Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Published by naratham1965, 2019-12-14 01:28:36

Description: หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา (ฉบับสมบูรณ์)

Search

Read the Text Version

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๕ ๗. รํวมจัดทา ดู฽ล รักษา ฽ละพัฒนาสื่อการ฼รียนรู๎ตลอดจน฽หลํง฼รียนร๎ู ทั้งภาย฿น฽ละ ภายนอกหอ๎ ง฼รยี นอยาํ ง฼ป็นระบบ฽ละตํอ฼น่อื ง ๘. อนุรกั ษธ์ รรมชาต฽ิ ละสิ่ง฽วดล๎อม สืบสานวัฒนธรรม ตลอดจนมรดกของชุมชนเด๎อยําง ฼ปน็ ระบบ ๙. ประสานความสัมพันธ์กับครู ภูมิปัญญาท๎องถ่ิน ชุมชน฽ละองค์กรตํางๆ ฿นชุมชน฼พื่อ การ฼รยี นร๎เู ด๎อยาํ ง฼หมาะสม ๑๐. รกั ษาสทิ ธิ฽ละ฾อกาส฿นการ฼ขา๎ รบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ๑๒ ปี

หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๖ ส่อื การเรียนรู้ สื่อการ฼รียนร๎฼ู ปน็ ฼ครอ่ื งมอื สงํ ฼สริมสนบั สนุนการจดั การกระบวนการ฼รียนรู๎ ฿ห๎ผ๎฼ู รียน฼ข๎าถึงความร๎ู ทักษะ กระบวนการ ฽ละคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรเด๎อยํางมีประสิทธิภาพ ส่ือการ฼รียนรู๎มีหลากหลาย ประ฼ภท ทั้งส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ือ฼ทค฾น฾ลยี ฽ละ฼ครือขํายการ฼รียนรู๎ตํางๆ ที่มี฿นท๎องถิ่น การ฼ลือก฿ช๎ส่ือ ควร฼ลอื ก฿ห๎มคี วาม฼หมาะสมกับระดบั พัฒนาการ ฽ละลีลาการ฼รยี นร๎ทู ่ีหลากหลายของผ๎฼ู รียน การจัดหาส่ือการ฼รียนรู๎ ผู๎฼รียน฽ละผู๎สอนสามารถจัดทา฽ละพัฒนาขึ้น฼อง หรือปรับปรุง฼ลือก฿ช๎อยํางมี คุณภาพจากสอื่ ตาํ งๆ ทม่ี อี ยํูรอบตัว฼พ่อื นามา฿ช๎ประกอบ฿นการจัดการ฼รียนร๎ูท่ีสามารถสํง฼สริม฽ละสื่อสาร฿ห๎ผ๎ู฼รียน ฼กิดการ฼รยี นร๎ู ฾ดยสถานศึกษาควรจัด฿ห๎มีอยํางพอ฼พียง฼พ่ือพัฒนา฿ห๎ผู๎฼รียน฼กิดการ฼รียนร๎ูอยําง฽ท๎จริง ฿นการ จัดทา การ฼ลือก฿ช๎ ฽ละการประ฼มินคุณภาพสื่อการ฼รียนร๎ูที่฿ช๎฿นสถานศึกษา ควรคานึงถึงหลักการสาคัญของสื่อ การ฼รียนรู๎ ฼ชํน ความสอดคล๎องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การ฼รียนร๎ู การออก฽บบกิจกรรมการ฼รียนร๎ู การจัด ประสบการณ฿์ หผ๎ ๎ู฼รยี น ฼น้ือหามคี วามถกู ตอ๎ ง฽ละทันสมยั เมํกระทบความมน่ั คงของชาติ เมขํ ัดตอํ ศีลธรรม มีการ฿ช๎ ภาษาท่ถี กู ตอ๎ ง รูป฽บบการนา฼สนอท่ี฼ขา๎ ฿จงาํ ย ฽ละนําสน฿จ (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๑) ๑. ประเภทของสือ่ การเรยี นรู้ ส่อื การ฼รียนรู๎ จา฽นกตามลกั ษณะเด๎ ๓ ประ฼ภท ดังนี้ ๑.๑ สื่อสง่ิ พมิ พ์ เด฽๎ กํ หนังสอื ฽ละ฼อกสารส่งิ พมิ พ์ตํางๆ ฼ชํน นติ ยสาร วารสาร ตารา หนังสือ฼รียน ฽ผนํ พับ ฾ปส฼ตอร์ ภาพพลิก ฼ปน็ ต๎น ๑.๒ สื่อเทคโนโลยี เด๎฽กํ ส่อื การ฼รียนรู๎ที่ผลิตข้ึน฼พื่อ฿ช๎คํูกับ฼ครื่องมือ ฾สตทัศนวัสดุ หรือ฼ครื่องมือ ที฼่ ปน็ ฼ทค฾น฾ลยี฿หมํๆ รวมถงึ การ฿ช๎อนิ ฼ทอร฼์ นต การศึกษาผาํ นดาว฼ทยี ม ฼ป็นต๎น ๑.๓ สอ่ื อน่ื ๆ ฼ชนํ ส่ือบคุ คล รวมถงึ ภมู ิปัญญาทอ๎ งถิน่ สอื่ ธรรมชาติ฽ละสิ่ง฽วดล๎อม ส่ือกิจกรรม/ กระบวนการ ส่อื วัสดุ/฼ครื่องมือ฽ละอุปกรณ์ ๒. การใช้สือ่ การเรียนรู้ การ฿ช๎ส่ือการ฼รียนรู๎อยํางมีประสิทธิภาพจะกํอ฿ห๎฼กิดประสิทธิผลตํอผ๎ู฼รียน ฾ดยครูผู๎สอนจะต๎อง ดา฼นนิ การ ดงั นี้ ๒.๑ การเตรยี มตวั ของครูผู้สอน ๑) ศึกษา฼น้ือหาสาระ฿นสื่อการ฼รียนร๎ูที่เด๎฼ลือกเว๎ ฼พ่ือตรวจสอบวํามีความสมบูรณ์ตามที่ ตอ๎ งการหรอื เมํ กรณมี ีสาระเมํครบถ๎วน อาจจัดทา฿บความรู๎ ฿บงาน฼สริม ๒) ทดลอง฿ชส๎ ือ่ การ฼รียนรบู๎ างประ฼ภท ท่ีมวี ธิ กี าร฿ช๎ที่ยํุงยากหรือทดสอบประสิทธิภาพของสื่อ วําสรา๎ งความ฼ขา๎ ฿จ฿ห๎กบั ผู฼๎ รยี น฼พียง฿ด ฼หมาะสมกับ฼วลา฼รียนหรือเมํ ฽ละตอ๎ ง฽กเ๎ ขปรบั ปรุงอะเรบ๎าง ๓) จัด฼ตรียมอุปกรณ์ ฼คร่ืองมือ฿ห๎พร๎อมลํวงหน๎าจะเด๎เมํ฼สีย฼วลา ฽ละตรวจสอบอุปกรณ์ ฼ครือ่ งมือตํางๆ ฿ห๎ครบถ๎วนอยู฿ํ นสภาพพร๎อม฿ช๎฼สมอ

หลักสูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๗ ๒.๒ เตรยี มจดั สภาพแวดล้อม การ฿ช๎สื่อการ฼รียนร๎ูบางประ฼ภท ต๎องจัด฿ห๎อยูํ฿นสภาพท่ี฼หมาะสม กับสถานที่หรือห๎อง฼รียนนั้น ๆ เมํวําจะ฼ป็นตา฽หนํงท่ี฼หมาะสมของ฼คร่ืองมือ฽ละวัสดุ อุปกรณ์ ระยะที่น่ังท่ี ฼หมาะสมของผ฼ู๎ รียนหรอื ฽สงภาย฿นห๎อง ๒.๓ เตรียมความพรอ้ มผู้เรยี น ครูผูส๎ อนควรช฽ี้ จง฿ห๎ผู๎฼รยี นร฼ู๎ ปาู หมายของการ฼รียนรู๎ ฾ดย฿ช๎สื่อน้ัน ๆ ฼พ่อื ฿ห๎ผ฼๎ู รยี น฼รียนร๎ูอยํางมี฼ปูาหมาย ฽ละมีความพร๎อม฿นการ฼รียนร๎ูจากสื่อนั้น หรือ฿นกรณีท่ีผู๎฼รียนต๎อง฿ช๎สื่อ ด๎วยตน฼อง ครูผูส๎ อนต๎อง฽นะนาวิธีการ฿ช๎สื่อนั้นด๎วย ที่สาคัญจะต๎องบอกวําผู๎฼รียนต๎องทากิจกรรมอะเรบ๎าง ฼พื่อ จะเด฼๎ ตรยี มตวั เด๎ถูกต๎อง ๒.๔ ดาเนินการใช้ส่ือการเรียนรู้ ฾ดยขณะที่จัดกิจกรรมการ฼รียนการสอนนั้น ครูผ๎ูสอนต๎อง พจิ ารณาวําผ๎฼ู รยี นมีปฏิกิริยาอยํางเร มีความตั้ง฿จ฽ละกระตือรือร๎น฿นการ฼รียนหรือเมํ ฼พราะปฏิกิริยาของผู๎฼รียน ฼ปน็ ตัวช้ีวดั เดว๎ าํ สือ่ มีความ฼หมาะสมกบั กิจกรรม฽ละผู๎฼รียน฼พียง฿ด นอกจากน้คี วรมีการ฿ช๎฼คร่ืองมือหรือวิธีการตําง ๆ ทจ่ี ะตรวจสอบวําสือ่ การ฼รียนรู๎มีประสทิ ธิภาพหรอื เมํ฼พียง฿ด ๒.๕ ประเมินการใช้สือ่ การเรยี นรู้ ฼ป็นการนาขอ๎ มูลจากการ฿ช๎ส่ือมาวิ฼คราะห์฿ห๎฼กิดความชัด฼จนวํา มีอุปสรรคจากการ฿ช๎ส่ืออยํางเร มีความ฼หมาะสมกับกิจกรรม฽ละผู๎฼รียนระดับ฿ด การประ฼มินจะชํวย฿นการ ตัดสนิ ฿จ฼ลอื ก฿ช๎สือ่ การ฼รียนรู๎สาหรับการจัดการ฼รียนร๎ู฿นคร้ังตํอ ๆ เป หรือปรับปรุง฼พื่อพัฒนา฼พ่ิม฼ติม฿ห๎มีความ ฼หมาะสมย่ิงขน้ึ ๓. แนวคิดและตัวอย่างของการใช้สือ่ การเรยี นรู้ ๓.๑ สื่อการเรียนรู้ ตามทฤษฎีการเรียนรู้ของสมอง (Brain – based Learning) มีวิธกี ารนา฼สนอ฾ดยวิธีกระต๎ุนการ฼รียนร๎ู เด๎฽กํ การ฼ริ่ม฼รื่องด๎วยคาถาม การ฿ห๎ผู๎฼รียนมีสํวน รํวมกับหนังสือ ฾ดยการ฿ห๎สืบค๎นข๎อมูล฿กล๎ตัว ทา฿ห๎สามารถ฼ชื่อม฾ยงตน฼องกับหนังสือเด๎ มีกิจกรรมการ฼รียนร๎ู ผาํ นกระบวนการ฼รียนรู๎ ตัง้ ฽ตกํ ารสัง฼กต การสื่อสาร สนทนา ถามตอบ การทางานกลํุม การระดมสมอง การ ฽ลก฼ปล่ยี นความคิด การ฽กป๎ ัญหา การฝึกทักษะการคิด จะต๎องทา฼ป็นกระบวนการตํอ฼นื่อง฽ละสอดคล๎องกัน฿น ลักษณะบูรณาการทั้งหลักสูตร฽ละตํอ฼นื่องตามระดับช้ัน฾ยงเปสํูสถานการณ์ท่ีผ๎ู฼รียนจะต๎องประสบ ผู๎฼รียนที่มี พ้ืนฐานการคดิ ทีถ่ ูกวธิ ี ม฼ี หตุผลจะสามารถ฽กเ๎ ขสถานการณ์฿นทางที่฼หมาะสม สามารถคดิ สรา๎ งสรรค์ ๓.๒ สอ่ื การเรียนรกู้ ับชวี ติ จริง การบูรณาการการ฼รียนร๎ูกับชีวิตจริง คือการ฿ห๎ผ๎ู฼รียนนาความร๎ูความ฼ข๎า฿จ฽ละ฽รงบันดาล฿จ จากสื่อการ฼รียนรู๎เปประยุกต์฿ช๎฿นชีวิตประจาวัน ฼พ่ือ฿ห๎฼กิดประ฾ยชน์จริง การสร๎างกิจกรรม฼พื่อกระตุ๎น฿ห๎฼กิด การบรู ณาการการ฼รยี นร๎ูกบั ชวี ติ จริง ตอ๎ งคานงึ ถงึ สิง่ ตํอเปน้ี ๑) ทาความ฼ข๎า฿จกับ฽นวคิด฽ละผลท่ีคาดหวังของหนังสือ฽ตํละ฼ลํม หรือสื่อการ฼รียนรู๎฽ตํละ รายการ฼พ่ือ฿ห฼๎ กิดความชดั ฼จน฿นการจดั กจิ กรรม ๒) คานึงถึงบริบทของผ๎ู฼รียนวํา฼ก่ียว฼น่ืองกับ฼รื่อง฿ดบ๎าง ฼พื่อสร๎างกิจกรรม฿ห๎ผู๎฼รียนเด๎บูรณา การกับชวี ติ จริง ๓.๓ ส่อื การเรียนร้ตู ลอดชวี ิต การ฼รียนร๎ูจะ฼กิดข้ึนเด๎จากการท่ีผ๎ู฼รียนเด๎ซึมซับจากประสบการณ์ สิ่ง฽วดล๎อม ฽ละส่ือการ ฼รียนรู๎ผํานกระบวนการ฼รียนร๎ูท่ีครูผู๎สอนจัด฿ห๎ ฾ดย฼ปิด฾อกาส฿ห๎฼ด็กคิดวิ฼คราะห์ ฼รียนรู๎ด๎วยตน฼อง มี

หลักสูตรโรงเรียนเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๘ ประสบการณ์ตรง ฼รียนร๎ูที่จะหาคาตอบ฿ห๎มากที่สุด ครูผู๎สอนจะต๎อง฼ป็นผ๎ูอานวยความสะดวก฿ห๎ผู๎฼รียน฼กิดการ ฼รียนร๎ู สื่อที่สํง฼สริมการ฼รียนร๎ูด๎วยตน฼องตลอดชีวิต นอกจากจะ฼ป็นหนังสือ฼รียน฽ละหนังสือ฼สริมประสบการณ์ ฽ล๎ว สอ่ื ฼ทค฾น฾ลยี ฼ขา๎ มามีบทบาทสาคัญ฿ห๎ครูผูส๎ อนเด๎฼ลือก฿ช๎ ฼ชํน สอ่ื ทางเกลผํานดาว฼ทยี ม ผู๎฼รียนสามารถดู รายการสาระการ฼รียนร๎ูท่ีต๎องการ฿น฼วลาที่สะดวกเด๎ ตามกาหนดผังรายการจาก฾ทรทัศน์ผํานดาว฼ทียม฽ละ สามารถสืบค๎นข๎อมลู เด๎จาก website ที่฿หส๎ าระประ฾ยชนต์ าม฼น้อื หาท่ตี ๎องการ ๓.๔ สื่อการเรยี นรู้ ในรูปของกจิ กรรม การสํง฼สริม฿ห๎ผ๎ู฼รียน฼รียนร๎ูผํานกิจกรรมที่฼ป็นส่ือของจริง฽บบกระบวน การจะชํวย฿ห๎ผ๎ู฼รียน ฼รยี นรู๎อยํางมีความหมาย ฼ชอื่ ม฾ยงสูํการนาเป฿ช฿๎ นชวี ติ จรงิ ฼ชํน ๑) ปลกู ขา๎ ว ปลกู ผักปลอดสารพิษ฾ดยเมตํ อ๎ งซื้อจากภายนอก ๒) จัดระบบน฼ิ วศน์หมุน฼วยี น มีการกกั น้าฝนจากภู฼ขา ฼ม่อื นามา฿ช฽๎ ล๎วจะกลาย฼ป็นน้า฼สียลง บํอนามาบาบัด฽ละนากลับมา฿ช๎฿หมํ ๓) นาขยะมา฿ช๎ผลิตกระ฽สเฟฟูา฾ดย฿ช๎฽ก๏สจากพลาสติก ยํอยถุงพลาสติก฽ละ฼ศษอาหาร฿ช๎ ฼ป็นปยุ๋ ชีวภาพ ๔) ผลติ พลังงานเบ฾อดี฼ซล฼พ่ือ฿ช๎฿นรถกระบะ ฿ช๎พลังงานลม พลังงาน฽สงอาทิตย์฽ละขยะนา มาผลิตกระ฽สเฟฟาู ๕) การปอู งกันน้า฼สีย฾ดย฿ช๎น้าพุ฼พอ่ื ฼ติมออกซิ฼จน฿นนา้ ๖) ข้นั ตอน฽ละวิธกี ารปลูกผัก฽บบเฮ฾ดร฾ฟนิค (Hydrophonic) ๗) ทาก๏าซชีวภาพจาก฼ศษอาหาร ๘) ผลิต฽ชมพูสระผม (ดอกอัญชัน–มะกรูด) น้ายาล๎างจาน น้ายาซักผ๎า น้ายาล๎างห๎องน้า น้ายา รดี ผา๎ นา้ มันมะพรา๎ ว คัดลอกจาก “฽นวทางการจัดการ฼รียนรู๎ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑” (ของสานัก วิชาการ฽ละมาตรฐานการศกึ ษา ๒๕๕๒)

หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖๙ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ การวดั ฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎฿ห๎฼ปน็ เปตามหลกั การพนื้ ฐานสองประการ คอื การประเมินเพ่ือพัฒนา ผู้เรียน และการประเมินเพอื่ ตดั สนิ ผลการเรยี น ซงึ่ มีวธิ ีการดา฼นนิ การ ดังนี้  การประเมินเพ่อื พัฒนาผู้เรยี น ฼ป็นการประ฼มินผลการ฼รียน฽ละการ฼รียนการสอนท่ี฼กิด฿นห๎อง฼รียนทุกวัน ฾ดยผ๎ูสอนจะต๎อง฼ก็บ รวบรวมขอ๎ มูล฼กีย่ วกับผลการ฼รยี น฽ละการ฼รยี นร๎ูของผ๎ู฼รียนอยํางตํอ฼นื่อง บันทึก วิ฼คราะห์ ฽ปลความหมายข๎อมูล ฽ลว๎ นามา฿ช฿๎ นการสํง฼สริมหรือปรับปรุง฽ก๎เขการ฼รียนรู๎ของผ๎ู฼รียน฽ละการสอนของครู ครูผู๎สอนต๎อง฿ช๎วิธีการ฽ละ ฼ครื่องมือท่ีหลากหลาย ฼ชํน การสัง฼กต การซักถาม การระดมความคิด฼ห็น฼พื่อ฿ห๎เด๎มติข๎อสรุปของประ฼ด็นท่ี กาหนด การ฿ช๎฽ฟูมสะสมงาน การ฿ช๎ภาระงานท่ี฼น๎นการปฏิบัติ การประ฼มินความร๎ู฼ดิม การ฿ห๎ผ๎ู฼รียนประ฼มิน ตน฼อง การ฿ห๎฼พ่ือนประ฼มนิ ฼พ่ือน ฽ละการ฿ช๎฼กณฑ์การ฿หค๎ ะ฽นน (Rubries) สิ่งทีส่ าคัญท่ีสุด฿นการประ฼มิน฼พ่ือ พัฒนา คือ การ฿ห๎ข๎อมูลย๎อนกลับ฽กํผู๎฼รียน฿นลักษณะคา฽นะนาที่฼ช่ือม฾ยงความร๎ู฼ดิมกับความร๎ู฿หมํ ทา฿ห๎ การ ฼รียนรู๎พอกพนู ฽ก๎เขความคิดความ฼ข๎า฿จ฼ดิมที่เมํถูกต๎อง ตลอดจนการ฿ห๎ผ๎ู฼รียนสามารถตั้ง฼ปูาหมาย฽ละพัฒนา ตนเด๎  การวัดและประเมินผลเพือ่ ตัดสินผลการเรียน ฼ป็นการประ฼มินสรุปผลการ฼รียนรู๎ (Summative Assessment) ซึ่งมีหลายระดับ เด๎฽กํ ฼ม่ือ฼รียน จบหนํวยการ฼รียน จบรายวิชา ฼พ่ือตัดสิน฿ห๎คะ฽นน หรือ฿ห๎ระดับผลการ฼รียน ฿ห๎การรับรองความรู๎ความสามารถ ของผู๎฼รยี นวาํ ผาํ นรายวชิ าหรอื เมํ ควรเด๎รบั การ฼ล่ือนชน้ั หรือเมํ หรอื สามารถจบหลักสูตรหรือเมํ ฿นการประ฼มิน฼พ่ือ ตัดสินผลการ฼รียนที่ดีต๎อง฿ห๎฾อกาสผ๎ู฼รียน฽สดงความร๎ูความสามารถด๎วยวิธีที่หลากหลาย ฽ละพิจารณาตัดสินบน พน้ื ฐานของ฼กณฑ์ผลการปฏบิ ัติมากกวํา฿ช฼๎ ปรียบ฼ทียบระหวํางผู๎฼รยี น ฾รง฼รียนพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ต๎องดา฼นินการ฿ห๎มีการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎ ตามที่หลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนดเว๎ ๔ ระดับ เด๎฽กํ ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับชาติ ซึ่งทุกระดับมี฼จตนารมณ์฼ชํน฼ดียวกัน คือ ตรวจสอบ ความกา๎ วหน๎า฿นการ฼รยี นรขู๎ องผ฼๎ู รียน฼พอื่ นาผลการประ฼มินมา฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿นการพฒั นาอยาํ งตํอ฼น่ือง ดงั น้ี ๑. การประเมินระดับชน้ั เรยี น ฼ป็นการวัด฽ละประ฼มนิ ผล฼พอื่ พฒั นาผู฼๎ รยี น฽ละตัดสินผลการ฼รียน฿นรายวิชา/กจิ กรรมท่ีผ๎ูสอนจัดการ ฼รียนร๎ู ฿นการประ฼มิน฼พื่อการพัฒนา ฼ป็นการประ฼มินผลการ฼รียนรู๎ตามตัวช้ีวัดที่กาหนด฼ป็น฼ปูาหมาย฿น฽ตํละ หนํวยการ฼รียนร๎ูด๎วยวิธีการตํางๆ ฼ชํน ซักถาม การสัง฼กต การตรวจการบ๎าน การประ฼มิน฾ครงงาน/ช้ินงาน/ ภาระงาน ฽ฟูมสะสมงาน การ฿ช๎฽บบทดสอบ การ฽สดงออก฿นการปฎิบัติผลงานการ฽สดงกิริยาอาการตํางๆ ของผ๎ู฼รียนตลอด฼วลาท่ีจัดกิจกรรม ฼พ่ือประ฼มินวําผู๎฼รียนบรรลุตัวช้ีวัด หรือมี฽นว฾น๎มวําจะบรรลุตัวช้ีวัด฼พียง฿ด ฽ละดา฼นินการ฽ก๎เขข๎อบกพรํอง฼ป็นระยะๆ อยํางตํอ฼น่ือง การประ฼มิน฿นระดับน้ี ผู๎สอน฼ป็นผู๎ดา฼นินการ฼อง หรอื ฼ปดิ ฾อกาส฿ห๎ผ฼ู๎ รยี นประ฼มนิ ตน฼อง ฼พ่อื นประ฼มิน฼พ่ือน หรือผปู๎ กครองมสี ํวนรํวมประ฼มินกเ็ ด๎

หลักสูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๐ สาหรบั การประ฼มนิ ฼พื่อตัดสิน฼ปน็ การตรวจสอบ ณ จุดท่ีกาหนด฽ล๎วตัดสินวําผู๎฼รียนมีผลการ฼รียนรู๎ อัน฼กิดจากการจัดกิจกรรมการ฼รียนการสอนหรือเมํ มากน๎อย฼พียง฿ด ฼ป็นการ฼ก็บคะ฽นนของหนํวยการ฼รียนร๎ู หรือการ฼ก็บคะ฽นนของการประ฼มนิ ผลกลางภาค หรือปลายภาค ตามรูป฽บบการประ฼มินท่ี฾รง฼รียนกาหนด ผล การประ฼มินนอกจากจะ฿ห฼๎ ปน็ คะ฽นนหรือระดบั ผลการ฼รียนร฽๎ู กผํ ู฼๎ รยี น฽ล๎ว ยงั ฼ป็นข๎อมูล฿ห๎ผ๎ูสอน฿ช๎ปรับปรุงการ ฼รียนการสอนของตนดว๎ ย ๒. การประเมนิ ระดบั สถานศึกษา ฼ป็นการประ฼มินท่ี฾รง฼รียนดา฼นินการ฼พื่อตัดสินผลการ฼รียนของผ๎ู฼รียน฼ป็นรายปี/รายภาค ผลการ ประ฼มนิ การอําน คิดว฼ิ คราะห์฽ละ฼ขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฽ละกิจกรรมพัฒนาผู๎฼รียน การอนุมัติผลการ ฼รียน การตัดสนิ การ฼ล่ือนชั้น฼รียน ฽ละ฼ป็นการประ฼มิน฼พ่ือ฿ห๎เด๎ข๎อมูล฼กี่ยวกับการจัดการศึกษาของ฾รง฼รียน วํา สงํ ผลตอํ การ฼รียนรูข๎ องผ๎฼ู รียนตาม฼ปูาหมายหรือเมํ ผู๎฼รียนมีจุดพัฒนา฿นด๎าน฿ด รวมทั้งสามารถนาผลการ฼รียนของ ผู๎฼รียน฿น฾รง฼รียน฼ปรียบ฼ทียบกับ฼กณฑ์ระดับชาติ ผลการประ฼มินระดับ฾รง฼รียนจะ฼ป็นข๎อมูล฽ละสารสน฼ทศ฼พื่อ การปรับปรุงน฾ยบาย หลักสูตร ฾ครงการ หรือวิธีการจัดการ฼รียนการสอน ตลอดจน฼พ่ือการจัดทา฽ผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของ฾รง฼รียน ตาม฽นวทางการประกันคุณภาพการศึกษา฽ละการรายงานผลการจัดการศึกษาตํอ คณะกรรมการ฾รง฼รียน สานักงาน฼ขตพ้ืนที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู๎ปกครอง ฽ละชุมชน ๓. การประเมนิ ระดบั เขตพนื้ ท่ีการศึกษา ฼ป็นการประ฼มินคุณภาพผ๎ู฼รียน฿นระดับ฼ขตพ้ืนท่ีการศึกษาตามมาตรฐานการ฼รียนรู๎ตามหลักสูตร ฽กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ฼พ่ือ฿ช๎฼ป็นข๎อมูลพ้ืนฐาน฿นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ฼ขตพื้นท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผดิ ชอบ สามารถดา฼นินการ฾ดยประ฼มินคุณภาพผลสัมฤทธ์ิของผู๎฼รียนด๎วย วิธีการ฽ละ฼ครื่องมือ ที่฼ป็นมาตรฐานที่จัดทา฽ละดา฼นินการ฾ดย฼ขตพื้นท่ีการศึกษา หรือด๎วยความรํวมมือกับหนํวยงานต๎นสังกัด ฽ละ หรือหนํวยงานที่฼ก่ียวข๎อง฿นการดา฼นินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังเด๎จากการตรวจสอบทบทวนข๎อมูลจากการ ประ฼มินระดับ฾รง฼รียน฿น฼ขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา ฾รง฼รียนพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ทุก฽หํงควร฿ห๎ความรํวมมือ฿นการประ฼มินคุณภาพ ผู๎฼รียน฿นระดับ฼ขตพ้ืนที่การศึกษา ฼พ่ือจักเด๎นาผลของการประ฼มิน฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของ฾รง฼รียนตํอเป ๔. การประเมินระดบั ชาติ ฼ป็นการประ฼มนิ คุณภาพผู๎฼รียน฿นระดับชาติตามมาตรฐานการ฼รียนรู๎ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ฾รง฼รียนต๎องจดั ฿ห๎ผ๎฼ู รยี นทุกรูปที฼่ รียน฿นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ฽ละชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ ฼ขา๎ รบั การประ฼มนิ ผลจากการประ฼มิน฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿นการ฼ทียบ฼คียงคุณภาพการศึกษา฿นระดับตํางๆ ฼พื่อนาเป฿ช๎ ฿นการวาง฽ผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจน฼ป็นข๎อมูลสนับสนุนการตัดสิน฿จ฿นระดับน฾ยบายของ ประ฼ทศ การประ฼มิน฿นทุกระดับข๎างต๎นมี฼จตนารมณ์฼ชํน฼ดียวกัน คือ ตรวจสอบความก๎าวหน๎า฿นการ฼รียนรู๎ ของผ฼๎ู รยี น ฼พ่ือนาผลการประ฼มินมา฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿นการพัฒนาอยํางตํอ฼น่ือง ฾รง฼รียน สามารถนาข๎อมูลจากการ

หลักสูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๑ ประ฼มินเป฿ช๎฿นการตรวจสอบทบทวนพฒั นาคณุ ภาพผ๎ู฼รียน ฾รง฼รียนมีภาระความรับผิดชอบท่ีจะต๎องจัดระบบดู฽ล ชํวย฼หลือ ปรับปรุง฽ก๎เข สํง฼สริมสนับสนุน฼พื่อ฿ห๎ผู๎฼รียนเด๎พัฒนา฼ต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความ฽ตกตําง ระหวํางบุคคลที่จา฽นกตามสภาพปัญหา฽ละความต๎องการ เด๎฽กํ กลุํมผู๎฼รียนทั่วเป กลํุมผ๎ู฼รียนที่มีความสามารถ พิ฼ศษ กลํุมผ๎ู฼รียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการ฼รียนต่า กลํุมผู๎฼รียนที่มีปัญหาด๎านวินัย฽ละพฤติกรรม กลํุมผู๎฼รียนที่ ปฏ฼ิ สธ฾รง฼รียน กลํุมผู๎฼รียนท่ีมีปัญหาทาง฼ศรษฐกิจ฽ละสังคม กลํุมพิการทางรํางกาย฽ละสติปัญญา ฼ป็นต๎น ข๎อมูล จากการประ฼มินจึง฼ป็นหัว฿จของ฾รง฼รียน฿นการดา฼นินการชํวย฼หลือผ๎ู฼รียนเด๎ทันทํวงที ฼ปิด฾อกาส฿ห๎ผู๎฼รียนเด๎รับ การพัฒนา฽ละประสบความสา฼รจ็ ฿นการ฼รียน ฾รง฼รียน฿นฐานะผู๎รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต๎องจัดทาระ฼บียบวําด๎วยการวัด฽ละประ฼มินผลการ ฼รียนของ฾รง฼รียน฿ห๎สอดคล๎อง฽ละ฼ป็นเปตามหลัก฼กณฑ์฽ละ฽นวปฏิบัติที่฼ป็นข๎อกาหนดของหลักสูตร฽กนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน ฼พ่ือ฿ห๎บุคลากรที่฼กี่ยวข๎องทุกฝุายถือปฏิบัติรํวมกัน ฾ดยอยํางน๎อยต๎องกาหนดสาระของ ระ฼บียบ ประกอบด๎วย ๑. หลกั การดา฼นนิ การวัด฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รยี นของ฾รง฼รยี น ๒. การตัดสนิ ผลการ฼รยี น ๓. การ฿ห๎ระดบั ผลการ฼รียน ๔. การรายงานผลการ฼รยี น ๕. ฼กณฑ์การจบการศกึ ษา ๖. ฼อกสารหลักฐานการศกึ ษา ๗. การ฼ทียบ฾อนผลการ฼รยี น ๘. การประ฼มนิ คุณภาพผู๎฼รียน การจัดระบบงานวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ฾รง฼รยี นจัดระบบงานวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รยี นร๎ู ฼ปน็ ๒ สํวน เด๎฽กํ งานวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ฽ละ งานทะเบียน ฾ดยกาหนด฿ห๎มีผู๎รับผิดชอบ฿น฽ตํละงานด๎วย (฽ตํถ๎ามีความจา฼ป็น ฼ชํน ฼ป็น฾รง฼รียนขนาด฼ล็ก อาจรวม฿ห฼๎ ป็นงาน฼ดยี ว฽ละมอบหมายผร๎ู บั ผดิ ชอบคน฼ดียวกเ็ ด)๎ ซ่ึง฽ตํละงานมคี วามสาคัญ ดังน้ี  งานวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ มหี นา๎ ท่ีรบั ผดิ ชอบการดา฼นนิ งานวัด฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รียนรขู๎ อง฾รง฼รยี น ฿ห๎คาปรึกษา฼กี่ยวกับการ วัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎฽กํครูผ๎ูสอน฽ละผ๎ู฼รียน ตลอดจนสํง฼สริมความ฼ข๎ม฽ข็ง฿น฼ทคนิควิธีการวัด฽ละ ประ฼มินผลการ฼รยี นร฿ู๎ ห฽๎ กบํ ุคลากรของ฾รง฼รียน  งานทะเบียน มีหน๎าท่รี บั ผิดชอบดา๎ น฼อกสารหลักฐานการศึกษา ฼อกสารการประ฼มินผลการจัดทา จัด฼ก็บ฽ละการ ออก฼อกสารหลกั ฐานการศึกษาอยาํ งมีระบบ ฼ป็นตน๎ ภาระงานการวดั ฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รียนรม๎ู ีความสาคัญ฽ละมีความ฼กี่ยวข๎องกับหลายฝุาย฿น฾รง฼รียน นับต้ัง฽ตํระดับบริหาร฿นการกาหนดน฾ยบายการวัดผลการจัดทาระ฼บียบวําด๎วยการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎

หลักสูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๒ ตามหลักสูตรสถานศึกษา฼พ่ือ฿ห๎บุคลากรทุกฝุายที่฼กี่ยวข๎องถือปฏิบัติ นอกจากยังมีความ฼กี่ยวข๎องกับผ๎ู฼รียนทุกรูป ตัง้ ฽ต฼ํ ขา๎ ฼รยี นจนจบการศึกษาตามหลักสูตร฽ละการออกจาก฾รง฼รียน ดังนั้น ฾รง฼รียนจึงจา฼ป็นต๎องวิ฼คราะห์ภาระ งาน กาหนดกระบวนการทางาน฽ละผู๎รับผิดชอบ฽ตํละข้ันตอนอยํางชัด฼จน฼หมาะสม การดา฼นินงานวัด฽ละ ประ฼มนิ ผลการ฼รยี นร๎ทู เ่ี ม฼ํ ป็นระบบ จะสํงผลกระทบตํอความ฼ช่ือม่ัน฿นคุณภาพการจดั การศึกษาของ฾รง฼รียน ฾รง฼รียนยดึ หลักสาคญั วํา การดา฼นินงานวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎ต๎องอยํูบนพื้นฐานหลักวิชาการ฽ละ หลักธรรมาภิบาล ฾รง฼รียนต๎อง฼ปิด฾อกาส฿ห๎ทุกฝุายมีสํวนรํวม฿นการ฼ป็นคณะกรรมการฝุายตํางๆ อยํางกว๎างขวาง รวมท้ังกาหนด฿ห๎คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ฽ละคณะกรรมการบริหารหลักสูตร฽ละวิ ชาการของ สถานศึกษามสี ํวนรับผดิ ชอบ (สาหรบั ฾รง฼รยี นขนาด฼ลก็ อาจ฽ตํงตง้ั คณะกรรมการตามความ฼หมาะสม) บทบาทของบคุ ลากรในการดาเนนิ งานการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ บุคลากรฝุายตํางๆ มีบาทบาท฽ละภารกิจ฿นการดานนิ งานการวดั ฽ละประ฼มินผลการ฼รยี นรู๎ ดงั นี้ ๑. บทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ๑) ฿ห๎ความ฼ห็นชอบหลกั สูตร฽ละระ฼บยี บการวัด฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รยี นของ฾รง฼รียน ๒) ฿ห๎ความ฼หน็ ชอบ฼กณฑ฽์ ละ฽นวปฏบิ ัต฿ิ นการวัด฽ละประ฼มิน - การ฼รยี นรต๎ู ามกลํมุ สาระการ฼รยี นรทู๎ ั้ง ๘ กลํมุ - ความสามารถ฿นการอําน คิด วิ฼คราะห์ - คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศึกษา - กจิ กรรมพฒั นาผ฼ู๎ รยี น ๓) ฿ห๎ความ฼ห็นชอบกระบวนการ฽ละวธิ ีการสอนซํอม฼สริม การ฽ก๎เขผลการ฼รียน฽ละอนื่ ๆ ๔) กากับ ติดตาม การดา฼นินการจัดการ฼รียนการสอนตามกลุํมสาระการ฼รียนรู๎ การพัฒนา ความสามารถด๎านการอําน คิดวิ฼คราะห์ ฽ละ฼ขียน การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฽ละการจัด กจิ กรรมพัฒนาผ๎ู฼รียน ๕) กากบั ติดตามการวดั ฽ละประ฼มินผล฽ละการตัดสินผลการ฼รยี น ๒. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวชิ าการ ๑) กาหนดระ฼บียบวาํ ดว๎ ยการวัด฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รยี นรู๎ของสถานศกึ ษา ๒) กาหนด฽ผนการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎ตามหลักสูตร฽ละสาระ฼พิ่ม฼ติมของรายวิชาตํางๆ ฿น ฽ตํละกลํุมสาระการ฼รียนร๎ู ฾ดยวิ฼คราะห์จากมาตรฐานการ฼รียนร๎ู/ตัวชี้วัดของกลุํมสาระการ฼รียนรู๎ ฽ละจัดทารายวชิ าพร๎อม฼กณฑ์การประ฼มิน ๓) กาหนดส่ิงที่ต๎องการประ฼มิน฿นการอําน คิดวิ฼คราะห์ ฽ละ฼ขียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ กจิ กรรมพฒั นาผ฼ู๎ รยี น พรอ๎ ม฼กณฑก์ ารประ฼มิน฽ละ฽นวทางการพฒั นา฽ละสํง฼สรมิ ผ฼ู๎ รียน ๔) กาหนดการทบทวนการพฒั นาสมรรคถนะสาคัญของผ๎฼ู รียน ๕) ฿ห๎ข๎อ฼สนอ฽นะ ข๎อหารือ฼กี่ยวกับวิธีการ฼ทียบ฾อนผลการ฼รียน฿ห๎฼ป็นเปตามหลักการ฽ละ฽นว ทางการ฼ทียบ฾อนผลการ฼รยี นของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๓ ๓. คณะอนกุ รรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๑) กาหนด฽นวทางการจัดการ฼รียนรู๎ของกลํุมสาระการ฼รียนร๎ูตํางๆ การจัดกิจกรรมพัฒนา ผู๎฼รียน พรอ๎ ม฽นวทางการวัด฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รียนร๎ู ๒) สนับสนุนการจัดการ฼รียนรู๎ การจัดกิจกรรมพัฒนาผ๎ู฼รียน การวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนร๎ู ฽ละ ตัดสนิ ผลการ฼รียนตาม฽นวทางท่ีกาหนดเว๎ ๓) พิจารณา฿ห๎ความ฼ห็นชอบผลการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนรู๎ สาระการ฼รียนร๎ูรายปี/ราย ภาค฽ละ กิจกรรมพฒั นาผู๎฼รียน ๔. คณะกรรมการพฒั นาและประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ๑) กาหนด฽นวทาง฿นการพัฒนา การประ฼มิน การปรับปรุง฽ก๎เข ฽ละการตัดสิน ความสามารถ฿นการ อาํ น คิดว฼ิ คราะห์ ฽ละ฼ขียนของผ฼ู๎ รียน ๒) ดา฼นินการประ฼มินความสามารถ฿นการอําน คดิ วิ฼คราะห์ ฽ละ฼ขยี น ๓) ตัดสินผลการพัฒนาความสามารถ฿นการอําน คิดวิ฼คราะห์ ฽ละ฼ขียนของผ๎ู฼รียนรายปี/รายภาค ฽ละการจบการศกึ ษา฽ตลํ ะระดบั ๕. คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรยี น ๑) กาหนด฽นวทางการพัฒนา฽ละการประ฼มิน ฼กณฑ์การประ฼มิน ฽ละ฽นวทางการปรับปรุง฽ก๎เข คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๒) พิจารณาตัดสินผลการประ฼มินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายปี / รายภาค ฽ละการจบการศึกษา ฽ตลํ ะระดบั ๓) จัดระบบการปรบั ปรุง฽กเ๎ ขคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด๎วยวิธีการอัน฼หมาะสม฽ละสํงตํอข๎อมูล฼พ่ือการ พฒั นาอยํางตํอ฼นื่อง ๖. คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรยี น ๑) จดั ทาสาระ ฼คร่ืองมือ ฽ละวิธีการ฼ทียบ฾อน฿ห๎฼ป็นเปตาม฽นวปฏิบัติ฼ก่ียวกับการ฼ทียบ฾อนผลการ ฼รยี น฼ข๎าสํกู ารศกึ ษา฿นระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ๒) ดา฼นินการ฼ทียบ฾อนผลการ฼รียน฿ห๎กับผ฼๎ู รียนท่ีรอ๎ งขอ ๓) ประมวลผล฽ละตดั สนิ ผลการ฼ทียบ฾อน ๔) ฼สนอผลการ฼ทียบ฾อนตํอคณะกรรมการบริหารหลักสูตร฽ละวิชาการของสถานศึกษา฼พ่ือ฿ห๎ความ ฼ห็นชอบ฽ละ฼สนอผบู๎ ริหารสถานศึกษาตดั สินอนุมัตกิ าร฼ทียบ฾อน ๗. ผู้บริหารโรงเรยี น ๑) ฼ป็น฼ลขานุการคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ๒) ฼ป็นประธานคณะกรรมการบริหารหลกั สูตร฽ละวิชาการของสถานศกึ ษา ๓) อนุมัติผลการประ฼มินผลการ฼รียนรายปี/รายภาค ฽ละตัดสินอนุมัติการ฼ลื่อนช้ัน฼รียน การซ้าช้ัน การจบการศกึ ษา

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๔ ๔) ฿หค๎ า฽นะนา ขอ๎ ปรึกษาหารือ฼กย่ี วกบั การดา฼นินงาน฽กบํ คุ ลากร฿นสถานศึกษา ๕) กากบั ติดตาม฿ห๎การดา฼นินการวดั ฽ละประ฼มินผลการ฼รียนร๎ูบรรล฼ุ ปูาหมาย ๖) นาผลการประ฼มินเปจัดทารายงานผลการดา฼นินงาน กาหนดน฾ยบาย฽ละวาง฽ผนพัฒนาการจัด การศกึ ษา ๘. ครูผสู้ อน ๑) จัดทาหนํวยการ฼รียนรู๎ ฽ผนการจัดการ฼รียนรู๎ ฽ผนการประ฼มินผลการ฼รียนร๎ู฿นรายวิชาหรือ กิจกรรมท่ีรับผดิ ชอบ ๒) วัด฽ละประ฼มินผลระหวําง฼รียนควบคูํกับการจัดกิจกรรมการ฼รียนร๎ูตาม฽ผนที่กาหนดพร๎อมกับ ปรบั ปรุง฽กเ๎ ขผู฼๎ รียนทีม่ ีข๎อบกพรอํ ง ๓) ประ฼มินตดั สินผลการ฼รียนร๎ูของผ๎ู฼รียน฿นรายวิชาท่ีสอน หรือกิจกรรมที่รับผิดชอบ฼มื่อสิ้นสุดการ ฼รยี นรายปี/รายภาค สงํ หัวหนา๎ กลมํุ สาระการ฼รียนรหู๎ รอื กจิ กรรมพฒั นาผ๎฼ู รยี น ๔) ตรวจสอบสมรรถนะสาคญั ของผ๎ู฼รียน ๕) นาผลการประ฼มนิ เปวิ฼คราะห฼์ พอ่ื พฒั นาการจดั การ฼รียนการสอน ๙. ครูวดั ผล ๑) สํง฼สรมิ พัฒนาระบบ฽ละ฼ทคนิควิธกี ารวดั ฽ละประ฼มนิ ผลการ฼รียนรด๎ู ๎านตํางๆ ฽กํคร฽ู ละบุคลากร ของสถานศึกษา ๒) ฿ห๎คาปรึกษา ติดตาม กากับการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนร๎ูของสถานศึกษา฿ห๎฼ป็นเปตามหลัก วชิ าการ฽ละ฽นวทางทสี่ ถานศึกษากาหนดเว๎ ๓) ตรวจสอบ กล่ันกรอง ปรับปรุงคุณภาพของวิธีการ ฼ครื่องมือวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนร๎ูของ สถานศึกษา ๔) ปฏิบัติงานรํวมกับนายทะ฼บียน฿นการรวบรวม ตรวจสอบ ฽ละประ฼มินผล การประ฼มินผลการ ฼รียนร๎ขู องผ๎ู฼รียน ๑๐. นายทะเบียน ๑) ปฎิบัติงานรํวมกับครูวัดผล฿นการรวบรวม ตรวจสอบ ฽ละบันทึกผลการประมวลข๎อมูลผลการ ฼รยี นรูข๎ องผู๎฼รียน ๒) ตรวจสอบ฽ละสรุปข๎อมูลผลการ฼รียนของผ๎ู฼รียนรายบุคคล฽ตํละชั้นปี ฽ละ฼มื่อจบการศึกษา฼พื่อ ฼สนอรายชื่อผู๎มีคุณสมบัติครบตาม฼กณฑ์ ฿ห๎คณะกรรมการบริหารหลักสูตร฽ละวิชาการของ สถานศึกษา฿ห๎ความ฼ห็นชอบ ฽ละ฼สนอ฿ห๎ผ๎ูบริหารสถานศึกษาตัดสิน฽ละอนุมัติผลการ฼ล่ือนชั้น ฼รยี น ฽ละจบการศึกษา฽ตํละระดับ ๓) จดั ทา฼อกสารหลักฐานการศึกษา

หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๕ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. การตัดสินผลการเรียน ฾รง฼รียน฼ข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ฿ช๎หลัก฼กณฑ์การวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนร๎ู ฽ละการตัดสินผล การ฼รียน ตาม฽นวทางท่ีหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ฽ละหลักสูตร ฽กนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนด ฼พอื่ ตัดสนิ ผลการ฼รียนของผู๎฼รยี น ฿นระดบั มัธยมศกึ ษา ดังน้ี (๑) ตัดสินผลการ฼รียน฼ป็นรายวิชา ฼ม่ือส้ินภาค฼รียนผู๎฼รียนต๎องมี฼วลา฼รียนตลอดภาค฼รียนเมํน๎อยกวํา รอ๎ ยละ ๘๐ ของ฼วลา฼รียนทง้ั หมด฿นรายวิชานน้ั ๆ (๒) ผู๎฼รยี นตอ๎ งเดร๎ บั การประ฼มนิ ทุกตวั ชว้ี ัด ฽ละผํานตาม฼กณฑ์ท฾ี่ รง฼รียนกาหนด (๓) ผ๎ู฼รียนตอ๎ งเด๎รบั การตดั สินผลการ฼รยี นทกุ รายวชิ า (๔) ผู๎฼รียนต๎องเด๎รับการประ฼มิน ฽ละมีผลการประ฼มินผํานตาม฼กณฑ์ท่ี฾รง฼รียนกาหนด ฿นการอําน คดิ วิ฼คราะห์฽ละ฼ขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ฽ละกจิ กรรมพฒั นาผ๎฼ู รยี น ๒. การให้ระดับผลการเรียน ๒.๑ การตัดสิน฼พื่อ฿ห๎ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ฿ห๎฿ช๎ตัว฼ลข฽สดงระดับผล การ฼รียน฼ป็น ๘ ระดบั ฽นวการ฿หร๎ ะดับผลการ฼รยี น ๘ ระดับ ฽ละความหมายของ฽ตํละระดบั ฽สดง ดงั น้ี ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนเป็นรอ้ ยละ ๔ ด฼ี ยีย่ ม ๘๐ – ๑๐๐ ๓.๕ ดีมาก ๗๕ – ๗๙ ๓ ดี ๗๐ – ๗๔ ๒.๕ คอํ นข๎างดี ๖๕ – ๖๙ ๒ ปานกลาง ๖๐ – ๖๔ ๑.๕ พอ฿ช๎ ๕๕ – ๕ ๑ ผําน฼กณฑ์ขน้ั ต่า ๕๐ – ๕๔ ๐ ตา่ กวํา฼กณฑ์ ๐ – ๔๙ ฿นกรณีท่ีเมสํ ามารถ฿ห๎ระดับผลการ฼รียน฼ป็น ๘ ระดบั เด๎ ฿ห๎฿ชต๎ วั อกั ษรระบุ฼งอื่ นเขของผลการ฼รยี น ดงั นี้ “มส” หมายถึง ผ๎ู฼รียนเมํมีสิทธิ฼ข๎ารับการวัดผลปลายภาค฼รียน ฼นื่องจากผู๎฼รียนมี฼วลา฼รียนเมํถึงร๎อยละ ๘๐ ของ฼วลา฼รียน฿น฽ตํละรายวชิ า ฽ละเมเํ ด๎รบั การผํอนผนั ฿ห฼๎ ข๎ารับการวดั ผลปลายภาค฼รียน “ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ ฽ละยังตัดสนิ ผลการ฼รยี นเมํเด๎ ฼นื่องจากผู๎฼รียนเมํมีข๎อมูลผลการ฼รียนรายวิชา นนั้ ครบถว๎ น เด฽๎ กํ เมเํ ด๎วดั ผลระหวํางภาค฼รียน/ปลายภาค฼รียน เมํเด๎สํงงานท่ีมอบหมาย฿ห๎ทา ซึ่งงานนั้น฼ป็นสํวน หนึง่ ของการตดั สินผลการ฼รยี นหรือมี฼หตุสุดวิสยั ทีท่ า฿หป๎ ระ฼มินผลการ฼รยี นเมํเด๎ ๒.๒ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฿ห๎ระดับผลการ ประเมนิ เปน็ ผ่านและไม่ผา่ น กรณีทผี่ าํ น฿ห๎ระดบั ผลการประ฼มิน฼ปน็ ดเี ยี่ยม ดี ผ่าน

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๖ (๑) ฿นการสรปุ ผลการประ฼มนิ การอาํ น คิดว฼ิ คราะห์ ฽ละ฼ขียน ฼พื่อการ฼ล่ือนชั้น฽ละจบการศึกษา กาหนด฼กณฑ์การตดั สิน ฼ป็น ๔ ระดบั ฽ละความหมาย ของ฽ตํละระดับ ดงั น้ี ดเี ยย่ี ม หมายถึง มผี ลงานที่฽สดงถึงความสามารถ฿นการอําน คิด วิ฼คราะห฽์ ละ฼ขียนทมี่ ี คุณภาพด฼ี ลิศอยํู฼สมอ ดี หมายถึง มผี ลงานที่฽สดงถึงความสามารถ฿นการอําน คดิ วิ฼คราะห์฽ละ฼ขียนที่มี คุณภาพ฼ปน็ ที่ยอมรับ ผา่ น หมายถงึ มีผลงานท฽ี่ สดงถึงความสามารถ฿นการอาํ น คิด วิ฼คราะห์฽ละ฼ขียนท่ีมี คณุ ภาพ฼ปน็ ทย่ี อมรับ ฽ตํยงั มีขอ๎ บกพรอํ งบางประการ ไม่ผา่ น หมายถึง เมมํ ผี ลงานท฽ี่ สดงถึงความสามารถ฿นการอําน คิด วิ฼คราะห์฽ละ฼ขียน หรือถ๎ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข๎อบกพรํองที่ต๎องเด๎รับการปรับปรุง ฽กเ๎ ขหลายประการ (๒) ฿นการสรุปผลการประ฼มินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะ ฼พื่อการ฼ล่ือนชั้น฽ละจบ การศกึ ษา กาหนด฼กณฑ์การตัดสนิ ฼ป็น ๔ ระดับ ฽ละความหมายของ฽ตํละระดับ ดงั น้ี ดีเย่ียม หมายถงึ ผ๎ู฼รยี นปฏิบัติตนตามคณุ ลกั ษณะจน฼ปน็ นิสัย฽ละนาเป฿ช฼๎ พ่ือประ฾ยชน์ สุขของตน฼อง฽ละสังคม ฾ดยพิจารณาจากผลการประ฼มินระดับ ดี ฼ย่ียม จานวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ ฽ละเมํมีคุณลักษณะ฿ดเด๎ผลการ ประ฼มินตา่ กวําระดบั ดี ดี หมายถงึ ผู๎฼รยี นมคี ณุ ลักษณะ฿นการปฏิบัตติ ามกฏ฼กณฑ์ ฼พอื่ ฿ห๎฼ปน็ การยอมรับ ของสังคม฾ดยพิจารณาจาก ๑) เด๎ผลการประ฼มินระดับดี฼ยี่ยมจานวน ๑-๔ คุณลักษณะ ฽ละเมํมี คุณลักษณะ฿ดเด๎ผลการประ฼มนิ ต่ากวาํ ระดับดี หรือ ๒) เด๎ผลการเด๎ผลการประ฼มินระดับดี฼ยี่ยม จานวน ๔ คุณลักษณะ ฽ละเมมํ คี ุณลกั ษณะ฿ดเดผ๎ ลการประ฼มนิ ต่ากวําระดับผาํ น ๓) เด๎ผลการเด๎ผลการประ฼มินระดับดี จานวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ ฽ละเมํมีคณุ ลกั ษณะ฿ดเดผ๎ ลการประ฼มินต่ากวาํ ระดบั ผําน ผา่ น หมายถงึ ผ๎ู฼รยี นรบั ร฽๎ู ละปฏบิ ัติตามกฎ฼กณฑ์฽ละ฼งื่อนเขท่ี฾รง฼รียนกาหนด ฾ดย พจิ ารณาจาก ๑) เด๎ผลการประ฼มินระดับผําน จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ ฽ละเมํมี คุณลกั ษณะ฿ดเด๎ผลการประ฼มนิ ตา่ กวําระดับผาํ น หรือ ๒) เด๎ผลการประ฼มินระดับดี จานวน๔ คุณลักษณะ ฽ละเมํมี คุณลกั ษณะ฿ดเดร๎ บั การประ฼มนิ ต่ากวําระดับผําน ไม่ผา่ น หมายถงึ ผู๎฼รียนรับร๎ู฽ละปฏิบัติเด๎เมํครบถ๎วนตามกฎ฼กณฑ์฽ละ฼ง่ือนเขที่ ฾รง฼รียนกาหนด฾ดยพิจารณาจากผลการประ฼มินระดับเมํผํานตั้ง฽ตํ ๑ คณุ ลักษณะ ข้นึ เป

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๗ ๒.๓ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต๎องพิจารณาทั้ง฼วลาการ฼ข๎ารํวมกิจกรรม การปฏิบัติ กจิ กรรม฽ละผลงานของผ๎ู฼รียน ตาม฼กณฑ์ท่ี฾รง฼รียนกาหนด ฽ละให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ผ่าน ในการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ให้ใช้ตัวอกั ษรแสดงผลการประเมิน ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผู๎฼รียนมี฼วลา฼ข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาผู๎฼รียน ปฏิบัติกิจกรรม฽ละมี ผลงานตาม฼กณฑ์ท฾่ี รง฼รยี นกาหนด “มผ” หมายถึง ผ฼ู๎ รยี นม฼ี วลา฼ขา๎ รํวมกจิ กรรมพฒั นาผ๎ู฼รยี น ปฏิบตั ิกิจกรรม฽ละมีผลงาน เมํ฼ป็นเปตาม฼กณฑท์ ่ี฾รง฼รยี นกาหนด ๓. การเลอื่ นชน้ั เรียน โรงเรียนตดั สนิ ใหผ้ เู้ รยี นได้เลื่อนช้ันเรยี น กรณตี อ่ ไปนี้ (๑) ผู๎฼รียนมีผลการ฼รียนรายวิชาพื้นฐาน฽ละรายวิชา฼พิ่ม฼ติมผํานทุกรายวิชาตาม฼กณฑ์ที่฾รง฼รียน กาหนด (๒) ผู๎฼รียนมีผลการประ฼มินระดับผําน ฿นการอําน คิดวิ฼คราะห์ ฽ละ฼ขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฽ละกิจกรรมพัฒนาผู฼๎ รียนตาม฼กณฑท์ ี฾่ รง฼รียนกาหนด (๓) ผ๎ู฼รยี นมีระดบั ผลการ฼รยี น฼ฉล่ีย฿นปกี ารศกึ ษาน้ันเมตํ า่ กวํา ระดบั ๑ อนึ่งถ๎าผู๎฼รียนมีข๎อบกพรํอง฼พียง฼ล็กน๎อย ฽ละ฾รง฼รียนพิจารณา฼ห็นวําสามารถพัฒนา฽ละสอนซํอม฼สริม เด๎ ฿ห๎อยูํ฿นดุลพินิจของ฾รง฼รียนท่ีจะผํอนผัน฿ห๎฼ล่ือนช้ันเด๎ ฽ตํหากผู๎฼รียนเมํผํานรายวิชาจานวนมาก มีผลการ฼รียน ฼ฉล่ีย฿นปีการศึกษาน้ันต่ากวําระดับ ๑ หรือมีผลการ฼รียน ๐ , ร , มส ฼กินครึ่งของรายวิชาที่ลงทะ฼บียน฼รียน฿นปี การศึกษาน้ัน ฽ละมี฽นว฾น๎มวําจะ฼ป็นปัญหาตํอการ฼รียน฿นระดับชั้นท่ีสูงขึ้น฾รง฼รียนอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณา฿ห๎ ฼รยี นซา้ ชน้ั เด๎ ท้ังน฿ี้ หค๎ านึงถึงวุฒิภาวะ฽ละความร๎ูความสามารถของผ฼๎ู รียน฼ปน็ สาคัญ ๔. การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซํอม฼สริม฼ป็นการสอน฼พื่อ฽ก๎เขข๎อบกพรํอง กรณีที่ผู๎฼รียนมีความร๎ู ทักษะกระบวนการ หรือ฼จต คต/ิ คณุ ลักษณะ เมํ฼ป็นเปตาม฼กณฑ์ท่ี฾รง฼รยี นกาหนด ฾รง฼รียนต๎องจัดสอนซํอม฼สริม฼ป็นกรณีพิ฼ศษ ฼พ่ือพัฒนา฿ห๎ ผ๎ู฼รียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการ฼รียนรู๎/ตัวช้ีวัดที่กาหนดเว๎ ฼ป็นการ฿ห๎฾อกาส฽กํผ๎ู฼รียนเด๎฼รียนร๎ู฽ละ พัฒนาการ฼รยี นรข๎ู องผู฼๎ รยี น฼ตม็ ตามศกั ยภาพ การสอนซอํ ม฼สรมิ สามารถดา฼นนิ การเด๎ ดังนี้ ๑) กรณีผ๎ู฼รียนมีความรู๎/ทักษะพื้นฐานเมํ฼พียงพอท่ีจะศึกษา฿น฽ตํละรายวิชาน้ัน ควรจัดการสอนซํอม ฼สรมิ ปรบั ความรู๎/ทักษะพนื้ ฐาน ๒) กรณีผู๎฼รียนเมํสามารถ฽สดงความร๎ู ทักษะ กระบวนการ หรือ฼จตคติ/คุณลัษณะท่ีกาหนดเว๎ตาม มาตรฐานการ฼รยี นรู๎/ตวั ฃว้ี ดั ฿นการประ฼มนิ ผลระหวาํ งการ฼รยี น ๓) กรณีผู๎฼รียนเด๎ระดับผลการ฼รียน “๐” ฿ห๎จัดการสอนซํอม฼สริมกํอนสอบ฽ก๎ตัว ฾ดยจัดสอบเมํ฼กิน ๒ ครั้ง ๔) กรณผี ๎ู฼รียนมีผลการ฼รียนเมํผําน สามารถจัดสอนซํอม฼สริม฿นภาคฤดูร๎อน ฼พ่ือ฽ก๎เขผลการ฼รียน ท้ังนี้ ฿หอ๎ ย฿ูํ นดุลยพินจิ ของ฾รง฼รยี น

หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๘ ๕. การเรียนซา้ ชัน้ ผู๎฼รียนที่เมํผํานรายวิชาจานวนมาก฽ละมี฽นว฾น๎มวําจะ฼ป็นปัญหาตํอการ฼รียน฿นระดับชั้นท่ีสูงข้ึน สถานศึกษาอาจตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณา฿ห฼๎ รยี นซ้าชัน้ เด๎ ทงั้ นี้ ฿หค๎ านึงถึงวุฒิภาวะ฽ละความร๎ูความสามารถของ ผ฼๎ู รียน฼ป็นสาคัญ การ฼รียนซ้าชน้ั มี ๒ ลักษณะ คอื ๑) ผ๎ู฼รียนมีระดับผลการ฼รียน฼ฉล่ีย฿นปีการศึกษาน้ันต่ากวํา ๑.๐๐ ฽ละมี฽นว฾น๎มวําจะมีปัญหาตํอการ ฼รียน฿นระดับชั้นทีส่ ูงข้นึ ๒) ผู๎฼รียนมผี ลการ฼รียน ๐ , ร , มส. ฼กนิ ครง่ึ หน่งึ ของรายวชิ าทล่ี งทะ฼บียน฼รยี น฿นปีการศึกษานน้ั ทั้งนี้ หาก฼กิดลักษณะ฿ดลักษณะหน่ึง หรือทั้ง ๒ ลักษณะ ฿ห๎สถานศึกษา฽ตํงตั้งคณะกรรมการพิจารณา หาก฼ห็นวําเมํมี฼หตุผลอันสมควรก็฿ห๎ซ้าช้ัน ฾ดยยก฼ลิกผลการ฼รียน฼ดิม฽ละ฿ห๎฿ช๎ผลการ฼รียน฿หมํ฽ทน หากพิจาณา ฽ลว๎ เมตํ อ๎ ง฼รียนซา้ ชน้ั ฿หอ๎ ยู฿ํ นดุลพินิจของสถานศึกษา฿นการ฽ก๎เขผลการ฼รียน ๖. การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการ฼รียน฼ป็นการสื่อสาร฿ห๎ผู๎ปกครอง฽ละผ๎ู฼รี ยนทราบความก๎าวหน๎า ฿นการ฼รียนร๎ูของ ผู๎฼รยี น ซึ่ง฾รง฼รยี นตอ๎ งสรุปผลการประ฼มนิ ฽ละจัดทา฼อกสารรายงาน฿ห๎ผ๎ูปกครองทราบ฼ป็นระยะ ๆ หรืออยํางน๎อย ภาค฼รียนละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการ฼รียนสามารถรายงาน฼ป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผ๎ู฼รียนที่สะท๎อนมาตรฐานการ ฼รียนร๎กู ลมํุ สาระการ฼รยี นรู๎ จดุ มุงํ หมายการรายงานผลการ฼รยี น มีรายละ฼อียด ดงั นี้ ๑) ฼พ่ือ฽จง๎ ฿ห๎ผู๎฼รียน ผ฼๎ู กย่ี วขอ๎ งทราบความก๎าวหนา๎ ของผ฼ู๎ รียน ๒) ฼พอื่ ฿ห๎ผ๎฼ู รียน ผ฼๎ู ก่ยี วข๎อง฿ช๎฼ป็นขอ๎ มลู ฿นการปรับปรงุ ฽กเ๎ ขสงํ ฼สริม ฽ละพัฒนาการ฼รียนของผ฼ู๎ รยี น ๓) ฼พ่ือ฿ห๎ผู๎฼รียน ผู๎฼กี่ยวข๎อง฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿นการวาง฽ผนการ฼รียนกาหนด฽นวทางการศึกษา฽ละ ปฏิบัตศิ าสนกิจหรือ฼ลือกอาชีพหากประสงค์จะลาสกิ ขา ๔) ฼พื่อ฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿ห๎ผ๎ู฼ก่ียวข๎อง฿ช๎฿นการออก฼อกสารหลักฐานการศึกษาตรวจสอบ฽ละรับรองผล การ฼รียน หรอื วฒุ ิทางการศึกษาของผ฼ู๎ รียน ๕) ฼พื่อ฿ช๎฼ป็นข๎อมูลสาหรับสถานศึกษา ฼ขตพ้ืนท่ีการศึกษา฽ละหนํวยงานต๎นสังกัด ฿ช๎ประกอบ฿น การกาหนดน฾ยบาย วาง฽ผน ฿นการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ๗. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา ฼พือ่ ความ฼ป็น฼อกภาพ฽ละตอบสนองตอํ จุด฼น๎น ของ฾รง฼รียน฼ข่อื นผากวิทยา ตามหลักสูตรการศึกษาพระ ปรยิ ตั ิธรรม ฽ผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ฽ละหลกั สตู ร฽กนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ จงึ กาหนด ฼กณฑก์ ลางสาหรบั การจบการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน๎ ฽ละระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ดังนี้ ๗.๑ เกณฑก์ ารจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้

หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๗๙ (๑) ผ๎ู฼รียน฼รียนรายวิชาพื้นฐาน฽ละ฼พ่ิม฼ติม เมํ฼กิน ๘๑ หนํวยกิต ฾ดย฼ป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๖ หนํวยกติ ฽ละรายวชิ า฼พ่มิ ฼ติม จานวน ๑๕ หนวํ ยกติ (๒) ผู๎฼รียนต๎องเด๎หนํวยกิตตลอดหลักสูตรเมํน๎อยกวํา ๘๐ หนํวยกิต ฾ดย฼ป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๖๖ หนํวยกิต ฽ละรายวิชา฼พ่ิม฼ติมเมํน๎อยกวํา ๑๔ หนํวยกิต ฾ดยต๎องเด๎หนํวยกิต฿นรายวิชาภาษาบาลี เมํน๎อยกวํา ๑๕ หนํวยกิต (๓) ผู๎฼รียนมีผลการประ฼มิน การอําน คิดวิ฼คราะห์฽ละ฼ขียน ฿นระดับผําน ฼กณฑ์การประ฼มิน ตามที฾่ รง฼รยี นกาหนด (๔) ผ๎ู฼รียนมีผลการประ฼มินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฿นระดับผําน฼กณฑ์การประ฼มินตามท่ี ฾รง฼รียนกาหนด (๕) ผู๎฼รียนมีผลการประ฼มินกิจกรรมพัฒนาผ๎ู฼รียน฿นระดับผํานทุกกิจกรรม ฽ละปฏิบัติกิจกรรม ฼พ่อื สงั คม฽ละสาธารณประ฾ยชน์เมนํ ๎อยกวํา ๔๕ ชัว่ ฾มง ๗.๒ เกณฑก์ ารจบระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (๑) ผ฼๎ู รียน฼รียนรายวิชาพ้ืนฐาน฽ละ฼พ่ิม฼ติม เมํน๎อยกวํา ๘๑ หนํวยกิต ฾ดย฼ป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หนํวยกติ ฽ละรายวิชา฼พมิ่ ฼ตมิ เมํน๎อยกวาํ ๔๐ หนวํ ยกิต (๒) ผู๎฼รียนต๎องเด๎หนํวยกิตตลอดหลักสูตร เมํน๎อยกวํา ๗๙ หนํวยกิต ฾ดย฼ป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หนวํ ยกิต ฽ละรายวชิ า฼พิ่ม฼ตมิ เมํน๎อยวํา ๓๘ หนวํ ยกติ ฾ดยต๎องเด๎หนํวยกิต฿นรายวิชาภาษาบาลี เมํน๎อยกวํา ๑๕ หนํวยกติ (๓) ผ๎ู฼รียนมีผลการประ฼มิน การอําน คิดวิ฼คราะห์฽ละ฼ขียน ฿นระดับผําน฼กณฑ์การประ฼มิน ตามท่฾ี รง฼รยี นกาหนด (๔) ผู๎฼รียนมีผลการประ฼มินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฿นระดับผําน฼กณฑ์ การประ฼มินตามที่ ฾รง฼รียนกาหนด (๕) ผู๎฼รียนมีผลการประ฼มินกิจกรรมพัฒนาผ๎ู฼รียน฿น฽ตํระดับผํานทุกกิจกรรม฽ละปฏิบัติ กจิ กรรม฼พ่ือสังคม฽ละสาธารณประ฾ยชนเ์ มนํ ๎อยกวาํ ๖๐ ชว่ั ฾มง

หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๐ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา ฼อกสารหลักฐานการศึกษาถือ฼ป็น฼อกสารสาคัญที่สถานศึกษาจัดทาขึ้น฼พ่ือ฿ช๎฿นการดา฼นินงาน฿นด๎าน ตาํ งๆ ของการจัดการศึกษาหลักสตู ร฽กนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนด฼อกสารหลักฐานการศึกษา ที่สถานศึกษาจะต๎อดา฼นินการเว๎฼ป็น ๒ ประ฼ภท เด๎฽กํ ฼อกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด ฽ละ ฼อกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทสี่ ถานศึกษากาหนด ฼อกสาร฽ตํละประ฼ภทมีวตั ถปุ ระสงค์฽ละรายละ฼อยี ด฿นการดา฼นินการ ดังน้ี ๑) เอกสารการศึกษาทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการกาหนด ฼ป็น฼อกสารที่กระทรวงศึกษาธิการควบคมุ และบังคับแบบ ฼พ่ือ฿ช๎฼ป็นหลักฐานสาหรับการตรวจสอบ ยนื ยัน ฽ละรับรองผลการ฼รียนรูข๎ องผู๎฼รียน ฾รง฼รียนตอ๎ ง฿ช฽๎ บบพิมพ์ของกระทรวงศึกษาธิการ฽ละดา฼นินการจัดทา ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนดเว๎฿ห๎฼ป็นมาตรฐาน฼ดียวกัน ฼อกสารท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด เด๎฽กํ ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ประกาศนยี บัตร (ปพ.๒) และแบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ.๓) ๑.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ฼ป็น฼อกสารสาหรับบนั ทึกข๎อมลู ผลการ฼รยี นรูต๎ ามหลักสตู ร฽กนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ เด๎฽กํ ผลการ฼รียนตามกลํมุ สาระการ฼รยี นรู๎ ผลการประ฼มนิ การอําน คดิ วิ฼คราะห฽์ ละ฼ขยี น ผลการประ฼มิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ฽ละผลการประ฼มินกิจกรรมพัฒนาผ๎ู฼รียน ฾รง฼รียนจะต๎องจัดทา฽ละออก฼อกสารน้ี฿ห๎ ผ๎ู฼รียน฼ป็นรายบุคคล฼ม่ือผ๎ู฼รียนจบการศึกษา฽ตํละระดับ หรือ฼มื่อผู๎฼รียนออกจาก฾รง฼รียน฿นทุกกรณี ฼พื่อ฿ช๎ ฽สดงผลการ฼รียน ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ระ฼บียน฽สดงผลการ฼รียนตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน (ปพ.๑) ฼ป็น฼อกสาร หลักฐานท่สี ถานศกึ ษาทกุ ฽หํงทกุ สังกดั ฿นระดบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐานจะต๎องดา฼นินการจัดทา฿ห๎฼ป็น฽นวทาง฼ดียวกัน ฾ดย฿ช฽๎ บบพิมพ์ทีก่ ระทรวงศกึ ษาธิการจัดพิมพ฼์ ทํานน้ั ระ฼บียนผลการ฼รียนระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต๎น ฿ช๎฽บบ ปพ. ๑: า มม า า ๑:พ การจัดซ้ือระ฼บียน฽สดงผลการ฼รียนสาหรับ฾รง฼รียนพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา มี ขั้นตอน ดงั นี้ ข้ันตอนที่ ๑ ผู๎บริหาร฾รง฼รียน ทาหนังสือ฽จ๎งความประสงค์ขอซ้ือ฽บบพิมพ์ (ปพ.๑) ฽ละ฽จ๎ง ขอดา฼นินการจดั ซ้ือ฼องถงึ ผอ๎ู านวยการสานกั งาน฼ขตพ้ืนที่การศึกษา ฾ดยระบุ ๑.๑ ช่ือ-นามสกุลครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของ฾รง฼รียนที่เด๎รับมอบหมาย฿ห๎฼ป็น ผด๎ู า฼นินการจดั ซ้ือ ฾ดยผู๎ท่เี ด๎รบั มอบหมายฉันทะต๎องนาบตั รประจาตวั ประชาชนหรอื บตั รขา๎ ราชการเป฽สดงด๎วย ๑.๒ ชนิด฽บบพิมพ์ (฽บบพิมพ์ปกติหรือ฽บบพิมพ์สาหรับพิมพ์ด๎วยคอมพิว฼ตอร์) จานวน฽บบพมิ พจ์ า฽นก฼ปน็ ระดับช้ันวํามีระดับชนั้ ละก฼่ี ลํม ข้ันตอนที่ ๒ ผู๎อานวยการสานักงาน฼ขตพ้ืนที่การศึกษา ทาหนังสือสั่งซื้อ฽บบพิมพ์ (ปพ.๑) ถึง องคก์ ารคา๎ ของ สกสค. ฾ดยระบุ

หลกั สูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๑ ๒.๑ ช่ือ-นามสกุลของครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของ฾รง฼รียนท่ีเด๎รับมอบหมาย฿น ข้ันตอนที่ ๑ ฼ป็นผ๎ูเด๎รับมอบหมายฉนั ทะดา฼นนิ การจดั ซือ้ ๒.๒ ชือ่ ฾รง฼รียน ชอ่ื อา฼ภอ ลักษณะ฽บบพิมพ์ จานวน฽บบพมิ พ์ จา฽นก฼ป็นระดับช้ันวํา มรี ะดบั ละก่ี฼ลมํ ขั้นตอนที่ ๓ ฼ม่ือเด๎รับระ฼บียน฽สดงผลการ฼รียน (ปพ.๑) ครบถ๎วน฽ละถูดต๎อง฽ล๎ว ฿ห๎นา฽บบ พมิ พน์ น้ั มาควบคมุ หมาย฼ลขชุดท่ี ฼ลขที฿่ นบัญชรี ับ-จําย฽บบพมิ พข์ องสานกั งาน฼ขตพ้นื ท่ีการศึกษากอํ น ข้นั ตอนท่ี ๔ หลงั จากนนั้ ฿ห฾๎ รง฼รียนนา฽บบพิมพ์มาควบคมุ หมาย฼ลขชุดท่ี ฼ลขท่ี฿นบัญชีรับ฽บบ พมิ พข์ อง฾รง฼รียน฽ละจดั ฼ก็บรกั ษาเว๎อยาํ งดีตํอเป ๑.๒ ประกาศนยี บัตร (ปพ.๒) ฼ป็น฼อกสาร฽สดงวุฒิการศึกษาที่มอบ฿ห๎฽กํผ๎ูจบการศึกษาภาคบังคับ฽ละผ๎ูสา฼ร็จการศึกษาขั้น พนื้ ฐานตามหลักสตู ร฽กนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ฼พอ่ื รบั รองศกั ดิ์฽ละสิทธข์ิ องผ๎ูสาร็จการศึกษาตาม วุฒ฽ิ หํงประกาศนยี บัตรน้นั ๑.๓ แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ.๓) ฼ป็น฼อกสารสาหรับอนุมัติการจบการศึกษาตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานของ ผ๎ู฼รียน฿น฽ตํละรุํนการศึกษา ฾ดยบันทึกรายชื่อ฽ละข๎อมูลทางการศึกษาของผ๎ูจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖) ผ๎ูจบการศึกษาภาคบังคับ (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓) ฽ละผู๎จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖) ฿ช฼๎ ปน็ ฼อกสารสาหรับตัดสิน฽ละอนุมัติผลการ฼รียน฿ห๎ผู๎฼รียน฼ป็นผู๎สา฼ร็จการศึกษา ฽ละ฿ช๎฿นการ ตรวจสอบยนื ยนั ฽ละรบั รองความสา฼ร็จ฽ละวุฒิการศึกษาของผ๎สู า฼รจ็ การศึกษา฽ตํละคนตลอดเป ๒) เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทส่ี ถานศึกษากาหนด ฼ป็น฼อกสารท่ี฾รง฼รียนจัดทาข้ึน฼พ่ือบันทึกพัฒนาการ ผลการ฼รียนร๎ู ฽ละข๎อมูลสาคัญ฼กี่ยวกับผู๎฼รียน ฼ชํน ฽บบบันทึกผลการ฼รียนรายวิชา ฽บบรายงานประจาตัวนัก฼รียน ระ฼บียนสะสม ฿บรับรองผลการ฼รียน ฽ละ ฼อกสารอนื่ ๆ ตามวัตถุประสงคข์ องการนา฼อกสารเป฿ช๎ มรี ายละ฼อยี ด ดังนี้ ๒.๑ แบบบนั ทึกผลการเรียนประจารายวชิ า ฼ป็น฼อกสาร฼พื่อ฿ห๎ผ๎ูสอน฿ช๎บันทึกข๎อมูลการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนตาม฽ผนการจัดการ ฼รียนการสอน฽ละประ฼มินผลการ฼รียน ฽ละ฿ช๎฼ป็นข๎อมูล฿นการพิจารณาตัดสินผลการ฼รียนรายวิชา ฼อกสารน้ีควร จดั ทา฼พือ่ บันทึกขอ๎ มลู ของผู๎฼รยี น฼ปน็ รายห๎อง ฼อกสารบันทกึ ผลการ฼รียนประจารายวิชานาเป฿ชป๎ ระ฾ยชนส์ าหรบั ครู฽ละผ๎ูบริหาร฾รง฼รียน ดงั นี้ ๑) ฿ช๎฼ปน็ ฼อกสาร฼พื่อการดา฼นินงานของผู๎สอน฿นการวัด฽ละประ฼มินผลการ฼รียนของผ๎ู฼รียน฽ตํละ รายวชิ า รายหอ๎ ง ๒) ฿ช฼๎ ปน็ หลกั ฐานสาหรบั การตรวจสอบ รายงาน ฽ละรบั รองขอ๎ มูล฼ก่ียวกับวิธีการ฽ละกระบวนการ วัด฽ละประ฼มินผลการ฼รยี น ๓) ฼ป็น฼อกสารที่ผ๎บู รหิ าร฾รง฼รยี น฿ช฿๎ นการอนุมตั ิผลการ฼รยี นประจาภาค฼รียน/ปีการศึกษา ๒.๒ แบบรายงานประจาตัวนักเรียน

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๒ ฼ป็น฼อกสาร฼พ่ือบันทึกข๎อมูลการประ฼มินผลการ฼รียนร๎ู฽ละพัฒนาการด๎านตํางๆ ของผู๎฼รียน฽ตํ ละคนตาม฼กณฑ์การตัดสนิ การผาํ นระดบั ช้นั ตามหลักสตู ร฽กนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งข๎อมูล ด๎านอื่นๆ ของผู๎฼รียนท้ังที่บ๎าน฽ละ฾รง฼รียน ฼ป็น฼อกสารรายบุคคล สาหรับสื่อสาร฿ห๎ผ๎ูปกครองของผ๎ู฼รียน฽ตํละคน เดร๎ บั ทราบผลการ฼รยี น฽ละพัฒนาการด๎านตํางๆ ของผ฼ู๎ รียน ฽ละรวํ มมอื ฿นการพฒั นาผ๎฼ู รยี นอยํางตอํ ฼น่ือง ๒.๓ ใบรบั รองผลการเรยี น ฼ป็น฼อกสาร฼พ่ือรับรองสถานภาพความ฼ป็นผ๎ู฼รียน฿น฾รง฼รียน หรือรับรองผลการ฼รียนหรือวุฒิ ของผู๎฼รียน฼ป็นการชั่วคราวตามท่ีผู๎฼รียนร๎องขอ ท้ังกรณีท่ีผ๎ู฼รียนกาลังศึกษาอยูํ฿น฾รง฼รียนหรือ฼ม่ือจบการศึกษาเป ฽ล๎ว ฽ตกํ าลังรอรับหลักฐานการศกึ ษา ระ฼บียน฽สดงผลการ฼รียน ฼ป็นต๎น ฿บรับรองผลการ฼รียนมีอายุการ฿ช๎งานชั่วคราว ฾ดยปกติประมาณ ๓๐ วัน ซึ่งผู๎฼รียนสามารถ นาเป฿ช๎฼ป็นหลักฐาน฽สดงคุณสมบัติของผ๎ู฼รียน฿นการสมัคร฼ข๎าศึกษาตํอ สมัคร฼ข๎าทางานหรือ฼มื่อมีกรณีอ่ืน฿ดท่ี ผู๎฼รียน฽สดงคณุ สมบตั ฼ิ กี่ยวกบั วฒุ คิ วามร๎ู หรือสถานภาพการ฼ปน็ ผู฼๎ รยี นของตน ๒.๔ ระเบยี นสะสม ฼ป็น฼อกสาร฼พ่ือการบันทึกข๎อมูล฼ก่ียวกับพัฒนาการของผ๎ู฼รียน฿นด๎านตํางๆ ฼ป็นรายบุคคล อยํางตํอ฼น่ือง ตลอดชํวงระยะ฼วลาการศึกษาตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ๑๒ ปี ระ฼บียนสะสม฿ห๎ ข๎อมูลท่ี฼ป็นประ฾ยชน์฿นการ฽นะ฽นวทางการศึกษา฽ละการประกอบอาชีพของผู๎฼รียนการพัฒนาปรับปรุง บุคลิกภาพ การปรบั ตัวของผ฼ู๎ รยี น฽ละผลการ฼รยี น ตลอดจนรายงานกระบวนการพัฒนาคุณภาพของผู๎฼รียนระหวําง ฾รง฼รียนกบั วัด ฽ละ฿ช๎฼ป็นหลกั ฐาน฿นการตรวจสอบคณุ สมบตั ิของผ฼ู๎ รียนตามความ฼หมาะสม แนวปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับการออกและจดั เก็บเอกสารหลักฐานการศกึ ษา ๑. เอกสาร ปพ. ๑ ๑.๑ ออก ปพ.๑ : บ ฿ห๎นัก฼รยี น฼ม่ือ ๑.๑.๑ จบการศกึ ษาระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ๑.๑.๒ ลาออกจาก฾รง฼รียน ๑.๒ ออก ปพ ๑ : พ ฿ห๎นัก฼รยี น฼มื่อจบการศกึ ษาชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. เอกสาร ปพ.๒ (ประกาศนียบัตร) ๑.๑ ออก ปพ.๒ : บ ฼มอื่ นกั ฼รียนจบระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ ๑.๒ ออก ปพ.๒ : พ ฼ม่อื นกั ฼รยี นจบระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ ๓. เอกสาร ปพ.๓ ๓.๑ ออก ปพ.๓ : บ ฼ป็นหลักฐาน฽สดงวาํ นัก฼รียนจบการศึกษาภาคบงั คบั (ชนั้ ม.๓) ๓.๒ ออก ปพ.๓ : พ ฼ป็นหลกั ฐาน฽สดงวํานัก฼รียนจบการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน (ชั้น ม.๖) ๔. การจัดเก็บเอกสาร ปพ.๓  ฼กบ็ เวท๎ ่ี฾รง฼รียน ๑ ชดุ ฼พือ่ ตรวจสอบวฒุ ิ  สงํ ฿ห๎ สพฐ. ๑ ชดุ  สงํ ฿ห๎ สานกั งานกลํุม฾รง฼รยี น ๑ ชุด

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๓  สงํ ฿ห๎ สานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ๑ ชุด สาหรับ฾รง฼รียน฿นกรุง฼ทพมหานคร ฿ห๎สํงสานักงาน พระพทุ ธศาสนา฽หงํ ชาติ ๑ ชุด การเทียบโอนผลการเรียน ฾รง฼รียน฼ทียบ฾อนผลการ฼รียนของผ๎ู฼รียน฿นกรณีตํางๆเด๎฽กํ การย๎าย฾รง฼รียน การ฼ปลี่ยนรูป฽บบ การศึกษา การย๎ายหลกั สูตร การออกกลางคัน฽ละขอกลบั ฼ข๎ารบั การศึกษาตํอ การศึกษาจากตํางประ฼ทศ฽ละขอ฼ข๎า ศึกษาตํอ฿นประ฼ทศ นอกจากนี้ ยังสามารถ฼ทียบ฾อนความร๎ู ทักษะ ประสบการณ์จาก฽หลํงการ฼รียนร๎ูอื่นๆ ฼ชํน สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชพี การจัดการศกึ ษา฾ดยครอบครัว ฼ป็นตน๎ การ฼ทยี บ฾อนผลการ฼รยี น ดา฼นนิ การ฿นชวํ งกํอน฼ปิดภาค฼รยี น฽รก หรือต๎นภาค฼รียน฽รก ที่฾รง฼รียนรับผู๎ ขอ฼ทียบ฾อน฼ป็นผู๎฼รียน ทั้งน้ี ผู๎฼รียนที่เด๎รับการ฼ทียบ฾อนผลการ฼รียนต๎องศึกษาตํอ฼น่ือง฿น฾รง฼รียนที่รับ฼ทียบ฾อน อยํางน๎อย ๑ ภาค฼รียน ฾ดย฾รง฼รียนท่ีรับผ๎ู฼รียนจากการ฼ทียบ฾อนควรกาหนดรายวิชา/จานวนหนํวยกิตที่จะรับ ฼ทยี บ฾อนตามความ฼หมาะสม การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดา฼นนิ การเด๎ ดงั นี้ ๑. พิจารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษา ฽ละ฼อกสารอื่นๆ ที่฿ห๎ข๎อมูล฽สดงความร๎ู ความสามารถของผู๎฼รยี น ๒. พิจารณาจากความรู๎ ความสามารถของผ๎ู฼รียน฾ดยการทดสอบด๎วยวิธีการตํางๆ ท้ังภาคความร๎ู ฽ละ ภาคปฏิบัติ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถ฽ละการปฏบิ ัติ฿นสภาพจรงิ การ฼ทยี บ฾อนผลการ฼รยี นดา฼นนิ การ฿นรูปของคณะกรรมการการ฼ทียบ฾อน จานวนเมํน๎อยกวํา ๓ รูป/คน ฽ตเํ มํควร฼กนิ ๕ รูป/คน ฾ดยมี฽นวทาง฿นการ฼ทยี บ฾อน ดังน้ี ๑) กรณีท่ีผู๎ขอ฼ทียบ฾อนมีผลการ฼รียนมาจากหลักสูตรอื่น ฿ห๎นารายวิชาหรือหนํวยกิตท่ีมีมาตรฐานการ ฼รียนร/ู๎ ตวั ช้วี ัด ผลการ฼รียนร/๎ู จดุ ประสงค์/฼นื้อหาท่ีสอดคล๎องกัน เมํน๎อยกวําร๎อยละ ๖๐ มา฼ทียบ฾อนผลการ฼รียน ฽ละพจิ ารณา฿ห๎ระดบั ผลการ฼รียน฿ห๎สอดคลอ๎ งกบั หลักสูตรทรี่ ับ฼ทยี บ฾อน ๒) กรณีการ฼ทยี บ฾อนความรู๎ ทักษะ ฽ละประสบการณ์ ฿ห๎พิจารณาจาก฼อกสารหลักฐาน (ถ๎ามี) ฾ดย฿ห๎ มกี ารประ฼มินดว๎ ย฼คร่ืองมือท่ีหลากหลาย ฽ละ฿หร๎ ะดบั ผลการ฼รยี น฿ห๎สอดคล๎องกับหลกั สูตรทีร่ บั ฼ทียบ฾อน ๓) กรณีการ฼ทียบ฾อนนัก฼รียนที่฼ข๎า฾ครงการ฽ลก฼ปล่ียนตํางประ฼ทศ ฿ห๎ดา฼นินการตามประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ ฼ร่ืองหลักการ฽ละ฽นวปฏิบัติการ฼ทียบช้ันการศึกษาสาหรับนัก฼รียนที่฼ข๎ารํวม฾ครงการ ฽ลก฼ปลี่ยน

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๔ การบริหารจัดการหลกั สูตร ฾ดยที่ระบบการศึกษา฿นปัจจุบันมีการกระจายอานาจ฿ห๎ท๎องถิ่น฽ละสถานศึกษามีบทบาท฿นการพัฒนา หลักสูตร ดังนั้นหนํวยงานตํางๆ ที่฼กี่ยวข๎อง฿น฽ตํละระดับ ตั้ง฽ตํระดับชาติ ระดับท๎องถ่ินจนถึงระดับสถานศึกษา จงึ มบี ทบาทหนา๎ ท่ี ฽ละความรับผดิ ชอบ฿นการพัฒนา สนบั สนนุ สํง฼สรมิ การ฿ช๎฽ละพัฒนาหลักสูตร฿ห๎฼ป็นเปอยําง มีประสิทธิภาพ ฽ละต๎องมีการบริหารจัดการท่ีดี มีการวาง฽ผน฽ละดา฼นินงานอยําง฼ป็นระบบตํอ฼น่ือง มีการ สํง฼สริมสนับสนุนทั้งด๎านงบประมาณ ทรัพยากร บุคลากร ตลอดจนมีการพัฒนาศักยภาพผ๎ู฼กี่ยวข๎อง ฼พราะส่ิง ฼หลํานี้฼ป็นปัจจัยที่จะสํงผลตํอประสิทธิภาพ฿นการดา฼นินงาน฿ห๎การพัฒนาคุณภาพผ๎ู฼รียนบรรลุตามมาตรฐานการ ฼รยี นร๎ทู ก่ี าหนดเว๎฿นระดบั ชาติ ๑. การบริหารจัดการหลกั สูตรระดบั ชาติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฼ป็นหนํวยงานสํวนกลางภารกิจสาคัญ฿นการกาหนด น฾ยบายมาตรฐานการ฼รียนร๎ู ฽ละหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สาหรับ฿ห๎ท๎องถ่ิน สถานศึกษา ฽ละ ทุกฝุายท่ี฼ก่ียวข๎อง฿ช๎฼ป็นกรอบทิศทาง฿นการพัฒนาหลักสูตร ฼พื่อพัฒนาผู๎฼รียนเปสํูมาตรฐานการ฼รียนร๎ูท่ีกาหนด นอกจากน้ี สพฐ. ยังมีภารกิจสาคัญที่จะต๎องติดตามประ฼มินผล฽ละควบคุมคุณภาพอยําง฼ป็นระบบ฽ละตํอ฼น่ือง ฾ดยดา฼นินการ฿นหลายลักษณะทั้งการติดตามการ฿ช๎หลักสูตร การทดสอบหรือการประ฼มินคุ ณภาพผู๎฼รียน ระดับชาติ ฽ละการจดั ระบบการประกนั คุณภาพท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ ๒. การบรหิ ารจดั การหลกั สูตรระดับท้องถ่ิน สานักงาน฼ขตพื้นท่ีการศึกษา ฽ละหนํวยงานต๎นสังกัดอ่ืนๆ ฼ชํน หนํวยงานที่มีบทบาท฿นการ฼ชื่อม฾ยง หลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ฽ละความต๎องการของท๎องถิ่นสูํการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา฽ละการ จัดการ฼รียนการสอน฿นชั้น฼รียน฾ดยมีภารกิจสาคัญ คือ กาหนด฼ปูาหมาย฽ละจุด฼น๎นการพัฒนาคุณภาพผ๎ู฼รียน ระดับท๎องถิ่น ฾ดยจัดทากรอบหลักสูตรระดับท๎องถิ่น สาหรับสถานศึกษา฿ช๎฼ป็น฽นวทาง฿นการจัดการ฼รียนการ สอน฿น฼รื่องที่฼ก่ียวกับชุมชน ทอ๎ งถนิ่ นอกจากน้ี สานักงาน฼ขตพ้ืนท่ีการศึกษา฽ละหนํวยงานระดับท๎องถ่ินจะต๎อง ประ฼มินคุณภาพการศึกษา฿นระดับท๎องถ่ิน รวมท้ัง฼พ่ิมพูนคุณภาพการ฿ช๎หลักสูตรด๎วยการวิจัย฽ละพัฒนา การ พัฒนาบุคลากร สนับสนนุ สงํ ฼สรมิ ตดิ ตามผล วิ฼คราะห์฽ละรายงานผลคณุ ภาพของผ฼๎ู รียน ๓. การบรหิ ารจดั การหลกั สตู รระดบั สถานศึกษา สถานศึกษามีหน๎าที่สาคัญ฿นการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวาง฽ผน฽ละดา฼นินการ฿ช๎หลักสูตร การ฼พิ่มพูนคุณภาพการ฿ช๎หลักสูตรด๎วยการวิจัย฽ละพัฒนาการปรับปรุง฽ละพัฒนาหลักสูตร จัดทาระ฼บียบการวัด ฽ละประ฼มนิ ผล (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๑) ฿นการพัฒนาออก฽บบหรือพัฒนาหลักสูตรของ฾รง฼รียน฼ขื่อนผากวิทยา ต๎องพิจารณา฿ห๎ครอบคลุม หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๕ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่ึงเด๎กาหนดสํวนที่฼ป็นจุด฼น๎น฼พื่อสร๎างอัตลักษณ์ของ฾รง฼รียน฼ขื่อนผากวิทยา ฿นการมุํงสร๎างศาสน ทายาทท่ีมีคุณภาพ ท้ังนี้ ฾รง฼รียนสามารถ฼พ่ิม฼ติม฿นสํวนที่฼ก่ียวกับสภาพ฽ละความต๎องการชุมชน ท๎องถ่ิน฽ละ ผ฼๎ู รยี น ฾ดยคานึงถงึ การมสี ํวนรํวมของฝุายตาํ งๆ ท้ังภาย฿น฾รง฼รียน฽ละสรา๎ ง฼ครอื ขํายระหวาํ ง฾รง฼รียน ฿นการจัดการศึกษา฼พื่อพัฒนาผู๎฼รียน฿ห๎บรรลุถึงคุณภาพตามมาตรฐานการ฼รียนร๎ูที่กา หนด฿นระดับชาติ นั้น นอกจาก฾รง฼รียนจะต๎องมีการพัฒนาหลักสูตรท่ีครอบคลุมสํวนสาคัญดังกลําว฽ล๎ว ยังต๎องมีการบริหารจัดการ หลักสูตรที่มปี ระสทิ ธภิ าพ ฼พื่อ฿ห๎฼กิดประ฾ยชน์สงู สดุ ฽กํผ฼ู๎ รียน ฾ดยจัดมาตรการสํง฼สริมสนับสนุนการ฿ช๎หลักสูตร฿น ดา๎ นตํางๆ เด฽๎ กํ ๑. สง่ เสริมพฒั นาบคุ ลากร ฾รง฼รียนจะต๎องพัฒนาบุคลากรอยําง฼ป็นระบบ฽ละตํอ฼น่ือง ฼น๎นการ฼รียนร๎ูความ฼ข๎า฿จ฽กํครู฽ละ บุคลากรทางการศึกษา฿นการพัฒนาหลักสูตรการจัดกิจกรรมการ฼รียนร๎ูท่ี฼น๎นผ๎ู฼รียน฼ป็นสาคัญ รวมทั้งวิธีการวัด ฽ละประ฼มินผล฾ดยมีมาตรฐาน฽ละตัวชี้วัด฽ละตัวชี้วัด฼ป็น฼ปูาหมาย การจัดการ฼รียนรู๎฽บบบูรณาการ การฝึก ทักษะการทางานรํวมกัน฼ป็นทีม รูป฽บบการพัฒนาบุคลากร เด๎฽กํ การนิ฼ทศ(ท้ัง฽บบกลุํม฽ละ฼ป็นรายบุคคล) การศึกษาดูงาน การประชุมสัมมนา การฝึกอบรม รวมทั้งการจัดมุม หรือศูนย์รวมความร๎ู฼ก่ียวกับหลักสูตร฽ละ การจัดการ฼รียนร๎ู฽บบมาตรฐาน ฼พ่ือการศึกษาค๎นคว๎า฼พ่ิม฼ติมด๎วยตน฼อง ฾ดยต๎องมีการประ฼มินผล฼ป็นระยะ ๆ ฼พ่อื นาผลการประ฼มินเป฿ช๎ปรับปรงุ การพฒั นาบุคลากร฿หม๎ คี ุณภาพ฽ละมปี ระสทิ ธิภาพยง่ิ ขึ้น ๒. การสนับสนนุ งบประมาณทรพั ยากร ฾รง฼รียนจะต๎องจัดทรัพยากร฽ละปัจจัยท่ี฼อ้ือตํอการสํง฼สริม฽ละสนับสนุน การนาหลักสูตรเปสูํการ ปฏิบัติ ฿ห๎฼กิดประสิทธิภาพ เด๎฽กํ การจัดสรรงบประมาณ฿ห๎฼พียงพอสาหรับการพัฒนาหลักสูตร฽ละการติดตาม ประ฼มินผลการ฿ช๎หลักสูตร รวมทั้งงบประมาณ฿นการพัฒนาบุคลากร การจัดซ้ือจัดหาส่ือวัสดุอุปกรณ์ที่จา฼ป็นตํอ การจดั การ฼รยี นร๎ู การจัด฿ห๎มีห๎อง฼รียน สถานที่฼รียนท่ี฼หมาะสม การจัด฿ห๎มีห๎องสมุด฽ละ฽หลํง฼รียนร๎ูที่฼อื้ออานวย ตอํ การจดั การ฼รียนการสอน ฽ละการจดั ฿ห๎ครเู ดส๎ อนตรงตามความรคู๎ วามสามารถ฽ละความถนดั ฼ป็นตน๎ ๓. การดาเนนิ งานแบบมีสว่ นรวม ผูป๎ กครอง ชุมชน ผบ๎ู รหิ าร คร฽ู ละนกั ฼รยี น ซง่ึ ฼ปน็ ผเู๎ ด๎รับผล฾ดยตรงจากการ฿ช๎หลักสตู ร ควรจะต๎องมี สํวนรํวม฿นการวาง฽ผน พัฒนาหลักสูตร ฽ละตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของ฾รง฼รียน ดังน้ัน ผู๎บริหาร ฾รง฼รียนจะต๎อง฿ห๎ฝุายตํางๆ ดังกลําวมีสํวนรํวม฿นการพัฒนาหลักสูตรของ฾รง฼รียน ฾ดยจัด฿ห๎มีการพูดคุย ฽ลก฼ปลย่ี นประสบการณก์ นั หรอื ฿ช๎วธิ กี ารทางาน฾ดยกระบวน การกลํุม ฼ป็นตน๎ ๔. การนเิ ทศติดตามการใชห้ ลกั สูตร ฾รง฼รียนจะต๎องจัดทา฽ผนการนิ฼ทศ กากับ ติดตามการ฿ช๎หลักสูตรอยําง฼ป็นรูปธรรม มีความ ชัด฼จน฼ป็นระบบ฽ละกระทาอยาํ งตํอ฼นอื่ ง฽ละครอบคลมุ ทั้ง฿นระดบั ชั้น฼รยี น ฽ละระดบั สถานศึกษา ฾ดย฿ช๎฼ทคนิค วธิ กี ารทห่ี ลากหลาย ทัง้ น้ี ขน้ึ อยํกู ับวัตถปุ ระสงค์ของการตดิ ตาม ฼ชํน การตรวจ฼ยย่ี ม฽ละการสัง฼กตการณ์฿นชั้น ฼รียน การสอน฽ละการตรวจ฽ผนการจัดการ฼รียนรู๎ การบันทึกรายงานหลังการสอน การประ฼มินผลสัมฤทธ์ิ ทางการ฼รียน ฼ป็นต๎น

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๖ ๕. การประกนั คณุ ภาพภายใน ฾รง฼รยี นจะต๎องจัดระบบการประกนั คณุ ภาพภาย฿น฽ละ฼ตรียมความพร๎อมสาหรับการประกันคุณภาพ ภายนอก ตามที่กาหนดเว๎฿นมาตรา ๔๘ ฽หํงพระราชบัญญัติการศึกษา฽หํงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ฽ละ฽ก๎เข฼พิ่ม฼ติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ฽ละตามกฎกระทรวงวําด๎วยระบบหลัก฼กณฑ์฽ละวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓ ต๎องมีการดา฼นินการประกันคุณภาพอยํางตํอ฼นื่อง ฾ดยมี฽ผนพัฒนาคุณภาพ มี฼ปูาหมายการพัฒนาที่ ชัด฼จน ฽ผนปฏิบตั ิการตอ๎ ง฼นน๎ ผลคณุ ภาพผ๎ู฼รยี น มีการรายงานผล฼ป็นระยะๆ อยํางตํอ฼น่ือง฽ละนาผลมา฿ช๎฿นการ พฒั นาหลกั สตู รการ฼รียนการสอน ๖. การวจิ ยั และตดิ ตามผลการใช้หลกั สูตร ฿นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรนั้น การวิจัย฽ละการติดตามผลการ฿ช๎หลักสูตร฼ป็นปัจจัยสาคัญที่ ฾รง฼รียนควรดา฼นนิ การ฼พื่อ฿หห๎ ลักสูตรการ฼รยี นการสอนมปี ระสทิ ธภิ าพ ดังนี้ ≥ การวจิ ยั การวิจัยจะทา฿ห๎เด๎ข๎อมูลขําวสารที่฼ป็นจริง ฽สดงจุด฽ข็งจุดอํอน ปัญหา สา฼หตุ ฽ละ฽นวทาง ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร฿ห๎มีประสิทธิภาพ ดังน้ัน ฾รง฼รียนควรดา฼นินการวิจัย ท้ัง฿นสํวนของการวิจัยพัฒนา หลักสูตร฽ละการวจิ ัยประ฼มินผลการ฿ชห๎ ลักสูตร ดงั น้ี  การวิจัยพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา มํุง฼น๎นวิจัย฼พื่อนาผลมาประกอบการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา฿ห๎฼หมาะสม สอดคล๎องกับผ฼ู๎ รียน฽ละความตอ๎ งการของผป๎ู กครอง ชมุ ชน ฾ดยม฽ี นวการดา฼นินการ ดงั นี้ - การประเมินหลักสูตร ฾ดยพิจารณากาหนดหัวข๎อสาคัญท่ีจะทาการประ฼มิน ฼ชํน ความครบถ๎วนขององค์ประกอบหลักสูตร ความสอดคล๎องของ฽ตํละองค์ประกอบ ความสอดคล๎องกับหลักสูตร ฾รง฼รียนพระปริยัติธรรม ฽ผนกสามัญศึกษา ตามหลักสูตร฽กนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ฽ละกรอบ หลักสูตรท๎องถิ่น ความสอดคล๎องกับความต๎องการของผ๎ู฼รียน ผู๎ปกครอง ชุมชน ความ฼หมาะสมของ฽นวทางการ จัดการ฼รยี นการสอน การจดั กจิ กรรมพัฒนาผ฼ู๎ รยี น ฽ละระบบการวดั ฽ละประ฼มินผล ฼ปน็ ตน๎ - การประ฼มินความต๎องการจา฼ป็น฿นการศึกษาตํอ฽ละการปฏิบัติศาสนกิจ/การประกอบ อาชีพ ของผู๎฼รียน฿นอนาคต฼พื่อนามา฿ชก๎ าหนด฾ครงสรา๎ ง฼วลา฼รยี น฽ละ฾ครงสร๎างหลกั สูตร - การประ฼มินความต๎องการของคณะสงฆ์ ผู๎ปกครอง ฽ละชุมชน฿นการพัฒนาผ๎ู฼รียน ฼พื่อนามา฿ช๎กาหนด฾ครงสรา๎ งหลักสูตร฽ละ฾ครงการตาํ งๆ  การวจิ ัยประเมนิ ผลการใชห้ ลักสตู ร ฾รง฼รียนต๎องมีการประ฼มินผลการ฿ช๎หลักสูตรซึ่งสามารถดา฼นินการเด๎ท้ังระหวํางการ฿ช๎ หลกั สูตร฽ละ฼มือ่ นาหลกั สตู รสํกู ารปฏบิ ัต฽ิ ล๎ว หรือจะติดตามจากผลผลิตของหลักสูตร คือ ผู๎฼รียนท่ีจบการศึกษา ตามหลกั สตู รก็เด๎ ฾ดยสามารถประ฼มิน฿นด๎านปัจจยั ทีม่ ีผลตํอการ฿ช๎หลักสูตร กระบวนการ฿ช๎หลักสูตร฽ละผลจาก การ฿ชห๎ ลกั สูตร อยํางเรก็ตาม฾รง฼รยี นควรมํุง฼นน๎ การประ฼มินสํวนท฼่ี ก่ียวข๎องตอํ คณุ ภาพของผู๎฼รียน฼ป็นสาคัญ ฽ละ ควรคานึงถึงผลสัมฤทธิ์การ฼รียนรู๎฽ละคุณลักษณะของผู๎฼รียน ฾ดยนาผลการประ฼มินระดับสถานศึกษา ฽ละ ระดับชาติ (ผลคะ฽นน O–net, B–net) มาพิจารณาท้ังผลการประ฼มิน฿นภาพรวม ฽ละผลการประ฼มินท่ี฽ยก รายวชิ า฽ละ฽ยกรายมาตรฐาน ถ๎าหากผลการประ฼มินเมํ฼ป็นเปตาม฼ปูาหมายท่ีคาดหวัง ฾รง฼รียนต๎องทาการศึกษา

หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๗ วิ฼คราะห฼์ พือ่ ค๎นหาสา฼หตุที่฽ท๎จริงจากน้ันจึงหาวิธี฽ก๎ปัญหา฼พื่อพัฒนาคุณภาพตํอเป (ประมวลจาก แนวทางการ บริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน, ๒๕๕๓)

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๘ เอกสารอ้างองิ กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๔๖) พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ พร้อมกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องและพระราชบัญญัติการศึกษา ภาคบังคับ พ.ศ. ๒๕๔๕ กรุง฼ทพฯ : ฾รงพมิ พอ์ งค์การรับสํงสนิ ค๎า฽ละพัสดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.) กระทรวงศึกษาธกิ าร (๒๕๕๒) หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑. กรุง฼ทพฯ : ฾รงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การ฼กษตร฽หํงประ฼ทศเทย จากดั สานักงานพระพุทธศาสนา฽หํงชาติ (๒๕๕๒) หนังสือรวมทุกวิชาหลักสูตรนักธรรมช้ันตรี หลักสูตรนักธรรมชั้นโท หลักสูตรนักธรรมชัน้ เอก, กรุง฼ทพฯ : ฾รงพมิ พส์ านักงานพระพุทธศาสนา฽หํงชาติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรงุ ฼ทพฯ : ฾รงพิมพช์ มุ ชนสหกรณ์การ฼กษตร฽หํงประ฼ทศเทย จากัด สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรงุ ฼ทพฯ : ฾รงพิมพช์ มุ ชนสหกรณ์การ฼กษตร฽หํงประ฼ทศเทย จากัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรุง฼ทพฯ : ฾รงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การ฼กษตร฽หํงประ฼ทศ เทย จากัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (๒๕๕๒) แนวทางการพัฒนา การวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรุง฼ทพฯ : ฾รงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์ การ฼กษตร฽หํงประ฼ทศเทย จากัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (๒๕๕๓) แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑, กรงุ ฼ทพฯ : ฾รงพิมพช์ มุ ชนสหกรณ์การ฼กษตร฽หํงประ฼ทศเทย จากดั

หลกั สูตรโรงเรยี นเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๘๙ ภาคผนวก

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๐ เทคนคิ วิธสี อนของพระพทุ ธเจ้า ๑. การทานามธรรมใหเ้ ปน็ รปู ธรรม ทาของยาก฿ห๎งาํ ย ธรรม฼ปน็ ฼ร่อื งนามธรรมท่ีมี฼นือ้ หาลกึ ซงึ้ ยากที่จะ฼ข๎า฿จ ยิ่ง฼ป็นธรรมระดับสูงสุดก็ยิ่งลึก ลา้ คัมภีรภาพย่งิ ขนึ้ … ความสา฼ร็จ฽หงํ ภารกจิ การสงั่ สอนประชาชนสํวนหนึง่ ฼พราะพระองค์ทรง฿ช๎฼ทคนิควิธีการทา ของยาก฿ห๎งําย ฼ชํน ๑.๑ การ฿ช๎อุปมาอุปเมย วิธีน้ี฼ป็นวิธีทรง฿ช๎บํอยที่สุดวิธีหน่ึง ฼พราะทา฿ห๎ผู๎ฟังมอง฼ห็นภาพ฽ละ฼ข๎า฿จงําย ฾ดยเมตํ ๎อง฼สยี ฼วลาอธิบายความ฿หย๎ ืดยาว ๑.๒ ยกนิทานประกอบ ฼ปน็ ฼ทคนิคหรอื กลวิธหี นง่ึ ท่พี ระพทุ ธองค์ทรง฿ช๎บอํ ย ๑.๓ ฿ช๎อุปกรณ์หรือสื่อการสอน ฼ทคนิควิธีสอนด๎วยการกระทาของยาก฿ห๎งําย หรือทานามธรรม฿ห๎฼ป็น รูปธรรมนอกจาก฿ช๎อุปมาอุปเมย฽ละ฼ลํานิทานประกอบ฽ล๎ว ยังมีอีกวิธีหน่ึงอัน฼ป็นวิธีที่พระพุทธองค์ทรง฿ช๎มาก พอๆ กบั สองวธิ ขี า๎ งต๎น คือ การ฿ช๎สอ่ื อุปกรณห์ รือ฿ช๎สอื่ การสอน ๒. ทาตนเป็นตวั อย่าง ฿น฽งขํ องการสอนอาจ฽บงํ ออก฼ปน็ ๒ อยําง คอื ๒.๑ ทา฿ห๎ดู หรือสาธติ ฿ห๎ดู ๒.๒ ปฏบิ ตั ิ฿ห๎ด฼ู ป็นตัวอยาํ ง ๓. ใชถ้ ้อยคาเหมาะสม การสอนทีจ่ ะประสบความสา฼รจ็ ผส๎ู อนจะต๎องร๎ูจัก฿ช๎คา ต๎อง฿ห๎ผู๎ฟังร๎ูสึกวํา ผู๎พูดพูดด๎วย฼มตตาจิต มิ฿ชํพูด ด๎วยความมงํุ ร๎าย ๔. เลือกสอนเป็นรายบคุ คล ผ๎ูสอนต๎องรู๎วําคนฟังนั้นตํางภูมิหลังตํางความสน฿จ ตํางระดับสติปัญญาการ฼รียนรู๎ ฼พราะฉะนั้นการ฼ลือก สอน฼ป็นรายบุคคลจะชวํ ย฿หก๎ ารสอนประสบความสา฼รจ็ ฼ป็นอยํางดี ถ๎าทาเด๎ก็ควร฿ช๎วิธีนี้ ฽ม๎จะสอน฼ป็นกลุํมก็ต๎อง ฼อา฿จ฿สํนัก฼รียนทมี่ ีปัญหา฼ป็นรายบุคคล฿ห๎เด๎ ๕. รู้จกั จังหวะและโอกาส ดคู วามพร๎อมของผู฼๎ รียน รจู๎ ักคอยจังหวะอัน฼หมาะสม ถา๎ ผ฼๎ู รยี นเมํพรอ๎ มก็฼หนอื่ ย฼ปลํา ๖. ยืดหย่นุ ในการใชเ้ ทคนคิ วิธี ฼ทคนคิ วิธีบางอยาํ ง฿ช๎เดผ๎ ล฿นวันนี้ ตอํ เปวนั ข๎างหน๎าอาจ฿ชเ๎ มํเด๎ก็เด๎ จึงควรยดื หยนํุ วธิ ีการ ๗. การเสรมิ แรง มีคาพูดสรร฼สริญพระพุทธ฼จ๎าวํา “ทรงชมคนท่ีควรชม ตาหนิคนที่ควรตาหนิ” การชม฼ป็นการยอมรับ ความสามารถหรอื ฿หก๎ าลงั ฿จ฿ห๎ทาอยํางนั้นยิ่งๆ ขนึ้ เป การตาหนิ฼ปน็ การตัก฼ตอื นม฿ิ หป๎ ระพฤต฼ิ ชํนน้นั อีกตํอเป

หลกั สูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๑ หลักสาคัญท่ีครูผสู้ อนควรทราบ หลกั สาคัญคอื หลกั การ฿หญๆํ ของการสอนเมวํ าํ จะสอน฼ร่ืองอะเรก็มอี ยูํ ๓ หลกั คอื ๑. หลัก฼กี่ยวกับ฼นอื้ หาทส่ี อน ๒. หลัก฼กีย่ วกบั ตัวผ๎ู฼รียน ๓. หลกั ฼ก่ียวกบั ตัวการสอน ก. เกีย่ วกบั เน้ือหา คนจะสอนคนอนื่ ตอ๎ งรู๎วาํ จะ฼อา฼รื่องอะเรมาสอน฼ขา฼สยี กอํ น เม฿ํ ชคํ ิด฽ตํวิธีการสอนวําจะสอนอยํางเร ต๎อง คิดกอํ นวํา จะ฼อาอะเรเปสอน฼ขา พระพุทธ฼จ๎า฽นะนาวําผ๎ูสอนต๎องคานึง฼สมอวํา ต๎องสอนส่ิงท่ีรู๎฼ห็นหรือ฼ข๎า฿จงําย เปหาสงิ่ ท฼่ี ข๎า฿จยาก ๑. สอน฼น้อื หาท่ีลมํุ ลึกลงเปตามลาดับ ๒. สอนด๎วยของจริง ๓. สอนตรงตาม฼นอ้ื หา ๔. สอนมี฼หตุผล ๕. สอน฼ทาํ ท่ีจา฼ป็นจะต๎องรู๎ ๖. สอนส่ิงทมี่ ีความหมาย฽ละ฼ป็นประ฾ยชน฽์ กํผู๎฼รียน ข. เก่ยี วกับตวั ผู้เรยี น ๑. พทุ ธองคจ์ ะทรงสอน฿คร ทรงดูบุคคลผรู๎ บั การสอนหรือผู๎฼รียนกํอนวําบุคคลน้ันๆ ฼ป็นคนประ฼ภท฿ด มี พนื้ ความร๎ู ความ฼ขา๎ ฿จหรือความพรอ๎ ม฽คเํ หน฽ละควรจะสอนอะเร ฽คเํ หน ๒. นอกจากดูความ฽ตกตาํ งของผ฼ู๎ รียน฽ลว๎ ยังต๎องดคู วามพรอ๎ มของผ฼ู๎ รียนด๎วย ๓. สอน฿ห๎ผ฼๎ู รยี นทาดว๎ ยตน฼อง ๔. ผ๎ู฼รียนจะต๎องมีบทบาทรวํ มดว๎ ย ๕. ครูต๎อง฼อา฿จ฿สํผู฼๎ รียนท่ีมปี ัญหา฼ป็นพิ฼ศษ ค. เกี่ยวกับตวั การสอน ๑. สร๎างความสน฿จ฿นการสอนคนนน้ั (การนา฼ขา๎ สูํบท฼รยี น) ๒. สรา๎ งบรรยากาศ฿นการ฼รยี นการสอน฿หป๎ ลอด฾ปรํง ๓. มุํงสอน฼น้ือหา มํุง฿หผ๎ ู๎ฟัง฼กิดความร๎คู วาม฼ขา๎ ฿จ฽ละ฼ปล่ียนพฤติกรรม฿นทางท่ดี ี ๔. ตงั้ ฿จสอน สอน฾ดย฼คารพ ถือวํางานสอน฼ป็นงานสาคญั ๕. ฿ช๎ภาษา฼หมาะสม ผู๎สอนคนอื่นควรมีความสามารถ฿นการส่ือสาร ฿ช๎คาพูดที่ถูกต๎อง฽ละ฼หมาะสมกับ บคุ คล฽ละสถานการณ์

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๒ หลกั การสอนแนวพุทธวธิ ี พระพุทธ฼จ๎าน้ันทรง฼ป็นพระบรมครู ยอดครูของผู๎สอน พระองค์ทรงมีหลักการ฿นการสอนมากมายหลาย หลกั การ ฼รยี กวาํ “หลกั ๔ ส” คอื ๑. สนั ทัสสนา อธิบาย฿น฼หน็ ชัด฽จง๎ ฼หมอื นจูงมอื ฿ห๎มาดดู ว๎ ยตา ๒. สมาทปนา ชักจงู ฿ห๎฼ห็นจรงิ ฼ห็นจังตาม ชวน฿ห๎คลอ๎ ยตาม จนยอมรับ฼อาเปปฏบิ ตั ิ ๓. สมตุ ฼ตชนา ฼ร๎า฿จ฼กิดความกล๎าหาญ มกี าลงั ฿จ มั่น฿จวําทาเด๎เมหํ วัน่ เหวตอํ อุปสรรค์ท่ีมมี า ๔. สมั ปหงั สนา มวี ิธีสอนทีช่ วํ ย฿หผ๎ ฟู๎ งั ราํ ฼ริง ฼บกิ บาน ฟังเมํ฼บอื่ ฼ปีย่ มล๎นเปด๎วยความหวงั สรุปหลักการทวั่ เปของการสอน คอื ฽จํม฽จง๎ -จงู ฿จ-หาญกลา๎ -ราํ ฼ริง หลักการสอนพุทธวธิ ีแบบสนทนา (สากจั ฉา หรอื ธรรมสากจั ฉา) ฼ป็นวิธีท่ีทรง฿ช๎บํอยท่ีสุด พระองค์ชอบ฿ช๎วิธีน้ีอาจ฼ป็นด๎วยวําผ๎ูฟังเด๎มี฾อกาส฽สดงความคิด฼ห็นทา฿ห๎การ ฼รียนการสอนสนุกเมํรู๎สึกวําตนกาลัง “เรียน” หรือกาลัง “ถูกสอน” ฽ตํจะรู๎สึกวําตนกาลังสนทนาปราศรัยกับพระ พทุ ธองคอ์ ยํางสนกุ สนาน หลกั การสอนพทุ ธวธิ แี บบตอบปัญหา (ปุจฉา-วสิ ัชชนา) ผ๎ูถามปญั หาอาจถามด๎วยจุดประสงคห์ ลายอยาํ ง ฼ชํน ๑. บางคนถาม฼พ่อื ตอ๎ งการคาตอบ฿น฼ร่ืองท่สี งสยั มานาน ๒. บางคนถาม฼พ่อื ลองภมู ิวําคนตอบร๎ูหรือเมํ ๓. บางคนถาม฼พ่ือขํมหรือปราบ฿ห๎ผตู๎ อบอับอาย ๔. บางคนถาม฼พื่อ฼ทยี บ฼คยี งกบั ความ฼ช่อื หรือคาสอน฿นลัทธิศาสนาของตน พระพุทธองค์ตรัสรู๎วําการตอบปัญหา฿ดๆ ต๎องดูลักษณะของปัญหา฽ละ฼ลือกวิธีตอบ฿ห๎ถูกต๎อง฼หมาะสมพระองค์ จา฽นกประ฼ภทของปญั หาเว๎ ๔ ประการ คอื ๑. ปัญหาบางอยาํ งตอ๎ งตอบตรงเปตรงมา ๒. ปัญหาบางอยํางต๎องยอ๎ นถามกอํ นจงึ ตอบ ๓. ปัญหาบางอยํางต๎อง฽ยกความตอบ ๔. ปัญหาบางอยาํ งตอ๎ งตัดบทเป฼ลยเมํตอบ วิธีคิดแบบอรยิ สจั จ์/คดิ แบบแกป้ ัญหา ฼ปน็ การคิด฽บบ฽กป๎ ญั หา฼รยี กวาํ “วิธีแห่งความดับทุกข์” จัด฼ป็นวิธีคิด฽บบหลักอยํางหนึ่ง฼ป็นวิธีคิดตาม ฼หตุ฽ละผลหรือ฼ป็นเปตาม฼หตุ฽ละผล สืบสาวจากผลเปหา฼หต฽ุ ล๎ว฽ก๎เข฽ละทาการท่ตี น๎ ฼หตุ จัด฼ป็น ๒ คูํ คอื คทํู ่ี ๑ ทุกข฼์ ปน็ ผล ฼ป็นตวั ปัญหา ฼ป็นสถานการณท์ ปี่ ระสบ ซ่ึงเมตํ ๎องการ สมุทยั ฼ปน็ ฼หตุ ฼ปน็ ท่ีมาของปญั หา ฼ป็นจดุ ท่จี ะตอ๎ งกาจดั หรอื ฽ก๎เข จึงจะพน๎ จากปัญหาเด๎ คํูที่ ๒ นิ฾รธ฼ป็นผล ฼ปน็ ภาวะสน้ิ ปญั หา ฼ปน็ จุดหมายซ่ึงต๎องการจะ฼ขา๎ ถึง

หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๓ มรรค฼ปน็ ฼หตุ ฼ปน็ วธิ กี าร ฼ปน็ ขอ๎ ปฏิบัติที่ต๎องกระทา฿นการ฽ก๎เขสา฼หตุ ฼พ่ือบรรลุจุดหมายคือ ภาวะส้นิ ปญั หาอันเด฽๎ กคํ วามดับทุกข์

หลักสูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๔ กระบวนการจดั กิจกรรมเรียนรู้ แบบพทุ ธวธิ ี ๙ อย่าง ๑. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวธิ แี บบอุปมา-อุปไมย (การเปรยี บเทียบ) ขั้นสืบคน้ -ข้ันเชื่อมโยง - ฼ปรยี บ฼ทยี บนามธรรมกับรปู ธรรม฿หผ๎ ๎฼ู รยี น฼หน็ ชดั ฼จน ครผู ู๎สอน฽ละผู๎฼รยี นมสี วํ นรํวม - ความ฽ตกตํางระหวาํ งสงิ่ ท฼่ี ป็นนามธรรมกบั รูปธรรม ขัน้ ฝึก - ยกตัวอยํางสิ่งท่ี฼ปน็ นามธรรม฽ละรูปธรรม - ผ฼๎ู รยี น฽ตลํ ะรปู หรือ฽ตลํ ะกลมุํ รํวมอภิปรายหรอื นา฼สนอสงิ่ ท่ี฼ปน็ นามธรรมหรือรปู ธรรม - หาข๎อสรุป฼กีย่ วกับ฼นอ้ื หาท฼่ี ปน็ นามธรรม-รปู ธรรม ขน้ั ประยกุ ต์ - ค๎นควา๎ ส่งิ ท่฼ี ป็นนามธรรมกบั รูปธรรม฿น฼นอ้ื หาอ่ืน ๆ นอก฼หนือจาก฼น้อื หาที่กาหนด฿ห๎ ๒. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้พุทธวิธีแบบปุจฉา-วสิ ชั นา (การถาม-ตอบ) ขั้นสบื คน้ -ขนั้ เชื่อมโยง - การทาหน๎าที฼่ ปน็ ผถู๎ าม-ตอบทถี่ กู ตอ๎ ง฼หมาะสม฽กํกาล฼ทศะ - วธิ ีถาม-ตอบ (ตอบทนั ท฼ี มื่อมีผ๎ูถาม, ตอบ฽บบมี฼ง่ือนเข, ย๎อนถามผู๎ถามกํอน฽ล๎วจึงตอบ, น่ิง฼สียเมํตอบ ฼ป็นตน๎ ) ขั้นฝึก - ตวั อยาํ งการถาม-ตอบ - ถาม-ตอบ฽บบคนตํอคน, ถาม-ตอบ฽บบกลํุมตํอกลมํุ , ถาม-ตอบ฽บบกลํุมตํอคน ฼ปน็ ต๎น - หาขอ๎ สรปุ ฼นือ้ หาท฼่ี ก่ยี วกับการถาม-ตอบ ข้ันประยกุ ต์ - คน๎ ควา๎ ฼พิม่ ฼ติมนอก฼หนอื จาก฼นอื้ หาท่ีกาหนดเว฿๎ น฽ผนจัดกจิ กรรมการ฼รยี นรู๎ ๓. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรพู้ ทุ ธวธิ ีแบบธรรมสากจั ฉา (การสนทนา) ขน้ั สบื คน้ -ขน้ั เชือ่ มโยง - ครูผ๎ูสอน฼สนอสถานการณท์ ฼่ี ปน็ ปัญหาหรอื จาลองสถานการณ์ ขั้นฝึก - ผู๎฼รยี น/ครผู ๎ูสอน-อภิปราย฿นประ฼ด็นท่฼ี ป็นปญั หา หัวข๎อ หรอื สถานการณ์ ตาม฼นื้อหาที่กาหนด - หาขอ๎ สรุป฿นประ฼ด็นที่฼ป็นปัญหา หัวข๎อ หรอื สถานการณ์จากการสนทนาอภปิ ราย ขนั้ ประยุกต์

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๕ - ศึกษา฼พ่มิ ฼ตมิ การสนทนา-อภปิ รายของบุคคล, กลํุมคน, ละคร, องค์กร ฯลฯ ๔. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พทุ ธวธิ ีแบบอรยิ สจั ๔ (กาหนดปัญหา, ตั้งสมมุติฐาน, ทดลอง, วิเคราะห์ สรปุ ) ขน้ั สบื คน้ (ทกุ ข)์ - กาหนดปญั หา, ท่มี าของปญั หา, การ฼กิดปัญหา (ตาม฼นือ้ หาทก่ี าหนด) ขัน้ เชอ่ื มโยง (สมุทัย) - ต้งั สมมุติฐาน, การอนุมาน, การคาดคะ฼น, ความนาํ จะ฼ป็น, ปัจจยั ฼ส่ียง ขน้ั ฝกึ (นโิ รธ) - ทดลอง, ฼ก็บขอ๎ มูล - ว฼ิ คราะห์, สรุปผล ขั้นประยกุ ต์ (มรรค) - การนาเปประยกุ ต฿์ ช๎กับส่ิงอื่น ๆ นอก฼หนอื จาก฼น้อื หาที฼่ รยี นรู๎ ๕. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้พทุ ธวิธแี บบไตรสกิ ขา (ระเบียบวินยั , จิตใจแนว่ แน่, แกป้ ัญหาถูกต้อง) ขั้นสืบคน้ (ศีล) - สรา๎ งความมีระ฼บียบวินยั ความมีศรัทธา ความตระหนัก ความ฼ร๎า฿ห฼๎ กิดกบั ผ๎฼ู รียนพร๎อมท่ีจะ฼รยี น ขั้นเชื่อมโยง (สมาธิ) - ฿ห๎ผู๎฼รียนรวมพลังจิต฿จ ความคิดอัน฽นํว฽นํ฿นการต้ัง฿จฟัง ตั้ง฿จดู ตั้ง฿จจดจา฽ละ฼ห็นความสาคัญตํอ ฼นอ้ื หาทจี่ ะนา฼สนอ ขั้นฝกึ (ปัญญา) - ฿ชส๎ มาธิ จิต฿จอัน฽นํว฽นทํ าความ฼ข๎า฿จกบั ปัญหา - ค๎นหาสา฼หตทุ ีม่ าท่เี ปของปญั หา - ฽ก๎เขปัญหาอยํางถูกตอ๎ ง฽ละถูกวิธี ขั้นประยุกต์ (ปญั ญา) - ผู฼๎ รียน฼กิดการ฼รียนร๎ู, ฼กิดปัญญา฽ละมีม฾นทัศน์฿น฼รอ่ื งนั้นๆ ถกู ต๎อง ๖. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรพู้ ทุ ธวธิ แี บบพหสู ตู (ฟงั มากๆ, เขยี นมากๆ, ถามมากๆ, คิดวิเคราะห์มากๆ) ขั้นสืบคน้ -ขัน้ เชือ่ มโยง (การสรา้ งศรัทธา) - การจัดบรรยากาศ฿นการนา฼ขา๎ สูํบท฼รยี น - การสร๎าง฽รงจูง฿จ฿นการนา฼ขา๎ สูํบท฼รียน - บุคลกิ ภาพตลอดถึงการวางตัวที่฼หมาะสมของผ๎สู อน - การสร๎างความสัมพนั ธร์ ะหวาํ งผ฼๎ู รยี นกับผ๎ูสอน ขน้ั ฝึก (การฝึกทกั ษะ) - กิจกรรมกลํุม/รายบุคคล

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๖ - การปฏบิ ัติ/การนา฼สนอ/การ฽สดงออก - ฝกึ การ฼ขียน, การฟงั , การถาม, ฽ละการคดิ ว฼ิ คราะห์ ขั้นประยุกต์ (การประเมิน) - การประ฼มนิ ตน฼อง - การประ฼มนิ ของกลั ยาณมติ ร - การศึกษาคน๎ ควา๎ ฼พ่มิ ฼ติม฽ละการนาเปประยกุ ต์฿ช๎ ๗. การจัดกจิ กรรมการเรียนร้พู ุทธวิธแี บบโยนิโสมนสกิ าร (การทาไว้ในใจโดยแยกคาย, การใชค้ วามคิดถกู วธิ ี) แบบท่ี ๑ ขน้ั สืบคน้ -ข้ันเช่อื มโยง - ผ฼๎ู รียนร๎ูจกั คิด คดิ ฼ปน็ คดิ อยํางมีระบบ - ผู๎฼รียนรจู๎ กั มอง รูจ๎ กั พิจารณา เตรํตรอง วิ฼คราะห์ สงั ฼คราะห์ ขน้ั ฝึก - ฝึกการคดิ หา฼หตผุ ล - ฝึกการสบื คน๎ ถงึ ตน๎ ฼คา๎ - ฝึกการสืบสาว฿หต๎ ลอดสาย - ฝกึ การ฽ยก฽ยะสิง่ นัน้ ๆ ปญั หานั้นๆ ตามสภาวะ฽หงํ ฼หต฽ุ ละปจั จยั ขน้ั ประยกุ ต์ - ผ฼๎ู รียนนาการ฿ชค๎ วามคดิ อยาํ งถูกวิธีเปประยกุ ต฿์ ช๎กบั ฼หตุการณ์ปจั จุบัน ๘. การจัดกิจกรรมการเรยี นรูพ้ ทุ ธวธิ แี บบโยนโิ สมนสิการ (สร้างศรัทธาและวธิ คี ิดให้กบั ผเู้ รียน) แบบท่ี ๒ ขั้นสบื ค้น-ขั้นเชื่อมโยง - ครผู ู๎สอนสรา๎ ง฼จตคตทิ ด่ี ตี อํ ผ๎฼ู รียน - ครผู ส๎ู อน฼สนอปญั หาท฼่ี ปน็ สาระสาคัญ, หัว฼รอ่ื ง - ครผู ู๎สอน฽นะ฽หลํงวทิ ยาการ, ฽หลงํ ข๎อมลู ขั้นฝึก - ผู๎฼รยี นฝึกการรวบรวมขอ๎ มลู - ครูผู๎สอนจัดกิจกรรม฿ห๎฼กิดกระบวนการคิด฽กํผู๎฼รียน ฼ชํน คิดสืบค๎นต๎น฼ค๎า, คิดสืบสาวตลอดสาย, คิด สบื ค๎นตน๎ ปลาย, ฽ละคดิ ฾ยงสายสมั พันธ์ - ฝกึ การสรุปประ฼ดน็ ฼ปรียบ฼ทียบ ประ฼มินคาํ ฾ดยวธิ อี ภิปราย ทดลอง ทดสอบ - ดา฼นนิ การ฼ลือก฽ละตัดสิน฿จ - กิจกรรมฝึกปฏบิ ตั ิ฼พ่อื พสิ ูจน์ผลการ฼ลอื ก฽ละตัดสิน฿จ ขั้นประยุกต์

หลกั สูตรโรงเรยี นเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙๗ - สงั ฼กตวิธีการปฏบิ ตั ิ ตรวจสอบ ปรับปรงุ - อภิปราย฽ละสอลบถาม - สรุปบท฼รยี นการจดั กิจกรรมการ฼รียนร๎ู - วดั ฽ละประ฼มินผลตามสภาพจรงิ ๙. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบอิทธิบาท ๔ (พอใจในส่ิงที่เรียนรู้, พากเพียรต่อสิ่งท่ีเรียนรู้เสมอ, มุง่ มน่ั และเอาใจใส่ต่อส่ิงทเ่ี รยี นร,ู้ คดิ วิเคราะห์ ไตร่ตรอง กอ่ นนาไปใช)้ ขน้ั สบื ค้น (ฉนั ทะ) - สรา๎ งความพอ฿จ฽ละความสาคัญตํอสงิ่ ท฼ี่ รียนร๎ู ฽ละส่ิงทีเ่ ดร๎ บั ข้นั เชอ่ื มโยง (วิริยะ) - ฟงั ฿หห๎ มด จด฿ห๎มาก ปากตอ๎ งเว ฿จตอ๎ งคิด (หวั ฿จบัณฑิต สุ จิ ปุ ล)ิ ข้ันฝกึ (จติ ตะ) - มํุงมนั่ ฾ดยฝกึ ฟงั มากๆ ฝกึ คดิ มากๆ ฝึกถามมากๆ ฽ละฝกึ ฼ขยี นมากๆ ขน้ั ประยุกต์ (วิมังสา) - พิจารณา เตรํตรอง ฽ยก฽ยะ อธบิ าย นา฼สนอ ฽ละประยุกต฿์ ช๎ การนยิ ามศัพทข์ ้ันตอน/กระบวนการ จัดกจิ กรรมการเรยี นรพู้ ุทธวธิ ี สืบคน้ หมายถึง สบื สาวราว฼รื่อง, ค๎นควา๎ ฿หเ๎ ด฼๎ ร่อื ง เช่อื มโยง หมายถงึ ทา฿ห๎ตดิ ฼ป็น฼นอ้ื ฼ดียวกนั , ทา฿หป๎ ระสานกัน ฝกึ หมายถงึ ทา ฼ชํนบอก, ฽สดง, หรอื ปฏบิ ตั ิ ฼พอ่ื ฿ห๎฼กดิ ความร๎ูความ฼ขา๎ ฿จจน฼ป็นหรอื มี ความชานาญ ประยกุ ต์ หมายถึง นาความร๎ู฿นวิทยาการตาํ งๆ มาปรบั ฿ช๎฿ห๎฼ป็นประ฾ยชน์

หลกั สูตรโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอบข่ายเนื้อหาส ในการจัดทาหลักสูตรการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผน สาระการเรยี นรธู้ รรม, กระทธู้ รรม ม.๒ ส๒๒๒๑๓, ส๒๒๒๑๔ ม. รหสั ม.๑ ส๒๑๒๑๑, ส๒๑๒๑๒ ม.๕ ส๓๒๒๑๓, ส๓๒๒๑๔ ม. รหสั ม.๔ ส๓๑๒๑๑, ส๓๑๒๑๒ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เนอ้ื หานักธรรมชั้นตรี เน้ือหานัก ศกึ ษาหลักธรรมคาสง่ั สอนทาง ศกึ ษาหลกั ธรรมคาสง่ั สอนทาง ศึกษาหลกั ธรรมคาสั่งสอนทาง พระพุทธศาสนา ดังนี้ พระพทุ ธศาสนา ดังนี้ พระพุทธศาสนา ดงั นี้ ---------------------------- ธรรม : ธรรมวิภาคปรเิ ฉทที่ ๒ ---------------------------- ---------------------------- ทุกะ หมวด ๒ - พระอรยิ บุคค ๒ ธรรม : ธรรมวิภาค ธรรม : ธรรมวิภาค - กัมมัฏฐาน ๒ - กาม ๒ ทกุ ะ หมวด ๒ ทสกะ หมวด ๑๐ - ทิฏฐิ ๒ - ฼ทศนา ๒ - ธรรมมอี ุปการะมาก ๒ - อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ - ธรรม ๒ (๑) - ธรรม ๒ (๒) - ธรรม฼ปน็ ฾ลกบาล ๒ - กศุ ลกรรมบถ ๑๐ - ธรรม ๒ (๓) - นิพพาน ๒ - ธรรมอนั ทา฿หง๎ าม ๒ - บญุ กิริยาวตั ถุ ๑๐ - บคุ คลหาเดย๎ าก ๒ - ธรรมท่บี รรพชติ ควร ติกะ หมวด ๓ พจิ ารณา฼นืองๆ ๑๐ อยําง - รตนะ ๓ - นาถกรณธรรม ๑๐ - คุณของรตนะ ๓ - กถาวัตถุ ๑๐ - อาการท่พี ระพุทธ฼จ๎าทรง - อนสุ สติ ๑๐ ส่งั สอน ๓ ปกณิ ณกะ หมวดเบด็ เตลด็

๑๙๑ สาระการเรียนรู้ธรรม นกสามัญศึกษา ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ และตอนปลาย .๓ ส๒๓๒๑๕, ส๒๓๒๑๖ .๖ ส๓๓๒๑๕, ส๓๓๒๑๖ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๖ กธรรมชั้นโท เนือ้ หานักธรรมชนั้ เอก ศึกษาหลกั ธรรมคาสัง่ สอนทาง ศกึ ษาหลกั ธรรมคาสั่งสอนทาง ศกึ ษาหลักธรรมคาสง่ั สอนทาง พระพทุ ธศาสนา ดังน้ี ---------------------------- พระพุทธศาสนา ดังน้ี พระพทุ ธศาสนา ดงั น้ี ธรรม : ธรรมวภิ าคปริเฉทท่ี ๒ ฉักกะ หมวด ๖ ---------------------------- ---------------------------- - อภิญญา ๖ - อภิฐาน ๖ ธรรม : ธรรมวิจารณ์ ธรรม : ธรรมวจิ ารณ์ - จริต ๖ - ธรรมคณุ ๖ ส่วนปรมตั ถปฏปิ ทา วปิ สั สนากมั มฏั ฐาน - ปิยรูป สาตรูป หมวดละหก ๑. นพิ พิทา ความหนําย - ความหมายของวปิ สั สนา ๑๐ หมวด - สวรรค์ ๖ ๒. วริ าคะ ความสน้ิ กาหนัด - ผู๎฼จรญิ วปิ ัสสนากมั มัฏฐาน สตั ตกะ หมวด ๗ - อนสุ ยั ๗ ๓. วมิ ตุ ติ ความหลุดพน๎ พึงรจ๎ู ักธรรม ๓ ๔. วสิ ทุ ธิ ความหมดจด - ลกั ษณะ กิจ ผล ฼หต฽ุ ละ ๕. สนั ติ ความสงบ วภิ าคของวิปัสสนา ๖. นิพพาน ความดบั ทกุ ข์ - วธิ ี฼จริญวปิ สั สนา (ตามนยั สว่ นสังสารวัฏ พระบาล)ี คติ ๒ - วิธ฼ี จรญิ วิปสั สนา (ตามนยั ๑. ทุคติ อรรถกถา)

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ เนือ้ หานกั ธรรมช้ันตรี เน้ือหานกั - ฾อวาทของพระพุทธ฼จา๎ ๓ - อุปก฼ิ ลส ๑๖ - บูชา ๒ - ทจุ ริต ๓ - ฾พธปิ กั ขยิ ธรรม ๓๗ - ปฏิสนั ถาร ๒ - สจุ รติ ๓ - ปร฼ิ ยสนา ๒ - อกศุ ลมูล ๓ ศกึ ษาหลกั ธรรม : คหิ ปิ ฏิบตั ิ - ปาพจน์ ๒ - กุศลมลู ๓ ดงั น้ี - รูป ๒ - สปั ปุรสิ บญั ญตั ิ ๓ จตุกกะ หมวด ๔ - วิมุตติ ๒ - อปณั ณกปฏิปทา ๓ - กรรมก฼ิ ลส ๔ - สงั ขาร ๒ - บญุ กริ ิยาวตั ถุ ๓ - อบายมขุ ๔ - สมาธิ ๒ - สามัญลกั ษณะ ๓ - ทฏิ ฐธมั มกิ ัตถประ฾ยชน์ ๔ - สุข ๒ จตกุ กะ หมวด ๔ - สมั ปรายิกัตถประ฾ยชน์ ๔ - สขุ ๒ (อีกนัยหนึง่ ) - วุฑฒิ ๔ - มิตตปฏริ ปู ๔ - สุทธิ ๒ - จกั ร ๔ - มิตร฽ท๎ ๔ ติกะ หมวด ๓ - อคติ ๔ - สงั คหวัตถุ ๔ - อกศุ ลวิตก ๓ - อันตรายของพระภกิ ษุ - สุขของคฤหัสถ์ ๔ - กศุ ลวิตก ๓ - ความปรารถนาท่สี มหวงั เด๎ - อคั คิ ๓ สาม฼ณรผ๎บู วช฿หมํ ๔ - อตั ถะ ๓ - ปธาน ๔ ฾ดยยาก ๔ - อธปิ ฼ตยยะ ๓ - อธษิ ฐานธรรม ๔ - ธรรม฼ปน็ ฼หตุ฿หส๎ มหมาย ๔ - อนุตตริยะ ๓ - อทิ ธบิ าท ๔ - ตระกลู อันมั่งค่ังจะตัง้ อยํู - อภสิ ังขาร ๓ - ควรทาความเมํประมาท฿น - อาสวะ ๓ เมํเด๎นาน฼พราะสถาน ๔ - กรรม ๓ ท่ี ๔ สถาน - ฆราวาสธรรม ๔ - ทวาร ๓ - ควรทาความเมํประมาท฿น ปัญจกะ หมวด ๕ - ญาณ ๓ - ประ฾ยชน฼์ กดิ ฽ตกํ ารถือ฼อา - ญาณ ๓ (อกี นัยหนึ่ง) ท่ี ๔ สถาน (อกี อยาํ งหนึ่ง) - ปาริสทุ ธิศลี ๔ ฾ภคทรพั ย์ ๕ - อารักขกัมมัฏฐาน ๔

๑๙๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ กธรรมชั้นโท เนอ้ื หานักธรรมชนั้ เอก - ฼มถนุ สงั ฾ยค ๗ ๒. สคุ ติ - ปัจจ฼วกขณญาณ ๕ - วิญญาณฐติ ิ ๗ - วสิ ทุ ธิ ๗ สมถกัมมฏั ฐานและ - อานสิ งส์การ฼จรญิ วิปัสสนา อฏั ฐกะ หมวด ๘ - อริยบคุ คล ๘ พระพทุ ธคุณกถา วิปลั ลาสกถา - อวชิ ชา ๘ - วิชชา ๘ - ความหมายของกัมมฏั ฐาน - ความหมายของวปิ ลั ลาส - สมาบัติ ๘ นวกะ หมวด ๙ - ความสาคญั ของกมั มัฏฐาน - ความ฼ปน็ มาของ - อนุปพุ พวิหาร ๙ - พุทธคณุ ๙ - ความหมายของ วปิ ลั ลาสกถา - ฾ลกุตตรธรรม ๙ - วปิ ัสสนาญาณ ๙ สมถกัมมฏั ฐาน - วิปลั ลาส ๓ - สังฆคณุ ๙ - สตั ตาวาส ๙ - ความหมายของสมถภาวนา - วิปัลลาส ๔ ทสกะ หมวด ๑๐ - อนั ตคาหิกทฏิ ฐิ ๑๐ - ฼หตทุ ่ีต๎องฝกึ อบรมจติ ฿ห฼๎ ปน็ - ธรรมท่฼ี ป็น฼ครอ่ื งถอน - ทศพลญาณ ๑๐ - บารมี ๑๐ สมาธิ วิปัลลาส - มิจฉัตตะ ๑๐ - สมั มตั ตะ ๑๐ ๑. หวั ฿จสมถกมั มฏั ฐาน มหาสตปิ ฏั ฐานสูตร - สัง฾ยชน์ ๑๐ - สัญญา ๑๐ - นิวรณ์ ๕ - ความหมายมหาสติปฏั ฐาน - สัทธรรม ๑๐ - หัว฿จสมถกมั มฏั ฐาน - การ฼จรญิ สติปัฏฐาน฼พ่ือผล ฽ก๎นิวรณค์ รอบงา ๕ อยําง - นิวรณ์ ๕ สง฼คราะห์ - ผู๎฼จรญิ สติปฏั ฐานพงึ ฼ขา๎ ฿นจรติ ประกอบด๎วยคณุ ธรรม ๓ - กัมมัฏฐานอัน฼ปน็ ท่ี - มหาสตปิ ัฏฐาน ๔ สบาย - อานิสงส์การ฼จรญิ - ฌาน ๒ สตปิ ฏั ฐาน ๔ - ความหมายของ คริ ิมานนทสูตร องคธ์ รรม฿นรปู ฌาน ๔ - สัญญา ๑๐ - องค์ฌานท่฼ี ป็นคํูปรับ - อารมณ์ ๑๖ ขัน้ ฿นการ กบั นวิ รณ์ ๕ ฼จริญอานาปานสติ ๒. สมถภาวนา

หลกั สูตรโรงเรียนเข่ือนผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เนอื้ หานกั ธรรมชั้นตรี เนื้อหานกั - พรหมวหิ าร ๔ - ฼บญจศลี - ตนั หา ๓ - สตปิ ัฏฐาน ๔ - มิจฉาวณิชชา ๕ - ทฏิ ฐิ ๓ - ธาตกุ มั มัฏฐาน ๔ - สมบตั ขิ องอบุ าสก ๕ - ฼ทพ ๓ - อริยสจั ๔ ฉกั กะ หมวด ๖ - ธรรมนยิ าม ๓ ปัญจกะ หมวด ๕ - ทิศ ๖ - นิมติ ๓ - อนันตริยกรรม ๕ - อบายมขุ ๖ - ภาวนา ๓ - อภณิ หปัจจ฼วกขณ์ ๕ - ปรญิ ญา ๓ - ฼วสารัชชกรณธรรม ๕ เรยี งความแก้กระทูธ้ รรม - ปหาน ๓ - องค฽์ หงํ ภกิ ษุบวช฿หมํ ๕ นกั ธรรมชน้ั ตรี - ปาฏหิ ารยิ ะ ๓ - องค฽์ หํงธรรมกถึก ๕ - ความหมายของ฼รยี งความ - ปฎิ ก ๓ - ธมั มสั สวนานสิ งส์ ๕ - พุทธจริยา ๓ - พละ ๕ ฽ก๎กระท๎ูธรรม - ภพ ๓ - นิวรณ์ ๕ - ทานอง฼รียงความ฽ก๎กระท๎ู - ฾ลก ๓ - ขนั ธ์ ๕ - ฾ลก ๓ (อีกนยั หนึ่ง) ฉักกะ หมวด ๖ ธรรม - วฏั ฏะ ๓ - คารวะ ๖ - หลัก฼กณฑ฽์ ตํงกระท๎ูธรรม - วิชชา ๓ - สาราณยิ ธรรม ๖ - หลักสาหรบั อธบิ ายกระท๎ู - วิ฾มกข์ ๓ - อายตนะภาย฿น ๖ - สมาธิ ๓ - อายตนะภายนอก ๖ ธรรม - ว฼ิ วก ๓ - วญิ ญาณ ๖ - รูป฽บบการ฽ตงํ ฼รยี งความ - สงั ขตลักษณะ ๓ - ผัสสะ ๖ - สังขาร ๓ - ฼วทนา ๖ ฽กก๎ ระท๎ูธรรม - สัทธรรม ๓ - ธาตุ ๖ - ตัวอยาํ งการ฽ตงํ ฼รียงความ - สมบัติ ๓ สตั ตกะ หมวด ๗ - สกิ ขา ๓ ฽กก๎ ระท๎ูธรรม - กระทูส๎ ภุ าษติ ท่ีควรทอํ งจา ประกอบดว๎ ย ธัมมวรรค หมวดธรรม ปกิณณกวรรค หมวด

๑๙๓ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ กธรรมช้ันโท เนื้อหานกั ธรรมชัน้ เอก เอกาทสกะ หมวด ๑๑ - ปัจจยาการ ๑๑ - ธรรมอนั ฼ปน็ ทตี่ ้งั ของ เรียงความแกก้ ระทธู้ รรม ทวาทสกะ หมวด ๑๒ - กรรม ๑๒ อารมณส์ มถภาวนา นกั เรยี นชนั้ เอก เตรสกะ หมวด ๑๓ - ธุดงค์ ๑๓ - สตปิ ัฏฐาน ๔ - ความหมายของ฼รียงความ ปณั ณรสกะ หมวด ๑๕ - จรณะ ๑๕ - อารมณส์ มถกัมมัฏฐาน ฽ก๎กระทู๎ธรรม เรียงความแกก้ ระทธู้ รรมโท ๔๐ - ทานอง฼รียงความ฽กก๎ ระท๎ู - ความหมายของ฼รยี งความ - จริต ๖ ธรรม ฽ก๎กระทูธ๎ รรม - ทานอง฼รียงความ฽ก๎กระท๎ู - กัมมฏั ฐานอนั ฼ปน็ ท่ี - หลัก฼กณฑ฽์ ตํงกระทู๎ธรรม ธรรม สบาย฽กจํ รติ - หลกั สาหรับอธบิ ายกระทู๎ - หลกั ฼กณฑ฽์ ตํงกระทธู๎ รรม - หลักสาหรบั อธบิ ายกระทู๎ - นมิ ิต ๓ ธรรม ธรรม - การ฼จรญิ - รูป฽บบการ฽ตงํ ฼รยี งความ - รูป฽บบการ฽ตงํ ฼รียงความ สมถกัมมฏั ฐาน ฽ก๎กระท๎ูธรรม ฽กก๎ ระทธู๎ รรม - ตัวอยาํ งการ฽ตงํ ฼รียงความ ๓ ระดับ - ตวั อยาํ งการ฽ตํง฼รยี งความ ฽ก๎กระทู๎ธรรม - สมาธิ ๓ ระดบั ฽กก๎ ระท๎ธู รรม - กระทสู๎ ภุ าษติ ทคี่ วรทอํ งจา - ฌานสมาบตั ิ ๒ - กระทูส๎ ภุ าษติ ทคี่ วรทํองจา ประกอบด๎วย ปมาทวรรค หมวดประมาท - ประ฾ยชน์ของการ฼จริญ ประกอบดว๎ ย สมถภาวนา ปมาทวรรค หมวดประมาท ๓. พระพุทธคณุ กถา ปาปวรรค หมวดบาป - พระพทุ ธคุณสํวน ปุคฺคลวรรค หมวดบคุ คล อัตตสมบตั ิ ปญุ ญวรรค หมวดบญุ - พระพุทธคุณสํวน มจั จวุ รรค หมวดความตาย ปรหติ สมบัติ วาจาวรรค หมวดวาจา - ความหมายของ วิริยวรรค หมวดความ฼พียร พระพุทธคณุ กถา สัทธาวรรค หมวดศรัทธา - พระพทุ ธคุณ฾ดยยํอ ๒ สีลวรรค หมวดศลี

หลักสูตรโรงเรียนเขื่อนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนือ้ หานกั ธรรมชน้ั ตรี เนื้อหานกั - อปรหิ านยิ ธรรม ๗ ฼บ็ด฼ตลด็ - ฾สดาบัน ๓ - อริยทรพั ย์ ๗ ปัญญาวรรค หมวดปัญญา จตุกกะ หมวด ๔ - สปั ปุรสิ ธรรม ๗ ปมาทวรรค หมวดประมาท - อบาย ๔ - สัปปรุ สิ ธรรม ๗ (อกี อยําง ปาปวรรค หมวดบาป - อปัส฼สนธรรม ๔ ปุญญวรรค หมวดบุญ - อัปปมัญญา ๔ หน่ึง) วาจาวรรค หมวดวาจา - พระอรหันต์ ๔ - ฾พชฌงค์ ๗ สจั จวรรค หมวดความสตั ย์ - พระอริยบคุ คล ๔ อฏั ฐกะ หมวด ๘ สตวิ รรค หมวดสติ - อรยิ วงศ์ ๔ - ฾ลกธรรม ๘ สีลวรรค หมวดศีล - อรูป ๔ - ลกั ษณะตดั สินธรรมวินยั ๘ - อวชิ ชา ๔ - มรรค ๘ - อาหาร ๔ นวกะ หมวด ๙ - อุปาทาน ๔ - มละ คือ มลทนิ ๙ - ฾อฆะ ๔ - กจิ ฿นอรยิ สจั ๔ เรียงความแก้กระทู้ธรรม - ฌาน ๔ นักธรรมชนั้ ตรี - ทักขณิ าวสิ ทุ ธิ ๔ - ความหมายของ฼รียงความ - ธรรมสมาทาน ๔ - พุทธบริษทั ๔ ฽กก๎ ระทู๎ธรรม - พทุ ธบรษิ ทั ๔ (อกี อยําง - ทานอง฼รยี งความ฽กก๎ ระทู๎ หน่ึง) ธรรม - บคุ คล ๔ - หลัก฼กณฑ฽์ ตงํ กระท๎ูธรรม - ปฏปิ ทา ๔ - หลกั สาหรับอธบิ ายกระท๎ู - ปฏสิ ัมภิทา ๔ - ภูมิ ๔ ธรรม - รปู ฽บบการ฽ตํง฼รยี งความ ฽ก๎กระท๎ูธรรม

๑๙๔ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ กธรรมชั้นโท เน้อื หานกั ธรรมช้นั เอก ปาปวรรค หมวดบาป - พระพุทธคณุ ๓ ฼สวนาวรรค หมวดคบหา ปุคคฺ ลวรรค หมวดบคุ คล ปญุ ญวรรค หมวดบญุ - พระพทุ ธคณุ ฾ดยยํอ ๒ มจั จุวรรค หมวดความตาย วาจาวรรค หมวดวาจา (อีกนยั หน่งึ ) วิรยิ วรรค หมวดความ฼พยี ร สทั ธาวรรค หมวดศรทั ธา - พระพุทธคุณ ๙ สีลวรรค หมวดศีล ฼สวนาวรรค หมวดคบหา - อธบิ ายพระพุทธคุณ บทวาํ อรห - อธบิ ายพระพุทธคุณ บทวํา สมฺมาสมฺพทุ ฾ฺ ธ - อธบิ ายพระพทุ ธคณุ บทวํา วิชฺชาจรณสมปฺ น฾ฺ น - อธบิ ายพระพุทธคุณ บทวํา สคุ ฾ต - อธิบายพระพุทธคุณ บทวํา ฾ลกวิทู - อธิบายพระพุทธคณุ บทวํา อนตุ ฺต฾ร ปุริสทมมฺ สารถิ - อธบิ ายพระพทุ ธคณุ บทวํา สตฺถา ฼ทวมนุสฺสาน - อธิบายพระพุทธคุณ บทวาํ พทุ ฺ฾ธ - อธิบายพระพุทธคณุ

หลกั สูตรโรงเรยี นเขอื่ นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เนอ้ื หานกั ธรรมชนั้ ตรี เนื้อหานัก - ตัวอยาํ งการ฽ตงํ ฼รียงความ - มรรค ๔ ฽ก๎กระท๎ูธรรม - ผล ๔ - ฾ยนิ ๔ - กระท๎ูสภุ าษติ ทีค่ วรทอํ งจา - วรรณะ ๔ ประกอบดว๎ ย - วบิ ัติ ๔ อตั ตวรรค หมวดตน ปัญจกะ หมวด ๕ อัปปมาทวรรค หมวดเมํ - อนุปุพพกิ ถา ๕ ประมาท - กามคุณ ๕ กมั มวรรค หมวดกรรม - จักขุ ๕ ก฼ิ ลสวรรค หมวดกิ฼ลส - ธรรมขันธ์ ๕ ฾กธวรรค หมวด฾กรธ - ปตี ิ ๕ ขันติวรรค หมวดอดทน - มัจฉรยิ ะ ๕ จิตตวรรค หมวดจิต - มาร ๕ ชยวรรค หมวดชนะ - วญิ ญาณ ๕ ทานวรรค หมวดทาน - วมิ ตุ ติ ๕ ทุกขวรรค หมวดทกุ ข์ - ฼วทนา ๕ - สังวร ๕ - สทุ ธาวาส ๕ - พระอนาคามี ๕ เรยี งความแกก้ ระทู้ธรรม นักธรรมชน้ั โท - ความหมายของ฼รยี งความ ฽ก๎กระทธู๎ รรม

๑๙๕ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ กธรรมช้นั โท เน้ือหานกั ธรรมชัน้ เอก บทวาํ ภควา เรียงความแก้กระทธู้ รรม นักธรรมชน้ั เอก - ความหมายของ฼รียงความ ฽กก๎ ระทู๎ธรรม - ทานอง฼รยี งความ฽กก๎ ระท๎ู ธรรม - หลกั ฼กณฑ์฽ตงํ กระท๎ธู รรม - หลักสาหรับอธิบายกระท๎ู ธรรม - รูป฽บบการ฽ตงํ ฼รยี งความ ฽ก๎กระท๎ูธรรม - ตัวอยาํ งการ฽ตํง฼รยี งความ ฽ก๎กระทูธ๎ รรม - กระท๎ูสภุ าษิตท่ีควรทํองจา ประกอบดว๎ ย อัตตวรรค หมวดตน อัปปมาทวรรค หมวดเมํ ประมาท กมั มวรรค หมวดกรรม กิ฼ลสวรรค หมวดก฼ิ ลส ขนั ติวรรค หมวดอดทน จติ ตวรรค หมวดจติ

หลกั สูตรโรงเรียนเขือ่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เนื้อหานกั ธรรมชนั้ ตรี เน้อื หานัก - ทานอง฼รียงความ฽กก๎ ระทู๎ ธรรม - หลกั ฼กณฑ฽์ ตงํ กระทธู๎ รรม - หลกั สาหรบั อธิบายกระทู๎ ธรรม - รปู ฽บบการ฽ตํง฼รียงความ ฽กก๎ ระทูธ๎ รรม - ตวั อยํางการ฽ตํง฼รยี งความ ฽ก๎กระทธู๎ รรม - กระทส๎ู ภุ าษิตทีค่ วรทอํ งจา ประกอบดว๎ ย อตั ตวรรค หมวดตน อปั ปมาทวรรค หมวดเมํ ประมาท กัมมวรรค หมวดกรรม ก฼ิ ลสวรรค หมวดก฼ิ ลส ขันติวรรค หมวดอดทน จิตตวรรค หมวดจติ ทานวรรค หมวดทาน ธัมมวรรค หมวดธรรม ปกิณณกวรรค หมวด ฼บ็ด฼ตล็ด ปญั ญาวรรค หมวดปญั ญา

ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ๑๙๖ กธรรมชัน้ โท ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ เนอื้ หานกั ธรรมชน้ั เอก ทานวรรค หมวดทาน ธมั มวรรค หมวดธรรม ปกิณณกวรรค หมวด ฼บ็ด฼ตล็ด ปญั ญาวรรค หมวดปญั ญา

หลักสูตรโรงเรียนเขอื่ นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอบข่ายเนื้อหาสาระ ในการจัดทาหลกั สูตรการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม แผน สาระการเรยี นรู้พทุ ธประวัติ, ศาสนพิธี ม.๓ รหัส ม.๑ ส๒๑๒๒๑, ส๒๑๒๒๒ ม.๒ ส๒๒๒๒๓, ส๒๒๒๒๔ ม.๖ รหสั ม.๔ ส๓๑๒๒๑, ส๓๑๒๒๒ ม.๕ ส๓๒๒๒๓, ส๓๒๒๒๔ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เน้อื หานกั ธรรมชัน้ ตรี เนอ้ื หานักธ ศึก ษ าพุ ทธ ป ร ะ วั ติ แล ะ ศึ ก ษ า พุ ท ธ ป ร ะ วั ติ แ ล ะ ศึกษาอนุพุทธประวัติ฿นสํวน ศาสนพิธี ดังนี้ ศาสนพธิ ี ดงั น้ี ป ร ะ วั ติ ข อ ง พ ร ะ ม ห า ส า ว ก ผ๎ู ---------------------------- ---------------------------- เด๎รับ฼อตทัคคะ ๔๑ องค์ ฽ละ บทท่ี ๑ ชมพทู วปี และ บทที่ ๗ สง่ พระสาวกไป ศาสนพิธี ดังน้ี ประชาชน ประกาศพระศาสนา ---------------------------- - อาณาจักรตํางๆ - ยสกุลบตุ รออกบวช - พระอัญญา฾กณฑัญญ฼ถระ - วรรณะ ๔ - บิดามารดาออกตดิ ตาม - พระสารบี ุตร฼ถระ - ความคิด฼ห็น - ยสกลุ บตุ รสา฼รจ็ ฼ป็น - พระ฾มคคัลลาน฼ถระ - ลัทธิพนื้ ฼มือง พระอรหนั ต์ - พระมหากสั สป฼ถระ - สรปุ ช่ือ฽ควน๎ ฽ละช่อื - อบุ าสิกาคูํ฽รก - พระอนุรุทธ฼ถระ ฼มอื งหลวง฿นครง้ั พทุ ธกาล - สหายพระยสะ - พระภทั ทยิ ฼ถระ บทที่ ๒ สักกชนบทและ - ประทานอุปสมบท - พระลกณุ ฏกภัททยิ ฼ถระ ศากยวงศ์ เตรสรณคมน์ - พระปิณ฾ฑลภารทวาช฼ถระ - วิธกี ารปกครอง - ฾ปรดภทั ทวัคคีย์ - พระปณุ ณมันตานยี บตุ ร

๑๙๗ ะการเรยี นรู้พุทธประวตั ิ นกสามัญศึกษา ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และตอนปลาย ส๒๓๒๒๕, ส๒๓๒๒๖ ส๓๓๒๒๕, ส๓๓๒๒๖ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ ธรรมช้ันโท เน้อื หานักธรรมชนั้ เอก ศึกษาอนุพุทธประวัติ฿นสํวน ศึกษาพุทธานุพุทธประวัติ฿นสํวน ศึกษาพุทธานุพุทธประวัติ฿นสํวน ประวัติของพระมหาสาวกผ๎ู ของปร฼ิ ฉทท่ี ๑-๘ ดังน้ี ของปริ฼ฉทที่ ๙-๑๓ ดงั นี้ เมํเด๎รับ฼อตทัคคะ ๓๙ องค์ ---------------------------- ---------------------------- ฽ละศาสนพธิ ี ดังนี้ ปริเฉทท่ี ๑ ว่าด้วยชมพทู วีป ปริเฉทที่ ๙ วา่ ดว้ ยการประทาน ---------------------------- - การนบั ถือศาสนา ญั ต ติ จ ตุ ต ถ ก ร ร ม ว า จ า - พระวปั ป฼ถระ - การตัง้ ศากยวงศ์฽ละ อปุ สมั ปทา - พระภทั ทิย฼ถระ ฾กลิยวงศ์ - ราธะพราหมณอ์ ุปสมบท - พระมหานาม฼ถระ - ฼จ๎าชายสุท฾ธทนะทรงอภ฼ิ ษก - พระปุณณมนั ตานีบุตร - พระอัสสช฼ิ ถระ สมรส ปริเฉทที่ ๑๐ ว่าด้วยการเสด็จ - พระยส฼ถระ - พระ฾พธสิ ตั ว์จุตลิ งสํู กรุงกบิลพสั ดุ์ - พระวมิ ล฼ถระ พระครรภข์ องพระมารดา - กาฬุทายอี ามาตย์บรรลุ - พระสุพาห฼ุ ถระ - ปัญจ฾กลาหล อรหัตตผล - พระปุณณชิ฼ถระ - ปัญจบุพพนมิ ติ - ฝน฾บกขรพรรษตก - พระควมั ปต฼ิ ถระ - ปญั จมหาว฾ิ ลกนะ - พระ฼จา๎ สุท฾ธทนะบรรลุ

หลักสูตรโรงเรียนเข่ือนผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนอื้ หานกั ธรรมช้นั ตรี เนอ้ื หานักธ - ศากยวงศ์ - ฾ปรดชฎลิ สามพีน่ ๎อง ฼ถระ บทที่ ๓ พระศาสดาประสูติ บทท่ี ๘ เสด็จกรงุ ราชคฤห์ - พระมหากัจจายน฼ถระ - ฼หตุท่ปี ระสตู ทิ ล่ี มุ พินวี ัน แควน้ มคธ - พระจฬู ปนั ถก฼ถระ - อภินหิ ารของพระมหาบุรษุ - ฾ปรดพระ฼จ๎าพมิ พสิ าร - พระมหาปันถก฼ถระ - อสิตดาบส฼ข๎า฼ฝูา - ความปรารถนาของ - พระสภุ ตู ิ฼ถระ - ขนานพระนาม - พระขทิรวนิย฼รวต฼ถระ - พระมารดาทวิ งคต พระ฼จา๎ พมิ พสิ าร ๕ - พระกงั ขา฼รวต฼ถระ - เด๎ปฐมฌาน ประการ - พระ฾สณ฾กฬิวสิ ฼ถระ - พระอคั รสาวกออกบวช - พระ฾สณกฏุ ิกณั ณ฼ถระ ฿นวนั ฽รกนาขวัญ มัชฌมิ โพธิกาล - พระสวี ลี฼ถระ - ศกึ ษาศิลปวิทยา บทท่ี ๙ ทรงบาเพญ็ พุทธกจิ - พระวักกล฼ิ ถระ - อภิ฼ษกสมรส ในมคธชนบท - พระราหลุ ฼ถระ - พระประยูรญาติ - ประทานอปุ สมบท฽กํ - พระรัฐบาล฼ถระ บทท่ี ๔ เสดจ็ ออกบรรพชา พระมหากสั สปะ - พระ฾กณฑธาน฼ถระ - ปญั จวคั คยี ์ออกบวช - มหาจาตรุ งคสนั นิบาต - พระวังคีส฼ถระ บทท่ี ๕ ตรสั รู้ - ทรงอนุญาต฼สนาสนะ - พระอปุ ฼สน฼ถระ - ทรงศกึ ษาลทั ธขิ อง - ทรง฽สดงวิธที าปุพพ฼ปตพลี - พระทัพพมลั ลบุตร฼ถระ - ทรงมอบ฿ห๎สงฆ์฼ป็น฿หญํ฿น - พระปลิ นิ ทวัจฉ฼ถระ สองดาบส การ฿ห๎อปุ สมบท - พระพาหยิ ทารจุ ีริย฼ถระ - ทรงบา฼พ็ญทกุ กรกิรยิ า - ฾ปรดสงิ คาลมาณพ - พระกมุ ารกสั สป฼ถระ - อปุ มา ๓ ข๎อ - มูล฼หตทุ า฼ทวตาพลี - พระมหา฾กฏฐิต฼ถระ - ปญั จวัคคีย์หลกี หนี บทท่ี ๑๐ เสดจ็ สักกชนบท - พระอานนท฼ถระ - ตรัสรู๎ - ฼สดจ็ นครกบลิ พัสด์ุ - พระอรุ ฼ุ วลากสั สป฼ถระ - ฼หตุการณ์จวนจะตรสั ร๎ู - ทรง฽สดงพทุ ธปาฏหิ ารยิ ์ - พระกาฬุทายี฼ถระ - ทรงชนะพญามาร - ฾ปรดพุทธบดิ า ปฐมโพธกิ าล

๑๙๘ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ธรรมชัน้ โท เนื้อหานกั ธรรมชนั้ เอก - พระนทกี สั สป฼ถระ - พระนางสริ มิ หามายาทรง ฾สดาปตั ตผิ ล - พระคยากสั สป฼ถระ - พระอชิต฼ถระ สบุ นิ นิมิต - ฾ปรดพระนางมหาปชาบดี - พระตสิ ส฼มต฼ตยย฼ถระ - พระปณุ ณก฼ถระ - พระ฾พธสิ ตั วป์ ระสูติ - พระ฼จ๎าสุท฾ธทนะบรรลุ - พระ฼มตตค฼ู ถระ - พระ฾ธตก฼ถระ - สหชาติ ๗ อนาคามผี ล - พระอปุ สวี ฼ถระ - พระนนั ท฼ถระ - อสิตดาบส฼ข๎า฼ฝาู - ฾ปรดพระนางพมิ พา - พระ฼หมก฼ถระ - พระ฾ต฼ทยย฼ถระ - ทานายพระลกั ษณะ฽ละ - นันทกมุ ารอุปสมบท - พระกปั ป฼ถระ - พระชตกุ ณั ณี฼ถระ ขนานพระนาม - ราหลุ กมุ ารบรรพชา - พระภัทราวุธ฼ถระ - พระอุทย฼ถระ - พระนางสริ มิ หามายาทิวงคต ปริเฉทท่ี ๑๑ ว่าด้วยพระราช - พระ฾ปสาล฼ถระ - พระ฾มฆราช฼ถระ - ทรงบรรลปุ ฐมฌาน กุมารแหง่ ศากยวงศอ์ อกผนวช - พระปงิ คิย฼ถระ - พระภค฼ุ ถระ - ทรงอภ฼ิ ษกสมรส - พระราชกุมาร฽หงํ ศากยวงศ์ - พระกมิ พลิ ฼ถระ - พระมหาอทุ าย฼ี ถระ ปริเฉทที่ ๒ ว่าด้วยการเสด็จ ออกผนวช - พระอุปวาณ฼ถระ - พระ฼มฆิย฼ถระ ออกบรรพชาและตรสั รู้ - พระ฼ทวทัตทาอนนั ตรยิ กรรม - พระนาคติ ฼ถระ - ฼ทวทูต - ฽ผนลอบปลงพระชนม์ - ราหลุ กมุ ารประสูติ - พระ฼ทวทตั ถูกธรณีสบู - ทอดพระ฼นตรพระราหลุ กมุ าร ป ริ เ ฉทท่ี ๑๒ ว่า ด้ วย พร ะ - ฼สดจ็ ออกบรรพชา โสณโกฬิวสิ ะและพระรัฐบาล - พระ฼จา๎ พมิ พสิ ารตรสั ขอ - ประวตั พิ ระ฾สณ฾กฬิวสิ ะ ปฏิญญา - ประวตั ิพระรัฐบาล฼ถระ - ทรงศกึ ษา฿นสานกั ดาบส ปริเฉทท่ี ๑๓ ว่าด้วยการโปรด - การบา฼พ็ญทุกกรกิริยา พระพุทธบิดา พระพุทธมารดา - การตรสั ร๎ู และเสดจ็ ดับขนั ธปรนิ ิพพาน ปริเฉทที่ ๓ ว่าด้วยการเสวย - ฾ปรดพระ฼จ๎าสทุ ฾ธทนะ วมิ ตุ ตสิ ุข มหาราช - สตั ตมหาสถาน - พระ฼จ๎าสุท฾ธทนะบรรลุ

หลักสูตรโรงเรียนเขอ่ื นผากวิทยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ เนื้อหานักธรรมช้ันตรี เนื้อหานกั ธ บทท่ี ๖ ปฐมเทศนาและปฐม - ฾ปรดพระนางพมิ พา - พระพากลุ ฼ถระ สาวก - ราหุลกมุ ารบรรพชา - พระ฾สภิต฼ถระ - บุคคลท฼ี่ ปรยี บดว๎ ย บทที่ ๑๑ เสด็จโกศลชนบท - พระอบุ าล฼ี ถระ - อนาถปิณฑกิ ฼ศรษฐีสร๎าง - พระนนั ทก฼ถระ ดอกบวั ๔ ฼หลาํ - พระนนั ท฼ถระ - ฾ปรดปญั จวัคคยี ์ ฼ชตวนั มหาวิหาร - พระมหากปั ปนิ ฼ถระ - ทรง฽สดงปฐม฼ทศนา ปัจฉิมโพธกิ าล - พระสาคต฼ถระ - ปฐมสาวก บทที่ ๑๒ ทรงปลงอายุสังขาร - พระราธ฼ถระ - ทรง฽สดง - ฼หตุ฽ผํนดนิ เหว ๘ ประการ - พระ฾มฆราช฼ถระ - สถานท่ที รงทานิมติ ฾อภาส ศึกษาศาสนพธิ ี ดงั น้ี อนตั ตลักขณสตู ร หมวดท่ี ๑ กศุ ลพิธี ศกึ ษาศาสนพธิ ี ดังน้ี ๑๖ ตาบล - พิธี฼ขา๎ พรรษา - ฼หตุ฼กดิ ศาสนพิธี - ประทานพระ฾อวาท฽กํ - พิธถี อื นิสสัย - ประ฼ภทของศาสนพิธี - พิธที าสามจี ิกรรม หมวดที่ ๑ กศุ ลพิธี พระภกิ ษุสงฆ์ - พิธที าวตั รสวดมนต์ ๑. พิธ฽ี สดงตน฼ป็น - ทรงพระประชวร - พธิ กี รรมวนั ธรรมสวนะ - ตรสั ถึงทานนายจุนทะ - พิธที าสงั ฆอุ฾บสถ พทุ ธมามกะ - ฼สดจ็ กรงุ กสุ นิ ารา - พธิ ีออกพรรษา - ฼หตุผล฽ละ฾อกาส฿นการ - ทรงปรารภสักการบชู า หมวดที่ ๒ บุญพิธี - ทรง฽สดงความ฼ป็นเป - พิธีทาบญุ ตกั บาตร฼ท฾ว ฽สดงตน฼ปน็ พทุ ธมามกะ - ระ฼บยี บพิธ฿ี นการ฽สดงตน ฽หํง฼ทวดา ฾รหณะ - สัง฼วชนียสถาน ๔ ตาบล - พธิ ฼ี จริญพระพุทธมนต์ ฼ปน็ พทุ ธมามกะ - อาการทภ่ี ิกษุจะพึงปฏิบตั ิ - พิธสี วดพระพทุ ธมนต์ ๒. พธิ รี ักษาอุ฾บสถศีล - พธิ สี วดพระอภธิ รรม - อ฾ุ บสถของคฤหัสถม์ ี ๒ ฿นสตรี - วิธีปฏิบัต฿ิ นพระพุทธสรีระ อยาํ ง - ถปู ารหบุคคล ๔ - คาสมาทานอุ฾บสถศลี - ประทาน฾อวาท฽กํ ๓. พธิ ฼ี วยี น฼ทียน฿นวนั สาคญั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook