หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๕ ๗. รํวมจัดทา ดูล รักษา ละพัฒนาสื่อการรียนรู๎ตลอดจนหลํงรียนร๎ู ทั้งภาย฿นละ ภายนอกหอ๎ งรยี นอยาํ งป็นระบบละตํอน่อื ง ๘. อนุรกั ษธ์ รรมชาติ ละสิ่งวดล๎อม สืบสานวัฒนธรรม ตลอดจนมรดกของชุมชนเด๎อยําง ปน็ ระบบ ๙. ประสานความสัมพันธ์กับครู ภูมิปัญญาท๎องถ่ิน ชุมชนละองค์กรตํางๆ ฿นชุมชนพื่อ การรยี นร๎เู ด๎อยาํ งหมาะสม ๑๐. รกั ษาสทิ ธิละอกาส฿นการขา๎ รบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ๑๒ ปี
หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๖ ส่อื การเรียนรู้ สื่อการรียนร๎ู ปน็ ครอ่ื งมอื สงํ สริมสนบั สนุนการจดั การกระบวนการรียนรู๎ ฿ห๎ผ๎ู รียนข๎าถึงความร๎ู ทักษะ กระบวนการ ละคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรเด๎อยํางมีประสิทธิภาพ ส่ือการรียนรู๎มีหลากหลาย ประภท ทั้งส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ือทคนลยี ละครือขํายการรียนรู๎ตํางๆ ที่มี฿นท๎องถิ่น การลือก฿ช๎ส่ือ ควรลอื ก฿ห๎มคี วามหมาะสมกับระดบั พัฒนาการ ละลีลาการรยี นร๎ทู ่ีหลากหลายของผ๎ู รียน การจัดหาส่ือการรียนรู๎ ผู๎รียนละผู๎สอนสามารถจัดทาละพัฒนาขึ้นอง หรือปรับปรุงลือก฿ช๎อยํางมี คุณภาพจากสอื่ ตาํ งๆ ทม่ี อี ยํูรอบตัวพ่อื นามา฿ช๎ประกอบ฿นการจัดการรียนร๎ูท่ีสามารถสํงสริมละสื่อสาร฿ห๎ผ๎ูรียน กิดการรยี นร๎ู ดยสถานศึกษาควรจัด฿ห๎มีอยํางพอพียงพ่ือพัฒนา฿ห๎ผู๎รียนกิดการรียนร๎ูอยํางท๎จริง ฿นการ จัดทา การลือก฿ช๎ ละการประมินคุณภาพสื่อการรียนร๎ูที่฿ช๎฿นสถานศึกษา ควรคานึงถึงหลักการสาคัญของสื่อ การรียนรู๎ ชํน ความสอดคล๎องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การรียนร๎ู การออกบบกิจกรรมการรียนร๎ู การจัด ประสบการณ฿์ หผ๎ ๎ูรยี น น้ือหามคี วามถกู ตอ๎ งละทันสมยั เมํกระทบความมน่ั คงของชาติ เมขํ ัดตอํ ศีลธรรม มีการ฿ช๎ ภาษาท่ถี กู ตอ๎ ง รูปบบการนาสนอท่ีขา๎ ฿จงาํ ย ละนําสน฿จ (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๑) ๑. ประเภทของสือ่ การเรยี นรู้ ส่อื การรียนรู๎ จานกตามลกั ษณะเด๎ ๓ ประภท ดังนี้ ๑.๑ สื่อสง่ิ พมิ พ์ เด๎ กํ หนังสอื ละอกสารส่งิ พมิ พ์ตํางๆ ชํน นติ ยสาร วารสาร ตารา หนังสือรียน ผนํ พับ ปสตอร์ ภาพพลิก ปน็ ต๎น ๑.๒ สื่อเทคโนโลยี เด๎กํ ส่อื การรียนรู๎ที่ผลิตข้ึนพื่อ฿ช๎คํูกับครื่องมือ สตทัศนวัสดุ หรือครื่องมือ ที่ ปน็ ทคนลยี฿หมํๆ รวมถงึ การ฿ช๎อนิ ทอร์ นต การศึกษาผาํ นดาวทยี ม ป็นต๎น ๑.๓ สอ่ื อน่ื ๆ ชนํ ส่ือบคุ คล รวมถงึ ภมู ิปัญญาทอ๎ งถิน่ สอื่ ธรรมชาติละสิ่งวดล๎อม ส่ือกิจกรรม/ กระบวนการ ส่อื วัสดุ/ครื่องมือละอุปกรณ์ ๒. การใช้สือ่ การเรียนรู้ การ฿ช๎ส่ือการรียนรู๎อยํางมีประสิทธิภาพจะกํอ฿ห๎กิดประสิทธิผลตํอผ๎ูรียน ดยครูผู๎สอนจะต๎อง ดานนิ การ ดงั นี้ ๒.๑ การเตรยี มตวั ของครูผู้สอน ๑) ศึกษาน้ือหาสาระ฿นสื่อการรียนร๎ูที่เด๎ลือกเว๎ พ่ือตรวจสอบวํามีความสมบูรณ์ตามที่ ตอ๎ งการหรอื เมํ กรณมี ีสาระเมํครบถ๎วน อาจจัดทา฿บความรู๎ ฿บงานสริม ๒) ทดลอง฿ชส๎ ือ่ การรียนรบู๎ างประภท ท่ีมวี ธิ กี าร฿ช๎ที่ยํุงยากหรือทดสอบประสิทธิภาพของสื่อ วําสรา๎ งความขา๎ ฿จ฿ห๎กบั ผู๎ รยี นพียง฿ด หมาะสมกับวลารียนหรือเมํ ละตอ๎ งกเ๎ ขปรบั ปรุงอะเรบ๎าง ๓) จัดตรียมอุปกรณ์ คร่ืองมือ฿ห๎พร๎อมลํวงหน๎าจะเด๎เมํสียวลา ละตรวจสอบอุปกรณ์ ครือ่ งมือตํางๆ ฿ห๎ครบถ๎วนอยู฿ํ นสภาพพร๎อม฿ช๎สมอ
หลักสูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๗ ๒.๒ เตรยี มจดั สภาพแวดล้อม การ฿ช๎สื่อการรียนร๎ูบางประภท ต๎องจัด฿ห๎อยูํ฿นสภาพท่ีหมาะสม กับสถานที่หรือห๎องรียนนั้น ๆ เมํวําจะป็นตาหนํงท่ีหมาะสมของคร่ืองมือละวัสดุ อุปกรณ์ ระยะที่น่ังท่ี หมาะสมของผู๎ รียนหรอื สงภาย฿นห๎อง ๒.๓ เตรียมความพรอ้ มผู้เรยี น ครูผูส๎ อนควรชี้ จง฿ห๎ผู๎รยี นรู๎ ปาู หมายของการรียนรู๎ ดย฿ช๎สื่อน้ัน ๆ พ่อื ฿ห๎ผ๎ู รยี นรียนร๎ูอยํางมีปูาหมาย ละมีความพร๎อม฿นการรียนร๎ูจากสื่อนั้น หรือ฿นกรณีท่ีผู๎รียนต๎อง฿ช๎สื่อ ด๎วยตนอง ครูผูส๎ อนต๎องนะนาวิธีการ฿ช๎สื่อนั้นด๎วย ที่สาคัญจะต๎องบอกวําผู๎รียนต๎องทากิจกรรมอะเรบ๎าง พื่อ จะเด๎ ตรยี มตวั เด๎ถูกต๎อง ๒.๔ ดาเนินการใช้ส่ือการเรียนรู้ ดยขณะที่จัดกิจกรรมการรียนการสอนนั้น ครูผ๎ูสอนต๎อง พจิ ารณาวําผ๎ู รยี นมีปฏิกิริยาอยํางเร มีความตั้ง฿จละกระตือรือร๎น฿นการรียนหรือเมํ พราะปฏิกิริยาของผู๎รียน ปน็ ตัวช้ีวดั เดว๎ าํ สือ่ มีความหมาะสมกบั กิจกรรมละผู๎รียนพียง฿ด นอกจากน้คี วรมีการ฿ช๎คร่ืองมือหรือวิธีการตําง ๆ ทจ่ี ะตรวจสอบวําสือ่ การรียนรู๎มีประสทิ ธิภาพหรอื เมํพียง฿ด ๒.๕ ประเมินการใช้สือ่ การเรยี นรู้ ป็นการนาขอ๎ มูลจากการ฿ช๎ส่ือมาวิคราะห์฿ห๎กิดความชัดจนวํา มีอุปสรรคจากการ฿ช๎ส่ืออยํางเร มีความหมาะสมกับกิจกรรมละผู๎รียนระดับ฿ด การประมินจะชํวย฿นการ ตัดสนิ ฿จลอื ก฿ช๎สือ่ การรียนรู๎สาหรับการจัดการรียนร๎ู฿นคร้ังตํอ ๆ เป หรือปรับปรุงพื่อพัฒนาพ่ิมติม฿ห๎มีความ หมาะสมย่ิงขน้ึ ๓. แนวคิดและตัวอย่างของการใช้สือ่ การเรยี นรู้ ๓.๑ สื่อการเรียนรู้ ตามทฤษฎีการเรียนรู้ของสมอง (Brain – based Learning) มีวิธกี ารนาสนอดยวิธีกระต๎ุนการรียนร๎ู เด๎กํ การริ่มรื่องด๎วยคาถาม การ฿ห๎ผู๎รียนมีสํวน รํวมกับหนังสือ ดยการ฿ห๎สืบค๎นข๎อมูล฿กล๎ตัว ทา฿ห๎สามารถชื่อมยงตนองกับหนังสือเด๎ มีกิจกรรมการรียนร๎ู ผาํ นกระบวนการรียนรู๎ ตัง้ ตกํ ารสังกต การสื่อสาร สนทนา ถามตอบ การทางานกลํุม การระดมสมอง การ ลกปล่ยี นความคิด การกป๎ ัญหา การฝึกทักษะการคิด จะต๎องทาป็นกระบวนการตํอนื่องละสอดคล๎องกัน฿น ลักษณะบูรณาการทั้งหลักสูตรละตํอนื่องตามระดับช้ันยงเปสํูสถานการณ์ท่ีผ๎ูรียนจะต๎องประสบ ผู๎รียนที่มี พ้ืนฐานการคดิ ทีถ่ ูกวธิ ี มี หตุผลจะสามารถกเ๎ ขสถานการณ์฿นทางที่หมาะสม สามารถคดิ สรา๎ งสรรค์ ๓.๒ สอ่ื การเรียนรกู้ ับชวี ติ จริง การบูรณาการการรียนร๎ูกับชีวิตจริง คือการ฿ห๎ผ๎ูรียนนาความร๎ูความข๎า฿จละรงบันดาล฿จ จากสื่อการรียนรู๎เปประยุกต์฿ช๎฿นชีวิตประจาวัน พ่ือ฿ห๎กิดประยชน์จริง การสร๎างกิจกรรมพื่อกระตุ๎น฿ห๎กิด การบรู ณาการการรยี นร๎ูกบั ชวี ติ จริง ตอ๎ งคานงึ ถงึ สิง่ ตํอเปน้ี ๑) ทาความข๎า฿จกับนวคิดละผลท่ีคาดหวังของหนังสือตํละลํม หรือสื่อการรียนรู๎ตํละ รายการพ่ือ฿ห๎ กิดความชดั จน฿นการจดั กจิ กรรม ๒) คานึงถึงบริบทของผ๎ูรียนวําก่ียวน่ืองกับรื่อง฿ดบ๎าง พื่อสร๎างกิจกรรม฿ห๎ผู๎รียนเด๎บูรณา การกับชวี ติ จริง ๓.๓ ส่อื การเรียนร้ตู ลอดชวี ิต การรียนร๎ูจะกิดข้ึนเด๎จากการท่ีผ๎ูรียนเด๎ซึมซับจากประสบการณ์ สิ่งวดล๎อม ละส่ือการ รียนรู๎ผํานกระบวนการรียนร๎ูท่ีครูผู๎สอนจัด฿ห๎ ดยปิดอกาส฿ห๎ด็กคิดวิคราะห์ รียนรู๎ด๎วยตนอง มี
หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๘ ประสบการณ์ตรง รียนร๎ูที่จะหาคาตอบ฿ห๎มากที่สุด ครูผู๎สอนจะต๎องป็นผ๎ูอานวยความสะดวก฿ห๎ผู๎รียนกิดการ รียนร๎ู สื่อที่สํงสริมการรียนร๎ูด๎วยตนองตลอดชีวิต นอกจากจะป็นหนังสือรียนละหนังสือสริมประสบการณ์ ล๎ว สอ่ื ทคนลยี ขา๎ มามีบทบาทสาคัญ฿ห๎ครูผูส๎ อนเด๎ลือก฿ช๎ ชํน สอ่ื ทางเกลผํานดาวทยี ม ผู๎รียนสามารถดู รายการสาระการรียนร๎ูท่ีต๎องการ฿นวลาที่สะดวกเด๎ ตามกาหนดผังรายการจากทรทัศน์ผํานดาวทียมละ สามารถสืบค๎นข๎อมลู เด๎จาก website ที่฿หส๎ าระประยชนต์ ามน้อื หาท่ตี ๎องการ ๓.๔ สื่อการเรยี นรู้ ในรูปของกจิ กรรม การสํงสริม฿ห๎ผ๎ูรียนรียนร๎ูผํานกิจกรรมที่ป็นส่ือของจริงบบกระบวน การจะชํวย฿ห๎ผ๎ูรียน รยี นรู๎อยํางมีความหมาย ชอื่ มยงสูํการนาเป฿ช฿๎ นชวี ติ จรงิ ชํน ๑) ปลกู ขา๎ ว ปลกู ผักปลอดสารพิษดยเมตํ อ๎ งซื้อจากภายนอก ๒) จัดระบบนิ วศน์หมุนวยี น มีการกกั น้าฝนจากภูขา ม่อื นามา฿ช๎ ล๎วจะกลายป็นน้าสียลง บํอนามาบาบัดละนากลับมา฿ช๎฿หมํ ๓) นาขยะมา฿ช๎ผลิตกระสเฟฟูาดย฿ช๎ก๏สจากพลาสติก ยํอยถุงพลาสติกละศษอาหาร฿ช๎ ป็นปยุ๋ ชีวภาพ ๔) ผลติ พลังงานเบอดีซลพ่ือ฿ช๎฿นรถกระบะ ฿ช๎พลังงานลม พลังงานสงอาทิตย์ละขยะนา มาผลิตกระสเฟฟาู ๕) การปอู งกันน้าสียดย฿ช๎น้าพุพอ่ื ติมออกซิจน฿นนา้ ๖) ข้นั ตอนละวิธกี ารปลูกผักบบเฮดรฟนิค (Hydrophonic) ๗) ทาก๏าซชีวภาพจากศษอาหาร ๘) ผลิตชมพูสระผม (ดอกอัญชัน–มะกรูด) น้ายาล๎างจาน น้ายาซักผ๎า น้ายาล๎างห๎องน้า น้ายา รดี ผา๎ นา้ มันมะพรา๎ ว คัดลอกจาก “นวทางการจัดการรียนรู๎ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑” (ของสานัก วิชาการละมาตรฐานการศกึ ษา ๒๕๕๒)
หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๙ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ การวดั ละประมินผลการรียนรู๎฿ห๎ปน็ เปตามหลกั การพนื้ ฐานสองประการ คอื การประเมินเพ่ือพัฒนา ผู้เรียน และการประเมินเพอื่ ตดั สนิ ผลการเรยี น ซงึ่ มีวธิ ีการดานนิ การ ดังนี้ การประเมินเพ่อื พัฒนาผู้เรยี น ป็นการประมินผลการรียนละการรียนการสอนท่ีกิด฿นห๎องรียนทุกวัน ดยผ๎ูสอนจะต๎องก็บ รวบรวมขอ๎ มูลกีย่ วกับผลการรยี นละการรยี นร๎ูของผ๎ูรียนอยํางตํอนื่อง บันทึก วิคราะห์ ปลความหมายข๎อมูล ลว๎ นามา฿ช฿๎ นการสํงสริมหรือปรับปรุงก๎เขการรียนรู๎ของผ๎ูรียนละการสอนของครู ครูผู๎สอนต๎อง฿ช๎วิธีการละ ครื่องมือท่ีหลากหลาย ชํน การสังกต การซักถาม การระดมความคิดห็นพื่อ฿ห๎เด๎มติข๎อสรุปของประด็นท่ี กาหนด การ฿ช๎ฟูมสะสมงาน การ฿ช๎ภาระงานท่ีน๎นการปฏิบัติ การประมินความร๎ูดิม การ฿ห๎ผ๎ูรียนประมิน ตนอง การ฿ห๎พ่ือนประมนิ พ่ือน ละการ฿ช๎กณฑ์การ฿หค๎ ะนน (Rubries) สิ่งทีส่ าคัญท่ีสุด฿นการประมินพ่ือ พัฒนา คือ การ฿ห๎ข๎อมูลย๎อนกลับกํผู๎รียน฿นลักษณะคานะนาที่ช่ือมยงความร๎ูดิมกับความร๎ู฿หมํ ทา฿ห๎ การ รียนรู๎พอกพนู ก๎เขความคิดความข๎า฿จดิมที่เมํถูกต๎อง ตลอดจนการ฿ห๎ผ๎ูรียนสามารถตั้งปูาหมายละพัฒนา ตนเด๎ การวัดและประเมินผลเพือ่ ตัดสินผลการเรียน ป็นการประมินสรุปผลการรียนรู๎ (Summative Assessment) ซึ่งมีหลายระดับ เด๎กํ ม่ือรียน จบหนํวยการรียน จบรายวิชา พ่ือตัดสิน฿ห๎คะนน หรือ฿ห๎ระดับผลการรียน ฿ห๎การรับรองความรู๎ความสามารถ ของผู๎รยี นวาํ ผาํ นรายวชิ าหรอื เมํ ควรเด๎รบั การล่ือนชน้ั หรือเมํ หรอื สามารถจบหลักสูตรหรือเมํ ฿นการประมินพ่ือ ตัดสินผลการรียนที่ดีต๎อง฿ห๎อกาสผ๎ูรียนสดงความร๎ูความสามารถด๎วยวิธีที่หลากหลาย ละพิจารณาตัดสินบน พน้ื ฐานของกณฑ์ผลการปฏบิ ัติมากกวํา฿ช๎ ปรียบทียบระหวํางผู๎รยี น รงรียนพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ต๎องดานินการ฿ห๎มีการวัดละประมินผลการรียนรู๎ ตามที่หลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนดเว๎ ๔ ระดับ เด๎กํ ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับชาติ ซึ่งทุกระดับมีจตนารมณ์ชํนดียวกัน คือ ตรวจสอบ ความกา๎ วหน๎า฿นการรยี นรขู๎ องผ๎ู รียนพอื่ นาผลการประมินมา฿ช๎ป็นข๎อมูล฿นการพฒั นาอยาํ งตํอน่ือง ดงั น้ี ๑. การประเมินระดับชน้ั เรยี น ป็นการวัดละประมนิ ผลพอื่ พฒั นาผู๎ รยี นละตัดสินผลการรียน฿นรายวิชา/กจิ กรรมท่ีผ๎ูสอนจัดการ รียนร๎ู ฿นการประมินพื่อการพัฒนา ป็นการประมินผลการรียนรู๎ตามตัวช้ีวัดที่กาหนดป็นปูาหมาย฿นตํละ หนํวยการรียนร๎ูด๎วยวิธีการตํางๆ ชํน ซักถาม การสังกต การตรวจการบ๎าน การประมินครงงาน/ช้ินงาน/ ภาระงาน ฟูมสะสมงาน การ฿ช๎บบทดสอบ การสดงออก฿นการปฎิบัติผลงานการสดงกิริยาอาการตํางๆ ของผ๎ูรียนตลอดวลาท่ีจัดกิจกรรม พ่ือประมินวําผู๎รียนบรรลุตัวช้ีวัด หรือมีนวน๎มวําจะบรรลุตัวช้ีวัดพียง฿ด ละดานินการก๎เขข๎อบกพรํองป็นระยะๆ อยํางตํอน่ือง การประมิน฿นระดับน้ี ผู๎สอนป็นผู๎ดานินการอง หรอื ปดิ อกาส฿ห๎ผู๎ รยี นประมนิ ตนอง พ่อื นประมินพ่ือน หรือผปู๎ กครองมสี ํวนรํวมประมินกเ็ ด๎
หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๐ สาหรบั การประมนิ พื่อตัดสินปน็ การตรวจสอบ ณ จุดท่ีกาหนดล๎วตัดสินวําผู๎รียนมีผลการรียนรู๎ อันกิดจากการจัดกิจกรรมการรียนการสอนหรือเมํ มากน๎อยพียง฿ด ป็นการก็บคะนนของหนํวยการรียนร๎ู หรือการก็บคะนนของการประมนิ ผลกลางภาค หรือปลายภาค ตามรูปบบการประมินท่ีรงรียนกาหนด ผล การประมินนอกจากจะ฿ห๎ ปน็ คะนนหรือระดบั ผลการรียนร๎ู กผํ ู๎ รยี นล๎ว ยงั ป็นข๎อมูล฿ห๎ผ๎ูสอน฿ช๎ปรับปรุงการ รียนการสอนของตนดว๎ ย ๒. การประเมนิ ระดบั สถานศึกษา ป็นการประมินท่ีรงรียนดานินการพื่อตัดสินผลการรียนของผ๎ูรียนป็นรายปี/รายภาค ผลการ ประมนิ การอําน คิดวิ คราะห์ละขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ละกิจกรรมพัฒนาผู๎รียน การอนุมัติผลการ รียน การตัดสนิ การล่ือนชั้นรียน ละป็นการประมินพ่ือ฿ห๎เด๎ข๎อมูลกี่ยวกับการจัดการศึกษาของรงรียน วํา สงํ ผลตอํ การรียนรูข๎ องผ๎ู รียนตามปูาหมายหรือเมํ ผู๎รียนมีจุดพัฒนา฿นด๎าน฿ด รวมทั้งสามารถนาผลการรียนของ ผู๎รียน฿นรงรียนปรียบทียบกับกณฑ์ระดับชาติ ผลการประมินระดับรงรียนจะป็นข๎อมูลละสารสนทศพื่อ การปรับปรุงนยบาย หลักสูตร ครงการ หรือวิธีการจัดการรียนการสอน ตลอดจนพ่ือการจัดทาผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของรงรียน ตามนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาละการรายงานผลการจัดการศึกษาตํอ คณะกรรมการรงรียน สานักงานขตพ้ืนที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู๎ปกครอง ละชุมชน ๓. การประเมนิ ระดบั เขตพนื้ ท่ีการศึกษา ป็นการประมินคุณภาพผ๎ูรียน฿นระดับขตพ้ืนท่ีการศึกษาตามมาตรฐานการรียนรู๎ตามหลักสูตร กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ่ือ฿ช๎ป็นข๎อมูลพ้ืนฐาน฿นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของขตพื้นท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผดิ ชอบ สามารถดานินการดยประมินคุณภาพผลสัมฤทธ์ิของผู๎รียนด๎วย วิธีการละครื่องมือ ที่ป็นมาตรฐานที่จัดทาละดานินการดยขตพื้นท่ีการศึกษา หรือด๎วยความรํวมมือกับหนํวยงานต๎นสังกัด ละ หรือหนํวยงานที่ก่ียวข๎อง฿นการดานินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังเด๎จากการตรวจสอบทบทวนข๎อมูลจากการ ประมินระดับรงรียน฿นขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา รงรียนพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ทุกหํงควร฿ห๎ความรํวมมือ฿นการประมินคุณภาพ ผู๎รียน฿นระดับขตพ้ืนที่การศึกษา พ่ือจักเด๎นาผลของการประมิน฿ช๎ป็นข๎อมูล฿นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของรงรียนตํอเป ๔. การประเมินระดบั ชาติ ป็นการประมนิ คุณภาพผู๎รียน฿นระดับชาติตามมาตรฐานการรียนรู๎ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ รงรียนต๎องจดั ฿ห๎ผ๎ู รยี นทุกรูปที่ รียน฿นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ละชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ ขา๎ รบั การประมนิ ผลจากการประมิน฿ช๎ป็นข๎อมูล฿นการทียบคียงคุณภาพการศึกษา฿นระดับตํางๆ พื่อนาเป฿ช๎ ฿นการวางผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนป็นข๎อมูลสนับสนุนการตัดสิน฿จ฿นระดับนยบายของ ประทศ การประมิน฿นทุกระดับข๎างต๎นมีจตนารมณ์ชํนดียวกัน คือ ตรวจสอบความก๎าวหน๎า฿นการรียนรู๎ ของผ๎ู รยี น พ่ือนาผลการประมินมา฿ช๎ป็นข๎อมูล฿นการพัฒนาอยํางตํอน่ือง รงรียน สามารถนาข๎อมูลจากการ
หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๑ ประมินเป฿ช๎฿นการตรวจสอบทบทวนพฒั นาคณุ ภาพผ๎ูรียน รงรียนมีภาระความรับผิดชอบท่ีจะต๎องจัดระบบดูล ชํวยหลือ ปรับปรุงก๎เข สํงสริมสนับสนุนพื่อ฿ห๎ผู๎รียนเด๎พัฒนาต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความตกตําง ระหวํางบุคคลที่จานกตามสภาพปัญหาละความต๎องการ เด๎กํ กลุํมผู๎รียนทั่วเป กลํุมผ๎ูรียนที่มีความสามารถ พิศษ กลํุมผ๎ูรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการรียนต่า กลํุมผู๎รียนที่มีปัญหาด๎านวินัยละพฤติกรรม กลํุมผู๎รียนที่ ปฏิ สธรงรียน กลํุมผู๎รียนท่ีมีปัญหาทางศรษฐกิจละสังคม กลํุมพิการทางรํางกายละสติปัญญา ป็นต๎น ข๎อมูล จากการประมินจึงป็นหัว฿จของรงรียน฿นการดานินการชํวยหลือผ๎ูรียนเด๎ทันทํวงที ปิดอกาส฿ห๎ผู๎รียนเด๎รับ การพัฒนาละประสบความสารจ็ ฿นการรียน รงรียน฿นฐานะผู๎รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต๎องจัดทาระบียบวําด๎วยการวัดละประมินผลการ รียนของรงรียน฿ห๎สอดคล๎องละป็นเปตามหลักกณฑ์ละนวปฏิบัติที่ป็นข๎อกาหนดของหลักสูตรกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พ่ือ฿ห๎บุคลากรที่กี่ยวข๎องทุกฝุายถือปฏิบัติรํวมกัน ดยอยํางน๎อยต๎องกาหนดสาระของ ระบียบ ประกอบด๎วย ๑. หลกั การดานนิ การวัดละประมนิ ผลการรยี นของรงรยี น ๒. การตัดสนิ ผลการรยี น ๓. การ฿ห๎ระดบั ผลการรียน ๔. การรายงานผลการรยี น ๕. กณฑ์การจบการศกึ ษา ๖. อกสารหลักฐานการศกึ ษา ๗. การทียบอนผลการรยี น ๘. การประมนิ คุณภาพผู๎รียน การจัดระบบงานวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ รงรยี นจัดระบบงานวัดละประมินผลการรยี นร๎ู ปน็ ๒ สํวน เด๎กํ งานวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ละ งานทะเบียน ดยกาหนด฿ห๎มีผู๎รับผิดชอบ฿นตํละงานด๎วย (ตํถ๎ามีความจาป็น ชํน ป็นรงรียนขนาดล็ก อาจรวม฿ห๎ ป็นงานดยี วละมอบหมายผร๎ู บั ผดิ ชอบคนดียวกเ็ ด)๎ ซ่ึงตํละงานมคี วามสาคัญ ดังน้ี งานวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ มหี นา๎ ท่ีรบั ผดิ ชอบการดานนิ งานวัดละประมนิ ผลการรียนรขู๎ องรงรยี น ฿ห๎คาปรึกษากี่ยวกับการ วัดละประมินผลการรียนรู๎กํครูผ๎ูสอนละผ๎ูรียน ตลอดจนสํงสริมความข๎มข็ง฿นทคนิควิธีการวัดละ ประมินผลการรยี นร฿ู๎ ห๎ กบํ ุคลากรของรงรียน งานทะเบียน มีหน๎าท่รี บั ผิดชอบดา๎ นอกสารหลักฐานการศึกษา อกสารการประมินผลการจัดทา จัดก็บละการ ออกอกสารหลกั ฐานการศึกษาอยาํ งมีระบบ ป็นตน๎ ภาระงานการวดั ละประมนิ ผลการรียนรม๎ู ีความสาคัญละมีความกี่ยวข๎องกับหลายฝุาย฿นรงรียน นับต้ังตํระดับบริหาร฿นการกาหนดนยบายการวัดผลการจัดทาระบียบวําด๎วยการวัดละประมินผลการรียนรู๎
หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๒ ตามหลักสูตรสถานศึกษาพ่ือ฿ห๎บุคลากรทุกฝุายที่กี่ยวข๎องถือปฏิบัติ นอกจากยังมีความกี่ยวข๎องกับผ๎ูรียนทุกรูป ตัง้ ตํ ขา๎ รยี นจนจบการศึกษาตามหลักสูตรละการออกจากรงรียน ดังนั้น รงรียนจึงจาป็นต๎องวิคราะห์ภาระ งาน กาหนดกระบวนการทางานละผู๎รับผิดชอบตํละข้ันตอนอยํางชัดจนหมาะสม การดานินงานวัดละ ประมนิ ผลการรยี นร๎ทู เ่ี มํ ป็นระบบ จะสํงผลกระทบตํอความช่ือม่ัน฿นคุณภาพการจดั การศึกษาของรงรียน รงรียนยดึ หลักสาคญั วํา การดานินงานวัดละประมินผลการรียนรู๎ต๎องอยํูบนพื้นฐานหลักวิชาการละ หลักธรรมาภิบาล รงรียนต๎องปิดอกาส฿ห๎ทุกฝุายมีสํวนรํวม฿นการป็นคณะกรรมการฝุายตํางๆ อยํางกว๎างขวาง รวมท้ังกาหนด฿ห๎คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ละคณะกรรมการบริหารหลักสูตรละวิ ชาการของ สถานศึกษามสี ํวนรับผดิ ชอบ (สาหรบั รงรยี นขนาดลก็ อาจตํงตง้ั คณะกรรมการตามความหมาะสม) บทบาทของบคุ ลากรในการดาเนนิ งานการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ บุคลากรฝุายตํางๆ มีบาทบาทละภารกิจ฿นการดานนิ งานการวดั ละประมินผลการรยี นรู๎ ดงั นี้ ๑. บทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ๑) ฿ห๎ความห็นชอบหลกั สูตรละระบยี บการวัดละประมนิ ผลการรยี นของรงรียน ๒) ฿ห๎ความหน็ ชอบกณฑ์ ละนวปฏบิ ัต฿ิ นการวัดละประมิน - การรยี นรต๎ู ามกลํมุ สาระการรยี นรทู๎ ั้ง ๘ กลํมุ - ความสามารถ฿นการอําน คิด วิคราะห์ - คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศึกษา - กจิ กรรมพฒั นาผู๎ รยี น ๓) ฿ห๎ความห็นชอบกระบวนการละวธิ ีการสอนซํอมสริม การก๎เขผลการรียนละอนื่ ๆ ๔) กากับ ติดตาม การดานินการจัดการรียนการสอนตามกลุํมสาระการรียนรู๎ การพัฒนา ความสามารถด๎านการอําน คิดวิคราะห์ ละขียน การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ละการจัด กจิ กรรมพัฒนาผ๎ูรียน ๕) กากบั ติดตามการวดั ละประมินผลละการตัดสินผลการรยี น ๒. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวชิ าการ ๑) กาหนดระบียบวาํ ดว๎ ยการวัดละประมนิ ผลการรยี นรู๎ของสถานศกึ ษา ๒) กาหนดผนการวัดละประมินผลการรียนรู๎ตามหลักสูตรละสาระพิ่มติมของรายวิชาตํางๆ ฿น ตํละกลํุมสาระการรียนร๎ู ดยวิคราะห์จากมาตรฐานการรียนร๎ู/ตัวชี้วัดของกลุํมสาระการรียนรู๎ ละจัดทารายวชิ าพร๎อมกณฑ์การประมิน ๓) กาหนดส่ิงที่ต๎องการประมิน฿นการอําน คิดวิคราะห์ ละขียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ กจิ กรรมพฒั นาผู๎ รยี น พรอ๎ มกณฑก์ ารประมินละนวทางการพฒั นาละสํงสรมิ ผู๎ รียน ๔) กาหนดการทบทวนการพฒั นาสมรรคถนะสาคัญของผ๎ู รียน ๕) ฿ห๎ข๎อสนอนะ ข๎อหารือกี่ยวกับวิธีการทียบอนผลการรียน฿ห๎ป็นเปตามหลักการละนว ทางการทียบอนผลการรยี นของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๓ ๓. คณะอนกุ รรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๑) กาหนดนวทางการจัดการรียนรู๎ของกลํุมสาระการรียนร๎ูตํางๆ การจัดกิจกรรมพัฒนา ผู๎รียน พรอ๎ มนวทางการวัดละประมนิ ผลการรียนร๎ู ๒) สนับสนุนการจัดการรียนรู๎ การจัดกิจกรรมพัฒนาผ๎ูรียน การวัดละประมินผลการรียนร๎ู ละ ตัดสนิ ผลการรียนตามนวทางท่ีกาหนดเว๎ ๓) พิจารณา฿ห๎ความห็นชอบผลการวัดละประมินผลการรียนรู๎ สาระการรียนร๎ูรายปี/ราย ภาคละ กิจกรรมพฒั นาผู๎รียน ๔. คณะกรรมการพฒั นาและประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ๑) กาหนดนวทาง฿นการพัฒนา การประมิน การปรับปรุงก๎เข ละการตัดสิน ความสามารถ฿นการ อาํ น คิดวิ คราะห์ ละขียนของผู๎ รียน ๒) ดานินการประมินความสามารถ฿นการอําน คดิ วิคราะห์ ละขยี น ๓) ตัดสินผลการพัฒนาความสามารถ฿นการอําน คิดวิคราะห์ ละขียนของผ๎ูรียนรายปี/รายภาค ละการจบการศกึ ษาตลํ ะระดบั ๕. คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรยี น ๑) กาหนดนวทางการพัฒนาละการประมิน กณฑ์การประมิน ละนวทางการปรับปรุงก๎เข คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๒) พิจารณาตัดสินผลการประมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายปี / รายภาค ละการจบการศึกษา ตลํ ะระดบั ๓) จัดระบบการปรบั ปรุงกเ๎ ขคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด๎วยวิธีการอันหมาะสมละสํงตํอข๎อมูลพ่ือการ พฒั นาอยํางตํอนื่อง ๖. คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรยี น ๑) จดั ทาสาระ คร่ืองมือ ละวิธีการทียบอน฿ห๎ป็นเปตามนวปฏิบัติก่ียวกับการทียบอนผลการ รยี นข๎าสํกู ารศกึ ษา฿นระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ๒) ดานินการทียบอนผลการรียน฿ห๎กับผ๎ู รียนท่ีรอ๎ งขอ ๓) ประมวลผลละตดั สนิ ผลการทียบอน ๔) สนอผลการทียบอนตํอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรละวิชาการของสถานศึกษาพ่ือ฿ห๎ความ ห็นชอบละสนอผบู๎ ริหารสถานศึกษาตดั สินอนุมัตกิ ารทียบอน ๗. ผู้บริหารโรงเรยี น ๑) ป็นลขานุการคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ๒) ป็นประธานคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรละวิชาการของสถานศกึ ษา ๓) อนุมัติผลการประมินผลการรียนรายปี/รายภาค ละตัดสินอนุมัติการลื่อนช้ันรียน การซ้าช้ัน การจบการศกึ ษา
หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๔ ๔) ฿หค๎ านะนา ขอ๎ ปรึกษาหารือกย่ี วกบั การดานินงานกบํ คุ ลากร฿นสถานศึกษา ๕) กากบั ติดตาม฿ห๎การดานินการวดั ละประมินผลการรียนร๎ูบรรลุ ปูาหมาย ๖) นาผลการประมินเปจัดทารายงานผลการดานินงาน กาหนดนยบายละวางผนพัฒนาการจัด การศกึ ษา ๘. ครูผสู้ อน ๑) จัดทาหนํวยการรียนรู๎ ผนการจัดการรียนรู๎ ผนการประมินผลการรียนร๎ู฿นรายวิชาหรือ กิจกรรมท่ีรับผดิ ชอบ ๒) วัดละประมินผลระหวํางรียนควบคูํกับการจัดกิจกรรมการรียนร๎ูตามผนที่กาหนดพร๎อมกับ ปรบั ปรุงกเ๎ ขผู๎ รียนทีม่ ีข๎อบกพรอํ ง ๓) ประมินตดั สินผลการรียนร๎ูของผ๎ูรียน฿นรายวิชาท่ีสอน หรือกิจกรรมที่รับผิดชอบมื่อสิ้นสุดการ รยี นรายปี/รายภาค สงํ หัวหนา๎ กลมํุ สาระการรียนรหู๎ รอื กจิ กรรมพฒั นาผ๎ู รยี น ๔) ตรวจสอบสมรรถนะสาคญั ของผ๎ูรียน ๕) นาผลการประมนิ เปวิคราะห์ พอ่ื พฒั นาการจดั การรียนการสอน ๙. ครูวดั ผล ๑) สํงสรมิ พัฒนาระบบละทคนิควิธกี ารวดั ละประมนิ ผลการรียนรด๎ู ๎านตํางๆ กํครู ละบุคลากร ของสถานศึกษา ๒) ฿ห๎คาปรึกษา ติดตาม กากับการวัดละประมินผลการรียนร๎ูของสถานศึกษา฿ห๎ป็นเปตามหลัก วชิ าการละนวทางทสี่ ถานศึกษากาหนดเว๎ ๓) ตรวจสอบ กล่ันกรอง ปรับปรุงคุณภาพของวิธีการ ครื่องมือวัดละประมินผลการรียนร๎ูของ สถานศึกษา ๔) ปฏิบัติงานรํวมกับนายทะบียน฿นการรวบรวม ตรวจสอบ ละประมินผล การประมินผลการ รียนร๎ขู องผ๎ูรียน ๑๐. นายทะเบียน ๑) ปฎิบัติงานรํวมกับครูวัดผล฿นการรวบรวม ตรวจสอบ ละบันทึกผลการประมวลข๎อมูลผลการ รยี นรูข๎ องผู๎รียน ๒) ตรวจสอบละสรุปข๎อมูลผลการรียนของผ๎ูรียนรายบุคคลตํละชั้นปี ละมื่อจบการศึกษาพื่อ สนอรายชื่อผู๎มีคุณสมบัติครบตามกณฑ์ ฿ห๎คณะกรรมการบริหารหลักสูตรละวิชาการของ สถานศึกษา฿ห๎ความห็นชอบ ละสนอ฿ห๎ผ๎ูบริหารสถานศึกษาตัดสินละอนุมัติผลการล่ือนชั้น รยี น ละจบการศึกษาตํละระดับ ๓) จดั ทาอกสารหลักฐานการศึกษา
หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๕ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. การตัดสินผลการเรียน รงรียนข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ฿ช๎หลักกณฑ์การวัดละประมินผลการรียนร๎ู ละการตัดสินผล การรียน ตามนวทางท่ีหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ละหลักสูตร กนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนด พอื่ ตัดสนิ ผลการรียนของผู๎รยี น ฿นระดบั มัธยมศกึ ษา ดังน้ี (๑) ตัดสินผลการรียนป็นรายวิชา ม่ือส้ินภาครียนผู๎รียนต๎องมีวลารียนตลอดภาครียนเมํน๎อยกวํา รอ๎ ยละ ๘๐ ของวลารียนทง้ั หมด฿นรายวิชานน้ั ๆ (๒) ผู๎รยี นตอ๎ งเดร๎ บั การประมนิ ทุกตวั ชว้ี ัด ละผํานตามกณฑ์ที่ รงรียนกาหนด (๓) ผ๎ูรียนตอ๎ งเด๎รบั การตดั สินผลการรยี นทกุ รายวชิ า (๔) ผู๎รียนต๎องเด๎รับการประมิน ละมีผลการประมินผํานตามกณฑ์ท่ีรงรียนกาหนด ฿นการอําน คดิ วิคราะห์ละขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ละกจิ กรรมพฒั นาผ๎ู รยี น ๒. การให้ระดับผลการเรียน ๒.๑ การตัดสินพื่อ฿ห๎ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ฿ห๎฿ช๎ตัวลขสดงระดับผล การรียนป็น ๘ ระดบั นวการ฿หร๎ ะดับผลการรยี น ๘ ระดับ ละความหมายของตํละระดบั สดง ดงั น้ี ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนเป็นรอ้ ยละ ๔ ดี ยีย่ ม ๘๐ – ๑๐๐ ๓.๕ ดีมาก ๗๕ – ๗๙ ๓ ดี ๗๐ – ๗๔ ๒.๕ คอํ นข๎างดี ๖๕ – ๖๙ ๒ ปานกลาง ๖๐ – ๖๔ ๑.๕ พอ฿ช๎ ๕๕ – ๕ ๑ ผํานกณฑ์ขน้ั ต่า ๕๐ – ๕๔ ๐ ตา่ กวํากณฑ์ ๐ – ๔๙ ฿นกรณีท่ีเมสํ ามารถ฿ห๎ระดับผลการรียนป็น ๘ ระดบั เด๎ ฿ห๎฿ชต๎ วั อกั ษรระบุงอื่ นเขของผลการรยี น ดงั นี้ “มส” หมายถึง ผ๎ูรียนเมํมีสิทธิข๎ารับการวัดผลปลายภาครียน นื่องจากผู๎รียนมีวลารียนเมํถึงร๎อยละ ๘๐ ของวลารียน฿นตํละรายวชิ า ละเมเํ ด๎รบั การผํอนผนั ฿ห๎ ข๎ารับการวดั ผลปลายภาครียน “ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ ละยังตัดสนิ ผลการรยี นเมํเด๎ นื่องจากผู๎รียนเมํมีข๎อมูลผลการรียนรายวิชา นนั้ ครบถว๎ น เด๎ กํ เมเํ ด๎วดั ผลระหวํางภาครียน/ปลายภาครียน เมํเด๎สํงงานท่ีมอบหมาย฿ห๎ทา ซึ่งงานนั้นป็นสํวน หนึง่ ของการตดั สินผลการรยี นหรือมีหตุสุดวิสยั ทีท่ า฿หป๎ ระมินผลการรยี นเมํเด๎ ๒.๒ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฿ห๎ระดับผลการ ประเมนิ เปน็ ผ่านและไม่ผา่ น กรณีทผี่ าํ น฿ห๎ระดบั ผลการประมินปน็ ดเี ยี่ยม ดี ผ่าน
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๖ (๑) ฿นการสรปุ ผลการประมนิ การอาํ น คิดวิ คราะห์ ละขียน พื่อการล่ือนชั้นละจบการศึกษา กาหนดกณฑ์การตดั สิน ป็น ๔ ระดบั ละความหมาย ของตํละระดับ ดงั น้ี ดเี ยย่ี ม หมายถึง มผี ลงานที่สดงถึงความสามารถ฿นการอําน คิด วิคราะห์ ละขียนทมี่ ี คุณภาพดี ลิศอยํูสมอ ดี หมายถึง มผี ลงานที่สดงถึงความสามารถ฿นการอําน คดิ วิคราะห์ละขียนที่มี คุณภาพปน็ ที่ยอมรับ ผา่ น หมายถงึ มีผลงานที่ สดงถึงความสามารถ฿นการอาํ น คิด วิคราะห์ละขียนท่ีมี คณุ ภาพปน็ ทย่ี อมรับ ตํยงั มีขอ๎ บกพรอํ งบางประการ ไม่ผา่ น หมายถึง เมมํ ผี ลงานที่ สดงถึงความสามารถ฿นการอําน คิด วิคราะห์ละขียน หรือถ๎ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข๎อบกพรํองที่ต๎องเด๎รับการปรับปรุง กเ๎ ขหลายประการ (๒) ฿นการสรุปผลการประมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะ พื่อการล่ือนชั้นละจบ การศกึ ษา กาหนดกณฑ์การตัดสนิ ป็น ๔ ระดับ ละความหมายของตํละระดับ ดงั น้ี ดีเย่ียม หมายถงึ ผ๎ูรยี นปฏิบัติตนตามคณุ ลกั ษณะจนปน็ นิสัยละนาเป฿ช๎ พ่ือประยชน์ สุขของตนองละสังคม ดยพิจารณาจากผลการประมินระดับ ดี ย่ียม จานวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ ละเมํมีคุณลักษณะ฿ดเด๎ผลการ ประมินตา่ กวําระดบั ดี ดี หมายถงึ ผู๎รยี นมคี ณุ ลักษณะ฿นการปฏิบัตติ ามกฏกณฑ์ พอื่ ฿ห๎ปน็ การยอมรับ ของสังคมดยพิจารณาจาก ๑) เด๎ผลการประมินระดับดียี่ยมจานวน ๑-๔ คุณลักษณะ ละเมํมี คุณลักษณะ฿ดเด๎ผลการประมนิ ต่ากวาํ ระดับดี หรือ ๒) เด๎ผลการเด๎ผลการประมินระดับดียี่ยม จานวน ๔ คุณลักษณะ ละเมมํ คี ุณลกั ษณะ฿ดเดผ๎ ลการประมนิ ต่ากวําระดับผาํ น ๓) เด๎ผลการเด๎ผลการประมินระดับดี จานวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ ละเมํมีคณุ ลกั ษณะ฿ดเดผ๎ ลการประมินต่ากวาํ ระดบั ผําน ผา่ น หมายถงึ ผ๎ูรยี นรบั ร๎ู ละปฏบิ ัติตามกฎกณฑ์ละงื่อนเขท่ีรงรียนกาหนด ดย พจิ ารณาจาก ๑) เด๎ผลการประมินระดับผําน จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ ละเมํมี คุณลกั ษณะ฿ดเด๎ผลการประมนิ ตา่ กวําระดับผาํ น หรือ ๒) เด๎ผลการประมินระดับดี จานวน๔ คุณลักษณะ ละเมํมี คุณลกั ษณะ฿ดเดร๎ บั การประมนิ ต่ากวําระดับผําน ไม่ผา่ น หมายถงึ ผู๎รียนรับร๎ูละปฏิบัติเด๎เมํครบถ๎วนตามกฎกณฑ์ละง่ือนเขที่ รงรียนกาหนดดยพิจารณาจากผลการประมินระดับเมํผํานตั้งตํ ๑ คณุ ลักษณะ ข้นึ เป
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๗ ๒.๓ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต๎องพิจารณาทั้งวลาการข๎ารํวมกิจกรรม การปฏิบัติ กจิ กรรมละผลงานของผ๎ูรียน ตามกณฑ์ท่ีรงรียนกาหนด ละให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ผ่าน ในการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ให้ใช้ตัวอกั ษรแสดงผลการประเมิน ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผู๎รียนมีวลาข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาผู๎รียน ปฏิบัติกิจกรรมละมี ผลงานตามกณฑ์ท่ี รงรยี นกาหนด “มผ” หมายถึง ผู๎ รยี นมี วลาขา๎ รํวมกจิ กรรมพฒั นาผ๎ูรยี น ปฏิบตั ิกิจกรรมละมีผลงาน เมํป็นเปตามกณฑท์ ่ีรงรยี นกาหนด ๓. การเลอื่ นชน้ั เรียน โรงเรียนตดั สนิ ใหผ้ เู้ รยี นได้เลื่อนช้ันเรยี น กรณตี อ่ ไปนี้ (๑) ผู๎รียนมีผลการรียนรายวิชาพื้นฐานละรายวิชาพิ่มติมผํานทุกรายวิชาตามกณฑ์ที่รงรียน กาหนด (๒) ผู๎รียนมีผลการประมินระดับผําน ฿นการอําน คิดวิคราะห์ ละขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ละกิจกรรมพัฒนาผู๎ รียนตามกณฑท์ ี่ รงรียนกาหนด (๓) ผ๎ูรยี นมีระดบั ผลการรยี นฉล่ีย฿นปกี ารศกึ ษาน้ันเมตํ า่ กวํา ระดบั ๑ อนึ่งถ๎าผู๎รียนมีข๎อบกพรํองพียงล็กน๎อย ละรงรียนพิจารณาห็นวําสามารถพัฒนาละสอนซํอมสริม เด๎ ฿ห๎อยูํ฿นดุลพินิจของรงรียนท่ีจะผํอนผัน฿ห๎ล่ือนช้ันเด๎ ตํหากผู๎รียนเมํผํานรายวิชาจานวนมาก มีผลการรียน ฉล่ีย฿นปีการศึกษาน้ันต่ากวําระดับ ๑ หรือมีผลการรียน ๐ , ร , มส กินครึ่งของรายวิชาที่ลงทะบียนรียน฿นปี การศึกษาน้ัน ละมีนวน๎มวําจะป็นปัญหาตํอการรียน฿นระดับชั้นท่ีสูงขึ้นรงรียนอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณา฿ห๎ รยี นซา้ ชน้ั เด๎ ท้ังน฿ี้ หค๎ านึงถึงวุฒิภาวะละความร๎ูความสามารถของผ๎ู รียนปน็ สาคัญ ๔. การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซํอมสริมป็นการสอนพื่อก๎เขข๎อบกพรํอง กรณีที่ผู๎รียนมีความร๎ู ทักษะกระบวนการ หรือจต คต/ิ คณุ ลักษณะ เมํป็นเปตามกณฑ์ท่ีรงรยี นกาหนด รงรียนต๎องจัดสอนซํอมสริมป็นกรณีพิศษ พ่ือพัฒนา฿ห๎ ผ๎ูรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการรียนรู๎/ตัวช้ีวัดที่กาหนดเว๎ ป็นการ฿ห๎อกาสกํผ๎ูรียนเด๎รียนร๎ูละ พัฒนาการรยี นรข๎ู องผู๎ รยี นตม็ ตามศกั ยภาพ การสอนซอํ มสรมิ สามารถดานนิ การเด๎ ดังนี้ ๑) กรณีผ๎ูรียนมีความรู๎/ทักษะพื้นฐานเมํพียงพอท่ีจะศึกษา฿นตํละรายวิชาน้ัน ควรจัดการสอนซํอม สรมิ ปรบั ความรู๎/ทักษะพนื้ ฐาน ๒) กรณีผู๎รียนเมํสามารถสดงความร๎ู ทักษะ กระบวนการ หรือจตคติ/คุณลัษณะท่ีกาหนดเว๎ตาม มาตรฐานการรยี นรู๎/ตวั ฃว้ี ดั ฿นการประมนิ ผลระหวาํ งการรยี น ๓) กรณีผู๎รียนเด๎ระดับผลการรียน “๐” ฿ห๎จัดการสอนซํอมสริมกํอนสอบก๎ตัว ดยจัดสอบเมํกิน ๒ ครั้ง ๔) กรณผี ๎ูรียนมีผลการรียนเมํผําน สามารถจัดสอนซํอมสริม฿นภาคฤดูร๎อน พ่ือก๎เขผลการรียน ท้ังนี้ ฿หอ๎ ย฿ูํ นดุลยพินจิ ของรงรยี น
หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๘ ๕. การเรียนซา้ ชัน้ ผู๎รียนที่เมํผํานรายวิชาจานวนมากละมีนวน๎มวําจะป็นปัญหาตํอการรียน฿นระดับชั้นท่ีสูงข้ึน สถานศึกษาอาจตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณา฿ห๎ รยี นซ้าชัน้ เด๎ ทงั้ นี้ ฿หค๎ านึงถึงวุฒิภาวะละความร๎ูความสามารถของ ผ๎ู รียนป็นสาคัญ การรียนซ้าชน้ั มี ๒ ลักษณะ คอื ๑) ผ๎ูรียนมีระดับผลการรียนฉล่ีย฿นปีการศึกษาน้ันต่ากวํา ๑.๐๐ ละมีนวน๎มวําจะมีปัญหาตํอการ รียน฿นระดับชั้นทีส่ ูงข้นึ ๒) ผู๎รียนมผี ลการรียน ๐ , ร , มส. กนิ ครง่ึ หน่งึ ของรายวชิ าทล่ี งทะบียนรยี น฿นปีการศึกษานน้ั ทั้งนี้ หากกิดลักษณะ฿ดลักษณะหน่ึง หรือทั้ง ๒ ลักษณะ ฿ห๎สถานศึกษาตํงตั้งคณะกรรมการพิจารณา หากห็นวําเมํมีหตุผลอันสมควรก็฿ห๎ซ้าช้ัน ดยยกลิกผลการรียนดิมละ฿ห๎฿ช๎ผลการรียน฿หมํทน หากพิจาณา ลว๎ เมตํ อ๎ งรียนซา้ ชน้ั ฿หอ๎ ยู฿ํ นดุลพินิจของสถานศึกษา฿นการก๎เขผลการรียน ๖. การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการรียนป็นการสื่อสาร฿ห๎ผู๎ปกครองละผ๎ูรี ยนทราบความก๎าวหน๎า ฿นการรียนร๎ูของ ผู๎รยี น ซึ่งรงรยี นตอ๎ งสรุปผลการประมนิ ละจัดทาอกสารรายงาน฿ห๎ผ๎ูปกครองทราบป็นระยะ ๆ หรืออยํางน๎อย ภาครียนละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการรียนสามารถรายงานป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผ๎ูรียนที่สะท๎อนมาตรฐานการ รียนร๎กู ลมํุ สาระการรยี นรู๎ จดุ มุงํ หมายการรายงานผลการรยี น มีรายละอียด ดงั นี้ ๑) พ่ือจง๎ ฿ห๎ผู๎รียน ผ๎ู กย่ี วขอ๎ งทราบความก๎าวหนา๎ ของผู๎ รียน ๒) พอื่ ฿ห๎ผ๎ู รียน ผ๎ู ก่ยี วข๎อง฿ช๎ป็นขอ๎ มลู ฿นการปรับปรงุ กเ๎ ขสงํ สริม ละพัฒนาการรียนของผู๎ รยี น ๓) พ่ือ฿ห๎ผู๎รียน ผู๎กี่ยวข๎อง฿ช๎ป็นข๎อมูล฿นการวางผนการรียนกาหนดนวทางการศึกษาละ ปฏิบัตศิ าสนกิจหรือลือกอาชีพหากประสงค์จะลาสกิ ขา ๔) พื่อ฿ช๎ป็นข๎อมูล฿ห๎ผ๎ูก่ียวข๎อง฿ช๎฿นการออกอกสารหลักฐานการศึกษาตรวจสอบละรับรองผล การรียน หรอื วฒุ ิทางการศึกษาของผู๎ รียน ๕) พื่อ฿ช๎ป็นข๎อมูลสาหรับสถานศึกษา ขตพ้ืนท่ีการศึกษาละหนํวยงานต๎นสังกัด ฿ช๎ประกอบ฿น การกาหนดนยบาย วางผน ฿นการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ๗. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา พือ่ ความป็นอกภาพละตอบสนองตอํ จุดน๎น ของรงรียนข่อื นผากวิทยา ตามหลักสูตรการศึกษาพระ ปรยิ ตั ิธรรม ผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ละหลกั สตู รกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ จงึ กาหนด กณฑก์ ลางสาหรบั การจบการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน๎ ละระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ดังนี้ ๗.๑ เกณฑก์ ารจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้
หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๙ (๑) ผ๎ูรียนรียนรายวิชาพื้นฐานละพ่ิมติม เมํกิน ๘๑ หนํวยกิต ดยป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๖ หนํวยกติ ละรายวชิ าพ่มิ ติม จานวน ๑๕ หนวํ ยกติ (๒) ผู๎รียนต๎องเด๎หนํวยกิตตลอดหลักสูตรเมํน๎อยกวํา ๘๐ หนํวยกิต ดยป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๖๖ หนํวยกิต ละรายวิชาพ่ิมติมเมํน๎อยกวํา ๑๔ หนํวยกิต ดยต๎องเด๎หนํวยกิต฿นรายวิชาภาษาบาลี เมํน๎อยกวํา ๑๕ หนํวยกิต (๓) ผู๎รียนมีผลการประมิน การอําน คิดวิคราะห์ละขียน ฿นระดับผําน กณฑ์การประมิน ตามที่ รงรยี นกาหนด (๔) ผ๎ูรียนมีผลการประมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฿นระดับผํานกณฑ์การประมินตามท่ี รงรียนกาหนด (๕) ผู๎รียนมีผลการประมินกิจกรรมพัฒนาผ๎ูรียน฿นระดับผํานทุกกิจกรรม ละปฏิบัติกิจกรรม พ่อื สงั คมละสาธารณประยชน์เมนํ ๎อยกวํา ๔๕ ชัว่ มง ๗.๒ เกณฑก์ ารจบระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (๑) ผ๎ู รียนรียนรายวิชาพ้ืนฐานละพ่ิมติม เมํน๎อยกวํา ๘๑ หนํวยกิต ดยป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หนํวยกติ ละรายวิชาพมิ่ ตมิ เมํน๎อยกวาํ ๔๐ หนวํ ยกิต (๒) ผู๎รียนต๎องเด๎หนํวยกิตตลอดหลักสูตร เมํน๎อยกวํา ๗๙ หนํวยกิต ดยป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หนวํ ยกิต ละรายวชิ าพิ่มตมิ เมํน๎อยวํา ๓๘ หนวํ ยกติ ดยต๎องเด๎หนํวยกิต฿นรายวิชาภาษาบาลี เมํน๎อยกวํา ๑๕ หนํวยกติ (๓) ผ๎ูรียนมีผลการประมิน การอําน คิดวิคราะห์ละขียน ฿นระดับผํานกณฑ์การประมิน ตามท่ี รงรยี นกาหนด (๔) ผู๎รียนมีผลการประมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฿นระดับผํานกณฑ์ การประมินตามที่ รงรียนกาหนด (๕) ผู๎รียนมีผลการประมินกิจกรรมพัฒนาผ๎ูรียน฿นตํระดับผํานทุกกิจกรรมละปฏิบัติ กจิ กรรมพ่ือสังคมละสาธารณประยชนเ์ มนํ ๎อยกวาํ ๖๐ ชว่ั มง
หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๐ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา อกสารหลักฐานการศึกษาถือป็นอกสารสาคัญที่สถานศึกษาจัดทาขึ้นพ่ือ฿ช๎฿นการดานินงาน฿นด๎าน ตาํ งๆ ของการจัดการศึกษาหลักสตู รกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนดอกสารหลักฐานการศึกษา ที่สถานศึกษาจะต๎อดานินการเว๎ป็น ๒ ประภท เด๎กํ อกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด ละ อกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทสี่ ถานศึกษากาหนด อกสารตํละประภทมีวตั ถปุ ระสงค์ละรายละอยี ด฿นการดานินการ ดังน้ี ๑) เอกสารการศึกษาทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการกาหนด ป็นอกสารที่กระทรวงศึกษาธิการควบคมุ และบังคับแบบ พ่ือ฿ช๎ป็นหลักฐานสาหรับการตรวจสอบ ยนื ยัน ละรับรองผลการรียนรูข๎ องผู๎รียน รงรียนตอ๎ ง฿ช๎ บบพิมพ์ของกระทรวงศึกษาธิการละดานินการจัดทา ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนดเว๎฿ห๎ป็นมาตรฐานดียวกัน อกสารท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด เด๎กํ ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ประกาศนยี บัตร (ปพ.๒) และแบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ.๓) ๑.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ป็นอกสารสาหรับบนั ทึกข๎อมลู ผลการรยี นรูต๎ ามหลักสตู รกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ เด๎กํ ผลการรียนตามกลํมุ สาระการรยี นรู๎ ผลการประมนิ การอําน คดิ วิคราะห์ ละขยี น ผลการประมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ละผลการประมินกิจกรรมพัฒนาผ๎ูรียน รงรียนจะต๎องจัดทาละออกอกสารน้ี฿ห๎ ผ๎ูรียนป็นรายบุคคลม่ือผ๎ูรียนจบการศึกษาตํละระดับ หรือมื่อผู๎รียนออกจากรงรียน฿นทุกกรณี พื่อ฿ช๎ สดงผลการรียน ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ระบียนสดงผลการรียนตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน (ปพ.๑) ป็นอกสาร หลักฐานท่สี ถานศกึ ษาทกุ หํงทกุ สังกดั ฿นระดบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐานจะต๎องดานินการจัดทา฿ห๎ป็นนวทางดียวกัน ดย฿ช๎ บบพิมพ์ทีก่ ระทรวงศกึ ษาธิการจัดพิมพ์ ทํานน้ั ระบียนผลการรียนระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต๎น ฿ช๎บบ ปพ. ๑: า มม า า ๑:พ การจัดซ้ือระบียนสดงผลการรียนสาหรับรงรียนพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา มี ขั้นตอน ดงั นี้ ข้ันตอนที่ ๑ ผู๎บริหารรงรียน ทาหนังสือจ๎งความประสงค์ขอซ้ือบบพิมพ์ (ปพ.๑) ละจ๎ง ขอดานินการจดั ซ้ือองถงึ ผอ๎ู านวยการสานกั งานขตพ้ืนที่การศึกษา ดยระบุ ๑.๑ ช่ือ-นามสกุลครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของรงรียนที่เด๎รับมอบหมาย฿ห๎ป็น ผด๎ู านินการจดั ซ้ือ ดยผู๎ท่เี ด๎รบั มอบหมายฉันทะต๎องนาบตั รประจาตวั ประชาชนหรอื บตั รขา๎ ราชการเปสดงด๎วย ๑.๒ ชนิดบบพิมพ์ (บบพิมพ์ปกติหรือบบพิมพ์สาหรับพิมพ์ด๎วยคอมพิวตอร์) จานวนบบพมิ พจ์ านกปน็ ระดับช้ันวํามีระดับชนั้ ละก่ี ลํม ข้ันตอนที่ ๒ ผู๎อานวยการสานักงานขตพ้ืนที่การศึกษา ทาหนังสือสั่งซื้อบบพิมพ์ (ปพ.๑) ถึง องคก์ ารคา๎ ของ สกสค. ดยระบุ
หลกั สูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๑ ๒.๑ ช่ือ-นามสกุลของครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของรงรียนท่ีเด๎รับมอบหมาย฿น ข้ันตอนที่ ๑ ป็นผ๎ูเด๎รับมอบหมายฉนั ทะดานนิ การจดั ซือ้ ๒.๒ ชือ่ รงรียน ชอ่ื อาภอ ลักษณะบบพิมพ์ จานวนบบพมิ พ์ จานกป็นระดับช้ันวํา มรี ะดบั ละก่ีลมํ ขั้นตอนที่ ๓ ม่ือเด๎รับระบียนสดงผลการรียน (ปพ.๑) ครบถ๎วนละถูดต๎องล๎ว ฿ห๎นาบบ พมิ พน์ น้ั มาควบคมุ หมายลขชุดท่ี ลขที฿่ นบัญชรี ับ-จํายบบพมิ พข์ องสานกั งานขตพ้นื ท่ีการศึกษากอํ น ข้นั ตอนท่ี ๔ หลงั จากนนั้ ฿ห๎ รงรียนนาบบพิมพ์มาควบคมุ หมายลขชุดท่ี ลขท่ี฿นบัญชีรับบบ พมิ พข์ องรงรียนละจดั ก็บรกั ษาเว๎อยาํ งดีตํอเป ๑.๒ ประกาศนยี บัตร (ปพ.๒) ป็นอกสารสดงวุฒิการศึกษาที่มอบ฿ห๎กํผ๎ูจบการศึกษาภาคบังคับละผ๎ูสาร็จการศึกษาขั้น พนื้ ฐานตามหลักสตู รกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ พอ่ื รบั รองศกั ดิ์ละสิทธข์ิ องผ๎ูสาร็จการศึกษาตาม วุฒิ หํงประกาศนยี บัตรน้นั ๑.๓ แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ.๓) ป็นอกสารสาหรับอนุมัติการจบการศึกษาตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานของ ผ๎ูรียน฿นตํละรุํนการศึกษา ดยบันทึกรายชื่อละข๎อมูลทางการศึกษาของผ๎ูจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖) ผ๎ูจบการศึกษาภาคบังคับ (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓) ละผู๎จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖) ฿ช๎ ปน็ อกสารสาหรับตัดสินละอนุมัติผลการรียน฿ห๎ผู๎รียนป็นผู๎สาร็จการศึกษา ละ฿ช๎฿นการ ตรวจสอบยนื ยนั ละรบั รองความสาร็จละวุฒิการศึกษาของผ๎สู ารจ็ การศึกษาตํละคนตลอดเป ๒) เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทส่ี ถานศึกษากาหนด ป็นอกสารท่ีรงรียนจัดทาข้ึนพ่ือบันทึกพัฒนาการ ผลการรียนร๎ู ละข๎อมูลสาคัญกี่ยวกับผู๎รียน ชํน บบบันทึกผลการรียนรายวิชา บบรายงานประจาตัวนักรียน ระบียนสะสม ฿บรับรองผลการรียน ละ อกสารอนื่ ๆ ตามวัตถุประสงคข์ องการนาอกสารเป฿ช๎ มรี ายละอยี ด ดังนี้ ๒.๑ แบบบนั ทึกผลการเรียนประจารายวชิ า ป็นอกสารพื่อ฿ห๎ผ๎ูสอน฿ช๎บันทึกข๎อมูลการวัดละประมินผลการรียนตามผนการจัดการ รียนการสอนละประมินผลการรียน ละ฿ช๎ป็นข๎อมูล฿นการพิจารณาตัดสินผลการรียนรายวิชา อกสารน้ีควร จดั ทาพือ่ บันทึกขอ๎ มลู ของผู๎รยี นปน็ รายห๎อง อกสารบันทกึ ผลการรียนประจารายวิชานาเป฿ชป๎ ระยชนส์ าหรบั ครูละผ๎ูบริหารรงรียน ดงั นี้ ๑) ฿ช๎ปน็ อกสารพื่อการดานินงานของผู๎สอน฿นการวัดละประมินผลการรียนของผ๎ูรียนตํละ รายวชิ า รายหอ๎ ง ๒) ฿ช๎ ปน็ หลกั ฐานสาหรบั การตรวจสอบ รายงาน ละรบั รองขอ๎ มูลก่ียวกับวิธีการละกระบวนการ วัดละประมินผลการรยี น ๓) ป็นอกสารที่ผ๎บู รหิ ารรงรยี น฿ช฿๎ นการอนุมตั ิผลการรยี นประจาภาครียน/ปีการศึกษา ๒.๒ แบบรายงานประจาตัวนักเรียน
หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๒ ป็นอกสารพ่ือบันทึกข๎อมูลการประมินผลการรียนร๎ูละพัฒนาการด๎านตํางๆ ของผู๎รียนตํ ละคนตามกณฑ์การตัดสนิ การผาํ นระดบั ช้นั ตามหลักสตู รกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งข๎อมูล ด๎านอื่นๆ ของผู๎รียนท้ังที่บ๎านละรงรียน ป็นอกสารรายบุคคล สาหรับสื่อสาร฿ห๎ผ๎ูปกครองของผ๎ูรียนตํละคน เดร๎ บั ทราบผลการรยี นละพัฒนาการด๎านตํางๆ ของผู๎ รียน ละรวํ มมอื ฿นการพฒั นาผ๎ู รยี นอยํางตอํ น่ือง ๒.๓ ใบรบั รองผลการเรยี น ป็นอกสารพ่ือรับรองสถานภาพความป็นผ๎ูรียน฿นรงรียน หรือรับรองผลการรียนหรือวุฒิ ของผู๎รียนป็นการชั่วคราวตามท่ีผู๎รียนร๎องขอ ท้ังกรณีท่ีผ๎ูรียนกาลังศึกษาอยูํ฿นรงรียนหรือม่ือจบการศึกษาเป ล๎ว ตกํ าลังรอรับหลักฐานการศกึ ษา ระบียนสดงผลการรียน ป็นต๎น ฿บรับรองผลการรียนมีอายุการ฿ช๎งานชั่วคราว ดยปกติประมาณ ๓๐ วัน ซึ่งผู๎รียนสามารถ นาเป฿ช๎ป็นหลักฐานสดงคุณสมบัติของผ๎ูรียน฿นการสมัครข๎าศึกษาตํอ สมัครข๎าทางานหรือมื่อมีกรณีอ่ืน฿ดท่ี ผู๎รียนสดงคณุ สมบตั ิ กี่ยวกบั วฒุ คิ วามร๎ู หรือสถานภาพการปน็ ผู๎ รยี นของตน ๒.๔ ระเบยี นสะสม ป็นอกสารพ่ือการบันทึกข๎อมูลก่ียวกับพัฒนาการของผ๎ูรียน฿นด๎านตํางๆ ป็นรายบุคคล อยํางตํอน่ือง ตลอดชํวงระยะวลาการศึกษาตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ๑๒ ปี ระบียนสะสม฿ห๎ ข๎อมูลท่ีป็นประยชน์฿นการนะนวทางการศึกษาละการประกอบอาชีพของผู๎รียนการพัฒนาปรับปรุง บุคลิกภาพ การปรบั ตัวของผู๎ รยี นละผลการรยี น ตลอดจนรายงานกระบวนการพัฒนาคุณภาพของผู๎รียนระหวําง รงรียนกบั วัด ละ฿ช๎ป็นหลกั ฐาน฿นการตรวจสอบคณุ สมบตั ิของผู๎ รียนตามความหมาะสม แนวปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับการออกและจดั เก็บเอกสารหลักฐานการศกึ ษา ๑. เอกสาร ปพ. ๑ ๑.๑ ออก ปพ.๑ : บ ฿ห๎นักรยี นม่ือ ๑.๑.๑ จบการศกึ ษาระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ๑.๑.๒ ลาออกจากรงรียน ๑.๒ ออก ปพ ๑ : พ ฿ห๎นักรยี นมื่อจบการศกึ ษาชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. เอกสาร ปพ.๒ (ประกาศนียบัตร) ๑.๑ ออก ปพ.๒ : บ มอื่ นกั รียนจบระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ ๑.๒ ออก ปพ.๒ : พ ม่อื นกั รยี นจบระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ ๓. เอกสาร ปพ.๓ ๓.๑ ออก ปพ.๓ : บ ป็นหลักฐานสดงวาํ นักรียนจบการศึกษาภาคบงั คบั (ชนั้ ม.๓) ๓.๒ ออก ปพ.๓ : พ ป็นหลกั ฐานสดงวํานักรียนจบการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน (ชั้น ม.๖) ๔. การจัดเก็บเอกสาร ปพ.๓ กบ็ เวท๎ ่ีรงรียน ๑ ชดุ พือ่ ตรวจสอบวฒุ ิ สงํ ฿ห๎ สพฐ. ๑ ชดุ สงํ ฿ห๎ สานกั งานกลํุมรงรยี น ๑ ชุด
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๓ สงํ ฿ห๎ สานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ๑ ชุด สาหรับรงรียน฿นกรุงทพมหานคร ฿ห๎สํงสานักงาน พระพทุ ธศาสนาหงํ ชาติ ๑ ชุด การเทียบโอนผลการเรียน รงรียนทียบอนผลการรียนของผ๎ูรียน฿นกรณีตํางๆเด๎กํ การย๎ายรงรียน การปลี่ยนรูปบบ การศึกษา การย๎ายหลกั สูตร การออกกลางคันละขอกลบั ข๎ารบั การศึกษาตํอ การศึกษาจากตํางประทศละขอข๎า ศึกษาตํอ฿นประทศ นอกจากนี้ ยังสามารถทียบอนความร๎ู ทักษะ ประสบการณ์จากหลํงการรียนร๎ูอื่นๆ ชํน สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชพี การจัดการศกึ ษาดยครอบครัว ป็นตน๎ การทยี บอนผลการรยี น ดานนิ การ฿นชวํ งกํอนปิดภาครยี นรก หรือต๎นภาครียนรก ที่รงรียนรับผู๎ ขอทียบอนป็นผู๎รียน ทั้งน้ี ผู๎รียนที่เด๎รับการทียบอนผลการรียนต๎องศึกษาตํอน่ือง฿นรงรียนที่รับทียบอน อยํางน๎อย ๑ ภาครียน ดยรงรียนท่ีรับผ๎ูรียนจากการทียบอนควรกาหนดรายวิชา/จานวนหนํวยกิตที่จะรับ ทยี บอนตามความหมาะสม การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดานนิ การเด๎ ดงั นี้ ๑. พิจารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษา ละอกสารอื่นๆ ที่฿ห๎ข๎อมูลสดงความร๎ู ความสามารถของผู๎รยี น ๒. พิจารณาจากความรู๎ ความสามารถของผ๎ูรียนดยการทดสอบด๎วยวิธีการตํางๆ ท้ังภาคความร๎ู ละ ภาคปฏิบัติ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถละการปฏบิ ัติ฿นสภาพจรงิ การทยี บอนผลการรยี นดานนิ การ฿นรูปของคณะกรรมการการทียบอน จานวนเมํน๎อยกวํา ๓ รูป/คน ตเํ มํควรกนิ ๕ รูป/คน ดยมีนวทาง฿นการทยี บอน ดังน้ี ๑) กรณีท่ีผู๎ขอทียบอนมีผลการรียนมาจากหลักสูตรอื่น ฿ห๎นารายวิชาหรือหนํวยกิตท่ีมีมาตรฐานการ รียนร/ู๎ ตวั ช้วี ัด ผลการรียนร/๎ู จดุ ประสงค์/นื้อหาท่ีสอดคล๎องกัน เมํน๎อยกวําร๎อยละ ๖๐ มาทียบอนผลการรียน ละพจิ ารณา฿ห๎ระดบั ผลการรียน฿ห๎สอดคลอ๎ งกบั หลักสูตรทรี่ ับทยี บอน ๒) กรณีการทยี บอนความรู๎ ทักษะ ละประสบการณ์ ฿ห๎พิจารณาจากอกสารหลักฐาน (ถ๎ามี) ดย฿ห๎ มกี ารประมินดว๎ ยคร่ืองมือท่ีหลากหลาย ละ฿หร๎ ะดบั ผลการรยี น฿ห๎สอดคล๎องกับหลกั สูตรทีร่ บั ทียบอน ๓) กรณีการทียบอนนักรียนที่ข๎าครงการลกปล่ียนตํางประทศ ฿ห๎ดานินการตามประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ ร่ืองหลักการละนวปฏิบัติการทียบช้ันการศึกษาสาหรับนักรียนที่ข๎ารํวมครงการ ลกปลี่ยน
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๔ การบริหารจัดการหลกั สูตร ดยที่ระบบการศึกษา฿นปัจจุบันมีการกระจายอานาจ฿ห๎ท๎องถิ่นละสถานศึกษามีบทบาท฿นการพัฒนา หลักสูตร ดังนั้นหนํวยงานตํางๆ ที่กี่ยวข๎อง฿นตํละระดับ ตั้งตํระดับชาติ ระดับท๎องถ่ินจนถึงระดับสถานศึกษา จงึ มบี ทบาทหนา๎ ท่ี ละความรับผดิ ชอบ฿นการพัฒนา สนบั สนนุ สํงสรมิ การ฿ช๎ละพัฒนาหลักสูตร฿ห๎ป็นเปอยําง มีประสิทธิภาพ ละต๎องมีการบริหารจัดการท่ีดี มีการวางผนละดานินงานอยํางป็นระบบตํอน่ือง มีการ สํงสริมสนับสนุนทั้งด๎านงบประมาณ ทรัพยากร บุคลากร ตลอดจนมีการพัฒนาศักยภาพผ๎ูกี่ยวข๎อง พราะส่ิง หลํานี้ป็นปัจจัยที่จะสํงผลตํอประสิทธิภาพ฿นการดานินงาน฿ห๎การพัฒนาคุณภาพผ๎ูรียนบรรลุตามมาตรฐานการ รยี นร๎ทู ก่ี าหนดเว๎฿นระดบั ชาติ ๑. การบริหารจัดการหลกั สูตรระดบั ชาติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ป็นหนํวยงานสํวนกลางภารกิจสาคัญ฿นการกาหนด นยบายมาตรฐานการรียนร๎ู ละหลักสูตรกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สาหรับ฿ห๎ท๎องถ่ิน สถานศึกษา ละ ทุกฝุายท่ีก่ียวข๎อง฿ช๎ป็นกรอบทิศทาง฿นการพัฒนาหลักสูตร พื่อพัฒนาผู๎รียนเปสํูมาตรฐานการรียนร๎ูท่ีกาหนด นอกจากน้ี สพฐ. ยังมีภารกิจสาคัญที่จะต๎องติดตามประมินผลละควบคุมคุณภาพอยํางป็นระบบละตํอน่ือง ดยดานินการ฿นหลายลักษณะทั้งการติดตามการ฿ช๎หลักสูตร การทดสอบหรือการประมินคุ ณภาพผู๎รียน ระดับชาติ ละการจดั ระบบการประกนั คุณภาพท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ ๒. การบรหิ ารจดั การหลกั สูตรระดับท้องถ่ิน สานักงานขตพื้นท่ีการศึกษา ละหนํวยงานต๎นสังกัดอ่ืนๆ ชํน หนํวยงานที่มีบทบาท฿นการชื่อมยง หลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ละความต๎องการของท๎องถิ่นสูํการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาละการ จัดการรียนการสอน฿นชั้นรียนดยมีภารกิจสาคัญ คือ กาหนดปูาหมายละจุดน๎นการพัฒนาคุณภาพผ๎ูรียน ระดับท๎องถิ่น ดยจัดทากรอบหลักสูตรระดับท๎องถิ่น สาหรับสถานศึกษา฿ช๎ป็นนวทาง฿นการจัดการรียนการ สอน฿นรื่องที่ก่ียวกับชุมชน ทอ๎ งถนิ่ นอกจากน้ี สานักงานขตพ้ืนท่ีการศึกษาละหนํวยงานระดับท๎องถ่ินจะต๎อง ประมินคุณภาพการศึกษา฿นระดับท๎องถ่ิน รวมท้ังพ่ิมพูนคุณภาพการ฿ช๎หลักสูตรด๎วยการวิจัยละพัฒนา การ พัฒนาบุคลากร สนับสนนุ สงํ สรมิ ตดิ ตามผล วิคราะห์ละรายงานผลคณุ ภาพของผ๎ู รียน ๓. การบรหิ ารจดั การหลกั สตู รระดบั สถานศึกษา สถานศึกษามีหน๎าที่สาคัญ฿นการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางผนละดานินการ฿ช๎หลักสูตร การพิ่มพูนคุณภาพการ฿ช๎หลักสูตรด๎วยการวิจัยละพัฒนาการปรับปรุงละพัฒนาหลักสูตร จัดทาระบียบการวัด ละประมนิ ผล (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๑) ฿นการพัฒนาออกบบหรือพัฒนาหลักสูตรของรงรียนขื่อนผากวิทยา ต๎องพิจารณา฿ห๎ครอบคลุม หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๕ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่ึงเด๎กาหนดสํวนที่ป็นจุดน๎นพื่อสร๎างอัตลักษณ์ของรงรียนขื่อนผากวิทยา ฿นการมุํงสร๎างศาสน ทายาทท่ีมีคุณภาพ ท้ังนี้ รงรียนสามารถพ่ิมติม฿นสํวนที่ก่ียวกับสภาพละความต๎องการชุมชน ท๎องถ่ินละ ผ๎ู รยี น ดยคานึงถงึ การมสี ํวนรํวมของฝุายตาํ งๆ ท้ังภาย฿นรงรียนละสรา๎ งครอื ขํายระหวาํ งรงรียน ฿นการจัดการศึกษาพื่อพัฒนาผู๎รียน฿ห๎บรรลุถึงคุณภาพตามมาตรฐานการรียนร๎ูที่กา หนด฿นระดับชาติ นั้น นอกจากรงรียนจะต๎องมีการพัฒนาหลักสูตรท่ีครอบคลุมสํวนสาคัญดังกลําวล๎ว ยังต๎องมีการบริหารจัดการ หลักสูตรที่มปี ระสทิ ธภิ าพ พื่อ฿ห๎กิดประยชน์สงู สดุ กํผู๎ รียน ดยจัดมาตรการสํงสริมสนับสนุนการ฿ช๎หลักสูตร฿น ดา๎ นตํางๆ เด๎ กํ ๑. สง่ เสริมพฒั นาบคุ ลากร รงรียนจะต๎องพัฒนาบุคลากรอยํางป็นระบบละตํอน่ือง น๎นการรียนร๎ูความข๎า฿จกํครูละ บุคลากรทางการศึกษา฿นการพัฒนาหลักสูตรการจัดกิจกรรมการรียนร๎ูท่ีน๎นผ๎ูรียนป็นสาคัญ รวมทั้งวิธีการวัด ละประมินผลดยมีมาตรฐานละตัวชี้วัดละตัวชี้วัดป็นปูาหมาย การจัดการรียนรู๎บบบูรณาการ การฝึก ทักษะการทางานรํวมกันป็นทีม รูปบบการพัฒนาบุคลากร เด๎กํ การนิทศ(ท้ังบบกลุํมละป็นรายบุคคล) การศึกษาดูงาน การประชุมสัมมนา การฝึกอบรม รวมทั้งการจัดมุม หรือศูนย์รวมความร๎ูก่ียวกับหลักสูตรละ การจัดการรียนร๎ูบบมาตรฐาน พ่ือการศึกษาค๎นคว๎าพ่ิมติมด๎วยตนอง ดยต๎องมีการประมินผลป็นระยะ ๆ พ่อื นาผลการประมินเป฿ช๎ปรับปรงุ การพฒั นาบุคลากร฿หม๎ คี ุณภาพละมปี ระสทิ ธิภาพยง่ิ ขึ้น ๒. การสนับสนนุ งบประมาณทรพั ยากร รงรียนจะต๎องจัดทรัพยากรละปัจจัยท่ีอ้ือตํอการสํงสริมละสนับสนุน การนาหลักสูตรเปสูํการ ปฏิบัติ ฿ห๎กิดประสิทธิภาพ เด๎กํ การจัดสรรงบประมาณ฿ห๎พียงพอสาหรับการพัฒนาหลักสูตรละการติดตาม ประมินผลการ฿ช๎หลักสูตร รวมทั้งงบประมาณ฿นการพัฒนาบุคลากร การจัดซ้ือจัดหาส่ือวัสดุอุปกรณ์ที่จาป็นตํอ การจดั การรยี นร๎ู การจัด฿ห๎มีห๎องรียน สถานที่รียนท่ีหมาะสม การจัด฿ห๎มีห๎องสมุดละหลํงรียนร๎ูที่อื้ออานวย ตอํ การจดั การรียนการสอน ละการจดั ฿ห๎ครเู ดส๎ อนตรงตามความรคู๎ วามสามารถละความถนดั ป็นตน๎ ๓. การดาเนนิ งานแบบมีสว่ นรวม ผูป๎ กครอง ชุมชน ผบ๎ู รหิ าร ครู ละนกั รยี น ซง่ึ ปน็ ผเู๎ ด๎รับผลดยตรงจากการ฿ช๎หลักสตู ร ควรจะต๎องมี สํวนรํวม฿นการวางผน พัฒนาหลักสูตร ละตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของรงรียน ดังน้ัน ผู๎บริหาร รงรียนจะต๎อง฿ห๎ฝุายตํางๆ ดังกลําวมีสํวนรํวม฿นการพัฒนาหลักสูตรของรงรียน ดยจัด฿ห๎มีการพูดคุย ลกปลย่ี นประสบการณก์ นั หรอื ฿ช๎วธิ กี ารทางานดยกระบวน การกลํุม ป็นตน๎ ๔. การนเิ ทศติดตามการใชห้ ลกั สูตร รงรียนจะต๎องจัดทาผนการนิทศ กากับ ติดตามการ฿ช๎หลักสูตรอยํางป็นรูปธรรม มีความ ชัดจนป็นระบบละกระทาอยาํ งตํอนอื่ งละครอบคลมุ ทั้ง฿นระดบั ชั้นรยี น ละระดบั สถานศึกษา ดย฿ช๎ทคนิค วธิ กี ารทห่ี ลากหลาย ทัง้ น้ี ขน้ึ อยํกู ับวัตถปุ ระสงค์ของการตดิ ตาม ชํน การตรวจยย่ี มละการสังกตการณ์฿นชั้น รียน การสอนละการตรวจผนการจัดการรียนรู๎ การบันทึกรายงานหลังการสอน การประมินผลสัมฤทธ์ิ ทางการรียน ป็นต๎น
หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๖ ๕. การประกนั คณุ ภาพภายใน รงรยี นจะต๎องจัดระบบการประกนั คณุ ภาพภาย฿นละตรียมความพร๎อมสาหรับการประกันคุณภาพ ภายนอก ตามที่กาหนดเว๎฿นมาตรา ๔๘ หํงพระราชบัญญัติการศึกษาหํงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ละก๎เขพิ่มติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ละตามกฎกระทรวงวําด๎วยระบบหลักกณฑ์ละวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓ ต๎องมีการดานินการประกันคุณภาพอยํางตํอนื่อง ดยมีผนพัฒนาคุณภาพ มีปูาหมายการพัฒนาที่ ชัดจน ผนปฏิบตั ิการตอ๎ งนน๎ ผลคณุ ภาพผ๎ูรยี น มีการรายงานผลป็นระยะๆ อยํางตํอน่ืองละนาผลมา฿ช๎฿นการ พฒั นาหลกั สตู รการรียนการสอน ๖. การวจิ ยั และตดิ ตามผลการใช้หลกั สูตร ฿นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรนั้น การวิจัยละการติดตามผลการ฿ช๎หลักสูตรป็นปัจจัยสาคัญที่ รงรียนควรดานนิ การพื่อ฿หห๎ ลักสูตรการรยี นการสอนมปี ระสทิ ธภิ าพ ดังนี้ ≥ การวจิ ยั การวิจัยจะทา฿ห๎เด๎ข๎อมูลขําวสารที่ป็นจริง สดงจุดข็งจุดอํอน ปัญหา สาหตุ ละนวทาง ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร฿ห๎มีประสิทธิภาพ ดังน้ัน รงรียนควรดานินการวิจัย ท้ัง฿นสํวนของการวิจัยพัฒนา หลักสูตรละการวจิ ัยประมินผลการ฿ชห๎ ลักสูตร ดงั น้ี การวิจัยพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา มํุงน๎นวิจัยพื่อนาผลมาประกอบการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา฿ห๎หมาะสม สอดคล๎องกับผู๎ รียนละความตอ๎ งการของผป๎ู กครอง ชมุ ชน ดยมี นวการดานินการ ดงั นี้ - การประเมินหลักสูตร ดยพิจารณากาหนดหัวข๎อสาคัญท่ีจะทาการประมิน ชํน ความครบถ๎วนขององค์ประกอบหลักสูตร ความสอดคล๎องของตํละองค์ประกอบ ความสอดคล๎องกับหลักสูตร รงรียนพระปริยัติธรรม ผนกสามัญศึกษา ตามหลักสูตรกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ละกรอบ หลักสูตรท๎องถิ่น ความสอดคล๎องกับความต๎องการของผ๎ูรียน ผู๎ปกครอง ชุมชน ความหมาะสมของนวทางการ จัดการรยี นการสอน การจดั กจิ กรรมพัฒนาผู๎ รยี น ละระบบการวดั ละประมินผล ปน็ ตน๎ - การประมินความต๎องการจาป็น฿นการศึกษาตํอละการปฏิบัติศาสนกิจ/การประกอบ อาชีพ ของผู๎รียน฿นอนาคตพื่อนามา฿ชก๎ าหนดครงสรา๎ งวลารยี นละครงสร๎างหลกั สูตร - การประมินความต๎องการของคณะสงฆ์ ผู๎ปกครอง ละชุมชน฿นการพัฒนาผ๎ูรียน พื่อนามา฿ช๎กาหนดครงสรา๎ งหลักสูตรละครงการตาํ งๆ การวจิ ัยประเมนิ ผลการใชห้ ลักสตู ร รงรียนต๎องมีการประมินผลการ฿ช๎หลักสูตรซึ่งสามารถดานินการเด๎ท้ังระหวํางการ฿ช๎ หลกั สูตรละมือ่ นาหลกั สตู รสํกู ารปฏบิ ัติ ล๎ว หรือจะติดตามจากผลผลิตของหลักสูตร คือ ผู๎รียนท่ีจบการศึกษา ตามหลกั สตู รก็เด๎ ดยสามารถประมิน฿นด๎านปัจจยั ทีม่ ีผลตํอการ฿ช๎หลักสูตร กระบวนการ฿ช๎หลักสูตรละผลจาก การ฿ชห๎ ลกั สูตร อยํางเรก็ตามรงรยี นควรมํุงนน๎ การประมินสํวนท่ี ก่ียวข๎องตอํ คณุ ภาพของผู๎รียนป็นสาคัญ ละ ควรคานึงถึงผลสัมฤทธิ์การรียนรู๎ละคุณลักษณะของผู๎รียน ดยนาผลการประมินระดับสถานศึกษา ละ ระดับชาติ (ผลคะนน O–net, B–net) มาพิจารณาท้ังผลการประมิน฿นภาพรวม ละผลการประมินท่ียก รายวชิ าละยกรายมาตรฐาน ถ๎าหากผลการประมินเมํป็นเปตามปูาหมายท่ีคาดหวัง รงรียนต๎องทาการศึกษา
หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๗ วิคราะห์ พือ่ ค๎นหาสาหตุที่ท๎จริงจากน้ันจึงหาวิธีก๎ปัญหาพื่อพัฒนาคุณภาพตํอเป (ประมวลจาก แนวทางการ บริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน, ๒๕๕๓)
หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๘ เอกสารอ้างองิ กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๔๖) พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ พร้อมกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องและพระราชบัญญัติการศึกษา ภาคบังคับ พ.ศ. ๒๕๔๕ กรุงทพฯ : รงพมิ พอ์ งค์การรับสํงสนิ ค๎าละพัสดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.) กระทรวงศึกษาธกิ าร (๒๕๕๒) หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑. กรุงทพฯ : รงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การกษตรหํงประทศเทย จากดั สานักงานพระพุทธศาสนาหํงชาติ (๒๕๕๒) หนังสือรวมทุกวิชาหลักสูตรนักธรรมช้ันตรี หลักสูตรนักธรรมชั้นโท หลักสูตรนักธรรมชัน้ เอก, กรุงทพฯ : รงพมิ พส์ านักงานพระพุทธศาสนาหํงชาติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรงุ ทพฯ : รงพิมพช์ มุ ชนสหกรณ์การกษตรหํงประทศเทย จากัด สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรงุ ทพฯ : รงพิมพช์ มุ ชนสหกรณ์การกษตรหํงประทศเทย จากัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรุงทพฯ : รงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การกษตรหํงประทศ เทย จากัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (๒๕๕๒) แนวทางการพัฒนา การวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรุงทพฯ : รงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์ การกษตรหํงประทศเทย จากัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรงุ ทพฯ : รงพิมพช์ มุ ชนสหกรณ์การกษตรหํงประทศเทย จากดั
หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๙ ภาคผนวก
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๐ เทคนคิ วิธสี อนของพระพทุ ธเจ้า ๑. การทานามธรรมใหเ้ ปน็ รปู ธรรม ทาของยาก฿ห๎งาํ ย ธรรมปน็ ร่อื งนามธรรมท่ีมีนือ้ หาลกึ ซงึ้ ยากที่จะข๎า฿จ ยิ่งป็นธรรมระดับสูงสุดก็ยิ่งลึก ลา้ คัมภีรภาพย่งิ ขนึ้ … ความสาร็จหงํ ภารกจิ การสงั่ สอนประชาชนสํวนหนึง่ พราะพระองค์ทรง฿ช๎ทคนิควิธีการทา ของยาก฿ห๎งําย ชํน ๑.๑ การ฿ช๎อุปมาอุปเมย วิธีน้ีป็นวิธีทรง฿ช๎บํอยที่สุดวิธีหน่ึง พราะทา฿ห๎ผู๎ฟังมองห็นภาพละข๎า฿จงําย ดยเมตํ ๎องสยี วลาอธิบายความ฿หย๎ ืดยาว ๑.๒ ยกนิทานประกอบ ปน็ ทคนิคหรอื กลวิธหี นง่ึ ท่พี ระพทุ ธองค์ทรง฿ช๎บอํ ย ๑.๓ ฿ช๎อุปกรณ์หรือสื่อการสอน ทคนิควิธีสอนด๎วยการกระทาของยาก฿ห๎งําย หรือทานามธรรม฿ห๎ป็น รูปธรรมนอกจาก฿ช๎อุปมาอุปเมยละลํานิทานประกอบล๎ว ยังมีอีกวิธีหน่ึงอันป็นวิธีที่พระพุทธองค์ทรง฿ช๎มาก พอๆ กบั สองวธิ ขี า๎ งต๎น คือ การ฿ช๎สอ่ื อุปกรณห์ รือ฿ช๎สอื่ การสอน ๒. ทาตนเป็นตวั อย่าง ฿นงขํ องการสอนอาจบงํ ออกปน็ ๒ อยําง คอื ๒.๑ ทา฿ห๎ดู หรือสาธติ ฿ห๎ดู ๒.๒ ปฏบิ ตั ิ฿ห๎ดู ป็นตัวอยาํ ง ๓. ใชถ้ ้อยคาเหมาะสม การสอนทีจ่ ะประสบความสารจ็ ผส๎ู อนจะต๎องร๎ูจัก฿ช๎คา ต๎อง฿ห๎ผู๎ฟังร๎ูสึกวํา ผู๎พูดพูดด๎วยมตตาจิต มิ฿ชํพูด ด๎วยความมงํุ ร๎าย ๔. เลือกสอนเป็นรายบคุ คล ผ๎ูสอนต๎องรู๎วําคนฟังนั้นตํางภูมิหลังตํางความสน฿จ ตํางระดับสติปัญญาการรียนรู๎ พราะฉะนั้นการลือก สอนป็นรายบุคคลจะชวํ ย฿หก๎ ารสอนประสบความสารจ็ ป็นอยํางดี ถ๎าทาเด๎ก็ควร฿ช๎วิธีนี้ ม๎จะสอนป็นกลุํมก็ต๎อง อา฿จ฿สํนักรียนทมี่ ีปัญหาป็นรายบุคคล฿ห๎เด๎ ๕. รู้จกั จังหวะและโอกาส ดคู วามพร๎อมของผู๎ รียน รจู๎ ักคอยจังหวะอันหมาะสม ถา๎ ผ๎ู รยี นเมํพรอ๎ มก็หนอื่ ยปลํา ๖. ยืดหย่นุ ในการใชเ้ ทคนคิ วิธี ทคนคิ วิธีบางอยาํ ง฿ช๎เดผ๎ ล฿นวันนี้ ตอํ เปวนั ข๎างหน๎าอาจ฿ชเ๎ มํเด๎ก็เด๎ จึงควรยดื หยนํุ วธิ ีการ ๗. การเสรมิ แรง มีคาพูดสรรสริญพระพุทธจ๎าวํา “ทรงชมคนท่ีควรชม ตาหนิคนที่ควรตาหนิ” การชมป็นการยอมรับ ความสามารถหรอื ฿หก๎ าลงั ฿จ฿ห๎ทาอยํางนั้นยิ่งๆ ขนึ้ เป การตาหนิปน็ การตักตอื นม฿ิ หป๎ ระพฤติ ชํนน้นั อีกตํอเป
หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๑ หลักสาคัญท่ีครูผสู้ อนควรทราบ หลกั สาคัญคอื หลกั การ฿หญๆํ ของการสอนเมวํ าํ จะสอนร่ืองอะเรก็มอี ยูํ ๓ หลกั คอื ๑. หลักกี่ยวกับนอื้ หาทส่ี อน ๒. หลักกีย่ วกบั ตัวผ๎ูรียน ๓. หลกั ก่ียวกบั ตัวการสอน ก. เกีย่ วกบั เน้ือหา คนจะสอนคนอนื่ ตอ๎ งรู๎วาํ จะอารื่องอะเรมาสอนขาสยี กอํ น เม฿ํ ชคํ ิดตํวิธีการสอนวําจะสอนอยํางเร ต๎อง คิดกอํ นวํา จะอาอะเรเปสอนขา พระพุทธจ๎านะนาวําผ๎ูสอนต๎องคานึงสมอวํา ต๎องสอนส่ิงท่ีรู๎ห็นหรือข๎า฿จงําย เปหาสงิ่ ท่ี ข๎า฿จยาก ๑. สอนน้อื หาท่ีลมํุ ลึกลงเปตามลาดับ ๒. สอนด๎วยของจริง ๓. สอนตรงตามนอ้ื หา ๔. สอนมีหตุผล ๕. สอนทาํ ท่ีจาป็นจะต๎องรู๎ ๖. สอนส่ิงทมี่ ีความหมายละป็นประยชน์ กํผู๎รียน ข. เก่ยี วกับตวั ผู้เรยี น ๑. พทุ ธองคจ์ ะทรงสอน฿คร ทรงดูบุคคลผรู๎ บั การสอนหรือผู๎รียนกํอนวําบุคคลน้ันๆ ป็นคนประภท฿ด มี พนื้ ความร๎ู ความขา๎ ฿จหรือความพรอ๎ มคเํ หนละควรจะสอนอะเร คเํ หน ๒. นอกจากดูความตกตาํ งของผู๎ รียนลว๎ ยังต๎องดคู วามพรอ๎ มของผู๎ รียนด๎วย ๓. สอน฿ห๎ผ๎ู รยี นทาดว๎ ยตนอง ๔. ผ๎ูรียนจะต๎องมีบทบาทรวํ มดว๎ ย ๕. ครูต๎องอา฿จ฿สํผู๎ รียนท่ีมปี ัญหาป็นพิศษ ค. เกี่ยวกับตวั การสอน ๑. สร๎างความสน฿จ฿นการสอนคนนน้ั (การนาขา๎ สูํบทรยี น) ๒. สรา๎ งบรรยากาศ฿นการรยี นการสอน฿หป๎ ลอดปรํง ๓. มุํงสอนน้ือหา มํุง฿หผ๎ ู๎ฟังกิดความร๎คู วามขา๎ ฿จละปล่ียนพฤติกรรม฿นทางท่ดี ี ๔. ตงั้ ฿จสอน สอนดยคารพ ถือวํางานสอนป็นงานสาคญั ๕. ฿ช๎ภาษาหมาะสม ผู๎สอนคนอื่นควรมีความสามารถ฿นการส่ือสาร ฿ช๎คาพูดที่ถูกต๎องละหมาะสมกับ บคุ คลละสถานการณ์
หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๒ หลกั การสอนแนวพุทธวธิ ี พระพุทธจ๎าน้ันทรงป็นพระบรมครู ยอดครูของผู๎สอน พระองค์ทรงมีหลักการ฿นการสอนมากมายหลาย หลกั การ รยี กวาํ “หลกั ๔ ส” คอื ๑. สนั ทัสสนา อธิบาย฿นหน็ ชัดจง๎ หมอื นจูงมอื ฿ห๎มาดดู ว๎ ยตา ๒. สมาทปนา ชักจงู ฿ห๎ห็นจรงิ ห็นจังตาม ชวน฿ห๎คลอ๎ ยตาม จนยอมรับอาเปปฏบิ ตั ิ ๓. สมตุ ตชนา ร๎า฿จกิดความกล๎าหาญ มกี าลงั ฿จ มั่น฿จวําทาเด๎เมหํ วัน่ เหวตอํ อุปสรรค์ท่ีมมี า ๔. สมั ปหงั สนา มวี ิธีสอนทีช่ วํ ย฿หผ๎ ฟู๎ งั ราํ ริง บกิ บาน ฟังเมํบอื่ ปีย่ มล๎นเปด๎วยความหวงั สรุปหลักการทวั่ เปของการสอน คอื จํมจง๎ -จงู ฿จ-หาญกลา๎ -ราํ ริง หลักการสอนพุทธวธิ ีแบบสนทนา (สากจั ฉา หรอื ธรรมสากจั ฉา) ป็นวิธีท่ีทรง฿ช๎บํอยท่ีสุด พระองค์ชอบ฿ช๎วิธีน้ีอาจป็นด๎วยวําผ๎ูฟังเด๎มีอกาสสดงความคิดห็นทา฿ห๎การ รียนการสอนสนุกเมํรู๎สึกวําตนกาลัง “เรียน” หรือกาลัง “ถูกสอน” ตํจะรู๎สึกวําตนกาลังสนทนาปราศรัยกับพระ พทุ ธองคอ์ ยํางสนกุ สนาน หลกั การสอนพทุ ธวธิ แี บบตอบปัญหา (ปุจฉา-วสิ ัชชนา) ผ๎ูถามปญั หาอาจถามด๎วยจุดประสงคห์ ลายอยาํ ง ชํน ๑. บางคนถามพ่อื ตอ๎ งการคาตอบ฿นร่ืองท่สี งสยั มานาน ๒. บางคนถามพ่อื ลองภมู ิวําคนตอบร๎ูหรือเมํ ๓. บางคนถามพ่ือขํมหรือปราบ฿ห๎ผตู๎ อบอับอาย ๔. บางคนถามพื่อทยี บคยี งกบั ความช่อื หรือคาสอน฿นลัทธิศาสนาของตน พระพุทธองค์ตรัสรู๎วําการตอบปัญหา฿ดๆ ต๎องดูลักษณะของปัญหาละลือกวิธีตอบ฿ห๎ถูกต๎องหมาะสมพระองค์ จานกประภทของปญั หาเว๎ ๔ ประการ คอื ๑. ปัญหาบางอยาํ งตอ๎ งตอบตรงเปตรงมา ๒. ปัญหาบางอยํางต๎องยอ๎ นถามกอํ นจงึ ตอบ ๓. ปัญหาบางอยํางต๎องยกความตอบ ๔. ปัญหาบางอยาํ งตอ๎ งตัดบทเปลยเมํตอบ วิธีคิดแบบอรยิ สจั จ์/คดิ แบบแกป้ ัญหา ปน็ การคิดบบกป๎ ญั หารยี กวาํ “วิธีแห่งความดับทุกข์” จัดป็นวิธีคิดบบหลักอยํางหนึ่งป็นวิธีคิดตาม หตุละผลหรือป็นเปตามหตุละผล สืบสาวจากผลเปหาหตุ ล๎วก๎เขละทาการท่ตี น๎ หตุ จัดป็น ๒ คูํ คอื คทํู ่ี ๑ ทุกข์ ปน็ ผล ป็นตวั ปัญหา ป็นสถานการณท์ ปี่ ระสบ ซ่ึงเมตํ ๎องการ สมุทยั ปน็ หตุ ปน็ ท่ีมาของปญั หา ป็นจดุ ท่จี ะตอ๎ งกาจดั หรอื ก๎เข จึงจะพน๎ จากปัญหาเด๎ คํูที่ ๒ นิรธป็นผล ปน็ ภาวะสน้ิ ปญั หา ปน็ จุดหมายซ่ึงต๎องการจะขา๎ ถึง
หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๓ มรรคปน็ หตุ ปน็ วธิ กี าร ปน็ ขอ๎ ปฏิบัติที่ต๎องกระทา฿นการก๎เขสาหตุ พ่ือบรรลุจุดหมายคือ ภาวะส้นิ ปญั หาอันเด๎ กคํ วามดับทุกข์
หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๔ กระบวนการจดั กิจกรรมเรียนรู้ แบบพทุ ธวธิ ี ๙ อย่าง ๑. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวธิ แี บบอุปมา-อุปไมย (การเปรยี บเทียบ) ขั้นสืบคน้ -ข้ันเชื่อมโยง - ปรยี บทยี บนามธรรมกับรปู ธรรม฿หผ๎ ๎ู รยี นหน็ ชดั จน ครผู ู๎สอนละผู๎รยี นมสี วํ นรํวม - ความตกตํางระหวาํ งสงิ่ ท่ี ป็นนามธรรมกบั รูปธรรม ขัน้ ฝึก - ยกตัวอยํางสิ่งท่ีปน็ นามธรรมละรูปธรรม - ผ๎ู รยี นตลํ ะรปู หรือตลํ ะกลมุํ รํวมอภิปรายหรอื นาสนอสงิ่ ท่ีปน็ นามธรรมหรือรปู ธรรม - หาข๎อสรุปกีย่ วกับนอ้ื หาท่ี ปน็ นามธรรม-รปู ธรรม ขน้ั ประยกุ ต์ - ค๎นควา๎ ส่งิ ท่ี ป็นนามธรรมกบั รูปธรรม฿นนอ้ื หาอ่ืน ๆ นอกหนือจากน้อื หาที่กาหนด฿ห๎ ๒. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้พุทธวิธีแบบปุจฉา-วสิ ชั นา (การถาม-ตอบ) ขั้นสบื คน้ -ขนั้ เชื่อมโยง - การทาหน๎าที่ ปน็ ผถู๎ าม-ตอบทถี่ กู ตอ๎ งหมาะสมกํกาลทศะ - วธิ ีถาม-ตอบ (ตอบทนั ที มื่อมีผ๎ูถาม, ตอบบบมีง่ือนเข, ย๎อนถามผู๎ถามกํอนล๎วจึงตอบ, น่ิงสียเมํตอบ ป็นตน๎ ) ขั้นฝึก - ตวั อยาํ งการถาม-ตอบ - ถาม-ตอบบบคนตํอคน, ถาม-ตอบบบกลํุมตํอกลมํุ , ถาม-ตอบบบกลํุมตํอคน ปน็ ต๎น - หาขอ๎ สรปุ นือ้ หาท่ี ก่ยี วกับการถาม-ตอบ ข้ันประยกุ ต์ - คน๎ ควา๎ พิม่ ติมนอกหนอื จากนอื้ หาท่ีกาหนดเว฿๎ นผนจัดกจิ กรรมการรยี นรู๎ ๓. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรพู้ ทุ ธวธิ ีแบบธรรมสากจั ฉา (การสนทนา) ขน้ั สบื คน้ -ขน้ั เชือ่ มโยง - ครูผ๎ูสอนสนอสถานการณท์ ่ี ปน็ ปัญหาหรอื จาลองสถานการณ์ ขั้นฝึก - ผู๎รยี น/ครผู ๎ูสอน-อภิปราย฿นประด็นท่ี ป็นปญั หา หัวข๎อ หรอื สถานการณ์ ตามนื้อหาที่กาหนด - หาขอ๎ สรุป฿นประด็นที่ป็นปัญหา หัวข๎อ หรอื สถานการณ์จากการสนทนาอภปิ ราย ขนั้ ประยุกต์
หลกั สูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๕ - ศึกษาพ่มิ ตมิ การสนทนา-อภปิ รายของบุคคล, กลํุมคน, ละคร, องค์กร ฯลฯ ๔. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พทุ ธวธิ ีแบบอรยิ สจั ๔ (กาหนดปัญหา, ตั้งสมมุติฐาน, ทดลอง, วิเคราะห์ สรปุ ) ขน้ั สบื คน้ (ทกุ ข)์ - กาหนดปญั หา, ท่มี าของปญั หา, การกิดปัญหา (ตามนือ้ หาทก่ี าหนด) ขัน้ เชอ่ื มโยง (สมุทัย) - ต้งั สมมุติฐาน, การอนุมาน, การคาดคะน, ความนาํ จะป็น, ปัจจยั ส่ียง ขน้ั ฝกึ (นโิ รธ) - ทดลอง, ก็บขอ๎ มูล - วิ คราะห์, สรุปผล ขั้นประยกุ ต์ (มรรค) - การนาเปประยกุ ต฿์ ช๎กับส่ิงอื่น ๆ นอกหนอื จากน้อื หาที่ รยี นรู๎ ๕. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้พทุ ธวิธแี บบไตรสกิ ขา (ระเบียบวินยั , จิตใจแนว่ แน่, แกป้ ัญหาถูกต้อง) ขั้นสืบคน้ (ศีล) - สรา๎ งความมีระบียบวินยั ความมีศรัทธา ความตระหนัก ความร๎า฿ห๎ กิดกบั ผ๎ู รียนพร๎อมท่ีจะรยี น ขั้นเชื่อมโยง (สมาธิ) - ฿ห๎ผู๎รียนรวมพลังจิต฿จ ความคิดอันนํวนํ฿นการต้ัง฿จฟัง ตั้ง฿จดู ตั้ง฿จจดจาละห็นความสาคัญตํอ นอ้ื หาทจี่ ะนาสนอ ขั้นฝกึ (ปัญญา) - ฿ชส๎ มาธิ จิต฿จอันนํวนทํ าความข๎า฿จกบั ปัญหา - ค๎นหาสาหตทุ ีม่ าท่เี ปของปญั หา - ก๎เขปัญหาอยํางถูกตอ๎ งละถูกวิธี ขั้นประยุกต์ (ปญั ญา) - ผู๎ รียนกิดการรียนร๎ู, กิดปัญญาละมีมนทัศน์฿นรอ่ื งนั้นๆ ถกู ต๎อง ๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรพู้ ทุ ธวธิ แี บบพหสู ตู (ฟงั มากๆ, เขยี นมากๆ, ถามมากๆ, คิดวิเคราะห์มากๆ) ขั้นสืบคน้ -ขัน้ เชือ่ มโยง (การสรา้ งศรัทธา) - การจัดบรรยากาศ฿นการนาขา๎ สูํบทรยี น - การสร๎างรงจูง฿จ฿นการนาขา๎ สูํบทรียน - บุคลกิ ภาพตลอดถึงการวางตัวที่หมาะสมของผ๎สู อน - การสร๎างความสัมพนั ธร์ ะหวาํ งผ๎ู รยี นกับผ๎ูสอน ขน้ั ฝึก (การฝึกทกั ษะ) - กิจกรรมกลํุม/รายบุคคล
หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๖ - การปฏบิ ัติ/การนาสนอ/การสดงออก - ฝกึ การขียน, การฟงั , การถาม, ละการคดิ วิ คราะห์ ขั้นประยุกต์ (การประเมิน) - การประมนิ ตนอง - การประมนิ ของกลั ยาณมติ ร - การศึกษาคน๎ ควา๎ พ่มิ ติมละการนาเปประยกุ ต์฿ช๎ ๗. การจัดกจิ กรรมการเรียนร้พู ุทธวิธแี บบโยนิโสมนสกิ าร (การทาไว้ในใจโดยแยกคาย, การใชค้ วามคิดถกู วธิ ี) แบบท่ี ๑ ขน้ั สืบคน้ -ข้ันเช่อื มโยง - ผ๎ู รียนร๎ูจกั คิด คดิ ปน็ คดิ อยํางมีระบบ - ผู๎รียนรจู๎ กั มอง รูจ๎ กั พิจารณา เตรํตรอง วิคราะห์ สงั คราะห์ ขน้ั ฝึก - ฝึกการคดิ หาหตผุ ล - ฝึกการสบื คน๎ ถงึ ตน๎ คา๎ - ฝึกการสืบสาว฿หต๎ ลอดสาย - ฝกึ การยกยะสิง่ นัน้ ๆ ปญั หานั้นๆ ตามสภาวะหงํ หตุ ละปจั จยั ขน้ั ประยกุ ต์ - ผ๎ู รียนนาการ฿ชค๎ วามคดิ อยาํ งถูกวิธีเปประยกุ ต฿์ ช๎กบั หตุการณ์ปจั จุบัน ๘. การจัดกิจกรรมการเรยี นรูพ้ ทุ ธวธิ แี บบโยนโิ สมนสิการ (สร้างศรัทธาและวธิ คี ิดให้กบั ผเู้ รียน) แบบท่ี ๒ ขั้นสบื ค้น-ขั้นเชื่อมโยง - ครผู ู๎สอนสรา๎ งจตคตทิ ด่ี ตี อํ ผ๎ู รียน - ครผู ส๎ู อนสนอปญั หาท่ี ปน็ สาระสาคัญ, หัวรอ่ื ง - ครผู ู๎สอนนะหลํงวทิ ยาการ, หลงํ ข๎อมลู ขั้นฝึก - ผู๎รยี นฝึกการรวบรวมขอ๎ มลู - ครูผู๎สอนจัดกิจกรรม฿ห๎กิดกระบวนการคิดกํผู๎รียน ชํน คิดสืบค๎นต๎นค๎า, คิดสืบสาวตลอดสาย, คิด สบื ค๎นตน๎ ปลาย, ละคดิ ยงสายสมั พันธ์ - ฝกึ การสรุปประดน็ ปรียบทียบ ประมินคาํ ดยวธิ อี ภิปราย ทดลอง ทดสอบ - ดานนิ การลือกละตัดสิน฿จ - กิจกรรมฝึกปฏบิ ตั ิพ่อื พสิ ูจน์ผลการลอื กละตัดสิน฿จ ขั้นประยุกต์
หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๗ - สงั กตวิธีการปฏบิ ตั ิ ตรวจสอบ ปรับปรงุ - อภิปรายละสอลบถาม - สรุปบทรยี นการจดั กิจกรรมการรียนร๎ู - วดั ละประมินผลตามสภาพจรงิ ๙. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบอิทธิบาท ๔ (พอใจในส่ิงที่เรียนรู้, พากเพียรต่อสิ่งท่ีเรียนรู้เสมอ, มุง่ มน่ั และเอาใจใส่ต่อส่ิงทเ่ี รยี นร,ู้ คดิ วิเคราะห์ ไตร่ตรอง กอ่ นนาไปใช)้ ขน้ั สบื ค้น (ฉนั ทะ) - สรา๎ งความพอ฿จละความสาคัญตํอสงิ่ ที่ รียนร๎ู ละส่ิงทีเ่ ดร๎ บั ข้นั เชอ่ื มโยง (วิริยะ) - ฟงั ฿หห๎ มด จด฿ห๎มาก ปากตอ๎ งเว ฿จตอ๎ งคิด (หวั ฿จบัณฑิต สุ จิ ปุ ล)ิ ข้ันฝกึ (จติ ตะ) - มํุงมนั่ ดยฝกึ ฟงั มากๆ ฝกึ คดิ มากๆ ฝึกถามมากๆ ละฝกึ ขยี นมากๆ ขน้ั ประยุกต์ (วิมังสา) - พิจารณา เตรํตรอง ยกยะ อธบิ าย นาสนอ ละประยุกต฿์ ช๎ การนยิ ามศัพทข์ ้ันตอน/กระบวนการ จัดกจิ กรรมการเรยี นรพู้ ุทธวธิ ี สืบคน้ หมายถึง สบื สาวราวรื่อง, ค๎นควา๎ ฿หเ๎ ด๎ ร่อื ง เช่อื มโยง หมายถงึ ทา฿ห๎ตดิ ป็นนอ้ื ดียวกนั , ทา฿หป๎ ระสานกัน ฝกึ หมายถงึ ทา ชํนบอก, สดง, หรอื ปฏบิ ตั ิ พอ่ื ฿ห๎กดิ ความร๎ูความขา๎ ฿จจนป็นหรอื มี ความชานาญ ประยกุ ต์ หมายถึง นาความร๎ู฿นวิทยาการตาํ งๆ มาปรบั ฿ช๎฿ห๎ป็นประยชน์
หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอบข่ายเนื้อหาส ในการจัดทาหลักสูตรการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผน สาระการเรยี นรธู้ รรม, กระทธู้ รรม ม.๒ ส๒๒๒๑๓, ส๒๒๒๑๔ ม. รหสั ม.๑ ส๒๑๒๑๑, ส๒๑๒๑๒ ม.๕ ส๓๒๒๑๓, ส๓๒๒๑๔ ม. รหสั ม.๔ ส๓๑๒๑๑, ส๓๑๒๑๒ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เนอ้ื หานักธรรมชั้นตรี เน้ือหานัก ศกึ ษาหลักธรรมคาสง่ั สอนทาง ศกึ ษาหลกั ธรรมคาสง่ั สอนทาง ศึกษาหลกั ธรรมคาสั่งสอนทาง พระพุทธศาสนา ดังนี้ พระพทุ ธศาสนา ดังนี้ พระพุทธศาสนา ดงั นี้ ---------------------------- ธรรม : ธรรมวิภาคปรเิ ฉทที่ ๒ ---------------------------- ---------------------------- ทุกะ หมวด ๒ - พระอรยิ บุคค ๒ ธรรม : ธรรมวิภาค ธรรม : ธรรมวิภาค - กัมมัฏฐาน ๒ - กาม ๒ ทกุ ะ หมวด ๒ ทสกะ หมวด ๑๐ - ทิฏฐิ ๒ - ทศนา ๒ - ธรรมมอี ุปการะมาก ๒ - อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ - ธรรม ๒ (๑) - ธรรม ๒ (๒) - ธรรมปน็ ลกบาล ๒ - กศุ ลกรรมบถ ๑๐ - ธรรม ๒ (๓) - นิพพาน ๒ - ธรรมอนั ทา฿หง๎ าม ๒ - บญุ กิริยาวตั ถุ ๑๐ - บคุ คลหาเดย๎ าก ๒ - ธรรมท่บี รรพชติ ควร ติกะ หมวด ๓ พจิ ารณานืองๆ ๑๐ อยําง - รตนะ ๓ - นาถกรณธรรม ๑๐ - คุณของรตนะ ๓ - กถาวัตถุ ๑๐ - อาการท่พี ระพุทธจ๎าทรง - อนสุ สติ ๑๐ ส่งั สอน ๓ ปกณิ ณกะ หมวดเบด็ เตลด็
๑๙๑ สาระการเรียนรู้ธรรม นกสามัญศึกษา ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ และตอนปลาย .๓ ส๒๓๒๑๕, ส๒๓๒๑๖ .๖ ส๓๓๒๑๕, ส๓๓๒๑๖ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๖ กธรรมชั้นโท เนือ้ หานักธรรมชนั้ เอก ศึกษาหลกั ธรรมคาสัง่ สอนทาง ศกึ ษาหลกั ธรรมคาสั่งสอนทาง ศกึ ษาหลักธรรมคาสง่ั สอนทาง พระพทุ ธศาสนา ดังน้ี ---------------------------- พระพุทธศาสนา ดังน้ี พระพทุ ธศาสนา ดงั น้ี ธรรม : ธรรมวภิ าคปริเฉทท่ี ๒ ฉักกะ หมวด ๖ ---------------------------- ---------------------------- - อภิญญา ๖ - อภิฐาน ๖ ธรรม : ธรรมวิจารณ์ ธรรม : ธรรมวจิ ารณ์ - จริต ๖ - ธรรมคณุ ๖ ส่วนปรมตั ถปฏปิ ทา วปิ สั สนากมั มฏั ฐาน - ปิยรูป สาตรูป หมวดละหก ๑. นพิ พิทา ความหนําย - ความหมายของวปิ สั สนา ๑๐ หมวด - สวรรค์ ๖ ๒. วริ าคะ ความสน้ิ กาหนัด - ผู๎จรญิ วปิ ัสสนากมั มัฏฐาน สตั ตกะ หมวด ๗ - อนสุ ยั ๗ ๓. วมิ ตุ ติ ความหลุดพน๎ พึงรจ๎ู ักธรรม ๓ ๔. วสิ ทุ ธิ ความหมดจด - ลกั ษณะ กิจ ผล หตุ ละ ๕. สนั ติ ความสงบ วภิ าคของวิปัสสนา ๖. นิพพาน ความดบั ทกุ ข์ - วธิ ีจริญวปิ สั สนา (ตามนยั สว่ นสังสารวัฏ พระบาล)ี คติ ๒ - วิธี จรญิ วิปสั สนา (ตามนยั ๑. ทุคติ อรรถกถา)
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ เนือ้ หานกั ธรรมช้ันตรี เน้ือหานกั - อวาทของพระพุทธจา๎ ๓ - อุปกิ ลส ๑๖ - บูชา ๒ - ทจุ ริต ๓ - พธปิ กั ขยิ ธรรม ๓๗ - ปฏิสนั ถาร ๒ - สจุ รติ ๓ - ปริ ยสนา ๒ - อกศุ ลมูล ๓ ศกึ ษาหลกั ธรรม : คหิ ปิ ฏิบตั ิ - ปาพจน์ ๒ - กุศลมลู ๓ ดงั น้ี - รูป ๒ - สปั ปุรสิ บญั ญตั ิ ๓ จตุกกะ หมวด ๔ - วิมุตติ ๒ - อปณั ณกปฏิปทา ๓ - กรรมกิ ลส ๔ - สงั ขาร ๒ - บญุ กริ ิยาวตั ถุ ๓ - อบายมขุ ๔ - สมาธิ ๒ - สามัญลกั ษณะ ๓ - ทฏิ ฐธมั มกิ ัตถประยชน์ ๔ - สุข ๒ จตกุ กะ หมวด ๔ - สมั ปรายิกัตถประยชน์ ๔ - สขุ ๒ (อีกนัยหนึง่ ) - วุฑฒิ ๔ - มิตตปฏริ ปู ๔ - สุทธิ ๒ - จกั ร ๔ - มิตรท๎ ๔ ติกะ หมวด ๓ - อคติ ๔ - สงั คหวัตถุ ๔ - อกศุ ลวิตก ๓ - อันตรายของพระภกิ ษุ - สุขของคฤหัสถ์ ๔ - กศุ ลวิตก ๓ - ความปรารถนาท่สี มหวงั เด๎ - อคั คิ ๓ สามณรผ๎บู วช฿หมํ ๔ - อตั ถะ ๓ - ปธาน ๔ ดยยาก ๔ - อธปิ ตยยะ ๓ - อธษิ ฐานธรรม ๔ - ธรรมปน็ หตุ฿หส๎ มหมาย ๔ - อนุตตริยะ ๓ - อทิ ธบิ าท ๔ - ตระกลู อันมั่งค่ังจะตัง้ อยํู - อภสิ ังขาร ๓ - ควรทาความเมํประมาท฿น - อาสวะ ๓ เมํเด๎นานพราะสถาน ๔ - กรรม ๓ ท่ี ๔ สถาน - ฆราวาสธรรม ๔ - ทวาร ๓ - ควรทาความเมํประมาท฿น ปัญจกะ หมวด ๕ - ญาณ ๓ - ประยชน์ กดิ ตกํ ารถืออา - ญาณ ๓ (อกี นัยหนึ่ง) ท่ี ๔ สถาน (อกี อยาํ งหนึ่ง) - ปาริสทุ ธิศลี ๔ ภคทรพั ย์ ๕ - อารักขกัมมัฏฐาน ๔
๑๙๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ กธรรมชั้นโท เนอ้ื หานักธรรมชนั้ เอก - มถนุ สงั ยค ๗ ๒. สคุ ติ - ปัจจวกขณญาณ ๕ - วิญญาณฐติ ิ ๗ - วสิ ทุ ธิ ๗ สมถกัมมฏั ฐานและ - อานสิ งส์การจรญิ วิปัสสนา อฏั ฐกะ หมวด ๘ - อริยบคุ คล ๘ พระพทุ ธคุณกถา วิปลั ลาสกถา - อวชิ ชา ๘ - วิชชา ๘ - ความหมายของกัมมฏั ฐาน - ความหมายของวปิ ลั ลาส - สมาบัติ ๘ นวกะ หมวด ๙ - ความสาคญั ของกมั มัฏฐาน - ความปน็ มาของ - อนุปพุ พวิหาร ๙ - พุทธคณุ ๙ - ความหมายของ วปิ ลั ลาสกถา - ลกุตตรธรรม ๙ - วปิ ัสสนาญาณ ๙ สมถกัมมฏั ฐาน - วิปลั ลาส ๓ - สังฆคณุ ๙ - สตั ตาวาส ๙ - ความหมายของสมถภาวนา - วิปัลลาส ๔ ทสกะ หมวด ๑๐ - อนั ตคาหิกทฏิ ฐิ ๑๐ - หตทุ ่ีต๎องฝกึ อบรมจติ ฿ห๎ ปน็ - ธรรมท่ี ป็นครอ่ื งถอน - ทศพลญาณ ๑๐ - บารมี ๑๐ สมาธิ วิปัลลาส - มิจฉัตตะ ๑๐ - สมั มตั ตะ ๑๐ ๑. หวั ฿จสมถกมั มฏั ฐาน มหาสตปิ ฏั ฐานสูตร - สังยชน์ ๑๐ - สัญญา ๑๐ - นิวรณ์ ๕ - ความหมายมหาสติปฏั ฐาน - สัทธรรม ๑๐ - หัว฿จสมถกมั มฏั ฐาน - การจรญิ สติปัฏฐานพ่ือผล ก๎นิวรณค์ รอบงา ๕ อยําง - นิวรณ์ ๕ สงคราะห์ - ผู๎จรญิ สติปฏั ฐานพงึ ขา๎ ฿นจรติ ประกอบด๎วยคณุ ธรรม ๓ - กัมมัฏฐานอันปน็ ท่ี - มหาสตปิ ัฏฐาน ๔ สบาย - อานิสงส์การจรญิ - ฌาน ๒ สตปิ ฏั ฐาน ๔ - ความหมายของ คริ ิมานนทสูตร องคธ์ รรม฿นรปู ฌาน ๔ - สัญญา ๑๐ - องค์ฌานท่ี ป็นคํูปรับ - อารมณ์ ๑๖ ขัน้ ฿นการ กบั นวิ รณ์ ๕ จริญอานาปานสติ ๒. สมถภาวนา
หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เนอื้ หานกั ธรรมชั้นตรี เนื้อหานกั - พรหมวหิ าร ๔ - บญจศลี - ตนั หา ๓ - สตปิ ัฏฐาน ๔ - มิจฉาวณิชชา ๕ - ทฏิ ฐิ ๓ - ธาตกุ มั มัฏฐาน ๔ - สมบตั ขิ องอบุ าสก ๕ - ทพ ๓ - อริยสจั ๔ ฉกั กะ หมวด ๖ - ธรรมนยิ าม ๓ ปัญจกะ หมวด ๕ - ทิศ ๖ - นิมติ ๓ - อนันตริยกรรม ๕ - อบายมขุ ๖ - ภาวนา ๓ - อภณิ หปัจจวกขณ์ ๕ - ปรญิ ญา ๓ - วสารัชชกรณธรรม ๕ เรยี งความแก้กระทูธ้ รรม - ปหาน ๓ - องค์ หงํ ภกิ ษุบวช฿หมํ ๕ นกั ธรรมชน้ั ตรี - ปาฏหิ ารยิ ะ ๓ - องค์ หํงธรรมกถึก ๕ - ความหมายของรยี งความ - ปฎิ ก ๓ - ธมั มสั สวนานสิ งส์ ๕ - พุทธจริยา ๓ - พละ ๕ ก๎กระท๎ูธรรม - ภพ ๓ - นิวรณ์ ๕ - ทานองรียงความก๎กระท๎ู - ลก ๓ - ขนั ธ์ ๕ - ลก ๓ (อีกนยั หนึ่ง) ฉักกะ หมวด ๖ ธรรม - วฏั ฏะ ๓ - คารวะ ๖ - หลักกณฑ์ ตํงกระท๎ูธรรม - วิชชา ๓ - สาราณยิ ธรรม ๖ - หลักสาหรบั อธบิ ายกระท๎ู - วิมกข์ ๓ - อายตนะภาย฿น ๖ - สมาธิ ๓ - อายตนะภายนอก ๖ ธรรม - วิ วก ๓ - วญิ ญาณ ๖ - รูปบบการตงํ รยี งความ - สงั ขตลักษณะ ๓ - ผัสสะ ๖ - สังขาร ๓ - วทนา ๖ กก๎ ระท๎ูธรรม - สัทธรรม ๓ - ธาตุ ๖ - ตัวอยาํ งการตงํ รียงความ - สมบัติ ๓ สตั ตกะ หมวด ๗ - สกิ ขา ๓ กก๎ ระท๎ูธรรม - กระทูส๎ ภุ าษติ ท่ีควรทอํ งจา ประกอบดว๎ ย ธัมมวรรค หมวดธรรม ปกิณณกวรรค หมวด
๑๙๓ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ กธรรมช้ันโท เนื้อหานกั ธรรมชัน้ เอก เอกาทสกะ หมวด ๑๑ - ปัจจยาการ ๑๑ - ธรรมอนั ปน็ ทตี่ ้งั ของ เรียงความแกก้ ระทธู้ รรม ทวาทสกะ หมวด ๑๒ - กรรม ๑๒ อารมณส์ มถภาวนา นกั เรยี นชนั้ เอก เตรสกะ หมวด ๑๓ - ธุดงค์ ๑๓ - สตปิ ัฏฐาน ๔ - ความหมายของรียงความ ปณั ณรสกะ หมวด ๑๕ - จรณะ ๑๕ - อารมณส์ มถกัมมัฏฐาน ก๎กระทู๎ธรรม เรียงความแกก้ ระทธู้ รรมโท ๔๐ - ทานองรียงความกก๎ ระท๎ู - ความหมายของรยี งความ - จริต ๖ ธรรม ก๎กระทูธ๎ รรม - ทานองรียงความก๎กระท๎ู - กัมมฏั ฐานอนั ปน็ ท่ี - หลักกณฑ์ ตํงกระทู๎ธรรม ธรรม สบายกจํ รติ - หลกั สาหรับอธบิ ายกระทู๎ - หลกั กณฑ์ ตํงกระทธู๎ รรม - หลักสาหรบั อธบิ ายกระทู๎ - นมิ ิต ๓ ธรรม ธรรม - การจรญิ - รูปบบการตงํ รยี งความ - รูปบบการตงํ รียงความ สมถกัมมฏั ฐาน ก๎กระท๎ูธรรม กก๎ ระทธู๎ รรม - ตัวอยาํ งการตงํ รียงความ ๓ ระดับ - ตวั อยาํ งการตํงรยี งความ ก๎กระทู๎ธรรม - สมาธิ ๓ ระดบั กก๎ ระท๎ธู รรม - กระทสู๎ ภุ าษติ ทคี่ วรทอํ งจา - ฌานสมาบตั ิ ๒ - กระทูส๎ ภุ าษติ ทคี่ วรทํองจา ประกอบด๎วย ปมาทวรรค หมวดประมาท - ประยชน์ของการจริญ ประกอบดว๎ ย สมถภาวนา ปมาทวรรค หมวดประมาท ๓. พระพุทธคณุ กถา ปาปวรรค หมวดบาป - พระพทุ ธคุณสํวน ปุคฺคลวรรค หมวดบคุ คล อัตตสมบตั ิ ปญุ ญวรรค หมวดบญุ - พระพุทธคุณสํวน มจั จวุ รรค หมวดความตาย ปรหติ สมบัติ วาจาวรรค หมวดวาจา - ความหมายของ วิริยวรรค หมวดความพียร พระพุทธคณุ กถา สัทธาวรรค หมวดศรัทธา - พระพทุ ธคุณดยยํอ ๒ สีลวรรค หมวดศลี
หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนือ้ หานกั ธรรมชน้ั ตรี เนื้อหานกั - อปรหิ านยิ ธรรม ๗ บ็ดตลด็ - สดาบัน ๓ - อริยทรพั ย์ ๗ ปัญญาวรรค หมวดปัญญา จตุกกะ หมวด ๔ - สปั ปุรสิ ธรรม ๗ ปมาทวรรค หมวดประมาท - อบาย ๔ - สัปปรุ สิ ธรรม ๗ (อกี อยําง ปาปวรรค หมวดบาป - อปัสสนธรรม ๔ ปุญญวรรค หมวดบุญ - อัปปมัญญา ๔ หน่ึง) วาจาวรรค หมวดวาจา - พระอรหันต์ ๔ - พชฌงค์ ๗ สจั จวรรค หมวดความสตั ย์ - พระอริยบคุ คล ๔ อฏั ฐกะ หมวด ๘ สตวิ รรค หมวดสติ - อรยิ วงศ์ ๔ - ลกธรรม ๘ สีลวรรค หมวดศีล - อรูป ๔ - ลกั ษณะตดั สินธรรมวินยั ๘ - อวชิ ชา ๔ - มรรค ๘ - อาหาร ๔ นวกะ หมวด ๙ - อุปาทาน ๔ - มละ คือ มลทนิ ๙ - อฆะ ๔ - กจิ ฿นอรยิ สจั ๔ เรียงความแก้กระทู้ธรรม - ฌาน ๔ นักธรรมชนั้ ตรี - ทักขณิ าวสิ ทุ ธิ ๔ - ความหมายของรียงความ - ธรรมสมาทาน ๔ - พุทธบริษทั ๔ กก๎ ระทู๎ธรรม - พทุ ธบรษิ ทั ๔ (อกี อยําง - ทานองรยี งความกก๎ ระทู๎ หน่ึง) ธรรม - บคุ คล ๔ - หลักกณฑ์ ตงํ กระท๎ูธรรม - ปฏปิ ทา ๔ - หลกั สาหรับอธบิ ายกระท๎ู - ปฏสิ ัมภิทา ๔ - ภูมิ ๔ ธรรม - รปู บบการตํงรยี งความ ก๎กระท๎ูธรรม
๑๙๔ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ กธรรมชั้นโท เน้อื หานกั ธรรมช้นั เอก ปาปวรรค หมวดบาป - พระพุทธคณุ ๓ สวนาวรรค หมวดคบหา ปุคคฺ ลวรรค หมวดบคุ คล ปญุ ญวรรค หมวดบญุ - พระพทุ ธคณุ ดยยํอ ๒ มจั จุวรรค หมวดความตาย วาจาวรรค หมวดวาจา (อีกนยั หน่งึ ) วิรยิ วรรค หมวดความพยี ร สทั ธาวรรค หมวดศรทั ธา - พระพุทธคุณ ๙ สีลวรรค หมวดศีล สวนาวรรค หมวดคบหา - อธบิ ายพระพุทธคุณ บทวาํ อรห - อธบิ ายพระพุทธคุณ บทวํา สมฺมาสมฺพทุ ฺ ธ - อธบิ ายพระพทุ ธคณุ บทวํา วิชฺชาจรณสมปฺ นฺ น - อธบิ ายพระพุทธคุณ บทวํา สคุ ต - อธิบายพระพุทธคุณ บทวํา ลกวิทู - อธิบายพระพุทธคณุ บทวํา อนตุ ฺตร ปุริสทมมฺ สารถิ - อธบิ ายพระพทุ ธคณุ บทวํา สตฺถา ทวมนุสฺสาน - อธิบายพระพุทธคุณ บทวาํ พทุ ฺธ - อธิบายพระพุทธคณุ
หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เนอ้ื หานกั ธรรมชนั้ ตรี เนื้อหานัก - ตัวอยาํ งการตงํ รียงความ - มรรค ๔ ก๎กระท๎ูธรรม - ผล ๔ - ยนิ ๔ - กระท๎ูสภุ าษติ ทีค่ วรทอํ งจา - วรรณะ ๔ ประกอบดว๎ ย - วบิ ัติ ๔ อตั ตวรรค หมวดตน ปัญจกะ หมวด ๕ อัปปมาทวรรค หมวดเมํ - อนุปุพพกิ ถา ๕ ประมาท - กามคุณ ๕ กมั มวรรค หมวดกรรม - จักขุ ๕ กิ ลสวรรค หมวดกิลส - ธรรมขันธ์ ๕ กธวรรค หมวดกรธ - ปตี ิ ๕ ขันติวรรค หมวดอดทน - มัจฉรยิ ะ ๕ จิตตวรรค หมวดจิต - มาร ๕ ชยวรรค หมวดชนะ - วญิ ญาณ ๕ ทานวรรค หมวดทาน - วมิ ตุ ติ ๕ ทุกขวรรค หมวดทกุ ข์ - วทนา ๕ - สังวร ๕ - สทุ ธาวาส ๕ - พระอนาคามี ๕ เรยี งความแกก้ ระทู้ธรรม นักธรรมชน้ั โท - ความหมายของรยี งความ ก๎กระทธู๎ รรม
๑๙๕ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ กธรรมช้นั โท เน้ือหานกั ธรรมชัน้ เอก บทวาํ ภควา เรียงความแก้กระทธู้ รรม นักธรรมชน้ั เอก - ความหมายของรียงความ กก๎ ระทู๎ธรรม - ทานองรยี งความกก๎ ระท๎ู ธรรม - หลกั กณฑ์ตงํ กระท๎ธู รรม - หลักสาหรับอธิบายกระท๎ู ธรรม - รูปบบการตงํ รยี งความ ก๎กระท๎ูธรรม - ตัวอยาํ งการตํงรยี งความ ก๎กระทูธ๎ รรม - กระท๎ูสภุ าษิตท่ีควรทํองจา ประกอบดว๎ ย อัตตวรรค หมวดตน อัปปมาทวรรค หมวดเมํ ประมาท กมั มวรรค หมวดกรรม กิลสวรรค หมวดกิ ลส ขนั ติวรรค หมวดอดทน จติ ตวรรค หมวดจติ
หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เนื้อหานกั ธรรมชนั้ ตรี เน้อื หานัก - ทานองรียงความกก๎ ระทู๎ ธรรม - หลกั กณฑ์ ตงํ กระทธู๎ รรม - หลกั สาหรบั อธิบายกระทู๎ ธรรม - รปู บบการตํงรียงความ กก๎ ระทูธ๎ รรม - ตวั อยํางการตํงรยี งความ ก๎กระทธู๎ รรม - กระทส๎ู ภุ าษิตทีค่ วรทอํ งจา ประกอบดว๎ ย อตั ตวรรค หมวดตน อปั ปมาทวรรค หมวดเมํ ประมาท กัมมวรรค หมวดกรรม กิ ลสวรรค หมวดกิ ลส ขันติวรรค หมวดอดทน จิตตวรรค หมวดจติ ทานวรรค หมวดทาน ธัมมวรรค หมวดธรรม ปกิณณกวรรค หมวด บ็ดตล็ด ปญั ญาวรรค หมวดปญั ญา
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ๑๙๖ กธรรมชัน้ โท ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ เนอื้ หานกั ธรรมชน้ั เอก ทานวรรค หมวดทาน ธมั มวรรค หมวดธรรม ปกิณณกวรรค หมวด บ็ดตล็ด ปญั ญาวรรค หมวดปญั ญา
หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอบข่ายเนื้อหาสาระ ในการจัดทาหลกั สูตรการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม แผน สาระการเรยี นรู้พทุ ธประวัติ, ศาสนพิธี ม.๓ รหัส ม.๑ ส๒๑๒๒๑, ส๒๑๒๒๒ ม.๒ ส๒๒๒๒๓, ส๒๒๒๒๔ ม.๖ รหสั ม.๔ ส๓๑๒๒๑, ส๓๑๒๒๒ ม.๕ ส๓๒๒๒๓, ส๓๒๒๒๔ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เน้อื หานกั ธรรมชัน้ ตรี เนอ้ื หานักธ ศึก ษ าพุ ทธ ป ร ะ วั ติ แล ะ ศึ ก ษ า พุ ท ธ ป ร ะ วั ติ แ ล ะ ศึกษาอนุพุทธประวัติ฿นสํวน ศาสนพิธี ดังนี้ ศาสนพธิ ี ดงั น้ี ป ร ะ วั ติ ข อ ง พ ร ะ ม ห า ส า ว ก ผ๎ู ---------------------------- ---------------------------- เด๎รับอตทัคคะ ๔๑ องค์ ละ บทท่ี ๑ ชมพทู วปี และ บทที่ ๗ สง่ พระสาวกไป ศาสนพิธี ดังน้ี ประชาชน ประกาศพระศาสนา ---------------------------- - อาณาจักรตํางๆ - ยสกุลบตุ รออกบวช - พระอัญญากณฑัญญถระ - วรรณะ ๔ - บิดามารดาออกตดิ ตาม - พระสารบี ุตรถระ - ความคิดห็น - ยสกลุ บตุ รสารจ็ ป็น - พระมคคัลลานถระ - ลัทธิพนื้ มือง พระอรหนั ต์ - พระมหากสั สปถระ - สรปุ ช่ือควน๎ ละช่อื - อบุ าสิกาคูํรก - พระอนุรุทธถระ มอื งหลวง฿นครง้ั พทุ ธกาล - สหายพระยสะ - พระภทั ทยิ ถระ บทที่ ๒ สักกชนบทและ - ประทานอุปสมบท - พระลกณุ ฏกภัททยิ ถระ ศากยวงศ์ เตรสรณคมน์ - พระปิณฑลภารทวาชถระ - วิธกี ารปกครอง - ปรดภทั ทวัคคีย์ - พระปณุ ณมันตานยี บตุ ร
๑๙๗ ะการเรยี นรู้พุทธประวตั ิ นกสามัญศึกษา ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และตอนปลาย ส๒๓๒๒๕, ส๒๓๒๒๖ ส๓๓๒๒๕, ส๓๓๒๒๖ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ ธรรมช้ันโท เน้อื หานักธรรมชนั้ เอก ศึกษาอนุพุทธประวัติ฿นสํวน ศึกษาพุทธานุพุทธประวัติ฿นสํวน ศึกษาพุทธานุพุทธประวัติ฿นสํวน ประวัติของพระมหาสาวกผ๎ู ของปริ ฉทท่ี ๑-๘ ดังน้ี ของปริฉทที่ ๙-๑๓ ดงั นี้ เมํเด๎รับอตทัคคะ ๓๙ องค์ ---------------------------- ---------------------------- ละศาสนพธิ ี ดังนี้ ปริเฉทท่ี ๑ ว่าด้วยชมพทู วีป ปริเฉทที่ ๙ วา่ ดว้ ยการประทาน ---------------------------- - การนบั ถือศาสนา ญั ต ติ จ ตุ ต ถ ก ร ร ม ว า จ า - พระวปั ปถระ - การตัง้ ศากยวงศ์ละ อปุ สมั ปทา - พระภทั ทิยถระ กลิยวงศ์ - ราธะพราหมณอ์ ุปสมบท - พระมหานามถระ - จ๎าชายสุทธทนะทรงอภิ ษก - พระปุณณมนั ตานีบุตร - พระอัสสชิ ถระ สมรส ปริเฉทที่ ๑๐ ว่าด้วยการเสด็จ - พระยสถระ - พระพธสิ ตั ว์จุตลิ งสํู กรุงกบิลพสั ดุ์ - พระวมิ ลถระ พระครรภข์ องพระมารดา - กาฬุทายอี ามาตย์บรรลุ - พระสุพาหุ ถระ - ปัญจกลาหล อรหัตตผล - พระปุณณชิถระ - ปัญจบุพพนมิ ติ - ฝนบกขรพรรษตก - พระควมั ปติ ถระ - ปญั จมหาวิ ลกนะ - พระจา๎ สุทธทนะบรรลุ
หลักสูตรโรงเรียนเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนอื้ หานกั ธรรมช้นั ตรี เนอ้ื หานักธ - ศากยวงศ์ - ปรดชฎลิ สามพีน่ ๎อง ถระ บทที่ ๓ พระศาสดาประสูติ บทท่ี ๘ เสด็จกรงุ ราชคฤห์ - พระมหากัจจายนถระ - หตุท่ปี ระสตู ทิ ล่ี มุ พินวี ัน แควน้ มคธ - พระจฬู ปนั ถกถระ - อภินหิ ารของพระมหาบุรษุ - ปรดพระจ๎าพมิ พสิ าร - พระมหาปันถกถระ - อสิตดาบสข๎าฝูา - ความปรารถนาของ - พระสภุ ตู ิถระ - ขนานพระนาม - พระขทิรวนิยรวตถระ - พระมารดาทวิ งคต พระจา๎ พมิ พสิ าร ๕ - พระกงั ขารวตถระ - เด๎ปฐมฌาน ประการ - พระสณกฬิวสิ ถระ - พระอคั รสาวกออกบวช - พระสณกฏุ ิกณั ณถระ ฿นวนั รกนาขวัญ มัชฌมิ โพธิกาล - พระสวี ลีถระ - ศกึ ษาศิลปวิทยา บทท่ี ๙ ทรงบาเพญ็ พุทธกจิ - พระวักกลิ ถระ - อภิษกสมรส ในมคธชนบท - พระราหลุ ถระ - พระประยูรญาติ - ประทานอปุ สมบทกํ - พระรัฐบาลถระ บทท่ี ๔ เสดจ็ ออกบรรพชา พระมหากสั สปะ - พระกณฑธานถระ - ปญั จวคั คยี ์ออกบวช - มหาจาตรุ งคสนั นิบาต - พระวังคีสถระ บทท่ี ๕ ตรสั รู้ - ทรงอนุญาตสนาสนะ - พระอปุ สนถระ - ทรงศกึ ษาลทั ธขิ อง - ทรงสดงวิธที าปุพพปตพลี - พระทัพพมลั ลบุตรถระ - ทรงมอบ฿ห๎สงฆ์ป็น฿หญํ฿น - พระปลิ นิ ทวัจฉถระ สองดาบส การ฿ห๎อปุ สมบท - พระพาหยิ ทารจุ ีริยถระ - ทรงบาพ็ญทกุ กรกิรยิ า - ปรดสงิ คาลมาณพ - พระกมุ ารกสั สปถระ - อปุ มา ๓ ข๎อ - มูลหตทุ าทวตาพลี - พระมหากฏฐิตถระ - ปญั จวัคคีย์หลกี หนี บทท่ี ๑๐ เสดจ็ สักกชนบท - พระอานนทถระ - ตรัสรู๎ - สดจ็ นครกบลิ พัสด์ุ - พระอรุ ุ วลากสั สปถระ - หตุการณ์จวนจะตรสั ร๎ู - ทรงสดงพทุ ธปาฏหิ ารยิ ์ - พระกาฬุทายีถระ - ทรงชนะพญามาร - ปรดพุทธบดิ า ปฐมโพธกิ าล
๑๙๘ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ธรรมชัน้ โท เนื้อหานกั ธรรมชนั้ เอก - พระนทกี สั สปถระ - พระนางสริ มิ หามายาทรง สดาปตั ตผิ ล - พระคยากสั สปถระ - พระอชิตถระ สบุ นิ นิมิต - ปรดพระนางมหาปชาบดี - พระตสิ สมตตยยถระ - พระปณุ ณกถระ - พระพธสิ ตั วป์ ระสูติ - พระจ๎าสุทธทนะบรรลุ - พระมตตคู ถระ - พระธตกถระ - สหชาติ ๗ อนาคามผี ล - พระอปุ สวี ถระ - พระนนั ทถระ - อสิตดาบสข๎าฝาู - ปรดพระนางพมิ พา - พระหมกถระ - พระตทยยถระ - ทานายพระลกั ษณะละ - นันทกมุ ารอุปสมบท - พระกปั ปถระ - พระชตกุ ณั ณีถระ ขนานพระนาม - ราหลุ กมุ ารบรรพชา - พระภัทราวุธถระ - พระอุทยถระ - พระนางสริ มิ หามายาทิวงคต ปริเฉทท่ี ๑๑ ว่าด้วยพระราช - พระปสาลถระ - พระมฆราชถระ - ทรงบรรลปุ ฐมฌาน กุมารแหง่ ศากยวงศอ์ อกผนวช - พระปงิ คิยถระ - พระภคุ ถระ - ทรงอภิ ษกสมรส - พระราชกุมารหงํ ศากยวงศ์ - พระกมิ พลิ ถระ - พระมหาอทุ ายี ถระ ปริเฉทที่ ๒ ว่าด้วยการเสด็จ ออกผนวช - พระอุปวาณถระ - พระมฆิยถระ ออกบรรพชาและตรสั รู้ - พระทวทัตทาอนนั ตรยิ กรรม - พระนาคติ ถระ - ทวทูต - ผนลอบปลงพระชนม์ - ราหลุ กมุ ารประสูติ - พระทวทตั ถูกธรณีสบู - ทอดพระนตรพระราหลุ กมุ าร ป ริ เ ฉทท่ี ๑๒ ว่า ด้ วย พร ะ - สดจ็ ออกบรรพชา โสณโกฬิวสิ ะและพระรัฐบาล - พระจา๎ พมิ พสิ ารตรสั ขอ - ประวตั พิ ระสณกฬิวสิ ะ ปฏิญญา - ประวตั ิพระรัฐบาลถระ - ทรงศกึ ษา฿นสานกั ดาบส ปริเฉทท่ี ๑๓ ว่าด้วยการโปรด - การบาพ็ญทุกกรกิริยา พระพุทธบิดา พระพุทธมารดา - การตรสั ร๎ู และเสดจ็ ดับขนั ธปรนิ ิพพาน ปริเฉทที่ ๓ ว่าด้วยการเสวย - ปรดพระจ๎าสทุ ธทนะ วมิ ตุ ตสิ ุข มหาราช - สตั ตมหาสถาน - พระจ๎าสุทธทนะบรรลุ
หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ เนื้อหานักธรรมช้ันตรี เนื้อหานกั ธ บทท่ี ๖ ปฐมเทศนาและปฐม - ปรดพระนางพมิ พา - พระพากลุ ถระ สาวก - ราหุลกมุ ารบรรพชา - พระสภิตถระ - บุคคลที่ ปรยี บดว๎ ย บทที่ ๑๑ เสด็จโกศลชนบท - พระอบุ าลี ถระ - อนาถปิณฑกิ ศรษฐีสร๎าง - พระนนั ทกถระ ดอกบวั ๔ หลาํ - พระนนั ทถระ - ปรดปญั จวัคคยี ์ ชตวนั มหาวิหาร - พระมหากปั ปนิ ถระ - ทรงสดงปฐมทศนา ปัจฉิมโพธกิ าล - พระสาคตถระ - ปฐมสาวก บทที่ ๑๒ ทรงปลงอายุสังขาร - พระราธถระ - ทรงสดง - หตุผํนดนิ เหว ๘ ประการ - พระมฆราชถระ - สถานท่ที รงทานิมติ อภาส ศึกษาศาสนพธิ ี ดงั น้ี อนตั ตลักขณสตู ร หมวดท่ี ๑ กศุ ลพิธี ศกึ ษาศาสนพธิ ี ดังน้ี ๑๖ ตาบล - พิธีขา๎ พรรษา - หตุกดิ ศาสนพิธี - ประทานพระอวาทกํ - พิธถี อื นิสสัย - ประภทของศาสนพิธี - พิธที าสามจี ิกรรม หมวดที่ ๑ กศุ ลพิธี พระภกิ ษุสงฆ์ - พิธที าวตั รสวดมนต์ ๑. พิธี สดงตนป็น - ทรงพระประชวร - พธิ กี รรมวนั ธรรมสวนะ - ตรสั ถึงทานนายจุนทะ - พิธที าสงั ฆอุบสถ พทุ ธมามกะ - สดจ็ กรงุ กสุ นิ ารา - พธิ ีออกพรรษา - หตุผลละอกาส฿นการ - ทรงปรารภสักการบชู า หมวดที่ ๒ บุญพิธี - ทรงสดงความป็นเป - พิธีทาบญุ ตกั บาตรทว สดงตนปน็ พทุ ธมามกะ - ระบยี บพิธ฿ี นการสดงตน หํงทวดา รหณะ - สังวชนียสถาน ๔ ตาบล - พธิ ี จริญพระพุทธมนต์ ปน็ พทุ ธมามกะ - อาการทภ่ี ิกษุจะพึงปฏิบตั ิ - พิธสี วดพระพทุ ธมนต์ ๒. พธิ รี ักษาอุบสถศีล - พธิ สี วดพระอภธิ รรม - อุ บสถของคฤหัสถม์ ี ๒ ฿นสตรี - วิธีปฏิบัต฿ิ นพระพุทธสรีระ อยาํ ง - ถปู ารหบุคคล ๔ - คาสมาทานอุบสถศลี - ประทานอวาทกํ ๓. พธิ ี วยี นทียน฿นวนั สาคญั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 586
Pages: