๖๗ ศาสตร์ สามารถใช้วธิ ีการทางประวัติศาสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ต่างๆ ตัวช้ีวดั ช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . วิคราะห์รื่องราว หตุการณ์สาคัญทาง ๑. ตระหนักถึงความสาคัญของวลาละยคุ สมยั ทาง ประวัติศาสตร์เด๎อยาํ งมีหตุผลตามวธิ ีการ ประวัติศาสตร์ท่ีสดงถึงการปล่ียนปลงของ ทางประวตั ศิ าสตร์ มนุษยชาติ . ฿ช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์฿นการศึกษา ๒. สร๎างองค์ความร๎ู฿หมํทางประวัติศาสตร์ดย฿ช๎ ร่อื งราวตํางๆ ทต่ี นสน฿จ วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์อยํางป็นระบบ
หลักสูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนษุ ยชาติจากอดตี จนถึงปัจจุบนั ในดา้ นคว และสามารถวเิ คราะหผ์ ลกระทบท่ีเกิดขึน้ ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายพัฒนาการทางสังคม ศรษฐกิจ ๑. อธิบายพัฒนาการทางสังคม ศรษฐกิจ ๑. ละการมืองของประทศตํางๆ ฿น ละการมืองของภูมิภาคอชีย ภมู ิภาคอชยี ตะวนั ออกฉยี ง฿ต๎ ๒. ระบุความสาคัญของหลํงอารยธรรม ๒. ระบุความสาคัญของหลํงอารยธรรม฿น บราณ฿นภูมภิ าคอชยี ๒. ภมู ภิ าคอชียตะวันออกฉียง฿ต๎
๖๘ วามสมั พนั ธ์และการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณอ์ ยา่ งต่อเน่อื ง ตระหนกั ถงึ ความสาคัญ ตัวชีว้ ดั ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายพัฒนาการทางสังคม ศรษฐกิจ ๑. วิคราะหอ์ ิทธิพลของอารยธรรมบราณละการ ละการมืองของภูมิภาคตํางๆ ฿นลก ติดตอํ ระหวาํ งลกตะวันออกกับลกตะวันตกที่มี ดยสังขป ผลตอํ พัฒนาการละการปลี่ยนปลงของลก . วิคราะห์ผลของการปลย่ี นปลงทนี่ าเปสูํ ๒. วิคราะห์หตุการณ์สาคัญตํางๆ ท่ีสํงผลตํอการ ความ รํวมมือ ละความขัดย๎ง฿น ปลี่ยนปลงทางสังคม ศรษฐกิจ ละ คริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ ตลอดจนความ การมอื งข๎าสูํ ลกสมัยปัจจุบัน พยายาม฿นการขจดั ปัญหาความขัดย๎ง ๓. วิคราะห์ผลกระทบของการขยายอิทธิพลของ ประทศ฿นยุรปเปยังทวีปอมริกา อฟริกา ละอชยี ๔. วิ คราะหส์ ถานการณ์ของลก฿นคริสต์ศตวรรษท่ี ๒๑
หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีคว ม. ๑ ตัวช้ีวัดชน้ั ปี ๑. อธิบายรือ่ งราวทางประวัติศาสตรส์ มยั กํอน ม. ๒ สุขทยั ฿นดินดนเทยดยสังขป ๑. วิ คราะห์พัฒนาการของอาณาจกั รอยุธยา ๑ ๒. วิคราะหพ์ ฒั นาการของอาณาจักรสุ ขทัย ละธนบรุ ี ฿นด๎านตํางๆ ฿นด๎านตํางๆ ๒. วิคราะหป์ จั จัยทส่ี ํงผลตํอความมน่ั คงละ ๒ ๓. วิคราะหอ์ ิทธพิ ลของวฒั นธรรมละภมู ิ ความจรญิ รํงุ รืองของอาณาจักรอยุธยา ปัญญาเทย สมยั สุ ขทัยละสงั คมเทย฿น ปัจจบุ ัน ๓. ระบภุ ูมิปญั ญาละวฒั นธรรมเทยสมยั อยธุ ยา ละธนบุรี ละอิทธพิ ลของภูมปิ ญั ญา ๓ ดังกลําวตอํ การพัฒนาชาตเิ ทย฿นยคุ ตํอมา ๔
๖๙ วามรัก ความภูมิใจและธารงความเป็นไทย ม. ๓ ตัวช้ีวัดชว่ งชน้ั ๑. วิ คราะหพ์ ฒั นาการของเทยสมัย ม. ๔ – ม. ๖ รตั นกสินทร฿์ นด๎านตํางๆ ๑. วิคราะหป์ ระดน็ สาคญั ของประวตั ศิ าสตร์ ๒. วิ คราะหป์ จั จัยทส่ี ํงผลตอํ ความมน่ั คงละ เทย ความจรญิ รํงุ รือง ของเทย฿นสมยั รตั นกสินทร์ ๒. วิคราะหค์ วามสาคญั ของสถาบัน พระมหากษตั รยิ ต์ อํ ชาตเิ ทย ๓. วิคราะหภ์ ูมิปญั ญาละวัฒนธรรมเทยสมัย รัตนกสินทร์ละอิทธิพลตอํ การพฒั นาชาติ ๓. วิคราะหป์ จั จยั ทสี่ ํงสรมิ การสร๎างสรรคภ์ มู ิ เทย ปญั ญาเทยละวัฒนธรรมเทย ซ่งึ มผี ลตอํ สังคมเทย฿นยคุ ปัจจุบนั ๔. วิคราะหบ์ ทบาทของเทย฿นสมยั ประชาธปิ เตย ๔. วิคราะหผ์ ลงานของบคุ คลสาคัญท้งั ชาวเทย ละตํางประทศทมี่ สี วํ นสร๎างสรรคว์ ฒั นธรรม เทยละประวตั ิศาสตรเ์ ทย ๕. วางผนกาหนดนวทางละมสี ํวนรํวมการ อนุรักษ์ภมู ปิ ัญญาเทยละวัฒนธรรมเทย
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๕ ภูมศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ ขา๎ ฿จลกั ษณะทางกายภาพของลกละความสัมพนั ธ์ของสรรพสงิ่ ซ่ึงมผี ลต กระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ ตลอดจน฿ช๎ภูมสิ ารสนทศอยํางมปี ระสิทธิภาพ ม. ๑ ตัวชี้วดั ชัน้ ปี ๑. ๒. ๑. วิ คราะหล์ กั ษณะทางกายภาพของทวีป ม. ๒ อชยี ทวปี ออสตรลีย ละอชยี นีย ดย฿ช๎ ครอ่ื งมือทางภูมศิ าสตรส์ ืบค๎น ๑. วิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวํางลกั ษณะ ขอ๎ มลู ทางกายภาพละสังคมของทวปี ยุ รปละ อฟรกิ า ๒. อธิบายพิกดั ภมู ิศาสตร์ (ละตจิ ดู ละ ลองจิจูด) ส๎นบํงวลา ละปรียบทียบ ๒. วิคราะหล์ กั ษณะทางกายภาพของทวปี วัน วลาของลก ยุรป ละทวีปอฟรกิ า ดย฿ช๎คร่ืองมือ ทางภูมิศาสตรส์ บื ค๎นขอ๎ มูล ๓. วิคราะหส์ าหตุการกิดภยั พบิ ัติของทวีป อชีย ทวปี ออสตรลยี ละ อชียนีย ๓. อธบิ ายมาตราสํวน ทศิ ละสญั ลกั ษณ์ วิคราะห์สาหตกุ ารกิดภยั พบิ ตั ิ ของทวปี ยุ รป ละทวปี อฟรกิ า
๗๐ ตํอกัน ฿ช๎ผนที่ ละครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตร์฿นการคน๎ หา วิ คราะห์ ละสรุปข๎อมลู ตาม ม. ๓ ตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั ม. ๔ – ม. ๖ . วิคราะหล์ กั ษณะทางกายภาพของ ทวีป อมริกาหนอื ละทวปี อมริกา฿ต๎ ดย ๑. วิ คราะหก์ ารปลีย่ นปลงทางกายภาพของพ้ืนที่ ลอื ก฿ช๎ ผนที่ ฉพาะรื่องละครอ่ื งมอื ฿นประทศเทยละภูมภิ าคตํางๆ ของลก ซึ่ง ทางภูมศิ าสตรส์ ืบคน๎ ขอ๎ มลู เด๎รับอทิ ธพิ ล จากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตร์ . วิ คราะหส์ าหตุการกิดภยั พบิ ัตขิ องทวปี ๒. วิคราะหล์ ักษณะทางกายภาพซ่ึงทา฿ห๎กดิ อมรกิ าหนือ ละทวีปอมรกิ า฿ต๎ ปัญหาหรอื ภัยพบิ ัติทางธรรมชาต฿ิ นประทศเทย ละภมู ภิ าคตาํ งๆ ของลก ๓. ฿ช๎ผนที่ ละครื่องมอื ทางภูมศิ าสตร์ ฿นการ ค๎นหา วิคราะห์ ละสรุปข๎อมูลตาม กระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ ละนาภมู ิ สารสนทศมา฿ชป๎ ระยชน฿์ นชีวิตประจาวนั
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างมนษุ ย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท และสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาท่ยี ่งั ยนื ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. สารวจละระบุทาลที่ต้งั ของกจิ กรรมทาง ๑. สารวจละระบทุ าลท่ีตงั้ ของกิจกรรมทาง ๑. ศรษฐกิจละสังคม฿นทวีปอชีย ทวีป ศรษฐกิจละสังคม฿นทวีปยุรป ละ ออสตรลีย ละอชียนยี ทวปี อฟริกา ๒. วิคราะห์ปัจจัยทางกายภาพละ ปัจจัย ๒. วิคราะห์ปัจจัยทางกายภาพละปัจจัย ๒. ทางสังคมท่ีมีผลตํอทาลที่ตั้ง ของ ทางสังคมทมี่ ผี ลตํอทาลที่ตั้งของกิจกรรม กิจกรรมทางศรษฐกิจละสังคม ฿นทวีป ทางศรษฐกจิ ละสงั คม฿นทวีปยุ รป ละ อชีย ทวปี ออสตรลยี ละ อชียนีย ทวีปอฟริกา ๓. สืบค๎น อภิปรายประด็นปัญหาจาก ๓. สืบค๎น อภิปรายประด็นปัญหาจาก ๓. ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสภาพวดล๎อมทาง ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสภาพวดล๎อมทาง กายภาพกับมนุษย์ที่กิดขึ้น฿นทวีปอชีย กายภาพกับมนุษย์ที่กิดข้ึน฿นทวีปยุรป ทวปี ออสตรลยี ละอชียนยี ละทวีปอฟริกา ๔. วิคราะห์นวทางการจัดการภัยพิบัติ ๔. วิคราะห์นวทางการจัดการภัยพิบัติ ๔. ละการจัดการทรัพยากรละสิ่งวดล๎อม ละการจัดการทรัพยากรละส่ิงวดล๎อม ฿นทวีปอชีย ทวีปออสตรลีย ละอ ฿นทวีปยุรป ละทวีปอฟริกา อยําง ชยี นยี อยํางยงั่ ยนื ยง่ั ยืน ๕.
๗๑ ทก่ี ่อให้เกิดการสร้างสรรคว์ ฒั นธรรม มจี ิตสานกึ และมสี ่วนร่วม ในการอนุรักษท์ รพั ยากร ตวั ชีว้ ัดชว่ งชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . สารวจละระบทุ าลที่ตั้งของกจิ กรรมทาง ๑. วิคราะห์ปฏิสัมพันธ์ระหวํางส่ิงวดล๎อมทาง ศรษฐกิจละสังคม฿นทวีปอมริกาหนือ กายภาพกับกิจกรรมของมนุษย์ ฿นการ ละทวีปอมรกิ า฿ต๎ สร๎างสรรค์วิถีการดานินชีวิตของท๎องถิ่นท้ัง฿น . วิคราะห์ปัจจัยทางกายภาพละปัจจัย ประทศเทยละภมู ิภาคตํางๆ ของลก ละห็น ทางสังคมทมี่ ผี ลตํอทาลท่ีต้ังของกิจกรรม ความสาคัญของส่ิงวดล๎อม ท่ีมีผลตํอการดารง ทางศรษฐกิจละสังคม฿นทวีปอมริกา ชีวิตของมนุษย์ หนอื ละทวปี อมรกิ า฿ต๎ ๒. วิคราะห์สถานการณ์ สาหตุ ละผลกระทบ . สืบค๎น อภิปรายประด็นปัญหา จาก ของการปลี่ยนปลง ด๎านทรัพยากรธรรมชาติ ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสภาพวดล๎อมทาง ละส่ิงวดล๎อมของประทศเทยละภูมิภาค กายภาพกับมนุษย์ที่กิดขึ้น ฿นทวีป ตํางๆ ของลก อมรกิ าหนือ ละทวปี อมริกา฿ต๎ ๓. ระบุมาตรการปูองกันละก๎เข ปัญหา . วิ คราะห์นวทางการจัดการภัยพิบัติละ กฎหมายละนยบาย ด๎านทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการทรัพยากรละสิ่งวดล๎อม ฿น ละสิ่งวดล๎อม บทบาทขององค์การ ท่ี ทวีปอมริกาหนือ ละทวีปอมริกา฿ต๎ กี่ยวข๎อง ละการประสาน ความรํวมมือทั้ง฿น อยํางยั่งยนื ประทศละ ระหวํางประทศ . ระบุความรํวมมือระหวํางประทศ ที่มีผล ๔. วิคราะห์นวทางละมีสํวนรํวม ฿นการจัดการ ตอํ การจดั การทรพั ยากรละส่ิงวดลอ๎ ม ทรัพยากรธรรมชาติ ละส่ิงวดล๎อมพ่ือการ พัฒนาทย่ี งั่ ยืน
หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๗๒ กล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ทาไมตอ้ งเรยี นสขุ ศึกษาและพลศึกษา สุขภาพ หรือ สุขภาวะ หมายถึง ภาวะของมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม ละทาง ปญั ญาหรอื จิตวิญญาณ สุขภาพหรือสุขภาวะจึงป็นร่ืองสาคัญ พราะกี่ยวยงกับทุกมิติของชีวิต ซึ่งทุกคนควรจะ เด๎ รียนร๎ู รื่องสุขภาพ พื่อจะเด๎มีความร๎ู ความข๎า฿จท่ีถูกต๎อง มีจตคติ คุณธรรมละคํานิยมท่ีหมาะสม รวมท้ังมี ทักษะปฏิบตั ดิ า๎ นสขุ ภาพจนปน็ กจิ นสิ ยั อนั จะสํงผล฿ห๎สังคมดยรวมมคี ณุ ภาพ เรยี นร้อู ะไรในสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา สุขศกึ ษาละพลศึกษาป็นการศึกษาด๎านสขุ ภาพท่ีมี ปูาหมาย พ่ือการดารงสุขภาพ การสร๎างสริมสุขภาพ ละการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบคุ คล ครอบครวั ละชุมชน฿ห๎ยง่ั ยืน สุขศึกษา มํุงน๎น฿ห๎ผู๎รียนพัฒนาพฤติกรรมด๎านความร๎ู จตคติ คุณธรรม คํานิยม ละการปฏิบัติ กย่ี วกับสขุ ภาพควบคํเู ปดว๎ ยกนั พลศึกษา มํุงน๎น฿ห๎ผู๎รียน฿ช๎กิจกรรมการคลื่อนเหว การออกกาลังกาย การลํนกมละกีฬา ป็น ครื่องมือ฿นการพัฒนาดยรวมทัง้ ด๎านรํางกาย จติ ฿จ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพพื่อสุขภาพ ละกฬี า สาระที่ ปน็ กรอบน้ือหาหรือขอบขาํ ยองค์ความรข๎ู องกลํุมสาระการรียนรูส๎ ุขศึกษาละพลศึกษาประกอบดว๎ ย การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ ผู๎ รียนจะเด๎รียนรู๎ร่ืองธรรมชาติของการจริญติบตละ พัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลตํอการจริญติบต ความสัมพันธ์ชื่อมยง฿นการทางานของระบบตํางๆของ ราํ งกาย รวมถงึ วิธปี ฏิบตั ิตนพื่อ฿ห๎ จรญิ ติบตละมพี ัฒนาการท่ีสมวยั ชีวิตและครอบครัว ผ๎ูรียนจะเด๎รียนรู๎รื่องคุณคําของตนองละครอบครัว การปรับตัวตํอการ ปลี่ยนปลงทางรํางกาย จิต฿จ อารมณ์ความร๎ูสึกทางพศ การสร๎างละรักษาสัมพันธภาพกับผ๎ูอื่น สุขปฏิบัติทาง พศ ละทักษะ฿นการดานินชีวิต การเคล่ือนไหว การออกกาลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผ๎ูรียนเด๎รียนร๎ูรื่องการ คล่ือนเหว฿นรูปบบตํางๆ การข๎ารํวมกิจกรรมทางกายละกีฬา ทั้งประภทบุคคล ละประภททีมอยําง หลากหลายทงั้ เทยละสากล การปฏบิ ัตติ ามกฎ กติกา ระบยี บ ข๎อตกลง฿นการข๎ารวํ มกิจกรรมทางกายละกีฬา ละความมีน้า฿จนกั กีฬา การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู๎รียนจะเด๎รียนร๎ูก่ียวกับหลักละวิธีการ ลือกบริภคอาหาร ผลิตภัณฑ์ละบริการสุขภาพ การสร๎างสริมสมรรถภาพพ่ือสุขภาพ ละการปูองกันรคท้ัง รคตดิ ตํอละรคเมํติดตํอ
หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๗๓ ความปลอดภัยในชวี ิต ผ๎ูรียนจะเด๎ รยี นร๎ู ร่ืองการปูองกันตนองจากพฤติกรรมสีย่ งตํางๆ ทัง้ ความ สี่ยงตํอสุขภาพ อุบตั ิหตุ ความรนุ รง อันตรายจากการ฿ช๎ยาละสารสพติด รวมถึงนวทาง฿นการสร๎างสริมความ ปลอดภยั ฿นชวี ิต คุณภาพผเู้ รยี น จบช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ข๎า฿จละห็นความสาคัญของปัจจัยท่ีสํงผลกระทบตํอการจริญติบตละพัฒนาการที่มีตํอสุขภาพ ละชวี ิต฿นชํวงวยั ตํางๆ ขา๎ ฿จ ยอมรบั ละสามารถปรบั ตัวตอํ การปล่ียนปลงทางรํางกาย จิต฿จ อารมณ์ ความรู๎สึกทางพศ ความสมอภาคทางพศ สร๎างละรักษาสัมพันธภาพกับผ๎ูอนื่ ละตัดสิน฿จกป๎ ญั หาชวี ติ ด๎วยวิธีการท่ีหมาะสม ลอื กกินอาหารท่ีหมาะสม เด๎สดั สํวน สงํ ผลดตี อํ การจรญิ ตบิ ตละพัฒนาการตามวยั มีทักษะ฿นการประมินอิทธิพลของพศ พื่อน ครอบครัว ชุมชนละวัฒนธรรมท่ีมีตํอจตคติ คํานิยม กย่ี วกับสขุ ภาพละชวี ิต ละสามารถจดั การเดอ๎ ยาํ งหมาะสม ปูองกันละหลีกลี่ยงปัจจัยส่ียง พฤติกรรมส่ียงตํอสุขภาพละการกิดรค อุบัติหตุ การ฿ช๎ยา สาร สพติด ละความรนุ รง รจู๎ ักสร๎างสริมความปลอดภยั ฿ห๎กํตนอง ครอบครวั ละชมุ ชน ขา๎ รวํ มกจิ กรรมทางกาย กิจกรรมกีฬา กจิ กรรมนันทนาการ กิจกรรมสร๎างสริมสมรรถภาพทางกาย พื่อสุขภาพ ดยนาหลักการของทักษะกลเกมา฿ช๎เด๎อยํางปลอดภัย สนุกสนาน ละปฏิบัติป็นประจาสม่าสมอ ตามความถนัดละความสน฿จ สดงความตระหนัก฿นความสัมพันธ์ระหวํางพฤติกรรมสุขภาพ การปูองกันรค การดารงสุขภาพ การจดั การกบั อารมณ์ ละความครียด การออกกาลังกายละการลํนกฬี ากับการมีวิถีชวี ิตท่ีมสี ุขภาพดี สานกึ ฿นคณุ คาํ ศักยภาพละความปน็ ตวั ของตัวอง ปฏิบัติตามกฎ กติกา หน๎าที่ความรับผิดชอบ คารพสิทธิของตนองละผู๎อื่น ฿ห๎ความรํวมมือ฿นการ ขํงขนั กีฬาละการทางานป็นทีมอยํางป็นระบบ ด๎วยความมุํงม่ันละมีน้า฿จนักกีฬา จนประสบความสาร็จตาม ปูาหมายดว๎ ยความชนื่ ชม ละสนกุ สนาน จบช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ สามารถดูลสุขภาพ สร๎างสริมสุขภาพ ปูองกันรค หลีกล่ียงปัจจัยสี่ยง ละพฤติกรรมสี่ยงตํอ สุขภาพ อบุ ัติ หตุ การ฿ชย๎ า สารสพติด ละความรนุ รงเด๎อยํางมีประสทิ ธิภาพดว๎ ยการวางผนอยาํ งปน็ ระบบ สดงออกถึงความรัก ความอื้ออาทร ความข๎า฿จ฿นอิทธิพลของครอบครัว พ่ือน สังคม ละ วัฒนธรรมทมี่ ีตํอพฤตกิ รรมทางพศ การดานนิ ชีวิต ละวิถีชีวติ ทมี่ ีสขุ ภาพดี ออกกาลังกาย ลํนกีฬา ข๎ารํวมกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมสร๎างสริมสมรรถภาพ พ่ือสุขภาพดย นาหลักการของทกั ษะกลเกมา฿ชเ๎ ด๎อยาํ งถูกต๎อง สมา่ สมอด๎วยความชืน่ ชมละสนุกสนาน
หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๗๔ สดงความรับผิดชอบ ฿ห๎ความรํวมมือละปฏิบัติตามกฎ กติกา สิทธิ หลักความปลอดภัย฿นการข๎า รํวมกิจกรรมทางกาย ละลํนกฬี าจนประสบความสารจ็ ตามปูาหมายของตนองละทีม สดงออกถึงการมีมารยาท฿นการดู การลนํ ละการขงํ ขนั ด๎วยความมีน้า฿จนักกีฬาละนาเปปฏิบัติ ฿นทกุ อกาสจนปน็ บุคลิกภาพทด่ี ี วิคราะห์ละประมินสุขภาพสํวนบุคคลพ่ือกาหนดกลวิธีลดความส่ียง สร๎างสริมสุขภาพ ดารง สขุ ภาพ การปอู งกันรค ละการจัดการกบั อารมณ์ ละความครยี ดเด๎ถูกต๎องละหมาะสม ฿ช๎กระบวนการทางประชาสงั คม สร๎างสริม฿หช๎ ุมชนข๎มข็งปลอดภยั ละมีวถิ ีชีวติ ที่ดี
หลักสตู รโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายความสาคัญของระบบประสาท ๑. อธิบายการปล่ียนปลงด๎านรํางกาย ๑. ละระบบ ตํอมเร๎ทํอที่มีผลตํอสุขภาพ จิต฿จ อารมณ์ สังคม ละสติปัญญา฿น การจริญติบต ละพัฒนาการของ วยั รุนํ วยั รุํน ๒. ร ะ บุ ปั จ จั ย ที่ มี ผ ล ก ร ะ ท บ ตํ อ ก า ร ๒. ๒. อธิบายวิธีดูลรักษาระบบประสาทละ จริญติบต ละพัฒนาการด๎านรํางกาย ระบบตอํ มเรท๎ ํอ฿ห๎ทางานตามปกติ จิต฿จ อารมณ์ สังคม ละสติปัญญา ฿น ๓. ๓. วิคราะห์ภาวะการจริญติบตทาง วัยรนํุ รํางกายของตนองกบั กณฑ์มาตรฐาน ๔. สวงหานวทาง฿นการพัฒนาตนอง฿ห๎ จริญติบตสมวยั
๗๔ ตัวช้ีวัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ปรียบทียบการปลี่ยนปลงทางด๎าน ๑. อธิบายกระบวนการสร๎างสริมละดารง รํางกาย จิต฿จ อารมณ์ สังคม ละ ประสทิ ธิภาพการทางานของระบบอวยั วะตาํ งๆ สติปญั ญา ตํละชํวงของชวี ิต ๒. วางผนดูลสุขภาพตามภาวะการจริญติบต . วิคราะห์อิทธิพลละความคาดหวังของ ละพัฒนาการของตนองละบุคคล฿น สังคมตํอการปลยี่ นปลงของวัยรํุน ครอบครัว . วิคราะห์ สื่อ ฆษณาที่มีอิทธิพลตํอการ จรญิ ติบตละพฒั นาการของวยั รุนํ
หลกั สตู รโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ ชวี ิตและครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเหน็ คณุ คา่ ตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทกั ษะใน ตวั ชี้วดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายวธิ กี ารปรับตัวตํอการปล่ียนปลง ๑. วิคราะห์ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลตํอจตคติ฿น ๑. ทา ง รํ า ง ก า ย จิ ต ฿ จ อ า ร ม ณ์ ล ะ รื่องพศ พัฒนาการทางพศอยาํ งหมาะสม ๒. สดงทักษะการปฏิสธพ่ือปูองกันตนอง ๒. วิคราะหป์ ญั หาละผลกระทบ ที่กิดจาก ๒. จากการถูกลํวงละมดิ ทางพศ ๓. ๓. การมีพศสัมพันธ฿์ นวยั รียน อธิบายวิธีปูองกันตนองละหลีกล่ียง จากรคติดตํอทางพศสัมพันธ์ อดส์ ละการตง้ั ครรภ์ดยเมพํ งึ ประสงค์ ๔. อธิบายความสาคัญของความสมอภาค ทางพศ ละวางตวั เด๎อยํางหมาะสม
๗๕ นการดาเนนิ ชีวิต ตัวชว้ี ดั ช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายอนามัยมํละด็ก การวางผน ๑. วิคราะห์อิทธิพลของครอบครัว พ่ือน สังคม ครอบค รัว ละ วิธีก าร ปฏิ บัติ ตนท่ี ละวัฒนธรรม ทมี่ ผี ลตอํ พฤติกรรมทางพศละ หมาะสม การดานนิ ชีวติ . วิคราะห์ปัจจัยท่ีมีผลกระทบตํอ การ ๒. วิคราะห์คํานิยม฿นรื่องพศ ตามวัฒนธรรม ต้งั ครรภ์ . วิ คราะหส์ าหตุ ละสนอนวทางปอู งกัน เทยละวฒั นธรรมอื่นๆ ก๎เขความขัดย๎ง฿นครอบครวั ๓. ลือก฿ช๎ทักษะที่หมาะสม฿นการปูองกัน ลด ค ว า ม ขั ด ย๎ ง ล ะ ก๎ ปั ญ ห า รื่ อ ง พ ศ ล ะ ครอบครัว ๔. วิคราะห์สาหตุละผลของความขัดย๎งท่ีอาจ กิดขึ้นระหวํางนักรียน หรือยาวชน฿นชุมชน ละสนอนวทางก๎เขปัญหา
หลกั สตู รโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ การเคลื่อนไหว การบรหิ ารกายตามสมณวสิ ัย มาตรฐาน พ ๓.๑ เข้าใจ มีทักษะในการเคล่ือนไหวกิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม แล ตัวชีว้ ดั ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. พิ่มพูนค วา มส า มา รถของต นต า ม ๑. นาผลการปฏิบัติตนกี่ยวกับทักษะกลเก ๑. หลักการคลื่อนเหว ท่ี฿ช๎ทักษะกลเกละ ละทักษะการคล่ือนเหว฿นการบริหาร ทักษะพ้ืนฐานที่นาเปสํูการพัฒนาทักษะ กายจากหลํงข๎อมูลท่ีหลากหลายมาสรุป ๒. การบริหารกายตามสมณวิสยั ปน็ วิธีท่ี หมาะสม฿นบริบทของตนอง ๒. ร๎ูจักกีฬาเทยละกีฬาสากลประภท ๒. รู๎จักกีฬาเทย ละกีฬาสากล ท้ังประภท บุคคลละทีมดย฿ช๎ทักษะพ้ืนฐานตาม บคุ คลละทีมอยํางละ ๑ ชนิด ชนดิ กฬี า อยํางละ ๑ ชนิด ๓. ปรียบทยี บประสทิ ธภิ าพของรูปบบการ ๓. ๓. รํวมกิจกรรมนันทนาการอยํางน๎อย ๑ คลื่อนเหว ที่สํงผลตํอการบริหารกาย กิจกรรม ละนาหลักความรู๎ท่ีเด๎เป ละกจิ กรรม฿นชีวิตประจาวนั ช่ือมยงสัมพนั ธก์ ับวิชาอนื่ ๔. รํวมกิจกรรมนันทนาการอยํางน๎อย ๑ กิจกรรม ละนาความร๎ูละหลักการท่ีเด๎ เปปรบั ฿ช฿๎ นชวี ิตประจาวันอยาํ งปน็ ระบบ
๗๖ ละกีฬา ตวั ช้ีวัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . รู๎จักกีฬาเทยละกีฬาสากล อยํางละ ๑ ๑. วิคราะห์ความคิดรวบยอดกี่ยวกับการ ชนดิ คล่ือนเหวรปู บบตาํ งๆ ฿นการบรหิ ารกายตาม . นาหลักการ ความร๎ูละทักษะ฿นการ สมณวิสยั คล่ือนเหว กิจกรรมทางกาย การบริหาร ๒. ฿ช๎ความสามารถของตนพื่อพ่ิมพูนศักยภาพ กายเป฿ช๎สร๎างสริมสุขภาพอยํางตํอน่ือง ของหมํูคณะ คานึงถึงผลที่กิดตํอผู๎อื่น ละ ปน็ ระบบ สังคม . รํวมกิจกรรมนันทนาการอยํางน๎อย ๑ ๓. ร๎ูจักกีฬาเทย กีฬาสากลประภทบุคคล / คํู กจิ กรรม ละนาหลักความรวู๎ ิธีการเปขยาย กีฬาประภททมี เดอ๎ ยํางนอ๎ ย ๑ ชนิด ผลการรยี นร๎฿ู หก๎ ับผอ๎ู น่ื ๔. คลือ่ นเหวเดอ๎ ยํางหมาะสมกํสมณพศ ๕. ข๎ารํวมกิจกรรมนันทนาการนอกรงรียน ละ นาหลักการนวคิดเปปรับปรุงละพัฒนา คุณภาพชีวติ ของตนละสงั คม
หลักสูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ การเคล่ือนไหว การบริหารกายตามสมณวสิ ัย มาตรฐาน พ ๓.๒ เหน็ คณุ คา่ ของการบรหิ ารกาย ปฏิบตั เิ ปน็ ประจาอย่างสมา่ เสมอ ร ตัวชวี้ ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายความสาคัญของการบรหิ ารกายจน ๑. อธิบายสาหตุการปลี่ยนปลงทางกาย ๑. ป็นวถิ ชี ีวติ ท่ีมสี ขุ ภาพดี จิต฿จ อารมณ์ สังคม ละสติปัญญาท่ีกิด ๒. ๒. ออกกาลังกายตามความถนัด ความสน฿จ จากการบริหารกาย ป็นประจาจนป็นวิถี อยํางต็มความ สามารถ พร๎อมทั้งมีการ ชวี ิต บรหิ ารกายของตนละผ๎อู นื่ ๒. ลือกข๎ารํวมกิจกรรมบริหารกายตาม ๓. ๓. ปฏบิ ตั ิตามกฎ กตกิ า ละข๎อตกลงตามวิธี ความถนัด ความสน฿จพร๎อมทั้งวิคราะห์ บริหารกายท่ีลือกปฏิบัติ ความตกตํางระหวํางบุคคลพื่อป็น นวทาง฿นการพัฒนาตนอง ๔. วางผน การบริหารกายอยํางป็นระบบ ๕. รํวมมือ฿นการบริหารกาย ละการปฏิบัติ ๓. มีวินัย ปฏิบัติตามกฎ กติกา ละข๎อตกลง ๔. ปน็ หมูํคณะเด๎อยํางพร๎อมพรียง ฿นการบริหารกายที่ ลือก ๖. วิคราะห์ปรียบทียบละยอมรับความ ๔. วางผนการบริหารกายอยํางปน็ ระบบ ตกตํางระหวํางวิธีการบริหารกายของ ๕. นาผลการปฏิบัติ฿นการบริหารกายมาสรุป ๕. ตนองกบั ผูอ๎ ื่น ป็นวิธีที่หมาะสมกับตนองด๎วยความ มํงุ มนั่
๗๗ รู้จกั เกมกีฬา วนิ ัย สทิ ธิ กฎ กติกา ของกีฬา ตวั ชว้ี ดั ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . รู๎ละขา๎ ฿จมารยาท฿นการลนํ ละดูกฬี า ๑. บริหารกายตามสมณวสิ ัยอยํางสม่าสมอ ละ฿ช๎ . บริหารกายอยํางสม่าสมอละนานวคิด ความสามารถของตนองพ่ิมศักยภาพของหมํู หลักการจากการบริหารกายเปพัฒนา คณะ ลดความป็นตัวตน คานึงถึงผลท่ีกิดตํอ คุณภาพชีวิตของตนดว๎ ยความภาคภูมิ฿จ สังคม . ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา ละข๎อตกลง฿น ๒. อธิบายกี่ยวกับสิทธิ กฎ กติกา กลวิธีตํางๆ ฿น การบริหารกายตามวิธีบริหารกายที่ลือก การลนํ กีฬา ละนานวคิด ที่เด๎เปพัฒนาคุณภาพชีวิต ๓. รม๎ู ารยาท ฿นการดู การลนํ ละการขงํ ขันกฬี า ของตน฿นสงั คม ๔. รวํ มกิจกรรมทางการบริหารกายอยํางมีความสุข . จานกกลวิธกี ารบริหารกาย ละ฿ช๎฿นการ หน็ คุณคําละความงามของการบริหารกาย บริหารกายท่ีลือกละตัดสิน฿จลือกวิธีท่ี หมาะสมกบั หมูคํ ณะ . สนอผลการพัฒนาสุขภาพของตนองที่ กิด จากการบริหารกายปน็ ประจา
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๔ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เหน็ คุณคา่ และมีทกั ษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดารงสุขภา ตัวช้ีวัดชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ลอื กกินอาหารท่ีหมาะสมกบั วยั ๑. ลอื ก฿ช๎บรกิ ารทางสขุ ภาพอยํางมี หตุผล ๑. ๒. วิ ค ร า ะ ห์ ปั ญ ห า ที่ กิ ด จ า ก ภ า ว ะ ๒. วิคราะห์ผลของการ฿ช๎ทคนลยีที่มีตํอ ภชนาการท่มี ผี ลกระทบตํอสุขภาพ สุขภาพ ๓. ควบคุมน้าหนักของตนอง฿ห๎อยํู฿นกณฑ์ ๓. วิคราะห์ความจริญ ก๎าวหน๎าทาง ๒. มาตรฐาน การพทยท์ ่ีมีผลตอํ สขุ ภาพ ๔. สร๎างสริมละปรับปรุงสมรรถภาพทาง ๔. วิคราะห์ความสัมพันธ์ของภาวะสมดุล กายตามผลการทดสอบ ระหวาํ งสขุ ภาพกายละสขุ ภาพจติ ๓. ๕. อธิบายลักษณะอาการบื้องต๎นของผ๎ูมี ปญั หาสขุ ภาพจิต ๔. ๖. สนอนะวิธีปฏิบัติตนพ่ือจัดการกับ อารมณ์ ละความครยี ด ๗. พัฒนาสมรรถภาพทางกายตนอง฿ห๎ ๕. ปน็ เปตามกณฑ์ทีก่ าหนด
๗๘ าพ การป้องกันโรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพอ่ื สุขภาพ ตวั ชวี้ ดั ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . กาหนดรายการอาหารที่หมาะสมกับวัย ๑. วิ คราะห์บทบาทละความรับผดิ ชอบของบุคคล ตํางๆ ดยคานึงถึงความประหยัดละ ทม่ี ีตํอการสรา๎ งสรมิ สุขภาพละการปูองกันรค คุณคาํ ทางภชนาการ ฿นชุมชน . สนอนวทางปูองกันรคที่ป็นสาหตุ ๒. วิคราะห์ อทิ ธพิ ลของสอื่ ฆษณากีย่ วกบั สุขภาพ สาคัญของการจ็บปุวยละการตายของ พือ่ การลอื กบริ ภค คนเทย ๓. ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธขิ องผบ๎ู ริภค . รวบรวมข๎อมูลละสนอนวทางก๎เข ๔. วิคราะห์สาหตุละสนอนวทางการปูองกัน ปญั หาสขุ ภาพ฿นชมุ ชน การจบ็ ปุวยละการตายของคนเทย . วางผนละจดั วลา฿นการออกกาลังกาย ๕. วางผนละปฏิบัติตามผนการพัฒนาสุขภาพ ก า ร พั ก ผํ อ น ล ะ ก า ร ส ร๎ า ง ส ริ ม ของตนองละครอบครวั สมรรถภาพทางกาย ๖. มีสํวนรํวม฿นการสํงสริมละพัฒนาสุขภาพ฿น . ทดสอบสมรรถภาพทางกายละพัฒนาเด๎ ตามความตกตาํ งระหวํางบุคคล ชมุ ชน ๗. วางผ น ละป ฏิบั ติต าม ผนกา รพัฒนา สมรรถภาพทางกายละสมรรถภาพทาง กลเก
หลกั สตู รโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชีวิต มาตรฐาน พ ๕.๑ ป้องกนั และหลีกเล่ียงปัจจัยเสีย่ ง พฤติกรรมเส่ยี งต่อสุขภาพ อบุ ัตเิ ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. สดงวิธีปฐมพยาบาลละคล่ือนย๎าย ๑. ระบุวิธีการ ปัจจัยละหลํงที่ชํวยหลือ ๑. ผ๎ปู ุวยอยํางปลอดภัย ฟ้นื ฟูผต๎ู ดิ สารสพตดิ ๒. อธิบายลักษณะอาการของผู๎ติดสารสพ ๒. อธิบายวิธีการหลีกลี่ยงพฤติกรรมส่ียง ๒. ตดิ ละการปูองกันการติดสารสพติด ละสถานการณ์สยี่ ง ๓. อธิบายความสัมพันธ์ของการ฿ช๎สารสพ ๓. ฿ช๎ทักษะชีวิต฿นการปูองกันตนองละ ตดิ กบั การกิดรคละอบุ ัติหตุ หลีกลีย่ งสถานการณ์ คับขนั ที่อาจนาเปสํู ๓. ๔. สดงวิธกี ารชกั ชวนผอ๎ู น่ื ฿ห๎ ลด ละ ลิก อนั ตราย สารสพติดดย฿ช๎ทกั ษะตํางๆ ๔. ๕.
๗๙ เหตุ การใช้ยา สารเสพตดิ และความรนุ แรง ตวั ชวี้ ดั ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . วิคราะห์ปัจจัยสี่ยง ละพฤติกรรมส่ียง ๑. มีสํวนรํวม฿นการปูองกันความส่ียงตํอการ฿ช๎ยา ทีม่ ผี ลตํอสขุ ภาพละนวทางปอู งกัน การ฿ชส๎ ารสพติดละความรุนรง พื่อสุขภาพ . หลีกล่ียงการ฿ช๎ความรุนรงละชักชวน ของตนอง ครอบครวั ละสงั คม พ่ือน฿ห๎หลีกล่ียงการ฿ช๎ความรุนรง฿น ๒. วิคราะห์ผลกระทบที่กิดจากการครอบครอง การก๎ปัญหา การ฿ช๎ ละการจาหนาํ ยสารสพติด . วิคราะห์อิทธิพลของส่ือตํอพฤติกรรม ๓. วิคราะห์ปัจจัยที่มีผลตํอสุขภาพหรือความ รนุ รงของคนเทยละสนอนวทางปูองกนั สุขภาพละความรุนรง . วิคราะห์ความสัมพันธ์ของการด่ืม ๔. วางผนกาหนดนวทางลดอุบัติหตุ ละสร๎าง สรมิ ความปลอดภัย฿นชมุ ชน . ครื่องดื่มท่ีมีอลกอฮอล์ตํอสุขภาพละ ๕. มีสํวนรํวม฿นการสร๎างสริมความปลอดภัย฿น การกิดอบุ ตั ิ หตุ ๖. ชุมชน ฿ช๎ทักษะการตัดสิน฿จก๎ปัญหา฿นสถานการณ์ท่ี สดงวธิ ีการชวํ ยฟ้ืนคนื ชพี อยํางถูกวธิ ี สยี่ งตํอสุขภาพละความรนุ รง ๗. สดงวธิ กี ารชํวยฟ้นื คืนชีพอยํางถูกวธิ ี
หลักสตู รโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๘๐ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ทาไมต้องเรยี นศลิ ปะ กลํุมสาระการรียนรู๎ศิลปะป็นกลํุมสาระท่ีชํวยพัฒนา฿ห๎ผ๎ูรี ยนมีความคิดริร่ิมสร๎างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณคํา ซ่ึงมีผลตํอคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรม ทางศิลปะชํวยพัฒนาผู๎รียนทั้งด๎านรํางกาย จิต฿จ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนาเปสํูการพัฒนา ส่ิงวดลอ๎ ม สงํ สรมิ ฿หผ๎ ๎ูรยี นมคี วามช่ือมน่ั ฿นตนอง อันปน็ พ้นื ฐาน฿นการศกึ ษาตํอหรือประกอบอาชีพเด๎ เรยี นรู้อะไรในศลิ ปะ กลุํมสาระการรียนรู๎ศิลปะ มํุงพัฒนา฿ห๎ผู๎รียนกิดความร๎ูความข๎า฿จ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ กิดความ ซาบซ้งึ ฿นคณุ คําของศลิ ปะปดิ อกาส฿หผ๎ ๎ูรยี นสดงออกอยํางอิสระ฿นศลิ ปะขนงตํางๆ ประกอบดว๎ ยสาระสาคัญคอื ทัศนศิลป์ มีความร๎ูความข๎า฿จองค์ประกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สร๎างละนาสนอผลงานทางทัศนศิลป์ จากจินตนาการ ดยสามารถ฿ช๎อุปกรณ์ที่หมาะสม รวมท้ังสามารถ฿ช๎ทคนิค วิธีการของศิลปิน฿นการสร๎างงานเด๎ อยํางมีประสิทธิภาพ วิคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคํางานทัศนศิลป์ ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางทัศนศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ ละวัฒนธรรมห็นคุณคํางานศิลปะที่ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถ่ินภูมิปัญญาเทยละ สากล ชืน่ ชม ประยกุ ต์฿ช฿๎ นชวี ิตประจาวัน ดนตรี มีความรู๎ความข๎า฿จองค์ประกอบดนตรีสดงออกทางดนตรีอยํางสร๎างสรรค์ วิคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคําดนตรี ถํายทอดความร๎ูสึก ทางดนตรีอยํางอิสระ ชื่นชมละประยุกต์฿ช๎฿นชีวิตประจาวัน ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางดนตรี ประวัติศาสตร์ ละวัฒนธรรม ห็นคุณคําดนตรีท่ีป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิ ปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาเทย ละสากล ร๎องพลง ละลํนดนตรี฿นรูปบบตํางๆ สดงความคิดห็นกี่ยวกับ สียงดนตรี สดงความรู๎สึกที่มีตํอดนตรี฿นชิงสุนทรียะ ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางดนตรีกับประพณีวัฒนธรรม ละหตกุ ารณ์฿นประวัตศิ าสตร์ นาฏศิลป์ มีความร๎ูความข๎า฿จองค์ประกอบนาฏศิลป์ สดงออกทางนาฏศิลป์อยํางสร๎างสรรค์ ฿ช๎ ศัพท์บ้ืองต๎นทางนาฏศิลป์ วิคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณคํานาฏศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดอยํางอิสระ สร๎างสรรค์การคลื่อนเหว฿นรูปบบตํางๆ ประยุกต์฿ช๎นาฏศิลป์฿นชีวิตประจาวัน ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวําง นาฏศิลปก์ บั ประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม ห็นคุณคาํ ของนาฏศิลปท์ ่ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิ ปญั ญาเทย ละสากล
หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๘๑ คุณภาพผู้เรยี น จบช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ ร๎ูละข๎า฿จร่ืองทัศนธาตุละหลักการออกบบ ละทคนิคที่หลากหลาย฿นการสร๎างงาน ทัศนศิลป์ ๒ มิติ ละ ๓ มิติ พื่อส่ือความหมายละร่ืองราวตํางๆ เด๎อยํางมีคุณภาพ วิคราะห์รูปบบนื้อหาละ ประมินคุณคํางานทัศนศิลป์ของตนองละผ๎ูอ่ืน สามารถลือกงานทัศนศิลป์ดย฿ช๎กณฑ์ท่ีกาหนดขึ้นอยําง หมาะสม สามารถออกบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ์ กราฟิก฿นการนาสนอข๎อมูลละมีความร๎ู ทักษะที่จาป็นด๎านอาชีพ ที่ก่ียวขอ๎ งกันกับงานทัศนศลิ ป์ ร๎ู ละข๎า฿จการปลี่ยนปลงละพัฒนาการของงานทัศนศิลป์ของชาติ ละท๎องถิ่น ตํละยุคสมัย ห็นคุณคํางานทัศนศิลป์ท่ีสะท๎อนวัฒนธรรมละสามารถปรียบทียบงานทัศนศิลป์ที่มาจากยุคสมัยละวัฒนธรรม ตํางๆ ร๎ูละข๎า฿จถึงความตกตํางทางด๎านสียง องค์ประกอบ อารมณ์ ความร๎ูสึกของบทพลงจาก วัฒนธรรมตํางๆ มีทักษะ฿นการร๎อง บรรลงคร่ืองดนตรี ทั้งดี่ยวละป็นวงดยน๎นทคนิคการร๎องบรรลงอยํางมี คณุ ภาพ มีทกั ษะ฿นการสรา๎ งสรรคบ์ ทพลงอยาํ งงําย อํานขยี นนต๎ ฿นบนั เดสียงท่ีมี ครอ่ื งหมาย ปลงสียงบื้องต๎น เด๎ ร๎ู ละข๎า฿จถึงปัจจยั ทีม่ ผี ลตํอรูปบบของผลงานทางดนตรี องค์ประกอบของผลงานดา๎ นดนตรีกับศิลปะขนงอ่ืน สดงความคดิ ห็นละบรรยายอารมณค์ วามรูส๎ ึกทม่ี ตี ํอบทพลง สามารถนาสนอบทพลงท่ีชื่นชอบเด๎อยํางมีหตุผล มีทักษะ฿นการประมินคุณภาพของบทพลงละการสดงดนตรี ร๎ูถึงอาชีพตํางๆ ที่ก่ียวข๎องกับดนตรีละบทบาท ของดนตร฿ี นธุรกจิ บันทงิ ขา๎ ฿จถงึ อทิ ธพิ ลของดนตรีท่มี ตี อํ บุคคลละสังคม รู๎ละข๎า฿จที่มา ความสัมพันธ์ อิทธิพลละบทบาทของดนตรีตํละวัฒนธรรม฿นยุคสมัยตํางๆ วิ คราะห์ปัจจัยที่ทา฿ห๎งานดนตรีเด๎รับการยอมรับ รู๎ละข๎า฿จการ฿ช๎นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละคร฿นการปลความละสื่อสารผํานการสดง รวมทง้ั พฒั นารปู บบการสดง สามารถ฿ช๎กณฑ์งําย ๆ ฿นการพิจารณาคุณภาพการสดง วิจารณ์ปรียบทียบงาน นาฏศิลป์ ดย฿ช๎ความร๎ูร่ืององค์ประกอบทางนาฏศิลป์รํวมจัดการสดง นานวคิดของการสดงเปปรับ฿ช๎฿น ชีวิตประจาวัน ร๎ูละข๎า฿จประภทละครเทย฿นตํละยุคสมัย ปัจจัยท่ีมีผลตํอการปลี่ยนปลงของนาฏศิลป์เทย นาฏศิลป์พ้ืนบ๎าน ละครเทย ละละครพ้ืนบ๎าน ปรียบทียบลักษณะฉพาะของการสดงนาฏศิลป์จากวัฒนธรรม ตาํ งๆ รวมทั้งสามารถออกบบละสร๎างสรรค์อุปกรณ์ ครื่องตํงกาย฿นการสดงนาฏศิลป์ละละคร มีความข๎า฿จ ความสาคญั บทบาทของนาฏศลิ ป์ ละละคร฿นชวี ติ ประจาวัน จบช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ รู๎ละข๎า฿จก่ียวกับทัศนธาตุละหลักการออกบบ฿นการส่ือความหมาย สามารถ฿ช๎ศัพท์ทาง ทัศนศิลป์ อธิบายจุดประสงค์ละนื้อหาของงานทัศนศิลป์ มีทักษะละทคนิค฿นการ฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ละ กระบวนการท่ีสูงขนึ้ ฿นการสร๎างงานทัศนศลิ ป์ วิคราะห์นื้อหาละนวคิด ทคนิควิธีการ การสดงออกของศิลปิน ท้ังเทยละสากล ตลอดจนการ฿ช๎ทคนลยีตํางๆ ฿นการออกบบสร๎างสรรค์งานที่หมาะสมกับอกาส สถานท่ี
หลกั สูตรโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๘๒ รวมทง้ั สดงความคดิ หน็ กย่ี วกบั สภาพสงั คมดว๎ ยภาพล๎อลียนหรอื การ์ตูน ตลอดจนประมินละวิจารณ์คุณคํางาน ทัศนศิลป์ด๎วยหลกั ทฤษฎวี ิจารณศ์ ิลปะ วิคราะห์ปรียบทียบงานทัศนศิลป์฿นรูปบบตะวันออกละรูปบบตะวันตก ข๎า฿จอิทธิพลของ มรดกทางวฒั นธรรมภมู ิปัญญาระหวํางประทศที่มีผลตํอการสรา๎ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์฿นสังคม ร๎ูละข๎า฿จรูปบบบทพลงละวงดนตรีตํละประภทละจานกรูปบบของวงดนตรีท้ังเทย ละสากล ข๎า฿จอิทธิพลของวัฒนธรรมตอํ การสร๎างสรรค์ดนตรี ปรียบทียบอารมณ์ละความร๎ูสึกท่ีเด๎รับจากดนตรี ที่มาจากวัฒนธรรมตํางกัน อําน ขียน น๎ตดนตรีเทยละสากล ฿นอัตราจังหวะตํางๆ มีทักษะ฿นการร๎องพลงหรือ ลํนดนตรีดี่ยวละรวมวงดยน๎นทคนิค การสดงออกละคุณภาพของการสดง สร๎างกณฑ์สาหรับประมิน คุณภาพการประพนั ธ์การลํนดนตรขี องตนองละผ๎ูอนื่ เด๎อยาํ งหมาะสม สามารถนาดนตรีเประยุกต์฿ช๎฿นงานอนื่ ๆ วิคราะห์ ปรียบทียบรูปบบ ลักษณะดํนของดนตรีเทยละสากล฿นวัฒนธรรมตํางๆ ข๎า฿จ บทบาทของดนตรีท่ีสะท๎อนนวความคิดละคํานิยมของคน฿นสังคม สถานะทางสังคมของนักดนตรี฿นวัฒนธรรม ตาํ งๆ สร๎างนวทางละมีสํวนรํวม฿นการสํงสริมละอนุรักษ์ดนตรี มีทักษะ฿นการสดงหลากหลายรูปบบ มีความคิดริริ่ม฿นการสดงนาฏศิลป์ป็นคํูละป็นหมํู สร๎างสรรค์ละครส้ัน฿นรูปบบที่ช่ืนชอบ สามารถวิคราะห์กํนของการสดงนาฏศิลป์ละละครที่ต๎องการส่ือ ความหมาย฿นการสดง อิทธิพลของคร่ืองตํงกาย สง สี สียง ฉาก อุปกรณ์ ละสถานท่ีท่ีมีผลตํอการสดง วิจารณ์การสดงนาฏศิลป์ละละคร พัฒนาละ฿ช๎กณฑ์การประมิน฿นการประมินการสดง ละสามารถ วิ คราะห์ทําทางการคล่ือนเหวของผ๎คู น฿นชวี ิตประจาวันละนามาประยุกต์฿ช๎฿นการสดง ข๎า฿จวิวัฒนาการของนาฏศิลป์ละการสดงละครเทย ละบทบาทของบุคคลสาคัญ ฿นวงการนาฏศิลป์ละการละครของประทศเทย฿นยุคสมัยตํางๆ สามารถปรียบทียบการนาการสดงเป฿ช๎฿น อกาสตํางๆ ละสนอนวคดิ ฿นการอนรุ ักษ์นาฏศลิ ป์เทย
หลักสตู รโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค ศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ตวั ช้วี ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. บรรยาย ความตกตํางละความ ๑. อภิปรายก่ียวกับทัศนธาตุ฿นด๎านรูปบบ ๑. คล๎ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์ละ ละนวคิดของงานทศั นศลิ ป์ท่ี ลือกมา สิง่ วดลอ๎ มดย฿ช๎ความร๎ู รอื่ งทศั นธาตุ ๒. บรรยายก่ียวกับความหมือนละความ ๒. ระบุ ละบรรยายหลักการออกบบงาน ตกตํางของรปู บบการ฿ช๎วัสดอุ ุปกรณ฿์ น ๒. ทัศนศิลป์ ดยน๎นความป็นอกภาพ งานทศั นศลิ ปข์ องศิลปนิ ความกลมกลืน ละความสมดุล ๓. วาดภาพด๎วยทคนิคท่ีหลากหลาย฿นการ ๓. ๓. วาดภาพทัศนียภาพสดง฿ห๎ ห็นระยะเกล สือ่ ความหมายละรื่องราวตํางๆ ฿กล๎ ปน็ ๓ มติ ิ ๔. สร๎างกณฑ์฿นการประมินละวิจารณ์ ๔. รวบรวมงานปั้นหรือส่ือผสมมาสร๎างป็น งานทศั นศิลป์ ๔. รื่องราว ๓ มิติดยน๎นความป็น ๕. นาผลการวิจารณ์เปปรับปรุงก๎เขละ อกภาพความกลมกลืน ละการส่ือถึง พัฒนางาน ๕. รื่องราวของงาน ๖. วาดภาพสดงบคุ ลกิ ลกั ษณะของตัวละคร ๕. ออกบบรูปภาพ สัญลักษณ์ หรือกราฟิก ๗. บรรยายวิธีการ฿ช๎งานทัศนศิลป์฿นการ อื่นๆ ฿นการนาสนอความคิดละขอ๎ มลู ฆษณาพ่ือน๎มน๎าว฿จ ละนาสนอ ๖. ๖. ประมินงานทัศนศิลป์ ละบรรยายถึง ตัวอยํางประกอบ วิธีการปรับปรุงงานของตนองละผู๎อื่น ดย฿ช๎ กณฑ์ที่กาหนด฿ห๎ ๗.
๘๓ ค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณค์ ุณค่างานทัศนศลิ ป์ ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคิดต่องาน ตัวช้ีวัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . บรรยายสิ่งวดล๎อม ละงานทัศนศิลป์ท่ี ๑. วิคราะห์การ฿ชท๎ ัศนธาตุ ละหลักการออกบบ ลือกมาดย฿ช๎ความรู๎รื่องทัศนธาตุ ละ ฿นการสือ่ ความหมาย฿นรูปบบตํางๆ หลกั การออกบบ ๒. บรรยายจุดประสงค์ ละน้ือหาของงาน . ระบุ ละบรรยายทคนิค วิธีการของศิลปิน ทัศนศิลป์ ดย฿ช๎ศพั ทท์ างทัศนศิลป์ ฿นการสรา๎ งงาน ทศั นศิลป์ ๓. วิคราะห์การลือก฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ ละทคนิค . วิคราะห์ ละบรรยายวิธีการ฿ช๎ทัศนธาตุ ของศลิ ปนิ ฿นการสดงออกทางทัศนศิลป์ ละหลักการออกบบ฿นการสร๎างงาน ๔. มีทักษะละทคนิค฿นการ฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ ละ ทศั นศลิ ป์ของตนอง฿ห๎มคี ุณภาพ กระบวนการท่ีสงู ขึ้น ฿นการสร๎างงานทัศนศิลป์ . มีทักษะ฿นการสร๎างงานทัศนศิลป์อยําง ๕. สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์ ด๎วยทคนลยีตํางๆ น๎อย ๓ ประภท ด ย น๎ น ห ลั ก ก า ร อ อ ก บ บ ล ะ ก า ร จั ด . มีทักษะ฿นการผสมผสานวัสดุตํางๆ ฿น องค์ประกอบศลิ ป์ การสร๎างงานทัศนศิลป์ดย฿ช๎หลักการ ๖. ออกบบงานทัศนศิลป์เด๎หมาะกับอกาสละ ออกบบ สถานที่ . สร๎างงานทัศนศิลป์ ทั้ง ๒ มิติ ละ ๓ มิติ ๗. วิคราะห์ละอธิบายจุดมุํงหมายของศิลปิน฿น พ่ื อ ถํ า ย ท อ ด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ล ะ การลือก฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ ทคนิคละนื้อหา จนิ ตนาการ พ่อื สร๎างสรรค์งานทศั นศลิ ป์ . สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์สื่อความหมาย ๘. ประมินละวิจารณ์งานทัศนศิลป์ดย฿ช๎ทฤษฎี ป็นร่ืองราวดยประยุกต์฿ช๎ทัศนธาตุ การวจิ ารณ์ศิลปะ ละหลกั การออกบบ ๙. จัดกลุํมงานทศั นศิลป์พื่อสะท๎อนพัฒนาการละ
หลกั สตู รโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๘. ๙. ๑๐ ๑๑
๘๔ ตวั ชว้ี ดั ช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . วิคราะห์ละอภิปรายรูปบบ นื้อหา ความกา๎ วหนา๎ ของตนอง ละคุณคํา฿นงานทัศนศิลป์ของตนอง ๑๐. สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์เทย สากล ดยศึกษา ละผู๎อนื่ หรือของศลิ ปนิ จากนวคิดละวิธีการสร๎างงานของศิลปินท่ีตน . สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์พื่อบรรยาย ชนื่ ชอบ ห ตุ ก า ร ณ์ ตํ า ง ๆ ด ย ฿ ช๎ ท ค นิ ค ที่ ๑๑. วาดภาพระบายสีป็นภาพล๎อลียน หรือภาพ หลากหลาย การ์ตูน พื่อสดงความคิดห็นก่ียวกับสภาพ ๐. ระบุอาชีพท่ีก่ียวข๎องกับงานทัศนศิลป์ สงั คม฿นปัจจบุ ัน ละทักษะที่จาป็น฿นการประกอบอาชีพ นน้ั ๆ ๑. ลือกงานทัศนศิลป์ดย฿ช๎กณฑ์ท่ีกาหนด ข้ึ น อ ยํ า ง ห ม า ะ ส ม ล ะ น า เ ป จั ด นทิ รรศการ
หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๑ ทัศนศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๒ เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งทศั นศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวฒั นธร ภูมปิ ัญญาไทยและสากล ตัวชว้ี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ระบุ ละบรรยายก่ียวกับลักษณะ ๑. ระบุละบรรยายกี่ยวกับวัฒนธรรม ๑. รูปบบงานทัศนศิลป์ของชาติละของ ตํางๆ ท่ีสะท๎อนถึงงานทัศนศิลป์฿น ทอ๎ งถนิ่ ตนองจากอดีตจนถึงปัจจบุ ัน ปัจจุบัน ๒. ๒. ระบุ ละปรียบทียบงานทัศนศิลป์ของ ๒. บรรยายถึงการปลี่ยนปลงของงาน ภาคตํางๆ ฿นประทศเทย ทัศนศลิ ป์ของเทย฿นตํละยคุ สมัยดยนน๎ ๓. ป รี ย บ ที ย บ ค ว า ม ต ก ตํ า ง ข อ ง ถึงนวคิดละน้อื หาของงาน จุดประสงค์฿นการสรา๎ งสรรค์งานทัศนศิลป์ ๓. ปรียบทียบนวคิด฿นการออกบบงาน ของวัฒนธรรมเทยละสากล ทัศนศิลป์ท่ีมาจากวัฒนธรรมเทยละ สากล
๘๕ รรม เหน็ คณุ ค่างานทศั นศลิ ปท์ ีเ่ ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ตัวช้วี ัดชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ศึกษาละอภิปรายก่ียวกับงานทัศนศิลป์ ๑. วิคราะห์ ละปรียบทียบงานทัศนศิลป์฿น ทสี่ ะท๎อนคณุ คําของวฒั นธรรม รูปบบตะวนั ออกละรูปบบตะวนั ตก . ปรียบทียบความตกตํางของงาน ๒. ระบุงานทัศนศิลป์ของศิลปิน ท่ีมีช่ือสียง ละ ทัศนศลิ ป์฿นตํละยุคสมัย ของวัฒนธรรม บรรยายผลตอบรับของสังคม เทยละสากล ๓. อภิปรายก่ียวกับอิทธิพลของวัฒนธรรมระหวําง ประทศทีม่ ผี ลตอํ งานทัศนศิลป฿์ นสังคม
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจดนตรี วเิ คราะห์ วิพากษ์วจิ ารณ์คุณค่าดนตรี ถา่ ยทอดความ ตวั ชี้วดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อําน ขียน ออกสียง น๎ตเทย ละน๎ต ๑. ปรียบทียบการ฿ช๎องค์ ประกอบดนตรี ๑. สากล ท่มี าจากวัฒนธรรมตาํ งกนั ๒. ปรียบทียบสยี งร๎องละสียงของคร่ือง ๒. อําน ขียนออกสียงน๎ตเทยละน๎ต ๒. ดนตรีทีม่ าจากวัฒนธรรมทตี่ ํางกนั สากลทม่ี ีคร่ืองหมายปลงสยี ง ๓. รู๎วิธีการร๎องพลงละวิธี฿ช๎ครื่องดนตรี ๓. ระบุปัจจัยสาคัญท่ีมีอิทธิพลตํอการ บรรลงประกอบ การร๎องพลงด๎วยบท สร๎างสรรค์งานดนตรี ๓. พลงทหี่ ลาก หลายรปู บบ ๔. รู๎จกั พลง ดนตรี ดี่ยว ละรวมวง ๔. ๔. จัดประภทของวงดนตรีเทยละวงดนตรี ๕. บรรยายอารมณ์ของพลงละความร๎ูสึกที่ ที่มาจากวัฒนธรรมตาํ งๆ มตี ํอบทพลงท่ฟี ัง ๕. สดงความคิดห็นที่มีตํออารมณ์ของบท ๖. ประมิน พัฒนาการรียนร๎ูทางดนตรีของ ๕. พลงท่ีมีความร็วของจังหวะ ละความ ตนอง หลงั จากที่เด๎ศกึ ษาปฏิบตั ิ ดัง-บา ตกตํางกัน ๗. ระบุงานอาชีพตํางๆ ท่ีกี่ยวข๎องกับดนตรี ๖. ๖. ปรียบทียบอารมณ์ ความร๎ูสึก ฿นการ ละบทบาทของดนตร฿ี นธรุ กิจบนั ทงิ ฟงั ดนตรี ตลํ ะประภท ๗. ๗. นาสนอตัวอยํางพลงท่ีตนองช่ืนชอบ ละอภิปรายลักษณะดํนท่ีทา฿ห๎งานน้ัน นาํ ชื่นชม ๘. ฿ช๎กณฑ์สาหรับประมินคุณภาพงาน ดนตรหี รอื พลงที่ฟงั ๙. รู๎วิธี฿ช๎ละบารุงรักษาคร่ืองดนตรีอยําง ระมัดระวังละรับผิดชอบ
๘๖ มรสู้ กึ ความคดิ ตอ่ ดนตรอี ยา่ งอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน ตวั ชวี้ ัดช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ปรยี บทยี บองค์ประกอบท่ี฿ช๎฿นงานดนตรี ๑. ปรียบทียบรูปบบของบทพลงละวงดนตรี ละงานศิลปะอืน่ ตลํ ะประภท . รูจ๎ ักพลง ดนตรีดย่ี ว ละรวมวง ดยน๎น ๒. จานกประภทละรูปบบ ของวงดนตรี ท้ัง ทคนิคการร๎อง การลํน การสดงออก เทยละสากล ละคุณภาพสยี ง ๓. อธิบายหตุผลท่ีคนตํางวัฒนธรรมสร๎างสรรค์ . ตํงพลงส้ันๆ จงั หวะงาํ ยๆ งานดนตรีตกตํางกัน . อธิบายหตุผล฿นการลือก฿ช๎องค์ประกอบ ๔. อําน ขียน น๎ตดนตรีเทยละสากล฿นอัตรา ดนตรี ฿นการสร๎างสรรค์งานดนตรีของ จังหวะตํางๆ ตนอง ๕. ร๎จู ักพลง ดนตรี ดย่ี ว ละรวมวง . ปรียบทียบความตกตํางระหวํางงาน ๖. สร๎างกณฑ์สาหรับประมินคุณภาพการ ดนตรีของตนองละผ๎อู ืน่ ประพันธ์ละการลํนดนตรีของผู๎อ่ืนเด๎อยําง . อธิบายกี่ยวกับอิทธิพลของดนตรีที่มีตํอ หมาะสม บุคคลละสังคม ๗. ปรียบทียบอารมณ์ ละความรู๎สึกท่ีเด๎รับจาก . อธิบายรูปบบดนตรีที่หมาะสม ละ งานดนตรที ่มี าจากวฒั นธรรมตํางกนั สามารถบูรณาการกับสาระการรียนร๎ูอื่น ๘. นาดนตรีเปประยุกต์฿ช๎฿นงานอน่ื ๆ ฿นกลํุมศลิ ปะ
หลักสตู รโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม และสากล ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายบทบาทความสัมพันธ์ละอิทธิพล ๑. บรรยายบทบาท ละอิทธิพลของดนตรี ๑. ของดนตรีทีม่ ีตํอสงั คมเทย ฿นวัฒนธรรมของประทศตํางๆ ๒. ระบุความหลากหลายขององค์ประกอบ ๒. บรรยายอิทธิพลของวัฒนธรรม ละ ๒. ดนตรี฿นวฒั นธรรมตาํ งกัน หตุการณ฿์ นประวัติศาสตร์ท่ีมีตํอรูปบบ ของดนตร฿ี นประทศเทย
๘๗ เหน็ คุณคา่ ของดนตรีทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน ภูมิปญั ญาไทย ตวั ชีว้ ัดช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . บรรยาย วิวัฒนาการของดนตรีตํละยุค ๑. วิคราะห์รูปบบของดนตรีเทยละดนตรีสากล สมยั ฿นยุคสมยั ตํางๆ . อภิปรายลักษณะดํนที่ทา฿หง๎ านดนตรีนั้น ๒. วิคราะห์สถานะทางสังคมของนักดนตรี฿น เด๎รับการยอมรับ วัฒนธรรมตาํ งๆ ๓. ปรียบทยี บลักษณะดํนของดนตรี฿นวัฒนธรรม ตาํ งๆ ๔. อธิบายบทบาทของดน ตรี฿นการสะท๎อน นวความคิดละคํานิยมท่ีปล่ียนเปของคน฿น สังคม ๕. นาสนอนวทาง฿นการสํงสริมละอนุรักษ์ ดนตรี฿นฐานะมรดกของชาติ
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ นาฏศิลป์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณ์คณุ ค่านาฏศลิ ป์ ถา่ ยทอ ตวั ช้วี ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายอิทธิพลของนักสดงชื่อดังท่ีมีผล ๑. อธิบายการบรู ณาการศิลปะขนงอ่ืนๆ กับ ๑. ตํอการน๎มน๎าวอารมณ์หรือความคิดของ การสดง ผช๎ู ม ๒. อธิบายการสดงองค์ประกอบนาฏศิลป์ ๒. ๒. ร๎ูจกั นาฏยศพั ท์หรือศัพท์ทางการละคร฿น ละการละคร การสดง ๓. วิคราะห์การสดงของผ๎ูอื่น ดย฿ช๎นาฏย ๓. ๓. รู๎จักนาฏศิลป์ละการละคร฿นรูปบบ ศัพท์หรอื ศพั ท์ทางการละครท่ี หมาะสม ตํางๆ ๔. สนอขอ๎ คดิ หน็ ฿นการปรบั ปรงุ การสดง ๔. ๔. ฿ช๎ทักษะการทางานป็นกลํุม฿นการ ๕. ช่อื มยงการรยี นรู๎ระหวํางนาฏศิลป์ละ อธิบายหรืออภปิ รายรปู บบการสดง การละครกบั สาระการรียนรอ๎ู น่ื ๆ ๕. ๕. ฿ช๎กณฑ์งํายๆ ที่กาหนด฿ห๎ ฿นการ พิจารณาคณุ ภาพการสดงที่เด๎ศึกษาดย ๖. นน๎ รื่องการ฿ช๎ สยี งการสดงทําละการ คลื่อนเหว ๗. ๘.
๘๘ อดความรู้สึก ความคดิ อยา่ งอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใช้อยา่ งเหมาะสมกับสมณวิสัย ตัวชีว้ ัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ระบุครงสร๎างของบทละครดย฿ช๎ศัพท์ ๑. ร๎ูจักการสดงหลากหลายรูปบบ ทางการละคร ๒. รู๎วธิ กี ารสร๎างสรรค์ละครสั้น฿นรูปบบที่ชื่นชอบ ฿ช๎นาฏยศัพท์ หรือศัพท์ทางการละครที่ ๓. สนอนวคิดริร่ิม฿นการสดงนาฏศิลป์ป็นคูํ หมาะสมบรรยายปรียบทยี บการ ละหมํู ส ด ง อ า กั ป กิ ริ ย า ข อ ง ผู๎ ค น ฿ น ชี วิ ต ๔. วิจารณ์การสดงตามหลักนาฏศิลป์ละการ ประจาวันละ฿นการสดง ละคร มีทักษะ฿นการ฿ช๎ความคิด฿นการพัฒนา ๕. วิคราะห์กํนของการสดงนาฏศิลป์ละการ รปู บบการสดง ละครท่ีตอ๎ งการสือ่ ความหมาย฿นการสดง มีทักษะ฿นการปลความละการส่ือสาร ๖. บรรยาย ละวิคราะห์ อิทธิพลของคร่ืองตํง ผํานการสดง กาย สง สี สียง ฉากอุปกรณ์ ละสถานท่ีที่มี วิจารณ์ปรียบทียบงานนาฏศิลป์ที่มีความ ผลตอํ การสดง ตกตาํ งกนั ดย฿ช๎ความรู๎ ร่ืององค์ประกอบ ๗. พัฒนาละ฿ช๎กณฑ์การประมิน฿นการประมิน นาฏศลิ ป์ การสดง รํวมจัดงานการสดง฿นบทบาทหนา๎ ทต่ี าํ งๆ ๘. วิ คราะหท์ าํ ทาง ละการคลื่อนเหวของผ๎ูคน฿น ที่หมาะสมกบั สมณวิสยั ชีวติ ประจาวนั นาสนอนวคดิ จากน้ือร่ืองของการสดง ที่สามารถนาเปปรับ฿ช๎฿นชวี ิตประจาวัน
หลกั สตู รโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งนาฏศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม เ และสากล ตวั ชวี้ ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ระบุปัจจัยที่มีผลตํอการปลี่ยนปลงของ ๑. ปรียบทยี บลกั ษณะฉพาะของการสดง ๑. นาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ๎าน ละครเทย นาฏศิลป์จากวัฒนธรรมตาํ งๆ ละละครพ้ืนบา๎ น ๒. ระบุหรือสดงนาฏศิลป์นาฏศิลป์พ้ืนบ๎าน ๒. บรรยายประภทของละครเทย฿นตํละ ละครเทย ละครพ้ืนบ๎าน หรือมหรสพอ่ืน ๒. ยุคสมยั ที่ คยนิยมกนั ฿นอดีต ๓. อธิบายอิทธิพลของวัฒนธรรมที่มีผลตํอ ๓. น้อื หาของละคร
๘๙ เห็นคุณคา่ ของนาฏศิลปท์ ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมิปัญญาไทย ตัวช้วี ดั ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ออกบบ ละสร๎างสรรค์อุปกรณ์ ละ ๑. ปรยี บทยี บการนาการสดงเป฿ช๎฿นอกาสตาํ งๆ คร่ืองตํงกาย พ่ือสดงนาฏศิลป์ละ ๒. อภิปรายบทบาทของบุคคลสาคัญ฿นวงการ การละครที่มาจากวฒั นธรรมตาํ งๆ นาฏศิลป์ละการละคร ของประทศเทย฿นยุค . อธิบายความสาคัญละบทบาทของ สมยั ตํางๆ นาฏศิลป์ละการละคร฿นชีวิตประจาวนั ๓. บรรยายวิวัฒนาการของนาฏศิลป์ละการละคร . สดงความคิดหน็ ฿นการอนุรกั ษ์ เทย ตั้งตํอดีตจนถึงปัจจุบัน ๔. นาสนอนวคดิ ฿นการอนุรักษ์นาฏศลิ ปเ์ ทย
หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๙๐ กล่มุ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ทาไมตอ้ งเรยี นการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลํุมสาระการรียนร๎ูการงานอาชีพละทคนลยีป็นกลํุมสาระที่ชํวยพัฒนา฿ห๎ผู๎รียน มีความร๎ู ความ ข๎า฿จ มีทักษะพ้ืนฐานที่จาป็นตํอการดารงชีวิตละร๎ูทําทันการปล่ียนปลง สามารถนาความร๎ูกี่ยวกับการ ดารงชีวิต การอาชีพ ละทคนลยี มา฿ช๎ประยชน์฿นการทางานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ ละขํงขัน฿น สังคมเทยละสากล ห็นนวทาง฿นการประกอบอาชีพ รักการทางาน ละมีจตคติที่ดีตํอการทางาน สามารถ ดารงชวี ติ อยู฿ํ นสงั คมเด๎อยาํ งพอพียงละมีความสขุ เรยี นรู้อะไรในการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลํุมสาระการรียนร๎ูการงานอาชพี ละทคนลยี มุํงพัฒนาผู๎รียนบบองค์รวม พ่ือ฿ห๎มีความร๎ู ความสามารถ มีทักษะ฿นการทางาน ห็นนวทาง฿นการประกอบอาชีพละการศึกษาตํอเด๎อยํางมีประสิทธิภาพ ดยมีสาระสาคญั ดังน้ี การดารงชีวิตและครอบครัว ป็นสาระก่ียวกับการทางาน฿นชีวิตประจาวัน การชํวยหลือ ตนอง ครอบครัว ละสังคมเด๎฿นสภาพศรษฐกิจท่ีพอพียง เมํทาลายสิ่งวดล๎อม น๎นการปฏิบัติจริงจนกิด ความมั่น฿จละภมู ฿ิ จ฿นผลสาร็จของงาน พื่อ฿ห๎คน๎ พบความสามารถ ความถนัด ละความสน฿จของตนอง การออกแบบและเทคโนโลยี ป็นสาระกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อยําง สร๎างสรรค์ ดยนาความรู๎มา฿ชก๎ บั กระบวนการทคนลยี สรา๎ งส่ิงของคร่อื ง฿ช๎ วิธกี าร หรอื พิ่มประสิทธิภาพ฿น การดารงชวี ิต เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ป็นสาระก่ียวกับกระบวนการทคนลยีสารสนทศ การติดตํอส่ือสาร การค๎นหาข๎อมูล การ฿ช๎ข๎อมูลละสารสนทศ การก๎ปัญหาหรือ การสร๎างงาน คุณคําละ ผลกระทบของทคนลยีสารสนทศละการสอ่ื สาร การอาชีพ ป็นสาระกี่ยวกับทักษะท่ีจาป็นตํออาชีพ ห็นความสาคัญของคุณธรรม จริยธรรม ละจตคตทิ ด่ี ีตํออาชีพ ฿ช๎ทคนลยีเด๎หมาะสม ห็นคุณคําของอาชีพสุจริต ละห็นนวทาง฿นการ ประกอบอาชีพ
หลักสตู รโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๙๑ คุณภาพผเู้ รียน จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ ข๎า฿จกระบวนการทางานที่มีประสิทธิภาพ ฿ช๎กระบวนการกลุํม฿นการทางาน มีทักษะการสวงหา ความร๎ู ทักษะกระบวนการก๎ปัญหาละทักษะการจัดการ มีลักษณะนิสัยการทางานท่ีสียสละ มีคุณธรรม ตัดสิน฿จอยํางมีหตุผลละถูกต๎อง ละมีจิตสานึก฿นการ฿ช๎พลังงาน ทรัพยากร ละส่ิงวดล๎อมอยํางประหยัดละ คุม๎ คํา ข๎า฿จกระบวนการทคนลยีละระดับของทคนลยี มีความคิดสร๎างสรรค์฿นการก๎ปัญหาหรือ สนองความต๎องการ สร๎างสง่ิ ของคร่ือง฿ช๎หรือวิธีการตามกระบวนการทคนลยี อยํางถูกต๎องละปลอดภัย ดย ถํายทอดความคิดป็นภาพฉายพ่ือนาเปสํูการสร๎างชิ้นงานหรือบบจาลองความคิดละการรายงานผล ลือก฿ช๎ ทคนลยอี ยํางสรา๎ งสรรค์ตํอชีวติ สังคม ส่ิงวดล๎อม ละมีการจัดการทคนลยีด๎วยการลดการ฿ช๎ทรัพยากรหรือ ลือก฿ช๎ ทคนลยที ่เี มมํ ผี ลกระทบกบั ส่งิ วดลอ๎ ม ข๎า฿จหลักการบ้ืองต๎นของการสื่อสารข๎อมูล ครือขํายคอมพิวตอร์ หลักการละวิธีก๎ปัญหา หรือ การทาครงงานด๎วยกระบวนการทางทคนลยีสารสนทศ มีทักษะการค๎นหาข๎อมูล ละการติดตํอส่ือสารผําน ครือขํายคอมพิวตอร์อยํางมีคุณธรรมละจริยธรรม การ฿ช๎คอมพิวตอร์฿นการก๎ปัญหา สร๎างช้ินงานหรือครงงาน จากจนิ ตนาการ ละการ฿ช๎ ทคนลยีสารสนทศนาสนองาน ข๎า฿จนวทางการลือกอาชีพ การมีจตคติที่ดีละห็นความสาคัญของการประกอบอาชีพ วิธีการหา งานทา คุณสมบัติที่จาป็นสาหรับการมีงานทา วิคราะห์นวทางข๎าสํูอาชีพ มีทักษะพื้นฐานท่ีจาป็นสาหรับการ ประกอบอาชีพ ละประสบการณ์ตํออาชีพท่ีสน฿จ ละประมินทางลือก฿นการประกอบอาชีพที่สอดคล๎องกับ ความรู๎ ความถนดั ละความสน฿จ จบช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ข๎า฿จวิธีการทางานพื่อการดารงชีวิต สร๎างผลงานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ มีทักษะการทางาน รํวมกนั ทกั ษะการจัดการ ทักษะกระบวนการกป๎ ัญหา ละทักษะการสวงหาความรู๎ ทางานอยํางมีคุณธรรม ละ มจี ติ สานึก฿นการ฿ช๎พลังงานละทรพั ยากรอยาํ งค๎ุมคาํ ละย่ังยืน ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางทคนลยีกับศาสตร์อ่ืนๆ วิคราะห์ระบบทคนลยี มีความคิด สรา๎ งสรรค์฿นการก๎ปญั หาหรือสนองความต๎องการ สร๎างละพัฒนาส่ิงของครื่อง฿ช๎หรือวิธีการ ตามกระบวนการ ทคนลยีอยาํ งปลอดภยั ดย฿ช๎ซอฟท์ วรช์ ํวย฿นการออกบบหรือนาสนอผลงาน วิ คราะห์ละลอื ก฿ช๎ทคนลยี ที่หมาะสมกับชวี ิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ตํอชีวิต สังคม ส่ิงวดล๎อม ละมีการจัดการทคนลยีด๎วยวิธีการ ของทคนลยีสะอาด ข๎า฿จองค์ประกอบของระบบสารสนทศ องค์ประกอบละหลักการทางานของคอมพิวตอร์ ระบบส่ือสารข๎อมลู สาหรับครือขํายคอมพิวตอร์ คุณลักษณะของคอมพิวตอร์ละอุปกรณ์ตํอพํวง ละมีทักษะ การ฿ช๎คอมพิวตอร์ก๎ปัญหา ขียนปรกรมภาษา พัฒนาครงงานคอมพิวตอร์ ฿ช๎ฮาร์ดวร์ละซอฟต์วร์
หลกั สูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๙๒ ติดตํอส่ือสารละค๎นหาข๎อมูลผํานอินทอร์น็ต ฿ช๎คอมพิวตอร์฿นการประมวลผลข๎อมูล฿ห๎ป็นสารสนทศพ่ือการ ตัดสิน฿จ ฿ช๎ ทคนลยีสารสนทศนาสนองาน ละ฿ชค๎ อมพวิ ตอรส์ รา๎ งชิ้นงานหรอื ครงงาน ขา๎ ฿จนวทางสูํอาชพี การลือก ละ฿ช๎ทคนลยีอยํางหมาะสมกับอาชีพ มีประสบการณ์฿นอาชีพท่ี ถนดั ละสน฿จ ละมีคุณลกั ษณะทีด่ ตี ํออาชีพ
หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๑ การดารงชวี ติ และครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เขา้ ใจการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มที ักษะกระบวนการทา ทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ุณธรรม และลกั ษณะนสิ ัยในการทา และครอบครัว ม. ๑ ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี ๑ ๒ ๑. วิ คราะหข์ น้ั ตอน การทางานตามกระบวนการ ม. ๒ ๓ ทางาน ๑. ฿ช๎ ทั กษ ะ ก า ร ส วงห า ค วา ม ร๎ู พ่ื อ ๒. ฿ช๎กระบวนการกลุํม฿นการทางานด๎วยความ พฒั นาการทางาน สยี สละ ๒. ฿ช๎ทักษะ กระบวนการก๎ปัญหา฿นการ ๓. ตัดสิน฿จก๎ปัญหา การทางานอยํางมี ทางาน หตผุ ล ๓. มีจิตสานกึ ฿นการทางานละ฿ช๎ทรัพยากร ฿นการปฏิบัติงานอยํางประหยัดละ คุม๎ คาํ
๙๓ างาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทางานรว่ มกัน และ างาน มีจิตสานกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เพื่อการดารงชีวติ ม. ๓ ตวั ชีว้ ดั ช่วงชัน้ ๑. อ ภิ ป ร า ย ข้ั น ต อ น ก า ร ท า ง า น ที่ มี ม. ๔ – ม. ๖ ประสทิ ธภิ าพ ๑. อธบิ ายวธิ ีการทางานพอื่ การดารงชวี ติ ๒. ฿ช๎ทักษะ฿นการทางานรํวมกันอยํางมี ๒. สร๎างผลงานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ ละมี คณุ ธรรม ทักษะการทางานรวํ มกัน ๓. อภิปราย การทางานดย฿ช๎ทักษะ การ ๓. มที กั ษะการจดั การ฿นการทางาน จัด ก า ร พื่อก า ร ปร ะ ห ยั ดพลั งงา น ๔. มีทกั ษะกระบวนการกป๎ ัญหา฿นการทางาน ทรพั ยากร ละสง่ิ วดลอ๎ ม ๕. มที กั ษะ฿นการสวงหาความรู๎ พ่ือการดารงชวี ิต ๖. มีคณุ ธรรมละลักษณะนสิ ัย฿นการทางาน ๗. ฿ช๎พลังงานทรัพยากร฿นการทางานอยํางคุ๎มคํา ละยงั่ ยืน พอื่ การอนุรกั ษ์สง่ิ วดล๎อม
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี มาตรฐาน ง ๒.๑ เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งส เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีในทางสรา้ งสรรค์ต่อชีวิต สังคม ส่งิ แวดล้อม แ ตัวช้วี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ - ๑. อธิบายกระบวนการทคนลยี ๑. ๒. สร๎างสิ่งของครื่อง฿ช๎หรือวิธีการตาม ๒. กระบวนการทคนลยีอยํางปลอดภัย ออกบบดยถํายทอดความคิดป็นภาพรําง ๓ มิติหรือภาพฉาย พ่ือนาเปสูํ การสร๎าง ตน๎ บบของสิง่ ของครื่อง฿ช๎ หรือถํายทอด ความคิ ดข อ ง วิ ธี ก า ร ป็ น บ บ จ า ล อ ง ความคิดละ การรายงานผลพื่อนาสนอ วธิ กี าร ๓. มคี วามคิดสรา๎ งสรรค฿์ นการก๎ปัญหาหรือ สนองความต๎องการ฿นงานทผี่ ลติ อง ๔. ลอื ก฿ช๎ทคนลยอี ยํางสรา๎ งสรรคต์ อํ ชีวิต สังคม ส่ิงวดล๎อม ละมีการจัดการ ทคนลยีด๎วยการลดการ฿ช๎ทรัพยากร หรือลือก฿ช๎ทคนลยี ที่เมํมีผลกระทบ ตอํ ส่งิ วดล๎อม
๙๔ สงิ่ ของเครอื่ งใช้ หรอื วธิ กี ารตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมคี วามคดิ สร้างสรรค์ และมสี ่วนร่วมในการจดั การเทคโนโลยีที่ย่ังยนื ตัวชว้ี ดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายระดบั ของทคนลยี ๑. อธิบายละชื่อมยงความสัมพันธ์ระหวําง . สร๎างสิ่งของครื่อง฿ช๎หรือวิธีการตาม ทคนลยีกบั ศาสตร์อ่ืนๆ กระบวนการทคนลยี อยํางปลอดภัย ๒. วิ คราะห์ระบบทคนลยี ออกบบดยถํายทอดความคิด ป็นภาพฉาย ๓. สร๎างละพัฒนาสง่ิ ของคร่ือง฿ช๎หรือวิธีการ ตาม พ่ือนาเปสํูการสร๎างต๎นบบ ละ กระบวนการทคนลยีอยํางปลอดภัยดย บบจาลองของสิ่งของครื่อง฿ช๎ หรือ ถํายทอดความคิดป็นภาพฉายละบบจาลอง ถํา ย ท อ ด ค ว า ม คิ ด ข อง วิ ธีก า ร ป็ น พ่ือนาเปสูํการสร๎างช้ินงาน หรือถํายทอด บบจาลองความคดิ ละการรายงานผล ความคิดของวธิ ีการปน็ บบจาลองความคดิ ละ ก า ร ร า ย ง า น ผ ล ด ย ฿ ช๎ ซ อ ฟ ว ร์ ชํ ว ย ฿ น ก า ร ออกบบหรอื นาสนอผลงาน ๔. มีความคิดสร๎างสรรค์฿น การก๎ปัญหาหรือสนอง ความต๎องการ฿นงานที่ผลิตองหรือการพัฒนา ผลติ ภัณฑท์ ่ผี ู๎อื่นผลติ ๕. วิคราะห์ละลือก฿ช๎ทคนลยีที่หมาะสมกับ ชีวิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ตํอชีวิต สังคมละ ส่ิงวดล๎อมละมีการจัดการทคนลยีท่ียั่งยืนด๎วย วิธกี ารของทคนลยสี ะอาด
หลักสตู รโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร มาตรฐาน ง ๓.๑ เข้าใจ เห็นคณุ คา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบ ประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล และมีคณุ ธรรม ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายหลักการทางาน บทบาท ละ ๑. อธิบายหลักการบื้องต๎นของการส่ือสาร ๑. ประยชน์ของคอมพิวตอร์ ข๎อมลู ละครือขาํ ยคอมพิวตอร์ ๒. อภิปราย ลักษณะสาคัญ ละผลกระทบ ๒. อธิบายหลักการละวิธีการก๎ปัญหาด๎วย ๒. ของทคนลยสี ารสนทศ กระบวนการทคนลยสี ารสนทศ ๓. ๓. ประมวลผลขอ๎ มูล฿ห๎ ปน็ สารสนทศ ๓. ค๎ นห า ข๎อมู ล ละติ ดตํ อสื่ อสารผํ าน ครือขํายคอมพิวตอร์อยํางมีคุณธรรม ๔. ละจรยิ ธรรม ๔. ฿ชซ๎ อฟต์วร฿์ นการทางาน
๙๕ บค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแกป้ ัญหา การทางานและอาชีพอย่างมี ตัวชีว้ ัดช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายหลักการทาครงงานที่มีการ฿ช๎ ๑. อธิบายองคป์ ระกอบของระบบสารสนทศ ทคนลยสี ารสนทศ ๒. อธิบายองค์ประกอบละหลักการทางานของ . ขยี นปรกรมภาษาขนั้ พืน้ ฐาน คอมพิวตอร์ . ฿ช๎ทคนลยีสารสนทศนาสนองาน฿น ๓. อธิบายระบบสื่อสารข๎อมูล สาหรับครือขําย รปู บบท่ีหมาะสมกับลักษณะงาน คอมพวิ ตอร์ . ฿ช๎คอมพิวตอร์ชํวยสร๎างชิ้นงานจาก ๔. บอกคุณลักษณะของคอมพิวตอร์ละอุปกรณ์ จินตนาการหรืองานที่ทา฿นชีวิตประจาวัน ตํอพวํ ง ตามหลักการทาครงงานอยํางมีจิตสานึก ๕. กป๎ ัญหาด๎วยกระบวนการทคนลยีสารสนทศ ละ ความรบั ผดิ ชอบ อยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๖. ขียนปรกรมภาษา ๗. พัฒนาครงงานคอมพิวตอร์ ๘. ฿ช๎ฮาร์ดวร์ละซอฟต์วร์฿ห๎หมาะสมกับงาน ๙. ติดตํอสื่อสาร ค๎นหาขอ๎ มลู ผาํ นอนิ ทอร์ นต็ ๑๐. ฿ช๎คอมพิวตอร์฿น การประมวลผลข๎อมูล฿ห๎ป็น สารสนทศ พ่อื ประกอบการตดั สนิ ฿จ ๑๑. ฿ช๎ ทคนลยีสารสนทศนาสนองาน ฿นรูปบบ ท่ีหมาะสม ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของงาน ๑๒. ฿ช๎คอมพิวตอร์ชํวยสร๎างช้ินงานหรือครงงาน อยาํ งมีจิตสานึกละความรบั ผดิ ชอบ ๑๓. บอกข๎อควรปฏิบัติสาหรับผ๎ู฿ช๎ทคนลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 586
Pages: