หลกั สตู รโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ช้ีวัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๔ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๔.๑ เข้าใจ มีทกั ษะทจ่ี าเปน็ มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ตวั ชวี้ ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธบิ ายนวทางการลอื กอาชีพ ๑. อธิบาย การสริมสร๎างประสบการณ์ ๑. ๒. มี จตคตทิ ่ีดีตํอการประกอบอาชีพ ๓. หน็ ความสาคญั ของการสรา๎ งอาชีพ อาชพี ๒. ๒. ระบกุ ารตรียมตวั ขา๎ สูํอาชพี ๓. ๓. มีทักษะพ้ืนฐานที่จาป็นสาหรับการ ประกอบอาชีพทีส่ น฿จ
๙๖ ตัวชวี้ ดั ช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ สารสนทศ พ ใชเ้ ทคโนโลยีเพอ่ื พัฒนาอาชพี มคี ุณธรรมและมีเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ อาชีพ ตวั ช้ีวัดชว่ งชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อภิปรายการหางานดว๎ ยวิธีท่ีหลากหลาย ๑. อภปิ รายนวทางสูํอาชีพท่ีสน฿จ . วิคราะห์ นวทางขา๎ สูอํ าชีพ ๒. ลือกละ฿ช๎ทคนลยอี ยํางหมาะสมกบั อาชีพ . ประมนิ ทางลือก฿นการประกอบอาชีพที่ ๓. มีประสบการณ฿์ นอาชีพที่ถนัดละสน฿จ สอดคล๎องกับความร๎ูความถนัดละความ ๔. มีคุณลกั ษณะทีด่ ีตอํ อาชีพ สน฿จของตนอง
หลักสตู รโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๐ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ทาไมต้องเรียนภาษาต่างประเทศ ฿นสังคมลกปจั จุบัน การรียนร๎ูภาษาตํางประทศมีความสาคัญละจาป็นอยํางยิ่ง ฿นชีวิตประจาวัน นื่องจาก ปน็ ครือ่ งมอื สาคญั ฿นการตดิ ตํอสื่อสาร การศกึ ษา การสวงหาความร๎ู การประกอบอาชีพ การสร๎างความข๎า฿จ ก่ียวกับวัฒนธรรมละวิสัยทัศน์ของชุมชนลก ละตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมละมุมมองของ สงั คมลก นามาซึ่งมิตรเมตรีละความรํวมมือกับประทศตํางๆชํวยพัฒนาผู๎รียน฿ห๎มีความข๎า฿จตนองละผ๎ูอื่นดีขึ้น รียนร๎ูละข๎า฿จความตกตํางของภาษาละวัฒนธรรม ขนบธรรมนียมประพณี การคิด สังคม ศรษฐกิจ การมือง การปกครอง มีจตคติทด่ี ีตอํ การ฿ช๎ภาษาตาํ งประทศ ละ฿ชภ๎ าษาตาํ งประทศพื่อการสื่อสารเด๎ รวมทั้ง ขา๎ ถึงองคค์ วามร๎ูตาํ งๆ เด๎งํายละกวา๎ งขึน้ ละมวี สิ ัยทัศน฿์ นการดานินชวี ติ ภาษาตํางประทศท่ี ปน็ สาระการรยี นรพ๎ู ื้นฐาน ซึ่งกาหนด฿ห๎รียนตลอดหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คือ ภาษาอังกฤษ สํวนภาษาตํางประทศอื่น ชํน ภาษาฝรั่งศส ยอรมัน จีน ญ่ีปุน อาหรับ บาลี ละภาษากลุํม ประทศพ่ือนบา๎ น หรอื ภาษาอน่ื ๆ ฿ห๎อย฿ํู นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะจัดทารายวิชาละจัดการรียนรู๎ตามความ หมาะสม เรยี นรู้อะไรในภาษาตา่ งประเทศ กลํุมสาระการรียนรู๎ภาษาตํางประทศ มํุงหวัง฿ห๎ผ๎ูรียนมีจตคติที่ดีตํอภาษาตํางประทศ สามารถ฿ช๎ ภาษาตํางประทศ สื่อสาร฿นสถานการณ์ตํางๆ สวงหาความร๎ู ประกอบอาชีพ ละศึกษาตํอ฿นระดับที่สูงข้ึน รวมทั้งมีความรู๎ความข๎า฿จ฿นร่ืองราวละวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมลก ละสามารถถํายทอดความคิด ละวฒั นธรรมเทยเปยงั สงั คมลกเด๎อยาํ งสรา๎ งสรรค์ ประกอบดว๎ ยสาระสาคญั ดังนี้ ภาษาเพื่อการสื่อสาร การ฿ช๎ภาษาตํางประทศ฿นการฟัง-พูด-อําน-ขียน ลกปล่ียนข๎อมูล ขําวสาร สดงความรู๎สึกละความคิดห็น ตีความ นาสนอข๎อมูล ความคิดรวบยอดละความคิดห็น฿นรื่อง ตํางๆ ละสรา๎ งความสัมพันธร์ ะหวาํ งบุคคลอยํางหมาะสม ภาษาและวฒั นธรรม การ฿ชภ๎ าษาตํางประทศตามวัฒนธรรมของจ๎าของภาษาความสัมพันธ์ ความหมือนละความตกตํางระหวํางภาษากับวัฒนธรรมของจ๎าของภาษา ภาษาละวัฒนธรรมของจ๎าของ ภาษากบั วัฒนธรรมเทย ละนาเป฿ช๎อยํางหมาะสม ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน การ฿ช๎ภาษาตํางประทศ฿นการชื่อมยง ความร๎กู ับกลมํุ สาระการรียนรู๎อืน่ ป็นพน้ื ฐาน฿นการพฒั นา สวงหาความรู๎ ละปดิ ลกทัศนข์ องตน ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก การ฿ช๎ภาษาตํางประทศ฿นสถานการณ์ตํางๆ ท้ัง ฿นห๎องรียนละนอกห๎องรียน ชุมชน ละสังคมลก ป็นคร่ืองมือพ้ืนฐาน฿นการศึกษาตํอ ประกอบอาชีพ ละ ลกปล่ยี นรยี นร๎ูกบั สังคมลก
หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๑ คุณภาพผ้เู รียน จบช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ ปฏิบัติตามคาขอร๎อง คานะนา คาช้ีจง ละคาอธิบายท่ีฟังละอําน อํานออกสียงข๎อความ ขําว ฆษณา นิทาน ละบทร๎อยกรองส้ันๆ ถูกต๎องตามหลักการอําน ระบุ/ขียนส่ือที่เมํ฿ชํความรียงรูปบบตํางๆ สัมพันธ์กับประยคละข๎อความที่ฟังหรืออําน ลือก/ระบุหัวข๎อร่ือง ฿จความสาคัญ รายละอียดสนับสนุน ละ สดงความคดิ หน็ กย่ี วกบั รื่องท่ฟี ังละอํานจากสอ่ื ประภทตาํ งๆ พรอ๎ มทง้ั ฿ห๎ หตผุ ลละยกตวั อยาํ งประกอบ สนทนาละขียนต๎ตอบข๎อมูลก่ียวกับตนองละร่ืองตํางๆ ฿กล๎ตัว สถานการณ์ ขําว ร่ืองท่ีอยูํ฿น ความสน฿จของสังคมละสื่อสารอยํางตํอน่ืองละหมาะสม ฿ช๎คาขอร๎อง คาชี้จง ละคาอธิบาย ฿ห๎คานะนา อยํางหมาะสม พูดละขียนสดงความต๎องการ สนอละ฿ห๎ความชํวยหลือ ตอบรับละปฏิสธการ฿ห๎ความ ชํวยหลือ พูดละขียนพอื่ ขอละ฿หข๎ ๎อมูล บรรยาย อธิบาย ปรียบทียบ ละสดงความคิดห็นก่ียวกับร่ืองท่ี ฟังหรืออํานอยํางหมาะสม พูดละขียนบรรยายความรู๎สึกละความคิดห็นของตนองก่ียวกับร่ือง ตํางๆ กจิ กรรม ประสบการณ์ ละขาํ ว/หตกุ ารณ์ พร๎อมทัง้ ฿ห๎ หตผุ ลประกอบอยํางหมาะสม พูดละขยี นบรรยายกย่ี วกับตนอง ประสบการณ์ ขําว/หตุการณ์/ร่ือง/ประด็นตํางๆ ท่ีอยูํ฿นความ สน฿จของสงั คม พูดละขียนสรปุ ฿จความสาคัญ/กํนสาระ หวั ข๎อรอื่ งทีเ่ ด๎จากการวิคราะห์รื่อง/ขําว/หตุการณ์/ สถานการณ์ที่อยํู฿นความสน฿จ พูดละขียนสดงความคิดห็นก่ียวกับกิจกรรม ประสบการณ์ ละหตุการณ์ พร๎อม฿ห๎ หตผุ ลประกอบ ลอื ก฿ช๎ภาษา นา้ สยี ง ละกิริยาทาํ ทางหมาะกับบคุ คลละอกาส ตามมารยาทสังคม ละวัฒนธรรม ของจ๎าของภาษา อธิบายกี่ยวกับชีวิตความป็นอยูํ ขนบธรรมนียมละประพณี ของจ๎าของภาษา ข๎ารํวม/จัด กิจกรรมทางภาษาละวฒั นธรรมตามความสน฿จ ปรียบทียบ ละอธิบายความหมือนละความตกตํางระหวํางการออกสียงประยคชนิดตํางๆ ละ การลาดับคาตามครงสร๎างประยคของภาษาตํางประทศละภาษาเทย ปรียบทียบละ อธิบายความหมือนละ ความตกตํางระหวํางชวี ิตความปน็ อยูํ ละวฒั นธรรมของจา๎ ของภาษากับ ของเทย ละนาเป฿ช๎อยํางหมาะสม ค๎นควา๎ รวบรวม ละสรุปข๎อมูล/ข๎อท็จจริงที่กี่ยวข๎องกับกลํุมสาระการรียนร๎ูอ่ืนจาก หลํงการรียนรู๎ ละนาสนอดว๎ ยการพูดละการขยี น ฿ช๎ภาษาสื่อสาร฿นสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองที่กิดขึ้น฿นห๎องรียน สถานศึกษา ชุมชน ละ สงั คม ฿ชภ๎ าษาตํางประทศ฿นการสบื ค๎น/คน๎ ควา๎ รวบรวม ละสรุปความรู๎/ข๎อมูลตํางๆ จากสื่อ ละหลํงการ รียนรู๎ตํางๆ ฿นการศึกษาตํอละประกอบอาชีพ ผยพรํ/ประชาสัมพันธ์ข๎อมูล ขําวสารของรงรียน ชุมชน ละ ทอ๎ งถ่นิ ปน็ ภาษาตาํ งประทศ มีทักษะการ฿ช๎ภาษาตํางประทศ (น๎นการฟัง-พูด-อําน-ขียน) สื่อสารตามหัวร่ืองกี่ยวกับตนอง ครอบครัว รงรียน สิ่งวดล๎อม อาหาร ครื่องดื่ม วลาวํางละนันทนาการ สุขภาพละสวัสดิการ การซื้อ-ขาย
หลักสตู รโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๒ ลมฟูาอากาศ การศึกษาละอาชีพ การดินทางทํองท่ียว การบริการ สถานที่ ภาษา ละวิทยาศาสตร์ละ ทคนลยี ภาย฿นวงคาศพั ท์ประมาณ ๒,๑๐๐-๒,๒๕๐ คา (คาศัพทท์ ี่ ปน็ นามธรรมมากขน้ึ ) ฿ช๎ประยคผสมละประยคซับซ๎อน (Complex Sentences) ส่ือความหมายตามบริบทตํางๆ ฿นการ สนทนาท้งั ที่ป็นทางการละเมํปน็ ทางการ จบชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ปฏิบัตติ ามคานะนา฿นคูมํ อื การ฿ชง๎ านตํางๆ คาชี้จง คาอธิบาย ละคาบรรยายที่ฟังละอําน อํานออก สียงข๎อความ ขําว ประกาศ ฆษณา บทร๎อยกรอง ละบทละครส้ันถูกต๎องตามหลักการอําน อธิบายละขียน ประยคละขอ๎ ความสมั พนั ธ์กับส่ือที่เมํ฿ชํความรียงรูปบบตํางๆ ที่อําน รวมทั้งระบุละขียนส่ือที่เมํ฿ชํความรียง รูปบบตํางๆ สัมพันธ์กับประยคละข๎อความที่ฟังหรืออําน จับ฿จความสาคัญ วิคราะห์ความ สรุปความ ตีความ ละสดงความคิดห็นจากการฟังละอํานรื่องที่ป็นสารคดีละบันทิงคดี พร๎อมท้ัง฿ห๎หตุผลละยกตัวอยําง ประกอบ สนทนาละขียนต๎ตอบข๎อมูลก่ียวกับตนองละรื่องตํางๆ ฿กล๎ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ขําว/ หตุการณ์ ประด็นที่อยํู฿นความสน฿จละสื่อสารอยํางตํอน่ืองละหมาะสม ลือกละ฿ช๎คาขอร๎อง คาช้ีจง คาอธบิ าย ละ฿หค๎ านะนา พดู ละขียนสดงความต๎องการ สนอละ฿ห๎ความชํวยหลือ ตอบรับละปฏิสธการ ฿ห๎ความชํวยหลือ฿นสถานการณ์จาลองหรือสถานการณ์จริงอยํางหมาะสม พูดละขียนพื่อขอละ฿ห๎ข๎อมูล บรรยาย อธิบาย ปรียบทียบ ละสดงความคิดห็นก่ียวกับร่ือง/ประด็น/ขําว/หตุการณ์ที่ฟังละอํานอยําง หมาะสม พูดละขียนบรรยายความรู๎สึกละสดงความคิดห็นของตนองก่ียวกับร่ือง ตํางๆ กิจกรรม ประสบการณ์ ละขาํ ว/หตุการณ์อยาํ งมีหตผุ ล พูดละขียนนาสนอข๎อมูลก่ียวกับตนอง/ประสบการณ์ ขําว/หตุการณ์ รื่องละประด็นตํางๆ ตาม ความสน฿จ พูดละขียนสรุป฿จความสาคัญ กํนสาระที่เด๎จากการวิคราะห์ร่ือง กิจกรรม ขําว หตุการณ์ ละ สถานการณ์ตามความสน฿จ พูดละขียนสดงความคิดห็นก่ียวกับกิจกรรม ประสบการณ์ ละหตุการณ์ ท้ัง฿น ทอ๎ งถิ่น สงั คม ละลก พร๎อมท้งั ฿ห๎หตุผลละยกตัวอยํางประกอบ ลือก฿ชภ๎ าษา น้าสยี งละกริ ิยาทาํ ทางหมาะกับระดับของบุคคล วลา อกาสละสถานที่ตามมารยาท สังคมละวัฒนธรรมของจ๎าของภาษา อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความชื่อ ละที่มาของขนบธรรมนียม ละประพณขี องจ๎าของภาษา ขา๎ รํวม นะนา ละจดั กิจกรรมทางภาษาละวัฒนธรรมอยาํ งหมาะสม อธิบาย/ปรียบทียบความตกตํางระหวํางครงสร๎างประยค ข๎อความ สานวน คาพังพย สุภาษิต ละบท กลอนของภาษาตํางประทศละภาษาเทย วิคราะห์/อภิปรายความหมือนละความตกตํางระหวํางวิถีชีวิต ความชื่อ ละวฒั นธรรมของจ๎าของภาษากับของเทย ละนาเป฿ช๎อยาํ งมีหตุผล ค๎นควา๎ /สืบคน๎ บนั ทกึ สรุป ละสดงความคดิ ห็นกย่ี วกับข๎อมูลที่ก่ียวข๎องกับกลุํมสาระการรียนร๎ูอ่ืน จากหลํงรยี นรู๎ตาํ งๆ ละนาสนอด๎วยการพูดละการขียน ฿ช๎ภาษาส่ือสาร฿นสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่ีกิดขึ้น฿นห๎องรยี น สถานศึกษา ชุมชนละสงั คม
หลกั สูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๐๓ ฿ชภ๎ าษาตาํ งประทศ฿นการสืบคน๎ /ค๎นคว๎า รวบรวม วิคราะห์ ละสรุปความรู๎/ข๎อมูลตํางๆ จากส่ือละ หลํงการรียนรู๎ตํางๆ ฿นการศึกษาตํอละประกอบอาชีพ ผยพรํ/ประชาสัมพันธ์ ข๎อมูล ขําวสาร ของรงรียน ชมุ ชน ละทอ๎ งถ่ิน/ประทศชาติ ป็นภาษาตาํ งประทศ มีทักษะการ฿ช๎ภาษาตํางประทศ (น๎นการฟัง-พูด-อําน-ขียน) ส่ือสารตามหัวร่ืองกี่ยวกับตนอง ครอบครัว รงรียน ส่ิงวดล๎อม อาหาร ครื่องด่ืม ความสัมพันธ์ระหวํางบุคคล วลาวํางละนันทนาการ สุขภาพ ละสวัสดิการ การซื้อ-ขาย ลมฟูาอากาศ การศึกษาละอาชีพ การดินทางทํองท่ียว การบริการ สถานท่ี ภาษา ละวิทยาศาสตร์ละทคนลยี ภาย฿นวงคาศัพท์ประมาณ ๓,๖๐๐-๓,๗๕๐ คา (คาศัพท์ท่ีมีระดับการ฿ช๎ตกตําง กนั ) ฿ช๎ประยคผสมละประยคซับซ๎อนส่อื ความหมายตามบรบิ ทตํางๆ ฿นการสนทนา ท้ังที่ป็นทางการละ เมํ ป็นทางการ
หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ ภาษาเพ่ือการสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ และแส ตวั ชว้ี ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ปฏิบัติตามคาสั่ง คาขอร๎อง คานะนา ๑ ปฏิบัติตาม คาขอร๎อง คานะนาคาชี้จง ๑. ละคาชี้จงงาํ ยๆ ที่ฟังละอาํ น ละคาอธบิ ายงาํ ยๆ ท่ีฟังละอําน ๒. อํานออกสียงข๎อความ นิทาน ละบทร๎อย ๒ อํานออกสียงข๎อความ ขําว ประกาศ ๒. กรอง (poem) ส้ันๆ ถูกต๎องตาม หลักการ ละบทร๎อย-กรองสั้นๆ ถูกต๎องตาม อาํ น หลักการอําน ๓. ลือก/ระบุ ประยคละ ข๎อความ ฿ห๎ ๓ ระบุ/ขียนประยค ละข๎อความ ฿ห๎ ๓. สัมพันธ์กับส่ือที่เมํ฿ชํความรียง (non- สัมพันธ์กับส่ือที่เมํ฿ชํความรียง รูปบบ text information)ทีอ่ าํ น ตํางๆ ท่ีอําน ๔. ระบุหัวข๎อรื่อง (topic) ฿จความสาคัญ ๔ ลือกหัวข๎อร่ือง฿จความสาคัญบอก ๔. (main idea) ละตอบคาถาม จากการ รายละอีย ดสนับสนุน (supporting ฟังละอํานบทสนทนา นิทาน ละรื่อง detail) ละสดงความคิดห็นก่ียวกับ ส้ัน รอื่ งท่ฟี งั ละอาํ น พร๎อมท้ัง฿ห๎ หตผุ ลละ ยกตัวอยํางงาํ ยๆ ประกอบ
๑๐๓ สดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ปฏิบัติตามคาขอร๎อง คานะนาคาช้ีจง ๑. ปฏิบตั ติ ามคานะนา฿นคูํมือการ฿ช๎งานตํางๆ คา ละคาอธบิ ายที่ฟงั ละอาํ น ช้ี จง คาอธิบาย ละคาบรรยายทีฟ่ งั ละอาํ น . อํานออกสยี ง ข๎อความ ขําว ฆษณา ละ ๒. อํานออกสียง ข๎อความ ขําว ประกาศ ฆษณา บทร๎อย-กรองสั้นๆ ถูกต๎องตาม หลักการ บทร๎อยกรอง ละบทละครสั้น (skit) ถูกต๎อง อําน ตามหลกั การอาํ น . ระบุละขียนส่ือที่เมํ฿ชํความรียง รูปบบ ๓. อธิบายละขียนประยคละข๎อความ฿หส๎ มั พันธ์ ตํางๆ ฿ห๎สัมพันธ์กับประยค ละข๎อความ กับสื่อท่ีเมํ฿ชํความรียงรูปบบตํางๆ ที่อําน ทีฟ่ งั หรืออาํ น รวมทั้งระบุละขียนสื่อที่เมํ฿ชํความรียง . ลือก/ระบุหัวข๎อรื่อง ฿จความสาคัญ รูปบบตํางๆ ฿ห๎สัมพันธ์กับประยค ละ รายละอียดสนับสนุน ละสดงความ ขอ๎ ความทฟ่ี งั หรืออาํ น คิดห็นกี่ยวกับรื่องท่ีฟังละอํานจากส่ือ ๔. จับ฿จความสาคัญ วิคราะห์ความ สรุปความ ประภทตํางๆ พร๎อมทั้ง฿ห๎หตุผลละ ตีความ ละสดงความคิดห็นจากการฟังละ ยกตวั อยําง ประกอบ อํานรื่องท่ีป็นสารคดีละบันทิงคดี พร๎อมท้ัง ฿ห๎หตผุ ลละยกตวั อยําง ประกอบ
หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๑ ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสาร แส ตัวชีว้ ดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. สนทนา ลกปล่ียนข๎อมูลก่ียวกับตนอง ๑. สนทนา ลกปลี่ยน ข๎อมูลก่ียวกับ ๑. กิจกรรม ละสถานการณ์ตํางๆ ฿น ต น อ ง ร่ื อ ง ตํ า ง ๆ ฿ ก ล๎ ตั ว ล ะ ชวี ิตประจาวนั สถานการณ์ตํางๆ ฿นชีวิตประจาวันอยําง ๒. ฿ช๎คาขอร๎อง ฿ห๎คานะนา ละคาช้ีจง หมาะสม ตามสถานการณ์ ๒. ฿ช๎คาขอร๎อง ฿ห๎คานะนา คาชี้จงละ ๒. ๓. พูดละขียนสดงความต๎องการ ขอความ คาอธบิ ายตามสถานการณ์ ชวํ ยหลือ ตอบรับละปฏิสธการ฿ห๎ความ ๓. พดู ละขยี นสดงความต๎องการ สนอละ ๓. ชํวยหลือ฿นสถานการณ์ตํางๆ อยําง ฿ห๎ความ ชํวยหลือ ตอบรับ ละปฏิสธการ ฿ห๎ ความชํวยหลือ฿นสถานการณ์ตํางๆ หมาะสม อยาํ งหมาะสม ๔. พูดละขยี นพอ่ื ขอละ฿หข๎ ๎อมูล ละสดง ๔. พูดละขียนพ่ือขอละ฿ห๎ข๎อมูล บรรยาย ความคิดห็นกี่ยวกับรื่องท่ีฟังหรืออําน ละสดงความคิดห็นก่ียวกับ รื่องท่ีฟัง อยํางหมาะสม หรอื อําน อยํางหมาะสม ๔.
๑๐๔ ตวั ชวี้ ัดชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ สดงความรสู้ กึ และความคิดเหน็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตวั ชี้วัดช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . สนทนาละขียนต๎ตอบข๎อมูลก่ียวกับ ๑. สนทนาละขียนต๎ตอบข๎อมูลก่ียวกับตนอง ตนอง ร่ืองตํางๆ ฿กล๎ตัวสถานการณ์ ล ะ ร่ื อ ง ตํ า ง ๆ ฿ ก ล๎ ตั ว ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ขําว ร่ืองที่อยูํ฿นความสน฿จของสังคม สถานการณ์ ขําว/หตุการณ์ ประด็นท่ีอยูํ฿น ละสอ่ื สารอยาํ งตํอนอ่ื งละหมาะสม ความสน฿จของสงั คม ละสื่อสารอยํางตํอนื่อง . ฿ชค๎ าขอรอ๎ ง ฿ห๎คานะนา คาชี้ จง ละ ละหมาะสม คาอธิบายอยาํ งหมาะสม ๒. ลือกละ฿ช๎คาขอร๎อง ฿ห๎คานะนา คาช้ีจง . พูดละขียนสดงความต๎องการ สนอ คาอธิบายอยาํ งคลอํ งคลวํ ละ฿ห๎ความชํวยหลือตอบรับละปฏิสธ ๓. พูดละขียนสดงความต๎องการสนอ ตอบรับ การ฿ห๎ความชํวยหลือ฿นสถานการณ์ ละปฏิสธการ฿หค๎ วามชํวยหลอื ฿นสถานการณ์ ตํางๆอยํางหมาะสม จาลองหรือสถานการณจ์ รงิ อยําง หมาะสม . พูด ล ะ ขีย น พ่ือขอ ล ะ ฿ห๎ ข๎อมู ล ๔. พูดละขียนพ่ือขอละ฿ห๎ข๎อมูล บรรยาย อธิบาย ปรียบทียบ ละสดงความ อธิบาย ปรียบทียบ ละสดงความคิดห็น
หลักสูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชี้วดั ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๕. พูดละขียนสดงความร๎ูสึก ละความ ๕. พูดละขียนสดงความร๎ูสึกละความ คิดห็น ของตนอง กี่ยวกับร่ืองตํางๆ คิดห็น ของตนองก่ียวกับร่ืองตํางๆ กิจกรรม ละประสบการณ์พร๎อมทั้ง ฿ห๎ ๕. ฿กล๎ตัว กิจกรรมตํางๆพร๎อมทั้ง฿ห๎หตุผล หตผุ ลประกอบอยํางหมาะสม สน้ั ๆประกอบอยาํ งหมาะสม สาระท่ี ๑ ภาษาเพอ่ื การสือ่ สาร มาตรฐาน ต ๑.๓ นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร ตัวชว้ี ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. พูดละขียนบรรยายกี่ยวกับตนอง ๑. พูดละขียนบรรยายก่ียวกับตนอง ๑. กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์ ละ กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์ ละ สิง่ วดลอ๎ ม฿กล๎ตัว ขําว/หตุการณ์ ที่อยูํ฿นความสน฿จของ ๒. พูด/ขียน สรุป฿จความสาคัญ/กํนสาระ สงั คม (theme) ท่ีเด๎จากการวิคราะห์ร่ือง/ ๒. พูดละขียนสรุป฿จความสาคัญ/กํนสาระ ๒. หตุการณ์ท่อี ยํู฿นความสน฿จของสงั คม หวั ข๎อรื่อง (topic) ท่เี ด๎จากการวิคราะห์
๑๐๕ ตวั ชี้วดั ชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ คิดห็นก่ียวกับรื่องที่ฟังหรืออําน อยําง กีย่ วกับรอื่ ง/ประด็น/ขําว/หตุการณ์ท่ีฟังละ หมาะสม อาํ นอยํางหมาะสม . พูดละขียนบรรยายความรู๎สึก ละ ๕. พูดละขียนบรรยายความร๎ูสึกละสดงความ ความคิดห็นของตนองก่ียวกับร่ือง คิดห็นของตนองก่ียวกับร่ืองตํางๆ กิจกรรม ตํางๆ กิจกรรมประสบการณ์ ละ ประสบการณ์ ละขําว/หตุการณอ์ ยาํ งมีหตผุ ล ขํ า ว / ห ตุ ก า ร ณ์ พ ร๎ อ ม ทั้ ง ฿ ห๎ ห ตุ ผ ล ประกอบอยํางหมาะสม รอ่ื งตา่ งๆ โดยการพูดและการเขยี น ตวั ช้ีวัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . พูดละขียนบรรยายก่ียวกับตนอง ๑. พูดละขียนนาสนอข๎อมูลก่ียวกับตนอง/ ประสบการณ์ ขําว/หตุการณ์/ร่ือง/ ประสบการณ์ ขําว/หตุการณ์ รื่อง ละ ประด็นตํางๆ ท่ีอยูํ฿นความสน฿จ ของ ประดน็ ตํางๆ ตามความสน฿จของสงั คม สงั คม ๒. พูดละขียนสรุป฿จความสาคญั / กํนสาระท่ีเด๎ . พูดละขยี นสรุป฿จความสาคัญ/กํนสาระ จากการวิคราะห์ ร่อื ง กิจกรรม ขําว หตกุ ารณ์ หัวข๎อรื่องที่เด๎จากการวิคราะห์ร่ือง/ ละสถานการณ์ตามความสน฿จ
หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้วี ดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๓. พูด/ขียนสดงความคิดห็นก่ียวกับ รื่อง/ขําว/หตุการณ์ท่ีอยํู฿นความสน฿จ กจิ กรรมหรอื ร่ืองตํางๆ ฿กล๎ตัวพร๎อมทั้ง฿ห๎ ของสังคม ๓. พูดละขียนสดงความคิดห็นก่ียวกับ ๓. หตุผลส้ันๆ ประกอบ กิจกรรมรื่องตํางๆ ฿กล๎ตัว ละ ประสบการณ์ พร๎อมท้ัง฿ห๎หตุผลส้ันๆ ประกอบ สาระที่ ๒ ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ตวั ชีว้ ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒
๑๐๖ ตวั ช้วี ดั ช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ขําว/หตกุ ารณ์/สถานการณ์ที่อยูํ฿นความ ๓. พดู ละขยี นสดงความคดิ หน็ กี่ยวกบั กจิ กรรม สน฿จของสังคม ประสบการณ์ ละหตุการณ์ ท้ัง฿นท๎องถ่ิน . พูดละขียนสดงความคิดห็นกี่ยวกับ สังคม ละลก พร๎อมทั้ง฿ห๎หตุผลละ กิจกรรมประสบการณ์ ละหตุการณ์ ยกตัวอยาํ งประกอบ พร๎อมท้ัง฿ห๎ หตุผลประกอบ า และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ชวี้ ดั ชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖
หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชวี้ ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฿ช๎ภาษา น้าสียง ละกิริยาทําทาง ๑. ฿ช๎ภาษา น้าสียง ละกิริยาทําทาง ๑. สภุ าพ หมาะสม ตามมารยาทสังคม ละ หมาะกับบุคคลละอกาส ตามมารยาท วฒั นธรรมของจา๎ ของภาษา สังคม ละวัฒนธรรมของจา๎ ของภาษา ๒. บรรยาย ก่ียวกับทศกาล วันสาคัญ ชีวิต ๒. อธบิ าย ก่ยี วกบั ทศกาล วนั สาคัญ ชีวิต ๒. ความป็นอยํูละประพณีของจ๎าของ ความป็นอยํูละประพณีของจ๎าของ ภาษา ภาษา ๓. ข๎ารํวม/จัดกิจกรรมทางภาษาละ ๓. ข๎ารํวม/จัดกิจกรรมทางภาษาละ ๓. วัฒนธรรมตามความสน฿จ วัฒนธรรมตามความสน฿จ
๑๐๗ ตวั ชี้วดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ลือก฿ช๎ภาษา น้าสียง ละกิริยาทําทาง ๑. ลือก฿ช๎ภาษา น้าสียง ละกิริยาทําทางหมาะ หมาะกับบุคคลละอกาส ตามมารยาท กับระดับของบุคคล อกาส ละสถานที่ ตาม สังคม ละวฒั นธรรม ของจ๎าของภาษา มารยาทสังคมละวฒั นธรรมของจ๎าของภาษา . อธิบาย ก่ียวกับชีวิต ความป็นอยูํ ๒. อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความชื่อ ขนบธรรมนียมละประพณีของจ๎าของ ละท่ีมาของขนบธรรมนียมละประพณีของ ภาษา จา๎ ของภาษา . ข๎ารํวม/จัดกิจกรรมทางภาษาละ ๓. ข๎ารํวม นะนา ละจัดกิจกรรมทางภาษาละ วฒั นธรรมตามความสน฿จ วฒั นธรรมอยํางหมาะสม
หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชีว้ ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรร ตวั ช้วี ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. บอกความหมือนละความตกตําง ๑. ปรียบทยี บละอธบิ ายความหมือนละ ๑. ระหวํางการออกสียงประยคชนิดตํางๆ ความตกตํางระหวํางการออกสียง การ฿ช๎คร่ืองหมายวรรคตอน ละการ ประยคชนิดตํางๆ ละการลาดับคา ลาดับคาตามครงสร๎างประยคของ ต า ม ค ร ง ส ร๎ า ง ป ร ะ ย ค ข อ ง ภาษาตาํ งประทศละภาษาเทย ภาษาตํางประทศละภาษาเทย ๒. ปรียบทียบความหมือนละ ความ ๒. ปรยี บทียบละอธิบายความหมือนละ ๒. ตกตํางระหวํางทศกาลงานฉลอง วัน ความตกตํางระหวํางชีวิตความป็นอยูํ สาคัญ ละชีวิตความป็นอยูํของจ๎าของ ละวัฒนธรรมของจ๎าของภาษา กับของ ภาษา กบั ของเทย เทย
๑๐๘ ตัวชีว้ ัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ รมของเจา้ ของภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม ตัวชี้วัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ปรียบทียบละอธิบายความหมือนละ ๑. อธิบาย/ปรียบทียบความตกตํางระหวําง ความตกตํางระหวํางการออกสียง ครงสร๎างประยค ข๎อความ สานวนคาพังพย ประยคชนิดตํางๆ ละการลาดับคา สุภาษิตละบทกลอนของภาษา ตํางประทศ ต า ม ค ร ง ส ร๎ า ง ป ร ะ ย ค ข อ ง ละภาษาเทย ภาษาตาํ งประทศละภาษาเทย ๒. วิคราะห์/อภิปรายความหมือนละความ . ปรยี บทียบละอธิบายความหมือนละ ตกตํางระหวํางวิถีชีวิตความชื่อ ละวัฒนธรรม ความตกตํางระหวํางชีวิตความป็นอยํู ของจา๎ ของภาษากับของเทย ละนาเป฿ช๎อยําง ละวัฒนธรรมของจ๎าของภาษา กับของ มี หตผุ ล เทย ละ นาเป฿ช๎อยาํ งหมาะสม
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชวี้ ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระท่ี ๓ ภาษากบั ความสัมพนั ธก์ ับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ น่ื มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความร้กู บั กลุ่มสาระการเรียน ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ค๎นคว๎า รวบรวม ละสรุปข๎อมูล/ ๑. ค๎นคว๎า รวบรวม ละสรุปข๎อมูล/ ๑. ข๎อท็จจริงที่ก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการ ข๎อท็จจริงท่ีก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการ รียนร๎ูอื่นจากหลํงรียนร๎ูละนาสนอ รียนรู๎อื่น จากหลํงรียนร๎ูละนาสนอ ดว๎ ยการพูด/การขยี น ด๎วยการพดู /การขียน
๑๐๙ ตัวชวี้ ัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ นรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน ตวั ช้ีวัดชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ค๎นคว๎า รวบรวม ละสรุปข๎อมูล/ ๑. ค๎นคว๎า/สืบค๎น บันทึก สรุป ละสดงความ ข๎อท็จจริงท่ีกี่ยวข๎องกับกลุํมสาระการ คิดห็นกี่ยวกับข๎อมูลที่กี่ยวข๎องกับกลํุมสาระ รียนรู๎อ่ืน จากหลํงรียนร๎ูละนาสนอ การรียนร๎ูอื่น จากหลํงรียนร๎ูตํางๆ ละ ดว๎ ยการพูดละการขียน นาสนอด๎วยการพดู ละการขียน
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชีว้ ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ สาระที่ ๔ ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ท้ังในสถานศกึ ษา ชมุ ชน ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี
๑๑๐ ตัวชีว้ ัดชว่ งชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ น และสงั คม ตวั ชี้วัดชว่ งชนั้
หลกั สูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฿ช๎ภาษาส่ือสาร ฿นสถานการณ์จริง/ ๑. ฿ช๎ภาษาส่ือสาร฿นสถานการณ์จริง/ ๑. สถานการณ์จาลองท่ีกิดข้ึน฿นห๎องรียน สถานการณ์จาลองที่กิดข้ึน฿นห๎องรียน ละสถานศกึ ษา สถานศกึ ษา ละชมุ ชน
๑๑๑ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฿ช๎ภาษาสื่อสาร฿นสถานการณ์จริง/ ๑. ฿ช๎ภาษาสื่อสาร฿นสถานการณ์จริง/สถานการณ์ สถานการณ์จาลองท่ีกิดข้ึน฿นห๎องรียน จาลองที่กิดขึ้น฿นห๎องรียนสถานศึกษา ชุมชน สถานศกึ ษาชมุ ชน ละสังคม ละสงั คม
หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๔ ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เคร่อื งมือพืน้ ฐานในการศกึ ษาต่อ การปร ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฿ช๎ภาษาตํางประทศ฿นการสืบคน๎ /ค๎นควา๎ ๑. ฿ช๎ภาษาตาํ งประทศ฿นการสืบค๎น/คน๎ ควา๎ ๑. ความรู๎/ข๎อมูลตาํ งๆ จากสอ่ื ละหลงํ การ รวบรวมละสรปุ ความรู๎/ข๎อมูลตํางๆ จาก รี ย นรู๎ ตํ า งๆ ฿นก า ร ศึ กษา ตํ อ ละ ส่ือละหลํงการรียนรต๎ู าํ งๆ฿นการศกึ ษา ประกอบอาชีพ ตอํ ละประกอบอาชีพ ๒. ผยพรํ/ ประชาสัมพันธ์ข๎อมูล ขําวสาร ๒. ของรงรียนป็นภาษาตาํ งประทศ
๑๑๒ ระกอบอาชีพ และการแลกเปล่ยี นเรียนรู้กับสังคมโลก ตวั ชี้วดั ช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฿ช๎ภาษาตํางประทศ฿นการสืบค๎น/ค๎นคว๎า ๑. ฿ช๎ภาษาตํางประทศ฿นการสืบค๎น/ค๎นคว๎า รวบรวม ละสรุปความร๎ู/ข๎อมลู ตํางๆ จาก รวบรวม วิคราะห์ ละสรุปความร๎ู/ข๎อมูลตํางๆ ส่ื อ ล ะ ห ลํ งก า ร รี ย นรู๎ ตํ า งๆ ฿น จากสื่อละหลํงการรียนร๎ูตํางๆ ฿นการศึกษา การศกึ ษาตอํ ละประกอบอาชีพ ตํอละประกอบอาชพี . ผยพรํ/ ประชาสัมพันธ์ข๎อมูล ขําวสาร ๒. ผยพรํ/ประชาสัมพันธ์ ข๎อมูล ขําวสารของ ของรงรียนชุมชน ละท๎องถิ่น ป็น รงรียน ชุมชน ละท๎องถ่ิน/ประทศชาติ ภาษาตํางประทศ ป็นภาษาตาํ งประทศ
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ชว้ี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒
๑๑๓ ตัวชว้ี ดั ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๑ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รการศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรธู้ รรม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความสาคญั รายสาระการเรยี นรธู้ รรม สาระการเรยี นรู้ธรรม ธรรม ปลตามตัวอักษรวํา “สภาพที่ทรงเว๎” หมายถึง สภาพที่มีอยํูตามความ ป็นจริงละสามารถทรงผ๎ูปฏิบัติธรรมเว๎เมํ฿ห๎ตกเปสํูที่ช่ัว ป็นวิชาที่มํุงศึกษาหลักธรรม฿นทางพระพุทธศาสนา พ่ือ฿ห๎กิดความรู๎ความข๎า฿จอยํางจํมจ๎งละนาเปป็นหลักยึด฿นการดานินชีวิต฿ห๎ถูกต๎องดีงาม อันจะนา ความสขุ สงบ฿หบ๎ ังกิดขึน้ กชํ ีวติ ตนองละสังคมสํวนรวม ธรรมวิจารณ์ ป็นธรรมที่มีนื้อหาลุํมลึกอธิบายธรรมดย ปรมัตถทศนา มํุง฿ห๎นักรียนเด๎รู๎ละข๎า฿จปรมัตถธรรมอยํางถํองท๎ท้ังท่ีป็นปริยัติละปฏิบัติหมาะกํการตีความ ธรรมหรือกป๎ ัญหาธรรมดยปรมัตถทศนา คือมงํุ ความจรงิ อันปน็ ท่สี ุด สาระการรียนรู๎ธรรม ป็นสาระการรียนรู๎พ่ิมติม กลุํมสาระการรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา ละ วัฒนธรรม ปน็ สาระท่สี ามารถจะทา฿ห๎นกั รียนมีความรู๎ความข๎า฿จ฿นการปฏิบัติตามหลักธรรมจนกิดป็นนิสัยละ นาเป฿ช๎ประยชน์฿นงานสังฆกรรมละกิจของสงฆ์ ปน็ สาระการรยี นรท๎ู ่ีทา฿ห๎นักรียนฝึกอบรมตนองท้ังกาย วาจา ละ฿จ ฿ห๎รียบรอ๎ ยตลอดถึงป็นผมู๎ ีวัตรปฏิบัติดีมีการสารวมอันควรกํฐานานรุ ปู ธรรมชาติหรือลักษณะเฉพาะของสาระการเรยี นร้ธู รรม กลมุํ สาระการรยี นรู๎สงั คมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม วําด๎วยการอยํูรํวมกัน฿นสังคม ท่ีมีความชื่อม สัมพันธ์กันละมีความตกตํางกันอยํางหลากหลาย พื่อชํวย฿ห๎สามารถปรับตนองกับบริบทสภาพวดล๎อมป็น พลมอื งดี มคี วามรับผดิ ชอบ มคี วามร๎ู ทกั ษะ คณุ ธรรม ละคาํ นยิ มที่ หมาะสม ดยเด๎กาหนดสาระตํางๆ เว๎ ดงั น้ี พระพุทธศาสนา มีนวคดิ พืน้ ฐานกยี่ วกบั ศาสนา ศีลธรรมละจริยธรรม การนาหลักธรรมเปปฏิบัติ฿น การพฒั นาตนองละการอยรูํ วํ มกนั อยาํ งสันตสิ ุขน้ัน จดั ปน็ ผู๎กระทาความดี มีคาํ นิยมท่ดี งี าม พัฒนาตนองอยํูสมอ รวมทั้งบาพ็ญประยชน์ตอํ สังคมละสํวนรวม คาสอนของพระพทุ ธจ๎ารียกวํา พระธรรม เด๎รวบรวมเว๎ป็นพระเตรปิฎกมีศัพท์ฉพาะท่ีต๎องทาความ ขา๎ ฿จรียกวํา ศัพท์ทางพระพุทธศาสนา พระเตรปิฎกบรรจุหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หลักธรรมบางข๎อเด๎รับ
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๒ การรียบรียงป็นพุทธศาสนสุภาษิตพ่ือป็นคติสอน฿จ ธรรมจึงป็นวิธีนาหลักธรรมมาปฏิบัติ ก็คือการบริหารจิต ละจริญปัญญา ดังน้ัน สาระการรียนร๎ูธรรม จึงมีลักษณะฉพาะท่ีมํุงน๎น฿ห๎นักรียนมีความร๎ูก่ียวกับหลักธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา มีคํานิยมท่ีดีงาม มีศรัทธา฿นพระพุทธศาสนา ละมุํงน๎น฿ห๎นักรียนปฏิบัติตามหลักธรรมสามารถ นาเปประยกุ ต฿์ ช฿๎ นการดานินชีวติ วิสัยทศั น์สาระการเรยี นรธู้ รรม นักรียนป็นผ๎ูมีความรู๎ ทักษะ กระบวนการ ละคุณธรรม จริยธรรม ตลอดถึงคํานิยมตามหลักสูตร การศึกษาพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ข๎า฿จ฿นการนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาถํายทอดความคิด ละนวปฏิบัติเปยังสังคมเด๎อยํางสร๎างสรรค์ ตลอดถึง฿ช๎หลักธรรมพื่อป็นนวทาง฿นการศึกษาตํอละการ ดารงชีวิตเด๎ถูกต๎อง พนั ธกิจสาระการเรียนรูธ้ รรม สาระการรียนรู๎ธรรม ป็นการศึกษาที่มํุง฿ห๎พระภิกษุสามณรพัฒนาตนองประพฤติปฏิบัติตาม หลักธรรมป็นศาสนทายาทที่ดีละนาความรู๎จากการศึกษาเปพัฒนาศาสนา สังคม ดยมุํงปลูกฝัง฿ห๎พระภิกษุ สามณรมคี ุณลักษณะดงั ตอํ เปนี้ ๑. มุํง฿ห๎นักรียนห็นคุณคําของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาละยินดีที่จะปฏิบัติตาม฿นฐานะป็น ศาสนทายาท ๒. มงุํ ฿ห๎นักรียนสามารถผยผํหลกั ธรรมท่ี หมาะสมกับสภาพปัญหาของบุคคลละสงั คม ๓. มงํุ ฿หน๎ กั รียนกดิ ความรค๎ู วามข๎า฿จ฿นหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาอยํางท๎จริง ๔. มํุง฿ห๎นักรียนกิดความรู๎ความข๎า฿จละความคารพล่ือม฿ส฿นพระรัตนตรัยอันป็นหลักชัยหํง พระพทุ ธศาสนา เปา้ หมายหรือความคาดหวังของสาระการเรยี นร้ธู รรม การจัดการรียนการสอนสาระการรียนรู๎ธรรม ป็นสํวนหน่ึง฿นกลํุมสาระการรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ละวฒั นธรรม ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีความคาดหวังวํา ม่ือนักรียน รียนสาระการรียนรู๎ธรรมอยาํ งตํอน่ืองต้ังตํชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎นละตอนปลายล๎ว นักรียนจะมีจตคติท่ีดีตํอ สาระการรียนรูธ๎ รรม ดังน้ี ๑. ขา๎ ฿จ฿นความหมายละนวปฏิบัติอันหลากหลายของธรรม฿นทางพระพุทธศาสนา ๒. สามารถถํายทอดความคดิ ละนวปฏบิ ัติเปสูํสังคมเทยเดอ๎ ยํางสรา๎ งสรรค์ ๓. สามารถ฿ช๎หลักธรรมสวงหาความรู฿๎ นการประพฤติปฏบิ ตั ิตนสาหรบั การดานินชวี ติ หํงความป็น สมณสารปู ๔. พอ่ื การศึกษาตํอ฿นระดบั สงู ขน้ึ
หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๓ คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของสาระการเรยี นรธู้ รรม ๑. นักรยี นมคี วามรค๎ู วามขา๎ ฿จละความคารพลอ่ื ม฿ส฿นพระรัตนตรัย ๒. นกั รียนมีความรูค๎ วามข๎า฿จ฿นหลกั ธรรมข้นั ปญั ญาภูมิ ๓. นักรียนห็นคุณคําของพระพุทธศาสนา ละธารงรักษาเว๎฿นฐานะป็นศาสนาประจาชาติ ป็นบํอ กดิ วัฒนธรรมเทย ป็นมรดกอันสาคญั ยง่ิ ของชาติ ๔. นักรียนห็นคุณคําของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาละยินดีปฏิบัติตาม฿นฐานะป็นศาสน ทายาททดี่ ี ๕. นักรียนสามารถผยผํหลักธรรมท่ีหมาะสมกับสภาพละปัญหาของบุคคล สังคมละ ประทศชาติ ๖. นักรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรรงรียนขื่อนผากวิทยา หลักสูตรกนกลาง การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ละหลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม ผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ธรรม สาระที่ ๑ พระพทุ ธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๑ รู๎ ละข๎า฿จประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาละศาสนาอื่น มีศรัทธา ทถี่ กู ตอ๎ ง ยดึ ม่ัน ละปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรม พอ่ื อยูํรํวมกนั อยาํ งสันตสิ ุข คุณภาพผู้เรยี น สาระการรยี นร๎ธู รรม ป็นสํวนหนึ่งของกลุํมสาระการรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม ป็น สาระการรยี นรู๎ พมิ่ ตมิ ที฿่ ห๎นกั รยี น฿นรงรียนข่ือนผากวิทยา ต๎องศึกษาตั้งตํระดับ ๒ ถึง ระดับ ๓ มุํงน๎น฿ห๎ นักรียนเด๎ศึกษาความสาคัญของหลักธรรม฿ห๎มีความร๎ู มีทักษะ ละกระบวนการ฿นฐานะป็นหลักธรรม฿นทาง พระพทุ ธศาสนา จบชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓, ๖ (ระดับ ๒, ๓) นกั เรียนจะมีคุณภาพ ดงั น้ี มคี วามร๎ู ความข๎า฿จ฿นหลักธรรม มีศรัทธาที่ถูกต๎อง฿นพระพุทธศาสนา มีความยึดมั่น ละปฏิบัติ ตนตามหลกั ธรรมของพระสัมมาสัมพทุ ธจ๎า สามารถนาหลกั ธรรมเปประยกุ ต฿์ ช๎ก๎ปัญหา฿นการดานินชวี ติ มีจิตสานึก฿นการ฿ช๎หลกั ธรรมคาสอนพ่อื สงํ สริมความสงบสุข฿นสังคม สามารถนาหลักธรรมเป฿ช๎ ฿นการก๎ปญั หาสงั คมตลอดถึงปฏบิ ตั ธิ รรมพื่อความพ๎นทุกข์ มีการพัฒนาตนป็นพลมืองท่ีดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรม มีคํานิยมอันพึง ประสงค์ สามารถอยรํู ํวมกบั ผ๎ูอืน่ ละอยํ฿ู นสังคมเด๎อยํางมีความสุข รวมทั้งมีศักยภาพพื่อการศึกษาตํอ฿นช้ันสูงตาม ความประสงค์ มศี รัทธามน่ั คง ละสามารถดารงตนอยํางถกู ตอ๎ งหมาะสมตามหลักธรรม฿นทางพระพุทธศาสนา
หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๔ กิดความม่นั ฿จ฿นการดานินชีวิตประจาวันละสามารถปรับตัวข๎ากับสภาพวดล๎อมทางสังคมเด๎ อยํางถูกต๎องหมาะสม
หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ พระพุทธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๑ รแู้ ละเขา้ ใจประวัติ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศ ร่วมกันอย่างสนั ตสิ ุข ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ร๎ู ละขา๎ ฿จหลักธรรมทาง ๑. อธิบายหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา ๑. วิค พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ทกุ ะ ฿นธรรมวภิ าค ทสกะ หมวด ๑๐ พระ หมวด ๒ ๒. อธิบายหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๒ ท ๒. ร๎ูละข๎า฿จหลกั ธรรมทาง ฿นธรรมวิภาค หมวดบด็ ตลด็ ๒. วิค พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวภิ าค ตกิ ะ ๓. อธบิ ายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พระ หมวด ๓ ฿นคิหปิ ฏิบัติ จตกุ กะ หมวด ๔ ๒ต ๓. รู๎ละข๎า฿จหลักธรรมทาง ๔. อธบิ ายหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๓. วิ ค พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค จตกุ กะ ฿นคิหปิ ฏบิ ัติ ปัญจกะ หมวด ๕ พระ หมวด ๔ ๕. อธิบายหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๒ จ ๔. รู๎ละข๎า฿จหลักธรรมทาง ฿นคหิ ปิ ฏบิ ตั ิ ฉกั กะ หมวด ๖ ๔. วิ ค พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ปญั จ ๖. ร๎ู ละขา๎ ฿จหลกั การขียนรียงความก๎ พระ กะ หมวด ๕ กระทู๎ธรรมนักธรรมชัน้ ตรี ๒ป ๕. รู๎ละข๎า฿จหลักธรรมทาง ๕. รู๎ล พระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ฉักกะ กระ หมวด ๖ ๖. รู๎ละขา๎ ฿จหลักธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค สตั ตกะ หมวด ๗
๑๑๔ ศาสนาและศาสนาอื่น มศี รัทธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏบิ ตั ติ ามหลักธรรม เพื่ออยู่ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ คราะหห์ ลักธรรมทาง มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ะพทุ ธศาสนา฿นธรรมวภิ าคปริฉทท่ี ๑. วิคราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค ทุกะ หมวด ๒ ปริฉทท่ี ๒ ฉกั กะ หมวด ๖ คราะหห์ ลกั ธรรมทาง ๒. วิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค ะพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาคปริ ฉทที่ ปริฉทที่ ๒ สตั ตกะ หมวด ๗ ตกิ ะ หมวด ๓ ๓. วิคราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค คราะหห์ ลกั ธรรมทาง ปริฉทท่ี ๒ อฏั ฐกะ หมวด ๘ ะพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าคปริ ฉทที่ ๔. วิ คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าค จตุกกะ หมวด ๔ ปริ ฉทที่ ๒ นวกะ หมวด ๙ คราะหห์ ลักธรรมทาง ๕. วิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าค ะพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาคปริฉทที่ ปริฉทที่ ๒ ทสกะ หมวด ๑๐ ปญั จกะ หมวด ๕ ๖. วิคราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค ละขา๎ ฿จหลักการขยี นรยี งความก๎ ปริฉทที่ ๒ อกาทสกะ หมวด ๑๑ ะท๎ูธรรมนักธรรมชน้ั ท ๗. วิ คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ปริ ฉทท่ี ๒ ทวาทสกะ หมวด ๑๒ ๘. วิคราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวิภาค ปริ ฉทท่ี ๒ ตรสกะ หมวด ๑๓ ๙. วิ คราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นธรรมวภิ าค
หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๗. รู๎ละขา๎ ฿จหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค อัฏฐกะ หมวด ๘ ๘. รู๎ ละข๎า฿จหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิภาค นวกะ หมวด ๙ ๙. ร๎ูละข๎า฿จหลักการขียนรยี งความก๎ กระทูธ๎ รรมนักธรรมช้นั ตรี
๑๑๕ ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ปริฉทท่ี ๒ ปัณณรสกะ หมวด ๑๕ ๑๐. ร๎ู ละขา๎ ฿จหลักการขียนรียงความกก๎ ระทธู๎ รรม นักธรรมชัน้ ท มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ ๑. วิคราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวิจารณ์ สํวนปรมตั ถปฏิปทา ๒. วิ คราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นธรรมวจิ ารณ์ สํวนสงั สารวัฏ ๓. วิคราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นสวํ นสมถ กัมมัฏฐานละพระพุทธคุณกถา ๔. ร๎ูละข๎า฿จหลกั การขยี นรียงความก๎กระทธ๎ู รรม นักธรรมชัน้ อก มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ๑. วิคราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นวปิ ัสสนา กัมมัฏฐาน ๒. วิคราะหห์ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นวปิ ัลลาสกถา ๓. วิคราะหห์ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา฿นมหาสติปฏั ฐาน สูตร ๔. วิคราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา฿นคิรมิ านนทสตู ร ๕. รู๎ ละข๎า฿จหลกั การขียนรยี งความกก๎ ระท๎ธู รรม นักธรรมช้นั อก
หลกั สูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๖ สาระการเรียนรู้พุทธประวัติ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความสาคญั รายสาระการเรียนรพู้ ทุ ธประวตั ิ สาระการรียนรู๎พุทธประวัติ ป็นวิชาที่มํุง฿ห๎ผ๎ูรียนเด๎ทราบประวัติของพระพุทธจ๎า ซ่ึงป็นบุคคลที่มี อยจูํ ริง฿นประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ การทราบภูมิหลัง ความป็นมาของพระพุทธจ๎าจะทา฿ห๎กิดศรัทธาปสาทะ ยอมรับนับถือพระพุทธจ๎าอยํางถูกต๎องที่สาคัญม่ือเด๎ทราบพระจริยาวัตรของพระพุทธองค์ล๎ว จะทา฿ห๎เด๎บบ ผนท่ดี งี าม฿นการดานนิ ชวี ติ ละมีฉนั ทะ฿นการปฏบิ ตั ิตามคาสอนของพระพุทธองค์มากข้ึน อนุพุทธประวัติ กลําวถึงประวัติของพระมหาสาวก ๘๐ องค์ หรือท่ีรียกวํา อสีติมหาสาวก กลําวดย ยอํ พ่ือ฿ห๎ทราบวาํ ตลํ ะองคม์ ีชาติภูมิที่เหน บิดามารดาชอื่ อะเร หตุ฿ดจงึ เด๎ข๎ามาบวช฿นพระพุทธศาสนา บวชด๎วย วิธี฿ด มี฿ครป็นอุปัชฌาย์ บรรลุมรรคผลพราะธรรมทศนาชื่ออะเร ละปฏิบัติอยํางเร เด๎ทาประยชน์อะเรบ๎าง เดร๎ ับการยกยํอง฿ห๎ป็นอตทคั คะด๎าน฿ด ละปรินพิ พานท่เี หน พุทธานุพุทธประวัติ กลําวถึงพระพุทธจริยาวัตรละประวัติพระพุทธสาวก-สาวิกา ที่สาคัญดยน๎น฿ห๎ หน็ ถงึ ขอ๎ ปฏิบตั ิท่กี ํอ฿ห๎กิดความสื่อม฿สกํอนุชน ท่ีสาคัญเด๎บูรณาการพุทธประวัติละอนุพุทธประวัติ฿ห๎มีน้ือหา กลมกลนื กนั ฿ห๎ผ๎ู รยี นหน็ ภาพรวม฿นประวตั ิของพระพุทธจา๎ ละพทุ ธสาวก-สาวกิ า ศาสนพิธี ป็นสํวนหน่ึง฿นสาระการรียนร๎ูพุทธประวัติ ป็นวิชาท่ีกลําวถึงพิธีกรรมหรือระบียบบบ ผนท่ีจะพึงปฏิบัติ฿นทางศาสนา ซึ่งนอกจากจะส่ือความหมายเปถึงหลักจริยธรรม฿นศาสนาล๎ว ยังป็นพิธีกรรมที่ ทา฿ห๎พุทธศาสนิกชนมีระบียบบบผนที่ดีงามละมื่อปฏิบัติเด๎ถูกต๎องตามระบียบบบผนล๎วก็นับวําบุคคล กลุํมคน สังคมนั้นๆ มีความจริญ มีระบียบบบผนป็นอกลักษณ์อันดดดํน กลายป็นอารยธรรมทางศาสนาที่ งดงามป็นที่ช่ืมชมของผู๎รู๎ทัว่ เป สาระการรียนร๎ูพุทธประวัติ ป็นสาระการรียนร๎ูพิ่มติม กลํุมสาระการรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม ท่ีจะทา฿หน๎ กั รียนมีความรค๎ู วามขา๎ ฿จ฿นการปฏิบัติตนตามนวพุทธประวตั ิ อนุพุทธประวัติ พุทธานุ พุทธประวัติ ละศาสนพิธี จนกิดป็นนิสัยละนาเป฿ช๎ประยชน์฿นงานสังฆกรรมละกิจของสงฆ์ ทา฿ห๎นักรียนเด๎ ฝกึ อบรมตนองท้ังกาย วาจา ละ฿จ ฿ห๎ รยี บรอ๎ ยตลอดถงึ ปน็ ผมู๎ วี ัตรปฏบิ ตั ิดมี กี ารสารวมอนั ควรกฐํ านานุรูป ธรรมชาตหิ รือลกั ษณะเฉพาะของสาระการเรยี นรูพ้ ทุ ธประวัติ กลมํุ สาระการรยี นร๎สู ังคมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม วําด๎วยการอยูํรํวมกัน฿นสังคม ที่มีความช่ือม สัมพันธ์กัน ละมีความตกตํางกันอยํางหลากหลาย พ่ือชํวย฿ห๎สามารถปรับตนองกับบริบทสภาพวดล๎อม ป็น พลมอื งดี มีความรบั ผดิ ชอบ มคี วามร๎ู ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม ละคาํ นยิ มท่ี หมาะสม สาระการรียนร๎ูพุทธประวัติ มีนวคิดพื้นฐานกี่ยวกับหลักปฏิบัติของพระพุทธจ๎า฿นการดานินชีวิต การนาหลักปฏิบัติของพระพุทธจ๎าเปป็นนวปฏิบัติ฿นการพัฒนาตนองละการอยูํรํวมกันอยํางสันติสุขนั้น จัดเด๎ วาํ ป็นผก๎ู ระทาความดี มคี ํานิยมท่ีดีงาม พัฒนาตนองอยํู สมอ รวมท้งั บาพญ็ ประยชน์ตอํ สงั คมละสวํ นรวม
หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๗ ดังน้นั สาระการรยี นรพ๎ู ทุ ธประวตั ิ จงึ มลี ักษณะฉพาะทม่ี งํุ นน๎ ฿ห๎นักรียนมีความรู๎กี่ยวกับประวัติของ พระพุทธจ๎า ประวัติของพระสาวก-สาวิกา ละศาสนพิธี ฿ห๎มีคํานิยมท่ีดีงามละมีศรัทธาที่ถูกต๎อง฿น พระพทุ ธศาสนาสามารถนาเปประยกุ ต฿์ ช฿๎ นการดานินชีวติ วสิ ยั ทัศน์สาระการเรยี นรู้พุทธประวัติ นักรียนป็นผ๎ูมีความรู๎ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ละคํานิยมตามหลักสูตรรงรียน ขื่อนผากวิทยา ละหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ข๎า฿จ฿นประวัติของพระพุทธจ๎า ประวัติของพระสาวก-สาวิกา ละศาสนพิธี สามารถถํายทอดความคิดละนวปฏบิ ตั เิ ปยงั สังคมเดอ๎ ยํางสร๎างสรรค์ พันธกิจสาระการเรยี นรูพ้ ทุ ธประวัติ สาระการรยี นรพ๎ู ทุ ธประวตั นิ ้ี ป็นการศึกษาทีม่ งํุ ฿หพ๎ ระภกิ ษสุ ามณรพฒั นาตนองประพฤติปฏิบัติตาม นวปฏิบัติของพระพุทธองค์ ป็นศาสนทายาทที่ดีละนาความรู๎จากการศึกษาเปพัฒนาศาสนา สังคม ดยมุํง ปลกู ฝัง฿หพ๎ ระภกิ ษุสามณรมีคุณลกั ษณะดงั ตํอเปนี้ ๑. มุํง฿ห๎นักรยี นหน็ คุณคําของวิชาพุทธประวัติละยินดีทีจ่ ะปฏบิ ตั ิตาม฿นฐานะปน็ ศาสนทายาท ๒. มงํุ ฿ห๎นักรียนสามารถผยผํพทุ ธประวัติท่ี หมาะสมกบั สภาพปัญหาของบคุ คลละสงั คม ๓. มงุํ ฿ห๎นกั รียนกดิ ความรค๎ู วามขา๎ ฿จ฿นประวัติของพระพุทธจ๎าอยาํ งทจ๎ ริง ๔. มํงุ ฿หน๎ ักรยี นกิดความรูค๎ วามขา๎ ฿จละความคารพล่ือม฿ส฿นพระรัตนตรัย เป้าหมายหรือความคาดหวงั ของสาระการเรียนร้พู ทุ ธประวตั ิ การจดั การรยี นการสอนสาระการรียนรู๎พุทธประวัติ ป็นสํวนหนึ่ง฿นกลํุมสาระการรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ละวฒั นธรรม ตามหลกั สตู รรงรียนขื่อนผากวิทยา หลกั สตู รการศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ละหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีความคาดหวงั วาํ ม่อื นักรียนรียนสาระการรียนร๎ูพุทธ ประวัติอยํางตํอนื่องต้ังตํชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎นละตอนปลายล๎ว นักรียนจะมีจตคติที่ดีตํอสาระการรียนร๎ู พทุ ธประวัตดิ งั นี้ ๑. สามารถ฿ช๎ป็นหลักปฏิบัติตามนวทางของวิชาพุทธประวัติ พ่ือสวงหาความรู๎฿นการประพฤติ ปฏิบตั ิตนสาหรับการดานนิ ชีวิตหํงความปน็ สมณสารูป ๒. พื่อการศกึ ษาตํอ฿นระดับสูงขนึ้ ๓. ข๎า฿จ฿นความหมายละนวปฏบิ ัตอิ ันหลากหลายวิชาพทุ ธประวตั ิ ๔. สามารถถาํ ยทอดความคิดละนวปฏิบตั ิเปสสูํ ังคมเทยเด๎อยํางสร๎างสรรค์ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องสาระการเรยี นร้พู ทุ ธประวตั ิ ๑. นักรยี นมคี วามรค๎ู วามขา๎ ฿จละความคารพลื่อม฿ส฿นพระรัตนตรยั ๒. นกั รยี นหน็ คุณคําของวชิ าพทุ ธประวัติ ละยนิ ดีปฏิบตั ติ าม฿นฐานะป็นศาสนทายาท
หลกั สูตรโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๘ ๓. นักรียนสามารถผยผํหลักธรรมที่หมาะสมกับสภาพละปัญหาของบุคคล สังคมละ ประทศชาติ ๔. นกั รยี นมคี วามร๎ูความข๎า฿จ฿นหลกั ธรรมข้นั ปญั ญาภมู ิ ๕. นักรียนห็นคุณคําของพระพุทธศาสนา ละธารงรักษาเว๎฿นฐานะป็นศาสนาประจาชาติ ป็นบํอ กดิ วัฒนธรรมเทย ป็นมรดกอันสาคัญยิ่งของชาติ ๖. นักรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ละหลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระและมาตรฐานการเรยี นรูพ้ ทุ ธประวัติ สาระที่ ๑ พระพุทธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๒ ข๎า฿จตระหนกั ละปฏบิ ัตติ นป็นพุทธศาสนกิ ชนที่ดี ละธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา คณุ ภาพผ้เู รียน สาระการรียนร๎ูพุทธประวัติป็นสํวนหนึ่งของกลํุมสาระการรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม ป็นสาระการรียนร๎ูพ่ิมติม ที่฿ห๎นักรียน฿นรงรียนพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ต๎องศึกษาตั้งตํระดับ ๒ ถงึ ระดับ ๓ มุํงน๎น฿ห๎นักรียนเด๎ศึกษาวิชาพุทธประวัติ อนุพุทธประวัติ พุทธานุพุทธประวัติ ละศาสนพิธี พื่อ฿ห๎ กิดความร๎ู ทักษะ ละกระบวนการ฿นฐานะป็นหลกั ปฏิบตั ฿ิ นทางพระพุทธศาสนา จบช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓, ๖ (ระดบั ๒, ๓) นกั เรียนจะมคี ณุ ภาพ ดงั นี้ มีความรู๎ ความข๎า฿จ฿นประวัติความสาคัญของศาสดา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มีศรัทธาท่ี ถกู ตอ๎ ง฿นหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา มคี วามยึดมนั่ ละปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาสามารถนา หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเปประยุกต฿์ ช๎ ก๎ปัญหา฿นการดานนิ ชีวิต มีการพัฒนาตนป็นพลมืองที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา มีคํานิยมอันพึงประสงค์ สามารถอยํูรํวมกับผ๎ูอื่นละอยูํ฿นสังคมเด๎อยํางมีความสุข รวมทั้งมี ศกั ยภาพพ่อื การศกึ ษาตํอ฿นชน้ั สงู ตามความประสงค์ มีจิตสานึก฿นการ฿ช๎หลักธรรมพ่ือสํงสริมความสงบสุข฿นสังคมสามารถนาหลักธรรมเป฿ช๎฿นการ ก๎ปัญหาสังคมตลอดถงึ ปฏิบัตธิ รรมพ่อื ความพ๎นทกุ ข์ เด๎รียนรค๎ู วามขา๎ ฿จกย่ี วกบั ประวตั พิ ระสาวกทีส่ าคัญละหลกั พุทธประวัติ พอ่ื การพัฒนาชีวติ มคี วามร๎ูความข๎า฿จกย่ี วกบั ศาสนาสมยั กอํ นพุทธกาล สมัยพุทธกาล ละสมยั หลังพุทธกาล มีความร๎ูความข๎า฿จกี่ยวกับประวัตพิ ทุ ธศาสนา฿นประทศตาํ งๆ มีศรัทธาม่ันคง฿นพระพุทธประวัติ ละสามารถดารงตนอยํางถูกต๎องหมาะสมตามหลักพุทธ ประวัติทางพระพุทธศาสนา
หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๙ กิดความม่นั ฿จ฿นการดานินชีวิตประจาวันละสามารถปรับตัวข๎ากับสภาพวดล๎อมทางสังคมเด๎ อยํางถูกต๎องหมาะสม
หลักสูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ พระพุทธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจตระหนักและปฏบิ ัตติ นเป็นพุทธศาสนกิ ชนท่ดี แี ละธารงรกั ษ ม. ๑ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ ชั้นปี ๑. วิ ค ขอ ๑. ร๎ู ละขา๎ ฿จพุทธประวตั ิบทท่ี ๑ ม. ๒ ๔๑ ชมพทู วีปละประชาชน ๑. อธิบายพทุ ธประวัติบทท่ี ๗ ๒. วิค ๒. รู๎ละข๎า฿จพทุ ธประวัตบิ ทท่ี ๒ สงํ พระสาวกเปประกาศพระศาสนา ๓. วิ ค สกั กชนบทละศากยวงศ์ ๒. อธิบายพุทธประวัตบิ ทที่ ๘ ๓. ร๎ู ละข๎า฿จพุทธประวตั ิบทท่ี ๓ สด็จกรงุ ราชคฤห์ คว๎นมคธ พระศาสดาประสตู ิ ๓. อธิบายพุทธประวตั บิ ทท่ี ๙ ๔. ร๎ู ละขา๎ ฿จพทุ ธประวตั ิบทที่ ๔ ทรงบาพญ็ พุทธกจิ ฿นมคธชนบท สดจ็ ออกบรรพชา ๔. อธบิ ายพทุ ธประวตั ิบทที่ ๑๐ ๕. รู๎ ละขา๎ ฿จพุทธประวัตบิ ทที่ ๕ สดจ็ สักกชนบท ตรสั รู๎ ๕. อธบิ ายพุทธประวัตบิ ทท่ี ๑๑ ๖. รู๎ละขา๎ ฿จพุทธประวัติบทท่ี ๖ สดจ็ กศลชนบท ปฐมทศนาละปฐมสาวก ๖. อธบิ ายพุทธประวตั ิบทที่ ๑๒ ๗. ร๎ู ละข๎า฿จหตุกิดละประภท ทรงปลงอายสุ ังขาร ศาสนพิธี ๗. อธบิ ายพทุ ธประวตั บิ ทท่ี ๑๓ ๘. รู๎ละข๎า฿จศาสนพิธหี มวดที่ ๑ ถวายพระพลิงพทุ ธสรีระ กศุ ลพธิ ี ๘. อธบิ ายศาสนพธิ หี มวดที่ ๓ ๙. รู๎ละขา๎ ฿จศาสนพิธหี มวดที่ ๒ ทานพิธี บุญพิธี ๙. อธิบายศาสนพิธีหมวดท่ี ๔ ปกณิ ณกพธิ ี
๑๑๙ ษาพระพุทธศาสนา ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ คราะหอ์ นุพุทธประวตั ิ฿นสวํ นประวัติ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ องพระมหาสาวกผเู๎ ดร๎ ับอตทัคคะ ๑. วิคราะหอ์ นพุ ทุ ธประวัต฿ิ นสวํ นประวัตขิ องพระมหาสาวก ๑ องค์ ผ๎ูเมเํ ดร๎ บั อตทคั คะ ๓๙ องค์ คราะหศ์ าสนพิธหี มวดที่ ๑ กศุ ลพธิ ี ๒. วิคราะหศ์ าสนพธิ ี หมวดท่ี ๓ ทานพธิ ี คราะหศ์ าสนพธิ ีหมวดที่ ๒ บญุ พธิ ี ๓. วิ คราะหศ์ าสนพิธี หมวดที่ ๔ ปกณิ ณกพธิ ี มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ๑. วิ คราะหพ์ ทุ ธานพุ ทุ ธประวัต฿ิ นสํวนปริ ฉทที่ ๑ วําดว๎ ยชมพูทวปี ๒. วิคราะหพ์ ทุ ธานพุ ุทธประวตั ิ฿นสํวนปริฉทที่ ๒ วําด๎วยการสดจ็ ออกบรรพชาละตรัสรู๎ ๓. วิคราะหพ์ ุทธานพุ ุทธประวัติ฿นสํวนปริ ฉทที่ ๓ วาํ ด๎วยการสวยวิมตุ ตสิ ขุ ๔. วิคราะหพ์ ุทธานุพทุ ธประวตั ฿ิ นสํวนปริฉทที่ ๔ วาํ ดว๎ ยการประทานอหภิ กิ ขุอปุ สมั ปทา ๕. วิคราะห์พุทธานพุ ทุ ธประวตั ิ฿นสวํ นปริ ฉทท่ี ๕ วาํ ด๎วยการประกาศพระศาสนา ๖. วิคราะหพ์ ทุ ธานุพุทธประวัต฿ิ นสํวนปริฉทที่ ๖ วําด๎วยพระอัครสาวก
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒
๑๒๐ ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๗. วิคราะหพ์ ทุ ธานุพุทธประวัต฿ิ นสํวนปริ ฉทท่ี ๗ วาํ ดว๎ ยพระมหากัสสปะ ละมหากัจจายนะออกบวช ๘. วิ คราะห์พุทธานุพุทธประวตั ิ฿นสํวนปริฉทที่ ๘ วําด๎วยการปรดมาณพ ๑๖ คน มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ๑. วิ คราะห์พุทธานุพทุ ธประวัติ฿นสวํ นปริฉทท่ี ๙ วําดว๎ ยการอนญุ าตญตั ติจตุตถกรรมวาจา ๒. วิคราะห์พุทธานุพทุ ธประวตั ฿ิ นสวํ นปริฉทที่ ๑๐ วําดว๎ ยการสดจ็ กรงุ กบิลพสั ดุ์ ๓. วิคราะหพ์ ทุ ธานุพุทธประวตั ฿ิ นสวํ นปริ ฉทที่ ๑๑ วําดว๎ ยศากยวงศอ์ อกบวช ๔. วิ คราะห์พทุ ธานพุ ุทธประวตั ิ฿นสํวนปริ ฉทที่ ๑๒ วําด๎วยพระสณกฬิวสิ ะละพระรฐั บาลออกบวช ๕. วิ คราะห์พทุ ธานุพุทธประวัต฿ิ นสํวนปริฉทที่ ๑๓ วาํ ดว๎ ยการสดจ็ ปรดพระพทุ ธบดิ า พระพทุ ธมารดาละ สดจ็ ดับขนั ธปรนิ ิพพาน ๖. วิคราะห์ หตกุ ารณก์ อํ นพทุ ธปรนิ ิพพาน ๗. วิคราะห์ หตกุ ารณ์หลังพทุ ธปรินพิ พาน
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒
๑๒๑ ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๑ สาระการเรยี นรวู้ ินัย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความสาคญั รายสาระการเรียนรูว้ นิ ยั สาระการรียนร๎ู ป็นวิชาท่ีกลําวถึงพระวินัยซึ่งป็นคาสอนท่ีพระพุทธจ๎าทรงตั้งข้ึน ป็นกฏกณฑ์ ข๎อบังคับ ระบุถึงทษมากทษน๎อยตามความผิดที่กระทาล๎วส่ังสอน฿ห๎สารวมระวังมิ฿ห๎ปฏิบัติ ฿ห๎ปฏิบัติตามข๎อที่ ทรงอนญุ าต งดว๎นขอ๎ ท่ที รงห๎าม วชิ าวินัยจึงป็นวิชาท่ีมุํง฿ห๎ผ๎ูศึกษาทราบรายละอียดของพระวินัย ล๎วมุํงรักษา฿ห๎ บริสุทธ์ิ พระวินัยช่ือวําป็นรากก๎วของพระศาสนา พราะป็นตัวบํงช้ีหรือวัดความจริญละความส่ือมของพระ ศาสนาเด๎ ท้ังน้ีดูเด๎จากการปฏิบัติตามพระวินัยของพระภิกษุ หากปฏิบัติตามพระวินัยเด๎มากก็สดงวําจริญละ หากปฏิบตั ยิ ํอหยํอนก็ สดงวําสอื่ ม สาระการรียนร๎ูวินัย ป็นสาระการรียนรู๎พ่ิมติม กลุํมสาระการรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ละ วัฒนธรรม ป็นสาระที่จะทา฿หน๎ กั รียนมีความร๎ูความข๎า฿จ฿นการปฏิบัติตามพระวินัยบัญญัติจนกิดป็นนิสสัยละ นาเป฿ชป๎ ระยชน฿์ นงานสังฆกรรมละกิจของสงฆ์ ทา฿ห๎นักรียนฝึกอบรมตนองท้ังกาย วาจา ละ฿จ ฿ห๎รียบร๎อย ตลอดถึงป็นผู๎มวี ตั รปฏิบตั ดิ มี กี ารสารวมอันควรกฐํ านานุรูป ปรยี บสมอื นส๎นทางดินของมนุษย์ท่ีจะนาเปสํูปูาหมายชีวิต ป็นบํอกิดความคารพล่ือม฿ส฿นพระ รัตนตรัยอันป็นหลักชัยหํงพระพุทธศาสนาสํงผลถึงความสงบสุขของผ๎ูคน฿นสังคมละป็นกรอบของสังคมท่ีจะ นาเปสกํู ารปฏบิ ัต฿ิ นการอยรํู ํวมกันอยํางสันติสุข ธรรมชาตหิ รือลักษณะเฉพาะของสาระการเรยี นรวู้ นิ ัย กลุํมสาระการรยี นร๎สู งั คมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม วําด๎วยการอยํูรํวมกัน฿นสังคม ที่มีความช่ือม สัมพันธ์กันละมีความตกตํางกันอยํางหลากหลาย พ่ือชํวย฿ห๎สามารถปรับตนองกับบริบทสภาพวดล๎อมป็น พลมืองดี มีความรบั ผดิ ชอบ มีความร๎ู ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ละคํานยิ มที่ หมาะสม พระวนิ ยั หมายถงึ กฎระบียบข๎อบงั คับ หรือขนมธรรมนยี มประพณีท่จี ะต๎องปฏิบัต฿ิ ห๎ป็นเป ฿นทางดียวกันของหมูํภิกษุสงฆ์ พื่อ฿ห๎กิดความล่ือม฿สกํผ๎ูพบห็น พ่ือมีอาจาระอันงามป็น ระบยี บรยี บร๎อย อนั จะนาเปสกูํ ารประพฤติปฏิบัติชอบ ปน็ การออ้ื ฟ้ือตอํ การประพฤติธรรมทางจิตตํอเป หากจะปรียบทียบ฿ห๎ดํนชัดขึ้นมา พระวินัยน้ีก็ปรียบกับกฎระบียบหรือกฎกณฑ์กติกาของสังคม หน่ึงๆ ที่อยํูรํวมกันดยมีกติกาตกลงกันเว๎ ถ๎า฿ครฝุาฝืน ต๎องถูกลงทษตามกติกาท่ีต้ังเว๎นั้นหรือจะปรียบทียบกับ กฏหมายบา๎ นมอื งของประทศหนึ่งๆ ที่มีกฎหมายตราเว๎สาหรับพลมืองของประทศน้ันๆ เด๎ปฏิบัติรํวมกัน ถ๎า฿คร ฝุาฝนื กม็ คี วามผิด นักรียนผ๎ูมาบรรพชาอุปสมบทป็นภิกษุสามณร฿นพระพุทธศาสนายํอมออกจากสกุลตํางๆ กัน มีท้ัง อุปนิสสัย฿จคอ มรรยาทละความประพฤติยํอมเมํหมือนกัน มื่อมาบรรพชาอุปสมบทถือพศป็นสมณะล๎วตําง คนตาํ งประพฤตปิ ฏิบตั ิขนบธรรมนียมตามชอบ฿จ หมอื นคฤหัสถ์เมํเด๎ พราะหมํูคณะที่ตั้งอยํูดยเมํมีอะเรป็นหลัก
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๒ ยํอมเมมํ ่ันคงย่ังยนื ถาวร พระพุทธจ๎าพระองค์ผู๎ป็นธรรมราชาละสังฆบิดร คือ พระบิดาของพระภิกษุสงฆ์ จึงทรง ต้ังวินัยบัญญัติข้ึนเว๎พื่อป็นปทัฏฐานบบอยํางสาหรับปรับความประพฤติของหลําภิกษุ฿ห๎ป็นเป฿นนวดียวกัน ละปกครองกนั ตามท่พี ระวนิ ัยบัญญัติ ดังนน้ั สาระการรียนร๎ูวินัย จึงมีลักษณะฉพาะท่ีมํุงน๎น฿ห๎นักรียนมีความร๎ูกี่ยวกับพระวินัยบัญญัติมี คํานิยมท่ีดีงามละมุํงน๎น฿ห๎นักรียนปฏิบัติตามหลักพระวินัยบัญญัติ ละประกาศ กฏ ระบียบ คาส่ังมหาถร สมาคม ละพระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ์ ท้งั สามารถนาเปประยุกต฿์ ช๎฿นการดานนิ ชวี ติ วิสัยทศั นส์ าระการเรยี นรู้วินัย นักรียนป็นผู๎มีความรู๎ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ละคํานิยมตามหลักสูตรรงรียน ขื่อนผากวิทยา ละหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา มีความร๎ูความข๎า฿จ฿นหลักพระวินัย บัญญัติ สามารถถํายทอดความคิดละนวปฏิบัติเปยังสังคมเด๎อยํางสร๎างสรรค์ ตลอดถึง฿ช๎หลักพระวินัยพ่ือป็น นวทาง฿นการศกึ ษาตอํ ละการดารงชวี ติ เด๎ถกู ต๎อง พนั ธกิจสาระการเรียนรวู้ นิ ัย สาระการรียนรู๎พระวินัยน้ี ป็นการศึกษาที่มุํง฿ห๎พระภิกษุสามณรพัฒนาตนองประพฤติปฏิบัติตาม พระวนิ ัยบัญญัติ ปน็ ศาสนทายาทท่ีดีละนาความรจ๎ู ากการศึกษาเปพัฒนาศาสนา สังคม ดยมุํงปลูกฝัง฿ห๎พระภิกษุ สามณรมคี ณุ ลกั ษณะดังตอํ เปนี้ ๑. มุํง฿หน๎ กั รียนห็นคณุ คาํ ของพระวินัยบญั ญตั ิ ละยินดีทีจ่ ะปฏิบตั ิตาม฿นฐานะป็นศาสนทายาท ๒. มุงํ ฿หน๎ กั รยี นสามารถผยผํพระวินัยบัญญตั ทิ ่ี หมาะสมกบั สภาพปญั หาของบคุ คลละสงั คม ๓. มงุํ ฿ห๎นักรียนกิดความรู๎ความข๎า฿จ฿นพระวนิ ัยบญั ญัติอยํางท๎จรงิ ๔. มงุํ ฿ห๎นกั รียนกิดความร๎คู วามขา๎ ฿จละความคารพล่ือม฿ส฿นพระรตั นตรัย เปา้ หมายหรอื ความคาดหวังของสาระการเรียนรูว้ นิ ัย การจัดการรียนการสอนสาระการรยี นรว๎ู ินัย ปน็ สวํ นหน่ึง฿นกลุํมสาระการรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม ตามหลกั สูตรการศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรม ละหลกั สตู รกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ มี ความคาดหวังวํา มื่อนักรียนรียนสาระการรียนร๎ูวินัยอยํางตํอน่ืองตั้งตํชั้นมัธยมศึกษาตอนต๎นละตอนปลาย ลว๎ นกั รยี นจะมี จตคตทิ ีด่ ีตอํ สาระการรยี นรว๎ู ินัย ๑. สามารถ฿ช๎พระวินัยบัญญัติสวงหาความร๎ู฿นการประพฤติปฏิบัติตนสาหรับการดานินชีวิตหํง ความป็นสมณสารูป ๒. พ่ือการศกึ ษาตํอ฿นระดับสงู ขนึ้ ๓. ขา๎ ฿จ฿นความหมายละนวปฏบิ ัติอันหลากหลายของพระวนิ ัยบัญญตั ิ ๔. สามารถถาํ ยทอดความคดิ ละนวปฏบิ ัติเปสูสํ งั คมเทยเดอ๎ ยาํ งสรา๎ งสรรค์
หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๓ คุณลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องสาระการเรียนรู้วนิ ัย ๑. นกั รียนมคี วามรค๎ู วามข๎า฿จละความคารพลอ่ื ม฿ส฿นพระรัตนตรยั ๒. นกั รียนหน็ คณุ คาํ ของพระวินัยบัญญัติ ละยินดปี ฏบิ ัติตาม฿นฐานะป็นศาสนทายาท ๓. นักรียนสามารถผยผํพระวินัยบัญญัติที่หมาะสมกับสภาพละปัญหาของบุคคล สังคมละ ประทศชาติ ๔. นกั รียนมีความรู๎ความข๎า฿จ฿นหลักพระวนิ ัยบญั ญัติ ๕. นักรียนห็นคุณคําของพระพุทธศาสนา ละธารงรักษาเว๎฿นฐานะป็นศาสนาประจาชาติ ป็นบํอ กดิ วัฒนธรรมเทย ปน็ มรดกอันสาคญั ยงิ่ ของชาติ ๖. นักรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรรงรียนข่ือนผากวิทยา หลักสูตรกนกลาง การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ละหลกั สูตรการศึกษาพระปริยตั ธิ รรม ผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วนิ ัย สาระที่ ๑ พระพทุ ธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๓ ร๎ู ขา๎ ฿จ ละปฏบิ ตั ิตนตามหลกั พระวนิ ัยบัญญัติละประกาศ กฎ ระบียบ คาส่งั มหาถรสมาคม ละพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ คณุ ภาพผู้เรียน สาระการรียนรู๎วินัยป็นสํวนหน่ึงของกลุํมสาระการรียนรู๎สังคมศึกษา ศาสนา ละวัฒนธรรม ป็น สาระการรียนร๎ูพื้นฐานที่฿ห๎นักรียน฿นรงรียนพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ต๎องศึกษาต้ังตํระดับ ๒ ถึง ระดับ ๓ มุํงน๎น฿ห๎นักรียนเด๎ศึกษาภาควินัยบัญญัติ มีความรู๎ มีทักษะ ละกระบวนการด๎านพระวินัยบัญญัติ฿น ฐานะปน็ หลกั ปฏิบัต฿ิ นทางพระพทุ ธศาสนา จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓, ๖ (ระดบั ๒, ๓) นกั เรียนจะมคี ณุ ภาพ ดังนี้ มคี วามรู๎ ความข๎า฿จ฿นพระวินัยบัญญตั ิของพระพุทธองค์ มีหลักปฏิบัติละศรัทธาท่ีถูกต๎อง฿นทาง พระพุทธศาสนา มีความยึดมั่นละปฏิบัติตนตามหลักพระวินัยบัญญัติ สามารถนาเปประยุกต์฿ช๎ก๎ปัญหา฿นการ ดานินชีวิต มกี ารพฒั นาตนปน็ พลมอื งที่ดี มคี ุณธรรม จริยธรรม ปฏบิ ัติตนตามหลักพระวินัยบัญญัติมีคํานิยม อันพึงประสงค์ สามารถอยูํรํวมกับผู๎อ่ืนละอยํู฿นสังคมเด๎อยํางมีความสุข รวมทั้งมีศักยภาพพ่ือการศึกษาตํอ฿น ช้นั สงู ตามความประสงค์ เด๎รียนร๎ูความขา๎ ฿จก่ยี วกบั ปฐมหตุหงํ พระวินยั บญั ญัติพ่ือการพัฒนาชีวติ มีความรู๎ความข๎า฿จกยี่ วกบั ศาสนาสมยั กอํ นพทุ ธกาล สมัยพุทธกาล ละสมยั หลังพุทธกาล มคี วามรค๎ู วามขา๎ ฿จกยี่ วกับประวัตพิ ุทธศาสนา฿นประทศตํางๆ
หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๔ มีศรัทธามนั่ คง ละดารงตนอยํางถูกต๎องหมาะสม฿นพระวินยั บญั ญตั ิ กิดความมัน่ ฿จ฿นการดานินชวี ิตประจาวันละสามารถปรับตัวข๎ากับสภาพวดล๎อมทางสังคมเด๎ อยาํ งถูกตอ๎ งหมาะสม มีจติ สานกึ ฿นพระวินยั บญั ญัติ สามารถสํงสริมความสงบสขุ ฿นสังคมด๎วยการนาหลักปฏบิ ัติตามพระวนิ ัยบญั ญตั ิเป฿ช๎ ฿นการก๎ปญั หาสงั คมตลอดถึงปฏบิ ตั ิพ่อื ความพน๎ ทุกข์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 586
Pages: