เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบุคคล ประเด็นการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรงุ (1) 1. ความตั้งใจใน การเรียน สนใจในการเรียนไมค่ ยุ สนใจในการเรียนคุยกนั สนใจในการเรยี นคุยกนั ไมส่ นใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกันในขณะเรยี น เล็กน้อยในขณะเรยี น และเลน่ กันในขณะเรยี น คยุ และเล่นกนั ในขณะ และการซกั ถาม เปน็ บางครง้ั เรยี น 3. การตอบ คาถาม มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ีตนไม่ มีการถามในหัวขอ้ ท่ีตน มีการถามในหวั ขอ้ ทตี่ น ไมถ่ ามในหัวข้อทีต่ น 4. มสี ่วนร่วมใน เขา้ ใจทุกเรือ่ งและกล้า ไมเ่ ขา้ ใจเป็นสว่ นมาก ไม่เข้าใจเปน็ บางคร้งั ไมเ่ ขา้ ใจและไม่กลา้ กิจกรรม แสดงออก และกลา้ แสดงออก และไม่คอ่ ยกลา้ แสดงออก แสดงออก รว่ มตอบคาถามในเรือ่ งที่ รว่ มตอบคาถามในเร่อื ง รว่ มตอบคาถามในเรื่อง ไม่ตอบคาถาม ครถู ามและตอบคาถามถูก ทีค่ รถู ามและตอบ ทคี่ รูถามเปน็ บางครัง้ ทกุ ข้อ คาถามสว่ นมากถูก และตอบคาถามถกู เป็น บางคร้ัง ร่วมมือและช่วยเหลือ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และช่วยเหลือ ไม่มีความร่วมมือ เพื่อนในการทากจิ กรรม เพอ่ื นเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพอื่ นในการทากิจกรรม ในขณะทากิจกรรม การทากจิ กรรม เปน็ บางครั้ง
แบบประเมินใบกิจกรรมเรอื่ ง การรักษาดุลยภาพของกรด – เบสในเลอื ด ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/1 คาชีแ้ จง ให้ครูผู้สอนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแลว้ ใหท้ าเครือ่ งหมาย ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับคะแนน ที่ ชื่อ – สกลุ เน้ือหา การสรุป ประโยชน์ของ การตรงตอ่ รวม สอดคล้องกบั ความรู้ การเขียนสื่อ การนาขอ้ มลู เวลา 20 หัวขอ้ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายไทยทัศน์ ภูนสวุ รรณ์ 2 นายพรี ะพฒั น์ เจงิ ชยั ภูมิ 3 นายวรากร ธรรมวงค์ 4 นายรชั ชานนท์ เมธีสทิ ธกิ ลุ 5 นางสาวปรษิ ญา ประสิทธ์ิ 6 นางสาวพัทธ์ธรี า ต่อมคา 7 นางสาวจฬุ ารตั น์ พุทธวงค์ 8 นางสาวณัฐณชิ า ปญั ญาอน่ิ แก้ว 9 นางสาวณัฐธิดา สุทธะ 10 นางสาวปรยิ ากร จองรัตน์ 11 นางสาวมณฑติ า บวั เส้ียว 12 นางสาวอรจิรา ศรีออ่ น 13 นางสาวจรญิ าภรณ์ กมุ กัน 14 นางสาวชญานศิ วงคจ์ กั ร 15 นางสาวสดุ ารัตน์ วิชา 16 นางสาวเฌอกาญจน์ ปญั ญาสุ ลงชื่อ................................................................ผปู้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 10
แบบประเมินใบกจิ กรรมเร่ือง การรกั ษาดุลยภาพของกรด – เบสในเลอื ด ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4/2 คาชีแ้ จง ให้ครผู สู้ อนประเมนิ ใบงานของนกั เรียนแล้วให้ทาเคร่อื งหมาย ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน ท่ี ชื่อ – สกลุ เน้ือหา การสรุป ประโยชน์ของ การตรงต่อ รวม สอดคลอ้ งกับ ความรู้ การเขียนส่อื การนาขอ้ มลู เวลา 20 หวั ขอ้ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายชยั ภสั พาลพล 2 นายกติ ตพิ งษ์ ธรรมวงค์ 3 นายประสพโชค แซล่ ี 4 นายธชั นนท์ แกว้ ระกา 5 นายกฤศธัช เปรมทอง 6 นายธรี ภทั ร พงศพ์ ชร 7 นายณัชพล สมโรย 8 นายนนทพัทธ์ วิง่ พิมาย 9 นายวราวธุ กมุ กัน 10 นางสาว ญาณิศา จันทิมา 11 นางสาว ประวีณา ธะนะ 12 นางสาว รัตนมณี แตงอ่อน 13 นางสาว เอ้อื องั กูร หลใี จ 14 นางสาวจริ ภญิ ญา ปัญญาอ่นิ แกว้ 15 นางสาวเจนจริ า เมืองมลู 16 นางสาวปราญชลี เมอื งใจ 17 นางสาวฐิติพร บุญแกว้ 18 นางสาวฐติ นิ ันท์ ก้อนศรลี า 19 นางสาวพรรณกาญจน์ ตากองค์ 20 นางสาวอชริ ญา ทา่ ล้อ ลงช่ือ................................................................ผู้ประเมนิ ...................../..................../................... เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ ใบกิจกรรมเร่อื ง การรักษาดุลยภาพของกรด – เบสในเลือด ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4/3 คาช้ีแจง ใหค้ รผู ูส้ อนประเมินใบงานของนักเรียนแล้วให้ทาเครื่องหมาย ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน ที่ ช่อื – สกุล เนื้อหา การสรุป ประโยชน์ของ การตรงต่อ รวม สอดคล้องกับ ความรู้ การเขียนสอื่ การนาข้อมูล เวลา 20 หัวขอ้ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายวรี ยทุ ธ พงศ์พัชร 2 นายจารุวฒั น์ แซ่ซิว 3 นายทติ นิ นั ต์ ปอแสง 4 นายสมศักด์ิ แซ่หยิ่ง 5 นายสรุ ตั น์ แซ่เหอ้ 6 นายนคเรศ แซย่ า่ ง 7 นายวรเวช ลี 8 นายไชยวัฒน์ ยเู บยี 9 นางสาวพณั ณติ า ยอดมณีบรรพต 10 นางสาวรจุ ฬิ า กลู ตะ๊ 11 นางสาวภูมิณฐั ดา ธนสธิ เทพธฤิ ทธิ์ 12 นางสาวภสั ดา มาเยอะ 13 นางสาวณิชกมล แซ่ท่อ 14 เดก็ หญิงพรรณราย เหล็กดี 15 นางสาวภทั รชิราภรณ์ ใจบญุ มา 16 นางสาวกนกวรรณ นะลี 17 นางสาวหมีจ่ ู แซเ่ หมา 18 นางสาววชิ ุดา แซเ่ ฮ้อ 19 นางสาวรชั ฎาภรณ์ หม่ันพัฒนาการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอ่ื ................................................................ผปู้ ระเมนิ ...................../..................../................... เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน 18-20 ดมี าก ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรับปรุง ต่ากวา่ 10
แบบประเมินใบกิจกรรมเร่ือง การรกั ษาดุลยภาพของกรด – เบสในเลือด ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/4 คาช้แี จง ใหค้ รูผ้สู อนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแล้วให้ทาเครอื่ งหมาย ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ท่ี ชอ่ื – สกลุ เนือ้ หา การสรุป ประโยชนข์ อง การตรงตอ่ รวม สอดคล้องกบั ความรู้ การเขยี นส่ือ การนาขอ้ มูล เวลา 20 หัวขอ้ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายนรวชิ ญ์ จนั ตะ๊ นาเขต 2 นายสุวนิ ยั ไชยชนะ 3 นายขจรเกียรติ ขนั ธพันธ์ 4 นายจักรพรรด์ิ รอู้ ่าน 5 นายจิรวฒั น์ ปงิ เมือง 6 นายฐิติกร นนั ทะเสน 7 นายพงศธร เตชะนันท์ 8 นายมานะ นนั ทะเสน 9 นายปยิ ะวฒั น์ ผะก่าคาแหลง 10 นายศาศวตั พลยุทธศาสตร์ 11 นายสภุ ทั ร อินถานา 12 นายฐิตวิ ุฒิ จอมลุน 13 นายวชั รพงค์ มลู บัวภา 14 นายสงกรานต์ สริ ภิ มู ิ ลงช่อื ................................................................ผ้ปู ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน 18-20 ดมี าก ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรับปรงุ ตา่ กว่า 10
เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล ใบกจิ กรรมเรอ่ื ง การรกั ษาดุลยภาพของกรด – เบสในเลอื ด ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ 4 3 21 เนอื้ หาสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานไม่ค่อย ผลงานไมส่ อดคล้อง กับหัวขอ้ หัวข้อหรอื เรื่องที่ หวั ข้อหรอื เร่ืองที่ สอดคลอ้ งกบั หวั ข้อ กบั หัวข้อหรือเร่ือง กาหนด กาหนดในบางส่วน หรอื เร่อื งทกี่ าหนด ที่กาหนด การสรุปความรู้ มีการสรุปความรู้ความ มีการสรุปความรู้ มีการสรปุ ความรู้ มกี ารสรปุ ความรู้ไม่ เข้าใจเกยี่ วกับเรือ่ งท่ี ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ความเข้าใจเกี่ยวกับ ชัดเจน ศกึ ษาไดช้ ัดเจน เร่อื งที่ศึกษาได้ เรือ่ งท่ีศึกษาได้ ครบถว้ น สมบูรณ์ ชัดเจนดี การเขยี นสอื่ เขียนสือ่ ความได้ เขยี นสื่อความไม่ เขยี นสอื่ ความไม่ เขียนส่ือความได้ ความ ถกู ต้องตามอกั ขรวธิ ี ถูกต้องตามอกั ขรวิธี ถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี นอ้ ย ไม่ตรง ตรงประเด็นและเข้าใจ 4-5 แหง่ ตรงประเดน็ 2-3 แหง่ ตรงประเดน็ ประเด็น งา่ ย ประโยชน์ของ สามารถนาข้อมลู ที่ได้ สามารถนาข้อมูลท่ีได้ สามารถนาข้อมลู ท่ีได้ ไมส่ ามารถนาข้อมลู การนาขอ้ มูล ไปประยุกต์ใชใ้ นการ ไปประยุกตใ์ ช้ในการ ไปปรบั ใชใ้ น ทไ่ี ด้ไปปรบั ใช้ได้ ไปใช้ เรยี นการสอนและใน เรยี นการสอนได้ ชวี ติ ประจาวนั ได้ ชีวิตประจาวัน ความตรงต่อ สง่ งานตรงเวลามีความ รบั ผดิ ชอบในงานท่ี ทางานท่ีได้รับ ทางานที่ได้รับ เวลา รับผดิ ชอบในงานท่ี ไดร้ ับมอบหมาย สง่ มอบหมายได้ มอบหมายไม่ครบ ไดร้ บั มอบหมาย งานตรงเวลาบางครั้ง ทกุ สว่ น สรา้ งสรรค์งานศิลปะได้ อยา่ งถูกต้อง
ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การรักษาดุลยภาพของกรดเบส ชือ่ -นามสกลุ ...................................................................................... ช้นั .................... เลขท่.ี ................... คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอธิบายกลไกการรักษาดุลยภาพของกรดเบสในรา่ งกายของปอดและไตใหถ้ ูกต้อง 1. การรกั ษาดุลยภาพของกรดเบสในร่างกายของปอด ............................................................................................................................. .................................... ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ............................................................................................................................. .................................... ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ......................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. .................................... 2. การรกั ษาดุลยภาพของกรดเบสในรา่ งกายของไต ............................................................................................................................. .................................... .......................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. .................................... ............................................................................................................................. .................................... ............................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .................................... ...................................................................................................................................................... ........... ....................................................................................................................... ..........................................
เฉลย…ใบกจิ กรรม เร่ือง การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบส ชื่อ-นามสกลุ ...................................................................................... ช้นั .................... เลขท่ี.................... คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นอธิบายกลไกการรักษาดุลยภาพของกรดเบสในรา่ งกายของปอดและไตให้ถูกตอ้ ง 1. การรักษาดลุ ยภาพของกรดเบสในร่างกายของปอด ปอดทาหน้าที่แลกเปล่ียนแก๊สโดยการหายใจเข้าเพื่อลาเลียงแก๊สออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และนาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายโดยการหายใจออก ถ้าปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์หรือ ไฮโดรเจนไอออนสะสมอยใู่ นเลือดมากจะส่งผลใหเ้ ลือดมีความเปน็ กรดเพิ่มข้ึน การเปลย่ี นแปลงนจ้ี ะส่งสัญญาณไป กระตนุ้ ศูนย์ควบคมุ การหายใจทส่ี มอง ทาให้เพ่มิ อตั ราการหายใจ เพอื่ ขับแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดอ์ อกจากปอดเร็ว ขนึ้ เช่น การหายใจเรว็ และลึกหลังการออกกาลังกายอย่างหนกั แตถ่ า้ เลอื ดเป็นเบส อตั ราการหายใจจะลดลง เพ่ือ เพิ่มปริมาณไฮโดรเจนไอออนให้สูงขึ้น โดยการสะสมแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ทาให้ความเป็นกรด เบสใน เลอื ดเขา้ สภู่ าวะสมดลุ 2. การรกั ษาดุลยภาพของกรดเบสในรา่ งกายของไต ไตจะทาหน้าที่รักษาดุลยภาพของของกรดเบสในร่างกาย คือ เม่ือค่าความเป็นกรดของเลือดเพ่ิมขึ้น ไฮโดรเจนไอออนและแอมโมเนียไอออนจะออกจากเลือดเข้าสู่เซลล์ท่ีผนังของท่อหน่วยไตแล้วหล่ังเข้าสู่ของเหลว ในท่อหน่วยไต ก่อนขับออกไปกับปัสสาวะ ขณะเดียวกันเซลล์ที่ท่อหน่วยไตจะดูดกลับสารที่มีสมบัติเป็นเบส เช่น ไฮโดรเจนคารบ์ อเนตไอออน โซเดยี มไอออน เขา้ สู่หลอดเลือดทาใหเ้ ลือดเข้าสภู่ าวะสมดลุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย โรงเรยี นหว้ ยซอ้ วิทยาคม รชั มงั คลาภเิ ษก รายวิชา วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหสั ว31102 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 หน่วยการเรียนรู้ การรกั ษาดุลยภาพของร่างกายมนุษย์ เร่ือง การรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภูมใิ นรา่ งกาย เวลา 2 ชัว่ โมง สอนวนั ท.ี่ ...... เดือน....................... พ.ศ. ........ ผสู้ อน นางสาวเสาวลักษณ์ ตอโนนสงู มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ช้วี ัด มาตรฐาน ว1.2 : เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธ์ของ โครงสรา้ งและหน้าท่ีของอวยั วะตา่ งๆ ของพืชท่ีทางานสมั พันธก์ ัน รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวัด ม.4/4 อธิบายการควบคุมดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกายโดยระบบหมุนเวียน เลือด ผิวหนัง และกล้ามเน้อื โครงร่าง สาระสาคัญ สิง่ มชี ีวิตแตล่ ะชนิดมโี ครงสรา้ งและอวัยวะท่ีแตกตา่ งกัน จึงมวี ิธกี ารรกั ษาดลุ ยภาพต่างกัน สาหรับคนและ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมมีไตเป็นอวัยวะท่ีทาหน้าที่รักษาดุลยภาพของน้าและแร่ธาตุต่าง ๆ โดยการกาจัดของเสียที่ เกิดจากกระบวนการเมทาบอลิซึม ควบคุมความเข้มข้นของแร่ธาตุและรักษาสภาพกรด-เบสในร่างกายให้คงท่ี การรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายของคนและสัตว์มีศูนย์ควบคุมอยู่ที่สมองส่วนไฮโพทาลามัส ซึ่งทางานร่วมกับ ผวิ หนงั ตอ่ มเหงือ่ และหลอดเลือด จุดประสงค์การเรยี นรู้ เม่อื เรยี น เร่ือง การรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ิในร่างกาย และผู้เรียนสามารถ 1. ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายกลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภูมิภายในรา่ งกายโดยการทางานของหลอดเลือดฝอย ต่อมเหงื่อ เสน้ ขนที่ผวิ หนงั และกล้ามเนื้อโครงรา่ ง 2. ดา้ นทกั ษะ/ กระบวนการ (P) 1) นาเสนอขอ้ มลู จากการสบื ค้นและศกึ ษาเกย่ี วกับกลไกการรักษาดลุ ยภาพของอุณหภูมภิ ายในร่างกาย
3.คณุ ลกั ษณะ (A) 1) มีความใฝเ่ รียนรู้ 2) การใช้วิจารณญาณและความรอบคอบ 3) การร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื และทางานรว่ มกับผอู้ ่ืน อย่างสร้างสรรค์ สาระการเรยี นรู้ การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกาย เกิดจากการทางานของระบบหมุนเวียนเลือดที่ควบคุม ปริมาณเลือดไปท่ีผิวหนัง การทางานของต่อมเหงื่อ และกล้ามเน้ือโครงร่าง ซ่ึงส่งผลต่อปริมาณความรอ้ นที่ถูกเกบ็ หรือระบายออกจากรา่ งกาย สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการสังเกต - ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต - กระบวนการทางานกลมุ่ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ชิน้ งาน/ภาระงาน - แบบบนั ทกึ กจิ กรรมเร่ือง การรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ใิ นรา่ งกาย กิจกรรมการเรยี นรู้ (ช่วั โมงท่ี 1-2 (120 นาท)ี ) กจิ กรรมนาสูก่ ารเรียน 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (5 นาท)ี 1.1 ครใู หน้ ักเรียนดคู ลิปวีดิโอก้ิงก่าทะเลทราย พรอ้ มต้งั คาถามเพื่อนาเขา้ สู่บทเรยี น ดังน้ี 1) จากคลิปวดี โิ อก้ิงก่าทะเลทรายแสดงพฤติกรรมอะไร (เม่ืออยู่บนผวิ ทะเลทรายกงิ้ กา่ เคลอื่ นท่ีดว้ ยความเร็ว และเมอื่ หยดุ ก้งิ ก่ายกขาในลักษณะสลบั คือยกเท้าขวาหนา้ กบั เท้าซา้ ยหลัง สลับกบั ยกเทา้ ซา้ ยหน้ากับเทา้ ขวาหลงั และกงิ้ ก่ากส็ ามารถมดุ ลงใต้ผิวทรายเพอื่ เคลื่อนท่ีได)้
2) กิ้งกา่ ทะเลทรายแสดงพฤติกรรมดงั กลา่ ว เพราะเหตุใด (การยกเท้าเป็นการระบายความร้อนลดอุณหภูมิของร่างกายสังเกตจากสีที่ได้จากกล้องอินฟราเรดมีการ เปล่ยี นแปลง และการมดุ ใต้ทะเลทรายเคลื่อนที่เปน็ การปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนบนผวิ ทราย) กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้ 2) ข้นั สารวจและค้นหา (60 นาที) 2.1 ครูแบง่ นักเรียนเป็นกลุ่มละ 4-5 คน เพอ่ื ทากิจกรรม 2.2 ครเู ชือ่ มโยงความร้เู กีย่ วกบั การทางานของเอนไซม์ที่คา่ pH ต่างๆ โดยการทางานของเอนไซม์ อะไมเลสทอี่ ณุ หภมู ติ ่างกันกส็ ง่ ผลตอ่ การทางานของเอนไซม์ที่แตกต่างกันดว้ ย พรอ้ มใหน้ กั เรยี นตอบคาถาม ดังน้ี 1) การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมมิ ีผลตอ่ การทางานของเอนไซม์อะไมเลสหรือไม่ (มีผล เม่ือพิจารณาจากกราฟท่ีอุณหภูมิ 10 ºC เอนไซม์อะไมเลสไม่สามารถทางานได้ แต่เม่ืออุณหภูมิเพ่ิมข้ึนจนถึง 37ºC เอนไซมม์ ีอตั ราการทางานสงู สุดแต่เม่อื เพม่ิ อณุ หภูมกิ ารทางานของเอนไซมจ์ ะค่อยๆลดลงจนไม่สามารถทางานไดท้ อี่ ณุ หภูมิ 50ºC) 2) เอนไซมอ์ ะไมเลสสามารถเรง่ ปฏกิ ริ ิยาเคมีในร่างกายของมนุษยไ์ ดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (ได้เพราะอุณหภมู ปิ กตขิ องมนษุ ยค์ ือ 37 ºC ซึง่ เป็นอุณหภมู ิทเ่ี หมาะกบั การทางานของเอนไซมช์ นิดน)ี้ 2.3 ครูให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันถึงการเกิดความร้อนในร่างกายโดยใช้คาถามว่า กิจกรรมต่างๆ ใน ชีวิตประจาวันทาให้เกิดความร้อนในร่างกายไดอ้ ยา่ งไร และร่างกายมกี ารรกั ษาอุณหภมู ใิ หค้ งที่ได้อย่างไร 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (35 นาท)ี 3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่าความร้อนในร่างกายเกิดจากกระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์ เพ่ือให้ได้พลังงานไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของร่างกาย ร่างกายจาเป็นต้องรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิอยู่เสมอเพื่อ รักษาสภาพการทางานของเอนไซม์ไว้ 3.2 ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและสืบค้นกลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิในร่างกายแล้วตอบ คาถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจ ดังน้ี 1) เหงื่อชว่ ยระบายความรอ้ นได้อย่างไร (การทีผ่ ิวหนังขบั เหง่ือออกมาและเกิดการระเหยจะระบายความรอ้ นทผ่ี วิ หนังออกไปด้วย ยง่ิ ร่างกายขับเหง่ือจะชว่ ย ลดอุณหภูมิของรา่ งกาย แต่ก็ข้ึนกับปริมาณความชื้นในอากาศด้วย ในฤดูร้อนท่ีความชื้นต่าเหงื่อจะระเหยได้ดีจงึ ระบายความรอ้ น ออกจากรา่ งกายได้) 2) การขับเหง่อื ปริมาณมากสง่ ผลต่อร่างกายอย่างไร (เกิดการสูญเสียความร้อน ในขณะเดียวกันจะสูญเสียน้าและแร่ธาตุบางชนิดออกจากร่างกาย หากร่างกายไม่ สามารถรักษาดุลยภาพของอณุ หภมู แิ ละสารดังกล่าวอาจเปน็ อันตรายต่อร่างกาย ถ้าไม่ไดร้ บั การชดเชยน้าทีส่ ญู เสียไป) 3) การทีร่ ่างกายส่นั ชว่ ยรกั ษาอุณหภูมขิ องร่างกายไดอ้ ย่างไร (การสน่ั เปน็ การทางานของกลา้ มเน้ือโครงรา่ งทาใหเ้ กดิ ความร้อน อาการสน่ั จะเกดิ เมอื่ อยูใ่ นสภาวะท่มี ีอณุ หภมู ิตา่ มากๆ) 4) เพราะเหตใุ ดเมื่อออกกาลงั กายอย่างหนกั จะมีอาการหน้าแดง เหง่อื ออกมาก กายใจแรงและถ่ี (เม่อื ออกกาลังกายรา่ งกายตอ้ งใช้พลังงานมาก เมทาบอลิซึมเพิม่ มากขนึ้ เกิดความรอ้ นในร่างกายมากกว่าปกติ ศูนย์ ควบคุมอุณหภูมิท่ีสมองสว่ นไฮโพทาลามสั จะส่งสญั ญาณไปกระตุน้ ให้หลอดเลอื ดฝอยที่ผิวหนังขยายตัว เลือดหมนุ เวียนเรว็ ขึ้น ทา
ให้มีอาการหน้าแดง ขณะเดียวกับต่อมเหงื่อมีการขับเหงื่อเพื่อระบายความร้อน และกระบวนการเมทาบอลิซึมทาให้เกิดแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ รา่ งกายจึงขับแกส๊ น้ีออกโดยการหายใจแรงและถ่ีเพื่อนาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายให้เรว็ ทส่ี ดุ ) กจิ กรรมรวบยอด 4) ขัน้ ขยายความรู้ (10 นาที) 4.1 ครขู ยายความร้โู ดยตั้งคาถามวา่ มนษุ ย์มีพฤติกรรมใดอีกบ้างเพ่อื ช่วยรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภูมใิ นรา่ งกาย (ฟังคาตอบซึ่งขึ้นกับประสบการณ์ของนักเรียน เช่นสวมเสอื้ ผ้าหนาๆ ก่อกองไฟเพ่ือให้รา่ งกายอบอุ่นในหน้าหนาว สวม เสอื้ ผา้ บางๆระบายเหงอ่ื ไดด้ ี หลกี เล่ียงแสดงแดดจดั ใชพ้ ัดลมในหน้ารอ้ น เป็นตน้ ) 5) ขน้ั ประเมินผล (10 นาท)ี 1. ดา้ นความรู้ (K) ประเมินจาก 1. องค์ความรทู้ นี่ ักเรียนสบื คน้ ขอ้ มลู และจดบันทกึ 2. สรปุ และอภปิ รายผลการสบื ค้นขอ้ มลู 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ จาก 1. กระบวนการทางาน (ความรว่ มมอื และมสี ว่ นร่วมในการทากิจกรรม) 2. ทกั ษะการนาเสนอผลงาน (การส่ือสารสง่ิ ท่เี รยี นร)ู้ 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ประเมินจาก 1. การคิดวพิ ากษ์วจิ ารณ์ การคิดอยา่ งมีเหตุมผี ล การคิดอย่างสร้างสรรค์ 2. การทางานร่วมกบั ผ้อู นื่ 3. ความสนใจใฝ่รู้ ใฝห่ า 4. การแสดงออกถงึ ความคิดเหน็ 5. ความรับผิดชอบ สือ่ / แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 2. ส่อื คลิปวีดโี อ ก้งิ กา่ ทะเลทราย 3. สอื่ นาเสนอ Power Point เรื่องการรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ิของรา่ งกาย 4. ฐานขอ้ มูลจาก internet/ คลังสอ่ื DLIT
การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมินการผ่าน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ตรวจใบกิจกรรม แบบประเมินกจิ กรรม คะแนน 4 หมายถงึ ดีเยยี่ ม (K) อธบิ ายกลไกการรักษาดลุ ยภาพ คะแนน 3 หมายถึง ดี ของอณุ หภูมิภายในร่างกายโดยการ ประเมนิ การ ประเมินการนาเสนอ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ ทางานของหลอดเลอื ดฝอย ตอ่ ม นาเสนอ แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง เหงื่อ เส้นขนทผี่ ิวหนงั และ สงั เกตพฤติกรรม ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้ึนไป กลา้ มเน้อื โครงร่าง ถอื ว่าผา่ น ผเู้ รยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไป (P) นาเสนอขอ้ มลู จากการสืบคน้ ถอื วา่ ผ่าน และศึกษาเกย่ี วกับกลไกการรักษา ดลุ ยภาพของอณุ หภูมภิ ายใน ผ้เู รยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไป รา่ งกาย ถอื วา่ ผ่าน (A) มีความใฝเ่ รยี นรู้ รายละเอยี ดเกณฑก์ ารประเมิน ประเดน็ การประเมิน นา้ หนกั 4 ระดับคุณภาพ 1 คะแนน 32 1. อธบิ ายกลไกการรกั ษา 2 อธบิ ายกลไกการรกั ษา อธิบายกลไกการรกั ษา อธบิ ายกลไกการรักษา อธิบายกลไกการรกั ษา ดุลยภาพของอณุ หภมู ภิ ายใน ดลุ ยภาพของอณุ หภมู ิ ดุลยภาพของอณุ หภมู ิ ดลุ ยภาพของอุณหภูมิ ดุลยภาพของอุณหภมู ิ รา่ งกายโดยการทางานของ ภายในรา่ งกายโดย ภายในร่างกายโดย ภายในร่างกายโดย ภายในร่างกายโดยการ หลอดเลอื ดฝอย ตอ่ มเหง่ือ การทางานของหลอด การทางานของหลอด การทางานของหลอด ทางานของหลอดเลอื ด เสน้ ขนท่ีผวิ หนงั และ เลอื ดฝอย ต่อมเหงื่อ เลอื ดฝอย ต่อมเหงอ่ื เลอื ดฝอย ตอ่ มเหงอ่ื ฝอย ต่อมเหงอ่ื เสน้ กล้ามเน้ือโครงรา่ ง เส้นขนที่ผิวหนัง และ เส้นขนทผ่ี ิวหนงั และ เส้นขนที่ผิวหนัง และ ขนท่ผี วิ หนัง และ กล้ามเน้ือโครงรา่ งได้ กลา้ มเนอ้ื โครงร่าง กลา้ มเน้อื โครงรา่ ง กล้ามเนือ้ โครงรา่ งไม่ ถกู ตอ้ ง ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ต้องบางประเดน็ ถูกต้อง เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั 4 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพดีเย่ียม ระดบั 3 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ น ไดร้ ะดบั 3 ขึ้นไป ร้อยละ 60 ถอื วา่ ประสบผลสาเรจ็ ในการสอน
บันทกึ ผลหลังการการเรยี นรู้ ขอ้ สังเกต / ข้อคน้ พบ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางแก้ไขเพ่ือการปรับปรุงพัฒนา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ........................................................... ผลการพัฒนา (บนั ทกึ หลังจากทไ่ี ดพ้ ัฒนาผเู้ รยี นด้วยวธิ ีการตา่ งๆแล้ว) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ...............................................ครผู ้สู อน (นางสาวเสาวลักษณ์ ตอโนนสูง) ............./................../.............. ภาคผนวก - เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการวัด ประเมินผล - ใบงาน / ใบกจิ กรรม - แนวคาตอบของใบงาน / ใบกิจกรรม - แบบบันทกึ การประเมนิ ตา่ ง ๆ - หากในช่ัวโมงน้ันมีแบบทดสอบให้ใส่แบบทดสอบพร้อมเฉลย ด้วย
แบบประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นรายบคุ คล ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นร้วู นั ที่.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ระดับ ที่ ชือ่ – สกลุ ความต้งั ใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นร่วมใน (16) คุณภาพ ในการเรยี น และการ คาถาม กิจกรรม (4) 1 นายไทยทัศน์ ภูนสุวรรณ์ ซักถาม (4) 2 นายพรี ะพฒั น์ เจงิ ชยั ภูมิ (4) (4) 3 นายวรากร ธรรมวงค์ 4 นายรชั ชานนท์ เมธสี ทิ ธกิ ลุ 5 นางสาวปริษญา ประสิทธ์ิ 6 นางสาวพทั ธธ์ ีรา ต่อมคา 7 นางสาวจุฬารตั น์ พทุ ธวงค์ 8 นางสาวณฐั ณชิ า ปญั ญาอิน่ แก้ว 9 นางสาวณฐั ธดิ า สทุ ธะ 10 นางสาวปริยากร จองรัตน์ 11 นางสาวมณฑติ า บวั เสี้ยว 12 นางสาวอรจิรา ศรอี ่อน 13 นางสาวจรญิ าภรณ์ กุมกนั 14 นางสาวชญานิศ วงค์จกั ร 15 นางสาวสดุ ารัตน์ วิชา 16 นางสาวเฌอกาญจน์ ปญั ญาสุ เกณฑ์การให้คะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย ลงชือ่ ................................................................ผ้ปู ระเมนิ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ...................../..................../................... 14-16 ดมี าก 11-13 ดี เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ดงั น้ี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน นักเรยี นทีไ่ ดร้ ะดับคุณภาพพอใชข้ นึ้ ไป ถือว่า ผา่ น
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นรายบุคคล ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นร้วู ันท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ระดับ มีสว่ นรว่ มใน (16) คุณภาพ ท่ี ชือ่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ ในการเรยี น และการ คาถาม กจิ กรรม (4) 1 นายชัยภัส พาลพล ซกั ถาม (4) 2 นายกติ ติพงษ์ ธรรมวงค์ (4) (4) 3 นายประสพโชค แซ่ลี 4 นายธชั นนท์ แก้วระกา 5 นายกฤศธชั เปรมทอง 6 นายธีรภัทร พงศ์พชร 7 นายณัชพล สมโรย 8 นายนนทพัทธ์ ว่ิงพิมาย 9 นายวราวธุ กมุ กนั 10 นางสาว ญาณิศา จันทิมา 11 นางสาว ประวีณา ธะนะ 12 นางสาว รัตนมณี แตงออ่ น 13 นางสาว เออื้ อังกรู หลใี จ 14 นางสาวจิรภิญญา ปญั ญาอิ่นแกว้ 15 นางสาวเจนจริ า เมืองมลู 16 นางสาวปราญชลี เมืองใจ 17 นางสาวฐิตพิ ร บุญแก้ว 18 นางสาวฐิตนิ ันท์ ก้อนศรีลา 19 นางสาวพรรณกาญจน์ ตากองค์ 20 นางสาวอชริ ญา ท่าล้อ เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย ลงช่อื ................................................................ผ้ปู ระเมนิ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ...................../..................../................... 14-16 ดมี าก 11-13 ดี เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดงั น้ี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน นักเรยี นท่ีไดร้ ะดบั คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป ถือว่า ผา่ น
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมนกั เรียนรายบุคคล ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรวู้ นั ท่ี.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑก์ ารให้คะแนน รวม ระดับ ท่ี ชอื่ – สกุล ความต้งั ใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นรว่ มใน (16) คุณภาพ 1 นายวีรยุทธ พงศพ์ ชั ร ในการเรยี น และการ คาถาม กจิ กรรม (4) ซักถาม (4) (4) (4) 2 นายจารุวัฒน์ แซ่ซิว 3 นายทติ ินันต์ ปอแสง 4 นายสมศักดิ์ แซห่ ยิ่ง 5 นายสุรตั น์ แซเ่ หอ้ 6 นายนคเรศ แซย่ ่าง 7 นายวรเวช ลี 8 นายไชยวัฒน์ ยเู บีย 9 นางสาวพัณณิตา ยอดมณีบรรพต 10 นางสาวรจุ ฬิ า กลู ตะ๊ 11 นางสาวภูมณิ ัฐดา ธนสธิ เทพธิฤทธิ์ 12 นางสาวภัสดา มาเยอะ 13 นางสาวณชิ กมล แซท่ ่อ 14 เด็กหญงิ พรรณราย เหลก็ ดี 15 นางสาวภัทรชิราภรณ์ ใจบญุ มา 16 นางสาวกนกวรรณ นะลี 17 นางสาวหม่จี ู แซเ่ หมา 18 นางสาววิชดุ า แซ่เฮอ้ 19 นางสาวรชั ฎาภรณ์ หมั่นพฒั นาการ ลงชอ่ื ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั ตารางแนบท้าย เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดังน้ี ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมิน 14-16 ดีมาก นกั เรยี นทไี่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึ้นไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรงุ
แบบประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนรายบุคคล ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/4 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรวู้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ระดับ ที่ ชื่อ – สกลุ ความตง้ั ใจ ความสนใจ การตอบ มีส่วนร่วมใน (16) คุณภาพ ในการเรียน และการ คาถาม กจิ กรรม (4) 1 นายนรวิชญ์ จนั ตะ๊ นาเขต ซกั ถาม (4) 2 นายสุวนิ ัย ไชยชนะ (4) (4) 3 นายขจรเกียรติ ขันธพนั ธ์ 4 นายจกั รพรรดิ์ รู้อา่ น 5 นายจิรวฒั น์ ปงิ เมือง 6 นายฐิติกร นันทะเสน 7 นายพงศธร เตชะนนั ท์ 8 นายมานะ นันทะเสน 9 นายปิยะวัฒน์ ผะกา่ คาแหลง 10 นายศาศวตั พลยทุ ธศาสตร์ 11 นายสุภัทร อนิ ถานา 12 นายฐติ ิวฒุ ิ จอมลนุ 13 นายวชั รพงค์ มลู บวั ภา 14 นายสงกรานต์ สริ ภิ มู ิ เกณฑ์การให้คะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย ลงช่ือ................................................................ผ้ปู ระเมนิ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ...................../..................../................... 14-16 ดีมาก 11-13 ดี เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดงั น้ี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์การสรุปผลการประเมิน นกั เรยี นท่ไี ด้ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือว่า ผา่ น
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบุคคล ประเด็นการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรงุ (1) 1. ความตั้งใจใน การเรียน สนใจในการเรียนไมค่ ยุ สนใจในการเรียนคุยกนั สนใจในการเรียนคุยกนั ไมส่ นใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกันในขณะเรยี น เล็กน้อยในขณะเรยี น และเลน่ กันในขณะเรยี น คยุ และเล่นกนั ในขณะ และการซกั ถาม เปน็ บางครง้ั เรยี น 3. การตอบ คาถาม มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ีตนไม่ มีการถามในหัวขอ้ ท่ีตน มีการถามในหวั ขอ้ ทตี่ น ไมถ่ ามในหัวข้อทีต่ น 4. มสี ่วนร่วมใน เขา้ ใจทุกเรือ่ งและกล้า ไมเ่ ขา้ ใจเป็นสว่ นมาก ไม่เข้าใจเปน็ บางคร้งั ไมเ่ ขา้ ใจและไม่กลา้ กิจกรรม แสดงออก และกลา้ แสดงออก และไม่คอ่ ยกลา้ แสดงออก แสดงออก รว่ มตอบคาถามในเรือ่ งที่ รว่ มตอบคาถามในเร่อื ง รว่ มตอบคาถามในเรื่อง ไม่ตอบคาถาม ครถู ามและตอบคาถามถูก ทีค่ รถู ามและตอบ ทคี่ รูถามเปน็ บางครัง้ ทกุ ข้อ คาถามสว่ นมากถูก และตอบคาถามถกู เป็น บางคร้ัง ร่วมมือและช่วยเหลือ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และชว่ ยเหลือ ไม่มีความร่วมมือ เพื่อนในการทากจิ กรรม เพอ่ื นเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพอื่ นในการทากิจกรรม ในขณะทากิจกรรม การทากจิ กรรม เปน็ บางครั้ง
แบบประเมินใบกิจกรรมเร่อื ง การรักษาดุลยภาพของอณุ หภมู ิในรา่ งกาย ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4/1 คาชแี้ จง ให้ครผู สู้ อนประเมินใบงานของนกั เรียนแลว้ ใหท้ าเคร่อื งหมาย ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน ที่ ช่อื – สกลุ เนื้อหา การสรุป ประโยชน์ของ การตรงตอ่ รวม สอดคล้องกับ ความรู้ การเขยี นส่อื การนาข้อมูล เวลา 20 หัวขอ้ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายไทยทศั น์ ภนู สวุ รรณ์ 2 นายพีระพฒั น์ เจิงชัยภมู ิ 3 นายวรากร ธรรมวงค์ 4 นายรชั ชานนท์ เมธสี ทิ ธกิ ุล 5 นางสาวปรษิ ญา ประสทิ ธิ์ 6 นางสาวพัทธ์ธรี า ต่อมคา 7 นางสาวจฬุ ารตั น์ พทุ ธวงค์ 8 นางสาวณฐั ณิชา ปัญญาอ่นิ แกว้ 9 นางสาวณัฐธดิ า สทุ ธะ 10 นางสาวปริยากร จองรตั น์ 11 นางสาวมณฑิตา บวั เสี้ยว 12 นางสาวอรจิรา ศรอี อ่ น 13 นางสาวจริญาภรณ์ กมุ กนั 14 นางสาวชญานศิ วงค์จกั ร 15 นางสาวสุดารัตน์ วชิ า 16 นางสาวเฌอกาญจน์ ปญั ญาสุ ลงช่ือ................................................................ผปู้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรับปรงุ ตา่ กว่า 10
แบบประเมนิ ใบกิจกรรมเรอ่ื ง การรกั ษาดุลยภาพของอุณหภมู ิในร่างกาย ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/2 คาชแี้ จง ใหค้ รผู ู้สอนประเมินใบงานของนกั เรยี นแล้วให้ทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดับคะแนน ที่ ช่ือ – สกุล เนื้อหา การสรุป ประโยชนข์ อง การตรงต่อ รวม สอดคลอ้ งกับ ความรู้ การเขียนสอ่ื การนาขอ้ มูล เวลา 20 หวั ข้อ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายชยั ภัส พาลพล 2 นายกติ ติพงษ์ ธรรมวงค์ 3 นายประสพโชค แซล่ ี 4 นายธัชนนท์ แกว้ ระกา 5 นายกฤศธัช เปรมทอง 6 นายธรี ภทั ร พงศ์พชร 7 นายณัชพล สมโรย 8 นายนนทพัทธ์ ว่งิ พิมาย 9 นายวราวธุ กุมกนั 10 นางสาว ญาณิศา จันทิมา 11 นางสาว ประวีณา ธะนะ 12 นางสาว รัตนมณี แตงออ่ น 13 นางสาว เอ้อื อังกรู หลีใจ 14 นางสาวจิรภญิ ญา ปญั ญาอนิ่ แกว้ 15 นางสาวเจนจริ า เมืองมลู 16 นางสาวปราญชลี เมอื งใจ 17 นางสาวฐติ ิพร บญุ แกว้ 18 นางสาวฐติ ินันท์ กอ้ นศรลี า 19 นางสาวพรรณกาญจน์ ตากองค์ 20 นางสาวอชิรญา ท่าล้อ ลงชื่อ................................................................ผู้ประเมนิ ...................../..................../................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง
แบบประเมินใบกิจกรรมเร่ือง การรักษาดุลยภาพของอุณหภมู ใิ นร่างกาย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/3 คาช้แี จง ให้ครูผสู้ อนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแล้วใหท้ าเครือ่ งหมาย ลงในช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน ที่ ช่อื – สกุล เนือ้ หา การสรปุ ประโยชนข์ อง การตรงต่อ รวม สอดคลอ้ งกบั ความรู้ การเขยี นสื่อ การนาข้อมลู เวลา 20 หัวข้อ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายวรี ยทุ ธ พงศ์พชั ร 2 นายจารวุ ฒั น์ แซซ่ วิ 3 นายทติ นิ นั ต์ ปอแสง 4 นายสมศักดิ์ แซห่ ยิง่ 5 นายสรุ ตั น์ แซเ่ ห้อ 6 นายนคเรศ แซย่ า่ ง 7 นายวรเวช ลี 8 นายไชยวัฒน์ ยูเบยี 9 นางสาวพัณณิตา ยอดมณบี รรพต 10 นางสาวรุจฬิ า กลู ต๊ะ 11 นางสาวภูมิณฐั ดา ธนสธิ เทพธฤิ ทธ์ิ 12 นางสาวภสั ดา มาเยอะ 13 นางสาวณิชกมล แซท่ อ่ 14 เดก็ หญิงพรรณราย เหลก็ ดี 15 นางสาวภัทรชริ าภรณ์ ใจบุญมา 16 นางสาวกนกวรรณ นะลี 17 นางสาวหมจี่ ู แซเ่ หมา 18 นางสาววิชุดา แซเ่ ฮ้อ 19 นางสาวรชั ฎาภรณ์ หมน่ั พฒั นาการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ................................................................ผปู้ ระเมนิ ...................../..................../................... เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน 18-20 ดมี าก ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรับปรุง ต่ากวา่ 10
แบบประเมินใบกิจกรรมเรอ่ื ง การรักษาดุลยภาพของอุณหภมู ใิ นร่างกาย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/4 คาชี้แจง ให้ครูผ้สู อนประเมินใบงานของนักเรียนแล้วให้ทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดับคะแนน ท่ี ชื่อ – สกุล เนอ้ื หา การสรปุ ประโยชน์ของ การตรงตอ่ รวม สอดคล้องกับ ความรู้ การเขยี นส่ือ การนาข้อมลู เวลา 20 หวั ขอ้ ความ ไปใช้ คะแนน 43214321432143214321 1 นายนรวชิ ญ์ จันตะ๊ นาเขต 2 นายสุวนิ ยั ไชยชนะ 3 นายขจรเกียรติ ขนั ธพนั ธ์ 4 นายจักรพรรด์ิ รอู้ า่ น 5 นายจริ วัฒน์ ปิงเมือง 6 นายฐิตกิ ร นนั ทะเสน 7 นายพงศธร เตชะนนั ท์ 8 นายมานะ นนั ทะเสน 9 นายปิยะวฒั น์ ผะก่าคาแหลง 10 นายศาศวัต พลยุทธศาสตร์ 11 นายสุภทั ร อินถานา 12 นายฐิตวิ ุฒิ จอมลุน 13 นายวชั รพงค์ มลู บัวภา 14 นายสงกรานต์ สริ ภิ มู ิ ลงชอ่ื ................................................................ผ้ปู ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรบั ปรุง ตา่ กว่า 10
เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล ใบกิจกรรมเรอ่ื ง การรกั ษาดุลยภาพของอณุ หภูมิในรา่ งกาย ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมิน 4 3 21 เนอ้ื หาสอดคล้อง ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่ค่อย ผลงานไมส่ อดคล้อง กับหวั ขอ้ หัวข้อหรือเร่ืองท่ี หัวข้อหรือเรื่องที่ สอดคลอ้ งกับหวั ข้อ กับหวั ขอ้ หรือเรอื่ ง กาหนด กาหนดในบางสว่ น หรือเรอ่ื งท่กี าหนด ทก่ี าหนด การสรุปความรู้ มีการสรุปความรู้ความ มีการสรปุ ความรู้ มกี ารสรปุ ความรู้ มีการสรปุ ความรู้ไม่ เข้าใจเก่ยี วกับเรอื่ งท่ี ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ ความเข้าใจเกีย่ วกบั ชดั เจน ศกึ ษาได้ชัดเจน เรื่องที่ศกึ ษาได้ เรอ่ื งที่ศึกษาได้ ครบถว้ น สมบรู ณ์ ชดั เจนดี การเขยี นส่อื เขยี นส่อื ความได้ เขียนสอ่ื ความไม่ เขยี นสอ่ื ความไม่ เขยี นสอ่ื ความได้ ความ ถูกต้องตามอักขรวธิ ี ถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี ถูกต้องตามอักขรวิธี น้อย ไมต่ รง ตรงประเด็นและเขา้ ใจ 4-5 แหง่ ตรงประเดน็ 2-3 แห่ง ตรงประเดน็ ประเดน็ ง่าย ประโยชน์ของ สามารถนาข้อมลู ท่ีได้ สามารถนาข้อมูลที่ได้ สามารถนาข้อมลู ท่ีได้ ไมส่ ามารถนาข้อมลู การนาข้อมลู ไปประยุกต์ใช้ในการ ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการ ไปปรบั ใช้ใน ทไ่ี ด้ไปปรบั ใช้ได้ ไปใช้ เรียนการสอนและใน เรยี นการสอนได้ ชวี ติ ประจาวันได้ ชวี ติ ประจาวนั ความตรงตอ่ ส่งงานตรงเวลามคี วาม รับผดิ ชอบในงานที่ ทางานที่ไดร้ ับ ทางานที่ได้รับ เวลา รบั ผดิ ชอบในงานท่ี ไดร้ ับมอบหมาย ส่ง มอบหมายได้ มอบหมายไม่ครบ ไดร้ ับมอบหมาย งานตรงเวลาบางคร้ัง ทกุ สว่ น สรา้ งสรรค์งานศิลปะได้ อย่างถูกต้อง
เฉลย…ใบกจิ กรรม เร่ือง การรักษาดุลยภาพของอณุ หภูมิในรา่ งกาย คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เหงื่อช่วยในการระบายความร้อนไดอ้ ยา่ งไร 2. การขับเหง่ือออกมาปริมาณมากมผี ลต่อรา่ งกายอยา่ งไร 3. การทีร่ ่างกายสนั่ ช่วยรกั ษาอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างไร 4. เพราะเหตใุ ดเมื่อออกกาลังกายอย่างหนกั จะมีอาการหนา้ แดง เหงอ่ื ออกมาก และหายใจแรงและถข่ี ึน้ 5. มนษุ ยม์ ีพฤตกิ รรมใดอีกบ้างเพือ่ ช่วยรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิในร่างกาย ช่ือ-สกุล…………………………………………………………………………ช้นั ………………เลขท…่ี ……..
เฉลย…ใบกิจกรรม เรอ่ื ง การรักษาดุลยภาพของอุณหภมู ิในร่างกาย คาชแี้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เหงื่อชว่ ยในการระบายความร้อนได้อย่างไร การที่ผิวหนังขับเหงื่อออกมาและเกิดการระเหยจะระบายความร้อนที่บริเวณผิวหนังออกไปด้วย ยิ่ง ร่างกายขับเหงื่อออกมามากเท่าใดก็ย่ิงช่วยลดอุณหภูมิร่างกายลงได้มากด้วย แต่ก็ข้ึนอยู่กับปริมาณความช้ืนใน อากาศ เช่น ฤดูฝนท่ีอากาศมีความช้ืนสูง เหงื่อจะระเหยออกไปได้น้อย หรือในฤดูร้อนท่ีมีความช้ืนต่า เหง่ือจะ ระเหยไดด้ จี ึงระบายความรอ้ นออกได้มากดว้ ย 2. การขับเหงื่อออกมาปริมาณมากมีผลต่อรา่ งกายอย่างไร ถ้าร่างกายขับเหง่ือออกมาปริมาณมากจะทาให้เกิดการสูญเสียความรอ้ นและแรธ่ าตุบางชนิดออกมาพรอ้ ม กับเหงอื่ มากเกนิ ไป ตัวอย่างแรธ่ าตุ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม ร่างกายไม่สามารถรกั ษาดุลยภาพของอณุ หภูมิและ สารดังกล่าวได้ อาจทาใหเ้ กิดอนั ตรายแก่ชวี ิตได้ ถา้ ไมไ่ ด้รบั การทดแทนเข้าไป 3. การที่ร่างกายสั่นช่วยรักษาอณุ หภูมขิ องร่างกายได้อยา่ งไร การสน่ั เป็นการทางานของกล้ามเนอ้ื โครงรา่ ง ทาใหเ้ กดิ ความร้อนขน้ึ อาการสั่นนี้จะพบได้บ่อยเมื่ออยู่ใน บรเิ วณทม่ี อี ุณหภมู ิตา่ มาก ๆ 4. เพราะเหตใุ ดเมอ่ื ออกกาลังกายอย่างหนัก จะมีอาการหน้าแดง เหงื่อออกมาก และหายใจแรงและถ่ีข้นึ เม่ือออกกาลงั กายอยา่ งหนักเซลลใ์ นรา่ งกายจะตอ้ งใช้พลังงานอยา่ งมาก จงึ เกิดกระบวนการเมแทบอลซิ ึม เพ่ิมขึ้น ทาใหเ้ กิดความร้อนในรา่ งกายมากกวา่ ปกติศูนย์ควบคุมอณุ หภมู ิท่ีสมองส่วนไฮโพทาลามสั จะสง่ สญั ญาณ ไปกระตนุ้ ใหห้ ลอดเลอื ดฝอยท่ีผวิ หนังขยายตัว เลือดหมนุ เวยี นได้เรว็ ข้ึน ทาใหม้ ีอาการหนา้ แดง ขณะเดียวกันต่อม เหงอ่ื มีการขบั เหงื่อเพ่ิมขนึ้ เพื่อชว่ ยระบายความร้อน และกระบวนการเมแทบอลซิ ึมกท็ าให้เกดิ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ในเลือด ร่างกายจงึ ต้องขบั แก๊สนอ้ี อกโดยการหายใจแรงและถ่ขี น้ึ เพื่อนาแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกจากรา่ งกาย ให้เรว็ ที่สดุ 5. มนษุ ย์มีพฤติกรรมใดอีกบ้างเพ่อื ช่วยรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิในรา่ งกาย คาตอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของนักเรียน เช่น เม่ืออากาศร้อนควรสวมใส่เสื้อผ้าท่ีบาง หลีกเลี่ยง แสงแดดโดยอยู่ใต้ร่มไม้หรืออยู่ในอาคาร อาบน้าบ่อยคร้ัง อยู่ในห้องท่ีมีเคร่ืองปรับอากาศหรือพัดลม เม่ืออากาศ เย็นควรสวมใส่เสอ้ื ผ้าทีห่ นาขึ้น ก่อกองไฟเพือ่ ผิงไฟ ออกกาลงั กายเพอื่ เพ่ิมความร้อนใหก้ ับร่างกาย
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนห้วยซอ้ วทิ ยาคม รชั มังคลาภเิ ษก รายวชิ า วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหัส ว31102 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรียนรู้ การรกั ษาดุลยภาพของรา่ งกายมนษุ ย์ เร่ือง ระบบภูมิคุ้มกนั เวลา 3 ชั่วโมง สอนวนั ที่....... เดือน....................... พ.ศ. ........ ผสู้ อน นางสาวเสาวลักษณ์ ตอโนนสงู มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั มาตรฐาน ว1.2 : เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสมั พันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้างและหน้าทีข่ องอวัยวะตา่ งๆ ของพชื ทีท่ างานสัมพันธก์ ัน รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวัด ม.4/5 อธิบายและเขียนแผนผังเกี่ยวกับการตอบสนองของร่างกายแบบไม่จาเพาะ และ แบบจาเพาะตอ่ ส่ิงแปลกปลอมของรา่ งกาย ตัวชี้วัด ม.4/6 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างโรคหรืออาการท่ีเกิดจากความผิดปกติของ ระบบภมู คิ ุม้ กัน ตัวช้ีวัด ม.4/7 อธบิ ายภาวะภูมคิ มุ้ กนั บกพร่องทีม่ ีสาเหตมุ าจากการติดเช้ือ HIV สาระสาคัญ สิ่งมชี ีวติ แตล่ ะชนดิ มีโครงสร้างและอวัยวะที่แตกต่างกัน จึงมวี ธิ กี ารรักษาดลุ ยภาพต่างกัน สาหรบั คนและ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมมีไตเป็นอวัยวะท่ีทาหน้าที่รักษาดุลยภาพของน้าและแร่ธาตุต่าง ๆ โดยการกาจัดของเสียท่ี เกิดจากกระบวนการเมทาบอลิซึม ควบคุมความเข้มข้นของแร่ธาตุและรักษาสภาพกรด-เบสในร่างกายให้คงที่ การรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายของคนและสัตว์มีศูนย์ควบคุมอยู่ที่สมองส่วนไฮโพทาลามัส ซึ่งทางานร่วมกับ ผิวหนงั ต่อมเหงอ่ื และหลอดเลอื ด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เมอื่ เรยี น เรือ่ ง ระบบภูมคิ ุ้มกัน และผเู้ รียนสามารถ 1. ดา้ นความรู้ (K) 1) อธบิ ายบทบาทของอวยั วะหรือเนอ้ื เย่ือที่ทาหน้าท่ีปอ้ งกนั และทาลายเช้ือโรคหรือส่งิ แปลกปลอม 2) สบื ค้นข้อมูล อธิบายสาเหตุ อาการ แนวทางปอ้ งกนั และการรักษาโรคท่ีเกิดจากความผดิ ปกติ ของระบบภูมคิ ุ้มกนั 3) สืบค้นข้อมูลอธิบายกลไกของภาวะภมู ิคุ้มกนั บกพร่องท่ีมีสาเหตุมาจากการติดเช้ือ HIV 4) ระบุสาเหตุและวิธีป้องกันการติดเช้อื HIV
2. ดา้ นทกั ษะ/ กระบวนการ (P) 1) อธิบายและเขยี นแผนผังเก่ียวกับกลไกการต่อตา้ นหรือทาลายสิง่ แปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ และแบบจาเพาะ 2) นาเสนอข้อมลู จากการสบื คน้ และศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ แนวทางป้องกนั และการ รกั ษาโรคท่เี กดิ จากความผิดปกติของระบบภมู ิคมุ้ กนั 3) นาเสนอข้อมูลจากการสบื คน้ และศึกษาเกี่ยวกับกลไกของภาวะภมู ิคุ้มกนั บกพร่องที่มีสาเหตุ มาจากการตดิ เชื้อ HIV 3.คุณลกั ษณะ (A) 1) มีความใฝ่เรียนรู้ 2) การใช้วิจารณญาณและความรอบคอบ 3) ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและการเขา้ ช้นั เรยี น สาระการเรียนรู้ เม่ือเช้ือโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอ่ืนเข้าส่เู นื้อเยือ่ ในรา่ งกาย ร่างกายจะมีกลไกในการตอ่ ต้านหรือทาลายสง่ิ แปลกปลอมท้ังแบบไม่จาเพาะและแบบจาเพาะ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาวกลมุ่ ฟาโกไซต์จะมกี ลไกในการต่อต้านหรือทาลายส่งิ แปลกปลอมแบบไมจ่ าเพาะ กลไก การตอ่ ต้านหรือทาลายสงิ่ แปลกปลอมแบบจาเพาะจะเป็นหน้าที่ของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ชนดิ บีและชนิดที ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวท้ังสองชนิดจะมีตัวรับแอนติเจน ทาให้เซลล์ท้ังสองสามารถตอบสนองแบบจาเพาะต่อ แอนติเจนนั้นๆได้ เซลล์บีทาหน้าท่ีสร้างแอนติบอดีซึ่งช่วยในการจับกับส่ิงแปลกปลอมต่างๆ เพ่ือทาลายต่อไปใน ระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์ทีทาหน้าท่ีหลากหลายเช่น กระตุ้นการทางานของเซลล์บีและเซลล์ทีชนิดอ่ืน ทาลายเซลลท์ ี่ ติดไวรัสและเซลล์ทผ่ี ิดปกตอิ น่ื ๆ บางกรณรี ่างกายอาจเกิดความผิดปกตขิ องระบบภูมิคุ้มกัน เชน่ ภูมิคุ้มกนั ตอบสนองต่อแอนตเิ จนบางชนิด อย่างรุนแรงมากเกินไป หรือร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อแอนติเจนของตนเองทาให้รา่ งการเกิดอาการผิดปกติ ได้ บคุ คลทไี่ ดร้ ับเลือด หรอื สารคดั หลัง่ ท่ีมเี ชื้อ HIV ซ่ึงสามารถทาลายเซลล์ทีทาใหร้ ะบบภูมิคมุ้ กันบกพร่องและติด เชื้อตา่ งๆได้งา่ ยขึ้น สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ - ทักษะการสงั เกต - ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู - ทักษะการสรา้ งแบบจาลอง
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกลมุ่ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ช้นิ งาน/ภาระงาน - ชนิ้ งานสาหรับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/1 ... งานกล่มุ Condo QR ระบบภูมคิ ุ้มกนั - ชิน้ งานสาหรับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/2-4/4 ... งานกลมุ่ (2-3 คน) Pop up ระบบภมู คิ ุม้ กัน - แบบทดสอบ เรื่อง การรกั ษาดุลยภาพของร่างกายมนุษย์ - สมดุ บนั ทึกและแบบฝึกหัดท้ายบท เรอ่ื ง การรักษาดลุ ยภาพของรา่ งกายมนษุ ย์ กจิ กรรมการเรียนรู้ (ชว่ั โมงท่ี 1-2 (120 นาที)) กจิ กรรมนาส่กู ารเรียน 1) ขั้นสร้างความสนใจ (5 นาที) 1.1 ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยนาภาพข่าวการแพร่ระบาดของโรคท่ีกาลังเป็นท่ีสนใจ เช่น โรคติดเชื้อไวรัส ซิก้า (ziga virus) โรคไขเ้ ลือดออก โรคติดเช้ือโควิด-19 หรือไขห้ วัดใหญ่ 1.2 ครูใหน้ ักเรยี นเกย่ี วกับสาเหตุ และการปอ้ งกนั จากนน้ั ครใู ชค้ าถาม ดงั นี้ 1) เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้อย่างไร เชื้อโรคและส่ิงแปลกปลอมที่ก่อให้เกิด อนั ตรายไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง 2) นกั เรยี นเคยป่วยเปน็ หวัดหรอื ไมแ่ ละนกั เรียนมวี ิธกี ารปฏบิ ตั ติ นอย่างไรใหร้ ่างกายกลบั มาเปน็ ปกติ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (60 นาท)ี 2.1 จากการอภิปรายนักเรียนควรบอกได้ว่าเชื้อโรคหรือส่ิงแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ทั้งทาง บาดแผล ผิวหนัง ช่องเปิดต่างๆในร่างกาย เช่น จมูก ปาก ตา เป็นต้น หรือการสัมผัสสารคัดหล่ัง เช่น น้าลาย นา้ มกู การหายใจ เช้อื โรคหรอื สง่ิ แปลกปลอมทอี่ าจกอ่ ให้เกดิ อันตรายได้แก่ ไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ รา เกสรดอกไม้ ฝุ่น สารพษิ เปน็ ต้น สาหรับการปฏบิ ัตติ นขนึ้ อยกู่ ับประสบการณข์ องนักเรียน 2.2 ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มละ 4-5 คน เพื่อทากิจกรรมให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับอวัยวะและเนื้อเย่ือที่ เกย่ี วขอ้ งกบั ระบบภมู ิคมุ้ กนั จากน้ันใช้คาถามใหน้ กั เรียนร่วมกันอภปิ ราย ดงั นี้ 1) เมื่อมีเชื้อโรคเช้าสู่ร่างกาย อวัยวะหรือเน้ือเย่ือใดบ้างท่ีมีหน้าท่ีป้องกันหรือกาจัดเชื้อโรคและสิ่ง แปลกปลอม
(มีจากการอภิปรายนักเรียนจะได้แนวคิดว่าโครงสร้างระบบภูมิคุ้มกันประกอบด้วยอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ต่อมทอนซิล ต่อมไทมัส ม้าม ต่อมน้าเหลือง คอยดักทาลายเช้ือโรค โดยมีกลไกต่อต้านและทาลายส่งิ แปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ และแบบจาเพาะ ) 2.3 ครูให้นักเรียนศึกษารูปการต่อต้านทาลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ และให้นักเรียนยกตัวอย่าง อวัยวะและสารทร่ี า่ งกายสรา้ งขึ้นซ่ึงมีสมบัติการทาลายเชื้อโรค 2.4 ครูให้นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับผิวหนังซ่ึงเป็นด่านแรกที่มีความสาคัญในการต่อต้านหรือทาลาย ส่ิงแปลกปลอม เพ่ือเชื่อมโยงถึงการขับของเหลวจากรขู ุมขนซึ่งทาหน้าท่ีต่อต้านทาลายเช้ือโรคส่ิงแปลกปลอมด้วย เชน่ กัน 2.5 ครูใช้ภาพบาดแผลท่ีมีหนอง หรือสิวอักเสบให้นักเรียนศึกษาแล้วตั้งคาถามให้นักเรียนแสดงความ คิดเหน็ ว่า แผลหรือสวิ อกั เสบมีลักษณะอย่างไร ของเหลวหรอื หนองเกิดไดอ้ ยา่ งไร (แผลหรือสิวอักเสบมีลักษณะบวม แดง ร้อน และมีอาการเจ็บ ส่วนหนองเกิดจากฟาโกไซต์ท่ีตายแล้วรวมตัวสะสมอยู่ บรเิ วณบาดแผลนนั้ ) 2.6 ครูให้นกั เรียนสบื คน้ เก่ียวกบั กระบวนการอกั เสบในประเดน็ ดังตอ่ ไปนี้ - เซลล์เม็ดเลือดขาวท่ีเก่ียวข้องกบั กระบวนการอกั เสบ - การลาเลียงสารขนาดใหญเ่ ขา้ สู่เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวดว้ ยวิธฟี าโกไซโทซสิ - อาการที่บ่งชีว้ า่ มีอาการอกั เสบเกดิ ขน้ึ 2.7 ครูใช้คาถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแล้วเช่ือมโยงเข้าสู่กลไกการต่อต้านหรือทาลายส่ิง แปลกปลอมแบบจาเพาะว่า ถ้าเช้ือโรคหรือส่ิงแปลกปลอมเข้าสู่เนื้อเย่ือหรือเซลล์ต่างๆของร่างกาย ร่างกายจะยัง ดาเนินกิจกรรมตา่ งๆได้ตามปกติหรือไม่ 2.8 ครูนาเข้าสู่เรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายโดยอาจนาข่าวหรือสถานการณ์การแพร่ระบาดของ เชือ้ โรคให้นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี 1) เหตุใดวัคซนี สาหรบั ป้องกันโรคไขห้ วดั ใหญ่สายพันธใ์ุ หม่จงึ ต้องฉีดเปน็ ประจาทกุ ปี 2) นักเรียนคดิ วา่ ไวรสั โรคไข้หวดั ใหญส่ ายพันธ์ใุ หม่นีเ้ ขา้ สู่ร่างกายได้อยา่ งไร 3) นักเรียนจะปฏิบตั ิตนอยา่ งไรในการปอ้ งกันไมใ่ หต้ นเองปว่ ยเปน็ โรคไขห้ วัดใหญส่ ายพันธใุ์ หม่ 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (35 นาที) 3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับกระบวนการอักเสบซึ่งเป็นการตอบสนองต่อเชื้อโรคหรือสิ่ง แปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ ซ่ึงกระบวนการอักเสบเกิดข้ึนโดยการทางานของเซลล์เม็ดเลือดขาวกลุ่ม ฟาโกไซต์ เช่น นิวโทรฟลิ และโมโนไซต์ เขา้ จับกนิ เชอื้ โรคจนสดุ ท้ายเซลล์เมด็ เลือดขาวท่ตี ายแล้วจะรวมตวั กันเปน็ หนองและ ถูกกาจดั ออกทางบาดแผล 3.2 ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะและหน้าที่ของเซลล์เม็ดเลือดขาวในสัตว์เล้ียง ลูกดว้ ยนา้ นม 3.3 ครใู หน้ กั เรยี นอธบิ ายและเขียนแผนผงั สรปุ กลไกการตอ่ ตา้ นและทาลายสง่ิ แปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ
3.4 จากการศกึ ษาและสืบค้นข้อมูลกลไกการต่อต้านหรือทาลายสงิ่ แปลกปลอมแบบจาเพาะ และนกั เรียน ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นนักเรียนควรสรุปได้ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกิดขากเชื้อโรคที่สามารถติดต่อได้ง่าย สามารถอยู่ใน สารคัดหลง่ั ของผู้ปว่ ย การไอ จามของผูป้ ่วยทาให้ไวรัสสามารถแพร่เข้าไปในรา่ งกายได้อีกท้ังยังเป็น เชือ้ ไวรัสที่สามารถกลายพันธุ์ไดง้ ่าย จงึ ต้องได้รบั การฉดี วัคซีนเพื่อป้องกนั เช้ือไขห้ วดั ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธ์ุ ไปเสมอ ส่วนวิธีการป้องกันได้แก่ การักษาสุขภาพด้วยการออกกาลังกาย รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงความเสยี่ งต่อการไดร้ ับเช้ือ กจิ กรรมรวบยอด 4) ขั้นขยายความรู้ (10 นาที) 4.1 ครูขยายความรู้โดยอธิบายเพิ่มเติมว่านอกจากกลไกการต่อต้านและทาลายสิ่งแปลกปลอมของ ร่างกายท่มี ีอยตู่ ามธรรมชาตแิ ล้วมนษุ ยย์ งั สามารถเสริมภมู คิ ุม้ กันขึ้นมาได้อีกด้วย 4.2 ครูให้นักเรียนศึกษารูป การสร้างภูมิคุ้มกันแล้วใช้คาถามว่า นักเรียนคิดว่าการสร้างภูมิคุ้มกันจากรูป เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนควรสรปุ ไดว้ ่า การสรา้ งภมู ิคุ้มกันในรูปแตกต่างกนั โดยรูป ก ลูกได้รับแอนติบอดโี ดยตรงจากน้านมแม่ ส่วนรูป ข เปน็ การฉีดวัคซีน ซงึ่ เปน็ การกระตนุ้ ใหร้ ่างกายสร้างแอนติบอดี แลว้ นาไปส่กู ารสรปุ วา่ การสร้างภมู ิค้มุ กนั ของร่างกายแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือภูมิคมุ้ กนั แบบรับมา และภมู ิค้มุ กันแบบกอ่ เอง) 4.3 ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับภูมิคุ้มกันแบบรับมาโดยศึกษาจากวีดิทัศน์ การผลิตเซรุม่ อาจใช้คาถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เพราะเหตุใดบางโรค เช่น โรคอีสุกอีใส โรคคางทูม เม่ือเป็นแล้ว จะไม่เปน็ ซ้าอกี หรือการท่นี กั เรียนไดร้ บั การฉีดวัคซนี ปอ้ งกนั โรคบางชนดิ ทาให้นกั เรยี นไมเ่ ปน็ โรคนนั้ 5) ข้นั ประเมนิ ผล (10 นาท)ี 1. ดา้ นความรู้ (K) ประเมนิ จาก 1. การทดสอบความรู้ (คาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภูมิค้มุ กนั ) 2. องค์ความรทู้ ี่นักเรียนสบื ค้นขอ้ มูลและจดบนั ทกึ 3. สรปุ และอภปิ รายผลการสืบค้นขอ้ มูล 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ จาก 1. กระบวนการทางาน (ความร่วมมือและมสี ว่ นร่วมในการทากิจกรรม) 2. ทักษะการนาเสนอผลงาน (การส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้) 3. ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) ประเมนิ จาก 1. การคิดวพิ ากษว์ จิ ารณ์ การคิดอยา่ งมเี หตุมผี ล การคดิ อย่างสร้างสรรค์ 2. การทางานร่วมกับผ้อู ื่น 3. ความสนใจใฝ่รู้ ใฝ่หา 4. การแสดงออกถงึ ความคดิ เหน็ 5. ความรบั ผดิ ชอบ
ส่ือ / แหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 2. สือ่ คลิปวดี โี อ ข่าวการแพร่ระบาดของโรคทีก่ าลงั เป็นทีส่ นใจ เช่น โรคติดเช้ือไวรสั ซิกา้ (ziga virus) โรคไขเ้ ลือดออก โรคตดิ เช้ือไวรัสโควดิ -19 หรอื ไขห้ วัดใหญ่ 3. สื่อนาเสนอ Power Point เรือ่ งระบบภูมคิ มุ้ กันและการดแู ลรักษาสขุ ภาพ 4. ฐานขอ้ มลู จาก internet/ คลงั สอื่ DLIT กจิ กรรมนาส่กู ารเรยี น (ช่ัวโมงที่ 3(60 นาท)ี ) 1) ข้นั สร้างความสนใจ (5 นาที) 1.1 ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เน้นกลไกต่อต้านหรือทาลายสิ่ง แปลกปลอมแบบจาเพาะ ครูใช้คาถามให้นักเรยี นอภปิ รายเกยี่ วกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกนั วา่ นักเรยี นคิด ว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถเกิดความผิดปกติได้หรือไม่ อย่างไร และยกตัวอย่างโรคที่เกิดจากความ ผิดปกตขิ องระบบภมู คิ มุ้ กนั ที่นักเรยี นรู้จกั กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (30 นาท)ี 2.1 ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มละ 3-4 คน เพื่อทากิจกรรมการสารวจโรคภูมิแพ้ โดยการสารวจเพ่ือนใน ห้องเรยี นโดยมปี ระเดน็ ดังน้ี - สารก่อภูมแิ พ้ - อาการแพ้ - วิธกี ารปอ้ งกนั หรอื หลกี เล่ียงสารก่อภูมิแพ้ 2.2 ครูให้นักเรียนทากิจกรรม เร่ืองความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน (โดยการสืบค้นข้อมูลล่วงหน้าจาก แหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบัน หรือหน่วยงานของรัฐ สถานพยาบาลต่างๆ) พร้อมนาเสนอหน้าช้ันเรียน จากน้ันตอบคาถามท้ายกจิ กรรม ดงั น้ี 1) การสมั ผัสเหง่อื นา้ ลายหรอื นา้ ตา ซงึ่ เป็นสารคัดหล่งั จากผปู้ ว่ ยทต่ี ิดเช้ือ HIV จะทาให้ตดิ เช้ือน้ี หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (ไม่ เพราะปริมาณเช้ือ HIV ทปี่ ะปนมากบั สารคัดหลง่ั เหล่านีม้ ปี ริมาณนอ้ ย ไมเ่ พยี งพอให้เกดิ การติดเชื้อได้ ) 3) ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป (10 นาที) 3.1 ครูและนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการสารวจจากกจิ กรรมการสารวจโรคภูมแิ พ้ของเพอ่ื นในชนั้ เรยี น 3.2 ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอ เรอื่ งความผิดปกติของระบบภูมคิ ุ้มกัน ในรปู แบบท่หี ลากหลาย
กจิ กรรมรวบยอด 4) ข้ันขยายความรู้ 10 นาท)ี 4.1 ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายคาตอบจากคาถามท้ายบท ดงั นี้ 1) เพราะเหตุใดผมู้ ีอาการทอ้ งเสียแพทยจ์ ะแนะนาให้ด่ืมน้าผสมผงละลายเกลือแร่ ORS แทนการ ดื่มนา้ สะอาด 2) การด่มื น้าท่มี สี ่วนผสมของเกลอื โซเดยี มคลอไรด์ หรอื อาหารรสเค็มจดั จะสง่ ผลต่อรา่ งกายอยา่ งไร 3) Hyperventilation syndrome หรือกลุ่มอาการหายใจเร็วกว่าปกติ คือภาวะท่ีผู้ป่วยจะ หายใจเร็วและลึกทาให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือดลดลงเลือดจึงมีความเป็นเบส เกิดการหดตัวของ หลอดเลือดที่ไปเล่ียงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด ตามัว หัวใจเต้นเร็ว ใจส่ัน มือเท้าเยน็ ชาตามแขนหรอื ขาหรือมอี าการเกรง็ นิ้วมือจบี เขา้ หากนั บางรายเปน็ ลมหมดสติ การปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ทาได้โดย ใช้ถุงครอบทง้ั ปากและจมกู เหตใุ ดจงึ ตอ้ งปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ เช่นน้ี 4) ถ้าร่างกายไม่สามารถรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิและความเป็นกรด-เบสของเลือดได้จะสง่ ผล ต่อร่างกายอย่างไร 5) เพราะเหตุใดผู้ที่ติดเชื้อ HIV จึงต้องรับประทานยาต้านเช้ือไวรัสและรักษาสุขภาพร่างกายอยู่ เสมอ 6) พฤติกรรมใดบ้างที่ส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย และนักเรียนมีวิธีปฏิบัติตนอย่างไร เพือ่ ใหม้ สี ขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรงอยู่เสมอ 7) จากกราฟแสดงการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันโดยการสร้างแอนติบอดีในเลือดเมื่อร่างกาย ได้รบั เชือ้ โรค A 7.1) จงอธบิ ายการเปลย่ี นแปลงระดบั แอนติบอดใี นเลือดจากกราฟช่วง ข. 7.2) ถ้าได้รับเชื้อโรค B คร้ังแรกในวันท่ี 35 การเปลี่ยนแปลงระดับแอนติบอดีในเลือด จะเป็นแบบชว่ งกราฟช่วง ก. หรอื ชว่ ง ข. จงอธบิ าย 5) ขั้นประเมนิ ผล (5 นาท)ี 5.1 ด้านความรู้ (K) ประเมินจาก 1. การทดสอบความรู้ 2. องค์ความรู้ท่ีนกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มูลและจดบันทึก 3. สรปุ และอภปิ รายผลการสบื คน้ ข้อมลู 5.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ จาก 1. กระบวนการทางาน (ความรว่ มมือและมีส่วนรว่ มในการทากิจกรรม) 2. ทกั ษะการนาเสนอผลงาน (โรคเกีย่ วกบั ระบบภมู ิคุม้ กนั และการดแู ลรกั ษาสุขภาพ)
5.3 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) ประเมินจาก 1. การคดิ วิพากษ์วิจารณ์ การคิดอยา่ งมีเหตมุ ผี ล การคดิ อยา่ งสร้างสรรค์ 2. การทางานรว่ มกับผอู้ ่ืน 3. ความสนใจใฝร่ ู้ ใฝ่หา 4. การแสดงออกถึงความคิดเหน็ สือ่ / แหล่งเรยี นรู้ 5. หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 6. สอ่ื คลปิ วดี ีโอ ขา่ วการแพร่ระบาดของโรคทก่ี าลงั เป็นท่ีสนใจ เชน่ โรคตดิ เชื้อไวรสั ซกิ า้ (ziga virus) โรคไข้เลือดออก โรคตดิ เชือ้ ไวรสั โควดิ -19 หรอื ไขห้ วดั ใหญ่ 7. สื่อนาเสนอ Power Point เรือ่ งระบบภมู ิคุม้ กนั และการดูแลรักษาสขุ ภาพ 8. ฐานข้อมูลจาก internet/ คลงั ส่ือ DLIT
การวดั และประเมนิ ผล วิธีการวัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ การผ่าน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตรวจใบกิจกรรม แบบประเมินกจิ กรรม คะแนน 4 หมายถึง ดีเยย่ี ม (K) อธบิ ายบทบาทของอวัยวะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี หรอื เน้ือเยื่อทที่ าหนา้ ทป่ี ้องกัน คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ และทาลายเช้อื โรคหรือส่งิ คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ แปลกปลอม ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป ถือว่าผ่าน (K) สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายสาเหตุ ตรวจใบกจิ กรรม แบบประเมนิ กิจกรรม คะแนน 4 หมายถงึ ดีเยย่ี ม อาการ แนวทางป้องกัน และ คะแนน 3 หมายถึง ดี การรกั ษาโรคทเ่ี กดิ จากความ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ ผิดปกติของระบบภูมคิ ุ้มกัน คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้ึนไป (K) สืบคน้ ข้อมูลอธบิ ายกลไก ตรวจใบกจิ กรรม แบบประเมนิ กจิ กรรม ถอื ว่าผ่าน ของภาวะภูมิคมุ้ กันบกพรอ่ งที่มี คะแนน 4 หมายถึง ดีเยยี่ ม สาเหตมุ าจากการติดเช้อื HIV คะแนน 3 หมายถึง ดี คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ (K) ระบุสาเหตแุ ละวธิ ีปอ้ งกัน ตรวจใบกจิ กรรม แบบประเมนิ กิจกรรม คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรงุ การตดิ เชอื้ HIV ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้ึนไป ถอื ว่าผ่าน (P) อธบิ ายและเขียนแผนผัง ประเมนิ การ ประเมนิ การนาเสนอ คะแนน 4 หมายถงึ ดีเยย่ี ม เกี่ยวกบั กลไกการตอ่ ต้านหรอื นาเสนอ ประเมินการนาเสนอ คะแนน 3 หมายถึง ดี คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ ทาลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่ คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ จาเพาะและแบบจาเพาะ ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ข้ึนไป ถือว่าผ่าน (P) นาเสนอขอ้ มลู จากการ ประเมนิ การ ผู้เรยี นไดร้ ะดบั คณุ ภาพ พอใช้ ขึ้นไป สืบคน้ และศึกษาเกี่ยวกับ นาเสนอ ถอื วา่ ผา่ น สาเหตุ อาการ แนวทางปอ้ งกัน ผเู้ รยี นไดร้ ะดับคุณภาพ พอใช้ ขึน้ ไป และการรักษาโรคท่ีเกดิ จาก ถือว่าผา่ น ความผิดปกติของระบบ ภูมิคมุ้ กัน
(P) นาเสนอข้อมลู จากการ ประเมินการ ประเมินการนาเสนอ ผเู้ รยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไป สืบค้นและศึกษาเกย่ี วกบั กลไก นาเสนอ แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ถือว่าผา่ น ของภาวะภูมิคุ้มกันบกพรอ่ งท่ีมี ผู้เรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ พอใช้ ข้ึนไป ถือว่าผา่ น สาเหตมุ าจากการติดเช้ือ HIV (A) มคี วามใฝ่เรียนรู้ สงั เกตพฤตกิ รรม
รายละเอยี ดเกณฑก์ ารประเมิน ประเด็นการประเมนิ นา้ หนัก 4 ระดับคุณภาพ 1 คะแนน 32 1. อธิบายบทบาทของอวยั วะ 1 อธิบายบทบาทของ อธบิ ายบทบาทของ อธบิ ายบทบาทของ อธบิ ายบทบาทของ หรือเนอ้ื เยอื่ ท่ที าหน้าท่ีปอ้ งกัน อวยั วะหรอื เนอ้ื เยอื่ ที่ อวัยวะหรอื เนอ้ื เยอื่ ที่ อวัยวะหรือเน้ือเยือ่ ท่ี อวัยวะหรือเนือ้ เย่อื และทาลายเชอ้ื โรคหรอื ส่ิง ทาหน้าทปี่ อ้ งกันและ ทาหนา้ ทปี่ อ้ งกันและ ทาหนา้ ทป่ี ้องกันและ ท่ีทาหนา้ ที่ป้องกนั แปลกปลอม ทาลายเชอื้ โรคหรอื สิง่ ทาลายเชื้อโรคหรือสง่ิ ทาลายเช้อื โรคหรอื ส่ิง และทาลายเชอื้ โรค แปลกปลอมได้ถูกต้อง แปลกปลอมถูกตอ้ ง แปลกปลอมถูกตอ้ ง หรอื ส่งิ แปลกปลอม เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเดน็ ไม่ถกู ตอ้ ง 2. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายสาเหตุ 2 อธิบายสาเหตุ อาการ อธบิ ายสาเหตุ อาการ อธิบายสาเหตุ อาการ อธิบายสาเหตุ อาการ แนวทางป้องกัน และ แนวทางป้องกัน และ แนวทางปอ้ งกนั และ แนวทางป้องกนั และ อาการ แนวทาง การรกั ษาโรคที่เกิดจากความ การรกั ษาโรคทเี่ กิด การรกั ษาโรคท่ีเกดิ การรักษาโรคท่ีเกิด ป้องกนั และการ ผดิ ปกติของระบบภมู คิ มุ้ กนั จากความผดิ ปกติของ จากความผดิ ปกติของ จากความผดิ ปกติของ รักษาโรคทเี่ กดิ จาก ระบบภมู ิคมุ้ กนั ได้ ระบบภมู คิ มุ้ กันถกู ต้อง ระบบภมู คิ มุ้ กันถกู ตอ้ ง ความผดิ ปกตขิ อง ถูกต้อง เปน็ ส่วนใหญ่ บางประเดน็ ระบบภมู คิ ุ้มกนั ไม่ ถกู ต้อง 3. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายกลไก 1 อธบิ ายกลไกของภาวะ อธิบายกลไกของภาวะ อธบิ ายกลไกของภาวะ อธิบายกลไกของ ของภาวะภูมคิ ุม้ กนั บกพร่องที่ ภูมคิ มุ้ กนั บกพร่องทีม่ ี ภูมิคมุ้ กนั บกพรอ่ งที่มี ภมู ิคุ้มกนั บกพร่องทม่ี ี ภาวะภมู ิคมุ้ กัน มีสาเหตมุ าจากการติดเชอื้ สาเหตมุ าจากการตดิ สาเหตุมาจากการตดิ สาเหตุมาจากการตดิ บกพร่องท่ีมีสาเหตุ HIV เชื้อ HIV ได้ถกู ตอ้ ง เชอื้ HIV ถกู ต้องเปน็ เชื้อ HIV ถกู ต้องบาง มาจากการติดเช้อื สว่ นใหญ่ ประเดน็ HIV ไม่ถกู ตอ้ ง 4. ระบสุ าเหตุและวธิ ีป้องกนั 1 ระบุสาเหตุและวธิ ี ระบสุ าเหตแุ ละวธิ ี ระบสุ าเหตุและวธิ ี ระบสุ าเหตแุ ละวธิ ี การติดเชอื้ HIV ปอ้ งกนั การตดิ เช้ือ ป้องกันการตดิ เช้อื ปอ้ งกนั การตดิ เช้ือ ปอ้ งกันการติดเช้อื HIV ไดถ้ ูกต้อง HIV ถูกตอ้ งเปน็ สว่ น HIV ถูกต้องบาง HIV ไมถ่ ูกตอ้ ง ใหญ่ ประเด็น เกณฑ์การตัดสนิ ระดับ 4 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดีเยี่ยม ระดับ 3 หมายถงึ มีระดับคุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มีระดับคุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดร้ ะดบั 3 ขน้ึ ไป ร้อยละ 60 ถอื วา่ ประสบผลสาเร็จในการสอน
บนั ทึกผลหลังการการเรียนรู้ ขอ้ สังเกต / ขอ้ ค้นพบ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. แนวทางแก้ไขเพื่อการปรับปรุงพฒั นา ............................................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ผลการพัฒนา (บันทึกหลังจากทีไ่ ด้พัฒนาผ้เู รยี นดว้ ยวธิ ีการต่างๆแล้ว) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ...............................................ครผู ูส้ อน (นางสาวเสาวลกั ษณ์ ตอโนนสูง) ............./................../.............. ภาคผนวก - เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการวดั ประเมนิ ผล - ใบงาน / ใบกิจกรรม - แนวคาตอบของใบงาน / ใบกจิ กรรม - แบบบันทกึ การประเมนิ ต่าง ๆ - หากในช่วั โมงนน้ั มแี บบทดสอบให้ใส่แบบทดสอบพรอ้ มเฉลย ด้วย
แบบประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นรายบคุ คล ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นร้วู นั ที่.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ระดับ ที่ ช่ือ – สกลุ ความต้งั ใจ ความสนใจ การตอบ มสี ว่ นร่วมใน (16) คุณภาพ ในการเรยี น และการ คาถาม กิจกรรม (4) 1 นายไทยทศั น์ ภูนสุวรรณ์ ซักถาม (4) 2 นายพรี ะพัฒน์ เจงิ ชยั ภูมิ (4) (4) 3 นายวรากร ธรรมวงค์ 4 นายรชั ชานนท์ เมธสี ทิ ธกิ ลุ 5 นางสาวปรษิ ญา ประสิทธ์ิ 6 นางสาวพทั ธธ์ รี า ต่อมคา 7 นางสาวจุฬารตั น์ พทุ ธวงค์ 8 นางสาวณฐั ณชิ า ปญั ญาอิน่ แก้ว 9 นางสาวณฐั ธิดา สทุ ธะ 10 นางสาวปรยิ ากร จองรัตน์ 11 นางสาวมณฑิตา บวั เสี้ยว 12 นางสาวอรจริ า ศรอี ่อน 13 นางสาวจริญาภรณ์ กุมกนั 14 นางสาวชญานศิ วงคจ์ กั ร 15 นางสาวสุดารัตน์ วิชา 16 นางสาวเฌอกาญจน์ ปญั ญาสุ เกณฑ์การให้คะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย ลงชือ่ ................................................................ผ้ปู ระเมนิ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ...................../..................../................... 14-16 ดมี าก 11-13 ดี เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ดงั น้ี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน นักเรยี นทีไ่ ดร้ ะดับคุณภาพพอใชข้ นึ้ ไป ถือว่า ผา่ น
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นรายบุคคล ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นร้วู ันท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ระดับ มีสว่ นรว่ มใน (16) คุณภาพ ท่ี ชือ่ – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ ในการเรยี น และการ คาถาม กจิ กรรม (4) 1 นายชัยภัส พาลพล ซกั ถาม (4) 2 นายกติ ติพงษ์ ธรรมวงค์ (4) (4) 3 นายประสพโชค แซ่ลี 4 นายธชั นนท์ แก้วระกา 5 นายกฤศธชั เปรมทอง 6 นายธีรภัทร พงศ์พชร 7 นายณัชพล สมโรย 8 นายนนทพัทธ์ ว่ิงพิมาย 9 นายวราวธุ กมุ กนั 10 นางสาว ญาณิศา จันทิมา 11 นางสาว ประวีณา ธะนะ 12 นางสาว รัตนมณี แตงออ่ น 13 นางสาว เออื้ อังกรู หลใี จ 14 นางสาวจิรภิญญา ปญั ญาอิ่นแกว้ 15 นางสาวเจนจริ า เมืองมลู 16 นางสาวปราญชลี เมืองใจ 17 นางสาวฐิตพิ ร บุญแก้ว 18 นางสาวฐิตนิ ันท์ ก้อนศรีลา 19 นางสาวพรรณกาญจน์ ตากองค์ 20 นางสาวอชริ ญา ท่าล้อ เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย ลงช่อื ................................................................ผ้ปู ระเมนิ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ...................../..................../................... 14-16 ดมี าก 11-13 ดี เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดงั น้ี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑก์ ารสรปุ ผลการประเมิน นักเรยี นท่ีไดร้ ะดบั คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป ถือว่า ผา่ น
แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมนกั เรียนรายบุคคล ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรวู้ นั ท่ี.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑก์ ารให้คะแนน รวม ระดับ มสี ว่ นรว่ มใน (16) คุณภาพ ท่ี ชือ่ – สกุล ความต้งั ใจ ความสนใจ การตอบ ในการเรยี น และการ คาถาม กจิ กรรม (4) 1 นายวีรยุทธ พงศพ์ ชั ร ซักถาม (4) 2 นายจารุวัฒน์ แซ่ซิว (4) (4) 3 นายทติ ินันต์ ปอแสง 4 นายสมศักดิ์ แซห่ ยิ่ง 5 นายสุรตั น์ แซเ่ หอ้ 6 นายนคเรศ แซย่ ่าง 7 นายวรเวช ลี 8 นายไชยวัฒน์ ยเู บีย 9 นางสาวพัณณิตา ยอดมณีบรรพต 10 นางสาวรจุ ฬิ า กลู ตะ๊ 11 นางสาวภูมณิ ัฐดา ธนสธิ เทพธิฤทธิ์ 12 นางสาวภัสดา มาเยอะ 13 นางสาวณชิ กมล แซท่ ่อ 14 เด็กหญงิ พรรณราย เหลก็ ดี 15 นางสาวภัทรชิราภรณ์ ใจบญุ มา 16 นางสาวกนกวรรณ นะลี 17 นางสาวหม่จี ู แซเ่ หมา 18 นางสาววิชดุ า แซ่เฮอ้ 19 นางสาวรชั ฎาภรณ์ หมั่นพฒั นาการ ลงชอ่ื ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั ตารางแนบท้าย เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดังน้ี ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารสรุปผลการประเมิน 14-16 ดีมาก นกั เรยี นทไี่ ดร้ ะดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึ้นไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรงุ
แบบประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนรายบุคคล ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/4 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรวู้ ันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม ระดับ ที่ ชื่อ – สกลุ ความตง้ั ใจ ความสนใจ การตอบ มีส่วนร่วมใน (16) คุณภาพ ในการเรียน และการ คาถาม กจิ กรรม (4) 1 นายนรวิชญ์ จนั ตะ๊ นาเขต ซกั ถาม (4) 2 นายสุวนิ ัย ไชยชนะ (4) (4) 3 นายขจรเกียรติ ขันธพนั ธ์ 4 นายจกั รพรรดิ์ รู้อา่ น 5 นายจิรวฒั น์ ปงิ เมือง 6 นายฐิติกร นันทะเสน 7 นายพงศธร เตชะนนั ท์ 8 นายมานะ นันทะเสน 9 นายปิยะวัฒน์ ผะกา่ คาแหลง 10 นายศาศวตั พลยทุ ธศาสตร์ 11 นายสุภัทร อนิ ถานา 12 นายฐติ ิวฒุ ิ จอมลนุ 13 นายวชั รพงค์ มลู บวั ภา 14 นายสงกรานต์ สริ ภิ มู ิ เกณฑ์การให้คะแนนดงั ตารางแนบทา้ ย ลงช่ือ................................................................ผ้ปู ระเมนิ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ...................../..................../................... 14-16 ดีมาก 11-13 ดี เกณฑก์ ารประเมนิ ในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดงั น้ี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์การสรุปผลการประเมิน นกั เรยี นท่ไี ด้ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึน้ ไป ถือว่า ผา่ น
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นรายบุคคล ประเด็นการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรงุ (1) 1. ความตั้งใจใน การเรียน สนใจในการเรียนไมค่ ยุ สนใจในการเรียนคุยกนั สนใจในการเรียนคุยกนั ไมส่ นใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกันในขณะเรยี น เล็กน้อยในขณะเรยี น และเลน่ กันในขณะเรยี น คยุ และเล่นกนั ในขณะ และการซกั ถาม เปน็ บางครง้ั เรยี น 3. การตอบ คาถาม มกี ารถามในหัวขอ้ ท่ีตนไม่ มีการถามในหัวขอ้ ท่ีตน มีการถามในหวั ขอ้ ทตี่ น ไมถ่ ามในหัวข้อทีต่ น 4. มสี ่วนร่วมใน เขา้ ใจทุกเรือ่ งและกล้า ไมเ่ ขา้ ใจเป็นสว่ นมาก ไม่เข้าใจเปน็ บางคร้งั ไมเ่ ขา้ ใจและไม่กลา้ กิจกรรม แสดงออก และกลา้ แสดงออก และไม่คอ่ ยกลา้ แสดงออก แสดงออก รว่ มตอบคาถามในเรือ่ งที่ รว่ มตอบคาถามในเร่อื ง รว่ มตอบคาถามในเรื่อง ไม่ตอบคาถาม ครถู ามและตอบคาถามถูก ทีค่ รถู ามและตอบ ทคี่ รูถามเปน็ บางครัง้ ทกุ ข้อ คาถามสว่ นมากถูก และตอบคาถามถกู เป็น บางคร้ัง ร่วมมือและช่วยเหลือ รว่ มมอื และช่วยเหลอื รว่ มมอื และชว่ ยเหลือ ไม่มีความร่วมมือ เพื่อนในการทากจิ กรรม เพอ่ื นเปน็ สว่ นใหญใ่ น เพอื่ นในการทากิจกรรม ในขณะทากิจกรรม การทากจิ กรรม เปน็ บางครั้ง
แบบประเมินชน้ิ งาน Condo QR เรอ่ื ง ระบบภมู คิ ุ้มกนั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4/1 คาช้แี จง ใหค้ รูผ้สู อนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว้ ให้ทาเคร่ืองหมาย ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับคะแนน การบรรยาย ความ ความสวยงาม ความถกู ต้อง การตรงต่อ รวม จดุ ประสงค์ ครอบคลมุ การตกแต่ง เวลา 20 ที่ ชอ่ื – สกุล ของเนือ้ หา ชิน้ งาน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 1 นายไทยทศั น์ ภนู สุวรรณ์ 2 นายพรี ะพฒั น์ เจิงชัยภูมิ 3 นายวรากร ธรรมวงค์ 4 นายรัชชานนท์ เมธีสิทธิกุล 5 นางสาวปริษญา ประสทิ ธ์ิ 6 นางสาวพัทธ์ธรี า ตอ่ มคา 7 นางสาวจุฬารตั น์ พุทธวงค์ 8 นางสาวณัฐณิชา ปัญญาอ่ินแกว้ 9 นางสาวณฐั ธิดา สุทธะ 10 นางสาวปริยากร จองรตั น์ 11 นางสาวมณฑติ า บัวเสยี้ ว 12 นางสาวอรจิรา ศรีอ่อน 13 นางสาวจรญิ าภรณ์ กุมกนั 14 นางสาวชญานิศ วงค์จกั ร 15 นางสาวสดุ ารตั น์ วชิ า 16 นางสาวเฌอกาญจน์ ปัญญาสุ ลงชอ่ื ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน 18-20 ดมี าก ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 10
แบบประเมนิ ชน้ิ งาน Pop Up เรือ่ ง ระบบภูมคิ มุ้ กัน ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4/2 คาชแ้ี จง ใหค้ รผู สู้ อนประเมนิ ใบงานของนักเรียนแล้วใหท้ าเคร่ืองหมาย ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับคะแนน การบรรยาย ความ ความสวยงาม ความถกู ต้อง การตรงตอ่ รวม จุดประสงค์ ครอบคลุม การตกแตง่ เวลา 20 ที่ ชื่อ – สกลุ ของเนอ้ื หา ช้ินงาน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 1 นายชัยภสั พาลพล 2 นายกติ ติพงษ์ ธรรมวงค์ 3 นายประสพโชค แซล่ ี 4 นายธชั นนท์ แกว้ ระกา 5 นายกฤศธชั เปรมทอง 6 นายธีรภทั ร พงศ์พชร 7 นายณชั พล สมโรย 8 นายนนทพัทธ์ วิ่งพิมาย 9 นายวราวธุ กุมกัน 10 นางสาว ญาณศิ า จนั ทิมา 11 นางสาว ประวณี า ธะนะ 12 นางสาว รตั นมณี แตงออ่ น 13 นางสาว เอ้อื องั กูร หลใี จ 14 นางสาวจริ ภญิ ญา ปัญญาอ่ินแกว้ 15 นางสาวเจนจริ า เมืองมลู 16 นางสาวปราญชลี เมอื งใจ 17 นางสาวฐติ ิพร บุญแก้ว 18 นางสาวฐิตินันท์ ก้อนศรีลา 19 นางสาวพรรณกาญจน์ ตากองค์ 20 นางสาวอชริ ญา ท่าล้อ ลงชื่อ................................................................ผู้ประเมนิ ...................../..................../................... เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 18-20 ดมี าก ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรับปรงุ
แบบประเมนิ ชิ้นงาน Pop Up เรื่อง ระบบภูมิคุ้มกัน ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/3 คาชี้แจง ให้ครผู ู้สอนประเมนิ ใบงานของนักเรียนแล้วใหท้ าเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดับคะแนน การบรรยาย ความ ความสวยงาม ความถกู ตอ้ ง การตรงตอ่ รวม จุดประสงค์ ครอบคลมุ การตกแต่ง เวลา 20 ที่ ชอ่ื – สกลุ ของเน้อื หา ชิ้นงาน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 1 นายวีรยทุ ธ พงศพ์ ัชร 2 นายจารวุ ัฒน์ แซซ่ วิ 3 นายทติ นิ นั ต์ ปอแสง 4 นายสมศกั ด์ิ แซ่หย่งิ 5 นายสรุ ตั น์ แซเ่ หอ้ 6 นายนคเรศ แซย่ ่าง 7 นายวรเวช ลี 8 นายไชยวัฒน์ ยเู บีย 9 นางสาวพณั ณติ า ยอดมณบี รรพต 10 นางสาวรุจฬิ า กลู ต๊ะ 11 นางสาวภมู ิณฐั ดา ธนสธิ เทพธฤิ ทธิ์ 12 นางสาวภัสดา มาเยอะ 13 นางสาวณิชกมล แซ่ทอ่ 14 เดก็ หญงิ พรรณราย เหล็กดี 15 นางสาวภัทรชิราภรณ์ ใจบญุ มา 16 นางสาวกนกวรรณ นะลี 17 นางสาวหมีจ่ ู แซ่เหมา 18 นางสาววชิ ุดา แซ่เฮอ้ 19 นางสาวรัชฎาภรณ์ หมั่นพฒั นาการ ลงชอื่ ................................................................ผู้ประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ...................../..................../................... เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ ชิ้นงาน Pop Up เรื่อง ระบบภูมิคุ้มกัน ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/4 คาชีแ้ จง ให้ครผู ้สู อนประเมนิ ใบงานของนักเรียนแล้วใหท้ าเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดับคะแนน การบรรยาย ความ ความสวยงาม ความถกู ตอ้ ง การตรงตอ่ รวม จุดประสงค์ ครอบคลมุ การตกแต่ง เวลา 20 ที่ ชื่อ – สกลุ ของเน้อื หา ชิ้นงาน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 คะแนน 1 นายนรวิชญ์ จนั ตะ๊ นาเขต 2 นายสุวนิ ัย ไชยชนะ 3 นายขจรเกยี รติ ขนั ธพันธ์ 4 นายจกั รพรรดิ์ รอู้ ่าน 5 นายจริ วัฒน์ ปิงเมือง 6 นายฐติ กิ ร นนั ทะเสน 7 นายพงศธร เตชะนันท์ 8 นายมานะ นันทะเสน 9 นายปยิ ะวัฒน์ ผะก่าคาแหลง 10 นายศาศวัต พลยุทธศาสตร์ 11 นายสภุ ทั ร อินถานา 12 นายฐิตวิ ฒุ ิ จอมลุน 13 นายวชั รพงค์ มลู บวั ภา 14 นายสงกรานต์ สริ ภิ ูมิ ลงชอื่ ................................................................ผู้ประเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 3 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 14-17 ดี ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน 10-13 พอใช้ ปรบั ปรุง ต่ากวา่ 10
เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ชน้ิ งาน Condo QR &Pop Up เร่อื ง ระบบภูมิคมุ้ กนั ประเด็นการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมิน 4 3 21 การบรรยาย บรรยายเก่ยี วกบั บรรยายเกย่ี วกับ บรรยายเกย่ี วกบั บรรยายเก่ียวกบั จดุ ประสงค์ จุดประสงค์ในการ จดุ ประสงค์ในการ จุดประสงคใ์ นการ จดุ ประสงค์ในการ สรา้ งสรรคผ์ ลงานได้ สรา้ งสรรคผ์ ลงานได้ สรา้ งสรรคผ์ ลงานได้ สร้างสรรคผ์ ลงานได้ ถูกต้อง ชัดเจน ถูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ถกู ต้องเป็นบางสว่ น ถกู ตอ้ งเพียงส่วนนอ้ ย ความครอบคลุม การนาเสนอเป็นไป การนาเสนอเปน็ ไป การนาเสนอเป็นไป การนาเสนอเป็นไป ของเนื้อหา ตามลาดบั ข้ันตอน ความ ตามลาดบั ขนั้ ตอน ความ ตามลาดับขน้ั ตอน ความ ตามลาดบั ขน้ั ตอน ถูกตอ้ งของเนือ้ หา 100% ถูกต้องของเนอ้ื หา 80% ถูกต้องของเนื้อหา 70% ความถูกตอ้ งของ เน้อื หา 50% ความสวยงาม ใชเ้ คร่ืองหมาย รปู ภาพ ใชเ้ คร่อื งหมาย รูปภาพ ใชเ้ ครอ่ื งหมาย รูปภาพ ไมไ่ ด้ใช้เครอ่ื งหมาย การตกแต่ง สมการ สัญลักษณแ์ ทนกฎ สมการ สญั ลกั ษณแ์ ทน สมการ สัญลกั ษณแ์ ทน รูปภาพ สมการ ทฤษฎี หลักการ กฎ ทฤษฎี หลกั การ กฎ ทฤษฎี หลกั การ สญั ลักษณ์แทนกฎ ชนิ้ งาน นิยามต่างๆ ไดถ้ กู ตอ้ งและ นยิ ามต่างๆ ไดถ้ กู ต้อง นยิ ามตา่ งๆ ไดไ้ มถ่ กู ต้อง ทฤษฎี หลกั การ ครบถว้ น แตไ่ ม่ครบถว้ น และไมค่ รบถ้วน นยิ ามต่างๆ ความถกู ตอ้ ง ใช้สที ช่ี ว่ ยจดจา เพลนิ ตา ใชส้ ีท่ีช่วยจดจา เพลนิ ใช้สที ่ชี ว่ ยจดจา เพลนิ ไมไ่ ดใ้ ช้สีที่ช่วยจดจา สีเดียวตลอด แต่ละสไี ม่ซ้า ตา สเี ดยี วตลอด บางสี ตา แตส่ เี ดยี วกัน เพลินตา กนั ซ้ากนั ความตรงตอ่ สง่ งานครบถ้วนตรงตาม ส่งงานครบถ้วนแต่ชา้ สง่ งานครบถ้วนแต่ช้า สง่ งานครบถ้วนแต่ชา้ เวลา เวลาทีก่ าหนด กวา่ เวลาทกี่ าหนด กวา่ เวลาท่กี าหนด กว่าเวลาทกี่ าหนด 5 1-2 วนั 3-4 วัน วันขน้ึ ไปหรอื ไม่สง่
แบบประเมนิ สมดุ บันทึกและแบบฝกึ หัดทา้ ยบท เรือ่ ง การรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายมนษุ ย์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4/1 คาชแ้ี จง ใหค้ รผู สู้ อนประเมนิ ใบงานของนักเรียนแลว้ ให้ทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดับคะแนน การบรรยาย ความ ความ ความถูกต้อง การตรงต่อ รวม จุดประสงค์ ครอบคลุม สวยงามการ เวลา 20 ท่ี ชือ่ – สกลุ ของเน้อื หา คะแนน ตกแตง่ ชน้ิ งาน 43214321432143214321 1 นายไทยทัศน์ ภนู สวุ รรณ์ 2 นายพรี ะพัฒน์ เจิงชยั ภมู ิ 3 นายวรากร ธรรมวงค์ 4 นายรัชชานนท์ เมธสี ทิ ธกิ ุล 5 นางสาวปริษญา ประสทิ ธิ์ 6 นางสาวพัทธธ์ รี า ตอ่ มคา 7 นางสาวจุฬารตั น์ พุทธวงค์ 8 นางสาวณัฐณชิ า ปัญญาอิ่นแกว้ 9 นางสาวณฐั ธิดา สุทธะ 10 นางสาวปริยากร จองรตั น์ 11 นางสาวมณฑิตา บัวเสย้ี ว 12 นางสาวอรจิรา ศรอี ่อน 13 นางสาวจรญิ าภรณ์ กุมกนั 14 นางสาวชญานศิ วงค์จักร 15 นางสาวสดุ ารตั น์ วิชา 16 นางสาวเฌอกาญจน์ ปญั ญาสุ ลงชอื่ ................................................................ผูป้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน 18-20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ปรับปรุง ตา่ กวา่ 10
แบบประเมิน สมดุ บันทึกและแบบฝึกหดั ท้ายบท เรือ่ ง การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกายมนษุ ย์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 คาชี้แจง ให้ครูผู้สอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแล้วใหท้ าเคร่อื งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน การบรรยาย ความ ความ ความถกู ตอ้ ง การตรงต่อ รวม จดุ ประสงค์ ครอบคลุม สวยงามการ เวลา 20 ท่ี ช่ือ – สกลุ ของเนอื้ หา คะแนน ตกแต่ง ช้ินงาน 43214321432143214321 1 นายชัยภสั พาลพล ลงช่อื ................................................................ผู้ประเมนิ 2 นายกิตตพิ งษ์ ธรรมวงค์ 3 นายประสพโชค แซล่ ี ...................../..................../................... 4 นายธัชนนท์ แกว้ ระกา 5 นายกฤศธชั เปรมทอง เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ 6 นายธรี ภทั ร พงศพ์ ชร 7 นายณชั พล สมโรย ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 8 นายนนทพัทธ์ วง่ิ พิมาย 18-20 ดีมาก 9 นายวราวุธ กุมกัน 14-17 ดี 10 นางสาว ญาณิศา จันทิมา 10-13 พอใช้ 11 นางสาว ประวีณา ธะนะ ปรบั ปรุง 12 นางสาว รัตนมณี แตงอ่อน ต่ากว่า 10 13 นางสาว เอ้อื อังกูร หลีใจ 14 นางสาวจริ ภิญญา ปัญญาอิน่ แกว้ 15 นางสาวเจนจริ า เมืองมลู 16 นางสาวปราญชลี เมืองใจ 17 นางสาวฐิตพิ ร บุญแก้ว 18 นางสาวฐิตนิ ันท์ กอ้ นศรีลา 19 นางสาวพรรณกาญจน์ ตากองค์ 20 นางสาวอชริ ญา ท่าล้อ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375