Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Published by naratham1965, 2019-12-14 01:28:36

Description: หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Search

Read the Text Version

๖๗ ศาสตร์ สามารถใช้วธิ ีการทางประวัติศาสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ต่างๆ ตัวช้ีวดั ช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . วิ฼คราะห์฼รื่องราว ฼หตุการณ์สาคัญทาง ๑. ตระหนักถึงความสาคัญของ฼วลา฽ละยคุ สมยั ทาง ประวัติศาสตร์เด๎อยาํ งมี฼หตุผลตามวธิ ีการ ประวัติศาสตร์ท่ี฽สดงถึงการ฼ปล่ียน฽ปลงของ ทางประวตั ศิ าสตร์ มนุษยชาติ . ฿ช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์฿นการศึกษา ๒. สร๎างองค์ความร๎ู฿หมํทางประวัติศาสตร์฾ดย฿ช๎ ฼ร่อื งราวตํางๆ ทต่ี นสน฿จ วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์อยําง฼ป็นระบบ

หลักสูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนษุ ยชาติจากอดตี จนถึงปัจจุบนั ในดา้ นคว และสามารถวเิ คราะหผ์ ลกระทบท่ีเกิดขึน้ ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายพัฒนาการทางสังคม ฼ศรษฐกิจ ๑. อธิบายพัฒนาการทางสังคม ฼ศรษฐกิจ ๑. ฽ละการ฼มืองของประ฼ทศตํางๆ ฿น ฽ละการ฼มืองของภูมิภาค฼อ฼ชีย ภมู ิภาค฼อ฼ชยี ตะวนั ออก฼ฉยี ง฿ต๎ ๒. ระบุความสาคัญของ฽หลํงอารยธรรม ๒. ระบุความสาคัญของ฽หลํงอารยธรรม฿น ฾บราณ฿นภูมภิ าค฼อ฼ชยี ๒. ภมู ภิ าค฼อ฼ชียตะวันออก฼ฉียง฿ต๎

๖๘ วามสมั พนั ธ์และการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณอ์ ยา่ งต่อเน่อื ง ตระหนกั ถงึ ความสาคัญ ตัวชีว้ ดั ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายพัฒนาการทางสังคม ฼ศรษฐกิจ ๑. วิ฼คราะหอ์ ิทธิพลของอารยธรรม฾บราณ฽ละการ ฽ละการ฼มืองของภูมิภาคตํางๆ ฿น฾ลก ติดตอํ ระหวาํ ง฾ลกตะวันออกกับ฾ลกตะวันตกที่มี ฾ดยสัง฼ขป ผลตอํ พัฒนาการ฽ละการ฼ปลี่ยน฽ปลงของ฾ลก . วิ฼คราะห์ผลของการ฼ปลย่ี น฽ปลงทนี่ าเปสูํ ๒. วิ฼คราะห์฼หตุการณ์สาคัญตํางๆ ท่ีสํงผลตํอการ ความ รํวมมือ ฽ละความขัด฽ย๎ง฿น ฼ปลี่ยน฽ปลงทางสังคม ฼ศรษฐกิจ ฽ละ คริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ ตลอดจนความ การ฼มอื ง฼ข๎าสู฾ํ ลกสมัยปัจจุบัน พยายาม฿นการขจดั ปัญหาความขัด฽ย๎ง ๓. วิ฼คราะห์ผลกระทบของการขยายอิทธิพลของ ประ฼ทศ฿นยุ฾รปเปยังทวีปอ฼มริกา ฽อฟริกา ฽ละ฼อ฼ชยี ๔. ว฼ิ คราะหส์ ถานการณ์ของ฾ลก฿นคริสต์ศตวรรษท่ี ๒๑

หลักสูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีคว ม. ๑ ตัวช้ีวัดชน้ั ปี ๑. อธิบาย฼รือ่ งราวทางประวัติศาสตรส์ มยั กํอน ม. ๒ สุ฾ขทยั ฿นดิน฽ดนเทย฾ดยสัง฼ขป ๑. ว฼ิ คราะห์พัฒนาการของอาณาจกั รอยุธยา ๑ ๒. วิ฼คราะหพ์ ฒั นาการของอาณาจักรส฾ุ ขทัย ฽ละธนบรุ ี ฿นด๎านตํางๆ ฿นด๎านตํางๆ ๒. วิ฼คราะหป์ จั จัยทส่ี ํงผลตํอความมน่ั คง฽ละ ๒ ๓. วิ฼คราะหอ์ ิทธพิ ลของวฒั นธรรม฽ละภมู ิ ความ฼จรญิ รํงุ ฼รืองของอาณาจักรอยุธยา ปัญญาเทย สมยั ส฾ุ ขทัย฽ละสงั คมเทย฿น ปัจจบุ ัน ๓. ระบภุ ูมิปญั ญา฽ละวฒั นธรรมเทยสมยั อยธุ ยา ฽ละธนบุร฽ี ละอิทธพิ ลของภูมปิ ญั ญา ๓ ดังกลําวตอํ การพัฒนาชาตเิ ทย฿นยคุ ตํอมา ๔

๖๙ วามรัก ความภูมิใจและธารงความเป็นไทย ม. ๓ ตัวช้ีวัดชว่ งชน้ั ๑. ว฼ิ คราะหพ์ ฒั นาการของเทยสมัย ม. ๔ – ม. ๖ รตั น฾กสินทร฿์ นด๎านตํางๆ ๑. วิ฼คราะหป์ ระ฼ดน็ สาคญั ของประวตั ศิ าสตร์ ๒. ว฼ิ คราะหป์ จั จัยทส่ี ํงผลตอํ ความมน่ั คง฽ละ เทย ความ฼จรญิ รํงุ ฼รือง ของเทย฿นสมยั รตั น฾กสินทร์ ๒. วิ฼คราะหค์ วามสาคญั ของสถาบัน พระมหากษตั รยิ ต์ อํ ชาตเิ ทย ๓. วิ฼คราะหภ์ ูมิปญั ญา฽ละวัฒนธรรมเทยสมัย รัตน฾กสินทร์฽ละอิทธิพลตอํ การพฒั นาชาติ ๓. วิ฼คราะหป์ จั จยั ทสี่ ํง฼สรมิ การสร๎างสรรคภ์ มู ิ เทย ปญั ญาเทย฽ละวัฒนธรรมเทย ซ่งึ มผี ลตอํ สังคมเทย฿นยคุ ปัจจุบนั ๔. วิ฼คราะหบ์ ทบาทของเทย฿นสมยั ประชาธปิ เตย ๔. วิ฼คราะหผ์ ลงานของบคุ คลสาคัญท้งั ชาวเทย ฽ละตํางประ฼ทศทมี่ สี วํ นสร๎างสรรคว์ ฒั นธรรม เทย฽ละประวตั ิศาสตรเ์ ทย ๕. วาง฽ผนกาหนด฽นวทาง฽ละมสี ํวนรํวมการ อนุรักษ์ภมู ปิ ัญญาเทย฽ละวัฒนธรรมเทย

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๕ ภูมศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ ฼ขา๎ ฿จลกั ษณะทางกายภาพของ฾ลก฽ละความสัมพนั ธ์ของสรรพสงิ่ ซ่ึงมผี ลต กระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ ตลอดจน฿ช๎ภูมสิ ารสน฼ทศอยํางมปี ระสิทธิภาพ ม. ๑ ตัวชี้วดั ชัน้ ปี ๑. ๒. ๑. ว฼ิ คราะหล์ กั ษณะทางกายภาพของทวีป ม. ๒ ฼อ฼ชยี ทวปี ออส฼ตร฼ลีย ฽ละ฾อ฼ชยี ฼นีย ฾ดย฿ช฼๎ ครอ่ื งมือทางภูมศิ าสตรส์ ืบค๎น ๑. ว฼ิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวํางลกั ษณะ ขอ๎ มลู ทางกายภาพ฽ละสังคมของทวปี ย฾ุ รป฽ละ ฽อฟรกิ า ๒. อธิบายพิกดั ภมู ิศาสตร์ (ละตจิ ดู ฽ละ ลองจิจูด) ฼ส๎น฽บํง฼วลา ฽ละ฼ปรียบ฼ทียบ ๒. วิ฼คราะหล์ กั ษณะทางกายภาพของทวปี วัน ฼วลาของ฾ลก ยุ฾รป ฽ละทวีป฽อฟรกิ า ฾ดย฿ช๎฼คร่ืองมือ ทางภูมิศาสตรส์ บื ค๎นขอ๎ มูล ๓. วิ฼คราะหส์ า฼หตุการ฼กิดภยั พบิ ัติของทวีป ฼อ฼ชีย ทวปี ออส฼ตร฼ลยี ฽ละ ฾อ฼ชีย฼นีย ๓. อธบิ ายมาตราสํวน ทศิ ฽ละสญั ลกั ษณ์ วิ฼คราะห์สา฼หตกุ าร฼กิดภยั พบิ ตั ิ ของทวปี ย฾ุ รป ฽ละทวปี ฽อฟรกิ า

๗๐ ตํอกัน ฿ช๎฽ผนท฽ี่ ละ฼ครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตร์฿นการคน๎ หา ว฼ิ คราะห์ ฽ละสรุปข๎อมลู ตาม ม. ๓ ตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั ม. ๔ – ม. ๖ . วิ฼คราะหล์ กั ษณะทางกายภาพของ ทวีป อ฼มริกา฼หนอื ฽ละทวปี อ฼มริกา฿ต๎ ฾ดย ๑. ว฼ิ คราะหก์ าร฼ปลีย่ น฽ปลงทางกายภาพของพ้ืนที่ ฼ลอื ก฿ช฽๎ ผนท฼ี่ ฉพาะ฼รื่อง฽ละ฼ครอ่ื งมอื ฿นประ฼ทศเทย฽ละภูมภิ าคตํางๆ ของ฾ลก ซึ่ง ทางภูมศิ าสตรส์ ืบคน๎ ขอ๎ มลู เด๎รับอทิ ธพิ ล จากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตร์ . ว฼ิ คราะหส์ า฼หตุการ฼กิดภยั พบิ ัตขิ องทวปี ๒. วิ฼คราะหล์ ักษณะทางกายภาพซ่ึงทา฿ห๎฼กดิ อ฼มรกิ า฼หนือ ฽ละทวีปอ฼มรกิ า฿ต๎ ปัญหาหรอื ภัยพบิ ัติทางธรรมชาต฿ิ นประ฼ทศเทย ฽ละภมู ภิ าคตาํ งๆ ของ฾ลก ๓. ฿ช๎฽ผนที฽่ ละ฼ครื่องมอื ทางภูมศิ าสตร์ ฿นการ ค๎นหา วิ฼คราะห์ ฽ละสรุปข๎อมูลตาม กระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ ฽ละนาภมู ิ สารสน฼ทศมา฿ชป๎ ระ฾ยชน฿์ นชีวิตประจาวนั

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๕ ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างมนษุ ย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท และสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาท่ยี ่งั ยนื ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. สารวจ฽ละระบุทา฼ลที่ต้งั ของกจิ กรรมทาง ๑. สารวจ฽ละระบทุ า฼ลท่ีตงั้ ของกิจกรรมทาง ๑. ฼ศรษฐกิจ฽ละสังคม฿นทวีป฼อ฼ชีย ทวีป ฼ศรษฐกิจ฽ละสังคม฿นทวีปยุ฾รป ฽ละ ออส฼ตร฼ลีย ฽ละ฾อ฼ชีย฼นยี ทวปี ฽อฟริกา ๒. วิ฼คราะห์ปัจจัยทางกายภาพ฽ละ ปัจจัย ๒. วิ฼คราะห์ปัจจัยทางกายภาพ฽ละปัจจัย ๒. ทางสังคมท่ีมีผลตํอทา฼ลที่ตั้ง ของ ทางสังคมทมี่ ผี ลตํอทา฼ลที่ตั้งของกิจกรรม กิจกรรมทาง฼ศรษฐกิจ฽ละสังคม ฿นทวีป ทาง฼ศรษฐกจิ ฽ละสงั คม฿นทวีปย฾ุ รป ฽ละ ฼อ฼ชีย ทวปี ออส฼ตร฼ลยี ฽ละ ฾อ฼ชีย฼นีย ทวีป฽อฟริกา ๓. สืบค๎น อภิปรายประ฼ด็นปัญหาจาก ๓. สืบค๎น อภิปรายประ฼ด็นปัญหาจาก ๓. ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสภาพ฽วดล๎อมทาง ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสภาพ฽วดล๎อมทาง กายภาพกับมนุษย์ที่฼กิดขึ้น฿นทวีป฼อ฼ชีย กายภาพกับมนุษย์ที่฼กิดข้ึน฿นทวีปยุ฾รป ทวปี ออส฼ตร฼ลยี ฽ละ฾อ฼ชีย฼นยี ฽ละทวีป฽อฟริกา ๔. วิ฼คราะห์฽นวทางการจัดการภัยพิบัติ ๔. วิ฼คราะห์฽นวทางการจัดการภัยพิบัติ ๔. ฽ละการจัดการทรัพยากร฽ละสิ่ง฽วดล๎อม ฽ละการจัดการทรัพยากร฽ละส่ิง฽วดล๎อม ฿นทวีป฼อ฼ชีย ทวีปออส฼ตร฼ลีย ฽ละ฾อ ฿นทวีปยุ฾รป ฽ละทวีป฽อฟริกา อยําง ฼ชยี ฼นยี อยํางยงั่ ยนื ยง่ั ยืน ๕.

๗๑ ทก่ี ่อให้เกิดการสร้างสรรคว์ ฒั นธรรม มจี ิตสานกึ และมสี ่วนร่วม ในการอนุรักษท์ รพั ยากร ตวั ชีว้ ัดชว่ งชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . สารวจ฽ละระบทุ า฼ลที่ตั้งของกจิ กรรมทาง ๑. วิ฼คราะห์ปฏิสัมพันธ์ระหวํางส่ิง฽วดล๎อมทาง ฼ศรษฐกิจ฽ละสังคม฿นทวีปอ฼มริกา฼หนือ กายภาพกับกิจกรรมของมนุษย์ ฿นการ ฽ละทวีปอ฼มรกิ า฿ต๎ สร๎างสรรค์วิถีการดา฼นินชีวิตของท๎องถิ่นท้ัง฿น . วิ฼คราะห์ปัจจัยทางกายภาพ฽ละปัจจัย ประ฼ทศเทย฽ละภมู ิภาคตํางๆ ของ฾ลก ฽ละ฼ห็น ทางสังคมทมี่ ผี ลตํอทา฼ลท่ีต้ังของกิจกรรม ความสาคัญของส่ิง฽วดล๎อม ท่ีมีผลตํอการดารง ทาง฼ศรษฐกิจ฽ละสังคม฿นทวีปอ฼มริกา ชีวิตของมนุษย์ ฼หนอื ฽ละทวปี อ฼มรกิ า฿ต๎ ๒. วิ฼คราะห์สถานการณ์ สา฼หตุ ฽ละผลกระทบ . สืบค๎น อภิปรายประ฼ด็นปัญหา จาก ของการ฼ปลี่ยน฽ปลง ด๎านทรัพยากรธรรมชาติ ปฏิสัมพันธ์ระหวํางสภาพ฽วดล๎อมทาง ฽ละส่ิง฽วดล๎อมของประ฼ทศเทย฽ละภูมิภาค กายภาพกับมนุษย์ที่฼กิดขึ้น ฿นทวีป ตํางๆ ของ฾ลก อ฼มรกิ า฼หนือ ฽ละทวปี อ฼มริกา฿ต๎ ๓. ระบุมาตรการปูองกัน฽ละ฽ก๎เข ปัญหา . ว฼ิ คราะห์฽นวทางการจัดการภัยพิบัติ฽ละ กฎหมาย฽ละน฾ยบาย ด๎านทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการทรัพยากร฽ละสิ่ง฽วดล๎อม ฿น ฽ละสิ่ง฽วดล๎อม บทบาทขององค์การ ท่ี ทวีปอ฼มริกา฼หนือ ฽ละทวีปอ฼มริกา฿ต๎ ฼กี่ยวข๎อง ฽ละการประสาน ความรํวมมือทั้ง฿น อยํางยั่งยนื ประ฼ทศ฽ละ ระหวํางประ฼ทศ . ระบุความรํวมมือระหวํางประ฼ทศ ที่มีผล ๔. วิ฼คราะห์฽นวทาง฽ละมีสํวนรํวม ฿นการจัดการ ตอํ การจดั การทรพั ยากร฽ละส่ิง฽วดลอ๎ ม ทรัพยากรธรรมชาติ ฽ละส่ิง฽วดล๎อม฼พ่ือการ พัฒนาทย่ี งั่ ยืน

หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๗๒ กล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ทาไมตอ้ งเรยี นสขุ ศึกษาและพลศึกษา สุขภาพ หรือ สุขภาวะ หมายถึง ภาวะของมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม ฽ละทาง ปญั ญาหรอื จิตวิญญาณ สุขภาพหรือสุขภาวะจึง฼ป็น฼ร่ืองสาคัญ ฼พราะ฼กี่ยว฾ยงกับทุกมิติของชีวิต ซึ่งทุกคนควรจะ เด฼๎ รียนร฼๎ู รื่องสุขภาพ ฼พื่อจะเด๎มีความร๎ู ความ฼ข๎า฿จท่ีถูกต๎อง มี฼จตคติ คุณธรรม฽ละคํานิยมท่ี฼หมาะสม รวมท้ังมี ทักษะปฏิบตั ดิ า๎ นสขุ ภาพจน฼ปน็ กจิ นสิ ยั อนั จะสํงผล฿ห๎สังคม฾ดยรวมมคี ณุ ภาพ เรยี นร้อู ะไรในสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา สุขศกึ ษา฽ละพลศึกษา฼ป็นการศึกษาด๎านสขุ ภาพท่ีม฼ี ปูาหมาย ฼พ่ือการดารงสุขภาพ การสร๎าง฼สริมสุขภาพ ฽ละการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบคุ คล ครอบครวั ฽ละชุมชน฿ห๎ยง่ั ยืน สุขศึกษา มํุง฼น๎น฿ห๎ผู๎฼รียนพัฒนาพฤติกรรมด๎านความร๎ู ฼จตคติ คุณธรรม คํานิยม ฽ละการปฏิบัติ ฼กย่ี วกับสขุ ภาพควบคํเู ปดว๎ ยกนั พลศึกษา มํุง฼น๎น฿ห๎ผู๎฼รียน฿ช๎กิจกรรมการ฼คลื่อนเหว การออกกาลังกาย การ฼ลํน฼กม฽ละกีฬา ฼ป็น ฼ครื่องมือ฿นการพัฒนา฾ดยรวมทัง้ ด๎านรํางกาย จติ ฿จ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพ฼พื่อสุขภาพ ฽ละกฬี า สาระท฼ี่ ปน็ กรอบ฼น้ือหาหรือขอบขาํ ยองค์ความรข๎ู องกลํุมสาระการ฼รียนรูส๎ ุขศึกษา฽ละพลศึกษาประกอบดว๎ ย  การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ ผ฼ู๎ รียนจะเด๎฼รียนรู๎฼ร่ืองธรรมชาติของการจริญ฼ติบ฾ต฽ละ พัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลตํอการ฼จริญ฼ติบ฾ต ความสัมพันธ์฼ชื่อม฾ยง฿นการทางานของระบบตํางๆของ ราํ งกาย รวมถงึ วิธปี ฏิบตั ิตน฼พื่อ฿ห฼๎ จรญิ ฼ติบ฾ต฽ละมพี ัฒนาการท่ีสมวยั  ชีวิตและครอบครัว ผ๎ู฼รียนจะเด๎฼รียนรู๎฼รื่องคุณคําของตน฼อง฽ละครอบครัว การปรับตัวตํอการ ฼ปลี่ยน฽ปลงทางรํางกาย จิต฿จ อารมณ์ความร๎ูสึกทาง฼พศ การสร๎าง฽ละรักษาสัมพันธภาพกับผ๎ูอื่น สุขปฏิบัติทาง ฼พศ ฽ละทักษะ฿นการดา฼นินชีวิต  การเคล่ือนไหว การออกกาลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผ๎ู฼รียนเด๎฼รียนร๎ู฼รื่องการ ฼คล่ือนเหว฿นรูป฽บบตํางๆ การ฼ข๎ารํวมกิจกรรมทางกาย฽ละกีฬา ทั้งประ฼ภทบุคคล ฽ละประ฼ภททีมอยําง หลากหลายทงั้ เทย฽ละสากล การปฏบิ ัตติ ามกฎ กติกา ระ฼บยี บ ข๎อตกลง฿นการ฼ข๎ารวํ มกิจกรรมทางกาย฽ละกีฬา ฽ละความมีน้า฿จนกั กีฬา  การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู๎฼รียนจะเด๎฼รียนร๎ู฼ก่ียวกับหลัก฽ละวิธีการ ฼ลือกบริ฾ภคอาหาร ผลิตภัณฑ์฽ละบริการสุขภาพ การสร๎าง฼สริมสมรรถภาพ฼พ่ือสุขภาพ ฽ละการปูองกัน฾รคท้ัง ฾รคตดิ ตํอ฽ละ฾รคเมํติดตํอ

หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๗๓  ความปลอดภัยในชวี ิต ผ๎ู฼รียนจะเด฼๎ รยี นร฼๎ู ร่ืองการปูองกันตน฼องจากพฤติกรรม฼สีย่ งตํางๆ ทัง้ ความ ฼สี่ยงตํอสุขภาพ อุบตั ิ฼หตุ ความรนุ ฽รง อันตรายจากการ฿ช๎ยา฽ละสาร฼สพติด รวมถึง฽นวทาง฿นการสร๎าง฼สริมความ ปลอดภยั ฿นชวี ิต คุณภาพผเู้ รยี น จบช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓  ฼ข๎า฿จ฽ละ฼ห็นความสาคัญของปัจจัยท่ีสํงผลกระทบตํอการ฼จริญ฼ติบ฾ต฽ละพัฒนาการที่มีตํอสุขภาพ ฽ละชวี ิต฿นชํวงวยั ตํางๆ  ฼ขา๎ ฿จ ยอมรบั ฽ละสามารถปรบั ตัวตอํ การ฼ปล่ียน฽ปลงทางรํางกาย จิต฿จ อารมณ์ ความรู๎สึกทาง฼พศ ความ฼สมอภาคทาง฼พศ สร๎าง฽ละรักษาสัมพันธภาพกับผ๎ูอนื่ ฽ละตัดสิน฿จ฽กป๎ ญั หาชวี ติ ด๎วยวิธีการท่ี฼หมาะสม  ฼ลอื กกินอาหารท่ี฼หมาะสม เด๎สดั สํวน สงํ ผลดตี อํ การ฼จรญิ ฼ตบิ ฾ต฽ละพัฒนาการตามวยั  มีทักษะ฿นการประ฼มินอิทธิพลของ฼พศ ฼พื่อน ครอบครัว ชุมชน฽ละวัฒนธรรมท่ีมีตํอ฼จตคติ คํานิยม ฼กย่ี วกับสขุ ภาพ฽ละชวี ิต ฽ละสามารถจดั การเดอ๎ ยาํ ง฼หมาะสม  ปูองกัน฽ละหลีก฼ลี่ยงปัจจัย฼ส่ียง พฤติกรรม฼ส่ียงตํอสุขภาพ฽ละการ฼กิด฾รค อุบัติ฼หตุ การ฿ช๎ยา สาร ฼สพติด ฽ละความรนุ ฽รง รจู๎ ักสร๎าง฼สริมความปลอดภยั ฿ห๎฽กํตน฼อง ครอบครวั ฽ละชมุ ชน  ฼ขา๎ รวํ มกจิ กรรมทางกาย กิจกรรมกีฬา กจิ กรรมนันทนาการ กิจกรรมสร๎าง฼สริมสมรรถภาพทางกาย ฼พื่อสุขภาพ ฾ดยนาหลักการของทักษะกลเกมา฿ช๎เด๎อยํางปลอดภัย สนุกสนาน ฽ละปฏิบัติ฼ป็นประจาสม่า฼สมอ ตามความถนัด฽ละความสน฿จ  ฽สดงความตระหนัก฿นความสัมพันธ์ระหวํางพฤติกรรมสุขภาพ การปูองกัน฾รค การดารงสุขภาพ การจดั การกบั อารมณ฽์ ละความ฼ครียด การออกกาลังกาย฽ละการ฼ลํนกฬี ากับการมีวิถีชวี ิตท่ีมสี ุขภาพดี  สานกึ ฿นคณุ คาํ ศักยภาพ฽ละความ฼ปน็ ตวั ของตัว฼อง  ปฏิบัติตามกฎ กติกา หน๎าที่ความรับผิดชอบ ฼คารพสิทธิของตน฼อง฽ละผู๎อื่น ฿ห๎ความรํวมมือ฿นการ ฽ขํงขนั กีฬา฽ละการทางาน฼ป็นทีมอยําง฼ป็นระบบ ด๎วยความมุํงม่ัน฽ละมีน้า฿จนักกีฬา จนประสบความสา฼ร็จตาม ฼ปูาหมายดว๎ ยความชนื่ ชม ฽ละสนกุ สนาน จบช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖  สามารถดู฽ลสุขภาพ สร๎าง฼สริมสุขภาพ ปูองกัน฾รค หลีก฼ล่ียงปัจจัย฼สี่ยง ฽ละพฤติกรรม฼สี่ยงตํอ สุขภาพ อบุ ัต฼ิ หตุ การ฿ชย๎ า สาร฼สพติด ฽ละความรนุ ฽รงเด๎อยํางมีประสทิ ธิภาพดว๎ ยการวาง฽ผนอยาํ ง฼ปน็ ระบบ  ฽สดงออกถึงความรัก ความ฼อื้ออาทร ความ฼ข๎า฿จ฿นอิทธิพลของครอบครัว ฼พ่ือน สังคม ฽ละ วัฒนธรรมทมี่ ีตํอพฤตกิ รรมทาง฼พศ การดา฼นนิ ชีวิต ฽ละวิถีชีวติ ทมี่ ีสขุ ภาพดี  ออกกาลังกาย ฼ลํนกีฬา ฼ข๎ารํวมกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมสร๎าง฼สริมสมรรถภาพ ฼พ่ือสุขภาพ฾ดย นาหลักการของทกั ษะกลเกมา฿ชเ๎ ด๎อยาํ งถูกต๎อง สมา่ ฼สมอด๎วยความชืน่ ชม฽ละสนุกสนาน

หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๗๔  ฽สดงความรับผิดชอบ ฿ห๎ความรํวมมือ฽ละปฏิบัติตามกฎ กติกา สิทธิ หลักความปลอดภัย฿นการ฼ข๎า รํวมกิจกรรมทางกาย ฽ละ฼ลํนกฬี าจนประสบความสา฼รจ็ ตาม฼ปูาหมายของตน฼อง฽ละทีม  ฽สดงออกถึงการมีมารยาท฿นการดู การ฼ลนํ ฽ละการ฽ขงํ ขนั ด๎วยความมีน้า฿จนักกีฬา฽ละนาเปปฏิบัติ ฿นทกุ ฾อกาสจน฼ปน็ บุคลิกภาพทด่ี ี  วิ฼คราะห์฽ละประ฼มินสุขภาพสํวนบุคคล฼พ่ือกาหนดกลวิธีลดความ฼ส่ียง สร๎าง฼สริมสุขภาพ ดารง สขุ ภาพ การปอู งกัน฾รค ฽ละการจัดการกบั อารมณ฽์ ละความ฼ครยี ดเด๎ถูกต๎อง฽ละ฼หมาะสม  ฿ช๎กระบวนการทางประชาสงั คม สร๎าง฼สริม฿หช๎ ุมชน฼ข๎ม฽ข็งปลอดภยั ฽ละมีวถิ ีชีวติ ที่ดี

หลักสตู รโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายความสาคัญของระบบประสาท ๑. อธิบายการ฼ปล่ียน฽ปลงด๎านรํางกาย ๑. ฽ละระบบ ตํอมเร๎ทํอที่มีผลตํอสุขภาพ จิต฿จ อารมณ์ สังคม ฽ละสติปัญญา฿น การ฼จริญ฼ติบ฾ต ฽ละพัฒนาการของ วยั รุนํ วยั รุํน ๒. ร ะ บุ ปั จ จั ย ที่ มี ผ ล ก ร ะ ท บ ตํ อ ก า ร ๒. ๒. อธิบายวิธีดู฽ลรักษาระบบประสาท฽ละ ฼จริญ฼ติบ฾ต ฽ละพัฒนาการด๎านรํางกาย ระบบตอํ มเรท๎ ํอ฿ห๎ทางานตามปกติ จิต฿จ อารมณ์ สังคม ฽ละสติปัญญา ฿น ๓. ๓. วิ฼คราะห์ภาวะการ฼จริญ฼ติบ฾ตทาง วัยรนํุ รํางกายของตน฼องกบั ฼กณฑ์มาตรฐาน ๔. ฽สวงหา฽นวทาง฿นการพัฒนาตน฼อง฿ห๎ ฼จริญ฼ติบ฾ตสมวยั

๗๔ ตัวช้ีวัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฼ปรียบ฼ทียบการ฼ปลี่ยน฽ปลงทางด๎าน ๑. อธิบายกระบวนการสร๎าง฼สริม฽ละดารง รํางกาย จิต฿จ อารมณ์ สังคม ฽ละ ประสทิ ธิภาพการทางานของระบบอวยั วะตาํ งๆ สติปญั ญา ฽ตํละชํวงของชวี ิต ๒. วาง฽ผนดู฽ลสุขภาพตามภาวะการ฼จริญ฼ติบ฾ต . วิ฼คราะห์อิทธิพล฽ละความคาดหวังของ ฽ละพัฒนาการของตน฼อง฽ละบุคคล฿น สังคมตํอการ฼ปลยี่ น฽ปลงของวัยรํุน ครอบครัว . วิ฼คราะห์ สื่อ ฾ฆษณาที่มีอิทธิพลตํอการ ฼จรญิ ฼ติบ฾ต฽ละพฒั นาการของวยั รุนํ

หลกั สตู รโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ ชวี ิตและครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเหน็ คณุ คา่ ตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทกั ษะใน ตวั ชี้วดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายวธิ กี ารปรับตัวตํอการ฼ปล่ียน฽ปลง ๑. วิ฼คราะห์ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลตํอ฼จตคติ฿น ๑. ทา ง รํ า ง ก า ย จิ ต ฿ จ อ า ร ม ณ์ ฽ ล ะ ฼รื่อง฼พศ พัฒนาการทาง฼พศอยาํ ง฼หมาะสม ๒. ฽สดงทักษะการปฏิ฼สธ฼พ่ือปูองกันตน฼อง ๒. วิ฼คราะหป์ ญั หา฽ละผลกระทบ ที่฼กิดจาก ๒. จากการถูกลํวงละ฼มดิ ทาง฼พศ ๓. ๓. การมี฼พศสัมพันธ฿์ นวยั ฼รียน อธิบายวิธีปูองกันตน฼อง฽ละหลีก฼ล่ียง จาก฾รคติดตํอทาง฼พศสัมพันธ์ ฼อดส์ ฽ละการตง้ั ครรภ์฾ดยเมพํ งึ ประสงค์ ๔. อธิบายความสาคัญของความ฼สมอภาค ทาง฼พศ ฽ละวางตวั เด๎อยําง฼หมาะสม

๗๕ นการดาเนนิ ชีวิต ตัวชว้ี ดั ช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายอนามัย฽มํ฽ละ฼ด็ก การวาง฽ผน ๑. วิ฼คราะห์อิทธิพลของครอบครัว ฼พ่ือน สังคม ครอบค รัว ฽ ละ วิธีก าร ปฏิ บัติ ตนท่ี ฽ละวัฒนธรรม ทมี่ ผี ลตอํ พฤติกรรมทาง฼พศ฽ละ ฼หมาะสม การดา฼นนิ ชีวติ . วิ฼คราะห์ปัจจัยท่ีมีผลกระทบตํอ การ ๒. วิ฼คราะห์คํานิยม฿น฼รื่อง฼พศ ตามวัฒนธรรม ต้งั ครรภ์ . ว฼ิ คราะหส์ า฼หต฽ุ ละ฼สนอ฽นวทางปอู งกัน เทย฽ละวฒั นธรรมอื่นๆ ฽ก๎เขความขัด฽ย๎ง฿นครอบครวั ๓. ฼ลือก฿ช๎ทักษะที่฼หมาะสม฿นการปูองกัน ลด ค ว า ม ขั ด ฽ ย๎ ง ฽ ล ะ ฽ ก๎ ปั ญ ห า ฼ รื่ อ ง ฼ พ ศ ฽ ล ะ ครอบครัว ๔. วิ฼คราะห์สา฼หตุ฽ละผลของความขัด฽ย๎งท่ีอาจ ฼กิดขึ้นระหวํางนัก฼รียน หรือ฼ยาวชน฿นชุมชน ฽ละ฼สนอ฽นวทาง฽ก๎เขปัญหา

หลกั สตู รโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ การเคลื่อนไหว การบรหิ ารกายตามสมณวสิ ัย มาตรฐาน พ ๓.๑ เข้าใจ มีทักษะในการเคล่ือนไหวกิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม แล ตัวชีว้ ดั ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฼พิ่มพูนค วา มส า มา รถของต นต า ม ๑. นาผลการปฏิบัติตน฼กี่ยวกับทักษะกลเก ๑. หลักการ฼คลื่อนเหว ท่ี฿ช๎ทักษะกลเก฽ละ ฽ละทักษะการ฼คล่ือนเหว฿นการบริหาร ทักษะพ้ืนฐานที่นาเปสํูการพัฒนาทักษะ กายจาก฽หลํงข๎อมูลท่ีหลากหลายมาสรุป ๒. การบริหารกายตามสมณวิสยั ฼ปน็ วิธีท่฼ี หมาะสม฿นบริบทของตน฼อง ๒. ร๎ูจักกีฬาเทย฽ละกีฬาสากลประ฼ภท ๒. รู๎จักกีฬาเทย ฽ละกีฬาสากล ท้ังประ฼ภท บุคคล฽ละทีม฾ดย฿ช๎ทักษะพ้ืนฐานตาม บคุ คล฽ละทีมอยํางละ ๑ ชนิด ชนดิ กฬี า อยํางละ ๑ ชนิด ๓. ฼ปรียบ฼ทยี บประสทิ ธภิ าพของรูป฽บบการ ๓. ๓. รํวมกิจกรรมนันทนาการอยํางน๎อย ๑ ฼คลื่อนเหว ที่สํงผลตํอการบริหารกาย กิจกรรม ฽ละนาหลักความรู๎ท่ีเด๎เป ฽ละกจิ กรรม฿นชีวิตประจาวนั ฼ช่ือม฾ยงสัมพนั ธก์ ับวิชาอนื่ ๔. รํวมกิจกรรมนันทนาการอยํางน๎อย ๑ กิจกรรม ฽ละนาความร๎ู฽ละหลักการท่ีเด๎ เปปรบั ฿ช฿๎ นชวี ิตประจาวันอยาํ ง฼ปน็ ระบบ

๗๖ ละกีฬา ตวั ช้ีวัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . รู๎จักกีฬาเทย฽ละกีฬาสากล อยํางละ ๑ ๑. วิ฼คราะห์ความคิดรวบยอด฼กี่ยวกับการ ชนดิ ฼คล่ือนเหวรปู ฽บบตาํ งๆ ฿นการบรหิ ารกายตาม . นาหลักการ ความร๎ู฽ละทักษะ฿นการ สมณวิสยั ฼คล่ือนเหว กิจกรรมทางกาย การบริหาร ๒. ฿ช๎ความสามารถของตน฼พื่อ฼พ่ิมพูนศักยภาพ กายเป฿ช๎สร๎าง฼สริมสุขภาพอยํางตํอ฼น่ือง ของหมํูคณะ คานึงถึงผลที่฼กิดตํอผู๎อื่น ฽ละ ฼ปน็ ระบบ สังคม . รํวมกิจกรรมนันทนาการอยํางน๎อย ๑ ๓. ร๎ูจักกีฬาเทย กีฬาสากลประ฼ภทบุคคล / คํู กจิ กรรม ฽ละนาหลักความรวู๎ ิธีการเปขยาย กีฬาประ฼ภททมี เดอ๎ ยํางนอ๎ ย ๑ ชนิด ผลการ฼รยี นร๎฿ู หก๎ ับผอ๎ู น่ื ๔. ฼คลือ่ นเหวเดอ๎ ยําง฼หมาะสม฽กํสมณ฼พศ ๕. ฼ข๎ารํวมกิจกรรมนันทนาการนอก฾รง฼รียน ฽ละ นาหลักการ฽นวคิดเปปรับปรุง฽ละพัฒนา คุณภาพชีวติ ของตน฽ละสงั คม

หลักสูตรโรงเรยี นเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ การเคล่ือนไหว การบริหารกายตามสมณวสิ ัย มาตรฐาน พ ๓.๒ เหน็ คณุ คา่ ของการบรหิ ารกาย ปฏิบตั เิ ปน็ ประจาอย่างสมา่ เสมอ ร ตัวชวี้ ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายความสาคัญของการบรหิ ารกายจน ๑. อธิบายสา฼หตุการ฼ปลี่ยน฽ปลงทางกาย ๑. ฼ป็นวถิ ชี ีวติ ท่ีมสี ขุ ภาพดี จิต฿จ อารมณ์ สังคม ฽ละสติปัญญาท่ี฼กิด ๒. ๒. ออกกาลังกายตามความถนัด ความสน฿จ จากการบริหารกาย ฼ป็นประจาจน฼ป็นวิถี อยําง฼ต็มความ สามารถ พร๎อมทั้งมีการ ชวี ิต บรหิ ารกายของตน฽ละผ๎อู นื่ ๒. ฼ลือก฼ข๎ารํวมกิจกรรมบริหารกายตาม ๓. ๓. ปฏบิ ตั ิตามกฎ กตกิ า ฽ละข๎อตกลงตามวิธี ความถนัด ความสน฿จพร๎อมทั้งวิ฼คราะห์ บริหารกายท่ี฼ลือกปฏิบัติ ความ฽ตกตํางระหวํางบุคคล฼พื่อ฼ป็น ฽นวทาง฿นการพัฒนาตน฼อง ๔. วาง฽ผน การบริหารกายอยําง฼ป็นระบบ ๕. รํวมมือ฿นการบริหารกาย ฽ละการปฏิบัติ ๓. มีวินัย ปฏิบัติตามกฎ กติกา ฽ละข๎อตกลง ๔. ฼ปน็ หมูํคณะเด๎อยํางพร๎อม฼พรียง ฿นการบริหารกายท฼ี่ ลือก ๖. วิ฼คราะห์฼ปรียบ฼ทียบ฽ละยอมรับความ ๔. วาง฽ผนการบริหารกายอยําง฼ปน็ ระบบ ฽ตกตํางระหวํางวิธีการบริหารกายของ ๕. นาผลการปฏิบัติ฿นการบริหารกายมาสรุป ๕. ตน฼องกบั ผูอ๎ ื่น ฼ป็นวิธีที่฼หมาะสมกับตน฼องด๎วยความ มํงุ มนั่

๗๗ รู้จกั เกมกีฬา วนิ ัย สทิ ธิ กฎ กติกา ของกีฬา ตวั ชว้ี ดั ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . รู๎฽ละ฼ขา๎ ฿จมารยาท฿นการ฼ลนํ ฽ละดูกฬี า ๑. บริหารกายตามสมณวสิ ัยอยํางสม่า฼สมอ ฽ละ฿ช๎ . บริหารกายอยํางสม่า฼สมอ฽ละนา฽นวคิด ความสามารถของตน฼อง฼พ่ิมศักยภาพของหมํู หลักการจากการบริหารกายเปพัฒนา คณะ ลดความ฼ป็นตัวตน คานึงถึงผลท่ี฼กิดตํอ คุณภาพชีวิตของตนดว๎ ยความภาคภูมิ฿จ สังคม . ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา ฽ละข๎อตกลง฿น ๒. อธิบาย฼กี่ยวกับสิทธิ กฎ กติกา กลวิธีตํางๆ ฿น การบริหารกายตามวิธีบริหารกายที่฼ลือก การ฼ลนํ กีฬา ฽ละนา฽นวคิด ที่เด๎เปพัฒนาคุณภาพชีวิต ๓. รม๎ู ารยาท ฿นการดู การ฼ลนํ ฽ละการ฽ขงํ ขันกฬี า ของตน฿นสงั คม ๔. รวํ มกิจกรรมทางการบริหารกายอยํางมีความสุข . จา฽นกกลวิธกี ารบริหารกาย ฽ละ฿ช๎฿นการ ฼หน็ คุณคํา฽ละความงามของการบริหารกาย บริหารกายท่ี฼ลือก฽ละตัดสิน฿จ฼ลือกวิธีท่ี ฼หมาะสมกบั หมูคํ ณะ . ฼สนอผลการพัฒนาสุขภาพของตน฼องท฼ี่ กิด จากการบริหารกาย฼ปน็ ประจา

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๔ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เหน็ คุณคา่ และมีทกั ษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดารงสุขภา ตัวช้ีวัดชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฼ลอื กกินอาหารท่ี฼หมาะสมกบั วยั ๑. ฼ลอื ก฿ช๎บรกิ ารทางสขุ ภาพอยํางม฼ี หตุผล ๑. ๒. วิ ฼ ค ร า ะ ห์ ปั ญ ห า ที่ ฼ กิ ด จ า ก ภ า ว ะ ๒. วิ฼คราะห์ผลของการ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยีที่มีตํอ ฾ภชนาการท่มี ผี ลกระทบตํอสุขภาพ สุขภาพ ๓. ควบคุมน้าหนักของตน฼อง฿ห๎อยํู฿น฼กณฑ์ ๓. วิ฼คราะห์ความ฼จริญ ก๎าวหน๎าทาง ๒. มาตรฐาน การ฽พทยท์ ่ีมีผลตอํ สขุ ภาพ ๔. สร๎าง฼สริม฽ละปรับปรุงสมรรถภาพทาง ๔. วิ฼คราะห์ความสัมพันธ์ของภาวะสมดุล กายตามผลการทดสอบ ระหวาํ งสขุ ภาพกาย฽ละสขุ ภาพจติ ๓. ๕. อธิบายลักษณะอาการ฼บื้องต๎นของผ๎ูมี ปญั หาสขุ ภาพจิต ๔. ๖. ฼สนอ฽นะวิธีปฏิบัติตนพ่ือจัดการกับ อารมณ฽์ ละความ฼ครยี ด ๗. พัฒนาสมรรถภาพทางกายตน฼อง฿ห๎ ๕. ฼ปน็ เปตาม฼กณฑ์ทีก่ าหนด

๗๘ าพ การป้องกันโรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพอ่ื สุขภาพ ตวั ชวี้ ดั ช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . กาหนดรายการอาหารที่฼หมาะสมกับวัย ๑. ว฼ิ คราะห์บทบาท฽ละความรับผดิ ชอบของบุคคล ตํางๆ ฾ดยคานึงถึงความประหยัด฽ละ ทม่ี ีตํอการสรา๎ ง฼สรมิ สุขภาพ฽ละการปูองกัน฾รค คุณคาํ ทาง฾ภชนาการ ฿นชุมชน . ฼สนอ฽นวทางปูองกัน฾รคที่฼ป็นสา฼หตุ ๒. วิ฼คราะห์ อทิ ธพิ ลของสอื่ ฾ฆษณา฼กีย่ วกบั สุขภาพ สาคัญของการ฼จ็บปุวย฽ละการตายของ ฼พือ่ การ฼ลอื กบร฾ิ ภค คนเทย ๓. ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธขิ องผบ๎ู ริ฾ภค . รวบรวมข๎อมูล฽ละ฼สนอ฽นวทาง฽ก๎เข ๔. วิ฼คราะห์สา฼หตุ฽ละ฼สนอ฽นวทางการปูองกัน ปญั หาสขุ ภาพ฿นชมุ ชน การ฼จบ็ ปุวย฽ละการตายของคนเทย . วาง฽ผน฽ละจดั ฼วลา฿นการออกกาลังกาย ๕. วาง฽ผน฽ละปฏิบัติตาม฽ผนการพัฒนาสุขภาพ ก า ร พั ก ผํ อ น ฽ ล ะ ก า ร ส ร๎ า ง ฼ ส ริ ม ของตน฼อง฽ละครอบครวั สมรรถภาพทางกาย ๖. มีสํวนรํวม฿นการสํง฼สริม฽ละพัฒนาสุขภาพ฿น . ทดสอบสมรรถภาพทางกาย฽ละพัฒนาเด๎ ตามความ฽ตกตาํ งระหวํางบุคคล ชมุ ชน ๗. วาง฽ผ น฽ ละป ฏิบั ติต าม ฽ผนกา รพัฒนา สมรรถภาพทางกาย฽ละสมรรถภาพทาง กลเก

หลกั สตู รโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชีวิต มาตรฐาน พ ๕.๑ ป้องกนั และหลีกเล่ียงปัจจัยเสีย่ ง พฤติกรรมเส่ยี งต่อสุขภาพ อบุ ัตเิ ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ฽สดงวิธีปฐมพยาบาล฽ละ฼คล่ือนย๎าย ๑. ระบุวิธีการ ปัจจัย฽ละ฽หลํงที่ชํวย฼หลือ ๑. ผ๎ปู ุวยอยํางปลอดภัย ฟ้นื ฟูผต๎ู ดิ สาร฼สพตดิ ๒. อธิบายลักษณะอาการของผู๎ติดสาร฼สพ ๒. อธิบายวิธีการหลีก฼ลี่ยงพฤติกรรม฼ส่ียง ๒. ตดิ ฽ละการปูองกันการติดสาร฼สพติด ฽ละสถานการณ์฼สยี่ ง ๓. อธิบายความสัมพันธ์ของการ฿ช๎สาร฼สพ ๓. ฿ช๎ทักษะชีวิต฿นการปูองกันตน฼อง฽ละ ตดิ กบั การ฼กิด฾รค฽ละอบุ ัติ฼หตุ หลีก฼ลีย่ งสถานการณ์ คับขนั ที่อาจนาเปสํู ๓. ๔. ฽สดงวิธกี ารชกั ชวนผอ๎ู น่ื ฿ห๎ ลด ละ ฼ลิก อนั ตราย สาร฼สพติด฾ดย฿ช๎ทกั ษะตํางๆ ๔. ๕.

๗๙ เหตุ การใช้ยา สารเสพตดิ และความรนุ แรง ตวั ชวี้ ดั ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . วิ฼คราะห์ปัจจัย฼สี่ยง ฽ละพฤติกรรม฼ส่ียง ๑. มีสํวนรํวม฿นการปูองกันความ฼ส่ียงตํอการ฿ช๎ยา ทีม่ ผี ลตํอสขุ ภาพ฽ละ฽นวทางปอู งกัน การ฿ชส๎ าร฼สพติด฽ละความรุน฽รง ฼พื่อสุขภาพ . หลีก฼ล่ียงการ฿ช๎ความรุน฽รง฽ละชักชวน ของตน฼อง ครอบครวั ฽ละสงั คม ฼พ่ือน฿ห๎หลีก฼ล่ียงการ฿ช๎ความรุน฽รง฿น ๒. วิ฼คราะห์ผลกระทบที่฼กิดจากการครอบครอง การ฽ก๎ปัญหา การ฿ช฽๎ ละการจาหนาํ ยสาร฼สพติด . วิ฼คราะห์อิทธิพลของส่ือตํอพฤติกรรม ๓. วิ฼คราะห์ปัจจัยที่มีผลตํอสุขภาพหรือความ รนุ ฽รงของคนเทย฽ละ฼สนอ฽นวทางปูองกนั สุขภาพ฽ละความรุน฽รง . วิ฼คราะห์ความสัมพันธ์ของการด่ืม ๔. วาง฽ผนกาหนด฽นวทางลดอุบัติ฼หตุ ฽ละสร๎าง ฼สรมิ ความปลอดภัย฿นชมุ ชน . ฼ครื่องดื่มท่ีมี฽อลกอฮอล์ตํอสุขภาพ฽ละ ๕. มีสํวนรํวม฿นการสร๎าง฼สริมความปลอดภัย฿น การ฼กิดอบุ ตั ฼ิ หตุ ๖. ชุมชน ฿ช๎ทักษะการตัดสิน฿จ฽ก๎ปัญหา฿นสถานการณ์ท่ี ฽สดงวธิ ีการชวํ ยฟ้ืนคนื ชพี อยํางถูกวธิ ี ฼สยี่ งตํอสุขภาพ฽ละความรนุ ฽รง ๗. ฽สดงวธิ กี ารชํวยฟ้นื คืนชีพอยํางถูกวธิ ี

หลักสตู รโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๘๐ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ทาไมต้องเรยี นศลิ ปะ กลํุมสาระการ฼รียนรู๎ศิลปะ฼ป็นกลํุมสาระท่ีชํวยพัฒนา฿ห๎ผ๎ู฼รี ยนมีความคิดริ฼ร่ิมสร๎างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณคํา ซ่ึงมีผลตํอคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรม ทางศิลปะชํวยพัฒนาผู๎฼รียนทั้งด๎านรํางกาย จิต฿จ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนาเปสํูการพัฒนา ส่ิง฽วดลอ๎ ม สงํ ฼สรมิ ฿หผ๎ ๎ู฼รยี นมคี วาม฼ช่ือมน่ั ฿นตน฼อง อัน฼ปน็ พ้นื ฐาน฿นการศกึ ษาตํอหรือประกอบอาชีพเด๎ เรยี นรู้อะไรในศลิ ปะ กลุํมสาระการ฼รียนรู๎ศิลปะ มํุงพัฒนา฿ห๎ผู๎฼รียน฼กิดความร๎ูความ฼ข๎า฿จ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ ฼กิดความ ซาบซ้งึ ฿นคณุ คําของศลิ ปะ฼ปดิ ฾อกาส฿หผ๎ ๎ู฼รยี น฽สดงออกอยํางอิสระ฿นศลิ ปะ฽ขนงตํางๆ ประกอบดว๎ ยสาระสาคัญคอื  ทัศนศิลป์ มีความร๎ูความ฼ข๎า฿จองค์ประกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สร๎าง฽ละนา฼สนอผลงานทางทัศนศิลป์ จากจินตนาการ ฾ดยสามารถ฿ช๎อุปกรณ์ที่฼หมาะสม รวมท้ังสามารถ฿ช๎฼ทคนิค วิธีการของศิลปิน฿นการสร๎างงานเด๎ อยํางมีประสิทธิภาพ วิ฼คราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคํางานทัศนศิลป์ ฼ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางทัศนศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ ฽ละวัฒนธรรม฼ห็นคุณคํางานศิลปะที่฼ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถ่ินภูมิปัญญาเทย฽ละ สากล ชืน่ ชม ประยกุ ต์฿ช฿๎ นชวี ิตประจาวัน  ดนตรี มีความรู๎ความ฼ข๎า฿จองค์ประกอบดนตรี฽สดงออกทางดนตรีอยํางสร๎างสรรค์ วิ฼คราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณคําดนตรี ถํายทอดความร๎ูสึก ทางดนตรีอยํางอิสระ ชื่นชม฽ละประยุกต์฿ช๎฿นชีวิตประจาวัน ฼ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางดนตรี ประวัติศาสตร์ ฽ละวัฒนธรรม ฼ห็นคุณคําดนตรีท่ี฼ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิ ปัญญาท๎องถิ่น ภูมิปัญญาเทย ฽ละสากล ร๎อง฼พลง ฽ละ฼ลํนดนตรี฿นรูป฽บบตํางๆ ฽สดงความคิด฼ห็น฼กี่ยวกับ ฼สียงดนตรี ฽สดงความรู๎สึกที่มีตํอดนตรี฿น฼ชิงสุนทรียะ ฼ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวํางดนตรีกับประ฼พณีวัฒนธรรม ฽ละ฼หตกุ ารณ์฿นประวัตศิ าสตร์  นาฏศิลป์ มีความร๎ูความ฼ข๎า฿จองค์ประกอบนาฏศิลป์ ฽สดงออกทางนาฏศิลป์อยํางสร๎างสรรค์ ฿ช๎ ศัพท์฼บ้ืองต๎นทางนาฏศิลป์ วิ฼คราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณคํานาฏศิลป์ ถํายทอดความรู๎สึก ความคิดอยํางอิสระ สร๎างสรรค์การ฼คลื่อนเหว฿นรูป฽บบตํางๆ ประยุกต์฿ช๎นาฏศิลป์฿นชีวิตประจาวัน ฼ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวําง นาฏศิลปก์ บั ประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม ฼ห็นคุณคาํ ของนาฏศิลปท์ ่฼ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น ภูมิ ปญั ญาเทย ฽ละสากล

หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๘๑ คุณภาพผู้เรยี น จบช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๓  ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จ฼ร่ืองทัศนธาตุ฽ละหลักการออก฽บบ ฽ละ฼ทคนิคที่หลากหลาย฿นการสร๎างงาน ทัศนศิลป์ ๒ มิติ ฽ละ ๓ มิติ ฼พื่อส่ือความหมาย฽ละ฼ร่ืองราวตํางๆ เด๎อยํางมีคุณภาพ วิ฼คราะห์รูป฽บบ฼นื้อหา฽ละ ประ฼มินคุณคํางานทัศนศิลป์ของตน฼อง฽ละผ๎ูอ่ืน สามารถ฼ลือกงานทัศนศิลป์฾ดย฿ช๎฼กณฑ์ท่ีกาหนดขึ้นอยําง ฼หมาะสม สามารถออก฽บบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ์ กราฟิก฿นการนา฼สนอข๎อมูล฽ละมีความร๎ู ทักษะที่จา฼ป็นด๎านอาชีพ ที่฼ก่ียวขอ๎ งกันกับงานทัศนศลิ ป์  ร๎฽ู ละ฼ข๎า฿จการ฼ปลี่ยน฽ปลง฽ละพัฒนาการของงานทัศนศิลป์ของชาติ ฽ละท๎องถิ่น ฽ตํละยุคสมัย ฼ห็นคุณคํางานทัศนศิลป์ท่ีสะท๎อนวัฒนธรรม฽ละสามารถ฼ปรียบ฼ทียบงานทัศนศิลป์ที่มาจากยุคสมัย฽ละวัฒนธรรม ตํางๆ  ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จถึงความ฽ตกตํางทางด๎าน฼สียง องค์ประกอบ อารมณ์ ความร๎ูสึกของบท฼พลงจาก วัฒนธรรมตํางๆ มีทักษะ฿นการร๎อง บรร฼ลง฼คร่ืองดนตรี ทั้ง฼ดี่ยว฽ละ฼ป็นวง฾ดย฼น๎น฼ทคนิคการร๎องบรร฼ลงอยํางมี คณุ ภาพ มีทกั ษะ฿นการสรา๎ งสรรคบ์ ท฼พลงอยาํ งงําย อําน฼ขยี น฾นต๎ ฿นบนั เด฼สียงท่ีม฼ี ครอ่ื งหมาย ฽ปลง฼สียง฼บื้องต๎น เด๎ ร฽๎ู ละ฼ข๎า฿จถึงปัจจยั ทีม่ ผี ลตํอรูป฽บบของผลงานทางดนตรี องค์ประกอบของผลงานดา๎ นดนตรีกับศิลปะ฽ขนงอ่ืน ฽สดงความคดิ ฼ห็น฽ละบรรยายอารมณค์ วามรูส๎ ึกทม่ี ตี ํอบท฼พลง สามารถนา฼สนอบท฼พลงท่ีชื่นชอบเด๎อยํางมี฼หตุผล มีทักษะ฿นการประ฼มินคุณภาพของบท฼พลง฽ละการ฽สดงดนตรี ร๎ูถึงอาชีพตํางๆ ที่฼ก่ียวข๎องกับดนตรี฽ละบทบาท ของดนตร฿ี นธุรกจิ บัน฼ทงิ ฼ขา๎ ฿จถงึ อทิ ธพิ ลของดนตรีท่มี ตี อํ บุคคล฽ละสังคม  รู๎฽ละ฼ข๎า฿จที่มา ความสัมพันธ์ อิทธิพล฽ละบทบาทของดนตรี฽ตํละวัฒนธรรม฿นยุคสมัยตํางๆ ว฼ิ คราะห์ปัจจัยที่ทา฿ห๎งานดนตรีเด๎รับการยอมรับ  รู๎฽ละ฼ข๎า฿จการ฿ช๎นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละคร฿นการ฽ปลความ฽ละสื่อสารผํานการ฽สดง รวมทง้ั พฒั นารปู ฽บบการ฽สดง สามารถ฿ช๎฼กณฑ์งําย ๆ ฿นการพิจารณาคุณภาพการ฽สดง วิจารณ์฼ปรียบ฼ทียบงาน นาฏศิลป์ ฾ดย฿ช๎ความร๎ู฼ร่ืององค์ประกอบทางนาฏศิลป์รํวมจัดการ฽สดง นา฽นวคิดของการ฽สดงเปปรับ฿ช๎฿น ชีวิตประจาวัน  ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จประ฼ภทละครเทย฿น฽ตํละยุคสมัย ปัจจัยท่ีมีผลตํอการ฼ปลี่ยน฽ปลงของนาฏศิลป์เทย นาฏศิลป์พ้ืนบ๎าน ละครเทย ฽ละละครพ้ืนบ๎าน ฼ปรียบ฼ทียบลักษณะ฼ฉพาะของการ฽สดงนาฏศิลป์จากวัฒนธรรม ตาํ งๆ รวมทั้งสามารถออก฽บบ฽ละสร๎างสรรค์อุปกรณ์ ฼ครื่อง฽ตํงกาย฿นการ฽สดงนาฏศิลป์฽ละละคร มีความ฼ข๎า฿จ ความสาคญั บทบาทของนาฏศลิ ป์ ฽ละละคร฿นชวี ติ ประจาวัน จบช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖  รู๎฽ละ฼ข๎า฿จ฼ก่ียวกับทัศนธาตุ฽ละหลักการออก฽บบ฿นการส่ือความหมาย สามารถ฿ช๎ศัพท์ทาง ทัศนศิลป์ อธิบายจุดประสงค์฽ละ฼นื้อหาของงานทัศนศิลป์ มีทักษะ฽ละ฼ทคนิค฿นการ฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์฽ละ กระบวนการท่ีสูงขนึ้ ฿นการสร๎างงานทัศนศลิ ป์ วิ฼คราะห์฼นื้อหา฽ละ฽นวคิด ฼ทคนิควิธีการ การ฽สดงออกของศิลปิน ท้ังเทย฽ละสากล ตลอดจนการ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยีตํางๆ ฿นการออก฽บบสร๎างสรรค์งานที่฼หมาะสมกับ฾อกาส สถานท่ี

หลกั สูตรโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๘๒ รวมทง้ั ฽สดงความคดิ ฼หน็ ฼กย่ี วกบั สภาพสงั คมดว๎ ยภาพล๎อ฼ลียนหรอื การ์ตูน ตลอดจนประ฼มิน฽ละวิจารณ์คุณคํางาน ทัศนศิลป์ด๎วยหลกั ทฤษฎวี ิจารณศ์ ิลปะ  วิ฼คราะห์฼ปรียบ฼ทียบงานทัศนศิลป์฿นรูป฽บบตะวันออก฽ละรูป฽บบตะวันตก ฼ข๎า฿จอิทธิพลของ มรดกทางวฒั นธรรมภมู ิปัญญาระหวํางประ฼ทศที่มีผลตํอการสรา๎ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์฿นสังคม  ร๎ู฽ละ฼ข๎า฿จรูป฽บบบท฼พลง฽ละวงดนตรี฽ตํละประ฼ภท฽ละจา฽นกรูป฽บบของวงดนตรีท้ังเทย ฽ละสากล ฼ข๎า฿จอิทธิพลของวัฒนธรรมตอํ การสร๎างสรรค์ดนตรี ฼ปรียบ฼ทียบอารมณ์฽ละความร๎ูสึกท่ีเด๎รับจากดนตรี ที่มาจากวัฒนธรรมตํางกัน อําน ฼ขียน ฾น๎ตดนตรีเทย฽ละสากล ฿นอัตราจังหวะตํางๆ มีทักษะ฿นการร๎อง฼พลงหรือ ฼ลํนดนตรี฼ดี่ยว฽ละรวมวง฾ดย฼น๎น฼ทคนิค การ฽สดงออก฽ละคุณภาพของการ฽สดง สร๎าง฼กณฑ์สาหรับประ฼มิน คุณภาพการประพนั ธ์การ฼ลํนดนตรขี องตน฼อง฽ละผ๎ูอนื่ เด๎อยาํ ง฼หมาะสม สามารถนาดนตรีเประยุกต์฿ช๎฿นงานอนื่ ๆ  วิ฼คราะห์ ฼ปรียบ฼ทียบรูป฽บบ ลักษณะ฼ดํนของดนตรีเทย฽ละสากล฿นวัฒนธรรมตํางๆ ฼ข๎า฿จ บทบาทของดนตรีท่ีสะท๎อน฽นวความคิด฽ละคํานิยมของคน฿นสังคม สถานะทางสังคมของนักดนตรี฿นวัฒนธรรม ตาํ งๆ สร๎าง฽นวทาง฽ละมีสํวนรํวม฿นการสํง฼สริม฽ละอนุรักษ์ดนตรี  มีทักษะ฿นการ฽สดงหลากหลายรูป฽บบ มีความคิดริ฼ริ่ม฿นการ฽สดงนาฏศิลป์฼ป็นคํู฽ละ฼ป็นหมํู สร๎างสรรค์ละครส้ัน฿นรูป฽บบที่ช่ืนชอบ สามารถวิ฼คราะห์฽กํนของการ฽สดงนาฏศิลป์฽ละละครที่ต๎องการส่ือ ความหมาย฿นการ฽สดง อิทธิพลของ฼คร่ือง฽ตํงกาย ฽สง สี ฼สียง ฉาก อุปกรณ์ ฽ละสถานท่ีท่ีมีผลตํอการ฽สดง วิจารณ์การ฽สดงนาฏศิลป์฽ละละคร พัฒนา฽ละ฿ช๎฼กณฑ์การประ฼มิน฿นการประ฼มินการ฽สดง ฽ละสามารถ ว฼ิ คราะห์ทําทางการ฼คล่ือนเหวของผ๎คู น฿นชวี ิตประจาวัน฽ละนามาประยุกต์฿ช๎฿นการ฽สดง  ฼ข๎า฿จวิวัฒนาการของนาฏศิลป์฽ละการ฽สดงละครเทย ฽ละบทบาทของบุคคลสาคัญ ฿นวงการนาฏศิลป์฽ละการละครของประ฼ทศเทย฿นยุคสมัยตํางๆ สามารถ฼ปรียบ฼ทียบการนาการ฽สดงเป฿ช๎฿น ฾อกาสตํางๆ ฽ละ฼สนอ฽นวคดิ ฿นการอนรุ ักษ์นาฏศลิ ป์เทย

หลักสตู รโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค ศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ตวั ช้วี ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. บรรยาย ความ฽ตกตําง฽ละความ ๑. อภิปราย฼ก่ียวกับทัศนธาตุ฿นด๎านรูป฽บบ ๑. คล๎ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์฽ละ ฽ละ฽นวคิดของงานทศั นศลิ ป์ท฼่ี ลือกมา สิง่ ฽วดลอ๎ ม฾ดย฿ช๎ความร๎฼ู รอื่ งทศั นธาตุ ๒. บรรยาย฼ก่ียวกับความ฼หมือน฽ละความ ๒. ระบุ ฽ละบรรยายหลักการออก฽บบงาน ฽ตกตํางของรปู ฽บบการ฿ช๎วัสดอุ ุปกรณ฿์ น ๒. ทัศนศิลป์ ฾ดย฼น๎นความ฼ป็น฼อกภาพ งานทศั นศลิ ปข์ องศิลปนิ ความกลมกลืน ฽ละความสมดุล ๓. วาดภาพด๎วย฼ทคนิคท่ีหลากหลาย฿นการ ๓. ๓. วาดภาพทัศนียภาพ฽สดง฿ห฼๎ ห็นระยะเกล สือ่ ความหมาย฽ละ฼รื่องราวตํางๆ ฿กล๎ ฼ปน็ ๓ มติ ิ ๔. สร๎าง฼กณฑ์฿นการประ฼มิน฽ละวิจารณ์ ๔. รวบรวมงานปั้นหรือส่ือผสมมาสร๎าง฼ป็น งานทศั นศิลป์ ๔. ฼รื่องราว ๓ มิติ฾ดย฼น๎นความ฼ป็น ๕. นาผลการวิจารณ์เปปรับปรุง฽ก๎เข฽ละ ฼อกภาพความกลมกลืน ฽ละการส่ือถึง พัฒนางาน ๕. ฼รื่องราวของงาน ๖. วาดภาพ฽สดงบคุ ลกิ ลกั ษณะของตัวละคร ๕. ออก฽บบรูปภาพ สัญลักษณ์ หรือกราฟิก ๗. บรรยายวิธีการ฿ช๎งานทัศนศิลป์฿นการ อื่นๆ ฿นการนา฼สนอความคิด฽ละขอ๎ มลู ฾ฆษณา฼พ่ือ฾น๎มน๎าว฿จ ฽ละนา฼สนอ ๖. ๖. ประ฼มินงานทัศนศิลป์ ฽ละบรรยายถึง ตัวอยํางประกอบ วิธีการปรับปรุงงานของตน฼อง฽ละผู๎อื่น ฾ดย฿ช฼๎ กณฑ์ที่กาหนด฿ห๎ ๗.

๘๓ ค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณค์ ุณค่างานทัศนศลิ ป์ ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคิดต่องาน ตัวช้ีวัดชว่ งชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . บรรยายสิ่ง฽วดล๎อม ฽ละงานทัศนศิลป์ท่ี ๑. วิ฼คราะห์การ฿ชท๎ ัศนธาตุ ฽ละหลักการออก฽บบ ฼ลือกมา฾ดย฿ช๎ความรู๎฼รื่องทัศนธาตุ ฽ละ ฿นการสือ่ ความหมาย฿นรูป฽บบตํางๆ หลกั การออก฽บบ ๒. บรรยายจุดประสงค์ ฽ละ฼น้ือหาของงาน . ระบุ ฽ละบรรยาย฼ทคนิค วิธีการของศิลปิน ทัศนศิลป์ ฾ดย฿ช๎ศพั ทท์ างทัศนศิลป์ ฿นการสรา๎ งงาน ทศั นศิลป์ ๓. วิ฼คราะห์การ฼ลือก฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ ฽ละ฼ทคนิค . วิ฼คราะห์ ฽ละบรรยายวิธีการ฿ช๎ทัศนธาตุ ของศลิ ปนิ ฿นการ฽สดงออกทางทัศนศิลป์ ฽ละหลักการออก฽บบ฿นการสร๎างงาน ๔. มีทักษะ฽ละ฼ทคนิค฿นการ฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ ฽ละ ทศั นศลิ ป์ของตน฼อง฿ห๎มคี ุณภาพ กระบวนการท่ีสงู ขึ้น ฿นการสร๎างงานทัศนศิลป์ . มีทักษะ฿นการสร๎างงานทัศนศิลป์อยําง ๕. สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์ ด๎วย฼ทค฾น฾ลยีตํางๆ น๎อย ๓ ประ฼ภท ฾ ด ย ฼ น๎ น ห ลั ก ก า ร อ อ ก ฽ บ บ ฽ ล ะ ก า ร จั ด . มีทักษะ฿นการผสมผสานวัสดุตํางๆ ฿น องค์ประกอบศลิ ป์ การสร๎างงานทัศนศิลป์฾ดย฿ช๎หลักการ ๖. ออก฽บบงานทัศนศิลป์เด๎฼หมาะกับ฾อกาส฽ละ ออก฽บบ สถานที่ . สร๎างงานทัศนศิลป์ ทั้ง ๒ มิติ ฽ละ ๓ มิติ ๗. วิ฼คราะห์฽ละอธิบายจุดมุํงหมายของศิลปิน฿น ฼ พ่ื อ ถํ า ย ท อ ด ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ฽ ล ะ การ฼ลือก฿ช๎วัสดุ อุปกรณ์ ฼ทคนิค฽ละ฼นื้อหา จนิ ตนาการ ฼พ่อื สร๎างสรรค์งานทศั นศลิ ป์ . สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์สื่อความหมาย ๘. ประ฼มิน฽ละวิจารณ์งานทัศนศิลป์฾ดย฿ช๎ทฤษฎี ฼ป็น฼ร่ืองราว฾ดยประยุกต์฿ช๎ทัศนธาตุ การวจิ ารณ์ศิลปะ ฽ละหลกั การออก฽บบ ๙. จัดกลุํมงานทศั นศิลป์฼พื่อสะท๎อนพัฒนาการ฽ละ

หลกั สตู รโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๘. ๙. ๑๐ ๑๑

๘๔ ตวั ชว้ี ดั ช่วงชนั้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . วิ฼คราะห์฽ละอภิปรายรูป฽บบ ฼นื้อหา ความกา๎ วหนา๎ ของตน฼อง ฽ละคุณคํา฿นงานทัศนศิลป์ของตน฼อง ๑๐. สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์เทย สากล ฾ดยศึกษา ฽ละผู๎อนื่ หรือของศลิ ปนิ จาก฽นวคิด฽ละวิธีการสร๎างงานของศิลปินท่ีตน . สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์฼พื่อบรรยาย ชนื่ ชอบ ฼ ห ตุ ก า ร ณ์ ตํ า ง ๆ ฾ ด ย ฿ ช๎ ฼ ท ค นิ ค ที่ ๑๑. วาดภาพระบายสี฼ป็นภาพล๎อ฼ลียน หรือภาพ หลากหลาย การ์ตูน ฼พื่อ฽สดงความคิด฼ห็น฼ก่ียวกับสภาพ ๐. ระบุอาชีพท่ี฼ก่ียวข๎องกับงานทัศนศิลป์ สงั คม฿นปัจจบุ ัน ฽ละทักษะที่จา฼ป็น฿นการประกอบอาชีพ นน้ั ๆ ๑. ฼ลือกงานทัศนศิลป์฾ดย฿ช๎฼กณฑ์ท่ีกาหนด ข้ึ น อ ยํ า ง ฼ ห ม า ะ ส ม ฽ ล ะ น า เ ป จั ด นทิ รรศการ

หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๑ ทัศนศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๒ เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งทศั นศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวฒั นธร ภูมปิ ัญญาไทยและสากล ตัวชว้ี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ระบุ ฽ละบรรยาย฼ก่ียวกับลักษณะ ๑. ระบุ฽ละบรรยาย฼กี่ยวกับวัฒนธรรม ๑. รูป฽บบงานทัศนศิลป์ของชาติ฽ละของ ตํางๆ ท่ีสะท๎อนถึงงานทัศนศิลป์฿น ทอ๎ งถนิ่ ตน฼องจากอดีตจนถึงปัจจบุ ัน ปัจจุบัน ๒. ๒. ระบุ ฽ละ฼ปรียบ฼ทียบงานทัศนศิลป์ของ ๒. บรรยายถึงการ฼ปลี่ยน฽ปลงของงาน ภาคตํางๆ ฿นประ฼ทศเทย ทัศนศลิ ป์ของเทย฿น฽ตํละยคุ สมัย฾ดย฼นน๎ ๓. ฼ ป รี ย บ ฼ ที ย บ ค ว า ม ฽ ต ก ตํ า ง ข อ ง ถึง฽นวคิด฽ละ฼น้อื หาของงาน จุดประสงค์฿นการสรา๎ งสรรค์งานทัศนศิลป์ ๓. ฼ปรียบ฼ทียบ฽นวคิด฿นการออก฽บบงาน ของวัฒนธรรมเทย฽ละสากล ทัศนศิลป์ท่ีมาจากวัฒนธรรมเทย฽ละ สากล

๘๕ รรม เหน็ คณุ ค่างานทศั นศลิ ปท์ ีเ่ ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ตัวช้วี ัดชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ศึกษา฽ละอภิปราย฼ก่ียวกับงานทัศนศิลป์ ๑. วิ฼คราะห์ ฽ละ฼ปรียบ฼ทียบงานทัศนศิลป์฿น ทสี่ ะท๎อนคณุ คําของวฒั นธรรม รูป฽บบตะวนั ออก฽ละรูป฽บบตะวนั ตก . ฼ปรียบ฼ทียบความ฽ตกตํางของงาน ๒. ระบุงานทัศนศิลป์ของศิลปิน ท่ีมีช่ือ฼สียง ฽ละ ทัศนศลิ ป์฿น฽ตํละยุคสมัย ของวัฒนธรรม บรรยายผลตอบรับของสังคม เทย฽ละสากล ๓. อภิปราย฼ก่ียวกับอิทธิพลของวัฒนธรรมระหวําง ประ฼ทศทีม่ ผี ลตอํ งานทัศนศิลป฿์ นสังคม

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจดนตรี วเิ คราะห์ วิพากษ์วจิ ารณ์คุณค่าดนตรี ถา่ ยทอดความ ตวั ชี้วดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อําน ฼ขียน ออก฼สียง ฾น๎ตเทย ฽ละ฾น๎ต ๑. ฼ปรียบ฼ทียบการ฿ช๎องค์ ประกอบดนตรี ๑. สากล ท่มี าจากวัฒนธรรมตาํ งกนั ๒. ฼ปรียบ฼ทียบ฼สยี งร๎อง฽ละ฼สียงของ฼คร่ือง ๒. อําน ฼ขียนออก฼สียง฾น๎ตเทย฽ละ฾น๎ต ๒. ดนตรีทีม่ าจากวัฒนธรรมทตี่ ํางกนั สากลทม่ี ี฼คร่ืองหมาย฽ปลง฼สยี ง ๓. รู๎วิธีการร๎อง฼พลง฽ละวิธี฿ช๎฼ครื่องดนตรี ๓. ระบุปัจจัยสาคัญท่ีมีอิทธิพลตํอการ บรร฼ลงประกอบ การร๎อง฼พลงด๎วยบท สร๎างสรรค์งานดนตรี ๓. ฼พลงทหี่ ลาก หลายรปู ฽บบ ๔. รู๎จกั ฼พลง ดนตร฼ี ดี่ยว ฽ละรวมวง ๔. ๔. จัดประ฼ภทของวงดนตรีเทย฽ละวงดนตรี ๕. บรรยายอารมณ์ของ฼พลง฽ละความร๎ูสึกที่ ที่มาจากวัฒนธรรมตาํ งๆ มตี ํอบท฼พลงท่ฟี ัง ๕. ฽สดงความคิด฼ห็นที่มีตํออารมณ์ของบท ๖. ประ฼มิน พัฒนาการ฼รียนร๎ูทางดนตรีของ ๕. ฼พลงท่ีมีความ฼ร็วของจังหวะ ฽ละความ ตน฼อง หลงั จากที่เด๎ศกึ ษาปฏิบตั ิ ดัง-฼บา ฽ตกตํางกัน ๗. ระบุงานอาชีพตํางๆ ท่ี฼กี่ยวข๎องกับดนตรี ๖. ๖. ฼ปรียบ฼ทียบอารมณ์ ความร๎ูสึก ฿นการ ฽ละบทบาทของดนตร฿ี นธรุ กิจบนั ฼ทงิ ฟงั ดนตร฽ี ตลํ ะประ฼ภท ๗. ๗. นา฼สนอตัวอยําง฼พลงท่ีตน฼องช่ืนชอบ ฽ละอภิปรายลักษณะ฼ดํนท่ีทา฿ห๎งานน้ัน นาํ ชื่นชม ๘. ฿ช๎฼กณฑ์สาหรับประ฼มินคุณภาพงาน ดนตรหี รอื ฼พลงที่ฟงั ๙. รู๎วิธี฿ช๎฽ละบารุงรักษา฼คร่ืองดนตรีอยําง ระมัดระวัง฽ละรับผิดชอบ

๘๖ มรสู้ กึ ความคดิ ตอ่ ดนตรอี ยา่ งอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน ตวั ชวี้ ัดช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ฼ปรยี บ฼ทยี บองค์ประกอบท่ี฿ช๎฿นงานดนตรี ๑. ฼ปรียบ฼ทียบรูป฽บบของบท฼พลง฽ละวงดนตรี ฽ละงานศิลปะอืน่ ฽ตลํ ะประ฼ภท . รูจ๎ ัก฼พลง ดนตรี฼ดย่ี ว ฽ละรวมวง ฾ดย฼น๎น ๒. จา฽นกประ฼ภท฽ละรูป฽บบ ของวงดนตรี ท้ัง ฼ทคนิคการร๎อง การ฼ลํน การ฽สดงออก เทย฽ละสากล ฽ละคุณภาพสยี ง ๓. อธิบาย฼หตุผลท่ีคนตํางวัฒนธรรมสร๎างสรรค์ . ฽ตํง฼พลงส้ันๆ จงั หวะงาํ ยๆ งานดนตรี฽ตกตํางกัน . อธิบาย฼หตุผล฿นการ฼ลือก฿ช๎องค์ประกอบ ๔. อําน ฼ขียน ฾น๎ตดนตรีเทย฽ละสากล฿นอัตรา ดนตรี ฿นการสร๎างสรรค์งานดนตรีของ จังหวะตํางๆ ตน฼อง ๕. ร๎จู ัก฼พลง ดนตร฼ี ดย่ี ว ฽ละรวมวง . ฼ปรียบ฼ทียบความ฽ตกตํางระหวํางงาน ๖. สร๎าง฼กณฑ์สาหรับประ฼มินคุณภาพการ ดนตรีของตน฼อง฽ละผ๎อู ืน่ ประพันธ์฽ละการ฼ลํนดนตรีของผู๎อ่ืนเด๎อยําง . อธิบาย฼กี่ยวกับอิทธิพลของดนตรีที่มีตํอ ฼หมาะสม บุคคล฽ละสังคม ๗. ฼ปรียบ฼ทียบอารมณ์ ฽ละความรู๎สึกท่ีเด๎รับจาก . อธิบายรูป฽บบดนตรีที่฼หมาะสม ฽ละ งานดนตรที ่มี าจากวฒั นธรรมตํางกนั สามารถบูรณาการกับสาระการ฼รียนร๎ูอื่น ๘. นาดนตรีเปประยุกต์฿ช๎฿นงานอน่ื ๆ ฿นกลํุมศลิ ปะ

หลักสตู รโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม และสากล ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายบทบาทความสัมพันธ์฽ละอิทธิพล ๑. บรรยายบทบาท ฽ละอิทธิพลของดนตรี ๑. ของดนตรีทีม่ ีตํอสงั คมเทย ฿นวัฒนธรรมของประ฼ทศตํางๆ ๒. ระบุความหลากหลายขององค์ประกอบ ๒. บรรยายอิทธิพลของวัฒนธรรม ฽ละ ๒. ดนตรี฿นวฒั นธรรมตาํ งกัน ฼หตุการณ฿์ นประวัติศาสตร์ท่ีมีตํอรูป฽บบ ของดนตร฿ี นประ฼ทศเทย

๘๗ เหน็ คุณคา่ ของดนตรีทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน ภูมิปญั ญาไทย ตวั ชีว้ ัดช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . บรรยาย วิวัฒนาการของดนตรี฽ตํละยุค ๑. วิ฼คราะห์รูป฽บบของดนตรีเทย฽ละดนตรีสากล สมยั ฿นยุคสมยั ตํางๆ . อภิปรายลักษณะ฼ดํนที่ทา฿หง๎ านดนตรีนั้น ๒. วิ฼คราะห์สถานะทางสังคมของนักดนตรี฿น เด๎รับการยอมรับ วัฒนธรรมตาํ งๆ ๓. ฼ปรียบ฼ทยี บลักษณะ฼ดํนของดนตรี฿นวัฒนธรรม ตาํ งๆ ๔. อธิบายบทบาทของดน ตรี฿นการสะท๎อน ฽นวความคิด฽ละคํานิยมท่ี฼ปล่ียนเปของคน฿น สังคม ๕. นา฼สนอ฽นวทาง฿นการสํง฼สริม฽ละอนุรักษ์ ดนตรี฿นฐานะมรดกของชาติ

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ นาฏศิลป์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณ์คณุ ค่านาฏศลิ ป์ ถา่ ยทอ ตวั ช้วี ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายอิทธิพลของนัก฽สดงชื่อดังท่ีมีผล ๑. อธิบายการบรู ณาการศิลปะ฽ขนงอ่ืนๆ กับ ๑. ตํอการ฾น๎มน๎าวอารมณ์หรือความคิดของ การ฽สดง ผช๎ู ม ๒. อธิบายการ฽สดงองค์ประกอบนาฏศิลป์ ๒. ๒. ร๎ูจกั นาฏยศพั ท์หรือศัพท์ทางการละคร฿น ฽ละการละคร การ฽สดง ๓. วิ฼คราะห์การ฽สดงของผ๎ูอื่น ฾ดย฿ช๎นาฏย ๓. ๓. รู๎จักนาฏศิลป์฽ละการละคร฿นรูป฽บบ ศัพท์หรอื ศพั ท์ทางการละครท่฼ี หมาะสม ตํางๆ ๔. ฼สนอขอ๎ คดิ ฼หน็ ฿นการปรบั ปรงุ การ฽สดง ๔. ๔. ฿ช๎ทักษะการทางาน฼ป็นกลํุม฿นการ ๕. ฼ช่อื ม฾ยงการ฼รยี นรู๎ระหวํางนาฏศิลป์฽ละ อธิบายหรืออภปิ รายรปู ฽บบการ฽สดง การละครกบั สาระการ฼รียนรอ๎ู น่ื ๆ ๕. ๕. ฿ช๎฼กณฑ์งํายๆ ที่กาหนด฿ห๎ ฿นการ พิจารณาคณุ ภาพการ฽สดงที่เด๎ศึกษา฾ดย ๖. ฼นน๎ ฼รื่องการ฿ช฼๎ สยี งการ฽สดงทํา฽ละการ ฼คลื่อนเหว ๗. ๘.

๘๘ อดความรู้สึก ความคดิ อยา่ งอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใช้อยา่ งเหมาะสมกับสมณวิสัย ตัวชีว้ ัดช่วงช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ระบุ฾ครงสร๎างของบทละคร฾ดย฿ช๎ศัพท์ ๑. ร๎ูจักการ฽สดงหลากหลายรูป฽บบ ทางการละคร ๒. รู๎วธิ กี ารสร๎างสรรค์ละครสั้น฿นรูป฽บบที่ชื่นชอบ ฿ช๎นาฏยศัพท์ หรือศัพท์ทางการละครที่ ๓. ฼สนอ฽นวคิดริ฼ร่ิม฿นการ฽สดงนาฏศิลป์฼ป็นคูํ ฼หมาะสมบรรยาย฼ปรียบ฼ทยี บการ ฽ละหมํู ฽ ส ด ง อ า กั ป กิ ริ ย า ข อ ง ผู๎ ค น ฿ น ชี วิ ต ๔. วิจารณ์การ฽สดงตามหลักนาฏศิลป์฽ละการ ประจาวัน฽ละ฿นการ฽สดง ละคร มีทักษะ฿นการ฿ช๎ความคิด฿นการพัฒนา ๕. วิ฼คราะห์฽กํนของการ฽สดงนาฏศิลป์฽ละการ รปู ฽บบการ฽สดง ละครท่ีตอ๎ งการสือ่ ความหมาย฿นการ฽สดง มีทักษะ฿นการ฽ปลความ฽ละการส่ือสาร ๖. บรรยาย ฽ละวิ฼คราะห์ อิทธิพลของ฼คร่ือง฽ตํง ผํานการ฽สดง กาย ฽สง สี ฼สียง ฉากอุปกรณ์ ฽ละสถานท่ีที่มี วิจารณ์฼ปรียบ฼ทียบงานนาฏศิลป์ที่มีความ ผลตอํ การ฽สดง ฽ตกตาํ งกนั ฾ดย฿ช๎ความรู฼๎ ร่ืององค์ประกอบ ๗. พัฒนา฽ละ฿ช๎฼กณฑ์การประ฼มิน฿นการประ฼มิน นาฏศลิ ป์ การ฽สดง รํวมจัดงานการ฽สดง฿นบทบาทหนา๎ ทต่ี าํ งๆ ๘. ว฼ิ คราะหท์ าํ ทาง ฽ละการ฼คลื่อนเหวของผ๎ูคน฿น ที่฼หมาะสมกบั สมณวิสยั ชีวติ ประจาวนั นา฼สนอ฽นวคดิ จาก฼น้ือ฼ร่ืองของการ฽สดง ที่สามารถนาเปปรับ฿ช๎฿นชวี ิตประจาวัน

หลกั สตู รโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งนาฏศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม เ และสากล ตวั ชวี้ ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. ระบุปัจจัยที่มีผลตํอการ฼ปลี่ยน฽ปลงของ ๑. ฼ปรียบ฼ทยี บลกั ษณะ฼ฉพาะของการ฽สดง ๑. นาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ๎าน ละครเทย นาฏศิลป์จากวัฒนธรรมตาํ งๆ ฽ละละครพ้ืนบา๎ น ๒. ระบุหรือ฽สดงนาฏศิลป์นาฏศิลป์พ้ืนบ๎าน ๒. บรรยายประ฼ภทของละครเทย฿น฽ตํละ ละครเทย ละครพ้ืนบ๎าน หรือมหรสพอ่ืน ๒. ยุคสมยั ท฼ี่ คยนิยมกนั ฿นอดีต ๓. อธิบายอิทธิพลของวัฒนธรรมที่มีผลตํอ ๓. ฼น้อื หาของละคร

๘๙ เห็นคุณคา่ ของนาฏศิลปท์ ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมิปัญญาไทย ตัวช้วี ดั ชว่ งช้ัน ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . ออก฽บบ ฽ละสร๎างสรรค์อุปกรณ์ ฽ละ ๑. ฼ปรยี บ฼ทยี บการนาการ฽สดงเป฿ช๎฿น฾อกาสตาํ งๆ ฼คร่ือง฽ตํงกาย ฼พ่ือ฽สดงนาฏศิลป์฽ละ ๒. อภิปรายบทบาทของบุคคลสาคัญ฿นวงการ การละครที่มาจากวฒั นธรรมตาํ งๆ นาฏศิลป์฽ละการละคร ของประ฼ทศเทย฿นยุค . อธิบายความสาคัญ฽ละบทบาทของ สมยั ตํางๆ นาฏศิลป์฽ละการละคร฿นชีวิตประจาวนั ๓. บรรยายวิวัฒนาการของนาฏศิลป์฽ละการละคร . ฽สดงความคิด฼หน็ ฿นการอนุรกั ษ์ เทย ตั้ง฽ตํอดีตจนถึงปัจจุบัน ๔. นา฼สนอ฽นวคดิ ฿นการอนุรักษ์นาฏศลิ ปเ์ ทย

หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๙๐ กล่มุ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ทาไมตอ้ งเรยี นการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลํุมสาระการ฼รียนร๎ูการงานอาชีพ฽ละ฼ทค฾น฾ลยี฼ป็นกลํุมสาระที่ชํวยพัฒนา฿ห๎ผู๎฼รียน มีความร๎ู ความ ฼ข๎า฿จ มีทักษะพ้ืนฐานที่จา฼ป็นตํอการดารงชีวิต฽ละร๎ู฼ทําทันการ฼ปล่ียน฽ปลง สามารถนาความร๎ู฼กี่ยวกับการ ดารงชีวิต การอาชีพ ฽ละ฼ทค฾น฾ลยี มา฿ช๎ประ฾ยชน์฿นการทางานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ ฽ละ฽ขํงขัน฿น สังคมเทย฽ละสากล ฼ห็น฽นวทาง฿นการประกอบอาชีพ รักการทางาน ฽ละมี฼จตคติที่ดีตํอการทางาน สามารถ ดารงชวี ติ อยู฿ํ นสงั คมเด๎อยาํ งพอ฼พียง฽ละมีความสขุ เรยี นรู้อะไรในการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลํุมสาระการ฼รียนร๎ูการงานอาชพี ฽ละ฼ทค฾น฾ลยี มุํงพัฒนาผู๎฼รียน฽บบองค์รวม ฼พ่ือ฿ห๎มีความร๎ู ความสามารถ มีทักษะ฿นการทางาน ฼ห็น฽นวทาง฿นการประกอบอาชีพ฽ละการศึกษาตํอเด๎อยํางมีประสิทธิภาพ ฾ดยมีสาระสาคญั ดังน้ี  การดารงชีวิตและครอบครัว ฼ป็นสาระ฼ก่ียวกับการทางาน฿นชีวิตประจาวัน การชํวย฼หลือ ตน฼อง ครอบครัว ฽ละสังคมเด๎฿นสภาพ฼ศรษฐกิจท่ีพอ฼พียง เมํทาลายสิ่ง฽วดล๎อม ฼น๎นการปฏิบัติจริงจน฼กิด ความมั่น฿จ฽ละภมู ฿ิ จ฿นผลสา฼ร็จของงาน ฼พื่อ฿ห๎คน๎ พบความสามารถ ความถนัด ฽ละความสน฿จของตน฼อง  การออกแบบและเทคโนโลยี ฼ป็นสาระ฼กี่ยวกับการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อยําง สร๎างสรรค์ ฾ดยนาความรู๎มา฿ชก๎ บั กระบวนการ฼ทค฾น฾ลยี สรา๎ งส่ิงของ฼คร่อื ง฿ช๎ วิธกี าร หรอื ฼พิ่มประสิทธิภาพ฿น การดารงชวี ิต  เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ฼ป็นสาระ฼ก่ียวกับกระบวนการ฼ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศ การติดตํอส่ือสาร การค๎นหาข๎อมูล การ฿ช๎ข๎อมูล฽ละสารสน฼ทศ การ฽ก๎ปัญหาหรือ การสร๎างงาน คุณคํา฽ละ ผลกระทบของ฼ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศ฽ละการสอ่ื สาร  การอาชีพ ฼ป็นสาระ฼กี่ยวกับทักษะท่ีจา฼ป็นตํออาชีพ ฼ห็นความสาคัญของคุณธรรม จริยธรรม ฽ละ฼จตคตทิ ด่ี ีตํออาชีพ ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยีเด๎฼หมาะสม ฼ห็นคุณคําของอาชีพสุจริต ฽ละ฼ห็น฽นวทาง฿นการ ประกอบอาชีพ

หลักสตู รโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๙๑ คุณภาพผเู้ รียน จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓  ฼ข๎า฿จกระบวนการทางานที่มีประสิทธิภาพ ฿ช๎กระบวนการกลุํม฿นการทางาน มีทักษะการ฽สวงหา ความร๎ู ทักษะกระบวนการ฽ก๎ปัญหา฽ละทักษะการจัดการ มีลักษณะนิสัยการทางานท่ี฼สียสละ มีคุณธรรม ตัดสิน฿จอยํางมี฼หตุผล฽ละถูกต๎อง ฽ละมีจิตสานึก฿นการ฿ช๎พลังงาน ทรัพยากร ฽ละส่ิง฽วดล๎อมอยํางประหยัด฽ละ คุม๎ คํา  ฼ข๎า฿จกระบวนการ฼ทค฾น฾ลยี฽ละระดับของ฼ทค฾น฾ลยี มีความคิดสร๎างสรรค์฿นการ฽ก๎ปัญหาหรือ สนองความต๎องการ สร๎างสง่ิ ของ฼คร่ือง฿ช๎หรือวิธีการตามกระบวนการ฼ทค฾น฾ลยี อยํางถูกต๎อง฽ละปลอดภัย ฾ดย ถํายทอดความคิด฼ป็นภาพฉาย฼พ่ือนาเปสํูการสร๎างชิ้นงานหรือ฽บบจาลองความคิด฽ละการรายงานผล ฼ลือก฿ช๎ ฼ทค฾น฾ลยอี ยํางสรา๎ งสรรค์ตํอชีวติ สังคม ส่ิง฽วดล๎อม ฽ละมีการจัดการ฼ทค฾น฾ลยีด๎วยการลดการ฿ช๎ทรัพยากรหรือ ฼ลือก฿ช฼๎ ทค฾น฾ลยที ่เี มมํ ผี ลกระทบกบั ส่งิ ฽วดลอ๎ ม  ฼ข๎า฿จหลักการ฼บ้ืองต๎นของการสื่อสารข๎อมูล ฼ครือขํายคอมพิว฼ตอร์ หลักการ฽ละวิธี฽ก๎ปัญหา หรือ การทา฾ครงงานด๎วยกระบวนการทาง฼ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศ มีทักษะการค๎นหาข๎อมูล ฽ละการติดตํอส่ือสารผําน ฼ครือขํายคอมพิว฼ตอร์อยํางมีคุณธรรม฽ละจริยธรรม การ฿ช๎คอมพิว฼ตอร์฿นการ฽ก๎ปัญหา สร๎างช้ินงานหรือ฾ครงงาน จากจนิ ตนาการ ฽ละการ฿ช฼๎ ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศนา฼สนองาน  ฼ข๎า฿จ฽นวทางการ฼ลือกอาชีพ การมี฼จตคติที่ดี฽ละ฼ห็นความสาคัญของการประกอบอาชีพ วิธีการหา งานทา คุณสมบัติที่จา฼ป็นสาหรับการมีงานทา วิ฼คราะห์฽นวทาง฼ข๎าสํูอาชีพ มีทักษะพื้นฐานท่ีจา฼ป็นสาหรับการ ประกอบอาชีพ ฽ละประสบการณ์ตํออาชีพท่ีสน฿จ ฽ละประ฼มินทาง฼ลือก฿นการประกอบอาชีพที่สอดคล๎องกับ ความรู๎ ความถนดั ฽ละความสน฿จ จบช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖  ฼ข๎า฿จวิธีการทางาน฼พื่อการดารงชีวิต สร๎างผลงานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ มีทักษะการทางาน รํวมกนั ทกั ษะการจัดการ ทักษะกระบวนการ฽กป๎ ัญหา ฽ละทักษะการ฽สวงหาความรู๎ ทางานอยํางมีคุณธรรม ฽ละ มจี ติ สานึก฿นการ฿ช๎พลังงาน฽ละทรพั ยากรอยาํ งค๎ุมคาํ ฽ละย่ังยืน  ฼ข๎า฿จความสัมพันธ์ระหวําง฼ทค฾น฾ลยีกับศาสตร์อ่ืนๆ วิ฼คราะห์ระบบ฼ทค฾น฾ลยี มีความคิด สรา๎ งสรรค์฿นการ฽ก๎ปญั หาหรือสนองความต๎องการ สร๎าง฽ละพัฒนาส่ิงของ฼ครื่อง฿ช๎หรือวิธีการ ตามกระบวนการ ฼ทค฾น฾ลยีอยาํ งปลอดภยั ฾ดย฿ช๎ซอฟท฽์ วรช์ ํวย฿นการออก฽บบหรือนา฼สนอผลงาน ว฼ิ คราะห์฽ละ฼ลอื ก฿ช๎฼ทค฾น฾ลยี ที่฼หมาะสมกับชวี ิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ตํอชีวิต สังคม ส่ิง฽วดล๎อม ฽ละมีการจัดการ฼ทค฾น฾ลยีด๎วยวิธีการ ของ฼ทค฾น฾ลยีสะอาด  ฼ข๎า฿จองค์ประกอบของระบบสารสน฼ทศ องค์ประกอบ฽ละหลักการทางานของคอมพิว฼ตอร์ ระบบส่ือสารข๎อมลู สาหรับ฼ครือขํายคอมพิว฼ตอร์ คุณลักษณะของคอมพิว฼ตอร์฽ละอุปกรณ์ตํอพํวง ฽ละมีทักษะ การ฿ช๎คอมพิว฼ตอร์฽ก๎ปัญหา ฼ขียน฾ปร฽กรมภาษา พัฒนา฾ครงงานคอมพิว฼ตอร์ ฿ช๎ฮาร์ด฽วร์฽ละซอฟต์฽วร์

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๙๒ ติดตํอส่ือสาร฽ละค๎นหาข๎อมูลผํานอิน฼ทอร์฼น็ต ฿ช๎คอมพิว฼ตอร์฿นการประมวลผลข๎อมูล฿ห๎฼ป็นสารสน฼ทศ฼พ่ือการ ตัดสิน฿จ ฿ช฼๎ ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศนา฼สนองาน ฽ละ฿ชค๎ อมพวิ ฼ตอรส์ รา๎ งชิ้นงานหรอื ฾ครงงาน  ฼ขา๎ ฿จ฽นวทางสูํอาชพี การ฼ลือก ฽ละ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยีอยําง฼หมาะสมกับอาชีพ มีประสบการณ์฿นอาชีพท่ี ถนดั ฽ละสน฿จ ฽ละมีคุณลกั ษณะทีด่ ตี ํออาชีพ

หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๑ การดารงชวี ติ และครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เขา้ ใจการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มที ักษะกระบวนการทา ทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ุณธรรม และลกั ษณะนสิ ัยในการทา และครอบครัว ม. ๑ ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี ๑ ๒ ๑. ว฼ิ คราะหข์ น้ั ตอน การทางานตามกระบวนการ ม. ๒ ๓ ทางาน ๑. ฿ช๎ ทั กษ ะ ก า ร ฽ ส วงห า ค วา ม ร๎ู ฼ พ่ื อ ๒. ฿ช๎กระบวนการกลุํม฿นการทางานด๎วยความ พฒั นาการทางาน ฼สยี สละ ๒. ฿ช๎ทักษะ กระบวนการ฽ก๎ปัญหา฿นการ ๓. ตัดสิน฿จ฽ก๎ปัญหา การทางานอยํางมี ทางาน ฼หตผุ ล ๓. มีจิตสานกึ ฿นการทางาน฽ละ฿ช๎ทรัพยากร ฿นการปฏิบัติงานอยํางประหยัด฽ละ คุม๎ คาํ

๙๓ างาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทางานรว่ มกัน และ างาน มีจิตสานกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เพื่อการดารงชีวติ ม. ๓ ตวั ชีว้ ดั ช่วงชัน้ ๑. อ ภิ ป ร า ย ข้ั น ต อ น ก า ร ท า ง า น ที่ มี ม. ๔ – ม. ๖ ประสทิ ธภิ าพ ๑. อธบิ ายวธิ ีการทางาน฼พอื่ การดารงชวี ติ ๒. ฿ช๎ทักษะ฿นการทางานรํวมกันอยํางมี ๒. สร๎างผลงานอยํางมีความคิดสร๎างสรรค์ ฽ละมี คณุ ธรรม ทักษะการทางานรวํ มกัน ๓. อภิปราย การทางาน฾ดย฿ช๎ทักษะ การ ๓. มที กั ษะการจดั การ฿นการทางาน จัด ก า ร ฼พื่อก า ร ปร ะ ห ยั ดพลั งงา น ๔. มีทกั ษะกระบวนการ฽กป๎ ัญหา฿นการทางาน ทรพั ยากร ฽ละสง่ิ ฽วดลอ๎ ม ๕. มที กั ษะ฿นการ฽สวงหาความร฼ู๎ พ่ือการดารงชวี ิต ๖. มีคณุ ธรรม฽ละลักษณะนสิ ัย฿นการทางาน ๗. ฿ช๎พลังงานทรัพยากร฿นการทางานอยํางคุ๎มคํา ฽ละยงั่ ยืน ฼พอื่ การอนุรกั ษ์สง่ิ ฽วดล๎อม

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระที่ ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี มาตรฐาน ง ๒.๑ เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งส เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีในทางสรา้ งสรรค์ต่อชีวิต สังคม ส่งิ แวดล้อม แ ตัวช้วี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ - ๑. อธิบายกระบวนการ฼ทค฾น฾ลยี ๑. ๒. สร๎างสิ่งของ฼ครื่อง฿ช๎หรือวิธีการตาม ๒. กระบวนการ฼ทค฾น฾ลยีอยํางปลอดภัย ออก฽บบ฾ดยถํายทอดความคิด฼ป็นภาพรําง ๓ มิติหรือภาพฉาย ฼พ่ือนาเปสูํ การสร๎าง ตน๎ ฽บบของสิง่ ของ฼ครื่อง฿ช๎ หรือถํายทอด ความคิ ดข อ ง วิ ธี ก า ร ฼ ป็ น ฽ บ บ จ า ล อ ง ความคิด฽ละ การรายงานผล฼พื่อนา฼สนอ วธิ กี าร ๓. มคี วามคิดสรา๎ งสรรค฿์ นการ฽ก๎ปัญหาหรือ สนองความต๎องการ฿นงานทผี่ ลติ ฼อง ๔. ฼ลอื ก฿ช๎฼ทค฾น฾ลยอี ยํางสรา๎ งสรรคต์ อํ ชีวิต สังคม ส่ิง฽วดล๎อม ฽ละมีการจัดการ ฼ทค฾น฾ลยีด๎วยการลดการ฿ช๎ทรัพยากร หรือ฼ลือก฿ช๎฼ทค฾น฾ลยี ที่เมํมีผลกระทบ ตอํ ส่งิ ฽วดล๎อม

๙๔ สงิ่ ของเครอื่ งใช้ หรอื วธิ กี ารตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมคี วามคดิ สร้างสรรค์ และมสี ่วนร่วมในการจดั การเทคโนโลยีที่ย่ังยนื ตัวชว้ี ดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายระดบั ของ฼ทค฾น฾ลยี ๑. อธิบาย฽ละ฼ชื่อม฾ยงความสัมพันธ์ระหวําง . สร๎างสิ่งของ฼ครื่อง฿ช๎หรือวิธีการตาม ฼ทค฾น฾ลยีกบั ศาสตร์อ่ืนๆ กระบวนการ฼ทค฾น฾ลยี อยํางปลอดภัย ๒. ว฼ิ คราะห์ระบบ฼ทค฾น฾ลยี ออก฽บบ฾ดยถํายทอดความคิด ฼ป็นภาพฉาย ๓. สร๎าง฽ละพัฒนาสง่ิ ของ฼คร่ือง฿ช๎หรือวิธีการ ตาม ฼พ่ือนาเปสํูการสร๎างต๎น฽บบ ฽ละ กระบวนการ฼ทค฾น฾ลยีอยํางปลอดภัย฾ดย ฽บบจาลองของสิ่งของ฼ครื่อง฿ช๎ หรือ ถํายทอดความคิด฼ป็นภาพฉาย฽ละ฽บบจาลอง ถํา ย ท อ ด ค ว า ม คิ ด ข อง วิ ธีก า ร ฼ ป็ น ฼พ่ือนาเปสูํการสร๎างช้ินงาน หรือถํายทอด ฽บบจาลองความคดิ ฽ละการรายงานผล ความคิดของวธิ ีการ฼ปน็ ฽บบจาลองความคดิ ฽ละ ก า ร ร า ย ง า น ผ ล ฾ ด ย ฿ ช๎ ซ อ ฟ ฽ ว ร์ ชํ ว ย ฿ น ก า ร ออก฽บบหรอื นา฼สนอผลงาน ๔. มีความคิดสร๎างสรรค์฿น การ฽ก๎ปัญหาหรือสนอง ความต๎องการ฿นงานที่ผลิต฼องหรือการพัฒนา ผลติ ภัณฑท์ ่ผี ู๎อื่นผลติ ๕. วิ฼คราะห์฽ละ฼ลือก฿ช๎฼ทค฾น฾ลยีที่฼หมาะสมกับ ชีวิตประจาวันอยํางสร๎างสรรค์ตํอชีวิต สังคม฽ละ ส่ิง฽วดล๎อม฽ละมีการจัดการ฼ทค฾น฾ลยีท่ียั่งยืนด๎วย วิธกี ารของ฼ทค฾น฾ลยสี ะอาด

หลักสตู รโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ สาระท่ี ๓ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร มาตรฐาน ง ๓.๑ เข้าใจ เห็นคณุ คา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบ ประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล และมีคณุ ธรรม ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ๑. อธิบายหลักการทางาน บทบาท ฽ละ ๑. อธิบายหลักการ฼บื้องต๎นของการส่ือสาร ๑. ประ฾ยชน์ของคอมพิว฼ตอร์ ข๎อมลู ฽ละ฼ครือขาํ ยคอมพิว฼ตอร์ ๒. อภิปราย ลักษณะสาคัญ ฽ละผลกระทบ ๒. อธิบายหลักการ฽ละวิธีการ฽ก๎ปัญหาด๎วย ๒. ของ฼ทค฾น฾ลยสี ารสน฼ทศ กระบวนการ฼ทค฾น฾ลยสี ารสน฼ทศ ๓. ๓. ประมวลผลขอ๎ มูล฿ห฼๎ ปน็ สารสน฼ทศ ๓. ค๎ นห า ข๎อมู ล ฽ละติ ดตํ อสื่ อสารผํ าน ฼ครือขํายคอมพิว฼ตอร์อยํางมีคุณธรรม ๔. ฽ละจรยิ ธรรม ๔. ฿ชซ๎ อฟต์฽วร฿์ นการทางาน

๙๕ บค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแกป้ ัญหา การทางานและอาชีพอย่างมี ตัวชีว้ ัดช่วงชั้น ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ . อธิบายหลักการทา฾ครงงานที่มีการ฿ช๎ ๑. อธิบายองคป์ ระกอบของระบบสารสน฼ทศ ฼ทค฾น฾ลยสี ารสน฼ทศ ๒. อธิบายองค์ประกอบ฽ละหลักการทางานของ . ฼ขยี น฾ปร฽กรมภาษาขนั้ พืน้ ฐาน คอมพิว฼ตอร์ . ฿ช๎฼ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศนา฼สนองาน฿น ๓. อธิบายระบบสื่อสารข๎อมูล สาหรับ฼ครือขําย รปู ฽บบท่ี฼หมาะสมกับลักษณะงาน คอมพวิ ฼ตอร์ . ฿ช๎คอมพิว฼ตอร์ชํวยสร๎างชิ้นงานจาก ๔. บอกคุณลักษณะของคอมพิว฼ตอร์฽ละอุปกรณ์ จินตนาการหรืองานที่ทา฿นชีวิตประจาวัน ตํอพวํ ง ตามหลักการทา฾ครงงานอยํางมีจิตสานึก ๕. ฽กป๎ ัญหาด๎วยกระบวนการ฼ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศ ฽ละ ความรบั ผดิ ชอบ อยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๖. ฼ขียน฾ปร฽กรมภาษา ๗. พัฒนา฾ครงงานคอมพิว฼ตอร์ ๘. ฿ช๎ฮาร์ด฽วร์฽ละซอฟต์฽วร์฿ห๎฼หมาะสมกับงาน ๙. ติดตํอสื่อสาร ค๎นหาขอ๎ มลู ผาํ นอนิ ฼ทอร฼์ นต็ ๑๐. ฿ช๎คอมพิว฼ตอร์฿น การประมวลผลข๎อมูล฿ห๎฼ป็น สารสน฼ทศ ฼พ่อื ประกอบการตดั สนิ ฿จ ๑๑. ฿ช฼๎ ทค฾น฾ลยีสารสน฼ทศนา฼สนองาน ฿นรูป฽บบ ท่ี฼หมาะสม ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของงาน ๑๒. ฿ช๎คอมพิว฼ตอร์ชํวยสร๎างช้ินงานหรือ฾ครงงาน อยาํ งมีจิตสานึก฽ละความรบั ผดิ ชอบ ๑๓. บอกข๎อควรปฏิบัติสาหรับผ๎ู฿ช๎฼ทค฾น฾ลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook