กระทรวงศึกษาธกิ ารไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และ ไดก้ าหนดมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้ีวดั กลุ่มสาระการเรียนรูต้ ่างๆ เพอื่ ใหส้ ถานศึกษานาไปใชเ้ป็นกรอบ ทศิ ทางในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา วางแผนจดั การเรียนการสอนและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือพฒั นาผูเ้รียนใหม้ คี วามรู้ ความสามารถ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละ ตวั ช้ีวดั ท่กี าหนดให้ พรอ้ มทงั้ ดาเนินการวดั ประเมนิ ผลการเรยี นรูข้ องผูเ้รยี นใหม้ คี ุณภาพตามหลกั การของ หลกั สูตร เพอ่ื ใหเ้กิดผลสาเรจ็ ตามเป้าหมายของการปฏริ ูปการศกึ ษาไทย กระบวนการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั การสาคญั ของหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 จึงเป็นภารกิจสาคญั ย่ิงของการจดั การศึกษา เพราะหลกั สูตร สถานศึกษาจะเป็นตวั กาหนดแนวทางปฏบิ ตั ทิ ่ผี ูส้ อนตอ้ งดาเนนิ การจดั การเรียนการสอนใหบ้ รรลุเป้าหมาย ของหลกั สูตรบนพ้นื ฐานของการประกนั คุณภาพท่ดี ี ขน้ั ตอนการนาหลกั สูตรการศึกษาไปปฏิบตั จิ ริงในชน้ั เรียนของครูผูส้ อน จึงจดั เป็นหวั ใจสาคญั ของการพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียนใหบ้ รรลุตามเจตนารมณ์ของ หลกั สูตร เพื่อช่วยใหก้ ารปฏิบตั ิภารกิจดงั กล่าวของครูผูส้ อนรายวิชาต่างๆ ตามท่ีจดั ทาไวใ้ นโครงสรา้ ง หลกั สูตรสถานศึกษา มคี วามเป็นเอกภาพและไดม้ าตรฐานการปฏิบตั ิงานท่สี อดคลอ้ งกบั หลกั การสาคญั ของหลกั สูตรแกนกลางฯ บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จากดั จึงจดั ทา คู่มือครูและแผนการจดั การ เรียนรู้ องิ มาตรฐาน รายวิชา เศรษฐศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 (ฉบบั อนุญาต) เพอื่ แบ่งเบาภารกิจ ของผูส้ อน โดยจดั ทาเป็นหน่วยการเรยี นรูอ้ งิ มาตรฐานและออกแบบแผนการจดั การเรียนรูต้ ามแนวคิดการ ออกแบบยอ้ นกลบั (Backward Design) ท่ีม่งุ เนน้ วธิ ีการประกนั คุณภาพผูเ้ รียน ช่วยใหผ้ ูป้ กครองและ หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา สามารถมนั่ ใจในผลการประเมนิ คณุ ภาพของผูเ้รยี น ทต่ี รวจสอบได้ และมหี ลกั ฐานยนื ยนั ผลการเรยี นรูอ้ ย่างเป็นระบบ คณะผูจ้ ดั ทาหน่วยการเรียนรูอ้ งิ มาตรฐาน ไดด้ าเนินการวางแผนและออกแบบการจดั การเรียนรู้ ตามรูปแบบท่ีสานกั วชิ าการและเทคโนโลยีการศึกษา (สวก.) กาหนดข้นึ เพอื่ เป็นแนวทางการจดั ทาหน่วย การเรียนรูใ้ หเ้ป็นเอกภาพเดยี วกนั ตามองคป์ ระกอบตอ่ ไปน้ี
องคป์ ระกอบของหน่วยการเรยี นรู้ องิ มาตรฐาน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ เวลาเรยี น ชวั่ โมง ชน้ั 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั 2. สาระสาคญั / ความคิดรวบยอด 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ (ถา้ ม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้รียน 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. ช้นิ งาน / ภาระงาน 7. การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น (ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ประจำหน่วยกำรเรยี นรู.้..) 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 7.3 การประเมนิ หลงั เรียน (ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น ประจำหน่วยกำรเรียนรู.้..) 7.4 การประเมนิ ช้นิ งาน / ภาระงาน (รวบยอด) 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 9. ส่อื / แหล่งการเรียนรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ชน้ั ชวั่ โมง เรอ่ื ง เวลาเรียน 1. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด 2. ตวั ช้วี ดั / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ (ถา้ ม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้รียน 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 7. การวดั และการประเมนิ ผล 8. ส่อื / แหล่งการเรยี นรู้
ผูส้ อนสามารถนาคู่มอื ครูและแผนการจดั การเรียนรูอ้ งิ มาตรฐานเล่มน้ี ไปเป็นคู่มอื วางแผนจดั การ เรียนรู้ และประกอบการใชห้ นงั สือเรียนรายวชิ า เศรษฐศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 (ฉบบั อนุญาต) ท่ี ทางบริษทั จดั พิมพจ์ าหน่าย เพ่ือพฒั นาผูเ้ รียนใหม้ คี ุณภาพและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามมาตรฐาน ตวั ช้ีวดั ของหลกั สูตรแกนกลางฯ ไดอ้ ย่างมนั่ ใจ นอกจากน้ียงั ส่งเสริมใหร้ ะบบการประกนั คุณภาพภายใน โรงเรียนมคี วามแขง็ แกร่ง และมมี าตรฐานสามารถตรวจสอบหลกั ฐานผลการเรยี นรูไ้ ดท้ ง้ั ระดบั ชนั้ เรยี นและ ระดบั สถานศึกษา อนั เป็นผลมาจากการจดั กระบวนการเรียนการสอนท่มี ปี ระสทิ ธิภาพของผูส้ อนนนั่ เอง นอกจากน้ี ผูส้ อนยงั สามารถนาขอ้ มูลจดบนั ทกึ ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรูแ้ ตล่ ะแผนไปศึกษา และวเิ คราะหป์ ญั หาผลสมั ฤทธ์ิของผูเ้รียน เพอื่ เป็นแนวทางพฒั นานวตั กรรม การเรียนรู้ และจดั ทาวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารในชน้ั เรยี น (Classroom Action Research) พรอ้ มทงั้ จดั ทารายงานผลการปฏิบตั งิ านในแตล่ ะ ปีการศึกษา เพื่อรองรบั การประเมินคงสภาพหรือเล่ือนระดบั คศ. ในดา้ นคุณภาพการปฏิบตั ิงานมุ่ง ผลสมั ฤทธ์ิของผูเ้ รียนไดอ้ ย่างเป็นระบบ ส่งผลใหผ้ ูเ้ รียนมคี ุณภาพ ผูส้ อนมคี ุณภาพ และสถานศึกษามี คณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาอยา่ งแทจ้ ริง คณะผูจ้ ดั ทา
สารบญั คาอธบิ ายรายวชิ า หนา้ พเิ ศษ โครงสรา้ งรายวชิ า 1 ตารางโครงสรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้ พเิ ศษ 2 พเิ ศษ 4 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ 1-47 แผนการเรียนรูท้ ่ี 1 ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ 10 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 2 กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 35 48-108 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 ระบบเศรษฐกจิ ในโลกปจั จบุ นั 64 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 1 หน่วยเศรษฐกิจและระบบเศรษฐกจิ 82 แผนการเรียนรูท้ ่ี 2 ตลาดและการกาหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ 109-214 123 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เศรษฐกิจพอเพยี งกบั การพฒั นาเศรษฐกิจของไทย 186 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 1 การพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย แผนการเรยี นรูท้ ่ี 2 การนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการวางแผน 215-263 223 พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม 252 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 สหกรณแ์ ละการรวมกล่มุ เพ่ือการพฒั นาชุมชนของไทย 264-307 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 1 สหกรณก์ บั การพฒั นาเศรษฐกจิ ไทย 275 แผนการเรียนรูท้ ่ี 2 เศรษฐกจิ ในชมุ ชนของไทย 290 299 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 นโยบายการเงนิ การคลงั กบั การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ นโยบายการเงนิ ในการพฒั นาเศรษฐกิจ 308-371 แผนการเรียนรูท้ ่ี 1 นโยบายการคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ 323 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 2 บทบาทของรฐั บาลเก่ียวกบั นโยบายการเงนิ และการคลงั 330 แผนการเรียนรูท้ ่ี 3 356 ในการพฒั นาเศรษฐกจิ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 6 เศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ การคา้ การลงทนุ และการเงนิ ระหว่างประเทศ แผนการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของไทยในยคุ โลกาภวิ ตั น์ แผนการเรยี นรูท้ ่ี 2 องคก์ ารความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ท่สี าคญั ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก แผนการเรียนรูท้ ่ี 3
คำอธบิ ำยรำยวิชำ รำยวิชำ ส32102 สงั คมศึกษำ 2 สำระเศรษฐศำสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 รหสั วชิ า ส32102 เวลา 40 ชวั่ โมง จานวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษา และอภิปรายการกาหนดราคาและค่าจา้ งในระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ และบทบาทของรฐั ในการ แทรกแซงราคาและการควบคุมราคา เพอ่ื การแจกจ่ายและจดั สรรในทางเศรษฐกจิ ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียงท่ีมีต่อเศรษฐกิจ สงั คมของประเทศ และประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตของ ตนเองและครอบครวั และเห็นความสาคญั ในการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการวางแผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมฉบบั ปจั จบุ นั อธิบายความหมาย ววิ ฒั นาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย ตระหนกั ถึงความสาคญั ของระบบสหกรณ์ในการพฒั นาเศรษฐกิจในระดบั ชุมชนและประเทศ วเิ คราะหป์ ญั หาทางเศรษฐกิจในชุมชนและเสนอ แนวทางแกไ้ ข อธิบายบทบาทของรฐั บาลดา้ นนโยบายการเงนิ การคลงั ในการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ วเิ คราะห์ สาเหตุ และผลกระทบท่เี กิดจากภาวะทางเศรษฐกิจ และบอกแนวทางในการแกป้ ญั หาของนโยบายการเงนิ การคลงั ศกึ ษาววิ ฒั นาการของการเปิดเสรที างเศรษฐกิจ และใชก้ ระบวนการอภปิ รายเพื่อวเิ คราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรีทาง เศรษฐกจิ ในยุคโลกาภวิ ตั น์ท่มี ผี ลต่อสงั คมไทย วิเคราะหผ์ ลดี ผลเสยี ของความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศใน รูปแบบตา่ งๆ ท่นี าไปสูก่ ารพงึ่ พา การแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชนท์ างเศรษฐกจิ การคา้ ระหว่างประเทศ เพอื่ ใหม้ คี วามรูค้ วามเขา้ ใจหลกั เศรษฐศาสตร์ ปญั หาท่เี กิดข้นึ แนวทางการแกไ้ ข รูจ้ กั ใชท้ รพั ยากร ธรรมชาติใหเ้กิด ประโยชนส์ ูงสุด เป็นแนวทางในการแกไ้ ขปญั หาต่างๆ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพเพ่อื ใหป้ ระชาชนมชี ีวติ ความเป็นอยู่ทด่ี ี และ สง่ ผลใหป้ ระเทศเจรญิ กา้ วหนา้ ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ส 3.2 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 รวม 7 ตวั ช้ีวดั พเิ ศษ 1
โครงสรำ้ งรำยวิชำ ส32102 สงั คมศกึ ษำ 2 สำระเศรษฐศำสตร์ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ น้ำหนัก ลำดบั ที่ ช่อื หน่วยกำรเรียน (ชวั่ โมง) คะแนน เรยี นรู้ / ตวั ช้วี ดั 1 เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ ส 3.1 ม.4-6/1 การกาหนดราคาและคา่ จา้ งในระบบเศรษฐกิจไดอ้ ย่าง 4 เหมาะสมนน้ั ผทู้ เ่ี ก่ียวขอ้ งจะตอ้ งมคี วามรู้ พ้นื ฐานเก่ยี วกบั เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ เพ่อื จะไดน้ าไปเป็น แนวทางในการตดั สนิ ใจในการผลติ และบรโิ ภคใหไ้ ด้ ประโยชนส์ ูงสดุ 2 ระบบเศรษฐกิจ ส 3.1 ม.4-6/1 ระบบเศรษฐกิจของโลกในโลกยคุ ปจั จบุ นั มผี ลต่อการ 6 ในโลกปจั จบุ นั กาหนดราคาและค่าจา้ ง โดยรฐั บาล มบี ทบาทในการแทรกแซงราคาและควบคมุ ราคาเพ่อื การ แจกจ่ายและจดั สรรในทางเศรษฐกิจ 3 เศรษฐกิจพอเพยี งกบั ส 3.1 ม.4-6/2 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั 6 การพฒั นาเศรษฐกจิ ตอ่ การนาไปเป็นกรอบแนวทาง ในการวางแผนพฒั นา ของไทย เศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ ซ่งึ จะส่งผลตอ่ การ พฒั นาประเทศอย่างยงั่ ยนื 4 สหกรณ์และการ ส 3.1 ม.4-6/3 สหกรณม์ คี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ 6 รวมกล่มุ เพอ่ื การ ม.4-6/4 ทง้ั ในระดบั ชุมชนและประเทศ และมสี ว่ นในการแกป้ ญั หา พฒั นาชุมชนของไทย ชมุ ชน 5 นโยบายการเงนิ การ ส 3.2 ม.4-6/1 รฐั บาลมบี ทบาทสาคญั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 8 คลงั กบั การพฒั นา โดยการใชน้ โยบายการเงนิ เศรษฐกิจของประเทศ การคลงั ในการรกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ การสรา้ งความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รกั ษาดลุ การคา้ ระหว่างประเทศ แทรกแซงราคา ควบคุม ราคา และสรา้ งความเป็นธรรมทางเศรษฐกจิ พเิ ศษ 2
ลำดบั ท่ี ช่อื หน่วยกำรเรยี น มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ น้ำหนัก เรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน 6 เศรษฐกจิ ระหวา่ ง ส 3.2 ม.4-6/2 การรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศในรูปแบบตา่ งๆ ประเทศ มที ง้ั ผลดีและผลเสยี สว่ นการ 10 ม.4-6/3 เปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ในยุคโลกาภวิ ตั น์ มผี ลกระทบต่อสงั คมไทย ทง้ั ดา้ นการเกษตร อุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร พเิ ศษ 3
ตำรำงโครงสรำ้ งแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ รำยวชิ ำ ส32102 สงั คมศึกษำ 2 สำระเศรษฐศำสตร์ เวลำ 40 ชวั่ โมง หน่วยกำรเรยี นรู้ แผนกำรจดั วิธีสอน / กระบวนกำรจดั ทกั ษะกำรคดิ เวลำ หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ 1 กำรเรียนรู้ กำรเรียนรู้ (ชวั่ โมง) เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ 1. ความสาคญั และ 1. วธิ ีสอนแบบบรรยาย - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2 หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ 2 เป้ าหมายของ 2. วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรู้ 2 ระบบเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2 ในโลกปจั จุบนั แบบรว่ มมอื : เทคนิคการเรยี นรู้ 2. ทกั ษะการคิดอย่างมี รว่ มกนั (Learning Together) 4 หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ 3 วจิ ารณญาณ เศรษฐกิจพอเพยี งกบั การ 2. กจิ กรรมทางดา้ น 1. วธิ ีสอนโดยการใชเ้กม 3 พฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย เศรษฐศาสตร์ 2. วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2. ทกั ษะการคิดอย่างมี กระบวนการกลุ่ม 3. วิธีสอนแบบบรรยาย วจิ ารณญาณ 1. หน่วยเศรษฐกจิ และ 1.วธิ ีสอนแบบบรรยาย 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ ระบบเศรษฐกิจ 2. วธิ สี อนโดยการจดั การเรียนรู้ 2. ทกั ษะการคิดอย่างมี แบบรว่ มมอื : เทคนิคการต่อ วจิ ารณญาณ 3. ทกั ษะการคดิ แกป้ ญั หา เรื่องราว (Jigsaw) 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2. ตลาดและการ 1. วธิ ีสอนแบบบรรยาย 2. ทกั ษะการคิดอย่างมี กาหนดราคาใน 2. วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรู้ ระบบเศรษฐกจิ วจิ ารณญาณ แบบร่วมมอื : เทคนิคการจดั ทมี แขง่ ขนั (Team Games Tournament) 3. วิธสี อนโดยการจดั การเรียนรู้ 1. การพฒั นาเศรษฐกิจ แบบร่วมมอื : เทคนิคคู่คดิ ของไทย 1. วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรู้ แบบร่วมมอื : เทคนคิ เล่าเรอ่ื ง รอบวง 2. วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรู้ แบบร่วมมอื : เทคนิคคู่คดิ ส่สี หาย 3. วธิ สี อนแบบบรรยาย พเิ ศษ 4
หน่วยกำรเรยี นรู้ แผนกำรจดั วธิ ีสอน / กระบวนกำรจดั ทกั ษะกำรคิด เวลำ กำรเรียนรู้ กำรเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ (ชวั่ โมง) 2. การนาหลกั ปรชั ญา 2. ทกั ษะการคิดอย่างมี ของเศรษฐกิจ 1. วธิ สี อนตามแนววฏั จกั ร 3 พอเพยี งมาใชใ้ น การเรยี นรู้ (4 MAT) วจิ ารณญาณ การวางแผน 3. ทกั ษะการคิดแกป้ ญั หา 4 พฒั นาเศรษฐกจิ 2. วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : และสงั คม กระบวนการกล่มุ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2 3 หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี 4 1. สหกรณ์กบั การ 1. วิธสี อนโดยการจดั การเรียนรู้ 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3 แบบร่วมมอื : เทคนิคคู่คิด 2. ทกั ษะการคิดอย่างมี 2 สหกรณแ์ ละการรวมกลมุ่ เพอ่ื พฒั นาเศรษฐกิจไทย การพฒั นาชุมชนของไทย 2. วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรู้ วจิ ารณญาณ แบบร่วมมอื : เทคนิคโตะ๊ กลม 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2. ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 3. วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ กระบวนการกลุ่ม 2. ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 2. เศรษฐกจิ ในชุมชน 1. วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ ของไทย กระบวนการกลมุ่ 2. ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 2. วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการแกป้ ญั หา หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี 5 1. นโยบายการเงนิ ใน - วธิ ีสอนโดยการระดมสมอง นโยบายการเงนิ การคลงั กบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของ การพฒั นาเศรษฐกิจ ประเทศ 2. นโยบายการคลงั ใน - วธิ ีสอนโดยการจดั การเรยี นรู้ การพฒั นาเศรษฐกิจ แบบร่วมมอื (Co-operative Learning) 3. บทบาทของรฐั บาล - วธิ สี อนโดยการจดั การเรียนรู้ เกี่ยวกบั นโยบาย แบบร่วมมอื : เทคนิคกลมุ่ การเงนิ และการคลงั เรยี นรูร้ อบวง (CL) ในการพฒั นา เศรษฐกิจ พเิ ศษ 5
หน่วยกำรเรียนรู้ แผนกำรจดั วิธีสอน / กระบวนกำรจดั ทกั ษะกำรคิด เวลำ กำรเรียนรู้ กำรเรียนรู้ (ชวั่ โมง) หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ 6 เศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ 1. การคา้ การลงทนุ - วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2 และการเงนิ ระหว่าง กระบวนการคิดวิเคราะห์ 2. ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ ประเทศ 4 2. การเปิดเสรที าง 1. วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 4 เศรษฐกจิ ของไทย ในยุคโลกาภวิ ตั น์ แบบร่วมมอื : เทคนคิ กลุม่ สบื คน้ 2. ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ 2. วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลุม่ 3. องคก์ ารความ - วธิ ีสอนโดยการจดั การเรียนรู้ 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2. ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์ รว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ แบบร่วมมอื : เทคนคิ กลุ่ม ท่สี าคญั ในภมู ภิ าค สบื คน้ ต่างๆ ของโลก พเิ ศษ 6
1 เศรษฐศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เวลาเรยี น 4 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/1 อภปิ รายการกาหนดราคาและค่าจา้ งในระบบเศรษฐกจิ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การกาหนดราคาและค่าจา้ งในระบบเศรษฐกิจไดอ้ ย่างเหมาะสมนนั้ ผูท้ ่เี กยี่ วขอ้ งจะตอ้ งมคี วามรู้ พ้นื ฐานเกีย่ วกบั เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ เพอ่ื จะไดน้ าไปเป็นแนวทางในการตดั สนิ ใจในการผลติ และบริโภคใหไ้ ดป้ ระโยชน์ สูงสดุ สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง - 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน (เพิ่มเติม) 1) ความหมาย ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ยและเป้าหมายของการศกึ ษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ 3) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ 4) กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ - การผลติ - การบรโิ ภค - การกระจายรายได้ - การแลกเปลย่ี น 5) เศรษฐศาสตรก์ บั การดาเนนิ ชีวติ
สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลมุ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผ่นพบั เรือ่ ง เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมินกอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1) ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ 2) ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง วเิ คราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ 3) ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 4) สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 7.3 การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 7.4 การประเมนิ ช้ินงาน / ภาวะงาน (รวบยอด) - ประเมนิ แผน่ พบั เรอ่ื ง เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้
การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินแผ่นพบั เรอื่ ง เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ . รายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน 1. ความสาคญั ของ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) วิชาเศรษฐศาสตร์ บรรยายความสาคญั บรรยายความสาคญั บรรยายความสาคญั บรรยายความสาคญั 2. ขอบข่ายและ เป้ าหมายของ ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ การศึกษาวิชา ไดอ้ ย่างมเี หตุผล ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล ไดอ้ ย่างมเี หตุผล เศรษฐศาสตร์ ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง 4 ขอ้ ข้นึ ไป 3 ขอ้ 2 ขอ้ 1 ขอ้ 3. ปญั หาพ้นื ฐานทาง เศรษฐศาสตร์ สรุปขอบขา่ ยและ สรปุ ขอบข่ายและ สรปุ ขอบข่ายและ สรปุ ขอบขา่ ยและ 4. กจิ กรรมทางดา้ น เป้าหมายของการศกึ ษา เป้าหมายของการศกึ ษา เป้าหมายของการศกึ ษา เป้าหมายของการศึกษา เศรษฐศาสตร์ วชิ าเศรษฐศาสตรไ์ ด้ วชิ าเศรษฐศาสตรไ์ ด้ วชิ าเศรษฐศาสตรไ์ ด้ วชิ าเศรษฐศาสตรไ์ ด้ ถูกตอ้ ง ชดั เจน ถกู ตอ้ ง ค่อนขา้ ง ถกู ตอ้ งบางประเด็น ไม่ถูกตอ้ ง ชดั เจน เป็นส่วนใหญ่ บรรยายปญั หาพ้นื ฐาน บรรยายปญั หาพ้นื ฐาน บรรยายปญั หาพ้นื ฐาน บรรยายปญั หาพ้นื ฐาน ทางเศรษฐศาสตรพ์ รอ้ ม ทางเศรษฐศาสตรพ์ รอ้ ม ทางเศรษฐศาสตรพ์ รอ้ ม ทางเศรษฐศาสตรไ์ ด้ ยกตวั อย่างไดถ้ ูกตอ้ ง ยกตวั อยา่ งไดถ้ ูกตอ้ ง ยกตวั อยา่ งไดถ้ ูกตอ้ ง ถูกตอ้ งบางปญั หา ชดั เจน ค่อนขา้ งชดั เจน เป็นบางตวั อย่าง อธบิ ายกิจกรรมทาง อธบิ ายกจิ กรรมทาง อธิบายกิจกรรมทาง อธิบายกจิ กรรมทาง เศรษฐศาสตรไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง เศรษฐศาสตรไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง เศรษฐศาสตรไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง เศรษฐศาสตรไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง 4 ประเด็น 3 ประเดน็ 2 ประเด็น 1 ประเดน็ 5. ความคดิ รเิ ริม่ ออกแบบแผน่ พบั ออกแบบแผน่ พบั ออกแบบแผ่นพบั ออกแบบแผน่ พบั ไม่ สรา้ งสรรค์ สวยงามแปลกใหม่ สวยงามเหมอื นแบบ สวยงามเป็นบางสว่ น สวยงาม ทวั่ ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17 – 20 ดีมาก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5–8 ปรบั ปรงุ
กจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 กจิ กรรมท่ี 1 ความสาคญั และเป้ าหมายของเศรษฐศาสตร์ วิธีสอนแบบบรรยาย วธิ สี อนโดยการจดั การ เวลา 2 ชวั่ โมง เรยี นรูแ้ บบรว่ มมอื : เทคนิคการเรยี นรูร้ ่วมกนั (Learning Together) 1. ใหน้ กั เรียนเลา่ พฤตกิ รรมของตนเอง ในชวี ติ ประจาวนั ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั เศรษฐศาสตร์ ซง่ึ นกั เรยี นแต่ละคนจะตอบ อย่างหลากหลายแตกตา่ งกนั ไป 2. ครูอธบิ ายเช่อื มโยงใหน้ กั เรียนเหน็ วา่ เศรษฐศาสตรเ์ ป็นเร่อื งทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ ประจาวนั ของทุกคน ไม่วา่ จะ เป็นวยั เด็ก วยั ทางาน ซง่ึ ทกุ คนจะตอ้ งรูจ้ กั ตดั สนิ ใจในการบริโภคอย่างถูกตอ้ ง ใหเ้กดิ ความพอใจ และเกิด ประโยชนม์ ากท่สี ุด 3. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปความหมายของเศรษฐศาสตร์ จากนน้ั ครูอธบิ ายและยกตวั อยา่ งประกอบให้ นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 4. ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกล่มุ กลุม่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง) ปาน กลาง (ค่อนขา้ งออ่ น) และออ่ น ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรูจ้ ากหนงั สอื เรยี น เรอื่ ง ความสาคญั และเป้าหมาย ของเศรษฐศาสตร์ 5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมมอื กนั ทาใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ โดยแบง่ หนา้ ท่ี กนั ดงั น้ี - สมาชกิ คนท่ี 1 มหี นา้ ทอ่ี ่านคาสงั่ คาถาม แยกแยะประเด็นใหช้ ดั เจน - สมาชกิ คนท่ี 2 ฟงั ขน้ั ตอน รวบรวมขอ้ มูล หาแนวทางเสนอแนะในการตอบคาถาม - สมาชกิ คนท่ี 3 ตอบคาถามในใบงาน - สมาชกิ คนท่ี 4 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 6. นกั เรยี นซ่งึ เป็นสมาชิกในแต่ละกลมุ่ หมนุ เวยี นเปลย่ี นหนา้ ทก่ี นั ตอบคาถามในแตล่ ะขอ้ 7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มผลดั กนั เฉลยคาตอบในใบงาน ครูเป็นผูต้ รวจสอบความถูกตอ้ ง 8. นกั เรียนกลุม่ เดมิ ร่วมกนั ทาใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง วเิ คราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกิจ เสร็จแลว้ ชว่ ยกนั เฉลย คาตอบ จากนน้ั ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมและเช่ือมโยงใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า การวเิ คราะหข์ อ้ ความในใบงานท่ี 1.2 นนั้ แสดงใหเ้หน็ ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ ซ่งึ ประกอบดว้ ย ผลติ สนิ คา้ อะไร จะผลติ อยา่ งไร จะผลติ เพอ่ื ใคร 9. ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ ความหมาย ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ขอบข่าย เป้าหมายของการศกึ ษา วชิ าเศรษฐศาสตร์ และปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์
กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ เวลา 2 ชวั่ โมง กจิ กรรมที่ 2 วิธีสอนโดยการใชเ้ กม วธิ ีสอนแบบบรรยาย วิธสี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกลมุ่ 1. ครูใหน้ กั เรียนรวมกลมุ่ กนั กลุม่ ละ 7 คน หรือตามความเหมาะสม ใหเ้ล่นเกมแข่งขนั ตดิ ภาพใตข้ อ้ ความ การ ผลติ การบรโิ ภค กลมุ่ ใดตดิ เสรจ็ ก่อนและถูกตอ้ ง กลมุ่ นน้ั จะเป็นฝ่ายชนะ 2. ครูใหน้ กั เรียนกลมุ่ ท่ชี นะในการแขง่ ขนั ลาดบั ท่ี 1-3 ร่วมกนั อธิบายเพอ่ื เชอ่ื มโยงความรูก้ บั หวั ขอ้ การผลติ การ บริโภค พรอ้ มแสดงเหตุผลประกอบ 3. ครูอธบิ ายความรูใ้ หน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตรจ์ ะเป็นเรื่องเกย่ี วกบั การผลติ การบรโิ ภค การกระจายรายได้ และการแลกเปลย่ี น 4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมมอื กนั ศกึ ษาหาความรูเ้ ร่ือง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐกจิ จากหนงั สอื เรยี น และหนงั สอื อ่านเพมิ่ เตมิ และช่วยกนั ทาใบงานท่ี 2.1 เรื่อง กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 5. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจใบงานท่ี 2.1 ตอนท่ี 1 จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานในใบงานท่ี 2.1 ตอนท่ี 2 ดงั น้ี - กลุ่มท่ี 1 นาเสนอผลงาน กล่มุ ท่ี 2 แสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เติม - กลมุ่ ท่ี 2 นาเสนอผลงาน กลมุ่ ท่ี 3 แสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติม - กลมุ่ ท่ี 3 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 4 แสดงความคิดเหน็ เพมิ่ เติม - กลมุ่ ท่ี 4 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 5 แสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติม - กลมุ่ ท่ี 5 นาเสนอผลงาน กลมุ่ ท่ี 1 แสดงความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ 6. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ ความรูเ้กย่ี วกบั กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ ครูอธบิ ายความรูเ้พมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั เศรษฐศาสตรว์ า่ เป็นเร่ืองท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ ประจาวนั ของทกุ คนพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ 7. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นทาช้นิ งาน แผน่ พบั เรือ่ ง เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ ใหค้ รอบคลุมหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ยและเป้าหมายของการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ 3) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ 4) กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 9.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน เศรษฐศาสตร์ ม. 4- ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ (1) นราทพิ ย์ ชุตวิ งศแ์ ละชลดา จามรกุล. พ้ืนฐานเศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค. กรงุ เทพมหานคร :
คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2541. (2) พอพนั ธ์ อยุ ยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกจิ ไทย ในประมวลสาระชดุ วิชาไทยศึกษา หน่วยท่ี 3 สาขาวชิ าศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบุรี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2546. (3) รตั นา สายคณิต. การพฒั นาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชดุ วิชาสงั คมศกึ ษา 3 : เศรษฐศาสตรส์ าหรบั ครู หน่วยท่ี 14 สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั - ธรรมาธริ าช. นนทบุรี :โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช,2546. (4) รตั นา สายคณิต และคณะ. พ้ืนฐานเศรษฐศาสตรม์ หภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2540. (5) วนั รกั ษ์ มง่ิ มณีนาคิน. หลกั เศรษฐศาสตรม์ หภาค. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 14. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ 2550. 3) ใบงานท่ี 1.1 เรื่อง ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง วเิ คราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ 5) ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354
แบบทดสอบก่อนเรยี น – หลงั เรียน หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 คาช้ีแจง ใหก้ า ทบั ตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ความท่เี ป็นคาตอบทถ่ี ูกทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. ขอ้ ใดเป็นปจั จยั สาคญั ท่ที าใหป้ ระชาชนใหค้ วามร่วมมือตอ่ นโยบายเศรษฐกจิ ของรฐั บาล ก. รฐั บาลมกี ารประชาสมั พนั ธด์ ี ข. ประชาชนมฐี านะทางเศรษฐกจิ ดี ค. ประชาชนมคี วามรูท้ างเศรษฐศาสตร์ ง. ผูน้ ารฐั บาลมคี วามรูท้ างดา้ นเศรษฐกิจเป็นอยา่ งดี 2. เศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาคเป็นการศกึ ษาเกย่ี วกบั เรอื่ งใด ก. รายไดแ้ ละรายจ่ายประชาชาติ ข. การจา้ งงาน การออม การลงทุน การเงนิ การคา้ ค. การศึกษาปญั หาต่างๆ ทก่ี ระทบต่อระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ ง. การผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร การกาหนดราคาสนิ คา้ การกระจายสนิ คา้ จากผูผ้ ลติ ไปยงั ผูบ้ รโิ ภค 3. เศรษฐศาสตรม์ หภาค เป็นการศึกษาเกย่ี วกบั เรอ่ื งใด ก. อทิ ธพิ ลของปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ รายไดป้ ระชาชน ข. การกระจายสนิ คา้ ไปยงั ผูบ้ รโิ ภคในแต่ละพ้นื ท่ี ค. การจดั สรรทรพั ยากรในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร ง. การศึกษาในเรื่องราคาสนิ คา้ การบรโิ ภคสนิ คา้ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างองคก์ รผูผ้ ลติ 4. วชิ าเศรษฐศาสตรม์ เี ป้าหมายสาคญั ในการใหค้ วามรูต้ อ่ ประชาชนในขอ้ ใด ก. เพอ่ื ใหร้ ูจ้ กั เลอื กใชส้ นิ คา้ ราคาถกู ท่ีสดุ เพอื่ เป็นการลดภาระค่าใชจ้ ่าย ข. เพอื่ ใหร้ ูจ้ กั เลอื กใชส้ นิ คา้ ใหเ้กิดประโยชนต์ อ่ ตนเองและครอบครวั มากท่สี ุด ค. เพอื่ ใหร้ ูจ้ กั การวางแผนการใชจ้ า่ ยเงนิ และการเลอื กใชส้ นิ คา้ ท่มี อี ยู่อยา่ งพอเพยี ง ง. เพอ่ื ใหร้ ูจ้ กั การตดั สนิ ใจเลอื กใชท้ รพั ยากรท่มี อี ยู่อยา่ งจากดั ในการบรโิ ภคและใชใ้ นทางท่ดี ที ่สี ดุ 5. ประเทศต่างๆ ประสบปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกิจคลา้ ยคลงึ กนั อย่างไร ก. แรงงาน และตน้ ทนุ การผลติ ค่อนขา้ งสูง ทาใหม้ กี าไรตา่ มาก ข. ทรพั ยากรของประเทศแตล่ ะประเทศลดนอ้ ยลงไปจากเดมิ มาก ค. ความไม่พอดกี นั ระหว่างความตอ้ งการของมนุษย์ และสง่ิ ทจ่ี ะมาตอบสนองความตอ้ งการ ง.การหาตลาดสง่ ออกสนิ คา้ ทผ่ี ลติ ไดน้ อ้ ยเนอื่ งจากมคี ู่แขง่ ในการผลติ สนิ คา้ จานวนมากข้นึ กวา่ เดมิ
6. ขอ้ ใดจดั เป็นปจั จยั ในการผลติ ก. ผูป้ ระกอบการ ทด่ี นิ แรงงาน การบรกิ าร ข. แรงงาน ทรพั ยากรธรรมชาติ ค่าเชา่ ค. ท่ดี นิ แรงงาน ทนุ ผูป้ ระกอบการ ง.ทนุ เครื่องจกั ร ทรพั ยากร ทด่ี นิ 7. การใชป้ ระโยชนจ์ ากสง่ิ ของและบริการ เพอื่ สนองความตอ้ งการของมนุษยส์ อดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. ผูผ้ ลติ ข. ผูบ้ ริโภค ค. ปจั จยั พ้นื ฐาน ง. ผูป้ ระกอบการ 8. ผูบ้ รโิ ภคจะเลอื กซ้อื สนิ คา้ โดยคานึงเร่อื งใดมากท่สี ุด ก. สนิ คา้ ราคาถูกแตม่ คี ณุ ภาพดี ข. คุณภาพของสนิ คา้ ท่ไี ดม้ าตรฐานและราคาตา่ ค. รายไดท้ ่มี อี ยู่อย่างจากดั และความเหมาะสมของราคาสนิ คา้ ง. ความพอใจสูงสุดภายใตร้ ายไดแ้ ละทรพั ยากรท่มี อี ยู่อยา่ งจากดั 9. ขอ้ ใดจดั เป็นการกระจายรายไดต้ ามหนา้ ท่ใี นการผลติ ก. ท่ดี นิ แรงงาน กาไร ค่าจา้ ง ข. ค่าเชา่ ค่าจา้ ง ดอกเบ้ยี กาไร ค. ทนุ ค่าเช่า ดอกเบย้ี แรงงาน ง. ตน้ ทนุ กาไร ดอกเบ้ยี แรงงาน 10. ผูผ้ ลติ สนิ คา้ จะมกี าไรสูงข้นึ ดว้ ยวธิ กี ารหลายอยา่ ง ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. มกี ารประชาสมั พนั ธส์ นิ คา้ และบรกิ ารไดม้ ากกวา่ ผผู้ ลติ รายอน่ื ข. ผลติ สนิ คา้ ตรงตามความตอ้ งการและรสนยิ มของผูบ้ รโิ ภค ค. มกี ารกระจายสนิ คา้ สู่ผูบ้ ริโภคไดม้ ากท่สี ุด ง. องคก์ รของรฐั สนบั สนุนสนิ คา้ และบริการ เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ขอ้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เฉลย ค ง ก ง ค ค ข ง ข ง
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 เวลา 2 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ เรอื่ ง ความสาคญั และเป้ าหมายของเศรษฐศาสตร์ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การศึกษาขอบข่าย เป้าหมาย ของวิชาเศรษฐศาสตร์ ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ จดั เป็นขอ้ มูลพ้นื ฐาน ของเศรษฐศาสตร์ ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/1 อภปิ รายการกาหนดราคาและค่าจา้ งในระบบเศรษฐกิจ 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1)อธิบายความหมาย ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตรไ์ ด้ 2) อธิบายขอบข่าย เป้าหมายของการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตรไ์ ด้ 3) อธิบายปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตรไ์ ด้ สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง - 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ (เพมิ่ เติม) 1) ความหมาย ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ยและเป้าหมายของการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ 3) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกล่มุ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธสี อนแบบบรรยาย วธิ ีสอนโดยการจดั การเรยี นรูแ้ บบร่วมมือ : เทคนิค การเรยี นรูร้ ่วมกนั (Learning Together )) นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ชวั่ โมงท่ี 1 1. ใหน้ กั เรียนเลา่ พฤติกรรมของตนเองในชีวติ ประจาวนั ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั เศรษฐศาสตร์ ซ่งึ นกั เรียนสามารถตอบได้ หลากหลาย เชน่ การซ้อื สง่ิ ของเคร่ืองใชส้ ่วนตวั อาหารการกนิ เครอื่ งใชภ้ ายในบา้ น อุปกรณก์ ารเรยี น ยา รกั ษาโรค การเดินทางดว้ ยรถยนต์ รถไฟ จกั รยานยนต์ จกั รยาน 2. ครูอธิบายเช่อื มโยงใหน้ กั เรยี นเห็นว่า เศรษฐศาสตรเ์ ป็นเรื่องทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ชีวติ ประจาวนั ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น วยั เด็ก วยั นกั เรยี น วยั ทางานก็ตอ้ งรูจ้ กั ตดั สนิ ใจในการบรโิ ภคอย่างถูกตอ้ ง ใหเ้กดิ ความพอใจและเกดิ ประโยชน์ มากท่สี ุด ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรุปความหมายของเศรษฐศาสตร์ 3. ครูอธิบายและยกตวั อย่างประกอบ ใหน้ กั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ เช่น - ชว่ ยในการตดั สินใจของประชาชน - ช่วยสรา้ งความเขา้ ใจใหก้ บั ประชาชนเกี่ยวกบั นโยบายของรฐั - ช่วยสรา้ งองคค์ วามรูใ้ นการบรหิ ารงาน - ชว่ ยสรา้ งประโยชนใ์ หเ้กดิ กบั ประเทศชาติ 4. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง) ปานกลาง (ค่อนขา้ งออ่ น) และอ่อน 5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาความรูร้ ่วมกนั เร่ือง ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ จากหนงั สอื เรยี น 1) ความหมาย และความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ยของการศกึ ษาวชิ าเศรษฐศาสตร์
- จาแนกตามเน้อื หาของวชิ าเศรษฐศาสตร์ - จาแนกตามการวเิ คราะหป์ ญั หา 3) เป้าหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 4) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ 6. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมมอื กนั ทาใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ โดยแบ่ง หนา้ ท่กี นั ดงั น้ี - สมาชกิ คนท่ี 1 มหี นา้ ทอ่ี ่านคาสงั่ คาถาม แยกแยะประเดน็ ใหช้ ดั เจน - สมาชกิ คนท่ี 2 ฟงั ขน้ั ตอน รวบรวมขอ้ มูล หาแนวทางเสนอแนะในการตอบคาถาม - สมาชิกคนท่ี 3 ตอบคาถามในใบงาน - สมาชกิ คนท่ี 4 ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 7. สมาชกิ แต่ละคนในกล่มุ หมุนเวยี นเปลย่ี นหนา้ ท่กี นั ในการตอบคาถามในแตล่ ะขอ้ จนครบแปดขอ้ สว่ นในขอ้ ทเ่ี กา้ นน้ั ใหท้ กุ คนชว่ ยกนั ตอบ ชวั่ โมงท่ี 2 1. ครูสนทนากบั นกั เรียนถงึ ความกา้ วหนา้ ในการทาใบงานของแต่ละกลุ่ม สมาชกิ กลุ่มใดสงสยั เรื่องใดครูจะช่วย อธิบายเพิ่มเติมจนมคี วามเขา้ ใจกระจ่างชดั 2. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ผลดั กนั เฉลยคาตอบจากใบงาน กล่มุ ละ 1 ขอ้ โดยใหก้ ลุ่มอ่นื ทม่ี ผี ลงานแตกต่างออกไป ไดน้ าเสนอเพมิ่ เติม ครูเป็นผูต้ รวจสอบความถกู ตอ้ ง 3. นกั เรียนกลมุ่ เดมิ ร่วมมอื กนั ทาใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง วเิ คราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ 4. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.2 โดยครูอธิบายเพมิ่ เตมิ และเชือ่ มโยงใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า การวเิ คราะหข์ อ้ ความในใบงานท่ี 1.2 นน้ั แสดงใหเ้หน็ ถงึ ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ ซง่ึ ประกอบดว้ ย ผลติ สนิ คา้ อะไร จะผลติ อยา่ งไร จะผลติ เพอ่ื ใคร 5. ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ ความหมาย ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ ขอบข่าย เป้าหมาย ของ การศกึ ษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบก่อนเรียน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ (1) นราทพิ ย์ ชุติวงศแ์ ละชลดา จามรกุล. พ้นื ฐานเศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2541. (2) พอพนั ธ์ อยุ ยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกิจไทย ในประมวลสาระชดุ วชิ าไทยศึกษา หน่วยที่ 3 สาขาวิชาศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2546. (3) รตั นา สายคณิต. การพฒั นาเศรษฐกจิ ในเอกสารการสอนชุดวชิ าสงั คมศกึ ษา 3 : เศรษฐศาสตรส์ าหรบั ครู หน่วยที่ 14 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั - ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี :โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช,2546. (4) รตั นา สายคณิต และคณะ. พ้นื ฐานเศรษฐศาสตรม์ หภาค. กรงุ เทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2540. (5) วนั รกั ษ์ มงิ่ มณีนาคิน. หลกั เศรษฐศาสตรม์ หภาค. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 14. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ 2550. 3) ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความสาคญั และเป้าหมายของเศรษฐศาสตร์ 4) ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง วเิ คราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354
1.1 เร่อื ง ความสาคญั และเป้ าหมายของเศรษฐศาสตร์ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. วชิ าเศรษฐศาสตร์ มคี วามสาคญั อยา่ งไร 2. การศกึ ษาเศรษฐศาสตร์ จลุ ภาคจะทาใหร้ ู้ เรอื่ งราวเก่ียวกบั อะไร
3. การศึกษาเศรษฐศาสตร์ มหภาคจะทาใหร้ ู้ เร่อื งราวเกย่ี วกบั อะไร 4. การศกึ ษาเศรษฐศาสตร์ จลุ ภาคกบั เศรษฐศาสตรม์ หภาค ทาใหไ้ ดร้ บั ความรู้ แตกต่างกนั อย่างไร
5. เศรษฐศาสตรต์ ามความ เป็นจริงหรือ เศรษฐศาสตรพ์ รรณนา นน้ั เป็นการม่งุ อธบิ าย ในเร่ืองใด 6. เศรษฐศาสตรท์ ่คี วรจะ เป็นหรือเศรษฐศาสตร์ นโยบายเป็นการม่งุ กล่าว ในเร่ืองใด 7. เป้าหมายสาคญั ของวชิ า เศรษฐศาสตร์ ม่งุ เนน้ ใหค้ วามรูแ้ ก่ ผูบ้ รโิ ภคเพอ่ื ใหเ้กิด ผลอยา่ งไร
8. เป้าหมายสาคญั ของวชิ า เศรษฐศาสตร์ มงุ่ เนน้ ใหค้ วามรูแ้ ก่ ผูป้ ระกอบการผลติ เพอื่ ใหเ้กิดผลอย่างไร 9. เป้าหมายสาคญั ของวชิ า เศรษฐศาสตร์ ม่งุ เนน้ ใหค้ วามรูแ้ ก่ผูบ้ ริหารใน องคก์ รของรฐั เพอ่ื ผล สาคญั ในเรือ่ งใด
1.1 เรอื่ ง ความสาคญั และเป้ าหมายของเศรษฐศาสตร์ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ชว่ ยในการตดั สนิ ใจของประชาชน 2. ช่วยสรา้ งความเขา้ ใจใหก้ บั ประชาชนเกยี่ วกบั นโยบายของรฐั 1. วชิ าเศรษฐศาสตร์ 3. ชว่ ยสรา้ งองคค์ วามรูใ้ นการบริหารงาน มคี วามสาคญั อยา่ งไร 4. ช่วยสรา้ งผลประโยชนใ์ หเ้กดิ กบั ประเทศชาติ 2. การศกึ ษาเศรษฐศาสตร์ การศกึ ษาเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาคจะทาใหร้ ูถ้ งึ พฤตกิ รรมทาง จลุ ภาคจะทาใหร้ ู้ เศรษฐกจิ ในสว่ นย่อยซง่ึ เป็นส่วนหนงึ่ ของระบบเศรษฐกจิ ทงั้ ระบบ เรือ่ งราวเกยี่ วกบั อะไร เกยี่ วกบั การบรโิ ภค การเป็นเจา้ ของทรพั ยส์ นิ และพฤติกรรมของ องคก์ รธุรกจิ หรือผผู้ ลติ การจดั สรรทรพั ยากรในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร การกาหนดราคาสนิ คา้ การกระจายสนิ คา้ จากผูผ้ ลติ ไปยงั ผูบ้ รโิ ภค
จะทาใหร้ ูถ้ งึ พฤตกิ รรมทางเศรษฐกจิ สว่ นรวมเกยี่ วกบั เรอื่ งรายได้ และรายจา่ ยประชาชาติ การจา้ งงาน การออม การลงทนุ การเงนิ การคา้ กบั ต่างประเทศ และการพฒั นาเศรษฐกิจ 3. การศึกษาเศรษฐศาสตร์ มหภาคจะทาใหร้ ู้ เร่ืองราวเกยี่ วกบั อะไร 4. การศึกษาเศรษฐศาสตร์ การศกึ ษาเศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค จะทาใหร้ ูพ้ ฤตกิ รรมทางเศรษฐกิจ จุลภาคกบั ในสว่ นยอ่ ยรูป้ ญั หาทีก่ ระทบถงึ เฉพาะบุคคล หรอื หน่วยธุรกิจ เศรษฐศาสตรม์ หภาค แห่งใดแหง่ หนึง่ แตก่ ารศึกษาเศรษฐศาสตรม์ หภาคทาใหร้ ูป้ ญั หา ทาใหไ้ ดร้ บั ความรู้ ต่างๆ ในวงกวา้ ง แตกตา่ งกนั อย่างไร เป็นการศกึ ษาปญั หาทกี่ ระทบถงึ หน่วยผลติ และอุตสาหกรรมทงั้ หมด รวมทงั้ อทิ ธพิ ลของปจั จยั ทมี่ ี ผลต่อรายไดป้ ระชาชน
5. เศรษฐศาสตรต์ ามความ มงุ่ อธิบายเรอื่ งทีเ่ กิดข้นึ เรอื่ งทเี่ ป็นอยู่ และเรอื่ งทีจ่ ะเกิดข้นึ ว่า เป็นจริงหรือ เป็นอย่างไร จากผลทบี่ ุคคลหรอื สงั คมตดั สนิ ใจเลอื กกระทาการ เศรษฐศาสตรพ์ รรณนา อย่างใดอย่างหน่งึ ลงไป นนั้ เป็นการมงุ่ อธบิ าย ในเรื่องใด 6. เศรษฐศาสตรท์ ค่ี วรจะ การม่งุ กล่าวถงึ สงิ่ ทคี่ วรจะมหี รือควรจะเป็นโดยอาจจะเกิดข้นึ เป็นหรือเศรษฐศาสตร์ หรอื ไมเ่ ป็นไปตามทคี่ าดหมายไวก้ ็ได้ นโยบายเป็นการมงุ่ กล่าว ในเรื่องใด 7. เป้าหมายสาคญั ของวชิ า ผูบ้ ริโภครูจ้ กั การตดั สนิ ใจเลอื กใชท้ รพั ยากรทมี่ อี ย่อู ยา่ งจากดั ใน เศรษฐศาสตร์ มงุ่ เนน้ การบรโิ ภคและใชใ้ นทางทีด่ ีทสี่ ดุ เขา้ ใจสถานการณท์ างเศรษฐกจิ ใหค้ วามรูแ้ ก่ และสามารถปรบั ตวั ไดภ้ ายใตค้ วามผนั ผวนทางเศรษฐกจิ ผูบ้ ริโภคเพอื่ ใหเ้กดิ ผลอย่างไร
8. เป้าหมายสาคญั ของวชิ า สามารถวางแผนการผลติ การพยากรณก์ ารผลติ เพอื่ สนอง เศรษฐศาสตร์ ม่งุ เนน้ ให้ ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง สามารถประยกุ ตใ์ ช้ ความรูแ้ ก่ผูป้ ระกอบการ ปจั จยั การผลติ ใหต้ น้ ทนุ การผลติ ตา่ ทีส่ ดุ แข่งขนั กบั ธุรกจิ อนื่ ผลติ เพอ่ื ใหเ้กดิ ผลอย่างไร 9. เป้าหมายสาคญั ของวชิ า ผูบ้ รหิ ารในองคก์ รของรฐั เขา้ ใจเรือ่ งการจดั สรรทรพั ยากรอย่าง เศรษฐศาสตร์ มงุ่ เนน้ เหมาะสม สามารถวางนโยบายเพอื่ สรา้ งความเจริญเตบิ โตทาง ใหค้ วามรูแ้ กผ่ ูบ้ ริหาร เศรษฐกิจ รูจ้ กั ใชน้ โยบายและมาตรการต่างๆ เพอื่ แกป้ ญั หาทาง ในองคก์ รของรฐั เพอ่ื เศรษฐกจิ การสรา้ งโครงการเพอื่ พฒั นาเศรษฐกิจใหส้ ามารถ ผลสาคญั ในเรือ่ งใด แขง่ ขนั กบั ต่างประเทศได้
1.2 เร่อื ง วิเคราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ ชุดที่ 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ ความ เร่ือง อุตสาหกรรมสง่ิ ทอและเคร่ืองนุ่งหม่ แลว้ ตอบคาถาม อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเคร่อื งนุ่งหม่ อุตสาหกรรมสง่ิ ทอและเคร่อื งนุ่งหม่ เป็นอตุ สาหกรรมทม่ี คี วามสาคญั ต่อระบบเศรษฐกจิ ไทยเป็นอยา่ งมาก อยา่ งไรก็ตามในสถานการณท์ ก่ี ารคา้ โลกมกี ารแขง่ ขนั กนั มากข้นึ สนิ คา้ สง่ิ ทอและเคร่อื งนุ่งหม่ ของโลกจะเขา้ สู่การคา้ เสรี ดงั นนั้ เพอ่ื เป็นการเตรียมความพรอ้ มรองรบั การเปิดตลาดเสรีส่งิ ทอ และใหก้ ารส่งออกส่งิ ทอของไทยสามารถขยายตวั และเพม่ิ สมรรถนะขดี ความสามารถใหก้ บั อุตสาหกรรมส่งิ ทอและเครือ่ งนุ่งหม่ ไทย จาเป็นจะตอ้ งพฒั นาประสทิ ธภิ าพ รูปแบบและชนิดของสนิ คา้ ส่งิ ทอและเครอื่ งนุ่งห่ม โดยหน่วยงานของรฐั และภาคเอกชน จะตอ้ งร่วมมอื กนั ทง้ั ในส่วน ของการแกไ้ ขปญั หา การเร่งการพฒั นาเชิงรกุ เพอ่ื สามารถสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั อุตสาหกรรม ใหส้ ามารถแขง่ ขนั ได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป การผลติ 1.1 โครงสรา้ งการผลติ อุตสาหกรรมส่งิ ทอและเครอ่ื งนุ่งห่ม ประกอบดว้ ย 3 กลมุ่ ใหญ่ คือ 1) อุตสาหกรรมตน้ นา้ ไดแ้ ก่ อตุ สาหกรรมเสน้ ใย และอตุ สาหกรรมปนั่ ดา้ ย 2) อุตสาหกรรมกลางนา้ ไดแ้ ก่ อุตสาหกรรมทอผา้ อตุ สาหกรรมถกั ผา้ อุตสาหกรรมฟอกยอ้ ม พมิ พแ์ ละแตง่ สาเรจ็ 3) อตุ สาหกรรมปลายนา้ ไดแ้ ก่ อตุ สาหกรรมเส้อื ผา้ สาเร็จรูป และอตุ สาหกรรมผลติ ภณั ฑส์ ่งิ ทอ สาเร็จรูปอ่นื ๆ
กระบวนการผลิตในอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอ เสน้ ใย เสน้ ดา้ ย ผา้ ถกั ผา้ ทอ การเตรยี มส่งิ ทอ การพมิ พ์ การยอ้ ม การฟอกขาว การตกแต่งส่งิ ทอ เคร่อื งนุ่งหม่ มูลคา่ การสง่ ออก อตุ สาหกรรมส่งิ ทอและเคร่อื งนุ่งห่ม มมี ูลค่าการสง่ ออกสูงเป็นอนั ดบั ตน้ ๆ ของสนิ คา้ อุตสาหกรรมท่สี ่งออก โดยท่เี ส้อื ผา้ สาเรจ็ รูป มมี ูลค่าการส่งออกคิดเป็นรอ้ ยละ 60 ของการส่งออกอุตสาหกรรมส่งิ ทอ และเครือ่ งนุ่งห่มทง้ั หมด ทงั้ น้ี ลกั ษณะของเส้อื ผา้ สาเร็จรูปท่สี ่งออกจะมที ง้ั เส้อื ผา้ ตลาดระดบั ลา่ งและตลาดระดบั บน ซง่ึ สว่ นใหญ่เป็นการรบั จา้ งผลติ ใหก้ บั ย่หี อ้ ดงั ของโลก ตลาดสาคญั ของสนิ คา้ สง่ิ ทอและเคร่ืองนุ่งห่มไทย คอื ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ญีป่ ่นุ สหราชอาณาจกั ร และ ฮอ่ งกง เรียบเรยี งจาก http://ee.de.de.go.th/knowledge/ContentLeve13.aspx?gt=1000000&abs2=1020000&mid=1020002 http://www.oie.go.th/industrystatus2/18.doc
คำถำม 1. ขอ้ มลู ดงั กล่าวแสดงถงึ การผลติ สนิ คา้ อะไร 2. จะผลติ อย่างไร จงึ จะทาใหเ้สยี ตน้ ทุนการผลติ ตา่ 3. การผลติ สนิ คา้ ดงั กล่าวนนั้ ผลติ เพอื่ ใคร 4. นกั เรยี นคดิ วา่ ปญั หาพ้นื ฐานท่จี ะเกิดข้นึ จากการผลติ ดงั กลา่ วนน้ั จะเกิดปญั หาต่างๆ กบั สงั คมอย่างไร
ชุดที่ 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอ่านบทความ เรอื่ ง อุตสาหกรรมซอสปรงุ รส แลว้ ตอบคาถาม อตุ สาหกรรมซอสปรุงรส (น้าปลา) นา้ ปลาเป็นเครือ่ งปรงุ รสทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการหมกั ปลากบั เกลอื จนไดผ้ ลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี ณุ ลกั ษณะและกลน่ิ รสเฉพาะ เป็นทน่ี ยิ มบรโิ ภคของคนไทยและคนในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เน่ืองจากนา้ ปลาไทยมคี ุณภาพดแี ละกลน่ิ หอม ประเทศไทยจึงเป็นประเทศทผ่ี ลติ นา้ ปลา เพอ่ื การบรโิ ภคภายในประเทศและส่งออกมากทส่ี ดุ ในโลก แนวโนม้ ตลาดนา้ ปลานนั้ จากการสอบถามผปู้ ระกอบการรายใหญใ่ นอตุ สาหกรรมนา้ ปลา พบวา่ ส่วนใหญ่มี นโยบายเร่งเพมิ่ กาลงั การผลติ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการท่จี ะเพม่ิ ข้นึ จากการฟ้ืนตวั ของเศรษฐกจิ ไทย และเศรษฐกิจ ของประเทศคู่คา้ รวมถงึ ความพยายามขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยเฉพาะในตลาดท่มี ี คนเอเชียอพยพไปอยู่และการ ขยายตวั ของรา้ นอาหารไทยในต่างประเทศ จากการทล่ี กู คา้ เป้าหมายของอุตสาหกรรมนา้ ปลาเป็นกล่มุ ชนทุกระดบั ชอ่ งทางการจาหน่ายนา้ ปลาในประเทศจึงมี ทงั้ การคา้ ผา่ นตลาด ขายส่ง ทางโรงงานจะมตี วั แทนจาหน่ายซ่งึ เป็นยป่ี วั๊ ประจาในแต่ละจงั หวดั โดยแบง่ เขตการคา้ ไมซ่ า้ กบั ตลาดขายปลกี และการคา้ ผ่านตลาด ขายปลกี ทางโรงงานจะเป็นผูค้ า้ กบั รา้ นคา้ ย่อยและภตั ตาคาร/รา้ นอาหารเอง ในกรณีท่รี ะยะทางไม่ ไกลเกินไปจนกระทบต่อระยะเวลาในการจดั สาหรบั การคา้ กบั ตลาดตา่ งประเทศเกอื บรอ้ ยละ 95 ของปริมาณการจาหน่ายจะผา่ นตวั แทนจาหน่าย สว่ นท่เี หลอื อกี รอ้ ยละ 5 จะขายตรงใหก้ บั ภตั ตาคาร/รา้ นอาหารไทยในตา่ งประเทศ การผลติ ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ท่ี 118 (พ.ศ. 2532 ) สามารถจดั แบง่ นา้ ปลา เป็น 3 ประเภท คือ 1. นา้ ปลาแท้ หมายถงึ ผลติ ภณั ฑท์ ่เี ป็นของเหลว ทไ่ี ดจ้ ากการหมกั ปลา หรือส่วนของปลากบั เกลอื หรอื กาก ปลาทเ่ี หลอื จากการหมกั กบั นา้ เกลอื ตามวธิ กี ารผลติ นา้ ปลา โดยขอ้ กาหนดของกระทรวงสาธารณสขุ การ ผลติ นา้ ปลาประเภทน้ตี อ้ งมี Total Nitrogen มากกวา่ 9 กรมั /ลติ ร 2. นา้ ปลาท่ที าจากสตั วอ์ ่นื หมายถงึ ผลติ ภณั ฑท์ เ่ี ป็นของเหลวท่ไี ดจ้ ากการหมกั สตั วน์ า้ ชนิดอน่ื เชน่ กงุ้ หอย ปลาหมกึ เป็นตน้ 3. นา้ ปลาผสม หมายถงึ ผลติ ภณั ฑท์ ่ไี ดจ้ ากการทานา้ ปลาแท้ หรือนา้ ปลาท่ที าจากสตั วช์ นิดอ่ืนมาเจอื ปน หรอื จางดว้ ยสง่ิ อ่นื ท่ไี มเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ ผบู้ รโิ ภค โดยขอ้ กาหนดของกระทรวงสาธารณสุข ถา้ หากมี Total
Nitrogen นอ้ ยกวา่ 4 กรมั /ลติ ร การผลติ นา้ ปลาประเภทน้ตี อ้ งมี Total Nitrogen นอ้ ยกว่า 9 กรมั /ลติ ร แต่มากกวา่ 4 กรมั / ลติ ร จะเรยี กวา่ นา้ เกลอื ปรุงรส กรรมวธิ กี ารผลติ นา้ ปลาส่วนใหญ่จะประกอบดว้ ย 6 ขนั้ ตอนสาคญั คอื 1. ขน้ั ตอนการเตรยี มปลา โดยปลาท่ใี ชต้ อ้ งเป็นปลาสดและมขี นาดใกลเ้คียงกนั นามาลา้ งใหส้ ะอาด แลว้ นามาเกลย่ี ลงบนลานซเี มนตห์ รือลานไมก้ ระดาน เป็นเวลา 1-2 ชวั่ โมง เพอ่ื ใหส้ ะเด็ดนา้ แลว้ เอาเกลอื โรย โดยใชอ้ ตั ราสว่ น ปลา : เกลอื = 2 :1 โดยประมาณ โดยขณะใส่เกลอื ใหใ้ ช้ คราดเกลย่ี ผสมเกลอื กบั ปลาใหเ้ขา้ กนั สมา่ เสมอ 2. ขนั้ ตอนการหมกั ปลาท่คี ลุกกบั เกลอื เขา้ กนั ดแี ลว้ นาไปใส่ในบอ่ หมกั ท่มี เี กลอื รองกน้ บ่ออยู่ จานวนหนงึ่ เมอื่ ใส่ปลาหมดใหเ้อาเกลอื ใส่ทบั อกี ชน้ั หนึง่ ในขนั้ ตอนการหมกั น้ใี ชร้ ะยะเวลาใน การหมกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 เดอื น เพราะจะทาใหน้ า้ ปลาทไ่ี ดม้ กี ลน่ิ คาวจดั ใหโ้ ปรตีนนอ้ ย และไม่ เกิน 18 เดอื น เพราะจะทาใหน้ า้ ปลามกี ลน่ิ ลดลง สเี ขม้ ลดลง รวมถงึ คณุ ค่าสารอาหารจาก โปรตีนลดลงโดยในชว่ ง 1-2 สปั ดาหแ์ รกจะเรม่ิ มนี า้ ออกมาจากตวั ปลาและจะทาใหต้ วั ปลาลอย ข้นึ มา ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งมไี มข้ ดั ทาเป็นตะแกรงกดทบั ไวป้ ากบอ่ ดว้ ย 3. ขน้ั ตอนการกรอง เป็นการกรองผ่านบ่อ และเครื่องกรอง เพอื่ ใหไ้ ดน้ า้ ปลาท่ใี สตรงกบั ความ ตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภค ซ่งึ หวั นา้ ปลาทไ่ี ดจ้ ะเรยี กวา่ “ นา้ ปลาขนั้ ท่ี 1” 4. ขนั้ ตอนการผสม เป็นการนา้ หวั นา้ ปลาขน้ั ท่ี 1 ไปผสมต่อในสดั ส่วนต่าง ๆ กนั ตามคุณภาพท่ไี ด้ เพอื่ ผลติ นา้ ปลาตามเกรดท่ตี อ้ งการตามแผนการผลติ และการตลาดของ แตล่ ะโรงงาน 5. ขน้ั ตอนการบรรจขุ วด/ภาชนะ ขวดทใ่ี ชใ้ นการบรรจุ จะเป็นขวดนา้ ปลาใชแ้ ลว้ ท่รี บั ซ้อื คนื มาและ นามาผ่านกระบวนการลา้ งและฆา่ เช้อื หลงั จากบรรจขุ วด จะผา่ นสายงานการผลติ สู่การปิดผนึก ฝาขวด การปิดฉลากขวด และบรรจลุ งกล่อง ส่วนขน้ั ตอนการตรวจสอบคุณภาพ จะดาเนนิ การอยู่สมา่ เสมอในขน้ั ตอนของการหมกั โดยจะมกี ารสง่ นา้ ปลา จากบ่อหมกั มาตรวจสอบเขา้ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื วเิ คราะหค์ ณุ ภาพของนา้ ปลา โดยการหาปริมาณ Total Nitrogen ซง่ึ จาเป็นตอ้ งมไี มน่ อ้ ยกว่าท่กี ระทรวงสาธารณสขุ กาหนด และยงั มอี กี 2 ขนั้ ตอนย่อย คือ การตรวจคุณภาพหลงั จากการ กรอง เพอื่ ดูความใสและสขี องนา้ ปลาและการตรวจสอบคุณภาพภายหลงั การผสม ซง่ึ เป็นการตรวจสอบขนั้ สดุ ทา้ ยก่อน บรรจุขวด อน่ึง การผลติ นา้ ปลาโดยทวั่ ไปจะทาการหมกั ไมเ่ กนิ 4 ครง้ั ต่อหน่งึ ชุดปลา โดยครง้ั สดุ ทา้ ยจะนาทง้ั กากปลา และนา้ เกลอื ไปตม้ เคย่ี วประมาณ 4 ชวั่ โมง เพอ่ื ใหเ้น้อื ปลาสว่ นทเ่ี หลอื อยู่ละลายปนกบั นา้ เกลอื ใหห้ มด และจึงนาไป กรองผา่ นบอ่ กรองและเครือ่ งกรองตามลาดบั สว่ นกากปลาท่เี หลอื จะนาไปใชท้ าปุ๋ย หรอื ขายต่ออตุ สาหกรรมผลติ อาหาร สตั ว์ เรยี บเรยี งจาก http://www.ryt9.com/s/ryt9/236635 http://learners.in.th/blog/preechakul3204/241765
คำถำม 1. ขอ้ มูลดงั กลา่ วแสดงถงึ การผลติ สนิ คา้ อะไร 2. จะผลติ อยา่ งไร จงึ จะทาใหต้ น้ ทุนการผลติ ตา่ 3. การผลติ สนิ คา้ ดงั กล่าวนน้ั ผลติ เพอ่ื ใคร 4. นกั เรยี นคิดวา่ ปญั หาพ้นื ฐานทจ่ี ะเกดิ ข้นึ จากการผลติ ดงั กล่าวจะเกิดปญั หาต่างๆ กบั สงั คมอยา่ งไรบา้ ง
1.2 เร่ือง วิเคราะหป์ ญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ ชุดท่ี 1 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ ความ เร่ือง อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเครือ่ งนุ่งหม่ แลว้ ตอบคาถาม อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเคร่ืองนุ่งห่ม อุตสาหกรรมสง่ิ ทอและเครอ่ื งนุ่งหม่ เป็นอตุ สาหกรรมทม่ี คี วามสาคญั ต่อระบบเศรษฐกจิ ไทยเป็นอยา่ งมาก อยา่ งไรก็ตามในสถานการณท์ ก่ี ารคา้ โลกมกี ารแขง่ ขนั กนั มากข้นึ สนิ คา้ สง่ิ ทอและเคร่อื งนุ่งหม่ ของโลกจะเขา้ สู่การคา้ เสรี ดงั นนั้ เพอ่ื เป็นการเตรียมความพรอ้ มรองรบั การเปิดตลาดเสรีส่งิ ทอ และใหก้ ารส่งออกสง่ิ ทอของไทยสามารถขยายตวั และเพม่ิ สมรรถนะขดี ความสามารถใหก้ บั อุตสาหกรรมส่งิ ทอและเครื่องนุ่งหม่ ไทย จาเป็นจะตอ้ งพฒั นาประสทิ ธภิ าพ รูปแบบและชนิดของสนิ คา้ ส่งิ ทอและเคร่ืองนุ่งหม่ โดยหน่วยงานของรฐั และภาคเอกชน จะตอ้ งร่วมมอื กนั ทง้ั ในส่วน ของการแกไ้ ขปญั หา การเร่งการพฒั นาเชิงรกุ เพอื่ สามารถสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั อุตสาหกรรม ใหส้ ามารถแขง่ ขนั ได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป การผลติ 1.1 โครงสรา้ งการผลติ อตุ สาหกรรมส่งิ ทอและเครอ่ื งนุ่งหม่ ประกอบดว้ ย 3 กลมุ่ ใหญ่ คือ 1) อุตสาหกรรมตน้ นา้ ไดแ้ ก่ อุตสาหกรรมเสน้ ใย และอตุ สาหกรรมปนั่ ดา้ ย 2) อุตสาหกรรมกลางนา้ ไดแ้ ก่ อุตสาหกรรมทอผา้ อตุ สาหกรรมถกั ผา้ อุตสาหกรรมฟอกยอ้ ม พมิ พแ์ ละแตง่ สาเรจ็ 3) อตุ สาหกรรมปลายนา้ ไดแ้ ก่ อตุ สาหกรรมเส้อื ผา้ สาเร็จรูป และอุตสาหกรรมผลติ ภณั ฑส์ ่งิ ทอ สาเร็จรูปอ่นื ๆ
กระบวนการผลิตในอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอ เสน้ ใย เสน้ ดา้ ย ผา้ ถกั ผา้ ทอ การเตรยี มส่งิ ทอ การพมิ พ์ การยอ้ ม การฟอกขาว การตกแต่งส่งิ ทอ เคร่อื งนุ่งหม่ มูลคา่ การสง่ ออก อตุ สาหกรรมส่งิ ทอและเคร่อื งนุ่งห่ม มมี ูลค่าการสง่ ออกสูงเป็นอนั ดบั ตน้ ๆ ของสนิ คา้ อุตสาหกรรมท่สี ่งออก โดยท่เี ส้อื ผา้ สาเรจ็ รูป มมี ูลค่าการส่งออกคิดเป็นรอ้ ยละ 60 ของการส่งออกอุตสาหกรรมส่งิ ทอ และเครือ่ งนุ่งห่มทง้ั หมด ทงั้ น้ี ลกั ษณะของเส้อื ผา้ สาเร็จรูปท่สี ่งออกจะมที ง้ั เส้อื ผา้ ตลาดระดบั ลา่ งและตลาดระดบั บน ซง่ึ สว่ นใหญ่เป็นการรบั จา้ งผลติ ใหก้ บั ย่หี อ้ ดงั ของโลก ตลาดสาคญั ของสนิ คา้ สง่ิ ทอและเคร่ืองนุ่งห่มไทย คอื ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ญีป่ ่นุ สหราชอาณาจกั ร และ ฮอ่ งกง เรียบเรยี งจาก http://ee.de.de.go.th/knowledge/ContentLeve13.aspx?gt=1000000&abs2=1020000&mid=1020002 http://www.oie.go.th/industrystatus2/18.doc
คำถำม 1. ขอ้ มูลดงั กลา่ วแสดงถงึ การผลติ สนิ คา้ อะไร ผลติ สนิ คา้ ประเภทอุตสาหกรรมสงิ่ ทอและเครือ่ งนุ่งหม่ 2. จะผลติ อยา่ งไร จงึ จะทาใหเ้สยี ตน้ ทนุ การผลติ ตา่ พฒั นาประสทิ ธภิ าพการผลติ เช่น ลดตน้ ทนุ การผลติ เสน้ ใย การเตรยี มสงิ่ ทอตงั้ แต่ การยอ้ ม การพิมพ์ การฟอก ขาว การตกแต่งสงิ่ ทอ 3. การผลติ สนิ คา้ ดงั กล่าวนน้ั ผลติ เพอื่ ใคร ผลติ จาหน่ายภายในประเทศ และสง่ ออกตลาดต่างประเทศ ซ่งึ ตลาดสาคญั คือ ประเทศสหรฐั อเมริกา ญีป่ ่นุ และ ฮอ่ งกง 4. นกั เรยี นคิดว่า ปญั หาพ้นื ฐานท่จี ะเกิดข้นึ จากการผลติ ดงั กลา่ วนนั้ จะเกิดปญั หาต่างๆ กบั สงั คมอย่างไร เช่น ถา้ ผลติ สนิ คา้ ประเภทสงิ่ ทอและเครอื่ งนุ่งหม่ มากเกินไปจนลน้ ตลาด ทาใหร้ าคาสนิ คา้ ลดลง หรือถา้ ใชเ้ครอื่ งจกั รมาผลติ แทนแรงงาน ทาใหเ้กิดปญั หาการวา่ งงานและจะขยายขอบเขตกวา้ งขวาง เป็นปญั หาสงั คมได้ (หมายเหตุ นกั เรียนอาจตอบเป็นอยา่ งอนื่ ใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)
ชุดท่ี 2 คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอ่านบทความ เรอ่ื ง อุตสาหกรรมซอสปรงุ รส แลว้ ตอบคาถาม อตุ สาหกรรมซอสปรงุ รส (น้าปลา) นา้ ปลาเป็นเคร่อื งปรงุ รสทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการหมกั ปลากบั เกลอื จนไดผ้ ลติ ภณั ฑท์ ่มี คี ุณลกั ษณะและกลน่ิ รสเฉพาะ เป็นทน่ี ิยมบริโภคของคนไทยและคนในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เนอื่ งจากนา้ ปลาไทยมคี ุณภาพดแี ละกลน่ิ หอม ประเทศไทยจึงเป็นประเทศท่ผี ลติ นา้ ปลา เพอื่ การบริโภคภายในประเทศและส่งออกมากท่สี ดุ ในโลก แนวโนม้ ตลาดนา้ ปลานน้ั จากการสอบถามผปู้ ระกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนา้ ปลา พบวา่ สว่ นใหญม่ นี โยบาย เร่งเพม่ิ กาลงั การผลติ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการทจ่ี ะเพม่ิ ข้นึ จากการฟ้ืนตวั ของเศรษฐกจิ ไทย และเศรษฐกิจของ ประเทศคู่คา้ รวมถงึ ความพยายามขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยเฉพาะในตลาดทม่ี ี คนเอเชยี อพยพไปอยูแ่ ละการ ขยายตวั ของรา้ นอาหารไทยในตา่ งประเทศ จากการท่ลี กู คา้ เป้าหมายของอตุ สาหกรรมนา้ ปลาเป็นกลมุ่ ชนทกุ ระดบั ช่องทางการจาหน่ายนา้ ปลาในประเทศจงึ มี ทง้ั การคา้ ผา่ นตลาด ขายสง่ ทางโรงงานจะมตี วั แทนจาหน่ายซ่งึ เป็นยป่ี วั๊ ประจาในแต่ละจงั หวดั โดยแบง่ เขตการคา้ ไม่ซา้ กบั ตลาดขายปลกี และการคา้ ผ่านตลาด ขายปลกี ทางโรงงานจะเป็นผูค้ า้ กบั รา้ นคา้ ย่อยและภตั ตาคาร/รา้ นอาหารเอง ในกรณีท่รี ะยะทางไม่ ไกลเกินไปจนกระทบตอ่ ระยะเวลาในการจดั สาหรบั การคา้ กบั ตลาดตา่ งประเทศเกอื บรอ้ ยละ 95 ของปริมาณการจาหน่ายจะผ่านตวั แทนจาหน่าย ส่วนท่เี หลอื อกี รอ้ ยละ 5 จะขายตรงใหก้ บั ภตั ตาคาร/รา้ นอาหารไทยในต่างประเทศ การผลิต ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ท่ี 118 (พ.ศ. 2532 ) สามารถจดั แบ่งนา้ ปลา เป็น 3 ประเภท คอื 1. นา้ ปลาแท้ หมายถงึ ผลติ ภณั ฑท์ เ่ี ป็นของเหลว ทไ่ี ดจ้ ากการหมกั ปลา หรอื ส่วนของปลากบั เกลอื หรอื กาก ปลาท่เี หลอื จากการหมกั กบั นา้ เกลอื ตามวธิ ีการผลติ นา้ ปลา โดยขอ้ กาหนดของกระทรวงสาธารณสขุ การ ผลติ นา้ ปลาประเภทน้ตี อ้ งมี Total Nitrogen มากกวา่ 9 กรมั /ลติ ร 2. นา้ ปลาท่ที าจากสตั วอ์ ่นื หมายถงึ ผลติ ภณั ฑท์ เ่ี ป็นของเหลวทไ่ี ดจ้ ากการหมกั สตั วน์ า้ ชนดิ เชน่ กงุ้ หอย ปลาหมกึ เป็นตน้ 3. นา้ ปลาผสม หมายถงึ ผลติ ภณั ฑท์ ไ่ี ดจ้ ากการทานา้ ปลาแท้ หรือนา้ ปลาทท่ี าจากสตั วช์ นิดอ่ืนมาเจอื ปน หรือ จางดว้ ยสง่ิ อ่นื ท่ไี มเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ ผบู้ ริโภค โดยขอ้ กาหนดของกระทรวงสาธารณสุขถา้ หากมี Total
Nitrogen นอ้ ยกวา่ 4 กรมั /ลติ ร การผลติ นา้ ปลาประเภทน้ตี อ้ งมี Total Nitrogen นอ้ ยกวา่ 9 กรมั /ลติ ร แต่มากกว่า 4 กรมั / ลติ ร จะเรียกวา่ นา้ เกลอื ปรุงรส กรรมวธิ กี ารผลติ นา้ ปลาสว่ นใหญ่จะประกอบดว้ ย 6 ขน้ั ตอนสาคญั คอื 1. ขน้ั ตอนการเตรยี มปลา โดยปลาท่ใี ชต้ อ้ งเป็นปลาสดและมขี นาดใกลเ้คียงกนั นามาลา้ งใหส้ ะอาด แลว้ นามาเกลย่ี ลงบนลานซเี มนตห์ รอื ลานไมก้ ระดาน เป็นเวลา 1-2 ชวั่ โมง เพอ่ื ใหส้ ะเด็ดนา้ แลว้ เอาเกลอื โรย โดยใชอ้ ตั ราสว่ น ปลา : เกลอื = 2 :1 โดยประมาณ โดยขณะใสเ่ กลอื ใหใ้ ชค้ ราดเกลย่ี ผสมเกลอื กบั ปลาให้ เขา้ กนั สมา่ เสมอ 2. ขน้ั ตอนการหมกั ปลาทค่ี ลุกกบั เกลอื เขา้ กนั ดแี ลว้ นาไปใส่ในบอ่ หมกั ท่มี เี กลอื รองกน้ บอ่ อยูจ่ านวนหนง่ึ เมอ่ื ใสป่ ลาหมดใหเ้อาเกลอื ใส่ทบั อกี ชนั้ หน่ึง ในขนั้ ตอนการหมกั น้ใี ชร้ ะยะเวลา ในการหมกั ไม่นอ้ ยกว่า 12 เดอื น เพราะจะทาใหน้ า้ ปลาทไ่ี ดม้ กี ลน่ิ คาวจดั ใหโ้ ปรตนี นอ้ ย และไมเ่ กิน 18 เดือน เพราะจะทาใหน้ า้ ปลา มกี ลน่ิ ลดลง สเี ขม้ ลดลง รวมถงึ คุณค่าสารอาหารจากโปรตีนลดลงโดยในชว่ ง 1-2 สปั ดาหแ์ รกจะเรมิ่ มนี า้ ออกมาจากตวั ปลาและจะทาใหต้ วั ปลาลอยข้นึ มา ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมไี มข้ ดั ทาเป็นตะแกรงกดทบั ไวป้ ากบอ่ ดว้ ย 3. ขน้ั ตอนการกรอง เป็นการกรองผา่ นบ่อ และเคร่ืองกรอง เพอื่ ใหไ้ ดน้ า้ ปลาท่ใี สตรงกบั ความตอ้ งการของ ผูบ้ รโิ ภค ซง่ึ หวั นา้ ปลาทไ่ี ดจ้ ะเรียกวา่ “ นา้ ปลาขน้ั ท่ี 1” 4. ขน้ั ตอนการผสม เป็นการนา้ หวั นา้ ปลาขนั้ ท่ี 1 ไปผสมต่อในสดั ส่วนตา่ ง ๆ กนั ตามคุณภาพท่ไี ด้ เพอ่ื ผลติ นา้ ปลาตามเกรดท่ตี อ้ งการตามแผนการผลติ และการตลาดของแต่ละโรงงาน 5. ขน้ั ตอนการบรรจขุ วด/ภาชนะ ขวดทใ่ี ชใ้ นการบรรจุ จะเป็นขวดนา้ ปลาใชแ้ ลว้ ท่รี บั ซ้อื คนื มาและนามาผา่ น กระบวนการลา้ งและฆ่าเช้อื หลงั จากบรรจุขวด จะผา่ นสายงานการผลติ สกู่ ารปิดผนึกฝาขวด การปิดฉลาก ขวด และบรรจลุ งกล่อง ส่วนขนั้ ตอนการตรวจสอบคุณภาพ จะดาเนินการอยูส่ มา่ เสมอในขน้ั ตอนของการหมกั โดยจะมกี ารสง่ นา้ ปลา จากบอ่ หมกั มาตรวจสอบเขา้ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ วเิ คราะหค์ ณุ ภาพของนา้ ปลา โดยการหาปรมิ าณ Total Nitrogen ซง่ึ จาเป็นตอ้ งมไี มน่ อ้ ยกว่าท่กี ระทรวงสาธารณสขุ กาหนด และยงั มอี กี 2 ขน้ั ตอนย่อย คอื การตรวจคณุ ภาพหลงั จากการ กรอง เพอื่ ดูความใสและสขี องนา้ ปลาและการตรวจสอบคุณภาพภายหลงั การผสม ซง่ึ เป็นการตรวจสอบขน้ั สดุ ทา้ ยก่อน บรรจขุ วด อน่งึ การผลติ นา้ ปลาโดยทวั่ ไปจะทาการหมกั ไม่เกิน 4 ครงั้ ต่อหนง่ึ ชุดปลา โดยครงั้ สดุ ทา้ ยจะนาทง้ั กากปลา และนา้ เกลอื ไปตม้ เค่ียวประมาณ 4 ชวั่ โมง เพอื่ ใหเ้น้อื ปลาสว่ นท่เี หลอื อยู่ละลายปนกบั นา้ เกลอื ใหห้ มด และจึงนาไป กรองผ่านบอ่ กรองและเครื่องกรองตามลาดบั สว่ นกากปลาทเ่ี หลอื จะนาไปใชท้ าปุ๋ย หรือขายตอ่ อุตสาหกรรมผลติ อาหาร สตั ว์ เรียบเรยี งจาก http://www.ryt9.com/s/ryt9/236635 http://learners.in.th/blog/preechakul3204/241765
คำถำม 1. ขอ้ มลู ดงั กลา่ วแสดงถงึ การผลติ สนิ คา้ อะไร ผลติ ซอสปรุงรส (นา้ ปลา) 2. จะผลติ อยา่ งไร จึงจะทาใหต้ น้ ทนุ การผลติ ตา่ ผลติ นา้ ปลาดว้ ยการหมกั หลายครงั้ ตอ่ หน่ึงชดุ ปลา แตถ่ า้ จะใหค้ ณุ ภาพดกี ็ไม่ควรเกิน 4 ครงั้ และนา กากปลาที่ เหลอื ไปใชท้ าปุ๋ยหรอื ไปเป็นส่วนผสมในการผลติ อาหารสตั ว์ 3. การผลติ สนิ คา้ ดงั กลา่ วนน้ั ผลติ เพอ่ื ใคร ผลติ จาหน่ายภายในประเทศใหแ้ ก่กลมุ่ ทกุ ระดบั มกี ารจาหน่ายทงั้ ขายสง่ มตี วั แทนจาหน่ายในแต่ละ จงั หวดั และขายปลกี กบั รา้ นคา้ ย่อย ภตั ตาคาร รา้ นอาหาร 4. นกั เรยี นคดิ วา่ ปญั หาพ้นื ฐานทจ่ี ะเกดิ ข้นึ จากการผลติ ดงั กลา่ วจะเกิดปญั หาต่างๆ กบั สงั คมอยา่ งไรบา้ ง เชน่ ถา้ มโี รงงานอตุ สาหกรรมทานา้ ปลาออกมามากจนลน้ ตลาดจะทาใหร้ าคานา้ ปลาลดตา่ ลง ผผู้ ลติ จะ เดือดรอ้ น แตถ่ า้ โรงงานอุตสาหกรรมรวมตวั กนั ตงั้ ราคานา้ ปลาสูงเกินไปก็จะทาใหป้ ระชาชนเดือดรอ้ น ตอ้ งบรโิ ภคสนิ คา้ ราคาแพง ถา้ โรงงานเลอื กการใชเ้ครอื่ งจกั รมาแทนแรงงาน ทาใหเ้กดิ ปญั หาการวา่ งงาน และในทีส่ ดุ อาจประกอบอาชพี ทไี่ มเ่ หมาะสมกลายเป็นปญั หาสงั คม (หมายเหตุ นกั เรียนอาจตอบเป็นอยา่ งอนื่ ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของครูผสู้ อน)
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ ช่ือ – สกลุ การแสดงความ การรบั ฟัง การตง้ั ใจ การรว่ ม รวม ลาดบั ความร่วมมือ คิดเห็น ความคดิ เหน็ ทางาน ปรบั ปรุง 20 ของผรู้ บั การ ที่ ผลงานกลมุ่ ประเมิน คะแนน 43214321432143214321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ดมี าก = 4 3 หมายเหตุ ครูอาจใชว้ ธิ กี ารมอบหมายใหห้ วั หนา้ กลุ่ม ดี = 2 เป็นผปู้ ระเมนิ หรอื ใหต้ วั แทนกลมุ่ ผลดั กนั ประเมนิ 1 หรอื ใหม้ กี ารประเมนิ โดยเพ่อื น โดยตวั นกั เรียนเอง พอใช้ = ตามความเหมาะสมก็ได ้ ปรบั ปรุง = เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 17 – 20 ดมี าก 13 – 16 ดี 9 – 12 พอใช้ 5 – 8 ปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 เวลา 2 ชวั่ โมง เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ เรือ่ ง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ ประกอบดว้ ย การผลติ การบริโภค การกระจายรายได้ การแลกเปลย่ี น มคี วามสาคญั ตอ่ การดาเนนิ ชีวติ ของมนุษย์ ตวั ช้ีวดั /จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 3.1 ม.4-6/1 อภปิ รายการกาหนดราคาและค่าจา้ งในระบบเศรษฐกิจ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธบิ ายกิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตรไ์ ด้ 2) วเิ คราะหก์ ารดาเนินชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั เศรษฐศาสตรไ์ ด้ สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง - 3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่ (เพ่มิ เติม) 1) กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ - การผลติ - การบรโิ ภค - การกระจายรายได้ - การแลกเปลย่ี น 2) เศรษฐศาสตรก์ บั การดาเนินชวี ติ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกล่มุ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ มนั่ ในการทางาน กิจกรรมการเรยี นรู้ ( วิธสี อนโดยการใชเ้ กม วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลมุ่ วิธีสอนแบบบรรยาย ) ช่ัวโมงที่ 1 - 2 1. ครูใหน้ กั เรียนรวมกล่มุ กนั กลุ่มละ 7 คน หรือตามความเหมาะสม แขง่ ขนั กนั นาภาพทค่ี รูแจกใหจ้ านวนกลุ่มละ 10 ภาพ ไปตดิ ใตข้ อ้ ความ การผลติ การบรโิ ภค กลุ่มใดตดิ เสรจ็ ก่อน และถกู ตอ้ ง กลุม่ นน้ั เป็นฝ่ายชนะ ตวั อย่างภาพท่คี รูแจกให้ เช่น - ภาพโรงงานอตุ สาหกรรม - ภาพรถยนตม์ ผี ูโ้ ดยสารเตม็ คนั รถ - ภาพหา้ งสรรพสนิ คา้ - ภาพโรงพยาบาลมแี พทยร์ กั ษาคนไข้ - ภาพอาคารประเภทต่าง ๆ - ภาพรา้ นอาหารมคี นนงั่ กนิ อาหาร 2. ครูใหน้ กั เรยี นกล่มุ ผูช้ นะในการแข่งขนั ลาดบั ท่ี 1- 3 ร่วมกนั อธิบายความเชอ่ื มโยงของภาพกบั หวั ขอ้ การผลติ การบรโิ ภค พรอ้ มแสดงเหตุผลประกอบ 3. ครูอธบิ ายความรูใ้ หน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตรจ์ ะเป็นเร่อื งเกย่ี วกบั การผลติ การบริโภค การกระจายรายได้ และการแลกเปลย่ี น 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษาหาความรูเ้ รื่อง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐกจิ จากหนงั สอื เรียน และหนงั สอื อา่ น เพม่ิ เตมิ
5. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั ทาใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ โดยอภปิ รายร่วมกนั ถงึ ประเดน็ สาคญั ของใบงานในแต่ละตอนก่อนเขยี นคาตอบ 6. สมาชกิ ในแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งของใบงาน 7. ครูและนกั เรยี นช่วยกนั ตรวจใบงานท่ี 2.1 ตอนท่ี 1 8. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ นาเสนอผลงานในใบงานท่ี 2.1 ตอนท่ี 2 ดงั น้ี - กลมุ่ ท่ี 1 นาเสนอผลงาน กลมุ่ ท่ี 2 แสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติม - กลุ่มท่ี 2 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 3 แสดงความคิดเหน็ เพมิ่ เติม - กลุ่มท่ี 3 นาเสนอผลงาน กลุม่ ท่ี 4 แสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ - กลุ่มท่ี 4 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 5 แสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ - กลมุ่ ท่ี 5 นาเสนอผลงาน กลมุ่ ท่ี 1 แสดงความคดิ เหน็ เพ่ิมเติม 9. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรปุ ความรูเ้กยี่ วกบั กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ ซ่งึ ประกอบดว้ ย การผลติ การบรโิ ภค การกระจายรายได้ การแลกเปลย่ี น 10. ครูอธบิ ายความรูเ้พม่ิ เติมเก่ยี วกบั เศรษฐศาสตร์ วา่ เป็นเรอื่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ชีวติ ประจาวนั ของ ทกุ คน พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 11. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมมอื กนั จดั ทาแผน่ พบั เรอื่ ง เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ โดยใหค้ รอบคลมุ หวั ขอ้ ดงั น้ี 1) ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ย และเป้าหมายของการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ 3) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ 4) กจิ กรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ แผน่ พบั เร่ือง เศรษฐศาสตร์ แบบประเมนิ แผ่นพบั เรื่องเศรษฐศาสตร์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ เบ้อื งตน้ เบ้อื งตน้ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพมิ่ เติม (1) นราทพิ ย์ ชตุ วิ งศแ์ ละชลดา จามรกลุ . พ้ืนฐานเศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2541. (2) พอพนั ธ์ อยุ ยานนท.์ พฒั นาการเศรษฐกจิ ไทย ในประมวลสาระชดุ วชิ าไทยศึกษา หน่วยที่ 3 สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. นนทบุรี : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช, 2546. (3) รตั นา สายคณิต. การพฒั นาเศรษฐกิจ ในเอกสารการสอนชุดวชิ าสงั คมศึกษา 3 : เศรษฐศาสตรส์ าหรบั ครู หน่วยที่ 14 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั - ธรรมาธิราช. นนทบุรี :โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช,2546. (4) รตั นา สายคณิต และคณะ. พ้ืนฐานเศรษฐศาสตรม์ หภาค. กรุงเทพมหานคร : คณะ เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2540. (5) วนั รกั ษ์ มง่ิ มณีนาคนิ . หลกั เศรษฐศาสตรม์ หภาค. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 14. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ 2550. 3) ใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ http://www.idis.ru.ac.th 1) หอ้ งสมดุ 2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/354
ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผน่ พบั เรือ่ ง เศรษฐศาสตรเ์ บ้ืองตน้ 1. คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมมอื กนั จดั ทาแผน่ พบั เร่ือง เศรษฐศาสตรเ์ บ้อื งตน้ โดยครอบคลุมหวั ขอ้ ดงั น้ี 1) ความสาคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ 2) ขอบขา่ ย และเป้าหมายของการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ 3) ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ 4) กิจกรรมทางดา้ นเศรษฐศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362