Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Published by naratham1965, 2019-12-14 01:28:36

Description: หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Search

Read the Text Version

๑๖๑ องเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ ความสัมพนั ธ์ของดาราศาสตรก์ บั มนุษย์ มท้ังการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี อวกาศในการดารงชีวิต ตวั ชีว้ ดั ชว่ งชั้น ม.๔ ม.๕ ม.๖ -- ๑. อธบิ ายการกา฼นดิ ฽ละ การ฼ปลยี่ น฽ปลงพลงั งาน สสาร ขนาดอุณหภูมขิ อง ฼อกภพหลัง฼กดิ บิก฽บง฿น ชวํ ง฼วลาตาํ ง ๆ ตาม วิวัฒนาการของ฼อกภพ ๒. อธบิ ายหลกั ฐานที่ สนับสนุนทฤษฎีบกิ ฽บง จากความสมั พนั ธร์ ะหวาํ ง ความ฼รว็ กับระยะทางของ กา฽ล็กซี รวมท้งั ข๎อมูล การค๎นพบเม฾คร฼วฟพนื้ หลงั จากอวกาศ ๓. อธบิ าย฾ครงสร๎าง฽ละ องค์ประกอบของกา฽ลก็ ซี ทางชา้ ง฼ผือก ฽ละระบุ

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ตัวช้ีวดั ชั้นปี ม.๑ ม.๒

๑๖๒ ตวั ชี้วดั ชว่ งชัน้ ม.๔ ม.๕ ม.๖ ตา฽หนงํ ของระบบสุรยิ ะ พร๎อมอธิบาย฼ช่อื ม฾ยงกบั การสัง฼กต฼หน็ ทางชา๎ ง ฼ผือกของคนบน฾ลก ๔. อธบิ ายกระบวนการ฼กดิ ดาวฤกษ์ ฾ดย฽สดงการ ฼ปลยี่ น฽ปลงความดนั อุณหภมู ิ ขนาด จากดาว ฤกษ์กอํ น฼กดิ จน฼ป็นดาว ฤกษ์ ๕. อธบิ ายกระบวนการสรา๎ ง พลังงานของ ดาวฤกษ์ ฽ละผลท่฼ี กดิ ขน้ึ ฾ดย ว฼ิ คราะหป์ ฏกิ ริ ยิ าลกู ฾ซํ ฾ปรตอน-฾ปรตอน ฽ละวฏั จกั รคาร์บอน เน฾ตร฼จน ออกซ฼ิ จน ๖. ระบปุ จั จยั ทส่ี งํ ผลตอํ ความสอํ งสวาํ งของ ดาว ฤกษ์ ฽ละอธิบาย

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ตัวช้ีวดั ชั้นปี ม.๑ ม.๒

๑๖๓ ตวั ชี้วดั ชว่ งชัน้ ม.๔ ม.๕ ม.๖ ความสัมพันธร์ ะหวาํ ง ความสํองสวํางกับ฾ชติ มาตรของดาวฤกษ์ ๗. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ ระหวํางสี อณุ หภมู ผิ ิว ฽ละส฼ปกตรมั ของดาว ฤกษ์ ๘. อธบิ ายวิธกี ารหา ระยะทางของดาวฤกษ์ ด๎วยหลกั การ฽พรลั ฽ลกซ์ พร๎อมคานวณหา ระยะทางของดาวฤกษ์ ๙. อธบิ ายลาดับวิวัฒนาการ ทีส่ ัมพนั ธ์กบั มวลต้งั ต๎น ฽ละวิ฼คราะห์การ ฼ปลย่ี น฽ปลงสมบตั ิบาง ประการของดาวฤกษ์฿น ลาดับวิวัฒนาการ จาก ฽ผนภาพ฼ฮริ ์ซปรงุ -รัส ฼ซลล์

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ตัวช้ีวดั ชั้นปี ม.๑ ม.๒

๑๖๔ ตวั ชี้วดั ช่วงชั้น ม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑๐. อธบิ ายกระบวนการ฼กิด ระบบสรุ ิยะ การ฽บํง฼ขต บริวารของดวงอาทิตย์ ฽ละลักษณะของดาว ฼คราะหท์ ี่฼อื้อตํอการ ดารงชวี ติ ๑๑. อธบิ ายการ฾คจรของดาว ฼คราะห์ รอบดวงอาทติ ย์ ดว๎ ยกฏ฼คพ฼ลอร์ ฽ละ กฎ ความ฾นม๎ ถํวงของนิวตนั พรอ๎ มคานวณคาบการ ฾คจรของดาว฼คราะห์ ๑๒. อธบิ าย฾ครงสรา๎ งของดวง อาทิตย์ การ฼กิดลมสรุ ยิ ะ พายสุ ุริยะ ฽ละว฼ิ คราะห์ นา฼สนอปรากฏการณ์ หรอื ฼หตุการณ์ที฼่ ก่ยี วขอ๎ ง กับผลของลมสุรยิ ะ ฽ละ พายสุ รุ ยิ ะทม่ี ีตอํ ฾ลก รวมท้งั ประ฼ทศเทย

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ตัวช้ีวดั ชั้นปี ม.๑ ม.๒

๑๖๕ ตวั ชี้วดั ชว่ งชัน้ ม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑๓. สร๎าง฽บบจาลองทรงกลม ฟูา สัง฼กต ฽ละ฼ช่อื ม฾ยง จดุ ฽ละ฼ส๎นสาคญั ของ ฽บบจาลอง ทรงกลมฟาู กบั ทอ๎ งฟูาจรงิ ฽ละ อธบิ ายการระบพุ กิ ัดของ ดาว฿นระบบขอบฟาู ฽ละ ระบบ ศนู ยส์ ูตร ๑๔. สงั ฼กตทอ๎ งฟาู ฽ละอธิบาย ฼สน๎ ทางการขึ้น การตก ของดวงอาทติ ย์฽ละดาว ฤกษ์ ๑๕. อธบิ าย฼วลาสุรยิ คติ ปรากฏ ฾ดยรวบรวม ข๎อมูล ฽ละ฼ปรียบ฼ทยี บ ฼วลาขณะทีด่ วงอาทติ ย์ ผําน฼มร฼ิ ดยี นของผูส๎ ัง฼กต ฿น฽ตํละวัน

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ตัวช้ีวดั ชั้นปี ม.๑ ม.๒

๑๖๖ ตวั ชี้วดั ชว่ งชัน้ ม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑๖. อธบิ าย฼วลาสุรยิ คตปิ า้ นก ลาง ฽ละ การ ฼ปรียบ฼ทยี บ฼วลาของ฽ตํ ละ฼ขต฼วลา บน฾ลก ๑๗. อธบิ ายมุมห่างทส่ี มั พันธ์ กบั ตา฽หนํง ฿นวง฾คจร ฽ละอธิบาย฼ชอื่ ม฾ยงกบั ตา฽หนํงปรากฏของดาว ฼คราะห์ที่สัง฼กตเด๎จาก ฾ลก ๑๘. สบื คน๎ ข๎อมลู อธบิ ายการ สารวจอวกาศ ฾ดย฿ช๎ กลอ๎ ง฾ทรทรรศน์฿นชํวง ความยาวคลื่นตาํ ง ๆ ดาว฼ทยี ม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ ฽ละ นา฼สนอ฽นวคิดการนา ความรู๎ทางด๎าน฼ทค฾น฾ลยี อวกาศมาประยุกต฿์ ช๎฿น ชวี ติ ประจาวนั หรอื ฿นอนา คต

หลักสูตรโรงเรียนเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ตัวชี้วัดช้นั ปี ม.๑ ม.๒ หมายเหตุ: มาตรฐาน ว ๗.๑ – ว ๗.๓ สาหรับผ฼๎ู รียน฿นระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ – ๖ ทเ่ี น้นวทิ ย

ม.๔ ตวั ชว้ี ัดชว่ งช้ัน ๑๖๗ ยาศาสตร์ ม.๕ ม.๖ ๑๙. สบื ค๎นขอ๎ มลู ออก฽บบ ฽ละนา฼สนอกิจกรรมการ สัง฼กตดาวบนทอ๎ งฟาู ด๎วย ตา฼ปลาํ ฽ละ/หรอื กล๎อง ฾ทรทรรศน์

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๘ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พอื่ การดารงชีวติ ในสังคมทมี่ กี า และศาสตรอ์ นื่ ๆ เพือ่ แก้ปัญหา หรอื พัฒนางานอย่างมีความคดิ สรา้ งสรรค์ด้วยกระ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสง่ิ แวดล้อม ตวั ชี้วัดช้นั ปี ม.๑ ม.๒ ม.๓ ๑. อธบิ าย฽นวคดิ หลักของ ๑. คาดการณ์฽นว฾นม๎ ๑. ว฼ิ คราะหส์ า฼หตุหรอื ฼ทค฾น฾ลยี ฿น ฼ทค฾น฾ลยีทจ่ี ะ฼กดิ ข้ึน฾ดย ปจั จัยทส่ี งํ ผลตอํ ชีวิตประจาวนั ฽ละ พิจารณาจากสา฼หตุหรอื ฼ปลี่ยน฽ปลงของ วิ฼คราะหส์ า฼หตุ หรือ ปัจจยั ทสี่ งํ ผลตอํ การ ฼ทค฾น฾ลยี ปัจจยั ท่สี งํ ผลตํอการ ฼ปลี่ยน฽ปลงของ ความสัมพันธ์ของ ฼ปลีย่ น฽ปลงของ ฼ทค฾น฾ลยี ฽ละว฼ิ คราะห์ ฼ทค฾น฾ลยีกบั ศาสตร ฼ทค฾น฾ลยี ฼ปรยี บ฼ทยี บ ตัดสิน฿จ ฾ดย฼ฉพาะวทิ ยาศาส ๒. ระบปุ ญั หาหรือความ ฼ลอื ก฿ช฼๎ ทค฾น฾ลยี ฾ดย หรอื คณติ ศาสตร์ ฼พ ต๎องการ฿นชวี ติ ประจาวนั คานงึ ถึงผลกระทบที่ ฽นวทางการ฽ก๎ปัญห รวบรวม ว฼ิ คราะหข์ อ๎ มูล ฼กิดขน้ึ ตอํ ชวี ติ สังคม ฽ละ หรือพัฒนางาน ฽ละ฽นวคิดท฼ี่ กย่ี วข๎องกับ สิ่ง฽วดล๎อม ปญั หา ๒. ระบุปญั หาหรอื ความ ต๎องการ฿นชุมชน หรอื ทอ๎ งถนิ่ สรุปกรอบของ ปญั หา รวบรวม ว฼ิ คราะห์ ข๎อมลู ฽ละ฽นวคิดท่ี ฼กยี่ วข๎องกบั ปญั หา

๑๖๘ ารเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ะบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคานงึ ถึง ตัวชวี้ ัดช่วงช้ัน ม.๔ ม.๕ ม.๖ อ ๑. ว฼ิ คราะห฽์ นวคิดหลักของ ๑. ประยุกต฿์ ชค๎ วามร฽๎ู ละ การ ฼ทค฾น฾ลยี ความสมั พนั ธ์ ทักษะจากศาสตร์ กับศาสตร์อ่ืน฾ดย฼ฉพาะ ตาํ ง ๆ รวมท้งั ทรพั ยากร ฽ละ วิทยาศาสตร์ หรอื ฿นการทา฾ครงงาน฼พือ่ คณติ ศาสตร์ รวมทั้ง ฽ก๎ปญั หา หรอื พฒั นางาน รอ์ ืน่ ประ฼มนิ ผลกระทบท่ีจะ สตร์ ฼กดิ ขึ้นตํอมนษุ ย์ สงั คม พ่ือ฼ป็น ฼ศรษฐกจิ ฽ละส่ิง฽วดล๎อม หา ฼พื่อ฼ป็น฽นวทาง ฿นการ พฒั นา฼ทค฾น฾ลยี

หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๑ ตัวชี้วัดช้ันปี ม.๓ ๓. ออกแบบวิธีการ ม.๒ ๒. ระบปุ ัญหาหรอื ค แก้ปัญหา โดย ๓. ออก฽บบวธิ ีการ฽กป๎ ญั หา ต๎องการของชุมช วเิ คราะห์ ฾ดยว฼ิ คราะห฼์ ปรยี บ฼ทยี บ หรอื ท๎องถนิ่ เปรียบเทยี บ และ ฽ละตดั สนิ ฿จ฼ลือกข๎อมลู ที่ พฒั นางานอาชพี ตดั สนิ ใจเลอื กข้อมลู จา฼ป็นภาย฿ต฼๎ งอื่ นเข฽ละ สรปุ กรอบของป ทีจ่ าเป็ น นาเสนอ ทรพั ยากรทม่ี ีอยํู นา฼สนอ รวบรวม วิ฼ค แนวทางการ ฽นวทางการ฽กป๎ ัญหา฿ห๎ ข๎อมลู ฽ละ฽นวค แก้ปัญหาให้ผ้อู นื่ ผอ๎ู ืน่ ฼ข๎า฿จ วาง฽ผน ฼กย่ี วขอ๎ งกับปญั เข้าใจ วางแผนและ ข้ันตอนการทางาน฽ละ ฾ดยคานงึ ถึง ดาเนนิ การแก้ปัญหา ดา฼นนิ การ฽กป๎ ญั หาอยําง ถูกต๎องด๎านทรัพ ฼ปน็ ข้ันตอน ทางปัญญา ๔. ทดสอบ ประ฼มนิ ผล ฽ละ อธิบายปัญหา หรอื ขอ๎ บกพรอํ งท฼่ี กิดขนึ้ ภาย ฿ต๎กรอบ฼ง่ือนเข พรอ๎ มท้ัง หา฽นวทางการปรับปรุง ฽กเ๎ ข ฽ละนา฼สนอผลการ ฽กป๎ ัญหา หมายเหตุ: มาตรฐาน ว ๘.๑ สาหรับผ๎฼ู รียน฿นระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ – ๕

ม.๔ ตวั ชี้วดั ชว่ งชน้ั ๑๖๙ ๒. ระบปุ ัญหาหรือความ ม.๕ ม.๖ ต้องการทม่ี ี ความ ผลกระทบตอ่ สงั คม ชน รวบรวม วเิ คราะห์ ข้อมลู และแนวคดิ ที่ ฼พอ่ื เก่ียวข้องกบั ปัญหาท่ี พ มคี วามซบั ซ้อนเพ่ือ ปัญหา สงั เคราะห์วิธีการ คราะห์ เทคนิคในการ คดิ ที่ แก้ปัญหา โดย ญหา คานงึ ถงึ ความ ความ ถกู ต้องด้านทรัพย์สนิ พยส์ ิน ทางปัญญา

หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๑ ตัวชีว้ ัดช้นั ปี ม.๓ ๔. ทดสอบ ประ฼มินผล ฽ละ ม.๒ ๓. ออก฽บบวธิ ีการ ระบขุ อ๎ บกพรํอง ที฼่ กิดข้ึน ๕. ฿ช๎ความร฽๎ู ละทกั ษะ ฽กป๎ ญั หา ฾ดย พร๎อมท้ังหา฽นวทางการ ฼กย่ี วกับวสั ดุ อุปกรณ์ วิ฼คราะห฼์ ปรยี บ ปรบั ปรุง฽ก๎เข ฽ละ ฼ครื่องมอื กลเก ฽ละตดั สิน฿จ฼ลอื นา฼สนอผลการ฽กป๎ ญั หา เฟฟูา ฽ละ ข๎อมลู ที่จา฼ป็นภ ๕. ฿ช๎ความร๎ู฽ละทกั ษะ อ฼ิ ลก็ ทรอนิกส์ ฼พือ่ ฼ง่อื นเข฽ละ ฼ก่ยี วกับวัสดุ อุปกรณ์ ฽ก๎ปญั หาหรือพัฒนา ทรัพยากรทม่ี อี ย ฼ครื่องมอื กลเก เฟฟาู งานเดอ๎ ยาํ งถูกตอ๎ ง นา฼สนอ฽นวทาง หรอื อิ฼ล็กทรอนกิ ส์ ฼พอื่ ฼หมาะสม ฽ละ ฽กป๎ ญั หา฿ห๎ผูอ๎ ืน่ ฽ก๎ปญั หาเดอ๎ ยํางถูกต๎อง ปลอดภัย ฼ขา๎ ฿จด๎วย฼ทคน ฼หมาะสม฽ละปลอดภยั วธิ กี ารทหี่ ลากห วาง฽ผนขน้ั ตอน การทางาน฽ละ ดา฼นินการ฽ก๎ปญั อยาํ ง฼ปน็ ขั้นตอน

ม.๔ ตวั ชี้วดั ช่วงช้นั ๑๗๐ ๓. ออก฽บบวธิ ีการ ม.๕ ม.๖ ฽กป๎ ัญหา ฾ดย ร ว฼ิ คราะห฼์ ปรยี บ฼ทียบ ฽ละตดั สิน฿จ฼ลือก บ฼ทยี บ ข๎อมลู ทจี่ า฼ป็นภาย฿ต๎ อก ฼ง่ือนเข฽ละ ภาย฿ต๎ ทรพั ยากรท่ีมีอยํู นา฼สนอ฽นวทางการ ยูํ ฽ก๎ปัญหา฿หผ๎ ๎อู ื่น งการ ฼ข๎า฿จด๎วย฼ทคนิคหรอื น วิธกี ารทหี่ ลากหลาย นิคหรอื ฾ดย฿ชซ๎ อฟต์฽วร์ หลาย ชํวย฿นการออก฽บบ น วาง฽ผนขน้ั ตอน การ ทางาน฽ละ ญหา ดา฼นนิ การ฽กป๎ ญั หา น

หลกั สูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๓ ๕. ทดสอบ ประ฼มิน ตวั ชีว้ ดั ชนั้ ปี ม.๑ ม.๒ วิ฼คราะห์฽ละ฿ห ฼หตุผลของปญั ห หรือข๎อบกพรํอง ฼กิดขนึ้ ภาย฿ต๎ ก ฼งือ่ นเข พร๎อมท ฽นวทางการปรบั ฽กเ๎ ข ฽ละนา฼สน การ฽ก๎ปญั หา ๖. ฿ช๎ความร๎ู฽ละทัก ฼ก่ยี วกบั วสั ดุ อุป ฼ครอ่ื งมอื กลเก เฟฟาู ฽ละ อิ฼ล็กทรอนกิ ส฿์ ห ถกู ตอ๎ งกับลกั ษณ ของงาน ฽ละ ปลอดภัย ฼พือ่ ฽กป๎ ัญหาหรือพัฒ งาน

ม.๔ ตัวชีว้ ัดชว่ งชั้น ๑๗๑ นผล ๕. ทดสอบ ประ฼มินผล ม.๕ ห๎ ว฼ิ คราะห์฽ละ฿ห๎ ม.๖ หา ฼หตผุ ลของปัญหา งท่ี หรือข๎อบกพรอํ งที่ กรอบ ฼กิดขึน้ ภาย฿ตก๎ รอบ ท้ังหา ฼ง่อื นเข หา฽นวทาง บปรุง การปรับปรุง฽กเ๎ ข นอผล ฽ละนา฼สนอผลการ ฽กป๎ ัญหา พรอ๎ มท้งั กษะ ฼สนอ฽นวทางการ ปกรณ์ พฒั นาตํอยอด ๖. ฿ช๎ความรู฽๎ ละทักษะ ฼กีย่ วกบั วัสดุ อปุ กรณ์ ห๎ ฼ครื่องมอื กลเก ณะ เฟฟาู ฽ละ อ฼ิ ล็กทรอนิกส์ ฽ละ ฼ทค฾น฾ลยที ่ซี ับซอ๎ น ฒนา ฿นการ฽ก๎ปัญหาหรอื พฒั นางาน เดอ๎ ยําง ถูกตอ๎ ง ฼หมาะสม ฽ละปลอดภยั

หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๘ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘.๒ เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชวี ติ จริง การทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ร้เู ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม ตัวช้ีวัดช้ันปี ม.๑ ม.๒ ม.๓ ๑. ออก฽บบอัลกอริทมึ ท฿ี่ ช๎ ๑. ออก฽บบอลั กอริทมึ ท่฿ี ช๎ ๑. พัฒนา฽อพพล฼ิ คชนั ท ฽นวคดิ ฼ชิงนามธรรม฼พอื่ ฽นวคดิ ฼ชิงคานวณ฿นการ การบรู ณาการกบั วิช ฽กป๎ ัญหาหรอื อธบิ ายการ ฽กป๎ ัญหา หรือการทางาน อยาํ งสรา๎ งสรรค์ ทางานทพี่ บ ฿นชีวติ จริง ทีพ่ บ ฿นชวี ติ จรงิ ๒. รวบรวมขอ๎ มลู ประมวลผล ประ฼ม ๒. ออก฽บบ฽ละ฼ขียน ๒. ออก฽บบ฽ละ฼ขยี น ฾ปร฽กรมอยํางงําย ฼พ่อื ฾ปร฽กรมท฿่ี ช๎ตรรกะ฽ละ นา฼สนอข๎อมลู ฽ละ ฽กป๎ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ ฟังกช์ ัน฿นการ฽ก๎ปัญหา สารสน฼ทศ หรอื วิทยาศาสตร์ ๓. อภิปรายองคป์ ระกอบ วตั ถุประสงค฾์ ดย฿ช๎ ฽ละหลกั การทางานของ ซอฟต฽์ วร์ หรือบ ระบบคอมพิว฼ตอร์ ฽ละ บนอิน฼ทอร฼์ นต็ ท่ี ฼ทค฾น฾ลยี การสื่อสาร หลากหลาย ฼พ่อื ประยุกต์฿ช๎งาน หรือ ๓. ประ฼มินความนาํ ฼ชอ่ื ฽กป๎ ัญหา฼บื้องตน๎ ของข๎อมลู ว฼ิ ครา ฽ละผลกระทบจากก ขาํ วสารทผ่ี ดิ ฼พอื่ ก งานอยาํ งร฼ู๎ ทาํ ทนั

๑๗๒ งอย่างเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ ตวั ช้ีวัดช่วงชัน้ ม.๔ ม.๕ ม.๖ ทม่ี ี ๑. ประยุกต์฿ช฽๎ นวคิด฼ชิง ๑. รวบรวม ว฼ิ คราะห์ขอ๎ มลู ๑. ฿ช฼๎ ทค฾น฾ลยสี ารสน฼ทศ ชาอ่นื คานวณ฿นการพฒั นา ฽ละ฿ช๎ความร๎ู ดา๎ น ฿นการนา฼สนอ ฽ละ ฾ครงงานท่ีมกี ารบรู ณา วิทยาการคอมพวิ ฼ตอร์ ฽บงํ ปนั ข๎อมลู อยําง การกบั วชิ าอื่น อยําง ส่ือดจิ ิทลั ฼ทค฾น฾ลยี ปลอดภยั มีจริยธรรม มินผล สร๎างสรรค์ ฽ละ฼ชอื่ ม฾ยง สารสน฼ทศ฿นการ ฽ละว฼ิ คราะห์การ กับชีวติ จริง ฽ก๎ปญั หา หรอื ฼พม่ิ มลู คํา ฼ปลีย่ น฽ปลง฼ทค฾น฾ลยี ตาม ฿ห๎กับบริการหรอื สารสน฼ทศท่ีมผี ลตอํ การ ผลิตภณั ฑท์ ฿่ี ช๎ ฿นชีวิตจรงิ ดา฼นินชวี ติ อาชีพ สงั คม บริการ อยาํ งสร๎างสรรค์ ฽ละวัฒนธรรม อถอื าะหส์ ื่อ การ฿ห๎ การ฿ช๎

หลักสูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๑ ตวั ช้ีวดั ชน้ั ปี ม.๓ ม.๒ ๔. ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยสี ารสน฼ ๓. รวบรวมขอ๎ มลู ปฐมภมู ิ ๔. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อยํางปลอดภยั ประมวลผล ประ฼มินผล อยา่ งปลอดภยั มคี วาม ความรับผิดชอบตํอส รับผิดชอบ สร้างและ ปฏบิ ัติตามกฎหมาย นา฼สนอข๎อมลู ฽ละ แสดงสทิ ธิ ในการ ฼ก่ยี วกบั คอมพวิ ฼ตอร เผยแพร่ผลงาน ลิขสทิ ธข์ิ องผู๎อน่ื ฾ดย สารสน฼ทศ ตาม ธรรม วตั ถปุ ระสงค์฾ดย฿ช๎ ซอฟต฽์ วร์ หรือบริการบน อิน฼ทอร฼์ นต็ ท่หี ลากหลาย ๔. ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยสี ารสน฼ทศ อยาํ งปลอดภยั ฿ช๎สอ่ื ฽ละ ฽หลํงขอ๎ มูลตาม ข๎อกาหนด฽ละขอ๎ ตกลง

ม.๔ ตัวชี้วัดชว่ งชนั้ ๑๗๓ ฼ทศ ม.๕ ฽ละมี ม.๖ สงั คม ร์ ฿ช๎ ยชอบ

หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศ ทาไมต้องเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม กลุมํ สาระการ฼รียนรส๎ู งั คมศึกษา ศาสนา฽ละวฒั นธรรม ชํวย฿หผ๎ ๎฼ู รยี นมีความ ปรบั ตวั ตามสภาพ฽วดล๎อม การจัดการทรพั ยากรท่ีมีอยูํอยํางจากดั ฼ขา๎ ฿จถงึ การพฒั นา ผอู๎ น่ื มคี วามอดทน อดกล้นั ยอมรับ฿นความ฽ตกตาํ ง ฽ละมีคุณธรรม สามารถนาความ เรยี นรู้อะไรในสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลมํุ สาระการ฼รยี นร๎ูสงั คมศึกษา ศาสนา ฽ละวฒั นธรรมวาํ ดว๎ ยการอยรูํ วํ มกัน สามารถปรับตน฼องกับบรบิ ทสภาพ฽วดล๎อม ฼ปน็ พล฼มืองดี มีความรับผิดชอบ มคี วา  ศาสนา ศลี ธรรม และจรยิ ธรรม ฽นวคดิ พ้นื ฐาน฼กย่ี วกบั ศาสนา ศีลธรรม เปปฏิบตั ิ฿นการพฒั นาตน฼อง ฽ละการอยูรํ วํ มกันอยํางสันติสขุ ฼ป็นผู๎กระทาความดี มีค  หนา้ ทพี่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวติ ระบบการ฼มอื งการปกคร ลกั ษณะ฽ละความสาคัญ การ฼ปน็ พล฼มืองดี ความ฽ตกตําง฽ละความหลากหลายทา ฼ปน็ ประมุข สทิ ธิ หนา๎ ท่ี ฼สรภี าพการดา฼นนิ ชีวิตอยําง สนั ตสิ ุข฿นสังคมเทย฽ละสงั คม  เศรษฐศาสตร์ การผลติ การ฽จกจําย ฽ละการบริ฾ภคสินค๎า฽ละบรกิ าร กา ภาพ ฽ละการนาหลัก฼ศรษฐกิจพอ฼พียงเป฿ช฿๎ นชวี ิตประจาวัน

๑๗๔ ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มรู๎ ความ฼ข๎า฿จ การดารงชวี ติ ของมนษุ ยท์ ้งั ฿นฐานะปจั ฼จกบคุ คล฽ละการอยรูํ ํวมกัน฿นสังคม การ า ฼ปลย่ี น฽ปลงตามยคุ สมัย กาล฼วลา ตาม฼หตปุ ัจจัยตํางๆ ฼กิดความ฼ข๎า฿จ฿นตน฼อง ฽ละ มรู๎เปปรบั ฿ช๎฿นการดา฼นนิ ชวี ิต ฼ป็นพล฼มอื งดีของประ฼ทศชาติ ฽ละสังคม฾ลก น฿นสงั คม ที่มคี วาม฼ช่ือมสัมพนั ธ์กัน ฽ละมคี วาม฽ตกตํางกนั อยํางหลากหลาย ฼พื่อชวํ ย฿ห๎ ามร๎ู ทักษะ คุณธรรม ฽ละคาํ นยิ มท่ี฼หมาะสม ฾ดยเด๎กาหนดสาระตํางๆเว๎ ดังน้ี ม จริยธรรม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนบั ถือ การนาหลักธรรมคาสอน คํานยิ มทด่ี ีงาม พัฒนาตน฼องอย฼ํู สมอ รวมท้ังบา฼พ็ญประ฾ยชนต์ ํอสังคม฽ละสวํ นรวม รอง฿นสังคมปัจจุบันการปกครองระบอบประชาธิปเตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รง฼ปน็ ประมุข างวัฒนธรรม คาํ นิยม ความ฼ชือ่ ปลกู ฝังคํานิยมด๎านประชาธปิ เตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรง ม฾ลก ารบริหารจดั การทรัพยากรที่มีอยํูอยํางจากัดอยํางมปี ระสิทธภิ าพ การดารงชวี ติ อยํางมดี ุลย

หลกั สูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑  ประวัติศาสตร์ ฼วลา฽ละยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศ ฼หตกุ ารณต์ ํางๆ ผลกระทบท่ี฼กดิ จาก฼หตกุ ารณ์สาคัญ฿นอดีต บุคคลสาคัญที่มีอิทธิพล ฽หลงํ อารยธรรมที่สาคัญของ฾ลก  ภูมิศาสตร์ ลักษณะของ฾ลกทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพ ฽หลํงท ฼ครือ่ งมือทางภมู ิศาสตร์ ความสมั พนั ธก์ ันของสิง่ ตาํ งๆ ฿นระบบธรรมชาติ ความสัมพนั ธ สารสน฼ทศ การอนุรักษ์สิง่ ฽วดล๎อม฼พ่ือการพัฒนาทยี่ ่งั ยนื คุณภา จบชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓  มคี วามร๎฼ู กีย่ วกบั ความ฼ปน็ เปของ฾ลก ฾ดยการศกึ ษาประ฼ทศเทย฼ปรยี บ฼ทยี บ  มีทกั ษะทีจ่ า฼ป็นตอํ การ฼ปน็ นกั คิดอยาํ งมีวิจารณญาณเดร๎ บั การพฒั นา฽นวคดิ ฾ลก เด๎฽กํ ฼อ฼ชีย ออส฼ตร฼ลีย ฾อ฼ชีย฼นีย ฽อฟริกา ยุ฾รป อ฼มริกา฼หนือ อ฼มริกา฿ต๎ ฿น การ฼มอื งการปกครอง ประวัติศาสตร์฽ละภูมศิ าสตร์ ดว๎ ยวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ฽ละ  ร๎ู฽ละ฼ขา๎ ฿จ฽นวคดิ ฽ละว฼ิ คราะห฼์ หตกุ ารณ์฿นอนาคต สามารถนามา฿ช๎฼ปน็ ปร จบช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖  มคี วามรู๎฼ก่ยี วกับความ฼ป็นเปของ฾ลกอยํางกว๎างขวาง฽ละลึกซ้งึ ยงิ่ ข้ึน  ฼ป็นพล฼มืองท่ีดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนาท่ีตน ความสขุ รวมทั้งมศี กั ยภาพ฼พ่อื การศกึ ษาตํอ฿นช้ันสูงตามความประสงคเ์ ด๎

๑๗๕ ศาสตร์ พัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์฽ละ฼ปลี่ยน฽ปลงของ ลตํอการ฼ปล่ียน฽ปลงตํางๆ฿นอดีต ความ฼ป็นมาของชาติเทย วัฒนธรรม฽ละภูมิปัญญาเทย ทรัพยากร ฽ละภูมิอากาศของประ฼ทศเทย ฽ละภูมิภาค ตํางๆ ของ฾ลก การ฿ช๎฽ผนท่ี฽ละ ธข์ องมนษุ ยก์ ับสภาพ฽วดล๎อมทางธรรมชาติ ฽ละส่ิงท่มี นษุ ย์สร๎างข้ึน การนา฼สนอข๎อมูลภูมิ าพผ้เู รียน บกับประ฼ทศ฿นภูมภิ าคตํางๆ ฿น฾ลก ฼พือ่ พฒั นา฽นวคดิ ฼ร่ืองการอยูํรํวมกนั อยาํ งสันตสิ ขุ ด ฽ละขยายประสบการณ์ ฼ปรียบ฼ทียบระหวํางประ฼ทศเทยกับประ฼ทศ฿นภูมิภาคตํางๆ ฿น นดา๎ นศาสนา คุณธรรม จริยธรรม คํานิยม ความ฼ชื่อ ขนบธรรม฼นียม ประ฼พณี วัฒนธรรม ะสงั คมศาสตร์ ระ฾ยชน์฿นการดา฼นินชวี ติ ฽ละวาง฽ผนการดา฼นินงานเดอ๎ ยําง฼หมาะสม นนับถือ รวมท้ังมีคํานิยมอันพึงประสงค์ สามารถอยํูรํ วมกับผู๎อ่ืน฽ละอยํู฿นสังคมเด๎อยํางมี

หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑  มคี วามร฼ู๎ รื่องภูมปิ ญั ญาเทย ความภมู ิ฿จ฿นความ฼ป็นเทย ประวัติศาสตร์ของช ฼ปน็ ประมุข  มนี สิ ัยทดี่ ฿ี นการบร฾ิ ภค ฼ลอื ก฽ละตดั สนิ ฿จบร฾ิ ภคเดอ๎ ยาํ ง฼หมาะสม มจี ิตสานกึ ฽ละประ฼ทศชาติ มุํงทาประ฾ยชน์ ฽ละสร๎างส่ิงท่ดี งี าม฿ห๎กับสังค ม  มีความร๎ูความสามารถ฿นการจดั การ฼รยี นรูข๎ องตน฼อง ช้ีนาตน฼องเด๎ ฽ละสาม

๑๗๖ ชาติเทย ยึดม่ัน฿นวิถีชีวิต ฽ละการปกครองระบอบประชาธิปเตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง ก ฽ละมีสวํ นรวํ ม฿นการอนุรักษ์ประ฼พณีวัฒนธรรมเทย ฽ละสิ่ง฽วดล๎อม มีความรักท๎องถิ่น มารถ฽สวงหาความรจู๎ าก฽หลงํ การ฼รยี นร๎ูตาํ งๆ฿นสังคมเด๎ตลอดชีวติ

หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธ หลักธรรม เพื่ออยู่ร่วมกนั อย่างสันติสขุ ตวั ชี้วัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายการ฼ผย฽ผํพระพทุ ธศาสนาหรอื ๑. อธิบายการ฼ผย฽ผพํ ระพทุ ธศาสนาหรือ ๑. ศาสนาท่ตี นนบั ถือสูํประ฼ทศเทย ศาสนาที่ตนนบั ถอื สปูํ ระ฼ทศ฼พ่ือนบ๎าน ๒. ว฼ิ คราะหค์ วามสาคัญของ ๒. วิ฼คราะหค์ วามสาคัญของพระพทุ ธ พระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่ตนนับถือท่ี ศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนบั ถือท่ชี วํ ย ๒. มตี อํ สภาพ฽วดล๎อม฿นสังคมเทย รวมทั้ง ฼สรมิ สร๎างความ฼ข๎า฿จอันดีกบั ประ฼ทศ การพัฒนาตน฽ละครอบครวั ฼พอื่ นบา๎ น ๓. ว฼ิ คราะห์พทุ ธประวัตติ ้งั ฽ตปํ ระสูตจิ น ๓. วิ฼คราะหค์ วามสาคัญของพระพทุ ธศาสนา ถึงบา฼พญ็ ทุกรกิรยิ าหรือประวตั ศิ าสดาที่ หรอื ศาสนาทตี่ น นับถอื ฿นฐานะท฼่ี ป็น ๓. ตนนับถือตามท่กี าหนด รากฐานของวัฒนธรรม฼อกลกั ษณข์ อง ๔. วิ฼คราะห฽์ ละประพฤตติ นตาม฽บบอยําง ชาต฽ิ ละมรดกของชาติ การดา฼นินชีวติ ฽ละข๎อคิดจากประวัติ ๔. อภิปราย ความสาคญั ของพระพทุ ธ สาวก ชาดก ฼รอื่ ง฼ลาํ ฽ละศาสนิกชน ศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี น นับถือกบั การ ๔. ตวั อยํางตามทกี่ าหนด พฒั นาชมุ ชน฽ละการจดั ระ฼บยี บสงั คม ๕. อธิบายพทุ ธคุณ ฽ละขอ๎ ธรรมสาคัญ฿น ๕. วิ฼คราะห์พุทธประวัตหิ รือประวัตศิ าสดา กรอบอริยสจั ๔ หรือหลกั ธรรมของ ของศาสนาทีต่ นนับถอื ตามที่กาหนด ๕. ศาสนาท่ตี นนบั ถอื ตามที่กาหนด ฼ห็น ๖. ว฼ิ คราะห฽์ ละประพฤตติ นตาม฽บบอยาํ ง คณุ คาํ ฽ละนาเปพฒั นา ฽กป๎ ัญหาของ การดา฼นนิ ชวี ติ ฽ละขอ๎ คิดจากประวัติ ตน฼อง฽ละครอบครวั สาวก ชาดก ฼รือ่ ง฼ลํา฽ละศาสนิกชน ๖. ฼หน็ คณุ คาํ ของการพัฒนาจิต฼พื่อการ ตัวอยํางตามท่ีกาหนด ๖.

๕๘ ธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรทั ธาทถ่ี ูกต้อง ยึดม่นั และปฏบิ ตั ิตาม ตัวชวี้ ัดชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ อธิบายการ฼ผย฽ผํพระพทุ ธ ศาสนาหรอื ๑. วิ฼คราะหส์ ังคมชมพูทวีป ฽ละคตคิ วาม฼ชื่อทาง ศาสนาที่ตนนบั ถอื สปํู ระ฼ทศตํางๆ ทวั่ ศาสนาสมยั กํอนพระพทุ ธ฼จ๎าหรือสงั คมสมัยของ ฾ลก ศาสดาทตี่ นนับถือ ว฼ิ คราะหค์ วามสาคัญของ ๒. ว฼ิ คราะห์พระพทุ ธ฼จ๎า฿นฐานะ฼ปน็ มนุษยผ์ ฝ๎ู กึ ตนเด๎ พระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนับถอื อยาํ งสูงสุด฿นการตรสั รู๎ การกํอต้ัง วธิ กี ารสอน฽ละ ฿นฐานะทช่ี ํวยสร๎างสรรค์ อารยธรรม฽ละ การ฼ผย฽ผพํ ระพุทธ ศาสนาหรอื ว฼ิ คราะห์ประวตั ิ ความสงบสุข฽ก฾ํ ลก ศาสดาทตี่ นนับถอื ตามทกี่ าหนด อภิปรายความสาคญั ของ ๓. ว฼ิ คราะหพ์ ทุ ธประวัตดิ ๎านการบรหิ าร ฽ละการธารง พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถอื รักษาศาสนาหรอื วิ฼คราะห์ประวตั ศิ าสดาทต่ี นนับ กบั ปรชั ญาของ฼ศรษฐกิจพอ฼พยี ง฽ละ ถือตามที่กาหนด การพัฒนาอยํางยงั่ ยืน ๔. ว฼ิ คราะห์ขอ๎ ปฏิบัติทางสายกลาง฿น วิ฼คราะห์ พทุ ธประวัติจากพระพุทธรูป พระพทุ ธศาสนา หรอื ฽นวคดิ ของศาสนาท่ตี นนับ ปางตํางๆ หรือประวัตศิ าสดาท่ตี นนบั ถือ ถือตามท่กี าหนด ตามทีก่ าหนด ๕. วิ฼คราะหก์ ารพฒั นาศรัทธา฽ละปญั ญาทถ่ี กู ตอ๎ ง฿น ว฼ิ คราะห์฽ละประพฤตติ นตาม฽บบอยําง พระพทุ ธศาสนา หรอื ฽นวคดิ ของศาสนาที่ตนนับ การดา฼นนิ ชวี ิต฽ละขอ๎ คิดจากประวตั ิ ถอื ตามที่กาหนด สาวก ชาดก ฼ร่อื ง฼ลาํ ฽ละศาสนกิ ชน ๖. ว฼ิ คราะห์ ลกั ษณะประชาธปิ เตย฿น ตัวอยํางตาม ทีก่ าหนด พระพทุ ธศาสนาหรอื ฽นวคิดของศาสนาท่ตี นนับถือ อธบิ าย สังฆคณุ ฽ละข๎อธรรมสาคัญ฿น ตามทกี่ าหนด

หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชี้วดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ฼รยี นร๎ู฽ละการดา฼นนิ ชีวิตดว๎ ยวธิ คี ดิ ฽บบ ๗. อธบิ าย฾ครงสร๎าง฽ละสาระ สงั ฼ขปของ ฾ยนิ฾สมนสกิ ารคอื วิธีคดิ ฽บบคณุ คาํ ฽ท-๎ พระเตรปฏิ ก หรือคมั ภรี ์ของศาสนาทีต่ น ๗. คณุ คาํ ฼ทียม ฽ละวิธีคดิ ฽บบคณุ -฾ทษ฽ละ นบั ถอื ๘. อธิบายธรรมคณุ ฽ละขอ๎ ธรรมสาคญั ฿น ทางออก หรือการพัฒนาจิตตาม฽นวทาง กรอบอรยิ สจั ๔ หรือหลักธรรมของศาสนา ๗. ของศาสนาทีต่ นนับถือ ท่ีตนนบั ถอื ตามที่กาหนด฼ห็นคณุ คาํ ฽ละ ๘. สวดมนต์ ฽ผํ฼มตตา บรหิ ารจิต฽ละ฼จรญิ นาเปพัฒนา ฽ก๎ปัญหาของชุมชน฽ละ ปัญญาดว๎ ย อานาปานสตหิ รอื ตาม สังคม ฽นวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถอื ตามที่ ๙. ฼หน็ คณุ คาํ ของการพฒั นาจติ ฼พ่อื การ กาหนด ฼รียนร๎฽ู ละดา฼นนิ ชีวติ ดว๎ ยวธิ คี ดิ ฽บบ ๘. วิ฼คราะห์฽ละปฏบิ ตั ิตนตาม หลกั ธรรมทาง ฾ยนิ฾สมนสิการ คือ วธิ ีคดิ ฽บบอบุ าย ศาสนาที่ตน นับถือ฿นการดารงชีวิต฽บบ พอ฼พียง฽ละดู฽ลรักษาสิง่ ฽วดล๎อม฼พ่ือ ปลุก฼ร๎าคุณธรรม ฽ละวธิ ีคิด฽บบอรรถ การอยรูํ ํวมกันเดอ๎ ยาํ งสันตสิ ุข ๙. ว฼ิ คราะห฼์ หตผุ ลความจา฼ปน็ ทท่ี กุ คนตอ๎ ง ธรรมสัมพันธ์ หรือการพฒั นาจิตตาม ๙. ฽นวทางของศาสนาที่ตนนบั ถอื ศกึ ษารยี นร๎ูศาสนาอื่นๆ ๑๐. สวดมนต์ ฽ผํ฼มตตา บริหารจติ ฽ละ฼จรญิ ๑๐. ปฏบิ ัตติ นตํอศาสนกิ ชนอืน่ ฿นสถานการณ์ ปญั ญาด๎วยอานาปานสติหรือตาม ๑๐. ตํางๆ เดอ๎ ยาํ ง฼หมาะสม ฽นวทางของศาสนาทีต่ นนับถือ ๑๑. วิ฼คราะหก์ ารกระทาของบคุ คลท่฼ี ป็น ๑๑. วิ฼คราะห์การปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมทาง ฽บบอยํางด๎าน ศาสนสมั พันธ์ ฽ละ ศาสนาทตี่ นนับถือ฼พือ่ การดารงตนอยาํ ง ฼หมาะสม฿นกระ฽สความ฼ปล่ยี น฽ปลง นา฼สนอ฽นวทางการปฏิบตั ิของตน฼อง ของ฾ลก ฽ละการอยํรู วํ มกนั อยาํ งสนั ติสุข

๕๙ ตัวชี้วัดช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ กรอบอริยสจั ๔ หรอื หลกั ธรรมของ ๗. ว฼ิ คราะหห์ ลกั การของพระพุทธศาสนากบั หลกั ศาสนาที่ตน นับถอื ตามทก่ี าหนด วทิ ยาศาสตร์หรอื ฽นวคดิ ของศาสนาท่ีตนนับถอื ฼หน็ คณุ คาํ ฽ละว฼ิ คราะห์การปฏบิ ตั ติ น ตามทกี่ าหนด ตามหลกั ธรรม฿นการพัฒนาตน฼พื่อ ๘. ว฼ิ คราะห์การฝกึ ฝน฽ละพฒั นาตน฼อง การ ฼ตรียม พรอ๎ มสาหรับการทางาน฽ละการ พ่งึ ตน฼อง ฽ละการมงุํ อสิ รภาพ฿นพระพุทธศาสนา มีครอบครวั หรอื ฽นวคดิ ของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามที่กาหนด ฼ห็นคุณคาํ ของการพฒั นาจติ ฼พ่อื การ ๙. วิ฼คราะหพ์ ระพุทธศาสนาวํา฼ปน็ ศาสตร฽์ หํง การศึกษา ซงึ่ ฼น๎น ความสมั พันธ์ของ฼หตุปัจจัยกับ ฼รยี นรู๎฽ละดา฼นนิ ชีวิตด๎วยวธิ คี ิด฽บบ วธิ กี าร฽ก๎ปญั หาหรือ฽นวคดิ ของศาสนาทต่ี น นบั ฾ยน฾ิ ส-มนสกิ ารคอื วธิ ีคดิ ฽บบอรยิ สัจ ฽ละวิธคี ดิ ฽บบสืบสาว฼หตปุ ัจจัยหรือการ ถอื ตามทก่ี าหนด พัฒนาจติ ตาม฽นวทางของศาสนาทต่ี น ๑๐. วิ฼คราะหพ์ ระพุทธศาสนา฿นการฝกึ ตน เมํ฿ห๎ นับถือ ประมาท มํงุ ประ฾ยชน฽์ ละสนั ตภิ าพบุคคล สังคม สวดมนต์ ฽ผ฼ํ มตตา บรหิ ารจติ ฽ละ ฽ละ฾ลกหรอื ฽นวคดิ ของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามที่ ฼จรญิ ปญั ญาด๎วยอานาปานสติหรอื ตาม กาหนด ฽นวทางของศาสนาทต่ี น นับถือ ๑๑. ว฼ิ คราะห์พระพุทธศาสนากับปรชั ญาของ฼ศรษฐกิจ . วิ฼คราะหค์ วาม฽ตกตําง฽ละยอมรบั วถิ ี พอ฼พียง฽ละการพฒั นาประ฼ทศ฽บบยัง่ ยืน หรือ การดา฼นนิ ชวี ิตของศาสนกิ ชน฿นศาสนา ฽นวคดิ ของศาสนาทีต่ นนับถอื ตามที่กาหนด อ่นื ๆ ๑๒. ว฼ิ คราะหค์ วามสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา฼กย่ี วกับ การศึกษาท่ีสมบรู ณ์ การ฼มอื ง฽ละสนั ตภิ าพหรอื ฽นวคดิ ของศาสนาท่ตี นนบั ถอื ตามทีก่ าหนด ๑๓. ว฼ิ คราะหห์ ลกั ธรรม฿นกรอบอรยิ สจั ๔ หรอื หลกั คา สอนของศาสนาทตี่ นนบั ถือ ๑๔. วิ฼คราะหข์ อ๎ คดิ ฽ละ฽บบอยาํ งการดา฼นินชวี ติ จาก

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ช้วี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒

๖๐ ตัวชี้วัดชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ประวัตสิ าวก ชาดก ฼รื่อง฼ลํา฽ละศาสนกิ ชน ตวั อยาํ งตามท่ีกาหนด ๑๕. ว฼ิ คราะหค์ ุณคาํ ฽ละความสาคญั ของการสงั คายนา พระเตรปิฏกหรอื คมั ภรี ข์ องศาสนา ทีต่ นนบั ถือ ฽ละการ฼ผย฽ผํ ๑๖. ฼ชอ่ื มั่นตอํ ผลของการทาความดี ความช่วั สามารถ ว฼ิ คราะหส์ ถานการณท์ ต่ี อ๎ ง฼ผชญิ ฽ละตดั สิน฿จ ฼ลือกดา฼นนิ การหรอื ปฏบิ ตั ติ นเด๎อยํางม฼ี หตผุ ล ถกู ตอ๎ งตามหลกั ธรรม จริยธรรม ฽ละกาหนด ฼ปาู หมาย บทบาทการดา฼นนิ ชวี ติ ฼พื่อการอยูํ รํวมกนั อยาํ งสันตสิ ุข ฽ละอยรํู ํวมกนั ฼ป็นชาติอยําง สมานฉนั ท์ ๑๗. อธบิ ายประวัติศาสดาของศาสนาอนื่ ๆ ฾ดยสัง฼ขป ๑๘. ตระหนกั ฿นคณุ คํา฽ละความ สาคัญของคาํ นิยม จรยิ ธรรมท่฼ี ปน็ ตวั กาหนดความ฼ชอ่ื ฽ละพฤตกิ รรม ท่฽ี ตกตํางกนั ของ ศาสนกิ ชนศาสนาตํางๆ ฼พื่อ ขจดั ความขัด฽ย๎ง฽ละอยรํู ํวมกนั ฿นสงั คมอยาํ งสันติ สุข ๑๙. ฼หน็ คุณคาํ ฼ช่อื มั่น฽ละมุํงม่นั พฒั นาชีวติ ดว๎ ยการ พฒั นาจติ ฽ละพฒั นาการ฼รียนรดู๎ ๎วยวธิ ีคิด฽บบ ฾ยนิ฾ส-มนสกิ าร หรอื การพฒั นาจิตตาม฽นวทาง ของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ๒๐. สวดมนต์ ฽ผ฼ํ มตตา฽ละบรหิ ารจติ ฽ละ฼จรญิ

หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชว้ี ดั ชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ติ นเปน็ ศาสนิกชนที่ดี และธารงรกั ษา ตวั ชว้ี ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. บา฼พ็ญประ฾ยชน์ตํอศาสนสถานของ ๑. ปฏิบัติตนอยําง฼หมาะสมตํอบุคคลตํางๆ ๑. ศาสนาท่ตี นนบั ถอื ตามหลกั ศาสนาท่ีตนนับถอื ตามที่กาหนด ๒. อธิบาย จริยวัตรของสาวก฼พ่ือ฼ป็น ๒. มีมรรยาทของความ฼ป็นศาสนิกชนท่ีดี ๒. ฽บบอยําง฿นการประพฤติปฏิบัติ฽ละ ตามท่กี าหนด ปฏิบัติตนอยําง฼หมาะสมตํอสาวกของ ๓. วิ฼คราะห์คุณคําของศาสนพิธี฽ละปฏิบัติ ๓. ศาสนาท่ีตน นับถอื ตนเดถ๎ กู ต๎อง ๔. ๓. ปฏิบัติตนอยําง฼หมาะสมตํอบุคคลตํางๆ ๔. อธิบาย คาสอนท่ี฼กี่ยว฼นื่องกับวันสาคัญ ๕.

๖๑ ตัวชวี้ ัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ปัญญาตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน หรอื ตาม฽นวทางของ ศาสนาทต่ี นนบั ถอื ๒๑. ว฼ิ คราะหห์ ลกั ธรรมสาคญั ฿นการอยํรู ํวมกันอยําง สันตสิ ุขของศาสนาอ่ืนๆ ฽ละชกั ชวน สํง฼สรมิ สนบั สนุน฿ห๎บคุ คลอนื่ ฼หน็ ความสาคญั ของการทา ความดตี ํอกัน ๒๒. ฼สนอ฽นวทางการจดั กจิ กรรม ความรวํ มมอื ของทกุ ศาสนา฿นการ฽กป๎ ญั หา฽ละพัฒนาสงั คม าพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี นนับถอื ตวั ชว้ี ัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ว฼ิ คราะห์หนา๎ ที่฽ละบทบาทของสาวก฽ละ ๑. ปฏิบัติตน฼ป็น ศาสนิกชนท่ีดีตํอสาวก สมาชิก ปฏบิ ัตติ นตํอสาวกตามท่ีกาหนดเด๎ถูกต๎อง ฿นครอบครัว ฽ละคนรอบข๎าง . ปฏิบัติตนอยําง฼หมาะสมตํอบุคคลตํางๆ ๒. ปฏิบัติตนถูกต๎องตามศาสนพิธี พิธีกรรมตาม ตามหลักศาสนาตามที่กาหนด หลกั ศาสนาท่ีตนนบั ถอื . ปฏิบตั ิหน๎าทข่ี องศาสนิกชนท่ีดี ๓. ฽สดงตน฼ป็นพุทธมามกะหรือ฽สดงตน฼ป็นศา . ปฏิบัติตน฿นศาสนพิธี พธิ ีกรรมเด๎ถูกตอ๎ ง สนิกชนของศาสนาท่ีตนนบั ถือ . อธิบาย ประวัตวิ นั สาคัญทางศาสนาตามท่ี ๔. ว฼ิ คราะห์หลักธรรม คตธิ รรม ท฼่ี กี่ยว฼นื่องกับวัน

หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้วี ดั ชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ตามหลกั ศาสนา ทต่ี นนับถือตามท่ีกาหนด ทางศาสนา฽ละปฏบิ ตั ติ นเด๎ถกู ต๎อง ๔. จัดพิธีกรรม฽ละปฏิบัติตน฿นศาสนพิธี ๕. อธิบายความ฽ตกตํางของศาสนพิธี ๖. พธิ ีกรรมเดถ๎ กู ต๎อง พิธีกรรม ตาม฽นวปฏิบัติของศาสนาอ่ืนๆ ๕. อธิบาย ประวัติความ สาคัญ฽ละปฏิบัติ ฼พื่อนาเปสูํการยอมรับ ฽ละความ฼ข๎า฿จ ๗. ตน฿นวันสาคัญทางศาสนาที่ตนนับถือ ซง่ึ กนั ฽ละกัน ตามทีก่ าหนดเด๎ถูกต๎อง

๖๒ ตัวชว้ี ัดช่วงชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ กาหนด฽ละปฏิบตั ติ นเดถ๎ ูกต๎อง สาคญั ทางศาสนา฽ละ฼ทศกาลท่สี าคญั ของศาสนา . ฽สดงตน ฼ป็นพุทธมามกะหรือ฽สดงตน ทีต่ นนับถอื ฽ละปฏบิ ัตติ นเดถ๎ ูกต๎อง ฼ปน็ ศาสนกิ ชนของศาสนาที่ตนนับถือ ๕. สัมมนา฽ละ฼สนอ฽นะ฽นวทาง฿นการธารงรักษา . นา฼สนอ฽นวทาง฿นการธารงรักษาศาสนา ศาสนาที่ตนนับถืออันสํงผลถึงการพัฒนาตน ที่ตนนับถอื พัฒนาชาต฽ิ ละ฾ลก

หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๒ หน้าทพ่ี ลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏบิ ัติตนตามหน้าทีข่ องการเป็นพลเมืองดี มีค่านยิ มท่ีด และสงั คมโลกอย่างสันติสขุ ตวั ชี้วัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ปฏิบัติตามกฎหมาย฿นการคุ๎มครองสิทธิของ ๑. อธิบาย฽ละปฏิบัติตนตามกฎหมายที่ ๑. บุคคล ฼กย่ี วข๎องกบั ตน฼อง ครอบครัวชุมชน฽ละ ๒. ระบุความสามารถของตน฼อง฿นการทา ประ฼ทศ ๒. ประ฾ยชน์ตํอสังคม฽ละประ฼ทศชาติ ๒. ฼ห็นคุณคํา฿นการปฏิบัติตนตาม สถานภาพ ๓. อภปิ ราย฼กี่ยวกับคณุ คาํ ทางวัฒนธรรมท่ี฼ป็น บทบาทสิทธิ ฼สรีภาพ หน๎าท่ี฿นฐานะ ๓. ปั จ จั ย ฿ นก า ร ส ร ๎า ง ค ว า ม สั มพั นธ์ พล฼มืองดีตามวถิ ีประชาธปิ เตย ทด่ี ี หรอื อาจนาเปสคํู วาม฼ข๎า฿จผดิ ตอํ กัน ๓. วิ฼ ค ร า ะ ห์ บ ทบ า ทค วา ม ส า คั ญ ฽ละ ๔. ๔. ฽สดงออก ถึงการ฼คารพ฿นสิทธิ ฼สรีภาพ ความสมั พันธ์ของสถาบันทางสังคม ของตน฼อง฽ละผอู๎ น่ื ๔. อธบิ ายความคล๎ายคลึง฽ละความ฽ตกตําง ของวัฒนธรรมเทย฽ละวัฒนธรรม ของ ๕. ประ฼ทศ ฿นภูมิภาค฼อ฼ชีย ฼พอื่ นาเปสํูความ ฼ขา๎ ฿จอันดีระหวํางกัน

๖๓ ดงี าม และธารงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยูร่ ่วมกันในสังคมไทย ตัวชว้ี ัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายความ฽ตกตํางของการกระทา ๑ วิ฼คราะห฽์ ละปฏิบัติตนตามกฎหมายที่฼กี่ยวข๎อง ความผิดระหวํางคดอี าญา฽ละคด฼ี พงํ กับตน฼อง ครอบครวั ชุมชน ประ฼ทศชาติ฽ละ . มีสํวนรํวม฿นการปกปูองคุ๎มครองผู๎อ่ืนตาม สังคม฾ลก หลกั สิทธมิ นุษยชน ๒ วิ฼คราะห์ความสาคัญของ฾ครงสร๎างทางสงั คม การขัด . อนุรักษ์วัฒนธรรมเทย฽ละ฼ลือกรับ ฼กลาทางสงั คม ฽ละการ฼ปลีย่ น฽ปลงทางสงั คม วฒั นธรรมสากลที฼่ หมาะสม ๓ ปฏิบัติตน฽ละมีสํวนสนับสนุน ฿ห๎ผู๎อื่นประพฤติ . วิ฼คราะห์ปัจจัยท่ีกํอ฿ห๎฼กิด ปัญหาความ ปฏิบัติ฼พื่อ฼ป็นพล฼มืองดีของประ฼ทศชาติ ฽ละ ขัด฽ย๎ง฿นประ฼ทศ฽ละ฼สนอ฽นวคิด฿นการ สังคม฾ลก ลดความขัด฽ยง๎ ๔ ประ฼มินสถานการณ์ สิทธิมนุษยชน฿นประ฼ทศ . ฼สนอ฽นวคิด฿นการดารงชีวิตอยํางมี เทย ฽ละ฼สนอ฽นวทางพัฒนา ความสขุ ฿นประ฼ทศ฽ละสงั คม฾ลก ๕ วิ฼คราะห์ความจา฼ป็นท่ีจะต๎องมีการปรับปรุง ฼ปลี่ยน฽ปลง฽ละอนุรักษ์วัฒนธรรมเทย ฽ละ ฼ลอื กรบั วัฒนธรรมสากล

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ หนา้ ทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ิตในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๒ เขา้ ใจระบบการเมอื งการปกครองในสงั คมปัจจุบัน ยึดมนั่ ศรทั ธา ทรงเปน็ ประมขุ ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายหลักการ ฼จตนารมณ์ ฾ครงสร๎าง ๑. อธิบายกระบวนการ฿นการตรากฎหมาย ๑. ฽ละสาระสาคัญของรัฐธรรมนูญ฽หํงราช ๒. ว฼ิ คราะห์ขอ๎ มลู ขําวสาร ทางการ฼มืองการ อาณา-จกั รเทยฉบับปจั จุบัน฾ดยสงั ฼ขป ปกครอง ท่ีมีผลกระทบตํอสังคมเทยสมัย ๒. ๒. วิ฼คราะห์บทบาท การถํวงดุลอานาจ ปัจจุบัน อ ธิ ป เ ต ย ฿ น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ฽ หํ ง ร า ช - อาณาจักรเทยฉบับปัจจุบนั ๓. ๓. ปฏิบัติตนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ฽หํงราชอาณา-จักรเทยฉบับปัจจุบันที่ ฼กีย่ วข๎องกบั ตน฼อง ๔.

๖๔ า และธารงรกั ษาไวซ้ ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ ตวั ชว้ี ัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายระบอบการปกครอง ฽บบตํางๆ ๑. วิ฼คราะห์ปัญหาการ฼มืองท่ีสาคัญ฿นประ฼ทศ ท่ี฿ช๎฿นยคุ ปัจจุบนั จาก฽หลํง ข๎อมูลตํางๆ พร๎อมท้ัง฼สนอ฽นว . วิ฼คราะห์฼ปรียบ฼ทียบระบอบ การ ทาง฽ก๎เข ปกครองของเทยกับประ฼ทศอื่นๆ ท่ีมี ๒. ฼สนอ฽นวทาง ทางการ฼มือง การปกครองท่ี การปกครองระบอบประชาธปิ เตย นาเปสูํความ฼ข๎า฿จ฽ละการประสานประ฾ยชน์ . วิ฼คราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน฿น รํวมกันระหวํางประ฼ทศ มาตราตํางๆ ท่ี฼ก่ียวข๎องกับการ฼ลือกตั้ง ๓. วิ฼คราะห์ความสาคัญ฽ละความจา฼ป็นที่ต๎อง การมีสํวนรํวม฽ละการตรวจสอบการ฿ช๎ ธารงรักษาเว๎ซึ่งการปกครองตามระบอบ อานาจรัฐ ประชาธิปเตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง฼ป็น . วิ฼คราะห์ประ฼ด็นปัญหา ท่ี฼ป็นอุปสรรค ประมขุ ตํอการพัฒนาประชาธิปเตยของประ฼ทศ ๔. ฼สนอ฽นวทาง฽ละมีสํวนรํวม฿นการตรวจสอบ เทย฽ละ฼สนอ฽นวทาง฽กเ๎ ข การ฿ช๎อานาจรฐั

หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรพั ยากรในการผลิตและการบร หลักการของเศรษฐกจิ พอเพียง เพ่ือการดารงชวี ิตอย่างมีดลุ ยภา ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายความหมาย฽ละความสาคัญของ ๑. วิ฼คราะห์ปัจจัยท่ีมีผลตํอการลงทุน฽ละ ๑. ฼ศรษฐศาสตร์ การออม ๒. ๒. วิ฼คราะห์คํานิยม฽ละพฤติกรรมการ ๒. อธิบายปัจจัยการผลิตสินค๎า฽ละบริการ บริ ฾ภ ค ของค น ฿นสังคมซึ่ งสํ งผลตํ อ ฽ละปัจจัยที่มี อิทธิพลตํอการผลิตสินค๎า ๓. ฼ศรษฐกจิ ของชุมชน฽ละประ฼ทศ ฽ละบริการ ๓. อธิบ า ย ค วา ม ฼ ป็ นม า ห ลั กกา ร ฽ ล ะ ๓. ฼สนอ฽นวทางการพัฒนาการผลิต฿น ความสาคัญของปรัชญาของ฼ศรษฐกิจ ทอ๎ งถ่นิ ตามปรชั ญาของ฼ศรษฐกิจพอ฼พียง พอ฼พียงตํอสังคมเทย ๔. อภิปราย฽นวทางการค๎ุมครองสิทธิของ ตน฼อง฿นฐานะผู๎บร฾ิ ภค

๖๕ รโิ ภค การใชท้ รพั ยากรทมี่ ีอยู่จากดั ได้อย่างมีประสิทธภิ าพและคุ้มค่า รวมทัง้ เข้าใจ าพ ตัวชี้วัดชว่ งชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธบิ ายกลเกราคา฿นระบบ฼ศรษฐกิจ ๑. อภิปรายการกาหนดราคา฽ละคําจ๎าง฿นระบบ . มีสํวนรํวม฿นการ฽ก๎เขปัญหา฽ละพัฒนา ฼ศรษฐกิจ ทอ๎ งถ่นิ ตามปรัชญาของ฼ศรษฐกจิ พอ฼พียง ๒. ตระหนักถึงความสาคัญของปรัชญาของ ฼ศรษฐกิจพอ฼พียงท่ีมีตํอ฼ศรษฐกิจสังคมของ . วิ฼คราะห์ความสัมพันธ์ระหวําง฽นวคิด ประ฼ทศ ฼ศรษฐกิจพอ฼พียงกับระบบสหกรณ์ ตระหนักถงึ ความสาคญั ของระบบสหกรณ฿์ นการ ๓. พัฒนา฼ศรษฐกิจ฿นระดับชุมชน฽ละประ฼ทศ ๔. ว฼ิ คราะหป์ ญั หาทาง฼ศรษฐกจิ ฿นชุมชน฽ละ฼สนอ ฽นวทาง฽ก๎เข

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจต่างๆ ความสัมพันธ์ทางเศ ตัวช้ีวัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. วิ฼คราะหบ์ ทบาทหน๎าท่฽ี ละความ฽ตกตาํ ง ๑. อภิปรายระบบ฼ศรษฐกิจ ฽บบตาํ งๆ ๑. ของสถาบันการ฼งิน฽ตํละประ฼ภท฽ละ ๒. ยกตัวอยํางที่สะท๎อน฿ห๎฼ห็นการพึ่งพา ธนาคารกลาง อาศัยกนั ฽ละการ฽ขํงขันกันทาง฼ศรษฐกิจ ๒. ๒. ยกตัวอยํางท่ีสะท๎อน฿ห๎฼ห็นการพ่ึงพา ฿นภูมิภาค฼อ฼ชีย อา ศั ย กัน ฽ ล ะ กา ร ฽ ขํ งขั น กัน ท า ง ๓. วิ฼คราะห์การกระจายของทรัพยากร฿น ฼ศรษฐกิจ฿นประ฼ทศ ฾ ล ก ท่ีสํ งผ ล ตํ อค วา ม สั ม พั นธ์ ทา ง ๓. ๓. ระบุปัจจัยท่ีมีอิทธิพลตํอการกาหนด ฼ศรษฐกจิ ระหวาํ งประ฼ทศ ๔. วิ ฼ ค ร า ะ ห์ ก า ร ฽ ขํ ง ขั น ท า ง ก า ร ค๎ า ฿ น อปุ สงค์฽ละอปุ ทาน ป ร ะ ฼ ท ศ ฽ ล ะ ตํ า ง ป ร ะ ฼ ท ศ ท่ี สํ ง ผ ล ตํ อ ๔. ๔. อภิปรายผลของการมีกฎหมาย฼กี่ยวกับ คุณภาพสินค๎าปริมาณการผลิต฽ละราคา ทรพั ยส์ ินทางปญั ญา ๕. สนิ ค๎า ๖.

๖๖ ศรษฐกจิ และความจาเปน็ ของการรว่ มมอื กันทางเศรษฐกิจในสงั คมโลก ตวั ชี้วัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายบทบาทหน๎าท่ีของรัฐบาล฿นระบบ ๑. อธิบายบทบาทของรัฐบาล฼กี่ยวกับน฾ยบาย ฼ศรษฐกิจ การ฼งิน การคลัง฿นการพัฒนา฼ศรษฐกิจของ . ฽สดงความคิด฼ห็นตํอน฾ยบาย฽ละ ประ฼ทศ กิจกรรมทาง฼ศรษฐกิจของรัฐบาลท่ีมีตํอ ๒. วิ฼คราะห์ผลกระทบของการ฼ปิด฼สรีทาง บคุ คล กลํุมคน฽ละประ฼ทศชาติ ฼ศรษฐกิจ฿นยคุ ฾ลกาภิวัตน์ที่มผี ลตํอสังคมเทย . อภิปรายบทบาทความสาคัญของการ ๓. วิ฼คราะห์ผลดีผล฼สียของความรํวมมือทาง รวมกลมุํ ทาง฼ศรษฐกจิ ระหวาํ งประ฼ทศ ฼ศรษฐกิจระหวาํ งประ฼ทศ฿นรูป฽บบตาํ งๆ . อภิปรายผลกระทบที่฼กิดจากภาวะ฼งิน ฼ฟูอ ฼งินฝดื . วิ฼คราะห์ผล฼สียจากการวํางงาน฽ละ ฽นวทาง฽ก๎ปญั หา . วิ฼คราะห์สา฼หตุ฽ละวิธีการกีดกันทาง การคา๎ ฿นการค๎าระหวาํ งประ฼ทศ

หลักสูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสาคญั ของเวลาและยุคสมยั ทางประวัตศิ อยา่ งเปน็ ระบบ ตวั ชี้วดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. วิ฼ ค รา ะ ห์ ควา ม สา คั ญ ของ฼ วล า ฿น ๑. ประ฼มินความนํา฼ชื่อถือของหลักฐานทาง ๑. การศึกษาประวัตศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์฿นลักษณะตาํ งๆ ๒. ฼ทียบศักราชตามระบบตํางๆ ที่฿ช๎ศึกษา ๒. ว฼ิ คราะห์ความ฽ตกตํางระหวํางความจริง ประวัตศิ าสตร์ กั บ ข๎ อ ฼ ท็ จ จ ริ ง ข อ ง ฼หตุ การณ์ ท า ง ๒. ๓. นาวิธีการทางประวัติศาสตร์มา฿ช๎ศึกษา ประวัติศาสตร์ ฼หตุการณ์ทางประวตั ศิ าสตร์ ๓. ฼หน็ ความสาคัญของการตีความ หลักฐาน ทางประวตั ศิ าสตร์ทนี่ ํา฼ชอื่ ถือ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook