมบูรณข์ อง -18 แล้วตอบเป็น จานวนเตม็ ลบ ดงั นี้ คา่ สมั บรู ณข์ อง –14 เท่ากับ 14 คา่ สมั บรู ณข์ อง -19 เท่ากับ 19 ดงั นนั้ (-14) + (-19) = -(14 + 19) = -33 ตัวอย่างที่ 2 การหาผลบวก (-10) + (-20) ทาไดโ้ ดย นาค่าสัมบรู ณข์ อง -10 บวกดว้ ยค่าสมั บูรณ์ของ -20 แล้วตอบเป็น จานวนเต็มลบ ดังน้ี ค่าสัมบูรณข์ อง –10 เท่ากับ 10 คา่ สมั บรู ณข์ อง -20 เทา่ กับ 20 ดังนัน้ (-10) + (-20) = -(10 + 20) = -30 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ วิธกี ารการบวกจานวนเต็มลบดว้ ยจานวนเต็มลบ ให้นาค่าสัมบรู ณ์ของ จานวนเตม็ ลบ ทัง้ สองจานวนมาบวกกนั แล้วตอบเปน็ จานวนเตม็ ลบ 6. ครนู าเสนอวธิ กี ารบวกกันของจานวนเตม็ บวกกบั จานวนเตม็ ลบ ทีม่ คี ่าสัมบูรณไ์ ม่เทา่ กนั ใหน้ าค่า สัมบรู ณท์ ี่มากกวา่ ลบดว้ ยคา่ สมั บูรณ์ท่ีน้อยกวา่ แลว้ ตอบเป็น จานวนเตม็ ชนดิ เดียวกบั จานวนเต็มทีม่ คี า่ สมั บรู ณ์มากกวา่ ดังตัวอย่าง ตวั อยา่ งท่ี 3 การหาผลบวก 16 + (-12) ทาไดโ้ ดย นาค่าสัมบรู ณ์ทม่ี ากกว่าลบดว้ ยค่าสมั บูรณ์ท่นี ้อยกวา่ แลว้ ตอบเปน็ จานวนเตม็ ชนิดเดยี วกบั จานวนเต็มที่มีคา่ สัมบูรณ์มากกวา่ ซ่ึงในทีน่ ี้ ค่าสมั บูรณ์ของ 16 เท่ากบั 16 คา่ สัมบูรณข์ อง -12 เท่ากบั 12
และ 16 > 12 จงึ ได้คาตอบเป็นจานวนเตม็ บวก ดังนน้ั 16 + (-12) = 16 – 12 =4 ตวั อย่างที่ 4 การหาผลบวก (-20) + (12) ทาได้โดย นาคา่ สมั บูรณ์ที่มากกวา่ ลบดว้ ยคา่ สัมบูรณ์ท่ีนอ้ ยกวา่ แล้วตอบเป็นจานวนเต็ม ชนดิ เดยี วกบั จานวนเตม็ ทีม่ คี า่ สัมบูรณม์ ากกวา่ ซึง่ ในทีน่ ้ี ค่าสัมบรู ณข์ อง -20 เทา่ กับ 20 ค่าสัมบูรณ์ของ 12 เท่ากับ 12 และ 20 > 12 จงึ ได้คาตอบเป็นจานวนเต็มบวก ดงั นัน้ (-20) + (12) = 20 – 12 =8 7. ครยู กตัวอย่างการหาผลบวกของจานวนเต็ม เพิม่ เตมิ แล้วใหน้ กั เรยี นสังเกตโจทย์และคาตอบ ดังน้ี ตัวอย่าง 5 จงหาผลบวก 35 + (-35) วธิ ีทา 35 + (-35) = 35 – 35 =0 ตอบ 0 ตัวอย่าง 6 จงหาผลบวก (-13) + (13) วิธีทา (-13) + (13) = 13 – 13 =0 ตอบ 0 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ จากการตวั อยา่ งที่ 5 – 6 ดังนี้ การบวกกันของจานวนเต็มบวกกบั จานวนเต็มลบท่ีมคี ่าสัมบูรณเ์ ท่ากนั ให้นาค่าสัมบรู ณข์ อง จานวนทง้ั สองน้ันมาลบกนั ซ่งึ จะไดผ้ ลบวกเปน็ ศูนย์ 9. ครใู หน้ กั เรียนทาใบกิจกรรมเสน้ ทางการบวก โดยหาเส้นทางแสดงการบวกจานวนจากต้นทางไปยัง ปลายทางตามโจทย์ที่กาหนดให้
10. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเส้นทางที่นกั เรยี นเลอื ก โดยอาจสมุ่ นักเรยี นออกมานาเสนอ เส้นทางของตนเอง 11. ครใู ห้นักเรียนได้ลองหาเสน้ ทางการบวกอกี ครั้ง โดยใช้การสังเกตจานวนเตม็ บวกและจานวนเต็ม ลบท่อี ย่บู น เส้นทางแล้วเลือกเสน้ ทางโดยไม่ต้องคานวณ ซงึ่ จะชว่ ยให้นักเรียนไดพ้ ฒั นาความรู้สึกเชิงจานวน 12. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝกึ ทักษะท่ี 1.4 เรื่องการบวกจานวนเตม็ และแบบฝึกทักษะที่ 1.5 เรอ่ื ง โจทย์ปัญหาการบวกจานวนเต็ม 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน 2. ใบกจิ กรรมเสน้ ทางการบวก 3. แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.4 เรือ่ งการบวกจานวนเต็ม 4. แบบฝึกทกั ษะท่ี 1.5 เร่ืองโจทย์ปญั หาการบวกจานวนเต็ม 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 การวัดผล วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ ตรวจแบบฝึกทกั ษะ แบบฝกึ ทกั ษะ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ตอ้ งปรับปรงุ ) ประเมนิ การฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทกั ษะและ อยา่ งถกู ต้องร้อย อยา่ งถกู ตอ้ งตา่ กว่า แบบฝกึ หัด ละ 90 ขนึ้ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑก์ าร ประเมินความ ใช้ความรู้ทาง อยา่ งถกู ต้องร้อยละ อยา่ งถกู ตอ้ งร้อยละ ใช้ความรู้ทาง คณติ ศาสตร์เป็น คณติ ศาสตรเ์ ป็น 80 - 89 60 - 79 ใช้ความรู้ทาง ใชค้ วามรู้ทาง คณติ ศาสตรเ์ ปน็ คณิตศาสตรเ์ ป็น
ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 43 2 1 สามารถในการ (ตอ้ งปรบั ปรุง) เชอื่ มโยง (ดมี าก) (ดี) (กาลังพัฒนา) เครื่องมือในการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ 3. เกณฑ์การ เคร่อื งมอื ในการ เครื่องมอื ในการ เคร่อื งมือในการ เนื้อหาต่าง ๆ หรอื ประเมนิ ความ ศาสตรอ์ ่นื ๆ และ สามารถในการ เรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรียนร้คู ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ส่ือสาร สอื่ ความหมายทาง เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เน้อื หาต่าง ๆ หรอื เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรอื ใช้รูป ภาษา และ คณติ ศาสตร์ สญั ลักษณ์ทาง ศาสตรอ์ นื่ ๆ และ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อืน่ ๆ และ คณติ ศาสตร์ในการ 4. เกณฑก์ าร ส่อื สาร ประเมนิ ความมุ นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ส่อื ความหมาย มานะในการทา สรุปผล และ ความเขา้ ใจ ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ได้บางสว่ น นาเสนอไมไ่ ด้ ปญั หาและ แก้ปญั หาทาง เหมาะสม ไม่มคี วามตัง้ ใจและ คณิตศาสตร์ พยายามในการทา ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใช้รูป ภาษา และ ความเข้าใจปญั หา และแก้ปัญหาทาง สญั ลกั ษณท์ าง สัญลักษณท์ าง สัญลักษณท์ าง คณติ ศาสตร์ ไมม่ ี ความอดทนและ คณิตศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตรใ์ นการ ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรค จนทาใหแ้ กป้ ัญหา ส่ือสาร สอ่ื สาร ส่อื สาร ทางคณิตศาสตร์ได้ ไมส่ าเรจ็ สือ่ ความหมาย สื่อความหมาย สือ่ ความหมาย สรุปผล และ สรปุ ผล และ สรุปผล และ นาเสนอได้อยา่ ง นาเสนอได้ถกู ตอ้ ง นาเสนอได้ถูกต้อง ถกู ต้อง ชดั เจน แตข่ าดรายละเอียด บางส่วน ที่สมบูรณ์ มีความตั้งใจและ มีความต้ังใจและ มคี วามตง้ั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเขา้ ใจปญั หา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา และแก้ปัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง และแกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แต่ไม่ คณติ ศาสตร์ แต่ไม่ ความอดทนและไม่ มคี วามอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรค ท้อแท้ต่ออุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อุปสรรค จนทาให้แกป้ ญั หา จนทาใหแ้ กป้ ญั หา จนทาใหแ้ ก้ปญั หา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณติ ศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไม่สาเร็จเลก็ นอ้ ย ไมส่ าเรจ็ เป็นสว่ น ใหญ่ 5. เกณฑ์การ มีความม่งุ ม่นั ใน มคี วามมงุ่ มั่นในการ มคี วามมงุ่ มั่นในการ มีความมุ่งมั่นในการ ประเมนิ ความ การทางานอย่าง ทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ มม่ ีความ
ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 มุง่ มนั่ ในการ (ต้องปรบั ปรุง) ทางาน (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พฒั นา) รอบคอบ สง่ ผลให้ งานไมป่ ระสบ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน ผลสาเรจ็ อยา่ งท่ี ควร ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ เรียบร้อย ครบถ้วน เรยี บร้อยสว่ นใหญ่ เรยี บร้อยส่วนน้อย สมบูรณ์ 10. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 10.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนน่ีไมผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นท่ไี ม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในคณติ ศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนเกดิ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นักเรยี นมคี ุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 6 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน รหสั วชิ า ค 21101 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 จานวนเตม็ เรอ่ื ง จานวนตรงขา้ ม เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.่ี ............ เดือน........................................ พ.ศ. ................... ครผู สู้ อน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลที่เกดิ ขนึ้ จากการดาเนินการ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้ 2. ตวั ชว้ี ัดชั้นปี เขา้ ใจจานวนตรรกยะและความสมั พนั ธข์ องจานวนตรรกยะ และใชส้ มบัติของจานวนตรรกยะในการ แกป้ ัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชีวติ จรงิ ( ค1.1 ม.1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. หาผลลบของจานวนเต็มทกี่ าาหนดให้ (K) 2. บอกความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบจานวนเต็ม (K) 3. ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลลบของจานวนเตม็ ท่ีได้ (K) 4. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา (P) 5. มีความสามารถในเชือ่ มโยงความร้ทู างคณติ ศาสตร์ (P) 6. มคี วามสามารถในการส่ือสาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ (P) 7. มคี วามมุมานะในการทาความเขา้ ใจปญั หาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมุ่งมัน่ ในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. มีความสามารถในการส่ือสาร 2. มีความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์
5. สาระสาคัญ 1. จานวนตรงขา้ ม (opposite number) ของจานวนเต็มจานวนหนงึ่ คอื จานวนเตม็ อีกจานวนหนึง่ โดยท่จี านวนเตม็ ทงั้ สองนอี้ ยู่ห่างจากศูนยบ์ น เสน้ จานวนเป็นระยะเทา่ กัน สาหรบั 0 จะมี 0 เปน็ จานวนตรง ข้ามของ 0 2. เมอื่ a เป็นจานวนเต็มใดๆ จานวนตรงข้ามของ a เขยี นแทนด้วย -a และ a + (-a) = 0 = (-a) + a 3. เมอื่ a เปน็ จานวนเต็มใด ๆ จานวนตรงข้ามของ -a คอื a นัน่ คือ -(-a) = a 6. สาระการเรยี นรู้ จานวนตรงข้าม 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูแนะนาจานวนตรงขา้ ม โดยใช้เส้นจานวนเพือ่ ให้นกั เรียนนาไปใช้ในการลบจานวนเต็ม ดงั น้ี พจิ ารณา 5 และ -55 ซึ่งเป็นจานวนเต็มทม่ี ีคา่ สมั บรู ณเ์ ทา่ กัน คอื 5 แสดงไดด้ ังแผนภาพต่อไปน้ี -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 จะเห็นว่า ยงั มจี านวนเต็มบวกและจานวนเต็มลบทีม่ คี ่าสมั บูรณ์เท่ากันอีกหลายคู่ เช่น 10 และ -10 9 และ -9 ซง่ึ จานวน เต็มบวกและจานวนเต็มลบทีม่ ีค่าสัมบูรณ์เท่ากนั เหลา่ ีนจ้ี ะอยคู่ นละ ข้างของ 0 บนเสน้ จานวน และอยู่หา่ งจาก 0 เปน็ ระยะทางท่ีเท่ากัน ในทางคณิตศาสตรเ์ รียกจานวน เหล่านีว้ า่ เป็นจานวนตรงขา้ มของกันและกนั เชน่ เรียก -5 วา่ เปน็ จานวนตรงขา้ มของ 5 และ เรียก 5 ว่าเป็นจานวนตรงข้ามของ -5 2. ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณาผลบวกของจานวนเตม็ จานวนหนงึ่ กบั จานวน ตรงขา้ มของจานวนนน้ั จะ พบว่าเท่ากับศนู ย์ เชน่ 3 + (-3) = 0 และ (-3) + 3 = 0 5 + (-5) = 0 และ (-5) + 5 = 0 8 + (-8) = 0 และ (-8) + 8 = 0
3. ครูละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ว่า เม่ือ a เปน็ จานวนเตม็ ใดๆ จานวนตรงขา้ มของ a เขยี นแทนดว้ ย -a และ a + (-a) = 0 = (-a) + a 4. ครยู า้ กบั นกั เรยี นว่า จานวนตรงขา้ มของจานวนเต็ม จานวนน้ัน มีเพียงจานวนเดียวเทา่ นั้น เชน่ สาหรับจานวนเต็ม -6 จานวนตรงข้ามของ -6 คอื 6 เน่ืองจาก จานวนตรงข้ามของ a เขียนแทนด้วย -a ดงั นัน้ จานวนตรงข้ามของ -6 จึงเขียนแทนได้ดว้ ย -(-6) และเน่ืองจาก จานวนตรงข้ามของ -6 มีเพยี งจานวนเดยี ว คอื 6 จึงทาให้ -(-6) = 6 5. ครสู รุปใหน้ ักเรยี นวา่ เม่ือ a เปน็ จานวนเตม็ ใด ๆ จานวนตรงข้ามของ -a คอื a นั่นคือ -(-a) = a 6. ครใู ห้นักเรียนทาแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.6 เร่ืองจานวนตรงข้าม 7. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ดงั นี้ 1) จานวนตรงขา้ ม (opposite number) ของจานวนเต็มจานวนหนงึ่ คือ จานวนเตม็ อีก จานวนหนงึ่ โดยทจ่ี านวนเต็มทั้งสองนอ้ี ยหู่ า่ งจากศูนยบ์ น เส้นจานวนเป็นระยะเท่ากนั สาหรบั 0 จะมี 0 เป็นจานวนตรงขา้ มของ 0 2) เมอ่ื a เป็นจานวนเตม็ ใดๆ จานวนตรงขา้ มของ a เขียนแทนด้วย -a และ a + (-a) = 0 = (-a) + a 3) เม่อื a เป็นจานวนเต็มใด ๆ จานวนตรงข้ามของ -a คอื a นั่นคอื -(-a) = a 8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน 2. แบบฝึกทักษะที่ 1.6 เรื่องจานวนตรงข้าม
9. การวัดและประเมินผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.6 เร่ืองจานวน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การวัดผล ตรงขา้ ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ วธิ ีการ รายบคุ คล ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.6 เรอื่ ง จานวนตรงขา้ ม สังเกตพฤติกรรมการทางาน รายบคุ คล 9.2 การประเมนิ ผล ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ 4 32 1 1. เกณฑ์การ (ดีมาก) (ต้องปรับปรงุ ) ประเมินการฝกึ ทาแบบทดสอบได้ (ด)ี (กาลงั พัฒนา) ทาแบบทดสอบได้ ทักษะและ อย่างถูกต้องรอ้ ย อยา่ งถูกตอ้ งตา่ กว่า แบบฝึกหัด ละ 90 ขึน้ ไป ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ รอ้ ยละ 60 2. เกณฑ์การ ประเมินความ อย่างถกู ต้องรอ้ ยละ อยา่ งถกู ต้องรอ้ ยละ ทาความเขา้ ใจ สามารถในการ ปัญหา คิดวเิ คราะห์ แกป้ ัญหา 80 - 89 60 - 79 มีรอ่ งรอยของการ วางแผนแกป้ ญั หา 3. เกณฑ์การ ทาความเขา้ ใจ ทาความเขา้ ใจ ทาความเข้าใจ แตไ่ ม่สาเร็จ ประเมนิ ความ ปัญหา คดิ วเิ คราะห์ สามารถในการ ปญั หา คิด ปัญหา คิดวเิ คราะห์ วางแผนแกป้ ัญหา ใช้ความรทู้ าง เชื่อมโยง และเลือกใชว้ ธิ ีการ คณติ ศาสตรเ์ ปน็ วิเคราะห์ วางแผน วางแผนแกป้ ัญหา ได้บางสว่ น คาตอบ เคร่อื งมอื ในการ ทไี่ ด้ยงั ไม่มคี วาม เรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ แก้ปัญหา และเลือกใชว้ ธิ กี าร สมเหตุสมผล และ ไมม่ ีการตรวจสอบ และเลือกใช้วิธีการ ทีเ่ หมาะสม แต่ ความถกู ต้อง ท่ีเหมาะสม โดย ความสมเหตสุ มผล ใช้ความรู้ทาง คณิตศาสตร์เป็น คานงึ ถงึ ความ ของคาตอบยงั ไมด่ ี เครอื่ งมอื ในการ เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ สมเหตุสมผลของ พอ และตรวจสอบ คาตอบพร้อมทัง้ ความถูกตอ้ งไม่ได้ ตรวจสอบความ ถูกต้องได้ ใชค้ วามรทู้ าง ใช้ความรทู้ าง คณิตศาสตรเ์ ปน็ คณติ ศาสตร์เปน็ เครือ่ งมือในการ เครอื่ งมอื ในการ เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เรยี นรู้คณิตศาสตร์
ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ 43 2 1 4. เกณฑก์ าร (ต้องปรับปรุง) ประเมนิ ความ (ดมี าก) (ดี) (กาลงั พัฒนา) เนือ้ หาต่าง ๆ หรือ สามารถในการ ศาสตรอ์ ื่น ๆ และ สือ่ สาร สือ่ เนอื้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนือ้ หาตา่ ง ๆ หรือ เนือ้ หาต่าง ๆ หรือ นาไปใช้ในชีวิตจริง ความหมายทาง คณติ ศาสตร์ ศาสตร์อน่ื ๆ และ ศาสตร์อ่ืน ๆ และ ศาสตร์อนื่ ๆ และ ใชร้ ปู ภาษา และ สญั ลกั ษณ์ทาง 5. เกณฑ์การ นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ นาไปใชใ้ นชีวิตจรงิ นาไปใชใ้ นชีวิตจริง คณิตศาสตรใ์ นการ ประเมนิ ความมุ สอื่ สาร มานะในการทา ได้อย่างสอดคล้อง ได้บางสว่ น สอ่ื ความหมาย ความเข้าใจ สรปุ ผล และ ปัญหาและ เหมาะสม นาเสนอไม่ได้ แก้ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์ ใชร้ ูป ภาษา และ ใช้รปู ภาษา และ ใชร้ ปู ภาษา และ ไมม่ คี วามตั้งใจและ พยายามในการทา สญั ลกั ษณท์ าง สัญลกั ษณ์ทาง สญั ลกั ษณท์ าง ความเขา้ ใจปัญหา และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตรใ์ นการ คณติ ศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ในการ คณิตศาสตร์ ไมม่ ี ความอดทนและ สอื่ สาร สื่อสาร สือ่ สาร ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรค จนทาให้แก้ปัญหา สอื่ ความหมาย สอื่ ความหมาย ส่อื ความหมาย ทางคณิตศาสตร์ได้ ไมส่ าเร็จ สรปุ ผล และ สรุปผล และ สรปุ ผล และ นาเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอไดถ้ กู ต้อง นาเสนอได้ถูกต้อง ถูกต้อง ชัดเจน แต่ขาดรายละเอยี ด บางสว่ น ท่ีสมบูรณ์ มีความต้ังใจและ มีความต้งั ใจและ มคี วามตง้ั ใจและ พยายามในการทา พยายามในการทา พยายามในการทา ความเข้าใจปัญหา ความเข้าใจปญั หา ความเข้าใจปญั หา และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง และแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์ มี คณิตศาสตร์ แตไ่ ม่ คณติ ศาสตร์ แตไ่ ม่ ความอดทนและไม่ มีความอดทนและ มีความอดทนและ ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรค ทอ้ แท้ต่ออุปสรรค ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรค จนทาใหแ้ ก้ปัญหา จนทาให้แก้ปญั หา จนทาให้แก้ปัญหา ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตรไ์ ด้ ทางคณิตศาสตร์ได้ สาเรจ็ ไมส่ าเร็จเลก็ นอ้ ย ไมส่ าเร็จเปน็ สว่ น ใหญ่ 6. เกณฑก์ าร มคี วามม่งุ มัน่ ใน มีความมงุ่ มัน่ ในการ มคี วามมุ่งมน่ั ในการ มีความมุง่ มนั่ ในการ ประเมินความ การทางานอยา่ ง ทางานอย่าง ทางานอย่าง ทางานแตไ่ มม่ ีความ มุ่งมั่นในการ รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ จนงาน รอบคอบ สง่ ผลให้ ทางาน ประสบผลสาเรจ็ งานไม่ประสบ
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ ประเมิน 43 2 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) (ดมี าก) (ดี) (กาลังพฒั นา) ผลสาเรจ็ อย่างท่ี ควร เรยี บรอ้ ย ครบถ้วน ประสบผลสาเร็จ ประสบผลสาเร็จ สมบรู ณ์ เรียบร้อยส่วนใหญ่ เรียบรอ้ ยสว่ นน้อย 10. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 10.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนนไ่ี มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ (K) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 3. นักเรียนเกิดทักษะทางคณติ ศาสตร์ (P) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 4. นกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ (A) ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 10.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................
10.3 ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหน่ง.............................................. 11. ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ ผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่อื ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................
5. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ........................................................... (..........................................................) ตาแหนง่ ..............................................
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ ้นื ฐาน รหสั วิชา ค 21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 จานวนเต็ม เรื่อง การลบจานวนเตม็ เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท่ี............. เดอื น........................................ พ.ศ. ................... ครผู ู้สอน........................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของ จานวน ผลท่ีเกิดขนึ้ จากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนนิ การ และนาไปใช้ 2. ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี เขา้ ใจจานวนตรรกยะและความสมั พันธ์ของจานวนตรรกยะ และใช้สมบัตขิ องจานวนตรรกยะในการ แก้ปญั หาคณิตศาสตร์และปัญหาในชวี ติ จรงิ ( ค1.1 ม.1/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. หาผลลบของจานวนเต็มท่กี าาหนดให้ (K) 2. บอกความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบจานวนเต็ม (K) 3. ตระหนักถงึ ความสมเหตุสมผลของผลลบของจานวนเต็มทไี่ ด้ (K) 4. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา (P) 5. มคี วามสามารถในเชื่อมโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์ (P) 6. มีความสามารถในการส่ือสาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ (P) 7. มีความมุมานะในการทาความเข้าใจปัญหาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ (A) 8. มคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน (A) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. มคี วามสามารถในการส่อื สาร 2. มีความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มีความสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์
5. สาระสาคัญ การลบจานวนเต็ม ซึ่งใช้หลกั การบวกและจานวนตรงข้ามในการหาผลลบ ดงั นี้ ตวั ต้งั – ตวั ลบ = ตวั ต้งั + จานวนตรงข้ามของตัวลบ น่ันคือ a – b = a + (-b) เม่อื a และ b เป็นจานวนเตม็ ใดๆ 6. สาระการเรยี นรู้ การลบจานวนเตม็ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครทู บทวนจานวนตรงข้ามโดย การใช้การถาม – ตอบ ดงั นี้ - จานวนตรงขา้ มของ -15 คอื จานวนใด (15) - จานวนตรงขา้ มของ 9 คือจานวนใด (-9) - จานวนตรงขา้ มของ 10 คือจานวนใด (-10) เป็นตน้ 2. ครูอธิบายการลบจานวนเต็ม ซึ่งใชห้ ลักการบวกและจานวนตรงข้ามในการหาผลลบ ดงั น้ี ตัวตง้ั – ตวั ลบ = ตัวตั้ง + จานวนตรงขา้ มของตัวลบ นั่นคือ a – b = a + (-b) เม่ือ a และ b เป็นจานวนเต็มใดๆ 3. ครูยกตวั อย่างการลบจานวนเต็มบนกระดาน ดังน้ี ตัวอย่างท่ี 1 จงหาผลลบ 9 – 15 วิธที า 9 – 15 = 9 + (-15) = -6 ตอบ -6 ตัวอย่างที่ 2 จงหาผลลบ (-12) – 10 วธิ ที า (-12) – 10 = (-12) + (-10) = -22 ตอบ -22 ตวั อย่างที่ 3 จงหาผลลบ 8 – (-5)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 475
Pages: