Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Published by naratham1965, 2019-12-14 01:28:36

Description: หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ช้ีวัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๔ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๔.๑ เข้าใจ มีทกั ษะทจ่ี าเปน็ มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ตวั ชวี้ ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธบิ าย฽นวทางการ฼ลอื กอาชีพ ๑. อธิบาย การ฼สริมสร๎างประสบการณ์ ๑. ๒. ม฼ี จตคตทิ ่ีดีตํอการประกอบอาชีพ ๓. ฼หน็ ความสาคญั ของการสรา๎ งอาชีพ อาชพี ๒. ๒. ระบกุ าร฼ตรียมตวั ฼ขา๎ สูํอาชพี ๓. ๓. มีทักษะพ้ืนฐานที่จา฼ป็นสาหรับการ ประกอบอาชีพทีส่ น฿จ

๙๖ ตัวชวี้ ดั ช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ สารสน฼ทศ พ ใชเ้ ทคโนโลยีเพอ่ื พัฒนาอาชพี มคี ุณธรรมและมีเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ อาชีพ ตวั ช้ีวัดชว่ งชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อภิปรายการหางานดว๎ ยวิธีท่ีหลากหลาย ๑. อภปิ ราย฽นวทางสูํอาชีพท่ีสน฿จ . วิ฼คราะห฽์ นวทาง฼ขา๎ สูอํ าชีพ ๒. ฼ลือก฽ละ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยอี ยําง฼หมาะสมกบั อาชีพ . ประ฼มนิ ทาง฼ลือก฿นการประกอบอาชีพที่ ๓. มีประสบการณ฿์ นอาชีพที่ถนัด฽ละสน฿จ สอดคล๎องกับความร๎ูความถนัด฽ละความ ๔. มีคุณลกั ษณะทีด่ ีตอํ อาชีพ สน฿จของตน฼อง

หลักสตู รโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๐ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ทาไมต้องเรียนภาษาต่างประเทศ ฿นสังคม฾ลกปจั จุบัน การ฼รียนร๎ูภาษาตํางประ฼ทศมีความสาคัญ฽ละจา฼ป็นอยํางยิ่ง ฿นชีวิตประจาวัน ฼นื่องจาก ฼ปน็ ฼ครือ่ งมอื สาคญั ฿นการตดิ ตํอสื่อสาร การศกึ ษา การ฽สวงหาความร๎ู การประกอบอาชีพ การสร๎างความ฼ข๎า฿จ ฼ก่ียวกับวัฒนธรรม฽ละวิสัยทัศน์ของชุมชน฾ลก ฽ละตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม฽ละมุมมองของ สงั คม฾ลก นามาซึ่งมิตรเมตรี฽ละความรํวมมือกับประ฼ทศตํางๆชํวยพัฒนาผู๎฼รียน฿ห๎มีความ฼ข๎า฿จตน฼อง฽ละผ๎ูอื่นดีขึ้น ฼รียนร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จความ฽ตกตํางของภาษา฽ละวัฒนธรรม ขนบธรรม฼นียมประ฼พณี การคิด สังคม ฼ศรษฐกิจ การ฼มือง การปกครอง มี฼จตคติทด่ี ีตอํ การ฿ช๎ภาษาตาํ งประ฼ทศ ฽ละ฿ชภ๎ าษาตาํ งประ฼ทศ฼พื่อการสื่อสารเด๎ รวมทั้ง ฼ขา๎ ถึงองคค์ วามร๎ูตาํ งๆ เด๎งําย฽ละกวา๎ งขึน้ ฽ละมวี สิ ัยทัศน฿์ นการดา฼นินชวี ติ ภาษาตํางประ฼ทศท฼่ี ปน็ สาระการ฼รยี นรพ๎ู ื้นฐาน ซึ่งกาหนด฿ห๎฼รียนตลอดหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คือ ภาษาอังกฤษ สํวนภาษาตํางประ฼ทศอื่น ฼ชํน ภาษาฝรั่ง฼ศส ฼ยอรมัน จีน ญ่ีปุน อาหรับ บาลี ฽ละภาษากลุํม ประ฼ทศ฼พ่ือนบา๎ น หรอื ภาษาอน่ื ๆ ฿ห๎อย฿ํู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะจัดทารายวิชา฽ละจัดการ฼รียนรู๎ตามความ ฼หมาะสม เรยี นรู้อะไรในภาษาตา่ งประเทศ กลํุมสาระการ฼รียนรู๎ภาษาตํางประ฼ทศ มํุงหวัง฿ห๎ผ๎ู฼รียนมี฼จตคติที่ดีตํอภาษาตํางประ฼ทศ สามารถ฿ช๎ ภาษาตํางประ฼ทศ สื่อสาร฿นสถานการณ์ตํางๆ ฽สวงหาความร๎ู ประกอบอาชีพ ฽ละศึกษาตํอ฿นระดับที่สูงข้ึน รวมทั้งมีความรู๎ความ฼ข๎า฿จ฿น฼ร่ืองราว฽ละวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคม฾ลก ฽ละสามารถถํายทอดความคิด ฽ละวฒั นธรรมเทยเปยงั สงั คม฾ลกเด๎อยาํ งสรา๎ งสรรค์ ประกอบดว๎ ยสาระสาคญั ดังนี้  ภาษาเพื่อการสื่อสาร การ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ฿นการฟัง-พูด-อําน-฼ขียน ฽ลก฼ปล่ียนข๎อมูล ขําวสาร ฽สดงความรู๎สึก฽ละความคิด฼ห็น ตีความ นา฼สนอข๎อมูล ความคิดรวบยอด฽ละความคิด฼ห็น฿น฼รื่อง ตํางๆ ฽ละสรา๎ งความสัมพันธร์ ะหวาํ งบุคคลอยําง฼หมาะสม  ภาษาและวฒั นธรรม การ฿ชภ๎ าษาตํางประ฼ทศตามวัฒนธรรมของ฼จ๎าของภาษาความสัมพันธ์ ความ฼หมือน฽ละความ฽ตกตํางระหวํางภาษากับวัฒนธรรมของ฼จ๎าของภาษา ภาษา฽ละวัฒนธรรมของ฼จ๎าของ ภาษากบั วัฒนธรรมเทย ฽ละนาเป฿ช๎อยําง฼หมาะสม  ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน การ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ฿นการ฼ชื่อม฾ยง ความร๎กู ับกลมํุ สาระการ฼รียนรู๎อืน่ ฼ป็นพน้ื ฐาน฿นการพฒั นา ฽สวงหาความรู๎ ฽ละ฼ปดิ ฾ลกทัศนข์ องตน  ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก การ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ฿นสถานการณ์ตํางๆ ท้ัง ฿นห๎อง฼รียน฽ละนอกห๎อง฼รียน ชุมชน ฽ละสังคม฾ลก ฼ป็น฼คร่ืองมือพ้ืนฐาน฿นการศึกษาตํอ ประกอบอาชีพ ฽ละ ฽ลก฼ปล่ยี น฼รยี นร๎ูกบั สังคม฾ลก

หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๑ คุณภาพผ้เู รียน จบช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓  ปฏิบัติตามคาขอร๎อง คา฽นะนา คาช้ี฽จง ฽ละคาอธิบายท่ีฟัง฽ละอําน อํานออก฼สียงข๎อความ ขําว ฾ฆษณา นิทาน ฽ละบทร๎อยกรองส้ันๆ ถูกต๎องตามหลักการอําน ระบุ/฼ขียนส่ือที่เมํ฿ชํความ฼รียงรูป฽บบตํางๆ สัมพันธ์กับประ฾ยค฽ละข๎อความที่ฟังหรืออําน ฼ลือก/ระบุหัวข๎อ฼ร่ือง ฿จความสาคัญ รายละ฼อียดสนับสนุน ฽ละ ฽สดงความคดิ ฼หน็ ฼กย่ี วกบั ฼รื่องท่ฟี ัง฽ละอํานจากสอ่ื ประ฼ภทตาํ งๆ พรอ๎ มทง้ั ฿ห฼๎ หตผุ ล฽ละยกตวั อยาํ งประกอบ  สนทนา฽ละ฼ขียน฾ต๎ตอบข๎อมูล฼ก่ียวกับตน฼อง฽ละ฼ร่ืองตํางๆ ฿กล๎ตัว สถานการณ์ ขําว ฼ร่ืองท่ีอยูํ฿น ความสน฿จของสังคม฽ละสื่อสารอยํางตํอ฼น่ือง฽ละ฼หมาะสม ฿ช๎คาขอร๎อง คาชี้฽จง ฽ละคาอธิบาย ฿ห๎คา฽นะนา อยําง฼หมาะสม พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความต๎องการ ฼สนอ฽ละ฿ห๎ความชํวย฼หลือ ตอบรับ฽ละปฏิ฼สธการ฿ห๎ความ ชํวย฼หลือ พูด฽ละ฼ขียน฼พอื่ ขอ฽ละ฿หข๎ ๎อมูล บรรยาย อธิบาย ฼ปรียบ฼ทียบ ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับ฼ร่ืองท่ี ฟังหรืออํานอยําง฼หมาะสม พูด฽ละ฼ขียนบรรยายความรู๎สึก฽ละความคิด฼ห็นของตน฼อง฼ก่ียวกับ฼ร่ือง ตํางๆ กจิ กรรม ประสบการณ์ ฽ละขาํ ว/฼หตกุ ารณ์ พร๎อมทัง้ ฿ห฼๎ หตผุ ลประกอบอยําง฼หมาะสม  พูด฽ละ฼ขยี นบรรยาย฼กย่ี วกับตน฼อง ประสบการณ์ ขําว/฼หตุการณ์/฼ร่ือง/ประ฼ด็นตํางๆ ท่ีอยูํ฿นความ สน฿จของสงั คม พูด฽ละ฼ขียนสรปุ ฿จความสาคัญ/฽กํนสาระ หวั ข๎อ฼รอื่ งทีเ่ ด๎จากการวิ฼คราะห์฼รื่อง/ขําว/฼หตุการณ์/ สถานการณ์ที่อยํู฿นความสน฿จ พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับกิจกรรม ประสบการณ์ ฽ละ฼หตุการณ์ พร๎อม฿ห฼๎ หตผุ ลประกอบ  ฼ลอื ก฿ช๎ภาษา นา้ ฼สยี ง ฽ละกิริยาทาํ ทาง฼หมาะกับบคุ คล฽ละ฾อกาส ตามมารยาทสังคม ฽ละวัฒนธรรม ของ฼จ๎าของภาษา อธิบาย฼กี่ยวกับชีวิตความ฼ป็นอยูํ ขนบธรรม฼นียม฽ละประ฼พณี ของ฼จ๎าของภาษา ฼ข๎ารํวม/จัด กิจกรรมทางภาษา฽ละวฒั นธรรมตามความสน฿จ  ฼ปรียบ฼ทียบ ฽ละอธิบายความ฼หมือน฽ละความ฽ตกตํางระหวํางการออก฼สียงประ฾ยคชนิดตํางๆ ฽ละ การลาดับคาตาม฾ครงสร๎างประ฾ยคของภาษาตํางประ฼ทศ฽ละภาษาเทย ฼ปรียบ฼ทียบ฽ละ อธิบายความ฼หมือน฽ละ ความ฽ตกตํางระหวํางชวี ิตความ฼ปน็ อยู฽ํ ละวฒั นธรรมของ฼จา๎ ของภาษากับ ของเทย ฽ละนาเป฿ช๎อยําง฼หมาะสม  ค๎นควา๎ รวบรวม ฽ละสรุปข๎อมูล/ข๎อ฼ท็จจริงที่฼กี่ยวข๎องกับกลํุมสาระการ฼รียนร๎ูอ่ืนจาก ฽หลํงการ฼รียนรู๎ ฽ละนา฼สนอดว๎ ยการพูด฽ละการ฼ขยี น  ฿ช๎ภาษาสื่อสาร฿นสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองที่฼กิดขึ้น฿นห๎อง฼รียน สถานศึกษา ชุมชน ฽ละ สงั คม  ฿ชภ๎ าษาตํางประ฼ทศ฿นการสบื ค๎น/คน๎ ควา๎ รวบรวม ฽ละสรุปความรู๎/ข๎อมูลตํางๆ จากสื่อ ฽ละ฽หลํงการ ฼รียนรู๎ตํางๆ ฿นการศึกษาตํอ฽ละประกอบอาชีพ ฼ผย฽พรํ/ประชาสัมพันธ์ข๎อมูล ขําวสารของ฾รง฼รียน ชุมชน ฽ละ ทอ๎ งถ่นิ ฼ปน็ ภาษาตาํ งประ฼ทศ  มีทักษะการ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ (฼น๎นการฟัง-พูด-อําน-฼ขียน) สื่อสารตามหัว฼ร่ือง฼กี่ยวกับตน฼อง ครอบครัว ฾รง฼รียน สิ่ง฽วดล๎อม อาหาร ฼ครื่องดื่ม ฼วลาวําง฽ละนันทนาการ สุขภาพ฽ละสวัสดิการ การซื้อ-ขาย

หลักสตู รโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๒ ลมฟูาอากาศ การศึกษา฽ละอาชีพ การ฼ดินทางทํอง฼ท่ียว การบริการ สถานที่ ภาษา ฽ละวิทยาศาสตร์฽ละ ฼ทค฾น฾ลยี ภาย฿นวงคาศพั ท์ประมาณ ๒,๑๐๐-๒,๒๕๐ คา (คาศัพทท์ ฼ี่ ปน็ นามธรรมมากขน้ึ )  ฿ช๎ประ฾ยคผสม฽ละประ฾ยคซับซ๎อน (Complex Sentences) ส่ือความหมายตามบริบทตํางๆ ฿นการ สนทนาท้งั ที่฼ป็นทางการ฽ละเมํ฼ปน็ ทางการ จบชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖  ปฏิบัตติ ามคา฽นะนา฿นคูมํ อื การ฿ชง๎ านตํางๆ คาชี้฽จง คาอธิบาย ฽ละคาบรรยายที่ฟัง฽ละอําน อํานออก ฼สียงข๎อความ ขําว ประกาศ ฾ฆษณา บทร๎อยกรอง ฽ละบทละครส้ันถูกต๎องตามหลักการอําน อธิบาย฽ละ฼ขียน ประ฾ยค฽ละขอ๎ ความสมั พนั ธ์กับส่ือที่เมํ฿ชํความ฼รียงรูป฽บบตํางๆ ที่อําน รวมทั้งระบุ฽ละ฼ขียนส่ือที่เมํ฿ชํความ฼รียง รูป฽บบตํางๆ สัมพันธ์กับประ฾ยค฽ละข๎อความที่ฟังหรืออําน จับ฿จความสาคัญ วิ฼คราะห์ความ สรุปความ ตีความ ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็นจากการฟัง฽ละอําน฼รื่องที่฼ป็นสารคดี฽ละบัน฼ทิงคดี พร๎อมท้ัง฿ห๎฼หตุผล฽ละยกตัวอยําง ประกอบ  สนทนา฽ละ฼ขียน฾ต๎ตอบข๎อมูล฼ก่ียวกับตน฼อง฽ละ฼รื่องตํางๆ ฿กล๎ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ขําว/ ฼หตุการณ์ ประ฼ด็นที่อยํู฿นความสน฿จ฽ละสื่อสารอยํางตํอ฼น่ือง฽ละ฼หมาะสม ฼ลือก฽ละ฿ช๎คาขอร๎อง คาช้ี฽จง คาอธบิ าย ฽ละ฿หค๎ า฽นะนา พดู ฽ละ฼ขียน฽สดงความต๎องการ ฼สนอ฽ละ฿ห๎ความชํวย฼หลือ ตอบรับ฽ละปฏิ฼สธการ ฿ห๎ความชํวย฼หลือ฿นสถานการณ์จาลองหรือสถานการณ์จริงอยําง฼หมาะสม พูด฽ละ฼ขียน฼พื่อขอ฽ละ฿ห๎ข๎อมูล บรรยาย อธิบาย ฼ปรียบ฼ทียบ ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับ฼ร่ือง/ประ฼ด็น/ขําว/฼หตุการณ์ที่ฟัง฽ละอํานอยําง ฼หมาะสม พูด฽ละ฼ขียนบรรยายความรู๎สึก฽ละ฽สดงความคิด฼ห็นของตน฼อง฼ก่ียวกับ฼ร่ือง ตํางๆ กิจกรรม ประสบการณ์ ฽ละขาํ ว/฼หตุการณ์อยาํ งมี฼หตผุ ล  พูด฽ละ฼ขียนนา฼สนอข๎อมูล฼ก่ียวกับตน฼อง/ประสบการณ์ ขําว/฼หตุการณ์ ฼รื่อง฽ละประ฼ด็นตํางๆ ตาม ความสน฿จ พูด฽ละ฼ขียนสรุป฿จความสาคัญ ฽กํนสาระที่เด๎จากการวิ฼คราะห์฼ร่ือง กิจกรรม ขําว ฼หตุการณ์ ฽ละ สถานการณ์ตามความสน฿จ พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับกิจกรรม ประสบการณ์ ฽ละ฼หตุการณ์ ท้ัง฿น ทอ๎ งถิ่น สงั คม ฽ละ฾ลก พร๎อมท้งั ฿ห๎฼หตุผล฽ละยกตัวอยํางประกอบ  ฼ลือก฿ชภ๎ าษา น้า฼สยี ง฽ละกริ ิยาทาํ ทาง฼หมาะกับระดับของบุคคล ฼วลา ฾อกาส฽ละสถานที่ตามมารยาท สังคม฽ละวัฒนธรรมของ฼จ๎าของภาษา อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความ฼ชื่อ ฽ละที่มาของขนบธรรม฼นียม ฽ละประ฼พณขี อง฼จ๎าของภาษา ฼ขา๎ รํวม ฽นะนา ฽ละจดั กิจกรรมทางภาษา฽ละวัฒนธรรมอยาํ ง฼หมาะสม  อธิบาย/฼ปรียบ฼ทียบความ฽ตกตํางระหวําง฾ครงสร๎างประ฾ยค ข๎อความ สานวน คาพัง฼พย สุภาษิต ฽ละบท กลอนของภาษาตํางประ฼ทศ฽ละภาษาเทย วิ฼คราะห์/อภิปรายความ฼หมือน฽ละความ฽ตกตํางระหวํางวิถีชีวิต ความ฼ชื่อ ฽ละวฒั นธรรมของ฼จ๎าของภาษากับของเทย ฽ละนาเป฿ช๎อยาํ งมี฼หตุผล  ค๎นควา๎ /สืบคน๎ บนั ทกึ สรุป ฽ละ฽สดงความคดิ ฼ห็น฼กย่ี วกับข๎อมูลที่฼ก่ียวข๎องกับกลุํมสาระการ฼รียนร๎ูอ่ืน จาก฽หลํง฼รยี นรู๎ตาํ งๆ ฽ละนา฼สนอด๎วยการพูด฽ละการ฼ขียน  ฿ช๎ภาษาส่ือสาร฿นสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่ี฼กิดขึ้น฿นห๎อง฼รยี น สถานศึกษา ชุมชน฽ละสงั คม

หลกั สูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๓  ฿ชภ๎ าษาตาํ งประ฼ทศ฿นการสืบคน๎ /ค๎นคว๎า รวบรวม วิ฼คราะห์ ฽ละสรุปความรู๎/ข๎อมูลตํางๆ จากส่ือ฽ละ ฽หลํงการ฼รียนรู๎ตํางๆ ฿นการศึกษาตํอ฽ละประกอบอาชีพ ฼ผย฽พรํ/ประชาสัมพันธ์ ข๎อมูล ขําวสาร ของ฾รง฼รียน ชมุ ชน ฽ละทอ๎ งถ่ิน/ประ฼ทศชาติ ฼ป็นภาษาตาํ งประ฼ทศ  มีทักษะการ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ (฼น๎นการฟัง-พูด-อําน-฼ขียน) ส่ือสารตามหัว฼ร่ือง฼กี่ยวกับตน฼อง ครอบครัว ฾รง฼รียน ส่ิง฽วดล๎อม อาหาร ฼ครื่องด่ืม ความสัมพันธ์ระหวํางบุคคล ฼วลาวําง฽ละนันทนาการ สุขภาพ ฽ละสวัสดิการ การซื้อ-ขาย ลมฟูาอากาศ การศึกษา฽ละอาชีพ การ฼ดินทางทํอง฼ท่ียว การบริการ สถานท่ี ภาษา ฽ละวิทยาศาสตร์฽ละ฼ทค฾น฾ลยี ภาย฿นวงคาศัพท์ประมาณ ๓,๖๐๐-๓,๗๕๐ คา (คาศัพท์ท่ีมีระดับการ฿ช๎฽ตกตําง กนั )  ฿ช๎ประ฾ยคผสม฽ละประ฾ยคซับซ๎อนส่อื ความหมายตามบรบิ ทตํางๆ ฿นการสนทนา ท้ังที่฼ป็นทางการ฽ละ เม฼ํ ป็นทางการ

หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ ภาษาเพ่ือการสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ และแส ตวั ชว้ี ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ปฏิบัติตามคาสั่ง คาขอร๎อง คา฽นะนา ๑ ปฏิบัติตาม คาขอร๎อง คา฽นะนาคาชี้฽จง ๑. ฽ละคาชี้฽จงงาํ ยๆ ที่ฟัง฽ละอาํ น ฽ละคาอธบิ ายงาํ ยๆ ท่ีฟัง฽ละอําน ๒. อํานออก฼สียงข๎อความ นิทาน ฽ละบทร๎อย ๒ อํานออก฼สียงข๎อความ ขําว ประกาศ ๒. กรอง (poem) ส้ันๆ ถูกต๎องตาม หลักการ ฽ละบทร๎อย-กรองสั้นๆ ถูกต๎องตาม อาํ น หลักการอําน ๓. ฼ลือก/ระบุ ประ฾ยค฽ละ ข๎อความ ฿ห๎ ๓ ระบุ/฼ขียนประ฾ยค ฽ละข๎อความ ฿ห๎ ๓. สัมพันธ์กับส่ือที่เมํ฿ชํความ฼รียง (non- สัมพันธ์กับส่ือที่เมํ฿ชํความ฼รียง รูป฽บบ text information)ทีอ่ าํ น ตํางๆ ท่ีอําน ๔. ระบุหัวข๎อ฼รื่อง (topic) ฿จความสาคัญ ๔ ฼ลือกหัวข๎อ฼ร่ือง฿จความสาคัญบอก ๔. (main idea) ฽ละตอบคาถาม จากการ รายละ฼อีย ดสนับสนุน (supporting ฟัง฽ละอํานบทสนทนา นิทาน ฽ละ฼รื่อง detail) ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับ ส้ัน ฼รอื่ งท่ฟี งั ฽ละอาํ น พร๎อมท้ัง฿ห฼๎ หตผุ ล฽ละ ยกตัวอยํางงาํ ยๆ ประกอบ

๑๐๓ สดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ปฏิบัติตามคาขอร๎อง คา฽นะนาคาช้ี฽จง ๑. ปฏิบตั ติ ามคา฽นะนา฿นคูํมือการ฿ช๎งานตํางๆ คา ฽ละคาอธบิ ายที่ฟงั ฽ละอาํ น ช้฽ี จง คาอธิบาย ฽ละคาบรรยายทีฟ่ งั ฽ละอาํ น . อํานออก฼สยี ง ข๎อความ ขําว ฾ฆษณา ฽ละ ๒. อํานออก฼สียง ข๎อความ ขําว ประกาศ ฾ฆษณา บทร๎อย-กรองสั้นๆ ถูกต๎องตาม หลักการ บทร๎อยกรอง ฽ละบทละครสั้น (skit) ถูกต๎อง อําน ตามหลกั การอาํ น . ระบุ฽ละ฼ขียนส่ือที่เมํ฿ชํความ฼รียง รูป฽บบ ๓. อธิบาย฽ละ฼ขียนประ฾ยค฽ละข๎อความ฿หส๎ มั พันธ์ ตํางๆ ฿ห๎สัมพันธ์กับประ฾ยค ฽ละข๎อความ กับสื่อท่ีเมํ฿ชํความ฼รียงรูป฽บบตํางๆ ที่อําน ทีฟ่ งั หรืออาํ น รวมทั้งระบุ฽ละ฼ขียนสื่อที่เมํ฿ชํความ฼รียง . ฼ลือก/ระบุหัวข๎อ฼รื่อง ฿จความสาคัญ รูป฽บบตํางๆ ฿ห๎สัมพันธ์กับประ฾ยค ฽ละ รายละ฼อียดสนับสนุน ฽ละ฽สดงความ ขอ๎ ความทฟ่ี งั หรืออาํ น คิด฼ห็น฼กี่ยวกับ฼รื่องท่ีฟัง฽ละอํานจากส่ือ ๔. จับ฿จความสาคัญ วิ฼คราะห์ความ สรุปความ ประ฼ภทตํางๆ พร๎อมทั้ง฿ห๎฼หตุผล฽ละ ตีความ ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็นจากการฟัง฽ละ ยกตวั อยําง ประกอบ อําน฼รื่องท่ี฼ป็นสารคดี฽ละบัน฼ทิงคดี พร๎อมท้ัง ฿ห๎฼หตผุ ล฽ละยกตวั อยําง ประกอบ

หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๑ ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสาร แส ตัวชีว้ ดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. สนทนา ฽ลก฼ปล่ียนข๎อมูล฼ก่ียวกับตน฼อง ๑. สนทนา ฽ลก฼ปลี่ยน ข๎อมูล฼ก่ียวกับ ๑. กิจกรรม ฽ละสถานการณ์ตํางๆ ฿น ต น ฼ อ ง ฼ ร่ื อ ง ตํ า ง ๆ ฿ ก ล๎ ตั ว ฽ ล ะ ชวี ิตประจาวนั สถานการณ์ตํางๆ ฿นชีวิตประจาวันอยําง ๒. ฿ช๎คาขอร๎อง ฿ห๎คา฽นะนา ฽ละคาช้ี฽จง ฼หมาะสม ตามสถานการณ์ ๒. ฿ช๎คาขอร๎อง ฿ห๎คา฽นะนา คาชี้฽จง฽ละ ๒. ๓. พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความต๎องการ ขอความ คาอธบิ ายตามสถานการณ์ ชวํ ย฼หลือ ตอบรับ฽ละปฏิ฼สธการ฿ห๎ความ ๓. พดู ฽ละ฼ขยี น฽สดงความต๎องการ ฼สนอ฽ละ ๓. ชํวย฼หลือ฿นสถานการณ์ตํางๆ อยําง ฿ห๎ความ ชํวย฼หลือ ตอบรับ ฽ละปฏิ฼สธการ ฿ห๎ ความชํวย฼หลือ฿นสถานการณ์ตํางๆ ฼หมาะสม อยาํ ง฼หมาะสม ๔. พูด฽ละ฼ขยี น฼พอ่ื ขอ฽ละ฿หข๎ ๎อมูล ฽ละ฽สดง ๔. พูด฽ละ฼ขียน฼พ่ือขอ฽ละ฿ห๎ข๎อมูล บรรยาย ความคิด฼ห็น฼กี่ยวกับ฼รื่องท่ีฟังหรืออําน ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับ ฼รื่องท่ีฟัง อยําง฼หมาะสม หรอื อําน อยําง฼หมาะสม ๔.

๑๐๔ ตวั ชวี้ ัดชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ สดงความรสู้ กึ และความคิดเหน็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตวั ชี้วัดช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . สนทนา฽ละ฼ขียน฾ต๎ตอบข๎อมูล฼ก่ียวกับ ๑. สนทนา฽ละ฼ขียน฾ต๎ตอบข๎อมูล฼ก่ียวกับตน฼อง ตน฼อง ฼ร่ืองตํางๆ ฿กล๎ตัวสถานการณ์ ฽ ล ะ ฼ ร่ื อ ง ตํ า ง ๆ ฿ ก ล๎ ตั ว ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ขําว ฼ร่ืองที่อยูํ฿นความสน฿จของสังคม สถานการณ์ ขําว/฼หตุการณ์ ประ฼ด็นท่ีอยูํ฿น ฽ละสอ่ื สารอยาํ งตํอ฼นอ่ื ง฽ละ฼หมาะสม ความสน฿จของสงั คม ฽ละสื่อสารอยํางตํอ฼นื่อง . ฿ชค๎ าขอรอ๎ ง ฿ห๎คา฽นะนา คาชี฽้ จง ฽ละ ฽ละ฼หมาะสม คาอธิบายอยาํ ง฼หมาะสม ๒. ฼ลือก฽ละ฿ช๎คาขอร๎อง ฿ห๎คา฽นะนา คาช้ี฽จง . พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความต๎องการ ฼สนอ คาอธิบายอยาํ งคลอํ ง฽คลวํ ฽ละ฿ห๎ความชํวย฼หลือตอบรับ฽ละปฏิ฼สธ ๓. พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความต๎องการ฼สนอ ตอบรับ การ฿ห๎ความชํวย฼หลือ฿นสถานการณ์ ฽ละปฏิ฼สธการ฿หค๎ วามชํวย฼หลอื ฿นสถานการณ์ ตํางๆอยําง฼หมาะสม จาลองหรือสถานการณจ์ รงิ อยําง ฼หมาะสม . พูด ฽ ล ะ฼ ขีย น฼ พ่ือขอ฽ ล ะ ฿ห๎ ข๎อมู ล ๔. พูด฽ละ฼ขียน฼พ่ือขอ฽ละ฿ห๎ข๎อมูล บรรยาย อธิบาย ฼ปรียบ฼ทียบ ฽ละ฽สดงความ อธิบาย ฼ปรียบ฼ทียบ ฽ละ฽สดงความคิด฼ห็น

หลักสูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชี้วดั ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๕. พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความร๎ูสึก ฽ละความ ๕. พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความร๎ูสึก฽ละความ คิด฼ห็น ของตน฼อง ฼กี่ยวกับ฼ร่ืองตํางๆ คิด฼ห็น ของตน฼อง฼ก่ียวกับ฼ร่ืองตํางๆ กิจกรรม ฽ละประสบการณ์พร๎อมทั้ง ฿ห๎ ๕. ฿กล๎ตัว กิจกรรมตํางๆพร๎อมทั้ง฿ห๎฼หตุผล ฼หตผุ ลประกอบอยําง฼หมาะสม สน้ั ๆประกอบอยาํ ง฼หมาะสม สาระท่ี ๑ ภาษาเพอ่ื การสือ่ สาร มาตรฐาน ต ๑.๓ นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร ตัวชว้ี ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. พูด฽ละ฼ขียนบรรยาย฼กี่ยวกับตน฼อง ๑. พูด฽ละ฼ขียนบรรยาย฼ก่ียวกับตน฼อง ๑. กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์ ฽ละ กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์ ฽ละ สิง่ ฽วดลอ๎ ม฿กล๎ตัว ขําว/฼หตุการณ์ ที่อยูํ฿นความสน฿จของ ๒. พูด/฼ขียน สรุป฿จความสาคัญ/฽กํนสาระ สงั คม (theme) ท่ีเด๎จากการวิ฼คราะห์฼ร่ือง/ ๒. พูด฽ละ฼ขียนสรุป฿จความสาคัญ/฽กํนสาระ ๒. ฼หตุการณ์ท่อี ยํู฿นความสน฿จของสงั คม หวั ข๎อ฼รื่อง (topic) ท่เี ด๎จากการวิ฼คราะห์

๑๐๕ ตวั ชี้วดั ชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ คิด฼ห็น฼ก่ียวกับ฼รื่องที่ฟังหรืออําน อยําง ฼กีย่ วกับ฼รอื่ ง/ประ฼ด็น/ขําว/฼หตุการณ์ท่ีฟัง฽ละ ฼หมาะสม อาํ นอยําง฼หมาะสม . พูด฽ละ฼ขียนบรรยายความรู๎สึก ฽ละ ๕. พูด฽ละ฼ขียนบรรยายความร๎ูสึก฽ละ฽สดงความ ความคิด฼ห็นของตน฼อง฼ก่ียวกับ฼ร่ือง คิด฼ห็นของตน฼อง฼ก่ียวกับ฼ร่ืองตํางๆ กิจกรรม ตํางๆ กิจกรรมประสบการณ์ ฽ละ ประสบการณ์ ฽ละขําว/฼หตุการณอ์ ยาํ งมี฼หตผุ ล ขํ า ว /฼ ห ตุ ก า ร ณ์ พ ร๎ อ ม ทั้ ง ฿ ห๎ ฼ ห ตุ ผ ล ประกอบอยําง฼หมาะสม รอ่ื งตา่ งๆ โดยการพูดและการเขยี น ตวั ช้ีวัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . พูด฽ละ฼ขียนบรรยาย฼ก่ียวกับตน฼อง ๑. พูด฽ละ฼ขียนนา฼สนอข๎อมูล฼ก่ียวกับตน฼อง/ ประสบการณ์ ขําว/฼หตุการณ์/฼ร่ือง/ ประสบการณ์ ขําว/฼หตุการณ์ ฼รื่อง ฽ละ ประ฼ด็นตํางๆ ท่ีอยูํ฿นความสน฿จ ของ ประ฼ดน็ ตํางๆ ตามความสน฿จของสงั คม สงั คม ๒. พูด฽ละ฼ขียนสรุป฿จความสาคญั / ฽กํนสาระท่ีเด๎ . พูด฽ละ฼ขยี นสรุป฿จความสาคัญ/฽กํนสาระ จากการวิ฼คราะห฼์ ร่อื ง กิจกรรม ขําว ฼หตกุ ารณ์ หัวข๎อ฼รื่องที่เด๎จากการวิ฼คราะห์฼ร่ือง/ ฽ละสถานการณ์ตามความสน฿จ

หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้วี ดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๓. พูด/฼ขียน฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับ ฼รื่อง/ขําว/฼หตุการณ์ท่ีอยํู฿นความสน฿จ กจิ กรรมหรอื ฼ร่ืองตํางๆ ฿กล๎ตัวพร๎อมทั้ง฿ห๎ ของสังคม ๓. พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับ ๓. ฼หตุผลส้ันๆ ประกอบ กิจกรรม฼รื่องตํางๆ ฿กล๎ตัว ฽ละ ประสบการณ์ พร๎อมท้ัง฿ห๎฼หตุผลส้ันๆ ประกอบ สาระที่ ๒ ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ตวั ชีว้ ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒

๑๐๖ ตวั ช้วี ดั ช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ขําว/฼หตกุ ารณ์/สถานการณ์ที่อยูํ฿นความ ๓. พดู ฽ละ฼ขยี น฽สดงความคดิ ฼หน็ ฼กี่ยวกบั กจิ กรรม สน฿จของสังคม ประสบการณ์ ฽ละ฼หตุการณ์ ท้ัง฿นท๎องถ่ิน . พูด฽ละ฼ขียน฽สดงความคิด฼ห็น฼กี่ยวกับ สังคม ฽ละ฾ลก พร๎อมทั้ง฿ห๎฼หตุผล฽ละ กิจกรรมประสบการณ์ ฽ละ฼หตุการณ์ ยกตัวอยาํ งประกอบ พร๎อมท้ัง฿ห฼๎ หตุผลประกอบ า และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ชวี้ ดั ชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖

หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชวี้ ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฿ช๎ภาษา น้า฼สียง ฽ละกิริยาทําทาง ๑. ฿ช๎ภาษา น้า฼สียง ฽ละกิริยาทําทาง ๑. สภุ าพ ฼หมาะสม ตามมารยาทสังคม ฽ละ ฼หมาะกับบุคคล฽ละ฾อกาส ตามมารยาท วฒั นธรรมของ฼จา๎ ของภาษา สังคม ฽ละวัฒนธรรมของ฼จา๎ ของภาษา ๒. บรรยาย ฼ก่ียวกับ฼ทศกาล วันสาคัญ ชีวิต ๒. อธบิ าย ฼ก่ยี วกบั ฼ทศกาล วนั สาคัญ ชีวิต ๒. ความ฼ป็นอยํู฽ละประ฼พณีของ฼จ๎าของ ความ฼ป็นอยํู฽ละประ฼พณีของ฼จ๎าของ ภาษา ภาษา ๓. ฼ข๎ารํวม/จัดกิจกรรมทางภาษา฽ละ ๓. ฼ข๎ารํวม/จัดกิจกรรมทางภาษา฽ละ ๓. วัฒนธรรมตามความสน฿จ วัฒนธรรมตามความสน฿จ

๑๐๗ ตวั ชี้วดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฼ลือก฿ช๎ภาษา น้า฼สียง ฽ละกิริยาทําทาง ๑. ฼ลือก฿ช๎ภาษา น้า฼สียง ฽ละกิริยาทําทาง฼หมาะ ฼หมาะกับบุคคล฽ละ฾อกาส ตามมารยาท กับระดับของบุคคล ฾อกาส ฽ละสถานที่ ตาม สังคม ฽ละวฒั นธรรม ของ฼จ๎าของภาษา มารยาทสังคม฽ละวฒั นธรรมของ฼จ๎าของภาษา . อธิบาย ฼ก่ียวกับชีวิต ความ฼ป็นอยูํ ๒. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความ฼ชื่อ ขนบธรรม฼นียม฽ละประ฼พณีของ฼จ๎าของ ฽ละท่ีมาของขนบธรรม฼นียม฽ละประ฼พณีของ ภาษา ฼จา๎ ของภาษา . ฼ข๎ารํวม/จัดกิจกรรมทางภาษา฽ละ ๓. ฼ข๎ารํวม ฽นะนา ฽ละจัดกิจกรรมทางภาษา฽ละ วฒั นธรรมตามความสน฿จ วฒั นธรรมอยําง฼หมาะสม

หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชีว้ ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรร ตวั ช้วี ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. บอกความ฼หมือน฽ละความ฽ตกตําง ๑. ฼ปรียบ฼ทยี บ฽ละอธบิ ายความ฼หมือน฽ละ ๑. ระหวํางการออก฼สียงประ฾ยคชนิดตํางๆ ความ฽ตกตํางระหวํางการออก฼สียง การ฿ช๎฼คร่ืองหมายวรรคตอน ฽ละการ ประ฾ยคชนิดตํางๆ ฽ละการลาดับคา ลาดับคาตาม฾ครงสร๎างประ฾ยคของ ต า ม ฾ ค ร ง ส ร๎ า ง ป ร ะ ฾ ย ค ข อ ง ภาษาตาํ งประ฼ทศ฽ละภาษาเทย ภาษาตํางประ฼ทศ฽ละภาษาเทย ๒. ฼ปรียบ฼ทียบความ฼หมือน฽ละ ความ ๒. ฼ปรยี บ฼ทียบ฽ละอธิบายความ฼หมือน฽ละ ๒. ฽ตกตํางระหวําง฼ทศกาลงานฉลอง วัน ความ฽ตกตํางระหวํางชีวิตความ฼ป็นอยูํ สาคัญ ฽ละชีวิตความ฼ป็นอยูํของ฼จ๎าของ ฽ละวัฒนธรรมของ฼จ๎าของภาษา กับของ ภาษา กบั ของเทย เทย

๑๐๘ ตัวชีว้ ัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ รมของเจา้ ของภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฼ปรียบ฼ทียบ฽ละอธิบายความ฼หมือน฽ละ ๑. อธิบาย/฼ปรียบ฼ทียบความ฽ตกตํางระหวําง ความ฽ตกตํางระหวํางการออก฼สียง ฾ครงสร๎างประ฾ยค ข๎อความ สานวนคาพัง฼พย ประ฾ยคชนิดตํางๆ ฽ละการลาดับคา สุภาษิต฽ละบทกลอนของภาษา ตํางประ฼ทศ ต า ม ฾ ค ร ง ส ร๎ า ง ป ร ะ ฾ ย ค ข อ ง ฽ละภาษาเทย ภาษาตาํ งประ฼ทศ฽ละภาษาเทย ๒. วิ฼คราะห์/อภิปรายความ฼หมือน฽ละความ . ฼ปรยี บ฼ทียบ฽ละอธิบายความ฼หมือน฽ละ ฽ตกตํางระหวํางวิถีชีวิตความ฼ชื่อ ฽ละวัฒนธรรม ความ฽ตกตํางระหวํางชีวิตความ฼ป็นอยํู ของ฼จา๎ ของภาษากับของเทย ฽ละนาเป฿ช๎อยําง ฽ละวัฒนธรรมของ฼จ๎าของภาษา กับของ ม฼ี หตผุ ล เทย ฽ละ นาเป฿ช๎อยาํ ง฼หมาะสม

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชวี้ ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระท่ี ๓ ภาษากบั ความสัมพนั ธก์ ับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ น่ื มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความร้กู บั กลุ่มสาระการเรียน ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ค๎นคว๎า รวบรวม ฽ละสรุปข๎อมูล/ ๑. ค๎นคว๎า รวบรวม ฽ละสรุปข๎อมูล/ ๑. ข๎อ฼ท็จจริงที่฼ก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการ ข๎อ฼ท็จจริงท่ี฼ก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการ ฼รียนร๎ูอื่นจาก฽หลํง฼รียนร๎ู฽ละนา฼สนอ ฼รียนรู๎อื่น จาก฽หลํง฼รียนร๎ู฽ละนา฼สนอ ดว๎ ยการพูด/การ฼ขยี น ด๎วยการพดู /การ฼ขียน

๑๐๙ ตัวชวี้ ัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ นรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน ตวั ช้ีวัดชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ค๎นคว๎า รวบรวม ฽ละสรุปข๎อมูล/ ๑. ค๎นคว๎า/สืบค๎น บันทึก สรุป ฽ละ฽สดงความ ข๎อ฼ท็จจริงท่ี฼กี่ยวข๎องกับกลุํมสาระการ คิด฼ห็น฼กี่ยวกับข๎อมูลที่฼กี่ยวข๎องกับกลํุมสาระ ฼รียนรู๎อ่ืน จาก฽หลํง฼รียนร๎ู฽ละนา฼สนอ การ฼รียนร๎ูอื่น จาก฽หลํง฼รียนร๎ูตํางๆ ฽ละ ดว๎ ยการพูด฽ละการ฼ขียน นา฼สนอด๎วยการพดู ฽ละการ฼ขียน

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชีว้ ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๔ ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ท้ังในสถานศกึ ษา ชมุ ชน ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี

๑๑๐ ตัวชีว้ ัดชว่ งชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ น และสงั คม ตวั ชี้วัดชว่ งชนั้

หลกั สูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฿ช๎ภาษาส่ือสาร ฿นสถานการณ์จริง/ ๑. ฿ช๎ภาษาส่ือสาร฿นสถานการณ์จริง/ ๑. สถานการณ์จาลองท่ี฼กิดข้ึน฿นห๎อง฼รียน สถานการณ์จาลองที่฼กิดข้ึน฿นห๎อง฼รียน ฽ละสถานศกึ ษา สถานศกึ ษา ฽ละชมุ ชน

๑๑๑ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฿ช๎ภาษาสื่อสาร฿นสถานการณ์จริง/ ๑. ฿ช๎ภาษาสื่อสาร฿นสถานการณ์จริง/สถานการณ์ สถานการณ์จาลองท่ี฼กิดข้ึน฿นห๎อง฼รียน จาลองที่฼กิดขึ้น฿นห๎อง฼รียนสถานศึกษา ชุมชน สถานศกึ ษาชมุ ชน ฽ละสังคม ฽ละสงั คม

หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๔ ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เคร่อื งมือพืน้ ฐานในการศกึ ษาต่อ การปร ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ฿นการสืบคน๎ /ค๎นควา๎ ๑. ฿ช๎ภาษาตาํ งประ฼ทศ฿นการสืบค๎น/คน๎ ควา๎ ๑. ความรู๎/ข๎อมูลตาํ งๆ จากสอ่ื ฽ละ฽หลงํ การ รวบรวม฽ละสรปุ ความรู๎/ข๎อมูลตํางๆ จาก ฼ รี ย นรู๎ ตํ า งๆ ฿นก า ร ศึ กษา ตํ อ ฽ละ ส่ือ฽ละ฽หลํงการ฼รียนรต๎ู าํ งๆ฿นการศกึ ษา ประกอบอาชีพ ตอํ ฽ละประกอบอาชีพ ๒. ฼ผย฽พรํ/ ประชาสัมพันธ์ข๎อมูล ขําวสาร ๒. ของ฾รง฼รียน฼ป็นภาษาตาํ งประ฼ทศ

๑๑๒ ระกอบอาชีพ และการแลกเปล่ยี นเรียนรู้กับสังคมโลก ตวั ชี้วดั ช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ฿นการสืบค๎น/ค๎นคว๎า ๑. ฿ช๎ภาษาตํางประ฼ทศ฿นการสืบค๎น/ค๎นคว๎า รวบรวม ฽ละสรุปความร๎ู/ข๎อมลู ตํางๆ จาก รวบรวม วิ฼คราะห์ ฽ละสรุปความร๎ู/ข๎อมูลตํางๆ ส่ื อ฽ ล ะ ฽ ห ลํ งก า ร ฼ รี ย นรู๎ ตํ า งๆ ฿น จากสื่อ฽ละ฽หลํงการ฼รียนร๎ูตํางๆ ฿นการศึกษา การศกึ ษาตอํ ฽ละประกอบอาชีพ ตํอ฽ละประกอบอาชพี . ฼ผย฽พรํ/ ประชาสัมพันธ์ข๎อมูล ขําวสาร ๒. ฼ผย฽พรํ/ประชาสัมพันธ์ ข๎อมูล ขําวสารของ ของ฾รง฼รียนชุมชน ฽ละท๎องถิ่น ฼ป็น ฾รง฼รียน ชุมชน ฽ละท๎องถ่ิน/ประ฼ทศชาติ ภาษาตํางประ฼ทศ ฼ป็นภาษาตาํ งประ฼ทศ

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชว้ี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒

๑๑๓ ตัวชว้ี ดั ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๑ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รการศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรธู้ รรม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความสาคญั รายสาระการเรยี นรธู้ รรม สาระการเรยี นรู้ธรรม ธรรม ฽ปลตามตัวอักษรวํา “สภาพที่ทรงเว๎” หมายถึง สภาพที่มีอยํูตามความ ฼ป็นจริง฽ละสามารถทรงผ๎ูปฏิบัติธรรมเว๎เมํ฿ห๎ตกเปสํูที่ช่ัว ฼ป็นวิชาที่มํุงศึกษาหลักธรรม฿นทางพระพุทธศาสนา ฼พ่ือ฿ห๎฼กิดความรู๎ความ฼ข๎า฿จอยําง฽จํม฽จ๎ง฽ละนาเป฼ป็นหลักยึด฿นการดา฼นินชีวิต฿ห๎ถูกต๎องดีงาม อันจะนา ความสขุ สงบ฿หบ๎ ัง฼กิดขึน้ ฽กชํ ีวติ ตน฼อง฽ละสังคมสํวนรวม ธรรมวิจารณ์ ฼ป็นธรรมที่มี฼นื้อหาลุํมลึกอธิบายธรรม฾ดย ปรมัตถ฼ทศนา มํุง฿ห๎นัก฼รียนเด๎รู๎฽ละ฼ข๎า฿จปรมัตถธรรมอยํางถํอง฽ท๎ท้ังท่ี฼ป็นปริยัติ฽ละปฏิบัติ฼หมาะ฽กํการตีความ ธรรมหรือ฽กป๎ ัญหาธรรม฾ดยปรมัตถ฼ทศนา คือมงํุ ความจรงิ อัน฼ปน็ ท่สี ุด สาระการ฼รียนรู๎ธรรม ฼ป็นสาระการ฼รียนรู๎฼พ่ิม฼ติม กลุํมสาระการ฼รียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา ฽ละ วัฒนธรรม ฼ปน็ สาระท่สี ามารถจะทา฿ห๎นกั ฼รียนมีความรู๎ความ฼ข๎า฿จ฿นการปฏิบัติตามหลักธรรมจน฼กิด฼ป็นนิสัย฽ละ นาเป฿ช๎ประ฾ยชน์฿นงานสังฆกรรม฽ละกิจของสงฆ์ ฼ปน็ สาระการ฼รยี นรท๎ู ่ีทา฿ห๎นัก฼รียนฝึกอบรมตน฼องท้ังกาย วาจา ฽ละ฿จ ฿ห๎฼รียบรอ๎ ยตลอดถึง฼ป็นผมู๎ ีวัตรปฏิบัติดีมีการสารวมอันควร฽กํฐานานรุ ปู ธรรมชาติหรือลักษณะเฉพาะของสาระการเรยี นร้ธู รรม กลมุํ สาระการ฼รยี นรู๎สงั คมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม วําด๎วยการอยํูรํวมกัน฿นสังคม ท่ีมีความ฼ชื่อม สัมพันธ์กัน฽ละมีความ฽ตกตํางกันอยํางหลากหลาย ฼พื่อชํวย฿ห๎สามารถปรับตน฼องกับบริบทสภาพ฽วดล๎อม฼ป็น พล฼มอื งดี มคี วามรับผดิ ชอบ มคี วามร๎ู ทกั ษะ คณุ ธรรม ฽ละคาํ นยิ มท฼ี่ หมาะสม ฾ดยเด๎กาหนดสาระตํางๆ เว๎ ดงั น้ี พระพุทธศาสนา มี฽นวคดิ พืน้ ฐาน฼กยี่ วกบั ศาสนา ศีลธรรม฽ละจริยธรรม การนาหลักธรรมเปปฏิบัติ฿น การพฒั นาตน฼อง฽ละการอยรูํ วํ มกนั อยาํ งสันตสิ ุขน้ัน จดั ฼ปน็ ผู๎กระทาความดี มีคาํ นิยมท่ดี งี าม พัฒนาตน฼องอยํู฼สมอ รวมทั้งบา฼พ็ญประ฾ยชน์ตอํ สังคม฽ละสํวนรวม คาสอนของพระพทุ ธ฼จ๎า฼รียกวํา พระธรรม เด๎รวบรวมเว๎฼ป็นพระเตรปิฎกมีศัพท์฼ฉพาะท่ีต๎องทาความ ฼ขา๎ ฿จ฼รียกวํา ศัพท์ทางพระพุทธศาสนา พระเตรปิฎกบรรจุหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หลักธรรมบางข๎อเด๎รับ

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๒ การ฼รียบ฼รียง฼ป็นพุทธศาสนสุภาษิต฼พ่ือ฼ป็นคติสอน฿จ ธรรมจึง฼ป็นวิธีนาหลักธรรมมาปฏิบัติ ก็คือการบริหารจิต ฽ละ฼จริญปัญญา ดังน้ัน สาระการ฼รียนร๎ูธรรม จึงมีลักษณะ฼ฉพาะท่ีมํุง฼น๎น฿ห๎นัก฼รียนมีความร๎ู฼ก่ียวกับหลักธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา มีคํานิยมท่ีดีงาม มีศรัทธา฿นพระพุทธศาสนา ฽ละมุํง฼น๎น฿ห๎นัก฼รียนปฏิบัติตามหลักธรรมสามารถ นาเปประยกุ ต฿์ ช฿๎ นการดา฼นินชีวติ วิสัยทศั น์สาระการเรยี นรธู้ รรม นัก฼รียนป็นผ๎ูมีความรู๎ ทักษะ กระบวนการ ฽ละคุณธรรม จริยธรรม ตลอดถึงคํานิยมตามหลักสูตร การศึกษาพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ฼ข๎า฿จ฿นการนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาถํายทอดความคิด ฽ละ฽นวปฏิบัติเปยังสังคมเด๎อยํางสร๎างสรรค์ ตลอดถึง฿ช๎หลักธรรม฼พื่อ฼ป็น฽นวทาง฿นการศึกษาตํอ฽ละการ ดารงชีวิตเด๎ถูกต๎อง พนั ธกิจสาระการเรียนรูธ้ รรม สาระการ฼รียนรู๎ธรรม ฼ป็นการศึกษาที่มํุง฿ห๎พระภิกษุสาม฼ณรพัฒนาตน฼องประพฤติปฏิบัติตาม หลักธรรม฼ป็นศาสนทายาทที่ดี฽ละนาความรู๎จากการศึกษาเปพัฒนาศาสนา สังคม ฾ดยมุํงปลูกฝัง฿ห๎พระภิกษุ สาม฼ณรมคี ุณลักษณะดงั ตอํ เปนี้ ๑. มุํง฿ห๎นัก฼รียน฼ห็นคุณคําของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฽ละยินดีที่จะปฏิบัติตาม฿นฐานะ฼ป็น ศาสนทายาท ๒. มงุํ ฿ห๎นัก฼รียนสามารถ฼ผย฽ผํหลกั ธรรมท฼่ี หมาะสมกับสภาพปัญหาของบุคคล฽ละสงั คม ๓. มงํุ ฿หน๎ กั ฼รียน฼กดิ ความรค๎ู วาม฼ข๎า฿จ฿นหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาอยําง฽ท๎จริง ๔. มํุง฿ห๎นัก฼รียน฼กิดความรู๎ความ฼ข๎า฿จ฽ละความ฼คารพ฼ล่ือม฿ส฿นพระรัตนตรัยอัน฼ป็นหลักชัย฽หํง พระพทุ ธศาสนา เปา้ หมายหรือความคาดหวังของสาระการเรยี นร้ธู รรม การจัดการ฼รียนการสอนสาระการ฼รียนรู๎ธรรม ฼ป็นสํวนหน่ึง฿นกลํุมสาระการ฼รียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวฒั นธรรม ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีความคาดหวังวํา ฼ม่ือนัก฼รียน ฼รียนสาระการ฼รียนรู๎ธรรมอยาํ งตํอ฼น่ืองต้ัง฽ตํชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎น฽ละตอนปลาย฽ล๎ว นัก฼รียนจะมี฼จตคติท่ีดีตํอ สาระการ฼รียนรูธ๎ รรม ดังน้ี ๑. ฼ขา๎ ฿จ฿นความหมาย฽ละ฽นวปฏิบัติอันหลากหลายของธรรม฿นทางพระพุทธศาสนา ๒. สามารถถํายทอดความคดิ ฽ละ฽นวปฏบิ ัติเปสูํสังคมเทยเดอ๎ ยํางสรา๎ งสรรค์ ๓. สามารถ฿ช๎หลักธรรม฽สวงหาความรู฿๎ นการประพฤติปฏบิ ตั ิตนสาหรบั การดา฼นินชวี ติ ฽หํงความ฼ป็น สมณสารปู ๔. ฼พอ่ื การศึกษาตํอ฿นระดบั สงู ขน้ึ

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๓ คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของสาระการเรยี นรธู้ รรม ๑. นัก฼รยี นมคี วามรค๎ู วาม฼ขา๎ ฿จ฽ละความ฼คารพ฼ลอ่ื ม฿ส฿นพระรัตนตรัย ๒. นกั ฼รียนมีความรูค๎ วาม฼ข๎า฿จ฿นหลกั ธรรมข้นั ปญั ญาภูมิ ๓. นัก฼รียน฼ห็นคุณคําของพระพุทธศาสนา ฽ละธารงรักษาเว๎฿นฐานะ฼ป็นศาสนาประจาชาติ ฼ป็นบํอ ฼กดิ วัฒนธรรมเทย ฼ป็นมรดกอันสาคญั ยง่ิ ของชาติ ๔. นัก฼รียน฼ห็นคุณคําของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฽ละยินดีปฏิบัติตาม฿นฐานะ฼ป็นศาสน ทายาททดี่ ี ๕. นัก฼รียนสามารถ฼ผย฽ผํหลักธรรมท่ี฼หมาะสมกับสภาพ฽ละปัญหาของบุคคล สังคม฽ละ ประ฼ทศชาติ ๖. นัก฼รียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร฾รง฼รียน฼ขื่อนผากวิทยา หลักสูตร฽กนกลาง การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ฽ละหลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม ฽ผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ธรรม สาระที่ ๑ พระพทุ ธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๑ รู฽๎ ละ฼ข๎า฿จประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา฽ละศาสนาอื่น มีศรัทธา ทถี่ กู ตอ๎ ง ยดึ ม่ัน ฽ละปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรม ฼พอ่ื อยูํรํวมกนั อยาํ งสันตสิ ุข คุณภาพผู้เรยี น สาระการ฼รยี นร๎ธู รรม ฼ป็นสํวนหนึ่งของกลุํมสาระการ฼รียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม ฼ป็น สาระการ฼รยี นร฼ู๎ พมิ่ ฼ตมิ ที฿่ ห๎นกั ฼รยี น฿น฾รง฼รียน฼ข่ือนผากวิทยา ต๎องศึกษาตั้ง฽ตํระดับ ๒ ถึง ระดับ ๓ มุํง฼น๎น฿ห๎ นัก฼รียนเด๎ศึกษาความสาคัญของหลักธรรม฿ห๎มีความร๎ู มีทักษะ ฽ละกระบวนการ฿นฐานะ฼ป็นหลักธรรม฿นทาง พระพทุ ธศาสนา จบชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓, ๖ (ระดับ ๒, ๓) นกั เรียนจะมีคุณภาพ ดงั น้ี  มคี วามร๎ู ความ฼ข๎า฿จ฿นหลักธรรม มีศรัทธาที่ถูกต๎อง฿นพระพุทธศาสนา มีความยึดมั่น ฽ละปฏิบัติ ตนตามหลกั ธรรมของพระสัมมาสัมพทุ ธ฼จ๎า สามารถนาหลกั ธรรมเปประยกุ ต฿์ ช๎฽ก๎ปัญหา฿นการดา฼นินชวี ติ  มีจิตสานึก฿นการ฿ช๎หลกั ธรรมคาสอน฼พ่อื สงํ ฼สริมความสงบสุข฿นสังคม สามารถนาหลักธรรมเป฿ช๎ ฿นการ฽ก๎ปญั หาสงั คมตลอดถึงปฏบิ ตั ธิ รรม฼พื่อความพ๎นทุกข์  มีการพัฒนาตน฼ป็นพล฼มืองท่ีดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรม มีคํานิยมอันพึง ประสงค์ สามารถอยรํู ํวมกบั ผ๎ูอืน่ ฽ละอยํ฿ู นสังคมเด๎อยํางมีความสุข รวมทั้งมีศักยภาพ฼พื่อการศึกษาตํอ฿นช้ันสูงตาม ความประสงค์  มศี รัทธามน่ั คง ฽ละสามารถดารงตนอยํางถกู ตอ๎ ง฼หมาะสมตามหลักธรรม฿นทางพระพุทธศาสนา

หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๔  ฼กิดความม่นั ฿จ฿นการดา฼นินชีวิตประจาวัน฽ละสามารถปรับตัว฼ข๎ากับสภาพ฽วดล๎อมทางสังคมเด๎ อยํางถูกต๎อง฼หมาะสม

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ พระพุทธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๑ รแู้ ละเขา้ ใจประวัติ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศ ร่วมกันอย่างสนั ตสิ ุข ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ร฽๎ู ละ฼ขา๎ ฿จหลักธรรมทาง ๑. อธิบายหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา ๑. วิ฼ค พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ทกุ ะ ฿นธรรมวภิ าค ทสกะ หมวด ๑๐ พระ หมวด ๒ ๒. อธิบายหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๒ ท ๒. ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จหลกั ธรรมทาง ฿นธรรมวิภาค หมวด฼บด็ ฼ตลด็ ๒. วิ฼ค พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวภิ าค ตกิ ะ ๓. อธบิ ายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พระ หมวด ๓ ฿นคิหปิ ฏิบัติ จตกุ กะ หมวด ๔ ๒ต ๓. รู๎฽ละ฼ข๎า฿จหลักธรรมทาง ๔. อธบิ ายหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๓. ว฼ิ ค พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค จตกุ กะ ฿นคิหปิ ฏบิ ัติ ปัญจกะ หมวด ๕ พระ หมวด ๔ ๕. อธิบายหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๒ จ ๔. รู๎฽ละ฼ข๎า฿จหลักธรรมทาง ฿นคหิ ปิ ฏบิ ตั ิ ฉกั กะ หมวด ๖ ๔. ว฼ิ ค พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ปญั จ ๖. ร๎฽ู ละ฼ขา๎ ฿จหลกั การ฼ขียน฼รียงความ฽ก๎ พระ กะ หมวด ๕ กระทู๎ธรรมนักธรรมชัน้ ตรี ๒ป ๕. รู๎฽ละ฼ข๎า฿จหลักธรรมทาง ๕. รู๎฽ล พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ฉักกะ กระ หมวด ๖ ๖. รู๎฽ละ฼ขา๎ ฿จหลักธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค สตั ตกะ หมวด ๗

๑๑๔ ศาสนาและศาสนาอื่น มศี รัทธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏบิ ตั ติ ามหลักธรรม เพื่ออยู่ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ คราะหห์ ลักธรรมทาง มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ะพทุ ธศาสนา฿นธรรมวภิ าคปริ฼ฉทท่ี ๑. วิ฼คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค ทุกะ หมวด ๒ ปริ฼ฉทท่ี ๒ ฉกั กะ หมวด ๖ คราะหห์ ลกั ธรรมทาง ๒. ว฼ิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค ะพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาคปร฼ิ ฉทที่ ปริ฼ฉทที่ ๒ สตั ตกะ หมวด ๗ ตกิ ะ หมวด ๓ ๓. วิ฼คราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค คราะหห์ ลกั ธรรมทาง ปริ฼ฉทท่ี ๒ อฏั ฐกะ หมวด ๘ ะพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าคปร฼ิ ฉทที่ ๔. ว฼ิ คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าค จตุกกะ หมวด ๔ ปร฼ิ ฉทที่ ๒ นวกะ หมวด ๙ คราะหห์ ลักธรรมทาง ๕. ว฼ิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าค ะพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาคปริ฼ฉทที่ ปริ฼ฉทที่ ๒ ทสกะ หมวด ๑๐ ปญั จกะ หมวด ๕ ๖. วิ฼คราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค ละ฼ขา๎ ฿จหลักการ฼ขยี น฼รยี งความ฽ก๎ ปริ฼ฉทที่ ๒ ฼อกาทสกะ หมวด ๑๑ ะท๎ูธรรมนักธรรมชน้ั ฾ท ๗. ว฼ิ คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ปร฼ิ ฉทท่ี ๒ ทวาทสกะ หมวด ๑๒ ๘. วิ฼คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ปร฼ิ ฉทท่ี ๒ ฼ตรสกะ หมวด ๑๓ ๙. ว฼ิ คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าค

หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๗. รู๎฽ละ฼ขา๎ ฿จหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค อัฏฐกะ หมวด ๘ ๘. รู฽๎ ละ฼ข๎า฿จหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค นวกะ หมวด ๙ ๙. ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จหลักการ฼ขียน฼รยี งความ฽ก๎ กระทูธ๎ รรมนักธรรมช้นั ตรี

๑๑๕ ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ปริ฼ฉทท่ี ๒ ปัณณรสกะ หมวด ๑๕ ๑๐. ร๎฽ู ละ฼ขา๎ ฿จหลักการ฼ขียน฼รียงความ฽กก๎ ระทธู๎ รรม นักธรรมชัน้ ฾ท มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ ๑. วิ฼คราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิจารณ์ สํวนปรมตั ถปฏิปทา ๒. ว฼ิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวจิ ารณ์ สํวนสงั สารวัฏ ๓. วิ฼คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นสวํ นสมถ กัมมัฏฐาน฽ละพระพุทธคุณกถา ๔. ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จหลกั การ฼ขยี น฼รียงความ฽ก๎กระทธ๎ู รรม นักธรรมชัน้ ฼อก มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ๑. วิ฼คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นวปิ ัสสนา กัมมัฏฐาน ๒. วิ฼คราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นวปิ ัลลาสกถา ๓. วิ฼คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นมหาสติปฏั ฐาน สูตร ๔. วิ฼คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นคิรมิ านนทสตู ร ๕. รู฽๎ ละ฼ข๎า฿จหลกั การ฼ขียน฼รยี งความ฽กก๎ ระท๎ธู รรม นักธรรมช้นั ฼อก

หลกั สูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๖ สาระการเรียนรู้พุทธประวัติ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความสาคญั รายสาระการเรียนรพู้ ทุ ธประวตั ิ สาระการ฼รียนรู๎พุทธประวัติ ฼ป็นวิชาที่มํุง฿ห๎ผ๎ู฼รียนเด๎ทราบประวัติของพระพุทธ฼จ๎า ซ่ึง฼ป็นบุคคลที่มี อยจูํ ริง฿นประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ การทราบภูมิหลัง ความ฼ป็นมาของพระพุทธ฼จ๎าจะทา฿ห๎฼กิดศรัทธาปสาทะ ยอมรับนับถือพระพุทธ฼จ๎าอยํางถูกต๎องที่สาคัญ฼ม่ือเด๎ทราบพระจริยาวัตรของพระพุทธองค์฽ล๎ว จะทา฿ห๎เด๎฽บบ ฽ผนท่ดี งี าม฿นการดา฼นนิ ชวี ติ ฽ละมีฉนั ทะ฿นการปฏบิ ตั ิตามคาสอนของพระพุทธองค์มากข้ึน อนุพุทธประวัติ กลําวถึงประวัติของพระมหาสาวก ๘๐ องค์ หรือท่ี฼รียกวํา อสีติมหาสาวก กลําว฾ดย ยอํ ฼พ่ือ฿ห๎ทราบวาํ ฽ตลํ ะองคม์ ีชาติภูมิที่เหน บิดามารดาชอื่ อะเร ฼หตุ฿ดจงึ เด๎฼ข๎ามาบวช฿นพระพุทธศาสนา บวชด๎วย วิธี฿ด มี฿คร฼ป็นอุปัชฌาย์ บรรลุมรรคผล฼พราะธรรม฼ทศนาชื่ออะเร ฽ละปฏิบัติอยํางเร เด๎ทาประ฾ยชน์อะเรบ๎าง เดร๎ ับการยกยํอง฿ห๎฼ป็น฼อตทคั คะด๎าน฿ด ฽ละปรินพิ พานท่เี หน พุทธานุพุทธประวัติ กลําวถึงพระพุทธจริยาวัตร฽ละประวัติพระพุทธสาวก-สาวิกา ที่สาคัญ฾ดย฼น๎น฿ห๎ ฼หน็ ถงึ ขอ๎ ปฏิบตั ิท่กี ํอ฿ห๎฼กิดความ฼สื่อม฿ส฽กํอนุชน ท่ีสาคัญเด๎บูรณาการพุทธประวัติ฽ละอนุพุทธประวัติ฿ห๎มี฼น้ือหา กลมกลนื กนั ฿ห๎ผ฼๎ู รยี น฼หน็ ภาพรวม฿นประวตั ิของพระพุทธ฼จา๎ ฽ละพทุ ธสาวก-สาวกิ า ศาสนพิธี ฼ป็นสํวนหน่ึง฿นสาระการ฼รียนร๎ูพุทธประวัติ ฼ป็นวิชาท่ีกลําวถึงพิธีกรรมหรือระ฼บียบ฽บบ ฽ผนท่ีจะพึงปฏิบัติ฿นทางศาสนา ซึ่งนอกจากจะส่ือความหมายเปถึงหลักจริยธรรม฿นศาสนา฽ล๎ว ยัง฼ป็นพิธีกรรมที่ ทา฿ห๎พุทธศาสนิกชนมีระ฼บียบ฽บบ฽ผนที่ดีงาม฽ละ฼มื่อปฏิบัติเด๎ถูกต๎องตามระ฼บียบ฽บบ฽ผน฽ล๎วก็นับวําบุคคล กลุํมคน สังคมนั้นๆ มีความ฼จริญ มีระ฼บียบ฽บบ฽ผน฼ป็น฼อกลักษณ์อัน฾ดด฼ดํน กลาย฼ป็นอารยธรรมทางศาสนาที่ งดงาม฼ป็นที่ช่ืมชมของผู๎รู๎ทัว่ เป สาระการ฼รียนร๎ูพุทธประวัติ ฼ป็นสาระการ฼รียนร๎ู฼พิ่ม฼ติม กลํุมสาระการ฼รียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม ท่ีจะทา฿หน๎ กั ฼รียนมีความรค๎ู วาม฼ขา๎ ฿จ฿นการปฏิบัติตนตาม฽นวพุทธประวตั ิ อนุพุทธประวัติ พุทธานุ พุทธประวัติ ฽ละศาสนพิธี จน฼กิด฼ป็นนิสัย฽ละนาเป฿ช๎ประ฾ยชน์฿นงานสังฆกรรม฽ละกิจของสงฆ์ ทา฿ห๎นัก฼รียนเด๎ ฝกึ อบรมตน฼องท้ังกาย วาจา ฽ละ฿จ ฿ห฼๎ รยี บรอ๎ ยตลอดถงึ ฼ปน็ ผมู๎ วี ัตรปฏบิ ตั ิดมี กี ารสารวมอนั ควร฽กฐํ านานุรูป ธรรมชาตหิ รือลกั ษณะเฉพาะของสาระการเรยี นรูพ้ ทุ ธประวัติ กลมํุ สาระการ฼รยี นร๎สู ังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม วําด๎วยการอยูํรํวมกัน฿นสังคม ที่มีความ฼ช่ือม สัมพันธ์กัน ฽ละมีความ฽ตกตํางกันอยํางหลากหลาย ฼พ่ือชํวย฿ห๎สามารถปรับตน฼องกับบริบทสภาพ฽วดล๎อม ฼ป็น พล฼มอื งดี มีความรบั ผดิ ชอบ มคี วามร๎ู ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม ฽ละคาํ นยิ มท฼่ี หมาะสม สาระการ฼รียนร๎ูพุทธประวัติ มี฽นวคิดพื้นฐาน฼กี่ยวกับหลักปฏิบัติของพระพุทธ฼จ๎า฿นการดา฼นินชีวิต การนาหลักปฏิบัติของพระพุทธ฼จ๎าเป฼ป็น฽นวปฏิบัติ฿นการพัฒนาตน฼อง฽ละการอยูํรํวมกันอยํางสันติสุขนั้น จัดเด๎ วาํ ฼ป็นผก๎ู ระทาความดี มคี ํานิยมท่ีดีงาม พัฒนาตน฼องอย฼ํู สมอ รวมท้งั บา฼พญ็ ประ฾ยชน์ตอํ สงั คม฽ละสวํ นรวม

หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๗ ดังน้นั สาระการ฼รยี นรพ๎ู ทุ ธประวตั ิ จงึ มลี ักษณะ฼ฉพาะทม่ี งํุ ฼นน๎ ฿ห๎นัก฼รียนมีความรู๎฼กี่ยวกับประวัติของ พระพุทธ฼จ๎า ประวัติของพระสาวก-สาวิกา ฽ละศาสนพิธี ฿ห๎มีคํานิยมท่ีดีงาม฽ละมีศรัทธาที่ถูกต๎อง฿น พระพทุ ธศาสนาสามารถนาเปประยกุ ต฿์ ช฿๎ นการดา฼นินชีวติ วสิ ยั ทัศน์สาระการเรยี นรู้พุทธประวัติ นัก฼รียนป็นผ๎ูมีความรู๎ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ฽ละคํานิยมตามหลักสูตร฾รง฼รียน ฼ขื่อนผากวิทยา ฽ละหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ฼ข๎า฿จ฿นประวัติของพระพุทธ฼จ๎า ประวัติของพระสาวก-สาวิกา ฽ละศาสนพิธี สามารถถํายทอดความคิด฽ละ฽นวปฏบิ ตั เิ ปยงั สังคมเดอ๎ ยํางสร๎างสรรค์ พันธกิจสาระการเรยี นรูพ้ ทุ ธประวัติ สาระการ฼รยี นรพ๎ู ทุ ธประวตั นิ ้ี ฼ป็นการศึกษาทีม่ งํุ ฿หพ๎ ระภกิ ษสุ าม฼ณรพฒั นาตน฼องประพฤติปฏิบัติตาม ฽นวปฏิบัติของพระพุทธองค์ ฼ป็นศาสนทายาทที่ดี฽ละนาความรู๎จากการศึกษาเปพัฒนาศาสนา สังคม ฾ดยมุํง ปลกู ฝัง฿หพ๎ ระภกิ ษุสาม฼ณรมีคุณลกั ษณะดงั ตํอเปนี้ ๑. มุํง฿ห๎นัก฼รยี น฼หน็ คุณคําของวิชาพุทธประวัติ฽ละยินดีทีจ่ ะปฏบิ ตั ิตาม฿นฐานะ฼ปน็ ศาสนทายาท ๒. มงํุ ฿ห๎นัก฼รียนสามารถ฼ผย฽ผํพทุ ธประวัติท่฼ี หมาะสมกบั สภาพปัญหาของบคุ คล฽ละสงั คม ๓. มงุํ ฿ห๎นกั ฼รียน฼กดิ ความรค๎ู วาม฼ขา๎ ฿จ฿นประวัติของพระพุทธ฼จ๎าอยาํ ง฽ทจ๎ ริง ๔. มํงุ ฿หน๎ ัก฼รยี น฼กิดความรูค๎ วาม฼ขา๎ ฿จ฽ละความ฼คารพ฼ล่ือม฿ส฿นพระรัตนตรัย เป้าหมายหรือความคาดหวงั ของสาระการเรียนร้พู ทุ ธประวตั ิ การจดั การ฼รยี นการสอนสาระการ฼รียนรู๎พุทธประวัติ ฼ป็นสํวนหนึ่ง฿นกลํุมสาระการ฼รียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวฒั นธรรม ตามหลกั สตู ร฾รง฼รียน฼ขื่อนผากวิทยา หลกั สตู รการศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ฽ละหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีความคาดหวงั วาํ ฼ม่อื นัก฼รียน฼รียนสาระการ฼รียนร๎ูพุทธ ประวัติอยํางตํอ฼นื่องต้ัง฽ตํชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎น฽ละตอนปลาย฽ล๎ว นัก฼รียนจะมี฼จตคติที่ดีตํอสาระการ฼รียนร๎ู พทุ ธประวัตดิ งั นี้ ๑. สามารถ฿ช๎฼ป็นหลักปฏิบัติตาม฽นวทางของวิชาพุทธประวัติ ฼พ่ือ฽สวงหาความรู๎฿นการประพฤติ ปฏิบตั ิตนสาหรับการดา฼นนิ ชีวิต฽หํงความ฼ปน็ สมณสารูป ๒. ฼พื่อการศกึ ษาตํอ฿นระดับสูงขนึ้ ๓. ฼ข๎า฿จ฿นความหมาย฽ละ฽นวปฏบิ ัตอิ ันหลากหลายวิชาพทุ ธประวตั ิ ๔. สามารถถาํ ยทอดความคิด฽ละ฽นวปฏิบตั ิเปสสูํ ังคมเทยเด๎อยํางสร๎างสรรค์ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องสาระการเรยี นร้พู ทุ ธประวตั ิ ๑. นัก฼รยี นมคี วามรค๎ู วาม฼ขา๎ ฿จ฽ละความ฼คารพ฼ลื่อม฿ส฿นพระรัตนตรยั ๒. นกั ฼รยี น฼หน็ คุณคําของวชิ าพทุ ธประวัติ ฽ละยนิ ดีปฏิบตั ติ าม฿นฐานะ฼ป็นศาสนทายาท

หลกั สูตรโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๘ ๓. นัก฼รียนสามารถ฼ผย฽ผํหลักธรรมที่฼หมาะสมกับสภาพ฽ละปัญหาของบุคคล สังคม฽ละ ประ฼ทศชาติ ๔. นกั ฼รยี นมคี วามร๎ูความ฼ข๎า฿จ฿นหลกั ธรรมข้นั ปญั ญาภมู ิ ๕. นัก฼รียน฼ห็นคุณคําของพระพุทธศาสนา ฽ละธารงรักษาเว๎฿นฐานะ฼ป็นศาสนาประจาชาติ ฼ป็นบํอ ฼กดิ วัฒนธรรมเทย ฼ป็นมรดกอันสาคัญยิ่งของชาติ ๖. นัก฼รียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ฽ละหลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ฽ผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระและมาตรฐานการเรยี นรูพ้ ทุ ธประวัติ สาระที่ ๑ พระพุทธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๒ ฼ข๎า฿จตระหนกั ฽ละปฏบิ ัตติ น฼ป็นพุทธศาสนกิ ชนที่ด฽ี ละธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา คณุ ภาพผ้เู รียน สาระการ฼รียนร๎ูพุทธประวัติ฼ป็นสํวนหนึ่งของกลํุมสาระการ฼รียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม ฼ป็นสาระการ฼รียนร๎ู฼พ่ิม฼ติม ที่฿ห๎นัก฼รียน฿น฾รง฼รียนพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ต๎องศึกษาตั้ง฽ตํระดับ ๒ ถงึ ระดับ ๓ มุํง฼น๎น฿ห๎นัก฼รียนเด๎ศึกษาวิชาพุทธประวัติ อนุพุทธประวัติ พุทธานุพุทธประวัติ ฽ละศาสนพิธี ฼พื่อ฿ห๎ ฼กิดความร๎ู ทักษะ ฽ละกระบวนการ฿นฐานะ฼ป็นหลกั ปฏิบตั ฿ิ นทางพระพุทธศาสนา จบช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓, ๖ (ระดบั ๒, ๓) นกั เรียนจะมคี ณุ ภาพ ดงั นี้  มีความรู๎ ความ฼ข๎า฿จ฿นประวัติความสาคัญของศาสดา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มีศรัทธาท่ี ถกู ตอ๎ ง฿นหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา มคี วามยึดมนั่ ฽ละปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาสามารถนา หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเปประยุกต฿์ ช฽๎ ก๎ปัญหา฿นการดา฼นนิ ชีวิต  มีการพัฒนาตน฼ป็นพล฼มืองที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา มีคํานิยมอันพึงประสงค์ สามารถอยํูรํวมกับผ๎ูอื่น฽ละอยูํ฿นสังคมเด๎อยํางมีความสุข รวมทั้งมี ศกั ยภาพ฼พ่อื การศกึ ษาตํอ฿นชน้ั สงู ตามความประสงค์  มีจิตสานึก฿นการ฿ช๎หลักธรรม฼พ่ือสํง฼สริมความสงบสุข฿นสังคมสามารถนาหลักธรรมเป฿ช๎฿นการ ฽ก๎ปัญหาสังคมตลอดถงึ ปฏิบัตธิ รรม฼พ่อื ความพ๎นทกุ ข์  เด๎฼รียนรค๎ู วาม฼ขา๎ ฿จ฼กย่ี วกบั ประวตั พิ ระสาวกทีส่ าคัญ฽ละหลกั พุทธประวัต฼ิ พอ่ื การพัฒนาชีวติ  มคี วามร๎ูความ฼ข๎า฿จ฼กย่ี วกบั ศาสนาสมยั กอํ นพุทธกาล สมัยพุทธกาล ฽ละสมยั หลังพุทธกาล  มีความร๎ูความ฼ข๎า฿จ฼กี่ยวกับประวัตพิ ทุ ธศาสนา฿นประ฼ทศตาํ งๆ  มีศรัทธาม่ันคง฿นพระพุทธประวัติ ฽ละสามารถดารงตนอยํางถูกต๎อง฼หมาะสมตามหลักพุทธ ประวัติทางพระพุทธศาสนา

หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๙  ฼กิดความม่นั ฿จ฿นการดา฼นินชีวิตประจาวัน฽ละสามารถปรับตัว฼ข๎ากับสภาพ฽วดล๎อมทางสังคมเด๎ อยํางถูกต๎อง฼หมาะสม

หลักสูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ พระพุทธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจตระหนักและปฏบิ ัตติ นเป็นพุทธศาสนกิ ชนท่ดี แี ละธารงรกั ษ ม. ๑ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ ชั้นปี ๑. ว฼ิ ค ขอ ๑. ร฽๎ู ละ฼ขา๎ ฿จพุทธประวตั ิบทท่ี ๑ ม. ๒ ๔๑ ชมพทู วีป฽ละประชาชน ๑. อธิบายพทุ ธประวัติบทท่ี ๗ ๒. วิ฼ค ๒. รู๎฽ละ฼ข๎า฿จพทุ ธประวัตบิ ทท่ี ๒ สงํ พระสาวกเปประกาศพระศาสนา ๓. ว฼ิ ค สกั กชนบท฽ละศากยวงศ์ ๒. อธิบายพุทธประวัตบิ ทที่ ๘ ๓. ร฽๎ู ละ฼ข๎า฿จพุทธประวตั ิบทท่ี ๓ ฼สด็จกรงุ ราชคฤห์ ฽คว๎นมคธ พระศาสดาประสตู ิ ๓. อธิบายพุทธประวตั บิ ทท่ี ๙ ๔. ร฽๎ู ละ฼ขา๎ ฿จพทุ ธประวตั ิบทที่ ๔ ทรงบา฼พญ็ พุทธกจิ ฿นมคธชนบท ฼สดจ็ ออกบรรพชา ๔. อธบิ ายพทุ ธประวตั ิบทที่ ๑๐ ๕. ร฽ู๎ ละ฼ขา๎ ฿จพุทธประวัตบิ ทที่ ๕ ฼สดจ็ สักกชนบท ตรสั รู๎ ๕. อธบิ ายพุทธประวัตบิ ทท่ี ๑๑ ๖. รู๎฽ละ฼ขา๎ ฿จพุทธประวัติบทท่ี ๖ ฼สดจ็ ฾กศลชนบท ปฐม฼ทศนา฽ละปฐมสาวก ๖. อธบิ ายพุทธประวตั ิบทที่ ๑๒ ๗. ร๎฽ู ละ฼ข๎า฿จ฼หตุ฼กิด฽ละประ฼ภท ทรงปลงอายสุ ังขาร ศาสนพิธี ๗. อธบิ ายพทุ ธประวตั บิ ทท่ี ๑๓ ๘. รู๎฽ละ฼ข๎า฿จศาสนพิธหี มวดที่ ๑ ถวายพระ฼พลิงพทุ ธสรีระ กศุ ลพธิ ี ๘. อธบิ ายศาสนพธิ หี มวดที่ ๓ ๙. รู๎฽ละ฼ขา๎ ฿จศาสนพิธหี มวดที่ ๒ ทานพิธี บุญพิธี ๙. อธิบายศาสนพิธีหมวดท่ี ๔ ปกณิ ณกพธิ ี

๑๑๙ ษาพระพุทธศาสนา ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ คราะหอ์ นุพุทธประวตั ิ฿นสวํ นประวัติ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ องพระมหาสาวกผเู๎ ดร๎ ับ฼อตทัคคะ ๑. วิ฼คราะหอ์ นพุ ทุ ธประวัต฿ิ นสวํ นประวัตขิ องพระมหาสาวก ๑ องค์ ผ๎ูเมเํ ดร๎ บั ฼อตทคั คะ ๓๙ องค์ คราะหศ์ าสนพิธหี มวดที่ ๑ กศุ ลพธิ ี ๒. วิ฼คราะหศ์ าสนพธิ ี หมวดท่ี ๓ ทานพธิ ี คราะหศ์ าสนพธิ ีหมวดที่ ๒ บญุ พธิ ี ๓. ว฼ิ คราะหศ์ าสนพิธี หมวดที่ ๔ ปกณิ ณกพธิ ี มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ๑. ว฼ิ คราะหพ์ ทุ ธานพุ ทุ ธประวัต฿ิ นสํวนปร฼ิ ฉทที่ ๑ วําดว๎ ยชมพูทวปี ๒. วิ฼คราะหพ์ ทุ ธานพุ ุทธประวตั ิ฿นสํวนปริ฼ฉทที่ ๒ วําด๎วยการ฼สดจ็ ออกบรรพชา฽ละตรัสรู๎ ๓. วิ฼คราะหพ์ ุทธานพุ ุทธประวัติ฿นสํวนปร฼ิ ฉทที่ ๓ วาํ ด๎วยการ฼สวยวิมตุ ตสิ ขุ ๔. วิ฼คราะหพ์ ุทธานุพทุ ธประวตั ฿ิ นสํวนปริ฼ฉทที่ ๔ วาํ ดว๎ ยการประทาน฼อหภิ กิ ขุอปุ สมั ปทา ๕. วิ฼คราะห์พุทธานพุ ทุ ธประวตั ิ฿นสวํ นปร฼ิ ฉทท่ี ๕ วาํ ด๎วยการประกาศพระศาสนา ๖. วิ฼คราะหพ์ ทุ ธานุพุทธประวัต฿ิ นสํวนปริ฼ฉทที่ ๖ วําด๎วยพระอัครสาวก

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒

๑๒๐ ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๗. วิ฼คราะหพ์ ทุ ธานุพุทธประวัต฿ิ นสํวนปร฼ิ ฉทท่ี ๗ วาํ ดว๎ ยพระมหากัสสปะ ฽ละมหากัจจายนะออกบวช ๘. ว฼ิ คราะห์พุทธานุพุทธประวตั ิ฿นสํวนปริ฼ฉทที่ ๘ วําด๎วยการ฾ปรดมาณพ ๑๖ คน มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ๑. ว฼ิ คราะห์พุทธานุพทุ ธประวัติ฿นสวํ นปริ฼ฉทท่ี ๙ วําดว๎ ยการอนญุ าตญตั ติจตุตถกรรมวาจา ๒. วิ฼คราะห์พุทธานุพทุ ธประวตั ฿ิ นสวํ นปริ฼ฉทที่ ๑๐ วําดว๎ ยการ฼สดจ็ กรงุ กบิลพสั ดุ์ ๓. วิ฼คราะหพ์ ทุ ธานุพุทธประวตั ฿ิ นสวํ นปร฼ิ ฉทที่ ๑๑ วําดว๎ ยศากยวงศอ์ อกบวช ๔. ว฼ิ คราะห์พทุ ธานพุ ุทธประวตั ิ฿นสํวนปร฼ิ ฉทที่ ๑๒ วําด๎วยพระ฾สณ฾กฬิวสิ ะ฽ละพระรฐั บาลออกบวช ๕. ว฼ิ คราะห์พทุ ธานุพุทธประวัต฿ิ นสํวนปริ฼ฉทที่ ๑๓ วาํ ดว๎ ยการ฼สดจ็ ฾ปรดพระพทุ ธบดิ า พระพทุ ธมารดา฽ละ ฼สดจ็ ดับขนั ธปรนิ ิพพาน ๖. วิ฼คราะห฼์ หตกุ ารณก์ อํ นพทุ ธปรนิ ิพพาน ๗. วิ฼คราะห฼์ หตกุ ารณ์หลังพทุ ธปรินพิ พาน

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒

๑๒๑ ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๑ สาระการเรยี นรวู้ ินัย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความสาคญั รายสาระการเรียนรูว้ นิ ยั สาระการ฼รียนร๎ู ฼ป็นวิชาท่ีกลําวถึงพระวินัยซึ่ง฼ป็นคาสอนท่ีพระพุทธ฼จ๎าทรงตั้งข้ึน ฼ป็นกฏ฼กณฑ์ ข๎อบังคับ ระบุถึง฾ทษมาก฾ทษน๎อยตามความผิดที่กระทา฽ล๎วส่ังสอน฿ห๎สารวมระวังมิ฿ห๎ปฏิบัติ ฿ห๎ปฏิบัติตามข๎อที่ ทรงอนญุ าต งด฼ว๎นขอ๎ ท่ที รงห๎าม วชิ าวินัยจึง฼ป็นวิชาท่ีมุํง฿ห๎ผ๎ูศึกษาทราบรายละ฼อียดของพระวินัย ฽ล๎วมุํงรักษา฿ห๎ บริสุทธ์ิ พระวินัยช่ือวํา฼ป็นราก฽ก๎วของพระศาสนา ฼พราะ฼ป็นตัวบํงช้ีหรือวัดความ฼จริญ฽ละความ฼ส่ือมของพระ ศาสนาเด๎ ท้ังน้ีดูเด๎จากการปฏิบัติตามพระวินัยของพระภิกษุ หากปฏิบัติตามพระวินัยเด๎มากก็฽สดงวํา฼จริญ฽ละ หากปฏิบตั ยิ ํอหยํอนก฽็ สดงวํา฼สอื่ ม สาระการ฼รียนร๎ูวินัย ฼ป็นสาระการ฼รียนรู๎฼พ่ิม฼ติม กลุํมสาระการ฼รียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ฽ละ วัฒนธรรม ฼ป็นสาระที่จะทา฿หน๎ กั ฼รียนมีความร๎ูความ฼ข๎า฿จ฿นการปฏิบัติตามพระวินัยบัญญัติจน฼กิด฼ป็นนิสสัย฽ละ นาเป฿ชป๎ ระ฾ยชน฿์ นงานสังฆกรรม฽ละกิจของสงฆ์ ทา฿ห๎นัก฼รียนฝึกอบรมตน฼องท้ังกาย วาจา ฽ละ฿จ ฿ห๎฼รียบร๎อย ตลอดถึง฼ป็นผู๎มวี ตั รปฏิบตั ดิ มี กี ารสารวมอันควร฽กฐํ านานุรูป ฼ปรยี บ฼สมอื น฼ส๎นทาง฼ดินของมนุษย์ท่ีจะนาเปสํู฼ปูาหมายชีวิต ฼ป็นบํอ฼กิดความ฼คารพ฼ล่ือม฿ส฿นพระ รัตนตรัยอัน฼ป็นหลักชัย฽หํงพระพุทธศาสนาสํงผลถึงความสงบสุขของผ๎ูคน฿นสังคม฽ละ฼ป็นกรอบของสังคมท่ีจะ นาเปสกํู ารปฏบิ ัต฿ิ นการอยรํู ํวมกันอยํางสันติสุข ธรรมชาตหิ รือลักษณะเฉพาะของสาระการเรยี นรวู้ นิ ัย กลุํมสาระการ฼รยี นร๎สู งั คมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม วําด๎วยการอยํูรํวมกัน฿นสังคม ที่มีความ฼ช่ือม สัมพันธ์กัน฽ละมีความ฽ตกตํางกันอยํางหลากหลาย ฼พ่ือชํวย฿ห๎สามารถปรับตน฼องกับบริบทสภาพ฽วดล๎อม฼ป็น พล฼มืองดี มีความรบั ผดิ ชอบ มีความร๎ู ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ฽ละคํานยิ มท฼ี่ หมาะสม พระวนิ ยั หมายถงึ กฎระ฼บียบข๎อบงั คับ หรือขนมธรรม฼นยี มประ฼พณีท่จี ะต๎องปฏิบัต฿ิ ห๎฼ป็นเป ฿นทาง฼ดียวกันของหมูํภิกษุสงฆ์ ฼พื่อ฿ห๎฼กิดความ฼ล่ือม฿ส฽กํผ๎ูพบ฼ห็น ฼พ่ือมีอาจาระอันงาม฼ป็น ระ฼บยี บ฼รยี บร๎อย อนั จะนาเปสกูํ ารประพฤติปฏิบัติชอบ ฼ปน็ การ฼ออ้ื ฼ฟ้ือตอํ การประพฤติธรรมทางจิตตํอเป หากจะ฼ปรียบ฼ทียบ฿ห๎฼ดํนชัดขึ้นมา พระวินัยน้ีก็฼ปรียบกับกฎระ฼บียบหรือกฎ฼กณฑ์กติกาของสังคม หน่ึงๆ ที่อยํูรํวมกัน฾ดยมีกติกาตกลงกันเว๎ ถ๎า฿ครฝุาฝืน ต๎องถูกลง฾ทษตามกติกาท่ีต้ังเว๎นั้นหรือจะ฼ปรียบ฼ทียบกับ กฏหมายบา๎ น฼มอื งของประ฼ทศหนึ่งๆ ที่มีกฎหมายตราเว๎สาหรับพล฼มืองของประ฼ทศน้ันๆ เด๎ปฏิบัติรํวมกัน ถ๎า฿คร ฝุาฝนื กม็ คี วามผิด นัก฼รียนผ๎ูมาบรรพชาอุปสมบท฼ป็นภิกษุสาม฼ณร฿นพระพุทธศาสนายํอมออกจากสกุลตํางๆ กัน มีท้ัง อุปนิสสัย฿จคอ มรรยาท฽ละความประพฤติยํอมเมํ฼หมือนกัน ฼มื่อมาบรรพชาอุปสมบทถือ฼พศ฼ป็นสมณะ฽ล๎วตําง คนตาํ งประพฤตปิ ฏิบตั ิขนบธรรม฼นียมตามชอบ฿จ ฼หมอื นคฤหัสถ์เมํเด๎ ฼พราะหมํูคณะที่ตั้งอยํู฾ดยเมํมีอะเร฼ป็นหลัก

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๒ ยํอมเมมํ ่ันคงย่ังยนื ถาวร พระพุทธ฼จ๎าพระองค์ผู๎฼ป็นธรรมราชา฽ละสังฆบิดร คือ พระบิดาของพระภิกษุสงฆ์ จึงทรง ต้ังวินัยบัญญัติข้ึนเว๎฼พื่อ฼ป็นปทัฏฐาน฽บบอยํางสาหรับปรับความประพฤติของ฼หลําภิกษุ฿ห๎฼ป็นเป฿น฽นว฼ดียวกัน ฽ละปกครองกนั ตามท่พี ระวนิ ัยบัญญัติ ดังนน้ั สาระการ฼รียนร๎ูวินัย จึงมีลักษณะ฼ฉพาะท่ีมํุง฼น๎น฿ห๎นัก฼รียนมีความร๎ู฼กี่ยวกับพระวินัยบัญญัติมี คํานิยมท่ีดีงาม฽ละมุํง฼น๎น฿ห๎นัก฼รียนปฏิบัติตามหลักพระวินัยบัญญัติ ฽ละประกาศ กฏ ระ฼บียบ คาส่ังมหา฼ถร สมาคม ฽ละพระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ์ ท้งั สามารถนาเปประยุกต฿์ ช๎฿นการดา฼นนิ ชวี ติ วิสัยทศั นส์ าระการเรยี นรู้วินัย นัก฼รียนป็นผู๎มีความรู๎ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ฽ละคํานิยมตามหลักสูตร฾รง฼รียน ฼ขื่อนผากวิทยา ฽ละหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา มีความร๎ูความ฼ข๎า฿จ฿นหลักพระวินัย บัญญัติ สามารถถํายทอดความคิด฽ละ฽นวปฏิบัติเปยังสังคมเด๎อยํางสร๎างสรรค์ ตลอดถึง฿ช๎หลักพระวินัย฼พ่ือ฼ป็น ฽นวทาง฿นการศกึ ษาตอํ ฽ละการดารงชวี ติ เด๎ถกู ต๎อง พนั ธกิจสาระการเรียนรวู้ นิ ัย สาระการ฼รียนรู๎พระวินัยน้ี ฼ป็นการศึกษาที่มุํง฿ห๎พระภิกษุสาม฼ณรพัฒนาตน฼องประพฤติปฏิบัติตาม พระวนิ ัยบัญญัต฼ิ ปน็ ศาสนทายาทท่ีดี฽ละนาความรจ๎ู ากการศึกษาเปพัฒนาศาสนา สังคม ฾ดยมุํงปลูกฝัง฿ห๎พระภิกษุ สาม฼ณรมคี ณุ ลกั ษณะดังตอํ เปนี้ ๑. มุํง฿หน๎ กั ฼รียน฼ห็นคณุ คาํ ของพระวินัยบญั ญตั ฽ิ ละยินดีทีจ่ ะปฏิบตั ิตาม฿นฐานะ฼ป็นศาสนทายาท ๒. มุงํ ฿หน๎ กั ฼รยี นสามารถ฼ผย฽ผํพระวินัยบัญญตั ทิ ่฼ี หมาะสมกบั สภาพปญั หาของบคุ คล฽ละสงั คม ๓. มงุํ ฿ห๎นัก฼รียน฼กิดความรู๎ความ฼ข๎า฿จ฿นพระวนิ ัยบญั ญัติอยําง฽ท๎จรงิ ๔. มงุํ ฿ห๎นกั ฼รียน฼กิดความร๎คู วาม฼ขา๎ ฿จ฽ละความ฼คารพ฼ล่ือม฿ส฿นพระรตั นตรัย เปา้ หมายหรอื ความคาดหวังของสาระการเรียนรูว้ นิ ัย การจัดการ฼รียนการสอนสาระการ฼รยี นรว๎ู ินัย ฼ปน็ สวํ นหน่ึง฿นกลุํมสาระการ฼รียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม ตามหลกั สูตรการศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรม ฽ละหลกั สตู ร฽กนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มี ความคาดหวังวํา ฼มื่อนัก฼รียน฼รียนสาระการ฼รียนร๎ูวินัยอยํางตํอ฼น่ืองตั้ง฽ตํชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎น฽ละตอนปลาย ฽ลว๎ นกั ฼รยี นจะม฼ี จตคตทิ ีด่ ีตอํ สาระการ฼รยี นรว๎ู ินัย ๑. สามารถ฿ช๎พระวินัยบัญญัติ฽สวงหาความร๎ู฿นการประพฤติปฏิบัติตนสาหรับการดา฼นินชีวิต฽หํง ความ฼ป็นสมณสารูป ๒. ฼พ่ือการศกึ ษาตํอ฿นระดับสงู ขนึ้ ๓. ฼ขา๎ ฿จ฿นความหมาย฽ละ฽นวปฏบิ ัติอันหลากหลายของพระวนิ ัยบัญญตั ิ ๔. สามารถถาํ ยทอดความคดิ ฽ละ฽นวปฏบิ ัติเปสูสํ งั คมเทยเดอ๎ ยาํ งสรา๎ งสรรค์

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๓ คุณลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องสาระการเรียนรู้วนิ ัย ๑. นกั ฼รียนมคี วามรค๎ู วาม฼ข๎า฿จ฽ละความ฼คารพ฼ลอ่ื ม฿ส฿นพระรัตนตรยั ๒. นกั ฼รียน฼หน็ คณุ คาํ ของพระวินัยบัญญัติ ฽ละยินดปี ฏบิ ัติตาม฿นฐานะ฼ป็นศาสนทายาท ๓. นัก฼รียนสามารถ฼ผย฽ผํพระวินัยบัญญัติที่฼หมาะสมกับสภาพ฽ละปัญหาของบุคคล สังคม฽ละ ประ฼ทศชาติ ๔. นกั ฼รียนมีความรู๎ความ฼ข๎า฿จ฿นหลักพระวนิ ัยบญั ญัติ ๕. นัก฼รียน฼ห็นคุณคําของพระพุทธศาสนา ฽ละธารงรักษาเว๎฿นฐานะ฼ป็นศาสนาประจาชาติ ฼ป็นบํอ ฼กดิ วัฒนธรรมเทย ฼ปน็ มรดกอันสาคญั ยงิ่ ของชาติ ๖. นัก฼รียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร฾รง฼รียน฼ข่ือนผากวิทยา หลักสูตร฽กนกลาง การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ฽ละหลกั สูตรการศึกษาพระปริยตั ธิ รรม ฽ผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วนิ ัย สาระที่ ๑ พระพทุ ธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๓ ร๎ู ฼ขา๎ ฿จ ฽ละปฏบิ ตั ิตนตามหลกั พระวนิ ัยบัญญัติ฽ละประกาศ กฎ ระ฼บียบ คาส่งั มหา฼ถรสมาคม ฽ละพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ คณุ ภาพผู้เรียน สาระการ฼รียนรู๎วินัย฼ป็นสํวนหน่ึงของกลุํมสาระการ฼รียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ฽ละวัฒนธรรม ฼ป็น สาระการ฼รียนร๎ูพื้นฐานที่฿ห๎นัก฼รียน฿น฾รง฼รียนพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ต๎องศึกษาต้ัง฽ตํระดับ ๒ ถึง ระดับ ๓ มุํง฼น๎น฿ห๎นัก฼รียนเด๎ศึกษาภาควินัยบัญญัติ มีความรู๎ มีทักษะ ฽ละกระบวนการด๎านพระวินัยบัญญัติ฿น ฐานะ฼ปน็ หลกั ปฏิบัต฿ิ นทางพระพทุ ธศาสนา จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓, ๖ (ระดบั ๒, ๓) นกั เรียนจะมคี ณุ ภาพ ดังนี้  มคี วามรู๎ ความ฼ข๎า฿จ฿นพระวินัยบัญญตั ิของพระพุทธองค์ มีหลักปฏิบัติ฽ละศรัทธาท่ีถูกต๎อง฿นทาง พระพุทธศาสนา มีความยึดมั่น฽ละปฏิบัติตนตามหลักพระวินัยบัญญัติ สามารถนาเปประยุกต์฿ช๎฽ก๎ปัญหา฿นการ ดา฼นินชีวิต  มกี ารพฒั นาตน฼ปน็ พล฼มอื งที่ดี มคี ุณธรรม จริยธรรม ปฏบิ ัติตนตามหลักพระวินัยบัญญัติมีคํานิยม อันพึงประสงค์ สามารถอยูํรํวมกับผู๎อ่ืน฽ละอยํู฿นสังคมเด๎อยํางมีความสุข รวมทั้งมีศักยภาพ฼พ่ือการศึกษาตํอ฿น ช้นั สงู ตามความประสงค์  เด๎฼รียนร๎ูความ฼ขา๎ ฿จ฼ก่ยี วกบั ปฐม฼หตุ฽หงํ พระวินยั บญั ญัติ฼พ่ือการพัฒนาชีวติ  มีความรู๎ความ฼ข๎า฿จ฼กยี่ วกบั ศาสนาสมยั กอํ นพทุ ธกาล สมัยพุทธกาล ฽ละสมยั หลังพุทธกาล  มคี วามรค๎ู วาม฼ขา๎ ฿จ฼กยี่ วกับประวัตพิ ุทธศาสนา฿นประ฼ทศตํางๆ

หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๔  มีศรัทธามนั่ คง ฽ละดารงตนอยํางถูกต๎อง฼หมาะสม฿นพระวินยั บญั ญตั ิ  ฼กิดความมัน่ ฿จ฿นการดา฼นินชวี ิตประจาวัน฽ละสามารถปรับตัว฼ข๎ากับสภาพ฽วดล๎อมทางสังคมเด๎ อยาํ งถูกตอ๎ ง฼หมาะสม มีจติ สานกึ ฿นพระวินยั บญั ญัติ สามารถสํง฼สริมความสงบสขุ ฿นสังคมด๎วยการนาหลักปฏบิ ัติตามพระวนิ ัยบญั ญตั ิเป฿ช๎ ฿นการ฽ก๎ปญั หาสงั คมตลอดถึงปฏบิ ตั ิ฼พ่อื ความพน๎ ทุกข์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook